Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_81

tripitaka_81

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:45

Description: tripitaka_81

Search

Read the Text Version

พระอภธิ รรมปฎก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 301 ส. เวทนาขันธ สญั ญาขนั ธ สวนหน่งึ สัมปยุตดวยจติ อกีสว นหนึ่งเปน จิตตวปิ ปยุต หรือ ? ป. ไมพึงกลาวอยา งนัน้ ฯลฯ [๑๔๕๓] ป. ไมพ ึงกลาววา ญาณเปน จติ ตวิปปยตุ หรอื ? ส. ถกู แลว. ป. พระอรหนั ต ผูพรอมเพรยี งดว ยจักขวุ ญิ ญาณ พึงกลา ววา ผมู ญี าณ หรือ ? ส. ถูกแลว . ป. ญาณ สมั ปยตุ ดว ยจติ นัน้ หรือ ? ส. ไมพงึ กลา วอยา งนน้ั ฯลฯ ป. ถา อยางนน้ั ญาณก็เปน จติ ตวปิ ปยุต นะ สิ. ส. พระอรหนั ต ผูพรอ มเพรียงดว ยจักจวุ ิญญาณ พงึกลา ววา ผูม ีปญ ญา หรือ ? ป. ถูกแลว . ส. ปญญา สมั ปยุตดวยจิตนั้น หรอื ? ป. ไมพงึ กลา วอยา งนัน้ ฯลฯ ส. ถาอยางนนั้ ปญ ญากเ็ ปนจิตตวิปปยุต นะ ส.ิ ญาณงั จิตตวิปปยุตตนั ตกิ ถา จบ

พระอภิธรรมปฎก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 302 อรรถกถาญาณัง จติ ตวปิ ปยุตตันติกถา วาดวย ญาณเปนจิตตวิปปยุต บัดน้ี ชอ่ื วา เรอ่ื งญาณทีไ่ มป ระกอบดว ยจติ คอื ไมประกอบกบั จิต.ในเรอื่ งนน้ั ชนเหลา ใดมีความเหน็ ผิดดุจลัทธขิ องนิกายปุพพเสลิยะทงั้ หลายวา พระอรหนั ตผ ูพรอมเพรียงดวยจกั ขุวญิ ญาณเปนตน คือหมายความวา จกั ขวุ ิญญาณจิตเปน ตน เกดิ ขึ้นแลว ทานเรียกวา ผูมีญาณ เพราะหมายเอามัคคญาณทท่ี านไดแลว แตวาญาณของพระอรหันตน นั้ ไมสมั ปยุตดว ยจักขวุ ิญญาณจติ นั้น เหตุใด เพราะเหตุน้ัน ญาณจงึ ไมป ระกอบกับจิตดังนี้ คาํ ถามของสกวาทีหมายถงึ ชนเหลา นั้น คําตอบรับรองเปนของปรวาที. ลาํ ดบั น้นั สกวาทจี ึงกลาวคําวา เปน รูป เปน ตน เพือ่ ทวงดวยคาํ วา ถา วา ญาณไมประกอบกับจิตไซร ญาณของพระอรหนั ตนัน้ กจ็ ะพงึ เปน ธรรมอยา งใดอยา งหน่ึงมีรูปเปนตน ท่ไี มป ระกอบกับจติ ดังน.ี้ปรวาทตี อบปฏเิ สธ. คําทเ่ี หลือมีนัยดงั ที่กลาวไวแลวในหนหลังน่นั แหละ.กใ็ นปริโยสาน ถูกสกวาทีถามวา พระอรหนั ตผ ูพรอมเพรียงดว ยจักขุ-วญิ ญาณ หมายความวาจักขวุ ญิ ญาณกําลงั เปนไป พงึ กลา ววา ผมู ปี ญญาหรือ ปรวาทียอมปรารถนาซึง่ คาํ บัญญตั ิน้ันดว ยสามารถแหงการไดเฉพาะแลว ซึ่งปญ ญา เพราะฉะนน้ั จึงตอบรับรอง. อรรถกถาญาณงั จติ ตวปิ ปยตุ ตันติกถา จบ

พระอภธิ รรมปฎก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 303 อิทงั ทุกขนั ตกิ ถา [๑๔๕๔] สกวาที เมื่อกลาววาจาวา น้ที กุ ข ญาณวา นี้ทกุ ข ก็เปนไป หรือ ? ปรวาที ถกู แลว . ส. เมอื่ กลา ววาจาวา นส้ี มุทยั ญาณวา นี้สมุทัย กเ็ ปนไป หรอื ? ป. ไมพงึ กลาวอยา งน้ัน ฯลฯ ส. เม่ือกลาววาจาวา นท้ี กุ ข ญาณวา น้ีทกุ ข ก็เปน ไปหรอื ? ป. ถูกแลว . ส. เมื่อกลาววาจาวา น้นี โิ รธ ญาณวา น้ีนโิ รธ ก็เปน ไป หรือ ? ป. ไมพ งึ กลาวอยางนนั้ ฯลฯ ส. เม่ือกลาววาจาวา นี้ทุกข ญาณวา น้ที ุกข ก็เปนไปหรือ ? ป. ถกู แลว. ส. เม่ือกลาววาจาวา น้มี รรค ญาณวา นีม้ รรค กเ็ ปนไปหรอื ? ป. ไมพ งึ กลาวอยา งนน้ั ฯลฯ

พระอภิธรรมปฎ ก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 304 [๑๔๕๕] ส. เม่อื กลาววาจาวา นีส้ มุทยั แตญาณไมเ ปนไปวา นี้สมุทยั หรือ ? ป. ถกู แลว. ส. เมอ่ื กลาววาจาวา น้ีทกุ ข แตญาณไมเ ปนไปวา น้ีทุกข หรอื ? ป. ไมพ งึ กลา วอยางน้ัน ฯลฯ ส. เม่ือกลา ววาจาวา นนี้ โิ รธ ฯลฯ น้มี รรค แตญ าณไมเปนไปวา น้นี โิ รธ ฯลฯ น้ีมรรค หรอื ? ป. ถูกแลว . ส. เม่อื กลาววาจาวา น้ีทกุ ข แตญาณไมเปน ไปวา น้ีทุกข หรอื ? ป. ไมพ งึ กลาวอยา งนั้น ฯลฯ [๑๔๕๖] ส. เมือ่ กลา ววาจาวา น้ที กุ ข ญาณวา นที้ กุ ข ก็เปน ไป หรอื ? ป. ถูกแลว . ส. เมอื่ กลาววาจาวา รปู ไมเ ทย่ี ง ญาณวา รูปไมเท่ยี งก็เปน ไป หรือ ? ป. ไมพ ึงกลาวอยา งน้นั ฯลฯ ส. เม่อื กลาววาจาวา น้ที กุ ข ญาณวา น้ที กุ ข ก็เปนไป

พระอภธิ รรมปฎ ก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 305หรอื ? ป. ถกู แลว . ส. เมอื่ กลา ววาจาวา เวทนา ฯลฯ สัญญา สงั ขาร ฯลฯวิญญาณ ไมเ ทย่ี ง ญาณวา วิญญาณไมเ ทย่ี งกเ็ ปน ไป หรือ ? ป. ไมพึงกลา วอยางนน้ั ฯลฯ [๑๔๕๗] ส. เมอ่ื กลา ววาจาวา นี้ทุกข ญาณวา นท้ี ุกข ก็เปน ไปหรอื ? ป. ถูกแลว . ส. เม่อื กลาววาจาวา รูปเปน อนตั ตา ญาณวา รูปเปนอนัตตา ก็เปนไป หรอื ? ป. ไมพึงกลาวอยางน้ัน ฯลฯ ส. เมื่อกลา ววาจาวา นท้ี กุ ข ญาณวา น้ที ุกข กเ็ ปน ไปหรือ ? ป. ถกู แลว . ส. เม่ือกลาววาจาวา เวทนา ฯลฯ สัญญา ฯลฯ สังขารฯลฯ วิญญาณ เปนอนัตตา ญาณวา วิญญาณ เปน อนตั ตา กเ็ ปน ไป หรอื ? ป. ไมพ งึ กลาวอยางนนั้ ฯลฯ [๑๔๕๘] ส. เม่ือกลา ววาจาวา รปู ไมเทีย่ ง แตญ าณไมเ ปนไปวา

พระอภธิ รรมปฎ ก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 306รปู ไมเทยี่ ง หรอื ? ป. ถกู แลว . ส. เม่ือกลา ววาจาวา นี้ทุกข แตญ าณไมเปนไปวา น้ีทกุ ขหรอื ? ป. ไมพงึ กลา วอยางนัน้ ฯลฯ ส. เมื่อกลา ววาจาวา เวทนา ฯลฯ สญั ญา ฯลฯ สังขารฯลฯ วญิ ญาณ ไมเ ทยี่ ง แตญาณไมเปนไปวา วญิ ญาณไมเ ท่ียง หรอื ? ป. ถกู แลว . ส. เมอื่ กลา ววาจาวา นีท้ กุ ข แตญ าณไมเปนไปวา นี้ทกุ ข หรือ ? ป. ไมพ งึ กลา วอยางน้ัน ฯลฯ ส. เมื่อกลาววาจาวา รูปเปนอนตั ตา แตญ าณไมเ ปนไปวา รูปเปนอนตั ตา หรอื ? ป. ถกู แลว. ส. เมือ่ กลาววาจาวา นที้ ุกข แตญ าณไมเ ปน ไปวา น้ีทกุ ข หรือ ? ป. ไมพ ึงกลาวอยางน้ัน ฯลฯ ส. เมื่อกลาววาจาวา เวทนา ฯลฯ สญั ญา ฯลฯ สงั ขารฯลฯ วิญญาณ เปนอนัตตา แตญาณไมเปน ไปวา วิญญาณ เปนอนัตตาหรือ ? ป. ถูกแลว . ส. เม่อื กลา ววาจาวา นท้ี ุกข แตญาณไมเปน ไปวา นี้

พระอภธิ รรมปฎ ก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 307ทกุ ข หรอื ? ป. ไมพึงกลา วอยางน้นั ฯลฯ [๑๔๕๙] ส. เม่ือกลา ววาจาวา อทิ  ทุกฺข (นที้ กุ ข) ญาณวาอิท ทุกขฺ  กเ็ ปนไป หรอื ? ป. ถกู แลว. ส. ญาณวา อิ ญาณวา ท ญาณวา ทุ และญาณวา ขก็เปน ไป หรอื ? ป. ไมพึงกลาวอยางนัน้ ฯลฯ อทิ ังทกุ ขันติกถา จบ อรรถกถาอิทัง ทกุ ขนั ตกิ ถา พรรณนากถาวา ดว ย การเปลง วาจาวาน้ีทุกข บัดน้ี ช่ือวา เรื่องการเปลง วาจานี้ทกุ ข. ในเรอ่ื งนัน้ ชนเหลา ใดมคี วามเหน็ ผดิ ดจุ ลัทธิของนิกายอันธกะทัง้ หลายวา ในขณะแหง โลกุตตรมรรคเกดิ พระโยคาวจรยอมเปลงวาจาวานีท้ ุกข ฉนั ใด ญาณวาน้ีทุกขยอมเปน ไปแกพ ระโยคาวจรผูกลาววาจาวา น้ที กุ ขฉนั นนั้ ดงั น้ี คําถามของสกวาทีหมายถงึ ชนเหลา นั้น คาํ ตอบรับรองของปรวาทหี มายเอาการกลา ววาจาเชนน้นั และความเปน ไปแหงญาณในขณะแหง มรรค. อน่ึงปรวาทนี น้ั ปรารถนาวา ปถุ ุชนยอมกลาววาจาอันประกอบดวยสัจจะทเ่ี หลอื แตวาญาณเชน นัน้ ยอมไมเ ปน ไปแกเขา เหตใุ ด เพราะเหตนุ ้ันทานจึงปฏเิ สธในปญ หามี สมุทยั เปน ตน .






















































































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook