พระอภธิ รรมปฎ ก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 456 สญั ญาเวทยิตกถา [๑๖๒๒] สกวาที สญั ญาเวทยิตนโิ รธสมาบตั ิเปน โลกุตตระ หรือ ? ปรวาที ถกู แลว . ส. เปน มรรค เปน ผล เปนนิพพาน เปน โสดาปตติมรรคเปนโสดาปต ติผล ฯลฯ เปน โพชฌงค หรอื ? ป. ไมพ งึ กลา วอยางน้นั ฯลฯ ป. ไมพึงกลาววา สญั ญาเวทยิตนิโรธสมาบัติเปนโลกุตตระ หรือ ? ส. ถูกแลว . ป. เปนโลกิยะ หรอื ? ส. ไมพ ึงกลาวอยา งนนั้ ฯลฯ ป. ถา เชนนัน้ กเ็ ปนโลกุตตระ นะสิ. สญั ญาเวทยติ กถา จบ อรรถกถาสญั ญาเวทยิตถา วาดว ย สญั ญาเวทยติ นโิ รธสมาบตั ิ บดั น้ี ชอื่ วาเรอ่ื งสญั ญาเวทยิตนิโรธสมาบตั ิ คอื สมาบตั ิทีด่ บัสญั ญาเวทนา. ในเรื่องนน้ั ธรรมอะไร ๆ ช่ือวาสญั ญาเวทยิตนโิ รธสมาบัติหามีไม มแี ตความดบั ขันธท ั้ง ๔ เพราะฉะนั้นสัญญาเวทยิตนโิ รธสมาบัตินัน้ จึงไมใชโลกยี ไมใ ชโลกตุ ตระ กช็ นเหลา ใดมคี วามเห็นผิดดจุ ลทั ธินิกายเหตุวาทน่ันแหละวา สัญญาเวทยติ นโิ รธสมาบัตไิ มเปนโลกยี เพราะเปน โลกตุ ตระ ดังนี้ คําถามของสกวาทหี มายถงึ ชนเหลา น้นั คาํตอบรบั รองเปน ของปรวาที. คําทีเ่ หลอื เชนกับเรือ่ งกอ นน่นั แหละ. อรรถกถาสญั ญาเวทยิตกถา จบ
พระอภิธรรมปฎ ก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 457 สัญญาเวทยิตกถา ท่ี ๒ [๑๖๒๓] สกวาที สญั ญาเวทยิตนิโรธสมาบัติเปน โลกยิ ะ หรือ ? ปรวาที ถูกแลว . ส. เปนรูป หรือ ? ป. ไมพ ึงกลาวอยา งนัน้ ฯลฯ ส. เปนเวทนา ฯลฯ เปนสัญญา ฯลฯ เปน สังขาร ฯลฯเปนวิญญาณ หรอื ? ป. ไมพ งึ กลาวอยา งน้ัน ฯลฯ ส. เปน กามาวจร หรือ ? ป. ไมพงึ กลาวอยางนนั้ ฯลฯ ส. เปนรปู าวจร หรือ ? ป. ไมพ งึ กลา วอยา งน้นั ฯลฯ ส. เปน อรูปาวจร หรือ ? ป. ไมพึงกลาวอยางน้นั ฯลฯ [๑๖๒๔] ป. ไมพ ึงกลาววา สัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติเปน โลกิยะหรอื ? ส. ถกู แลว . ป. เปน โลกตุ ตระ หรือ ? ส. ไมพ งึ กลาวอยา งนั้น ฯลฯ ป. ถา อยา งนนั้ ก็เปน โลกยิ ะ นะส.ิ สญั ญาเวทยติ กถา ที่ ๒ จบ
พระอภิธรรมปฎ ก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 458 อรรถกถาทตุ ยิ สญั ญาเวทยติ กถา วา ดว ย สญั ญาเวทยิตนิโรธที่ ๒ บัดนี้ ชนเหลา ใดมคี วามเหน็ ผิดวา สญั ญาเวทยติ นิโรธสมาบัติไมเปน โลกุตตระ เพราะเปน โลกียะ ดังน้ี ดจุ ลทั ธขิ องนิกายเหตวุ าทะทั้งหลาย คําถามของสกวาทหี มายถึงชนเหลานน้ั คําตอบรับรองเปนของปรวาที คําท่เี หลือเชนกบั เรอื่ งกอนน่นั แล. อรรถกถาทุตยิ สญั ญาเวทยติ นิโรธกถา จบ
พระอภธิ รรมปฎ ก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 459 สัญญาเวทยิตกถา ท่ี ๓ [๑๖๒๕] สกวาที บคุ คลผูเ ขา สัญญาเวทยิตนโิ รธ พงึ กระทาํ กาละคอื ตาย หรือ ? ปรวาที ถูกแลว. ส. ผัสสะอนั เกิดในสมัยมีความตายเปนทส่ี ดุ เวทนาอนัเกิดในสมัยมีความตายเปน ท่สี ุด สัญญาอนั เกิดในสมยั มคี วามตายเปนท่สี ุดเจตนาอนั เกดิ ในสมัยมคี วามตายเปน ทีส่ ุด จติ อนั เกดิ ในสมัยมคี วามตายเปนทส่ี ุดของบคุ คลผูเขา สัญญาเวทยติ นโิ รธ มีอยหู รือ ? ป. ไมพ ึงกลา วอยางนน้ั ฯลฯ ส. ผสั สะ เวทนา สัญญา เจตนา จติ อนั เกิดในสมยั มีความตายเปนท่ีสุด ของบุคคลผเู ขา สญั ญาเวทยติ นโิ รธ ไมมหี รือ ? ป. ถกู แลว. ส. หากวา ผัสสะ สัญญา เจตนา จติ อันเกิดในสมัยมีความตายเปนทีส่ ดุ ของบคุ คลผูเขา สญั ญาเวทยติ นิโรธ ไมมี กต็ อ งไมกลาววา บคุ คลผูเ ขาสญั ญาเวทยิตนโิ รธ พึงทาํ กาละ ดังนี้. [๑๖๒๖] ส. บคุ คลผเู ขา สัญญาเวทยติ นโิ รธ พึงทํากาละ หรอื ? ป. ถูกแลว . ส. ผัสสะ เวทนา สัญญา เจตนา จติ ของบุคคลผูเขาสญั ญาเวทยติ นิโรธ มอี ยหู รอื ? ป. ไมพ ึงกลา วอยางนน้ั ฯลฯ ส. ผสั สะ เวทนา สัญญา เจตนา จติ ของบุคคลผเู ขาสัญญาเวทยิตนิโรธ ไมม หี รอื ?
พระอภิธรรมปฎ ก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 460 ป. ถกู แลว . ส. บคุ คลผไู มม ีผัสสะ มกี ารทํากาละ บคุ คลไมมีเวทนามกี ารทาํ กาละ ฯลฯ บคุ คลผไู มม ีจิต มีการทํากาละ หรือ ? ป. ไมพ ึงกลา วอยางนัน้ ฯลฯ ส. บคุ คลผูมผี สั สะ มีการทาํ กาละ ฯลฯ บุคคลผมู ีจติมีการทาํ กาละ มิใชห รอื ? ป. ถกู แลว. ส. หากวา บคุ คลผูมีผสั สะ มกี ารทํากาละ ฯลฯ บุคคลผูมีจติ มกี ารทํากาละ ก็ตอ งไมกลาววา บคุ คลผูเ ขาสญั ญาเวทยิตนิโรธพึงทาํ กาละ ดังน้ี. [๑๖๒๗] ส. บคุ คลผูเขาสัญญาเวทยิตนิโรธ พงึ ทํากาละ หรอื ? ป. ถูกแลว . ส. ยาพิษพงึ เขา ไป ศาตราพงึ เขาไป ไฟพึงเขาไป ในกายของบคุ คลผเู ขาสญั ญาเวทยติ นิโรธ หรือ ? ป. ไมพ งึ กลาวอยางน้นั ฯลฯ ส. ยาพษิ ไมพึงเขาไป ศาตราไมพ งึ เขา ไป ไฟไมพึงเขา ไป ในกายของบุคคลผูเ ขา สัญญาเวทยิตนิโรธ หรอื ? ป. ถูกแลว . ส. หากวา ยาพษิ ไมพ ึงเขาไป ศาตราไมพ งึ เขา ไป ไฟไมพ ึงเขา ไป ในกายของบคุ คลผเู ขา สญั ญาเวทยติ นิโรธ กต็ องไมกลา ววาบคุ คลผูเขาสญั ญาเวทยติ นิโรธ พึงทํากาละ. [๑๖๒๘] ส. บคุ คลเขาสญั ญาเวทยิตนิโรธ พงึ ทาํ กาละ หรือ ?
พระอภธิ รรมปฎก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 461 ป. ถูกแลว. ส. ยาพิษพงึ เขา ไป ศาตราพึงเขา ไป ไฟพงึ เขาไป ในกายของบคุ คลผเู ขาสัญญาเวทยติ นโิ รธ หรือ ? ป. ถูกแลว . ส. มไิ ดเขา นิโรธ หรอื ? ป. ไมพ งึ กลาวอยางนนั้ ฯลฯ ป. บุคคลเขาสญั ญาเวทยิตนโิ รธ ไมพงึ ทํากาละ หรือ ? ส. ถกู แลว . ป. นยิ ามอันเปนเหตุนิยมวา บคุ คลผเู ขา สญั ญาเวทยิตนโิ รธไมพ ึงทํากาละ หรือ ? ส. ไมม ี. ป. หากวา นยิ ามอนั เปนเหตนุ ิยมวา บคุ คลเขาสญั ญา-เวทยิตนิโรธไมพึงทํากาละ ไมม ี ก็ตอ งไมก ลา ววา บุคคลเขาสัญญาเวท-ยิตนิโรธ ไมพ งึ ทํากาละ. [๑๖๒๙] ส. บุคคลผพู ร่งั พรอ มดวยจกั ขุวญิ ญาณ ไมพ ึงทํากาละหรือ ? ป. ถูกแลว. ส. นยิ ามอนั เปนเหตุนยิ มวา บคุ คลผูพรงั่ พรอ มดว ยจักข-ุวิญญาณ ไมพึงทาํ กาละ มีอยูหรอื ? ป. ไมมี. ส. หากวา นิยามอันเปนเหตนุ ิยมวา บคุ คลผูพรงั่ พรอ มดวยจักขุวญิ ญาณไมพึงทํากาละ ไมมี กต็ อ งไมก ลาววา บคุ คลผพู ร่งั พรอ ม
พระอภิธรรมปฎก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 462ดว ยจกั ขวุ ิญญาณ ไมพงึ ทํากาละ. สญั ญาเวทยิตกถา ท่ี ๓ จบ อรรถกถาตติยสัญญาเวทยติ กถา วา ดวย สัญญาเวทยิตนิโรธที่ ๓ บดั น้ี ชนเหลา ใด มคี วามเห็นผดิ ดจุ ลทั ธนิ ิกายราชคิริกะท้งั หลายวา แมผเู ขา สญั ญาเวทยติ นโิ รธสมาบัตพิ ึงทาํ กาละได โดยถอื หลักวาชอ่ื วาความแนน อนไมม เี พราะความทีส่ ัตวทงั้ หลายมีความตายเปน ธรรมดาดงั เชน คําวา ผโู นน ตาย ผโู นน ยังไมตาย ดงั นี้ คําถามของสกวาทเี พ่ือแสดงถึงเวลาตายและมิใชเ วลาตาย เพราะความท่ีบุคคลแมเขา สมาบตั ิก็มคี วามตายเปนธรรมดา คําตอบรับรองเปน ของปรวาที. ลาํ ดบั นั้นสกวาทจี งึ กลาวกะปรวาทีน้นั วา ผัสสะอนั เกดิ ในสมยั มีความตายเปนทส่ี ดุ เปนตน เพื่อทวงดว ยอาการท่วี าผัสสะอันเกิดในเวลาที่มคี วามตายเปน ธรรมดา ชอ่ื วา พงึ มีแกผ กู ระทาํ กาละโดยอาการน้ันหรือ. ถกู ถามวา บุคคลผไู มม ผี สั สะมกี ารกระทํากาละ เปนตน ปรวาทีตอบปฏเิ สธโดยหมายเอาสตั วทีเ่ หลือ คือนอกจากผูเ ขาสมาบัตนิ ั้น. ถูกถามคาํ วา ยาพษิ พงึ เขาไป เปน ตน ก็ตอบปฏิเสธโดยหมายเอาอานุภาพแหง สมาบัติ. แตต อบรับรองในครัง้ ท่ี ๒ โดยหมายเอาสรีระปกติ. ก็ถา เมอื่ ความเปน เชนน้ันมีอยู ชอ่ื วา อานภุ าพแหง สมาบตั กิ ไ็ มมีดว ยเหตุน้นั นัน่ แหละ สกวาทจี งึ ซักปรวาทีวา มไิ ดเ ขา นโิ รธหรือ. คําถามวา บุคคลผูเขา สัญญาเวทยิตนโิ รธ ไมพงึ ทาํ กาละหรอืเปนของปรวาที. ในปญหาของปรวาทวี า นิยามอนั เปน เหตุกาํ หนด
พระอภธิ รรมปฎก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 463โดยแนนอนมอี ยู แตชอ่ื วา นิยามอยางน้ีไมม ี เหตุใด เพราะเหตุนน้ัสกวาทีจงึ ตอบปฏิเสธ. คาํ วา ผพู รง่ั พรอมดวยจกั ขุวิญญาณ เปนตนทส่ี กวาทีกลา วก็เพอ่ื แสดงวา ครน้ั เมื่อนยิ ามเชนน้ีแมไมมีอยู สัตวก ็ตอ งตายตามเวลาเทา นน้ั ยอ มไมต ายโดยมใิ ชเวลา ดงั น.้ี ในปญหานั้น มคี าํ อธิบายวา ถาวา การทํากาละพึงมเี พราะความไมมีนยิ ามไซร การทาํ กาละนน้ั กจ็ ะพึงมีแมแ กผพู รัง่ พรอ มดว ยจักขุวิญญาณเพราะสัตวย อมไมต ายยอมไมเ กดิ ดวยวิญญาณ ๕ ดงั นี้ เพราะฉะน้นัความผิดพลาดในพระสูตรพงึ มี เหมือนการทาํ กาละยอมไมมแี กผพู รงั่ พรอมดวยจักขุวิญญาณ ฉนั ใด การทาํ กาละกย็ อ มไมม แี มแ กผเู ขานิโรธสมาบัติฉนั นนั้ ดว ยประการฉะน้แี ล. อรรถกถาตตยิ สญั ญาเวทยิตนิโรธ จบ
พระอภิธรรมปฎก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 464 อสัญญสัตตปู ก ากถา [๑๖๓๐] สกวาที สัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัติเปนเหตใุ หเ ขา ถึงภพแหง อสญั ญสตั ว หรือ ? ปรวาที ถูกแลว . ส. กศุ ลมลู คอื อโลภะ กุศลมูลคอื อโทสะ กศุ ลมูลคอือโมหะ ศรัทธา วริ ิยะ สติ สมาธิ ปญ ญา ของบคุ คลผเู ขา สัญญาเวทยติ -นิโรธมีอยู หรอื ? ป. ไมพ งึ กลาวอยางนัน้ ฯลฯ ส. กุศลมูลคืออโลภะ กศุ ลมูลคืออโทสะ ฯลฯ ปญ ญาของบคุ คลผเู ขาสญั ญาเวทยติ นิโรธสมาบตั ิ ไมม ีหรือ ? ป. ถกู แลว. ส. หากวา กศุ ลมลู คอื อโลภะ กุศลมลู คืออโทสะ กุศลมลูคือ โมหะ ศรัทธา วริ ยิ ะ สติ สมาธิ ปญญา ของบคุ คลผเู ขาสญั ญาเวท-ยิตนโิ รธไมม ี กต็ อ งไมก ลา ววา สญั ญาเวทยติ นโิ รธสมาบตั ิ เปน เหตุใหเขาถึงภพแหงอสัญญสตั ว. [๑๖๓๑] ส. สัญญาเวทยิตนโิ รธสมาบตั ิ เปน เหตใุ หเ ขา ถงึ ภพแหง อสญั ญสตั ว หรือ ? ป. ถูกแลว . ส. ผสั สะ เวทนา สัญญา เจตนา จิต ของบุคคลผเู ขาสญั ญาเวทยิตนิโรธ มอี ยหู รือ ? ป. ไมพึงกลาวอยางนนั้ ฯลฯ ส. ผสั สะ เวทนา สญั ญา เจตนา จิต ของบคุ คลผูเ ขา
พระอภธิ รรมปฎก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 465สญั ญาเวทยิตนโิ รธ ไมม ีหรอื ? ป. ถูกแลว . ส. บุคคลผูไมม ผี สั สะกม็ ีการเจริญมรรคได ฯลฯ บคุ คลผไู มมีจิตกม็ กี ารเจรญิ มรรคได หรอื ? ป. ไมพงึ กลาวอยา งนั้น ฯลฯ ส. บุคคลผมู ผี ัสสะมกี ารเจรญิ มรรคได ฯลฯ บคุ คลผมู ีจิตมกี ารเจรญิ มรรคได มิใชหรอื ? ป. ถกู แลว . ส. หากวา บคุ คลผูม ผี ัสสะมีการเจรญิ มรรคได ฯลฯบคุ คลผมู จี ิตมีการเจรญิ มรรคได ก็ตองไมก ลา ววา สญั ญาเวทยิตนิโรธ-สมาบตั เิ ปนเหตุใหเขาถึงภพแหง อสญั ญสัตว. [๑๖๓๒] ส. สัญญาเวทยติ นโิ รธสมาบตั เิ ปนเหตใุ หเขา ถึงภพแหงอสญั ญสัตว หรอื ? ป. ถูกแลว. ส. ชนเหลา ใดเหลาหนง่ึ เขาสัญญาเวทยติ นิโรธ ชนเหลานนั้ ท้ังหมดเปนผเู ขาถึงภพแหง อสัญญสัตว หรอื ? ป. ไมพ งึ กลา วอยา งน้ัน ฯลฯ [๑๖๓๓] ป. ไมพ งึ กลา ววา สญั ญาเวทยติ นิโรธสมาบัตเิ ปนเหตุใหเ ขาถึงภพแหงอสญั ญสัตว หรือ ? ส. ถูกแลว . ป. แมในนโิ รธสมาบัตนิ ี้ ผเู ขา กไ็ มม ีสัญญา แมใ นภพแหง อสัญญสัตวน้ัน ผูเ ขา ถึงก็ไมม ีสัญญา มใิ ชหรอื ?
พระอภธิ รรมปฎ ก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 466 ส. ถกู แลว . ป. หากวา แมในนโิ รธสมาบัติน้ี ผูเขา กไ็ มมสี ัญญา แมในแหง อสญั ญสัตวนั้นผเู ขาถงึ กไ็ มมสี ญั ญา ดวยเหตุนัน้ นะทานจึงตอ งกลา ววา สญั ญาเวทยิตนโิ รธสมาบัติ เปน เหตุใหเ ขา ถึงภพแหง อสัญญสตั ว. อสญั ญสตั ตูปกากถา จบ อรรถกถาอสัญญสตั ตูปกากถา วา ดว ย สมาบัตทิ ี่ใหเขา ถงึ ภพอสญั ญสตั ว บดั น้ี ชื่อวา เร่อื งสมาบตั ิทีใ่ หเขา ถึงภพอสญั ญสัตว. ในเรอ่ื งนน้ัภาวนาทเ่ี ปน ไปดวยอํานาจแหงสัญญาวิราคะ เปน อสญั ญาสมาบตั บิ า งเปนนิโรธสมาบัตบิ าง ช่ือวา สัญญาเวทยติ นโิ รธสมาบัต.ิ เพราะฉะนั้นสญั ญาเวทยิตนโิ รธสมาบตั ิจึงมี ๒ คอื เปนโลกยิ ะ และโลกตุ ตระ. บรรดาสมาบตั เิ หลา นัน้ สมาบตั ทิ ่ีเปน เหตุใหเขา ถึงอสญั ญสัตวข องปุถุชนเปนโลกิยะ ท่ีเปน ของพระอรยิ ะท้งั หลายเปน โลกตุ ตระ แตสมาบัตทิ เี่ ปนของพระอรยิ ะนัน้ ยอ มไมเปน สมาบัตทิ เี่ ปน เหตุใหเขา ถึงความเปนอสัญญสัตว ก็ชนเหลาใด มคี วามเห็นผดิ ดุจลัทธขิ องนิกายเหตวุ าททงั้ หลายวา สัญญาเวทยิตนิโรธสมาบัตเิ ปน สมาบัติที่ใหเ ขา ถงึ ความเปน อสัญญสัตวโดยไมแ ปลกกัน เพราะไมท าํ วิภาคอยางน้ี คําถามของสกวาทหี มายถึงชนเหลาน้นั คาํ ตอบรบั รองเปนของปรวาที. ลาํ ดับน้ัน สกวาทเี พอื่ ทวงดวยอํานาจแหง กุสลมลู คอื อโลภะ เปนตน วา มอี ยูแ กผเู ขาอสัญญสมาบตั ิแตไ มมีแกผ เู ขา นโิ รธสมาบตั ิ จึงกลา วคําวา อตถฺ ิ กุสลมลู ...มีอยูห รอืเปน ตน.
พระอภธิ รรมปฎ ก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 467 ในปญ หาวา แมในนิโรธสมาบตั นิ ีผ้ ูเ ขา กไ็ มม ีสัญญา ไดแ กความเปนผูไ มมสี ญั ญาทีพ่ ระผูมีพระภาคเจาทรงอนญุ าตแลว เพราะการเขาสมาบตั ใิ นธรรมวนิ ยั นดี้ ว ยอํานาจแหงสัญญาวริ าคะ. คาํ วา แมในภพแหง อสัญญสัตวน ้นั ก็ตรัสดว ยความเปนอสญั ญสัตวน่นั แหละ เพราะฉะน้ัน ปรวาทผี ถู อื เอาปฏญิ ญานี้แลว จึงใหล ทั ธติ ัง้ ไว แตกต็ ้ังไวโดยอบุ ายลวง. อกี อยางหน่งึ ไดแกความเปนผูไมมีสญั ญาทพ่ี ระผูมีพระภาคเจาทรงอนญุ าตหมายเอานโิ รธสมาบตั ใิ นพระธรรมวินยั นี้ คาํ วา แมใ นภพอสัญญสัตวน น้ั ไดแกนโิ รธสมาบัติของพระอนาคามผี เู คลื่อนจากโลกน้ีทเี ดียว แมเพราะเหตุนั้น ลัทธิทปี่ รวาทปี ฏญิ ญาต้งั ไวน ้ียอ มไมต งั้ อยไู ดเลย ดังน้ีแล. อรรถกถาอสัญญสตั ตูปก ากถา จบ
พระอภธิ รรมปฎก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 468 กัมมปู จยกถา [๑๖๓๔] สกวาที กรรมเปน อยางหนึ่ง ความส่งั สมแหง กรรม ก็เปนอยา งหนึ่ง หรือ ? ปรวาที ถกู แลว . ส. ผัสสะเปนอยางหนึ่ง ความสง่ั สมแหงผสั สะก็เปนอยา งหนึ่ง เวทนาเปนอยา งหน่ึง ความสง่ั สมแหง เวทนาก็เปนอยางหน่งึสัญญาเปน อยางหนง่ึ ความส่งั สมแหง สัญญาก็เปนอยา งหนึ่ง เจตนาเปนอยา งหน่งึ ความสั่งสมแหงเจตนากเ็ ปนอยา งหนึ่ง จิตเปน อยา งหนง่ึ ความสัง่ สมแหง จิตกเ็ ปนอยา งหน่ึง ศรัทธาเปนอยา งหนึง่ ความส่งั สมแหงศรัทธากเ็ ปนอยางหน่งึ วิรยิ ะเปน อยา งหนง่ึ ความสงั่ สมแหงวิรยิ ะก็เปนอยางหน่งึสติเปนอยา งหนึ่ง ความสงั่ สมแหงสตกิ ็เปนอยางหนง่ึ สมาธเิ ปนอยา งหนึง่ความสั่งสมแหงสมาธกิ ็เปนอยา งหน่ึง ปญ ญาเปน อยา งหน่ึง ความสงั่ สมแหง ปญญากเ็ ปนอยา งหนึ่ง ราคะเปนอยา งหนึ่ง ความสง่ั สมแหงราคะก็เปน อยา งหน่งึ ฯลฯ อโนตตัปปะเปน อยางหนง่ึ ความสง่ั สมแหง อโนตตัปปะก็เปน อยา งหนึ่ง หรอื ? ป. ไมพึงกลา วอยา งน้ัน ฯลฯ [๑๖๓๕] ส. กรรมเปนอยางหนึ่ง ความสัง่ สมแหง กรรมก็เปนอยางหนง่ึ หรอื ? ป. ถกู แลว. ส. ความส่ังสมแหงกรรม เกดิ พรอ มกบั กรรม หรือ ? ป. ไมพ งึ กลา วอยา งนั้น ฯลฯ ส. ความสั่งสมแหงกรรม เกิดพรอมกบั กรรม หรือ ?
พระอภธิ รรมปฎ ก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 469 ป. ถูกแลว . ส. ความสง่ั สมแหง กรรมเปนกศุ ล เกดิ พรอมกบั กรรมทเ่ี ปนกุศล หรือ ? ป. ไมพงึ กลาวอยา งนนั้ ฯลฯ ส. ความสัง่ สมแหง กรรมที่เปนกุศล เกิดพรอมกบั กรรมท่เี ปน กศุ ล หรือ ? ป. ถกู แลว. ส. ความส่งั สมแหงกรรมทส่ี มั ปยตุ ดว ยสุขเวทนา เกดิพรอ มกับกรรมทสี่ ัมปุตดว ยสุขเวทนา หรอื ? ป. ไมพ ึงกลาวอยา งนน้ั ฯลฯ ส. ความส่งั สมกรรมทสี่ มั ปยตุ ดว ยสขุ เวทนา ฯลฯ ท่ีสมั ปยุตดว ยอทุกขเวทนา เกิดพรอ มกับกรรมทสี่ ัมปยตุ ดว ยอทกุ ขมสุขเวทนาหรือ ? ป. ไมพ ึงกลา วอยา งนน้ั ฯลฯ ส. ความสงั่ สมแหง กรรม เกิดพรอมกับกรรม หรือ ? ป. ถกู แลว . ส. ความสงั่ สมแหงกรรมทเ่ี ปน อกุศล เกดิ พรอ มกับกรรมทเ่ี ปน อกุศล หรือ ? ป. ไมพ ึงกลาวอยา งนั้น ฯลฯ ส. ความส่งั สมแหงกรรมท่ีเปนอกุศล เกดิ พรอ มกับกรรมทเ่ี ปน อกศุ ล หรือ ? ป. ถกู แลว.
พระอภิธรรมปฎก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 470 ส. ความสง่ั สมแหงกรรมทีส่ มั ปยุตดว ยสขุ เวทนา เกิดพรอ มกับกรรมท่ีสัมปยตุ ดว ยสขุ เวทนา หรือ ? ป. ไมพงึ กลาวอยา งนั้น ฯลฯ ส. ความสงั่ สมแหง กรรมท่สี ัมปยุตดว ยทกุ ขเวทนา ฯลฯท่ีสัมปยุตดว ยอทกุ ขมสุขเวทนา เกดิ พรอ มกับกรรมท่ีสัมปยตุ ดวยอทกุ ขม-สขุ เวทนา หรือ ? ป. ไมพ งึ กลา วอยา งน้ัน ฯลฯ [๑๖๓๖] ส. กรรมเกิดพรอมกบั จติ และกรรมท่ีมีอารมณ หรอื ? ป. ถกู แลว. ส. ความสัง่ สมแหงกรรมเกิดพรอมกบั จิต และความสัง่ สมแหง กรรมมอี ารมณ หรอื ? ป. ไมพ งึ กลา วอยา งน้ัน ฯลฯ ส. ความสั่งสมแหงกรรมเกดิ พรอมกบั จิต แตความสงั่ สมแหง กรรมไมม ีอารมณ หรอื ? ป. ถูกแลว . ส. กรรมเกดิ พรอ มกับจติ แตกรรมไมม อี ารมณ หรือ ? ป. ไมพ ึงกลาวอยางน้ัน ฯลฯ [๑๖๓๗] ส. กรรมเกดิ พรอ มกบั จิต และเมือ่ จติ ดับ กรรมกท็ ําลายไป หรอื ? ป. ถกู แลว . ส. ความสง่ั สมแหง กรรม เกิดพรอมกับจติ และเม่ือจิตดับการสัง่ สมแหง กรรม ก็ทาํ ลายไป หรอื ?
พระอภิธรรมปฎก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 471 ป. ไมพงึ กลา วอยา งน้นั ฯลฯ [๑๖๓๘] ส. ความสง่ั สมแหงกรรมเกิดพรอมกับจิต แตเม่ือจติ ดับความสั่งสมแหง กรรมไมทาํ ลายไป หรอื ? ป. ถกู แลว . ส. กรรมเกดิ พรอ มกบั จิต แตเ ม่ือจิตดบั กรรมไมทาํ ลายไป หรอื ? ป. ไมพึงกลาวอยา งนน้ั ฯลฯ ส. เมอื่ กรรมมี ความสง่ั สมแหง กรรมก็มี หรอื ? ป. ถกู แลว . ส. กรรมอนั นั้น ความสั่งสมแหงกรรมก็อันนนั้ แหละ หรอื ? ป. ไมพ ึงกลา วอยา งนนั้ ฯลฯ ส. เม่ือกรรมมี การส่งั สมแหงกรรมกม็ ี และวิบากก็เกดิจากความสงั่ สมแหง กรรม หรือ ? ป. ถูกแลว. ส. กรรมอันนนั้ ความส่งั สมแหงกรรมกอ็ ันน้นั แหละวิบากแหงกรรมก็อนั นัน้ แหละ หรอื ? ป. ไมพึงกลาวอยา งนน้ั ฯลฯ ส. เมือ่ กรรมมี ความสั่งสมแหง กรรมก็มี และวบิ ากก็เกิดจากความสง่ั สมแหง กรรม ท้งั วบิ ากกม็ อี ารมณ หรือ ? ป. ถกู แลว . ส. ความสั่งสมแหง กรรม มอี ารมณ หรอื ? ป. ไมพึงกลา วอยา งน้นั ฯลฯ
พระอภิธรรมปฎ ก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 472 ส. ความสง่ั สมแหงกรรม ไมมีอารมณ หรอื ? ป. ถกู แลว. ส. วิบาก ไมมีอารมณ หรอื ? ป. ไมพงึ กลา วอยา งนนั้ ฯลฯ ส. กรรมเปนอยา งหน่ึง ความสง่ั สมแหงกรรมก็เปนอยา งหนง่ึ หรือ ? ป. ถกู แลว. ส. พระผมู ีพระภาคเจา ไดตรสั ไวว า ดกู อ นปุณณะ บคุ คลบางคนในโลกนี้ สรา งสมกายสังขารที่มคี วามเบียดเบยี นบา ง ที่ไมมคี วามเบียดเบยี นบาง สรา งสมวจีสังขาร ฯลฯ มโนสังขาร ทม่ี ีความเบียดเบียนบาง ที่ไมมีความเบียดเบยี นบา ง บุคคลน้ัน ครั้นสรางสมกายสงั ขารทม่ี ีความเบยี ดเบยี นบา ง ทีไ่ มม ีความเบียดเบยี นบาง สรางสมวจีสังขาร ฯลฯมโนสังขารทีม่ คี วามเบยี ดเบยี นบาง ทีไ่ มม คี วามเบยี ดเบยี นบา งแลว ยอมเขา ถงึ โลกทีม่ คี วามเบียดเบียนบา ง ทีไ่ มมีความเบียดเบียนบา ง ผัสสะทั้งหลาย ท่ีมคี วามเบียดเบียนบาง ทีไ่ มมีความเบียดเบยี นบาง ยอ มถูกตอ งบคุ คลผเู ขาถงึ โลกท่มี คี วามเบยี ดเบยี นบา ง ท่ีไมมคี วามเบียดเบยี นบา งบคุ คลนนั้ เปน ผอู นั ผสั สะทง้ั หลาย ทีม่ ีความเบียดเบยี นบาง ทไี่ มม คี วามเบยี ดเบียนบาง ถูกตอ งแลว ยอมเสวยเวทนาทีม่ คี วามเบียดเบยี นบางทไี่ มม ีความเบียดเบยี นบาง มสี ขุ และทุกข เกลือกกล้วั ดงั ท่มี ีมนุษย เทวดาบางจําพวก และวินิปาติกะบางจาํ พวกเปนอยู ดกู อนปุณณะ ความเขาถึงแหงสัตวน อ ยใหญเปน อยา งนแ้ี ล เขาทาํ กรรมใด ยอ มเขา ถึงดวยกรรมนนั้ผสั สะทง้ั หลายยอ มถกู ตองบุคคลผเู ขา ถึงแลว นี้ ดกู อนปุณณะ เรากลา ววา
พระอภธิ รรมปฎ ก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 473สตั วทง้ั หลายเปน ผรู ับมรดกแหงกรรม แมด ว ยประการฉะน๑้ี ดงั น้ี เปนสตู รมอี ยจู รงิ มิใชห รือ ? ป. ถกู แลว. ส. ถา อยางนน้ั ก็ไมพงึ กลา ววา กรรมเปน อยางหนึ่งความส่ังสมแหง กรรมก็เปนอยา งหน่ึง. กัมมปู จยกถา จบ วรรคที่ ๑๕ จบ ตติยปณณาสก จบ อรรถกถากมั มปู จยกถา วา ดวย ความสง่ั สมกรรม บัดน้ี ชื่อวาเรื่องความส่งั สมกรรม. ในเรอื่ งน้ัน ชนเหลา ใด มีความเห็นผิดดุจลทั ธินกิ ายอันธกะท้ังหลายวา ชอ่ื วา ความสง่ั สมกรรมเปนอยางหนง่ึ นอกจากกรรม ทั้งเปนจติ ตวปิ ปยุต เปน อพั ยากตะ เปนอนารมั มณะ. คําถามของสกวาทวี า กรรมเปนอยา งหนึง่ เปน ตน โดยหมายถงึ ชนเหลา นน้ั คําตอบรบั รองเปน ของปรวาท.ี ลําดบั นนั้ สกวาทีเพ่อื จะทว งดวยคาํ วา ถาวา ความสัง่ สมกรรมนอกไปจากกรรมไซรความสงั่ สมผสั สะเปนตน กจ็ ะพงึ มนี อกจากผสั สะเปน ตน ดังนี้ จงึ กลา วคําวา ผัสสะเปน อยา งหน่ึง เปน ตน . ปรวาทตี อบปฏเิ สธเพราะความไมม ใี นลทั ธิ. ในปญหาทง้ั หลายวา ความสงั่ สมกรรมเกดิ พรอ มกบั กรรม๑. ม.ม. ๑๓/๘๘.
พระอภิธรรมปฎก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 474หรอื ปรวาทตี อบปฏิเสธหมายเอาการไมประกอบกบั จิต แตต อบรบั รองหมายเอาการสัมปยุตกบั จติ . ในปญหาวา ความสง่ั สมแหงกรรม...เปนกศุ ลหรือ กต็ อบปฏเิ สธหมายเอาวิปปยุต และตอบรับรองหมายเอาสมั ปยุต แมในปญ หาทง้ั หลายวา ความสง่ั สมกรรม ... เปน อกุศล ขา งหนาก็นัยนี้. ถกู ถามวา ความส่ังสมกรรม...มีอารมณหรือ ปรวาทีปรารถนาความไมมอี ารมณโดยสว นเดียวเทานน้ั ฉะน้ันจงึ ตอบปฏเิ สธ. คําวาเมือ่ จิตดบั ความวา เมื่อจติ กาํ ลังดับในกาลใด กรรมกก็ ําลังแตกดบั ในกาลนน้ั อนึ่ง คําวา จติ นีท้ านประกอบปฐมาวิภตั ิแตล งในอรรถแหงสตั ตมีวภิ ตั ต.ิ อธิบายวา คร้ันเมือ่ จิตกําลังแตกดบั . อกี อยางหนึง่ พงึ ทราบพระบาลนี ีเ้ ทา นน้ั วา.- ความสั่งสมกรรมทส่ี ัมปยุตกบั จติ ยอ มแตกดับ ทว่ี ปิ ปยุตยอ มไมแตกดบั ในปญ หานนั้ เพราะฉะน้นั ปรวาทีจึงตอบรบั รองดว ย ปฏเิ สธดว ย. คําวา เมอ่ื กรรมมี ความส่ังสมแหง กรรมกม็ ี ความวา ครน้ั เมื่อกรรมมีอยู ความสง่ั สมกรรมก็มีอยู อีกอยา งหนง่ึ ความสัง่ สมกรรมตั้งอยูเฉพาะในกรรม วบิ ากยอมเกดิ เพราะความสง่ั สมกรรมนัน่ แหละ. ลทั ธิของปรวาทวี า ก็ครั้นเมื่อกรรมน้นั ดับแลว ความสงั่ สมกรรมยอมตัง้ อยูจนถึงการเกดิ ขึ้นแหงวิบาก ดุจพืชยอมตง้ั อยเู พราะการเกดิ ขน้ึ แหง หนอของพืช เพราะฉะน้นั จึงตอบรับรอง. คาํ วา กรรมอันน้นั ความส่งั สมกรรมกอ็ ันนน้ั แหละ วิบากแหงกรรมก็อนั นัน้ แหละ ความวา ลทั ธิของปรวาทีนัน้ วา ความสงั่ สมกรรมมีอยใู นกรรม ความส่งั สมกรรมนั้นยอ มตั้งอยเู พียงใดแตการเกดิ ขน้ึ แหงวิบาก เหตุใด เพราะเหตนุ ้ัน สกวาทีจงึถามถงึ ธรรมแมทั้ง ๓ เหลานั้นวา เปนสภาพเดยี วกนั หรอื . สกวาทยี อ ม
พระอภิธรรมปฎก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 475ถามเพื่อจะทว งดวยคําวา แมวปิ ากธัมมธรรม คือธรรมทเ่ี ปนเหตุใหว บิ ากเกิดขนึ้ เปนธรรมเนอื่ งดว ยอารมณน น่ั เทยี ว เหมอื นวิบากในบทวา ท้งัวบิ ากก็มอี ารมณหรอื . สว นปรวาทีตอบรบั รองขอหนงึ่ ปฏเิ สธขอหน่ึงดวยสามารถแหง ลัทธิ. แมใ นปฏิโลมปญหาก็นยั นี้เหมือนกัน. คาํ ทเี่ หลือในทน่ี ้ี บณั ฑิตพึงทราบตามพระบาลีนัน่ แล. อรรถกถากมั มปู จยกถา จบ รวมกถาท่ีมใี นวรรคน้คี อื ๑. ปจจยตากถา ๒. อัญญมญั ญปจจยกถา ๓. อัทธากถา๔. ขณลยมหุ ตุ ตกถา ๕. อาสวกถา ๖. ชรามรณกถา ๗. สัญญาเวทยติ กถา๘. ทุตยิ สัญญาเวทยติ กถา ๙. ตติยสญั ญาเวทยติ กถา ๑๐. อสญั ญสตั ตู-ปกกถา ๑๑. กมั มปู จยกถา วรรคท่ี ๑๕ จบ
พระอภธิ รรมปฎ ก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 476 วรรคท่ี ๑๖ นิคคหกาถา [๑๖๓๙] สกวาที บุคคลอนื่ ขม จติ ของบุคคลอน่ื ได หรือ ? ปรวาที ถูกแลว . ส. บคุ คลอน่ื ขมไดวา จิตของบุคคลอืน่ อยากําหนัด อยาประทษุ ราย อยาหลง อยาเศราหมอง ดงั นี้ หรือ ? ป. ไมพ งึ กลาวอยา งนั้น ฯลฯ ส. บคุ คลอน่ื ขม จติ ของบุคคลอน่ื ได หรอื ? ป. ถกู แลว. ส. บุคคลอน่ื ขมไดว า ผัสสะทเี่ กิดขนึ้ แลวแกบคุ คลอ่นือยา ดับไปเลย ดังน้ี หรอื ? ป. ไมพึงกลาวอยา งนัน้ ฯลฯ ส. บุคคลอ่ืนขม ไดว า เวทนาท่เี กดิ ขึ้นแลว ฯลฯ สญั ญาทเ่ี กิดขึ้นแลว ฯลฯ เจตนาท่เี กดิ ขน้ึ แลว จติ ท่ีเกิดข้ึนแลว ศรัทธาท่ีเกิดแลววิริยะทเ่ี กดิ ขนึ้ แลว สติท่เี กิดข้ึนแลว สมาธทิ เ่ี กดิ ขนึ้ แลว ฯลฯ ปญ ญาที่เกิดขึ้นแลวแกบคุ คลอืน่ อยา ดบั ไปเลย ดังน้ี หรือ ? ป. ไมพ ึงกลาวอยา งนน้ั ฯลฯ [๑๖๔๐] ส. บุคคลอืน่ ขม จติ ของบุคคลอ่นื ได หรือ ? ป. ถกู แลว. ส. บคุ คลอน่ื ละราคะ ละโทสะ ฯลฯ ละอโนตตปั ปะ เพือ่ประโยชนแ กบุคคลอ่นื ได หรอื ?
พระอภธิ รรมปฎก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 477 ป. ไมพ งึ กลา วอยางนัน้ ฯลฯ [๑๖๔๑] ส. บคุ คลอ่ืนขม จติ ของบคุ คลอนื่ ได หรือ? ป. ถกู แลว. ส. บคุ คลอื่นเจริญมรรค เจริญสติปฏ ฐาน ฯลฯ เจรญิโพชฌงค เพ่อื ประโยชนแ กบคุ คลอื่นได หรอื ? ป. ไมพ งึ กลา วอยา งนน้ั ฯลฯ [๑๖๔๒] ส. บุคคลอ่ืนยอ มขม จิตของบคุ คลอ่ืนได หรอื ? ป. ถกู แลว. ส. บคุ คลอืน่ กาํ หนดรูทุกข ละสมุทัย ทําใหแ จง ซึ่งนโิ รธยังมรรคใหเกิดเพอ่ื ประโยชน แกบคุ คลอ่ืนได หรือ ? ป. ไมพ ึงกลา วอยางน้นั ฯลฯ [๑๖๔๓] ส. บคุ คลอน่ื ขม จติ ของบคุ คลอื่นได หรอื ? ป. ถกู แลว . ส. บุคคลอ่นื เปน ผทู ําแกบ ุคคลอ่ืน สขุ และทุกขค นอ่นืทําให คนหนงึ่ ทาํ อีกคนหนึง่ เสวยผล หรอื ? ป. ไมพึงกลาวอยา งน้นั ฯลฯ [๑๖๔๔] ส. บคุ คลอนื่ ขมจิตของบุคคลอืน่ ได หรือ ? ป. ถกู แลว. ส. พระผมู ีพระภาคเจาไดต รสั ไววา บุคคลทําบาปดว ยตนเอง ยอมเศราหมองดว ยตนเทียว ไมทําบาปดว ยตน ยอมหมดจดดวยตนเทยี ว ความหมดจด ความไมหมดจดเปน ของเฉพาะตน คนอ่ืนจะยัง
พระอภิธรรมปฎ ก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 478คนอน่ื ใหห มดจดไมได ดังน๑ี้ เปนสตู รมีอยูจรงิ มิใชหรอื ? ป. ถกู แลว. ส. ถาอยา งนั้นก็ไมพ ึงกลา ววา บุคคลอนื่ ขม จิตเพ่อื บคุ คลอื่นไดด งั นี.้ [๑๖๔๕] ป. ไมพ ึงกลา ววา บุคคลอน่ื ขมจติ ของบุคคลอื่นได หรือ ? ส. ถูกแลว ป. ชนผบู รรลุความเปน ผมู กี าํ ลงั มีอยู ชนซึ่งเปน ผมู ีความชํานาญมอี ยู มใิ ชหรือ ? ส. ถกู แลว. ป. หากวา ชนผูบรรลุความเปนผมู ีกาํ ลังมอี ยู ชนซงึ่ เปนมคี วามชาํ นาญมีอยู ดวยเหตนุ ัน้ นะทา นจึงตอ งกลา ววา บคุ คลอ่นื ขมจติของบคุ คลอ่นื ได. นิคคหกถา จบ อรรถกถานิคคหกถา วาดว ย การขม บดั น้ี ช่อื วา เรื่องการขม . ในเร่ืองนน้ั ชนเหลาใดมคี วามเหน็ ผิดดจุ ลัทธนิ ิกายมหาสังฆิกะทง้ั หลายวา ผใู ดมกี ําลัง มีอาํ นาจในโลก ถาวาเขาไมพ งึ อาจเพ่อื ขม จติ ของผอู ่นื ไดไซร ความมกี าํ ลัง หรอื ความมีอาํ นาจจะมปี ระโยชนอะไรแกช นเหลา นนั้ ก็เพราะความเปน ผมู ีกาํ ลังและมอี ํานาจ๑. ขุ.ธ. ๒๕/๒๒.
พระอภิธรรมปฎก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ท่ี 479บุคคลเหลา นน้ั จงึ ขมจิตของบคุ คลเหลาอ่ืนได ดังน้ี คาํ ถามของสกวาทีวา บคุ คลอืน่ ขมจิตของบคุ คลอน่ื เปน ตน โดยหมายถงึ ชนเหลา น้นัคาํ ตอบรับรองเปน ของปรวาที. บรรดาคําเหลา นนั้ คาํ วา ขม ไดแกการหามจิตมิใหต กไปสูสังกเิ ลส. คําที่เหลอื ในทน่ี ้ี พึงทราบตามพระบาลีนั่นแล. อรรถกถานิคคหกถา จบ
พระอภิธรรมปฎ ก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 480 ปคคหกถา [๑๖๔๖] สกวาที บคุ คลอื่นประคองจติ ของบุคคลอ่ืนได หรือ ? ปรวาที ถูกแลว . ส. บคุ คลอน่ื ประคองไดวา จติ ของบคุ คลอื่นอยา กําหนัดอยา ประทษุ ราย อยาหลง อยา เศรา หมอง ดังน้ีหรอื ? ป. ไมพึงกลา วอยางน้นั ฯลฯ [๑๖๔๗] ส. บคุ คลอ่นื ประคองจติ ของบุคคลอ่ืนได หรอื ? ป. ถูกแลว. ส. บคุ คลอน่ื ยงั กุศลมลู คอื อโลภะใหเกิด ยังกุศลมลู คอือโทสะใหเ กิด ยังกุศลมลู คอื อโมหะใหเ กิด ยังศรทั ธาใหเ กดิ ยังวิริยะใหเกดิ ยังสติใหเ กิด ยังสมาธใิ หเกิด ยงั ปญ ญาใหเกิด แกบคุ คลอนื่ ได หรอื ? ป. ไมพ ึงกลาวอยา งน้นั ฯลฯ [๑๖๔๘] ส. บคุ คลอื่นประคองจิตของบุคคลอน่ื ได หรอื ? ป. ถกู แลว. ส. บคุ คลอ่ืนประคองไวไดวา ผัสสะท่ีเกิดขึ้นแลว แกบคุ คลอน่ื อยา ดับไปเลย ดงั น้ีหรือ ? ป. ไมพ ึงกลาวอยางนั้น ฯลฯ ส. บคุ คลอ่นื ประคองไวไดวา เวทนาทีเ่ กดิ ขึน้ แลว ฯลฯปญ ญาทเี่ กิดขึ้นแลว แกบคุ คลอ่นื อยาดับไปเลย ดงั นหี้ รอื ? ป. ไมพึงกลาวอยา งนั้น ฯลฯ [๑๖๔๙] ส. บุคคลอนื่ ประคองจิตของบคุ คลอนื่ ได หรือ ? ป. ถกู แลว .
พระอภิธรรมปฎก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 481 ส. บคุ คลอ่ืนละราคะ ละโทสะ ละโมหะ ฯลฯ ละอโนตตปั ปะเพ่ือประโยชนแ กบ ุคคลอน่ื ได หรือ ? ป. ไมพึงกลา วอยา งน้ัน ฯลฯ [๑๖๕๐] ส. บุคคลอน่ื ประคองจิตของบุคคลอนื่ ได หรอื ? ป. ถูกแลว. ส. บคุ คลอืน่ เจรญิ มรรค เจริญสติปฏฐาน ฯลฯ เจริญโพชฌงค เพ่ือประโยชนแกบ คุ คลอน่ื ได หรอื ? ป. ไมพึงกลาวอยา งน้ัน ฯลฯ [๑๖๕๑] ส. บุคคลอ่ืนประคองจิตของบคุ คลอ่นื ไดหรือ ? ป. ถูกแลว . ส. บคุ คลอ่ืนกาํ หนดรูทกุ ข ฯลฯ ยังมรรคใหเ กิดเพอื่ประโยชนแ กบ ุคคลอน่ื ได หรือ ? ป. ไมพ ึงกลา วอยางน้ัน ฯลฯ [๑๖๕๒] ส. บคุ คลอน่ื ประคองจิตของบุคคลอ่ืนได หรือ ? ป. ถูกแลว . ส. บุคคลอื่นเปน ผทู าํ แกบุคคลอื่น สขุ และทุกขค นอื่นทาํ ให คนหนงึ่ ทาํ คนหนึ่งเสวยผล หรือ ? ป. ไมพ ึงกลา วอยางนั้น ฯลฯ ส. บคุ คลอนื่ ประคองจติ ของบุคคลอื่นได หรอื ? ป. ถูกแลว. ส. พระผมู ีพระภาคเจา ไดตรัสไวว า บุคคลทําบาปดว ยตน ฯลฯ คนอื่นยงั คนอ่ืนใหหมดจดไมได ดงั น้ี เปนสตู รมีอยูจ รงิ มิใชห รือ ?
พระอภิธรรมปฎก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนา ที่ 482 ป. ถูกแลว ส. ถาอยา งนน้ั ก็พึงกลาววา บุคคลอนื่ ประคองจติของบคุ คลอ่ืนได. [๑๖๕๓] ป. ไมพงึ กลาววา บคุ คลอน่ื ประคองจติ ของบคุ คลไดหรอื ? ส. ถกู แลว . ป. ชนผบู รรลคุ วามเปนผมู กี ําลังมอี ยู ชนซ่ึงเปนผมู คี วามชํานาญมีอยู มใิ ชหรอื ? ส. ถกู แลว . ป. หากวา ชนผบู รรลคุ วามเปน ผูมกี ําลังมีอยู ชนซง่ึเปน ผมู คี วามชํานาญมีอยู ดว ยเหตุน้นั นะทา น จึงตองกลา ววา บคุ คลอ่ืนประคองจิตของบคุ คลอ่ืนได. ปคคหกถา จบ อรรถกถาปคคหกถา แมในกถาวา ดว ย การประคองจติ ก็นัยน้นี ่ันแหละ
พระอภิธรรมปฎ ก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 483 สุขานปุ ปทานกถา [๑๖๕๔] สกวาที บุคคลอื่นสงความสุขใหบคุ คลอนื่ ได หรอื ? ปรวาที ถกู แลว . ส. บคุ คลอ่นื สง ความทุกขใ หแกบคุ คลอ่นื ได หรอื ? ป. ไมพ งึ กลา วอยา งนัน้ ฯลฯ ส. บุคคลอ่นื สง ความสุขใหแกบ คุ คลอน่ื ไมได หรอื ? ป. ถูกแลว . ส. บคุ คลอืน่ สงความสขุ ใหแกบุคคลอื่นไมได หรือ ? ป. ไมพงึ กลา วอยา งน้นั ฯลฯ ส. บุคคลอนื่ สงความสุขใหแ กบุคคลอื่นได หรือ ? ป. ถูกแลว . ส. บคุ คลอื่นสงความสขุ ของตนใหแ กบุคคลอ่ืนหรือ สงความสขุ ของคนอ่นื ๆ หรอื สงความสุขของบุคคลผรู บั น้นั หรอื ? ป. ไมพ งึ กลา วอยางน้นั ฯลฯ ส. บุคคลอน่ื สงความสุขของตนใหแ กบ ุคคลอื่นกไ็ มใ ชสง ความสขุ ของคนอื่น ๆ ก็ไมใช สง ความสุขของบคุ คลผรู บั นัน้ ก็ไมใ ชหรือ ? ป. ถกู แลว . ส. หากวา บุคคลอนื่ สง ความสุขของตนใหบ คุ คลอืน่ ก็ไมใช สงความสขุ ของคนอ่ืน ๆ ก็ไมใช สงความสขุ ของบคุ คลผูรับน้นั ก็ไมใ ช ก็ตอ งไมก ลา ววา บคุ คลอืน่ สงความสุขใหแกบ คุ คลอ่ืนได.
พระอภิธรรมปฎก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 484 [๑๖๕๕] ส. บุคคลอ่นื สง ความสขุ ใหแ กบุคคลอ่ืนได หรอื ? ป. ถูกแลว . ส. บุคคลอ่นื เปนผทู ําแกบ ุคคลอื่น สุขและทกุ ขค นอื่นทําใหค นหนึ่งทาํ อกี คนหน่งึ เสวยผล หรอื ? ป. ไมพ งึ กลาวอยา งน้ัน ฯลฯ [๑๖๕๖] ส. ไมพงึ กลาววา บคุ คลอื่นสงความสขุ ใหแกค นอ่ืนไดหรอื ? ป. ถกู แลว. ส. ทานพระอุทายีไดก ลา วคํานวี้ า พระผมู ีพระภาคเจาของเราทรงขจัดทกุ ขธรรมทัง้ หลายแกช นเปน อนั มากหนอ พระผมู ีพระภาคเจาของเราทรงประทานสขุ ธรรมทั้งหลายแกชนเปน อันมากหนอ พระผูม -ีพระภาคเจา ของเรา ทรงขจัดอกศุ ลธรรมทง้ั หลายแกชนเปนอนั มากหนอพระผมู ีพระภาคเจาของเราทรงประทานกศุ ลธรรม ทัง้ หลายแกช นเปนอันมากหนอ ดังน๑ี้ เปน สตู รมีอยจู ริง มิใชห รอื ? ป. ถูกแลว ส. ถา อยา งน้ัน บุคคลอ่นื ก็สงความสุขแกบ ุคคลอ่นื ไดนะสิ. สุขานปุ ปทานกถา จบ๑. ม.ม. ๑๓/๑๗๖.
พระอภธิ รรมปฎก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 485 อรรถกถาสุขานปุ ปทานกถา วาดวย การสง ความสุข บดั น้ี ช่ือวาเรอื่ งการสงความสุข. ในเร่อื งน้ัน ชนเหลาใดมีความเหน็ ผดิ ดุจลัทธขิ องนิกายเหตุวาทวา บคุ คลอนื่ สง ความสุขใหแกบุคคลอ่ืนได เพราะอาศยั พระสูตรทพ่ี ระอทุ ายเี ถระกลา วไวว า พระผูมพี ระภาคเจาของเราทรงประทานสุขธรรมทง้ั หลายแกช นเปนอนั มากหนอ เปน ตนคําถามของสกวาทีหมายถึงชนเหลาน้นั คําตอบรบั รองเปน ของปรวาท.ีถกู สกวาทถี ามวา บุคคลอืน่ สง ความทกุ ขใหแ กบคุ คลอ่ืนไดห รือ ปรวาทีเม่ือไมเ หน็ บทพระสตู รเชนนั้น จึงตอบปฏิเสธ. ในปญ หาวา บคุ คลอน่ืสงความสุขของตน เปนตน ความวา ปรวาทียอ มตอบปฏเิ สธ ดวยถอยคําวา ใคร ๆ ไมอ าจมอบความสขุ ของตนหรือของผอู น่ื ใหแกใ คร ๆ ได ก็ช่อื วาการสง ความสขุ ในทน่ี ี้จะพงึ มีไดอ ยางไร. สวนในปญ หาวา บุคคลอ่นื สง ความสุขของตนใหแกบคุ คลอนื่ กไ็ มใช เปนตน ปรวาทตี อบรบั รองตามลทั ธิวา ขน้ึ ช่ือวา การสง ความสุขเชนนไ้ี มอาจมไี ด. คําวา กไ็ มต อ งกลาว สกวาทกี ลา วแลวเพราะไมมคี วามสุขเชนน้ัน. พระบาลวี า พระ-ผมู พี ระภาคเจา ของเราทรงประทานสขุ ธรรมทงั้ หลายให เปนตน ยอ มแสดงซงึ่ ความทีพ่ ระผมู พี ระภาคเจาทรงเปน ปจ จัยเพ่อื ใหเกดิ ความสุขแกช นทง้ั หลาย ไมใชแ สดงการสง ความสุขใหแกช นทั้งหลายเหมอื นการใหพัสดุตา ง ๆ มีอาหารเปน ตน เพราะฉะนนั้ พระสตู รน้ีจงึ มิใชขอ อา งดงั ท่ยี กมาน้นั ดวยประการฉะน้ีแล. อรรถกถาสขุ านุปปทานกถา จบ
พระอภิธรรมปฎก กถาวตั ถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาที่ 486 อธคิ คยั หมนสกิ ารกถา [๑๖๕๗] สกวาที มนสกิ ารรวบยอดได หรือ ? ปรวาที ถูกแลว . ส. รูชัดซง่ึ จิตน้นั ดว ยจติ นั้นได หรอื ? ป. ไมพ งึ กลาวอยา งนน้ั ฯลฯ ส. รชู ดั ซงึ่ จิตนั้นดวยจิตนัน้ หรือ ? ป. ถกู แลว. ส. รชู ดั ซ่งึ จิตนนั้ ดว ยจติ นั้นวา จิต ดังนี้ได หรอื ? ป. ไมพึงกลา วอยา งนัน้ ฯลฯ ส. รูช ัดซึ่งจิตนนั้ ดว ยจติ นั้นวา จติ ดังน้ีได หรอื ? ป. ถูกแลว. ส. จิตนน้ั เปน อารมณข องจิตน้นั หรือ ? ป. ไมพ ึงกลาวอยางนัน้ ฯลฯ ส. จติ นั้นเปน อารมณของจิตน้นั หรอื ? ป. ถกู แลว. ส. ถกู ตองผัสสะนั้นดวยผสั สะน้นั ฯลฯ ดวยเวทนานั้นฯลฯ ดวยสัญญานน้ั ฯลฯ ดว ยเจตนาน้นั ฯลฯ ดวยจิตนนั้ ฯลฯ ดว ยวติ กนัน้ฯลฯ ดว ยวจิ ารนนั้ ฯลฯ ดว ยปตนิ ัน้ ฯลฯ ดวยสติ ฯลฯ รชู ดั ปญญาน้ันดว ยปญ ญาน้ัน หรอื ? ป. ไมพ งึ กลา วอยา งนนั้ ฯลฯ ส. กําลงั มนสกิ ารอดีตวา อดีต ดังนอ้ี ยู กม็ นสกิ ารอนาคตวา อนาคต ดงั น้ไี ด หรอื ?
พระอภิธรรมปฎ ก กถาวัตถุ เลม ๔ ภาค ๒ - หนาท่ี 487 ป. ไมพ งึ กลาวอยา งนนั้ ฯลฯ ส. กําลงั มนสิการอดตี วา อดีต ดังน้อี ยู ก็มนสกิ ารอนาคตวา อนาคต ดงั น้ไี ด หรอื ? ป. ถกู แลว . ส. เปน การประชมุ กันแหง ผัสสะ ๒ ฯลฯ แหง จติ ๒ หรอื ? ป. ไมพ ึงกลา วอยา งนัน้ ฯลฯ ส. กําลังมนสกิ ารอดตี วา อดีต ดงั น้อี ยู ก็มนสิการปจ จบุ ันวา ปจจบุ นั ดงั นไ้ี ด หรอื ? ป. ไมพ งึ กลาวอยา งน้ัน ฯลฯ ส. กําลงั มนสกิ ารอดตี วา อดีต ดงั น้ีอยู กม็ นสิการปจ จบุ ันวา ปจ จุบนั ดงั นีไ้ ด หรือ ? ป. ถกู แลว. ส. เปน การประชุมกนั แหงผัสสะ ๒ ฯลฯ แหงจติ ๒ หรือ ? ป. ไมพึงกลาวอยางน้นั ฯลฯ ส. กาํ ลงั มนสิการอดีต วา อดตี ดงั นอ้ี ยู กม็ นสกิ ารอนาคตวา อนาคตดงั นไี้ ด มนสิการปจจบุ นั วา ปจจุบัน ดังนไ้ี ด หรือ ? ป. ไมพึงกลาวอยา งนนั้ ฯลฯ ส. กาํ ลงั มนสิการอดีตวา อดีต ดงั น้อี ยู ก็มนสกิ ารอนาคตวาอนาคต ดังน้ีได มนสิการปจ จุบนั วา ปจ จบุ ัน ดังน้ไี ด หรือ ? ป. ถกู แลว. ส. เปนการประชุมกนั แหง ผัสสะ ๓ ฯลฯ แหงจติ ๓ หรอื ? ป. ไมพ งึ กลา วอยา งนน้ั ฯลฯ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 647
- 648
- 649
- 650
- 651
- 652
- 653
- 654
- 655
- 656
- 657
- 658
- 659
- 660
- 661
- 662
- 663
- 664
- 665
- 666
- 667
- 668
- 669
- 670
- 671
- 672
- 673
- 674
- 675
- 676
- 677
- 678
- 679
- 680
- 681
- 682
- 683
- 684
- 685
- 686
- 687
- 688
- 689
- 690
- 691
- 692
- 693
- 694
- 695
- 696
- 697
- 698
- 699
- 700
- 701
- 702
- 703
- 704
- 705
- 706
- 707
- 708
- 709
- 710
- 711
- 712
- 713
- 714
- 715
- 716
- 717
- 718
- 719
- 720
- 721
- 722
- 723
- 724
- 725
- 726
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 650
- 651 - 700
- 701 - 726
Pages: