5 คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1) ใฝ่เรียนรู้ 2) ม่งุ มน่ั ในการทางาน 3) รกั ความเป็นไทย 6 ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) 1) เขยี นบรรยายลกั ษณะของตวั การ์ตูนท่ีชื่นชอบ 2) พดู ขอและให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั ความสามารถ 3) อ่านออกเสียงบทสนทนา 4) แตง่ บทสนทนาตามสถานการณ์ที่กาหนด 5) พูดสนทนาตามสถานการณ์ท่ีกาหนด 6) เขียนรายงานผลสารวจลกั ษณะของสมาชิกในครอบครวั 7) เขยี นอีเมลเกี่ยวกบั ของสะสมของตนเอง 8) โปสเตอร์เกี่ยวกบั งานศิลปหตั ถกรรมของไทย 7 การวดั และการประเมนิ ผล 7.1 การประเมนิ ก่อนเรียน 7.2 การประเมนิ ระหว่างการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 7.3 การประเมินหลงั เรียน 7.4 การประเมินช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) 94
1 Reading 2a & Vocabulary 2a 2 ช่ัวโมง จุดประสงค์การเรยี นรู้ - ตอบคาถามและเขียนให้ขอ้ มูลเก่ียวกบั เรื่องที่อา่ นและฟังได้ - พดู ขอและให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั พดู ขอและใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกบั ลกั ษณะของบุคคลได้ - เขยี นบรรยายลกั ษณะของตวั การ์ตนู ทชี่ ่ืนชอบได้ 1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การสื่อสาร มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องทฟี่ ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น อย่างมีเหตผุ ล ตวั ช้ีวดั ต 1.1 ม. 1/3 เลอื ก/ระบปุ ระโยคและขอ้ ความใหส้ มั พนั ธก์ บั ส่ือทไี่ มใ่ ช่ความเรียง (non-text information) ที่อา่ น ต 1.1 ม. 1/4 ระบุหวั ขอ้ เร่ือง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและ อ่านบทสนทนา นิทาน และเร่ืองส้นั มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ ความคดิ เหน็ อย่างมปี ระสิทธภิ าพ ตวั ช้ีวดั ต 1.2 ม. 1/1 สนทนาแลกเปลยี่ นขอ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเอง กิจกรรม และสถานการณ์ต่าง ๆ ใน ชีวติ ประจาวนั ต 1.2 ม. 1/4 พดู และเขียนเพื่อขอและให้ขอ้ มลู และแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เรื่องท่ีฟังหรืออา่ น อยา่ งเหมาะสม มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เหน็ ในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพดู และการเขียน ตวั ช้ีวดั ต 1.3 ม. 1/1 พูดและเขยี นบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และสิ่งแวดลอ้ ม ใกลต้ วั 95
2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การเรียนรู้คาศพั ทเ์ ก่ียวกบั สิ่งของ ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย adjectives ทใี่ ชบ้ รรยายลกั ษณะของ บคุ คล จะช่วยใหเ้ ขา้ ใจและบอกรายละเอียดของเร่ืองท่อี ่านและฟังได้ นอกจากน้ียงั สามารถนาคาศพั ทท์ ่ี เรียนไปใช้พูดและเขียนให้ขอ้ มูลเกี่ยวกบั ลกั ษณะของบุคคลไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ทักษะเฉพาะวิชา 1) Language Features and Functions Vocabulary: Personal things (sunglasses, cap, skateboard, notebook, gloves, video game, trainers, handbag, guitar, helmet, digital camera, watch, comic book, scarf, bicycle, basketball) Appearance (young, old, long, short, tall, short, big, small, thin, plump, fat) Verbs (fly, protect, watch, find out) Nouns (engineer, business, secretary, metal suit, world, enemy) Adjectives (loyal, strong, brilliant) Functions: Describing appearance Merlin is old and thin with short white hair and a long white beard. 2) Language Skills Listening: ฟังเพือ่ หาขอ้ มลู เฉพาะ Speaking: พดู ขอและใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั ลกั ษณะของบุคคล Reading: อา่ นเพอ่ื หาขอ้ มลู เฉพาะ Writing: เขยี นบรรยายลกั ษณะของตวั การ์ตูนที่ช่ืนชอบ 4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน 1) ความสามารถในการส่ือสาร 2) ความสามารถในการคดิ 3) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 96
5. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1) ใฝ่เรียนรู้ 2) มุ่งมนั่ ในการทางาน 6. กิจกรรมการเรียนรู้ ช่ัวโมงท่ี 1 ข้นั Warm up 1. ครูพดู ทกั ทายนกั เรียนวา่ How’s it going? ให้นกั เรียนตอบดว้ ยสานวนอนื่ ทีไ่ ม่ใช้ I’m fine. เช่น Good./I’m OK./So so./Not (too) bad. 2. นกั เรียนอา่ นชื่อหน่วยการเรียนรู้ (Cool Stuff!) ในหนงั สือเรียน หนา้ 21 และเดาความหมาย (cool stuff เป็นภาษาทใี่ ชใ้ นกลมุ่ วยั รุ่น หมายถึง สิ่งท่เี ท่ ยอดเยยี่ ม) จากน้นั ใหน้ กั เรียนดหู วั ขอ้ ตา่ ง ๆ ที่จะ ไดเ้ รียนในหน่วยการเรียนรู้น้ีเพ่อื ดึงความสนใจของนกั เรียนเขา้ สู่บทเรียน 3. Find the page numbers for หน้า 21 ครูอธิบายคาศพั ทท์ ่นี กั เรียนไม่รู้ความหมาย แลว้ ให้นกั เรียน หาวา่ ภาพทีเ่ ก่ียวกบั หัวขอ้ เหลา่ น้ีอยใู่ นหนงั สือเรียนหนา้ ใด เม่ือหาพบแลว้ ครูถามคาถามเพื่อ ตรวจสอบความเขา้ ใจของนกั เรียน cartoon characters (p. 23) Do you know these characters? Who is your favourite cartoon character? a film review (p. 22) What sort of films do you like? What do you know about this film? souvenirs (p. 27) Have you got any of these souvenirs? Which countries are they from? ข้นั Pre-reading 1. หนงั สือเรียน หน้า 21 Ex. 1 ให้นกั เรียนดภู าพส่ิงของต่าง ๆ แลว้ ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังคาศพั ท์ และออกเสียงตามพร้อมกนั แลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนออกเสียงทลี ะคน จากน้นั ให้นกั เรียนบอก ความหมายของคาศพั ทโ์ ดยดูจากภาพ 97
2. ครูทบทวนการใช้ have got ในการแสดงความเป็นเจา้ ของสิ่งต่าง ๆ โดยให้นกั เรียนสารวจส่ิงของ ของตนเอง จากน้นั ครูถามเก่ียวกบั ส่ิงของของนกั เรียน เช่น T: Ann, have you got a watch? Ann: Yes, I have. T: Nick, What have you got? Nick: I have got a pencil case, books and a mobile phone. 3. หนังสือเรยี น หน้า 21 Ex. 2 ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟัง Peter พดู เกี่ยวกบั ส่ิงของของเขา และเติม ประโยคให้สมบรู ณ์ เสร็จแลว้ ครูให้นกั เรียนอ่านประโยคทีเ่ ตมิ สมบรู ณแ์ ลว้ พร้อมกนั He has got a scarf and a helmet. He hasn’t got gloves and a basketball. 4. หนังสือเรียน หน้า 21 Ex. 3 ให้นกั เรียนดภู าพสิ่งของทีใ่ ห้มา และเขียนประโยคบอกส่ิงของทีต่ นเอง มแี ละไม่มี เสร็จแลว้ ครูสุ่มถามนกั เรียน 2-3 ว่า What have you got? ใหน้ กั เรียนบอกคาตอบของ ตนเอง I’ve got a watch, a cap and trainers. I haven’t got a guitar and a digital camera. 5. ครูนาเสนอคาคุณศพั ทบ์ รรยายลกั ษณะรูปร่าง ไดแ้ ก่ young, old, long, short, tall, big, small, thin, plump, fat โดยพดู คาศพั ท์ พร้อมท้งั แสดงภาพประกอบหรือวาดภาพใหน้ กั เรียนดู เช่น ภาพคนแก่ ภาพคนอว้ น แลว้ ใหน้ กั เรียนบอกความหมาย ต่อมาครูยกตวั อยา่ งประโยคบนกระดาน เช่น It’s big. These girls are young. He is an old man. ใหน้ กั เรียนสงั เกตตาแหน่งของ adjective ในประโยค และบอกครู จากน้นั ครูสรุปใหฟ้ ังวา่ adjective จะวางไวห้ ลงั verb to be และวางไวห้ นา้ คานามท่ี adjective น้นั ไปขยาย 98
6. ครูให้นกั เรียนคดิ วา่ การใชค้ าคณุ ศพั ท์ หรือ adjective เพอ่ื ขยายคานาม ตาแหน่งของคาคุณศพั ทใ์ น ประโยคภาษาองั กฤษกบั ภาษาไทยเหมือนกนั หรือไม่ เมอ่ื ไดค้ าตอบวา่ ไมเ่ หมือนกนั ครูยกตวั อยา่ ง ประโยคเพือ่ ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจมากยงิ่ ข้ึน เช่น a fat cat ในภาษาองั กฤษคาคณุ ศพั ท์ (fat) จะวางไวห้ นา้ คานาม (cat) แตใ่ นภาษาไทย แมวอว้ น คาคณุ ศพั ท์ (อว้ น) จะวางไวห้ ลงั คานาม (แมว) การใช้ adjectives บรรยายลกั ษณะรูปร่าง - หลกี เลี่ยงการใชค้ าว่า fat เพราะเป็นคาทใ่ี หค้ วามหมายในทางลบและไม่สุภาพ ให้ใชค้ าวา่ overweight แทน - คาว่า big จะใชบ้ รรยายรูปร่างของผชู้ าย - คาวา่ plump โดยทว่ั ไปจะใชบ้ รรยายรูปร่างของผูห้ ญิง อ้างอิงจาก: http://www.english-at-home.com/vocabulary/describing-people-in-english/ 7. ครูนาเสนอสานวนที่ใชถ้ ามลกั ษณะของบคุ คล โดยให้นกั เรียนหญงิ คนหน่ึงยนื ข้ึน แลว้ ครูสุ่มถาม นกั เรียนคนหน่ึงวา่ What does she look like? ให้นกั เรียนบอกลกั ษณะของเพ่ือนคนทย่ี ืนอยู่ เช่น T: What does she look like? S1: She is tall. ครูเขียนโครงสร้างประโยคคาถามบนกระดาน What do/does + noun/pronoun + look like? และ อธิบายว่าคาถามน้ีใชถ้ ามลกั ษณะภายนอกของบคุ คล จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 2-3 คู่ พดู ถาม-ตอบ ลกั ษณะของเพอ่ื นร่วมช้นั 8. หนังสือเรียน หน้า 22 Ex. 1 นกั เรียนดภู าพตวั ละคร แลว้ ครูถามว่า Who’s the man in the picture? (Iron Man) จากน้นั ครูอ่านชื่อบุคคลท่ีใหม้ า แลว้ ให้นกั เรียนฟัง CD พร้อมท้งั อา่ นบทอ่านตามไปดว้ ย เพ่อื หาความเก่ียวขอ้ งของบุคคลเหล่าน้ีกบั Iron Man Tony Stark is Iron Man when he put on a special metal suit. Stark Industries is his father’s company. Pepper Potts is Tony Stark’s secretary. Iron Monger is Iron Man’s enemy. 99
9. นกั เรียนอ่านคาศพั ทใ์ นกรอบ Check these words หนงั สือเรียน หนา้ 34 และช่วยกนั อธิบาย ความหมาย ถา้ คาใดนกั เรียนไม่รู้ ครูช่วยอธิบายหรือให้นกั เรียนเปิ ดหาความหมายในพจนานุกรม ข้นั Reading หนงั สือเรียน หน้า 22 Ex. 2 นกั เรียนอา่ นคาถามที่กาหนดให้ แลว้ คดิ วา่ น่าจะตอบอะไร จากน้นั ให้ นกั เรียนอา่ นบทอ่านเพ่อื หาเน้ือเรื่องส่วนทีเ่ กี่ยวขอ้ งกบั คาถาม เม่ือพบแลว้ ใหอ้ า่ นใหเ้ ขา้ ใจ แลว้ จึง ตอบคาถาม 1 Tony is an engineer. 2 His job is at Stark Industries in the USA. 3 Pepper Potts is Tony’s loyal secretary. 4 Tony has got a special metal suit. 5 Iron Man can fly. 6 His enemy is Iron Monger. ข้นั Post-reading 1. หนังสือเรียน หน้า 22 Ex. 3 นกั เรียนปิ ดหนงั สือเรียนและพยายามนึกถึง 2 ส่ิงทีจ่ าไดจ้ ากบทอา่ น แลว้ เขียนลงในสมดุ จากน้นั ใหน้ กั เรียนจบั ค่กู บั เพือ่ นผลดั กนั บอกสิ่งทจี่ าได้ แลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คน บอกใหเ้ พือ่ นในช้นั ฟัง และให้เพื่อนเปิ ดหนงั สือเรียนเพื่อตรวจว่าถกู ตอ้ งหรือไม่ Iron Man can fly. His enemy is Iron Monger. 2. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 12 Exs. 1, 4 ให้นักเรียนทาเป็นการบา้ น 100
ช่ัวโมงที่ 2 ข้นั Warm up ครูเปิ ดคลิปวิดีโอจาก https://www.youtube.com/watch?v=h4eueDYPTIg เพอ่ื ดึงความสนใจของ นกั เรียนเขา้ สู่บทเรียน โดยครูอาจให้นกั เรียนยนื ข้ึนและทาท่าประกอบตามบทเพลง ข้นั Presentation 1. ครูนาเสนอคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั ส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ไดแ้ ก่ head, hair, face, eye, nose, ear, mouth, teeth, lips, beard, moustache, arm, hand, knee, leg, ankle, foot โดยติดภาพคนบนกระดาน แลว้ ช้ีท่ี อวยั วะทลี ะส่วน ใหน้ กั เรียนออกเสียงคาศพั ทต์ ามครู 2. หนังสือเรียน หน้า 23 Ex. 5 ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั ส่วนตา่ ง ๆ ของร่างกาย และ ออกเสียงตาม จากน้นั ครูพูดคาศพั ทท์ ลี ะคา ใหน้ กั เรียนบอกความหมาย 3. ครูสุ่มถามคาถามนกั เรียนทีละคน พร้อมท้งั ช้ีทีอ่ วยั วะทลี ะส่วน เช่น T: Non, is it a nose? (ช้ีที่จมูก) Non: Yes, it is. T: Fa, are they eyes? (จบั หูท้งั 2 ขา้ ง) Fa: No, they aren’t. They are ears. 4. ครูอธิบายการเรียงลาดบั คาคุณศพั ทใ์ นการบรรยายลกั ษณะรูปร่าง โดยยกตวั อยา่ งบนกระดาน เช่น Annie is a young short girl with short black hair. Sam is old with long white beard. แลว้ ช้ีท่ี คาคณุ ศพั ท์ ให้นกั เรียนบอกวา่ คาคณุ ศพั ทน์ ้นั บรรยายอะไร 101
ในภาษาองั กฤษการใชค้ าคณุ ศพั ทห์ ลาย ๆ คามาขยายคานาม จะเรียงลาดบั คาคณุ ศพั ท์ ดงั น้ี ลาดบั ที่ 1: article เช่น a, an, the หรือ possessive (คาแสดงความเป็นเจา้ ของ) เช่น his, her, their, my, your ลาดบั ท่ี 2: number (จานวน) เช่น one, two, three, four ลาดบั ท่ี 3: opinion (ความคิดเห็น) เช่น beautiful, pretty, smart, colorful ลาดบั ท่ี 4: size (ขนาด) เช่น huge, slim, big ลาดบั ท่ี 5: shape (รูปทรง) เช่น round, triangle ลาดบั ที่ 6: age (อาย)ุ เช่น old, new, young ลาดบั ที่ 7: colour (สี) เช่น red, blue, black, yellow ลาดบั ที่ 8: nationality (สญั ชาต)ิ เช่น Chinese, Dutch, American, British ลาดบั ท่ี 9: material (วสั ดุ) เช่น silver, cotton ลาดบั ท่ี 10: คานามท่ีนามาใชเ้ ป็นคาคณุ ศพั ท์ หรือ participle (v + -ing) เช่น swimming, running ทม่ี า: http://www.enghelpme.com/grammar ข้นั Practice 1. หนงั สือเรยี น หน้า 23 Ex. 6 ให้นกั เรียนดูภาพตวั การ์ตูน และครูถามวา่ Do you know these cartoon characters? What film are they from? (Shrek III) จากน้นั ให้นกั เรียนช่วยกนั บอกลกั ษณะของ ตวั การ์ตนู เหลา่ น้ี แลว้ ใหน้ กั เรียนอ่านประโยค a-e และจบั คูป่ ระโยคกบั ตวั การ์ตนู ทสี่ ัมพนั ธก์ นั เสร็จแลว้ ครูเฉลยคาตอบโดยพูดช่ือตวั การ์ตนู และสุ่มเรียกนกั เรียนอ่านประโยคทีบ่ รรยายลกั ษณะ ของตวั การ์ตูนตวั น้นั a. Shrek c. Rapunzel e. Prince Charming b. Princess Fiona d. Merlin 102
Background information Shrek เป็นยกั ษต์ วั ใหญ่ อาศยั อยโู่ ดดเด่ยี วในป่ า เขาไดพ้ บและแต่งงานกบั Princess Fiona Princess Fiona เป็นเจา้ หญงิ ทถ่ี กู คาสาป เธอจะกลายเป็นยกั ษท์ กุ คืนหลงั พระอาทติ ยต์ ก Merlin เป็นพอ่ มดทใี่ ชเ้ วทยม์ นตข์ องเขาส่ง Shrek กลบั ไปยงั อาณาจกั ร Far Far Away Rapunzel เป็นผหู้ ญิงท่ี Prince Charming วางแผนจะใหเ้ ธอเป็นราชินีของเขา เมอ่ื เขาข้นึ ครองราชย์ 2. หนังสือเรยี น หน้า 23 Ex. 7 ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟัง John พูดเก่ียวกบั ตวั การ์ตนู ที่เขาชื่นชอบใน เรื่อง Shrek เมื่อฟังจบครูถามนกั เรียนว่า Which two characters is John talking about? Merlin and Princess Fiona 3. ให้นกั เรียนเลน่ เกม โดยครูใหเ้ วลานกั เรียน 2 นาที จดจาลกั ษณะตวั การ์ตูนจากเรื่อง Shrek III แลว้ ปิ ดหนงั สือเรียน จากน้นั ใหน้ กั เรียนแบ่งกลุม่ กลุ่มละ 3 คน และให้แต่ละคนเลอื กตวั การ์ตนู มา 1 ตวั แลว้ บรรยายลกั ษณะตวั การ์ตนู ให้สมาชิกในกลมุ่ ฟัง โดยบรรยายลกั ษณะทีละอยา่ ง เพ่ือใหแ้ ข่งกนั ทายว่าคือตวั การ์ตูนตวั ใด เช่น S1: He is big. S2: Prince Charming. S1: No. He is fat. S3: Shrek S1: Correct. 4. หนังสือเรยี น หน้า 23 Ex. 8 ใหน้ กั เรียนเลือกตวั การ์ตูนในภาพจากเรื่อง Shrek III มาคนละ 1 ตวั แลว้ พดู บรรยายลกั ษณะของตวั การ์ตนู ท่ีเลอื กให้เพอ่ื นในช้นั ฟัง ครูแนะนาให้นกั เรียนบรรยาย ลกั ษณะทว่ั ไปก่อน เช่น รูปร่าง ความสูง อายุ แลว้ จึงบอกรายละเอียดที่เฉพาะเจาะจง เช่น สีผม สีดวงตา 103
Merlin is old and thin with short white hair and a long white beard. Rapunzel is tall, thin and young with very long fair hair. Prince Charming is tall, thin and young with short fair hair. Princess Fiona is short and plump with long red hair, blue eyes and green skin. Shrek is big and fat with red eyes and green skin. ข้นั Production 1. หนงั สือเรยี น หน้า 23 Ex. 9 ให้นกั เรียนหาภาพตวั การ์ตนู ทต่ี นเองช่ืนชอบจากอนิ เทอร์เน็ต แลว้ พิมพ์ หรือเขียนบรรยายลกั ษณะของตวั การ์ตนู ลงในกระดาษ โดยใชค้ าศพั ทท์ ีเ่ รียนไป จากน้นั ครูสุ่มเรียก นกั เรียน 5 คน ออกมาแสดงภาพตวั การ์ตนู ใหเ้ พื่อนดูทีห่ นา้ ช้นั พร้อมท้งั พดู บรรยายลกั ษณะของ ตวั การ์ตูน Fred Flintstone is from The Flintstones. He is short and big with black hair, a big nose and a big mouth. 2. นกั เรียนทา Language Review 2a Exs. 1-3 ในหนงั สือเรียน หนา้ 106 ร่วมกนั ในช้นั 3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 12-13 Exs. 2-3, 5-8 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น 7. การวัดและการประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน แบบฝึกหดั (Workbook) ร้อยละ 60 วธิ กี ารวดั แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ตรวจการตอบคาถามจากการอา่ น สังเกตการพูดขอและให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั แบบประเมนิ การเขียน ระดบั คุณภาพ พอใช้ ลกั ษณะของบคุ คล ประเมินเขียนบรรยายลกั ษณะของ แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผา่ น ตวั การ์ตนู ที่ชื่นชอบ อนั พึงประสงค์ สังเกตความใฝ่ เรียนรู้และความมุ่งมน่ั ในการทางาน 104
8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียน SPARK 1 ม. 1 2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 1 ม. 1 3) แบบฝึกหัด SPARK 1 ม. 1 4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ 5) พจนานุกรมออนไลน์ 6) อนิ เทอร์เนต็ 105
2 Grammar 2b 2 ช่ัวโมง จุดประสงค์การเรยี นรู้ - พูดขอและให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั ส่ิงของที่ตนเองมหี รือไมม่ ีได้ - เขยี นประโยคตามโครงสร้างที่เรียนได้ 1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชีว้ ัด สาระที่ 1 ภาษาเพอื่ การส่ือสาร มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเหน็ อย่างมีเหตุผล ตวั ช้ีวดั ต 1.1 ม. 1/3 เลือก/ระบุประโยคและขอ้ ความ ใหส้ ัมพนั ธก์ บั ส่ือทไี่ มใ่ ช่ความเรียง (non-text information) ทีอ่ า่ น มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ ความคดิ เหน็ อย่างมีประสิทธภิ าพ ตวั ช้ีวดั ต 1.2 ม. 1/1 สนทนาแลกเปล่ียนขอ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเอง กิจกรรม และสถานการณต์ า่ ง ๆ ในชีวิตประจาวนั มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคดิ เห็นในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพดู และการเขียน ตวั ช้ีวดั ต 1.3 ม. 1/1 พดู และเขยี นบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และสิ่งแวดลอ้ ม ใกลต้ วั 2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด การรู้และเขา้ ใจโครงสร้างภาษา ช่วยให้สามารถพดู ขอและใหข้ อ้ มลู เกี่ยวกบั สิ่งของใกลต้ วั ไดอ้ ยา่ ง ถูกตอ้ ง 106
3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ทักษะเฉพาะวิชา 1) Language Features and Functions Grammar: have got possessive determiners plurals this - these/that - those Functions: Talking about possessions Have you got a guitar? Yes, I have. 2) Language Skills Speaking: พดู ขอและใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั ส่ิงของที่ตนเองมีหรือไมม่ ี Writing: เขยี นประโยคตามโครงสร้างท่ีเรียน 4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น 1) ความสามารถในการส่ือสาร 2) ความสามารถในการคิด 5. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ - ใฝ่เรียนรู้ 6. กจิ กรรมการเรียนรู้ ช่ัวโมงที่ 1 ข้นั Warm up 1. ครูใหน้ กั เรียนเลน่ เกม Bingo ทบทวนคาศพั ท์ โดยเขียนตาราง 9 ช่องลงในกระดาษ และเขยี น คาศพั ทเ์ กี่ยวกบั ส่วนตา่ ง ๆ ของร่างกายลงในแต่ละช่องไม่ใหซ้ ้ากนั จากน้นั ครูพดู ส่วนตา่ ง ๆ ของ ร่างกายคร้งั ละ 1 คา ตารางของใครมคี าศพั ทด์ งั กลา่ วใหท้ าเคร่ืองหมายกากบาททบั คาศพั ทน์ ้นั นกั เรียนคนใดทท่ี าเคร่ืองหมายทบั คาศพั ทไ์ ด้ 3 ช่องติดตอ่ กนั กอ่ นเป็นคนแรกคอื ผูช้ นะ 107
2. ครูนาเขา้ สู่บทเรียนเร่ือง have got/has got โดยให้นกั เรียนดคู ลปิ วดิ ีโอจาก https://www.youtube.com/watch?v=LicMWzUceuQ ข้นั Presentation 1. ครูทบทวนการใช้ have got เพ่อื บรรยายลกั ษณะ โดยช้ีที่ตาของตนเองและพูดว่า I have got black eyes. แลว้ เขียนประโยคบนกระดาน ครูช้ีไปทีผ่ มของนกั เรียนหญิงคนหน่ึงและพดู ว่า She has got short hair. She hasn’t got long hair. แลว้ เขยี นประโยคบนกระดาน ขีดเส้นใตค้ าวา่ hasn’t got ครูช้ีไปทนี่ กั เรียนชายคนหน่ึง และถามนกั เรียนที่เหลอื ว่า Has he got short hair? (Yes, he has.) Has he got blue eyes? (No, he hasn’t.) แลว้ เขยี นประโยคบนกระดาน ขีดเสน้ ใต้ has got ในประโยค คาถาม จากน้นั ให้นกั เรียนช่วยกนั บอกโครงสร้างประโยค have got ในการบรรยายลกั ษณะ 2. ครูสุ่มเรียกนกั เรียนแต่งประโยคจากคาทีค่ รูกาหนดให้ เช่น T: Mary/long hair S1: Mary has got long hair. T: I/short hair S2: I haven’t got short hair. 3. ครูบอกนกั เรียนว่า have got นอกจากจะใชบ้ รรยายลกั ษณะแลว้ ยงั ใชเ้ พือ่ แสดงความเป็นเจา้ ของได้ ดว้ ย แลว้ ครูยกตวั อยา่ ง เช่น I have got a watch. พร้อมท้งั ชูนาฬกิ าขอ้ มอื ให้นกั เรียนดู จากน้นั สุ่ม เรียกนกั เรียน 5 คน ให้บอกสิ่งของทตี่ นเองมี เสร็จแลว้ ครูถามคาถามนกั เรียนในช้นั เกี่ยวกบั ส่ิงของ ของเพื่อนท้งั 5 คน เช่น T: Has Nan got a digital camera? Ss: Yes, she has. T: Has Tom got a bicycle? Ss: No, he hasn’t. He has got a skateboard. 108
ข้นั Practice 1. หนงั สือเรียน หน้า 24 Ex. 1 ให้นกั เรียนอา่ นประโยคในตารางเพือ่ ดรู ูปประโยคบอกเลา่ ปฏิเสธ และ คาถามทีใ่ ช้ have got เพือ่ บรรยายลกั ษณะ รวมท้งั การตอบคาถามแบบส้นั 2. หนงั สือเรยี น หน้า 24 Ex. 2 ใหน้ กั เรียนดูภาพตวั ละคร แลว้ ครูถามวา่ What film are they from? (Star Wars) Who are they? (Luke Skywalker - ลคุ สกายวอลค์ เกอร์, Queen Amidala - ควีนอมดิ าลา่ , Jar Jar Binks - จาร์ จาร์ บงิ คส์, Princess Leia - ปร๊ินเซสเลอา, Yoda - โยดา) จากน้นั ใหน้ กั เรียนเติม ประโยคบรรยายลกั ษณะตวั ละครให้สมบูรณ์ เสร็จแลว้ ครูตรวจคาตอบโดยสุ่มเรียกนกั เรียนอา่ น ประโยค 1 haven’t got 3 has got, has got 2 hasn’t got, has got 4 has got, hasn’t got Background information Star Wars เป็นภาพยนตร์ชุดแนววทิ ยาศาสตร์ สร้างโดย George Lucas ไดร้ บั ความนิยมเป็นอยา่ งมาก (ภาคแรกออกฉายในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1977 โดย 20th Century Fox) ภาพยนตร์เร่ืองน้ีเป็นเหตกุ ารณ์ทเี่ กิดข้นึ ในกาแล็กซ่ี Luke Skywalker เป็นเจไดหนุ่มซ่ึงช่วยต่อตา้ นพวกจกั รวรรดิกาแลกติก Yoda เป็นอาจารยเ์ จไดอาวุโส Ja Ja Blinks เป็นชาวกนั แกนที่เฟอะฟะซุ่มซ่าม Princess Leia เป็นนอ้ งสาวฝาแฝดของ Luke Skywalker และเป็นลกู สาวของ Darth Vader Queen Amidala เป็นนกั การเมอื งคนสาคญั ในสาธารณรัฐกาแลกตกิ และเป็น แม่ของ Luke และ Leia 109
3. ครูวาดภาพเด็กผหู้ ญงิ คนหน่ึงบนกระดาน แลว้ บอกนกั เรียนวา่ เดก็ ผูห้ ญิงคนน้ีช่ือ Pam จากน้นั ครู แจกกระดาษขอ้ ความขา้ งล่างน้ีใหน้ กั เรียน เพื่อเติม has got/have got, hasn’t got/haven’t got ลงใน ช่องวา่ ง Pam is 21. She (l)………. fair hair and blue eyes. She (2)………… two brothers, Will and Carl, but she (3)…………. any sisters. Her brothers (4)............... brown hair and brown eyes. One of her brothers, Will, is married. He (5)………… two children, so Pam is an aunt. She lives with her parents in a house. It (6)………. five rooms, but it (7) ……………a garden. She (8) …………. a small room in the house. 4. หนงั สือเรียน หน้า 24 Ex. 3 ใหน้ กั เรียนเขียนประโยคบรรยายลกั ษณะของตวั ละครใน Ex. 2 โดยใช้ วลที ีก่ าหนดให้ แลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนอา่ นประโยคให้เพือ่ นฟัง Yoda has got a small body, and he has got a small nose. He hasn’t got small eyes. Queen Amidala has got long hair, and she has got big eyes. Jar Jar Binks has got big eyes, and he has got full lips. Luke Skywalker has got big eyes, and he has got short hair and thin lips. Princess Leia has got long hair and full lips. 5. ครูถามคาถามนกั เรียนเกี่ยวกบั ลกั ษณะของตวั ละครจากเรื่อง Star Wars เช่น T: Who has got big ears? Ss: Yoda has got big ears. T: Has Luke Skywalker hot a moustache? Ss: No, he hasn’t. 4. หนงั สือเรยี น หน้า 24 Ex. 4 ใหน้ กั เรียนเติม have got หรือ has got ลงในประโยคคาถามให้ถูกตอ้ ง แลว้ ตอบคาถามโดยดูขอ้ มูลทก่ี าหนดให้ จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียนอา่ นคาถามและบอกคาตอบ 110
2 Has Bob got a skateboard? Yes, he has. 3 Has Jane got a cap? Yes, she has. 4 Have Jane & Bob got sunglasses? Yes, they have. 5 Have Jane & Bob got cars? No, they haven’t. ข้นั Production 1. ครูเขยี นตารางตามน้ีบนกระดาน ใหน้ กั เรียนลอกลงในสมดุ guitar sunglasses trainers digital camera basketball helmet cap watch bicycle gloves skateboard แลว้ ให้นกั เรียน 2 คน อ่านตวั อยา่ งให้เพอื่ นฟัง จากน้นั ใหน้ กั เรียนจบั คู่กนั พูดถาม-ตอบเก่ียวกบั ส่ิงของจาก Ex. 4 ทีต่ นเองมีหรือไม่มี แลว้ ทาเครื่องหมาย ลงในตารางถา้ เพ่ือนมสี ิ่งของน้นั ขณะท่ีนกั เรียนทากิจกรรมครูเดินสงั เกตรอบ ๆ ช้ันเรียน แลว้ สุ่มเรียกนกั เรียน 2-3 คู่ ออกมาพดู รายงานสิ่งของท่คี ู่ของตนเองมแี ละไมม่ ี A: Have you got a guitar? B: Yes, I have. A: Have you got a digital camera? B: No, I haven’t. etc. Jim has got a guitar, a cap, gloves, sunglasses, a basketball, a watch and trainers. He hasn’t got a digital camera, a skateboard, a helmet or a bicycle. 2. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 14 Exs. 1-2 ใหน้ กั เรียนทาเป็นการบา้ น 111
ช่ัวโมงท่ี 2 ข้นั Warm up ครูใหน้ กั เรียนเลน่ เกม Beginning with โดยแบ่งนกั เรียนออกเป็น 2 ทมี จากน้นั ครูอธิบายว่าให้ นกั เรียนแต่ละทีมช่วยกนั บอกคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั สิ่งของที่ข้ึนตน้ ดว้ ยตวั อกั ษรท่ีครูบอก เช่น T: Can you tell me a thing beginning with b? Team A Team A: Basketball T: Can you tell me a thing beginning with c? Team B Team B: Comic book ข้นั Presentation 1. ครูทบทวน possessive adjective ซ่ึงเป็นคาคณุ ศพั ทแ์ สดงความเป็นเจา้ ของ โดยเขยี นตาราง 2 ช่อง บนกระดาน ช่องแรกครูเขียน subject pronouns และใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอก possessive determiners แลว้ ครูเขยี นเตมิ ลงในช่องที่ 2 Subject pronouns Possessive determiners I, you, he, she, it, we, you, they my, your, his, her, its, our, your, their ตอ่ มาครูเขียนประโยค This is my notebook. Your pen is on the desk. บนกระดาน ใหน้ กั เรียนดูและ บอกครูวา่ possessive adjective จะวางไวห้ นา้ คาประเภทใด (คานาม) จากน้นั ครูตรวจสอบความ เขา้ ใจโดยใหส้ ุ่มเรียกนกั เรียนแตง่ ประโยคทีใ่ ช้ possessive adjective 2. ครูทบทวนการเปลยี่ นคานามเอกพจนเ์ ป็นพหูพจน์ โดยยกตวั อยา่ งคานามเอกพจน์ และใหน้ กั เรียน บอกว่าจะทาเป็นพหูพจน์ไดอ้ ยา่ งไร เช่น box, ear, child, day แลว้ ครูทบทวนกฎการเปล่ียนคานาม เอกพจนเ์ ป็นพหูพจน์ การเปลย่ี นคานามเอกพจน์เป็ นพหูพจน์ - คานามทล่ี งทา้ ยดว้ ย -s, -ss, -sh, -ch, -x, -o ให้เติม -es เช่น glass – glasses, bench – benches - คานามทล่ี งทา้ ยดว้ ย -e ให้เติม -s ไดเ้ ลย เช่น house – houses, place – places - คานามทล่ี งทา้ ยดว้ ย -y และหนา้ y เป็นพยญั ชนะ ใหเ้ ปลี่ยน y เป็น i แลว้ เตมิ -es เช่น country – countries 112
แตถ่ า้ หนา้ y เป็นสระ ให้เติม -s เช่น boy – boys - คานามทลี่ งทา้ ยดว้ ย -f หรือ -fe ให้เปล่ยี นเป็น v แลว้ จึงเติม -es เช่น knife – knives - คานามทว่ั ๆ ไป ใหเ้ ตมิ -s เช่น book – books, star – stars - คานามท่เี ปลีย่ นรูปไปจากเดิมเมอื่ ทาเป็นพหูพจน์ เรียกวา่ irregular plurals เช่น man – men, tooth – teeth, goose – geese, mouse – mice, ox – oxen - คานามทม่ี ีรูปเหมอื นกนั ท้งั เอกพจนแ์ ละพหูพจน์ เช่น series, species, fish, sheep, deer 3. ครูสอนการออกเสียงคานามพหูพจน์ โดยเขียนคาศพั ทบ์ นกระดาน เช่น hats, boxes, names, dogs, watches และออกเสียงใหน้ กั เรียนฟัง ให้นกั เรียนบอกว่าคานามพหูพจนส์ ามารถออกเสียงไดก้ ่ีแบบ ตอ่ มาครูอธิบายกฎการออกเสียงคานามพหูพจน์ แลว้ ให้นกั เรียนออกเสียงคาศพั ทบ์ นกระดานพร้อม กนั และทลี ะคน จากน้นั ครูใหน้ กั เรียนเปรียบเทียบวา่ ในภาษาไทยมกี ารออกเสียงทา้ ยคานามพหูพจน์ เหมือนกบั ภาษาองั กฤษหรือไม่ เม่ือไดค้ าตอบว่าไม่เหมอื น ครูยกตวั อยา่ ง เช่น one box, two boxes และ กลอ่ ง 1 ใบ, กลอ่ ง 2 ใบ เพ่อื ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจมากย่ิงข้นึ เสียงทา้ ยคานามพหูพจน์สามารถออกเสียงได้ 3 แบบ คือ เสียง /s/, /z/, /Iz/ - ออกเสียง /s/ เมือ่ คานามลงทา้ ยดว้ ยเสียง /p/, /t/, /k/, /θ/ เช่น cups, boats, clocks, baths - ออกเสียง /z/ เม่ือคานามลงทา้ ยดว้ ยเสียง /b/, /d/, /g/, /v/, /l/, /m/, /n/, /ŋ/ เช่น pubs, words, pigs, knives, bills, rooms, sons, kings - ออกเสียง /Iz/ เมือ่ คานามลงทา้ ยดว้ ยเสียง /s/, /z/, /∫/, /ʧ/, /ʤ/ เช่น buses, sneezes, wishes, churches, messages ทีม่ า: www.english-madmonster.blogspot.com 4. ครูทบทวนการใช้ this - these/that - those โดยชูหนงั สือ 1 เล่ม พดู ว่า This is a book. และช้ีไปที่ หนงั สือบนโตะ๊ นกั เรียนแถวริมสุด พูดว่า That is a book. แลว้ ครูถามนกั เรียนวา่ รูปพหูพจน์ของ this คืออะไร (these) รูปพหูพจนข์ อง that คืออะไร (those) ตอ่ มาครูถามคาถามเพือ่ ตรวจสอบความเขา้ ใจ ของนกั เรียนวา่ What do we use for things that are near to us? (this/these) What do we use for things that are far away from us? (that/those) จากน้นั ครูช้ีไปท่สี ่ิงของตา่ ง ๆ ในช้นั เรียน ให้นกั เรียน พดู ประโยคโดยใช้ this - these/that - those 113
ข้นั Practice 1. หนังสือเรยี น หน้า 25 Ex. 6 ใหน้ กั เรียนดู possessive determiners ในตาราง แลว้ บอกความหมายของ แตล่ ะคาเป็นภาษาไทย 2. หนงั สือเรยี น หน้า 25 Ex. 7 ให้นกั เรียนอา่ นประโยคที่ใหม้ า และเลอื กคาตอบที่ถกู ตอ้ ง เสร็จแลว้ ครู ตรวจคาตอบ และให้นกั เรียนบอกว่าคาตอบเป็น personal pronoun (PP) หรือ possessive adjective (PA) 1 She (PP), her (PA) 3 My (PA) 5 Our (PA) 2 He (PP) 4 They (PP) 6 Your (PA) 3. หนงั สือเรยี น หน้า 25 Ex. 8 ให้นกั เรียนอ่านกฎการเปลี่ยนคานามเอกพจน์เป็นพหูพจน์ และช่วยกนั คดิ ว่าในภาษาไทยมกี ารเปลย่ี นคานามเอกพจนเ์ ป็นพหูพจน์หรือไม่ 4. หนังสือเรยี น หน้า 25 Ex. 9 ใหน้ กั เรียนเขียนรูปพหูพจน์ของคานามท่กี าหนดให้ เสร็จแลว้ ครูเฉลย คาตอบบนกระดาน และถามนกั เรียนว่าคาใดเป็น irregular plural (I) scarf – scarves, day – days, cap – caps, boy – boys, student – students, eye – eyes, school – schools, ear – ears, match – matches, knife – knives, fox – foxes, man – men (I), baby – babies, name – names, ball – balls, glass – glasses, foot – feet (I), child – children (I) 5. หนังสือเรยี น หน้า 25 Ex. 10 ใหน้ กั เรียนอา่ นกฎและตวั อยา่ งการใช้ this/these - that/those จากน้นั ใหน้ กั เรียนดูภาพ และใช้ this/these - that/those เขียนประโยคบอกส่ิงของต่าง ๆ ที่ Jean และ Tom มี โดยสมมติว่าตนเองเป็น Jean และ Tom Tom: This is my digital camera. This is my cap. These are my trainers. Jean: Those are my gloves. That is my scarf. That is my handbag. 114
6. หนงั สือเรยี น หน้า 25 Ex. 11 ครูช้ีไปที่สิ่งของตา่ ง ๆ รอบช้นั เรียน ใหน้ กั เรียนบอกคาศพั ท์ ภาษาองั กฤษ เช่น window, desk, handbag, blackboard, chair, door, map, pen, pencil, notebook, book แลว้ ให้นกั เรียนจบั คู่ผลดั กนั ช้ีส่ิงของ และพดู บอกวา่ สิ่งของน้นั คอื อะไร โดยใช้ this/these - that/those ครูเดินตรวจสอบวา่ นกั เรียนพดู ประโยคถกู ตอ้ งหรือไม่ A: (points to the desk near you) B: This is a desk. (points to the door which is far from you) A: That is a door. 7. หนงั สือเรยี น หน้า 25 Ex. 12 ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังคาศพั ทร์ ูปพหูพจน์ว่าออกเสียง /s/, /z/ หรือ /Iz/ แลว้ ทาเครื่องหมาย ✓ ลงในตาราง จากน้นั ครูตรวจคาตอบ แลว้ เปิ ด CD โดยหยดุ ทีละคา ให้ นกั เรียนฝึกออกเสียงตามพร้อมกนั หรือทลี ะคน /s/ /z/ /Iz/ /s/ /z/ /Iz/ books ✓ caps ✓ shoes ✓ glasses ✓ bikes ✓ watches ✓ 8. หนงั สือเรยี น หน้า 25 Ex. 13 ใหน้ กั เรียนเขียนเกี่ยวกบั สิ่งของท่ีตนเองมแี ละไมม่ ีโดยใช้ have got แลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนอา่ นประโยคให้เพ่อื นฟัง I’ve got a guitar, a helmet and a bicycle. I haven’t got sunglasses. ข้นั Production 1. ใหน้ กั เรียนแตง่ ประโยคโดยใช้ possessive determiners และ this/these – that/those มา 5 ประโยค เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนอ่านประโยคให้เพ่ือนฟัง 115
My sister has a pink scarf. These are their bicycles. His cap is on the table. That is our digital camera. Her cap is red but my cap is blue 2. นกั เรียนทา Grammar Bank 2 ในแบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 71 ร่วมกนั ในช้นั 3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 14-15 Exs. 3-8 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น 7. การวดั และการประเมนิ ผล วิธกี ารวดั เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน สังเกตการพูดขอและให้ขอ้ มูลเก่ียวกบั แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ส่ิงของทต่ี นเองมหี รือไม่มี ตรวจการเขียนประโยคตามโครงสร้าง สมดุ นกั เรียน - ท่เี รียน สังเกตความใฝ่ เรียนรู้ แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผ่าน อนั พึงประสงค์ 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียน SPARK 1 ม. 1 2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 1 ม. 1 3) แบบฝึกหดั SPARK 1 ม. 1 4) คลิปวิดีโอ 116
3 Skills 2c 2 ชั่วโมง จุดประสงค์การเรียนรู้ - ตอบคาถามจากการฟังได้ - พูดขอและให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั ความสามารถของตนเองและผอู้ นื่ ได้ - เขียนส่ิงทต่ี นเองสามารถทาไดแ้ ละไม่สามารถทาได้ 1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วัด สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การสื่อสาร มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เห็น อย่างมเี หตผุ ล ตวั ช้ีวดั ต 1.1 ม. 1/4 ระบหุ วั ขอ้ เรื่อง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและ อา่ นบทสนทนา นิทาน และเร่ืองส้ัน มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ ความคดิ เห็นอย่างมีประสิทธภิ าพ ตวั ช้ีวดั ต 1.2 ม. 1/1 สนทนาแลกเปลีย่ นขอ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเอง กิจกรรม และสถานการณต์ า่ ง ๆ ใน ชีวติ ประจาวนั มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเหน็ ในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพดู และการเขียน ตวั ช้ีวดั ต 1.3 ม. 1/1 พูดและเขียนบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และสิ่งแวดลอ้ ม ใกลต้ วั 117
2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด การเรียนรู้คาศพั ทแ์ ละโครงสร้างภาษาเกี่ยวกบั การบอกความสามารถ จะช่วยใหเ้ ขา้ ใจและบอก รายละเอยี ดของเร่ืองที่ฟังได้ รวมถึงสามารถนาความรู้ทเ่ี รียนไปใช้พดู /เขยี นให้ขอ้ มูลเก่ียวกบั ตนเองและ ผอู้ ่นื ได้ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ทักษะเฉพาะวิชา 1) Language Features and Functions Vocabulary: Abilities (ride a bike, play the guitar, dance, drive a car, balance on a ball, jump, spin a ball, fly a plane, dive, run fast, climb a mountain, ski, swim) Functions: Talking about abilities Can you drive a car? No, I can’t. Can you jump? 2) Language Skills Listening: ฟังเพ่อื หาขอ้ มูลเฉพาะ Speaking: พูดขอและให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั ความสามารถ Writing: เขยี นส่ิงทต่ี นเองสามารถทาไดแ้ ละไม่สามารถทาได้ 4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น 1) ความสามารถในการส่ือสาร 2) ความสามารถในการคิด 5. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1) ใฝ่เรียนรู้ 2) มงุ่ มนั่ ในการทางาน 118
6. กิจกรรมการเรียนรู้ ช่ัวโมงที่ 1 ข้นั Warm up 1. ครูพูดทกั ทายนกั เรียนวา่ How’s it going? ใหน้ กั เรียนตอบ I’m fine./I’m good./I’m OK. จากน้นั ครู สุ่มเรียกนกั เรียนทลี ะค่ใู ห้พดู ทกั ทายกนั 2. ครูทบทวนคานามพหูพจน์ โดยครูพูดคานามเอกพจน์ และใหน้ กั เรียนพูดคานามพหูพจน์ เช่น T: I have got a pen. S1: I have got two pens. T: He has got a watch. S2: He has got two watches. 3. ครูแบ่งนกั เรียนออกเป็น 2 ทมี แลว้ พูดคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั สิ่งของต่าง ๆ ใหแ้ ต่ละทมี แต่งประโยคโดยใช้ this - these/that - those ถา้ แตง่ ประโยคถกู ตอ้ งจะได้ 1 คะแนน ทมี ท่ีไดค้ ะแนนมากทีส่ ุดจะเป็นผู้ ชนะ เช่น T: windows Team A S1: These are the windows. T: Correct. Team A gets 1 point. table Team B S1: This is my table. ข้นั Presentation 1. ครูนาเสนอคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั ความสามารถ ให้นกั เรียนดภู าพในหนงั สือเรียน หนา้ 26 และบอกครูว่า บคุ คลในแตล่ ะภาพทาอะไร แลว้ ครูพดู คาศพั ทภ์ าษาองั กฤษ 2. หนังสือเรียน หน้า 26 Ex. 1 ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั ความสามารถ และฝึก ออกเสียงตามพร้อมกนั หรือทลี ะคน 3. ครูทบทวนการใช้ can เพ่อื บอกความสามารถ โดยพูดว่า She can drive a car. พร้อมท้งั เขียนประโยค บนกระดาน แลว้ ถามนกั เรียนว่าจะทาเป็นปฏเิ สธไดอ้ ยา่ งไร (เตมิ not หลงั can) ครูใหน้ กั เรียนทา ประโยคบนกระดานเป็นปฏเิ สธ (She can’t drive a car.) ต่อมาครูถามว่าจะทาเป็นประโยคคาถามได้ อยา่ งไร (นา can มาข้ึนตน้ ประโยค) แลว้ ใหน้ กั เรียนทาเป็นประโยคคาถาม (Can she drive a car?) 119
4. ครูสุ่มถามคาถามนกั เรียน 3-4 คน เช่น T: Can you drive a car? S1: No, I can’t. T: Can you swim? S2: Yes, I can. 5. ครูเขยี นคาตอบแบบส้ันบนกระดาน Yes, I can. และ No, I can’t. แลว้ บอกนกั เรียนว่าการตอบ ปฏิเสธสามารถตอบ No, I can’t. หรือ No, I cannot. ครูช้ีให้นกั เรียนสงั เกต cannot จะตอ้ งเขยี น ตดิ กนั 6. หนงั สือเรยี น หน้า 26 Ex. 2 ให้นกั เรียนอ่านประโยคในตาราง แลว้ ครูช้ีให้นกั เรียนเห็นวา่ can และ can’t ใชร้ ูปเหมอื นกนั กบั ประธานทกุ ตวั จากน้นั ให้นกั เรียนพดู ประโยคเหล่าน้ีเป็นภาษาไทย ข้นั Practice 1. ให้นกั เรียนจบั คู่กนั เพือ่ เลน่ เกม โดยใหแ้ ต่ละคนเลอื กความสามารถจาก Ex. 1 แลว้ ผลดั กนั ทาทา่ ทาง ใบค้ าใหค้ ่ขู องตนทายว่าสามารถทาอะไรได้ เช่น S1: (ทาทา่ ขี่จกั รยาน) S2: You can ride a bike. S1: correct. 2. หนังสือเรยี น หน้า 26 Ex. 4 ให้นกั เรียนอ่านช่ือบคุ คลและคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั ความสามารถท่ีใหม้ า แลว้ ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังบทสนทนาและจบั คู่บคุ คลกบั ส่ิงทพ่ี วกเขาสามารถทาได้ จากน้นั ครูตรวจ คาตอบ โดยใหน้ กั เรียนพดู ประโยคบอกส่ิงที่แต่ละคนสามารถทาได้ เช่น Tony can dance very well. Sue can run very fast. 1d 2a 3b 4g 5e ข้นั Production 1. หนังสือเรยี น หน้า 26 Ex. 3 ครูให้นกั เรียน 2 คน อ่านตวั อยา่ งการถาม-ตอบใหเ้ พื่อนฟัง แลว้ ให้ นกั เรียนจบั คผู่ ลดั กนั พดู ถาม-ตอบเกี่ยวกบั ความสามารถโดยใชค้ าศพั ทใ์ น Ex. 1 จากน้นั ครูสุ่มเรียก นกั เรียน 3-4 คู่ ออกมาพดู ถาม-ตอบท่ีหนา้ ช้นั เรียน 120
A: Can you drive a car? B: No, I can’t. Can you jump? A: Yes, I can. Can you run fast? B: Yes, I can. Can you fly a plane? A: No, I can’t. Can you ski? B: No, I can’t. Can you dive? A: No, I can’t. Can you play the guitar? B: No, I can’t. Can you swim? A: Yes, I can. Can you climb a mountain? B: No, I can’t. Can you balance on a ball? A: No, I can’t. Can you spin a ball? B: Yes, I can. 2. นกั เรียนทา Language Review 2c Ex. 4 ในหนงั สือเรียน หนา้ 106 ร่วมกนั ในช้นั 3. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 16-17 Exs. 1-2, 4-5 ใหน้ กั เรียนทาเป็นการบา้ น ชั่วโมงที่ 2 ข้นั Warm up 1. ครูดึงความสนใจของนกั เรียนเขา้ สู่บทเรียน โดยนกั เรียนดูคลปิ วิดีโอจากเวบ็ ไซต์ https://www.youtube.com/watch?v=8-PQ7_yGa08 121
ข้นั Presentation 1. ครูถามนกั เรียนว่า What can you do? แลว้ ให้นกั เรียนออกมาทาทา่ ทางให้เพ่อื นทาย 2. ครูสุ่มถามคาถามนกั เรียนนกั เรียนหลาย ๆ คน เพ่ือทบทวนรูปคาถามของ can T: What can you do? S1: I can ride a motorbike. T: Can you cook? S1: No, I can’t. T: Can you dance? S1: yes, I can. ข้นั Practice 1. นกั เรียนทาแบบสารวจความสามารถของเพ่ือน โดยครูเขยี นตารางตามน้ีบนกระดาน ให้นกั เรียน ลอกลงในสมุด แลว้ อา่ นวลใี นตารางพร้อมกนั จากน้นั ใหน้ กั เรียนรวมกล่มุ กลมุ่ ละ 5 คน ใหแ้ ตล่ ะ กลุม่ ผลดั กนั ความสามารถของสมาชิกในกลมุ่ โดยใชค้ าถาม Can you … Ability Name Can Can’t play rollerblade draw a picture play the guitar use a computer take a photo sing a song cook 2. เม่อื ทกุ กลมุ่ ถามคาถามครบทกุ คนแลว้ ให้เขียนรายงานความสามารถของเพือ่ นในกลมุ่ แลว้ ส่ง ตวั แทนออกมารายงานหนา้ ช้นั เช่น Ann can draw a picture and sing a song. She can’t play rollerblade 122
ข้นั Production 1. หนงั สือเรยี น หน้า 26 Ex. 5 ให้นกั เรียนเขียนสิ่งทตี่ นเองสามารถทาไดแ้ ละไม่สามารถทาได้ จากน้นั ครุสุ่มเรียกนกั เรียน 5-6 คน พูดใหเ้ พ่อื นฟัง I can play basketball. I can dance. I can play the guitar. I can’t fly a plane. I can’t drive a car. 2. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 16 Ex. 3 ใหน้ กั เรียนฟัง CD แลว้ เตมิ ขอ้ มลู ลงในช่องวา่ ง 3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 17 Ex. 6 ใหน้ กั เรียนฟัง CD แลว้ เลอื กคาตอบทถ่ี ูกตอ้ ง 7. การวดั และการประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน แบบฝึกหดั (Workbook) ร้อยละ 60 วธิ กี ารวดั แบบประเมินการพดู ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ตรวจการตอบคาถามจากการอา่ น ประเมินการพดู ขอและให้ขอ้ มลู แบบประเมนิ การสารวจ/คน้ ควา้ ระดบั คุณภาพ พอใช้ เก่ียวกบั ความสามารถ ตรวจการเขียนส่ิงทต่ี นเองสามารถทา แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผ่าน ไดแ้ ละไม่สามารถทาได้ อนั พึงประสงค์ สงั เกตความใฝ่เรียนรู้และความมงุ่ มน่ั ในการทางาน 8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียน SPARK 1 ม. 1 2) Class Audio CDs ประกอบสื่อฯ ชุด SPARK 1 ม. 1 3) แบบฝึกหัด SPARK 1 ม. 1 4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ 5) พจนานุกรมออนไลน์ 6) คลิปวิดีโอ 123
4 Everyday English 2d 2 ชั่วโมง จดุ ประสงค์การเรียนรู้ - อา่ นออกเสียงบทสนทนาถูกตอ้ งตามหลกั การอ่านได้ - ตอบคาถามจากการอา่ นบทสนทนาได้ - แต่งบทสนทนาตามสถานการณ์ทก่ี าหนดได้ - พูดสนทนาในสถานการณ์ทกี่ าหนดได้ 1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วดั สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองทฟี่ ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เห็น อย่างมีเหตุผล ตวั ช้ีวดั ต 1.1 ม. 1/2 อ่านออกเสียงขอ้ ความ นิทาน และบทร้อยกรอง (poem) ส้นั ๆ ถูกตอ้ งตามหลกั การอา่ น ต 1.1 ม. 1/4 ระบหุ ัวขอ้ เร่ือง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและ อา่ นบทสนทนา นิทาน และเร่ืองส้ัน มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ ความคิดเหน็ อย่างมปี ระสิทธภิ าพ ตวั ช้ีวดั ต 1.2 ม. 1/1 สนทนาแลกเปลยี่ นขอ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเอง กิจกรรม และสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจาวนั สาระที่ 2 ภาษาและวฒั นธรรม มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพนั ธ์ระหว่างภาษากบั วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้ อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ ตวั ช้ีวดั ต 2.1 ม. 1/1 ใชภ้ าษา น้าเสียง และกิริยาท่าทางสุภาพเหมาะสมตามมารยาทสังคมและวฒั นธรรม ของเจา้ ของภาษา 124
สาระท่ี 4 ภาษากบั ความสัมพันธ์กบั ชุมชนและโลก มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม ตวั ช้ีวดั ต 4.1 ม. 1/1 ใชภ้ าษาส่ือสารในสถานการณ์จริง/สถานการณ์จาลองทเ่ี กิดข้ึนในหอ้ งเรียนและ สถานศกึ ษา 2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด การเรียนรู้สานวนภาษาท่ีใชใ้ นการซ้ือของ จะช่วยให้พูดสนทนาสื่อสารในชีวติ ประจาวนั ไดอ้ ยา่ ง ถูกตอ้ งและเหมาะสม 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า 1) Language Features and Functions Vocabulary: Souvenirs (T-shirt, sweatshirt, cap, mug, key ring, bag, pen, clock) Sentences (What can I do for you? I want to buy a souvenir. How about this cap? How much is it? It’s $15.00. Here you are.) Functions: Buying things What can I do for you? I want to buy a souvenir. 2) Language Skills Listening: ฟังการออกเสียงประโยค Speaking: พดู สนทนาตามสถานการณ์ทกี่ าหนด Reading: อ่านเพื่อหาขอ้ มูลเฉพาะ, อ่านออกเสียงบทสนทนา Writing: แต่งบทสนทนาตามสถานการณท์ ่ีกาหนด 4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน 1) ความสามารถในการส่ือสาร 2) ความสามารถในการคิด 5. คุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 2) มุ่งมนั่ ในการทางาน 1) ใฝ่เรียนรู้ 125
6. กจิ กรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 1 ข้นั Warm up ครูให้นกั เรียนดภู าพร้านของทรี่ ะลึก ภายใน 20 วินาที แลว้ พยายามจาส่ิงของต่าง ๆ ทีอ่ ยใู่ นภาพ ใหม้ ากท่สี ุด ใครจาสิ่งของไดม้ ากท่ีสุดเป็นผชู้ นะ ข้นั Presentation ครูนาเสนอสานวนภาษาท่ีใชใ้ นการซ้ือของ โดยให้นกั เรียนช่วยกนั คดิ วา่ เวลาไปซ้ือของจะถาม อะไรบา้ ง เช่น สี ขนาด ราคา แลว้ ครูวาดตาราง 2 ช่องบนกระดาน ช่องแรกเป็นสานวนของคนขาย ช่องท่ี 2 เป็นสานวนของลกู คา้ Shop keeper/Shop assistant Customer บอกสิ่งทต่ี ้องการ ถามความต้องการ - Do you have …? คณุ มี ... ไหม - Can I help you? มอี ะไรใหช้ ่วยไหม - I want to buy … ฉนั /ผมตอ้ งการซ้ือ ... - How can I help you? มอี ะไรใหช้ ่วยไหม - What can I do for you? มีอะไรใหช้ ่วยไหม - I’m looking for … ฉนั /ผมกาลงั มองหา ... - What are you looking for? คณุ กาลงั มองหา สินคา้ อะไร บอกการตดั สินใจเลือก - I’ll take it. ฉนั เอาอนั น้ี เสนอสินค้าให้พิจารณา - I’ll take this. ฉนั เอาอนั น้ี - How about this one? อนั น้ีเป็นยงั ไง - How do you like this one? คณุ ชอบอนั น้ีไหม 126
ถามสี บอกสีทต่ี ้องการ - What colour do you want? คณุ ตอ้ งการสีอะไร - I want (blue). ฉนั /ผมตอ้ งการ (สีฟ้า) ถามขนาด บอกขนาดทีต่ ้องการ What size do you want? คุณตอ้ งการไซตอ์ ะไร - I want size (M). ฉนั /ผมตอ้ งการไซต์ (M) บอกราคา - It’s … ชิ้นน้ี/อนั น้ีราคา ... ถามราคา - How much is it/this? น่ีราคาเทา่ ไหร่ - They’re… พวกน้ีราคา ... - How much does this cost? นี่ราคาเท่าไหร่ - How much are they? พวกน้ีราคาเท่าไหร่ ใหน้ กั เรียนอา่ นออกเสียงสานวนบนกระดาน และลองเดาความหมาย จากน้นั ครูบอกความหมายของ แตล่ ะประโยค ใหน้ กั เรียนจดลงในสมุด ข้นั Practice 1. หนงั สือเรียน หน้า 27 Ex. 1a ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังประโยคท่ใี หม้ า แลว้ ครูถามว่าแตล่ ะประโยค เนน้ เสียงทีค่ าใด จากน้นั ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฝึกออกเสียง โดยเนน้ เสียงให้ถูกตอ้ ง What can I do for you? How much is it? I want to buy a souvenir. It’s $15.00. How about this cap? Here you are. 2. หนังสือเรยี น หน้า 27 Ex. 1b ครูบอกนกั เรียนว่าประโยคใน Ex. 1 มาจากบทสนทนาท่ีเกิดข้ึนใน ร้านคา้ จากน้นั ให้นกั เรียนพิจารณาว่าประโยคใดพนกั งานขายของเป็นผพู้ ดู ประโยคใดลูกคา้ เป็นผู้ พูด แลว้ ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังและอ่านบทสนทนาตามไปดว้ ยเพอื่ ตรวจคาตอบ shop assistant: What can I do for you? What about this cap? It’s $15.00. customer: I want to buy a souvenir. How much is it? Here you are. 127
3. หนงั สือเรยี น หน้า 27 Ex. 2a ครูถามคาถาม What is Mary buying? แลว้ ให้นกั เรียนอา่ นบทสนทนา เพื่อหาคาตอบ She is buying a cap. 4. หนังสือเรียน หน้า 27 Ex. 2b ครูเปิ ด CD อกี คร้ัง ให้นกั เรียนต้งั ใจฟังบทสนทนา เมอ่ื ฟังจบให้ นกั เรียนจบั คกู่ นั ฝึกพูดสนทนา ครูเนน้ ใหน้ กั เรียนออกเสียงสูง-ต่าในประโยคใหถ้ ูกตอ้ ง ครูเดิน รอบ ๆ ช้นั เรียน สงั เกตการออกเสียงของนกั เรียน จากน้นั สุ่มเรียกนกั เรียน 2-3 คู่ ออกมาพดู สนทนา ท่ีหนา้ ช้นั 5. หนังสือเรยี น หน้า 27 Ex. 3 ให้นกั เรียนช่วยกนั พูดประโยคที่ใหม้ าใน Ex. 1 เป็นภาษาไทย 6. หนงั สือเรยี น หน้า 27 Ex. 4 นกั เรียนอ่านประโยค 1-4 แลว้ อ่านบทสนทนาอกี คร้ังเพอื่ หาประโยคทีม่ ี ความหมายเหมือนกบั ประโยคเหลา่ น้ี จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียนบอกคาตอบ 1 How can I help you? – What can I do for you? 2 How about this cap? – What about this cap? 3 How much does it cost? – How much is it? 4 Of course. – Sure. ข้นั Production หนังสือเรียน หน้า 27 Ex. 5 นกั เรียนทางานคู่ ช่วยกนั แต่งบทสนทนาโดยสมมตสิ ถานการณ์วา่ นกั เรียนอยใู่ นร้านขายของทีร่ ะลกึ ในอเมริกา นกั เรียนสามารถใชบ้ ทสนทนาใน Ex. 2a เป็นตน้ แบบ ได้ โดยเปลย่ี นคาท่ีเป็นสีฟ้าให้เป็นขอ้ มูลเก่ียวกบั ของทร่ี ะลึกท่ีตอ้ งการซ้ือ เม่อื แต่งบทสนทนาเสร็จแลว้ ส่งให้ครูตรวจ หลงั จากรบั งานคนื แลว้ ใหน้ กั เรียนไปฝึกซ้อม เพ่ือมาพดู สนทนาในชว่ั โมงถดั ไป 128
Shop assistant: Good afternoon. What can I do for you? Marta: Good afternoon. I want to buy a souvenir. Shop assistant: What about this key ring? Marta: It’s very nice. How much is it? Shop assistant: It’s $8.00. Marta: Can I have two, please? Shop assistant: Sure. That’s $16.00. Marta: Here you are. Shop assistant: Here’s your change. Have a nice day. ชั่วโมงที่ 2 ข้นั Warm up ครูทบทวนคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั ของทรี่ ะลกึ โดยใหน้ กั เรียน 1 คน ออกมาวาดภาพบนกระดาน เพ่ือให้ นกั เรียนในช้นั ทายคาศพั ท์ ข้นั Pre-speaking 1. ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังบทสนทนาในหนงั สือเรียน หนา้ 27 Ex. 2a แลว้ อ่านตามพร้อมกนั โดย ออกเสียงสูง-ต่าใหถ้ ูกตอ้ ง 2. ครูใหเ้ วลานกั เรียนแตล่ ะคู่ทบทวนบทสนทนาท่ตี นเองแตง่ เพ่อื เตรียมความพร้อมกอ่ นออกมาพดู สนทนาหนา้ ช้นั เรียน ข้นั Speaking 1. ก่อนเริ่มพดู สนทนา ครูให้นกั เรียนทกั ทายเพ่อื นและแนะนาตนเองดว้ ย เช่น Hi, everyone. I’m Sunisa. Hello, my friends. 2. ครูใหน้ กั เรียนแต่ละคอู่ อกมาพดู สนทนาหนา้ ช้นั เรียน โดยครูอาจเรียกตามลาดบั เลขทหี่ รือเรียกตาม แถวทีน่ งั่ ขณะทีน่ กั เรียนพูดสนทนาครูคอยสังเกตและจดบนั ทกึ 129
ข้นั Post-speaking 1. ครูให้ขอ้ มูลยอ้ นกลบั (feedback) เร่ืองการใชภ้ าษาของนกั เรียน เช่น ไวยากรณ์ การออกเสียง น้าเสียง กิริยาทา่ ทาง เพื่อใหน้ กั เรียนนาไปปรบั ปรุงแกไ้ ขในคร้งั ตอ่ ไป 2. ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนแต่ละคไู่ ปฝึกอา่ นบทสนทนาในหนงั สือเรียน หนา้ 27 ใหค้ ล่อง แลว้ มาอ่าน บทสนทนาให้ครูฟังนอกเวลาเรียน 3. นกั เรียนทา Language Review 2d Ex. 5 ในหนงั สือเรียน หนา้ 106 ร่วมกนั ในช้นั 4. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 18 Exs. 4-5 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น 7. การวดั และการประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน แบบประเมินการอ่านออกเสียง ระดบั คุณภาพ พอใช้ วธิ ีการวดั แบบฝึกหัด (Workbook) ร้อยละ 60 ประเมินการอา่ นออกเสียงบทสนทนา ตรวจการตอบคาถามจากการอ่าน แบบประเมินการเขยี น ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ บทสนทนา ประเมนิ การแต่งบทสนทนาตาม แบบประเมินการแสดงบทสนทนา/ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ สถานการณท์ ี่กาหนด บทบาทสมมติ ประเมินการพดู สนทนาตาม แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผา่ น สถานการณ์ทกี่ าหนด อนั พึงประสงค์ สงั เกตความใฝ่เรียนรู้และความมุง่ มน่ั ในการทางาน 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียน SPARK 1 ม. 1 2) Class Audio CDs ประกอบสื่อฯ ชุด SPARK 1 ม. 1 3) แบบฝึกหัด SPARK 1 ม. 1 4) ภาพร้านของที่ระลกึ 130
5คคู่ ิด Across the curriculum 2e 2 ช่ัวโมง จดุ ประสงค์การเรียนรู้ - ตอบคาถามจากการอา่ นเร่ืองได้ - พูดและเขียนให้ขอ้ มูลเกี่ยวกบั ลกั ษณะของบุคคลได้ 1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วดั สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตคี วามเร่ืองท่ฟี ังและอา่ นจากสื่อประเภทตา่ ง ๆ และแสดงความคิดเห็น อยา่ งมเี หตผุ ล ตวั ช้ีวดั ต 1.1 ม. 1/4 ระบุหัวขอ้ เร่ือง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและ อา่ นบทสนทนา นิทาน และเร่ืองส้นั มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ ความคิดเหน็ อย่างมีประสิทธภิ าพ ตวั ช้ีวดั ต 1.2 ม. 1/1 สนทนาแลกเปลีย่ นขอ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเอง กิจกรรม และสถานการณต์ ่าง ๆ ในชีวิตประจาวนั มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเหน็ ในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพูด และการเขยี น ตวั ช้ีวดั ต 1.3 ม. 1/1 พูดและเขยี นบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และส่ิงแวดลอ้ ม ใกลต้ วั 2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การเรียนรู้เก่ียวกบั ความเหมือนและความแตกต่างดา้ นลกั ษณะภายนอก จะช่วยให้เขา้ ใจ ความสัมพนั ธ์ของบคุ คลท้งั ทางพนั ธุกรรมและทางเช้ือชาติ 131
3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า 1) Language Features and Functions Vocabulary: Nouns (genes, identical twins) Adjectives (wonderful, full of, alike) Adverb (however) 2) Language Skills Reading: อา่ นเพ่อื หาขอ้ มูลเฉพาะ Writing: เขียนรายงานผลสารวจลกั ษณะของสมาชิกในครอบครัว 4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน 1) ความสามารถในการสื่อสาร 2) ความสามารถในการคิด 5. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1) ใฝ่เรียนรู้ 2) มุง่ มน่ั ในการทางาน 6. กิจกรรมการเรียนรู้ ช่ัวโมงท่ี 1 ข้นั Warm up 1. ครูทบทวนการใช้ have got บอกลกั ษณะของบคุ คล โดยนาภาพนกั แสดง/นกั ร้องทมี่ ชี ่ือเสียงมา แสดงให้นกั เรียนดู และพูดบอกลกั ษณะของบคุ คลในภาพ เช่น T: Who’s she? (ชูภาพ Taylor Swift) Ss: She’s Taylor Swift. T: What does she look like? Ss: She’s young and tall. She has got brown hair and blue eyes. 2. ครูให้นกั เรียนช่วยกนั คดิ และบอกว่าลกั ษณะของคนยโุ รปหรือคนอเมริกนั และคนเอเชียแตกต่างกนั อยา่ งไร เช่น ความสูง สีผม สีผวิ 132
3. ครูใหน้ กั เรียนดภู าพ และระดมความคิดเห็นเก่ียวกบั ภาพ ดว้ ยการถามคาถาม What would it be like if we were all the same? Wouldn’t the world be boring if we were all alike? 4. ครูส่งกระจกให้นกั เรียนส่องดสู ีผม สีผิว สีตาของตนเอง และส่งกระจกต่อ ๆ กนั ไป แลว้ ให้นกั เรียน บอกวา่ เห็นลกั ษณะตนเองอยา่ งไรในกระจก เช่น I have got black hair and dark brown eyes. จากน้นั ครูถามคาถาม What makes you special or unique? ข้นั Presentation 1. ครูนาเสนอสานวนทใ่ี ชบ้ อกความเหมอื นและความแตกตา่ งของลกั ษณะภายนอก โดยชูภาพ นกั แสดง/นกั ร้องใหน้ กั เรียนดู และยกตวั อยา่ ง เช่น Yaya has got the same hair colour as Kimberry. Yaya has got a different eye colour from Taylor Swift. แลว้ ครูอธิบายวา่ the same as ใชบ้ อกสิ่งทเ่ี หมือนกนั ส่วน different from ใชบ้ อกส่ิงที่ตา่ งกนั ครูอธิบายเพม่ิ เตมิ วา่ การบอกลกั ษณะทเ่ี หมอื นกนั ยงั สามารถใช้ like ไดด้ ว้ ย เช่น Tom is like his father. Jane has got eye colour like her mother’s. วลี “แตกต่างจาก...” คนอเมริกนั ใช้ different from หรือ different than แตค่ นองั กฤษจะใช้ different from หรือ different to ทมี่ า: http://streetenglish.exteen.com ข้นั Practice 1. หนงั สือเรียน หน้า 28 Ex. 1a ใหน้ กั เรียนดูภาพบุคคล และบอกว่าพวกเขามลี กั ษณะเหมือนกนั และ ต่างกนั อยา่ งไร 133
Jane has got a different hair colour from Kim and Lee. Pat has got the same eye colour as Kim. Bill and Sam are the same. They are twins. Lee has got the same hair colour as Kim. 2. หนงั สือเรียน หน้า 28 Ex. 1b ครูถามนกั เรียนว่า มีพ่ชี าย/นอ้ งชาย หรือพส่ี าว/นอ้ งสาวหรือไม่ และ นกั เรียนมีลกั ษณะเหมือน/แตกต่างจากพน่ี อ้ งอยา่ งไร I have got the same eye colour as my sister. I have got a different skin colour from my sister. 3. หนังสือเรียน หน้า 28 Ex. 2 ให้ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังและอ่านบทอา่ นตามไปดว้ ย จากน้นั ให้ นกั เรียนอา่ นประโยคทีก่ าหนด และตอบวา่ ประโยคถูกตอ้ งตามเรื่องท่ฟี ัง (T) หรือไมถ่ ูกตอ้ ง (F) หรือไมไ่ ดก้ ล่าวถงึ (DS) เสร็จแลว้ ตรวจคาตอบพร้อมกนั แลว้ ครูใหน้ กั เรียนบอกความหมายของคา ในกรอบ Check these words 1 DS 2 T 3 T 4 F ประชากรส่วนใหญข่ องทวีปยุโรปเป็นชนผวิ ขาว จมูกโดง่ รูปร่างสูงใหญ่ เป็นกล่มุ ชาติพนั ธุค์ อเคซอยด์ (Caucasoid) ซ่ึงเป็นชนด้งั เดิมของทวปี น้ี แมจ้ ะมี ชาตพิ นั ธุเ์ ดียวกนั แต่ก็ยงั มลี กั ษณะบางอยา่ งแตกตา่ งกนั ไปในแตล่ ะเขตพ้นื ท่ี ซ่ึงใช้ เป็นเกณฑใ์ นการแบง่ ชาวยโุ รปออกเป็น 3 กลมุ่ ดงั น้ี 1) กล่มุ เมดิเตอร์เรเนียน ต้งั ถน่ิ ฐานอยตู่ ามชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน ไดแ้ ก่ ประเทศ กรีซ อิตาลี สเปน โปรตเุ กส ตอนใตข้ องฝรง่ั เศส ลกั ษณะเด่นของประชากรกล่มุ เมดิเตอร์เรเนียน คอื รูปร่างสันทดั ผิวคล้า ผมสีดาหรือน้าตาล ตาสีฟ้าหรือน้าตาล กะโหลกศรี ษะยาว 134
2) กล่มุ แอลไพน์ ต้งั ถ่นิ ฐานอยแู่ ถบตอนกลางและตอนใตข้ องทวปี ยโุ รป เช่น ตอนกลางของประเทศเยอรมนีและฝรั่งเศส ตอนเหนือของประเทศสเปน คาบสมุทรบอลขา่ น และบางส่วนของยโุ รปตะวนั ออก เช่น ประเทศเบลารุส สาธารฐั เชก็ ยเู ครน รัสเซีย ลกั ษณะเด่นของประชากรกลุ่มแอลไพน์ คอื รูปร่าง เต้ยี ล่า ผมสีน้าตาล ตาสีฟ้าหรือน้าตาล กระโหลกศรี ษะกลม 3) กล่มุ นอร์ดกิ และติวตัน ต้งั ถ่ินฐานอยทู่ างตอนเหนือของทวปี ในคาบสมุทร สแกนดิเนเวยี เป็นประชากรส่วนใหญ่ของประเทศนอร์เวย์ สวีเดน ฟินแลนด์ เดนมาร์ก ลกั ษณะเดน่ ของประชากรกลุ่มนอร์ดิกและติวตนั คอื รูปร่างสูงใหญ่ ผมสีน้าตาลหรือทอง ผวิ ขาว ตาสีออ่ นหรือฟ้า กระโหลกศรี ษะยาว ที่มา: http://61.19.32.212/teach/social/aumporn/wp-content/uploads/2014/03/b3.pdf ข้นั Production 1. หนงั สือเรียน หน้า 28 Ex. 3 ครูบอกนกั เรียนว่าจะให้ทา class survey เกี่ยวกบั ความเหมอื นและ ความแตกต่างระหวา่ งเพือ่ นกบั พอ่ แม่ แลว้ ครูให้นกั เรียนลอกตารางลงในสมดุ จากน้นั ให้นกั เรียน สัมภาษณ์เพอื่ นร่วมช้นั 4 คน ตามหัวขอ้ ในตาราง และบนั ทกึ คาตอบ เช่น S1: Peter, what colour is your hair? S2: My hair is black. S1: What colour are your eyes? S2: My eyes are green. S1: What colour is your mother’s hair? S2: My mother’s hair is black. เสร็จแลว้ ให้แต่ละคนเขยี นรายงานผลสารวจ จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คน ออกมาอ่านรายงาน ให้เพื่อนฟังท่หี นา้ ช้นั 135
Name Hair Eye Mother’s Father’s Mother’s Father’s colour colour hair colour hair colour eye colour eye colour 1 Peter black green black fair green blue 2 Sally brown green brown fair green green 3 Steve fair blue fair fair blue blue 4 Ann brown brown fair brown blue brown 5 You black brown black black black brown Peter has got black hair like his mother’s. Peter has got a different hair colour from his father’s. Peter has got green eyes like his mother’s. Peter has got different colour eyes from his father’s. Sally has got brown hair like her mother’s. Sally has got a different hair colour from her father’s. Sally has got green eyes like her mother’s and father’s. Steve has got fair hair like his mother’s and father’s. Steve has got blue eyes like his mother’s and father’s. Ann has got brown hair like her father’s. Ann has got a different hair colour from her mother’s. Ann has got brown eyes like her father’s. Ann has different colour eyes from her mother’s. I have got black hair like my mother’s and father’s. I have got different colour eyes from my mother’s. I have got brown eyes like my father’s. 4. นกั เรียนทา Language Review 3e Ex. 5 ในหนงั สือเรียน หนา้ 107 ร่วมกนั ในช้นั 5. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 26 Ex. 1 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น 136
ชั่วโมงที่ 2 ข้นั Warm up ครูสุ่มถามคาถามนกั เรียนหลาย ๆ คน เก่ียวกบั ลกั ษณะภายนอก เช่น สีผม สีตา T: What colour is your hair? S1: My hair is black. ข้นั Presentation ครูทบทวนสานวน the same as และ different from ทีใ่ ชบ้ อกความเหมอื นและความแตกตา่ งของ ลกั ษณะภายนอก โดยช้ีท่ีนกั เรียน 2 คน และพดู ประโยค เช่น May has got the same hair colour as Ning. จากน้นั ครูแสดงภาพบคุ คลให้นกั เรียน และพูดประโยค เช่น Yaya has got a different eye colour from Taylor Swift. ครูถามนกั เรียนว่า การบอกลกั ษณะทีเ่ หมือนกนั นอกจาก the same as ยงั สามารถใชค้ าใดไดอ้ ีก (like) เช่น Tom is like his father. Jane has got eye colour like her mother’s ข้นั Practice 1. นกั เรียนทางานคู่ โดยใชต้ ารางผลสารวจจาก Ex. 3 พดู รายงานความเหมือนและความแตกตา่ งของ เพื่อนใหค้ ูข่ องตนฟัง 2. ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คน ให้พดู รายงานวา่ ตนเองมลี กั ษณะใดที่เหมือนหรือแตกตา่ งจากพ่อแม่ ข้นั Production 1. ใหน้ กั เรียนสารวจลกั ษณะของสมาชิกในครอบครัว และเขยี นรายงานผลสารวจมาส่งครู 2. นกั เรียนทา Vocabulary Bank 2 ในแบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 89-91 3. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 18 Exs. 1-3 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น 137
7. การวัดและการประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ วธิ ีการวดั แบบประเมินการเขียน ระดบั คุณภาพ พอใช้ สังเกตการสัมภาษณล์ กั ษณะของเพอื่ น ประเมินการเขียนรายงานผลสารวจ แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผ่าน ลกั ษณะของสมาชิกในครอบครวั อนั พงึ ประสงค์ สังเกตความใฝ่เรียนรู้และความมงุ่ มน่ั ในการทางาน 8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียน SPARK 1 ม. 1 2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 1 ม. 1 3) แบบฝึกหดั SPARK 1 ม. 1 4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ 5) พจนานุกรมออนไลน์ 6) ภาพบคุ คล 138
6 Writing 2f 2 ชั่วโมง จดุ ประสงค์การเรียนรู้ - ตอบคาถามจากการอ่านได้ - พูดขอและให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั ของสะสมของตนเองได้ - เขียนอีเมลใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกบั ของสะสมของตนเองได้ 1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ัด สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การสื่อสาร มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเรื่องทฟี่ ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น อย่างมีเหตผุ ล ตวั ช้ีวดั ต 1.1 ม. 1/4 ระบุหวั ขอ้ เรื่อง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและ อา่ นบทสนทนา นิทาน และเรื่องส้ัน มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ ความคดิ เห็นอย่างมีประสิทธภิ าพ ตวั ช้ีวดั ต 1.2 ม. 1/1 สนทนาแลกเปลยี่ นขอ้ มลู เก่ียวกบั ตนเอง กิจกรรม และสถานการณ์ตา่ ง ๆ ในชีวติ ประจาวนั มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเหน็ ในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพูด และการเขียน ตวั ช้ีวดั ต 1.3 ม. 1/1 พดู และเขียนบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และสิ่งแวดลอ้ ม ใกลต้ วั 139
2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การเรียนรู้เครื่องหมายวรรคตอนตา่ ง ๆ จะช่วยให้สามารถเขยี นสื่อสารไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและมี ประสิทธิภาพ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา 1) Language Features and Functions Vocabulary: Nouns (collection, football shirts, team, hobby) Adjectives (mad about, proud of) Functions: Talking about your collection What is your collection? My collection is dolls. 2) Language Skills Reading: อ่านเพอื่ หาขอ้ มูลเฉพาะ Speaking: พดู ขอและให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั ของสะสมของตนเอง Writing: เขียนอเี มลเล่าเก่ียวกบั บา้ นของสะสมของตนเอง 4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น 1) ความสามารถในการสื่อสาร 2) ความสามารถในการคิด 5. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1) ใฝ่เรียนรู้ 2) มุง่ มนั่ ในการทางาน 140
6. กจิ กรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงท่ี 1 ข้นั Warm up 1. ครูนาของสะสมของครูมาแสดงใหน้ กั เรียนดู พร้อมกบั พูดบอกว่าของสะสมน้นั คอื อะไร เช่น I have got a collection of stamp. จากน้นั ครูสุ่มถามเก่ียวกบั ของสะสมของนกั เรียน เช่น T: Pom, have you got a collection? Pom: Yes, I have. T: What is your collection? Pom: My collection is Lego. 2. ครูให้นกั เรียนดภู าพประกอบในหนงั สือเรียน หนา้ 29 แลว้ เดาวา่ ของสะสมของเด็กผชู้ ายในภาพคอื อะไร ข้นั Presentation 1. ครูสอนคาศพั ทใ์ หม่ เช่น proud, collections โดยการอธิบายความหมาย พร้อมยกตวั อยา่ งประกอบ เช่น Proud is feeling pleasure and satisfaction because you or people connected with you have done or got something good. e.g. You must be very proud of your son. We’re particularly proud of our company’s environmental record. แลว้ ครูถามวา่ What is part of speech of “proud”? โดยกระตนุ้ ให้นกั เรียนบอกคาตอบวา่ adjective Collection is a group of objects of one type that have been collected by one person e.g. There's an Egyptian art collection on display at the museum at the moment. Rosie has a massive collection of furry toys. ครูถามวา่ What is part of speech of “collection”? โดยกระตนุ้ ให้นกั เรียนบอกคาตอบวา่ noun 2. ครูทบทวนการใชเ้ คร่ืองหมายวรรคตอนในภาษาองั กฤษ โดยเขยี นประโยคตวั อยา่ ง บนกระดาน She is from Scotland. I can’t swim. Tom likes bananas, apples and pears. 141
It’s great! What’s your favourite sport? ครูวงกลมเคร่ืองหมายวรรคตอนตา่ ง ๆ แลว้ ถามนกั เรียนว่ามเี ครื่องหมายอะไรบา้ ง จากน้นั ครูเขียน เคร่ืองหมายบนกระดาน และถามนกั เรียนวา่ เครื่องหมายแต่ละอนั ใชอ้ ยา่ งไร - full stop (.) ใชว้ างไวท้ า้ ยประโยคบอกเล่าและปฏเิ สธ - comma (,) ใชแ้ บ่งรายการที่มมี ากกว่า 2 - exclamation mark (!) ใชว้ างไวท้ า้ ยประโยคท่แี สดงความรู้สึก - question mark (?) ใชว้ างไวท้ า้ ยประโยคคาถาม ข้นั Practice 1. หนงั สือเรยี น หน้า 29 Ex. 1 ให้นกั เรียนอา่ นอีเมลและเติมคาทกี่ าหนดให้ลงในช่องว่างให้ถูกตอ้ ง จากน้นั ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังและอ่านอีเมลเพอ่ื ตรวจคาตอบ แลว้ ใหน้ กั เรียนบอกความหมาย ของคาศพั ทใ์ นกรอบ Check these words 1 shirts 2 collection 3 teams 4 proud 2. หนังสือเรียน หน้า 29 Ex. 2 ใหน้ กั เรียนอ่านอีเมลอีกคร้ัง เพ่อื หาคาตอบมาเขยี นเตมิ ลงในประโยค เสร็จแลว้ ครูตรวจคาตอบ 1 ten 2 Spain 3 football shirts 4 David Beckham’s number 7 Manchester United Shirt จากน้นั ครูถามขอ้ มลู ของเด็กผูช้ ายในอีเมล ดว้ ยคาถาม What’s his name? How old is he? What is his collection? What’s his favourite one? ใหน้ กั เรียนช่วยกนั ตอบ 3. ให้นกั เรียนจบั คผู่ ลดั กนั พูดถาม-ตอบเก่ียวกบั ของสะสมของตนเอง ถา้ ใครไมม่ ขี องสะสมให้สมมติ ข้ึนเอง โดยใชค้ าถาม Have you got a collection? What is your collection? How many do you have? เช่น 142
S1: Have you got a collection? S2: Yes, I have. S1: What is your collection? S2: My collection is dolls. S1: How many do you have? S2: I have got forty-five dolls. 3. หนังสือเรียน หน้า 29 Ex. 3 นกั เรียนอา่ น Study skills เก่ียวกบั การใชเ้ คร่ืองหมายวรรคตอน แลว้ หา ประโยคทีใ่ ชเ้ ครื่องหมายวรรคตอนเหล่าน้ีในอเี มล Ex. 1 จากน้นั ให้นกั เรียนอ่านประโยคท่ี กาหนดให้ แลว้ ใส่เครื่องหมายวรรคตอนลงในประโยคใหถ้ ูกตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียน ออกมาเขยี นคาตอบบนกระดาน แลว้ ครูตรวจความถูกตอ้ งอีกคร้งั 1 Where is John from? 2 She’s Spanish. 3 He hasn’t got long hair. 4 He’s got a camera, a pen and a cap. ข้นั Production 1. ให้นกั เรียนเขียนประโยคโดยใชเ้ ครื่องหมายวรรคตอนต่าง ๆ มาเคร่ืองหมายละ 2 ประโยค เสร็จแลว้ รวมรวมส่งใหค้ รูตรวจความถูกตอ้ ง 2. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 19 Exs. 1-2 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น ช่ัวโมงที่ 2 ข้นั Warm up ครูถามนกั เรียนวา่ นกั เรียนมีอเี มลหรือไม่ เคยส่งอเี มลไปหาเพอ่ื นใหม่บา้ งหรือไม่ และนกั เรียนส่ง อเี มลบอ่ ยหรือไม่ ข้นั Pre-writing 1. ครูทบทวนการใชเ้ ครื่องหมายวรรคตอนในภาษาองั กฤษ โดยใหน้ กั เรียนดูอีเมลในหนงั สือเรียน หนา้ 29 ว่าเครื่องหมายวรรคตอนอะไรบา้ ง เช่น full stop, comma, exclamation, question mark แลว้ ใหน้ กั เรียนบอกมวี ธิ ีการใชเ้ คร่ืองหมายวรรคตอนต่าง ๆ 143
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 637
Pages: