Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore LK-002หนังสือศรีลังกาว่าด้วยประวัติศาสตร์ (ครั้งที่ ๒)

LK-002หนังสือศรีลังกาว่าด้วยประวัติศาสตร์ (ครั้งที่ ๒)

Description: LK-002หนังสือศรีลังกาว่าด้วยประวัติศาสตร์ (ครั้งที่ ๒)

Search

Read the Text Version

งานวชิ าการเพอ่ื ศกึ ษาเรยี นรู้ประวตั ศิ าสตร์ศรลี งั กา เลม่ ๘

ขันติวาทีชาดก ภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดเวเหระคัลละสมุทรคิริวิหาร ต�ำบลมิริสสะ เขตมาตะระ ศรีลังกา: ว่าด้วยประวัติศาสตร์ การณ์พระศาสนา และวรรณคดี พระมหาพจน์ สุวโจ, ผศ.ดร. พิมพ์คร้ังที่ ๑ พ.ศ. ๒๕๕๔ พิมพ์คร้ังท่ี ๒ พ.ศ. ๒๕๖๓ ราคา ๓๐๐ บาท ข้อมูลทางบรรณานุกรมของส�ำนักหอสมุดแห่งชาติ พระมหาพจน์ สุวโจ, ผศ.ดร. ศรีลังกา: ว่าด้วยประวัติศาสตร์ การณ์พระศาสนา และวรรณคดี. พิมพ์คร้ังที่ ๒. นครปฐม: สาละพิมพการ, ๒๕๖๓ ๕๗๖ หน้า. ๑. ศรีลังกา-ประวัติศาสตร์. ๒. การณ์พระศาสนา-วรรณคดี. I. ช่ือเรื่อง ISBN 978-616-565-719-8 กองบรรณาธิการ : พระครูศรีปัญญาวิกรม, ผศ.ดร. พระมหาถนอม อานนฺโท. ดร. ดร.ชยาภรณ์ สุขประเสริฐ วันเพ็ญ ปะกินะโม, เอมมิกา โน้ตสุภา พิสูจน์อักษร : พระมหาพจน์ สุวโจ, ผศ.ดร. ออกแบบปก : อเนก เอ้ือการุณวงศ์ ด�ำเนินการจัดพิมพ์ : สาละพิมพการ ๙/๖๐๙ ซอยกระทุ่มล้ม ๖ ถนนพุทธมณฑลสาย ๔ ต�ำบลกระทุ่มล้ม อ�ำเภอสามพราน จังหวัดนครปฐม ๗๓๒๒๐ โทร. ๐-๒๔๒๙๒๔๕๒, ๐๘๙-๘๒๙-๘๒๒๒, ๐๖๑-๒๓๒-๕๙๒๘ email:[email protected]

ค�ำน�ำ หนังสือ ”ศรีลังกา: ว่าด้วยประวัติศาสตร์ การณ์พระศาสนา และวรรณคดี„ เล่มนี้ ถอดแปลมาจากดุษฎีนิพนธ์ช่ือว่า ”The Pali Literature of Ceylon„ ซึ่งเป็น ผลงานของ Gunapala Piyasena Malalasekera แห่งสถาบันศึกษาบูรพาทิศ มหาวิทยาลัยลอนดอน (School of Oriental Studies of the University of London) เม่ือปีพุทธศักราช ๒๔๖๘ (ค.ศ.1925) ต่อมามีการตีพิมพ์เผยแผ่ครั้งแรก ในวารสารสมาคมเอเชียแห่งสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ (Royal Asiatic Society of Great Britain and Ireland) เม่ือปีพุทธศักราช ๒๔๗๑ (ค.ศ.1928) โดยกองทุน ตีพิมพ์เผยแผ่ผลงานประเภทรางวัล (Prize Publication Fund) นับได้ว่าเป็นผล งานเก่ียวกับประวัติศาสตร์วรรณคดีศรีลังกาเล่มแรก ซึ่งเรียบเรียงข้อมูลด้วยวิธีการ ทางวิชาการสมัยใหม่กอปรด้วยการวิเคราะห์และวิพากษ์ประเด็นส�ำคัญ อีกทั้งแสดง หลักฐานอ้างอิงเพื่อยืนยันความสมเหตุสมผล ขณะท่ีหนังสือสมัยก่อนเน้นเขียนเชิง พรรณนาโวหาร๑ หนังสือแบ่งเน้ือหาออกเป็น ๑๕ บท ดังน้ี ๑) เกร่ินน�ำ ผู้เขียนช้ีให้เห็นถึง สาเหตุการสูญหายของวรรณกรรมและอังกฤษอาสาเข้ามาสะสมรักษา ๒) ประดิษฐาน พระศาสนา ว่าด้วยการสถาปนาราชวงศ์สิงหลและการนำ� พระพุทธศาสนามาเผยแผ่ยัง เกาะลังกา ๓) เร่ิมต้นบันทึกวรรณกรรม ว่าด้วยเหตุการณ์ต้ังแต่การสถาปนาภิกษุณี สงฆ์จนถึงการกอบกู้บ้านเมืองของพระเจ้าทุฏฐคามณี ๔) พัฒนาการด้านวัฒนธรรม เน้นกล่าวถึงการทะเลาะวิวาทระหว่างส�ำนักมหาวิหารและส�ำนักอภัยคิรีวิหาร ๕) ก่อเกิดวงการวรรณคดี บรรยายถึงการอัญเชิญพระทันตธาตุมาเกาะลังกาและ ก�ำเนิดพิธีสวดพระปริตร ๖) พระพุทธโฆษาจารย์ กล่าวถึงประวัติและผลงานของ ๑ Encyclopaedia of Buddhism, volume VI. Colombo: The Government of Sri Lanka, 1996, pp.582-585.

พระพุทธโฆษาจารย์ ๗) ผู้สืบทอดพระพุทธโฆษาจารย์ กล่าวถึงประวัติและผลงาน ของพระพุทธทัตตเถระและพระธรรมปาลเถระ ๘) บันทึกเหตุการณ์เป็นภาษาบาลี ว่าด้วยเร่ืองราวของคัมภีร์ทีปวงศ์และคัมภีร์มหาวงศ์ ๙) รุ่งอรุณแห่งยุคทอง กล่าว ถงึ เหตกุ ารณบ์ า้ นเมอื งและพระศาสนากอ่ นลม่ สลาย ๑๐) ยคุ ทองของวรรณคดี พรรณนา ถึงพระปรีชาสามารถของพระเจ้าปรากรมพาหุมหาราช ๑๑) สมาคมของพระสารีบุตร เถระ กล่าวถึงผลงานด้านวรรณกรรมของพระสารีบุตรเถระและผองศิษย์ ๑๒) สมัยพระเจ้าบัณฑิตปรากรมพาหุ ว่าด้วยวงการวรรณคดีสมัยอาณาจักรดัมพเดณิยะ ๑๓) รุ่งเรืองก่อนเข้าสู่ยุคมืด ว่าด้วยการณ์พระศาสนาสมัยอาณาจักรโกฏเฏ ๑๔) ยคุ เสอ่ื ม พรรณนาถงึ ความเสอ่ื มโทรมของบา้ นเมอื งจากการยดึ ครองของโปรตเุ กสและ ฮอลันดา จนกระทั่งก�ำเนิดสยามวงศ์สมัยอาณาจักรแคนดี และ ๑๕) ยุคใหม่ภายใต้ อังกฤษ ว่าด้วยกุศโลบายการปกครองอันมากด้วยเล่ห์เพทุบายของอังกฤษผู้เป็นเจ้า อาณานิคม ผู้เขียนเริ่มต้นหนังสือด้วยการช้ีให้เห็นว่าชนชาติสิงหลคือผู้อารักขาพระพุทธ ศาสนา๒ ต�ำนานศรีลังการะบุไว้ว่าบรรพบุรุษของชาวสิงหลเร่ิมต้นจากเจ้าชายวิชัย พระองค์เป็นกษัตริย์หนุ่มมีนิสัยทะลุดุดัน เป็นเช้ือสายขัตติยะแห่งนครสิงหปุระ แควน้ ลาฬะ เหตเุ พราะมคี วามประพฤตเิ สยี หายจงึ ถกู พระบดิ าขบั ไลอ่ อกจากแวน่ แควน้ พร้อมบริวาร คร้ันขึ้นฝั่งลังกาแล้วได้แต่งงานกับธิดาของกลุ่มชนดั้งเดิมซ่ึงเรียกว่า ยักษ์ และอภิเษกสมรสอีกคร้ังกับพระราชธิดาของกษัตริย์ทมิฬปัณฑยะ โดยมี เมืองตัมพปัณณินครเป็นศูนย์กลางการปกครอง ผู้เขียนยืนยันว่าดินแดนแห่งกษัตริย์ ทมิฬปัณฑยะรุ่งเรืองด้วยพระพุทธศาสนา พระราชธิดาของกษัตริย์ทมิฬปัณฑยะน่า จะน�ำพระพุทธศาสนามายังเกาะลังกาด้วย นอกจากนั้น ผู้เขียนยังเชื่ออีกว่าชาวสิงหลมีความผูกพันกับเชื้อสายศากยะ ของพระพุทธเจ้า โดยอ้างต�ำนานว่าสมัยพระเจ้าปัณฑุวาสุเทวะผู้เป็นพระราชนัดดาของ พระเจ้าวิชัยข้ึนครองราชย์เหนือเกาะลังกา พระนางภัททกัจจานาผู้เป็นพระราชธิดาของ ๒ ดูหนังสือหน้า ๒๗

พระเจ้าปัณฑุกศากยะ ซึ่งสืบเช้ือสายมาจากพระเจ้าอมิโตทนะผู้เป็นพระอนุชาของ พระเจา้ สทุ โธทนะ ไดเ้ ดนิ ทางมาจากอนิ เดยี เพอ่ื อภเิ ษกสมรสกบั พระเจา้ ปณั ฑวุ าสเุ ทวะ๓ หลักฐานดังกล่าวข้างต้นล้วนเป็นการชี้ให้เห็นความสมเหตุสมผลว่า ชาวสิงหลเป็นผู้ สมควรอารักขาพระพุทธศาสนา ในฐานะเช้ือพระวงศ์ศากยะเช่นเดียวกับพระพุทธเจ้า ความเก่ียวข้องกับตระกูลศากยะพบเห็นอีกแห่งหนึ่งในคัมภีร์มหาโพธิวังสะ ซ่ึงระบุว่าพระนางเวทิสาเทวีผู้เป็นพระราชมารดาของพระมหินทเถระและพระสังฆมิต ตาเถรี เปน็ ธดิ าของพอ่ คา้ ชาวเมอื งเวทสิ าสบื เชอื้ สายมาจากตระกลู ศากยะของพระพทุ ธเจา้ ได้อพยพโยกยา้ ยมาอยเู่ มืองเวทสิ าเปน็ เวลานานแลว้ ตระกลู ของพระนางศรัทธามัน่ คง และท�ำหน้าที่อุปถัมภ์พระพุทธศาสนามาเน่ินนาน ก่อนการประสูติของพระมหินทเถระ และพระสังฆมิตตาเถรี๔ เป็นที่น่าสังเกตว่าหลักฐานดังกล่าวไม่ปรากฏเห็นในคัมภีร์ เล่มอ่ืน สันนิษฐานว่าเนื้อหาดังกล่าวน่าจะเป็นการขยายความเข้ามาทีหลัง และการ กล่าวอ้างเช่นนี้น่าจะเป็นการพยายามเชื่อมความสัมพันธ์ทางเครือญาติระหว่าง พระมหินทเถระกับพระพุทธเจ้า๕ ตลอดทั้งเช่ือมโยงกับชาวสิงหลในฐานะเป็นผู้สืบเช้ือ สายมาจากศากยะตระกูลด้วย การท่ีพระเจ้าอโศกมหาราชส่งพระมหินทเถระและพระ สังฆมิตตาเถรีมาเกาะลังกา เพื่อเผยแผ่พระสัทธรรมค�ำสอนย่อมถือว่าสมเหตุสมผล ชอบธรรมแล้ว เหตุเพราะเป็นญาตัตถจริยาหรือการสงเคราะห์พระญาติอย่างหน่ึง๖ นอกจากนั้น ผู้เขียนยังเช่ือตามต�ำนานอีกว่าพระพุทธเจ้าเคยเสด็จเกาะลังกา ๓ คร้ัง กล่าวคือ ๑) หลังจากตรัสรู้แล้ว ๕ เดือน ๒) หลังจากตรัสรู้ ๕ ปี และ ๓ พระคัมภีร์ทีปวงศ์: ต�ำนานว่าด้วยการประดิษฐานพระพุทธศาสนาในลังกาทวีป. พิมพ์คร้ังที่ ๒. กรุงเทพมหานคร: บริษัท เอดิสัน เพรส โพรดักส์ จ�ำกัด, ๒๕๕๗, หน้า ๕๐ ๔ Mahabodhivamsa, ed. Ven. P. Sobhita. Colombo: 1890, p. 116. ๕ Romila Thapar. Asoka and the Decline of the Mauryas. Oxford University Press, 2000, p. 23. ๖ ลังกากุมาร. เล่าเร่ืองเมือง (ศรี) ลังกา: รวมบทความวิชาการในวาระครบรอบหนึ่ง ทศวรรษ. นครปฐม: สาละพิมพการ, ๒๕๖๐, หน้า ๑๕๗

๓) หลังจากตรัสรู้ ๘ ปี๗ ประเด็นน้ีผู้เขียนแสดงความเห็นว่าการท่ีพระพุทธเจ้าเสด็จ เกาะลงั กานน้ั เสมอื นเปน็ การมอบหมายใหช้ าวลงั กาเปน็ ผทู้ ำ� หนา้ ทรี่ กั ษาคมุ้ ครองคำ� สอน ของพระองค์ และเป็นการตระเตรียมเกาะลังกาให้เป็นถิ่นที่อยู่ของชนชาติสิงหลใน อนาคต แต่คร้ันเห็นว่าไม่มีหลักฐานรองรับ ผู้เขียนจึงแสดงความเห็นเชิงวิชาการว่า „เหตุการณ์พระพุทธเจ้าเสด็จเกาะลังกา อาจจะเกิดข้ึนหลังจากพระพุทธศาสนาเผยแผ่ เขา้ สเู่ กาะลงั กาเปน็ ทางการแลว้ ทง้ั นอี้ าจเปน็ เพราะเกดิ การตนื่ ตวั ยอมรบั นบั ถอื พระพทุ ธ ศาสนาผสมกับกระแสแห่งความรักชาติ นอกจากน้ัน ยังเป็นการสร้างความเช่ือร่วม กันเก่ียวกับผู้ประดิษฐานพระศาสนา พร้อมกับการเกิดขึ้นของประวัติศาสตร์ศรีลังกา ด้วยการท�ำให้เกิดความศักดิ์สิทธิ์ว่าเป็นดินแดนท่ีพระพุทธองค์เคยเสด็จมาเยือน„๘ ประเด็นเกี่ยวกับพระพุทธเจ้าเสด็จเกาะลังกานั้น อธิการัมได้แสดงความเห็น ว่าความคิดเช่นนี้น่าจะเกิดมีข้ึนจากคณะสมณทูตที่เดินทางมาจากอินเดียก่อนพระ มหินทเถระ และน่าจะเกิดจากชาวพุทธท่ีอยู่อาศัยเกาะลังกาสมัยเดียวกันกับพวกยักษ์ และนาค๙ ส่วนลังกากุมารแสดงทัศนะว่าน่าจะเกิดมีข้ึนหลังจากพระมหินทเถระและ คณะประกาศศาสนาแล้วไม่นาน อาจเป็นเพราะการแสดงธรรมช้ันสูงย่อมไม่ เอ้ือประโยชน์ต่อการปลูกศรัทธาของผู้ยังมีปัญญาน้อย สังเกตได้จากกุลบุตรกุลธิดา ชาวศรีลังกาท่ีออกบวชรุ่นแรกส่วนใหญ่ล้วนเป็นปัญญาชนคนช้ันสูง การจะยึดตรึงคน ปัญญาน้อยให้ศรัทธาต่อพระพุทธศาสนาจ�ำต้องอ้างถึงพระพุทธเจ้าผู้เป็นพระบรมครู ซึ่งถือว่าเป็นกุศโลบายอันชาญฉลาด เพราะเป็นการลดบทบาทของพระสาวกแล้วยก สถานภาพของพระพุทธเจ้าให้สูงส่ง ลักษณะเช่นน้ีเป็นประเพณีนิยมของพระพุทธ ศาสนาสายเถรวาท๑๐ ๗ พระคัมภีร์ทีปวงศ์: ต�ำนานว่าด้วยการประดิษฐานพระพุทธศาสนาในลังกาทวีป, หน้า ๕-๑๕ ๘ ดูหนังสือหน้า ๒๙ ๙ E.W. Adikaram. Early History of Buddhism in Ceylon. Dehiwala: Bud- dhist Cultural Centre, 2009, p.48. ๑๐ ลังกากุมาร. เล่าเรื่องเมือง (ศรี) ลังกา: รวมบทความวิชาการในวาระครบรอบหนึ่ง ทศวรรษ, หน้า ๑๕๔

ประเด็นคือแม้จะมีเหตุการณ์หลายอย่างเหล่าน้ีเป็นเคร่ืองชี้วัดว่า ชนชาว เกาะลังการู้จักพระพุทธศาสนาเป็นอย่างดีแล้ว แต่ต�ำนานศรีลังกาทุกเล่มกลับมิได้ กล่าวถึงแต่อย่างใด จนกระทั่งพระเจ้าอโศกมหาราชส่งพระสมณทูตมาเผยแผ่พระ พุทธศาสนายังลังกา ตรงนี้ผู้เขียนได้แสดงความเห็นว่า ”การเว้นวรรคดังกล่าวน่าจะ มาจากความเอนเอียงของผู้แต่งคัมภีร์ ซึ่งต้องการพุ่งความสนใจไปยังพระมหินทเถระ เพื่อเชื่อมโยงกับการน�ำพระพุทธศาสนาเข้ามาเผยแผ่ยังเกาะลังกา„๑๑ ผู้แปลเห็นว่า ประวัติศาสตร์ศรีลังกาน่าจะเร่ิมต้นหลังจากพระมหินทเถระและคณะ ได้เดินทางมา ประดิษฐานพระพุทธศาสนาบนเกาะลังกาจนมั่นคงดีแล้ว สังเกตได้จากเรื่องราวส่วน ใหญ่ก่อนหน้านี้ล้วนผสมแทรกเชิงเทพนิยาย และการแต่งเร่ืองราวเชื่อมโยงระหว่าง ชาวสิงหลกับพระพุทธศาสนา น่าจะเป็นกุศโลบายอันชาญฉลาดของบูรพาจารย์ เพ่ือย้�ำว่าชาวสิงหลเป็นเชื้อสายศากยะเช่นเดียวกันกับพระพุทธเจ้าจึงต้องท�ำหน้าท่ี อารักขาพระพุทธศาสนา ประเด็นถัดมาคือผู้เขียนอธิบายว่าพระเจ้าอโศกมหาราชแห่งอินเดียประเทศ ทรงมีคุณูปการแก่ศรีลังกาเป็นอย่างมาก โดยยืนยันว่าความส�ำเร็จของเกาะลังกาเป็น ผลมาจากพระเจ้าอโศกมหาราช ”เพราะพระองค์ได้มอบมรดกอันล�้ำค่าให้แก่ชาวลังกา กล่าวคือพระพุทธศาสนา„๑๒ หากวเิ คราะหต์ ามหลกั ฐานเหน็ วา่ การกลา่ วอา้ งสมเหตสุ มผล เหตเุ พราะพระเจา้ อโศกมหาราชแห่งราชวงศ์โมริยะให้ความส�ำคัญกับเกาะลังกามากเป็นกรณีพิเศษ เริ่มต้นจากทรงเป็นพระสหายกับพระเจ้าติสสะแต่คร้ังยังเป็นเจ้าชาย สร้อยพระนาม ของกษัตริย์ลังกาว่า ”เทวานัมปิยะ„ น่าจะมาจากพระราชทินนามพระบรมอัยกาของ พระเจ้าอโศกน้ันเอง๑๓ คัมภีร์สมันตปาสาทิการะบุว่าสมัยเจ้าชายติสสะข้ึนครองราชย์ พระเจ้าอโศกให้ส่งเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ และเคร่ืองบรรณาการอย่างอ่ืนอีกเป็น จ�ำนวนมากไปถวายแด่พระเจ้าติสสะ คราวเดียวกันนั้นได้ส่งราชธรรมบรรณาการไป ถวายด้วย ความว่า ”หม่อมฉันถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม และพระสงฆ์ว่าเป็นสรณะ ๑๑ ดูหนังสือหน้า ๓๓ ๑๒ ดูหนังสือหน้า ๔๔ ๑๓ Romila Thapar. Asoka and the Decline of the Mauryas. p. 222.

แสดงตนเป็นอุบาสกของพระศากยบุตร ข้าแต่พระองค์ผู้สูงสุดกว่านรชน แม้พระองค์ ก็จงท�ำจิตให้เลื่อมใสในวัตถุอันสูงสุดทั้ง ๓ นี้ พระองค์ทรงเข้าถึงรัตนะทั้ง ๓ ว่าเป็น สรณะด้วยพระศรัทธาเถิด„๑๔ ผู้เขียนจึงยืนยันว่าลักษณะเช่นนี้เป็นการปูพ้ืนฐานให้แก่ คณะสมณทูตอินเดีย ซ่ึงมีพระมหินทเถระเป็นหัวหน้า๑๕ ประเด็นชวนสงสัยคือเหตุใดพระเจ้าอโศกมหาราชจึงให้ความส�ำคัญกับศรี ลังกามากกว่าแห่งอ่ืน หากศึกษาหลักฐานจากศิลาจารึกของพระเจ้าอโศกจะเห็นว่า พระองค์โปรด ให้เผยแผ่หลักธรรมวิชัย (ชัยชนะโดยธรรม) ไปยังดินแดนแคว้นน้อยใหญ่ ดังเช่น แว่นแคว้นโยนกของพระเจ้าอันติโยคะ กษัตริย์กรีก ๔ พระองค์ พระนามว่าพระเจ้า ตุรมายะ พระเจ้าอันเตกินะ พระเจ้ามคะ และพระเจ้าอลิกสุนทระ ถัดมาเป็นแว่นแคว้น ของชาวโจละ แวน่ แควน้ ของชาวปาณฑยะ ตลอดถงึ ประชาชนชาว (แมน่ ำ้� ) ตามรปรรณี และแว่นแคว้นของชาวโยนก และชนชาวกัมโพชะ ชนชาวนาภปันติแห่งนาภคะ ชนชาวโภชะ และชนชาวปิตินิก ชนขาวอันธระ และชนชาวปุลินทะ๑๖ ผู้เดินทางไป เผยแผ่หลักธรรมวิชัยคราวนั้นน่าจะเป็นคณะราชทูตหรือพระสงฆ์ แต่ไม่มีหลักฐาน ยืนยันชัดเจน ความขาดหายไปน่าจะมาจากการบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษรหรือขาด ผู้รักษาสืบต่อ ซึ่งต่างจากประเพณีนิยมของชาวสิงหลแห่งเกาะลังกา คัมภีร์ทีปวงศ์ของศรีลังการะบุว่าคร้ันสังคายนาพระธรรมวินัยครั้งที่ ๓ เสร็จ ส้ินแล้ว พระโมคคัลลิบุตรเถระผู้เล็งเห็นการณ์ไกล ได้ส่งพระสมณทูตไปประดิษฐาน พระพุทธศาสนาในปัจจันตประเทศ ดังความว่า ”ขอท่านพี่น้องท้ังหลายผู้ถึงแล้วซ่ึง ก�ำลัง จงแสดงธรรมเพ่ือความอนุเคราะห์บุคคลท้ังหลายในปัจจันตชนบท ดังมี รายนามตอ่ ไปน;ี้ ๑) พระมชั ฌนั ตกิ เถระไปคนั ธารวสิ ยั ๒) พระมหาเทพไปมหสิ ประเทศ ๑๔ พระพุทธโฆสะ. อรรถกถาภาษาไทย พระวินัยปิฎก สมันตปาสาทิกา ภาค ๑. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๕๒, หน้า ๙๖-๙๘ ๑๕ ดูหนังสือหน้า ๓๙ ๑๖ พระพรหมคุณาภรณ์ (ป.อ. ปยุตฺโต). จารึกอโศก (ธรรมจักรบนเศียรส่ีสิงห์): รัฐศาสตร์ แห่งธรรมาธิปไตย. สมุทรปราการ: ส�ำนักพิมพ์ผลิธัมม์, ๒๕๕๒, หน้า ๑๖๓

๓) พระรักขิตไปวนวาสี ๔) พระโยนกธรรมรักขิตไปปรันตกะ ๕) พระมหารักขิตไป แคว้นโยนก ๖) พระกัสสโคตร พระปัชฌิมเถระ พระทุนทุภิสสระ พระมหาเทวะ พระอฬกเทวะไปป่าหิมพานต์ ๗) พระโสณกะและพระอุตตระไปสุวรรณภูมิ และ ๘) พระมหินทกับคณะไปลังกาทวีป„๑๗ ส่วนคัมภีร์สมันตปาสาทิกาขยายความวิธีการ เผยแผ่พระพุทธศาสนาแต่ละสายอย่างพิสดาร ส่วนใหญ่ล้วนส�ำแดงปาฏิหาริย์ปราบ ผ้คู นพน้ื ถ่ินเป็นเบื้องตน้ แล้วจึงแสดงพระสูตรส�ำคัญจนชาวเมอื งหนั มานับถือพระพุทธ ศาสนาส้ิน๑๘ หลักฐานดังกล่าวข้างต้นพบเห็นเฉพาะในคัมภีร์ของชาวศรีลังกา ด้วย เหตุดังกล่าวจึงเป็นสาเหตุช้ีชวนให้เชื่อว่าพระเจ้าอโศกมีความสัมพันธ์กับเกาะศรีลังกา มากกว่าสายอื่น ผู้แปลเห็นว่าการที่พระเจ้าอโศกมหาราชให้ความส�ำคัญกับศรีลังกา น่าจะอยู่ ท่ีการส่งพระมหินทเถระและพระสังฆมิตตาเถรีมาเผยแผ่พระศาสนาบนเกาะลังกา เพราะพระเถระและพระเถรีท้ังสองรูปเป็นที่รักเสมอพระนัยน์นาของพระองค์ ต�ำนาน ศรีลังกาเล่าว่าพระมหินทเถระน้ันสมัยยังครองเพศฆราวาส พระบิดาปรารถนาแต่งตั้ง ให้ด�ำรงต�ำแหน่งพระมหาอุปราช แต่คร้ันทรงพิจารณาว่า ”การบวชน้ันยิ่งใหญ่กว่า ต�ำแหน่งอุปราชนัก„ จึงทรงพระบรมราชานุญาตให้บวช ส่วนพระสังฆมิตตาก็ออกบวช ในคราวเดียวกัน๑๙ เฉพาะพระสังฆมิตตาเถรีนั้นพระราชบิดาทรงรักใคร่สิเน่หาย่ิงนัก ดังพระด�ำรัสเมื่อทราบข่าวว่าพระราชธิดาจะเดินทางไปศรีลังกาว่า ”แม่เจ้า พระมหินท เถระโอรสของโยมและสมุ นสามเณรหลานของโยมไปเกาะตามพปณั ณิ ทำ� โยมใหเ้ หมอื น คนถูกตัดมือ เม่ือโยมไม่เห็นโอรสและหลานท้ังสองก็เกิดความเศร้าโศก แต่เมื่อเห็น หน้าแม่เจ้าก็หายโศก อย่าเลย แม่เจ้าอย่าไปเลย„๒๐ ความผูกพันกับพระราชโอรสและ พระราชธิดาของพระเจ้าอโศกมหาราชน่าจะเป็นเหตุผลให้ผู้เขียนเช่ือว่า พระเจ้าอโศก ๑๗ พระคัมภีร์ทีปวงศ์: ต�ำนานว่าด้วยการประดิษฐานพระพุทธศาสนาในลังกาทวีป, หน้า ๔๕. ๑๘ พระพุทธโฆสะ. อรรถกถาภาษาไทย พระวินัยปิฎก สมันตปาสาทิกา ภาค ๑. หน้า ๘๒-๘๙ ๑๙ พระมหานามเถระและคณะบัณฑิต. คัมภีร์มหาวงศ์ ภาค ๑. แปลโดย ผศ.สุเทพ พรมเลิศ. กรุงเทพมหานคร: โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย, ๒๕๕๓, หน้า ๕๔-๕๕ ๒๐ พระพุทธโฆสะ. อรรถกถาภาษาไทย พระวินัยปฎิ ก สมนั ตปาสาทกิ า ภาค ๑. หนา้ ๑๑๖

แห่งราชวงศ์โมริยะทรงให้ความส�ำคัญกับเกาะลังกามากกว่าแว่นแคว้นอ่ืนใดสมัย เดียวกัน ประเด็นถัดมาผู้เขียนให้ความส�ำคัญบทบาทของพระเจ้าทุฏฐคามณี ผู้เป็นวีร กษัตริย์กู้ชาติบ้านเมือง ผู้เขียนสรรเสริญพระเกียรติคุณไว้ว่า ”สมัยน้ีเป็นยุคแห่ง สันติสุขเกิดความเกษมส�ำราญ ถือว่าเป็นยุคก่อนพระศาสนาจะมั่นคงถาวรประณีต งดงามและเรียบง่าย สว่างไสวด้วยบรรยากาศแห่งความรู้ และอ่ิมเอิบด้วยการมุ่งม่ัน ปฏิบัติตามหลักศีลธรรม กล่าวกันว่าเป็นยุคสมัยแห่งเทวดาลงมาย่างเหยียบบนพ้ืน โลก แลเหลา่ เทวดาบนสรวงสวรรคต์ า่ งปรารถนามาเกดิ บนดนิ แดนแผน่ ดนิ ลงั กา เพราะ ลังกามีแต่ความสุขส�ำราญและรุ่งเรืองงดงาม„๒๑ ผู้แปลเห็นว่าค�ำสรรเสริญดังกล่าวไม่ ถือว่าเกินความจริง เพราะหากย้อนกลับไปศึกษาเรื่องราวของพระเจ้าทุฏฐคามณีใน คัมภีร์มหาวงศ์ จะเห็นว่าบูรพาจารย์ได้บรรจุเน้ือหาไว้มากถึง ๑๐ บท แสดงให้เห็น ว่าคุณูปการของพระองค์ย่ิงใหญ่เกรียงไกรมากกว่ากษัตริย์พระองค์อื่น บทบาทแรกคือการกอบกู้บ้านเมือง ผู้เขียนย้�ำว่าพระเจ้าทุฏฐคามณีได้แรง บันดาลใจมาจากพระราชมารดาพระนามว่าวิหารมหาเทวี แม้พระองค์จะถูกพระเจ้า กากวัณณติสสะผู้เป็นพระราชบิดาทรงห้ามเสียหลายครั้ง แต่ความต้ังใจแน่วแน่ในการ ขับไล่อริราชศัตรูให้ออกจากเกาะลังกาก็ไม่เคยเส่ือมคลาย๒๒ เป็นที่น่าสังเกตว่าการท�ำ สงครามกอบกู้บ้านเมืองขับไล่ทมิฬหินชาติคราวนั้น พระเจ้าทุฏฐคามณีทรงประกาศ ว่า ”ข้าพเจ้าพยายามครั้งน้ีเพื่อความสุขในราชสมบัติหามิได้ แต่ข้าพเจ้าพยายามใน คร้ังนี้ก็เพื่อความตั้งม่ันแห่งพระพุทธศาสนาเท่าน้ัน”๒๓ พระราหุลเถระต้ังข้อสังเกตไว้ ว่าน้ีเป็นจุดเร่ิมต้นแห่งความเป็นชาตินิยมของชาวสิงหล เรียกว่าลัทธิศาสน์ชาตินิยม (religio-nationalism)๒๔ อย่างไรก็ตาม หลังจากพระเจ้าทุฏฐคามณีกอบกู้ชาติบ้าน ๒๑ ดูหนังสือหน้า ๖๑-๖๖ ๒๒ พระมหานามเถระและคณะบัณฑิต. คัมภีร์มหาวงศ์ ภาค ๑. หน้า ๒๐๔ ๒๓ เรืองเดียวกัน, หน้า ๒๒๗ ๒๔ Walpola Rahula. History of Buddhism in Ceylon. Dehiwala: The Buddhist Cultural Centre, 1993, p. 79.

เรียบร้อยแล้ว ศรีลังกาได้มีการพัฒนาครบทุกด้าน ทั้งการเมือง เศรษฐกิจ การณ์ พระศาสนา และวิเทโศบาย บทบาทถดั มาคอื การอปุ ถมั ภพ์ ระพทุ ธศาสนา พระเจา้ ทฏุ ฐคามณโี ปรดใหบ้ รู ณ ปฏิสังขรณ์อารามวิหารท่ีทรุดโทรมสมัยการปกครองของพระเจ้าเอฬาระผู้เป็นกษัตริย์ ทมิฬ โปรดให้สร้างมริจวัฏฏิเจดีย์บรรจุพระแสงหอก ถัดมาโปรดให้สร้างโลหปราสาท เพื่อให้เป็นท่ีอยู่พระสงฆ์และการท�ำสังฆกรรม และโปรดให้สร้างมหาสถูปเพ่ือบรรจุ พระบรมสารีริกธาตุ คราววางศิลาฤกษ์สร้างเจดีย์มีพระสงฆ์ชาวต่างประเทศเดินทาง มาร่วมงานเป็นจ�ำนวนมาก๒๕ ผู้เขียนแสดงความเห็นว่า ”สมัยพระเจ้าทุฏฐคามณีน้ัน พระองค์ทรงละเลยการศึกษาคณะสงฆ์ ทรงหันไปหมกมุ่นใฝ่ใจแต่เรื่องศาสนสถาน มากหลาย”๒๖ แต่ความจริงคือสมัยพระองค์มีพระสงฆ์ทรงปราชญ์เรืองนามหลายรูป เช่น พระธรรมทินนเถระพระอรหันต์ผู้เป็นคณาจารย์ส�ำคัญ พระมลยเทวเถระผู้เป็น นักเทศน์ชื่อดัง พระธรรมคุตตเถระผู้ทรงฤทธิ์ พระขุททติสสเถระผู้ชอบปลีกวิเวก พระมหาวยัคฆเถระผู้มักน้อย พระปุสสเทวเถระผู้เป็นครูนามอุโฆษ พระมหาสังฆ รักขิตเถระผู้ไร้ความโกรธ นอกจากนั้น ยังมีภิกษุณีทรงปราชญ์อีกหลายรูป เช่น พระมหิลาเถรี พระสมันตาเถรี พระคิรกาลิเถรี (ทั้งสามรูปเป็นพระราชธิดาของพระเจ้า กากวัณณติสสะ) พระทาสีเถรี และพระกาลีเถรี๒๗ พระเถระและพระเถรีเหล่านี้ล้วน เป็นผลผลิตจากระบบการศึกษาของคณะสงฆ์ เพียงแต่ไม่ปรากฏให้เห็นว่าท่าน เหล่าน้ีมีผลงานด้านวรรณกรรมมากน้อยเพียงใด ส่วนบทบาทสุดท้ายของพระเจ้าทุฏฐคามณีคือคือความเท่ียงธรรม หลักฐาน ระบวุ า่ หลงั จากทรงมชี ยั เหนอื พระเจา้ เอฬาระกษตั รยิ ท์ มฬิ ผปู้ กครองลงั กามาสท่ี ศวรรษ แล้ว พระองค์ทรงแสดงความเป็นนักรบชาติอาชาไนยด้วยการให้เกียรติแก่ศัตรู ”ทรงให้มีการพระราชโองการใหต้ กี ลองป่าวประกาศในเมอื งให้ประชาชนในที่โยชนห์ นึ่ง ๒๕ พระมหานามเถระและคณะบัณฑิต. คัมภีร์มหาวงศ์ ภาค ๑. หน้า ๒๓๘-๒๕๗ ๒๖ ดูหนังสือหน้า ๖๗ ๒๗ E.W. Adikaram. Early History of Buddhism in Ceylon. pp. 66-70.

โดยรอบมาประชุมกัน รับสั่งให้กระท�ำการบูชาพระเจ้าเอฬาระ พระองค์มีพระบรม ราชโองการใหถ้ วายพระเพลงิ พระเจา้ เอฬาระนนั้ พรอ้ มกบั พระเมรมุ าศในสถานทพ่ี ระบรม ศพล้มลง โปรดให้สร้างพระเจดีย์ในสถานท่ีน้ันและได้พระราชทานการดูแลไว้„๒๘ เหตกุ ารณค์ รง้ั นผี้ เู้ ขยี นสรรเสรญิ พระเกยี รตคิ ณุ ไวว้ า่ ”นเ้ี ปน็ เกยี รตปิ ระวตั แิ ละชอ่ื เสยี ง ของลงั กามากวา่ สองพนั ปี แสดงใหเ้ หน็ วา่ บรรพชนชาวสงิ หลพรอ้ มใหเ้ กยี รตแิ กก่ ษตั รยิ ์ ผู้ทรงคุณธรรมแม้เป็นศัตรู„๒๙ อีกเหตุการณ์หนึ่งเกิดข้ึนคราวเม่ือพระองค์โปรดให้ สร้างโลหปราสาท ทรงมีรับส่ังว่า ”ประชาชนต้องไม่ท�ำงานโดยไม่มีค่าจ้างในปราสาท ของเรา„๓๐ กิตติศัพท์ดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงพระมหากรุณาคุณต่อผู้คนทุกเชื้อชาติ วรรณะ จึงท�ำให้พระองค์เป็นที่รักของพสกนิกรทุกหมู่เหล่า พระเมตตาคุณดังกล่าว ปรากฏเห็นในคัมภีร์มหาวงศ์ ซ่ึงระบุไว้ว่าคร้ันสวรรคตล่วงแล้วพระองค์ทรงบังเกิดบน สวรรค์ช้ันดุสิต และอนาคตกาลภายหน้าจักบังเกิดเป็นอัครสาวกของพระเมตไตรย พุทธเจ้า๓๑ นับแต่น้ันเป็นต้นมาความเป็นกษัตริย์แบบพระเจ้าทุฏฐคามณีจึงเป็นสิ่งที่ ชาวสิงหลโหยหามาเป็นเวลานาน จนกระทั่งถึงสมัยพระเจ้าปรากรมพาหุมหาราชแห่ง อาณาจักรโปโฬนนารุวะ อีกประเด็นหนึ่งซึ่งผู้เขียนให้ความส�ำคัญคือความบาดหมางระหวา่ งคณะสงฆ์ สองส�ำนักแห่งอาณาจักรอนุราธปุระกล่าวคือส�ำนักมหาวิหารและส�ำนักอภัยคิรีวิหาร โดยผู้เขียนแสดงความเห็นว่า ”เพราะพระสงฆ์แต่ละส�ำนักต่างเช่ือม่ันหลักการแห่งตน แล้วมองผู้อ่ืนเป็นปรปักษ์ จึงท�ำลายคนเห็นต่างอย่างรุนแรงกลายเป็นความแตกแยก คร้ังใหญ่ สร้างความเสียหายแก่วงการพระศาสนามากมายมหาศาล„๓๒ โดยเฉพาะ วงการวรรณกรรมน้ันถูกเผาท�ำลายหลายต่อหลายคร้ัง สร้างความเสียหายมากมาย เหลือคณานับ จนไม่สามารถหลงเหลือให้อนุชนรุ่นหลังให้ศึกษาสืบค้นถึงปัจจุบัน ๒๘ พระมหานามเถระและคณะบัณฑิต. คัมภีร์มหาวงศ์ ภาค ๑. หน้า ๒๓๒ ๒๙ ดูหนังสือหน้า ๖๑ ๓๐ พระมหานามเถระและคณะบัณฑิต. คัมภีร์มหาวงศ์ ภาค ๑. หน้า ๒๔๓ ๓๑ เรื่องเดียวกัน, หน้า ๒๘๙-๒๙๐ ๓๒ ดูหนังสือหน้า ๑๐๑-๑๐๖

ต�ำนานศรีลังการะบุว่าส�ำนักมหาวิหารเกิดขึ้นจากพระมหินทเถระรับพระราช อุทยานมหาเมฆวันจากกษัตริย์ลังกา แล้วก�ำหนดว่า ”สถานที่แห่งน้ีจักเป็นที่ต้ังมหา วิหารแห่งแรกบนเกาะลังกา„๓๓ นับแต่นั้นมาส�ำนักแห่งนี้ก่อเกิดพัฒนาการกลายเป็น ศูนย์กลางอันยิ่งใหญ่ด้านวัฒนธรรมและการศึกษาพระพุทธศาสนา๓๔ ถัดมาอีกสอง ศตวรรษส�ำนักอภัยคิรีวิหารจึงเกิดขึ้น โดยพระเจ้าวัฏฏคามณีอภัยโปรดให้สร้างถวาย พระมหาติสสเถระผู้สงเคราะห์พระองค์สมัยหนีราชภัย๓๕ ภายหลังต่อมาส�ำนักแห่งนี้ ยอมรับพระสงฆ์ธรรมรุจิแห่งไวตลุยนิกาย ซึ่งเดินทางมาจากปัลลรารามแห่งอินเดีย ตอนใต้ จึงกลายเป็นศูนย์กลางค�ำสอนของพระพุทธศาสนามหายาน๓๖ ความแตกต่าง ระหว่างส�ำนักท้ังสองเป็นผลมาจากการเห็นแย้งด้านหลักค�ำสอน โดยส�ำนักมหาวิหาร ยดึ มนั่ ขนบธรรมเนยี มอนั สบื ทอดมาจากพระมหนิ ทเถระ สว่ นสำ� นกั อภยั คริ วี หิ ารปฏบิ ตั ิ ตามแนวค�ำสอนของพระพุทธศาสนามหายาน ความขัดแย้งแนวค�ำสอนของส�ำนักท้ังสองเกิดข้ึนเร่ือยมา จนพระเจ้าโวหาริก ติสสะต้องยื่นมือเข้ามาแทรกแซงด้วยการไต่สวน และจบลงด้วยการลงโทษพระสงฆ์ ส�ำนักอภัยคิรีวิหารผู้เช่ือถือค�ำสอนมหายาน ด้วยการเนรเทศออกจากเกาะลังกา ส่วน คัมภีร์น้อยใหญ่โปรดให้เผาท�ำลายจนส้ินซาก ผู้เขียนได้แสดงความเห็นว่า ”น้ีเป็น ปฏิกิริยาอันเลวร้ายท่ีสุดอันเนื่องมาจากการขาดความผ่อนปรน จนไม่มีต�ำราของพวก ไวตุลยะแม้แต่เล่มเดียวหลงเหลือตกทอดมาถึงปัจจุบัน„๓๗ ต่อมาไม่นานส�ำนัก มหาวิหารก็พบกับชะตากรรมอันรุนแรงเช่นกัน กล่าวคือพระเจ้ามหาเสนะทรงหันไป ศรัทธาพระสงฆ์ส�ำนักอภัยคิรีวิหาร มีรับส่ังให้ ”พระสังฆมิตตเถระกับพวกภิกษุอลัชชี ช่วยกันท�ำลายโลหปราสาท ๗ ช้ัน และเรือนต่างๆ ร้ือถอนจากมหาวิหารน�ำไปยังอภัย คิรีวิหาร อภัยคิรีวิหารจึงมีปราสาทหลายหลัง เพราะถูกขนร้ือไปจากมหาวิหาร„๓๘ ๓๓ พระพทุ ธโฆสะ. อรรถกถาภาษาไทย พระวนิ ัยปิฎก สมนั ตปาสาทิกา ภาค ๑. หนา้ ๑๐๕ ๓๔ Walopa Rahula. History of Buddhism in Ceylon. pp. 52-53. ๓๕ พระมหานามเถระและคณะบัณฑิต. คัมภีร์มหาวงศ์ ภาค ๑. หน้า ๒๙๗-๓๐๒ ๓๖ Gunaratne Panabokke. History of the Buddhist Sangha in India and Sri Lanka. Colombo: Karunaratne & Sons, 1993, pp. 86-89. ๓๗ ดูหนังสือหน้า ๙๓ ๓๘ พระมหานามเถระและคณะบัณฑิต. คัมภีร์มหาวงศ์ ภาค ๑. หน้า ๓๔๔-๓๔๕

จะเห็นได้ว่าการขัดแย้งกันเองกลายเป็นผลเสียท้ังสองทาง วรรณกรรมที่เกิดข้ึนก่อน ยุคน้ีน่าจะถูกเผาท�ำลายเสียสิ้น แม้จะหลงเหลือมาถึงปัจจุบันก็คงเป็นเพียงชื่อเท่าน้ัน ดังปรากฏพบเห็นในคัมภีร์อรรถกถาน้อยใหญ่ ประเด็นท่ีผู้เขียนไม่กล่าวถึงคือผลงานด้านคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนา แม้ ส�ำนักท้ังสองจะบาดหมางกันจนน�ำไปสู่หายนะก็จริง แต่ด้านการศึกษาน้ันก็ถือว่าโดด เด่นไม่แพ้กัน สังเกตได้จากมีพระสงฆ์นักปราชญ์แต่งคัมภีร์ส�ำคัญหลายเล่ม ยกตัวอย่างเช่น พระอุปติสสเถระแห่งส�ำนักอภัยคิรีวิหารได้แต่งคัมภีร์วิมุตติมรรค กล่าวกันว่าพระเถระเป็นผู้เช่ียวชาญพระวินัยและมีช่ือปรากฏในคัมภีร์บริวารแห่ง พระวินัยปิฎก๓๙ แม้หลักฐานจะยืนยันว่าคัมภีร์เล่มนี้เป็นผลงานของพระสงฆ์สังกัด ส�ำนักอภัยคิรีวิหาร แต่การตีความหลักธรรมของคัมภีร์เล่มน้ีกลับด�ำเนินตามกรอบ ของหนิ ยานหรอื เถรวาทดง้ั เดมิ ๔๐ อกี เลม่ หนงึ่ คอื คมั ภรี ท์ ปี วงศ์ เนอ้ื หาวา่ ดว้ ยประวตั ศิ าสตร์ พระพุทธศาสนาในเกาะลงั กา เรม่ิ ต้งั แต่พระพทุ ธเจ้าเสด็จเกาะลงั กาสามครง้ั จนถงึ เร่ือง ราวของพระเจ้ามหาเสนะ๔๑ นอกจากน้ัน ยังปรากฏมีคัมภีร์อีกหลายเล่ม ได้แก่ ๑) คัมภีร์มหาอรรถกถา ๒) คัมภีร์มหาปัจจริยอรรถกถา ๓) คัมภีร์กุรุนทีอรรถกถา ๔) คัมภีร์อันธกอรรถกถา ๕) คัมภีร์สังเขปอรรถกถา ๖) คัมภีร์วินยอรรถกถา ๗) คัมภีร์สุตตันตอรรถกถา ๘) คัมภีร์อาคมอรรถกถา ๙) คัมภีร์ทีฆอรรถกถา ๑๐) คมั ภรี ม์ ชั ฌมิ อรรถกา ๑๑) คมั ภรี ส์ งั ยตุ ตอรรถกถา ๑๒) คมั ภรี อ์ งั คตุ ตรอรรถกถา และ ๑๓) คัมภีร์อภิธรรมอรรถกถา๔๒ คัมภีร์เหล่าน้ีล้วนเป็นหลักฐานยืนยันว่าแม้จะ มกี ารกระทบกระทง่ั กันระหวา่ งสองส�ำนกั ใหญส่ มยั อาณาจกั รอนรุ าธปรุ ะ แต่ด้วยระบบ ๓๙ M. Nagai. Journal of the Pali Text Society. London: The Oxford University Press, 1919, pp. 71-74. ๔๐ Bhikkhu Nyanamoli. The Path of Purification. Kandy: Buddhist Publication Society, 1991, p. xxviii. ๔๑ Somapala Jayawardhana. Handbook of Pali Literature. Colombo: Karunaratne & Sons. 1994, p. 53. ๔๒ Encyclopeadia of Buddhism, vol.viii. Department of Buddhist Affair, Ministry of Religious Affair, Sri Lanka, pp. 101-102.

การศึกษาอันมีประสิทธิภาพจึงหนุนส่งให้พระสงฆ์นักปราชญ์สามารถผลิตผลงานอัน ทรงคุณค่ามากมาย ด้านพระสงฆ์ทรงปราชญ์นั้น ผู้เขียนให้ความส�ำคัญเป็นกรณีพิเศษแก่พระ พทุ ธโฆษาจารย์ สงั เกตไดจ้ ากเนอื้ หาหนงั สอื เลม่ นแ้ี ตล่ ะบทนบั ตงั้ แตเ่ บอื้ งตน้ มา เสมอื น เป็นการปูทางให้ผู้อ่านเห็นความสามารถของพระเถระ หลักฐานดังกล่าวเห็นได้จากค�ำ สรรเสริญว่า ”พระเถระเป็นพระอรรถกถาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่หาผู้ใดเปรียบได้ยากนัก ด้วย เหตุว่าผลงานทางวิชาการมากหลายท่ีท่านเพียรสรรค์สร้างเอาไว้ ได้กลายเป็นคลังแห่ง ปัญญาสร้างประโยชน์มากมายมหาศาลแก่วงการพระพุทธศาสนา„๔๓ อธิการัมได้เรียบ เรียงผลงานวรรณกรรมของพระพุทธโฆษาจารย์ไว้ดังน้ี ๑) คัมภีร์สมันตปาสาทิกา อธิบายความตามพระวินัยปิฎก ๒) คัมภีร์กังขาวิตรณี อธิบายความตามพระปาติโมกข์ ๓) คัมภีร์สุมังคลวิลาสินี อธิบายความตามทีฆนิกาย ๔) คัมภีร์ปปัญจสูทนี อธิบาย ความตามมัชฌิมนิกาย ๕) คัมภีร์สารัตถัปปกาสินี อธิบายความตามสังยุตตนิกาย ๖) คัมภีร์มโนรถปูรณี อธิบายความตามอังคุตตรนิกาย ๗) คัมภีร์ปรมัตถโชติกา อธิบายความตามขุททกปาฐะ ๘) คัมภีร์ธัมมปทัฏฐกถา อธิบายความตามธรรมบท ๙) คัมภีร์ปรมัตถโชติกา อธิบายความตามสุตตนิบาต ๑๐) คัมภีร์ชาตกัฏฐกถา อธิบาย ความตามชาดก ๑๑) คัมภีร์อัตถสาลินี อธิบายความตามธัมมสังคณี ๑๒) คัมภีร์ สัมโมหวิโนทนี อธิบายความตามวิภังค์ ๑๓) คัมภีร์ปปัญจัปปกรณัตกถา อธิบายความ ตามกถาวัตถุ ปุคคลปัญญัติ ธาตุกถา ยมก และปัฏฐาน และ ๑๔) คัมภีร์วิสุทธิมรรค ซง่ึ เปน็ คมั ภรี ป์ ระเภทปกรณว์ เิ สส๔๔ หลกั ฐานดงั กลา่ วลว้ นยนื ยนั ไดว้ า่ พระพทุ ธโฆษาจารย์ มีผลงานมากมายมหาศาล สอดคล้องกับสมญานามว่าพระอรรถกถาจารย์ผู้ยิ่งใหญ่ ต�ำนานกล่าวว่าพระพุทธโฆษาจารย์เกิดในสกุลพราหมณ์แห่งอินเดียประเทศ ศรัทธาออกบวชเพราะประสงค์จะรู้จักหลักธรรมค�ำสอน เบื้องต้นได้แต่งต�ำราเกี่ยวกับ พระอภธิ รรมนามวา่ ญาโณทยั และอตั ถสาลนิ ี ตอ่ มาประสงคจ์ ะปรวิ รรตคมั ภรี อ์ รรถกถา จงึ เดนิ ทางมาศรลี งั กา พระสงฆส์ ำ� นกั มหาวหิ ารตอ้ งการจะทดสอบความรคู้ วามสามารถ ๔๓ ดูหนังสือหน้า ๑๔๑ ๔๔ E.W. Adikaram. Early History of Buddhism in Ceylon. pp. 1-2.

ของท่าน จึงประกาศว่า ”ดูก่อนอาคันตุกะ หากท่านประสงค์จะแปลคัมภีร์อรรถกถา ดังค�ำเจรจาแล้วไซร้ จงพิสูจน์ความสามารถของท่านบัดเด๋ียวน้ีเถิด หากชาวเราพอใจ จึงจะอนุญาตตามค�ำร้องของท่าน„ พระเถระได้ยกสองคาถาเป็นบทต้ังแล้วแต่งคัมภีร์ วิสุทธิมรรค ซึ่งเป็นการรวบรวมพระไตรปิฎกฉบับย่อ พระสงฆ์ศรีลังกาพอใจความ สามารถของท่านย่ิงนัก จึงพากันประกาศว่า ”พระพุทธโฆษาจารย์รูปน้ีเห็นทีจะเป็น พระศรอี ารยเมตไตรยเ์ ปน็ แน„่ นบั จากนนั้ มาพระพทุ ธโฆษาจารยไ์ ดพ้ กั อยภู่ ายในสำ� นกั มหาวิหาร โดยความอุปถัมภ์ของพระเจ้ามหานามะ ได้ปริวรรตคัมภีร์อรรถกถาจาก เดิมภาษาสิงหลให้เป็นภาษาบาลีจ�ำนวนมาก๔๕ ผู้เขียนได้แสดงความเห็นเก่ียวกับการปริวรรตคัมภีร์อรรถกถาเป็นภาษาบาลี ของพระพุทธโฆษาจารย์ไว้ว่า ”พระเถระปรารถนาที่จะรวบรวมหรือจัดระบบความรู้ท่ี บรรจุอยู่ในงานเขียนอันหลากหลาย และสะสมค�ำวิจารณ์การวิเคราะห์ของนักปราชญ์ รุ่นเก่า เพื่อเป็นประโยชน์แก่นักปราชญ์รุ่นหลัง พระเถระจึงไม่กลัวท่ีจะเขียนคัมภีร์ อรรถกถาขนึ้ มาใหม่ ดว้ ยการขยายเนอื้ ความสรา้ งรปู แบบอนั สมบรู ณก์ วา่ และหรหู รากวา่ ท�ำหน้าที่เรียงร้อยข้อมูลเก่าเหล่าน้ันทุกแห่งหนที่ค้นพบ เพื่อจุดประกายอธิบายเน้ือ ความตามคัมภีร์ให้แจ่มแจ้งตามความเห็นแห่งตน พระเถระอธิบายงานเขียนโดยไม่ ปรารถนาท�ำลายความเช่ือ เพื่อเข้าแทนที่นักปราชญ์ผู้เป็นบูรพาจารย์ แต่งตรงกันข้าม พระเถระศึกษาอย่างมุ่งมั่นต้ังใจกับส่ิงท่ีนักปราชญ์รุ่นก่อนบันทึกเอาไว้ และรวบรวม รกั ษาเอาไวด้ ว้ ยความเสยี สละทมุ่ เท โดยมจี ดุ มงุ่ หมายอนั มนั่ คงแนว่ แนใ่ นใจวา่ ตอ้ งการ แสดงความเคารพต่อส่ิงท่ีมีหลักฐานอันถูกต้องแท้จริง„๔๖ ความเปน็ ปราชญข์ องพระพทุ ธโฆษาจารยล์ ว้ นไดร้ บั การยอมรบั จากนกั วชิ าการ น้อยใหญ่ ยกตัวอย่างเช่น พิมลจรันลอว์ ได้สรรเสริญพระเถระไว้ว่า ”พระเถระมิใช่ เปน็ นกั รวบรวมพจนานกุ รมเทา่ นนั้ ความทรงปราชญข์ องทา่ นกวา้ งขวางและลมุ่ ลกึ ยงิ่ นกั กอปรด้วยลักษณะแห่งสารานุกรม ผลงานของพระเถระเปิดเผยให้เห็นความรู้เกี่ยวกับ ๔๕ พระมหานามเถระและคณะบัณฑิต. คัมภีร์มหาวงศ์ ภาค ๑. หน้า ๓๖๗-๓๗๒ ๔๖ ดูหนังสือหน้า ๑๖๑

โหราศาสตร์ ไวยากรณ์ ภูมิศาสตร์ของกลุ่มคนและเผ่าพันธุ์ชาวอินเดีย กษัตริย์และ ขุนนางชาวพุทธในอินเดีย อีกท้ังพิสดารด้วยพันธุ์พืชและสัตว์หลากชนิดของอินเดีย รวมถึงธรรมเนียมและวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของศรีลังกาด้วย๔๗ ประเดน็ หนง่ึ ซง่ึ ผเู้ ขยี นเหน็ แยง้ ตำ� นานคอื คมั ภรี ส์ มยั เกา่ ทพี่ ระพทุ ธโฆษาจารย์ ใช้เป็นข้อมูลเพ่ือปริวรรคตคัมภีร์อรรถกถา มิใช่มีเพียงวรรณกรรมของพระสงฆ์สำ� นัก มหาวิหารเท่านั้น แต่ยังมีงานนิพนธ์ของพระสงฆ์ส�ำนักอภัยคิรีผู้ฝักใฝ่ค�ำสอนมหายาน ด้วย คัมภีร์เหล่านั้น ได้แก่ ๑) คัมภีร์มูละหรือมหาอรรถกถา (บางทีเรียกว่าอรรถกถา ของส�ำนักมหาวิหาร) ๒) คัมภีร์อรรถกถาของส�ำนักอุตตรวิหาร (อภัยคิรีวิหาร) ๓) คัมภีร์มหาปัจจรีหรือแพใหญ่ (เหตุท่ีเรียกเช่นนั้นเพราะแต่งบนแพ) ๔) คัมภีร์อันธ อรรถกถา (เขียนที่กัญจิปุระทางอินเดียตอนใต้) ๕) คัมภีร์กุรุณฑีอรรถกา (เขียนท่ีกุ รุณฑเวลุวิหารในศรีลังกา) และ ๖) คัมภีร์สังเขปอรรถกถาหรืออรรถกถาขนาดเล็ก ดว้ ยเหตนุ น้ั ผเู้ ขยี นจงึ ยำ�้ วา่ ”เพราะคมั ภรี เ์ หลา่ นเ้ี องจงึ ทำ� ใหพ้ ระพทุ ธโฆษาจารยม์ ขี อ้ มลู เพยี งพอในการเขยี นงานอนั ลำ�้ คา่ „๔๘ ประเดน็ นผี้ แู้ ปลเหน็ ดว้ ยกบั ผเู้ ขยี น เพราะธรรมดา ของผู้เขียนหนังสือมักยึดเอาข้อมูลเก่าเป็นหลักแล้วดัดแปลงตามวิธีการของตน แต่ เหตุเพราะพระพุทธโฆษาจารย์พ�ำนักอยู่กับส�ำนักมหาวิหารผู้เป็นปรปักษ์กับส�ำนัก อภยั คริ วี หิ าร การจะอา้ งวา่ นำ� หลกั ฐานมาจากคมั ภรี ข์ องฝา่ ยอภยั คริ วี หิ ารคงไมเ่ หมาะสม จึงกล่าวลักษณะเป็นนัย กล่าวคือแนวความคิดใดท่ีพระพุทธโฆษาจารย์เห็นว่าตรงกัน ข้ามกับแนวคิดของพระสงฆ์ส�ำนักมหาวิหาร พระเถระก็จะนิยามว่า ”อาจารย์บางพวก เห็นว่า„ และบางทีใช้ค�ำว่า ”อาจารย์บางกลุ่มเห็นว่า„ ซ่ึงหมายถึงคณาจารย์แห่งส�ำนัก อภัยคิรีวิหาร กษัตริย์มหาราชอีกพระองค์หนึ่งซ่ึงผู้เขียนสรรเสริญชมเชยอย่างสูงสุดคือ พระเจ้าปรากรมพาหุมหาราช ผู้เขียนพรรณนาพระเกียรติคุณไว้ว่า ”สมัยพระองค์นั้น การศึกษาสมบูรณ์มากพร้อมด้วยสรรพวิชา อันได้แก่ การพระศาสนา การแพทย์ ตรรกศาสตร์ ไวยากรณ์ ดนตรีและกวีนิพนธ์ การฝึกฝนคชสารและอัศดร เหล่าน้ีท้ัง ๔๗ Bimala Churn Law. A History of Pali Literature Book Two. Varanasi: Indica, 2000, p. 393 ๔๘ ดูหนังสือหน้า ๑๕๙-๑๖๐

ปวงล้วนเกิดผลเป็นรูปธรรมขณะพระองค์ยังทรงพระชนม์ชีพอยู่ ด้วยความสามารถ เช่ียวชาญหลากหลายด้าน และการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพล้�ำหน้า พร้อม ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ซึ่งปรากฏมีภายในพระองค์ อีกท้ังทรงใส่ใจเร่ืองน้อยใหญ่ อย่างไม่มีท่ีสิ้นสุด ไม่ช้านานพระองค์ก็กลายเป็นกษัตริย์หนึ่งเดียวเหนืออาณาจักร ลังกา„๔๙ หากตรวจดูเน้ือหาเก่ียวกับพระเจ้าปรากรมพาหุมหาราชแล้ว จะเห็นว่าผู้เขียน เน้นพระราชกรณียกิจด้านศาสนาเป็นหลัก โดยเฉพาะการรวมนิกายสงฆ์เป็นหน่ึงเดียว และการส่งเสริมวงการวรรณกรรม จนถือได้ว่าสมัยนี้เป็นยุคทองของวรรณคดี การรวมนิกายสงฆ์เป็นหน่ึงเดียวคราวน้ัน หลักฐานระบุว่าพระเจ้าปรากรม พาหุมหาราช ”ทรงมีพระปัญญา ทรงได้รับความล�ำบากเป็นทวีคูณ ทรงสมาทานพระ สงฆ์ทั้ง ๓ นิกายให้สามัคคีกัน ทรงท�ำพระศาสนาของพระชินสีห์ให้เป็นดุจน้�ำกับน้�ำนม เพื่อให้บริสุทธิ์ตราบจนสิ้น ๕,๐๐๐ ปี„๕๐ ส�ำหรับพระเถระผู้ช่วยเหลือในการช�ำระ อธิกรณ์สงฆ์และปฏิรูปพระศาสนาคือ พระมหากัสสปเถระแห่งส�ำนักอุทุมทรคิรี พระญาณปาลเถระแห่งเมืองอนุราธปุระ พระโมคคัลลานเถระผู้เช่ียวชาญไวยากรณ์ พระนาคินทปัลลิยเถระ และพระนันทเถระแห่งเสลันตรายตนะผู้อยู่อาศัยในแคว้น โรหณะ๕๑ การรวมนิกายสงฆ์เป็นหน่ึงเดียวครั้งน้ัน ถือว่าเป็นเหตุการณ์อันยิ่งใหญ่แห่ง ประวัติศาสตร์พุทธศาสนาในประเทศศรีลังกา เพราะท�ำให้สิ้นสุดความแตกแยกและ ความบาดหมางทางนิกาย ซึ่งรัดรึงผูกติดภายในคณะสงฆ์เป็นเวลามากกว่าพันปี๕๒ หลกั ฐานจากมหาปรากรมพาหกุ ตกิ าวตั รชใี้ หเ้ หน็ ถงึ กระบวนการปฏริ ปู พระพทุ ธ ศาสนาส�ำเร็จเป็นรูปธรรมด้วยสาเหตุหลัก ๓ ประการ กล่าวคือ ๑) หลังจากรวบรวม นิกายแล้ว พระภิกษุรูปใดไม่เห็นด้วยก็โปรดให้เนรเทศหรือลาสิกขาเสีย ส่วนรูปใด ปรารถนาด�ำรงเพศเป็นบรรพชิตให้ประกอบพิธีอุปสมบทใหม่ จากน้ันโปรดให้ศึกษา วัตรปฏิบัติตามธรรมเนียมของส�ำนักมหาวิหาร ด้วยการมอบหมายให้อุปัชฌาย์และ ๔๙ ดูหนังสือหน้า ๒๙๙-๓๐๐ ๕๐ พระมหานามเถระและคณะบัณฑิต. คัมภีร์มหาวงศ์ ภาค ๒. หน้า ๑๒๓ ๕๑ เรื่องเดียวกัน, หน้า ๒๑๗-๒๑๘ ๕๒ R.A.L.H. Gunawardana. Robe and Plough. Arizona: The University of Arizona Press. 1979, p. 314.

อาจารย์ท�ำหน้าท่ีควบคุมดูแลสหธรรมิกและอันเตวาสิกอย่างเข้มงวด ๒) โปรดให้ จัดการเรียนการสอนอย่างเป็นระบบ โดยแบ่งออกเป็น ๓ ชั้น แต่ละชั้นมีหลักสูตร ส�ำหรับเรียนและสอนต้ังแต่ง่ายไปหายากตามวุฒิภาวะของผู้เรียน แม้หลักสูตรจะเน้น คันถธุระเป็นหลักก็จริง แต่ก็เสริมด้วยวิปัสสนาธุระ และ ๓) โปรดให้จัดระบบการ ปกครองคณะสงฆ์ตามล�ำดับชั้น นับต้ังแต่ชั้นสูงสุดเรียกว่าพระมหาสามีหรือพระ สงั ฆราช จนถงึ ชน้ั ลา่ งสดุ คอื เจา้ อาวาส โดยกษตั รยิ ใ์ หอ้ ำ� นาจสทิ ธขิ าดคณะสงฆป์ กครอง กันเอง๕๓ ด้วยวิธีการเช่นน้ีจึงท�ำให้พระสงฆ์ประพฤติดีงามตามสมณวิสัย อีกท้ังมาก มีพระสงฆ์นักปราชญ์แต่งต�ำราเป็นจ�ำนวนมาก๕๔ ส่วนกษัตริย์มหาราชองค์สุดท้ายของศรีลังกา ผู้เขียนยกให้พระเจ้าปรากรม พาหุที่ ๖ แห่งอาณาจักรโกฏเฏ ผู้เขียนพรรณนาพระเกียรติคุณของกษัตริย์องค์นี้ไว้ ว่า ”รัชสมัยของพระองค์มั่นคงยาวนานเกือบคร่ึงศตวรรษ กลายเป็นยุครุ่งเรืองสูงสุด ในประวัติศาสตร์ลังกา ก่อนการเข้ามาของโปรตุเกสคนเถื่อน ทรงเป็นกษัตริย์พระองค์ สุดท้ายที่ครอบครองลังกาได้ทั้งเกาะ รัชสมัยของพระองค์ต่างได้รับการเล่าขานจาก ชาวลังกาตราบเท่าถึงปัจจุบัน ถือว่าเป็นยุครุ่งเรืองก่อนเข้าสู่ยุคมืด เป็นยุคที่ชาวสิงหล ต้องต่อสู้ด้ินรนเพื่อรักษาเอกราชของบ้านเมือง ก่อนตกอยู่ในคมดาบของผู้รุกราน และคุกเข่ากราบกรานต่อคนนอก”๕๕ บทบาทของพระเจ้าปรากรมพาหุแห่งอาณาจักรโกฏเฏสามารถสรุปได้ ๓ ด้าน ดังน้ี ๑) ด้านเหตุการณ์บ้านเมือง ก่อนพระองค์ข้ึนครองราชย์ห้าทศวรรษ กษัตริย์ ทมิฬราชวงศ์อารยจักรวรัติแห่งอาณาจักรจัฟฟ์นาทางตอนเหนือของเกาะทรงอิทธิพล ๕๓ ลังกากุมาร. ศรีลังกากติกาวัตร: ว่าด้วยระเบียบข้อบังคับ เพ่ือความดีงามของหมู่คณะ. นครปฐม: สาละพิมพการ, ๒๕๖๒, หน้า ๗๙-๘๗ ๕๔ Gatare Dhammapala. A Comparative Study of Sinhala Literature. Colombo: Godage International Publishers. 2008, pp. 37-51. ๕๕ ดูหนังสือหน้า ๔๑๓

สูงสุด เพราะสามารถส่งขุนนางเข้ามาข่มขู่และเก็บภาษีจากอาณาจักรของชาวสิงหลได้ คร้ันพระเจ้าปรากรมพาหุทรงขึ้นครองราชย์แล้ว พระองค์โปรดให้ยาตรากองทัพอันยิ่ง ใหญ่เกรียงไกรเข้าโจมตีอาณาจักรจัฟฟ์นาจนประสบความส�ำเร็จ๕๖ นับแต่น้ันมาเป็น เวลาเกือบคร่ึงศตวรรษเกาะลังกาไร้ภาวะแห่งสงคราม จึงถือว่าพระองค์เป็นกษัตริย์ สิงหลพระองค์สุดท้ายที่สามารถครอบครองเกาะลังกาเป็นหน่ึงเดียวดังบูรพกษัตริย์ มหาราช๕๗ ประเด็นน่าสนใจคือวรรณกรรมหลายเล่มซึ่งแต่งสมัยอาณาจักรโกฏเฏต่าง เลา่ ขานและสรรเสรญิ พระเจา้ ปรากรมพาหุ ในฐานะผเู้ ปน็ กษตั รยิ ม์ หาราชทรงพระปรชี า สามารถรวบรวมเกาะลังกาให้เห็นหนึ่งเดียว๕๘ แต่คัมภีร์มหาวงศ์กลับกล่าวถึงพระองค์ เพียงเล็กน้อย สันนิษฐานว่าผู้แต่งคัมภีร์มหาวงศ์น่าจะมีข้อมูลน้อยหรืออาจจะต้องการ สรรเสริญพระราชกรณียกิจของพระเจ้ากีรติศรีราชสิงหะแห่งอาณาจักรแคนดี ๒) ด้านการณ์ศาสนา หลักฐานจากพระบรมราชูทิศแห่งมหาสมันเทวาลัยช้ีให้ เหน็ วา่ พระเจา้ ปรากรมพาหทุ รงใหค้ วามสำ� คญั แกพ่ ระศาสนาเชน่ ไร ดงั ความวา่ ”พระองค์ ทรงมีพระราชศรัทธาพระศาสนาอย่างแรงกล้า ทรงทุ่มเททุกส่ิงอย่างเพื่อป้องกันความ เสื่อมโทรมของพระศาสนา ซึ่งเสียหายจากการถูกทอดท้ิงยามเกิดสงครามสมัยบูรพ กษัตริย์ พระองค์ทรงประทับน่ังท่ามกลางคณะสงฆ์ พร้อมกับเจ้าเมืองน้อยใหญ่และ เสนาอ�ำมาตย์ ทรงสอบถามวิธีการฟื้นฟูและด�ำรงรักษาอารามวิหารและเทวาลัย„๕๙ ส�ำหรับศาสนูปถัมภ์ที่โดดเด่นคือการศึกษาคณะสงฆ์ นอกจากจะทรงบูรณปฏิสังขรณ์ ปริเวณะหรือศูนย์กลางการศึกษาสงฆ์แล้ว ยังโปรดถวายความอุปถัมภ์ปัจจัยสี่แก่พระ ๕๖ Rajavaliya. Translated by Suraweera, A.C. Colombo: Jijitha Yapa Publication. 2014, p. 64. ๕๗ A.H. Mirando. Buddhism in Sri Lanka. Dehiwala: Tisara Prakaskayo Ltd. 2010, p. 1. ๕๘ พระมหาพจน์ สุวโจ, ดร. ประวัติศาสตร์ศรีลังกาสมัยอาณาจักรโกฏเฏ: ว่าด้วยอาณาจักร ศาสนจักร คติความเชื่อ และความสัมพันธ์กับดินแดนอุษาคเนย์. นครปฐม: สาละพิมพการ, ๒๕๕๙, หน้า ๓๗-๓๘ ๕๙ Ceylon Antiquary and Literary Register 2, part 1, p.42.

ภกิ ษสุ ามเณรผศู้ กึ ษาภายในปริ เิ วณะดว้ ย๖๐ ผลจากการบรหิ ารการศกึ ษาคณะสงฆอ์ ยา่ ง มปี ระสทิ ธภิ าพ ทำ� ใหเ้ กดิ พระสงฆน์ กั ปราชญช์ ว่ ยกนั ผลติ วรรณกรรมเปน็ จำ� นวนมาก๖๑ ๓) ด้านศาสนสัมพันธ์กับชาววิเทศ หลักฐานจากคัมภีร์ชินกาลมาลีปกรณ์ระบุ ว่าสมัยพระองค์มีพระสงฆ์ชาวไทยมอญและเขมรหลายรูป โดยการน�ำของพระมหา ธรรมคัมภีร์เถระและพระมหาเมธังกรเถระ ได้เดินทางไปบวชแปลงที่เกาะลังกาพร้อม ศึกษาจารีตปฏิบัติภายใต้การดูแลของพระวนรัตนมหาสามี ซ่ึงสมัยนั้นด�ำรงต�ำแหน่ง พระสังฆราช๖๒ หลักฐานฝ่ายศรีลังการะบุว่าพระวนรัตนสังฆราชเถระรูปนี้เป็นสมภาร เจ้าอาวาสแห่งปัทมาวตีปริเวณะ ซ่ึงสมัยน้ันปริเวณะแห่งนี้ถือว่าโดดเด่นเป็นที่รู้จักแพร่ หลายในฐานะเป็นตัวแทนคณะสงฆ์อรัญวาสี สังเกตได้จากหลักสูตรทุกชั้นปีล้วนเน้น ความเคร่งครัดเพ่ือให้พระสงฆ์งดงามด้วยศีลาจารวัตร โดยมีจุดเด่นด้านการปฏิบัติ วิปัสสนากรรมฐาน๖๓ ประเด็นน่าสนใจคือสมัยนี้วิชัยพาหุปริเวณะของพระโตฏคามุเว ศรีราหุลเถระผู้เป็นสมภารเจ้าอาวาส นิยมประกอบพิธีกรรมสวดสรรเสริญเทพเจ้านาม ว่านาถะ หนึ่งในคาถาส�ำหรับสวดสรรเสริญเทพนาถะคือคาถาชินบัญชร สันนิษฐานว่า พระสงฆ์ไทยซึ่งเดินทางไปบวชแปลงท่ีเกาะลังกาสมัยนั้นน่าจะน�ำคาถาชินบัญชรมา เผยแผ่ยังประเทศไทยด้วย๖๔ ประเด็นสุดท้ายคือผู้เขียนแสดงทัศนคติเชิงลบต่อการบุกรุกยึดครองเกาะ ลังกาของเจ้าอาณานิคมตะวันตก ได้แก่ โปรตุเกส ฮอลันดา และอังกฤษ ซึ่งเป็น ระยะเวลาเกือบห้าศตวรรษ ๖๐ A. Adikari. The Classic Education and the Community of Mahasangha in Sri Lanka. Colombo: Godage International Publishers. 2006, pp. 241-243. ๖๑ พระมหาพจน์ สุวโจ, ดร. ประวัติศาสตร์ศรีลังกาสมัยอาณาจักรโกฏเฏ: ว่าด้วยอาณาจักร ศาสนจักร คติความเช่ือ และความสัมพันธ์กับดินแดนอุษาคเนย์. หน้า ๑๓๖ ๖๒ ชินกาลมาลีปกรณ์ แปลโดย ศ.ร.ต.ท. แสง มนวิทูร แปล. กรมศิลปากร, ๒๕๑๕. หน้า ๑๒๑ ๖๓ ลังกากุมาร. ศรีลังกากติกาวัตร: ว่าด้วยระเบียบข้อบังคับ เพื่อความดีงามของหมู่คณะ. หน้า ๒๐๒-๒๐๓ ๖๔ ลังกากุมาร. เล่าเรือ่ งเมอื ง(ศร)ี ลงั กา: รวมบทความวิชาการในวาระครบรอบหน่งึ ทศวรรษ. หน้า ๑๒-๒๓

เร่ิมจากโปรตุเกสผู้เขียนประณามว่าเป็นผู้โหดร้ายป่าเถื่อน ดังความว่า ”ทหาร โปรตุเกสรื้อเผาท�ำลายอาคารบ้านเรือน ส�ำหรับลูกเด็กเล็กแดงถูกเสียบไว้บน ปลายหอก แล้วบังคับบิดามารดาให้จ้องดูภาพอันน่าสังเวชด้วยน�้ำตานองหน้า บางครั้ง จับเด็กยัดใส่เครื่องโม่แป้งก่อนบดขยี้ทรมานให้ตาย ส่วนผู้ชายถูกจับโยนลงสะพาน เพ่ือเป็นเคร่ืองบันเทิงของเหล่าทหาร บางครั้งโยนให้เป็นเหย่ือจระเข้ เหล่าขุนนางผู้ บรหิ ารบา้ นเมอื งสญู เสยี อำ� นาจหมดสน้ิ ประชาชนถกู กดขหี่ ม่ เหงดว้ ยการเพม่ิ ภาษอี ยา่ ง หนัก และควบคุมด้วยกฎหมายอันโหดร้ายทารุณ ขุนนางท่านใดกล้าแสดงตัวว่าจงรัก ภักดีต่อบ้านเมือง ล้วนถูกถอดยศริบทรัพย์สมบัติจนหมดส้ิน หากต้องการมีชีวิตอยู่ ต้องเลือกที่จะอยู่ข้างโปรตุเกส„๖๕ ถัดมาผู้เขียนช้ีให้เห็นถึงความเจ้าเล่ห์ของฮอลันดา ในฐานะเป็นพ่อค้ามากกว่า เป็นนักการเมืองว่า ”นโยบายของฮอลันดานั้นแตกต่างจากโปรตุเกสอย่างสิ้นเชิง เพราะเห็นว่าเกาะลังกาเป็นศูนย์กลางพักเก็บสินค้าของอินเดียตะวันออก จึงไม่บีบ บงั คบั ขม่ เหงสรา้ งอทิ ธพิ ลเหนอื ชาวสงิ หล อกี ทง้ั ไมก่ ระหายตอ่ ชยั ชนะหรอื เผยแผค่ รสิ ต์ ศาสนาดว้ ยวธิ โี หดรา้ ยปา่ เถอื่ นเหมอื นโปรตเุ กส ตอ้ งการเพยี งควบคมุ เขตการคา้ เทา่ นนั้ เพราะการขยายอิทธิพลด้านการค้าเป็นจุดประสงค์หลักของฮอลันดา„๖๖ และสุดท้ายผู้เขียนช้ีให้เห็นภัยแห่งเพทุบายของอังกฤษว่า ”สมัยอังกฤษ นนั้ ชาวครสิ ตพ์ ยายามบบี บงั คบั มใิ หช้ าวพทุ ธสรา้ งสถานศกึ ษา เพยี งแตท่ ำ� หนา้ ทอี่ ารกั ขา คุ้มครองเท่าน้ัน พฤติกรรมแปลกประหลาดเช่นนี้เป็นท่ีรู้จักแพร่หลายท่ัวไป พวกมิช ชันนารีในฐานะผู้ควบคุมการศึกษามิได้ช่วยเหลืออ�ำนวยความสะดวกส่ิงใดเลย แต่ตรงกันข้ามกลับพยายามแสวงหาศรัทธาจากชาวลังกามากขึ้น ด้วยการสอดแทรก อิทธิพลเหนือความคิดและนิสัยใจคอคนลังกา ความเจริญที่น�ำเข้ามาหมายถึงการ ดัดแปลงชีวิตตามแนวทางของยุโรป รูปแบบชีวิตเป็นความต้องการจอมปลอม จึงไม่ แปลกใจเลยว่าภายใต้อิทธิพลของอังกฤษ ศิลปะทุกส่ิงอย่างล้วนขาดการพัฒนา ต่อเนื่อง ความส�ำเร็จทางจิตใจถูกตัดขาดส้ินเชิงโดยเฉพาะด้านวรรณคดี„๖๗ ๖๕ ดูหนังสือหน้า ๔๓๗-๔๓๘ ๖๖ ดูหนังสือหน้า ๔๕๓ ๖๗ ดูหนังสือหน้า ๔๙๒-๔๙๓

ชาตติ ะวันตกเหล่านน้ั มิใช่เพียงตอ้ งการควบคมุ เกาะลังกาเทา่ นนั้ แต่เปา้ หมาย ส�ำคัญคือการเปลี่ยนชาวศรีลังกาให้เข้ารีตเป็นคริสต์นับถือพระเยซูเจ้าจนหมดสิ้น โดยใช้เล่ห์เพทุบายทุกส่ิงอย่าง โดยเฉพาะการจัดวางการศึกษาอันทันสมัย จนเป็นเหตุ จูงใจให้ชาวพุทธหันไปนับถือคริสต์ศาสนาเป็นจ�ำนวนมาก ด้วยเหตุน้ันผู้เขียนจึงสรุป ว่า ”โปรตุเกสด�ำเนินนโยบายบีบบังคับชาวลังกาอย่างบ้าคล่ัง จุดประสงค์แท้จริงมิใช่ การค้า แต่ต้องการเปลี่ยนชาวเมืองให้หันมาเข้ารีตเป็นคริสต์โดยใช้อ�ำนาจบีบบังคับ อ�ำนาจดังกล่าวหมายถึงเพทุบายทางการศึกษาจนต่อมากลายเป็นรูปธรรมน�ำส�ำเร็จผล สว่ นฮอลนั ดานน้ั ไซรถ้ งึ แมจ้ ะใชว้ ธิ ปี กครอง ตอ้ งการเปลยี่ นคนเขา้ รตี นอ้ ยกวา่ โปรตเุ กส ก็จริง แต่ก็เป็นท่ีรู้กันว่าไม่สนใจสร้างความผาสุกแก่ชาวลังกาเลย เพราะคิดว่าหากการ ศึกษาแพร่หลายกว้างขวางออกไป น้ันหมายความว่าฮอลันดาสามารถลดบทบาทการ เอ้ือเฟื้อสงเคราะห์กันและกันของชาวลังกา เป้าหมายหลักด้านการศึกษาของฮอลันดา คือ เส้ียมสอนลูกหลานชาวสิงหลที่จงรักภักดีต่อพระเจ้าแผ่นดินของตน ให้หันไป สวามภิ กั ดคิ์ วามยงิ่ ใหญข่ องเจา้ อาณานคิ ม„๖๘ สว่ นองั กฤษเองกม็ นี โยบายดา้ นการศกึ ษา ไม่แพ้กัน เพราะ ”ชักชวนลูกหลานชาวลังกาให้หันมาเอาอย่างจารีตของชาวคริสต์ ด้วย เหตุว่าจิตใจชาวลังกาเร่ิมตื่นเต้นชื่นชอบส่ิงแปลกใหม่ ความเช่ือเดิมกลายเป็นความ สับสน ความสับสนก่อให้เกิดความเข้าใจผิด เม่ือความเข้าใจผิดต่อศาสนาเดิมเกิดขึ้น ค�ำถามลักษณะต่อต้านก็ปรากฏมีข้ึน ตามมาด้วยการปฏิเสธแบบเงียบเฉย เม่ือเชื่อว่า ศาสนาเดิมเป็นความเช่ือผิด จึงต้องการความจริงอย่างอ่ืนเข้ามาแทนที่ ด้วยเพทุบาย ดังกล่าวผู้คนจ�ำนวนมาก จึงหันไปเข้ารีตเป็นคริสต์ยอมรับค�ำสอนของพระเยซูเจ้า„๖๙ หลักฐานดังกล่าวสอดคล้องกับความเห็นของพระวัลโปละ ราหุลเถระ ซ่ึง ย้�ำให้ทราบว่าชาติตะวันตกเหล่านั้นเข้ามาเกาะลังกาด้วยการวางแผน ๓ ขั้น กล่าวคือ ไมตรี การค้า และศาสนา โดยเป้าหมายหลักคือการเปลี่ยนชาวลังกาให้หันมานับถือ คริสต์ศาสนาจนหมดส้ิน ผู้ท�ำหน้าท่ีคือบาทหลวงหรือมิชชันนารีโดยจัดกระบวนการ ศึกษาสมัยใหม่ ด้วยเหตุน้ันระบบการเรียนการสอนหรือการจัดวางหลักสูตรจึงประสบ ๖๘ ดูหนังสือหน้า ๔๘๑ ๖๙ ดูหนังสือหน้า ๔๐๕

ความส�ำเร็จ โดยอาศัยการสนับสนุนจากเจ้าอาณานิคมตะวันตก สังเกตได้จากสมัยน้ี โรงเรียนของมิชชันนารีกระจายกันอยู่ท่ัวเกาะลังกา ขณะที่ปิริเวณะหรือส�ำนักศึกษา ของพระสงฆ์กระจุกตัวอยู่เฉพาะวัดขนาดเล็กเท่าน้ัน ภาพแห่งความส�ำเร็จด้านการ ศึกษาของมิชชันนารีเห็นได้จากข้อความว่า ”พวกมิชชันนารีสั่งสอนให้ลูกหลานชาว สิงหลดูหม่ินวัฒนธรรมของบรรพบุรุษว่าต�่ำช้าไม่ทันสมัย ไม่มีคุณค่าสูงส่งเหมือน วัฒนธรรมคริสต์ท่ีสูงล้�ำด้วยความดีงาม ส�ำหรับชาวพุทธสิงหลท่ีเข้ารีตเป็นคริสต์แล้ว นั้น ถึงแม้จะมีลักษณะนิสัยแบบพุทธ แต่ได้เปล่ียนชื่อและการแต่งตัว ต่างหันไปเลียน แบบเอาอย่างตะวันตกส้ิน พวกเขาดูถูกภาษาสิงหลว่าไร้ค่า และดูหมิ่นวรรณคดีสิงหล วา่ ไมม่ คี วามหมาย พวกเขาภาคภมู ใิ จเมอื งโรมหรอื เมอื งแคนเทอเบอรมี ากกวา่ มหานคร อนุราธปุระและโปโฬนนารุวะ เหนือสิ่งอ่ืนใดพวกเขาคิดกันว่าเมืองอังกฤษเป็นดินแดน ให้ก�ำเนิดแทนมาตุภูมิแผ่นดินลังกา„๗๐ หากวิเคราะห์รายละเอียดทั้งหมดของดุษฎีนิพนธ์เล่มน้ีจะเห็นว่า ผู้เขียนยึด เน้ือหาตามเค้าโครงของคัมภีร์ทีปวงศ์ คัมภีร์สมันตปาสาทิกา และคัมภีร์มหาวงศ์เป็น หลัก และเพ่ิมเนื้อหาประเด็นท่ีเห็นว่าขาดความสมบูรณ์ด้วยคัมภีร์ช้ันหลัง ดังเช่น คัมภีร์ปูชาวลิยะ คัมภีร์ราชาวลิยะ คัมภีร์นิกายสังครหยะ ฯลฯ นอกจากน้ัน เพ่ือให้ หนังสือทรงคุณค่าทางวิชาการ ผู้เขียนได้อ้างอิงข้อมูลจากหนังสือของนักวิชาการนาม อุโฆษหลายท่านทั้งชาวศรีลังกาและชาววิเทศ จุดเด่นของหนังสือเล่มน้ีคือผู้เขียนกล้า ท่ีจะแสดงความเห็นต่างจากต�ำนานซ่ึงเป็นจารีตนิยมตามแบบฉบับของศรีลังกา การ แสดงความเห็นต่างท�ำให้เกิดการตีความในวงกว้าง และขยายผลต่อนักวิชาการรุ่นหลัง สบื ดว้ ยเหตนุ นั้ ดษุ ฎนี พิ นธเ์ ลม่ นจี้ งึ ถอื วา่ เปน็ ปฐมบทดา้ นประวตั ศิ าสตรแ์ ละวรรณคดี พระพุทธศาสนาของศรีลังกา เป็นแรงบันดาลใจให้นักวิชาการรุ่นหลังพากันผลิตผล งานในลักษณะเช่นนี้อีกเป็นจ�ำนวนมาก ๗๐ ลังกากุมาร. กรณีพระสงฆ์ศรีลังกาเล่นการเมือง. พิมพ์คร้ังท่ี ๒. นครปฐม: ส�ำนักพิมพ์สาละ. ๒๕๕๓, หน้า ๗๖-๑๓๓

เหตุท่ีผู้แปลเลือกหนังสือเล่มนี้เพราะเห็นว่ามีเน้ือหาครอบคลุมประวัติศาสตร์ ศรีลังกาทั้งหมดนับต้ังแต่อดีตเริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งมีรายละเอียดครบถ้วนด้าน บริบททางประวัติศาสตร์ พระพุทธศาสนา และวรรณคดี นอกจากนั้น ส�ำนวนภาษา ยังกอปรด้วยรสค�ำและรสความพร้อมสละสลวยด้วยลักษณะแห่งวรรณคดี ผู้แปล พยายามถอดแปลเน้ือความให้ครบทุกประโยคเพื่อสร้างอรรถรสให้แก่ผู้อ่าน นอกจาก ได้ความรู้ด้านประวัติศาสตร์ศรีลังกาแล้วยังได้สุนทรียะด้านส�ำนวนภาษาด้วย หวังเป็นอย่างย่ิงว่าหนังสือถอดแปลเล่มนี้จักเป็นประโยชน์ในวงกว้าง และต่อเติม ความรู้ด้านลังกาเทศะของผู้สนใจมากขึ้น พระมหาพจน์ สุวโจ, ผศ.ดร. ๑๖ มกราคม ๒๕๖๓ วิทยาลัยสงฆ์บุรีรัมย์ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย

สารบญั ๓ ๓ ค�ำน�ำ ๕ บทที่ ๑ กล่าวน�ำ ๑๑ เกริ่นน�ำ ๑๔ สาเหตุแห่งการสูญหายของคัมภีร์ ๑๗ การศึกษาวรรณคดียุคใหม่ ๒๗ อังกฤษสะสมงานวรรณคดี ๒๗ นักเขียนรุ่นใหม่ ๒๙ บทท่ี ๒ ประดิษฐานพระศาสนา ๓๘ พระพุทธเจ้าเสด็จลังกา ๔๒ ก�ำเนิดราชวงศ์สิงหล ๕๑ เกี่ยวกับพระเจ้าอโศกมหาราช ๕๑ พระพุทธศาสนาเข้าสู่เกาะลังกา ๕๕ บทท่ี ๓ เร่ิมต้นบันทึกวรรณกรรม ๕๘ ก�ำเนิดภิกษุณีสงฆ์ ๖๖ พระพุทธศาสนาต้ังม่ัน ๗๐ ก�ำเนิดวีรบุรุษกู้ชาติ ๗๒ อุปถัมภกยอยกพระศาสนา ๗๔ ความวุ่นวายภายหลังพระเจ้าทุฏฐคามณี ๘๗ ก�ำเนิดอภัยคิรีวิหาร ๘๗ บันทึกพุทธพจน์ลงในใบลาน ๙๐ บทท่ี ๔ พัฒนาการด้านวัฒนธรรม เรื่องราวภายในพระราชส�ำนัก ท�ำลายพวกไวตุลยะ

กษัตริย์นักบุญสิริสังฆโพธิ ๙๘ ผู้ท�ำลายส�ำนักมหาวิหาร ๑๐๑ ก�ำเนิดส�ำนักเชตวันวิหาร ๑๐๖ บทท่ี ๕ ก่อก�ำเนิดวงการวรรณคดี ๑๑๕ พระทันตธาตุเข้าสู่ลังกา ๑๑๕ ลังการาม ณ อินเดียประเทศ ๑๑๙ กษัตริย์นักการแพทย์ ๑๒๑ ก�ำเนิดพิธีสวดปริตร ๑๓๐ บทที่ ๖ พระพุทธโฆษาจารย์ ๑๔๑ ชมพูทวีปถิ่นก�ำเนิด ๑๔๑ ก่อเกิดคัมภีร์วิสุทธิมรรค ๑๔๔ วิสุทธิมรรคและวิมุตติมรรค ๑๔๗ พัฒนาการของคัมภีร์อรรถกถา ๑๕๓ ผลงานด้านคัมภีร์อรรถกถา ๑๖๒ ชมเชยเกียรติคุณ ๑๖๗ บทที่ ๗ ผู้สืบทอดพระพุทธโฆษาจารย์ ๑๗๗ กิตติศัพท์พระพุทธโฆษาจารย์ ๑๗๗ ว่าด้วยพระพุทธทัตตเถระ ๑๘๑ คัมภีร์ชินาลังการะ ๑๘๕ เก่ียวกับพระธรรมปาลเถระ ๑๙๓ คัมภีร์อรรถกถาชาดก ๑๙๙ ใครเป็นผู้เขียนคัมภีร์อรรถกถาชาดก ๒๐๙ บทท่ี ๘ บันทึกเหตุการณ์เป็นภาษาบาลี ๒๒๓ ว่าด้วยคัมภีร์ทีปวงศ์ ๒๒๓ ลักษณะพิเศษของคัมภีร์ทีปวงศ์ ๒๒๘ เกี่ยวกับคัมภีร์มหาวงศ์ ๒๓๗ ต�ำราฎีกาแต่งแก้คัมภีร์มหาวงศ์ ๒๔๒

บทท่ี ๙ รุ่งอรุณแห่งยุคทอง ๒๕๓ ทมิฬคนนอกเหนือสิงหลเจ้าถ่ิน ๒๕๓ ความอ่อนแอของราชวงศ์ ๒๖๐ ว่าด้วยคัมภีร์มหาโพธิวังสะ ๒๖๙ เกี่ยวกับพระอุปติสสเถระ ๒๗๓ มหานครอนุราธปุระล่มสลาย ๒๘๑ ว่าด้วยพระอนุรุทธเถระ ๒๘๖ บทท่ี ๑๐ ยุคทองของวรรณคดี ๒๙๙ ก�ำเนิดมหาราชผู้ยิ่งใหญ่ ๒๙๙ ฟื้นฟูวงการวรรณกรรม ๓๐๓ พระมหากัจจายนเถระคือใคร ๓๐๖ ต�ำราไวยากรณ์สองส�ำนัก ๓๑๖ คัมภีร์อภิธานัปปทีปิกา ๓๑๘ นามอุโฆษคือพระสารีบุตรเถระ ๓๒๑ เหตุแห่งการแต่งต�ำราฎีกา ๓๒๔ บทท่ี ๑๑ สมาคมของพระสารีบุตรเถระ ๓๓๕ ผลงานของพระสังฆรักขิตเถระ ๓๓๕ ว่าด้วยพระวาจิสสรเถระ ๓๔๒ จากโปโฬนนารุวะถึงดัมพเดณิยะ ๓๔๖ ว่าด้วยส�ำนักอรัญวาสี ๓๕๕ ฟื้นฟูการณ์พระศาสนา ๓๕๘ วรรณกรรมรุ่งเรือง ๓๖๐ บทที่ ๑๒ สมัยพระเจ้าบัณฑิตปรากรมพาหุ ๓๗๓ ศิษย์พระวนรัตนอานันทเถระ ๓๗๓ ผลงานพระเวเทหเถระ ๓๗๖ เกี่ยวกับคัมภีร์เกสธาตุวังสะ ๓๗๙ วรรณกรรมสมัยพระเจ้าภูวเนกพาหุ ๓๘๖ สมัยอาณาจักรกุรุแณคะละ ๓๘๙

บทที่ ๑๓ รุ่งเรืองก่อนเข้าสู่ยุคมืด ๔๐๓ ยุคอาณาจักรคัมโปละ ๔๐๓ ผลงานของพระธรรมกิตติเถระ ๔๐๗ สมัยอาณาจักรโกฏเฏ ๔๑๒ จอมปราชญ์ศรีราหุลเถระ ๔๑๙ นักปราชญ์รุ่นหลัง ๔๒๒ กษัตริย์รามัญฟื้นฟูพระศาสนา ๔๒๖ บทที่ ๑๔ ยุคเสื่อม ๔๓๕ ชะตากรรมอาณาจักรโกฏเฏ ๔๓๕ โปรตุเกสคนเถื่อน ๔๓๗ กอบกู้อิสรภาพ ๔๔๑ อาณาจักรสุดท้ายของลังกา ๔๔๘ โปรตุเกสพ่ายแพ้ ๔๕๐ ฟื้นฟูพระศาสนาอีกครา ๔๕๓ ฟื้นฟูพระพุทธศาสนาคร้ังใหญ่ ๔๖๐ พระสรณังกรสังฆราช ๔๖๓ ผลงานด้านวรรณกรรม ๔๖๖ บทที่ ๑๕ ยุคใหม่ภายใต้อังกฤษ ๔๗๗ ลังกาสูญส้ินอิสรภาพ ๔๗๗ นโยบายของอังกฤษ ๔๘๓ เพทุบายด้านการศึกษา ๔๙๒ เมื่อพันเอกออลคอตต์มาเยือนลังกา ๕๐๑ ก�ำเนิดวิทโยทยปริเวณะ ๕๐๓ ฟื้นฟูวรรณคดี ๕๐๕ นักปราชญ์รุ่นใหม่ ๕๑๐ ข้าหลวงอังกฤษส่งเสริมวรรณคดี ๕๑๔ ประวัติผู้แปล



ศรีลังกา 1 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 1 1/18/20 1:16 PM

ภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดศรีสุโพธาราม เขตเดหิวาละ เมืองหลวงโคลัมโบ 1/18/20 1:16 PM 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 2

บทท่ี ๑ กล่าวน�ำ เกร่ินน�ำ วรรณคดภี าษาบาลขี องลงั กาประเทศมขี อบเขตกวา้ งขวางนา่ ศกึ ษาหลากหลาย ด้าน มีคุณค่าส�ำหรับผู้สนใจประวัติศาสตร์ ขนบธรรมเนียมประเพณี ภาษาศาสตร์ และศาสนาเปรียบเทียบ สามารถแบ่งออกเป็น ๓ หัวข้อหลัก คือ ๑) พระไตรปิฎก อันมีต้นก�ำเนิดมาจากภาษาบาลี ๒) อรรถกถาหรือคัมภีร์อธิบายเน้ือความตาม พระไตรปิฎก แต่งข้ึนประมาณหลังพุทธศตวรรษท่ี ๑๐ เชื่อกันว่าผ่านการบันทึก มาหลายคร้ังหลายครา และ ๓) ต�ำราด้านประวัติศาสตร์ ต�ำราไวยากรณ์ และ ต�ำราวิชาทางโลกหลากหลายสาขา ต�ำราเหล่าน้ีนักปราชญ์ช่วยกันสร้างสรรค์หลายยุค หลายสมัยสืบเน่ืองเรื่อยมา ต้ังแต่พุทธศตวรรษท่ี ๑๐ จนถึงสมัยปรัตยุบัน คราวเม่ือพระพุทธศาสนาเผยแผ่เข้าสู่ลังกาทวีปนั้น ภาษาบาลีอาจจะหยุดใช้ เปน็ ภาษาพดู แลว้ แตม่ ไิ ดห้ มายความวา่ ลดความนา่ สนใจลง กลบั ปลกุ เรา้ ความกระหาย ใคร่รู้ ซ่ึงคุกรุ่นภายในจิตใจของบรรดาปราชญ์ชาวลังกา เพราะเชื่อว่าบาลีภาษามิใช่ ผลผลติ ของคนนอกรตี จงึ ไมล่ ำ� บากใจทจ่ี ะลอกเลยี นวฒั นธรรมทางศาสนาและปรชั ญา ซึ่งน�ำเข้ามาเพ่ือก่อก�ำเนิดและบรรลุถึงความส�ำเร็จบนผืนเกาะลังกาแห่งน้ี จนต่อมา ยอมรับกันว่าเป็นดินแดนแห่งมาตุภูมิ ปราชญ์เหล่านั้นก็คือลูกหลานท่ีสืบทอดเจตนา อารยธรรมของอินเดีย เรียกตัวเองว่าโอรสชาตา ต่อเมื่อชีวิตและจิตวิญญาณได้รับ การหล่อหลอมเป็นเวลายาวนาน จึงก่อเกิดเป็นวัฒนธรรมเจริญรุ่งเรืองสืบมา หลังจากพระพุทธศาสนาเข้ามาเผยแผ่บนเกาะลังกา ภายใต้ความอุปถัมภ์ของ พระเจ้าอโศกมหาราช ผู้เป็นจอมจักรพรรดิแห่งภารตประเทศ ชาวสิงหลต่างรู้ชัดว่า พระพุทธศาสนามีหลักค�ำสอนที่ดีงาม เหมาะสมกับความชาญฉลาดของชาวลังกา ภาษาบาลีหรือภาษาบรรจุพระพุทธพจน์จึงกลายเป็นภาษาศักด์ิสิทธ์ิ เสมือนหน่ึงเป็น เครื่องมือท�ำให้ชาวลังกาเข้าใจคุณค่าอันสูงล�้ำแห่งมรดกธรรมท่ีพระบรมศาสดาได้ 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 3 1/18/20 1:16 PM

4 กล่าวน�ำ มอบไวใ้ ห้ ปราชญร์ ุ่นแลว้ รุ่นเล่าจงึ เสียสละท่มุ เทแรงกายแรงใจศกึ ษาค้นควา้ บาลีภาษา เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจอยา่ งถอ่ งแทจ้ นชำ� นชิ ำ� นาญแตกฉาน แลฝากไวเ้ ปน็ อมตะตำ� นาน แก่ลูกหลานรุ่นหลังสืบมา ด้านเหตุการณ์บ้านเมืองน้ันประสบกับความวุ่นวายค่อนข้างน้อย พระเจ้า แผ่นดินจึงสามารถเก็บเกี่ยวผลทางการค้าน�ำมาค�้ำจุนประเทศได้อย่างเต็มที่ ส่วนการ ศึกษาค้นคว้าต�ำรามิได้เป็นเพียงแค่ประเพณีท�ำสืบต่อกันมา แต่เป็นความภาคภูมิใจ ของชาวลังกาท้ังมวล จนต่อมาคัมภีร์ศาสนาเหล่าน้ันกลายมาเป็นค�ำสอนประจ�ำชาติ สามารถสืบค้นและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างไม่มีที่ส้ินสุด บรรดาพระเจ้าแผ่นดินลังกาผู้ปรารถนาความผาสุกของอาณาประชาราษฎร์ ได้เคารพศรัทธาสนับสนุนและคุ้มครองนักปราชญ์ ผู้ท�ำหน้าท่ีศึกษาและสืบทอด วรรณคดี เม่ือการศึกษาวรรณคดีเจริญถึงขีดสุด ชาวสิงหลจึงประสบความส�ำเร็จใน การใช้ส�ำเนียงตามหลักบาลีภาษา มีวาจานุ่มนวลอ่อนหวานก้องกังวานไพเราะ อีกทั้ง สามารถประยุกต์ดัดแปลงใช้เป็นภาษาทางวัฒนธรรมและศาสตร์อื่นอีกหลากหลาย ต่อเติมจินตนาการและจุดประกายพลังความคิดไม่มีท่ีสิ้นสุด ด้วยเหตุน้ีแลภาษาบาลี จึงผูกพันกับวงการวรรณคดีศรีลังกา มีความหลากหลายมากมายมิติ ถึงแม้จะประสบ กับความรุ่งเรืองและทรุดโทรมตามเหตุการณ์บ้านเมืองบ้าง แต่ก็ยังมีการรักษาสืบต่อ เร่ือยมา ปราชญ์ทั้งหลายต่างช่วยกันผลิตต�ำราภาษาบาลีอย่างต่อเนื่อง ด้วยหวังว่าผล แห่งความพากเพียรทุ่มเทศึกษาค้นคว้า จะได้รับการเก็บรักษาและศึกษาสานต่อก่อ เกิดประโยชน์แก่อนุชนรุ่นหลังสืบไป หลักฐานระบุว่าวรรณคดีภาษาบาลีเล่มแรกของลังกาคือคัมภีร์ทีปวงศ์ เขียนข้ึนประมาณพุทธศตวรรษที่ ๙-๑๐๑ ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา นักปราชญ์มากหลาย ต่างช่วยกันสร้างสรรค์ผลงานด้านต�ำราออกมาอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นยุคทอง แห่งวงการวรรณกรรมภาษาบาลีและก่อเกิดพัฒนาการสืบเน่ืองเร่ือยมา แม้ ๑ ดูวิเคราะห์คัมภีร์ทีปวงศ์ในบทท่ี ๘ 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 4 1/18/20 1:16 PM

ศรีลังกา 5 พระมหากษัตริย์เหล่าเสนาอ�ำมาตย์และข้าราชบริพารล้วนหันมาสนใจนิพนธ์ต�ำรา ภาษาบาลี แลช่วยกันผลิตผลงานด้านวรรณคดีบาลีออกมาเป็นจ�ำนวนมาก กลา่ วกันวา่ คัมภรี ์บางเล่มสามารถเทยี บชั้นวรรณกรรมโลกไดอ้ ย่างภาคภมู ิใจ วรรณคดีเหล่าน้ันประกอบด้วยหลากหลายสรรพวิชา กล่าวคือ สังคมศาสตร์ นติ ศิ าสตร์ แพทยศาสตร์ กวนี พิ นธ์ ศาสนศาสตร์ ขนบธรรมเนยี มประเพณี ประวตั ศิ าสตร์ ปรัชญา ฉันทลักษณ์ และตรรกศาสตร์ จุดประสงค์หลักของต�ำราเหล่านั้นมุ่งเน้น ความต้องการพ้ืนฐานของมนุษย์ เพื่อสามารถน�ำไปใช้ในชีวิตประจ�ำวัน ส่วนภูมิปัญญา อันเป็นดัชนีช้ีวัดว่าชาวสิงหลมีความเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดน้ัน สามารถพบเห็นได้ตาม พุทธสถานอันดาษดื่นท่ัวเกาะลังกา ซึ่งเป็นงานเชิงศิลป์ได้รับการออกแบบและ สรรค์สร้างด้วยความวิจิตรประณีตบรรจง อีกทั้งอ่างเก็บน�้ำซ่ึงถือว่าเป็นศาสตร์ แห่งความคิดและการสร้างสรรค์ด้านชลประทาน ส่วนความรักและความเอ้ืออาทร เก้ือกูลกันทางสังคมปรากฏพบเห็นในกวีนิพนธ์ชั้นสูง แต่น่าเสียดายว่าบางส่วน ของงานอันล�้ำค่าเหล่านี้ ได้สูญหายไปตามกาลเวลาไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้ สาเหตุแห่งการสูญหายของคัมภีร์ ธรรมชาติของชาวสิงหลน้ันเป็นคนรักสงบ ไม่ใฝ่ใจเรื่องการรณรงค์สงคราม เท่าไรนัก ต้องการเพียงรักษาบ้านเกิดเมืองนอน ซ่ึงมีทะเลสีครามล้อมรอบเท่าน้ัน จึงเกิดความประมาทขาดการตระเตรียมป้องกันทรัพย์สมบัติและมรดกแห่ง ความพากเพียรของตน อีกทั้งเป็นกลุ่มชนท่ีมีความเป็นอยู่เรียบง่าย ส่วนใหญ่อุทิศ ถวายทรัพย์สมบัติให้กับพระพุทธศาสนา โดยประดับประดาตกแต่งศาสนสถานด้วย อัญมณีอันล้�ำค่าและสิ่งของมีค่าราคาแพง จึงเป็นที่ต้องตาต้องใจของประเทศ เพื่อนบ้านผู้มากด้วยโลภจริต หลายต่อหลายครั้งที่คนนอกเหล่าน้ันบุกรุกเข้ามาทาง ชายฝั่งทะเล โดยปราศจากการเตรียมการป้องกันอันเข้มแข็ง จากน้ันเข้าแย่งชิงทรัพย์ สมบัติและร้ือท�ำลายความม่ังคั่งของแผ่นดิน หลายต่อหลายคร้ังที่โจรปล้นแผ่นดิน เหล่าน้ี มีอ�ำนาจครอบครองเหนือราชบัลลังก์ลังกา และกดขี่ข่มเหงชาวสิงหลอย่างป่า เถื่อนโหดร้ายไร้เมตตาธรรม นอกจากท�ำลายประเพณีอันดีงามของชาวสิงหลแล้ว ยังสร้างความเสียหายให้แก่วรรณคดีด้วย 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 5 1/18/20 1:16 PM

6 กล่าวน�ำ ความจริงแล้วศัตรูของแผ่นดินมิใช่เป็นผู้ท�ำลายเสียทั้งหมด การแตกแยก ของคณะสงฆ์ลังกาเองก็สร้างความเสียหายย่อยยับต่อวรรณคดีไม่น้อย เพราะมี ผลมาจากการเผยแผ่ค�ำสอนนอกรีตนอกธรรม โดยเฉพาะพวกไวตุลยะนั้น มีส่วน ส�ำคัญอย่างมากต่อการท�ำลายหลายต่อหลายคร้ัง จวบจนกระท่ังสมัยพระเจ้าปรากรม พาหุมหาราช ผู้เป็นกษัตริย์แห่งอาณาจักรโปโฬนนารุวะ ค�ำสอนนอกรีตเหล่าน้ีจึง ถูกตัดรากถอนโคนอย่างส้ินซาก มีบางคร้ังที่เจ้าลัทธิไวตุลยะเหล่านี้สามารถแนะน�ำกษัตริย์ลังกาให้เชื่อถือ ยอมตาม ด้วยการยุยงให้เกลียดชังค�ำสอนเถรวาทด้ังเดิม จนกษัตริย์เส่ือมศรัทธา คณะสงฆ์ส�ำนักมหาวิหาร จากน้ันสั่งให้รื้อเผาท�ำลายส�ำนักมหาวิหารทั้งหมดและ รบิ ทรพั ยส์ นิ ของวดั เปน็ ของหลวง สว่ นคมั ภรี ส์ ำ� คญั อนั เปน็ ผลผลติ แหง่ ความพากเพยี ร ก็ส่ังให้เผาท�ำลายเสียส้ิน แม้วรรณคดีของพวกไวตุลยะเองก็ไม่หลงเหลือให้ ศึกษาสืบค้น สำ� หรบั กษตั รยิ เ์ หลา่ อน่ื ทต่ี ง้ั ใจมงุ่ มน่ั รกั ษาความบรสิ ทุ ธขิ์ องพทุ ธศาสนาเถรวาท เห็นว่าค�ำสอนนอกรีตท่ีคัดค้านค�ำสอนด้ังเดิมไม่ควรรักษาเก็บไว้ จึงช่วยกันประคับ ประคองปกป้องเฉพาะค�ำสอนของส�ำนักมหาวิหารสืบมา แต่สุดท้ายพระเจ้าราชสิงหะ ที่ ๑ แห่งอาณาจักรสีตาวะกะ ได้สร้างความเสียหายแก่พระพุทธศาสนาอย่างยับเยิน ประเมินค่ามิได้ ประวัติศาสตร์กล่าวไว้ว่ามีพระสงฆ์บางกลุ่มทรยศหักหลังด้วยการก่อกบฏ ต่อต้าน พระองค์จึงหันไปนับถือลัทธิฮินดูไศวนิกาย จากน้ันสั่งให้ขับไล่พระสงฆ์ ออกจากวัดแล้วเผาท�ำลายวัดวาอารามและห้องสมุดจนสิ้นซาก แต่การท�ำลายล้าง ครั้งนั้น คัมภีร์มิได้ถูกท�ำลายเสียทั้งหมด บางส่วนยังเหลือรอดปลอดภัย เพราะ เหล่าขุนนางท่ีศรัทธามั่นคงต่อพระพุทธศาสนาได้ช่วยกันซุกซ่อนเก็บรักษาเอาไว้ จะเห็นได้ว่าบรรดาพระสงฆ์ที่ไม่เกรงกลัวต่อภยันตราย ต่างมั่นคงแน่วแน่ต่อ การศึกษาค้นคว้า มีความเป็นอยู่สันโดษเรียบง่าย พระสงฆ์เหล่าน้ีเองท�ำหน้าที่รักษา มรดกแห่งภูมิปัญญาหลายยุคหลายสมัย สร้างชื่อเสียงให้แก่ลังกาจนเป็นท่ีรู้จักแพร่ หลายของนานาอารยประเทศ จากพม่ารามัญ สยามประเทศ จนถึงประเทศจีน 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 6 1/18/20 1:16 PM

ศรีลังกา 7 (บนซ้าย) หนังสือทีปวงศ์ภาษาสิงหล (บนขวา) หนังสือมหาวงศ์ภาษาสิงหล อาลุวิหาร สถานท่ีบันทึกพระไตรปิฎกลงในใบลานเป็นครั้งแรกของโลก 1/18/20 1:16 PM 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 7

8 กล่าวน�ำ แผนที่ศรีลังกาในสายตาของชาวตะวันตก (คัดลอกภาพจาก www.antiquemaps-fair.com) 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 8 1/18/20 1:16 PM

ศรีลังกา 9 รูปสลักพระเจ้าวัฏฏคามณีอภัย ภายในวัดถ�้ำดัมบุลลราชมหาวิหาร เขตมาตะเล 1/18/20 1:16 PM 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 9

10 กล่าวน�ำ รูปปั้นท่านข้าหลวงอังกฤษประจ�ำประเทศศรีลังกา William Henry Gregory ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ แห่งชาติโคลัมโบ จารึกของฮอลันดา ณ พิพิธภัณฑ์แห่งชาติโคลัมโบ 1/18/20 1:16 PM 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 10

ศรีลังกา 11 แดนไกล เป็นแรงดึงดูดให้พระนักศึกษามากหลายเดินทางมาแสวงหาขุมทรัพย์ทาง ปัญญา ซึ่งมีค่ามากกว่าหอยมุก พลอย ช้าง และนกยูง หลังจากค้นพบขุมทรัพย์แล้ว พระนักศึกษาเหล่าน้ันต่างพากันน�ำคัมภีร์ของลังกาเดินทางมุ่งหน้ากลับดินแดนบ้าน เกิดเมืองนอน ช่วยกันคัดลอกเก็บรักษาไว้เป็นอย่างดี ต่อเม่ือภายหลังลังกาสูญส้ิน คัมภีร์อันล้�ำค่าเหล่านั้นก็สามารถสืบเสาะค้นหาน�ำมาคัดลอกได้โดยง่าย เหตุเพราะ ปรากฏว่ามีอยู่มากมายหลายประเทศ๒ การศึกษาวรรณคดียุคใหม่ ย่างเข้าพุทธศตวรรษท่ี ๒๑ เมื่อโปรตุเกสมาเยือนเกาะลังกา สมัยนั้น นักปราชญ์ยุโรปหลายท่านเกิดการต่ืนตัวหันมาสนใจวรรณคดีภาษาสิงหล โดยเฉพาะ ต�ำราด้านประวัติศาสตร์ เดิมทีมีความเช่ือกันว่าบันทึกความเป็นมาของชาวสิงหล ปราศจากหลักฐานที่ทรงคุณค่าด้านประวัติศาสตร์ ส่วนคัมภีร์ทางศาสนาก็ไม่มีเน้ือหา สาระอะไรชวนสนใจ นอกจากความเพ้อเจ้อจินตนาการของคนคล่ังไคล้ศาสนาเท่าน้ัน ต�ำราเหล่าอื่นก็เต็มไปด้วยเรื่องลึกลับและโลกียวิสัยน่าเบ่ือหน่าย๓ ความเชื่อเช่นนี้มี การยึดถือสืบเนื่องเร่ือยมา จวบจนกระท่ังสมัยอังกฤษเข้าครอบครองลังกา ความจริง จงึ ไดถ้ กู เปดิ เผยวา่ ลงั กาประเทศนนั้ มงั่ คง่ั รำ�่ รวยดว้ ยงานเขยี นภาษาบาลเี ชงิ ประวตั ศิ าสตร์ และมกี ารศกึ ษาสบื ตอ่ เรอื่ ยมา คมั ภรี เ์ หลา่ นน้ั มไิ ดบ้ รรจเุ ฉพาะหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์ ของเกาะลงั กาเทา่ นน้ั แตย่ งั รวมถงึ หลกั ฐานอนั ทรงคณุ คา่ ดา้ นประวตั ศิ าสตรข์ องอนิ เดยี ที่ไม่เคยเปิดเผยมาก่อนด้วย ต่อมาข้าราชการชาวอังกฤษนามว่า เทอร์เนอร์ (Turnour) ซ่ึงรับผิดชอบดูแล การบริหารงานส่วนท้องถิ่นใกล้เชิงเขาศักด์ิสิทธ์ิของลังกานามว่าสมนั ตกฏู (ภาษาสิงหล เรียกว่าศรีปาทะ) ได้ศึกษาภาษาบาลีกับพระสงฆ์ลังกาจนเช่ียวชาญรอบรู้ จากน้ันได้ ๒ โอเด็นเบริก์กล่าวไว้ว่าส�ำเนาคัมภีร์ทีปวงศ์ทั้งหมดคัดลอกกมาจากต้นฉบับภาษาพม่า (Dip., Intro., p.11) และเทอร์เนอร์ (Journ. As. Soc. Bengal, vi, p. 790) กล่าวว่าตนรับ mss มาจากประเทศไทย ๓ see e.g. Valentyn, Oud en Nieuw Oost-Indien, 1725, iv, p. 60. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 11 1/18/20 1:16 PM

12 กล่าวน�ำ ค้นคว้าสอบสวนและรวบรวมต�ำราส�ำคัญหลายเล่ม เอกสารดังกล่าวถือว่าเป็นข้อมูล สำ� คญั และทรงคณุ คา่ เปน็ อยา่ งยงิ่ ตอ่ มาไดพ้ มิ พล์ งในวารสารของสมาคมเอเชยี เบงกอล (Journal of the Bengal Asiatic Society) มีช่ือว่าบันทึกประวัติศาสตร์พุทธศาสนา และภาษาบาลี ผเู้ ขยี นบรรยายไวว้ า่ ลงั กาประเทศมกี ารสง่ั สมหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตร์ สืบเน่ืองเร่ือยมากว่า ๒,๓๐๐ ปี มีข้อมูลจริงแท้เช่ือมโยงกับบันทึกประวัติศาสตร์ของ ต่างประเทศ ซึ่งสามารถเป็นหลักฐานอ้างอิงและตรวจสอบได้๔ ในช่วงเวลานั้น พรินเซพ (Prinsep) ก�ำลังแปลอักษรโบราณจากศิลาจารึก ของพุทธศาสนา เพื่อสืบค้นหาค�ำว่า ”ปิยทัสสี„ อันมีอยู่ดาษด่ืนตลอดฮินดูสถาน ผลการศึกษาค้นคว้าพิสูจน์ว่าข้อความดังกล่าวเก่ียวข้องกับพระเจ้าอโศกมหาราช ท�ำให้สมมติฐานมีเหตุผลน่าสนใจมากข้ึน อาจเป็นเพราะมีการค้นพบพงศาวดารลังกา ก่อนหน้าน้ันก็เป็นได้ คุณค่าของวรรณกรรมพุทธศาสนาในวงวิชาการตะวันออก น�ำไปสู่การค้นคว้าวิจัยมุ่งม่ันทุ่มเทอย่างไม่เคยมีมาก่อน ความตื่นเต้นกับความรู้ใหม่ ท�ำให้เกิดการพินิจพิเคราะห์อย่างละเอียดรอบคอบมากย่ิงขึ้น พ.ศ.๒๓๗๖ เซอร์ อเล็กซานเดอร์ จอห์นสตัน (Sir Alexander Johnston) ประธานศาลสูงสุดของลังกา ได้มอบหมายให้ อูพัม (Upham) ท�ำหน้าท่ีแปลคัมภีร์ มหาวงศ์และต�ำราประวัติศาสตร์ลังกาอีกสองเล่มเป็นภาษาอังกฤษ (คัมภีร์ราชรัตนา กระและคัมภีร์ราชาวลี) ต้ังชื่อว่าคัมภีร์ศักดิ์สิทธ์ิและประวัติศาสตร์ลังกา๕ โดย แยกพิมพ์เป็นสามฉบับ แบ่งเน้ือหาคัมภีร์มหาวงศ์เป็น ๑๘๘ บท แต่ปรากฏว่าการ แปลเต็มไปด้วยข้อผิดพลาดมากมาย ๔ V, p. 521; vi, pp. 299, 799, 1049. 1/18/20 1:16 PM ๕ London, Parbury, Allen & Co, (1833). 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 12

ศรีลังกา 13 พ.ศ.๒๓๘๐ เทอร์เนอร์ได้แปลคัมภีร์มหาวงศ์ใหม่ แต่พิมพ์เพียง ๓๘ บท เท่านั้น (รวมท้ังต้นฉบับภาษาบาลี) เหตุเพราะผู้แปลเสียชีวิตก่อนที่งานจะส�ำเร็จ๖ ส�ำหรับค�ำน�ำของหนังสือเล่มนั้น ได้ย่อเน้ือหาจากบทความท่ีเคยเขียนลงในวารสารของ สมาคมเอเชียเบงกอล พร้อมเสริมความเห็นเล็กน้อยเกี่ยวกับภาษาบาลีและต�ำรา ไวยากรณ์ เฉพาะบทดัชนีได้ให้รายละเอียดจ�ำนวนพระไตรปิฎก ซ่ึงเป็นผลมาจากการ ตรวจสอบค้นคว้า ผลงานแปลเล่มนี้สามารถดึงดูดความสนใจของบรรดานักปราชญ์ ทั่วโลก เพราะย้�ำให้เห็นว่าไม่มีประเทศใดในโลกท่ีเหมาะสมส�ำหรับศึกษาภาษาบาลี เกินกว่าลังกา นอกจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่บันทึกเป็นภาษาบาลีจะมีความ ส�ำคัญยิ่งแล้ว ยังมีคัมภีร์เกี่ยวกับหลักค�ำสอนและปรัชญาอีกมากหลายที่ท�ำการศึกษา สืบต่อและพิเคราะห์โดยพระสงฆ์ลังกา๗ เมื่อคราวพวกมิชชันนารีเข้ามายังเกาะลังกาเพื่อเผยแผ่คริสต์ศาสนาคราน้ัน ได้มุ่งความสนใจมาศึกษาภาษาบาลีและภาษาสิงหลอย่างจริงจัง เพราะต้องการเข้าใจ ถึงแก่นแท้แห่งหลักค�ำสอนของพระพุทธศาสนา เพื่อหาช่องว่างแทนท่ีด้วยค�ำสอน ของพระเยซูเจ้า เมื่อศึกษาจนม่ันใจว่าเข้าใจถ่องแท้ดีแล้ว พวกมิชชันนารีจึงแปลและ พิมพ์คัมภีร์ส�ำคัญหลายเล่มเป็นภาษาอังกฤษ พร้อมท้ังเขียนค�ำวิจารณ์ก�ำกับไว้ แต่ เพราะไม่มีนักปราชญ์ศึกษาวรรณคดีลังกาอย่างเป็นระบบมาเป็นเวลานาน จึงท�ำให้ ขาดแคลนข้อมูลหลักฐานสร้างความยุ่งยากเป็นเท่าทวีคูณ ผลงานของพวกมิชชันนารี เหล่าน้ันจึงเป็นเพียงเศษเสี้ยวหนึ่งของประวัติศาสตร์เท่าน้ัน ส�ำหรับผู้ที่พยายามรวบรวมรายชื่อวรรณคดีของลังกาเป็นคนแรกคือ บาทหลวง ฮาร์ดี (Hardy) ซึ่งเคยอาศัยอยู่ในลังกา ๒๐ ปี (พ.ศ.๒๓๖๘-๒๓๘๘) ได้รวบรวมต้นฉบับวรรณคดีที่สามารถค้นพบ ครั้นมีการประชุมสมาคมเอเชียของ อังกฤษ (The Royal Asiatic Society) ณ เมืองโคลัมโบ เมื่อ ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๓๙๓ คราวน้ันฮาร์ดีได้เสนอรายชื่อวรรณคดีดังกล่าวในชื่อว่า วรรณคดีภาษาบาลี ๖ Ceylon, Cotta Church Mission Press (1837). ๗ Introd., p. xxv. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 13 1/18/20 1:16 PM

14 กล่าวน�ำ และภาษาสิงหล เอกสารดังกล่าวได้ตีพิมพ์ในวารสารของสมาคมในปีเดียวกัน๘ แต่น่า เสยี ดายวา่ ขอ้ มลู ของฮารด์ ีกล่าวถึงรายชือ่ ต�ำราวรรณคดีค่อนขา้ งน้อย อกี ทั้งมีคำ� สะกด ผดิ เป็นจำ� นวนมาก นอกจากน้นั ยงั ไม่ระบชุ ่ือผู้แตง่ หรือวนั เวลาทเ่ี ขยี น เอกสารดงั กลา่ ว จึงไร้ความส�ำคัญ พ.ศ.๒๓๙๕ นักปราชญ์นามอุโฆษผู้เช่ียวชาญเกี่ยวกับลังกานามว่า ดี อัลวิส (D’Alwis) ได้แปลไวยากรณ์ภาษาสิงหลของพระเวเทหเถระเป็นภาษาอังกฤษตั้งช่ือว่า สิทัตสังครา เฉพาะบทน�ำมีเน้ือหามากกว่า ๑๐๐ แผ่น หนังสือดังกล่าวได้ท�ำการสืบค้น พัฒนาการของภาษาสิงหล และน�ำเสนอข้อมูลความต่อเนื่องของคัมภีร์ภาษาสิงหล ตั้งแต่ยุคเร่ิมต้นจนถึงสมัยผู้เขียน ข้อบกพร่องที่พบเห็นในหนังสือเล่มนี้คือเน้ือหาเน้น กล่าวถึงเพียงต�ำราภาษาสิงหล ระบุถึงข้อมูลต�ำราภาษาบาลีเพียงน้อยนิด นอกจากน้ัน ยังปราศจากการระบุรายนามผู้แต่งต�ำราภาษาบาลีด้วย อังกฤษสะสมงานวรรณคดี พ.ศ.๒๔๑๒ ข้าหลวงเซอร์ เฮอร์คิวเลส โรบินสัน (Sir Hercules Robinson) ได้ก่อต้ังหอสมุดแห่งตะวันออกประจ�ำประเทศลังกาขึ้น โครงสร้างของคณะท�ำงาน ประกอบด้วยแผนกรวบรวมต�ำราภาษาบาลี ภาษาสิงหล และภาษาสันสกฤต เพ่ือ ให้การท�ำงานประสบความส�ำเร็จตามวัตถุประสงค์ ท่านข้าหลวงได้เชิญดีอัลวิส ให้มา ท�ำหน้าที่จัดท�ำบัญชีรายช่ือวรรณคดีเหล่านั้น ส�ำหรับเก็บไว้ในหอสมุดและสืบค้นหา ต้นฉบับต�ำราส�ำคัญเล่มอ่ืนอีก ท้ังท่ีไม่เป็นท่ีรู้จักหรือยังหาไม่พบในที่แห่งใด นอกจากตามห้องสมุดของบรรดาวัดน้อยใหญ่ทั่วเกาะลังกา ดีอัลวิสรับค�ำเชิญด้วยความเต็มใจและทุ่มเทท�ำงานอย่างเต็มท่ี แต่น่าเสียดาย ว่าก่อนที่งานจะส�ำเร็จสมบูรณ์ ก็มาด่วนจากโลกน้ีไปเสียก่อน ดีอัลวิสได้รวบรวม รายช่ือหนังสือจ�ำนวน ๒๓ เล่ม (เป็นภาษาบาลี ๑๑ เล่ม) ตีพิมพ์เมื่อ พ.ศ.๒๔๑๓๙ ๘ JRAS. (Ceylon Branch), vol. i, No. 3, pp. 189 foll. 1/18/20 1:16 PM ๙ Government Printing Press, 1885. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 14

ศรีลังกา 15 แต่ดูเหมือนว่าไม่พอใจกับงานชิ้นนี้เท่าไรนัก เอกสารดังกล่าวได้ให้รายละเอียดหลาย อย่างเก่ียวกับต�ำราในลังกา อีกท้ังแสดงความคิดเห็นพร้อมกับคัดลอกจากต้นฉบับ เก็บรักษาไว้ ต่อมารัฐบาลแต่งตั้งมุดาลิยะร์นาม เดอ ซอยซา (de Zoysa) เป็นหัวหน้า กองแปลต�ำราแทนดีอัลวิสท่ีถึงแก่มรณกรรม หลังจากเข้ารับต�ำแหน่งแล้ว ท่าน มดุ าลยิ ะรไ์ ดเ้ ดนิ ทางไปเยยี่ มหอ้ งสมดุ ตามบรรดาวดั นอ้ ยใหญท่ ว่ั เกาะลงั กา เพอ่ื สบื คน้ หาวรรณคดีส�ำคัญที่วัดเหล่านั้นเก็บรักษาเอาไว้ พ.ศ.๒๔๑๙ ท่านมุดาลิยะร์เขียนรายงานถึงรัฐบาลมีใจความว่า ถึงแม้ตัวท่าน จะเป็นชาวคริสต์ แต่ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดียิ่งจากเจ้าอาวาสทุกวัด มีเพียงบาง แห่งเท่านั้นท่ีไม่ไว้วางใจ เพราะกลัวว่ารัฐบาลจะยึดเอาต�ำราของวัดไป รายงานฉบับ นั้นเป็นเอกสารควรค่าต่อนักศึกษาย่ิงนัก ภารกิจครั้งน้ันประสบความส�ำเร็จเป็น อย่างดี ท่านมุดาลิยะร์ได้เสียสละทุ่มเทท�ำงานอย่างเต็มความสามารถ เหตุการณ์ส�ำคัญอีกอย่างหนึ่งคือ การค้นพบต้นฉบับอภิธานศัพท์ของคัมภีร์ ธรรมบทภาษาสิงหล สอดคล้องกับหลักฐานในศิลาจารึกมิหินตะเลที่ระบุว่า คัมภีร์ ดังกล่าวเป็นโคลงภาษาสิงหลที่เก่าแก่ที่สุด แต่แล้วโชคชะตาก็พลิกผันอีกครา เม่ือท่านมุดาลิยะร์ได้ถึงแก่อสัญกรรมก่อนที่งานจะส�ำเร็จเสร็จส้ิน รัฐบาลเองก็มุ่งม่ัน ท่ีจะท�ำบัญชีรายชื่อวรรณคดีให้ส�ำเร็จสมบูรณ์ตามท่ีต้ังใจไว้แต่ต้น๑๐ ส�ำหรับกองท�ำงานได้แบ่งหน้าที่ออกเป็นหลายแผนก กล่าวคือ แผนก พระไตรปิฎกภาษาบาลี แบ่งออกเป็นคัมภีร์ชั้นอรรถกถาและคัมภีร์ฎีกา แผนกศาสนา ท่ัวไป แผนกประวัติศาสตร์ แผนกไวยากรณ์และปรัชญา ส�ำหรับแผนกคัมภีร์ พระไตรปิฎกน้ันมิได้ระบุรายละเอียดมากนัก ยกเว้นชื่อหนังสือ ขนาด สถานที่ เก็บรักษา ชื่อผู้เขียน วันท่ีแต่ง และหัวข้อเท่าน้ัน ๑๐ Colombo, Government Printing Press, 1876. 1/18/20 1:16 PM 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 15

16 กล่าวน�ำ ต่อมารัฐบาลแต่งตั้งผู้ช่วยบรรณารักษ์หอสมุดและพิพิธภัณฑ์โคลัมโบ นามว่าวิกรมสิงหะ (Wickremasinghe) ให้เป็นผู้รับผิดชอบการทำ� บัญชีรายชื่อคัมภีร์ สืบต่อ เพ่ือให้งานสานต่อจนส�ำเร็จเสร็จส้ิน วิกรมสิงหะได้เดินทางไปสืบค้นหาคัมภีร์ ส�ำคัญตามวัดวาอารามที่ตกส�ำรวจเมื่อคราวก่อน จากน้ันได้เขียนสรุปการบริหารงาน ของพิพิธภัณฑ์โคลัมโบ ประจ�ำปี พ.ศ.๒๔๓๓-๒๔๓๘ รายชื่อวรรณคดีลังกาได้รวม เป็นบัญชีของพิพิธภัณฑ์โคลัมโบและหอสมุดตะวันออกประจ�ำประเทศลังกา๑๑ กล่าวถึงพิพิธภัณฑ์อังกฤษ (British Museum) ได้ท�ำการซื้อและแลกเปล่ียน ต้นฉบับพระไตรปิฎกภาษาสิงหลมาเก็บรักษาไว้ จวบจน พ.ศ.๒๔๔๒ เลขานุการ พิพิธภัณฑ์อังกฤษได้เชิญวิกรมสิงหะ ให้มาท�ำหน้าท่ีรวบรวมรายชื่อต�ำราภาษาสิงหล ท่ีเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ ทั้งนี้เพื่อให้เป็นแผนกเดียวกันกับบัญชีคัมภีร์พระไตรปิฎก ภาษาอินเดีย (พิมพ์ พ.ศ.๒๔๔๓) ส�ำหรับค�ำน�ำของหนังสือรวบรวมรายช่ือวรรณคดี ดังกล่าวมีเพียง ๒๕ แผ่น เริ่มต้นอธิบายจ�ำนวนวรรณคดีลังกาที่เก่าที่สุดจนถึงวันที่ พิมพ์ ประเด็นน่าสนใจของเอกสารชิ้นนั้นคือ วิกรมสิงหะได้ไขข้อสงสัยเกี่ยวกับ รายช่ือนักปราชญ์ลังกาและคัมภีร์ที่เขียนเป็นภาษาบาลี ถือว่าเป็นผลงานท่ีทรงคุณค่า อย่างย่ิง โดยเฉพาะการระบุระยะเวลาอายุของนักปราชญ์ ซ่ึงหลักฐานเหล่าน้ันถูก ทอดท้ิงมาเน่ินนานตามกระแสธารแห่งคลื่นประวัติศาสตร์ นอกจากผลงานของวิกรมสิงหะแล้ว เนวิลล์ (Nevill) ถือว่าเป็นอีกคนหนึ่งท่ี โด่ดเด่นด้านการบุกเบิกสืบค้นวรรณคดีลังกา เหตุเพราะเคยเป็นข้าราชการพลเรือน อาศัยอยู่ลังกามาหลายปี จึงมีโอกาสเดินทางท่ัวเกาะสืบค้นหาต�ำราหายากและ พระไตรปิฎกท่ียังไม่เป็นที่รู้จัก เขาให้ความสนใจวรรณคดีของลังกาอย่างมาก ก่อน เสียชีวิตเขาก�ำลังเตรียมรวบรวมรายชื่อวรรณคดีที่เก็บสะสมไว้ ค�ำน�ำเอกสารช้ินน้ัน เปน็ ขอ้ มลู สำ� รวจทางประวตั ศิ าสตรท์ ท่ี รงคณุ คา่ ยงิ่ หลงั จากเสยี ชวี ติ แลว้ ทางพพิ ธิ ภณั ฑ์ องั กฤษไดร้ บั มอบหอ้ งสมดุ ของเขาแลว้ รวมเขา้ กบั แผนกตำ� ราตะวนั ออก ปจั จบุ นั เอกสาร ๑๑ Government Record Office, 1896. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 16 1/18/20 1:16 PM

ศรีลังกา 17 เหล่าน้ันเป็นส่วนหนึ่งของผลงานเนวิลล์แห่งแผนกตะวันออกของพิพิธภัณฑ์ ได้แต่ หวังว่าสักวันหน่ึงบรรดางานเหล่านี้จะได้รับการตีพิมพ์ เพราะถือว่าไม่มีที่ไหนอีกแล้ว ในโลก นักเขียนรุ่นใหม่ ต้ังแต่นั้นเป็นต้นมา วงการศึกษาประวัติศาสตร์วรรณคดีภาษาบาลีของลังกา ก็หยุดชะงักไป มีเพียงหนังสือพจนานุกรมภาษาบาลีของชิลเดอร์สเท่าน้ันที่ปรากฏต่อ บรรณโลก (พิมพ์ พ.ศ.๒๔๑๘) ส�ำหรับเน้ือหาในบทน�ำของหนังสือเล่มน้ี นอกจาก จะระบุจ�ำนวนคัมภีร์พระไตรปิฎกและคัมภีร์อรรถกถาของพระพุทธโฆษาจารย์แล้ว ผู้เขียนยังได้กล่าวถึงคัมภีร์เล่มอื่นโดยย่อ อาทิเช่น คัมภีร์สารสังคหะ และคัมภีร์ อภิธัมมัตถสังคหะ ส่วนหลักฐานอ้างอิงนั้น ชิลเดอร์สได้เขียนเป็นบทความและตีพิมพ์ ในวารสารของเกา่ ลายครามอนิ เดยี (The Indian Antiquary) ตงั้ ชอ่ื วา่ การเปลยี่ นแปลง ของวรรณคดีลังกา โดยผู้ท�ำหน้าที่เป็นบรรณาธิการคือบาทหลวงโธมัส ฟัลเกส (Thomas Foulkes)๑๒ นอกจากต�ำราภาษาบาลีเหล่าน้ันแล้ว ยังมีคัมภีร์อีกสองเล่มท่ีให้ความส�ำคัญ ด้านประวัติศาสตร์วรรณคดีเช่นเดียวกัน เล่มแรกช่ือว่าสัทธัมมสังคหะ แต่งโดย พระธรรมกิตติเถระ ประมาณปลายพุทธศตวรรษท่ี ๑๙ ต�ำราเล่มนี้ว่าด้วยประวัติ พระพุทธศาสนาในลังกา มีบทหนึ่งต่างหากกล่าวถึงจ�ำนวนหนังสือท่ีแต่งข้ึนตั้งแต่ ยุคแรกเร่ิมจนถึงปีสุดท้ายแห่งการครองราชย์ของพระเจ้าปรากรมพาหุมหาราช ผู้เป็น กษัตริย์มหาราชแห่งอาณาจักรโปโฬนนารุวะ จ�ำนวนคัมภีร์ท่ีอ้างถึงมีความบกพร่อง หลายส่วน เหตุเพราะผู้เขียนไม่ได้เรียงล�ำดับเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ แต่ก็ได้รับ การยกย่องว่าเป็นต�ำราส�ำคัญอีกเล่มหนึ่งในยุควรรณคดีรุ่งเรือง ๑๒ Ind, Antiq., xvii, pp. 100, 122. 1/18/20 1:16 PM 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 17

18 กล่าวน�ำ เล่มต่อมาแต่งข้ึนภายหลังโดยพระอาจริยวิมลสารเถระ ชื่อว่าสาสนวังสทีปะ (พิมพ์ พ.ศ.๒๔๒๓) เน้ือหาอธิบายเก่ียวกับประวัติศาสตร์พุทธศาสนาในลังกา เฉพาะบทที่ ๑๑ ได้ระบชุ ่อื นักปราชญ์ผ้แู ต่งตำ� ราสำ� คญั ตั้งแต่ยคุ พระพุทธโฆษาจารย์ จนถงึ รชั สมยั ของพระเจา้ บณั ฑติ ปรากรมพาหุ กษตั รยิ น์ กั ปราชญแ์ หง่ อาณาจกั รดมั พเดณยิ ะ พร้อมกับระบุรายชื่อต�ำราเหล่าน้ันด้วย แต่ที่ถือว่าพิเศษกว่าหนังสือเล่มอื่นคือ ต�ำรา เล่มนี้ได้รวบรวมรายชื่อนักเขียนและต�ำราส�ำคัญของพม่าหลายเล่ม ซึ่งประวัติศาสตร์ ระบุว่าได้มีการน�ำเข้ามาลังกาหลายยุคหลายสมัย ต่อมาพระวัสกาดุเว พระศรีสุภูติเถระได้แต่งหนังสือช่ือนามมาลา (พิมพ์ พ.ศ.๒๔๑๙) เฉพาะบทน�ำนั้นท่านได้ให้ข้อมูลทางประวัติศาสตร์เก่ียวกับต�ำราบาลี ไวยากรณ์ของลังกา จ�ำนวนหนังสือเหล่าน้ันคล้ายคลึงกับรายช่ือหนังสือที่ปรากฏใน ค�ำน�ำต�ำราปัญจิกาประทีปะของพระธรรมารามเถระ ซึ่งผู้เขียนระบุว่าเรียบเรียงมาจาก ต�ำราของพระศรีราหุลเถระอีกทีหน่ึง (พิมพ์ พ.ศ.๒๔๓๙)๑๓ ส่วนพระนักปราชญ์อีก รูปหนึ่งนามว่าพระเมธานันทเถระ ได้แต่งหนังสือชื่อว่าชินวังสทีปนี๑๔ โดยอาศัยข้อมูล พ้ืนฐานจาก คัมภีร์สาสนวังสทีปะ และคัมภีร์นิกายสังครหะ๑๕ ในบทน�ำนั้นผู้เขียนได้ รจนาเป็นร้อยแก้วภาษาบาลี กล่าวถึงพัฒนาการของคณะสงฆ์ลังกา และระบุจ�ำนวน ต�ำราของนักปราชญ์อีกหลายท่าน (พิมพ์ พ.ศ.๒๔๖๐) นอกจากนั้น ข้อมูลทางประวัติศาสตร์ของวรรณคดีลังกา ยังปรากฏพบเห็น ตามค�ำบรรยายประวัติส่วนตัวของบรรดานักปราชญ์ และผลงานท่ีมีการรวบรวม และตีพิมพ์โดยนักปราชญ์ทั้งตะวันออกและตะวันตก ที่เหลือนอกน้ันเป็นบทความ ตามวารสารและหนังสือรายปักษ์ท่ัวไป ๑๓ Colombo, 1879; Colombo, 1896. 1/18/20 1:16 PM ๑๔ q.v. ๑๕ Colombo, 1917. 2.���������������������������� (�������� �) p.01-546 new.indd 18