Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_81

tripitaka_81

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:45

Description: tripitaka_81

Search

Read the Text Version

พระอภธิ รรมปฎ ก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 92 ส. ไมพ งึ กลาวอยางนัน้ ฯลฯ ป. โลกตุ ตรกศุ ล เปน ธรรมมีวิบาก แตเ ปน อปจยคามีหรอื ? ส. ถูกแลว . ป. ปาวจรกุศล ฯลฯ อรปู าวจรกศุ ล เปน ธรรมมีวิบากแตเ ปนอปจยคามี หรือ ? ส. ไมพ ึงกลาวอยา งน้ัน ฯลฯ อริยธมั มวิปากกถา จบ อรรถกถาอริยัมมวปิ ากกถา วาดวย วิบากแหงอริยธรรม บัดน้ี ชอ่ื วาเร่อื งวบิ ากแหง อรยิ ธรรม. ในปญหานนั้ ชนเหลา ใดมคี วามเหน็ ผดิ ดจุ ลัทธขิ องนิกายอนั ธกะทง้ั หลายวา สามญั ญผล คอืผลแหงความเปน สมณะ สกั วาการละกิเลสเทา นั้นหาใชจ ิตและเจตสิกธรรมไม ดังนี้ คําถามของสกวาทีวา วบิ ากแหง อรยิ ธรรมไมมหี รอื โดยหมายถึงชนเหลาน้นั . บรรดาคําเหลา นั้น คําวา วิบากแหงอรยิ ธรรม ไดแกผลของอรยิ มรรค คําตอบรับรองของปรวาทีโดยลัทธิวา อริยผล สักวาเปนการสิ้นไปแหง กเิ ลส. คําวา สามญั ญะ ไดแก คณุ เครือ่ งความเปน สมณะ คาํ น้ีเปนชอื่ ของอรยิ มรรค สมจรงิ ดงั คําท่ีพระผมู พี ระภาคเจาตรัสไววา ดูกอนภกิ ษุทงั้ หลาย เราจกั แสดงความเปนสมณะ และผลแหงความเปนสมณะแกเธอท้ังหลาย ดงั น.ี้ แมใ นคุณเครอ่ื งความเปนพรหมคือพรหมัญญะ ก็นัยนเี้ หมือนกัน.

พระอภิธรรมปฎก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 93 ในปญ หาทั้งหลาย มีคาํ วา โสดาปตตผิ ลไมเ ปนวิบากหรอื เปนตนปรวาทีตอบรบั รองซ่งึ ความท่อี ริยผลทัง้ หลายไมเ ปนวิบาก เพราะหมายเอาความทโ่ี สดาปตตมิ รรคเปนตน ไมม ีการส่ังสมวัฏฏะ ยอมตอบปฏเิ สธผลแหง ทานเปนตน คือหมายเอาเปนวปิ ากวัฏ. จรงิ อยู ทานหา มอรรถแหงอาจยคามตี กิ ะ๑ ดวยคําอยางนีว้ า ธรรมเหลาใดยอมไปสทู ่มี ีการสงั่ สมอันบณั ฑติ นบั พรอ มแลว วาวิบาก เพราะเหตนุ ้ัน ธรรมเหลานั้นจึงชื่อวาอาจยคามี อีกอยา งหนงึ่ ธรรมเหลาใดเมือ่ สั่งสมยอ มไปสทู ี่มกี ารสงั่ สมเพราะเหตุน้ัน ธรรมเหลาน้ัน จงึ ชอ่ื วา อาจยคามี ธรรมเหลา ใดเม่อื ไมมีการส่งั สมวิบากยอ มไป เพราะเหตุนั้น ธรรมเหลานัน้ จึงชือ่ วา อปจยคามีเพราะฉะน้ัน ปรวาทจี งึ ตอบรับรองดวย ปฏเิ สธดว ย อยา งน.ี้ คาํ ถามวา กามาวจรกุศลมีวิบากเปนอาจยคามี คอื เปน ธรรมสัง่ สมวปิ ากวัฏ ดงั นี้ เปนของปรวาที คาํ ตอบรับรองและปฏเิ สธเปนของสกวาที. จริงอยู โลกยิ กศุ ลวิบาก ชือ่ วา อาจยคามี เพราะอรรถวามปี กติ ไมส ง่ั สมจตุ ิ ปฏิสนธิ และวฏั ฏะเปน ไป โลกตุ ตรกุศลนย้ี อมเปนธรรมมวี ิบากทัง้ น้นั มใิ ชไมม ีวบิ ากดวยเหตสุ ักแตคาํ วา เปน อปจยคามีคือเปน ธรรมไมส่ังสมจุติ ปฏิสนธิ และวัฏฏะ. พึงทราบคําตอบรับรองและปฏิเสธของสกวาทใี นที่น้ี เพราะหมายเอาเน้อื ความน้ี ดว ยประการฉะนี้แล. อรรถกถาอรยิ ธัมมวิปากกถา จบ๑. คําวา อาจยคามตี ิกะไดแกหมวด ๓ แหงอาจายคามีในตกิ มตกิ า.

พระอภธิ รรมปฎ ก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 94 วปิ าโกวิปากธมั มธัมโมติกถา [๑๑๘๗] สกวาที วิบาก เปน ธรรมทเ่ี ปน เหตแุ หงวบิ าก หรอื ? ปรวาที ถูกแลว. ส. วิบากของวบิ ากนน้ั กเ็ ปนธรรมท่ีเปน เหตุแหงวบิ ากหรือ ? ป. ไมพ งึ กลาวอยางน้นั ฯลฯ ส. วบิ ากของวิบากนน้ั ก็เปน ธรรมทเ่ี ปนเหตุแหง วบิ ากหรือ ? ป. ถกู แลว . ส. เมือ่ เปนอยา งนั้น วิบากน้ัน ๆ กไ็ มมีการทําทส่ี ุดทุกขไมมคี วามขาดตอนแหงวฏั ฏะ ไมม ีอนปุ าทาปรนิ พิ พาน หรือ ? ป. ไมพ ึงกลา วอยางนนั้ ฯลฯ [๑๑๘๘] ส. วิบาก เปน ธรรมท่ีเปน เหตแุ หง วิบาก หรอื ? ป. ถกู แลว . ส. คําวา วิบาก หรอื วาธรรมทเ่ี ปนเหตแุ หง วบิ ากก็ดีคาํ วา ธรรมทเี่ ปน เหตุแหง วบิ าก หรือวา วบิ ากก็ดี คําท้ัง ๒ น้ีกอ็ ยางเดยี วกัน เสมอกนั เทา กัน เหมอื นกนั หรือ ? ป. ไมพ งึ กลา วอยางน้นั ฯลฯ [๑๑๘๙] ส. วิบาก เปน ธรรมที่เปนเหตแุ หงวบิ าก หรือ ? ป. ถูกแลว. ส. วิบาก กับธรรมทเ่ี ปน เหตุแหง วบิ าก ธรรมทเ่ี ปน เหตุแหงวบิ าก กับวบิ าก สหรคตกัน เกดิ รว มกนั ระคนกนั สมั ปยตุ กนั เกดิ -

พระอภธิ รรมปฎก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 95ดว ยกัน ดบั ดว ยกนั มวี ตั ถุอนั เดียวกัน มอี ารมณอ นั เดยี วกัน หรอื ? ป. ไมพ งึ กลาวอยางนั้น ฯลฯ [๑๑๙๐] ส. วิบาก เปนธรรมทเี่ ปนเหตแุ หง วบิ าก หรอื ? ป. ถกู แลว. ส. อกศุ ลอันนน้ั วิบากแหงอกุศลกอ็ ันนน้ั แล กุศลอันน้นัวบิ ากแหง กุศลก็อนั นน้ั แล หรอื ? ป. ไมพ งึ กลาวอยา งน้ัน ฯลฯ [๑๑๙๑] ส. วบิ าก เปน ธรรมท่เี ปน เหตแุ หง วบิ าก หรอื ? ป. ถกู แลว . ส. บุคคลฆาสัตวดวยจติ ใด กไ็ หมใ นนรกดว ยจติ นนั้แหละ บคุ คลใหท านดวยจติ ใด กบ็ นั เทิงในสวรรคโ ดยจติ น้นั แหละ หรือ ? ป. ไมพ งึ กลา วอยา งนน้ั ฯลฯ [๑๑๙๒] ป. ไมพ งึ กลา ววา วิบาก เปน ธรรมที่เปน เหตแุ หงวบิ าก ส. ถกู แลว. ป. วบิ าก คอื ขันธ ๔ สวนนามธรรม เปน อญั ญมญั ญ-ปจจัย มิใช หรือ ? ส. ถูกแลว . ป. หากวา วบิ าก คอื ขนั ธ ๔ สวนนามธรรมเปน อญั ญ-มญั ญปจ จยั ดวยเหตนุ ้นั นะทา นจงึ ตองกลาววา วิบากเปน ธรรมทเ่ี ปนเหตุแหง วิบาก. วปิ าโกวิปากธัมมธมั โมติกถา จบ

พระอภธิ รรมปฎก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 96 อรรถกถาวปิ าโกวปิ ากธัมมธัมโมตกิ ถา วาดว ย วปิ ากะเปนวปิ ากธมั มธรรม บดั นี้ ชื่อวา เรือ่ งวบิ ากเปน วิปากธมั มธรรม คอื วิบากเปน ธรรมทีเ่ ปนเหตุใหว ปิ ากะเกิดขึน้ . ในปญหาน้นั วบิ ากเปน ปจจัยแกว ิบากดวยอํานาจแหง อญั ญมญั ญปจจัย เปน ตน มอี ยู ชนเหลา ใดมคี วามเห็นผดิ ดุจลทั ธขิ องนกิ ายอนั ธกะทั้งหลายวา แมวบิ ากกเ็ ปน วปิ ากธัมมธรรม คือเปน ธรรมทีเ่ ปนเหตุใหวบิ ากเกิดขึ้น ดงั นี้ คําถามของสกวาที หมายถงึชนเหลาน้ัน คําตอบรบั รองเปนของปรวาที. คําวา วิบากของวบิ ากน้ันก็เปนธรรมที่เปน เหตแุ หงวิบาก ความวา สกวาทียอ มถามวา วิบากใดมอี ยู วิบากแมน้นั เปน วิปากธัมมธรรมแกว ิบากทเ่ี ปนวิปากธัมมธรรมนน้ั หรือ ? ปรวาทีตอบปฏเิ สธหมายเอาภาวะแหงการใหผ ลตอ ไป. ถกู ถามครัง้ ท่ี ๒ ตอบปฏเิ สธ โดยผิดไปจากลทั ธิ แตทานกย็ อ มตอบรบั รองหมายเอาความเกิดขึ้นแหง วบิ ากอ่ืนเพราะเปน ปจ จัยแกวิบากแมน นั้ . ก็คร้นั เม่ือความเปน เชนนั้นมีอยู การไมตดั วฏั ฏะยอมปรากฏวา วิบากแหง วิบากแมน้นั กเ็ ปนวบิ ากแหงวบิ ากแมน ัน้ ตอ ไป ราวกะกศุ ลและอกศุ ลหรือ ? ปรวาทีถูกถามปญหาน้ี กต็ อบปฏิเสธเพราะกลวั ผดิ จากลัทธ.ิกใ็ นการพสิ จู นถอยคาํ วา คําวา วิบากหรือวา ธรรมท่เี ปน เหตุแหงวิบากกด็ ี เปนตน ปรวาทตี อบปฏิเสธเพราะวา ถา วา ความทวี่ ิบากเปนอรรถอนั เดยี วกับธรรมท่ีเปน เหตแุ หงวบิ ากไซร คําวากศุ ล อกศุ ลและอพั ยากตะก็จะพงึ มีอรรถอันเดยี วกันได.

พระอภธิ รรมปฎ ก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 97 ในคําวา วิบากกับธรรมที่เปน เหตแุ หงวบิ าก นี้ มคี าํ อธบิ ายวาเมื่อปรวาทกี าํ หนดอยูซงึ่ วิบากในนามขันธทง้ั ๔ ขันธ ๑ ๆ ช่อื วาเปนวปิ ากธมั มธรรม คอื เปนธรรมท่ีเปนเหตใุ หวบิ ากเกดิ ขน้ึ เพราะอรรถวาเปนปจจัยในปจ จัยทั้งหลายมอี ัญญมญั ญปจ จัยเปนตน และเพราะอรรถวาเปนปจ จยบุ บนั ดังน้ัน เม่อื ถกู สกวาทีถามวา วิบากเปน ธรรมทเ่ี ปน เหตุแหง วปิ ากะหรือ จึงตอบรับรองวา ใช. ลาํ ดบั น้ัน สกวาที เพ่ือทวงปรวาทีน้นั จึงกลาวคําอยางนี้วา วบิ ากในนามขนั ธ ๔ ในขณะเดยี วกันก็ดี ธรรมทีเ่ ปน เหตแุ หงวบิ ากในนามขันธ ๔ กด็ ี เปน ธรรมท่ีทานรบั รองแลวเหตใุ ด เพราะเหตนุ นั้ ความท่ีวบิ ากและธรรมทีเ่ ปนเหตแุ หง วปิ ากเหลานั้นยอ มปรากฏวาเปนธรรมสหรคตกันหรือ ปรวาทีตอบปฏิเสธ หมายเอาธรรมทีเ่ ปน เหตุแหง วิบาก คือ กศุ ล. คําวา อกุศลอันน้ัน ความวาถาวิบากเปนธรรมทเี่ ปนเหตแุ หงวิปากะตามลัทธิของทา นไซร วบิ ากใดเปน อกศุ ลวบิ าก วบิ ากนน้ั กถ็ ึงความเปน อกุศล. ถามวา เพราะเหตุไร ?แกวาเพราะความท่ที า นกลา ววาอกศุ ลวบิ ากเปน สภาวะอยา งเดยี วกนั กบัดวยธรรมทเ่ี ปนเหตุแหง วิปากะ. แมใ นคาํ วา กุศลอันน้ัน เปน ตน ก็นยั น้ีน่นั แหละ. คาํ วา อัญญมัญญปจ จยั นี้ ปรวาทกี ลาวแลว ดว ยสามารถสกัแตวา เปนปจ จัยแหง สหชาตธรรมทั้งหลาย เพราะฉะนั้น คําวา อัญญ-มญั ญปจ จยั นีจ้ งึ ไมสําเร็จประโยชน. แมการกลา วถงึ ความที่มหาภตู รปูท้ังหลายเปนปจจัยซึง่ กันและกันนน้ั ก็หาใชเ ปน วิบากไม ท้ังไมเ ปนธรรมท่เี ปนเหตแุ หง วิบากดวย ดวยประการฉะน้ีแล. อรรถกถาวิปาโกวปิ ากธมั มธัมโมตกิ ถา จบ

พระอภธิ รรมปฎ ก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 98 รวมกถาท่มี ใี นวรรคน้คี ือ ๑. สังคหติ กถา ๒. สมั ปยุตตกถา ๓. เจตสกิ กถา ๔. ทานกถา๕. ปรโิ ภคมยปุญญกถา ๖. อิโตทินนกถา ๗. ปฐวกี ัมมวปิ าโกติกถา๘. ชรามรณวปิ าโกติกถา ๙. อริยธมั มวปิ ากกถา ๑๐. วิปาโกวปิ าก-ธมั มธัมโมตกิ ถา. วรรคท่ี ๗ จบ

พระอภิธรรมปฎก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 99 วรรคท่ี ๘ ฉคตกิ ถา [๑๑๙๓] สกวาที คตมิ ี ๖ หรอื ? ปรวาที ถกู แลว . ส. พระผมู ีพระภาคเจาไดต รสั คตไิ ว ๕ คอื นรก กําเนดิดริ ัจฉาน ปต ติวิสยั มนุษย เทวดา มิใชห รือ ? ป. ถูกแลว. ส. หากวา พระผมู ีพระภาคเจาไดตรสั คติไว ๕ คือ นรกกาํ เนดิ ดิรัจฉาน ปตติวสิ ยั มนุษย เทวดา กต็ องไมกลา ววา คติมี ๖. [๑๑๙๔] ส. คตมิ ี ๖ หรอื ? ป. ถูกแลว . ส. อสรู พวกกาลกัญชกิ า มีรูปรา งเหมือนกนั มีการเสวยอารมณอ ยา งเดยี วกัน มอี าหารอยา งเดียวกนั อายเุ ทา กนั กบั พวกเปรตทําอาวาหะววิ าหะกับดวยเปรต มิใชหรือ ? ป. ถกู แลว. ส. หากวา อสรู พวกกาลกัญชิกา มีรูปรางเหมือนกันมกี ารเสวยอารมณอยา งเดียวกนั มีอาหารอยางเดียวกนั มีอายุเทากันกบัเปรต ทาํ อาวาหะววิ าหะกบั ดวยพวกเปรต กต็ องไมกลา ววา คติมี ๖. [๑๑๙๕] ส. คติมี ๖ หรือ ? ป. ถูกแลว . ส. พวกอสรู บริษทั ทาวเวปจิตติ มีรปู รางเหมือนกนั มี

พระอภธิ รรมปฎ ก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 100การเสวยอารมณอ ยางเดยี วกัน มอี าหารอยา งเดียวกนั มีอายเุ ทา กัน กับพวกเทวดา ทาํ อาวาหะวิวาหะกบั ดว ยพวกเทวดา มใิ ชหรือ ? ป. ถกู แลว. ส. หากวา พวกอสรู บริษัททา วเวปจติ ติ มรี ปู รางเหมือนกัน มีการเสวยอารมณอ ยางเดยี วกัน มอี าหารอยางเดยี วกนั มอี ายเุ ทา กนักบั พวกเทวดา ทาํ อาวาหะววิ าหะกับดวยพวกเทวดา กต็ อ งไมกลา ววาคตมิ ี ๖. [๑๑๙๖] ส. คตมิ ี ๖ หรือ ? ป. ถกู แลว . ส. พวกอสูรบรษิ ัททาวเวปจิตติ เคยเปนเทวดา มใิ ชห รือ ? ป. ถกู แลว. ส. หากวา พวกอสรู บริษทั ทา วเวปจิตติ เคยเปนเทวดาก็ตอ งไมกลา ววา คติมี ๖. [๑๑๙๗] ป. ไมพงึ กลา ววา คตมิ ี ๖ หรือ ? ส. ถูกแลว. ป. มีอสรู กาย มิใชห รือ ? ส. ถูกแลว. ป. หากวามีอสูรกาย ดวยเหตุนนั้ นะทานจึงตองกลา ววาคติมี ๖. ฉคตกิ ถา จบ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook