Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนสุขะ ม.3เทอม1-ผสาน

แผนสุขะ ม.3เทอม1-ผสาน

Published by suphanat.sbb, 2021-04-08 02:44:32

Description: แผนสุขะ ม.3เทอม1-ผสาน

Search

Read the Text Version

402 ตัวอย่างแบบบันทกึ สรุปการประเมนิ ผลการเรียนรู้ของนักเรียนหน่วยการเรียนรู้ที่ 1–5 รายชื่อนักเรียน สรุปผลการประเมนิ ด้านความรู้ ระดบั คุณภาพ ผลการเรียนรู้หน่วยที่ ด้านคุณธรรม 1. 2. ด้านทักษะ/ จริยธรรม ค่านยิ ม 3. กระบวนการ และคณุ ลกั ษณะอนั 4. 5. พงึ ประสงค์ 6. 7. 8. 9. 10. 11. 12. 13. 14. 15. 16. 17. 18. 19. 20. 21. 22. 23. 24. 25.

403 8 โครงงาน แผนทค่ี วามคดิ ผงั แสดงเหตุและผล การจดั ทาํ โครงงานสุขศึกษาและพลศึกษา โครงงานเป็ นการเรียนรู้อย่างหนึ่ง ที่ตอ้ งการใหน้ กั เรียนไดเ้ รียนรู้โดยการปฏิบตั ิกิจกรรมการศึกษาคน้ ควา้ และลงมือปฏิบตั ิดว้ ยตนเองตามความสนใจ ถา้ นกั เรียนไดเ้ รียนรู้ดว้ ยการทาํ โครงงานตลอดเวลา จะทาํ ใหน้ กั เรียน ไดพ้ ฒั นาการคิด โครงงานจะตอ้ งเกิดข้ึนจากนกั เรียน เช่น ขณะท่ีเรียนนกั เรียนมขี ้อสงสัย หรือมคี วามต้องการ หรือ มคี วามสนใจ ตอ้ งการคาํ ตอบ จะเป็นจุดเริ่มตน้ ของโครงงานของนกั เรียน วตั ถุประสงคข์ องการทาํ โครงงานเพือ่ ใหน้ กั เรียนไดป้ ระยุกต์ใช้ทักษะในกลุ่มวชิ าต่าง ๆ มที ักษะในการ แสวงหาความรู้ มที กั ษะทางสังคม ทักษะการนําเสนอ เห็นคุณค่าในวชิ าทีเ่ รียน เน้นถึงพลงั ความอยากรู้อยากเห็น ของนักเรียน และส่งเสริมการตดั สินใจ การจะคดิ จะทําของนักเรียน โครงงานแบ่งเป็น 4 ประเภท ไดแ้ ก่ โครงงานการสํารวจ โครงงานการทดลอง โครงงาน การสร้างทฤษฎ/ี การอธิบาย และโครงงานการประดิษฐ์/สร้างชิ้นงาน ข้ันตอนการทําโครงงาน มีดงั น้ี ข้นั ตอนท่ี 1 การวางแผน – สร้างแผนที่ความคิดและใชเ้ ทคนิค 5WH ใหค้ รอบคลุมสาระของโครงงาน ใครทําอะไร ทําไมต้องทํา ทาํ ท่ีไหน ทาํ เมอื่ ไร ทําอะไร และทาํ อย่างไร – ทําอย่างไร ถา้ นาํ ประเภทของโครงงานเป็นเกณฑก์ ารพิจารณา จะใช้ กระบวนการต่อไปน้ีไดก้ บั โครงงานในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ 1. ถา้ เป็นโครงงานการทดลอง การสร้างทฤษฎ/ี การอธิบาย จะใชว้ ิธีการ ทางวิทยาศาสตร์ (การพฒั นาสมองดา้ นซา้ ย) กล่าวคือโครงงาน การทดลองหรือการสร้างทฤษฎ/ี การอธิบาย มีข้นั ตอนการทาํ ดงั น้ี 1) ปัญหา/ขอ้ สงสยั 2) การต้งั สมมุติฐาน/การคาดคะเนคาํ ตอบ 3) การทดลอง 4) การรวบรวมขอ้ มลู และวเิ คราะห์ 5) การสรุปผล 2. ถา้ เป็นโครงงานการสํารวจ จะใช้ข้นั ตอนเหมอื นข้อ 1 เพียงแต่ไม่ต้อง ต้งั สมมุตฐิ าน/การคาดคะเนคาํ ตอบ 1) ปัญหา/ขอ้ สงสยั 2) การสาํ รวจ

404 3) การรวบรวมขอ้ มูล/วิเคราะห์ 4) การสรุปผล 3. ถา้ เป็นโครงงานการประดษิ ฐ์/สร้างชิ้นงาน จะใชก้ ระบวนการเทคโนโลยี (การพฒั นาสมองดา้ นขวา) มีข้นั ตอนการทาํ ดงั น้ี 1) ปัญหาความตอ้ งการ 2) แสวงหาวิธีแกป้ ัญหา 3) เลือกวิธีการแกป้ ัญหา 4) ออกแบบและปฏิบตั ิ 5) ประเมิน 6) ปรับปรุง/พฒั นา เน่ืองจากนกั เรียนท่ีเรียนตามหลกั สูตรการศึกษาข้นั พ้นื ฐาน จะตอ้ งเรียนกลุ่มสาระการเรียนรู้หลาย ๆ กลุ่ม ไปพร้อมกนั ดงั น้นั นกั เรียนสามารถจะนาํ วธิ ีการหรือกระบวนการของกลุ่มสาระการเรียนรู้หลาย ๆ กลุ่ม มา ประยกุ ตใ์ ชใ้ นการทาํ โครงงานของนกั เรียน ในกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษาได้ ในการเสนอหวั ขอ้ การทาํ โครงงานของนกั เรียน ถา้ ครูไดร้ ู้ความต้องการของนักเรียนจะช่วยให้รู้ว่าโครงงาน ของนักเรียนเป็ นโครงงานประเภทใด ครูสามารถจะแนะนาํ นกั เรียนไดว้ า่ การทาํ โครงงานของนกั เรียน จะมีข้นั ตอน อยา่ งไร และข้นั ตอนดงั กล่าวน้ี จะช่วยใหน้ กั เรียนทาํ โครงงานไดท้ ุก ๆ กลุ่มสาระการเรียนรู้และทุกระดบั ช้นั ข้ันตอนที่ 2 การปฏิบัติ เป็นการทาํ โครงงานตามข้นั ตอนท่ีวางแผนไว้ ข้นั ตอนท่ี 3 การเขียนรายงาน สาํ หรับนกั เรียนในช่วงช้นั ท่ี 1 (ป. 1–ป. 3) ช่วงช้นั ท่ี 2 (ป. 4–ป. 6) การเขียนรายงานอาจจะไม่ตอ้ งละเอียดมากนกั รายงานควร ประกอบดว้ ยหวั ขอ้ ต่อไปน้ี 1. ช่ือโครงงาน 2. ชื่อผทู้ าํ โครงงาน 3. ชื่อที่ปรึกษาโครงงาน 4. ที่มา 5. จุดมุ่งหมายการศึกษา 6. วธิ ีดาํ เนินการ นาํ ข้นั ตอนของโครงงานที่ทาํ มาเขียน เช่น ถา้ เป็นโครงงานการประดิษฐ/์ สร้าง ชิ้นงาน จะใชข้ ้นั ตอนกระบวนการของกลุ่มสาระการงานอาชีพและเทคโนโลยมี าใชใ้ นการดาํ เนินการ หรือถา้ เป็นโครงงานการทดลองจะใชข้ ้นั ตอนวธิ ีการหรือกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ประกอบการ ดาํ เนินการ 7. ผลการศึกษาคน้ ควา้ สาํ หรับการสรุปและขอ้ เสนอแนะ และเอกสารอา้ งอิง ถา้ เห็นวา่ ยงั ไมจ่ าํ เป็ น กอ็ าจจะไม่มีกไ็ ดเ้ พราะ จุดมุ่งหมายของการทําโครงงานที่แท้จริงคอื การพฒั นานักเรียนแบบองค์รวม (พฒั นาสมองดา้ นซา้ ยและดา้ นขวา หรือพฒั นาพหุปัญญา)

405 ข้ันตอนท่ี 4 การนําเสนอ เป็นการเปิ ดโอกาสใหน้ กั เรียนไดเ้ สนอผลงาน และไดร้ ับฟังขอ้ เสนอแนะจาก เพื่อน แผนทค่ี วามคดิ (Mind Mapping) ในการพฒั นาทกั ษะการคิดพ้ืนฐานและทกั ษะการคิดข้นั สูง (การคิดสร้างสรรค์ การคิดอยา่ งมีวิจารณญาณ) ใหก้ บั นกั เรียน มีเทคนิควธิ ีการหลายวธิ ี แผนที่ความคิดเป็นวิธีการหน่ึงที่โทน่ี บูซาน ไดพ้ ฒั นาข้ึนโดยบรู ณาการ การทาํ งานของสมองดา้ นซา้ ยและดา้ นขวา นกั เรียนที่จะสร้างแผนที่ความคิดไดจ้ ะตอ้ งใชส้ มองดา้ นซา้ ยในการ วิเคราะห์และใชส้ มองดา้ นขวาในการสงั เคราะห์ แผนท่ีความคิดใชไ้ ดต้ ้งั แต่อายุ 5 ขวบข้ึนไป การฝึกใหน้ กั เรียนใช้ แผนที่ความคิดอยา่ งสม่าํ เสมอจะช่วยพฒั นาทกั ษะการคิดข้นั สูงของนกั เรียน และการพฒั นาการคิดเชิงระบบ (การ คิดเชิงองคร์ วมหรือภาพรวม) และถา้ ฝึกใหน้ กั เรียนใชก้ ารระดมสมองควบคู่กบั การสร้างแผนท่ีความคิด ยงิ่ จะทาํ ให้ นกั เรียนไดพ้ ฒั นาทกั ษะการคิด นกั เรียนท่ีเรียนในช้นั ประถมศึกษาปี ที่ 1 น้นั แผนที่ความคิดที่สร้างอาจจะใชภ้ าพแทนคาํ หรือขอ้ ความ ครู ควรจะฝึ กใหน้ กั เรียนใชแ้ ผนที่ความคิดเป็นเครื่องมือการเรียนรู้และเคร่ืองมือในการทาํ กิจกรรมต่าง ๆ เช่น การ วางแผน การสรุป การบนั ทึก การจาํ การนาํ เสนอผลงานการอภิปราย ผงั แสดงเหตุและผล ผงั แสดงเหตุและผล คือ ผงั ที่แสดงความสัมพนั ธ์ระหวา่ งปัญหาที่เกิดข้ึนจากสาเหตุต่าง ๆ ผงั แสดงเหตุและผล มีช่ือเรียกอีกหลายชื่อ เช่น ผงั ก้างปลา ผงั อชิ ิกาวา ผงั ต้นไม้ หรือผงั ลาํ นํา้ สร้าง ข้ึนโดย ดร.อิชิกาวา แห่งมหาวิทยาลยั โตเกียว ในการจดั การเรียนรู้ตามบทเรียน ถา้ ครูตอ้ งการใหน้ กั เรียนค้นหาสาเหตุ หรือวเิ คราะห์สาเหต◌ุ ทที่ าํ ให้เกดิ ปัญหา ใหน้ กั เรียนวิเคราะหโ์ ดยใช้ผงั ก้างปลา เช่น หาสาเหตุท่ีทาํ ใหน้ กั เรียนเจบ็ ป่ วย หาสาเหตุท่ีเกิด อุบตั ิเหตุขณะเดินทางมาโรงเรียน

406 วธิ ีการสร้างผงั แสดงเหตุและผล 1. เขียนปัญหาหรือผลท่ีเกิดข้ึนทางดา้ นซา้ ยมือ 2. เขียนสาเหตุหลกั ๆ เติมลงบนเส้นกระดูกสันหลงั ท้งั บนและลา่ ง 3. ในกา้ งปลาใหญ่ท่ีเป็นสาเหตุหลกั ของปัญหาใหใ้ ส่กา้ งรองลงไป แต่ละปลายกา้ งรองให้ ใส่ขอ้ ความท่ีเป็นสาเหตุรองของแต่ละสาเหตุหลกั 4. ในแต่ละกา้ งรองที่เป็นสาเหตุรอง ถา้ ตอ้ งการหาสาเหตุยอ่ ย ใหเ้ ขียนกา้ งยอ่ ยที่จะเป็น สาเหตุยอ่ ย ๆ ของสาเหตุรองน้นั ผงั กา้ งปลาสามารถใชค้ วบคกู่ บั แผนท่ีความคิด เช่น เม่ือวิเคราะห์หาสาเหตุไดแ้ ลว้ และมีความ ประสงคต์ อ้ งการหาทางแกป้ ัญหาในแต่ละสาเหตุ ใชแ้ ผนท่ีความคิดหาภาพรวมวิธีแกป้ ัญหา แลว้ จึงเลือก วิธีการแกป้ ัญหาที่ดีท่ีสุดมาดาํ เนินการแกป้ ัญหา


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook