Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_75

tripitaka_75

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:44

Description: tripitaka_75

Search

Read the Text Version

พระอภธิ รรมปฎก ธรรมสังคณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 247 โดยประการอ่ืนอีก รปู เปน ตนทเ่ี หน็ มาแลว เคยฟงมาแลว ตามที่กลาวยงั มีอยู คอื อารมณเ หลานน้ั ยอ มมาสคู ลองในมโนทวาร โดยความเน่ืองกันรูปท่ีเห็นแลวและเสยี งทีฟ่ งแลว โดยไมก ระทบกบั จกั ขปุ ระสาทเปน ตน นน่ั แหละโดยนัยมีอาทิวา รปู เชน นขี้ องพระพุทธเจา น้ันจักมแี กพระพุทธเจา ผูทรงอบุ ัติขึน้ ในกาลตอ ไป ดังน้ี ทีน้ัน มหาจิตนก้ี ม็ ีอารมณอยา งใดอยา งหนงึ่ ในบรรดาอารมณท ้ังหลายมีรปู เปนตนน้ัน ของบุคคลนน้ั กจ็ ะเปนไปโดยนัยท่ีกลาวไวในหนหลงั นน่ั แหละ อารมณทั้งหลายมรี ูปเปน ตนเหลานี้ยอมมาสคู ลองในมโนทวารดว ยสามารถความเกยี่ วของแหง รูปท่เี ห็นแลว และเสยี งทเ่ี คยฟง แลว ทงั้ สองดวยประการฉะน.ี้ ก็คาํ ที่กลาวแมน้เี ปน เพียงแนวทางเทานัน้ สวนโดยพสิ ดาร บณั ฑิตพึงทราบการมาสูคลองในมโนทวารของอารมณเ หลา นน้ั น่นั แหละ ดวยอํานาจแหง ศรัทธา ความพอใจ อาการปรวิ ติ ก ทิฏฐิ การเขาไปเพง และขันติเปนตน ก็อารมณท มี่ าสูค ลองเหลา น้ดี วยอาการอยา งนเี้ ปนจรงิ บา ง ไมจ รงิ บางเพราะฉะนน้ั นัยน้ี พระอรรถกถาจารยจ ึงไมถ ือเอาในอรรถกถา ดวยคําตามทีก่ ลา วมาน้ี ชวนะมีอารมณอ ยางหนึง่ บณั ฑติ พงึ ทราบวา ยอมเกดิ ในทวารท้งั หลายทง้ั สอง จริงอยู ชวนจติ ท่มี ีรูปเปน อารมณย อมเกดิ ขึน้ ในจกั ข-ุทวารบาง ในมโนทวารบา ง แมในสัททารมณเ ปนตนกน็ ัยนแ้ี หละ. ในทวารทงั้ ๒ เหลาน้นั ชวนจติ ท่มี ีรปู เปน อารมณ เมอื่ เกดิ ในมโนทวารมี ๓ อยางเทานัน้ คอื ๑. ทานมัย (ชวนจติ เกิดแตก ารใหทาน) ๒. สีลมัย (ชวนจติ เกดิ แตก ารรกั ษาศีล) ๓. ภาวนามัย (ชวนจิตเกดิ แตภาวนา)

พระอภิธรรมปฎ ก ธรรมสงั คณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 248 ในชวนจติ ที่เกดิ แตทานมัยเปน ตนเหลา น้นั แตละอยางก็มีถงึ ๓ อยา งคอื กายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม แมใ นสทั ธารมณ คันธารมณรสารมณ โผฏฐัพพารมณ และธมั มารมณเปนตน กน็ ัยนเ้ี หมือนกนั ในบรรดาชวนจิตทมี่ ีรปู เปน อารมณเ หลาน้นั มหากสุ ลจิตดวงหน่งึ เมื่อทํารปู ใหเปนอารมณเกดิ ข้ึน ยอ มทาํ สี กลาวคอื สุภนมิ ิตอยา งใดอยางหนึง่ ในดอกไมผา และธาตุทัง้ หลายที่มสี เี ขยี ว สเี หลอื ง สีแดงและขาวทนี่ า ปรารถนานาใคร นา พอใจ นา ยินดีใหเ ปนอารมณเกดิ ขน้ึ . ถามวา ก็อิฏฐารมณ (อารมณท ่นี า ปรารถนา) เปน ทต่ี ั้งแหง โลภะมใิ ชห รือ ไฉนจิตนีจ้ งึ เกดิ มีช่อื วา กศุ ลเลา. ตอบวา ที่มีชื่อวา กุศล ดว ยสามารถแหง การกําหนด (นิยมติ )ดว ยสามารถแหงการเปลีย่ น (ปรณิ ามิต) ดว ยสามารถแหงความประพฤตดิ ี(สมทุ าจาร) ดวยสามารถแหงการผูกใจ (อาภชุ ิต). จรงิ อยู ของบคุ คลใด ชื่อวา กาํ หนด ในเพราะการทํากศุ ลวากศุ ลเทา น้นั เราควรกระทาํ ดังน้.ี ท่ชี อ่ื วา เปลี่ยนไป ใหเ พราะการยงั อกศุ ลทเี่ ปนไปใหก ลับแลวทาํ กุศล. ทช่ี อื่ วา ประพฤติดี ดวยการประพฤตกิ ุศลน่นั แหละโดยการการทาํ บอ ย ๆ และความคาํ นึงเปนไปแลว โดยแยบคายดว ยอุปนสิ สยั ทั้งหลาย มีการอยใู นประเทศอนั สมควร ๑ การคบสตั บรุ ุษ ๑ การฟงพระสัทธรรม ๑ ความเปนผูมีบญุ อนั กระทาํ ไวในกาลกอน ๑ ชือ่ วา การผกู ใจ. ธรรมดาวา กุศลยอ มเกดิ แกจ ิตน้นั ดว ยสามารถแหงการกาํ หนด ดว ยสามารถแหง การเปล่ียน ดวยสามารถการประพฤตดิ ี และดวยสามารถแหงการผกู ใจน้ี.

พระอภิธรรมปฎก ธรรมสังคณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 249 กค็ วามที่มหากศุ ลเปนโสมนสั สสหคตะในจิตนี้ พึงทราบดว ยสามารถแหงอารมณ. จริงอยู จติ นชี้ อื่ วา เกิดเปน โสมนัสเพราะความเกิดข้นึ ในอารมณทนี่ า ปรารถนา และเหตทุ งั้ หลายมคี วามเปนผมู ากดวยศรัทธาเปนตน ก็เกิดขน้ึในจติ ทมี่ โี สมนัสสสหคตะน้ีเหมือนกนั เพราะวาโสมนสั ยอ มไมเกิดขึน้ แกผ ไู มม ีศรทั ธา และเปน มิจฉาทฏิ ฐิทงั้ หลาย เพราะเห็นแมรูปของพระตถาคตซึง่ เปนอิฏฐารมณโ ดยสว นเดยี ว และบุคคลเหลา ใดไมเหน็ อานิสงสในการสรา งกุศลโสมนสั กไ็ มเ กิดขึน้ แกบคุ คลเหลา น้ัน แมบ คุ คลอนื่ ใหอุตสาหะสรา งกุศลเพราะฉะนน้ั บัณฑิตพงึ ทราบความที่กศุ ลจติ เปน โสมนัสสสหคตะในทน่ี ีอ้ ยางนี้คอื ความเปนมากดวยศรทั ธา ความเปนผมู ีทิฏฐิบรสิ ุทธิ์ และความเปน ผูมีปกตเิ หน็ อานสิ งส. อีกอยา งหน่ึง ธรรม ๑๑ อยา ง ยอ มเปน ไปเพราะอาศัยปตสิ มั โพชฌงคคือ ๑. พทุ ธานุสติ ๒. ธรรมานุสติ ๓. สังฆานุสติ ๔. สีลานสุ ติ ๕. จาคานสุ ติ ๖. เทวตานุสติ ๗. อุปสมานุสติ ๘. การเวนบุคคลทเ่ี ศรา หมอง ๙. การคบบคุ คลผูนา รัก ๑๐. การพิจารณาพระสูตรเปนท่ีตงั้ แหง ความเลอื่ มใส ๑๑. ความเปน ผนู อ มไปในปตสิ มั โพชฌงคน้นั .

พระอภิธรรมปฎก ธรรมสงั คณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 250 เพราะฉะนั้น บัณฑติ พึงทราบความทก่ี ุศลจติ เปน โสมนสั สสหคตะในทน่ี ี้ ดว ยเหตุทั้งหลายแมเหลานี้. สวนความพิสดารของธรรมทเ่ี ปน เหตุเหลา น้ีจกั แจมแจง ในโพชฌงควภิ งั ค. อนง่ึ บัณฑติ พึงทราบความท่ีกุศลจิตทีเ่ ปน โสมนสั สสหคตะเปนธรรมสมั ปยุตดวยญาณในทนี่ ี้ดวยเหตเุ หลา นัน้ คือ โดยกรรม โดยความเกดิ ข้นึโดยความแกร อบแหงอินทรีย และความเปน ผูหา งไกลจากกิเลส. จรงิ อยู บคุ คลใดแนะนาํ ธรรมแกชนเหลาอื่น คอื ใหศ ึกษาสปิ ปายตนะ(คอื วชิ าขช่ี า ง ขม่ี า และขบั รถเปน ตน ) กมั มายตนะ (คือวิชากสกิ รรมพาณิชยกรรม และหตั ถกรรมเปน ตน ) และวิชชัฏฐาน (คือ ดาราศาสตรโหราศาสตร แพทยศาสตร และไสยศาสตร) อนั ไมมโี ทษ ถวายเครื่องสักการะอาราธนาพระธรรมกถึกใหแสดงธรรม ดงั ความปรารถนาวาในกาลตอไปขาพเจา จักเปนผูมีปญญาดังนี้ แลวถวายทานมีประการตา ง ๆ กศุ ลทีเ่ ปนญาณสมั ปยุต เมือ่ เกดิ แกบ ุคคลน้ันเขา ไปอาศัยกรรมเห็นปานน้ี แลว ยอ มเกิดข้ึนอีกอยา งหนง่ึ ถาบุคคลน้ันเกดิ ในโลกทไ่ี มม คี วามเบยี ดเบียน บทแหง ธรรมท่ีงา ยยอ มปรากฏแกเ ขาในทน่ี ้นั . กศุ ลจิตญาณสมั ปยุต เม่อื เกดิ กอ็ าศัยความเกดิ ขึน้ โดยนยั นีว้ าดูกอนภิกษทุ งั้ หลาย ความเกดิ ข้นึ แหงสตชิ า แตว า สตั วน ้ันยอมเปน ผมู สี วนแหงคุณวิเศษเร็วพลนั ดังน้ี. อน่งึ กุศลญาณสัมปยุตจิตเมอื่ เกดิ แมเ พราะอาศยั ความแกร อบแหงอนิ ทรยี ของบคุ คลผปู ระกอบ คือการแกร อบแหง อินทรยี ของบุคคลผูบรรลุหมวด ๑๐ แหง ปญ ญา (วิปสสนาญาณ ๑๐) เกดิ ขน้ึ .


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook