พระอภิธรรมปฎก ธรรมสงั คณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 575ธรรมท่เี ปนมชั ฌมิ ะกม็ ี ในธรรมทีเ่ ปนหนี ะและปณีตะ กุศลธรรมทเ่ี ปน ปณตี ะก็มี น้เี รยี กวา นวกะหน่งึ . แมใ นธรรมท่ีเปน ปณีตะและหีนะ ช่ือวา กศุ ลธรรมทต่ี ่าํ ก็มี ในธรรมทีเ่ ปนปณตี ะและหนี ะ กุศลธรรมทเี่ ปน มัชฌมิ ะก็มี ในธรรมทีเ่ ปน ปณตี ะและหนี ะ กศุ ลธรรมท่ีเปนปณีตะกม็ .ี อน่งึ ในธรรมทเ่ี ปน ปณีตะและมชั ฌมิ ะกศุ ลธรรมที่ต่าํ ก็มี ในธรรมทเี่ ปน ปณีตะและมชั ฌิมะ กุศลธรรมทเ่ี ปนมัชฌิมะกม็ ี ในธรรมท่ีเปน ปณีตะและมชั ฌมิ ะ กุศลธรรมท่ีเปน ปณตี ะกม็ ี ในธรรมท่ีเปน ปณีตะและปณตี ะกศุ ลธรรมทเ่ี ปนหีนะ (ตํ่า) ก็มี ในธรรมท่เี ปน ปณีตะและปณีตะ กุศลธรรมที่เปนมัชฌิมะกม็ ี ในธรรมทเ่ี ปนปณีตะและปณตี ะ กศุ ลธรรมท่เี ปนปณีตะกม็ ี น้ีเปน นวกะที่ ๒ รวมนวกะท้ังสองเปนธรรม ๑๘. ธรรม๑๘ เหลานี้ ช่อื วา กรรมทวาร. วา ดวยกรรมทวารเหลา นี้ พงึ ทราบวากษัตริย ๑๘ พราหมณ ๑๘ แพทย ๘ ศูทร ๑๘ โคตรจรณะ ๔๘ เพราะความเปนผอู บรมแลว ดว ยกรรมทวาร ๑๘ เหลาน.ี้ บรรดากศุ ลธรรมที่เปนไปในภมู ิ ๓ เหลา น้ี กามาวจรกุศล เปนทเุ หตกุ ะโดยการไมป ระกอบญาณสมั ปยุตบา ง แตรูปาวจรและอรูปาวจร เปนติเหตุกะอยางเดยี ว คือเปน ญาณสัมปยุตเทานน้ั . ก็ในกุศลทีเ่ ปนไปในภูมิ ๓เหลานน้ั กามาวจรกุศลยอมเกิดรวมกบั อธิบดบี าง เวนจากอธิบดีบา ง แตรูปาวจรและอรปู าวจรกุศลยอมสัมปยุตดวยอธิบดีโดยแท. และในกศุ ลประกอบดว ยภมู ิ ๓ นี้ ในกามาวจรกศุ ลยอมไดอ ธบิ ดี เพียง ๒ เทา น้ัน คือ อารัมมณา-ธิปติ สหชาตาธิปต.ิ ในรูปาวจรและอรูปาวจรกศุ ลยอมไมไดอ ารัมมณาธปิ ติยอมไดเ ฉพาะสหชาตาธิปตเิ ทาน้นั ในสหชาตาธปิ ตเิ หลานนั้ ตรัสความเปน
พระอภธิ รรมปฎก ธรรมสงั คณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 576จติ ตาธปิ ไตยของจิตไวด วยอาํ นาจสมั ปยตุ ธรรมทงั้ หลาย. แตเ พราะจติ ๒ ดวงไมมีพรอ มกัน ชื่อวา จิตตาธปิ ติ ของสัมปยุตตจิตก็ไมม ี. อนงึ่ ฉนั ทาธปิ ตเิ ปนตนแหง ธรรมมฉี ันทะเปน ตน กเ็ ชนเดยี วกนั แตอ าจารยบางพวกยอ มปรารถนาชอื่อธิบดี ดวยสามารถแหง การมาอยางนี้วา กุศลจิตดวงอ่นื อกี กระทาํ จิตใดใหเปน ธุระใหเ ปน ใหญ ประมวลมาแลว อยางน้วี า ถากศุ ลธรรมมอี ยเู เกบ คุ คลผูมีจิตไซร กุศลธรรมกจ็ ักมีแกเรา ดงั นี้ จติ ดวงเดิมนั้นของบุคคลนัน้ ชอื่ วาเปนจติ ตาธปิ ติ จิตน้ีชอื่ วา จติ ตาธปิ ไตย เพราะมาจากจติ ดวงนั้น ดงั น้ี.กน็ ัยนี้ไมปรากฏในพระบาลีและอรรถกถา เพราะฉะนน้ั พงึ ทราบความเปนอธิบดโี ดยนัยที่กลา วแลว นนั่ แหละ. กใ็ นมหานัย ๑๙ เหลา นี้ มีจติ ทั้งหลายประมาณตามทกี่ ลา วในสทุ ธกิ นยัตน และมนี วกะทง้ั หลาย และวาระแหง พระบาลที งั้ หลาย เพราะฉะนั้นพงึ ทราบประเภท จติ ตะ นวกะ และวาระ ซึง่ คณู ดว ย ๒๐ โดยประมาณที่กลา วในญาณสัมปยตุ และคณู ดว ย ๑๖ ในญาณวิปปยตุ ๔ ดงั นี้ นชี้ ือ่ วาปกณิ ณกถา ในกุศลเปน ไปในภูมิ ๓ ดังนี้แล. กุศลที่เปนไปในภมู ิ ๓ จบ
พระอภิธรรมปฎก ธรรมสังคณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 577 โลกตุ ตรกศุ ลจติ มรรคจิตดวงที่ ๑ [๑๙๖] ธรรมเปนกศุ ล เปน ไฉน ? โยคาวจรบคุ คลเจรญิ ฌานเปนโลกุตระ อนั เปน เครอ่ื งออกไปจากโลกนําไปสูนพิ พาน เพอ่ื ละทิฏฐิ เพอื่ บรรลภุ มู ิเบ้อื งตน สงดั จากกาม สงัดจากอกุศลธรรมท้ังหลายแลว บรรลุปฐมฌาน เปน ทกุ ขาปฏปิ ทา ทันธาภิญญาประกอบดวยวติ ก วิจาร มีปต ิและสขุ อนั เกิดแตวเิ วก อยใู นสมยั ใด ผสั สะเวทนา สัญญา เจตนา จิต วติ ก วิจาร ปติ สขุ เอกัคคตา สัทธินทรียวริ ิยนิ ทรีย สตนิ ทรยี สมาธินทรีย ปญ ญนิ ทรีย มนนิ ทรยี โสมนัสสินทรียชวี ิตนิ ทรีย อนญั ญตัญญัสสามีตินทรยี สมั มาทฏิ ฐิ สมั มาสงั กัปปะ สมั มาวาจาสัมมากัมมันตะ สัมมาอาชวี ะ สมั มาวายามะ สมั มาสติ สัมมาสมาธิ สัทธาพละวริ ิยพละ สตพิ ละ สมาธิพละ ปญ ญาพละ หริ ิพละ โอตตัปปพละ อโลภะอโทสะ อโมหะ อนภชิ ฌา อัพยาปาทะ สัมมาทิฏฐิ หริ ิ โอตตั ปั ปะ กายปส สทั ธิจิตตปส สทั ธิ กายลหุตา จิตตลหุตา กายมุทตุ า กายกมั มญั ญตาจติ ตกมั มัญญตา กายปาคุญญตา จติ ตปาคญุ ญตา กายุชุกตา จติ ตชุ ุกตาสติสัมปชัญญะ สมถะ วิปสสนา ปค คาหะ อวกิ เขปะ มีในสมัยนน้ั หรือวานามธรรมท่อี งิ อาศัยเกิดขนึ้ แมอ นื่ ใด มีอยูในสมัยน้นั . สภาวธรรมเหลา น้ีช่ือวา ธรรมเปน กุศล. [๑๙๗] ผสั สะ มีในสมยั น้นั เปนไฉน ? การกระทบ กริ ยิ าท่กี ระทบ กิริยาทีถ่ ูกตอง ความถกู ตอ ง มใี นสมยั นัน้อนั ใด นช้ี ือ่ วาผสั สะ มใี นสมัยนั้น.
พระอภิธรรมปฎก ธรรมสงั คณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 578 [๑๙๘] เวทนา มใี นสมัยน้นั เปน ไฉน ? ความสบายทางใจ ความสุขทางใจ อนั เกดิ แตสมั ผัสแหง มโนวิญญาณ-ธาตุที่สมกัน ความเสวยอารมณท ่สี บายเปนสขุ อนั เกิดแตเจโตสัมผัส กิริยาเสวยอารมณที่สบายเปน สขุ อันเกิดแตเจโตสมั ผสั ในสมยั นั้น อนั ใด น้ีชือ่ วา เวทนามีในสมัยนน้ั . [๑๙๙] สญั ญา มีในสมัยนั้น เปนไฉน ? การจาํ กิริยาท่จี ํา ความจํา อันเกดิ แตสมั ผสั แหงมโนวญิ ญานธาตุทส่ี มกนั ในสมัยนนั้ อันใด น้ชี ื่อวาสัญญา มใี นสมยั น้นั . [๒๐๐] เจตนา มีในสมยั น้ัน เปนไฉน ? การคดิ กริ ยิ าทค่ี ิด ความคดิ อนั เกดิ แตส มั ผสั แหงมโนวญิ ญาณธาตุทสี่ มกนั ในสมัยน้ัน อันใด นี้ชอื่ วา เจตนา มีในสมัยน้นั . [๒๐๑] จิต มีในสมยั นัน้ เปนไฉน ? จติ มโน มานสั หทัย ปณฑระ มโน มนายตนะ มนินทรียวญิ ญาณ วญิ ญาณขันธ มโนวญิ ญาณธาตทุ ่สี มกนั ในสมัยนั้น อนั ใด น้ีช่อื วาจติ มีในสมัยน้ัน. [๒๐๒] วิตก มใี นสมัยน้ัน เปน ไฉน ? ความตรึก ความตรึกอยางแรง ความดําริ ความทีจ่ ิตแนบอยใู นอารมณ ความทีจ่ ิตแนบสนทิ อยูในอารมณ ความยกจิตข้ึนสอู ารมณ สัมมาสงั -กัปปะ อนั เปนองคแ หง มรรค นบั เนอ่ื งในมรรค ในสมัยนน้ั อนั ใด นช้ี อ่ื วาวิตก มใี นสมัยนน้ั . [๒๐๓] วจิ าร มีในสมัยนัน้ เปน ไฉน ?
พระอภธิ รรมปฎ ก ธรรมสงั คณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 579 ความตรอง ความพิจารณา ความตามพิจารณา ความเขา ไปพจิ ารณาความทีจ่ ิตสืบตอ อารมณ ความท่จี ิตเพงอารมณ ในสมัยนั้นอนั ใด น้ชี อื่ วาวจิ าร มีในสมยั นนั้ . [๒๐๔] ปติ มีในสมยั นั้น เปน ไฉน ? ความอิ่มใจ ความปราโมทย ความยนิ ดยี ิง่ ความบันเทงิ ความรา เริงความร่ืนเริง ความปล้ืมใจ ความตื่นเตน ความทจ่ี ติ ช่นื ชมยินดี ปต ิสมั โพชฌงคในสมยั นั้น อันใด นช้ี ือ่ วา ปติ มใี นสมัยนนั้ . [๒๐๕] สขุ มีในสมยั นนั้ เปนไฉน ? ความสบายทางใจ ความสุขทางใจ ความเสวยอารมณท่สี บาย เปน สขุอันเกดิ แตเจโตสัมผสั กิริยาเสวยอารมณท ีส่ บายเปนสุขอันเกิดแตเจโตสมั ผัสในสมยั น้นั อนั ใด นีช้ อ่ื วา สขุ มีในสมัยน้นั . [๒๐๖] เอกัคคตา มใี นสมยั น้ัน เปนไฉน ? ความตั้งอยูแ หงจติ ความดาํ รงอยูแหงจติ ความมน่ั อยแู หง จิต ความไมสายไปแหง จิต ความไมฟุงซา นแหงจิต ภาวะทจ่ี ติ ไมสายไป ความสงบสมาธนิ ทรีย สมาธพิ ละ สัมมาสมาธิ สมาธสิ มั โพชฌงค อันเปน องคแ หง มรรคนบั เนือ่ งในมรรค ในสมยั น้นั อนั ใด นี้ชื่อวาเอกัคคตา มใี นสมัยน้นั . [๒๐๗] สัทธนิ ทรีย มีในสมยั นนั้ เปนไฉน ? ศรัทธา กริ ิยาท่เี ช่อื ความปลงใจเชื่อ ความเลือ่ มใสยิง่ ศรัทธาอนิ ทรยี คอื ศรัทธา สัทธาพละ อันใด นีช้ ่อื วา สัทธนิ ทรีย มีในสมยั นั้น. [๒๐๘] วิริยินทรยี มีในสมยั น้ัน เปน ไฉน ? การปรารภความเพียรทางใจ ความขะมกั เขมน ความบากบน่ั ความตงั้ หนา ความพยายาม ความอตุ สาหะ ความทนทาน ความเขม แข็ง ความ
พระอภิธรรมปฎ ก ธรรมสงั คณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 580หมั่น ความกาวไปอยา งไมทอถอย ความไมทอดท้ิงฉันทะ ความไมทอดทิง้ธรุ ะ ความประคบั ประคองธุระ วริ ิยะ อินทรีย คอื วิรยิ ะ วิรยิ พละ สัมมา-วายามะ วิรยิ สัมโพชฌงค อนั เปนองคแหง มรรค นับเน่ืองในมรรค ในสมัยน้นั อันใด น้ชี ื่อวา วิริยนิ ทรยี มใี นสมัยนน้ั . [๒๐๙] สตนิ ทรีย มใี นสมยั นั้น เปนไฉน ? สติ ความตามระลึก ความหวนระลกึ สติ กิริยาทีร่ ะลึก ความทรงจาํความไมเ ล่ือนลอย ความไมล ืม สติ อินทรียคอื สติ สตพิ ละ สัมมาสติ สติสัมโพชฌงค อนั เปน องคแ หงมรรค นบั เนอื่ งในมรรค ในสมยั นน้ั อันใดนี้ช่อื วา สตนิ ทรยี มใี นสมยั น้ัน. [๒๑๐] สมาธินทรีย มีในสมยั นนั้ เปน ไฉน ? ความต้ังอยแู หง จิต ความดํารงอยแู หงจติ ความม่ันแหง จิต ความไมสายไปแหง จิต ความไมฟ ุงซานแหงจิต ภาวะทีจ่ ิตไมส ายไป ความสงบอนิ ทรยี ค อื สมาธิ สมาธพิ ละ สมั มาสมาธิ สมาธสิ มั โพชฌงค อนั เปนองคแหงมรรค นับเนอ่ื งในมรรค ในสมยั น้นั อันใด นีช้ ือ่ วา สมาธินทรีย มใี นสมยั นั้น. [๒๑๑] ปญญินทรยี มใี นสมัยนน้ั เปนไฉน ? ปญ ญา กริ ิยาทีร่ ูช ัด ความวจิ ยั ความเลือกสรร ความวจิ ัยธรรมความกาํ หนดหมาย ความเขาไปกาํ หนด ความเขา ไปกําหนดเฉพาะ ภาวะทร่ี ูภาวะทฉี่ ลาด ภาวะทรี่ ลู ะเอียด ความรแู จม แจง ความคนคิด ความใครครวญปญ ญาเหมอื นแผนดิน ปญญาเครอ่ื งทาํ ลายกิเลส ปญ ญาเครือ่ งนาํ ทาง ความเห็นแจง ความรูชัด ปญ ญาเหมือนปฏัก ปญญา อินทรยี ค อื ปญ ญา ปญ ญาพละ ปญ ญาเหมือนศัสตรา ปญญาเหมือนปราสาท ความสวางคือปญญา
พระอภธิ รรมปฎก ธรรมสังคณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 581แสงสวางคือปญ ญา ปญญาเหมอื นประทีป ปญ ญาเหมือนดวงแกว ความไมหลงความวิจัยธรรม สมั มาทฏิ ฐิ ธรรมวจิ ัยสัมโพชฌงค อันเปน องคแ หงมรรคนับเนอ่ื งในมรรค ในสมยั นั้น อนั ใด นีช้ ือ่ วา ปญญนิ ทรยี มีในสมัยน้นั . [๒๑๒] มนนิ ทรยี มใี นสมยั น้นั เปน ไฉน ? จติ มโน มานสั หทัย ปณฑระ มโน มนายตนะ อนิ ทรียค อื มโน-วญิ ญาณ วญิ ญาณขนั ธ มโนวิญญาณธาตทุ ี่สมกัน ในสมัยน้นั อันใด นี้ชอ่ื วามนินทรีย มใี นสมยั น้ัน. [๒๑๓] โสมนัสสนิ ทรยี ในสมยั นัน้ เปน ไฉน ? ความสบายทางใจ ความสุขทางใจ ความเสวยอารมณทส่ี บาย เปนสุขอนั เกิดแตเจโตสัมผสั กิริยาเสวยอารมณทส่ี บาย เปน สุขอนั เกดิ แตเ จโตสัมผสัในสมยั นั้น อันใด นชี้ ื่อวา โสมนสั สินทรยี มใี นสมยั น้นั . [๒๑๔] ชีวิตนิ ทรยี มใี นสมยั นัน้ เปนไฉน ? อายุ ความดาํ รงอยู ความเปนไปอยู กิรยิ าท่ีเปนไปอยู อาการท่ีสบื เนอ่ื งกนั อยู ความประพฤตเิ ปน ไปอยู ความหลอเลี้ยงอยู ชีวิต อินทรียคอื ชวี ติ ของนามธรรมน้ัน ๆ ในสมัยนัน้ อนั ใด นีช้ ื่อวา ชวี ิตินทรีย มีในสมยั นนั้ . [๒๑๕] อนัญญตัญญัสสามีตนิ ทรีย มีในสมัยนัน้ เปนไฉน ? ปญญา กริ ิยาทร่ี ชู ัด ความวิจยั ความเลือกสรร ความวจิ ยั ธรรมความกําหนดหมาย ความเขาไปกําหนด ความเขาไปกําหนดเฉพาะ ภาวะท่ีรูภาวะทฉี่ ลาด ภาวะทีร่ ูละเอยี ด ความรแู จม แจง ความคนคิด ความใครครวญปญญาเหมอื นแผนดนิ ปญญาเครื่องทําลายกิเลส ปญญาเครือ่ งนําทาง ความเห็นแจง ความรูชัด ปญ ญาเหมอื นปฏัก ปญ ญา ปญ ญาญินทรยี ปญ ญาพละ
พระอภิธรรมปฎก ธรรมสงั คณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 582ปญ ญาเหมอื นศัสตรา ปญญาเหมอื นปราสาท ความสวางคือปญญา แสงสวางคอื ปญญา ปญ ญาเหมอื นประทปี ปญ ญาเหมือนดวงแกว ความไมห ลง.ความวจิ ัยธรรม สมั มาทิฏฐิ ธรรมวจิ ยสัมโพชฌงค อันเปน องคแ หง มรรคนบั เนอ่ื งในมรรค เพ่อื รูธรรมทย่ี งั ไมเ คยรู เพ่ือเหน็ ธรรมทีย่ ังไมเคยเหน็เพือ่ บรรลุธรรมที่ยังไมเ คยบรรลุ เพ่อื ทราบธรรมทยี่ งั ไมเ คยทราบ เพ่อื ทําใหแจง ธรรมท่ียงั ไมเ คยทาํ ใหแ จง นน้ั ๆ ในสมยั น้นั อนั ใด นี้ชอ่ื วา อนญั ญ-ตัญญสั สามีตินทรีย มีในสมยั นนั้ . [๒๑๖] สมั มาทิฏฐิ มีในสมยั น้นั เปน ไฉน ? ปญญา กิรยิ าทีร่ ูชดั ความวิจัย ความเลือกสรร ความวิจัยธรรมความกําหนดหมาย ความเขา ไปกําหนด ความเขาไปกาํ หนดเฉพาะ ภาวะที่รูภาวะท่ฉี ลาด ภาวะทรี่ ูล ะเอยี ด ความรูแจมแจง ความคน คดิ ความใครค รวญปญญาเหมอื นแผน ดิน ปญ ญาเคร่ืองทําลายกิเลส ปญญาเครอ่ื งนาํ ทาง ความเหน็ แจง ความรชู ัด ปญ ญาเหมอื นปฏัก ปญญา ปญญินทรยี ปญญาพละปญญาเหมือนศสั ตรา ปญญาเหมอื นปราสาท ความสวา งคอื ปญญา แสงสวางคือปญ ญา ปญ ญาเหมือนประทีป ปญญาเหมอื นดวงแกว ความไมห ลงความวิจยั สมั มาทฏิ ฐิ ธรรมวจิ ยสมั โพชฌงค อันเปนองคแหงมรรค นับเน่อื งในมรรค ในสมัยนน้ั อันใด นีช้ ือ่ วา สัมมาทิฏฐิ มีในสมยั นัน้ . [๒๑๗] สมั มาสังกัปปะ มีในสมยั น้ัน เปนไฉน ? ความตรึก ความตรึกอยางแรง ความดําริ ความทจ่ี ติ แนบอยใู นอารมณ ความที่จิตแนบสนทิ อยใู นอารมณ ความยกจิตข้นึ สูอ ารมณ ความดาํ ริชอบ อนั เปนองคแ หงมรรค นบั เน่ืองในมรรค ในสมยั นั้นอนั ใด น้ีช่ือวาสัมมาสังกัปปะ มใี นสมัยนั้น.
พระอภธิ รรมปฎก ธรรมสงั คณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 583 [๒๑๘] สมั มาวาจา มีในสมัยนน้ั เปน ไฉน ? การงด การเวน การเลกิ ละ เจตนาเครอื่ งเวน การไมทาํ การไมประกอบ การไมล ว งละเมิด การไมล ํ้าเขต การกาํ จัดตน เหตวุ จที จุ ริต ๔ วาจาชอบ อนั เปน องคแ หง มรรค นบั เนอื่ งในมรรค ในสมัยน้นั อนั ใด น้ชี ่อื วาสมั มาวาจา มใี นสมยั นน้ั . [๒๑๙] สัมมากัมมันตะ มใี นสมัยนน้ั เปน ไฉน ? การงด การเวน การเลกิ ละ เจตนาเคร่อื งเวน การไมทาํ การไมประกอบ การไมล ว งละเมดิ การไมลํา้ เขต การกาํ จดั ตนเหตกุ ายทจุ ริต ๓การงานชอบ อันเปนองคแหงมรรค นับเนอ่ื งในมรรค ในสมยั น้นั อนั ใดนช้ี ือ่ วา สัมมากมั มนั ตะ มใี นสมยั นนั้ . [๒๒๐] สัมมาอาชีวะ มใี นสมัยนนั้ เปนไฉน ? การงด การเวน การเลิกละ เจตนาเครือ่ งเวน การไมท าํ การไมประกอบ การไมลว งละเมิด การไมล าํ้ เขต การกาํ จัดตนเหตุมจิ ฉาชพี การเลี้ยงชีพชอบอันเปน องคแ หงมรรค นบั เน่อื งในมรรคในสมัยนน้ั อันใดนชี้ ื่อวา สัมมาอาชวี ะ มีในสมัยนน้ั . [๒๒๑] สัมมาวายามะ มใี นสมยั น้ัน เปน ไฉน ? การปรารภความเพียรทางใจ ความขะมกั เขมน ความบากบ่นั ความตงั้ หนา ความพยายาม ความอุตสาหะ ความทนทาน ความเขมแขง็ ความหม่นัความกา วไปอยา งไมท อ ถอย ความไมท อดทง้ิ ฉนั ทะ ความไมท อดทงิ้ ธรุ ะความประคับประคองธุระ วริ ยิ ะ วิริยินทรยี วิริยพละ ความพยายามชอบวิริยสัมโพชฌงคอ ันเปน องคแหง มรรค นบั เนอ่ื งในมรรค ในสมยั นนั้ อนั ใดน้ชี ่ือวา สัมมาวายามะ มีในสมัยนั้น.
พระอภธิ รรมปฎ ก ธรรมสงั คณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 584 [๒๒๒] สมั มาสติ มใี นสมัยนั้น เปน ไฉน ? สติ ความตามระลึก ความหวนระลกึ กริ ยิ าที่ระลึก ความทรงจาํความไมเ ล่ือนลอย ความไมล มื สติ สตินทรีย สติพละ ความระลึกชอบสติสมั โพชฌงคอ นั เปนองคแ หง มรรค นบั เนอ่ื งในมรรค ในสมัยนน้ั อันใดนี้ชือ่ วา สัมมาสติ มีในสมัยนนั้ . [๒๒๓] สัมมาสมาธิ มใี นสมยั นนั้ เปนไฉน ? ความตงั้ อยแู หงจิต ความดาํ รงอยูแหง จิต ความมนั่ คงแหงจติ ความไมสายไปแหง จติ ความไมฟงุ ซา นแหง จติ ภาวะทจี่ ิตไมส า ยไป ความสงบสมาธินทรีย สมาธพิ ละ ความต้ังใจชอบ สมาธิสัมโพชฌงค อนั เปน องคแหงมรรค นับเนื่องในมรรค ในสมยั น้ัน อนั ใด นีช้ ่ือวา สมั มาสมาธิมใี นสมยั นน้ั . [๒๒๔] สทั ธาพละ มใี นสมัยน้ัน เปน ไฉน ? ศรัทธา กิรยิ าทีเ่ ชือ่ กิริยาทีป่ ลงใจเชื่อ ความเลอื่ มใสยิ่ง ศรัทธาสัทธนิ ทรีย กําลงั คอื ศรัทธา ในสมัยน้นั อันใด น้ชี ือ่ วา สัทธาพละมใี นสมยั นั้น. [๒๒๕] วิรยิ พละ มีในสมัยน้นั เปน ไฉน ? การปรารภความเพียงทางใจ ความขะมักเขมน ความบากบั่น ความตัง้ หนา ความพยายาม ความอุตสาหะ ความทนทาน ความเขมแขง็ ความหม่ันความกา วไปอยา งไมท อถอย ความไมท อดทงิ้ ฉันทะ ความไมท อดทง้ิ ธุระความประคับประคองธรุ ะ วริ ยิ ะ วิรยิ ินทรยี กําลงั คือความเพียร สัมมาวายามะวริ ิยสมั โพชฌงค อันเปน องคแหง มรรค นบั เน่ืองในมรรค ในสมัยนั้น อันใดนช้ี ื่อวา วริ ยิ พละ มีในสมยั นัน้ .
พระอภิธรรมปฎก ธรรมสงั คณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 585 [๒๒๖] สตพิ ละ มใี นสมยั น้ัน เปน ไฉน ? สติ ความตามระลึก ความหวนระลึก สติ กริ ยิ าท่ีระลกึ ความทรงจาํความไมเล่ือยลอย ความไมลืม สติ สตนิ ทรยี กาํ ลงั คือสติ ความระลกึ ชอบสตสิ ัมโพชฌงค อันเปน องคแหงมรรค นับเน่อื งในมรรค ในสมยั น้นั อันใดน้ชี ่ือวา สติพละ มใี นสมยั นน้ั . [๒๒๗] สมาธิพละ มีในสมัยน้นั เปนไฉน ? ความตง้ั อยูแหง จติ ความดาํ รงอยูแ หง จิต ความมั่นคงแหงจิต ความไมส า ยไปแหง จติ ความไมฟงุ ซา นแหงจติ ภาวะท่ีจติ ไมส ายไป ความสงบสมาธนิ ทรยี กําลังคือสมาธิ สัมมาสมาธิ สมาธสิ ัมโพชฌงค อนั เปนองคแหง มรรค นบั เนอื่ งในมรรค ในสมัยน้ัน อันใด นช้ี ่อื วา สมาธิพละมีในสมยั น้ัน. [๒๒๘] ปญ ญาพละ มีในสมยั นนั้ เปนไฉน ? ปญญา กริ ยิ าที่รูชัด ความวจิ ยั ความเลอื กสรร ความวิจยั ธรรมความกาํ หนดหมาย ความเขาไปกาํ หนด ความเขา ไปกําหนดเฉพาะ ภาวะทีร่ ูภาวะท่ฉี ลาด ภาวะท่รี ลู ะเอยี ด ความรูแจมแจง ความคนคดิ ความใครค รวญปญ ญาเหมอื นแผนดนิ ปญ ญาเปนเคร่อื งทําลายกเิ ลส ปญ ญาเปน เครือ่ งนําทางความเห็นแจง ความรชู ัด ปญ ญาเหมอื นปฏัก ปญ ญา ปญ ญินทรีย กําลงัคอื ปญ ญา ปญ ญาเหมือนศสั ตรา ปญญาเหมอื นปราสาท ความสวางคือปญญาแสงสวางคือปญ ญา ปญ ญาเหมอื นประทปี ปญญาเหมอื นดวงแกว ความไมห ลง ความวจิ ยั ธรรม สัมมาทิฏฐิ ธรรมวิจยสัมโพชฌงค อนั เปน องคแหงมรรค นับเนอ่ื งในมรรค มใี นสมยั นนั้ อันใด นช้ี ่อื วา ปญ ญาพละมใี นสมัยนนั้ .
พระอภิธรรมปฎ ก ธรรมสังคณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 586 [๒๒๙] หริ ิพละ มีในสมยั นน้ั เปน ไฉน ? กิรยิ าทีล่ ะอายตอ การประพฤติทุจริตอนั เปน สิง่ ทีน่ าละอาย วริ ิยาที่ละอายตอ การประกอบอกุศลบาปธรรมทง้ั หลาย ในสมัยนัน้ อันใด น้ีชือ่ วาหิริพละ มีในสมยั นน้ั . [๒๓๐] โอตตัปปพละ มใี นสมยั นั้น เปนไฉน ? กิรยิ าทเ่ี กรงกลวั ตอการประพฤติทจุ ริตอนั เปน สิ่งทน่ี าเกรงกลวั กิรยิ าท่ไี มป ระกอบอกุศลบาปธรรมท้ังหลาย ในสมัยนัน้ อันใด น้ีช่อื วา โอตตปั ป-พละ มีในสมยั น้นั . [๒๓๑] อโลภะ มีในสมัยนนั้ เปน ไฉน ? การไมโ ลภ กิริยาท่ไี มโลภ ความทไ่ี มโ ลภ การไมก ําหนดั กริ ิยาท่ีไมกาํ หนัด ความไมกําหนัด ความไมเพงเลง็ กุศลมูลคอื อโลภะ ในสมยั นัน้อนั ใด นช้ี ื่อวา อโลภะ มีในสมัยนนั้ . [๒๓๒] อโทสะ มีในสมยั นัน้ เปนไฉน ? การไมค ิดทุษรา ย กริ ยิ าทีไ่ มคดิ ประทษุ ราย ความไมคดิ ประทุษรายความไมพ ยาบาท ความไมค ดิ เบียดเบียน กุศลมูลคอื อโทสะ ในสมยั นน้ัอนั ใด น้ชี อ่ื วา อโทสะ มใี นสมัยน้นั . [๒๓๓] อโมหะ มใี นสมัยน้นั เปนไฉน ? ปญญา กิริยาทรี่ ูชดั ความวิจัย ความเลอื กสรร ความวิจัยธรรมความกาํ หนดหมาย ความเขาไปกําหนด ความเขา ไปกาํ หนดเฉพาะ ภาวะที่รูภาวะทฉี่ ลาด ภาวะทรี่ ลู ะเอียด ความรแู จม แจง ความคน คดิ ความใครค รวญปญ ญาเหมอื นแผน ดิน ปญ ญาเครอ่ื งทาํ ลายกิเลส ปญ ญาเครอ่ื งนาํ ทาง ความเห็นแจง ความรูช ัด ปญ ญาเหมอื นปฏัก ปญญา ปญญินทรยี ปญ ญาพละ
พระอภิธรรมปฎ ก ธรรมสงั คณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 587ปญ ญาเหมอื นศัสตรา ปญญาเหมือนปราสาท ความสวางคือปญญา แสงสวางคือปญ ญา ปญ ญาเหมอื นประทีป ปญญาเหมือนดวงแกว ความไมหลงความวจิ ยั ธรรม สมั มาทฏิ ฐิ ธรรมวิจยสมั โพชฌงค อนั เปนองคแหง มรรคนับเนอื่ งในมรรค ในสมัยนนั้ อนั ใด นช้ี ่อื วา อโมหะ มใี นสมัยนั้น. [๒๓๔] อนภชิ ฌา มีในสมยั นั้น เปนไฉน ? การไมโลภ กิรยิ าที่ไมโลภ ความไมโ ลภ ความไมกําหนัด กิรยิ าท่ีไมก าํ หนดั ความไมกาํ หนัด ความไมเ พงเลง็ กุศลมูลคอื อโลภะ ในสมัยนน้ัอันใด นีช้ ่อื วา อนภชิ ฌา มใี นสมยั น้นั . [๒๓๕] อพั ยาปาทะ มใี นสมยั นั้น เปนไฉน ? การไมคดิ ประทษุ ราย กิรยิ าทไ่ี มคดิ ประทุษราย ความไมค ดิ -ประทุษราย ความไมพยาบาท ความไมคดิ เบยี ดเบียน กุศลมลู คืออโทสะในสมัยน้ัน อนั ใด น้ชี ่ือวา อัพยาปาทะ มใี นสมัยน้นั . [๒๓๖] สมั มาทิฏฐิ มีในสมยั นนั้ เปน ไฉน ? ปญ ญา กิรยิ าทรี่ ชู ดั ความวิจยั ความเลือกสรร ความวจิ ัยธรรมความกําหนดหมาย ความเขาไปกําหนด ความเขาไปกําหนดเฉพาะ ภาวะท่ีรูภาวะทฉี่ ลาด ภาวะท่รี ลู ะเอียด ความรูแจม แจง ความคนคดิ ความใครค วรญปญญาเหมอื นแผน ดิน ปญ ญาเครื่องทาํ ลายกเิ ลส ปญ ญาเครอ่ื งนาํ ทาง ความเหน็ แจง ความรูชดั ปญญาเหมอื นปฏัก ปญญา ปญญนิ ทรยี ปญ ญาพละปญญาเหมอื นศัสตรา ปญญาเหมือนปราสาท ความสวางคอื ปญญา แสงสวา งคือปญ ญา ปญญาเหมอื นประทีป ปญญาเหมือนดวงแกว ความไมหลงความวจิ ัยธรรม ความเหน็ ชอบ ธรรมวจิ ยสัมโพชฌงค อนั เปน องคแ หง มรรคนบั เน่อื งในมรรค ในสมัยนนั้ อนั ใด นีช้ อื่ วา สมั มาทฏิ ฐิ มใี นสมยั นนั้ .
พระอภิธรรมปฎก ธรรมสังคณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 588 [๒๓๗] หิริ มีในสมัยน้ัน เปน ไฉน ? กิริยาทลี่ ะอายตอการประพฤติทุจริตอนั เปน สง่ิ ท่นี า ละอาย กิริยาที่ละอายตอ การประกอบอกศุ ลบาปธรรมทงั้ หลาย ในสมยั น้นั อนั ใด นีช้ ือ่ วาหริ ิ มใี นสมัยน้นั . [๒๓๘] โอตตปั ปะ มีในสมัยนนั้ เปน ไฉน ? กริ ิยาท่เี กรงกลัวตอการประพฤตทิ ุจริตอนั เปนสิ่งที่นาเกรงกลัว กริ ิยาท่ีเกรงกลวั ตอ การประกอบอกศุ ลบาปธรรมทั้งหลาย ในสมัยนนั้ อนั ใด นช้ี ่อื วาโอตตัปปะ มีในสมยั น้นั . [๒๓๙] กายปส สทั ธิ มีในสมยั น้ัน เปน ไฉน ? การสงบ การสงบระงับ กิรยิ าทีส่ งบ กิรยิ าทสี่ งบระงบั ความสงบระงับแหง เวทนาขนั ธ สัญญาขนั ธ สงั ขารขนั ธ ปส สัทธิสมั โพชฌงค ในสมยั นั้น อันใด นีช้ ่อื วา กายปสสัทธิ มีในสมยั นนั้ . [๒๔๐] จิตตปสสทั ธิ มีในสมยั น้นั เปน ไฉน ? การสงบ การสงบระงบั กริ ิยาทส่ี งบ กิริยาทส่ี งบระงบั ความสงบระงับแหงวญิ ญาณขันธ ปสสัทธสิ ัมโพชฌงค ในสมัยนั้น อนั ใด นีช้ อ่ื วาจิตตปสสทั ธิ มีในสมัยนั้น. [๒๔๑] กายลหตุ า มีในสมัยนน้ั เปนไฉน ? ความเบา ความรวดเร็ว ความไมเชอ่ื งชา ความไมหนกั แหงเวทนาขนั ธ สัญญาขันธ สงั ขารขันธ ในสมัยนั้น อนั ใด นีช้ ่อื วา กายลหุตามใี นสมัยนน้ั . [๒๔๒] จิตตลหตุ า มใี นสมัยนั้น เปนไฉน ? ความเบา ความรวดเร็ว ความไมเ ช่อื งชา ความไมห นัก แหงวญิ ญาณขนั ธ ในสมยั นน้ั อันใด นช้ี ่ือวา จติ ตลหุตา มีในสมยั น้ัน.
พระอภธิ รรมปฎ ก ธรรมสงั คณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 589 [๒๔๓] กายมุทุตา มีในสมยั นัน้ เปน ไฉน ? ความออน ภาวะทอ่ี อน ความไมก ักขฬะ ความไมแขง็ แหงเวทนาขันธสัญญาขนั ธ สังขารขันธ ในสมัยน้นั อันใด นช้ี ือ่ วา กายมุทุตา มใี นสมัยน้ัน. [๒๔๔] จติ ตมทุ ตุ า มใี นสมัยนน้ั เปนไฉน ? ความออ น ภาวะทีอ่ อน ความไมแ ขง็ ความไมกระดา ง แหงวญิ ญาณขนั ธ ในสมัยน้นั อนั ใด นี้ช่อื วา จติ ตมุทุตา มีในสมัยนนั้ . [๒๔๕] กายกมั มญั ญตา มใี นสมัยนั้น เปน ไฉน ? กริ ิยาทีค่ วรแกก ารงาน ความควรแกก ารงาน ภาวะท่คี วแกก ารงานแหง เวทนาขันธ สัญญาขนั ธ สงั ขารขันธ ในสมัยนั้น อนั ใด นช้ี ือ่ วากายกัมมญั ญตา มใี นสมยั นนั้ . [๒๔๖] จติ ตกัมมญั ญตา มใี นสมยั นน้ั เปน ไฉน ? กริ ยิ าทค่ี วรแกการงาน ความควรแกก ารงาน ภาวะทค่ี วรแกก ารงานแหงวญิ ญาณขนั ธ ในสมัยนั้น อันใด นี้ช่อื วา จิตตกมั มัญญตา มใี นสมัยนั้น. [๒๔๗] กายปาคุญญตา มีในสมัยนัน้ เปน ไฉน ? กิรยิ าท่ีคลอ งแคลว ความคลอ งแคลว ภาวะทคี่ ลอ งแคลว แหงเวทนาขนั ธ สญั ญาขนั ธ สังขารขันธ ในสมยั นัน้ อันใด นีช้ ื่อวา กาย-ปาคุญญตา มีในสมยั นั้น. [๒๔๘] จิตตปาคุญญตา มใี นสมัยน้นั เปน ไฉน ? กริ ยิ าท่คี ลองแคลว ความคลองแคลว ภาวะท่คี ลอ งแคลว แหงวิญญาณขนั ธ ในสมยั นนั้ อนั ใด นชี้ อื่ วา จิตตปาคญุ ญตา มใี นสมัยนัน้ . [๒๔๙] กายุชุกตา มใี นสมัยน้นั เปนไฉน ? ความตรง กิริยาทตี่ รง ความไมค ด ความไมโคง ความไมง อแหงเวทนาขนั ธ สญั ญาขนั ธ สังขารขันธ ในสมัยนน้ั อันใด นช้ี ือ่ วา กายชุ ุกตามใี นสมัยนน้ั .
พระอภิธรรมปฎ ก ธรรมสังคณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 590 [๒๕๐] จติ ตุชกุ ตา มีในสมัยนัน้ เปน ไฉน ? ความตรง กริ ยิ าท่ตี รง ความไมค ด ความไมโคง ความไมง อแหง วิญญาณขันธ ในสมัยนน้ั อันใด น้ีช่อื วา จิตตชุ กุ ตา มใี นสมยั น้นั . [๒๕๑] สติ มีในสมัยนน้ั เปนไฉน ? สติ ความตามระลกึ ความหวนระลึก สติ กริ ยิ าทีร่ ะลึก ความทรงจําความไมเลอ่ื นลอย ความไมหลงลืม สติ สตนิ ทรีย สติพละ ความระลกึ ชอบสตสิ ัมโพชฌงค อันเปนองคแ หง มรรค นบั เน่ืองในมรรค ในสมยั นนั้ อันใดนช้ี ื่อวา สติ มีในสมยั นน้ั . [๒๕๒] สัมปชญั ญะ มีในสมัยนั้น เปน ไฉน ? ปญญา กิรยิ าทรี่ ูชัด ความวิจยั ความเลอื กสรร ความวิจยั ธรรมความกําหนดหมาย ความเขา ไปกําหนด ความเขาไปกําหนดเฉพาะ ภาวะท่ีรูภาวะทีฉ่ ลาด ภาวะทรี่ ลู ะเอยี ด ความรแู จม แจง ความคนคดิ ความใครค รวญปญญาเหมอื นแผนดนิ ปญ ญาเคร่ืองทาํ ลายกเิ ลส ปญญาเครื่องนําทาง ความเหน็ แจง ความรชู ัด ปญญาเหมอื นปฏัก ปญ ญา ปญญินทรยี ปญ ญาพละปญญาเหมือนศสั ตรา ปญ ญาเหมอื นปราสาท ความสวางคอื ปญญา แสงสวา งคอื ปญญา ปญ ญาเหมอื นประทีป ปญญาเหมือนดวงแกว ความไมหลง ความวิจัยธรรม สมั มาทิฏฐิ ธรรมวิจัยสมั โพชฌงค อนั เปน องคแหง มรรค นับเนอื่ งในมรรค ในสมยั น้นั อนั ใด นช้ี ่ือวา สัมปชัญญะ มีในสมัยน้นั . [๒๕๓] สมถะ มใี นสมยั นั้น เปน ไฉน ? ความตั้งอยูแหงจติ ความดาํ รงอยูแหง จิต ความมน่ั คงแหง จิต ความไมสา ยไปแหงจิต ความไมฟุง ซา นแหงจิต ภาวะท่ีจิตไมส า ยไป ความสงบ
พระอภิธรรมปฎก ธรรมสงั คณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 591สมาธนิ ทรีย สมาธพิ ละ ความตงั้ ใจชอบ สมาธิสัมโพชฌงคอันเปนองคแหงมรรค นบั เนอ่ื งในมรรค ในสมัยนนั้ อันใด นี้ชือ่ วา สมถะ มีในสมัยน้นั . [๒๕๔] วปิ ส สนา มีในสมัยนน้ั เปนไฉน ? ปญญา กิริยาท่ีรชู ดั ความวจิ ัย ความเลือกสรร ความวิจัยธรรมความกําหนดหมาย ความเขาไปกําหนด ความเขา ไปกําหนดเฉพาะ ภาวะท่รี ูภาวะทีฉ่ ลาด ภาวะท่รี ูละเอยี ด ความรแู จมแจง ความคนคิด ความใครค รวญปญ ญาเหมือนแผน ดนิ ปญ ญาเครื่องทําลายกเิ ลส ปญญาเคร่ืองนาํ ทาง ความเหน็ แจง ความรชู ัด ปญญาเหมือนปฏัก ปญ ญา ปญญินทรีย ปญญาพละปญญาเหมอื นศสั ตรา ปญญาเหมอื นปราสาท ความสวา งคอื ปญ ญา แสงสวา งคือปญญา ปญญาเหมือนประทีป ปญ ญาเหมือนดวงแกว ความไมห ลงความวจิ ัยธรรม สัมมาทิฏฐิ ธรรมวจิ ยสมั โพชฌงค อันเปนองคแหง มรรคนบั เนือ่ งในมรรค ในสมัยนั้น อนั ใด น้ชี อ่ื วา วปิ ส สนา มใี นสมัยนน้ั . [๒๕๕] ปคคาหะ มใี นสมัยนนั้ เปน ไฉน ? การปรารภความเพยี ร ความขะมกั เขมน ความบากบน่ั ความต้ังหนาความพยายาม ความอุตสาหะ ความทนทาน ความเขมแขง็ ความหม่ันความกาวไปอยางไมทอถอย ความไมท อดท้งิ ฉันทะ ความไมท อดท้งิ ธุระความประคับประคองธุระ วริ ิยะ วริ ยิ นิ ทรยี วิรยิ พละ สมั มาวายามะ วิรยิ -สมั โพชฌงค อนั เปนองคแหง มรรค นับเน่อื งในมรรค ในสมัยน้ัน อนั ใดน้ีชอ่ื วา ปคคาหะ มีในสมยั นั้น. [๒๕๖] อวกิ เขปะ มใี นสมัยนน้ั เปนไฉน ? ความต้งั อยแู หง จิต ความดํารงอยแู หง จติ ความมัน่ คงแหง จิต ความไมสายไปแหง จติ ความไมฟ งุ ซา นแหงจิต ภาวะท่จี ิตไมสา ยไป ความสงบ
พระอภิธรรมปฎ ก ธรรมสงั คณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 592สมาธินทรยี สมาธิพละ สมั มาสมาธิ สมาธิสัมโพชฌงค อนั เปนองคแ หง มรรคนบั เนื่องในมรรค ในสมยั นนั้ อันใด น้ชี อื่ วา อวกิ เขปะ มีในสมยั นน้ั . [๒๕๗] หรอื นามธรรมทีอ่ งิ อาศัยเกดิ ข้ึนแมอ ืน่ ใด มีอยใู นสมยั น้ัน สภาวธรรมเหลา น้ีชือ่ วา ธรรมเปน กุศล. [๒๕๘] กข็ นั ธ ๔ อายตนะ ๒ ธาตุ ๒ อาหาร ๓ อินทรยี ๙ ฌานมีองค ๕ มรรคมอี งค ๘ พละ ๗ เหตุ ๓ ผัสสะ ๑ เวทนา ๑ สัญญา ๑ เจตนา ๑จิต ๑ เวทนาขันธ ๑ สัญญาขันธ ๑ สังขารขนั ธ ๑ วญิ ญาณขนั ธ ๑ มนายตนะ ๑มนนิ ทรีย ๑ มโนวิญญาณธาตุ ๑ ธรรมายตนะ ๑ ธรรมธาตุ ๑ มใี นสมัยนัน้หรือนามธรรมที่องิ อาศยั เกดิ ขน้ึ แมอืน่ ใด มีในสมยั นัน้ สภาวธรรมเหลานั้นชอื่ วา ธรรมเปน กศุ ล. [๒๕๙] สังขารขันธ มีในสมยั นน้ั เปน ไฉน ? ผสั สะ เจตนา วติ ก วิจาร ปติ เอกัคคตา สทั ธินทรีย วริ ิยนิ ทรียสตนิ ทรีย สมาธนิ ทรีย ปญ ญนิ ทรยี ชวี ิตินทรีย อนัญญตญั ญสั สามตี นิ ทรียสัมมาทิฏฐิ สัมมาสงั กปั ปะ สมั มาวาจา สมั มากัมมันตะ สัมมาอาชวี ะ สัมมา-วายามะ สมั มาสติ สัมมาสมาธิ สทั ธาพละ วริ ยิ พละ สตพิ ละ สมาธพิ ละปญ ญาพละ หิริพละ โอตตปั ปพละ อโลภะ อโทสะ อโมหะ อนภชิ ฌาอพั ยาปาทะ สมั มาทฏิ ฐิ หริ ิโอตตัปปะ กายปสสทั ธิ จิตตปส สัทธิ กายลหุตาจติ ตลหตุ า กายมุทุตา จิตตมทุ ตุ า กายกมั มญั ญตา จติ ตกมั มัญตา กายปา-คุญญตา จติ ตปาคญุ ญตา กายชุ กุ ตา จติ ตุชกุ ตา สติ สัมปชญั ญะ สมถะวิปสสนา ปคคาหะ อวกิ เขปะ หรือนามธรรมทีอ่ งิ อาศัยเกิดขน้ึ แมอ ื่นใดเวน เวทนาขันธ สัญญาขนั ธ วญิ ญาณขันธ มอี ยูในสมัยนนั้ นี้ชอ่ื วา สงั ขารขนั ธมใี นสมัยน้ัน ฯลฯ สภาวธรรมเหลานี้ช่ือวา ธรรมเปน กุศล.
พระอภิธรรมปฎ ก ธรรมสงั คณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 593 มหานัย ๒๐ สทุ ธิกปฏิปทา [๒๖๐] ธรรมเปน กุศล เปน ไฉน ? โยคาวจรบุคคลเจรญิ ฌานเปน โลกุตระ อนั เปนเคร่อื งออกไปจากโลกนําไปสนู ิพพานเพอ่ื ละทิฏฐิ เพื่อบรรลภุ ูมเิ บ้อื งตน สงัดจากการ สงดั จากอกศุ ล-ธรรมท้งั หลายแลว บรรลปุ ฐมฌาน เปน ทุกขาปฏิปทา ทันธาภิญญา ฯลฯอยใู นสมยั ใด ผสั สะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนน้ั ฯลฯ สภาวธรรมเหลาน้ี ชอื่ วา ธรรมเปน กุศล. [๒๖๑] ธรรมเปนกศุ ล เปนไฉน ? โยคาวจรบุคคลเจริญฌานเปน โลกตุ ระ อนั เปน เครอ่ื งออกไปจากโลกนาํ ไปสนู ิพพานเพ่ือละทิฏฐิ เพอ่ื บรรลภุ มู เิ บื้องตน สงัดจากกาม สงัดจากอกศุ ล-ธรรมทั้งหลายแลว บรรลปุ ฐมฌาน เปนทุกขาปฏิปทา ขิปปาภิญญา ฯลฯอยูในสมัยใด ผสั สะ ฯลฯ อวิกเขปะ มใี นสมยั นัน้ ฯลฯ สภาวธรรมเหลา น้ชี ่อื วา ธรรมเปน กุศล. [๒๖๒] ธรรมเปน กศุ ล เปน ไฉน ? โยคาวจรบุคคลเจรญิ ฌานเปน โลกุตระ อันเปน เครื่องออกไปจากโลกนาํ ไปสนู พิ พานเพ่ือละทิฏฐิ เพือ่ บรรลุภูมิเบ้อื งตน สงัดจากาม สงัดจากอกุศล-ธรรมทง้ั หลายแลว บรรลปุ ฐมฌาน เปน สุขาปฏปิ ทา ทนั ธาภิญญา ฯลฯ อยใู นสมยั ใด ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนนั้ ฯลฯ สภาวธรรมเหลาน้ีชื่อวา ธรรมเปน กุศล.
พระอภิธรรมปฎ ก ธรรมสงั คณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 594 [๒๖๓] ธรรมเปน กุศล เปน ไฉน ? โยคาวจรบุคคลเจริญฌานเปน โลกตุ ระ อนั เปนเครื่องออกไปจากโลกนําไปสูน พิ พานเพอื่ ละทิฏฐิ เพอ่ื บรรลุภมู เิ บอ้ื งตน สงัดจากกาม สงดั จากอกศุ ล-ธรรมทง้ั หลายแลว บรรลุปฐมฌาน เปน สุขาปฏปิ ทา ขิปปาภิญญา ฯลฯ อยูในสมยั ใด ผสั สะ ฯลฯ อวิกเขปะ มใี นสมัยนนั้ ฯลฯ สภาวธรรมเหลา นี้ชื่อวา ธรรมเปน กุศล. [๒๖๔] ธรรมเปนกุศล เปนไฉน ? โยคาวจรบุคคลเจรญิ ฌานเปน โลกตุ ระ อนั เปนเครอ่ื งออกไปจากโลกนาํ ไปสนู ิพพานเพ่ือละทฏิ ฐิ เพอื่ บรรลภุ ูมเิ บอ้ื งตน บรรลทุ ุตยิ ฌาน ฯลฯบรรลตุ ตยิ ฌาน ฯลฯ บรรลจุ ตตุ ถฌาน ฯลฯ บรรลปุ ฐมฌาน ฯลฯ บรรลุปญ จมฌานเปนทกุ ขาปฏปิ ทา ทันธาภิญญา ฯลฯ เปน ทุกขาปฏิปทา ขปิ ปาภิญญาฯลฯ อยูในสมัยใด ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยน้ัน ฯลฯ สภาวธรรมเหลานช้ี อื่ วา ธรรมเปนกุศล. สุทธกิ ปฏปิ ทา จบ สุญญตะ [๒๖๕] ธรรมเปนกุศล เปนไฉน ? โยคาวจรบคุ คลเจรญิ ฌานเปนโลกุตระ อนั เปน เครอื่ งออกไปจากโลกนาํ ไปสนู ิพพานเพ่อื ละทฏิ ฐิ เพ่อื บรรลภุ ูมเิ บ้ืองตน สงดั จากกาม สงดั จากอกุศลธรรมทง้ั หลายแลว บรรลุปฐมฌาน ชนิดสุญญตะ ฯลฯ อยใู นสมัยใดผสั สะ ฯลฯ อวิกเขปะ มใี นสมยั นน้ั ฯลฯ สภาวธรรมเหลานี้ช่ือวา ธรรมเปนกุศล.
พระอภธิ รรมปฎก ธรรมสงั คณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 595 ธรรมเปน กุศล เปน ไฉน ? โยคาวจรบุคคลเจริญฌานเปนโลกตุ ระ อนั เปนเคร่อื งออกไปจากโลกนําไปสูนพิ พานเพ่อื ละทฏิ ฐิ เพอ่ื บรรลุภูมิเบ้ืองตน บรรลุทุติยฌาน ฯลฯ บรรลุตตยิ ฌาน ฯลฯ บรรลจุ ตุ ตถฌาน ฯลฯ บรรลุปฐมฌาน ฯลฯ บรรลุปญจม-ฌาน ชนิดสุญญตะ ฯลฯ อยูใ นสมยั ใด ผสั สะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนน้ั ฯลฯ สภาวธรรมเหลา น้ชี ่ือวา ธรรมเปน กศุ ล. สญุ ญตะ จบ สุญญตมลู กปฏิปทา [๒๖๖] ธรรมเปนกศุ ล เปนไฉน ? โยคาวจรบคุ คลเจริญฌานเปน โลกุตระ อนั เปนเครอ่ื งออกไปจากโลกนําไปสนู พิ พานเพอ่ื ละทฏิ ฐิ เพอ่ื บรรลภุ มู เิ บอื้ งตน สงัดจากกาม สงดั จากอกศุ ลธรรมท้งั หลายแลว บรรลุปฐมฌาน ชนดิ สญุ ญตะ เปน ทุกขาปฏปิ ทาทนั ธาภญิ ญา ฯลฯ อยใู นสมยั ใด ผสั สะ อวกิ เขปะ มใี นสมัยนน้ั ฯลฯ สภาวธรรมเหลา น้ี ช่ือวา ธรรมเปน กศุ ล. ธรรมเปนกศุ ล เปนไฉน ? โยคาวจรบคุ คลเจรญิ ฌานเปน โลกตุ ระ อนั เปนเครอ่ื งออกไปจากโลกนาํ ไปสูนิพพานเพื่อละทฏิ ฐิ เพือ่ บรรลภุ ูมิเบ้อื งตน สงัดจากกาม สงัดจากอกศุ ลธรรมทงั้ หลายแลว บรรลุปฐมฌาน ชนิดสญุ ญตะ เปนทกุ ขาปฏิปทาขปิ ปาภญิ ญา ฯลฯ อยใู นสมยั ใด ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มใี นสมยั นนั้ ฯลฯ สภาวธรรมเหลา นี้ช่อื วา ธรรมเปนกศุ ล.
พระอภิธรรมปฎ ก ธรรมสังคณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 596 ธรรมเปน กุศล เปน ไฉน ? โยคาวจรบุคคลเจริญฌานเปน โลกตุ ระ อันเปนเครื่องออกไปจากโลกนาํ ไปสูน ิพพานเพ่อื ละทฏิ ฐิ เพอ่ื บรรลุภมู เิ บื้องตน สงัดจากกาม สงดั จากอกุศลธรรมท้ังหลายแลว บรรลุปฐมฌาน ชนดิ สญุ ญตะ เปน สขุ าปฏิปทาทันธาภญิ ญา ฯลฯ อยูในสมยั ใด ผัสสะ ฯลฯ อวกิ เขปะ มีในสมยั น้ัน ฯลฯ สภาวธรรมเหลานช้ี อื่ วา ธรรมเปน กศุ ล. ธรรมเปนกศุ ล เปนไฉน ? โยคาวจรบุคคลเจริญฌานเปนโลกุตระ อนั เปน เคร่อื งออกไปจากโลกนาํ ไปสูนพิ พานเพ่อื ละทฏิ ฐิ เพือ่ บรรลุภูมิเบื้องตน สงดั จากกาม สงัดจากอกศุ ลธรรมทง้ั หลายแลว บรรลปุ ฐมฌาน ชนดิ สญุ ญตะ เปน สุขาปฏปิ ทาขิปปาภญิ ญา ฯลฯ อยูในสมยั ใด ผัสสะ ฯลฯ อวกิ เขปะ มีในสมัยนน้ั ฯลฯ สภาวธรรมเหลาน้ีชื่อวา ธรรมเปนกุศล. ธรรมเปน กศุ ล เปนไฉน ? โยคาวจรบุคคลเจรญิ ฌานเปน โลกุตระ อนั เปน เคร่อื งออกไปจากโลกนําไปสูนพิ พานเพ่อื ละทิฏฐิ เพอื่ บรรลภุ มู ิเบอื้ งตน บรรลุทตุ ิยฌาน ฯลฯ บรรลุตตยิ ฌาน ฯลฯ บรรลุจตตุ ถฌาน ฯลฯ บรรลุปฐมฌาน ฯลฯ บรรลุปญจม-ฌาน ชนิดสุญญตะ เปนทุกขาปฏิปทา ทนั ธาภิญญา ฯลฯ ชนดิ สญุ ญตะ เปนทกุ ขาปฏปิ ทา ขิปปาภิญญา ฯลฯ ชนดิ สญุ ญตะ เปนสขุ าปฏปิ ทา ทนั ธาภญิ ญาฯลฯ ชนิดสญุ ญตะ เปน สุขาปฏปิ ทา ขปิ ปาภิญญา ฯลฯ อยูในสมยั ใด ผสั สะฯลฯ อวกิ เขปะ มใี นสมัยนั้น ฯลฯ สภาวธรรมเหลา นีช้ อื่ วา ธรรมเปน กศุ ล. สญุ ญตมูลกปฏิปทา จบ
พระอภิธรรมปฎ ก ธรรมสังคณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 597 อัปปณิหิตะ [๒๖๗] ธรรมเปน กุศล เปนไฉน ? โยคาวจรบคุ คลเจริญฌานเปน โลกุตระ อันเปน เครื่องออกไปจากโลกนําไปสูนพิ พานเพ่ือละทฎิ ฐิ เพือ่ บรรลุภูมิเบ้อื งตน สงัดจากกาม สงัดจากอกศุ ลธรรมทงั้ หลายแลว บรรลุปฐมฌาน ชนิดอปั ปณหิ ติ ะ ฯลฯ อยใู นสมัยใด ผสั สะ ฯลฯ อวกิ เขปะ มีในสมัยนน้ั ฯลฯ สภาวธรรมเหลาน้ันชื่อวา ธรรมเปน กุศล. ธรรมเปน กศุ ล เปน ไฉน ? โยคาวจรบุคคลเจรญิ ฌานเปน โลกุตระ อนั เปนเคร่อื งออกไปจากโลกนาํ ไปสนู ิพพานเพื่อละทฏิ ฐิ เพ่อื บรรลุภมู เิ บ้อื งตน บรรลทุ ตุ ยิ ฌาน ฯลฯ บรรลุตติยฌาน ฯลฯ บรรลุจตตุ ถฌาน ฯลฯ บรรลุปฐมฌาน ฯลฯ บรรลุปญจมฌานชนิดอัปปณหิ ิตะ ฯลฯ อยใู นสมัยใด ผสั สะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมยั นน้ั ฯลฯ สภาวธรรมเหลา นีช้ อ่ื วา ธรรมเปน กศุ ล. อปั ปณหิ ิตะ จบ อปั ปณหิ ติ มลู กปฏิปทา [๒๖๘] ธรรมเปน กุศล เปนไฉน ? โยคาวจรบคุ คลเจริญฌานเปน โลกตุ ระ อันเปนเครื่องออกไปจากโลกนาํ ไปสูนิพพานเพือ่ ละทิฏฐิ เพอ่ื บรรลภุ มู ิเบอ้ื งตน สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรมทง้ั หลายแลว บรรลุปฐมฌาน ชนดิ อปั ปณหิ ติ ะ เปนทกุ ขาปฏปิ ทาทันธาภิญญา ฯลฯ อยใู นสมยั ใด ผัสสะ ฯลฯ อวกิ เขปะ มีในสมัยนั้น ฯลฯ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 647
- 648
- 649
- 650
- 651
- 652
- 653
- 654
- 655
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 650
- 651 - 655
Pages: