Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_75

tripitaka_75

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:44

Description: tripitaka_75

Search

Read the Text Version

พระอภธิ รรมปฎ ก ธรรมสังคณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 501รูปน้นั สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรมทงั้ หลายแลว บรรลปุ ฐมฌาน เปนทุกขาปฏปิ ทา ทนั ธาภิญญา ฯลฯ อยูในสมยั ใด ผสั สะ ฯลฯ อวิกเขปะมใี นสมยั นน้ั ฯลฯ สภาวธรรมเหลา นน้ั ชื่อวา ธรรมเปนกศุ ล. ธรรมเปน กศุ ล เปนไฉน ? โยคาวจรบุคคลเจริญมรรคปฏิปทาเพอื่ เขา ถึงรปู ภูมิ ไมม ีบรกิ รรมสัญญาในรูปภายใน เหน็ รปู ภายนอกที่เล็กนอย ตงั้ ใจวา จะรูเ ห็นครอบงํารปู น้นั สงดั จากกาม สงัดจากกุศลธรรมทง้ั หลายแลว บรรลปุ ฐมฌาน เปนทุกขาปฏิปทา ขปิ ปาภญิ ญา ฯลฯ อยูในสมัยใด ผัสสะ ฯลฯ อวกิ เขปะมีในสมัยน้ัน ฯลฯ สภาวธรรมเหลา นี้ชื่อวา ธรรมเปน กุศล. ธรรมเปน กศุ ล เปน ไฉน ? โยคาวจรบุคคลเจริญมรรคปฏิปทาเพอ่ื เขาถงึ รปู ภูมิ ไมมีบริกรรมสัญญาในรูปภายใน เห็นรปู ภายนอกทีเ่ ล็กนอ ย ตั้งใจวาจะรูจะเหน็ ครอบงํารูปนัน้ สงัดจากกาม สงัดจากอกศุ ลธรรมทงั้ หลายแลว บรรลุปฐมฌาน เปนสขุ าปฏปิ ทา ทันธาภิญญา ฯลฯ อยใู นสมัยใด ผสั สะ ฯลฯ อวิกเขปะมใี นสมยั น้นั ฯลฯ สภาวธรรมเหลา น้ีชอื่ วา ธรรมเปนกุศล. ธรรมเปน กศุ ล เปน ไฉน ? โยคาวจรบุคคลเจริญมรรคปฏิปทาเพื่อเขา ถงึ รูปภูมิ ไมมีบริกรรมสญั ญาในรูปภายใน เปน รูปภายนอกทีเ่ ล็กนอย ตัง้ ใจวาจะรูจะเห็นครอบงาํ

พระอภธิ รรมปฎก ธรรมสังคณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 502รูปนน้ั สงดั จากกาม สงัดจากอกศุ ลธรรมทหี่ ลายแลว บรรลปุ ฐมฌาน เปนสขุ าปฏิปทา ขปิ ปาภญิ ญา ฯลฯ อยใู นสมยั ใด ผสั สะ ฯลฯ อวิกเขปะมใี นสมัยนั้น ฯลฯ สภาวธรรมเหลา น้ันชื่อวา ธรรมเปนกศุ ล. ธรรมเปนกศุ ล เปนไฉน ? โยคาวจรบคุ คลเจรญิ มรรคปฏปิ ทาเพื่อเขาถงึ รปู ภมู ิ ไมม ีบริกรรมสัญญาในรูปภายใน เห็นรูปภายนอกท่เี ลก็ นอย ตงั้ ใจวา จะรจู ะเห็นครอบงาํรูปนน้ั บรรลทุ ตุ ิยฌาน ฯลฯ บรรลุตติยฌาน ฯลฯ บรรลุจตตุ ถฌาน ฯลฯบรรลปุ ฐมฌาน ฯลฯ บรรลปุ ญ จมฌาน เปน ทกุ ขาปฏปิ ทา ทนั ธาภิญญา ฯลฯเปนทุกขาปฏิปทา ขิปปาภญิ ญา ฯลฯ เปนสุขาปฏปิ ทา ทันธาภิญญา ฯลฯ เปนสขุ าปฏปิ ทา ขิปปาภญิ ญา ฯลฯ อยใู นสมยั ใด ผสั สะ ฯลฯ อวกิ เขปะ มีในสมัยนน้ั ฯลฯ สภาวธรรมเหลาน้ชี อ่ื วา ธรรมเปนกุศล. ปฏปิ ทา ๔ จบ อารมณ ๒ [๑๘๐] ธรรมเปน กุศล เปนไฉน ? โยคาวจรบคุ คลเจรญิ มรรคปฏิปทาเพือ่ เขา ถึงรปู ภมู ิ ไมม ีบรกิ รรมสัญญาในรูปภายใน เหน็ รปู ภายนอกทีเ่ ลก็ นอย ตั้งใจวาจะรจู ะเห็นครอบงาํรปู นั้น สงดั จากกาม สงดั จากอกุศลธรรมทงั้ หลายแลว บรรลุปฐมฌาน มี

พระอภธิ รรมปฎก ธรรมสังคณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ที่ 503กําลงั นอย มอี ารมณเ ล็กนอ ย ฯลฯ อยูใ นสมัยใด ผสั สะ ฯลฯ อวิกเขปะมีในสมยั น้ัน ฯลฯ สภาวธรรมเหลา นัน้ ชอื่ วา ธรรมเปน กุศล. ธรรมเปน กุศล เปน ไฉน ? โยคาวจรบุคคลเจรญิ มรรคปฏิปทาเพื่อเขาถงึ รปู ภมู ิ ไมมีบรกิ รรมสัญญาในรูปภายใน เห็นรูปภายนอกท่ีเล็กนอย ต้งั ใจวา จะรจู ะเหน็ ครอบงาํรปู นนั้ สงดั จากกาม สงัดจากอกศุ ลธรรมทั้งหลายแลว บรรลปุ ฐมฌานมกี าํ ลังมาก มีอารมณเ ลก็ นอย ฯลฯ อยใู นสมยั ใด ผัสสะ ฯลฯ อวกิ เขปะมใี นสมัยนน้ั ฯลฯ สภาวธรรมเหลาน้ีช่อื วา ธรรมเปนกุศล. ธรรมเปน กุศล เปนไฉน ? โยคาวจรบุคคลเจรญิ มรรคปฏปิ ทาเพ่อื เขา ถึงรปู ภมู ิ ไมม บี ริกรรมสัญญาในรูปภายใน เห็นรปู ภายนอกท่เี ลก็ นอ ย ต้ังใจวาจะรูจะเห็นครอบงาํรปู น้ัน บรรลุทุติยฌาน ฯลฯ บรรลุตติยฌาน ฯลฯ บรรลจุ ตตุ ถฌาน ฯลฯบรรลปุ ฐมฌาน ฯลฯ บรรลุปญจมฌาน มีกาํ ลังนอ ย มอี ารมณเลก็ นอ ย ฯลฯมีกําลงั มาก มีอารมณเ ล็กนอย ฯลฯ อยูในสมยั ใด ผสั สะ ฯลฯ อวิกเขปะมีในสมยั นั้น ฯลฯ สภาวธรรมเหลานี้ช่อื วา ธรรมเปน กศุ ล. อารมณ ๒ จบ

พระอภธิ รรมปฎก ธรรมสังคณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 504 แจกฌานอยา งละ ๘ [๑๘๑] ธรรมเปนกุศล เปน ไฉน ? โยคาวจรบคุ คลเจริญมรรคปฏปิ ทาเพ่อื เขาถึงรปู ภมู ิ ไมมบี ริกรรมสัญญาในรูปภายใน เหน็ รูปภายนอกทีเ่ ล็กนอ ย ต้ังใจวาจะรจู ะเหน็ ครอบงาํรูปน้ัน สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรมท้งั หลายแลว บรรลุปฐมฌาน เปนทุกขาปฏปิ ทา ทนั ธาภิญญา มีกําลังนอ ย มอี ารมณเลก็ นอ ย ฯลฯ อยูในสมัยใด ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มใี นสมัยนน้ั ฯลฯ สภาวธรรมเหลานั้นชื่อวา ธรรมเปนกศุ ล. ธรรมเปนกุศล เปน ไฉน ? โยคาวจรบุคคลเจริญมรรคปฏิปทาเพ่อื เขา ถึงรปู ภูมิ ไมม บี ริกรรมสัญญาในรปู ภายใน เหน็ รปู ภายนอกท่เี ลก็ นอ ย ตั้งใจวาจะรจู ะเหน็ ครอบงาํรปู นน้ั สงดั จากกาม สงัดจากอกุศลธรรมท้งั หลายแลว บรรลุปฐมฌาน เปนทุขาปฏปิ ทา ทนั ธาภญิ ญา มีกาํ ลงั มาก มีอารมณเ ลก็ นอ ย ฯลฯ อยูในสมัยใด ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มใี นสมัยนั้น ฯลฯ สภาวธรรมเหลาน้ี ช่อื วา ธรรมเปนกุศล. ธรรมเปนกศุ ล เปนไฉน ? โยคาวจรบุคคลเจริญมรรคปฏปิ ทาเพ่ือเขาถงึ รูปภมู ิ ไมมีบริกรรมสญั ญาในรปู ภายใน เห็นรูปภายนอกท่ีเลก็ นอ ย ต้ังใจวา จะรูจะเหน็ ครอบงํารปู น้นั สงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรมทง้ั หลายแลว บรรลปุ ฐมฌาน เปนทุกขาปฏปิ ทา ขิปปาภิญญา มกี ําลงั นอ ย มอี ารมณเลก็ นอ ย ฯลฯ อยูในสมัยใด ผัสสะ ฯลฯ อวกิ เขปะ มใี นสมัยนน้ั ฯลฯ

พระอภธิ รรมปฎก ธรรมสงั คณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 505 สภาวธรรมเหลาน้ันชื่อวา ธรรมเปนกศุ ล. ธรรมเปน กศุ ล เปน ไฉน ? โยคาวจรบคุ คลเจริญมรรคปฏปิ ทาเพอ่ื เขา ถงึ รูปภูมิ ไมม บี ริกรรมสญั ญาในรปู ภายใน เห็นรปู ภายนอกท่ีเล็กนอย ต้งั ใจวาจะรูจ ะเหน็ ครอบงาํรปู น้นั สงัดจากกาม สงดั จากอกศุ ลธรรมท้งั หลายแลว บรรลปุ ฐมฌาน เปนทุกขาปฏิปทา ขปิ ปาภิญญา มีกาํ ลังมาก มีอารมณเลก็ นอ ย ฯลฯ อยูในสมยั ใด ผสั สะ ฯลฯ อวกิ เขปะ มีในสมัยน้ัน ฯลฯ สภาวธรรมเหลา นี้ ชื่อวา ธรรมเปนกศุ ล. ธรรมเปนกศุ ล เปนไฉน ? โยคาวจรบุคคลเจริญมรรคปฏิปทาเพอื่ เขาถงึ รูปภมู ิ ไมม ีบริกรรมสัญญาในรูปภายใน เห็นรูปภายนอกท่ีเลก็ นอ ย ตัง้ ใจวาจะรูจะเหน็ ครอบงํารปู น้นั สงัดจากกาม สงดั จากอกศุ ลธรรมทัง้ หลายแลว บรรลปุ ฐมฌาน เปนสขุ าปฏิปทา ทันธาภญิ ญา มกี ําลงั เล็กนอย มอี ารมณเ ล็กนอ ย ฯลฯ อยใู นสมัยใด ผสั สะ ฯลฯ อวกิ เขปะ มใี นสมยั นนั้ ฯลฯ สภาวธรรมเหลา นี้ช่อื วา ธรรมเปน กศุ ล. ธรรมเปน กศุ ล เปน ไฉน ? โยคาวจรบคุ คลเจรญิ มรรคปฏิปทาเพือ่ เขาถึงรปู ภูมิ ไมม บี ริกรรมสัญญาในรูปภายใน เหน็ รูปภายนอกท่เี ล็กนอ ย ตง้ั ใจวาจะรูจะเห็นครอบงํารปู นน้ั สงัดจากกาม สงัดจากอกศุ ลธรรมท้งั หลายแลว บรรลุปฐมฌาน เปนสขุ าปฏปิ ทา ทนั ธาภิญญา มกี าํ ลังมาก มีอารมณเ ล็กนอ ย ฯลฯ อยูในสมัยใด ผสั สะ ฯลฯ อวกิ เขปะ มีในสมัยน้นั ฯลฯ

พระอภิธรรมปฎ ก ธรรมสังคณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 506 สภาวธรรมเหลานช้ี อื่ วา ธรรมเปน กศุ ล. ธรรมเปนกศุ ล เปนไฉน ? โยคาวจรบคุ คลเจริญมรรคปฏปิ ทาเพือ่ เขาถงึ รูปภูมิ ไมมีบรกิ รรมสัญญาในรปู ภายใน เหน็ รปู ภายนอกที่เลก็ นอ ย ตงั้ ใจวาจะรูจะเห็นครอบงาํรปู น้นั สงดั จากกาม สงัดจากอกุศลธรรมทัง้ หลายแลว บรรลปุ ฐมฌาน เปนสขุ าปฏปิ ทา ขปิ ปาภญิ ญา มีกําลังนอย มอี ารมณเ ล็กนอ ย ฯลฯ อยูในสมัยใด ผสั สะ ฯลฯ อวกิ เขปะ มใี นสมัยน้ัน ฯลฯ สภาวธรรมเหลา น้นั ชือ่ วา ธรรมเปนกุศล. ธรรมเปนกศุ ล เปนไฉน ? โยคาวจรบุคคลเจริญมรรคปฏิปทาเพื่อเขาถึงรปู ภมู ิ ไมม ีบริกรรมสัญญาในรูปภายใน เห็นรปู ภายนอกท่เี ล็กนอย ตั้งใจวาจะรูจะเหน็ ครอบงํารูปนั้น สงดั จากกาม สงดั จากอกศุ ลธรรมทง้ั หลายแลว บรรลปุ ฐมฌาน เปนสขุ าปฏปิ ทา ขิปปาภญิ ญา มีกําลงั มาก มอี ารมณเลก็ นอย ฯลฯ อยูในสมยั ใด ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมยั น้นั ฯลฯ สภาวธรรมเหลานชี้ ่ือวา ธรรมเปน กุศล. ธรรมเปน กุศล เปนไฉน ? โยคาวจรบุคคลเจริญมรรคปฏปิ ทาเพือ่ เขาถึงรูปภมู ิ ไมมบี ริกรรมสญั ญาในรปู ภายใน เหน็ รปู ภายนอกทีเ่ ล็กนอ ย ต้ังใจวา จะรูจะเห็นครอบงาํรูปนัน้ บรรลุทุติยฌาน ฯลฯ บรรลตุ ตยิ ฌาน ฯ บรรลุจตตุ ถฌาน ฯลฯบรรลุปฐมฌาน ฯลฯ บรรลปุ ญ จมฌาน เปนทกุ ขาปฏิปทา ทันธาภิญญา มกี ําลังนอ ย มีอารมณเ ลก็ นอ ย ฯลฯ เปน ทุกขาปฏิปทา ทันธาภญิ ญา มกี าํ ลงั มาก มอี ารมณเ ล็กนอ ย ฯลฯ

พระอภิธรรมปฎก ธรรมสังคณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 507 เปน ทกุ ขาปฏปิ ทา ทนั ธาภิญญา มีกาํ ลังนอย มอี ารมณเลก็ นอย ฯลฯ เปน ทุกขาปฏิปทา ขิปปาภญิ ญา มกี าํ ลงั มาก มอี ารมณเ ลก็ นอย ฯลฯ เปนสขุ าปฏิปทา ทนั ธาภญิ ญา มกี ําลังนอ ย มอี ารมณเ ล็กนอย ฯลฯ เปน สุขาปฏิปทา ทนั ธาภิญญา มกี าํ ลังมาก มีอารมณเ ล็กนอ ย ฯลฯ เปนสุขาปฏปิ ทา ขปิ ปาภิญญา มีกาํ ลงั นอ ย มอี ารมณเ ลก็ นอ ย ฯลฯ เปนสขุ าปฏปิ ทา ขิปปาภญิ ญา มกี ําลังมาก มอี ารมณเ ล็กนอย ฯลฯ อยูในสมยั ใด ผสั สะ ฯลฯ อวกิ เขปะ มใี นสมัยนัน้ ฯลฯ สภาวธรรมเหลา นช้ี ่อื วา ธรรมเปน กศุ ล. แจกฌานอยางละ ๘ จบ [๑๘๒] ธรรมเปนกศุ ล เปนไฉน ? โยคาวจรบุคคลเจรญิ มรรคปฏิปทาเพือ่ เขาถึงรปู ภมู ิ ไมมบี รกิ รรมสญั ญาในรูปภายใน เหน็ รูปภายนอกทีเ่ ล็กนอย มีสงี ามหรอื สไี มงาม ตงั้ ใจวาจะรูจ ะเหน็ ครอบงาํ รปู นน้ั สงัดจากกาม สงดั จากอกุศลธรรมท้ังหลายแลวบรรลุปฐมฌาน ฯลฯ อยูในสมัยใด ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มใี นสมยั นั้น ฯลฯ สภาวธรรมเหลานช้ี อื่ วา ธรรมเปน กุศล. ธรรมเปน กุศล เปน ไฉน ? โยคาวจรบุคคลเจรญิ มรรคปฏิปทาเพ่อื เขา ถึงรปู ภูมิ ไมม บี รกิ รรมสัญญาในรูปภายใน เหน็ รูปภายนอกท่เี ลก็ นอย มีสีงามหรอื สไี มงาม ตั้งใจวาจะรจู ะเหน็ ครอบงาํ รปู นั้น บรรลทุ ุติยฌาน ฯลฯ บรรลตุ ตยิ ฌาน ฯลฯ บรรลุจตุตถฌาน ฯลฯ บรรลปุ ฐมฌาน ฯลฯ บรรลปุ ญจมฌาน ฯลฯ อยูใ นสมยั ใดผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มใี นสมัยน้ัน ฯลฯ สภาวธรรมเหลา นี้ชื่อวา ธรรมเปนกศุ ล. อภิภายตนะแมนี้ก็แจกอยางละ ๘

พระอภิธรรมปฎ ก ธรรมสังคณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 508 [๑๘๓] ธรรมเปนกุศล เปน ไฉน ? โยคาวจรบุคคลเจรญิ มรรคปฏปิ ทาเพ่อื เขา ถงึ รปู ภูมิ ไมมบี ริกรรมสญั ญาในรปู ภายใน เห็นรปู ภายนอกทไ่ี พบลู ย ตง้ั ใจวา จะรูจ ะเหน็ ครอบงํารปูน้นั สงดั จากกาม สงดั จากอกุศลธรรมท้งั หลายแลว บรรลปุ ฐมฌาน ฯลฯอยใู นสมยั ใด ผัสสะ ฯลฯ อวกิ เขปะ มใี นสมยั นั้น ฯลฯ สภาวธรรมเหลา น้นั ชอื่ วา ธรรมเปนกศุ ล. ธรรมเปน กศุ ล เปนไฉน ? โยคาวจรบคุ คลเจริญมรรคปฏิปทาเพื่อเขาถงึ รปู ภมู ิ ไมม บี ริกรรมสัญญาในรูปภายใน เห็นรปู ภายนอกทไ่ี พบลู ย ตงั้ ใจวา จะรูจะเหน็ ครอบงาํ รูปน้นั บรรลุทุตยิ ฌาน ฯลฯ บรรลุตติยฌาน ฯลฯ บรรลจุ ตตุ ถฌาน ฯลฯบรรลุปฐมฌาน ฯลฯ บรรลุปญ จมฌาน ฯลฯ อยูใ นสมยั ใด ผัสสะ ฯลฯอวิกเขปะ มีในสมยั นั้น ฯลฯ สภาวธรรมเหลา น้ีช่อื วา ธรรมเปน กุศล. ปฏิปทา ๔ [๑๘๔] ธรรมเปนกศุ ล เปน ไฉน ? โยคาวจรบุคคลเจรญิ มรรคปฏปิ ทาเพ่ือเขา ถึงรูปภูมิ ไมมบี รกิ รรมสัญญาในรปู ภายใน เหน็ รปู ภายนอกท่ไี พบลู ย ตงั้ ใจวา จะรูจ ะเหน็ ครอบงาํ รูปนน้ั สงัดจากกาม สงัดจากอกศุ ลธรรมท้งั หลายแลว บรรลุปฐมฌาน เปน

พระอภธิ รรมปฎ ก ธรรมสังคณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 509ทกุ ขาปฏิปทา ทันธาภิญญา ฯลฯ อยใู นสมัยใด ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะมีในสมยั นนั้ ฯลฯ สภาวธรรมเหลา น้ันชอื่ วา ธรรมเปน กศุ ล. ธรรมเปน กุศล เปน ไฉน ? โยคาวจรบคุ คลเจริญมรรคปฏปิ ทาเพื่อเขาถงึ รูปภมู ิ ไมม ีบรกิ รรมสัญญาในรปู ภายใน เห็นรูปภายนอกท่ีไพบลู ย ต้ังใจวาจะรจู ะเหน็ ครอบงาํ รปูน้ัน สงดั จากกาม สงัดจากอกศุ ลธรรมทง้ั หลายแลว บรรลุปฐมฌาน เปนทุกขาปฏปิ ทา ขปิ ปาภิญญา ฯลฯ อยใู นสมัยใด ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะมีในสมยั น้ัน ฯลฯ สภาวธรรมเหลา นั้นชอื่ วา ธรรมเปน กุศล. ธรรมเปนกุศล เปนไฉน ? โยคาวจรบคุ คลเจรญิ มรรคปฏปิ ทาเพอ่ื เขา ถึงรูปภมู ิ ไมมีบรกิ รรมสญั ญาในรูปภายใน เห็นรูปภายนอกท่ไี พบลู ย ต้งั ใจวา จะรูจะเหน็ ครอบงํารูปนนั้ สงัดจากกาม สงัดจากอกศุ ลธรรมทง้ั หลายแลว บรรลุปฐมฌาน เปนสขุ าปฏปิ ทา ทันธาภญิ ญา ฯลฯ อยูในสมัยใด ผสั สะ ฯลฯ อวิกเขปะมีในสมัยน้นั ฯลฯ สภาวธรรมเหลา น้นั ช่อื วา ธรรมเปน กุศล. ธรรมเปนกุศล เปน ไฉน ? โยคาวจรบุคคลเจรญิ มรรคปฏปิ ทาเพื่อเขาถงึ รูปภมู ิ ไมมบี รกิ รรมสัญญาในรูปภายใน เห็นรปู ภายนอกท่ไี พบูลย ตง้ั ใจวา จะรูจ ะเหน็ ครอบงํารปูนัน้ สงดั จากกาม สงดั จากอกศุ ลธรรมทงั้ หลายแลว บรรลปุ ฐมฌาน เปน

พระอภิธรรมปฎก ธรรมสังคณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 510สขุ าปฏิปทา ขปิ ปาภญิ ญา ฯลฯ อยใู นสมยั ใด ผสั สะ ฯลฯ อวิกเขปะมใี นสมยั นน้ั ฯลฯ สภาวธรรมเหลาน้นั ชอ่ื วา ธรรมเปนกุศล. ธรรมเปน กศุ ล เปน ไฉน ? โยคาวจรบคุ คลเจริญมรรคปฏปิ ทาเพื่อเขาถงึ รปู ภมู ิ ไมมีบริกรรมสัญญาในรูปภายใน เหน็ รปู ภายนอกทไี่ พบลู ย ตงั้ ใจวาจะรจู ะเหน็ ครอบงาํ รปูนั้น บรรลทุ ุตยิ ฌาน ฯลฯ บรรลุตติยฌาน ฯลฯ บรรลุจุตตถฌาน ฯลฯบรรลุปฐมฌาน ฯลฯ บรรลปุ ญจมฌาน ฯลฯ เปนทกุ ขาปฏปิ ทา ทนั ธา-ภญิ ญา ฯลฯ เปนทุกขาปฏิปทา ขปิ ปาภิญญา ฯลฯ เปน สขุ าปฏปิ ทา ทันธา-ภิญญา ฯลฯ เปน สุขาปฏิปทา ขิปปาภญิ ญา ฯลฯ อยใู นสมัยใด ผัสสะ ฯลฯอวิกเขปะ มใี นสมัยนน้ั ฯลฯ สภาวธรรมเหลา น้ชี อื่ วา ธรรมเปนกศุ ล. ปฏปิ ทา ๔ จบ อารมณ ๒ [๑๘๕] ธรรมเปนกุศล เปนไฉน ? โยคาวจรบุคคลเจรญิ มรรคปฏิปทาเพ่ือเขาถงึ รูปภูมิ ไมมบี รกิ รรมสัญญาในรปู ภายใน เหน็ รปู ภายนอกท่ีไพบูลย ต้ังใจวาจะรจู ะเหน็ ครอบงํารปูนั้น สงัดจากกาม สงดั จากอกศุ ลธรรมทั้งหลายแลว บรรลุปฐมฌาน มีกําลัง

พระอภธิ รรมปฎก ธรรมสังคณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 511นอ ย มีอารมณไพบลู ย ฯลฯ อยูในสมยั ใด ผัสสะ ฯลฯ อวกิ เขปะ มีในสมัยนัน้ ฯลฯ สภาวธรรมเหลา นัน้ ชอ่ื วา ธรรมเปน กุศล. ธรรมเปนกศุ ล เปน ไฉน ? โยคาวจรบคุ คลเจรญิ มรรคปฏิปทาเพอ่ื เขาถงึ รูปภมู ิ ไมม ีบริกรรมสญั ญาในรูปภายใน เหน็ รูปภายนอกที่ไพบลู ย ตัง้ ใจวา จะรจู ะเห็นครอบงาํ รปูนัน้ สงดั จากกาม สงัดจากอกุศลธรรมท้งั หลายแลว บรรลุปฐมฌาน มกี าํ ลงัมาก มอี ารมณไพบูลย ฯลฯ อยูในสมัยใด ผัสสะ ฯลฯ อวกิ เขปะมใี นสมัยน้ัน ฯลฯ สภาวธรรมเหลา น้ี ชือ่ วา ธรรมเปนกุศล. ธรรมเปน กุศล เปน ไฉน ? โยคาวจรบุคคลเจรญิ มรรคปฏปิ ทาเพอ่ื เขา ถงึ รูปภมู ิ ไมม ีบรกิ รรมสญั ญาในรปู ภายใน เหน็ รูปภายนอกทไ่ี พบลู ย ตง้ั ใจวา จะรจู ะเหน็ ครอบงํารูปนั้น บรรลุทุติยฌาน ฯลฯ บรรลุตติยฌาน ฯลฯ บรรลุจตตุ ถฌาน ฯลฯบรรลุปฐมฌาน ฯลฯ บรรลปุ ญจมฌาน มีกําลงั นอย มอี ารมณไ พบลู ย ฯลฯมกี าํ ลังมาก มอี ารมณไ พบลู ย ฯลฯ อยูในสมัยใด ผสั สะ ฯลฯ อวิกเขปะมีในสมัยน้ัน ฯลฯ สภาวธรรมเหลา นีช้ ่ือวา ธรรมเปนกุศล. อารมณ ๒ จบ

พระอภิธรรมปฎ ก ธรรมสังคณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 512 แจกฌานอยางละ ๘ อกี อยางหนึง่ [๑๘๖] ธรรมเปน กศุ ล เปน ไฉน ? โยคาวจรบุคคลเจริญมรรคปฏปิ ทาเพื่อเขา ถงึ รปู ภูมิ ไมม ีบริกรรมสัญญาในรปู ภายใน เหน็ รูปภายนอกทไี่ พบลู ย ตง้ั ใจวา จะรจู ะเห็นครอบงํารูปนั้น สงัดจากกาม สงัดจากอกศุ ลธรรมทั้งหลายแลว บรรลุปฐมฌาน เปนทุกขาปฏิปทา ทนั ธาภิญญา มีกําลังนอย อารมณไ พบูลย ฯลฯ อยูในในสมัยใด ผัสสะ ฯลฯ อวกิ เขปะ มใี นสมัยนั้น ฯลฯ สภาวธรรมเหลาน้ชี อ่ื วา ธรรมเปน กุศล. ธรรมเปน กศุ ล เปนไฉน ? โยคาวจรบคุ คลเจรญิ มรรคปฏิปทาเพอื่ เขาถงึ รูปภมู ิ ไมม ีบริกรรมสญั ญาในรปู ภายใน เห็นรูปภายนอกท่ไี พบูลย ตัง้ ใจวา จะรูจ ะเหน็ ครอบงํารปูนนั้ สงดั จากกาม สงัดจากอกศุ ลธรรมทั้งหลายแลว บรรลุปฐมฌาน เปนทุกขาปฏปิ ทา ทนั ธาภญิ ญา มกี าํ ลังมาก มีอารมณไ พบูลย ฯลฯ อยูในสมยั ใด ผัสสะ ฯลฯ อวกิ เขปะ มใี นสมัยนัน้ ฯลฯ สภาวธรรมเหลา นั้นชอื่ วา ธรรมเปนกุศล. ธรรมเปนกุศล เปนไฉน ? โยคาวจรบคุ คลเจรญิ มรรคปฏิปทาเพอื่ เขาถึงรปู ภูมิ ไมมบี ริกรรมสัญญา ในรูปภายใน เห็นรปู ภายนอกทไี่ พบูลย ต้ังใจวาจะรจู ะเหน็ ครอบงาํรูปนนั้ สงดั จากกาม สงัดจากอกุศลธรรมทง้ั หลายแลว บรรลปุ ฐมฌาน เปนทุกขาปฏิปทา ขปิ ปาภญิ ญา มีกาํ ลังนอ ย มอี ารมณไ พบลู ย ฯลฯ อยใู นสมัยใด ผสั สะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมยั นนั้ ฯลฯ

พระอภิธรรมปฎ ก ธรรมสังคณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนา ท่ี 513 สภาวธรรมเหลา นช้ี อ่ื วา ธรรมเปน กศุ ล. ธรรมเปนกศุ ล เปนไฉน ? โยคาวจรบคุ คลเจริญมรรคปฏปิ ทาเพ่อื เขาถึงรปู ภมู ิ ไมมบี รกิ รรมสัญญา ในรูปภายใน เหน็ รูปภายนอกที่ไพบูลย ต้ังใจวาจะรเู หน็ ครอบงาํ รูปรปู นัน้ สงดั จากกาม สงัดจากอกุศลธรรมทัง้ หลายแลว บรรลปุ ฐมฌาน เปนทุกขาปฏิปทา ขิปปาภญิ ญา มกี ําลังมาก มีอารมณไพบลู ย ฯลฯ อยูในสมัยใด ผสั สะ ฯสฯ อวกิ เขปะ มใี นสมยั นน้ั ฯลฯ สภาวธรรมเหลา น้ีช่ือวา ธรรมเปน กศุ ล. ธรรมเปนกศุ ล เปนไฉน ? โยคาวจรบุคคลเจริญมรรคปฏปิ ทาเพ่อื เขา ถงึ รปู ภมู ิ ไมมีบรกิ รรมสัญญา ในรปู ภายใน เหน็ รูปภายนอกทีไ่ พบูลย ตง้ั ใจวาจะรูจะเห็นครอบงาํรปู นัน้ สงดั จากกาม สงัดจากอกศุ ลธรรมทง้ั หลายแลว บรรลุปฐมฌาน เปนสุขาปฏิปทา ทันธาภิญญา มีกําลงั นอย มอี ารมณไ พบลู ย ฯลฯ อยูใ นสมยั ใด ผัสสะ ฯลฯ อวกิ เขปะ มีในสมยั นั้น ฯลฯ สภาวธรรมเหลา นช้ี ื่อวา ธรรมเปน กุศล. ธรรมเปนกศุ ล เปน ไฉน ? โยคาวจรบคุ คลเจรญิ มรรคปฏปิ ทาเพื่อเขาถงึ รปู ภมู ิ ไมม ีบรกิ รรมสญั ญา ในรูปภายใน เหน็ รูปภายนอกทไี่ พบูลย ตัง้ ใจวา จะรจู ะเหน็ ครอบงํารูปน้ัน สงดั จากกาม สงัดจากอกุศลธรรมทัง้ หลายแลว บรรลปุ ฐมฌาน เปนสุขาปฏิปทา ทนั ธาภิญญา มกี าํ ลงั มาก มอี ารมณไ พบูลย ฯลฯ อยูใ นสมัยใด ผสั สะ ฯลฯ อวกิ เขปะ มใี นสมัยนนั้ ฯลฯ สภาวธรรมเหลา นช้ี ่ือวา ธรรมเปนกศุ ล.

พระอภิธรรมปฎก ธรรมสังคณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนาท่ี 514 ธรรมเปนกศุ ล เปนไฉน ? โยคาวจรบคุ คลเจริญมรรคปฏปิ ทาเพอื่ เขาถึงรูปภมู ิ ไมม บี รกิ รรมสัญญา ในรปู ภายใน เหน็ รูปภายนอกทไี่ พบูลย ต้งั ใจวา จะรูจะเหน็ ครอบงํานัน้ สงดั จากกาม สงัดจากอกุศลธรรมทั้งหลายแลว บรรลุปฐมฌาน เปนสขุ าปฏิปทา ขปิ ปาภญิ ญา มีกําลังนอย มีอารมณไพบลู ย ฯลฯ อยใู นสมัยใด ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มใี นสมัยนนั้ ฯลฯ สภาวธรรมเหลา น้ี ช่อื วา ธรรมเปนกศุ ล. ธรรมเปนกศุ ล เปนไฉน ? โยคาวจรบคุ คลเจรญิ มรรคปฏปิ ทาเพอ่ื เขา ถึงรปู ภมู ิ ไมม ีบริกรรมสญั ญา ในรปู ภายใน เหน็ รูปภายนอกที่ไพบูลย ตง้ั ใจวา จะรจู ะเห็นครอบงําน้ันสงัดจากกาม สงดั จากอกุศลธรรมท้งั หลายแลว บรรลุปฐมฌาน เปน สขุ า-ปฏปิ ทา ขิปปาภญิ ญา มีกาํ ลังมาก มอี ารมณไ พบลู ย ฯลฯ อยูในสมัยใดผสั สะ ฯลฯ อวิกเขปะ มใี นสมัยน้ัน ฯลฯ สภาวธรรมเหลานี้ชอ่ื วา ธรรมเปนกุศล. ธรรมเปน กุศล เปน ไฉน ? โยคาวจรบคุ คลเจริญมรรคปฏปิ ทาเพอื่ เขา ถึงภมู ิ ไมมีบริกรรมสัญญา ในรูปภายใน เหน็ รปู ภายนอกทไ่ี พบลู ย ตง้ั ใจวาจะรูจะเห็นครอบงาํรูปนัน้ บรรลุทุติฌาน ฯลฯ บรรลุตติยฌาน ฯลฯ บรลจุ ตุตถฌาน ฯลฯบรรลปุ ฐมฌาน ฯลฯ บรรลุปญจมฌาน เปนทกุ ขาปฏปิ ทา ทนั ธาภิญญา มีกําลงั นอ ย มีอารมณไ พบูลย ฯลฯ เปน ทุกขาปฏปิ ทา ทันธาภญิ ญา มีกําลงั มาก มีอารมณไพบลู ย ฯลฯ เปน ทุกขาปฏปิ ทา ขิปปาภิญญา มกี ําลังนอย มอี ารมณไ พบูลย ฯลฯ

พระอภธิ รรมปฎก ธรรมสงั คณี เลม ๑ ภาค ๑ - หนาที่ 515 เปน ทุกขาปฏิปทา ขปิ ปาภิญญา มกี าํ ลังมาก มอี ารมณไ พบลู ย ฯลฯ เปนสขุ าปฏิปทา ทนั ธาภิญญา มีกําลงั นอ ย มอี ารมณไพบลู ย ฯลฯ เปน สขุ าปฏปิ ทา ทันธาภญิ ญา มกี ําลังมาก มอี ารมณไ พบูลย ฯลฯ เปน สขุ าปฏปิ ทา ขิปปาภิญญา มกี าํ ลังนอ ย มีอารมณไพบูลย ฯลฯ เปนสุขาปฏิปทา ขิปปาภญิ ญา มกี าํ ลงั มาก มอี ารมณไพบลู ย ฯลฯอยูใ นสมยั ใด ผัสสะ ฯลฯ อวิกเขปะ มีในสมัยนน้ั ฯลฯ สภาวธรรมเหลานีช้ อื่ วา ธรรมเปน กุศล. แจกฌานอยางละ ๘ อกี อยาง จบ [๑๘๗] ธรรมเปนกศุ ล เปนไฉน ? โยคาวจรบคุ คลเจริญมรรคปฏิปทาเพือ่ เขาถึงรูปภูมิ ไมม ีบริกรรมสัญญา ในรปู ภายใน เห็นรปู ภายนอกทไี่ พบูลย มสี ีงามหรือมีสไี มงาม ต้งั ใจวาจะรูจะเห็นครอบงาํ รูปนนั้ สงัดจากกาม สงดั จากอกศุ ลธรรมท้ังหลายแลวบรรลุปฐมฌาน ฯลฯ อยใู นสมยั ใด ผัสสะ ฯลฯ อวกิ เขปะ มใี นสมัยน้ัน ฯลฯ สภาวธรรมเหลา นช้ี ่อื วา ธรรมเปน กุศล. ธรรมเปนกุศล เปน ไฉน ? โยคาวจรบคุ คลเจรญิ มรรคปฏิปทาเพื่อเขาถงึ รูปภูมิ ไมมบี รกิ รรมสญั ญา ในรูปภายใน เห็นรปู ภายนอกทไ่ี พบูลย ท้งั มสี งี ามและมีสไี มงามต้งั ใจวา จะรจู ะเห็นครอบงํารปู น้นั บรรลทุ ตุ ยิ ฌาน ฯลฯ บรรลตุ ตยิ ฌาน ฯลฯบรรลจุ ตุตถฌาน ฯลฯ บรรลุปฐมฌาน ฯลฯ บรรลุปญ จมฌาน ฯลฯ อยใู นสมยั ใด ผัสสะ ฯลฯ อวกิ เขปะ มีในสมัยน้ัน ฯลฯ สภาวธรรมเหลา น้ีชอ่ื วา ธรรมเปนกุศล. อภิภายตนะแมน ี้ ก็แจกอยางละ ๘






































































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook