Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_81

tripitaka_81

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:45

Description: tripitaka_81

Search

Read the Text Version

พระอภิธรรมปฎก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 551 ทกั ขิณาวสิ ทุ ธกิ ถา [๑๗๒๙] สกวาที ทานบริสุทธไ์ิ ดโ ดยทายกฝา ยเดยี ว ไมบ ริสุทธิ์ไดโ ดยปฏคิ คาหกหรือ ? ปรวาที ถูกแลว . ส. ปฏคิ คาหกบางพวก ทีเ่ ปน ผูควรของบชู า เปน ผคู วรของตอนรับ เปน ผคู วรของทาํ บญุ เปนผูควรทาํ อญั ชลี เปน เนอื้ นาบญุชน้ั เยย่ี มของโลกมีอยู มิใชห รอื ? ป ถูกแลว . ส. หากวา ปฏคิ คาหกบางพวก ทีเ่ ปน ผคู วรของบูชาเปน ผคู วรของตอนรับ เปน ควรของทาํ บุญ เปนผูควรทําอญั ชลี เปนเนือ้ นาบญุ ชั้นเย่ียมของโลก มอี ยู กต็ อ งไมกลา ววา ทานบรสิ ทุ ธ์ไิ ดโ ดยทายกฝายเดียว ไมบริสุทธิไ์ ดโดยปฏิคคาหก. [๑๗๓๐] ส. ทานบรสิ ทุ ธ์ิไดโ ดยทายกฝายเดียว ไมบริสุทธ์ิไดโดยปฏคิ คาหก หรือ ? ป. ถูกแลว . ส. พระผูม ีพระภาคเจาไดตรัสคแู หง บุรษุ ๔ บคุ คล ๘วาเปน ผูค วรของทําบุญ มิใชหรอื ? ป. ถูกแลว . ส. หากวา พระผมู ีพระภาคเจาไดตรัสคูแหงบุรษุ ๔บคุ คล ๘ วา เปน ผูค วรของทาํ บญุ ก็ตอ งไมกลาววา ทานบรสิ ุทธ์ิไดโ ยทายกฝา ยเดยี ว ไมบ รสิ ุทธไ์ิ ดโดยปฏคิ คาหก. [๑๗๓๑] ส. ทานบรสิ ทุ ธิ์ไดโดยทายกฝา ยเดียว ไมบ ริสทุ ธ์ไิ ด

พระอภิธรรมปฎ ก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 552โดยปฏิคคาหก หรือ ? ป. ถูกแลว. ส. ชนบางพวกใหทานในพระโสดาบัน แลว ชื่นชมบญุมอี ยู มใิ ชห รอื ? ป. ถกู แลว. ส. หากวา ชนบางพวกใหท านในพระโสดาบันแลวชืน่ ชมบุญมีอยู กต็ อ งไมก ลา ววา ทานบรสิ ทุ ธิไ์ ดโ ดยทายกฝายเดยี ว ไมบรสิ ทุ ธ์ิไดโ ดยปฏิคคาหก. ส. ชนบางพวกใหทานแกพระสกทาคามี ฯลฯ แกพระ-อนาคามี ฯลฯ แกพ ระอรหนั ต แลว ชืน่ ชมบญุ มีอยู มิใชหรือ ? ป. ถกู แลว . ส. หากวา ชนบางพวกใหทานแกพระอรหนั ต แลว ชนื่ ชมบุญมอี ยู กต็ องไมกลาววา ทานบริสุทธ์ิไดโ ดยทายกฝายเดียว ไมบริสทุ ธ์ิไดโ ดยปฏคิ คาหก [๑๗๓๒] ส. ทานบรสิ ทุ ธิไ์ ดโดยปฏิคคาหกฝายเดยี ว ไมบ รสิ ุทธ์ิไดโดยทายกหรือ ? ป. ถกู แลว. ส. ผูอน่ื เปนผทู าํ แกผ อู ่นื สขุ ทกุ ขอนั คนอนื่ ทาํ ให ผหู นง่ึทํา แตอีกผูหนึง่ รับผลหรอื ? ป. ไมพึงกลา วอยางนัน้ ฯลฯ ส. ทานบรสิ ทุ ธไ์ิ ดโ ดยทายกฝา ยเดียว ไมบรสิ ทุ ธ์ไิ ดโดยปฏิคคาหกหรือ ?

พระอภิธรรมปฎ ก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 553 ป. ถูกแลว. ส. พระผมู ีพระภาคเจา ไดตรัสไววา ดูกอนอานนททักษิณาวิสทุ ธมิ ี ๔ อยาง. ๔ อยาง เปน ไฉน ? ทักษิณาท่ีบรสิ ุทธท์ิ างทายกแตไมบริสทุ ธิ์ทางปฏิคคาหกมอี ยู ทกั ษิณาท่บี ริสทุ ธิ์ทางปฏิคคาหกแตไมบรสิ ทุ ธ์ทิ างทายก มอี ยู ทักษิณาที่ไมบ ริสทุ ธทิ์ ั้งทางทายกท้ังทางปฏคิ คาหก มีอยู ทกั ษิณาท่บี รสิ ทุ ธทิ์ ง้ั ทางทายกทง้ั ทางปฏคิ คาหกมอี ยูกท็ กั ษณิ าทีบ่ ริสุทธทิ์ างทายกแตไ มบ รสิ ุทธิ์ทางปฏิคคาหกอยางไร ทายกในโลกน้ี เปนผมู ศี ีล มีกัลยาณธรรม แตป ฏคิ คาหก เปนผูทศุ ีล มีบาปธรรมทกั ษณิ าบรสิ ุทธ์ทิ างทายกแตไ มบ ริสทุ ธิ์ทางปฏิคคาหก อยางนี้แล ก็ทกั ษณิ าบริสทุ ธ์ทิ างปฏิคคาหกแตไมบรสิ ุทธิ์ทางทายกอยางไร ทายกในโลกน้ี เปนผทู ศุ ีลมบี าปธรรม แตปฏิคคาหกเปนผูมีศลี มกี ลั ยาณธรรมทักษิณาบริสทุ ธ์ิทางปฏิคคาหกแตไ มบ รสิ ุทธ์ิทางทายก อยา งนแ้ี ล ก็ทักษณิ าไมบ ริสทุ ธิ์ท้ังทางทายกท้ังทางปฏิคคาหกอยา งไร ทายกในโลกน้ีเปน ผทู ุศลี มบี าปธรรม ปฏคิ คาหก กเ็ ปนผทู ุศีลมบี าปธรรม ทักษิณาไมบรสิ ุทธทิ์ ้ังทางทายกทั้งทางปฏิคคาหกอยา งนีแ้ ล กท็ กั ษณิ าบรสิ ุทธิ์ทัง้ ทางทายกท้งั ทางปฏคิ คาหกอยา งไร ทายกในโลกน้เี ปนผมู ีศลี มีกลั ยาณธรรม ปฏคิ คาหกก็เปน ผูมีศลี มกี ลั ยาณธรรม ทกั ษณิ าบรสิ ทุ ธ์ิท้ังทางทายกท้ังทางปฏคิ คาหกอยา งนแ้ี ล ดูกอ นอานนท ทักษิณาวสิ ทุ ธิมี ๔ อยาง ฉะนีแ้ ล ดังน๑ี้ เปน สูตรมอี ยูจ รงิ มใิ ชหรอื ? ป. ถกู แลว. ส. ถา อยางนน้ั ก็ไมพ ึงกลาววา ทานบรสิ ทุ ธ์ไิ ดโ ดย๑. ม.อ.ุ ๑๔/๗๑๔-๘.

พระอภธิ รรมปฎก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 554ทายกฝา ยเดียว ไมบ รสิ ุทธไิ์ ดโ ดยปฏิคคาหก. ทักขิณาวสิ ทุ ธิกถา จบ อรรกถาทกั ขณิ าวสิ ุทธกิ ถา วา ดว ย ทกั ขณิ าวสิ ทุ ธิ บัดน้ี ชอื่ วา เร่ืองทกั ขิณา (ทาน) วิสุทธิ คอื ความบรสิ ทุ ธแิ์ หงทักขณิ าคอื ทาน. ในเรือ่ งนน้ั ชนเหลา ใดมีความเหน็ ผิดดจุ ลัทธินิกายอตุ ตราปถกะท้ังหลายวา ถาวา ทักขณิ าพงึ บริสทุ ธคิ์ อื พงึ มผี ลมากเพราะปฏิคคาหกไซร ทานท่ที ายกใหแ ลว ยอมเปนวิบากอนั สําเร็จแลวดว ยปฏิคคาหก ดวยประการฉะน้ี บคุ คลอนื่ กพ็ งึ ทําบคุ คลอน่ื ได คือวา บคุ คลพึงถึงสุขและทกุ ข อนั บคุ คลอน่ื กระทาํ ให ผูทาํ คนหนงึ่ ผูร ับผลคนหนง่ึเพราะฉะน้ัน ทานยอมบรสิ ทุ ธเ์ิ พราะทายกเทานัน้ ยอ มไมบริสุทธเิ์ พราะปฏคิ คาหก จติ ตวิสุทธิข์ องทายกเหลานน้ั ยอ มใหซ ่ึงวิบาก ดงั น้ี คาํ ถามของสกวาทหี มายถงึ ชนเหลานัน้ คําตอบรับรองเปน ของปรวาท.ี คาํ วา ปฏิคคาหกบางพวกท่ีเปน ผูควรบูชา อาหเุ นยโฺ ย เปนตนสกวาทีกลา วเพือ่ แสดงวา ถาทานไมพ งึ บรสิ ทุ ธ์ิเพราะปฏิคคาทกไซรความท่พี ระอริยบคุ คลผคู วรแกการบชู าเปนตน จะพงึ ทาํ ประโยชนอ ะไร.คําวา ผอู ืน่ เปนผูทําแกผูอน่ื อธิบายวา ถา วา ทานเจตนาของทายกที่ปฏิคคาหกทาํ เหมาะสมแลวไซร ก็ทานเจตนาอันบริสุทธขิ์ องทายกนน้ัก็ตอ งอาศัยวตั ถุ กลาวคอื ปฏิคคาหกแลว จึงบริสทุ ธิ์เพราะอรรถวา มีผลมาก เพราะฉะน้นั ปญหานั้นจึงไมมกี ารทวงในคําวา ทานยอ มบรสิ ทุ ธิ์คอื มผี ลมาก เพราะปฏคิ คาหก ดว ยประกการฉะน้ี. อรรถกถาทักขิณาวิสทุ ธกิ ถา จบ

พระอภธิ รรมปฎก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 555 รวมกถาทม่ี ีในวรรคน้ีคอื ๑. อัตถอิ รหโตปุญูปจโยตกิ ถา ๒. นตั ถิอรหโตอกาลมัจจูตกิ ถา๓. สัพพมิทงั กัมมโตติกถา ๔. อินทรยิ พทั ธกถา ๕. ฐเปตวาอรยิ มัคคันติกถา๖. นวัตตพั พงั สงั โฆ ทกั ขิณงั ปฏคิ คัณหาตีตกิ ถา ๗. นวตตัพพัง สังโฆทักขิณวิโสเธตีตกิ ถา ๘. นวตั ตพั พัง สงั โฆภุญชตตี ิกถา ๙. นวัตวัพพังสงั ฆสั ส ทินนงั มหัปผลนั ตกิ ถา ๑๐. นวตั ตัพพัง พทุ ธัสสทนิ นงั มหปั ผลนั ตกิ ถา๑๑. ทกั ขณิ าวสิ ทุ ธกิ ถา. วรรคที่ ๑๗ จบ

พระอภธิ รรมปฎก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 556 วรรคที่ ๑๘ มนสุ สโลกกถา [๑๗๓๓] สกวาที ไมพ ึงกลา ววา พระผมู พี ระภาคเจาไดด ํารงอยูแลว ในมนษุ ยโลก หรอื ? ปรวาที ถูกแลว . ส. อาราม วหิ าร คาม นคิ ม นคร รัฐ ชนบททีพ่ ระพุทธเจาเคยประทบั อยู อนั เปน เจดยี  มีอยมู ิใชหรือ ? ป. ถูกแลว . ส. หากวา อาราม วิหาร คาม นคิ ม นคร รฐั ชนบททพี่ ระพทุ ธเจา เคยประทับอยู อันเปนเจดยี ม ีอยู ดว ยเหตนุ ้นั นะทานจงึตองกลา ววา พระผูมพี ระภาคเจา เคยดํารงอยใู นมนษุ ยโลก. [๑๗๓๔] ส. ไมพ ึงกลาววา พระผูมีพระภาคเจา เคยดํารงอยใู นมนษุ ยโลก หรือ ? ป. ถกู แลว . ส. พระผมู ีพระภาคเจา ประสูตทปี าลุมพนิ ี ตรัสรูที่ควงไมโ พธิ ประกาศธรรมจักรทเ่ี มืองพาราณสี ปลงอายสุ ังขารที่ปาวาลเจดีย ปรินพิ พานทเ่ี มอื งกสุ นิ ารา มใิ ชหรอื ? ป. ถกู แลว. ส. หากวา พระผมู ีพระภาคเจาประสูตทิ ่ปี า ลมุ พินี ฯลฯปรนิ ิพพานทเี่ มืองกสุ ินารา ดว ยเหตุนั้นนะทา นจึงตอ งกลา ววา พระผมู ี-พระภาคพุทธเจาไดด ํารงอยูแลวในมนุษยโลก.

พระอภิธรรมปฎ ก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 557 [๑๗๓๕] ส. ไมพงึ กลา ววา พระผมู ีพระภาคเจา ไดดํารงอยแู ลวในมนุษยโลก หรือ ? ป. ถกู แลว. ส. พระผมู ีพระภาคเจาไดตรัสไวว า ดูกอนภกิ ษทุ ้ังหลายสมยั หน่งึ เราพกั อยู ณ ควงไมส าละใหญ ในสภุ ควัน ใกลเ มอื งอกุ กฏั ฐะดกู อ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย สมัยหน่ึง เราแรกไดตรสั รู พักอยทู ตี่ น ไมอ ชปาลนโิ ครธตาํ บลอรุ เุ วลา ดูกอ นภกิ ษุท้งั หลาย สมยั หนึ่ง เราพักอยู ณ เวฬวุ ันกลนั ทกนวิ าปสถาน ใกลน ครราชคฤห ดูกอ นภกิ ษทุ ้งั หลาย สมัยหน่ึงเราพกั อยู ณ เชตวนั อารามของอนาถปณ ฑกิ เศรษฐี ใกลนครสาวัตถีดกู อ นภกิ ษุท้ังหลาย สมัยหน่งึ เราพักอยู ณ กฏู าคารศาลา ปา มหาวนัใกลน ครเวสาลี ดงั นี้ เปน สูตรมีอยจู รงิ มใิ ชห รือ ? ป. ถกู แลว . ส. ถา อยางน้ัน พระผูมีพระภาคเจา กไ็ ดด าํ รงอยูแ ลว ในมนษุ ยโลก นะสิ. [๑๗๓๖] ป. พระผูม พี ระภาคเจาไดด ํารงอยแู ลว ในมนษุ ยโลก หรือ ? ส. ถกู แลว . ป. พระผูม ีพระภาคเจา ทรงกําเนดิ ในโลก ทรงเจรญิ ในโลก แตท รงเปนผอู นั โลกไมแ ปดเปอ น ครอบงาํ โลกเสด็จอยู มิใชห รือ ? ส. ถูกแลว . ป. หากวาพระผมู ีพระภาคเจาทรงกาํ เนิดในโลก ทรงเจรญิ ในโลก แตทรงเปน ผอู นั โลกไมแ ปดเปอ น ครอบงําโลกเสดจ็ อยู ก็ตอ งไมกลาววา พระผมู พี ระภาคเจา ไดด าํ รงอยูแลว ในมนษุ ยโลก. มนสุ สโลกกถา จบ

พระอภธิ รรมปฎก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 558 อรรถกถามนุสสโลกกถา วาดว ย มนสุ สโลก บดั นี้ ชือ่ วาเร่อื งมนุสสโลก. ในเรอ่ื งนนั้ ชนเหลา ใดมคี วามเหน็ดจุ ลทั ธนิ ิกายเวตลุ ลกะท้ังหลายน่ันแหละวา พระผูมพี ระภาคเจา ทรงอบุ ัตใิ นสวรรคชน้ั ดสุ ติ และอยูใ นดุสิตเทวโลกนนั้ นนั่ แหละยอ มไมเสดจ็มาสูมนสุ สโลก แตท รงแสดงรปู นิมิตไวในมนุสสโลกน้ี เพราะไมพ ิจารณาถอื เอาพระสตู รทกี่ ลา วไวว า พระผูมีพระภาคเจา ทรงบงั เกิดในโลกทรงเจริญในโลก แตท รงเปน ผูอันโลกไมแ ปดเปอ น ทรงครอบงําโลกเสด็จอยู คําถามของสกวาทหี มายถึงชนเหลาน้นั คําตอบรบั รองเปนของปรวาท.ี ลาํ ดับนัน้ สกวาทเี พื่อจะใหป รวาทนี ัน้ รบั ดว ยโอกาสทถ่ี ามและทั้งดวยการพิสจู นด วย จงึ กลาวคําเปน ตนวา อาราม วิหาร...มีอยูมใิ ชห รอื . คาํ วา \"ทรงบงั เกิดในโลก\" ปรวาทกี ลาวหมายเอาสวรรคช น้ั ดุสิต.แตค าํ นี้พระศาสดาทรงตรสั หมายเอามนุสสโลกน้เี ทา นั้น. คาํ วา ทรงครอบงาํ โลก ปรวาทีกลาวเพราะความเหน็ วา ทรงครอบงําแลว ซ่ึงมนุสสโลก แตใ นคาํ น้พี ระคาสดาทรงครอบงําโลก คอื อารมณ. คําวาเปน ผูอนั โลกไมแ ปดเปอ น ปรวาทีกลา วหมายเอาความไมแปดเปอ นดวยมนสุ สโลก อันทจี่ ริงพระศาสดาไมท รงแปดเปอ นกิเลสทงั้ หลายในโลกธรรมท้งั หลาย เพราะฉะนั้น พระสตู รนี้จึงมิใชข ออางวาพระผูม-ีพระภาคเจาทรงอบุ ตั ิขึ้นในดสุ ติ เทวโลกน้นั ดังนี้แล. อรรถกถามนุสสโลกกถา จบ

พระอภิธรรมปฎก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 559 ธัมมเทสนากถา [๑๗๓๗] สกวาที ไมพ งึ กลา ววา พระธรรม อนั พระผูมพี ระภาคเจาทรงแสดงแลว หรอื ? ปรวาที ถูกแลว . ส. อนั ใครแสดงไว. ป. อนั พระพุทธนฤมติ รแสดงไว. ส. พระพทุ ธนฤมิตร เปนพระชนิ ะเปนพระศาสดา เปนพระสัมมาสัมพทุ ธเจา เปน พระสัพพัญู เปน พระสัพพทัสสาวี เปนพระธัมมสามี เปน พระธมั มปฏิสรณะ หรือ ? ป. ไมพ งึ กลา วอยา งนน้ั ฯลฯ ส. ไมพงึ กลา ววา พระธรรม อนั พระผูม พี ระภาคเจาทรงแสดงแลว หรือ ? ป. ถูกแลว . ส. อันใครแสดงไว. ป. อนั ทานพระอานนทแ สดงไว. ส. ทา นพระอานนท เปนพระชิน เปนพระศาสดา เปนพระสัมมาสัมพทุ ธเจา เปน พระสพั พัญู เปนพระสพั พทัสสาวี เปนพระธมั มสามี เปน พระธัมมปฏสิ รณะ หรอื ? ป. ไมพ ึงกลา วอยา งน้ัน ฯลฯ [๑๗๓๘] ส. ไมพ ึงกลา ววา พระธรรม อันพระผูมพี ระภาคเจาทรงแสดงแลว หรอื ? ป. ถูกแลว .

พระอภธิ รรมปฎก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 560 ส. พระผูม ีพระภาคเจา ไดต รสั ไววา ดกู อนสารบี ุตรเราพงึ แสดงธรรมโดยยอ บาง โดยพิสดารบา ง ทง้ั โดยยอ และโดยพสิ ดารบา ง พระผูรทู ั่วถงึ หาไดยาก ดงั น๑้ี เปนสูตรมอี ยูจ รงิ มิใชห รอื ? ป. ถกู แลว. ส. ถาอยางนั้น กพ็ ระธรรม อันพระผูมีพระภาคเจาทรงแสดงแลวนะสิ. [๑๗๓๙] ส. ไมพงึ กลา ววา พระธรรม อนั พระผมู พี ระภาคเจาทรงแสดงแลว หรอื ? ป. ถูกแลว . ส. พระผมู พี ระภาคเจาไดตรสั ไวว า \"ดูกอนภกิ ษทุ งั้ หลายเราแสดงธรรม เพื่อความรยู ่งิ ไมแสดงเพือ่ ความไมร ูย ง่ิ เราแสดงธรรมเปนไปกับดวยเหตุ ไมแสดงไรเหตุ เราแสดงธรรมเปน ไปกับดวยปาฏิหารยิ  ไมแ สดงไรป าฏหิ ารยิ  และโดยทีเ่ ราแสดงธรรมเพอื่ ความรูยงิ่ไมแสดงเพอ่ื ความไมรยู ิ่ง แสดงธรรมมีเหตุ ไมแสดงธรรมไรเหตุแสดงธรรมมปี าฏิหารยิ  ไมแสดงไรปาฏหิ ารยิ  โอวาทานศุ าสนีของเราจงึ ควรทาํ ตาม กแ็ ละพวกเธอควรทีจ่ ะยินดี ควรที่จะชื่นชม ควรทจ่ี ะโสมนสั วา พระผมู ีพระภาคเจาเปน ผูตรสั รูเองโดยชอบ พระธรรมอันพระผูม ีพระภาคเจาแสดงดแี ลว พระสงฆปฏบิ ัตดิ แี ลว ก็แหละเมื่อพระผูมพี ระภาคเจา ตรัสไวยากรณพจนน ีอ้ ยู หมน่ื โลกธาตไุ ดหวัน่ ไหวแลว ดงั น๒ี้ เปนสตู รมีอยูจ รงิ มิใชห รอื ?๑. องฺ ตกิ . ๒๐/๔๗๒.๒. องฺ ติก. ๒๐/๕๖๕.

พระอภิธรรมปฎก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 561 ป. ถกู แลว . ส. ถาอยางน้ัน กพ็ ระธรรมอนั พระผูม ีพระภาคเจา ทรงแสดงแลว นะส.ิ ธมั มเทสนากถา จบ อรรถกถาธมั มเทสนากถา วาดวย พระธรรมเทศนา บดั น้ี ชอื่ วา เรือ่ งพระธรรมเทศนา คอื การแสดงธรรม. ในเร่อื งนน้ัชนเหลา ใดมีความเห็นผิดดจุ ลัทธนิ ิกายเวตลุ ลกะน่นั แหละวา พระผูม -ีพระภาคเจา ดาํ รงอยูในสวรรคช้ันดุสติ และทรงสง รูปนิมิตไปเพือ่ตองการแสดงธรรม ทง้ั รูปนิมติ และท้ังทานพระอานนทรับพระธรรมเทศนาของพระพุทธเจา แลว จึงแสดง มิใชพ ระผูมีพระภาคเจาผูต รัสรูแ ลวทรงแสดง ดังนี้ คําถามของสกวาทีหมายถงึ ชนเหลานนั้ คําตอบรับรองเปนของปรวาที. ลําดบั นัน้ สกวาทีเพ่อื ทว งดวยคําวา ผิวา รปู นิมติ นั้นแสดงธรรม รูปนิมติ นั้นก็พึงเปนพระศาสดา ดงั นี้ จึงกลา ววา พระพุทธ-นฤมิตเปน พระชนิ ะ เปน ตน ปรวาทเี ม่ือไมยอมรับเชน นน้ั จึงตอบปฏเิ สธ. คาํ ทีเ่ หลือในทน่ี ม้ี อี รรถต้นื ท้ังน้นั ดังนแ้ี ล. อรรถกถาธัมมเทศนากถา จบ

พระอภิธรรมปฎก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 562 กรณุ ากถา [๑๗๔๐] สกวาที กรณุ าของพระผูมพี ระภาคเจา ไมม ี หรือ ? ปรวาที ถูกแลว. ส. เมตตาของพระผูมีพระภาคเจา ไมมี หรือ ? ป. ไมพ ึงกลา วอยา งนนั้ ฯลฯ ส. กรุณาของพระผมู ีพระภาคเจาไมมี หรอื ? ป. ถกู แลว. ส. มุทติ า ฯลฯ อุเบกขา ของพระผมู พี ระภาคเจา ไมมีหรอื ? ป. ไมพ งึ กลา วอยา งนน้ั ฯลฯ [๑๗๔๑] ส. เมตตา ของพระผมู พี ระภาคเจา มอี ยู หรือ ? ป. ถูกแลว. ส. กรุณาของพระผูมีพระภาคเจา มีอยู หรอื ? ป. ไมพึงกลา วอยางนนั้ ฯลฯ ส. มทุ ติ า ฯลฯ อเุ บกขา ของพระผมู พี ระภาคเจา มีอยูหรือ ? ป. ถกู แลว. ส. กรณุ าของพระผมู พี ระภาคเจา มีอยู หรอื ? ป. ไมพงึ กลาวอยางนั้น ฯลฯ [๑๗๔๒] ส. กรุณาของพระผูมพี ระภาคเจา ไมม หี รอื ? ป. ถกู แลว . ส. พระผมู พี ระภาคเจามใิ ชประกอบดวยพระกรณุ า

พระอภธิ รรมปฎก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 563หรือ ? ป. ไมพ งึ กลาวอยา งนน้ั ฯลฯ ส. พระผูมพี ระภาคเจาทรงประกอบดว ยพระกรณุ าทรงเก้อื กูลโลก ทรงอนเุ คราะหโ ลก ทรงประพฤตปิ ระโยชนแกโ ลก มใิ ชหรือ ? ป. ถูกแลว. ส. หากวา พระผมู ีพระภาคเจาทรงประกอบดวยพระ-กรุณา ทรงเกือ้ กูลโลก ทรงอนุเคราะหโลก ทรงประพฤตปิ ระโยชนแ กโลก กต็ อ งไมก ลา ววา กรุณาของพระผูมีพระภาคเจา ไมม.ี [๑๗๔๓] ส. กรุณาของพระผูม พี ระภาคเจาไมมหี รอื ? ป. ถกู แลว . ส. พระผูมีพระภาคเจา ทรงเขา มหากรุณาสมาบตั แิ ลวมิใชหรือ ? ป. ถกู แลว. ส. หากวา พระผมู พี ระภาคเจาทรงเขามหากรณุ าสมาบตั ิแลว ก็ตองไมกลาววา กรุณาของพระผมู ีพระภาคเจา ไมม .ี [๑๗๔๔] ป. กรุณาของพระผมู พี ระภาคเจา มอี ยู หรือ ? ส. ถูกแลว . ป. พระผมู ีพระภาคเจา มรี าคะ. หรอื ? ส. ไมพึงกลา วอยา งนน้ั ฯลฯ ป. ถาอยางนั้น กรุณาของพระผมู พี ระภาคเจา ก็ไมมีนะสิ. กรุณากถา จบ

พระอภิธรรมปฎก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 564 อรรถกถากรุณากถา วา ดว ย ความกรุณา บดั น้ี ชือ่ วา เร่ืองความกรณุ า. ในเร่อื งนนั้ ชนเหลาใดมีความเหน็ผิดดจุ ลัทธินกิ ายอตุ ตราปถกะทงั้ หลายวา ธรรมดาวาความกรณุ ากค็ ือราคะน่ันแหละ ราคะน้ันยอมไมมแี กพระผูมีพระภาคเจา เพราะฉะน้นัความกรณุ าของพระพทุ ธเจาไมมี เพราะเหน็ ความเปนไปแหงธรรมมีราคะทง้ั หลายซ่ึงเปนกรุณาปฏริ ปู ดว ยอํานาจแหง ความยนิ ดีอันเปนพืชแหง วัตถุทง้ั หลายอนั นารกั ใคร ดงั นี้ คําถามของสกวาทีหมายถงึ ชนเหลา นั้นคําตอบรบั รองเปน ของปรวาท.ี ลาํ ดับนัน้ สกวาทจี งึ กลาววา เมตตาของพระผูมพี ระภาคเจา ไมมีหรือ เปนตน เพือ่ ทวงดว ยคาํ วา ความกรุณาน้ันมีชาติเสมอกบั ธรรมทง้ั หลายมีเมตตาเปนตน เพราะความเปน ธรรมมิใชกิเลส เพราะความมีสัตวเ ปน อารมณ เพราะความเปนเจโตวิมตุ ิและเพราะความเปน ธรรมมอี านิสงส ๑๑ ประการ เพราะฉะน้นั ถาความกรุณาของพระผมู ีพระภาคเจาไมมไี ซร ธรรมทั้งหลายแมม เี มตตาเปนตนก็ไมพ ึงมแี กพระพทุ ธเจา ดังน.้ี ในปญ หาวา กรุณาของพระผมู พี ระภาคเจาไมมีหรือ ปรวาทเี มอ่ื ไมเห็นโวหารเชน นน้ั จึงตอบปฏิเสธ. คาํ ที่เหลือในท่ีนม้ี ีอรรถตน้ื ทัง้ นน้ั ดงั นี้แล. อรรถกถากรณุ ากถา จบ

พระอภธิ รรมปฎ ก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 565 คันธชาตกิ ถา [๑๗๔๕] สกวาที อจุ จาระปสสาวะของพระผมู ีพระภาคเจา หอมเกินคันธชาติอน่ื ๆ หรือ ? ปรวาที ถูกแลว. ส. พระผูม ีพระภาคเจา ทรงบริโภคของหอม หรือ ? ป. ไมพ งึ กลา วอยา งนนั้ ฯลฯ ส. พระผูม พี ระภาคเจา ทรงบริโภคขา วสกุ และขนมกมุ มาส มใิ ชห รอื ? ป. ถูกแลว . ส. หากวา พระผูม ีพระภาคเจาทรงบริโภคขา วสุกและขนมกมุ มาส กต็ องไมกลา ววา อจุ จาระปส สาวะของพระผมู พี ระภาคเจาหอมเกินคันธชาติอื่น ๆ. [๑๗๔๖] ส. อุจจาระปสสาวะของพระผูมีพระภาคเจา หอมเกนิคันธชาตอิ ื่น ๆ หรือ ? ป. ถกู แลว . ส. คนบางพวกทอ่ี าบ ทา เจมิ อจุ จาระปส สาวะของพระผมู พี ระภาคเจา เก็บไวใ นลุง ๑ บรรจุไวใ นขวด แผขายท่ตี ลาด กระทาํกิจดวยของหอม ดว ยกลิน่ น้ัน มีอยู หรอื ? ป. ไมพึงกลา วอยา งน้นั ฯลฯ คันธชาติกถา จบ๑. ลงุ -ภาชนะสาํ หรับใสข อง, ดูนยิ ามคําในพจนานุกรมฉบบั ราชบัณฑิต.

พระอภิธรรมปฎก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 566 อรรถกถาคันธชาติกถา วา ดว ย คันธชาติ บดั น้ี ชอ่ื วาเร่อื งคนั ธชาติ คอื ของหอม. ในเร่อื งนนั้ ชนเหลา ใดมคี วามเหน็ ผดิ ดจุ ลัทธนิ กิ ายอนั ธกะและอุตตราปถกะบางพวกวา อจุ จาระปส สาวะของพระผมู ีพระภาคเจามีกลิน่ หอมย่ิงกวา คนั ธชาตอิ นื่ ๆ ดวยอํานาจความรักในพระผมู ีพระภาคเจา ผูเปน พระพทุ ธเจา โดยไมพ จิ ารณาดว ยเหตุนนั้ น่ันแหละจึงวา คันธชาติอนั หอมยิง่ กวาอจุ จาระปสสาวะของพระพุทธเจาไมมี ดังน้ี คาํ ถามของสกวาทีหมายถึงชนเหลานนั้ คาํ ตอบรับรองเปนของปรวาที. คําทเ่ี หลอื พึงทราบตามพระบาลนี น่ั แหละ ดงั น้ีแล. อรรถกถาคันธชาติกถา จบ

พระอภิธรรมปฎก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 567 เอกมคั คกถา [๑๗๔๗] สกวาที สามัญญผล ๔ ทาํ ใหแ จง ไดด ว ยอริยมรรคอันเดยี ว หรือ ? ปรวาที ถูกแลว. ส. เปนความประชมุ แหง ผสั สะ ๔ ฯลฯ แหงปญ ญา ๔หรือ ? ป. ไมพ ึงกลาวอยางน้นั ฯลฯ ส. สามัญญผล ๔ ทําใหแ จงไดดวยอรยิ มรรคอันเดียวหรอื ? ป. ถูกแลว . ส. ดวยโสดาปตติมรรค หรือ ? ป. ไมพงึ กลาวอยางนัน้ ฯลฯ ส. ดว ยสกทาคามมิ รรค ฯลฯ ดว ยอนาคามิมรรค หรือ ? ป. ไมพึงกลา วอยางนนั้ ฯลฯ ส. ดว ยมรรคไหน? ป. ดวยอรหตั มรรค. ส. ละสักกายทิฏฐิ วิจกิ ิจฉา สีลพั พตปรามาส ไดด ว ยอรหัตมรรค หรือ ? ป. ไมพ งึ กลา วอยางน้นั ฯลฯ ส. ละสักกายทฏิ ฐิ วิจกิ จิ ฉา สีลพั พตปรามาสไดด ว ยอรหัตมรรค หรือ ? ป. ถูกแลว .

พระอภธิ รรมปฎ ก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 568 ส. พระผูมีพระภาคเจาตรัสการละสัญโญชน ๓ วาโสดาปตติผล มิใช หรอื ? ป. ถกู แลว. ส. หากวา พระผูมพี ระภาคเจา ตรสั การละสญั โญชน๓ วา โสดาปต ติผล กต็ องไมกลาววา ละสกั กายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สลี ัพพต-ปรามาสไดด ว ยอรหตั มรรค. ส. ละกามราคะอยา งหยาบ พยาบาทอยา งหยาบไดด ว ยอรหตั มรรค หรอื ? ป. ไมพงึ กลาวอยา งนั้น ฯลฯ ส. ละกามราคะอยา งหยาบ พยาบาทอยางหยาบไดด วยอรหัตมรรค หรือ ? ป. ถูกแลว. ส. พระผมู ีพระภาคเจาตรสั ความเบาบางแหงกามราคะและพยาบาทวา สกทาคามิผล มใิ ชหรือ ? ป. ถกู แลว . ส. หากวา พระผูมีพระภาคเจาตรสั ความเบาบางแหงกามราคะและพยาบาทวา สกทาคามผิ ล ก็ตองไมก ลาววา ละกามราคะอยา งหยาบ พยาบาทอยางหยาบไดด วยอรหัตมรรค. ส. ละกามราคะอยางละเอยี ด พยาบาทอยา งละเอยี ดไดดวยอรหัตมรรค หรือ ? ป. ไมพึงกลาวอยา งนัน้ ฯ ล ฯ ส. ละกามราคะอยางละเอียด พยาบาทอยางละเอยี ดได

พระอภธิ รรมปฎ ก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 569ดว ยอรหัตมรรค หรือ ? ป. ถกู แลว . ส. พระผมู พี ระภาคเจา ตรสั การละกามราคะและพยาบาทโดยไมม ีสวนเหลือวา อนาคามิผล มิใชหรือ ? ป. ถูกแลว . ส. หากวา พระผูมพี ระภาคเจาตรสั การละกามราคะพยาบาทโดยไมมสี ว นเหลือวา อนาคามิผล ก็ตอ งไมก ลา ววา ละกามราคะอยา งละเอียด พยาบาทอยา งละเอียดไดด ว ยอรหตั มรรค. [๑๗๔๘] ป. ไมพงึ กลาววา สามญั ญผล ๔ ทําใหแ จง ไดด วยอริย-มรรคอันเดียว หรือ ? ส. ถกู แลว . ป. โสดาปต ติมรรค พระผมู พี ระภาคเจาทรงใหเกิดแลวหรอื ? ส. ถูกแลว. ป. พระผมู ีพระภาคเจาเปน พระโสดาบนั หรือ ? ส. ไมพงึ กลา วอยา งน้ัน ฯลฯ ป. สกทาคามมิ รรค ฯล อนาคามิมรรค พระผมู ีพระ-ภาคเจา ทรงใหเ กดิ แลว หรือ ? ส. ถูกแลว. ป. พระผมู พี ระภาคเจาเปน พระอนาคามี หรือ ? ส. ไมพึงกลา วอยา งนั้น ฯลฯ [๑๗๔๙] ส. พระผมู ีพระภาคเจา ทรงทําใหแ จงซงึ่ สามัญญผล ๔

พระอภิธรรมปฎ ก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 570ดวยอรยิ มรรคอนั เดียว แตพระสาวกท้ังหลายทําใหแจง สามญั ญผล ๔ดวยอริยมรรค ๔ หรือ ? ป. ถกู แลว . ส. พระสาวกเหน็ ธรรมที่พระผูมพี ระภาคเจามไิ ดเห็นบรรลุธรรมทพ่ี ระผูมีพระภาคเจามิไดบ รรลุ ทําใหแจงธรรมที่พระผูม-ีพระภาคเจา มิไดท ําใหแ จง หรือ ? ป. ไมพึงกลา วอยา งนน้ั ฯลฯ เอกมคั คกถา จบ อรรถกถาเอกมคั คกถา วา ดวย อริยมรรคอันเดยี ว บัดนี้ ชอ่ื วา เรื่องอรยิ มรรคอันเดยี ว. ในเรอ่ื งนั้น ชนเหลาใดมีความเห็นผิดดจุ สัทธินกิ ายอนั ธกะและอุตตราปถกะบางพวกเหลา นั้นนน่ั แหละวา พระผูมีพระภาคเจาเปนพระโสดาบนั เปน พระสกทาคามีเปน พระอนาคามีและทาํ ใหแจง ซึ่งพระอรหันต แลว ก็ทําใหแจง ซึ่งผล ๔ดว ยอรยิ มรรคเดยี วเทานั้น ดว ยอํานาจความรกั ในพระผูม พี ระภาคเจาผเู ปน พระพทุ ธเจาโดยไมพ ิจารณา ดังน้ี คาํ ถามของสกวาทีหมายถึงชนเหลานน้ั คําตอบรบั รองเปน ของปรวาท.ี ลาํ ดับนน้ั สกวาทจี งึ กลาวคาํ วา เปน ความประชุมแหงผัสสะ ๔ เปน ตนเพือ่ ทว งดว ยความสามารถแหงธรรมทงั้ หลายอยางละ ๔ มผี สั สะ ๔ เปนตน ที่เกดิ ขึ้นกบั ผลทั้ง ๔โดยรวมเปนอันเดียวกัน. คําวา ดวยโสดาปต ติมรรค เปน ตน สกวาทกี ลาวเพ่ือถามวา

พระอภิธรรมปฎก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 571ยอมทาํ ใหแ จง ดว ยมรรคไหน ? คร้นั ปรวาทตี อบวา ดว ยอรหตั มรรคสกวาทจี งึ ทว งดว ยอาํ นาจภาวะแหงการละกเิ ลสทงั้ หลายมีสกั กายทิฏฐิเปนตน . คําวา พระผูมีพระภาคเจาเปนพระโสดาบนั หรือ สกวาทีตอบปฏิเสธเพราะวา พระพทุ ธเจา เปน เพียงพระโสดาบันยอ มไมม .ี แมใน ๒ปญ หาขางหนาก็นยั นี้ คําทีเ่ หลือในทน่ี ี้ พึงทราบตามพระบาลนี ่ันแหละดังนี้แล. อรรถกถาเอกมัคคกถา จบ

พระอภิธรรมปฎ ก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 572 ฌานสงั กนั ติกถา [๑๗๕๐] สกวาที โยคีบุคคลเลอ่ื นสฌู านหน่งึ จากฌานหนง่ึ หรือ ? ปรวาที ถกู แลว . ส. เล่อื นสูตตยิ ฌาน จากปฐมฌานได หรือ ? ป. ไมพึงกลา วอยา งน้ัน ฯลฯ ส. โยคีบุคคลเลื่อนสูฌานหนง่ึ จากฌานหนง่ึ หรือ ? ป. ถูกแลว. ส. เลื่อนสจู ตุตถฌาน จากทุตยิ ฌานได หรอื ? ป. ไมพงึ กลา วอยางนั้น ฯลฯ [๑๗๕๑] ส. เลือ่ นสทู ุติยฌาน จากปฐมฌาน หรอื ? ป. ถูกแลว . ส. ความนึก ฯลฯ ความตงั้ ใจ อนั ใด เพอ่ื ความเกิดข้นึแหงปฐมฌาน ความนกึ ฯลฯ ความต้ังใจอันนั้น เพอื่ ความเกิดข้นึ แหงทตุ ยิ ฌาน หรอื ? ป. ไมพึงกลาวอยา งนน้ั ฯลฯ ส. โยคีบคุ คลเคลอ่ื นทุติยฌาน จากปฐมฌานแล แตไมพ งึ กลาววา ความนึก ฯลฯ ความตง้ั ใจอนั ใด เพอ่ื ความเกิดข้นึ แหงปฐมฌาน ความนกึ ฯลฯ ความตัง้ ใจอนั นัน้ แล เพื่อความเกิดขน้ึ แหงทตุ ยิ ฌาน หรือ ? ป. ถกู แลว . ส. ทตุ ยิ ฌาน เกดิ ข้ึนไดแกโ ยคบี คุ คลผูไมน กึ ถงึ อยู ฯลฯเกดิ ข้นึ แกโ ยคีบคุ คลผไู มตงั้ ใจอยู หรอื ?

พระอภิธรรมปฎ ก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 573 ป. ไมพ ึงกลา วอยางน้ัน ฯลฯ ส. ทุตยิ ฌานยอมเกดิ ขึน้ แกโยคบี คุ คลผนู กึ ฯลฯ ยอ มเกดิ ข้ึนแกโยคบี ุคคลผูตงั้ ใจ มิใชหรือ ? ป. ถกู แลว . ส. หากวา ทุติยฌานยอ มเกดิ ข้นึ แกโ ยคีบคุ คลผูนกึ ถึงอยูฯลฯ ยอ มเกิดข้ึนแกโยคบี ุคคลผตู ง้ั ใจอยู ก็ตองไมก ลาววา โยคีบคุ คลเลื่อนสูทุตยิ ฌาน จากปฐมฌาน. ส. โยคบี คุ คลเลอ่ื นสทู ตุ ยิ ฌาน จากปฐมฌาน หรือ ? ป. ถกู แลว. ส. ปฐมฌานยอมเกิดข้นึ แกโ ยคีบุคคล ผูกระทาํ ไวในใจซ่ึงกามทัง้ หลายโดยความเปน ของมโี ทษ หรอื ? ป. ถูกแลว. ส. ทุตยิ ฌาน ก็เกิดขน้ึ แกโ ยคีบุคคลผูทาํ ไวในใจซึง่ กามท้งั หลาย โดยความเปน ของมีโทษ หรือ ? ป. ไมพงึ กลาวอยางนนั้ ฯลฯ ส. ปฐมฌาน มวี ติ ก มวี จิ าร หรือ ? ป. ถูกแลว. ส. ทตุ ิยฌานก็มีวติ ก มวี จิ าร หรือ ? ป. ไมพ งึ กลา วอยา งน้นั ฯลฯ ส. โยคบี ุคคลเล่อื นสูทตุ ยิ ฌาน จากปฐมฌาน หรือ ? ป. ถกู แลว. ส. ปฐมฌานอันนัน้ ทตุ ิยฌานก็อันน้นั แล หรือ ?

พระอภิธรรมปฎก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 574 ป. ไมพงึ กลา วอยา งนน้ั ฯลฯ [๑๗๕๒] ส. โยคีบุคคลเลอื่ นสตู ติยฌานจากทตุ ิยฌาน หรือ ? ป. ถูกแลว. ส. ความนกึ ฯลฯ ความตั้งใจ อนั ใด เพือ่ ความเกดิ ข้ึนแหง ทตุ ิยฌาน ความนึก ฯลฯ ความตงั้ ใจอันนั้นแล เพื่อความเกดิ ข้นึ แหงตตยิ ฌาน หรอื ? ป. ไมพ งึ กลา วอยางน้ัน ฯลฯ ส. โยคบี ุคคลเลื่อนสูตติยฌานจากทุติยฌานแล แตไ มพงึ กลาววา ความนึก ฯลฯ ความต้ังใจอันใด เพ่ือความเกิดขน้ึ แหงทตุ ิยฌาน ความนกึ ฯลฯ ความตัง้ ใจอนั นน้ั แล เพือ่ ความเกดิ ขนึ้ แหงตติยฌาน หรอื ? ป. ถกู แลว. ส. ตตยิ ฌาน ยอ มเกิดขน้ึ แกโยคบี คุ คลผไู มน ึกถงึ อยู ฯลฯเกดิ ขึน้ แกโยคบี ุคคลผไู มต้งั ใจอยู หรอื ? ป. ไมพงึ กลา วอยางนัน้ ฯลฯ ส. ตตยิ ฌานยอมเกดิ ขน้ึ แกโ ยคีบุคคลผนู กึ ถงึ อยู ฯลฯยอมเกิดขึ้นแกโยคบี ุคคลผตู ัง้ ใจอยู มใิ ชห รือ ? ป. ถกู แลว. ส. หากวา ตตยิ ฌานยอ มเกดิ ข้ึนแกโยคบี ุคคลผูน กึ ถึงอยู ฯลฯ ยอ มเกดิ ข้ึนแกโ ยคีบุคคลผตู ้ังใจอยู กต็ องไมก ลา ววา โยคีบุคคลเล่อื นสูต ตยิ ฌาน จากทตุ ิยฌาน. ส. โยคบี คุ คลเล่อื นสตู ติยฌานจากทตุ ิยฌาน หรือ ?

พระอภธิ รรมปฎ ก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 575 ป. ถูกแลว. ส. ทตุ ิยฌาน ยอมเกดิ ขนึ้ แกโ ยคบี คุ คลผกู ระทาํ ไวใ นใจซึง่ วิตก และวจิ ารโดยความเปนธรรมมโี ทษ หรอื ? ป. ถูกแลว. ส. ตตยิ ฌาน ยอมเกดิ ขน้ึ แกโ ยคบี ุคคลผูก ระทําไวใ นใจซ่ึงวิตก และวจิ ารโดยความเปนธรรมมีโทษ หรอื ? ป. ไมพึงกลา วอยา งนัน้ ฯลฯ ส. ทตุ ยิ ฌาน ยงั มีปต ิ หรือ ? ป. ถูกแลว. ส. ตตยิ ฌาน ก็ยังมีปติ หรอื ? ป. ไมพ ึงกลา วอยา งน้นั ฯลฯ ส. โยคีบุคคลเลอ่ื นสตู ตยิ ฌานจากทุติยฌาน หรือ ? ป. ถูกแลว . ส. ทุติยฌานอันนั้น ตติยฌานกอ็ ันนน้ั แล หรอื ? ป. ไมพึงกลาวอยางน้นั ฯลฯ [๑๗๕๓] ส. โยคบี ุคคลเลอื่ นสจู ตตุ ถฌานจากตติยฌาน หรือ ? ป. ถูกแลว . ส. ความนึก ฯลฯ ความตงั้ ใจ อันใด เพอ่ื ความเกดิ ข้ึนแหงตตยิ ฌาน ความนึก ฯลฯ ความตง้ั ใจอันนัน้ แล เพื่อความเกิดขึ้นแหงจตตุ ถฌาน หรอื ? ป. ไมพ ึงกลา วอยางนน้ั ฯลฯ ส. โยคบี คุ คลเลอ่ื นสูจ ตตุ ถฌานจากตติยฌานแล แตไม

พระอภธิ รรมปฎก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 576พงึ กลาววา ความนึก ฯลฯ ความตั้งใจอนั ใด เพ่ือความเกิดข้นึ แหง ตติยฌานความนึก ฯลฯ ความตั้งใจอันนนั้ แล เพื่อความเกิดข้นึ แหง จตตุ ถฌานหรอื ? ป. ถูกแลว. ส. จตตุ ถฌาน ยอมเกิดขน้ึ แกโยคีบคุ คลผูไมนึกถึงอยูฯลฯ ยอ มเกิดขนึ้ แกโ ยคีบคุ คลผไู มต ้งั ใจอยู หรอื ? ป. ไมพ ึงกลาวอยา งนน้ั ฯลฯ ส. จตตุ ถฌาน ยอมเกิดขนึ้ แกโ ยคีบุคคลผนู กึ ถึงอยู ฯลฯยอ มเกดิ ขน้ึ แกโยคบี คุ คลผูตงั้ ใจอยู มิใชหรือ ? ป. ถูกแลว . ส. หากวา จตตุ ถฌานยอ มเกดิ ขนึ้ แกโ ยคบี ุคคลผนู ึกถึงอยู ฯลฯ ยอ มเกดิ ขึ้นแกโ ยคีบุคคลผูตง้ั ใจอยู กต็ อ งไมก ลาววา โยคบี คุ คลเล่ือนสจู ตุตถฌานจากตติยฌาน. ส. โยคบี คุ คลเลอื่ นสูจตุตถฌานจากตตยิ ฌาน หรือ ? ป. ถกู แลว. ส. ตตยิ ฌาน ยอมเกดิ ข้นึ แกโยคีบุคคลผูก ระทาํ ไวในใจซ่งึ ปติ โดยความเปน ธรรมมีโทษ หรือ ? ป. ถูกแลว. ส. จตุตถฌาน ก็เกิดขนึ้ แกโ ยคบี ุคคลผกู ระทําไวในใจซง่ึ ปต โิ ดยความเปนธรรมมโี ทษ หรือ ? ป. ไมพ งึ กลา วอยา งน้นั ฯลฯ ส. ตติยฌาน สหรคตดว ยสขุ หรือ ? ป. ถกู แลว .
















































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook