Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_81

tripitaka_81

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:45

Description: tripitaka_81

Search

Read the Text Version

พระอภิธรรมปฎก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 101 อรรถกถาฉคติกถา วา ดวย คติ ๖ บัดน้ี ช่ือวาเรอื่ งคติ ๖. ในเรื่องนน้ั ชนเหลา ใดมคี วามเหน็ ผิดดจุลทั ธขิ องนกิ ายอนั ธกะ และอตุ ตราปถกะทัง้ หลายวา คตมิ ี ๖ รวมทงั้อสรุ กาย ดงั น้ี คาํ ถามของสกวาทีหมายถงึ ชนเหลา นั้น คําตอบรับรองเปนของปรวาท.ี ลาํ ดบั นน้ั สกวาที เพือ่ จะทวงดว ยสามารถแหง คติทั้งหลายท่ีพระผูมพี ระภาคเจา ทรงกําหนดไวในเรือ่ งโลมหังสนสตู รวา ดูกอ นสารีบุตร คติ ๕ เหลา นีแ้ ลมีอยู ดังนี้ จึงกลา ววา พระผมู พี ระภาคเจาตรัสคติไว ๕ มิใชห รือ เปนตน ปรวาทีตอบรับรองเพราะกลัวผดิ จากพระสตู ร. ถามวา กเ็ พราะเหตุไร สกวาทีจงึ ไมร บั รองคติ ๖ แมอสุรกายทานก็สงเคราะหเขาในอบายภูมิ ดังคําน้วี า พระอรยิ เจา พน แลว จากอบายท้ัง ๔ ดงั น้ี มใิ ชห รอื ? แกวา ทานสงเคราะหอ สุรกายไวใ นขอ นน้ัก็จรงิ ถงึ อยางนน้ั ก็ไมจ ดั เปนคต.ิ ถามวา เพราะเหตไุ ร ? แกวา เพราะไมมีคติสวนหนง่ึ ตา งหาก. จรงิ อยู พวกอสูรช่ือวากาลกญั ชกิ าในจาํ พวกอสุรกาย ทานสงเคราะหเ ขาในคติแหง เปรต. บริษัทของทาวเวปจิตติทา นสงเคราะหเขา ในคติแหง พวกเทพ. คําวา อสรุ กาย น้ี ช่อื วาเปนสวนหนึง่ ตา งหากยอ มไมม.ี บดั น้ี สกวาทีจึงเริ่มคําวา อสูรพวกกาลกญั ชิกา เปน ตน เพอ่ื จะแสดงอรรถอยางเดียวกนั น้ันนั่นแหละ. ในคําเหลา น้ัน คําวา สมานวณณฺ าไดแ ก มรี ปู รางสณั ฐานอยางเดยี วกัน. คาํ วา มรี ปู รา งนา เกลยี ด ไดแกมีรูปพกิ าร มีลักษณะชัว่ . คําวา มกี ารเสวยอารมณอยางเดยี วกนั ไดแ ก

พระอภธิ รรมปฎ ก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 102มีการประพฤตใิ นเมถนุ ธรรมเชนเดียวกนั . คาํ วา มี อาหารอยางเดียวกันไดแก มอี าหาร มีน้าํ ลาย น้าํ มกู น้ําเหลืองและเลอื ดเปนตน อยางเดยี วกัน.คําวา มีอายุเทา กัน ไดแ ก มกี ารกําหนดอายเุ หมอื นกนั . คําวา อาวาหะและววิ าหะ ไดแก การรับหญิงสาว และการใหห ญิงสาว. ในฝายเทพเจา สุกฺกปกเฺ ข ในพวกคณุ งามความดี คาํ วา มีรปู รา งเหมือนกัน ไดแ ก เปนผูมรี ปู รางสวยงามเชน เดียวกนั ถงึ พรอ มดวยรศั มี อันนํามาซง่ึ ความเลื่อมใสนา ทัศนา คอื นา รักนาด.ู คําวา มกี ารเสวยอารมณอ ยา งเดยี วกัน ไดแ ก มกี ารบรโิ ภคกามคณุ ๕ เหมอื นกนั . คาํ วามอี าหารอยา งเดยี วกนั ไดแ ก อาหารมสี ธุ าโภชนเปน ตนเหมือนกัน.คําท่ีเหลือมนี ยั ดังกลาวมาแลว ทั้งน้ัน. คาํ วา มอี สรุ กายมิใชหรอื นี้ เปนการสาํ เร็จประโยชนแตเ พียงวา อสูรกายมอี ยเู ทาน้ัน แตไ มสําเรจ็ วาเปนคตขิ องอสรุ กายน้ัน เพราะไมม ีการกําหนดคตขิ องอสรุ กายไวส ว นหนง่ึดงั นแี้ ล. อรรถกถาฉคตกิ ถา จบ

พระอภิธรรมปฎ ก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 103 อันตราภวกถา [๑๑๙๘] สกวาที อนั ตราภพ๑ มีอยูห รือ ? ปรวาที ถูกแลว. ส. เปน กามภพ หรือ ? ป. ไมพงึ กลาวอยา งนัน้ ฯลฯ ส. อันตราภพมอี ยหู รอื ? ป. ถกู แลว . ส. เปน รปู ภพหรอื ? ป. ไมพ ึงกลา วอยา งนน้ั ฯลฯ ส. อนั ตราภพมีอยหู รือ ? ป. ถกู แลว. ส. เปน อรูปภพหรือ ? ป. ไมพงึ กลาวอยา งนน้ั ฯลฯ [๑๑๙๙] ส. อนั ตราภพมีอยูหรอื ? ป. ถูกแลว . ส. อนั ตราภพมีอยใู นระหวางกามภพและรปู ภพหรือ ? ป. ไมพงึ กลา วอยางนั้น ฯลฯ ส. อันตราภพมีอยูห รอื ? ป. ถกู แลว . ส. อนั ตราภพมีอยูใ นระหวางรปู ภพและอรูปภพหรอื ? ป. ไมพึงกลา วอยางนนั้ ฯลฯ [๑๒๐๐] ส. อันตราภพไมม ีอยูใ นระหวางกามภพและรูปภพหรือ ?๑. ภพในระหวาง.

พระอภธิ รรมปฎก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 104 ป. ถูกแลว . ส. หากวา อนั ตราภพไมมีอยใู นระหวางกามภพและรปู ภพ ก็ตอ งไมก ลา ววา อนั ตราภพมอี ย.ู ป. อันตราภพไมม อี ยใู นระหวา งรูปภพกบั อรปู ภพหรือ ? ส. ถกู แลว. ป. หากวา อนั ตราภพไมมอี ยใู นระหวางรปู ภพกับอรปู ภพกต็ อ งไมกลาววา อันตราภพมอี ย.ู [๑๒๐๑] ส. อนั ตราภพมีอยูหรือ ? ป. ถูกแลว . ส. อนั ตราภพนนั้ เปน กาํ เนดิ ที่ ๕ เปนคตทิ ่ี ๖ เปนวิญญาณฐิตทิ ี่ ๘ เปนสัตตาวาสที่ ๑๐ หรือ ? ป. ไมพงึ กลา วอยางนั้น ฯลฯ ส. อนั ตราภพมอี ยหู รอื ? ป. ถูกแลว. ส. อนั ตราภพ เปน ภพ เปนคติ เปนสตั ตาวาส เปน สงสารเปนกาํ เนดิ เปน วญิ ญาณฐิติ เปน การไดอ ัตภาพ หรือ ? ป. ไมพ ึงกลา วอยางน้ัน ฯลฯ ส. กรรมอันยงั สตั วใ หเขา ถึงอนั ตราภพมีอยู หรือ ? ป. ไมพึงกลา วอยา งน้นั ฯลฯ ส. สัตวผ เู ขา ถงึ อนั ตราภพมีอยู หรอื ? ป. ไมพงึ กลา วอยา งนน้ั ฯลฯ ส. สตั วท้งั หลาย เกดิ อยู แกอ ยู ตายอยู จตุ อิ ยู ใน

พระอภธิ รรมปฎก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 105อันตราภพหรือ ? ป. ไมพึงกลา วอยางนนั้ ฯลฯ ส. รูป เวทนา สญั ญา สังขาร วิญญาณ มใี นอันตราภพหรอื ? ป. ไมพึงกลา วอยา งนน้ั ฯลฯ ส. อนั ตราภพเปน ปญจโวการภพหรือ ? ป. ไมพ ึงกลา วอยา งนน้ั ฯลฯ [๑๒๐๒] ส. กามภพมอี ยู กามภพ เปนภพ เปนคติ เปน สตั ตาวาสเปน สงสาร เปน กําเนิด เปนวญิ ญาณฐิติ เปนการไดอตั ภาพ หรอื ? ป. ถกู แลว. ส. อันตราภพมอี ยู อันตราภพ เปน ภพ เปน คติ เปนสตั ตาวาส เปนสงสาร เปน กาํ เนิด เปนวิญญาณฐิติ เปน การไดอ ตั ภาพหรือ ? ป. ไมพงึ กลาวอยางน้ัน ฯลฯ ส. กรรมอนั ยังสตั วใหเขา ถงึ กามภพมีอยหู รือ ? ป. ถูกแลว . ส. กรรมอนั ยังสตั วใหเขาถึงอันตราภพมอี ยหู รือ ? ป. ไมพงึ กลา วอยางนั้น ฯลฯ ส. สตั วผูเขาถึงกามภพมอี ยหู รือ ? ป. ถูกแลว . ส. สัตวผเู ขา ถงึ อนั ตราภพมีอยูหรือ ? ป. ไมพ งึ กลาวอยางนั้น ฯลฯ

พระอภิธรรมปฎก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 106 ส. สตั วทงั้ หลาย เกิดอยู แกอยู ตายอยู จตุ ิอยู อบุ ัติอยูในกามภพ หรือ ? ป. ถูกแลว . ส. สตั วทง้ั หลาย เกิดอยู แกอยู ตายอยู จุติอยู อบุ ัติอยูในอันตราภพ หรอื ? ป. ไมพงึ กลาวอยางนนั้ ฯลฯ ส. รปู เวทนา สัญญา สงั ขาร วญิ ญาณ มีอยูในกามภพหรอื ? ป. ถกู แลว. ส. รปู เวทนา สัญญา สังขาร วญิ ญาณ มีอยใู นอันตราภพหรอื ? ป. ไมพ ึงกลา วอยา งนั้น ฯลฯ ส. กามภพ เปนปญจโวการภพ หรอื ? ป. ถกู แลว . ส. อันตราภพ เปนปญ จโวการภพ หรือ ? ป. ไมพ งึ กลาวอยางน้นั ฯลฯ [๑๒๐๓] ส. รูปภพมีอยู รปู ภพ เปน ภพ เปนคติ เปน สัตตาวาสเปนสงสาร เปน กําเนดิ เปนวญิ ญาณฐติ ิ เปน การไดอัตภาพ หรอื ? ป. ถกู แลว. ส. อนั ตราภพมีอยู อันตราภพ เปนภพ เปน คติ เปนสตั ตาวาส เปนสงสาร เปนกําเนิด เปนวญิ ญาณฐิติ เปนการไดอ ตั ภาพหรือ ?

พระอภิธรรมปฎก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 107 ป. ไมพ ึงกลาวอยา งนั้น ฯลฯ ส. กรรมอันยังสัตวใหเขาถึงรูปภพ มีอยูหรือ ? ป. ถกู แลว . ส. กรรมอันยงั สตั วใ หเ ขา ถึงอันตราภพมีอยู หรอื ? ป. ไมพงึ กลา วอยางนน้ั ฯลฯ ส. สัตวผเู ขาถึงรปู ภพมอี ยู หรอื ? ป. ถกู แลว. ส. สตั วผเู ขา ถึงอนั ตราภพ มีอยูหรือ ? ป. ไมพงึ กลา วอยา งนัน้ ฯลฯ ส. สตั วทัง้ หลาย เกดิ อยู แกอยู ตายอยู จตุ ิอยู อบุ ตั ิอยูอยู ในรูปภพ หรอื ? ป. ถูกแลว . ส. สตั วท้งั หลาย เกดิ อยู แกอยู ตายอยู จตุ ิอยู อุบตั ิอยูในอันตราภพ หรอื ? ป. ไมพ งึ กลาวอยา งน้นั ฯลฯ ส. รปู เวทนา สญั ญา สังขาร วญิ ญาณ มอี ยูใ นรปู ภพหรอื ? ป. ถกู แลว . ส. รูป เวทนา สัญญา สงั ขาร วญิ ญาณ มอี ยูในอันตราภพหรือ ? ป. ไมพึงกลา วอยา งนั้น ฯลฯ ส. รูปภพเปนปญ จโวการภพ หรอื ?

พระอภธิ รรมปฎก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 108 ป. ถกู แลว. ส. อันตราภพเปน ปญ จโวการภพ หรือ ? ป. ไมพงึ กลา วอยางนน้ั ฯลฯ [๑๒๐๔] ส. อรูปภพ มอี ยู อรูปภพ เปนภพ เปนคติ เปนสัตตาวาสเปนสงสาร เปน กาํ เนิด เปนวิญญาณฐติ ิ เปน การไดอตั ภาพ หรือ ? ป. ถูกแลว . ส. อนั ตราภพ มอี ยู อนั ตราภพ เปน ภพ เปนคติ เปนสัตตาวาส เปนสงสาร เปนกําเนดิ เปนวิญญาณฐิติ เปนการไดอัตภาพหรือ ? ป. ไมพึงกลาวอยางนั้น ฯลฯ ส. กรรมอนั ยังสตั วใ หเขา ถงึ อรูปภพ มอี ยหู รือ ? ป. ถกู แลว . ส. กรรมอนั ยงั สตั วใหเ ขาถงึ อันตราภพ มอี ยหู รือ ? ป. ไมพ ึงกลา วอยางนนั้ ฯลฯ ส. สตั วผ เู ขาถงึ อรูปภพ มีอยูหรือ ? ป. ถูกแลว. ส. สัตวผเู ขา ถงึ อนั ตราภพ มีอยูหรอื ? ป. ไมพ งึ กลาวอยา งนั้น ฯลฯ ส. สตั วท ัง้ หลาย เกดิ อยู แกอ ยู ตายอยู จตุ อิ ยู อุบัติอยู ในอรูปภพ หรอื ? ป. ถูกแลว. ส. สตั วท ั้งหลาย เกดิ อยู แกอยู ตายอยู จตุ อิ ยู อบุ ัติ

พระอภิธรรมปฎ ก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 109อยู ในอนั ตราภพ หรอื ? ป. ไมพงึ กลา วอยา งนนั้ ฯลฯ ส. เวทนา สญั ญา สงั ขาร วิญญาณ มีอยูในอรูปภพ หรอื ? ป. ถูกแลว . ส. เวทนา สัญญา สังขาร วญิ ญาณ มอี ยูใ นอันตราภพหรือ ? ป. ไมพึงกลา วอยางน้ัน ฯลฯ ส. อรปู ภพเปน จตโุ วการภพ หรือ ? ป. ถกู แลว . ส. อนั ตราภพเปนจตุโวการภพ หรือ ? ป. ไมพ งึ กลาวอยางนัน้ ฯลฯ [๑๒๐๕] ส. อันตราภพมีอยู หรือ ? ป. ถูกแลว. ส. อนั ตราภพมอี ยสู าํ หรบั สตั วท งั้ ปวงทเี ดยี ว หรอื ? ป. ไมพงึ กลา วอยา งน้นั ฯลฯ ส. อันตราภพไมม อี ยสู ําหรบั สตั วทัง้ ปวงทเี ดยี ว หรือ ? ป. ถกู แลว . ส. หากวา อันตราภพไมม ีอยูสาํ หรับสัตวท ง้ั ปวงทีเดียวก็ตองไมก ลา ววา อนั ตราภพมีอยู [๑๒๐๖] ส. อนั ตราภพมีอยู หรอื ? ป. ถกู แลว. ส. อนั ตราภพมีอยสู าํ หรบั บุคคลผูกระทําอนนั ตรยิ กรรม

พระอภธิ รรมปฎก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 110หรอื ? ป. ไมพงึ กลาวอยา งนั้น ฯลฯ ส. อนั ตราภพไมมีอยูส ําหรับบคุ คลผูท ําอนนั ตรยิ กรรมหรือ ? ป. ถกู แลว. ส. หากวา อันตราภพไมม อี ยสู าํ หรบั บคุ คลผทู ําอนนั ตริยกรรม ก็ตองไมกลา ววา อันตราภพมีอย.ู [๑๒๐๗] ส. อันตราภพมอี ยูสําหรับบคุ คลผูไมท ําอนันตริยกรรมหรือ ? ป. ถกู แลว . ส. อันตราภพมีอยูส ําหรบั บุคคลผูทําอนนั ตริยกรรมหรือ ? ป. ไมพ งึ กลาวอยางน้นั ฯลฯ ส. อันตราภพไมมีอยูสําหรับบคุ คลผไู มทาํ อนันตรยิ กรรมหรือ ? ป. ถูกแลว . ส. อนั ตราภพไมมอี ยูส ําหรับบุคคลผไู มท ําอนันตริยกรรมหรือ ? ป. ไมพ งึ กลาวอยา งนัน้ ฯลฯ ส. อนั ตราภพมอี ยูสาํ หรับบคุ คลเขา ถงึ นรก ฯลฯ สาํ หรบับุคคลผเู ขา ถึงอสัญญสตั ว ฯลฯ สาํ หรบั บคุ คลผเู ขาถงึ อรูปภพ หรอื ? ป. ไมพ ึงกลาวอยา งน้ัน ฯลฯ

พระอภิธรรมปฎก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 111 ส. อันตราภพไมมอี ยูสาํ หรบั บคุ คลผูเขา ถึงอรูปภพหรอื ? ป. ถูกแลว. ส. หากวา อันตราภพไมมีอยสู ําหรบั บคุ คลผูเ ขาถึงอรปู ภพ ก็ตองไมกลาววา อนั ตราภพมอี ยู. [๑๒๐๘] ส. อนั ตราภพมีอยสู าํ หรบั บุคคลผูไมเขาถงึ อรูปภพ หรือ ? ป. ถูกแลว. ส. อันตราภพมีอยสู าํ หรบั บคุ คลผเู ขาถึงอรปู ภพหรอื ? ป. ไมพึงกลาวอยางนั้น ฯลฯ ส. อันตราภพไมม อี ยสู ําหรบั บคุ คลผเู ขา ถึงอรูปภพ หรอื ? ป. ถกู แลว. ส. อนั ตราภพไมม อี ยสู ําหรบั บุคคลผไู มเ ขาถงึ อรปู ภพหรือ ? ป. ไมพึงกลา วอยา งนน้ั ฯลฯ [๑๒๐๙] ป. ไมพ ึงกลาววา อนั ตราภพมอี ยูหรอื ? ส. ถูกแลว. ป. บคุ คลผอู นั ตราปรินพิ พายี มีอยู มใิ ชหรอื ? ส. ถกู แลว . ป. หากวา บุคคลผอู นั ตราปรนิ ิพพายมี อี ยู ดว ยเหตุน้นันะทานจงึ ตองกลาววา อันตราภพมอี ยู ส. อนั ตราภพ ชื่อวามีอยู เพราะทาํ อธบิ ายวา บคุ คลผูอันตราปรินพิ พายมี ีอยูหรือ ?

พระอภิธรรมปฎก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 112 ป. ถกู แลว . ส. เพราะทาํ อธิบายวา บุคคลผูอุปหัจจปรินิพพายีมีอยูอปุ หจั จภพ ก็ชอ่ื วา มีอยูห รือ ? ป. ไมพงึ กลา วอยางนัน้ ฯลฯ ส. อนั ตราภพ ชอื่ วามีอยู เพราะทาํ อธบิ ายวา บุคคลผูอนั ตราปรินพิ พายีมีอยูหรอื ? ป. ถกู แลว. ส. เพราะทาํ อธบิ ายวา บุคคลผอู สงั ขารปรินิพพายมี ีอยูฯลฯ บคุ คลผูสสังขารปรนิ ิพพายีมอี ยู สสังขารภพก็ชือ่ วามอี ยูห รือ ? ป. ไมพ งึ กลาวอยา งน้นั ฯลฯ อนั ตราภวกถา จบ อรรถกถา อนั ตรา ภวกถา วา ดว ย อนั ตราภพ บัดน้ี ชื่อวา เร่อื งอนั ตราภพ คือ ภพทีค่ ั่นในระหวา ง. ในเรื่องนน้ัชนเหลา ใด มีความเหน็ ผิดดุจลทั ธขิ องนิกายปพุ พเสลิยะ และสมิติยะทัง้ หลายวา สัตว หมายถงึ ผูจะปฏิสนธิ ผไู มมีทพิ พจกั ขยุ อ มเปน ผูราวกะมีทพิ พจักขุ ผูไมมีฤทธ์ยิ อมเปน ผูราวกะผูมฤี ทธิเ์ ล็งแลดูอยูซงึ่ การอยูร วมของบิดามารดา และการมรี ะดู เขาดํารงอยูประมาณ ๗ วัน หรือเกนิกวาน้นั ในทีใ่ ด ท่นี น้ั ชอื่ วา อนั ตราภพ เพราะถือเอาบทพระสตู รวาบคุ คลชอื่ วา อนั ตราปรินิพพายี คือ ผูปรินพิ พานในระหวางอายยุ ังไมทนั

พระอภิธรรมปฎ ก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 113ถงึ ทามกลางแหง อายุขยั โดยไมพ จิ ารณาดงั นี้ คําถามของสกวาทีวาอนั ตราภพมีอยูหรือ โดยหมายถึงชนเหลา นนั้ คาํ ตอบรบั รองเปน ของปรวาที เพราะตงั้ อยใู นลัทธิ. ลําดับน้ัน สกวาที เพอื่ จะทว งปรวาทนี ั้นดว ยสามารถแหง ภพทง้ั ๓ เหลาใด ทีพ่ ระผมู พี ระภาคเจาตรัสแลวน้นัจึงกลาวคําวา เปน กามภพ เปนตน . ในปญหานน้ั อธบิ ายวา ผวิ า ภพไร ๆ ชอ่ื วา อนั ตราภพมอี ยูตามลัทธขิ องทา นไซร ภพนนั้ ก็พงึ เปนดจุ ปญ จโวการภพ ภพใดภพหนง่ึ แหงกามภพทงั้ หลายเปน ตน นัน่ แหละ เพราะเหตุนน้ั ขา พเจา จึงถามทานวาเปนกามภพ หรอื รปู ภพ หรืออรปู ภพ ช่ือวา อนั ตราภพ ตามลทั ธขิ องทา น. ปรวาทเี มอื่ ไมปรารถนาเชน นัน้ จงึ ปฏเิ สธท้ังหมด. คําวา มีอยูในระหวา งกามภพ เปนตน สกวาทีกลา วเพือ่ ทวงวา ถาอนั ตราภพมีอยไู ซร อันตราภพน้ันกจ็ ะพึงเปนเหมอื นกับเขตแดนแหง เขตแดนทงั้ ๒ปรวิ าทเี ม่ือไมปรารถนาเชน นัน้ จึงปฏิเสธปญหาทงั้ ปวง ยอมปฏิเสธไปเพราะลทั ธอิ ยางเดียว แตยอมไมป ฏิเสธตามความเปนจริง โดยคําน้นันั่นแหละ สกวาทีจึงกลา วปฏเิ สธกะปรวาทวี า ทา นก็ตองไมก ลาววาอนั ตราภพมอี ยู แมคาํ วา อนั ตราภพเปน กําเนดิ ที่ ๕ เปนตน สกวาทีถามเพอ่ื ทวงวา อันตราภพนน้ั ไมร วมอยูในกําเนิดเปน ตน ตามท่ีพระผมู ีพระภาคเจา ทรงกําหนดไวแลว ก็เมอื่ เปน เชน น้ี อนั ตราภพนั้นกจ็ ะพงึ เปนภพที่เกนิ จากกําเนดิ จากคตเิ ปนตน นนั้ ๆ. คําวา กรรมอันยังสตั วใ หเขาถึงอนั ตราภพมอี ยูหรือ สกวาทีถามเพ่อื ทว งวา ถาอันตราภพแมน น้ัพึงเปนภพหน่งึ ตางหากไซร กรรมทีย่ งั สตั วใ หเขาถงึ ซึง่ อนั ตราภพนัน้กพ็ ึงมี ดจุ กรรมทยี่ งั สัตวใหเขาถึงกามภพเปนตน ดังคําที่พระศาสดา

พระอภธิ รรมปฎ ก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 114ทรงจาํ แนกไวแ ลวและแสดงแลววาเปน กรรมมีอยูจรงิ อยา งน้ี ดงั นี.้อน่ึง ลทั ธิเหลา นัน้ ในลัทธิของปรวาทวี า กรรมโดยเฉพาะทช่ี อ่ื วา อันยังสัตวใหเขาถึงซึง่ อันตราภพไมมี สตั วใ ดจกั เขา ถึงซง่ึ ภพใด ๆ ยอมเกดิในอันตราภพไดดวยกรรมอันยังสตั วใ หเ ขา ถึงซึ่งภพนน้ั นั่นแหละ เหตุใดเพราะเหตนุ ้นั ปรวาทจี งึ ตอบวา ไมพ ึงกลา วอยา งนน้ั . แมถ กู สกวาทีถามวา สัตวผเู ขาถึงอนั ตราภพมีอยหู รือ ปรวาทีตอบปฏิเสธตามลทั ธวิ าสตั วเหลา นน้ั ชอ่ื วาผเู กิดในกามภพน่ันแหละ. แมถ ูกถามวา สัตวท้ังหลายเกดิ อยู...ในอันตราภพหรือ ปรวาทีเมอ่ื ไมปรารถนาซึง่ ความเกดิ ความแก ความตาย และจตุ อิ ุปบตั ิในอนั ตราภพน้ัน จึงตอบปฏิเสธ แมถกู ถามดวยสามารถแหง รูปเปน ตน ยอมตอบปฏเิ สธ เพราะลัทธแิ หง ชนเหลา น้นัวา รูปของสัตวในอันตราภพเหน็ ไมได แมธรรมท้ังหลายมเี วทนาเปน ตนก็ไมห ยาบเหมอื นสตั วเ หลา อื่น. ดวยเหตนุ ้ีนัน่ แหละ พึงทราบการปฏิเสธแมใ นความเปนแหงปญ จโวการภพ. บัดนี้ คาํ วา กามภพ เปนภพ เปนคติ เปนตน ชื่อวา เปนการเปรยี บเทียบภพ. ในขอ น้อี ธิบายวา ถาภพไร ๆ ช่ือวา อนั ตราภพพึงมีตามลทั ธิของทานไซร ก็บรรดาภพทงั้ หลาย มกี ามภพเปน ตนมอี ยู การแตกตา งกันแหง ภพและคติเปน ตน พงึ หยัง่ เห็นได ฉนั ใด แมในอนั ตราภพนัน้ ก็จะพงึ เห็นได ฉนั นน้ั ในอนั ตราภพหย่งั เหน็ ไมได ฉนั ใด แมใ นกามภพเปนตน เหลาน้ีกห็ ยั่งเห็นไมไ ด ฉันนน้ั เพราะวา การจําแนกดว ยดีแหง ภพและคตนิ น่ั แหละมีอยูในความเปน แหงภพทีม่ ีอยู มใิ ชใ นภพนอกจากนกี้ อ็ ะไรเลา เปน เหตแุ ปลกกันระหวางกามภพเปนตนเหลานน้ั กับอนั ตราภพ

พระอภธิ รรมปฎก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 115ในที่น.้ี ปรวาที ยอมตอบรับรองและตอบปฏเิ สธซ่ึงปญ หานน้ั ๆ ดว ยสามารถสกั แตวา ลัทธ.ิ ถูกสกวาทถี ามวา อันตราภพมีอยูส ําหรับสัตวทง้ั ปวงทีเดยี วหรือปรวาที นัน้ ไมต องการอันตราภพมีแกสตั วผ ูเ กิดในนรก อสัญญสี ัตวและอรปู พรหม เพราะฉะน้นั จงึ ปฏิเสธ. ยอมตอบรับรองโดยปฏิโลมดว ยเหตุนนั้ นนั่ แหละ. คาํ วา อนนั ตราภพ มอี ยูสาํ หรับบุคคลผูท าํอนนั ตรยิ กรรม. เปนตน สกวาทีกลาว เพอื่ จาํ แนกแสดงภพทงั้ หลายโดยนัยทปี่ รวาทนี ั้นไมปรารถนาอันตราภพของสตั วเ หลา ใดเหลาน้ัน.คาํ นั้นทัง้ หมด บัณฑติ พงึ ทราบโดยทาํ นองแหง พระบาลีพรอ มกบั การอางพระสตู ร แล. อนั ตราภวกถา จบ

พระอภิธรรมปฎก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 116 กามคณุ กถา [๑๒๑๐] สกวาที กามคุณ ๕ เทา นัน้ เปนกามธาตุหรอื ? ปรวาที ถกู แลว. ส. ความพอใจเกีย่ วดว ยกามคณุ ๕ นนั้ มอี ยู มใิ ชห รือ ? ป. ถูกแลว. ส. หากวา ความพอใจเก่ยี วดวยกามคณุ น้ันมีอยู ก็ตองไมก ลา ววา กามคณุ ๕ เทานัน้ เปนกามธาตุ. ส. ความกาํ หนดั เกี่ยวดวยกามคุณ ๕ น้นั ความกําหนดัดวยอาํ นาจความพอใจเกีย่ วดวยกามคณุ ๕ นน้ั ความดาํ ริเกี่ยวดวยกามคณุ ๕ น้ัน ความกําหนัดเก่ยี วดวยกามคณุ ๕ น้นั ความกําหนัดดวยอํานาจความดําริเก่ยี วดวยกามคณุ ๕ น้นั ปติเก่ยี วดว ยกามคุณ ๕ น้นัโสมนัสเก่ียวดวยกามคณุ ๕ น้นั ปตโิ สมนัสเกยี่ วดวยกามคณุ ๕ น้นั มอี ยูมิใชห รือ ? ป. ถกู แลว. ส. หากวา ปติโสมนสั เกี่ยวดวยกามคณุ ๕ นนั้ มีอยู ก็ตอ งไมก ลาววา กามคณุ ๕ เทา นัน้ เปน กามธาตุ. [๑๒๑๑] ส. กามคณุ ๕ เทา นนั้ เปน กามธาตุหรอื ? ป. ถูกแลว . ส. จกั ษุของมนุษยทัง้ หลาย ไมเ ปนกามธาตุหรอื ? ป. ไมพ ึงกลาวอยา งนั้น ฯลฯ ส. โสตะ ฆานะ ชวิ หา กาย มโน ของมนษุ ยท้ังหลายไมเปน กามธาตุ หรอื ?

พระอภิธรรมปฎ ก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 117 ป. ไมพึงกลา วอยา งน้ัน ฯลฯ ส. มโนของมนษุ ยท ั้งหลาย ไมเปน กามธาตุ หรอื ? ป. ถูกแลว. ส. พระผูมีพระภาคเจาไดตรัสไววา กามคณุ ๕ ในโลกมมี โนเปน ที่ ๖ พระพทุ ธเจาท้งั หลายประกาศแลว บคุ คลสาํ รอกความพอใจในกามคณุ ๕ และมโนนแ้ี ลว ยอมหลดุ พนจากทกุ ขได ดวยอาการอยางน้ีดังน๑ี้ เปนสตู รมีอยจู รงิ มใิ ชหรือ ? ป. ถกู แลว. ส. ถาอยางน้นั ก็ไมพ งึ กลา ววา มโนของมนษุ ยท้งั หลายไมเปน กามธาตุ. [๑๒๑๒] ส. กามคณุ ๕ เทา นนั้ เปน กามธาตุ หรือ ? ป. ถกู แลว. ส. กามคุณ เปนภพ เปนคติ เปน สตั ตาวาส เปน สงสารเปนกาํ เนิด เปน วญิ ญาณฐติ ิ เปน การไดอตั ภาพ หรอื ? ป. ไมพ งึ กลา วอยางน้นั ฯลฯ ส. กรรมอนั ยงั สตั วใหเขาถึงกามคณุ มีอยู หรือ ? ป. ไมพ ึงกลา วอยางน้ัน ฯลฯ ส. สตั วผ เู ขา ถงึ กามคณุ มีอยู หรอื ? ป. ไมพ งึ กลา วอยา งนัน้ ฯลฯ ส. สตั วท ง้ั หลาย เกิดอยู แกอ ยู ตายอยู จุติอยู อบุ ัต-ิอยู ในกามคณุ หรือ?๑. ข.ุ สุ. ๒๕/๓๐๙.

พระอภธิ รรมปฎ ก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 118 ป. ไมพงึ กลา วอยา งนน้ั ฯลฯ ส. รูป เวทนา สญั ญา สังขาร วิญญาณ มอี ยใู นกามคณุหรอื ? ป. ไมพ งึ กลา วอยางน้นั ฯลฯ ส. กามคณุ เปน ปญ จโวการภพ หรอื ? ป. ไมพึงกลา วอยางน้นั ฯลฯ ส. พระสัมมาสมั พทุ ธเจาทัง้ หลาย ยอมอบุ ัตขิ น้ึ พระปจเจกพทุ ธเจาทัง้ หลายยอมอุบัตขิ น้ึ คพู ระสาวกยอ มอบุ ตั ิข้ึนในกามคณุหรอื ? ป. ไมพ ึงกลาวอยา งน้นั ฯลฯ ส. กามธาตุ เปนภพ เปน คติ เปนสัตตาวาส เปน สงสารเปนกาํ เนิด เปนวญิ ญาณฐติ ิ เปนการไดอ ตั ภาพ หรือ ? ป. ถูกแลว . ส. กามคุณ เปน ภพ เปนคติ เปน สตั ตาวาส เปนสงสารเปนกาํ เนิด เปน วญิ ญาณฐิติ เปน การไดอ ตั ภาพ หรอื ? ป. ไมพึงกลา วอยา งน้นั ฯลฯ ส. กรรมอันยงั สตั วใหเ ขา ถงึ กามธาตุ มีอยู หรอื ? ป. ถกู แลว . ส. กรรมอนั ยังสตั วใ หเ ขา ถึงกามคุณ มีอยู หรือ ? ป. ไมพ ึงกลา วอยา งนัน้ ฯลฯ ส. สตั วผ ูเ ขา ถงึ กามธาตุมีอยู หรอื ? ป. ถกู แลว .

พระอภธิ รรมปฎก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 119 ส. สัตวผ ูเขา ถงึ กามคณุ มอี ยู หรอื ? ป. ไมพ งึ กลา วอยางน้ัน ฯลฯ ส. สัตวทัง้ หลาย เกดิ อยู แกอ ยู ตายอยู จตุ ิอยู อบุ ัติ-อยู ในกามธาตุ หรอื ? ป. ถูกแลว. ส. สัตวท้ังหลาย เกิดอยู แกอ ยู ตายอยู จตุ ิอยู อุบตั -ิอยู ในกามคุณ หรือ ? ป. ไมพ ึงกลาวอยางนั้น ฯลฯ ส. รปู เวทนา สัญญา สงั ขาร วญิ ญาณ มีอยูใ นกามคุณหรือ ? ป. ถกู แลว. ส. รปู เวทนา สญั ญา สงั ขาร วญิ ญาณ มีอยูในกามคณุหรอื ? ป. ไมพ ึงกลา วอยางนนั้ ฯลฯ ส. กามธาตุ เปนปญ จโวการภพ หรือ ? ป. ถกู แลว . ส. กามคุณ เปน ปญ จโวการภพ หรือ ? ป. ไมพึงกลา วอยางนนั้ ฯลฯ ส. พระสมั มาสัมพทุ ธเจาทัง้ หลายยอมอบุ ัตขิ นึ้ พระปจเจกพทุ ธเจาทงั้ หลายยอมอุบัตขิ น้ึ คพู ระสาวกยอมอบุ ัตขิ ึน้ ในกามธาตุหรือ ? ป. ถูกแลว.

พระอภธิ รรมปฎก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 120 ส. พระสัมมาสมั พุทธเจาท้งั หลายยอมอุบัตขิ น้ึ พระปจ เจกพทุ ธเจาทง้ั หลายยอมอุบตั ขิ น้ึ คูพระสาวกยอมอบุ ัติขนึ้ ในกามคณุหรอื ? ป. ไมพึงกลาวอยา งนัน้ ฯลฯ [๑๒๑๓] ป. ไมพ ึงกลาววา กามคณุ ๕ เทาน้ัน เปนกามธาตุ หรอื ? ส. ถูกแลว. ป. พระผูม ีพระภาคเจา ไดตรัสไวว า ดูกอ นภิกษทุ ้ังหลายกามคณุ นี้ ๕ อยาง ๕ อยางเปน ไฉน ? รูปซึ่งเปนวสิ ัยแหงจกั ขวุ ญิ ญาณอนั นาปรารถนา นา ใคร จาํ เริญใจ นา รัก ประกอบดวยกาม เปน ทตี่ ้ังแหงความกําหนัด เสียงซ่ึงเปนวิสัยแหงโสตวญิ ญาณ กลนิ่ ซ่ึงเปน วสิ ัยแหง ฆานวญิ ญาณ รสซ่งึ เปนวิสัยแหง ชวิ หาวญิ ญาณ โผฏฐัพพะซึ่งเปนวิสยั แหงกายวิญญาณ ทนี่ า ปรารถนา นาใคร จาํ เรญิ ใจ นารกั ประกอบดวยกาม เปน ที่ต้ังแหง ความกําหนัด ดูกอ นภิกษุทงั้ หลาย กามคณุ ๕ อยาง ฉะนแี้ ล ดงั น๑ี้เปนสตู รมอี ยจู ริง มใิ ชห รอื ? ส. ถกู แลว. ป. ถาอยางน้ัน กก็ ามคณุ ๕ เทาน้นั เปน กามธาตนุ ะสิ. กามคณุ กถา จบ๑. ส .สฬา ๑๘/๔๑๓.

พระอภิธรรมปฎ ก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 121 อรรถกถากามคณุ กถา วา ดว ย กามคณุ บดั นี้ ชื่อวา เร่อื งกามคณุ . ในเรื่องน้นั ในลทั ธิของสกวาทกี อนวัตถุกามกด็ ี กิเลสกามกด็ ี กามภพกด็ ี ทา นเรียกวา กามธาตุ. จรงิ อยูใ นบรรดากามเหลา นน้ั วตั ถกุ ามชื่อวากามเพราะอรรถวาเปนส่งิ ทนี่ าปรารถนา ชอื่ วาธาตุเพราะอรรถวาเปนสภาวะ เปน นสิ สตั ตะ และเปนสญุ ญตะ ฉะนน้ั จงึ ชอื่ วา กามธาตุ กิเลสกามชื่อวา กามเพราะอรรถวาเปน สงิ่ ทีน่ าปรารถนาดวยเพราะอรรถวาเปนการชอบใจดวย ช่อื วาธาตุเพราะอรรถตามท่ีกลาวแลว น่นั แหละ ฉะนัน้ จึงช่อื วา กามธาตุ กามภพชอื่ วา กามเพราะเหตุ ๓ คอื เพราะอรรถวา เปนส่ิงท่ีนาใคร ๑ เพราะอรรถวา เปนเครือ่ งกาวไป ๑ เพราะอรรถวาเปน สถานท่เี ปนไปแหงวัตถุกาม ๑ ช่อื วา ธาตุเพราะอรรถตามทก่ี ลาวแลวน่ันแหละ ฉะน้นั จึงช่ือวา กามธาต.ุ ก็ในลทั ธขิ องผูอ่ืนถอื เอากามคุณ ๕ เทาน้ันเปน กามธาตุเพราะอาศัยสักแตบ าลวี า ดกู อ นภิกษทุ ัง้ หลาย กามคุณน้ี ๕ อยางดังนี้. เพราะฉะนัน้ ชนเหลา ใด มคี วามเห็นผิดนด้ี ุจลทั ธขิ องนกิ ายปุพพเสลยิ ะทง้ั หลาย สกวาทหี มายถงึ ชนเหลา นน้ั จึงถามวา กามคุณ ๕ เทาน้ัน เปน ตนเพอื่ ทวงซ่ึงความท่ีกามคุณนนั้ เปนสภาพท่แี ตกตางไปจากกามธาตุ คาํตอบรบั รองเปน ของปรวาทีดวยสามารถแหงลทั ธิ. คําวา มีอยูมใิ ชหรอืเปนตน สกวาทีกลา วแลวเพอื่ แสดงถงึ กิเลสกาม. ในคาํ เหลาน้นั คาํ วา ความพอใจเกย่ี วดว ยกามคุณนัน้ ไดแกเกี่ยวพรอมเฉพาะแลวดวยกามคุณ คอื มกี ามคุณเปนอารมณ. ในคาํทัง้ หลายวา กต็ อ งไมกลาววา กามคณุ ๕ เทา น้นั นคี้ วามวา บรรดา

พระอภธิ รรมปฎ ก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 122ธรรมท้งั หลาย มีความพอใจเก่ยี วดวยกามคุณน้ัน เปนตนมอี ยู ทานก็ไมควรกลาววากามคุณ ๕ เทา นน้ั เปน กามธาต.ุ อธิบายวา กธ็ รรมทั้งหลายมีความพอใจ เปนตนแมเหลา นี้ ชื่อวากามดวย ช่อื วา ธาตดุ วยเพราะอรรถวา เปนสิง่ ทีน่ าปรารถนา แมเพราะเหตุน้จี ึงชื่อวากามธาตุฉนั ทะเปน ตนชอ่ื วา ธาตุ อนั บณั ฑติ นบั พรอมแลว วา กามเพราะอรรถวาเปนการชอบใจ แมเพราะเหตนุ ้ีกช็ ่อื วา กามธาต.ุ คาํ วา จกั ขุของมนษุ ยทัง้ หลาย เปนตน สกวาทีกลา วเพอื่ แสดงถงึ วัตถกุ าม. ในปญหาเหลาน้ัน ปรวาทถี ูกถามวา มโนของมนษุ ยทงั้ หลายไมเปน กามธาตุหรือ ? อีก เพราะปฏิเสธซ่ึงความที่อายตนะแมท้งั ๖ วาไมเปน กามธาตเุ ปน แตวตั ถุกาม ทัง้ ไมต อบรบั รองซึ่งความทใี่ จนนั้ วาเปนกามธาตุ เพราะหมายเอามหัคคตและโลกตุ ตรจติ . อนั ท่ีจรงิ มโนท่ีเปน ไปในภูมิ ๒ แมท้งั หมดก็ช่อื วากามธาตุทัง้ นน้ั เหตุใด เพราะเหตนุ นั้สกวาทีจงึ ตาํ หนิปรวาทนี ัน้ ดวยการอา งพระสตู ร. คาํ วา กามคุณเปน ภพเปนตน สกวาทกี ลา วเพ่ือแสดงซ่งึ ความที่ภพเปน กามธาต.ุ แตโ วหารวาภพ ในคําสกั วา กามคุณยอมไมมี เหตใุ ด เพราะเหตุนัน้ ปรวาทีจงึปฏิเสธวา ไมพึงกลา วอยางนั้น. คําทัง้ ปวงวา กรรมอนั ยังสัตวใ หเขาถงึกามคณุ เปนตน สกวาทกี ลาวแลว เพ่อื แสดงซึ่งความท่โี วหารสักวากามคณุ เปน กามธาตกุ ็หาไม. จริงอยู กรรมอันยังสตั วใหเ ขาถงึ ซง่ึ กามภพอันบณั ฑิตนบั พรอมแลว วา กามธาตุมอี ยู และสตั วท้งั หลายผเู กิดในกามภพนนั้ แหละกม็ ีอยู ฉะน้ันบณั ฑิตพงึ ทราบเน้อื ความในทที่ ้งั ปวงโดยอุบายนี้วา สตั วทั้งหลายยอ มเกดิ ยอมแก ยอมตาย ยอมจตุ ิ และยอ มอบุ ัติในกามภพนน้ั มิใชใ นกามคุณทั้งหลาย ดังนีแ้ ล. อรรถกถากามคณุ กถา จบ
























































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook