Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_81

tripitaka_81

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:45

Description: tripitaka_81

Search

Read the Text Version

พระอภิธรรมปฎก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 638แลว ดวยเหตนุ ั้นนะ ทา นจงึ ตอ งกลาววา บคุ คลผูย งั พระโลหิตใหหอ ข้ึนเปน ผชู ่อื วา ทาํ อนันตริยกรรม. ส. บุคคลทาํ สงั ฆเภท เปน ผชู อ่ื วา ทาํ อนนั ตริยกรรมหรือ ? ป. ถกู แลว. ส. บุคคลผทู ําสงั ฆเภท เปนผชู อ่ื วา ทําอนนั ตริยกรรมท้งั หมด หรอื ? ป. ไมพ งึ กลาวอยา งน้ัน ฯลฯ ส. บคุ คลผทู ําสังฆเภท เปนผชู อ่ื วา ทาํ อนันตริยกรรมทง้ั หมด หรือ ? ป. ถกู แลว. ส. บุคคลเปน ผูม คี วามสาํ คัญวา ถกู ธรรมอันยงั สงฆใ หแตกกนั เปนผูชื่อวา ทาํ อนนั ตรยิ กรรม หรอื ? ป. ไมพ งึ กลา วอยางน้ัน ฯลฯ ส. บุคคลเปนผมู คี วามสําคัญวา ถูกธรรมอนั ยังสงฆใหแตกกนั เปนผูชอ่ื วา ทําอนันตรยิ กรรม หรือ ? ป. ถกู แลว . ส. พระผูมพี ระภาคเจาไดตรสั ไววา ดกู อ นอบุ าลี บคุ คลผูท ําสังฆเภท ที่จะตอ งไปอบาย จะตอ งไปนรก ต้ังอยตู ลอดกลั ป แกไขไมไ ด มีอยู บุคคลผูทาํ สงั ฆเภท ทไ่ี มต องไปสูอบาย ไมต องไปนรก ไมตั้งอยูต ลอดกลั ป มใิ ชผูแกไขไมไ ด มอี ยู ดังน๑ี้ เปน สูตรมอี ยจู ริง มิใชห รือ ? ป. ถกู แลว.๑. ว.ิ จุ. ๗/๔๑๑.

พระอภธิ รรมปฎก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 639 ส. ถา อยา งนัน้ กไ็ มพ ึงกลา ววา บุคคลเปน ผูมคี วามสําคญั วา ถกู ธรรมยังสงฆใ หแ ตกกัน เปน ผูช่ือวาทาํ อนนั ตริยกรรม. [๑๘๑๓] ป. ไมพึงกลา ววา บคุ คลผูมีความสาํ คัญวา ถูกธรรมยงั สงฆใ หแตกกนั เปนผชู ือ่ วา ทาํ อนันตรยิ กรรม หรอื ? ส. ถกู แลว . ป. พระผมู พี ระภาคเจาไดต รสั ไววา บคุ คลผทู ําสงั ฆเภทเปนผูจ ะตอ งไปอบาย จะตอ งไปนรก ต้งั อยูต ลอดกลั ป เขาเปนผยู ินดีในการแยก ไมต งั้ อยูในธรรม ยอ มคลาดจากธรรมเปน แดนเกษมจากโยคะ เขาทําลายสงฆผพู รอ มเพรยี งกนั แลว ยอ มไหมใ นนรกตลอดกลั ปดงั น๑้ี เปน สูตรมอี ยูจ รงิ มิใชหรอื ? ส. ถกู แลว. ป. ถาอยา งนน้ั บุคคลผทู ําสังฆเภท กเ็ ปนผชู ือ่ วา ทําอนนั ตริยกรรม นะส.ิ อสัญจจิ จกถา จบ อรรถกถาอสัญจิจจกถา วา ดว ย อสญั จิจจะ บัดน้ี ช่ือวา เรื่องอสญั จิจจะไมแ กลง คอื ไมเ จตนา. ในเรือ่ งน้ัน ชนเหลาใดมคี วามเหน็ ผิดดุจลัทธิของนิกายอตุ ตราปถกะทงั้ หลายวา \" ขนึ้ ช่อืวา อนันตรยิ วตั ถเุ ปนของหนักเปนของใหญ เพราะฉะนน้ั แมในวตั ถุ๑. ว.ิ จุ ๗/๔๑๑.

พระอภิธรรมปฎ ก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 640ทง้ั หลายเหลา นั้น อันผูใดทาํ ใหเกิดแลว แมโ ดยไมตง้ั ใจก็ยอมเปน อนันตริกรรมดังน้ี คาํ ถามของสกวาทีวา บคุ คลปลงชีวติ มารดาโดยมไิ ดแกลง เปนตนหมายถึงชนเหลา น้ัน คาํ ตอบรบั รอง ดว ยสามารถแหงลทั ธเิ ปนของปรวาที.ลําดับนนั้ สกวาทจี ึงกลาวคาํ วา บคุ คลฆา สัตวโดยมไิ ดแกลง เปนตนเพ่ือทวงวา ขึ้นช่ือวาอนันตรยิ กรรมเปน กมั มบถ ถาวา บคุ คลไมจงใจฆาสตั วพึงเปนประเภทกัมมบถไซร กรรมท้งั หลายที่เหลือแมมปี าณาติบาตเปนตน ก็พึงเปน กรรมไมจ งใจ ดงั น้ี ปรวาทตี อบปฏิเสธเพราะความไมมีในลทั ธิเชนนัน้ . คาํ ทีเ่ หลือพึงทราบตามพระบาล.ี คาํ ถามวา ไมพงึ กลา ววา บคุ คลผฆู ามารดาเปน ผชู ือ่ วา ทําอนันตริยธรรมหรือ เปนของปรวาที. คาํ ตอบรับรองของสกวาทีหมายเอาการฆา โดยไมม ีเจตนาในกาลท่ีทาํ การเยียวยารักษาโรคเปน ตน .แมใ นปญหาวา เขาไดปลงชีวติ มารดาแลว มิใชหรือ คาํ ตอบรบั รองสกวาทนี ้ันนั่นแหละ โดยหมายเอาการปลงชีวิตลงโดยไมม ีเจตนา. ก็ปรวาทไี มถ ือเอาคาํ อธิบายอยางนี้ จึงใหลทั ธิของตนต้ังอยดู ว ยคําวาหากวา เขาไดปลงชีวติ มารดาแลว ดงั นี้ แตการตัง้ ลทั ธนิ ัน้ ยอมต้งั อยูไมได เพราะไมต ้ังไวโ ดยอบุ ายอนั แยบคาย. แมป ตุฆาตเปน ตน กน็ ัยน้ีนั่นแล. คําถามของสกวาทีวา บคุ คลผทู ําสังฆเภท๑ เปนผชู อ่ื วา ทาํ๑. คาํ วา \"สงั ฆเภท\" แปลวา การแยกสงฆ เพราะมคี าํ วา ผูม คี วามสาํ คัญในธรรมอันน้ี จดั เปนประเภทก็ดีกไ็ ด เชน พระโมคคลั ลบี ุตรตสิ สเถระปราบเดียรถยี ทั้งหลายที่มาปลอมบวชในพระศาสนาหรือจะเรยี กวา เปน ธรรมวาทีนี้เปนผูชือ่ วา ทําอนันตริยกรรม แตไมตกอบุ าย สวนสังฆเภท คอื การแยกสงฆของพระเทวทตั ตน นั้ เปนอธมั มาวาทีจัดเปน สังฆเภทดวย เปน อนนั ตริยกรรมดว ย ตกนรกดวย.

พระอภธิ รรมปฎก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 641อนันตรยิ กรรมหรือ โดยหมายเอาผมู ีความสาํ คัญในธรรมในการแยกสงฆ. คําตอบรับรองของปรวาทีเพราะถอื เอาพระบาลวี า บุคคลยอมไหมอยูใ นนรกตลอดกลั ป เพราะทําลายสงฆผพู รอมเพรียงกนั ดังน้ี โดยไมพจิ ารณา. ถกู ถามอีกวา บคุ คลผทู ําสังฆเภทเปนผูชอ่ื วา ทาํ อนันตริยกรรมทง้ั หมดหรอื ปรวาทตี อบปฏเิ สธโดยหมายเอาบุคคลผูมีความสาํ คัญในธรรมอนั เปน ฝายของตน. ยอ มตอบรับรองโดยหมายเอาบุคคลผูม ีความสําคัญในธรรมอนั เปน ฝา ยอ่ืน. แมใน ๒ ปญหาวา ธมั มสัญญี คือบุคคลเปน ผูม ีความสาํ คัญวา ถูกธรรม ก็นยั นนี้ ัน่ แหละ. พระสตู รวา พระผมู ีพระภาคเจาไดต รัสไวว า ดูกอนอุบาลีบุคคลผูทาํ สงั ฆเภท...มิใชห รือ ดังนี้ สกวาทีกลาวเพื่อแสดงซง่ึ ความที่บคุ คลผเู ปนธมั มวาทีเปน ผูชอื่ วา ทําอนนั ตรยิ กรรมโดยสว นเดียวเทา นั้นไมตกอบาย. อนงึ่ อธัมมวาทนี น่ั แหละพระผมู ีพระภาคเจา ทรงพระประสงคเอาในคาถาวา จะตองไปอบาย จะตอ งไปนรกตัง้ อยูต ลอดกัลปดงั น.้ี แตปรวาทไี มถ ือเอาคาํ อธิบายนี้ จึงใหล ัทธิตัง้ ไว. ลทั ธนิ นั้ ช่ือวาตงั้ อยูไ มไ ดเลยเพราะไมต้งั อยโู ดยอบุ ายอันแยบคาย ดงั นีแ้ ล. อรรถกถาอสัญจจิ จกถา จบ

พระอภิธรรมปฎ ก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 642 ญาณกถา [๑๘๑๔] สกวาที ญาณไมม แี กปถุ ุชนหรอื ? ปรวาที ถกู แลว . ส. ปญ ญา กริ ิยาท่รี ูชัด ความวิจัย ความเลือกสรร ความวจิ ัยธรรม ความกําหนดหมาย ความเขาไปกาํ หนด ความเขา ไปกําหนดเฉพาะ ไมมแี กป ถุ ชุ น หรอื ? ป. ไมพ ึงกลา วอยา งน้ัน ฯลฯ ส. ปญญา กิรยิ าทรี่ ูชัด ความวจิ ัย ฯลฯ ความเขา ไปกาํ หนดรเู ฉพาะ ของปถุ ชุ น มอี ยู มใิ ชห รอื ? ป. ถูกแลว. ส. หากวา ปญ ญา กิริยาที่รูชัด ความวิจยั ฯลฯ ความเขา ไปกาํ หนดเฉพาะ ของปถุ ชุ น มอี ยู ก็ตองไมกลาววา ญาณไมมแี กปถุ ชุ น. [๑๘๑๕] ส. ญาณไมมีแกปุถุชน หรือ ? ป. ถกู แลว. ส. ปถุ ชุ นพงึ เขาปฐมฌาน หรอื ? ป. ถูกแลว. ส. หากวา ปถุ ุชนพึงเขาปฐมฌาน กต็ องไมก ลาววาญาณไมมีแกปุถุชน. [๑๘๑๖] ส. ปถุ ชุ นพงึ เขา ทุติยฌาน ฯลฯ ตติยฌาน ฯลฯ จตตุ ถฌานฯลฯ พงึ เขา อากาสานัญจายตนะ วิญญาณญั จายตนะ อากญิ จญั ญายตนะเนวสัญญาสัญายตนะ ปถุ ชุ นพึงใหท าน ฯลฯ พึงใหจ ีวร ฯลฯ พึงให

พระอภิธรรมปฎ ก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 643บณิ ฑบาต พึงใหเสนาสนะ ฯลฯ พึงใหคิลานปจจยเภสชั ชบรขิ าร หรอื ? ป. ถูกแลว . ส. หากวา ปุถชุ นพึงใหค ลิ านปจจยเภสัชชบรขิ าร ก็ตองไมก ลา ววา ญาณไมม ีแกปุถุชน. [๑๘๑๗] ป. ญาณของปถุ ชุ นมอี ยู หรือ ? ส. ถกู แลว . ป. ปถุ ชุ น กําหนดรูทกุ ข ละสมุทัย กระทําใหแ จง ซ่ึงนิโรธ ยังมรรคใหเ กิดดวยญาณน้นั หรอื ? ส. ไมพงึ กลาวอยางนั้น ฯลฯ ญาณกถา จบ อรรถกถาญาณกถา วาดวย ญาณ บัดนี้ ช่อื วาเรอ่ื งญาณ๑. ในเร่ืองนน้ั ญาณ ๒ คือ โลกิยญาณและโลกุตตรญาณ ญาณในสมาบัติก็ดี กัมมัสสกตาญาณทเี่ ปน ไปดวยสามารถแหง การใหทานเปน ตน ก็ดี เรียกวา โลกยิ ญาณ มคั คญาณอนักาํ หนดสจั จะกด็ ี ผลญาณก็ดี เรียกวา โลกตุ ตรญาณ. ก็ชนเหลา ใดไมทําวิภาคนี้ มีความเหน็ ผิดดจุ ลทั ธนิ กิ ายเหตวุ าทะวา ญาณท่กี ําหนด๑. ไวพจนข องญาณ คอื ปญ ญา ความเขาใจ ความวจิ ยั ความสอบสวน ความใครค รวญ ธัมมวิจยะ คอื ความพจิ ารณาธรรม ความกําหนด ความเขาไปกาํ หนดเฉพาะ.

พระอภธิ รรมปฎ ก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 644สจั จะเทานน้ั มีอยู ญาณนอกจากน้ไี มม ี เพราะฉะนั้น ญาณของปุถชุ นจงึ ไมม ี ดังนี้. คาํ ถามของสกวาทหี มายถงึ ชนเหลานั้น คาํ ตอบรบั รองเปน ของปรวาท.ี คําวา ปญญา เปนตน สกวาทีกลา วเพื่อแสดงไวพจนของญาณ.อธบิ ายวา สกวาทยี อ มแสดงซึ่งญาณนน้ั ดวยปญ ญานัน้ วา ถาวา ญาณของบุคคลนัน้ ไมมี มปี ญญาเปน ตน กย็ อมไมมี กห็ รอื ปญ ญาเปน ตน มีอยูแมญาณก็มีอยู เพราะเหตุไร ? เพราะความทปี่ ญ ญาเปน ตน มิใชเ ปนธรรมนอกจากญาณ. คาํ วา ปุถชุ นพึงเขา ปฐมฌาน เปนตน สกวาทกี ลา วเพ่อืแสดงญาณในสมาบัติ. คําวา ปถุ ุชนพึงใหท าน เปน ตน สกวาทกี ลา วเพือ่ แสดงถึงกมั มัสสกตาญาณ คอื ญาณในความเปน ผูมีกรรมเปน ของตน.ขอ วา ปถุ ชุ นกําหนดรทู ั่วถึงทกุ ข ความวา พระผมู ีพระภาคเจา ยอมทรงแสดงโลกุตตมคั คญาณนัน่ แหละ แตมิไดท รงแสดงโลกตุ ตรญาณเทา น้ันหมายความวา แสดงโลกยิ ญาณดว ย ดังนแ้ี ล. อรรถกถาญาณกถา จบ

พระอภิธรรมปฎ ก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 645 นิรยปาลกถา [๑๘๑๘] สกวาที นายนิรยบาลไมมีในนรกทง้ั หลาย หรอื ? ปรวาที ถูกแลว. ส. การทํากรรมกรณไ มมีในนรกทง้ั หลาย หรือ ? ป. ไมพึงกลาวอยา งนนั้ ฯลฯ ส. การทาํ กรรมกรณมีอยใู นนรกท้ังหลาย หรอื ? ป. ถกู แลว . ส. นายนิรยบาลมีอยูในนรกท้ังหลาย หรือ ? ป. ไมพงึ กลา วอยางนั้น ฯลฯ [๑๘๑๙] ส. การทาํ กรรมกรณมีอยูใ นมนุษย และคนผทู าํ กรรมกรณกม็ อี ยู หรอื ? ป. ถูกแลว . ส. กรรมกรณม อี ยูในนรกทง้ั หลาย และคนผทู ํากรรมกรณก็มอี ยู หรือ ? ป. ไมพ งึ กลา วอยา งนนั้ ฯลฯ ส. กรรมกรณม อี ยูในนรกท้ังหลาย แตคนผทู ํากรรมกรณไมม หี รือ ? ป. ถูกแลว . ส. กรรมกรณม อี ยูใ นหมมู นษุ ย แตคนผูทํากรรมกรณไมมี หรอื ? ป. ไมพงึ กลาวอยางนัน้ ฯลฯ [๑๘๒๐] ป. นายนริ ยบาลมีอยูใ นนรกทง้ั หลาย หรือ ?

พระอภธิ รรมปฎ ก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 646 ส. ถูกแลว. ป. พระผมู พี ระภาคเจา ไดตรัสไวว า ทา วเวสสภู ก็มไิ ดฆาทา วเปตติราช ก็มิไดฆา ทาวโสม ทา วยม และทา วเวสสวณั กม็ ไิ ดฆ ากรรมของตนตา งหาก ฆาบคุ คลผูส้ินบญุ จากโลกนแ้ี ละเขาถึงปรโลกในนรกน้นั ๆ ดังน้ี เปน สตู รมีอยูจรงิ มิใช หรือ ? ส. ถกู แลว ป. อยางน้ัน นายนิรยบาลก็ไมมีในนรกทั้งหลาย นะ สิ. [๑๘๒๑] ส. นายนิรยบาลไมมใี นนรกท้ังหลาย หรอื ? ป. ถกู แลว . ส. พระผูมพี ระภาคเจา ไดตรสั ไวว า ดูกอนภกิ ษทุ ัง้ หลายพวกนายนิรยบาล ยอมยงั สัตวน รกนั้นใหรบั กรรมกรณ อันช่ือวา เคร่อื งจาํ๕ ประการ คือ ตรึงตาปเู หลก็ อนั รอ นท่มี อื ขางหน่ึง ตรึงตาปูเหล็กอันรอ นที่มอื อกี ขางหนึง่ ตรึงตาปูเหลก็ อนั รอ นทเ่ี ทาขา งหนึ่ง ตรงึ ตาปเู หล็กอันรอนท่ีเทา อกี ขา งหนึ่ง ตรงึ ตาปูเหล็กอันรอ นท่ีกลางอก สตั วนรกน้นัเสวยทกุ ขเวทนา เผ็ดรอนอยูในนรกนนั้ และจะยงั ไมต ายตลอดเวลาท่ีบาปกรรมน้ันยงั ไมส ิน้ สดุ ดังน๑้ี เปน สตู รมอี ยจู ริง มใิ ชหรอื ? ป. ถกู แลว . ส. ถาอยางนั้นนายนิรยบาลกม็ อี ยูในนรกท้ังหลาย นะ สิ. [๑๘๒๒] ส. นายนริ ยบาลไมม ใี นนรกทง้ั หลาย หรือ ? ป. ถกู แลว. ส. พระผูมพี ระภาคเจา ไดตรัสไวว า ดูกอ นภิกษทุ งั้ หลาย๑. องฺ ตกิ . ๒๐/๔๗๕.

พระอภธิ รรมปฎ ก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 647พวกนายนริ ยบาล ยงั สัตวน รกน้นั ใหนอนแผลงแลว พากนั ถากดวยผ่งึฯลฯ พวกนายนิรยบาลต้งั สตั วน รกนั้น ใหม เี ทาไปในเบอ้ื งบน มีศรี ษะในเบอื้ งต่ํา แลว ถากดว ยพรา ฯลฯ พวกนายนริ ยบาลเทียมสัตวนรกนน้ัเขาในรถ แลวใหแ ลน กลับไปกลบั มาเหนือแผน ดินอนั ไฟตดิ ทว่ั แลวมีเปลวเปน อนั เดยี วกนั มแี สงโชติชว ง ฯลฯ พวกนายนิรยบาล ยงั สัตวนรกน้นั ใหข ึ้นไตลง ซึ่งภูเขาถา นเพลงิ ใหญ อนั ไฟตดิ ทวั่ แลว มีเปลวเปนอนั เดียวกนั มแี สงโชตชิ ว ง ฯลฯ พวกนายนริ ยบาลจบั สตั วน รกน้ันใหม ีเทาในเบื้องบน ใหมศี ีรษะในเบื้องต่าํ ใสเขาในหมอ ทองแดงอันรอนอันไฟตดิ ทั่วแลว มีเปลวเปนอนั เดียวกัน มแี สงโชติชวง เขาหมกไหมมรี า งกายเปน ฟองในหมอทองแดงนนั้ และทง้ั ท่ีหมกไหมม รี างกายเปนฟองอยูใ นหมอ ทองแดงนน้ั บางคร้งั โผลข ้นึ ขา งบน บางครัง้ จมลงขา งใตบางครั้งพุงขวางไป เขาเสวยเวทนาอันเปนทกุ ข ฯลฯ นายนริ ยบาลทั้งหลายยอ มใสเ ขา ซ่งึ สัตวน รกน้ันในมหานรก ก็มหานรกนนั้ แล ๔ มมุ ๔ ประตูจาํ แนกกําหนดไวเปนสว น ๆ มีกาํ แพงเหล็กลอมรอบ ครอบดว ยเหล็กพ้ืนแหงมหานรกนัน้ ก็แลว ไปดวยเหลก็ ประกอบดว ยความรอนลกุ เปนเปลวแผไปรอยโยชนโดยรองตง้ั อยู ในกาลทกุ เม่อื ดังน๑้ี เปนสูตรมีอยจู รงิ มิใชหรือ ? ป. ถูกแลว. ส. ถาอยา งนนั้ นายนริ ยบาล ก็มีอยใู นนรกทงั้ หลายนะสิ. นิรยปาลกถา จบ๑. อง. ตกิ . ๒๐/๔๗๕., ม.อุ.๑๔/๕๑๒

พระอภิธรรมปฎ ก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 648 อรรถกถานริ ยปาลกถา วาดวย นายนริ ยบาล บดั น้ี ช่ือวา เรื่องนายนริ ยบาล. ในเรื่องนั้น ชนเหลาใดมีความเหน็ผิดดุจลัทธินิกายอนั ธกะทั้งหลายวา ในนรก กรรมของสตั วนรกนนั่ แหละยอมฆาสตั วน รกทัง้ หลายโดยเปนรูปนายนริ ยบาล สัตวทั้งหลายชอ่ื วาเปนนายนริ ยบาลหามไี ม ดงั น้ี คาํ ถามของสกวาทีหมายถงึ ชนเหลาน้ัน คาํตอบรบั รองเปน ของปรวาท.ี ลาํ ดบั นนั้ สกวาทจี ึงกลา วคาํ วา การทาํกรรมกรณ คอื การลงโทษ ไมมีในนรกทั้งหลายหรอื เปนตน เพอ่ื ทวงดวยคาํ วา ถา วา นายนริ ยบาลทง้ั หลายไมพ งึ มีในนรกไซร แมก รรมกรณทั้งหลายกไ็ มพ งึ มี แตเ ม่อื กรรมกรณท ้งั หลายมอี ยู การกระทาํ กรรมกรณกพ็ งึ มี มใิ ชห รือ ดงั น.้ี คําวา การทํากรรมกรณม อี ยใู นมนุษย สกวาทีกลาวแลวเพือ่ใหท ราบโดยแจมแจง . ในขอ นี้ มอี ธบิ ายวา เหมือนอยา งวา เม่อื อปุ กรณเคร่อื งลงโทษมใี นพวกมนุษยท งั้ หลาย การกระทาํ กย็ อมมี ฉนั ใด แมในนรกนน้ั กฉ็ นั น้ันนน่ั แหละ. คําถามวา นายนิรยบาลมีอยูในนรกทง้ั หลายหรอื ? เปนของปรวาที. คาํ ตอบรับรองเปนของสกวาที. ปรวาทีนําพระสูตรมาโดยลัทธิของตนวา ทาวเวสสภูกม็ ไิ ดฆ า แมทา วเปตติราช คือพญาเปรต ก็มิไดฆ า ฯลฯ กรรมของสตั วน ้ันเองยอมฆา เขาผูส้ินบญุ จากโลกนีแ้ ละเขา ถงึ โลกหนา ในนรกนนั้ ๆ ดังนี้ พระสูตรนนั้ สกวาทียอมรบั แลววานั่นเปนถอยคําท่หี ย่ังลงในพระศาสนา มีอยู ดังน้.ี ในคาํ เหลานน้ั คําวา ทาวเวสสภู ไดแก เทพองคห นึ่ง. คําวา

พระอภธิ รรมปฎ ก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 649ทา วเปตติราช ไดแ ก เปรตผมู ฤี ทธมิ ากในปต ตวิ ิสยั . ทา วโสม เปน ตนปรากฏชดั เจนแลวทง้ั นั้น. ขอ นี้ ทานอธิบายไววา ทา วเวสสภู เปนตนยอ มไมฆ า สตั วผูละโลกน้ีแลวไปสูโลกหนา ตามกรรมทงั้ หลายของตนอนึ่ง สัตวนั้นละที่นั้นไปดว ยกรรมเหลาใด กรรมทัง้ หลายอนั เปนของตนเหลาน้นั น่นั แหละ ยอมฆาสัตวใ นที่นัน้ เพราะฉะน้ัน พระผมู พี ระภาคเจาจงึ ทรงแสดงซง่ึ ความที่สัตวท งั้ หลายมีกรรมเปน ของของตน มใิ ชทรงแสดงความไมมีนายนริ ยบาลทงั้ หลาย. อนึง่ บทแหง พระสตู รท้งั หลายทสี่ กวาทนี ํามากลาวแลววา ดูกอนภกิ ษทุ งั้ หลาย พวกนายนิรยบาลยอมยังสัตวน รกน้ันใหร บั กรรมกรณ ๕ ประการ เปน ตน มอี รรถที่ทา นแนะนาํ ไวแลวท้ังนั้นแล. อรรถกถานิรยปาลกถา จบ

พระอภิธรรมปฎก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 650 ติรจั ฉานกถา [๑๘๒๓] สกวาที สัตวดริ ัจฉานมอี ยูในหมูเ ทวดา หรอื ? ปรวาที ถกู แลว . ส. เทวดามอี ยูในหมดู ริ ัจฉาน หรือ ? ป. ไมพงึ กลา วอยา งนั้น ฯลฯ ส. สตั วด ิรัจฉานมอี ยูในหมเู ทวดา หรอื ? ป. ถกู แลว . ส. เทวโลกเปน กําเนดิ แหง สตั วดริ จั ฉาน หรอื ? ป. ไมพงึ กลา วอยางน้นั ฯลฯ ส. สัตวดิรจั ฉานมอี ยูใ นหมูเ ทวดา หรือ ? ป. ถกู แลว . ส. แมลง ตกั๊ แตน ยงุ แมลงวนั งู แมลงปอง ตะเข็บไสเดอื น มีอยูในหมเู ทวดา หรือ ? ป. ไมพงึ กลาวอยา งน้ัน ฯลฯ [๑๘๒๔] ป. สัตวด ริ จั ฉานไมมใี นหมูเทวดา หรอื ? ส. ถูกแลว. ป. ชา งตัวประเสริฐ ช่ือ เอราวณั ยานทิพยอ นั เทยี มดว ยมา หนึง่ พัน มีอยใู นหมูเทวดา มิใชหรือ ? ส. ถูกแลว . ป. หากวา ชางตวั ประเสริฐ ช่ือเอราวณั ยานทิพยอ ันเทียมดว ยมา หนึ่งพัน มอี ยใู นหมเู ทวดานั้น ดวยเหตนุ น้ั นะ ทา นจึงตอ งกลา ววา สัตวด ริ จั ฉานมีอยูในหมเู ทวดา.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook