ขั้นที่ 5: สรุปความรู้ • ครูและนกั เรยี นสรุปความรู้และผลท่ไี ด้รบั จากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมรว่ มกัน แล้วให้นักเรยี นบนั ทึก ความร้โู ดยสังเขปลงในสมดุ บนั ทกึ 8. กิจกรรมเสนอแนะ 1. นักเรียนควรศึกษาค้นควา้ ความรจู้ ากสื่อหรอื แหลง่ การเรยี นรูต้ า่ ง ๆ เก่ียวกับโรคทเ่ี ป็นสาเหตสุ าคญั ของ การเจบ็ ปวุ ยและการเสยี ชวี ิตของคนไทยเพิ่มเติม เพอ่ื เปน็ การเพ่มิ พูนความรูแ้ ละสามารถนาไปปรับใช้ ในชีวิตประจาวันไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งเหมาะสม 2. นักเรยี นควรไดศ้ ึกษาในหัวข้อเร่ือง ปัญหาสุขภาพในชุมชน ดงั รายละเอียดในหนงั สือเรียนฯ/สื่อการ เรียนรู้ สุขศึกษาและพลศกึ ษา สมบูรณ์แบบ ม. 3เพื่อประกอบการศึกษาในคาบเรยี นต่อไป 9. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้ 1. ภาพและตารางประกอบคาอธบิ ายเก่ยี วกับเร่อื ง โรคที่เปน็ สาเหตุสาคัญของการเจ็บปวุ ยและการ เสียชีวติ ของคนไทย 2. ใบกิจกรรมที่ 24 เรื่อง ค้นคว้าและอภิปราย 3. ใบกจิ กรรมท่ี 25 เรอ่ื ง เขียนสรปุ ความรู้ความเข้าใจในรปู แผนท่คี วามคิด 4. ใบกจิ กรรมท่ี 26 เรอื่ ง สารวจสถิติการเจบ็ ปว่ ยและเสยี ชีวิตของคนในชมุ ชน 5 . หนงั สือเรียน รายวชิ าพน้ื ฐาน สขุ ศึกษาและพลศึกษา ม. 3 บรษิ ทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานชิ จากัด 6. สอ่ื การเรยี นรู้ สขุ ศึกษาและพลศึกษา สมบรู ณ์แบบ ม. 3 บริษทั สานกั พิมพ์วัฒนาพานิช จากัด 7. แบบฝึกทกั ษะ รายวิชาพื้นฐาน สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา ม. 3 บรษิ ทั สานักพิมพ์วฒั นาพานิช จากดั
แผนการจดั การเรยี นรู้ 13 กล่มุ สาระการเรียนรสู้ ขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา ชั้นมัธยมศึกษาปที ี่ 3 สาระการเรียนรู้ที่ 4: การสรา้ งเสรมิ สุขภาพ สมรรถภาพ และการป้องกันโรค เวลาเรยี น 2 ชั่วโมง หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 3 ใสใ่ จสขุ ภาพ เวลาเรียน 2 ช่ัวโมง เรอื่ ง ปญั หาสขุ ภาพในชมุ ชน เวลาเรยี น 1 ชวั่ โมง สอนวนั ท่ี…….เดือน………………พ.ศ………..ชน้ั ม.3/1 ภาคเรียนที่ 1/....... สอนวันท่ี…….เดือน………………พ.ศ………...ชน้ั ม.3/2 ภาคเรียนท่ี 1/....... ครผู ูส้ อน...........................................โรงเรียนบ้านพิณโท ............................................................................................................................. ..................................................... 1. สาระสาคญั ปัญหาสขุ ภาพในชมุ ชน หมายถึง ส่งิ ท่กี ่อให้เกดิ ความขดั ข้องทางสุขภาพของประชาชนที่อาศยั อยูใ่ นชุมชน เดียวกัน โดยความขัดขอ้ งทางสขุ ภาพนัน้ เกดิ จากการเจบ็ ปุวย เปน็ โรค และความไมป่ ลอดภัยในชีวติ ปัญหา สุขภาพในชุมชนมหี ลายดา้ น เช่น ปัญหาโรคตดิ ตอ่ ในชุมชน และปญั หาโรคไม่ตดิ ตอ่ ในชุมชน ซ่ึงคนในชุมชนควร สร้างเสริมสุขภาพเพอื่ ปอู งกนั ปญั หาจากโรคติดต่อและโรคไม่ตดิ ตอ่ โดยควบคมุ องค์ประกอบของการเกิดโรคติดตอ่ ให้อย่ใู นภาวะสมดุล และสร้างเสริมพฤตกิ รรมสุขภาพท่ดี ี 2. ตวั ช้วี ัดชน้ั ปี • รวบรวมข้อมลู และเสนอแนวทางแก้ไขปญั หาสุขภาพในชุมชน (พ 4.1 ม. 3/3) 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธบิ ายความหมายและความสาคัญในเร่อื งปัญหาสขุ ภาพในชมุ ชนได้(K) 2. อธิบายเก่ียวกบั ลกั ษณะของปญั หาสุขภาพในชมุ ชนและแนวทางในการแกไ้ ขอยา่ งถกู ตอ้ งได(้ K) 3. อธบิ ายและระบุแนวทางในการแก้ไขปญั หาโรคติดตอ่ และโรคไมต่ ิดต่อในชมุ ชนอยา่ งถูกตอ้ งได้ (K, P) 4. เข้าร่วมปฏบิ ตั ิกจิ กรรมการเรยี นรู้เก่ยี วกับปัญหาสุขภาพในชมุ ชนร่วมกับผูอ้ ่นื ด้วยความสนใจใฝุ เรยี นรู้ (A) 4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ • ดา้ นความรู้ (K) วิธกี ารวัดและประเมินผล เครือ่ งมอื วดั และประเมินผล เกณฑ์การวัดและประเมนิ ผล • ซักถามความร้เู กย่ี วกับ • แบบประเมนิ ผลการนาเสนอขอ้ มูล/ • ผา่ นเกณฑเ์ ฉลยี่ ระดบั คณุ ภาพ 4 ข้ึนไป –ความหมาย ความสาคญั การอภิปราย/การแสดงความ และลกั ษณะของปัญหา คิดเหน็ /การสร้างแผนท่ีความคดิ * สขุ ภาพในชมุ ชน และแนว ทางแก้ไข
วธิ ีการวดั และประเมนิ ผล เคร่ืองมอื วดั และประเมินผล เกณฑ์การวดั และประเมินผล • รอ้ ยละ 80 ข้ึนไป • ตรวจสอบความถูกตอ้ งของ • รปู แบบของกจิ กรรมตามที่ระบุใน การปฏบิ ตั กิ ิจกรรมระดม หนงั สอื เรียนฯ/สื่อการเรยี นรู้ ความคดิ เห็นเพ่อื ตอบ สุขศึกษาและพลศึกษา สมบรู ณ์ คาถาม แบบ • ตรวจสอบความถกู ต้องของ • รปู แบบของกจิ กรรมตามท่รี ะบุใน • ตามดลุ ยพนิ ิจของครู การปฏิบตั กิ จิ กรรมการ หนังสือเรยี นฯ/สอ่ื การเรยี นรู้ เขยี นเรยี งความ สุขศึกษาและพลศึกษา สมบรู ณ์ แบบ ม. 3* *ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรูเ้ สรมิ สาหรบั ครู • ด้านคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A) วิธีการวดั และประเมินผล เครื่องมือวดั และประเมนิ ผล เกณฑก์ ารวัดและประเมนิ ผล • สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม • ผา่ นเกณฑเ์ ฉล่ียระดับคณุ ภาพ ของนักเรียน คา่ นยิ ม และคุณลักษณะอนั พงึ 4 ขน้ึ ไป ประสงค์* *ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู้เสรมิ สาหรับครู • ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) วธิ กี ารวดั และประเมินผล เคร่อื งมอื วดั และประเมนิ ผล เกณฑก์ ารวดั และประเมินผล • สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินทักษะ/ • ผา่ นเกณฑเ์ ฉล่ียระดบั คุณภาพ 4 ขน้ึ ไป ของนักเรียน กระบวนการ* *ดรู ายละเอยี ดในเอกสาร/ความรู้เสริมสาหรับครู 5. สาระการเรียนรู้ 3. ปัญหาสขุ ภาพในชมุ ชน 3.1 ความหมายและความสาคญั 3.2 ลักษณะของปญั หาสุขภาพในชุมชนและแนวทางการแกไ้ ข
6. แนวทางบูรณาการ ภาษาตา่ งประเทศ ฟงั อ่าน และเขยี นคาศัพทภ์ าษาอังกฤษท่เี ก่ยี วขอ้ งกับเร่ืองปญั หาสุขภาพใน ชุมชน ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคดิ เห็น และการเขยี นเรยี งความเรือ่ ง ความสมั พนั ธ์ ของพฤตกิ รรมสุขภาพของบุคคลตอ่ ปญั หาสุขภาพในชุมชน คณติ ศาสตร์ รวบรวมและวเิ คราะห์ขอ้ มูลสถติ เิ ก่ยี วกับการเกดิ การเจ็บปุวยจากโรคตดิ ต่อ และโรคไมต่ ดิ ตอ่ ในชุมชน 7. กระบวนการจัดการเรยี นรู้ ข้นั ท่ี 1: นาเขา้ สบู่ ทเรียน 1. ครแู ละนักเรียนสนทนาเกี่ยวกบั การศกึ ษาและการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมในคาบเรียนที่ผา่ นมา เพื่อทบทวนความรู้ 2. ให้ตวั แทนนักเรียนแตล่ ะกล่มุ ออกมารายงานผลการสารวจสถิตกิ ารเจ็บปว่ ยและเสยี ชวี ิตของ คนในชุมชน ตามที่ไดร้ ับมอบหมายในคาบเรียนทผี่ า่ นมาให้เพ่ือน ๆ ฟังหน้าช้ันเรียน โดยครู และนกั เรยี นร่วมกนั แสดงความคิดเห็นตอ่ ผลการปฏบิ ตั กิ ิจกรรมดังกล่าว 3. ใหน้ กั เรยี นร่วมกนั ดภู าพหรืออ่านข่าวที่นาเสนอเน้อื หาเก่ยี วกับลกั ษณะของปัญหาสขุ ภาพในชมุ ชนทคี่ รู เตรียมมา แลว้ ร่วมกันแสดงความคดิ เห็นในประเดน็ ท่วี ่า – นกั เรยี นคิดวา่ ภาพหรือข่าวดงั กล่าวมีความสาคัญและเกี่ยวขอ้ งกบั เรือ่ งใด – นกั เรียนคดิ วา่ ตนเองสามารถเขา้ ไปแกไ้ ขปัญหาดังกล่าวไดห้ รอื ไม่ อย่างไร – นักเรียนคดิ ว่าสาเหตุท่ีสาคญั ใดบา้ งทเี่ ปน็ ปจั จยั ที่ทาให้เกดิ ปญั หาดงั กล่าว และจะมีแนว ทางแก้ไขปญั หาอยา่ งไร (ครอู าจใช้คาถามอนื่ ๆ ที่เหมาะสมกับสภาพในการจัดการเรยี นการสอนได้) ขน้ั ท่ี 2: กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ครใู หค้ วามร้ใู นหวั ข้อเร่อื ง ปญั หาสุขภาพในชุมชนในหัวขอ้ ที่ 3.1 และหัวข้อที่ 3.2 โดยใชภ้ าพท่ี เก่ยี วข้องประกอบคาอธิบาย ดังรายละเอียดในหนังสอื เรียนฯ/สอ่ื การเรียนรู้ สขุ ศกึ ษาและพล-ศกึ ษา สมบูรณแ์ บบ ม. 3 3. ครเู ปิดโอกาสใหน้ กั เรยี นสอบถามในประเด็นท่สี งสัยและสนใจเพิม่ เติม ขน้ั ท่ี 3: ฝึกฝนทกั ษะและประสบการณ์ 1. ให้นักเรยี นร่วมกันปฏบิ ตั กิ ิจกรรมระดมความคดิ เห็นเพอ่ื ตอบคาถามโดยแบ่งกลุ่ม กลมุ่ ละ 4–5 คน โดยใชเ้ วลาตามทค่ี รูกาหนดให้ 2. ให้แตล่ ะกลุ่มผลัดเปลีย่ นสง่ ตัวแทนออกมานาเสนอผลการปฏบิ ัติกิจกรรม โดยครูเฉลย คาตอบทีถ่ ูกตอ้ งให้นักเรยี นทราบและให้ผู้ทีต่ อบไม่ถูกตอ้ งแก้ไขคาตอบให้ถูกตอ้ ง
ข้ันท่ี 4: การนาไปใช้ • มอบหมายใหน้ ักเรียนปฏิบตั ิกิจกรรมการเขียนเรยี งความ เรอ่ื งความสมั พันธพ์ ฤติกรรมสขุ ภาพของ บคุ คลตอ่ ปัญหาสขุ ภาพในชุมชน โดยนามาเสนอในคาบเรียนต่อไป ขั้นท่ี 5: สรุปความรู้ • ครูและนกั เรยี นสรุปความรู้และผลที่ไดร้ บั จากการปฏิบัตกิ จิ กรรมรว่ มกนั แล้วใหน้ ักเรียน บนั ทกึ ความรู้โดยสังเขปลงในสมดุ บันทกึ 8. กจิ กรรมเสนอแนะ 1. นกั เรยี นควรนาความรู้ในเรอื่ ง สุขภาพในชุมชนไปถ่ายทอดใหแ้ กส่ มาชิกในครอบครวั และเพ่อื นบา้ น เพอ่ื รว่ มกันนาไปปรบั ใช้ในชีวิตประจาวนั ต่อไป 2. นักเรยี นควรศึกษาในหวั ข้อเรื่อง การออกกาลงั กาย การพกั ผอ่ น และการสรา้ งเสริมสมรรถภาพทาง กาย ดังรายละเอยี ดในหนังสอื เรยี นฯ/สอ่ื การเรียนรู้ สุขศึกษาและพลศกึ ษา สมบรู ณแ์ บบ ม. 3 มาล่วงหนา้ และเตรียมชดุ พลศกึ ษามาดว้ ย เพอ่ื ประกอบการศกึ ษา ในคาบเรียนต่อไป 9. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้ จากดั 1. ภาพหรือข่าวทีน่ าเสนอเน้อื หาเก่ยี วกับปัญหาสขุ ภาพในชมุ ชน 2. ใบกิจกรรมที่ 27 เร่อื ง ระดมความคดิ เหน็ เพ่ือตอบคาถาม 3 . ใบกจิ กรรมท่ี 28 เรอื่ ง การเขยี นเรยี งความ เรอ่ื งความสัมพนั ธพ์ ฤตกิ รรมสขุ ภาพของบุคคล ตอ่ ปญั หาสุขภาพในชุมชน 4. หนังสือเรยี น รายวชิ าพน้ื ฐาน สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ม. 3 บริษทั สานักพมิ พว์ ฒั นาพานชิ จากดั 5. ส่ือการเรยี นรู้ สุขศกึ ษาและพลศึกษา สมบรู ณแ์ บบ ม. 3 บริษทั สานักพิมพว์ ฒั นาพานิช จากัด 6. แบบฝึกทักษะ รายวิชาพ้ืนฐาน สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ม. 3 บริษทั สานักพิมพว์ ฒั นาพานิช
แผนการจัดการเรยี นรู้ 14 กลมุ่ สาระการเรยี นรูส้ ขุ ศกึ ษาและพลศึกษา ช้ันมัธยมศกึ ษาปีที่ 3 สาระการเรยี นรู้ท่ี 4: การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ สมรรถภาพ และการปอ้ งกันโรค เวลาเรยี น 2 ชว่ั โมง หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 3 ใสใ่ จสขุ ภาพ เวลาเรยี น 2 ชว่ั โมง เรอื่ ง การออกกาลังกาย การผักผ่อน และการสร้างเสริมสมรรถภาพทางกาย เวลาเรยี น 1 ชัว่ โมง สอนวนั ที่…….เดือน………………พ.ศ………..ชั้น ม.3/1 ภาคเรยี นที่ 1/....... สอนวันที่…….เดือน………………พ.ศ………...ชัน้ ม.3/2 ภาคเรยี นที่ 1/....... ครผู สู้ อน...........................................โรงเรยี นบ้านพิณโท ............................................................................................................................. ...................................................... 1. สาระสาคัญ การวางแผนการออกกาลังกาย ควรยึดหลัก 4 พ. ไดแ้ ก่ บอ่ ยพอ หนกั พอ นานพอ และพอใจ การวางแผนการ พกั ผ่อน ต้องจัดเวลาการพกั ผ่อนใหเ้ หมาะสมเพยี งพอกับความตอ้ งการ โดยคานึงถึงชว่ งการดาเนินชวี ติ ท่ปี กติ และ การดาเนนิ ชีวติ ทไี่ มป่ กติ และการวางแผนการสรา้ งเสรมิ สมรรถภาพทางกาย ตอ้ งเลอื กรูปแบบของกิจกรรมท่ี คานึงถึงขดี ความสามารถของตนเอง จัดโปรแกรมการสรา้ งเสริมสมรรถภาพทางกายให้มีการปฏบิ ัติอยา่ งสม่าเสมอ ตอ่ เนือ่ ง สรา้ งเสรมิ สมรรถภาพทางกายในแตล่ ะสว่ นควรมีลาดบั แบบแผนและค่อยเปน็ ค่อยไป 2. ตัวชีว้ ดั ช้ันปี • วางแผนและจัดเวลาในการออกกาลงั กาย การพักผ่อน และการสร้างเสรมิ สมรรถภาพทางกาย (พ 4.1 ม. 3/4) 3. จุดประสงค์การเรียนรู้ 1. อธบิ ายความหมายและความสาคญั ของการออกกาลังกาย การพักผ่อน และการสร้างเสรมิ สมรรถภาพทาง กายได้ (K) 2. อธิบายและเสนอแนะแนวทางในการวางแผนและจัดเวลาในการออกกาลังกาย การพักผอ่ น และการสรา้ ง เสริมสมรรถภาพทางกายอยา่ งถกู ต้องได้ (K, P) 3. เข้ารว่ มปฏิบัตกิ จิ กรรมการเรียนรเู้ ก่ยี วกบั ความหมายและความสาคัญการออกกาลังกาย การพกั ผอ่ น และ การสรา้ งเสรมิ สมรรถภาพทางกายร่วมกบั ผูอ้ ื่นด้วยความสนใจใฝรุ ู้ (A) 4. วางแผนและจัดเวลาในการออกกาลงั กาย การพักผอ่ น และการสร้างเสรมิ สมรรถภาพทางกาย อยา่ งถูกตอ้ งได้ (P) 4. การวัดและประเมินผลการเรียนรู้ • ด้านความรู้ (K) วธิ กี ารวัดและประเมนิ ผล เครอื่ งมือวดั และประเมนิ ผล เกณฑ์การวดั และประเมนิ ผล • ซกั ถามความรู้เก่ียวกับ • แบบประเมนิ ผลการนาเสนอข้อมลู / • ผ่านเกณฑเ์ ฉลี่ยระดบั – ความหมาย ความสาคญั การอภิปราย/การแสดงความ คุณภาพ 4 ขน้ึ ไป การวางแผนและการจัดเวลา คดิ เหน็ /การสรา้ งแผนที่ความคิด* ในการออกกาลังกาย การ
พักผ่อน และการสรา้ งเสรมิ • รูปแบบของกจิ กรรมตามทรี่ ะบุใน • ตามดุลยพนิ จิ ของครู สมรรถภาพทางกาย หนังสอื เรยี นฯ/สอ่ื การเรียนรู้ • ตามดุลยพนิ จิ ของครู สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา สมบูรณ์ • ตรวจสอบความถูกตอ้ งของ แบบ ม. 3* การปฏิบัตกิ จิ กรรมเขียน สรปุ แผนท่ีความคิด • ตรวจสอบความถูกตอ้ งของ • รูปแบบของกิจกรรมตามท่ีระบุใน การปฏบิ ตั กิ จิ กรรมสารวจ หนังสือเรยี นฯ/สื่อการเรยี นรู้ การใช้เวลาว่างของสมาชกิ สุขศกึ ษาและพลศึกษา สมบรู ณ์ ในครอบครัว แบบ ม. 3* • ตรวจสอบความถูกต้องของ • รปู แบบของกิจกรรมตามท่รี ะบใุ น • ตามดลุ ยพินิจของครู การปฏบิ ัตกิ จิ กรรมการเขยี น หนังสอื เรียนฯ/สื่อการเรียนรู้ โปรแกรมการวางแผนปฏบิ ตั ิ สุขศกึ ษาและพลศึกษา สมบรู ณ์ กจิ กรรมการออกกาลังกาย การ แบบ ม. 3* พักผอ่ น และการสรา้ งเสริม สมรรถภาพทางกายใน 1 สปั ดาห์ *ดรู ายละเอยี ดในเอกสาร/ความรเู้ สริมสาหรับครู • ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม ค่านยิ ม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) วธิ ีการวดั และประเมินผล เคร่อื งมือวดั และประเมินผล เกณฑ์การวัดและประเมนิ ผล • สงั เกตพฤตกิ รรมการแสดงออก • แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม • ผ่านเกณฑเ์ ฉลยี่ ระดบั คุณภาพ ของนกั เรยี น คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ 4 ขนึ้ ไป ประสงค์* *ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความร้เู สริมสาหรับครู • ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) เคร่อื งมือวัดและประเมินผล เกณฑ์การวดั และประเมินผล วิธกี ารวดั และประเมินผล • แบบประเมนิ ทักษะ/ • ผา่ นเกณฑ์เฉล่ยี ระดับคณุ ภาพ กระบวนการ* 4 ขน้ึ ไป • สังเกตพฤตกิ รรมการแสดงออก ของนักเรยี น *ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรูเ้ สรมิ สาหรับครู 5. สาระการเรยี นรู้
4. การออกกาลังกาย การพกั ผอ่ น และการสรา้ งเสรมิ สมรรถภาพ 4.1 ความหมายและความสาคัญของการออกกาลงั กาย การพกั ผอ่ น และการสรา้ งเสรมิ สมรรถภาพทางกาย 4.2 การวางแผนและการจดั เวลาในการออกกาลงั กาย 4.3 การวางแผนและการจัดเวลาในการพักผ่อน 4.4 การวางแผนและการจดั เวลาในการสรา้ งเสริมสมรรถภาพทางกาย 6. แนวทางบรู ณาการ สังคมศกึ ษาฯ ศกึ ษาคน้ ควา้ เกยี่ วกบั การปฏบิ ัตกิ ิจกรรมการใชเ้ วลาว่างของบคุ คลใน ชุมชน ภาษาตา่ งประเทศ ฟัง อ่าน และเขียนคาศพั ท์ภาษาอังกฤษทเ่ี กี่ยวข้องกบั การออกกาลัง กาย การพักผ่อน และการสร้างเสริมสมรรถภาพทางกาย คณิตศาสตร์ สารวจข้อมลู ชว่ งเวลาเฉลี่ยในการพกั ผ่อนด้วยการนอนของสมาชกิ ใน ครอบครัว การงานอาชพี ฯ ออกแบบและตกแตง่ แผนทคี่ วามคดิ ออกแบบและตกแต่งสมุดภาพใน หัวข้อความหมายความสาคัญและการจัดเวลาของการออกกาลังกาย พักผ่อน และการสร้างเสริมสมรรถภาพทางกาย 7. กระบวนการจดั การเรียนรู้ ขน้ั ท่ี 1: นาเขา้ สบู่ ทเรียน 1. ครูและนกั เรยี นสนทนาเก่ยี วกับการศึกษาและการปฏิบัตกิ จิ กรรมในคาบเรียนที่ผ่านมา เพ่ือทบทวนความรู้ 2. ครูส่มุ นักเรยี นอาสาสมัครประมาณ 2–3 คน ออกมานาเสนอผลการกจิ กรรมการเขยี น เรยี งความเร่อื งความสัมพันธ์พฤตกิ รรมสุขภาพของบุคคลตอ่ ปญั หาสุขภาพในชุมชน ตามทไ่ี ด้ มอบหมายในคาบเรยี นทีผ่ ่านมาให้เพือ่ นฟังหนา้ ชนั้ เรียน และให้ร่วมกันแสดงความคิดเหน็ เกีย่ วกับเนือ้ หาของเรียงความทีเ่ พือ่ นแตล่ ะคนออกมานาเสนอ โดยครูให้คาแนะนาเพิม่ เติม ขัน้ ที่ 2: กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ให้นักเรยี นอาสาสมัคร 1–2 คน ออกมานาเสนอในเร่ือง ความหมายและความสาคัญของการ ออกกาลังกาย การพักผ่อน และการสรา้ งเสริมสมรรถภาพทางกายตามทไ่ี ด้รับมอบหมายใน คาบเรยี นท่ผี ่านมา โดยครอู ธบิ ายและให้ความร้เู พิ่มเติม ดงั รายละเอียดในหนงั สอื เรียนฯ/ สือ่ การเรียนรู้ สขุ ศึกษาและพลศึกษา สมบรู ณ์แบบ ม. 3 2. ใหน้ ักเรียนปฏิบัตกิ จิ กรรม เขยี นสรปุ แผนทีค่ วามคิด โดยแบง่ เปน็ 3 กลมุ่ แตล่ ะกลุม่ รว่ มกนั ศึกษาและสรปุ ในรปู แบบการเขียนแผนท่ีความคดิ ในหัวข้อที่กาหนด โดยศกึ ษา เน้ือหาในหนงั สือเรียนฯ/สื่อการเรียนรู้ สขุ ศึกษาและพลศึกษา สมบรู ณแ์ บบ ม. 3 โดยใช้ เวลาตามทคี่ รกู าหนด
กลมุ่ ที่ 1 ศกึ ษาเรือ่ ง การวางแผนและหลักปฏิบัติเพอ่ื นามาใช้ในการวางแผนจดั เวลา ในการออกกาลังกาย กลุม่ ที่ 2 ศึกษาเรอ่ื ง การวางแผนและหลกั ปฏบิ ตั ิเพอ่ื นามาใชใ้ นการวางแผนจดั เวลาในการพักผ่อน กลุ่มที่ 3 ศึกษาเรื่อง การวางแผนและหลกั ปฏบิ ัตเิ พือ่ นามาใชใ้ นการวางแผนจดั เวลา ในการสร้างเสริมสมรรถภาพทางกาย 3. นกั เรยี นแตล่ ะกล่มุ ผลัดเปลี่ยนกนั ส่งตวั แทนออกมานาเสนอผลการศึกษาปฏิบตั กิ จิ กรรมหนา้ ชน้ั เรยี นโดยครใู หค้ วามรเู้ ก่ียวกบั รายละเอียดทเ่ี กยี่ วขอ้ งเพ่ิมเตมิ ขั้นท่ี 3: ฝกึ ฝนทักษะและประสบการณ์ 1. ครูอธบิ ายและใหค้ วามรูเ้ พมิ่ เติมเกย่ี วกับการเตรยี มตัว และความปลอดภยั ในการปฏิบตั กิ จิ กรรมสรา้ ง เสรมิ สมรรถภาพ แล้วเปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนสอบถามในประเด็นทสี่ งสยั หรือสนใจเพ่ิมเติม 2. ให้นักเรยี นจบั ค่กู ับเพื่อนทดลองปฏบิ ตั ิกิจกรรมการออกกาลังกายในรปู แบบไอโซโทนกิ และไอโซ เมตตกิ ตามท่คี รูกาหนดดว้ ยความระมัดระวัง ข้นั ท่ี 4: การนาไปใช้ • มอบหมายให้นกั เรียนปฏบิ ัตกิ ิจกรรมสารวจการใช้เวลาวา่ งของสมาชิกในครอบครวั และ กิจกรรมการเขียนโปรแกรมการวางแผนปฏิบตั ิกิจกรรมการออกกาลงั กาย การพกั ผ่อน และ การสร้างเสริมสมรรถภาพทางกายใน 1 สปั ดาหโ์ ดยนามาเสนอในคาบเรยี นตอ่ ไป ขน้ั ที่ 5: สรุปความรู้ • ครูและนักเรยี นสรุปความรูแ้ ละผลทีไ่ ด้รบั จากการปฏิบตั กิ จิ กรรมรว่ มกัน แลว้ ใหน้ กั เรยี น บันทกึ ความรูโ้ ดยสงั เขปลงในสมดุ บนั ทึก 8. กิจกรรมเสนอแนะ 1. นกั เรียนควรนาความรู้ในเรือ่ ง การออกกาลงั กาย การพักผอ่ น และการสรา้ งเสริมสมรรถภาพทางกาย ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นชวี ิตประจาวนั ตามความเหมาะสม 2. นกั เรยี นควรศกึ ษาคน้ คว้าในเรือ่ ง การออกกาลงั กาย การพกั ผอ่ น และการสรา้ งเสรมิ สมรรถภาพ เพ่มิ เตมิ นอกเหนือจากบทเรยี นทไี่ ด้ศึกษาผ่านมา เพ่ือเปน็ การเพ่มิ พูนทกั ษะการเรยี นรู้ในเร่อื ง ดงั กล่าว 3. นักเรยี นควรศึกษาความร้เู รอ่ื ง การทดสอบสมรรถภาพทางกายเพ่อื สขุ ภาพ ดงั รายละเอยี ดในหนังสอื เรยี นฯ/สือ่ การเรยี นรู้ สขุ ศึกษาและพลศึกษา สมบรู ณแ์ บบม. 3 มาลว่ งหนา้ เพื่อประกอบการศกึ ษาใน คาบเรียนตอ่ ไป 9. สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้ 1. ภาพประกอบเกยี่ วกบั กจิ กรรมการออกกาลังกาย การพักผอ่ น และการสร้างเสรมิ สมรรถภาพ 2 . ใบกจิ กรรมท่ี 29 เร่ือง เขยี นสรปุ แผนทีค่ วามคิด 3. ใบกิจกรรมท่ี 30 เร่ือง สารวจการใช้เวลาว่างของสมาชิกในครอบครัว
4 . ใบกจิ กรรมท่ี 31 เรอ่ื ง การเขยี นโปรแกรมการวางแผนปฏบิ ัติกจิ กรรมการออกกาลังกาย การ พักผ่อน และการสร้างเสริมสมรรถภาพทางกายใน 1สัปดาห์ 5. หนังสอื เรยี น รายวิชาพื้นฐาน สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา ม. 3 บรษิ ัท สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากดั 6. สอ่ื การเรียนรู้ สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา สมบูรณ์แบบ ม. 3 บริษทั สานกั พมิ พ์วัฒนาพานิช จากัด 7. แบบฝกึ ทักษะ รายวชิ าพื้นฐาน สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ม. 3 บริษทั สานักพมิ พว์ ัฒนาพานิช จากดั
แผนการจัดการเรียนรู้ 15 กลุ่มสาระการเรยี นรสู้ ขุ ศึกษาและพลศึกษา ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 3 สาระการเรยี นรู้ที่ 4: การสรา้ งเสรมิ สขุ ภาพ สมรรถภาพ และการปอ้ งกนั โรค เวลาเรยี น 2 ชว่ั โมง หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 3 ใสใ่ จสขุ ภาพ เวลาเรยี น 2 ช่ัวโมง เรือ่ ง การทดสอบสมรรถภาพทางกายเพื่อสขุ ภาพ เวลาเรยี น 1 ชว่ั โมง สอนวนั ที่…….เดอื น………………พ.ศ………..ช้ัน ม.3/1 ภาคเรียนท่ี 1/....... สอนวนั ที่…….เดอื น………………พ.ศ………...ช้นั ม.3/2 ภาคเรยี นท่ี 1/....... ครูผู้สอน...........................................โรงเรียนบา้ นพณิ โท ............................................................................................................................. ...................................................... 1. สาระสาคัญ การทดสอบสมรรถภาพทางกายเป็นตวั บง่ ชี้ถงึ ความสามารถทางรา่ งกายของตนเองว่ามีความสมบรู ณ์แขง็ แรง ของร่างกาย เพ่อื จะไดใ้ ชเ้ ป็นแนวทางปรบั ปรุงพัฒนาให้ตนเองมสี มรรถภาพทางกายท่ีดี และเกดิ ประสทิ ธภิ าพ สูงสุดในการดารงชวี ติ และประกอบภารกิจในชีวติ ประจาวนั การทดสอบสมรรถภาพทางกายของนกั เรียนนิยมใช้ แบบทดสอบสมรรถภาพทางกายมาตรฐานระหวา่ งประเทศ ประกอบดว้ ยการว่ิงเร็วระยะทาง 50 เมตร ยืนกระโดด ไกล แรงบีบมือท่ีถนดั ลุก–น่งั ภายในเวลา 30 วนิ าที ดึงขอ้ ราวเด่ยี ว ว่ิงเกบ็ ของ วิง่ ทางไกล และงอตวั ข้างหน้า 2. ตวั ชว้ี ดั ช้ันปี • ทดสอบสมรรถภาพทางกายและพัฒนาได้ตามความแตกตา่ งระหว่างบคุ คล (พ 4.1 ม. 3/5) 3. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธิบายความหมายและความสาคญั ของการทดสอบสมรรถภาพทางกายเพ่อื สขุ ภาพอย่างถกู ตอ้ ง ได้ (K) 2. เขา้ รว่ มปฏบิ ัตกิ ิจกรรมการเรยี นรเู้ กย่ี วกบั การทดสอบสมรรถภาพทางกายเพือ่ สุขภาพรว่ มกับผ้อู นื่ ด้วยความ สนใจใฝุรู้ (A) 3. ระบรุ ูปแบบและวธิ กี ารทดสอบสมรรถภาพทางกายอย่างถูกต้องได้ (P) 4. การวัดและประเมนิ ผลการเรยี นรู้ • ดา้ นความรู้ (K) วธิ กี ารวัดและประเมินผล เครอื่ งมือวัดและประเมินผล เกณฑ์การวดั และประเมินผล • ซกั ถามความรู้เก่ียวกับ • แบบประเมินผลการนาเสนอขอ้ มูล/ • ผา่ นเกณฑ์เฉล่ยี ระดบั คณุ ภาพ 4 ขน้ึ ไป – ความหมายและ การอภิปราย/การแสดงความ ความสาคัญ คดิ เหน็ /การสรา้ งแผนที่ความคิด* ของการ ทดสอบ สมรรถภาพ ทาง กาย – รปู แบบและวิธีการทดสอบ
สมรรถภาพทางกาย วิธกี ารวดั และประเมินผล เครอ่ื งมอื วดั และประเมนิ ผล เกณฑ์การวดั และประเมนิ ผล • ตามดลุ ยพินจิ ของครู • ตรวจสอบความถูกตอ้ งของ • รปู แบบของกจิ กรรมตามท่รี ะบุใน การปฏิบตั กิ จิ กรรมศกึ ษา หนังสือเรียนฯ/สื่อการเรยี นรู้ แลว้ อภปิ ราย สุขศึกษาและพลศกึ ษา สมบรู ณ์ แบบ ม. 3* *ดูรายละเอยี ดในเอกสาร/ความรูเ้ สรมิ สาหรับครู • ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) วิธีการวดั และประเมนิ ผล เคร่อื งมือวดั และประเมินผล เกณฑก์ ารวัดและประเมินผล • สงั เกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม • ผา่ นเกณฑ์เฉลี่ยระดับคุณภาพ ของนกั เรียน ค่านยิ ม และคณุ ลกั ษณะอันพงึ 4 ข้นึ ไป ประสงค์* *ดูรายละเอยี ดในเอกสาร/ความรูเ้ สริมสาหรบั ครู • ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) เครอ่ื งมอื วัดและประเมนิ ผล เกณฑ์การวดั และประเมินผล วิธีการวัดและประเมินผล • แบบประเมินทกั ษะ/ • ผา่ นเกณฑ์เฉลีย่ ระดับคณุ ภาพ • สงั เกตพฤติกรรมการแสดงออก กระบวนการ* 4 ขึ้นไป ของนกั เรียน *ดรู ายละเอียดในเอกสาร/ความรู้เสริมสาหรบั ครู 5. สาระการเรียนรู้ 5. การทดสอบสมรรถภาพเพ่อื สุขภาพ 5.1 รูปแบบการทดสอบสมรรถภาพทางกาย 5.2 เกณฑม์ าตรฐานสมรรถภาพทางกาย 6. แนวทางบรู ณาการ สังคมศกึ ษาฯ ศกึ ษาเกย่ี วกับ ระดบั สมรรถภาพทางกายของบุคคลในชุมชน ภาษาตา่ งประเทศ ฟงั อ่าน และเขียนคาศพั ท์ภาษาอังกฤษทเี่ กี่ยวขอ้ งกบั การทดสอบ สมรรถภาพทางกาย วิทยาศาสตร์ สืบค้น ค้นควา้ เกยี่ วกบั ระดับสมรรถภาพของนักเรียนในระดบั ตา่ ง ๆ การงานอาชีพฯ ออกแบบและตกแต่งแผนทค่ี วามคิด ออกแบบและตกแต่งสมดุ ภาพ เกีย่ วกับรูปแบบของรายการการทดสอบสมรรถภาพทางกาย
7. กระบวนการจัดการเรยี นรู้ ข้นั ที่ 1: นาเข้าสบู่ ทเรยี น • นกั เรียนอาสาสมคั ร 3–4 คน ผลดั เปลยี่ นกันออกมานาเสนอผลการปฏบิ ตั ิกิจกรรมสารวจการใช้ เวลาว่างของสมาชกิ ในครอบครวั และกิจกรรมการเขยี นโปรแกรมการวางแผนปฏบิ ตั ิกจิ กรรมการ ออกกาลังกาย การพักผอ่ น และการสรา้ งเสรมิ สมรรถภาพทางกายใน 1 สัปดาหต์ามท่ีได้รับ มอบหมาย ในคาบเรยี นทผ่ี า่ นมาใหเ้ พ่อื น ๆ ฟงั หน้าช้ันเรยี น ขั้นที่ 2: กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ครูให้นักเรยี นร่วมกันดภู าพแสดงการทดสอบสมรรถภาพทางกายและระดมความคดิ ต่อกจิ กรรมในภาพ ดงั กลา่ ว โดยให้นกั เรยี นเชอ่ื มโยงความคดิ กบั การศกึ ษาในเร่อื ง การทดสอบสมรรถภาพทางกายเพอื่ สุขภาพ 2. นักเรยี นร่วมปฏบิ ตั ิกจิ กรรมศึกษาแล้วอภิปราย โดยแบง่ กลมุ่ เปน็ 8 กล่มุ แต่ละกลมุ่ ร่วมกันศึกษาตาม ประเดน็ ท่กี าหนดในเวลาท่ีครกู าหนด โดยใชข้ อ้ มลู จากหนงั สอื เรยี นฯ/สอื่ การเรยี นรู้ สขุ ศกึ ษาและพล ศึกษา สมบรู ณแ์ บบ ม. 3 ประกอบการนาเสนอเก่ียวกับวตั ถปุ ระสงค์ของการทดสอบ อปุ กรณ์ ประกอบ วธิ กี ารทดสอบ การบนั ทึกขอ้ มลู ระเบยี บการทดสอบ และการแปลผลการทดสอบ สมรรถภาพทางกายมาตรฐานระหว่างประเทศ กลุ่มท่ี 1 เรื่อง การทดสอบการวิง่ เร็วระยะทาง 50 เมตร กลมุ่ ที่ 2 เรอ่ื ง การยนื กระโดดไกล กลุ่มท่ี 3 เรื่อง การวดั แรงบบี มือทถ่ี นัด กลุ่มที่ 4 เรอ่ื ง การทดสอบการลกุ –นง่ั กลมุ่ ที่ 5 เรอ่ื ง การดงึ ขอ้ ราวเด่ยี วและการงอแขนหอ้ ยตัว กลมุ่ ท่ี 6 เร่อื ง การว่งิ เก็บของ กลมุ่ ท่ี 7 เรือ่ ง การวงิ่ ทางไกล กลุ่มท่ี 8 เร่อื ง การงอตวั ขา้ งหนา้ 2. นักเรยี นแตล่ ะกลมุ่ ผลัดเปลยี่ นกนั สง่ ตวั แทนออกมาสรุปผลการศึกษาค้นคว้าให้เพอ่ื น ๆ ฟัง ประกอบการสาธิตหน้าช้ันเรยี น และใหเ้ พอ่ื นสอบถามในประเด็นท่ีสงสยั หรือสนใจเพิ่มเติม ขั้นที่ 3: ฝกึ ฝนทกั ษะและประสบการณ์ • ใหน้ ักเรียนร่วมกนั ทดสอบและเกบ็ ขอ้ มลู รายการทดสอบในวันท่ี 1 รายการท่ี 1, 2, 8 ขนั้ ท่ี 4: การนาไปใช้ • มอบหมายให้นักเรยี นเตรยี มปฏบิ ัตกิ ิจกรรมการทดสอบและเก็บข้อมูลรายการทดสอบในวันท่ี 2 รายการที่ 3, 4, 5, 6และ 7 นอกเวลาเรียนและนาผลการทดสอบมานาเสนอในคาบเรยี น ตอ่ ไป ข้นั ที่ 5: สรปุ ความรู้ • ครแู ละนกั เรยี นสรุปความร้แู ละผลท่ไี ด้จากการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมรว่ มกนั แล้วให้นักเรียนบนั ทึก ความรโู้ ดยสงั เขปลงในสมุดบนั ทึก
8. กจิ กรรมเสนอแนะ • นกั เรียนควรให้ความระมัดระวังในการทดสอบสมรรถภาพทางกายเพ่อื ปอู งกนั การบาดเจ็บ และอุบตั เิ หตุ ในขณะร่วมรบั การทดสอบ 9. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้ 1. ภาพหรือส่ือวีดทิ ัศนต์ า่ ง ๆ ที่มีเน้ือหาเกย่ี วข้องกบั รูปแบบวิธกี ารทดสอบสมรรถภาพทางกาย 2. ใบกิจกรรมที่ 32 เรอื่ ง ศกึ ษาแล้วอภปิ ราย 3. ใบกิจกรรมที่ 33 เร่อื ง การทดสอบสมรรถภาพทางกาย 4. ใบบนั ทึกกิจกรรมผลการทดสอบสมรรถภาพ 5. สนามกีฬา หรือสนามหญา้ หรือโรงฝึกพลศึกษา 6. อุปกรณ์สาหรบั ประกอบการทดสอบสมรรถภาพทางกาย 7. หนังสือเรยี น รายวิชาพน้ื ฐาน สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ม. 3 บรษิ ทั สานักพมิ พว์ ัฒนาพานชิ จากดั 8. สอ่ื การเรียนรู้ สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา สมบูรณแ์ บบ ม. 3 บริษทั สานักพมิ พ์วัฒนาพานชิ จากัด 9. แบบฝกึ ทักษะ รายวชิ าพื้นฐาน สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา ม. 3 บริษทั สานักพมิ พ์วัฒนาพานชิ จากัด
แผนการจัดการเรยี นรู้ 16 กลมุ่ สาระการเรียนรสู้ ุขศึกษาและพลศกึ ษา ช้นั มัธยมศกึ ษาปที ่ี 3 สาระการเรยี นรทู้ ่ี 4: การสร้างเสริมสุขภาพ สมรรถภาพ และการปอ้ งกันโรค เวลาเรยี น 2 ชว่ั โมง หนว่ ยการเรียนรูท้ ี่ 3 ใส่ใจสุขภาพ เวลาเรยี น 2 ชั่วโมง เร่ือง การทดสอบสมรรถภาพทางกายเพอ่ื สขุ ภาพ (ตอ่ ) เวลาเรยี น 1 ช่วั โมง สอนวนั ท่ี…….เดือน………………พ.ศ………..ชั้น ม.3/1 ภาคเรยี นที่ 1/....... สอนวันที่…….เดอื น………………พ.ศ………...ชัน้ ม.3/2 ภาคเรียนที่ 1/....... ครผู สู้ อน...........................................โรงเรยี นบ้านพณิ โท ............................................................................................................................. ...................................................... 1. สาระสาคัญ เกณฑม์ าตรฐานสมรรถภาพทางกายสาหรบั นักเรียนระดับมัธยมศึกษามาได้มาจากผลการศึกษากล่มุ นกั เรียนมธั ยมศึกษา ระดบั อายุ 13–18 ปี รวมทั่วประเทศไทย โดยสานักพัฒนาการพลศึกษา สขุ ภาพ และ นันทนาการกรมพลศกึ ษา (ปัจจุบันคอื กรมพลศกึ ษา กระทรวงการท่องเท่ยี วและกีฬา)ซ่งึ ทาการทดสอบตาม แบบทดสอบสมรรถภาพทางกายมาตรฐานระหวา่ งประเทศ (ICSPFT) และไดแ้ บ่งเกณฑ์มาตรฐานสมรรถภาพทาง กายเป็น 5 ระดับ คอื ดีมาก ดี ปานกลาง ตา่ และต่ามากโดยเม่อื ทาการทดสอบได้ค่าทดสอบเท่าไรให้นาไป เปรียบเทยี บกับเกณฑ์ทีก่ าหนดไว้ หากคนใดมีสมรรถภาพทางกายทด่ี ีหรอื ดมี ากก็ควรจะปฏบิ ัตติ นเพ่อื ดารง สมรรถภาพทดี่ ไี ว้ สาหรับผทู้ ม่ี ีสมรรถภาพทางกายปานกลางควรสร้างเสรมิ สมรรถภาพทางกายของตนให้ดขี ้ึนไป และผูท้ ม่ี ีสมรรถภาพทางกายต่าหรอื ต่ามาก ต้องทาการสร้างเสรมิ สมรรถภาพเพือ่ ฟืน้ ฟูสมรรถภาพทางกายใหอ้ ยู่ ในระดบั ท่ดี ตี อ่ ไป 2. ตัวชว้ี ัดช้นั ปี • ทดสอบสมรรถภาพทางกายและพัฒนาไดต้ ามความแตกตา่ งระหวา่ งบคุ คล (พ 4.1 ม. 3/5) 3. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 1. อธบิ ายและระบขุ น้ั ตอนการทดสอบสมรรถภาพทางกายดว้ ยแบบทดสอสบมรรถภาพทางกายมาตรฐาน ระหวา่ งประเทศอยา่ งถกู ต้องได้ (K) 2. เขา้ รว่ มปฏิบัติกจิ กรรมการทดสอบสมรรถภาพทางกายดว้ ยแบบทดสอบสมรรถภาพทางกาย มาตรฐานระหว่างประเทศร่วมกับผอู้ ืน่ ดว้ ยความสนใจใฝุรู้ (A) 3. วิเคราะหแ์ ละแปลผลการทดสอบสมรรถภาพทางกายดว้ ยแบบทดสอบสมรรถภาพทางกาย ระหวา่ งประเทศและแนวทางในการสร้างเสรมิ สมรรถภาพทางกาอยยา่ งถกู ตอ้ งได้ (P) 4. การวัดและประเมนิ ผลการเรียนรู้ • ด้านความรู้ (K) วิธีการวดั และประเมินผล เคร่อื งมอื วดั และประเมินผล เกณฑก์ ารวดั และประเมินผล
• ซกั ถามความรูเ้ ก่ียวกบั • แบบประเมนิ ผลการนาเสนอข้อมลู / • ผา่ นเกณฑเ์ ฉลย่ี ระดับ – ขัน้ ตอนการทดสอบ การอภิปราย/การแสดงความ คุณภาพ 4 ข้ึนไป สมรรถภาพทางกายด้วย คดิ เหน็ /การสรา้ งแผนทีค่ วามคิด* แบบทดสอบสมรรถภาพ ทางกายมาตรฐานระหวา่ ง ประเทศ – ผลการทดสอบสมรรถภาพ • แบบประเมนิ ผลการนาเสนอข้อมูล/ • ผา่ นเกณฑเ์ ฉล่ียระดบั ทางกายและแนวทางในการ การอภิปราย/การแสดงความ คณุ ภาพ 4 ขนึ้ ไป สรา้ งเสริมสมรรถภาพทาง คิดเห็น/การสรา้ งแผนท่ีความคิด* กาย *ดูรายละเอยี ดในเอกสาร/ความรูเ้ สรมิ สาหรบั ครู • ดา้ นคุณธรรม จรยิ ธรรม ค่านยิ ม และคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A) วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมนิ ผล เกณฑก์ ารวัดและประเมินผล • สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินคุณธรรม จริยธรรม • ผ่านเกณฑ์เฉล่ียระดบั คุณภาพ ของนักเรยี น ค่านิยม และคณุ ลักษณะอนั พงึ 4 ขน้ึ ไป ประสงค์* *ดูรายละเอยี ดในเอกสาร/ความรเู้ สรมิ สาหรับครู • ด้านทักษะ/กระบวนการ (P) วธิ กี ารวดั และประเมนิ ผล เครื่องมอื วัดและประเมนิ ผล เกณฑก์ ารวัดและประเมินผล • สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมนิ ทกั ษะ/ • ผา่ นเกณฑเ์ ฉลยี่ ระดับคณุ ภาพ 4 ขึ้นไป ของนักเรียน กระบวนการ* *ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู้เสรมิ สาหรบั ครู 5. สาระการเรียนรู้ 5. การทดสอบสมรรถภาพเพ่อื สขุ ภาพ (ตอ่ ) 5.2 เกณฑ์มาตรฐานสมรรถภาพทางกาย 6. แนวทางบรู ณาการ สังคมศึกษาฯ ศกึ ษาเกีย่ วกับระดบั สมรรถภาพทางกายของบคุ คลในชมุ ชน ภาษาต่างประเทศ ฟัง อ่าน และเขยี นคาศพั ทภ์ าษาอังกฤษท่เี กีย่ วข้องกับ การทดสอบ สมรรถภาพทางกาย
ภาษาไทย พดู คุยแสดงความคดิ เห็นและเขยี นสรปุ ความเข้าใจ และอ่านเร่อื งท่ี เกย่ี วกับ วิธกี ารอา่ นและแปลผลเกณฑ์สมรรถภาพทางกาย วิทยาศาสตร์ สืบคน้ คน้ คว้าเก่ียวกบั ระดับสมรรถภาพของนักเรยี นในระดับตา่ ง ๆ 7. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขน้ั ที่ 1: นาเข้าสบู่ ทเรียน • ครูสุ่มนักเรียนประมาณ 3–4 คน ใหอ้ อกมานาเสนอผลการปฏบิ ัตกิ จิ กรรมการทดสอบและเกบ็ ข้อมลู รายการทดสอบสมรรถภาพทางกายตามทไี่ ดร้ ับมอบหมายในคาบเรียนที่ผ่านมา ข้นั ท่ี 2: กิจกรรมการเรียนรู้ • ครูใหน้ ักเรียนรว่ มกนั นาเสนอเกีย่ วกบั ความรู้ความเขา้ ใจในเรอื่ ง เกณฑส์ มรรถภาพทางกายตามท่ีได้ ศึกษา และนาไปใช้ในการแปลผลข้อมลู โดยครใู หค้ วามรู้เพ่มิ เติม ขัน้ ท่ี 3: ฝกึ ฝนทกั ษะและประสบการณ์ 1. ครูใหน้ กั เรียนร่วมกันนาเสนอเกี่ยวกบั ปญั หา อุปสรรคที่เกดิ ข้นึ ในการทดสอบสมรรถภาพ ทางกาย และแนวทางในการแก้ไขปญั หา 2. ครใู ห้ขอ้ เสนอแนะแนวทางในการแก้ไขปัญหาเพิ่มเตมิ และเปิดโอกาสใหน้ กั เรียนสอบถามในประเดน็ ท่ี สงสัยและสนใจเพม่ิ เตมิ ขน้ั ที่ 4: การนาไปใช้ • ให้นกั เรยี นแต่ละคนผลัดเปล่ียนกนั นาเสนอผลการทดสอบสมรรถภาพทางกายจนครบทกุ คน จากน้ันให้รว่ มกนั เสนอแนะแนวทางการปรับปรงุ และดารงสมรรถภาพให้คงไว้ โดยครูใหค้ วามรู้และ คาแนะนาเพิ่มเตมิ ขั้นที่ 5: สรปุ ความรู้ 1. ครแู ละนกั เรียนสรปุ ความร้แู ละผลทไ่ี ด้จากการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมรว่ มกนั แล้วให้นกั เรียนบันทกึ ความร้โู ดยสังเขปลงในสมุดบันทกึ 2. นกั เรียนรว่ มกันทาแบบทดสอบความรู้ก่อนและหลงั การเรียน หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 3 ใสใ่ จ สุขภาพ 8. กจิ กรรมเสนอแนะ 1. นักเรยี นควรศกึ ษาคน้ คว้าความรเู้ รื่อง การทดสอบสมรรถภาพทางกาย เพิม่ เติมนอกเหนือจากบทเรยี น เพื่อเปน็ การเพ่มิ พนู ทกั ษะการเรียนรใู้ นเรือ่ งดังกลา่ วและสามารถนามาปรบั ใชใ้ นชวี ิตประจาวนั ไดอ้ ย่าง ถกู ต้องและเหมาะสมต่อไป 2. นักเรียนควรศึกษาในเรอ่ื ง ปจั จยั และพฤตกิ รรมเสยี่ งตอ่ สขุ ภาพ ดังรายละเอยี ดใน หนงั สอื เรยี นฯ/ส่ือการเรยี นรู้ สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา สมบรู ณ์แบบ ม. 3 มาลว่ งหนา้ เพอ่ื ประกอบการศกึ ษาในคาบเรียนตอ่ ไป 9. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้
1. แบบทดสอบความรกู้ อ่ นและหลังการเรียน หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 3 ใสใ่ จสขุ ภาพ จากดั 2. สนามกีฬา หรือสนามหญ้าหรือโรงฝึกพลศกึ ษา 3. ตารางการแปลผลเกณฑส์ มรรถภาพทางกาย 4. หนังสือเรียน รายวชิ าพื้นฐาน สุขศึกษาและพลศึกษา ม. 3 บริษทั สานักพมิ พว์ ฒั นาพานชิ จากัด 5. สื่อการเรยี นรู้ สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา สมบูรณแ์ บบ ม. 3 บริษทั สานักพิมพ์วัฒนาพานิช จากัด 6. แบบฝกึ ทักษะ รายวชิ าพน้ื ฐาน สุขศึกษาและพลศกึ ษา ม. 3 บรษิ ทั สานกั พิมพ์วฒั นาพานชิ
แผนการจัดการเรียนรู้ 17 กลมุ่ สาระการเรียนรู้สขุ ศึกษาและพลศึกษา ช้ันมธั ยมศึกษาปที ี่ 3 สาระการเรยี นรทู้ ่ี 5: ความปลอดภยั ในชวี ติ เวลาเรยี น 2 ชว่ั โมง หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี 4 ชีวติ ปลอดภยั เวลาเรยี น 2 ชั่วโมง เรื่อง ปจั จยั และพฤตกิ รรมเส่ยี งต่อสขุ ภาพ เวลาเรยี น 1 ชวั่ โมง สอนวนั ที่…….เดอื น………………พ.ศ………..ชัน้ ม.3/1 ภาคเรยี นที่ 1/....... สอนวนั ท่ี…….เดือน………………พ.ศ………...ชัน้ ม.3/2 ภาคเรียนที่ 1/....... ครูผสู้ อนนางสกุ ัญญลกั ษณ์ พิบูลสงั ข์ โรงเรียนบ้านพณิ โท ............................................................................................................................. ...................................................... 1.สาระสาคญั พฤติกรรมเส่ยี งต่อสขุ ภาพ หมายถงึ พฤติกรรมทางสขุ ภาพใด ๆ ของบุคคลในชุมชน เมอื่ ปฏบิ ัติแล้ว ก่อให้เกดิ ผลเสยี ต่อสุขภาพ นาไปสู่การเจ็บปุวยเปน็ โรค และเป็นอนั ตรายต่อชวี ิตของตนเอง ครอบครวั ตลอดจน บคุ คลอ่ืน ๆ ในชมุ ชน การรู้ถงึ ปจั จัยที่มผี ลตอ่ พฤติกรรมเสย่ี งต่อสขุ ภาพของตนเอง ครอบครวั และชมุ ชน เป็นส่ิงสาคัญท่ที าให้ คนเราเกดิ ความตระหนักและรับรู้ถึงสถานการณท์ างสขุ ภาพในปัจจบุ ันในเรื่องของการดูแลสุขภาพ การปอู งกนั โรค และการสร้างเสรมิ สขุ ภาพ ซง่ึ สง่ ผลใหม้ ีสุขภาพทด่ี ีทัง้ ทางรา่ งกายและจิตใจ 2. ตวั ช้ีวัดชน้ั ปี – วเิ คราะหป์ จั จัยเสีย่ งและพฤตกิ รรมทมี่ ผี ลต่อสขุ ภาพและแนวทางปอู งกัน (พ 5.1 ม. 3/1) 3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธิบายความหมายและความสาคัญของปัจจยั และพฤตกิ รรมเสยี่ งตอ่ สุขภาพอย่างถกู ต้องได้ (K) 2. อธบิ ายและระบแุ นวทางในการปูองกันพฤตกิ รรมเส่ยี งต่อสขุ ภาพอยา่ งถกู ต้องได้ (K, P) 3. ตระหนกั ถงึ ความสาคัญของปัจจัยและพฤติกรรมเส่ียงต่อสขุ ภาพ (A) 4. ส่ือสารเพื่ออธิบายความหมาย ความสาคัญ แนวทางในการปอู งกันพฤตกิ รรมเสย่ี งต่อสุขภาพ ให้ผอู้ น่ื เข้าใจได้ (P) 4. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ • ด้านความรู้ (K) วธิ กี ารวัดและประเมนิ ผล เครื่องมือวัดและประเมนิ ผล เกณฑ์การวัดและประเมินผล – • ทดสอบความร้พู น้ื ฐาน • แบบทดสอบความรกู้ อ่ นและหลงั • ผา่ นเกณฑเ์ ฉล่ยี ระดับ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 4 การเรียน หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 4 คุณภาพ 4 ขนึ้ ไป ชีวติ ปลอดภัย ชีวติ ปลอดภยั • ซกั ถามความรเู้ กยี่ วกบั • แบบประเมนิ ผลการนาเสนอขอ้ มลู / – ความหมายและ การอภิปราย/การแสดงความ
ความสาคัญ คดิ เหน็ /การสรา้ งแผนที่ความคิด* ของปจั จยั และ พฤตกิ รรม เสย่ี งตอ่ สุขภาพ วธิ ีการวัดและประเมินผล เคร่ืองมือวัดและประเมนิ ผล เกณฑ์การวดั และประเมนิ ผล • ผา่ นเกณฑเ์ ฉลีย่ ระดบั – ตวั อย่างของพฤติกรรม • แบบประเมินผลการนาเสนอข้อมูล/ คณุ ภาพ 4 ข้นึ ไป เส่ยี งตอ่ สุขภาพ การอภิปราย/การแสดงความ • ตามดลุ ยพินจิ ของครู – แนวทางในการปูองกนั คิดเหน็ /การสรา้ งแผนท่คี วามคิด* พฤตกิ รรมเสี่ยงตอ่ สขุ ภาพ • ตรวจสอบความถกู ตอ้ งของ • รปู แบบของกจิ กรรมตามท่ีระบุใน การปฏบิ ัตกิ ิจกรรมวิเคราะห์ หนังสอื เรียนฯ/ส่อื การเรียนรู้ ภาพและอภิปรายผล สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา สมบรู ณ์ แบบ ม.3* *ดรู ายละเอียดในเอกสาร/ความรู้เสริมสาหรบั ครู • ด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรม คา่ นิยม และคุณลักษณะอนั พึงประสงค์ (A) วิธกี ารวัดและประเมนิ ผล เครอ่ื งมอื วัดและประเมินผล เกณฑ์การวดั และประเมินผล • สังเกตพฤตกิ รรมการแสดงออก • แบบประเมนิ คุณธรรม จรยิ ธรรม • ผ่านเกณฑ์เฉลีย่ ระดบั คณุ ภาพ ของนกั เรียน ค่านยิ ม และคณุ ลกั ษณะอนั พึง 4 ขนึ้ ไป ประสงค์* *ดรู ายละเอียดในเอกสาร/ความรู้เสริมสาหรับครู • ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) เคร่ืองมือวดั และประเมินผล เกณฑ์การวดั และประเมินผล วิธกี ารวดั และประเมินผล • แบบประเมนิ ทกั ษะ/ • ผ่านเกณฑ์เฉลยี่ ระดับคณุ ภาพ • สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก กระบวนการ* 4 ขน้ึ ไป ของนักเรยี น *ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรเู้ สริมสาหรับครู 5. สาระการเรยี นรู้ 1. ปจั จยั และพฤติกรรมเส่ยี งตอ่ สขุ ภาพ 1.1 ความหมายและความสาคัญ 1.2 ตัวอย่างของพฤตกิ รรมเสีย่ งตอ่ สขุ ภาพ 1.3 แนวทางในการปอู งกันพฤตกิ รรมเส่ียงตอ่ สขุ ภาพ
6. แนวทางบรู ณาการ ฟัง อา่ น และเขียนคาศพั ทภ์ าษาองั กฤษท่ีเกี่ยวข้องกับปจั จัยและพฤติกรรม ภาษาตา่ งประเทศ เสี่ยงตอ่ สขุ ภาพ ภาษาไทย พดู แสดงความคิดเห็น เขียนสรุปความเขา้ ใจและอา่ นเรอื่ งทเ่ี กี่ยวข้องกบั แนวทางในการปอู งกนั พฤติกรรมเสี่ยงตอ่ สุขภาพ คณิตศาสตร์ รวบรวมและวิเคราะหข์ อ้ มลู สถิติของผไู้ ดร้ บั อบุ ตั ิเหตจุ ากการมพี ฤติกรรมเสี่ยง วิทยาศาสตร์ ต่อสขุ ภาพในชุมชน สบื ค้น คน้ ควา้ เกยี่ วกบั หนา้ ท่ีและระบบตา่ ง ๆ ในรา่ งกายทไี่ ด้รบั ผลกระทบจาก การมีพฤติกรรมเสย่ี งตอ่ สุขภาพ 7. กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ขั้นท่ี 1: นาเขา้ สูบ่ ทเรียน – ครูนาแบบทดสอบความร้กู ่อนการเรียน หน่วยการเรยี นรูท้ ี่4 ชีวติ ปลอดภยั แจกให้นกั เรยี น ทุกคนเพ่อื ทดสอบความร้คู วามเขา้ ใจพื้นฐาน โดยใชเ้ วลาตามทคี่ รูกาหนด ขั้นท่ี 2: กิจกรรมการเรยี นรู้ 1. ครูใหน้ ักเรยี นอาสาสมัครออกมานาเสนอผลการศกึ ษาคน้ คว้าในเร่ือง ปัจจยั และพฤตกิ รรมเสย่ี งตอ่ สขุ ภาพตามท่ไี ดม้ อบหมายในคาบเรียนท่ีผ่านมา เพ่ือทบทวนความรู้ 2. ครนู าภาพท่แี สดงพฤติกรรมเส่ียงตอ่ สุขภาพของบคุ คลในลักษณะตา่ ง ๆ โดยใหน้ กั เรยี นร่วมแสดงความ คดิ เห็นตอ่ คาถามท่ีครเู ตรียมมา เชน่ – จากภาพนกั เรียนคดิ ว่า พฤตกิ รรมของบคุ คลที่สังเกตเหน็ ในภาพแสดงออกถงึ พฤติกรรม เสย่ี งตอ่ สุขภาพอยา่ งไร – นักเรียนคิดวา่ พฤตกิ รรมเสย่ี งตอ่ สขุ ภาพดงั กลา่ ว ส่งผลกระทบตอ่ บุคคลได้อยา่ งไร 3. ครใู ห้ความรู้ในเรือ่ งปัจจยั และพฤติกรรมเสย่ี งตอ่ สขุ ภาพ ในหัวขอ้ 1.1 1.2 และ1.3 ดงั รายละเอียดใน หนังสือเรยี นฯ / สือ่ การเรียนรูส้ ขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา สมบรู ณ์แบบ ม. 3 ข้ันท่ี 3: ฝกึ ฝนทกั ษะและประสบการณ์ • นักเรียนแบ่งกลุ่มแต่ละกลุ่มร่วมกนั ปฏบิ ตั ิกิจกรรมวิเคราะห์ ภาพแล้วอภิปราย โดยแตล่ ะกล่มุ ผลัดเปลี่ยนกนั ส่งตวั แทนออกมาจบั สลากเพอ่ื นาภาพท่ีแสดงออกถงึ พฤตกิ รรมเส่ียงของบุคคลใน ลักษณะตา่ ง ๆ ท่ีครูเตรยี มมา นาไปรว่ มกันวิเคราะห์สรุปข้อคิดเห็นต่อพฤตกิ รรมในภาพที่เห็นรว่ มกัน โดยใชเ้ วลาตามทีค่ รกู าหนด ขน้ั ท่ี 4: การนาไปใช้ • ครูใหน้ ักเรยี นแต่ละกลุม่ ผลัดเปล่ยี นกันออกมานาเสนอผลการปฏิบตั กิ จิ กรรมวิเคราะหภ์ าพแลว้ อภิปราย ใหเ้ พอื่ นฟงั หน้าชน้ั เรียน และใหเ้ พื่อน ๆ รว่ มกันสอบถามและแสดงความคิดเหน็ โดยครูใหค้ วามร้แู ละ คาแนะนาเพิม่ เตมิ ข้นั ที่ 5: สรปุ ความรู้
• ครแู ละนักเรยี นสรปุ ความรแู้ ละผลท่ีไดร้ บั จากการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมร่วมกนั แลว้ ใหน้ ักเรียนบนั ทกึ ความรู้ โดยสงั เขปลงในสมดุ บนั ทกึ 8. กจิ กรรมเสนอแนะ • นักเรียนควรศึกษาในเรือ่ ง พฤติกรรมการใชค้ วามรุนแรงในวัยรุน่ ดังรายละเอยี ด ในหนงั สือเรยี นฯ/สอ่ื การเรียนรู้ สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา สมบรู ณ์แบบ ม. 3 มาลว่ งหนา้ เพือ่ ประกอบการศึกษาในคาบเรียนตอ่ ไป 9. สอ่ื /แหล่งการเรยี นรู้ จากดั 1. แบบทดสอบความรู้ก่อนและหลงั การเรียน หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 4 ชีวติ ปลอดภยั 2. ภาพแสดงลกั ษณะการแสดงออกทางพฤติกรรมเสี่ยงของบุคคลในลกั ษณะตา่ ง ๆ 3.แบบทดสอบความรู้กอ่ นการเรยี น หนว่ ยการเรียนรูท้ ่ี4 ชีวิตปลอดภัย 4. ใบกจิ กรรมท่ี 34 เรอ่ื ง วิเคราะหภ์ าพแลว้ อภปิ ราย 5. หนงั สือเรียน รายวชิ าพ้ืนฐาน สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ม. 3 บรษิ ทั สานกั พมิ พ์วัฒนาพานชิ จากัด 6. สื่อการเรยี นรู้ สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา สมบรู ณแ์ บบ ม. 3 บริษัท สานกั พิมพว์ ฒั นาพานชิ จากดั 7. แบบฝกึ ทักษะ รายวชิ าพ้ืนฐาน สุขศึกษาและพลศกึ ษา ม. 3 บรษิ ทั สานักพิมพ์วัฒนาพานชิ
แผนการจัดการเรยี นรู้ 18 กลมุ่ สาระการเรยี นรู้สุขศึกษาและพลศกึ ษา ชน้ั มัธยมศึกษาปีท่ี 3 สาระการเรยี นรู้ท่ี 5 ; ความปลอดภยั ในชีวิต เวลาเรยี น 2 ชว่ั โมง หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ชวี ติ ปลอดภัย เวลาเรยี น 2 ช่วั โมง เรือ่ ง พฤตกิ รรมการใชค้ วามรุนแรงในวยั รุ่น เวลาเรยี น 1 ชั่วโมง สอนวันที่…….เดือน………………พ.ศ………..ชั้น ม.3/1 ภาคเรียนที่ 1/....... สอนวันท่ี…….เดือน………………พ.ศ………...ชั้น ม.3/2 ภาคเรียนที่ 1/....... ครูผสู้ อน............................................. โรงเรยี นบ้านพณิ โท ................................................................................................................................................................... ................ 1. สาระสาคัญ ปัจจุบนั ปัญหาพฤติกรรมการใชค้ วามรนุ แรงในวยั ร่นุ เป็นอีกปญั หาหนง่ึ ทสี่ าคัญในสังคมไทย ความรนุ แรงที่ เกิดข้ึนนอกจากจะส่งผลตอ่ ตัววัยรุน่ เองแลว้ บางคร้ังความรุนแรงดงั กล่าวยงั ลกุ ลามมาสร้างปัญหาใหเ้ กดิ ขนึ้ กับ ผคู้ นในสงั คมด้วย ดังจะเห็นไดจ้ ากในหลายกรณีทมี่ กี ารนาเสนอผ่านส่อื ตา่ ง ๆ นักเรยี นเปน็ ผู้ท่อี ยูใ่ นชว่ งชวี ิตของ การเปน็ วัยรนุ่ เปน็ ผูท้ ม่ี ีโอกาสเสีย่ งที่จะเป็นผู้กระทาหรอื ถูกกระทาท่ีเก่ียวข้องกบั ความรุนแรง จงึ ควรไดศ้ ึกษาและ ทาความเข้าใจเก่ยี วกับความหมายและประเภทของความรนุ แรง ตลอดจนผลกระทบและแนวทางในการแกป้ ญั หา ดงั กล่าว จะช่วยใหเ้ กิดความตระหนกั ต่อปัญหา และหลกี เลยี่ งต่อการสร้างความรุนแรงให้เกิดขึน้ ในสังคม นอกจากน้ยี งั สามารถที่จะเผชญิ กบั สถานการณ์ตา่ ง ๆ ท่อี าจนาไปสคู่ วามรนุ แรงไดอ้ ย่างถกู ต้องเหมาะสมตอ่ ไป 2. ตัวชว้ี ัดช้ันปี 1. วิเคราะหป์ จั จัยเสี่ยงและพฤตกิ รรมที่มีผลตอ่ สขุ ภาพและแนวทางปอู งกัน (พ 5.1 ม. 3/1) 2. หลีกเลี่ยงการใช้ความรนุ แรงและชักชวนเพ่ือนใหห้ ลกี เลี่ยงการใชค้ วามรนุ แรงในการแก้ปัญหา (พ 5.1 ม. 3/2) 3. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธิบายความหมายและการจดั กลุม่ ความรุนแรง อย่างถกู ตอ้ งได้ (K) 2. อธบิ ายและระบุปัจจยั ที่เป็นสาเหตขู องการใช้ความรุนแรงในวยั รุ่นอยา่ งถูกตอ้ งได้ (K, P) 2. ตระหนักถงึ ความสาคญั ในการเรยี นรแู้ ละปฏิบัตกิ ิจกรรมเกย่ี วกับพฤตกิ รรมการใชค้ วามรุนแรงในวยั ร่นุ (A) 3. แสดงทักษะในการหลกี เลี่ยงพฤติกรรมการใช้ความรุนแรงท้ังภายในกลมุ่ และภายนอกกล่มุ อยา่ ง ถกู ต้อง ได้ (P)
4. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ • ดา้ นความรู้ (K) วิธีการวดั และประเมนิ ผล เครื่องมือวดั และประเมนิ ผล เกณฑก์ ารวดั และประเมินผล • ผา่ นเกณฑ์เฉล่ยี ระดับ • ซกั ถามความร้เู กย่ี วกับ • แบบประเมนิ ผลการนาเสนอขอ้ มูล/ คณุ ภาพ 4 ขน้ึ ไป – ความหมายและการจัด การอภปิ ราย/การแสดงความ • ตามดลุ ยพินจิ ของครู กล่มุ ความรุนแรง ปจั จัย คดิ เหน็ /การสร้างแผนท่คี วามคิด* • ตามดุลยพินจิ ของครู • ตามดุลยพนิ จิ ของครู ที่เปน็ สาเหตพุ ฤติกรรม การใชค้ วามรุน่ แรงใน วัยรนุ่ – แนวทางในการปฏิบัตติ น เพือ่ หลกี เลย่ี ง และแกไ้ ข พฤตกิ รรมการใชค้ วาม รุนแรงทงั้ ภายในกลุม่ และ นอกกลุ่ม • ตรวจสอบความถูกตอ้ งของ • รปู แบบของกิจกรรมตามที่ระบใุ น การปฏิบตั กิ ิจกรรมแบง่ กลุ่ม หนงั สอื เรียนฯ/สื่อการเรยี นรู้ ร่วมตอบคาถาม สุขศึกษาและพลศกึ ษา สมบูรณ์ แบบ ม. 3 • ตรวจสอบความถกู ตอ้ งของ • รปู แบบของกจิ กรรมตามทีร่ ะบุใน การปฏิบัตกิ ิจกรรมแบง่ กลุ่ม หนงั สือเรยี นฯ/สือ่ การเรยี นรู้ แล้วอภปิ ราย สขุ ศกึ ษาและพลศึกษา สมบรู ณ์ แบบ ม. 3 • ตรวจสอบความถูกต้องของ • รปู แบบของกิจกรรมตามท่รี ะบุใน การปฏิบตั กิ ิจกรรมการจัดทา หนงั สือเรียนฯ/สอ่ื การเรียนรู้ สมดุ ภาพ สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา สมบูรณ์ แบบ ม. 3 *ดรู ายละเอยี ดในเอกสาร/ความรูเ้ สริมสาหรับครู • ด้านคณุ ธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) วธิ ีการวดั และประเมินผล เคร่อื งมอื วดั และประเมินผล เกณฑก์ ารวัดและประเมนิ ผล • สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมนิ คณุ ธรรม จรยิ ธรรม • ผ่านเกณฑ์เฉล่ียระดับคณุ ภาพ ของนกั เรียน คา่ นยิ ม และคณุ ลักษณะอนั พึง 4 ขน้ึ ไป ประสงค์* *ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรเู้ สรมิ สาหรับครู
• ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) เคร่อื งมือวดั และประเมนิ ผล เกณฑก์ ารวดั และประเมินผล วิธกี ารวัดและประเมนิ ผล • แบบประเมนิ ทักษะ/ • ผา่ นเกณฑเ์ ฉลี่ยระดบั คุณภาพ กระบวนการ* 4 ขนึ้ ไป • สงั เกตพฤติกรรมการแสดงออก ของนกั เรยี น *ดรู ายละเอยี ดในเอกสาร/ความรู้เสรมิ สาหรับครู 5. สาระการเรียนรู้ 2. พฤตกิ รรมการใชค้ วามรุนแรงในวัยรุน่ 2.1 ความหมายและการจดั กลุ่มความรนุ แรง 2.2 ปัจจัยท่ีเป็นสาเหตุของพฤตกิ รรมการใชค้ วามรุนแรง 2.3 พฤตกิ รรมและสาเหตุของการใชค้ วามรนุ แรงในวัยรุ่น 6. แนวทางบรู ณาการ สงั คมศึกษาฯ ศกึ ษาพูดคยุ เก่ยี วกบั ข่าวการเกดิ สถานการณก์ ารใช้ความรุนแรงของ วัยร่นุ ในสังคมไทย ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเหน็ เขียนสรุปความเขา้ ใจ และอ่านเร่ืองที่ เกีย่ วกับแนวทางในการปฏิบตั ติ นเพือ่ หลีกเล่ียงพฤตกิ รรมการใช้ ความรุนแรงในวัยรุน่ คณิตศาสตร์ รวบรวมสถติ กิ ารเกดิ สถานการณ์ การใช้ความรุนแรงของ วัยร่นุ ในสังคมไทย ศิลปะ จดั และตกแต่งสมุดภาพ/สมดุ ข่าวทแี่ สดงถึงพฤติกรรมการใช้ความรุนแรงของ วัยรนุ่ ท่เี กดิ ในสงั คม 7. กระบวนการจัดการเรียนรู้ ขัน้ ท่ี 1: นาเขา้ สู่บทเรยี น 1. ครูและนกั เรียนสนทนาการเก่ียวกับการศึกษาและการปฏิบตั กิ จิ กรรมในคาบเรยี นทผี่ ่านมา เพ่ือทบทวนความรู้ 2. ครใู ห้นกั เรียนทม่ี ปี ระสบการณ์เก่ยี วกบั การรบั รใู้ นเรอื่ งสถานการณ์การใชค้ วามรนุ แรงของ วัยร่นุ ในสังคมไทยออกมาเล่าเกีย่ วกับประสบการณ์ดังกล่าวใหเ้ พือ่ นฟังหนา้ ชนั้ เรียน เพือ่ ให้นักเรยี นตระหนกั ถึงความสาคัญของการปฏิบตั ติ นทีถ่ ูกตอ้ งในเรอื่ งดังกล่าว ข้นั ท่ี 2: กิจกรรมการเรียนรู้ 1. ครูให้ความรใู้ นเรื่อง ความหมายและการจดั กลุ่มความรนุ แรง และปัจจัยทเี่ ป็นสาเหตขุ อง พฤตกิ รรมการใช้ความรุนแรง ดงั รายละเอียดในหนงั สอื เรยี นฯ/ส่ือการเรยี นรู้ สุขศึกษาและ พลศึกษา สมบูรณ์แบบ ม. 3
2. ใหน้ ักเรยี นสอบถามในประเดน็ ทีส่ งสัยและสนใจเพิม่ เติม ขน้ั ท่ี 3: ฝึกฝนทักษะและประสบการณ์ 1. นกั เรียนแบ่งกลมุ่ ออกเป็น 3 กลมุ่ แต่ละกลุ่มร่วมกันปฏบิ ตั กิ จิ กรรมแบง่ กลุม่ แล้วอภิปราย โดยใช้เวลาตามทีค่ รูกาหนด กลมุ่ ท1ี่ เร่ือง พฤติกรรมการใชค้ วามรุนแรงภายในกลุ่มของวัยรุน่ กลุม่ ที่ 2 เร่ือง ปัจจัยท่ีเปน็ สาเหตขุ องการเกิดพฤตกิ รรมการใชค้ วามรุนแรงภายนอกกลุ่มของ วัยร่นุ กลุม่ ที่ 3 เร่อื ง แนวทางในการปอ้ งกันและแก้ไขพฤตกิ รรมการใชค้ วามรนุ แรงภายนอกกลุ่ม ของวยั รุ่น ดังรายละเอยี ดในหนงั สือเรียนฯ/ส่อื การเรียนรู้ สุขศึกษาและพลศกึ ษา สมบูรณ์แบบ ม. 3 2. ครสู ุ่มนักเรยี นแตล่ ะกลุ่มผลดั เปล่ยี นกนั ออกมาอา่ นข้อความที่เขยี นในแบบบันทึกจากการ ปฏิบตั ิกจิ กรรมให้เพื่อนฟงั หนา้ ชั้นเรียน โดยครูใหค้ าแนะนาเพิ่มเตมิ ขั้นที่ 4: การนาไปใช้ 1. นักเรียนแต่ละกล่มุ รว่ มกันปฏบิ ตั ิกิจกรรมแบง่ กลุม่ ร่วมตอบคาถามและแสดงความ คดิ เห็น ดงั รายรายละเอยี ดในหนงั สอื เรียนฯ /สอื่ การเรยี นรู้ สุขศึกษาและพลศึกษา สมบรู ณ์แบบ ม. 3 2. มอบหมายให้นักเรียนจดั ทาสมดุ ขา่ วหรอื ภาพทแ่ี สดงถงึ พฤตกิ รรมการใชค้ วามรนุ แรงของวัยรนุ่ ท่เี กิดใน สงั คม ดังรายรายละเอยี ดในหนงั สือเรยี นฯ/สอ่ื การเรียนรู้ สุขศกึ ษาและพลศึกษาสมบรู ณ์แบบ ม. 3 ขัน้ ที่ 5: สรุปความรู้ • ครูและนักเรียนสรปุ ความรู้และผลทไ่ี ดร้ ับจากการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมร่วมกนั แล้วให้นักเรยี นบันทกึ ความรู้ โดยสงั เขปลงในสมดุ บันทึก 8. กิจกรรมเสนอแนะ • นักเรียนควรศกึ ษาเนือ้ หาเกย่ี วกบั เรอื่ ง พฤตกิ รรมการใชค้ วามรุนแรงในวัยร่นุ จากส่อื และแหล่งเรยี นรู้ ตา่ ง ๆ เพิ่มเตมิ และควรศึกษาในเรอื่ ง อิทธพิ ลของส่อื ตอ่ พฤตกิ รรมสขุ ภาพและความรนุ แรง ดงั รายละเอยี ด ในหนงั สอื เรยี นฯ/ส่อื การเรยี นรู้ สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา สมบูรณแ์ บบ ม. 3 มาล่วงหน้า เพื่อประกอบการศึกษาในคาบเรียนต่อไป 9. สอ่ื /แหล่งการเรียนรู้ 1. ใบกิจกรรมที่ 35 เรอื่ ง แบง่ กล่มุ แลว้ อภปิ ราย 2. ใบกิจกรรมท่ี 36 เร่อื ง แบ่งกล่มุ ร่วมตอบคาถาม 3. ใบกิจกรรมที่ 37 เร่อื ง การจดั ทาสมดุ ภาพ 4. หนังสอื เรียน รายวชิ าพื้นฐาน สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา ม. 3 บรษิ ัท สานกั พิมพว์ ฒั นาพานชิ จากัด 5. ส่อื การเรยี นรู้ สขุ ศึกษาและพลศึกษา สมบูรณ์แบบ ม. 3 บริษัท สานกั พมิ พ์วัฒนาพานิช จากดั 6. แบบฝึกทักษะ รายวชิ าพื้นฐาน สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ม. 3 บริษทั สานกั พิมพว์ ฒั นาพานิช จากัด
แผนการจัดการเรียนรู้ 19 กล่มุ สาระการเรียนรสู้ ุขศึกษาและพลศกึ ษา ช้นั มธั ยมศึกษาปีท่ี 3 สาระการเรยี นรูท้ ี่ 5 ; ความปลอดภัยในชวี ิต เวลาเรียน 2 ชัว่ โมง หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 4 ชวี ติ ปลอดภยั เวลาเรียน 2 ช่วั โมง เรอ่ื ง อิทธิพลของส่ือตอ่ พฤติกรรมสุขภาพและความรุนแรง เวลาเรียน 1 ชั่วโมง สอนวันที่…….เดือน………………พ.ศ………..ช้ัน ม.3/1 ภาคเรียนท่ี 1/....... สอนวนั ท่ี…….เดอื น………………พ.ศ………...ช้นั ม.3/2 ภาคเรียนที่ 1/....... ครผู สู้ อน............................................. โรงเรยี นบา้ นพิณโท .......................................................................................... .............................................................................. ........... 1. สาระสาคัญ ปัจจุบนั เปน็ ยุคโลกไร้พรมแดน ผู้คนทุกเพศทกุ วยั ล้วนต้องการการบริโภคข้อมลู ขา่ วสาร ทาใหส้ อ่ื มี บทบาทความสาคัญเพ่มิ มากข้นึ เร่ือย ๆ ในทางกลบั กันสอื่ จะตอ้ งเพอื่ ความระมดั ระวังในการทา หน้าท่ีให้มากขึ้น โดยเฉพาะการนาเสนอเนือ้ หาและเร่ืองราวของส่ือทุกรปู แบบ ทที่ าให้เกิดผลลบแกผ่ ้รู ับ การ นาเสนอภาพหรอื ข้อความทีแ่ สดงออกถึงการใช้ความรนุ แรง สอ่ื ลามกอนาจารท่ีกอ่ ให้เกดิ พฤติกรรมการเลียนแบบ ในทางทไี่ ม่ถูกต้อง 2. ตัวชว้ี ัดชนั้ ปี • วิเคราะหอ์ ิทธิพลของส่อื ต่อพฤตกิ รรมสุขภาพและความรุนแรง (พ 5.1 ม. 3/3) 3. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 1. อธบิ ายความหมายของคาทีเ่ ก่ยี วขอ้ งกับอทิ ธิพลของสอ่ื ต่อพฤตกิ รรมสุขภาพและความรนุ แรงอย่างถกู ตอ้ ง ได้ (K) 2. อธิบายและยกตัวอย่างของสอ่ื ทีม่ ีผลตอ่ สขุ ภาพที่ดีและทีไ่ มด่ อี ยา่ งถกู ต้องได้ (K, P) 3. อธบิ ายและยกตวั อย่างของสอื่ ท่มี ผี ลใหเ้ กิดปัญหาความรุ่นแรงอยา่ งถกู ตอ้ งได้ (K, P) 4 . เขา้ รว่ มปฏบิ ตั กิ ิจกรรมการเรียนรเู้ กย่ี วกับอิทธิพลของสื่อต่อพฤตกิ รรมสขุ ภาพและความรุนแรง ร่วมกับผ้อู น่ื ด้วยความสนใจใฝเุ รยี นรู้ (A) 5. แสดงทกั ษะในการวิเคราะหล์ ักษณะของสอ่ื แตล่ ะประเภทอย่างถูกตอ้ งได้ (P) 4. การวัดและประเมินผลการเรยี นรู้ เกณฑก์ ารวัดและประเมินผล • ดา้ นความรู้ (K) วิธีการวัดและประเมินผล เคร่อื งมือวัดและประเมินผล • ซักถามความร้เู กี่ยวกบั • แบบประเมนิ ผลการนาเสนอข้อมูล/ • ผา่ นเกณฑ์เฉลยี่ ระดับ – ความหมายของคาท่ี การอภิปราย/การแสดงความ คุณภาพ 4 ข้ึนไป เก่ียวข้องกับอทิ ธพิ ลของ คดิ เห็น/การสร้างแผนทค่ี วามคดิ * ส่ือ
ตอ่ พฤติกรรมสุขภาพและ เครอื่ งมือวดั และประเมินผล เกณฑ์การวัดและประเมนิ ผล ความรุนแรง วิธกี ารวัดและประเมินผล – แนวทางการปอู งกนั แก้ไข • แบบประเมินผลการนาเสนอข้อมูล/ • ผ่านเกณฑ์เฉลี่ยระดับ ปัญหาจากอิทธิพลของสือ่ การอภิปราย/การแสดงความ คุณภาพ 4 ขน้ึ ไป ที่มีผลตอ่ สขุ ภาพและ คดิ เหน็ /การสร้างแผนท่คี วามคิด* ความ รนุ แรง • ตรวจสอบความถกู ต้องของ • รูปแบบของกิจกรรมตามทร่ี ะบุใน • ตามดุลยพินจิ ของครู การปฏบิ ตั ิกิจกรรมระดม หนงั สอื เรียนฯ/สอื่ การเรียนรู้ ความคิดเห็น สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา สมบูรณ์ แบบ ม. 3 • ตรวจสอบความถูกตอ้ งของ • รปู แบบของกจิ กรรมตามที่ระบใุ น • ตามดุลยพินิจของครู การปฏบิ ตั ิกิจกรรมการทา หนงั สือเรียนฯ/สือ่ การเรยี นรู้ สมดุ ภาพ สขุ ศกึ ษาและพลศกึ ษา สมบูรณ์ แบบ ม. 3 *ดรู ายละเอยี ดในเอกสาร/ความรเู้ สรมิ สาหรับครู • ดา้ นคณุ ธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A) วิธกี ารวัดและประเมินผล เครื่องมือวัดและประเมนิ ผล เกณฑก์ ารวัดและประเมนิ ผล • สงั เกตพฤตกิ รรมการแสดงออก • แบบประเมนิ คณุ ธรรม จริยธรรม • ผ่านเกณฑเ์ ฉลีย่ ระดับคุณภาพ ของนักเรยี น ค่านยิ ม และคุณลักษณะอันพงึ 4 ขึน้ ไป ประสงค์* *ดูรายละเอยี ดในเอกสาร/ความรเู้ สริมสาหรบั ครู • ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) วธิ ีการวดั และประเมินผล เคร่อื งมือวัดและประเมนิ ผล เกณฑ์การวัดและประเมินผล • สังเกตพฤตกิ รรมการแสดงออก • แบบประเมนิ ทักษะ/ • ผ่านเกณฑ์เฉล่ยี ระดบั คณุ ภาพ 4 ขึ้นไป ของนักเรยี น กระบวนการ* *ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความรู้เสรมิ สาหรบั ครู 5. สาระการเรยี นรู้ 3. อทิ ธพิ ลของสอื่ ต่อพฤติกรรมสขุ ภาพและความรนุ แรง 3.1 ความหมายของคาทเี่ กี่ยวข้อง
3.2 ตัวอย่างของสอ่ื ทสี่ ง่ ผลตอ่ พฤติกรรมสุขภาพและความรุนแรง 3.3 แนวทางการเลือกรบั สือ่ ทีเ่ หมาะสม 6. แนวทางบูรณาการ สงั คมศกึ ษาฯ ศึกษาคน้ คว้าเร่ือง ผลกระทบทีเ่ กดิ จากอิทธิพลของสือ่ ตอ่ พฤตกิ รรม สุขภาพและความรุนแรง ภาษาไทย พูดคุยแสดงความคิดเหน็ เขยี นสรปุ ความเขา้ ใจ และอ่านเร่อื งที่แนวทางปูองกัน ปัญหาท่ีเกดิ จากอิทธพิ ลของสอื่ คณิตศาสตร์ รวบรวมเปรยี บเทยี บสถิตเิ กี่ยวกบั การนาเสนอประเภทของสอื่ ในแต่ละลกั ษณะ ในรอบ 1 สปั ดาห์ การงานอาชพี ฯ ออกแบบและตกแตง่ สมดุ ภาพตวั อยา่ งการนาเสนอข่าว/ภาพท่แี สดงให้เหน็ ลักษณะของสอ่ื ประเภทตา่ ง ๆ 7. กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ข้ันท่ี 1: นาเข้าสู่บทเรยี น 1. ครแู ละนกั เรียนสนทนาเกีย่ วกับการศกึ ษาและการปฏิบตั ิกจิ รรมในคาบเรยี นท่ผี า่ นมา เพอ่ื ทบทวนความรู้ 2. ครสู มุ่ นกั เรียน 3–4 คน ผลดั เปลยี่ นกันออกมานาเสนอผลการศึกษาในเรอ่ื ง อทิ ธพิ ลของส่ือตอ่ พฤติกรรมสุขภาพและความรุนแรงตามท่ไี ดร้ บั มอบหมายในคาบเรียนท่ผี า่ นมา ขน้ั ท่ี 2: กจิ กรรมการเรยี นรู้ 1. ครูใหค้ วามร้ใู นเรือ่ ง อิทธพิ ลของส่อื ต่อพฤตกิ รรมสขุ ภาพและความรุนแรง ในหวั ข้อท่ี 3.1 3.2 3.3 และ 3.4 ดงั รายละเอยี ดในหนังสอื เรียนฯ/ส่ือการเรยี นรู้ สุขศึกษาและพลศกึ ษา สมบูรณแ์ บบ ม. 3 โดยใช้ภาพหรอื ขา่ วหรอื เหตุการณ์ท่สี ื่อนาเสนอ เปน็ ตวั อย่างการแบง่ ประเภทของสอ่ื ในแตล่ ะลักษณะ ประกอบการอธบิ าย 2. ครูเปิดโอกาสให้นกั เรียนสอบถามในประเดน็ ทสี่ งสัยและสนใจเพิม่ เติม ขั้นท่ี 3: ฝึกฝนทักษะและประสบการณ์ 1. นกั เรียนแบง่ ออกเปน็ 2 กลมุ่ แต่ละกล่มุ รว่ มกันปฏบิ ตั ิกจิ กรรมระดมความคดิ เหน็ โดย กลมุ่ ที่ 1 แนว ทางการปูองกันปัญหาจากอิทธิพลของส่อื สง่ ผลตอ่ พฤติกรรมสุขภาพ กลุ่มท่ี 2 แนวทางการปอู งกันปัญหาจากอิทธิพลของสื่อส่งผลใหเ้ กดิ ปัญหาความรุนแรง 2. แต่ละกลุม่ ผลดั เปลย่ี นกนั สง่ ตัวแทนออกมานาเสนอผลการปฏิบตั กิ ิจกรรม ตามประเด็นทก่ี าหนด โดย ให้เพือ่ น ๆ กลุ่มอืน่ รว่ มกันแสดงความคดิ เหน็ ต่อการปฏบิ ัตกิ ิจกรรมดังกลา่ ว และครูใหค้ วามรแู้ ละ คาแนะนาเพิม่ เตมิ ขนั้ ท่ี 4: การนาไปใช้ • มอบหมายใหน้ กั เรยี นปฏิบัติกิจกรรม การทาสมดุ ภาพดังรายละเอยี ดในหนังสือเรียนฯ/สอื่
การเรียนรู้ สขุ ศึกษาและพลศึกษา สมบรู ณ์แบบ ม. 3 นอกเวลาเรยี น โดยนามาเสนอในคาบ เรยี นต่อไป ขน้ั ท่ี 5: สรุปความรู้ • ครูและนกั เรียนสรุปความรูแ้ ละผลทไ่ี ดร้ ับจากการปฏบิ ตั ิกิจกรรมรว่ มกัน แลว้ ใหน้ กั เรียน บันทึกความร้โู ดยสงั เขปลงในสมุดบนั ทกึ 8. กิจกรรมเสนอแนะ 1. นกั เรยี นควรนาความรใู้ นเร่อื ง อิทธิพลของสอื่ ตอ่ พฤตกิ รรมสุขภาพและความรนุ แรงตามท่ี ไดศ้ ึกษาผา่ นมาไปถ่ายทอดให้แก่สมาชิกในครอบครัวของตนเอง เพือ่ เป็นการชว่ ยเสรมิ สร้าง ความรคู้ วามเข้าใจในเรอื่ งดังกล่าวใหถ้ ูกตอ้ งและสามารถนาไปปรับใช้ในชีวิตประจาวันได้ อยา่ งเหมาะสมตอ่ ไป 2. นักเรยี นควรศึกษาในเรอื่ ง เครอ่ื งด่ืมทม่ี แี อลกอฮอล์ดังรายละเอยี ดในหนังสือเรยี นฯ/ส่อื การเรียนรู้ สุข ศึกษาและพลศกึ ษาสมบูรณ์แบบ ม. 3 มาล่วงหนา้ เพอ่ื ประกอบการศึกษาในคาบเรยี นต่อไป 9. สอ่ื /แหลง่ การเรยี นรู้ จากดั 1. ภาพหรอื ข่าวหรอื เหตุการณ์ที่สือ่ นาเสนอ เป็นตวั อย่างการแบง่ ประเภทของส่อื ในแตล่ ะ ลักษณะ 2. ใบกิจกรรมที่ 38 เรือ่ ง ระดมความคิดเหน็ 3. ใบกจิ กรรมที่ 39 เรื่อง การทาสมดุ ภาพ 4. หนงั สือเรยี น รายวิชาพ้ืนฐาน สุขศกึ ษาและพลศึกษา ม. 3 บรษิ ัท สานักพมิ พ์วฒั นาพานิช จากดั 5. ส่ือการเรียนรู้ สขุ ศึกษาและพลศึกษา สมบรู ณ์แบบ ม. 3 บริษัท สานักพิมพ์วัฒนาพานิช จากัด 6. แบบฝึกทักษะ รายวิชาพนื้ ฐาน สุขศกึ ษาและพลศึกษา ม. 3 บริษัท สานกั พมิ พ์วัฒนาพานชิ
แผนการจดั การเรยี นรู้ 20 กลุ่มสาระการเรียนรู้สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา ชัน้ มัธยมศึกษาปีท่ี 3 สาระการเรยี นรู้ท่ี 5 ; ความปลอดภัยในชวี ิต เวลาเรยี น 2 ชั่วโมง หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 4 ชีวิตปลอดภยั เวลาเรยี น 2 ชว่ั โมง เร่ือง เคร่อื งดม่ื ทีม่ แี อลกอฮอล์ทส่ี ่งผลต่อสุขภาพและการเกิดอุบตั เิ หตุ เวลาเรยี น 1 ชั่วโมง สอนวันท่ี…….เดอื น………………พ.ศ………..ชัน้ ม.3/1 ภาคเรียนท่ี 1/....... สอนวนั ที่…….เดือน………………พ.ศ………...ชน้ั ม.3/2 ภาคเรียนที่ 1/....... ครผู สู้ อนนางสุกญั ญลักษณ์ พบิ ลู สงั ข์ โรงเรยี นบา้ นพิณโท ............................................................................................................................. ...................................................... 1. สาระสาคญั แอลกอฮอล์มีลกั ษณะเปน็ ของเหลวทไ่ี มม่ ีสแี ละไม่มีกลน่ิ แบง่ ออกเปน็ 2 ชนดิ คือ เมทิลแอลกอฮอล์และเอธลิ แอลกอฮอล์ ซ่ึงแอลกอฮอลท์ เี่ ปน็ ส่วนผสมในเครอ่ื งดม่ื คอื เอธลิ แอลกอฮอล์ ซึง่ เครือ่ งดื่มแตล่ ะชนดิ จะมีปริมาณ ของแอลกอฮอลท์ ่ีแตกตา่ งกัน เคร่ืองด่มื ที่มสี ่วนผสมของแอลกอฮอล์ไดแ้ ก่ ไวน์ แชมเปญ สาโท อุ กระแช่ น้าตาล เมา สาเก เบียร์ วสิ กี้ บร่ันดี คอนยัค วอดก้า การดมื่ เครือ่ งด่มื ท่มี ีส่วนผสมของแอลกอฮอล์จะทาให้ผดู้ ่ืมสนกุ สนานร่ืนเริง มีเกิดอาการมึนเมา ขาด สติสมั ปชัญญะ การตัดสนิ ใจผิดพลาด เกิดความคึกคะนอง กล้าเส่ยี งอนั ตราย เชน่ การขบั รถเร็ว ขบั รถแข่ง ก่อใหเ้ กิดอุบัติเหตุอย่างรุนแรงได้ 2. ตัวช้วี ดั ช้นั ปี • วเิ คราะห์ความสัมพนั ธ์ของการดื่มเครื่องดื่มทมี่ แี อลกอฮอล์ต่อสุขภาพและการเกิดอุบตั ิเหตุ ( 5.1 ม. 3/4) 3. จดุ ประสงค์การเรียนรู้ 1. อธิบายความหมาย ลกั ษณะ ชนดิ และระบุผลกระทบของการด่มื เครือ่ งด่ืมแอลกอฮอลท์ มี่ ผี ลกระทบต่อ สขุ ภาพและการเกิดอบุ ัตเิ หตอุ ยา่ งถกู ตอ้ งได้ (K, P) 2. เขา้ รว่ มปฏบิ ตั กิ จิ กรรมการเรยี นรเู้ กีย่ วกับเครอ่ื งด่มื ที่มแี อลกอฮอล์กับผู้อ่นื ด้วยความสนใจใฝรุ ู้ (A) 3. สือ่ สารเพ่ืออธิบายความรแู้ ละวิเคราะหค์ วามสัมพนั ธข์ องการดืม่ เคร่ืองดื่มทมี่ ีแอลกอฮอล์ตอ่ สขุ ภาพและการ เกิดอบุ ตั ิเหตใุ หผ้ ู้อ่นื เข้าใจอยา่ งถูกต้องได้ (P) 4. การวดั และประเมินผลการเรยี นรู้ • ด้านความรู้ (K) วิธีการวดั และประเมนิ ผล เครือ่ งมอื วดั และประเมินผล เกณฑ์การวัดและประเมินผล • ซกั ถามความรู้เก่ยี วกบั • แบบประเมนิ ผลการนาเสนอข้อมูล/ • ผา่ นเกณฑ์เฉล่ียระดับ คณุ ภาพ 4 ขน้ึ ไป – ความหมาย ลกั ษณะ ชนิด การอภิปราย/การแสดงความ และระบผุ ลกระทบของการ คิดเห็น/การสรา้ งแผนท่คี วามคดิ * ด่ืมเคร่อื งดมื่ แอลกอฮอลท์ ่ี มี
ผลกระทบต่อสุขภาพและ การเกิดอุบัตเิ หตุ วิธีการวัดและประเมินผล เครื่องมอื วัดและประเมนิ ผล เกณฑก์ ารวดั และประเมินผล • ตามดลุ ยพนิ จิ ของครู • ตรวจสอบความถกู ต้องของ • รปู แบบของกิจกรรมตามที่ระบใุ น การปฏิบัตกิ ิจกรรมวิเคราะห์ หนังสือเรยี นฯ/สื่อการเรียนรู้ สรปุ ผลกระทบของการดื่ม สขุ ศึกษาและพลศกึ ษา สมบรู ณ์ เครอื่ งดม่ื แอลกอฮอล์ทีม่ ี แบบ ม. 3* ผลกระทบต่อสุขภาพและ การเกดิ อุบัตเิ หตุดว้ ยแผนท่ี ความคดิ *ดรู ายละเอยี ดในเอกสาร/ความรู้เสริมสาหรับครู • ด้านคณุ ธรรม จรยิ ธรรม ค่านิยม และคุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ (A) วิธกี ารวดั และประเมนิ ผล เคร่อื งมอื วดั และประเมินผล เกณฑก์ ารวดั และประเมนิ ผล • สังเกตพฤติกรรมการแสดงออก • แบบประเมินคณุ ธรรม จริยธรรม • ผ่านเกณฑเ์ ฉลย่ี ระดบั คณุ ภาพ ของนักเรียน คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอันพึง 4 ข้ึนไป ประสงค์* *ดรู ายละเอียดในเอกสาร/ความรู้เสรมิ สาหรับครู • ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) เคร่อื งมือวดั และประเมินผล เกณฑ์การวดั และประเมินผล วิธีการวดั และประเมนิ ผล • แบบประเมนิ ทกั ษะ/ • ผา่ นเกณฑเ์ ฉลยี่ ระดับคณุ ภาพ • สงั เกตพฤติกรรมการแสดงออก กระบวนการ* 4 ข้ึนไป ของนกั เรยี น *ดูรายละเอียดในเอกสาร/ความร้เู สริมสาหรับครู 5. สาระการเรยี นรู้ 4. เครอ่ื งดื่มทม่ี แี อลกอฮอล์ 4.1 ลักษณะของเครอ่ื งดมื่ แอลกอฮอล์ 4.2 ผลกระทบของการดมื่ เคร่ืองดมื่ ทมี่ แี อลกอฮอลต์ อ่ สขุ ภาพและการเกดิ อบุ ตั ิเหตุ 6. แนวทางบูรณาการ สังคมศึกษาฯ ศกึ ษาค้นควา้ เรอ่ื ง เคร่อื งดม่ื ที่มแี อลกอฮอลผ์ สมท่สี ง่ ผลกระทบตอ่ สุขภาพของบุคคลในชุมชน
ภาษาไทย พูดคยุ แสดงความคิดเห็น เขยี นสรปุ ความเข้าใจในรปู แบบของแผนทคี่ วามคดิ วิทยาศาสตร์ เก่ยี วกับผลกระทบของการดม่ื เคร่อื งดื่มท่ีมแี อลกอฮอล์ตอ่ สุขภาพและการเกดิ อบุ ัตเิ หตุ สบื ค้น คน้ คว้าเกี่ยวกบั ความสัมพันธ์ของปญั หาสุขภาพและการเกิดอบุ ัติเหตุ สบื เนื่องจากการดมื่ เครื่องด่ืมทม่ี แี อลกอฮอลข์ องบคุ คล 7. กระบวนการจดั การเรยี นรู้ ข้ันท่ี 1: นาเข้าสู่บทเรยี น 1. ครูและนักเรยี นสนทนาเกีย่ วกบั การศกึ ษาและการปฏิบตั กิ ิจกรรมในคาบเรียนทผ่ี ่านมา เพ่ือทบทวนความรู้ 2. ครูสุ่มนักเรยี น 2–3 คน ผลัดเปล่ยี นกนั ออกมานาเสนอผลการปฏบิ ตั ิกจิ กรรมการจดั ทาสมุดภาพตามท่ี ไดร้ ับมอบหมายในคาบเรียนที่ผา่ นมา โดยใหเ้ พอื่ น ๆ รว่ มแสดงความคิดเห็น ข้ันท่ี 2: กจิ กรรมการเรียนรู้ 1. ครใู ห้ความรใู้ นเรือ่ ง เครอ่ื งด่ืมทมี่ ีแอลกอฮอล์ ในหวั ขอ้ 4.1และ4.2 โดยใชภ้ าพประกอบคาอธบิ ายดัง รายละเอยี ดในหนังสอื เรยี นฯ/สอื่ การเรยี นรู้ สุขศึกษาและพลศึกษา สมบูรณแ์ บบ .ม3 2. ครเู ปดิ โอกาสใหน้ ักเรียนสอบถามในประเดน็ ทีส่ งสยั และสนใจเพม่ิ เติม ขั้นที่ 3: ฝกึ ฝนทกั ษะและประสบการณ์ • นกั เรียนแบง่ กล่มุ แต่ละกลมุ่ รว่ มกันปฏิบตั ิกิจกรรมวิเคราะหส์ รปุ ผลกระทบของการดืม่ เครอื่ งดืม่ ทีม่ ีแอลกอฮอล์ทีม่ ีผลกระทบต่อสุขภาพและ การเกิดอุบัติเหตดุ ว้ ยแผนที่ ความคิดโดยใชเ้ วลาตามที่ครกู าหนด ขน้ั ที่ 4: การนาไปใช้ • นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ ส่งตัวแทนผลดั เปลี่ยนกันออกมานาเสนอผลการปฏบิ ัติกิจกรรมให้ เพอื่ น ๆ ฟงั หน้าช้ันเรยี น โดยครใู หค้ วามรู้และคาแนะนาเพ่ิมเตมิ ข้ันที่ 5: สรปุ ความรู้ • ครแู ละนักเรียนสรปุ ความรแู้ ละผลท่ีได้รบั จากการปฏิบตั ิกจิ กรรมร่วมกัน แลว้ ใหน้ กั เรียน บันทกึ ความรู้โดยสงั เขปลงในสมุดบันทึก 8. กิจกรรมเสนอแนะ 1. นักเรยี นควรนาความรใู้ นเรอ่ื ง เครอื่ งดมื่ ที่มแี อลกอฮอล์ ตามท่ไี ด้ศึกษาผา่ นมาไปถ่ายทอด ให้แก่สมาชิกในครอบครัวของตนเอง เพือ่ เป็นการชว่ ยเสรมิ สร้างความรคู้ วามเข้าใจในเรอื่ ง ดงั กล่าวใหถ้ ูกตอ้ งและสามารถนาไปปรับใช้ในชีวิตประจาวันได้ อยา่ งเหมาะสมตอ่ ไป 2. นักเรียนควรศกึ ษาในเรอ่ื ง การช่วยฟ้ืนคืนชพี ดงั รายละเอยี ดในหนงั สือเรยี นฯ/สอ่ื การเรยี นรู้ สขุ ศกึ ษา และพลศกึ ษาสมบรู ณแ์ บบ ม. 3 มาลว่ งหนา้ เพอื่ ประกอบการศกึ ษาในคาบเรียนต่อไป
9. สอ่ื /แหลง่ การเรียนรู้ จากดั 1. ภาพแสดงลักษณะเครื่องดม่ื ท่มี แี อลกอฮอลป์ ระเภทตา่ ง ๆ 2. ใบกจิ กรรมที่ 40 เรื่อง วเิ คราะห์ สรุปผลกระทบของการด่มื เครอ่ื งดม่ื แอลกอฮอลท์ ่มี ี ผลกระทบต่อสุขภาพและการเกิดอุบัติเหตดุ ว้ ยแผนทีค่ วามคิด 3. หนงั สือเรยี น รายวิชาพื้นฐาน สขุ ศึกษาและพลศึกษา ม. 3 บรษิ ทั สานักพิมพว์ ัฒนาพานชิ จากดั 4. ส่ือการเรยี นรู้ สุขศึกษาและพลศึกษา สมบรู ณ์แบบ ม.3 บริษัท สานกั พมิ พว์ ฒั นาพานิช จากดั 5. แบบฝึกทักษะ รายวิชาพ้ืนฐาน สุขศกึ ษาและพลศกึ ษา ม.3 บริษทั สานกั พมิ พ์วฒั นาพานิช
1 คู่มอื ครู แผนการจัดการเรียนรู้ สุขศึกษาและพลศึกษา ม. 3 ช้ันมธั ยมศึกษาปี ที่ 3 กล่มุ สาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 ออกแบบการจดั การเรียนรู้โดยใช้มาตรฐานการเรียนรู้และตัวช้ีวดั ชั้นปี เป็ นเป้ าหมาย ออกแบบการจดั การเรียนรู้โดยเน้นผ้เู รียนเป็ นศูนย์กลาง ใช้แนวคดิ Backward Design ผสมผสานกบั แนวคดิ ทฤษฎกี ารเรียนรู้ต่าง ๆ อย่างหลากหลาย ออกแบบการเรียนรู้เพอื่ พฒั นาสมรรถนะสําคญั ของผ้เู รียนในการส่ือสาร การคดิ การแก้ปัญหา การใช้ทกั ษะชีวติ และการใช้เทคโนโลยี แบ่งแผนการจดั การเรียนรู้เป็ นรายช่ัวโมง สะดวกในการใช้ มอี งค์ประกอบครบถ้วนตามแนวทางการจดั ทาํ แผนการจดั การเรียนรู้ของสถานศึกษา นําไปพฒั นาเป็ นผลงานทางวชิ าการเพอื่ เลอื่ นวทิ ยฐานะได้ ผู้เขยี น ผศ.เชาวลิต ภมู ิภาค กศ.บ., กศ.ม. กลั ยภฏั ร์ ศรีไพโรจน์ วท.บ. บรรณาธิการ วชิ ุดา คงสุทธ์ิ ค.บ., ค.ม. สมาพร ยงิ่ คุณธนา ศษ.บ., ศษ.ม. ทิวาวลี บุญญดิษฐ์ วท.บ., วท.ม.
2 คู่มือครู แผนการจัดการเรียนรู้ สุขศึกษาและพลศึกษา ม. 3 ช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ 3 กล่มุ สาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพนื้ ฐาน พทุ ธศักราช 2551 สงวนลิขสิทธิ์ตามกฎหมาย ห้ามละเมิด ทาํ ซา้ํ ดดั แปลง เผยแพร่ ส่วนใดส่วนหน่ึงเว้นแต่จะได้รับอนญุ าติ คณะผู้เขียน ผศ.เชาวลิต ภูมิภาค กศ.บ, กศ.ม. กลั ยภฏั ร์ ศรีไพโรจน์ วท.บ. คณะบรรณาธกิ าร สมาพร ยงิ่ คุณธนา ศษ.บ., ศษ.ม. วิชุดา คงสุทธ์ิ ค.บ., ค.ม.ทิวาวลี บุญญดิษฐ์ วท.บ., วท.ม. ISBN 978-974-18-6232-0 พมิ พ์ท่ี บริษทั โรงพมิ พ์วฒั นาพานิช จาํ กดั นายเริงชยั จงพิพฒั นสุข กรรมการผจู้ ดั การ สื่อการเรียนรู้ ระดบั ช้ันมธั ยมศึกษาตอนต้นและ มธั ยมศึกษาตอนปลาย กล่มุ สาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ตามหลกั สูตรแกนกลางฯ 2551 หนังสือเรียน (ฉบบั ศธ. อนุญาต) –แบบฝึ กทกั ษะ–แผนฯ (CD) –คู่มอื การสอน–ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint (CD) ระดับมธั ยมศึกษาตอนต้น • หนงั สือเรียน–แบบฝึ กทกั ษะ–แผนฯ(CD) –คูม่ ือการสอน–ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint (CD สุขศึกษาและพลศึกษา ม. 1.............. รศ.ดร. สมหมาย แตงสกลุ และคณะ • หนงั สือเรียน–แบบฝึ กทกั ษะ–แผนฯ(CD) –คูม่ ือการสอน–ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint (CD สุขศึกษาและพลศึกษา ม. 2.............. รศ.ดร. สมหมาย แตงสกุล และคณะ • หนงั สือเรียน–แบบฝึ กทกั ษะ–แผนฯ(CD) –คูม่ ือการสอน–สื่อการเรียนรู้ PowerPoint (CD สุขศึกษาและพลศึกษา ม. 3.............. รศ.ดร. สมหมาย แตงสกลุ และคณะ • หนงั สือเรียน รายวิชาเพมิ่ เตมิ พลศึกษา การออกกาํ ลงั กายเพอ่ื สุขภาพ ม. 1–3 ........................................................................................ผศ.เชาวลิต ภมู ิภาค และคณะ • หนงั สือเรียน รายวิชาเพม่ิ เตมิ พลศึกษา กรีฑา ม. 1–3 .............................................................................................................................ผศ.เชาวลิต ภูมิภาค และคณะ • หนงั สือเรียน รายวิชาเพม่ิ เติม พลศึกษา เทเบิลเทนนิส ม. 1–3 ................................................................................................................ผศ.เชาวลิต ภูมิภาค และคณะ • หนงั สือเรียน รายวิชาเพมิ่ เติม พลศึกษา ยมิ นาสตกิ ม. 1–3 .....................................................................................................................ผศ.เชาวลิต ภูมิภาค และคณะ • หนงั สือเรียน รายวิชาเพม่ิ เตมิ พลศึกษา กระบ่ี ม. 1–3 .............................................................................................................................ผศ.เชาวลิต ภูมิภาค และคณะ • หนงั สือเรียน รายวิชาเพม่ิ เติม พลศึกษา วอลเล่ย์บอล ม. 1–3 ...................................................................................................................ผศ.เชาวลิต ภมู ิภาค และคณะ • หนงั สือเรียน รายวิชาเพมิ่ เตมิ พลศึกษา บาสเกตบอล ม. 1–3 ...................................................................................................................ผศ.เชาวลิต ภมู ิภาค และคณะ • แผนการจดั การเรียนรู้ พลศึกษา ม. 1–3 .....................................................................................................................................................ผศ.เชาวลิต ภูมิภาค และคณะ ระดบั มธั ยมศึกษาตอนปลาย • หนงั สือเรียน–แบบฝึ กทกั ษะ–แผนฯ(CD) –คมู่ ือการสอน–ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint (CD สุขศึกษาและพลศึกษา 1 ม. 4-6.......... รศ.ดร. สมหมาย แตงสกลุ และคณะ • หนงั สือเรียน–แบบฝึ กทกั ษะ–แผนฯ(CD) –คมู่ ือการสอน–ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint (CD สุขศึกษาและพลศึกษา 2 ม. 4-6.......... รศ.ดร. สมหมาย แตงสกลุ และคณะ • หนงั สือเรียน–แบบฝึ กทกั ษะ–แผนฯ(CD) –คู่มือการสอน–ส่ือการเรียนรู้ PowerPoint (CD สุขศึกษาและพลศึกษา 3 ม. 4-6.......... รศ.ดร. สมหมาย แตงสกลุ และคณะ
3 คาํ นํา คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ สุขศึกษาและพลศึกษา ม. 1–3 ชุดน้ีเป็นสื่อการเรียนรู้ที่จดั ทาํ ข้ึน เพ่ือใชเ้ ป็นแนวทาง ในการจดั การเรียนรู้ โดยยดึ หลกั การออกแบบการจัดการเรียนรู้แบบ Backward Design ทเี่ น้นผู้เรียนเป็ นศูนย์กลาง(Child- Centered)ตามหลกั การที่เน้นผู้เรียนเป็ นสําคญั เพ่ือใหน้ กั เรียนมีส่วนร่วมในกิจกรรมและกระบวนการเรียนรู้ สามารถสร้าง องคค์ วามรู้ไดด้ ว้ ยตนเอง ท้งั เป็นรายบุคคลและเป็นกลุ่มบทบาทของครูมีหนา้ ท่ีเอ้ืออาํ นวยความสะดวกใหน้ กั เรียนประสบ ผลสาํ เร็จโดยสร้างสถานการณ์การเรียนรู้ท้งั ในหอ้ งเรียนและนอกหอ้ งเรียนทาํ ใหน้ กั เรียนสามารถเช่ือมโยงความรู้ในกลุ่ม สาระการเรียนรู้อ่ืน ๆไดใ้ นเชิงบูรณาการดว้ ยวิธีการท่ีหลากหลายเนน้ กระบวนการคิดวเิ คราะห์ สงั เคราะห์ และสรุปความรู้ ดว้ ยตนเอง ทาํ ใหน้ กั เรียนไดร้ ับการพฒั นาท้งั ดา้ นความรู้ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการดา้ นคุณธรรม จริยธรรมค่านิยมและ คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ นาํ ไปสู่การอยรู่ ่วมกนั ในสงั คมอยา่ งสนั ติสุข การจดั ทาํ คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ สุขศึกษาและพลศึกษา ม. 1–3 ชุดน้ีไดจ้ ดั ทาํ ตามหลกั สูตรแกนกลาง การศึกษาข้นั พ้นื ฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ซ่ึงครอบคลุมทุกสาระการเรียนรู้ โดยภายในเล่มได้ นาํ เสนอแผนการ จดั การเรียนรู้เป็นรายชวั่ โมงตามหน่วยการเรียนรู้ เพ่ือใหค้ รูนาํ ไปใชใ้ นการจดั การเรียนรู้ไดส้ ะดวกยงิ่ ข้ึน นอกจากน้ี แตล่ ะหน่วยการเรียนรู้ยงั มีการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ท้งั 3 ดา้ น ไดแ้ ก่ ดา้ นความรู้ ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ทาํ ใหท้ ราบผลการเรียนรู้แต่ละหน่วยการเรียนรู้ ของนกั เรียนไดท้ นั ที คู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้ สุขศึกษาและพลศึกษา ม. 1–3 ชุดน้ีนาํ เสนอเน้ือหาแบ่งเป็น 3 ตอน คือ ตอนท่ี 1 คาํ ชี้แจงการจัดแผนการจัดการเรียนรู้ ประกอบดว้ ยแนวทางการใชแ้ ผนการจดั การเรียนรู้ สญั ลกั ษณ์แสดงลกั ษณะและเป้ าหมายของกิจกรรมการเรียนรู้ การออกแบบการจดั การเรียนรู้ตามแนวคิดของ Backward Design (BwD) เทคนิคและวธิ ีการจดั การเรียนรู้–การวดั และประเมินผลกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและ พลศึกษา ตารางวิเคราะห์ความสอดคลอ้ งของหน่วยการเรียนรู้กบั สาระ/มาตรฐานการเรียนรู้และตวั ช้ีวดั ช้นั ปี โครงสร้างการแบ่งเวลารายชวั่ โมงและขอบข่ายสาระการเรียนรู้ ตอนที่ 2 แผนการจดั การเรียนรู้รายชั่วโมง ไดเ้ สนอแนะแนวทางการจดั การเรียนรู้แต่ละหน่วยการเรียนรู้ใน หนงั สือเรียนฯ/ส่ือการเรียนรู้ สมบรู ณ์แบบ แบ่งเป็นแผนยอ่ ยรายชว่ั โมง ซ่ึงแผนการจดั การเรียนรู้แต่ละแผนมี องคป์ ระกอบครบถว้ นตามแนวทางการจดั ทาํ แผนการจดั การเรียนรู้ของสถานศึกษา ตอนท่ี 3 เอกสาร/ความรู้เสริมสําหรับครู ประกอบดว้ ยตวั อยา่ งแบบทดสอบต่าง ๆ และความรู้เสริมสาํ หรับ ครู ซ่ึงบนั ทึกลงในซีดีรอม (CD-ROM) เพือ่ อาํ นวยความสะดวกใหค้ รูใชใ้ นการจดั กิจกรรมการเรียนการสอน คู่มอื ครู แผนการจัดการเรียนรู้ สุขศึกษาและพลศึกษา ม. 1–3 ชุดน้ีไดอ้ อกแบบการเรียนรู้ดว้ ยเทคนิคและ วิธีการสอนอยา่ งหลากหลาย หวงั วา่ จะเป็นประโยชนต์ ่อการนาํ ไปประยกุ ตใ์ ชใ้ นการจดั การเรียนรู้ใหเ้ หมาะสมกบั สภาพแวดลอ้ มของนกั เรียนต่อไป คณะผ้จู ดั ทาํ
4 สารบัญ ตอนที่ 1 คาํ ชี้แจงการจัดแผนการจัดการเรียนรู้.................................................................................................... 1–24 1. แนวทางการใชแ้ ผนการจดั การเรียนรู้......................................................................................................... 2 2. สญั ลกั ษณ์แสดงลกั ษณะและเป้ าหมายของกิจกรรมการเรียนรู้ .................................................................. 6 3. การออกแบบการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ตามแนวคิดของ Backward Design (BwD)................................. ..8 4. เทคนิคและวธิ ีการจดั การเรียนรู้–การวดั และประเมินผลกลุ่มสาระการเรียนรู้ สุขศึกษาและพลศึกษา ............................................................................................................................. 20 5. ตารางวิเคราะห์ความสอดคลอ้ งของหน่วยการเรียนรู้กบั สาระ/มาตรฐานการเรียนรู้ และตวั ช้ีวดั ช้นั ปี ..................................................................................................................................... 23 6. โครงสร้างการแบ่งเวลารายชว่ั โมงและขอบข่ายสาระการเรียนรู้............................................................. 24 ตอนที่ 2 แผนการจัดการเรียนรู้รายชั่วโมง กล่มุ สาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา.................................. 25–406 หน่วยการเรียนรู้ที่ 1 เรียนรู้ตวั เรา ..................................................................................................................... 26–61 ผงั มโนทศั นเ์ ป้ าหมายการเรียนรู้และขอบข่ายภาระงาน ....................................................................... 26 กรอบแนวคิดผงั การออกแบบการจดั กิจกรรมการเรียนรู้เพือ่ เนน้ สู่ผลลพั ธป์ ลายทาง .......................... 27 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 1 การปฐมนิเทศและการเจริญเติบโตและพฒั นาการของมนุษย์ ในแต่ละวยั ....................................................................................................... 34 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 2 การเจริญเติบโตและพฒั นาการของมนุษยใ์ นแต่ละวยั (ต่อ)................................ 40 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 3 อิทธิพลและความคาดหวงั ของสงั คมท่ีมีต่อการเปล่ียนแปลง ของวยั รุ่น .......................................................................................................... 46 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 4 อิทธิพลและความคาดหวงั ของสงั คมที่มีต่อการเปล่ียนแปลง ของวยั รุ่น (ต่อ )................................................................................................. 51 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 5 วยั รุ่นกบั ส่ือโฆษณา............................................................................................ 56 หน่วยการเรียนรู้ที่ 2 ชีวติ และครอบครัว .......................................................................................................... 62–91 ผงั มโนทศั นเ์ ป้ าหมายการเรียนรู้และขอบข่ายภาระงาน ....................................................................... 62 กรอบแนวคิดผงั การออกแบบการจดั กิจกรรมการเรียนรู้เพอ่ื เนน้ สู่ผลลพั ธ์ปลายทาง........................... 63 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 6 อนามยั เจริญพนั ธุ์................................................................................................ 68 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 7 อนามยั เจริญพนั ธุ์ (ต่อ)....................................................................................... 73 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 8 อนามยั เจริญพนั ธุ์ (ต่อ)....................................................................................... 77
5 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 9 ปัจจยั ท่ีมีผลกระทบต่อการต้งั ครรภ.์ ................................................................... 83 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 10 ปัญหาความขดั แยง้ ในครอบครัว....................................................................... 87 หน่วยการเรียนรู้ที่ 3 ใส่ใจสุขภาพ ................................................................................................................... 92–137 ผงั มโนทศั นเ์ ป้ าหมายการเรียนรู้และขอบข่ายภาระงาน ....................................................................... 92 กรอบแนวคิดผงั การออกแบบการจดั กิจกรรมการเรียนรู้เพอื่ เนน้ สู่ผลลพั ธป์ ลายทาง........................... 94 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 11 อาหารตามวยั ……………………………………………………….………. 105 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 12 โรคท่ีเป็นสาเหตุสาํ คญั ของการเจบ็ ป่ วยและการเสียชีวติ ของคนไทย............. 112 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 13 ปัญหาสุขภาพในชุมชน…….......................................................................... 117 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 14 การออกกาํ ลงั กาย การพกั ผอ่ น และการสร้างสมรรถภาพทางกาย.................. 122 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 15 การทดสอบสมรรถภาพทางกายเพ่ือสุขภาพ................................................... 128 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 16 การทดสอบสมรรถภาพทางกายเพ่ือสุขภาพ (ต่อ)........................................... 133 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 ชีวติ ปลอดภยั ................................................................................................................ 138–175 ผงั มโนทศั นเ์ ป้ าหมายการเรียนรู้และขอบข่ายภาระงาน ..................................................................... 138 กรอบแนวคิดผงั การออกแบบการจดั กิจกรรมการเรียนรู้เพ่ือเนน้ สู่ผลลพั ธ์ปลายทาง......................... 139 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 17 ปัจจยั และพฤติกรรมเส่ียงต่อสุขภาพ............................................................... 146 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 18 พฤติกรรมการใชค้ วามรุนแรง........................................................................ 152 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 19 อิทธิพลของสื่อต่อพฤติกรรมสุขภาพและความรุนแรง................................... 157 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 20 เคร่ืองด่ืมท่ีมีแอลกอฮอลท์ ี่ส่งผลต่อสุขภาพและการเกิดอุบตั ิเหตุ................... 162 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 21 การช่วยฟ้ื นคืนชีพ .......................................................................................... 167 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 22 การช่วยฟ้ื นคืนชีพ (ต่อ).................................................................................. 172 หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 เพม่ิ พนู ทักษะการเคลอ่ื นไหว ................................................................................ 176–267 ผงั มโนทศั นเ์ ป้ าหมายการเรียนรู้และขอบข่ายภาระงาน ..................................................................... 176 ผงั การออกแบบการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ ......................................................................................... 177 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 23 การปฐมนิเทศและการออกกาํ ลงั กายดว้ ยการเตน้ แอโรบิก............................. 185 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 24 การออกกาํ ลงั กายดว้ ยการเตน้ แอโรบิก (ต่อ)…............................................... 191 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 25 การออกกาํ ลงั กายดว้ ยการเตน้ แอโรบิก (ต่อ).................................................. 196 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 26 การออกกาํ ลงั กายดว้ ยการเตน้ แอโรบิก (ต่อ).................................................. 201 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 27 กิจกรรมนนั ทนาการเพ่ือชุมชน...................................................................... 206 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 28 กีฬาเพื่อพฒั นาคุณภาพชีวติ ………................................................................ 211 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 29 กีฬาเพอื่ พฒั นาคุณภาพชีวติ (ต่อ).................................................................... 217
6 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 30 กีฬาเพื่อพฒั นาคุณภาพชีวติ (ต่อ)………...................................................... 222 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 31 กีฬาเพอ่ื พฒั นาคุณภาพชีวติ (ต่อ)................................................................... 227 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 32 กีฬาเพอื่ พฒั นาคุณภาพชีวติ (ต่อ)………....................................................... 232 แผนการจดั การเรียนรู้ที่ 33 กีฬาเพื่อพฒั นาคุณภาพชีวติ (ต่อ)................................................................... 237 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 34 กีฬาเพื่อพฒั นาคุณภาพชีวติ (ต่อ)……………..………………………...….. 243 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 35 กีฬาเพือ่ พฒั นาคุณภาพชีวติ (ต่อ)…………………..…………...............….. 248 แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 36 กีฬาเพอ่ื พฒั นาคุณภาพชีวติ (ต่อ)………………………..…………………. 253 แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 37 กีฬาเพ่ือพฒั นาคุณภาพชีวติ (ต่อ)................................................................... 258 แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 38 กีฬาเพ่อื พฒั นาคุณภาพชีวติ (ต่อ)................................................................... 263 ตอนที่ 3 เอกสาร/ความรู้เสริมสําหรับครู ...................................................................................................... 268–406 1. มาตรฐานการเรียนรู้ ตวั ช้ีวดั และสาระการเรียนรู้แกนกลาง กลุ่มสาระการเรียนรู้ สุขศึกษา และพลศึกษา ม. 3 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551............................. 269 2. ความสาํ คญั ของการจดั การเรียนรู้ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ สุขศึกษาและพลศึกษา........................................273 3. แฟ้ มสะสมผลงาน (Portfolio) ผงั และรูปแบบแผนการจดั การเรียนรู้แบบ Backward Design …….............275 4.แบบทดสอบก่อนเรียน แบบทดสอบปลายภาค………………………………….........................................281 5. ใบความรู้ ใบงาน และใบกิจกรรมการเรียนรู้...............................................................................................305 6. แบบประเมินและเกณฑก์ ารประเมินผล............................................................................................... ……389 7. ตวั อยา่ งแบบบนั ทึกสรุปการประเมินผล...................................................................................................... 401 8. โครงงาน แผนที่ความคิด ผงั แสดงเหตุและผล........................................................................................... 403
1 ตอนท่ี 1 คาํ ชี้แจงการจดั การเรียนรู้ กล่มุ สาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา
2 1. แนวทางการใช้แผนการจดั การเรียนรู้ คู่มือครู แผนการจัดการเรียนรู้ สุขศึกษาและพลศึกษา เล่มน้ี จัดทาํ ข้ึนเพ่ือเป็ นแนวทางให้ครูใช้ ประกอบการจดั การเรียนรู้ กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ช้นั มธั ยมศึกษาปี ที่ 3 ตามหลกั สูตร แกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พุทธศกั ราช 2551 ซ่ึงการแบ่งหน่วยการเรียนรู้สําหรับจดั ทาํ แผนการจดั การ เรียนรู้เป็นรายชวั่ โมงในคู่มือครู แผนการจดั การเรียนรู้เล่มน้ี สามารถใชค้ วบคู่กบั หนงั สือเรียน รายวชิ าพ้ืนฐาน สุขศึกษาและพลศึกษา ม. 3 คู่มือการสอน สุขศึกษาและพลศึกษา ม.3 และสื่อการเรียนรู้ PowerPoint สุขศึกษา และพลศึกษา ม. 3 โดยแบ่งเน้ือหาออกเป็น 5 หน่วยการเรียนรู้ ประกอบดว้ ยหน่วยการเรียนรู้ดงั น้ี หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เรียนรู้ตวั เรา หน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 ชีวิตและครอบครัว หน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 ใส่ใจสุขภาพ หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 ชีวติ ปลอดภยั หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 เพิ่มพนู ทกั ษะการเคลื่อนไหว คูม่ ือครู แผนการจดั การเรียนรู้น้ีไดน้ าํ เสนอรายละเอียดไวค้ รบถว้ นตามแนวทางการจดั การเรียนรู้ของ สถานศึกษา นอกจากน้ียงั ไดอ้ อกแบบกิจกรรมการเรียนการสอนใหน้ กั เรียนไดพ้ ฒั นาองคค์ วามรู้ สมรรถนะ สาํ คญั และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงคไ์ วอ้ ยา่ งครบถว้ นตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 ครูควรศึกษาแผนการจดั การเรียนรู้น้ีใหล้ ะเอียด เพอ่ื ปรับใชใ้ หส้ อดคลอ้ งกบั สภาพแวดลอ้ ม สถานการณ์ และสภาพของนกั เรียน ในแต่ละหน่วยการเรียนรู้จะแบ่งแผนการจดั การเรียนรู้ออกเป็นรายชว่ั โมง ซ่ึงมีจาํ นวนมากนอ้ ยไม่ เท่ากนั ข้ึนอยกู่ บั ความยาวของเน้ือหาสาระและในแต่ละหน่วยการเรียนรู้จะระบุ 1. ผงั มโนทศั น์เป้ าหมายการเรียนรู้และขอบข่ายภาระงาน เป็นการแสดงขอบขา่ ยเน้ือหาการจดั การ เรียนรู้ท่ีครอบคลุมความรู้ ทกั ษะ/กระบวนการ คุณธรรม จริยธรรม ค่านิยม และคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ และภาระงาน/ชิ้นงาน 2. กรอบแนวคดิ ผงั การออกแบบการจดั การเรียนรู้ เป็นกรอบแนวคิดในการจดั การเรียนรู้ของแต่ละ หน่วยการเรียนรู้ แบ่งเป็น 3 ข้นั ไดแ้ ก่ ข้นั ท่ี 1 ผลลพั ธป์ ลายทางที่ตอ้ งการใหเ้ กิดข้ึนกบั นกั เรียน ข้นั ที่ 2 ภาระงานและการประเมินผลการเรียนรู้ ซ่ึงเป็นหลกั ฐานที่แสดงวา่ นกั เรียนมีผลการ เรียนรู้ตามที่กาํ หนดไวอ้ ยา่ งแทจ้ ริง ข้นั ท่ี 3 แผนการจดั การเรียนรู้จะระบุวา่ ในหน่วยการเรียนรู้น้ีแบ่งเป็นแผนการจดั การเรียนรู้ ก่ีแผน และแต่ละแผนใชเ้ วลาในการจดั กิจกรรมกี่ชว่ั โมง
3 3. แผนการจัดการเรียนรู้รายชั่วโมง เป็นแผนการจดั การเรียนรู้ตามกรอบแนวคิดผงั การออกแบบการจดั การ เรียนรู้เพอ่ื เนน้ สู่ผลลพั ธ์ปลายทาง (Backward Design Template) ประกอบดว้ ย 3.1 ช่ือแผนการจดั การเรียนรู้ ประกอบดว้ ยลาํ ดบั ท่ีของแผน ชื่อแผน สาระการเรียนรู้ที่ ระดบั ช้นั หน่วย การเรียนรู้ท่ี และเวลาเรียน เช่น แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 1 เรื่อง การปฐมนิเทศและการเจริญเติบโตและ พฒั นาการของมนุษยใ์ นแต่ละวยั สาระการเรียนรู้ท่ี 1: การเจริญเติบโตและพฒั นาการของมนุษย์ ช้นั มธั ยมศึกษาปี ท่ี 3 หน่วยการเรียนรู้ท่ี 1 เรียนรู้ตวั เรา เวลา 2 ชว่ั โมง 3.2 สาระสําคญั เป็นความคิดรวบยอดของเน้ือหาท่ีนาํ มาจดั การเรียนรู้ในแต่ละแผนการจดั การ เรียนรู้ 3.3 ตวั ชี้วดั ช้ันปี เป็นตวั ช้ีวดั ที่ใชต้ รวจสอบนกั เรียนหลงั จากเรียนจบเน้ือหาที่นาํ เสนอในแต่ละ แผนการจดั การเรียนรู้น้นั ๆ ซ่ึงสอดคลอ้ งกบั มาตรฐานการเรียนรู้ของหลกั สูตร 3.4 จุดประสงค์การเรียนรู้ เป็นส่วนท่ีบอกจุดมุ่งหมายท่ีตอ้ งการใหเ้ กิดข้ึนแก่นกั เรียนภายหลงั จาก การเรียนจบในแต่ละแผน ท้งั ในดา้ นความรู้ (K) ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม คา่ นิยม และคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) ซ่ึงสอดคลอ้ งสมั พนั ธก์ บั ตวั ช้ีวดั ช้นั ปี และเน้ือหาในแผนการจดั การ เรียนรู้น้นั ๆ 3.5 การวดั และประเมินผลการเรียนรู้ เป็นการตรวจสอบผลการจดั การเรียนรู้วา่ หลงั จากจดั การ เรียนรู้ในแต่ละแผนการจดั การเรียนรู้แลว้ นกั เรียนมีพฒั นาการ มีผลสมั ฤทธ์ิทางการเรียนตามเป้ าหมายท่ี คาดหวงั ไวห้ รือไม่ และมีส่ิงท่ีจะตอ้ งไดร้ ับการพฒั นาปรับปรุงส่งเสริมในดา้ นใดบา้ ง ดงั น้นั ในแต่ละแผนการ จดั การเรียนรู้จึงไดอ้ อกแบบวธิ ีการและเคร่ืองมือในการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ดา้ นต่าง ๆ ของนกั เรียน ไวอ้ ยา่ งหลากหลาย เช่น การทาํ แบบทดสอบ การตอบคาํ ถามส้นั ๆ การตรวจผลงานในการปฏิบตั ิกิจกรรม การ สงั เกตพฤติกรรมท้งั ที่เป็นรายบุคคลและเป็นกลุ่ม เป็นตน้ โดยเนน้ การปฏิบตั ิใหส้ อดคลอ้ งและเหมาะสมกบั ตวั ช้ีวดั และมาตรฐานการเรียนรู้ วิธีการและเครื่องมือในการวดั และประเมินผลการเรียนรู้เหล่าน้ี ครูสามารถนาํ ไปใชป้ ระเมินนกั เรียนได้ ท้งั ในระหวา่ งการจดั การเรียนรู้และการปฏิบตั ิกิจกรรมต่าง ๆ ตลอดจนการนาํ ความรู้ไปใชใ้ นชีวติ ประจาํ วนั 3.6 สาระการเรียนรู้ เป็นหวั ขอ้ ยอ่ ยที่นาํ มาจดั การเรียนรู้ในแตล่ ะแผนการจดั การเรียนรู้ ซ่ึงสอดคลอ้ ง กบั สาระการเรียนรู้แกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551 3.7 แนวทางบูรณาการ เป็นการเสนอแนะแนวทางการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ในเร่ืองที่เรียนรู้ของแต่ ละแผนใหเ้ ช่ือมโยงสมั พนั ธ์กบั สาระการเรียนรู้อ่ืน ๆ ไดแ้ ก่ ภาษาไทย คณิตศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์ สงั คมศึกษาฯ ศิลปะ การงานอาชีพและเทคโนโลยี และภาษาต่างประเทศ เพื่อใหก้ ารเรียนรู้สอดคลอ้ งและครอบคลุม สถานการณ์จริง 3.8 กระบวนการจัดการเรียนรู้ เป็นการเสนอแนวทางการจดั กิจกรรมการเรียนรู้เน้ือหาในแต่ละ เรื่อง โดยใชแ้ นวคิดและทฤษฎีการเรียนรู้ต่าง ๆ ตามความเหมาะสม ท้งั น้ีเพ่ือใหค้ รูนาํ ไปใชป้ ระโยชนใ์ นการ
4 วางแผนการจดั การเรียนรู้ไดอ้ ยา่ งมีประสิทธิภาพ ซ่ึงกระบวนการจดั การเรียนรู้ประกอบดว้ ยข้นั ตอนการ จดั การเรียนรู้ 5 ข้นั ตอนท่ีสาํ คญั ไดแ้ ก่ ข้นั ท่ี 1 นาํ เขา้ สู่บทเรียน ข้นั ท่ี 2 กิจกรรมการเรียนรู้ ข้นั ที่ 3 ฝึกฝนทกั ษะและประสบการณ์ ข้นั ท่ี 4 การนาํ ไปใช้ ข้นั ท่ี 5 สรุปความรู้ 3.9 กจิ กรรมเสนอแนะ เป็นกิจกรรมเสนอแนะสาํ หรับใหน้ กั เรียนไดพ้ ฒั นาเพิม่ เติมในดา้ นต่าง ๆ นอกเหนือจากที่ไดจ้ ดั การเรียนรู้มาแลว้ ในชวั่ โมงเรียน กิจกรรมเสนอแนะมี 2 ลกั ษณะ คือ กิจกรรมสาํ หรับผทู้ ่ี มีความสามารถพเิ ศษและตอ้ งการศึกษาคน้ ควา้ ในเน้ือหาน้นั ๆ ใหล้ ึกซ้ึงกวา้ งขวางยง่ิ ข้ึน และกิจกรรมสาํ หรับ ผทู้ ่ียงั ไม่เขา้ ใจเน้ือหาหรือยงั ไม่เกิดการเรียนรู้ตามเป้ าหมาย ซ่ึงมีลกั ษณะเป็นการเรียนซ้าํ หรือซ่อมเสริม ตลอดจนการใชเ้ วลาวา่ งในการฝึกสร้างเสริมเสริมทกั ษะเพิ่มเติม โดยเฉพาะในเร่ืองที่เกี่ยวขอ้ งกบั ทกั ษะในการ เคลื่อนไหวร่างกาย และทกั ษะกีฬาโดยเฉพาะ 3.10 ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ เป็นรายชื่อส่ือการเรียนรู้ทุกประเภทที่ใชใ้ นการจดั การเรียนรู้ ซ่ึงมีท้งั ส่ือ ธรรมชาติ สื่อสิ่งพมิ พ์ ส่ือเทคโนโลยี และสื่อบุคคล เช่น หนงั สือ เอกสารความรู้ รูปภาพ เครือข่ายอินเทอร์เน็ต วีดิทศั น์ ปราชญช์ าวบา้ น เป็นตน้ 3.11 บนั ทกึ หลงั การจดั การเรียนรู้ เป็นส่วนท่ีใหค้ รูบนั ทึกผลการจดั การเรียนรู้วา่ ประสบ ความสาํ เร็จหรือไม่ มีปัญหาหรืออุปสรรคอะไรเกิดข้ึนบา้ ง ไดแ้ กไ้ ขปัญหาและอุปสรรคน้นั อยา่ งไร และ ขอ้ เสนอแนะสาํ หรับการจดั การเรียนรู้คร้ังต่อไป นอกจากน้ียงั อาํ นวยความสะดวกใหค้ รู โดยการจดั ทาํ แบบทดสอบต่าง ๆ และความรู้เสริมสาํ หรับ ครูบนั ทึกลงในซีดี (CD) ประกอบดว้ ย 1) แบบทดสอบก่อนเรียนและหลงั เรียน เป็นแบบทดสอบเพ่ือใชว้ ดั และประเมินผลนกั เรียนก่อน การจดั การเรียนรู้และหลงั การจดั การเรียนรู้ ซ่ึงครูสามารถที่จะนาํ แบบทดสอบดงั กล่าวมาใชต้ รวจสอบความรู้ พ้ืนฐานและเป็นการเตรียมความพร้อมก่อนเรียน นอกจากน้ีการนาํ แบบทดสอบดงั กล่าวมาใชย้ งั จะช่วยใหค้ รู ทราบถึงระดบั ของการพฒั นาการเรียนรู้ของนกั เรียนท่ีมีการพฒั นาการข้ึน และปกติการวดั และประเมินผล ดงั กล่าวน้ี จะไม่นาํ ผลมาใชพ้ ิจารณาตดั สินผลการเรียน 2) แบบทดสอบระหว่างเรียน เป็นท้งั รูปแบบของกิจกรรมพฒั นาการเรียนรู้และแบบทดสอบประจาํ หน่วยการเรียนรู้แต่ละหน่วยท้งั แบบปรนยั และอตั นยั ท่ีจดั ทาํ ไวท้ า้ ยหน่วยการเรียนรู้แต่ละหน่วย ซ่ึงครู สามารถนาํ มาใชว้ ดั และประเมินผลเพื่อตรวจสอบการพฒั นาการเรียนรู้ของนกั เรียนวา่ บรรลุผลหรือ เป้ าหมาย ตามตวั ช้ีวดั ในแต่ละหน่วยหรือไม่ หากพบขอ้ บกพร่องครูผสู้ อนจะสามารถใหค้ าํ แนะนาํ และแกไ้ ขในส่วน ดงั กล่าวน้นั ได้
5 นอกจากน้ี ครูยงั สามารถตรวจสอบผลการประเมินตนเองของนกั เรียนในแต่ละหน่วยเพอ่ื ประเมิน ความคิดเห็นของนกั เรียนต่อกิจกรรมการเรียนรู้ซ่ึงจะช่วยใหค้ รูสามารถนาํ มาใชพ้ ฒั นาดา้ นความฉลาดทาง อารมณ์ (Emotional Quotient (EQ) ) ความฉลาดทางสติปัญญา(intelligence Quotient (IQ) ) ความฉลาด ทางดา้ นสงั คม (Social Quotient (SQ) ) ฯลฯ ใหก้ บั นกั เรียนไดอ้ ีกดว้ ย 3) แบบทดสอบ เป็นแบบทดสอบเพือ่ ใชว้ ดั และประเมินผลการเรียนปลายปี 3 ดา้ น ไดแ้ ก่ (1) ดา้ นความรู้ มีแบบทดสอบท้งั ท่ีเป็นแบบปรนยั และอตั นยั (2) ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ เป็นตารางการประเมิน (3) ดา้ นคุณธรรม จริยธรรม ค่านิยมและคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ เป็นตารางการประเมิน 4) ความรู้เสริมสําหรับครู เป็นการนาํ เสนอความรู้ในเร่ืองต่าง ๆ แก่ครู เช่น (1) หลกั การจดั ทาํ แฟ้ มสะสมผลงาน (Portfolio) และวธิ ีการคดั เลือกผลงานเพ่ือเกบ็ ในแฟ้ ม สะสมผลงาน (2) ความรู้เรื่องโครงงาน 4. แบบฟอร์มโครงสร้างแผนการจดั การเรียนรู้ทอ่ี อกแบบจัดการเรียนรู้ตามแนวคดิ ของ Backward Design ครูควรศึกษาแผนการจดั การเรียนรู้เพอ่ื เตรียมการสอนอยา่ งมีประสิทธิภาพ จดั กิจกรรมใหน้ กั เรียนได้ พฒั นาครบทุกสมรรถนะสาํ คญั ท่ีกาํ หนดไวใ้ นหลกั สูตร กล่าวคือ สมรรถนะในการสื่อสาร การคิด การ แกป้ ัญหา การใชท้ กั ษะชีวติ และการใชเ้ ทคโนโลยี รวมถึงคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ ตามหลกั สูตรและกิจกรรม เสนอแนะ เพื่อการเรียนรู้เพม่ิ เติมใหเ้ ตม็ ตามศกั ยภาพของนกั เรียนแต่ละคน ซ่ึงไดก้ าํ หนดไวใ้ นแผนการจดั การ เรียนรู้น้ีแลว้ นอกจากน้ีครูสามารถปรับปรุงแผนการจดั การเรียนรู้ใหส้ อดคลอ้ งกบั สภาพความพร้อมของนกั เรียน และสถานการณ์เฉพาะหนา้ ได้ ซ่ึงจะใชเ้ ป็นผลงานเพ่ือเล่ือนวทิ ยฐานะได้ แผนการจดั การเรียนรู้น้ีไดอ้ าํ นวย ความสะดวกใหค้ รู โดยไดพ้ มิ พโ์ ครงสร้างแผนการเรียนรู้ท่ีออกแบบการเรียนรู้แบบ Backward Design ใหค้ รู เพิ่มเติมเฉพาะส่วนท่ีครูปรับปรุงเองไวด้ ว้ ยแลว้
6 2. สัญลกั ษณ์แสดงลกั ษณะและเป้ าหมายของกจิ กรรมการเรียนรู้ ในหนงั สือเรียนฯ/ส่ือการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา สมบูรณ์แบบ และแบบฝึกทกั ษะ รายวิชา พ้ืนฐาน สุขศึกษาและพลศึกษา ทุกเล่มไดม้ ีสญั ลกั ษณ์กาํ กบั กิจกรรมการเรียนรู้ไวท้ ุกกิจกรรมเพอื่ ช่วยใหค้ รู และนกั เรียนรู้และเขา้ ใจถึงลกั ษณะและเป้ าหมายของกิจกรรมน้นั ๆ ซ่ึงจะช่วยใหส้ ามารถจดั กิจกรรมไดด้ ี ยง่ิ ข้ึน สญั ลกั ษณ์แสดงลกั ษณะและเป้ าหมายของกิจกรรมการเรียนรู้มีดงั น้ี โครงงาน เป็นกิจกรรมท่ีมุ่งเนน้ ใหน้ กั เรียนพฒั นาการคิด การวางแผน และการแกป้ ัญหา การพฒั นากระบวนการคดิ เป็นกิจกรรมที่มุ่งเนน้ ใหน้ กั เรียนปฏิบตั ิกิจกรรมเพอ่ื พฒั นา กระบวนการคิดดา้ นต่าง ๆ การประยุกต์ใช้ในชีวติ ประจาํ วนั เป็นกิจกรรมท่ีมุ่งเนน้ ใหน้ กั เรียนนาํ ความรู้ ทกั ษะไป ประยกุ ตใ์ ชใ้ นชีวติ ประจาํ วนั ใหเ้ กิดประโยชนส์ ูงสุด การทาํ ประโยชน์ให้สังคม เป็นกิจกรรมท่ีมุ่งเนน้ ใหน้ กั เรียนปฏิบตั ิกิจกรรมการทาํ ประโยชน์ เพ่อื สงั คม เพอ่ื การอยรู่ ่วมกนั ในสงั คมอยา่ งมีความสุข การปฏบิ ตั จิ ริง/ฝึ กทกั ษะ เป็นกิจกรรมที่มุ่งเนน้ ใหน้ กั เรียนไดป้ ฏิบตั ิจริงหรือฝึกปฏิบตั ิ เพ่อื เกิดทกั ษะอนั จะช่วยใหก้ ารเรียนรู้เป็นไปตามเป้ าหมายอยา่ งสมบรู ณ์และติดตวั คงทน การศึกษาค้นนคว้า/สืบค้น เป็นกิจกรรมที่มุ่งเนน้ ใหน้ กั เรียนศึกษาคน้ ควา้ หรือสืบคน้ เพื่อสร้างองคค์ วามรู้ดว้ ยตนเองจนเกิดเป็นนิสยั การสํารวจ เป็นกิจกรรมที่มุ่งเนน้ ใหน้ กั เรียนสาํ รวจ รวบรวมขอ้ มลู เพื่อนาํ มาศึกษา วเิ คราะห์ หาเหตุ หาผล ฝึกความเป็นผรู้ อบคอบ การสังเกต เป็นกิจกรรมท่ีมุ่งเนน้ ใหน้ กั เรียนรู้จกั สงั เกตส่ิงท่ีตอ้ งการเรียนรู้จนสร้างองคค์ วามรู้ ไดอ้ ยา่ งเป็นระบบและมีเหตุผล
7 ทักษะทางภาษา เป็ นกิจกรรมท่ีมุ่งเนน้ ให้นกั เรียนไดเ้ รียนรู้เก่ียวกบั กฎเกณฑท์ างภาษาเพื่อเป็ น พ้ืนฐานในการพฒั นาทกั ษะทางภาษาต่อไป ทกั ษะการฟัง/ดู เป็นกิจกรรมที่มุ่งเนน้ ใหน้ กั เรียนไดพ้ ฒั นาทกั ษะการฟังและการดู ต่าง ๆ ทกั ษะการพดู เป็นกิจกรรมที่มุ่งเนน้ ใหน้ กั เรียนไดพ้ ฒั นาทกั ษะการพดู ประเภทต่าง ๆ ทกั ษะการเขยี น เป็นกิจกรรมท่ีมุ่งเนน้ ใหน้ กั เรียนไดพ้ ฒั นาทกั ษะการเขียนประเภทต่าง ๆ การคดิ คาํ นวณ เป็นกิจกรรมที่มุ่งเนน้ ใหน้ กั เรียนไดพ้ ฒั นาทกั ษะการคิดคาํ นวณ ความคดิ ริเริ่มสร้างสรรค์ เป็นกิจกรรมท่ีมุ่งเนน้ ใหน้ กั เรียนใชพ้ ฒั นาทกั ษะการคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ การเคลอื่ นไหวร่างกาย เป็นกิจกรรมท่ีมุ่งเนน้ ใหน้ กั เรียนไดพ้ ฒั นาทกั ษะการเคล่ือนไหว ร่างกายของตนเองใหด้ ียงิ่ ข้ึน
8 3. การออกแบบการจัดการเรียนรู้ตามแนวคดิ ของ Backward Design (BwD) การจดั การเรียนรู้หรือการสอนเป็นงานที่ครูทุกคนตอ้ งใชก้ ลวิธีต่าง ๆ มากมายเพอ่ื ใหน้ กั เรียนสนใจที่ จะเรียนรู้และเกิดผลตามท่ีครูคาดหวงั การจดั การเรียนรู้จดั เป็นศาสตร์ที่ตอ้ งใชค้ วามรู้ความสามารถตลอดจน ประสบการณ์อยา่ งมาก ครูบางคนอาจจะละเลยเร่ืองของการออกแบบการจดั การเรียนรู้หรือการออกแบบการ สอน ซ่ึงเป็นงานท่ีครูจะตอ้ งทาํ ก่อนการเขียนแผนการจดั การเรียนรู้ การออกแบบการจัดการเรียนรู้ทาํ อย่างไร ทาํ ไมจงึ ต้องออกแบบการจดั การเรียนรู้ ครูทุกคนผา่ นการศึกษาและไดเ้ รียนรู้เกี่ยวกบั การออกแบบการเรียนรู้มาแลว้ ในอดีตการออกแบบการ เรียนรู้จะเร่ิมตน้ จากการกาํ หนดจุดประสงคก์ ารเรียนรู้ การวางแผนการจดั การเรียนรู้ การดาํ เนินการจดั การ เรียนรู้ และการวดั และประเมินผลการเรียนรู้ ปัจจุบนั การเรียนรู้ไดม้ ีการเปล่ียนแปลงไปตามสภาพแวดลอ้ ม เศรษฐกิจ และสงั คม รวมท้งั การเปลี่ยนแปลงดา้ นวทิ ยาศาสตร์และเทคโนโลยที ่ีเขา้ มามีบทบาทต่อการเรียนรู้ ของนกั เรียน ซ่ึงนกั เรียนสามารถเรียนรู้ไดจ้ ากสื่อและแหล่งการเรียนรู้ต่าง ๆ ที่มีอยรู่ อบตวั ดงั น้นั การออกแบบ การจดั การเรียนรู้จึงเป็นกระบวนการสาํ คญั ที่ครูจาํ เป็นตอ้ งดาํ เนินการใหเ้ หมาะสมกบั ศกั ยภาพของนกั เรียนแต่ ละบุคคล วิกกินส์และแมกไท (Grant Wiggins & Mc Tighe) นกั การศึกษาชาวอเมริกนั ไดเ้ สนอแนวคิดเก่ียวกบั การออกแบบการจดั การเรียนรู้ ซ่ึงเขาเรียกว่า Backward Design เป็นการออกแบบการจดั การเรียนรู้ท่ีครูจะตอ้ ง กาํ หนดผลลัพธ์ปลายทางท่ีต้องการให้เกิดข้ึนกับนักเรียนก่อน โดยท้ังสองให้ชื่อว่า ความเข้าใจท่ีคงทน (enduring understandings) เมื่อกาํ หนดความเขา้ ใจที่คงทนไดแ้ ลว้ ครูจะตอ้ งบอกให้ไดว้ ่าความเขา้ ใจท่ีคงทน ของนกั เรียนน้ีเกิดจากอะไร นกั เรียนจะตอ้ งมีหรือแสดงพฤติกรรมอะไรบา้ ง ครูมีหรือใชว้ ิธีการวดั อะไรบา้ งท่ี จะบอกว่านักเรียนมีหรือแสดงพฤติกรรมเหล่าน้ันแล้ว จากน้ันครูจึงนึกถึงวิธีการจดั การเรียนรู้ท่ีจะทาํ ให้ นกั เรียนเกิดความเขา้ ใจที่คงทนต่อไป แนวคดิ ของ Backward Design Backward Design เป็นการออกแบบการจดั การเรียนรู้ท่ีใชผ้ ลลพั ธป์ ลายทางเป็นหลกั ซ่ึงผลลพั ธ์ ปลายทางน้ีจะเกิดข้ึนกบั นกั เรียนกต็ ่อเมื่อจบหน่วยการเรียนรู้ ท้งั น้ีครูจะตอ้ งออกแบบการจดั การเรียนรู้ โดยใช้ กรอบความคิดท่ีเป็นเหตุเป็นผล มีความสมั พนั ธก์ นั จากน้นั จึงจะลงมือเขียนแผนการจดั การเรียนรู้ ขยาย รายละเอียดเพมิ่ เติมใหม้ ีคุณภาพและประสิทธิภาพต่อไป กรอบความคิดหลกั ของการออกแบบการจดั การเรียนรู้โดย Backward Design มีข้นั ตอนหลกั ที่สาํ คญั 3 ข้นั ตอน คือ ข้นั ท่ี 1 กาํ หนดผลลพั ธป์ ลายทางท่ีตอ้ งการใหเ้ กิดข้ึนกบั นกั เรียน ข้นั ท่ี 2 กาํ หนดภาระงานและการประเมินผลการเรียนรู้ซ่ึงเป็นหลกั ฐานที่แสดงวา่ นกั เรียนมีผลการ เรียนรู้ตามท่ีกาํ หนดไวอ้ ยา่ งแทจ้ ริง ข้นั ท่ี 3 วางแผนการจดั การเรียนรู้
9 ข้นั ที่ 1 กาํ หนดผลลพั ธ์ปลายทางทตี่ ้องการให้เกดิ ขนึ้ กบั นักเรียน ก่อนที่จะกาํ หนดผลลพั ธป์ ลายทางที่ตอ้ งการใหเ้ กิดข้ึนกบั นกั เรียนน้นั ครูควรตอบคาํ ถามสาํ คญั ต่อไปน้ี 1. นกั เรียนควรจะมีความรู้ ความเขา้ ใจและสามารถทาํ สิ่งใดไดบ้ า้ ง 2. เน้ือหาสาระใดบา้ งท่ีมีความสาํ คญั ต่อการสร้างความเขา้ ใจของนกั เรียนและความเขา้ ใจ ที่คงทนท่ีครูตอ้ งการจดั การเรียนรู้ใหแ้ ก่นกั เรียนมีอะไรบา้ ง เมื่อจะตอบคาํ ถามสาํ คญั ดงั กล่าวขา้ งตน้ ใหค้ รูนึกถึงเป้ าหมายของการศึกษา มาตรฐานการเรียนรู้ดา้ น เน้ือหาระดบั ชาติที่ปรากฏอยใู่ นหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน พทุ ธศกั ราช 2551รวมท้งั มาตรฐาน การเรียนรู้ระดบั เขตพ้ืนที่การศึกษาหรือทอ้ งถ่ิน การทบทวนความคาดหวงั ของหลกั สูตรการศึกษาข้นั พ้ืนฐาน เนื่องจากมาตรฐานแต่ละระดบั จะมี ความสมั พนั ธ์กบั เน้ือหาสาระต่าง ๆ ซ่ึงมีความแตกต่างลดหลนั่ กนั ไป ดว้ ยเหตุน้ีข้นั ท่ี 1 ของ Backward Design ครูจึงตอ้ งจดั ลาํ ดบั ความสาํ คญั และเลือกผลลพั ธป์ ลายทางของนกั เรียน ซ่ึงเป็นผลการเรียนรู้ท่ีเกิดจากความ เขา้ ใจท่ีคงทนต่อไป ความเข้าใจทคี่ งทนของนักเรียน ความเขา้ ใจท่ีคงทนคืออะไร ความเขา้ ใจที่คงทนเป็นความรู้ที่ลึกซ้ึง ไดแ้ ก่ ความคิดรวบยอด ความสมั พนั ธ์ และหลกั การของเน้ือหาและวิชาที่นกั เรียนเรียนรู้ หรือกล่าวอีกนยั หน่ึงคือ เป็นความรู้ท่ีอิง เน้ือหา ความรู้น้ีเกิดจากการสะสมขอ้ มลู ต่าง ๆ ของนกั เรียนและเป็นองคค์ วามรู้ที่นกั เรียนสร้างข้ึนดว้ ยตนเอง การเขยี นความเข้าใจทค่ี งทนในการออกแบบการจัดการเรียนรู้ ถา้ ความเข้าใจท่ีคงทน หมายถึง สาระสาํ คญั ของสิ่งที่จะเรียนรู้แลว้ ครูควรจะรู้วา่ สาระสาํ คญั หมายถึง อะไร คาํ วา่ สาระสาํ คญั มาจากคาํ วา่ Concept ซ่ึงนกั การศึกษาของไทยแปลคาํ ดงั กล่าวเป็นภาษาไทยวา่ สาระสาํ คญั ความคิดรวบยอด มโนทศั น์ มโนมติ และสงั กปั ซ่ึงการเขียนแผนการจดั การเรียนรู้นิยมใชค้ าํ วา่ สาระสาํ คญั สาระสาํ คญั เป็นขอ้ ความที่แสดงแก่นหรือเป้ าหมายเก่ียวกบั เรื่องใดเรื่องหน่ึง เพ่อื ใหไ้ ดข้ อ้ สรุปรวม และขอ้ แตกต่างเกี่ยวกบั เรื่องใดเรื่องหน่ึง โดยอาจครอบคลุมขอ้ เทจ็ จริง กฎ ทฤษฎี ประเดน็ และการสรุป สาระสาํ คญั และขอ้ ความที่มีลกั ษณะรวบยอดอยา่ งอื่น ประเภทของสาระสาํ คัญ 1. ระดบั กวา้ ง (Broad Concept) 2. ระดบั การนาํ ไปใช้ (Operative Concept หรือ Functional Concept) ตวั อย่างสาระสาํ คัญระดับกว้าง – วยั ทารก หมายถึง เดก็ ที่มีอายตุ ้งั แต่แรกเกิดจนถึง 12 เดือน หรือ 1 ปี
10 ตวั อย่างสาระสาํ คัญระดับนาํ ไปใช้ – วยั ทารก เป็นวัยที่มีอัตราการเจริญเติบโตสูงกว่าช่วงวยั ใด ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งใน 4 เดือนแรกหลงั คลอด และยงั เป็นวัยที่ต้องการการดแู ลอย่างใกล้ชิด เพราะยงั มีความต้านทาน โรคตา่ํ จึงเป็นวยั ท่ีเส่ียงต่อการเจบ็ ป่ วยได้ง่าย แนวทางการเขยี นสาระสําคญั 1. ใหเ้ ขียนสาระสาํ คญั ของทุกเร่ือง โดยแยกเป็นขอ้ ๆ (จาํ นวนขอ้ ของสาระสาํ คญั จะเท่ากบั จาํ นวนเรื่อง) 2. การเขียนสาระสาํ คญั ที่ดีควรเป็นสาระสาํ คญั ระดบั การนาํ ไปใช้ 3. สาระสาํ คญั ตอ้ งครอบคลุมประเดน็ สาํ คญั ครบถว้ น เพราะหากขาดส่วนใดไปแลว้ จะทาํ ให้ ผเู้ รียนรับสาระสาํ คญั ที่ผดิ ไปทนั ที 4. การเขียนสาระสาํ คญั ที่จะใหค้ รอบคลุมประเดน็ สาํ คญั วิธีการหน่ึงคือ การเขียนแผนผงั สาระสาํ คญั ตวั อยา่ งการเขียนแผนผงั สาระสาํ คญั เร่ือง วยั รุ่น เดก็ ท่ีมีอายตุ ้งั แต่แรกเกิดจนถึง12 เดือน หรือ 1 ปี ความหมาย วยั ทารก ความสาํ คญั เป็นวยั ท่ีตอ้ งการการดูแลอยา่ ง ใกลช้ ิด เพราะยงั มีความตา้ นทาน โรคต่าํ ลกั ษณะการเจริญเติบโตและ เป็นวยั ที่มีอตั ราการเจริญเติบโต พฒั นาการทางร่างกาย สูงกวา่ ช่วงวยั ใด ๆ สาระสําคญั 5. การเขียนสาระสาํ คญั เก่ียวกบั เรื่องใด ควรเขียนลกั ษณะเด่นท่ีมองเห็นไดห้ รือนึกไดอ้ อกมา เป็นขอ้ ๆ แลว้ จาํ แนกลกั ษณะเหล่าน้นั เป็นลกั ษณะจาํ เพาะและลกั ษณะประกอบ 6. การเขียนขอ้ ความที่เป็นสาระสาํ คญั ควรใชภ้ าษาท่ีมีการขดั เกลาอยา่ งดี เล่ียงคาํ ที่มีความหมาย กาํ กวมหรือฟ่ มุ เฟื อย
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 505
Pages: