Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ม.1

แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ม.1

Published by danangelo1992, 2022-08-17 03:20:14

Description: แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ม.1

Search

Read the Text Version

4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น 1) ความสามารถในการส่ือสาร 2) ความสามารถในการคิด 5. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1) ใฝ่เรียนรู้ 2) มงุ่ มน่ั ในการทางาน 6. กจิ กรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงท่ี 1 ข้นั Warm up นกั เรียนเลน่ เกม Beginning with โดยครูแบ่งนกั เรียนออกเป็น 5 ทีม แลว้ ครูบอกตวั อกั ษร ภาษาองั กฤษ 1 ตวั เพ่ือให้แต่ละทีมบอกคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั ห้องและเฟอร์นิเจอร์/เคร่ืองใชท้ ่ีข้ึนตน้ ดว้ ย ตวั อกั ษรตวั น้นั มา 1 คา ถา้ ทีมใดไม่สามารถบอกคาศพั ทไ์ ดภ้ ายใน 5 วินาที ให้ขา้ มทมี น้นั ไป ทีมท่ี บอกคาศพั ทถ์ กู ตอ้ งจะได้ 1 คะแนน ทมี ทไี่ ดค้ ะแนนมากทสี่ ุดจะเป็นผชู้ นะเช่น T: Can you tell me furniture beginning with A? Team A Team A: Science ข้นั Presentation 1. ครูสอนการออกเสียงสูง-ต่าทา้ ยประโยคคาถาม โดยเขยี นประโยคคาถามต่อไปน้ีบนกระดาน Do you have lunch? Who’s your favourite singer? ครูถามนกั เรียนว่า ประโยคใดเป็นคาถาม Yes/No questions ประโยคใดเป็นคาถาม Wh-questions เมอื่ ไดค้ าตอบแลว้ ครูอา่ นออกเสียงประโยคคาถามให้นกั เรียนฟัง และถามว่าประโยคใดข้นึ เสียงสูง ทา้ ยประโยค (Do you have lunch?) ประโยคใดลงเสียงต่าทา้ ยประโยค (Who’s your favourite singer?) 194

2. ใหน้ กั เรียนอ่าน Study Skills ในหนงั สือเรียน หนา้ 39 เกี่ยวกบั การออกเสียงสูง-ต่าในประโยค คาถาม แลว้ ช่วยกนั อธิบาย จากน้นั ครูสรุปให้ฟังวา่ คาถาม Yes/No questions จะข้ึนเสียงสูงทา้ ย ประโยค ส่วนคาถาม Wh-questions จะลงเสียงต่าทา้ ยประโยค แลว้ ใหน้ กั เรียนอ่านประโยคคาถาม บนกระดานพร้อมกนั 2 คร้ัง และสุ่มเรียกนกั เรียนอ่านทีละคน ข้นั Practice 1. หนงั สือเรียน หน้า 39 Ex. 1 ใหน้ กั เรียนอ่านบทสนทนาระหวา่ ง Bill กบั Mrs Smith 2 บรรทดั แรก แลว้ ครูถามว่า Is Bill at school? at Jim’s house? Who’s Mrs Smith? ใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกคาตอบ Bill is at Jim’s house. Mrs Smith is Jim’s mum. 2. หนังสือเรยี น หน้า 39 Ex. 2 ครูบอกนกั เรียนวา่ ประโยคเหล่าน้ีมาจากบทสนทนาระหวา่ งเพือ่ น 2 คน ให้นกั เรียนเดาว่าบทสนทนาน้ีน่าจะเก่ียวกบั เร่ืองอะไร แลว้ ครูให้นกั เรียนฟังและอา่ นบทสนทนา เพื่อตรวจว่าคาดเดาคาตอบถูกตอ้ งหรือไม่ Talking about someone’s room and things ต่อมาครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังการออกเสียงประโยค ให้สงั เกตการออกสียงประโยคคาถาม แลว้ ครู เปิ ด CD อีกคร้ัง โดยหยดุ ทีละประโยคเพอื่ ใหน้ กั เรียนออกเสียงตาม แลว้ ครูให้นกั เรียนฝึกออกเสียง ดว้ ยตนเอง จากน้นั แลว้ ช่วยกนั บอกความหมายของประโยคเหลา่ น้ีเป็นภาษาไทย 3. หนังสือเรียน หน้า 39 Ex. 3 นกั เรียนอ่านประโยค 1-6 และขดี เสน้ ใตค้ าสาคญั ในแต่ละประโยค จากน้นั อา่ นบทสนทนาเพอ่ื มองหาคาพอ้ งความหมาย (synonym) คาท่มี ีความหมายตรงกนั ขา้ ม (opposite) หรือกลุม่ คา/วลี ทมี่ ีความหมายเหมอื นกนั หรือตา่ งกนั กบั คาสาคญั ท่ขี ดี เสน้ ใตไ้ ว้ แลว้ ให้ นกั เรียนตอบว่าประโยค 1-6 ถกู หรือผดิ และครูเฉลยคาตอบ 1F 2F 3T 4T 5F 6T 195

4. หนงั สือเรยี น หน้า 39 Ex. 4 นกั เรียนอา่ นประโยค 1-5 แลว้ อ่านบทสนทนาอกี คร้ังเพือ่ หาประโยคทีม่ ี ความหมายเหมอื นกบั ประโยคเหลา่ น้ี จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียนบอกคาตอบ 1 Can I talk to Jim? – Is Jim here? 2 I like your room. – Your room is great. 3 Yes, it’s huge. – Yes, it’s really big. 4 That’s great. – Fantastic! 5 Can you tell me how to get there? – Where’s that? 5. หนงั สือเรียน หน้า 39 Ex. 5 ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังและอ่านออกเสียงบทสนทนาตาม จากน้นั ให้ นกั เรียนรวมกลุ่ม กลมุ่ ละ 3 คน เพือ่ ฝึกอ่านบทสนทนา โดยเนน้ ใหน้ กั เรียนออกเสียงสูง-ต่าให้ ถูกตอ้ ง ครูเดินสังเกตรอบ ๆ ช้นั เรียนเพื่อคอยช่วยเหลือ ข้นั Production 1. หนงั สือเรยี น หน้า 39 Ex. 6 นกั เรียนทางานคู่ ช่วยกนั แต่งบทสนทนาโดยสมมตสิ ถานการณ์ว่าเพอ่ื น กาลงั จะมาเย่ียมทบ่ี า้ น และนกั เรียนพาเพื่อนไปดูหอ้ งของตนเอง นกั เรียนสามารถใชบ้ ทสนทนาใน Ex. 3 เป็นตน้ แบบได้ เมอ่ื แตง่ บทสนทนาเสร็จแลว้ ส่งใหค้ รูตรวจ หลงั จากรบั งานคนื แลว้ ให้นกั เรียน ไปฝึกซอ้ ม เพือ่ มาพูดสนทนาในชวั่ โมงถดั ไป A: Wow! Your room is great! B: Thanks. It’s quite big. A: What’s this? B: That’s my DVD player and that’s my computer over there. A: Fantastic. You’re very lucky. B: Yes, I am. 2. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 26 Ex. 5 ให้นกั เรียนฟัง CD แลว้ เตมิ คาลงในช่องว่าง 3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 26 Exs. 2-3 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น 196

ช่ัวโมงท่ี 2 ข้นั Warm up ครูทบทวนการออกเสียงสูง-ต่าในประโยคคาถาม ดว้ ยการเขยี นประโยคบนกระดาน แลว้ ให้นกั เรียน อา่ นออกเสียง เช่น Where is your bedroom? What insect has got a web? Do you like sushi? Is she a teacher? Who is that? Can I help you? ข้นั Pre-speaking 1. ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังบทสนทนาในหนงั สือเรียน หนา้ 39 Ex. 3 แลว้ อา่ นตามพร้อมกนั โดย ออกเสียงสูง-ต่าให้ถกู ตอ้ ง และใชน้ ้าเสียงใหเ้ หมาะสมในการแสดงความรู้สึก 2. ครูให้เวลานกั เรียนแต่ละคูท่ บทวนบทสนทนาท่ตี นเองแต่ง เพื่อเตรียมความพร้อมกอ่ นออกมาพูด สนทนาหนา้ ช้นั เรียน ข้นั Speaking 1. ก่อนเร่ิมพูดสนทนา ครูให้นกั เรียนทกั ทายเพ่อื นและแนะนาตนเองดว้ ย เช่น Hi, everyone. I’m Sunisa. Hello, my friends. 2. ครูใหน้ กั เรียนแตล่ ะคู่ออกมาพดู สนทนาหนา้ ช้นั เรียน โดยครูอาจเรียกตามลาดบั เลขที่หรือเรียกตาม แถวทีน่ งั่ ขณะทน่ี กั เรียนพดู สนทนาครูคอยสังเกตและจดบนั ทึก ข้นั Post-speaking 1. ครูให้ขอ้ มลู ยอ้ นกลบั (feedback) เร่ืองการใชภ้ าษาของนกั เรียน เช่น ไวยากรณ์ การออกเสียง น้าเสียง กิริยาท่าทาง เพอ่ื ใหน้ กั เรียนนาไปปรบั ปรุงแกไ้ ขในคร้ังต่อไป 2. ครูมอบหมายให้นกั เรียนแตล่ ะคู่ไปฝึกอ่านบทสนทนาในหนงั สือเรียน หนา้ 39 ใหค้ ล่อง แลว้ มาอ่าน บทสนทนาให้ครูฟังนอกเวลาเรียน 3. นกั เรียนทา Language Review 3d Ex. 4 ในหนงั สือเรียน หนา้ 107 ร่วมกนั ในช้นั 197

4. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 26 Ex. 4 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น 7. การวัดและการประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน แบบประเมนิ การอา่ นออกเสียง ระดบั คุณภาพ พอใช้ วิธีการวดั แบบฝึกหดั (Workbook) ร้อยละ 60 ประเมนิ การอ่านออกเสียงบทสนทนา ตรวจการตอบคาถามจากการอา่ น แบบประเมนิ การเขยี น ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ บทสนทนา ประเมินการแตง่ บทสนทนาตาม แบบประเมินการแสดงบทสนทนา/ ระดบั คุณภาพ พอใช้ สถานการณท์ ่กี าหนด บทบาทสมมติ ประเมนิ การพดู สนทนาตาม แบบประเมินคณุ ลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผา่ น สถานการณ์ทก่ี าหนด อนั พงึ ประสงค์ สงั เกตความใฝ่เรียนรู้และความมุง่ มนั่ ในการทางาน 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียน SPARK 1 ม. 1 2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 1 ม. 1 3) แบบฝึกหัด SPARK 1 ม. 1 198

5คูค่ ิด Across cultures 3e 2 ช่ัวโมง จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ - ตอบคาถามจากการอ่านเร่ืองได้ - พดู และเขยี นให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั landmarks ในประเทศไทยและประเทศอื่นได้ 1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วดั สาระที่ 1 ภาษาเพอื่ การส่ือสาร มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตคี วามเร่ืองทฟ่ี ังและอ่านจากสื่อประเภทตา่ ง ๆ และแสดงความคิดเห็น อยา่ งมเี หตุผล ตวั ช้ีวดั ต 1.1 ม. 1/4 ระบุหวั ขอ้ เร่ือง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและ อ่านบทสนทนา นิทาน และเรื่องส้ัน มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เห็นในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพูด และการเขียน ตวั ช้ีวดั ต 1.3 ม. 1/1 พูดและเขียนบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และส่ิงแวดลอ้ ม ใกลต้ วั สาระที่ 4 ภาษากบั ความสัมพนั ธ์กับชุมชนและโลก มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็ นเคร่ืองมอื พน้ื ฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และ การแลกเปลยี่ นเรียนรู้กับสังคมโลก ตวั ช้ีวดั ต 4.2 ม. 1/1 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในการสืบคน้ /คน้ ควา้ ความรู้/ขอ้ มูลตา่ ง ๆ จากส่ือและแหล่ง การเรียนรู้ต่าง ๆ ในการศึกษาตอ่ และประกอบอาชีพ 199

2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด การอา่ นและคน้ ควา้ ขอ้ มลู เก่ียวกบั landmarks ของประเทศตา่ ง ๆ จะช่วยให้เขา้ ใจและตระหนกั ถงึ ความสาคญั ของสถานท่ีน้นั ทมี่ ีตอ่ คนในประเทศ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ทักษะเฉพาะวิชา 1) Language Features and Functions Vocabulary: Ordinal numbers (first, second, third, ..., twenty-third) Nouns (metal, space) Adjectives (tall, huge, high) Function: Describing landmarks around the world The Eiffel Tower is in Paris. Some parts of the Great Wall of China are 2,000 years old. 2) Language Skills Speaking: พดู นาเสนอ landmark ตามจินตนาการ Reading: อา่ นเพือ่ หาขอ้ มูลเฉพาะ Writing: เขียนบรรยาย landmarks ในประเทศไทยและประเทศอื่น 3) Culture landmarks 4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน 1) ความสามารถในการสื่อสาร 2) ความสามารถในการคิด 3) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1) ใฝ่เรียนรู้ 2) มุง่ มน่ั ในการทางาน 200

6. กจิ กรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 1 ข้นั Warm up 1. ครูเขยี นคาวา่ landmark บนกระดาน ใหน้ กั เรียนออกเสียงตาม 2 คร้งั แลว้ ครูอธิบายความหมาย landmark (n) = something, such as a large building, that you can see clearly from a distance and that will help you to know where you are (จดุ สงั เกต) จากน้นั ให้นกั เรียนช่วยกนั ยกตวั อยา่ ง landmark ในจงั หวดั ของตนเอง 2. ครูเตรียมภาพ landmark ของประเทศตา่ ง ๆ มาแสดงใหน้ กั เรียนดู เช่น England - Big Ben, Singapore -Merlion, America - the Statue of Liberty ให้นกั เรียนบอกช่ือ landmark และบอกว่าอยู่ ในประเทศใด เช่น T: (แสดงภาพ Big Ben) What landmark is this? Ss: It’s Big Ben. T: Where is it? Ss: It’s in England. ข้นั Pre-reading 1. หนังสือเรยี น หน้า 40 Ex. 1a นกั เรียนดภู าพ ครูถามวา่ รู้จกั landmark เหล่าน้ีหรือไม่ ให้นกั เรียน ช่วยกนั บอกช่ือของ landmarks (the Eiffel Tower, the Great Wall of China, Buckingham Palace) จากน้นั ใหน้ กั เรียนช่วยกนั ต้งั คาถามเกี่ยวกบั landmark เหลา่ น้ีมาสถานที่ละ 1 คาถาม แลว้ ครูเขยี น คาถามบนกระดาน เช่น Where is it located? What is it made of? When was it built? 2. ให้นกั เรียนอ่านคาศพั ทใ์ นกรอบ Check these words หนงั สือเรียน หนา้ 40 แลว้ ช่วยกนั บอก ความหมาย ถา้ คาใดไมร่ ู้ใหเ้ ปิ ดหาในพจนานุกรม space (n) = the area outside the earth’s atmosphere where all the other planets and stars are (อวกาศ) metal (n) = a type of solid mineral substance that is usually hard and shiny and that heat and electricity can travel through, for example tin, iron and gold (โลหะ) huge (adj) = extremely large (ใหญม่ าก ๆ) 201

ข้นั Reading 1. ให้นกั เรียนฟัง CD และอ่านบทอา่ นในหนงั สือเรียน หนา้ 40 เพือ่ หาคาตอบของคาถามท่ีต้งั ไวบ้ น กระดาน เมื่อนกั เรียนอา่ นจบครูถามวา่ มีคาตอบของคาถามท่ตี ้งั ไวห้ รือไม่ ถา้ มี ใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกคาตอบ 1 In which country is the Eiffel Tower? (France) 2 How old is the Great Wall of China? (500-2,000 years old) 3 Who lives in Buckingham Palace? (the Queen of England) 2. หนังสือเรียน หน้า 40 Ex. 1b นกั เรียนอ่านคาถามทก่ี าหนดให้ แลว้ อา่ นบทอ่านอกี คร้ังเพอื่ หาคาตอบ จากน้นั ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียน และเฉลยคาตอบ 1 The Eiffel Tower is over 100 years old. 2 It is 324 metres tall. 3 The Great Wall of China is 6,350 km long. 4 No, you can’t see it from space. 5 Buckingham Palace is in London, England. 6 There are 775 rooms in Buckingham Palace. ข้นั Post-reading 1. หนงั สือเรยี น หน้า 40 Ex. 2 นกั เรียนปิ ดหนงั สือเรียน แลว้ เขียนขอ้ มูลทจ่ี าไดเ้ กี่ยวกบั landmark ใน ภาพ มาสถานที่ละ 1 ประโยค เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนอา่ นประโยคใหเ้ พ่ือนฟัง The Eiffel Tower is in Paris. Some parts of the Great Wall of China are 2,000 years old. Buckingham Palace has got 775 rooms. 202

2. ครูแบ่งนกั เรียนเป็นกลุ่ม กลมุ่ ละ 4 คน ใหแ้ ต่ละกลุ่มจินตนาการ landmark ของตนเอง พร้อมท้งั ต้งั ช่ือ แลว้ เขียนบรรยาย landmark และวาดภาพประกอบคร่าว ๆ เมอ่ื ทาเสร็จแลว้ ให้ต้งั คาถาม เกี่ยวกบั landmark ของตนเองกลมุ่ ละ 1 ขอ้ และลือกตวั แทนกล่มุ พดู นาเสนอหนา้ ช้นั ในขณะที่ เพือ่ นพูดนาเสนอ landmark ใหก้ ลุ่มอ่ืน ๆ จดบนั ทึกขอ้ มลู สาหรับตอบคาถาม 3. ครูมอบหมายให้นกั เรียนไปคน้ ควา้ ขอ้ มูลจากอนิ เทอร์เน็ต สารานุกรม หรือหนงั สืออา้ งอิงเกี่ยวกบั landmark ในประเทศไทยมาคนละ 2 สถานท่ี พร้อมท้งั หาภาพประกอบมาดว้ ย เพอื่ ใชท้ ากิจกรรม ในชวั่ โมงถดั ไป 4. นกั เรียนทา Language Review 3e Ex. 5 ในหนงั สือเรียน หนา้ 107 ร่วมกนั ในช้นั 5. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 26 Ex. 1 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น ช่ัวโมงที่ 2 ข้นั Warm up 1. ครูใหน้ กั เรียนระดมสมองบอก landmark ในประเทศไทยทน่ี กั เรียนรู้จกั แลว้ ครูเขียนชื่อ landmark เหล่าน้นั บนกระดาน 2. ครูนาภาพ landmark ในประเทศไทย มาแสดงให้นกั เรียนดู 5-6 ภาพ เพ่ือให้นกั เรียนบอกชื่อ เช่น เสาชิงชา้ วดั อรุณ พระธาตุดอยสุเทพ ปราสาทหินพนมรุ้ง ข้นั Presentation 1. ครูทบทวนเลขลาดบั (ordinal numbers) โดยแบ่งนกั เรียนเป็น 2 ทีม แลว้ ครูพดู เลขจานวนคร้ังละ 1 จานวน เช่น one, two, twenty ให้ท้งั 2 ทีม แข่งกนั ออกมาเขียนเลขลาดบั บนกระดาน เช่น first, second, twentieth 2. ครูยกตวั อยา่ งบนกระดาน ดงั น้ี ten  tenth thirteen  thirteenth twenty  twentieth thirty  thirtieth fifty-four  fifty-fourth seventy-one  seventy-first ให้นกั เรียนช่วยกนั บอกหลกั การเปลีย่ นเลขจานวนเป็นเลขลาดบั แลว้ ครูช่วยสรุปอีกคร้งั และย้าว่า การอ่านเลขลาดบั จะตอ้ งมี the นาหนา้ เสมอ เช่น the third floor, the fifth century 203

การเปล่ียนเลขจานวนเป็ นเลขลาดบั  เลขลาดบั จะเขยี นเหมอื นเลขจานวน (cardinal numbers) แต่จะเตมิ th ขา้ งหลงั เช่น four  fourth six  sixth ยกเวน้ ลาดบั ท่ี 1 (first), 2 (second), 3 (third), 5 (fifth), 9 (ninth), 12 (twelfth)  เลขจานวนทีล่ งทา้ ยดว้ ยหลกั สิบให้เปลีย่ น ty เป็น tie แลว้ จึงเติม th เช่น twenty  twentieth fifty  fiftieth  เลขจานวนที่มมี ากกว่า 1 หลกั จะเขยี นเป็นเลขลาดบั เฉพาะหลกั สุดทา้ ย เช่น twenty-one  twenty-first thirty-four  thirty-fourth  การเขียนเลขลาดบั เป็นตวั เลข จะนาตวั อกั ษร 2 ตวั สุดทา้ ยของคาอา่ นมาเขียนหลงั ตวั เลข เช่น first = 1st fourth = 4th twenty-first = 21st ข้นั Practice 1. หนงั สือเรียน หน้า 40 Ex. 3 ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังและฝึกออกเสียงเลขลาดบั พร้อมกนั แลว้ ครู สุ่มเรียกนกั เรียนออกเสียงทลี ะคน จากน้นั ให้นกั เรียนดูขอ้ มูลท่ีกาหนดให้ และอ่านตวั อยา่ งการถาม- ตอบ แลว้ ให้นกั เรียนจบั คูก่ นั พดู ถาม-ตอบโดยใชข้ อ้ มลู ทก่ี าหนด  A: Which floor are Jane and Steve on? B: They’re on the seventh floor.  A: Which floor is Gina on? B: She’s on the third floor.  A: Which floor are Sue and Helen on? B: They’re on the sixth floor.  A: Which floor are Jane and Paul on? B: They’re on the first floor. 204

2. หนังสือเรยี น หน้า 40 Ex. 4 นกั เรียนทางานคู่ เลือก landmark ในประเทศไทยมา 1 สถานที่ จาก ขอ้ มูลทนี่ กั เรียนคน้ ควา้ มา แลว้ เขยี นขอ้ ความส้นั ๆ โดยใหม้ ีรายละเอยี ดเก่ียวกบั ชื่อของ landmark ทีต่ ้งั และลกั ษณะพเิ ศษของ landmark น้นั พร้อมท้งั ติดภาพประกอบ Sao Chingcha Sao Chingcha is in Bangkok, Thailand. It is a large swing. The posts are red. King Rama I constructed it in 1784. It is 21.15 metres high. It is a religious structure used for the swing ceremony. ข้นั Production 1. ครูแบ่งนกั เรียนออกเป็น 4 กล่มุ และมอบหมายให้แต่ละกลุ่มจดั บอร์ดเกี่ยวกบั landmarks ของ ประเทศท่ีสนใจ โดยใหน้ กั เรียนจดั บอร์ดนอกเวลาเรียน และในชว่ั โมงถดั ไปให้นกั เรียนพดู นาเสนอ landmarks บนบอร์ดใหก้ ลุม่ อ่นื ฟัง 2. นกั เรียนทา Vocabulary Bank 3 ในแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 92-93 Exs. 1-8 7. การวดั และการประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน วิธีการวดั แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ สงั เกตการพูดนาเสนอ landmark ตาม จินตนาการ กระดาษผลงานนกั เรียน - ตรวจการเขียนบรรยาย landmark ใน ประเทศไทย แบบประเมินชิ้นงาน ระดบั คุณภาพ พอใช้ ประเมินการจดั บอร์ดเก่ียวกบั landmarks ของประเทศท่ีสนใจ แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผ่าน สังเกตความใฝ่ เรียนรู้และความมุ่งมน่ั อนั พงึ ประสงค์ ในการทางาน 205

8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียน SPARK 1 ม. 1 2) Class Audio CDs ประกอบสื่อฯ ชุด SPARK 1 ม. 1 3) แบบฝึกหดั SPARK 1 ม. 1 4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ 5) พจนานุกรมออนไลน์ 6) อินเทอร์เน็ต สารานุกรม หรือหนงั สืออา้ งอิง 7) ภาพ landmark ในประเทศไทย 206

6 Writing 3f 2 ช่ัวโมง จุดประสงค์การเรียนรู้ - ตอบคาถามและวาดภาพใหส้ ัมพนั ธ์กบั เร่ืองท่ีอา่ นได้ - เปรียบเทียบเสียงพยญั ชนะในภาษาองั กฤษกบั ภาษาไทย - พดู ขอและใหข้ อ้ มลู เกี่ยวกบั บา้ นของตนเองได้ - เขียนอเี มลให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั บา้ นของตนเองได้ 1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ดั สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องท่ีฟังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เหน็ อย่างมเี หตผุ ล ตวั ช้ีวดั ต 1.1 ม. 1/3 เลอื ก/ระบุประโยคและขอ้ ความใหส้ ัมพนั ธก์ บั ส่ือท่ีไมใ่ ช่ความเรียง (non-text information) ทอี่ า่ น ต 1.1 ม. 1/4 ระบหุ ัวขอ้ เรื่อง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและ อา่ นบทสนทนา นิทาน และเร่ืองส้ัน มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ ความคดิ เหน็ อย่างมีประสิทธภิ าพ ตวั ช้ีวดั ต 1.2 ม. 1/1 สนทนาแลกเปลี่ยนขอ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเอง กิจกรรม และสถานการณต์ า่ ง ๆ ในชีวิตประจาวนั มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพดู และการเขียน ตวั ช้ีวดั ต 1.3 ม. 1/1 พดู และเขียนบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และสิ่งแวดลอ้ ม ใกลต้ วั 207

สาระท่ี 2 ภาษาและวฒั นธรรม มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา กบั วฒั นธรรมไทยและนามาใช้อย่างถกู ต้องเหมาะสม ตวั ช้ีวดั ต 2.2 ม. 1/1 บอกความเหมือนและความแตกต่างระหวา่ งการออกเสียงประโยคชนิดตา่ ง ๆ การใช้ เคร่ืองหมายวรรคตอน และการลาดบั คาตามโครงสร้างประโยคของภาษาตา่ งประเทศ และภาษาไทย 2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การเรียนรู้โครงสร้างของอเี มลและการแบ่งยอ่ หนา้ จะช่วยใหส้ ามารถเขียนสื่อสารไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง และมีประสิทธิภาพ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา 1) Language Features and Functions Vocabulary: Verbs (come, visit) Nouns (garden, kennel, singers) Adjective (huge) Adverbs (anytime, downstairs) Functions: Talking about your house & bedroom How many rooms are there in your house? There are seven rooms. What colour is your bedroom? It’s blue. 2) Language Skills Reading: อา่ นเพอื่ หาขอ้ มลู เฉพาะ Speaking: พูดขอและใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั บา้ นของตนเอง Writing: เขียนอเี มลเล่าเก่ียวกบั บา้ นของตนเอง 208

4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน 1) ความสามารถในการส่ือสาร 2) ความสามารถในการคิด 5. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1) ใฝ่เรียนรู้ 2) มงุ่ มน่ั ในการทางาน 6. กิจกรรมการเรียนรู้ ช่ัวโมงท่ี 1 ข้นั Warm up ครูแบง่ นกั เรียนเป็น 2 ทีม เพอ่ื เลน่ เกม โดยครูนาภาพ landmarks ในประเทศไทยและประเทศอน่ื ๆ มาแสดงใหน้ กั เรียนดู ให้ท้งั 2 ทมี แข่งกนั บอกช่ือของ landmark และสถานทต่ี ้งั ทมี ใดตอบถูกจะได้ 1 คะแนน ทีมที่ไดค้ ะแนนมากกว่าจะเป็นผชู้ นะ เช่น T: What’s the name of this landmark? (ชูภาพวดั พระธาตุดอยสุเทพ) Team A S1: (ยกมอื ข้นึ ) Wat Phra That Doi Suthep, Chiang Mai T: That’s correct. Team A gets 1 point. ข้นั Presentation 1. ครูเขียนคาว่า thin และ this บนกระดาน แลว้ ออกเสียงให้นกั เรียนฟังคาละ 2 คร้ัง ใหน้ กั เรียนสังเกต การออกเสียง th ครูอธิบายวา่ การออกเสียง th ใหย้ กปลายลิ้นไปวางไวใ้ กลก้ บั ขอบฟันบน แตอ่ ยา่ ยนื่ ปลายลน้ิ ออก จากปาก และพน่ ลมออกมาเป็นเสียงเสียดแทรก แลว้ ครูให้นกั เรียนออกเสียงคาว่า thin หลาย ๆ คร้งั จากน้นั ครูให้นกั เรียนออกเสียง this ซ่ึงจะออกเสียง th เป็นเสียงกอ้ ง สังเกตง่าย ๆ ดว้ ยการเอามอื ไป แตะทคี่ อบริเวณกล่องเสียงขณะออกเสียง จะรู้สึกถงึ การสน่ั ของเส้นเสียง 209

การออกเสียง th ออกเสียงได้ 2 แบบ คือ เสียง /ɵ/ และ /ð/ - ออกเสียง /ɵ/ ซ่ึงเป็นเสียงไมก่ อ้ ง (voiceless) มกั จะเป็นคานามหรือคากริยา เช่น think, thank, birthday, teeth - ออกเสียง /ð/ ซ่ึงเป็นเสียงกอ้ ง (voiced) มกั จะเป็นคาทแ่ี สดงไวยากรณ์ เช่น article, pronouns, conjunctions ตวั อยา่ งเช่น the, these, this, they, then, though 2. ครูให้นกั เรียนคดิ ว่าเสียง th เป็นเสียงทีม่ ีในภาษาไทยหรือไม่ เมอื่ ไดค้ าตอบว่าไม่มี ครูถามตอ่ ไปวา่ คนไทยมกั จะออกเสียง th เป็นเสียงอะไร จากน้นั ครูอธิบายว่า เนื่องจากเสียง th เป็นเสียงทไ่ี ม่มีใน ภาษาไทย คนไทยมกั จะออกเสียง /s/ หรือ /t/ แทนเสียง th ทีเ่ ป็นเสียงไม่กอ้ ง (เสียง /ɵ/) และจะ ออกเสียง /d/ แทนเสียง th ทเี่ ป็นเสียงกอ้ ง (เสียง /ð/) เพราะมีฐานท่เี กิดเสียงใกลเ้ คยี งกนั ครูย้าวา่ การ ออกเสียงไม่ถกู ตอ้ งอาจจะทาให้เกิดความเขา้ ใจผิดได้ ดงั น้นั นกั เรียนตอ้ งออกเสียง th ใหถ้ ูกตอ้ ง 3. ครูเขยี นคาศพั ทต์ ่อไปน้ีบนกระดาน ให้นกั เรียนออกเสียงคาศพั ทท์ ีละคู่เพ่ือแยกความแตกต่าง thin sin thin tin than Dan thing sing thank tank they day thick sick three tree there dare ข้นั Practice 1. หนังสือเรยี น หน้า 41 Ex. 3 ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังคาศพั ทท์ ่มี ี th แลว้ ฝึกออกเสียงตาม 2-3 คร้ัง แลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนออกเสียงทีละคน จากน้นั ใหน้ กั เรียนหาคาศพั ทท์ ่ีออกเสียง /ɵ/ และ /ð/ เพม่ิ เติม โดยดกู ารออกเสียงจากพจนานุกรม /ɵ/: thirsty, third, three /ð/: they, them, these 2. หนังสือเรียน หน้า 41 Ex. 1 นกั เรียนอา่ นประโยคแรกของแตล่ ะยอ่ หนา้ ในอเี มล และเดาว่าอีเมลน้ี น่าจะเก่ียวกบั เรื่องอะไร แลว้ ใหน้ กั เรียนอ่านอีเมลเพื่อตรวจคาตอบ The email is about Helen’s new house. 210

จากน้นั ให้นกั เรียนอ่านคาศพั ทใ์ นกรอบ Check these words แลว้ ช่วยกนั บอกความหมาย โดยเดาจาก บริบท downstairs (adv) = to or on a lower floor of a building (ช้นั ลา่ ง) huge (adj) = extremely large (ใหญ่มาก) kennel (n) = a small shelter for a dog to sleep in (บา้ นสุนขั ) anytime (adv) = at a time that is not fixed (เวลาใดกไ็ ด)้ 3. หนังสือเรียน หน้า 41 Ex. 2 นกั เรียนอา่ นอีเมลอกี คร้งั เม่อื อ่านจบครูถามวา่ Which paragraph is a description of Helen’s room? Which paragraph is a description of the house? The second paragraph is a description of Helen’s room. The first paragraph is a description of the house. ข้นั Production 1. นกั เรียนอา่ นอเี มลในหนงั สือเรียน หนา้ 41 Ex. 1 อีกคร้งั โดยอ่านเฉพาะยอ่ หนา้ ท่ี 2 แลว้ วาดภาพ ห้องนอนของ Helen เสร็จแลว้ เปรียบเทียบภาพวาดของตนเองกบั เพื่อน 3-4 คน เพื่อหาคนทวี่ าดภาพ หอ้ งนอนของ Helen ไดถ้ กู ตอ้ งทสี่ ุด 2. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 27 Exs. 1-3 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น ช่ัวโมงท่ี 2 ข้นั Warm up ครูทบทวนคาศพั ทเ์ ก่ียวเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ โดยวาดภาพบนกระดาน แตว่ าดภาพเพียงแค่ คร่ึงเดียว เพ่ือให้นกั เรียนทายว่าคอื คาศพั ทอ์ ะไร T: (วาดภาพเตยี ง) What is it? Ss: It’s a bed. 211

ข้นั Pre-writing 1. หนงั สือเรยี น หน้า 41 Ex. 4 ให้นกั เรียนนึกถึงบา้ นของตนเองหรือบา้ นในฝัน และตอบคาถามที่ กาหนด โดยเขยี นคาตอบลงในสมุด เสร็จแลว้ ให้นกั เรียนจบั คู่กบั เพื่อนผลดั กนั พูดถาม-ตอบ ครูเดิน สังเกตการทากิจกรรมรอบ ๆ ช้นั เรียน แลว้ ให้นกั เรียน 2-3 คู่ ออกมาพดู ถาม-ตอบทหี่ นา้ ช้นั 1 Seven 2 Two floors 3 Green 4 There is a bed, a bookcase, a wardrobe, a bedside cabinet and a mirror. 5 Yes, I like it very much. 2. ครูอธิบายภาระงานในหนงั สือเรียน หนา้ 41 Ex. 5 ว่า นกั เรียนจะไดใ้ ชค้ าตอบจาก Ex. 4 มาเขยี น อเี มลเกี่ยวกบั บา้ นของตนเองตามโครงร่างทก่ี าหนดให้ ความยาว 60-80 คา 3. นกั เรียนดโู ครงร่างการเขียนอีเมลใน Ex. 5 แลว้ บอกวา่ มกี ่ียอ่ หนา้ (3 ยอ่ หนา้ ) ให้นกั เรียนช่วยกนั ระบุ วา่ แตล่ ะยอ่ หนา้ ตอ้ งเขยี นอะไร ยอ่ หนา้ ท่ี 1 ทกั ทาย บรรยายรายละเอียดของบา้ น ยอ่ หนา้ ที่ 2 บรรยายห้องนอนของตนเอง ยอ่ หนา้ ท่ี 3 ถามเกี่ยวกบั บา้ นของเพอื่ น เขยี นปิ ดทา้ ยอเี มล ข้นั Writing หนังสือเรียน หน้า 41 Ex. 5 นกั เรียนเขียนอเี มลเกี่ยวกบั บา้ นของตนเอง โดยใชค้ าตอบจาก Ex. 4 ครูย้าใหน้ กั เรียนเขียนตามโครงร่างทกี่ าหนดให้ Dear Jane, Hi! How are you? Our house is big. There are seven rooms. The kitchen, dining room and living room are downstairs. The living room has got a piano. Next to the piano is an armchair and there is a carpet on the floor. Upstairs there are three bedrooms and a bathroom. 212

My bedroom is small. My bedroom walls are green. There is a bed, a bookcase and a wardrobe. Next to the bed is a bedside cabinet. There is a mirror on the wall. I like it. What about you? What’s your house like? Write back soon. Anna ข้นั Post-writing 1. นกั เรียนตรวจทานงานเขียนของตนเอง โดยดูการสะกดคา ไวยากรณ์ การใช้ capital letters การใช้ เครื่องหมายวรรคตอน ยอ่ หนา้ และปรบั แกง้ านเขียนให้เรียบร้อย แลว้ นาส่งครูตรวจ 2. นกั เรียนทา Self-Check 3 ในหนงั สือเรียน หนา้ 115 7. การวดั และการประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน - ตรวจการวาดภาพให้สัมพนั ธ์กบั อเี มล สมุดนกั เรียน ระดบั คุณภาพ พอใช้ ท่ีอ่าน ระดบั คุณภาพ พอใช้ สังเกตการเปรียบเทียบเสียงพยญั ชนะ แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ระดบั คณุ ภาพ ผ่าน ในภาษาองั กฤษกบั ภาษาไทย สังเกตการพดู ขอและใหข้ อ้ มลู แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ เกี่ยวกบั บา้ นของตนเอง ประเมินการเขียนอีเมลเก่ียวกบั บา้ น แบบประเมินการเขยี น ของตนเอง สังเกตความใฝ่เรียนรู้และความมุง่ มน่ั แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ ในการทางาน อนั พงึ ประสงค์ 8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียน SPARK 1 ม. 1 2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 1 ม. 1 3) แบบฝึกหัด SPARK 1 ม. 1 4) ภาพ landmarks ในประเทศไทยและประเทศอ่ืน ๆ 213

7 ASEAN corner 3 1 ชั่วโมง จุดประสงค์การเรยี นรู้ - ตอบคาถามจากการอา่ นได้ - พดู แลกเปล่ียนขอ้ มลู เก่ียวกบั บา้ นของตนเองได้ - เปรียบเทียบลกั ษณะบา้ นของประเทศทางตะวนั ตกกบั ภูมิภาคอาเซียนได้ - คน้ ควา้ เกี่ยวกบั บา้ นแบบด้งั เดิมของไทยและเขยี นนาเสนอได้ 1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ัด สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองทฟ่ี ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเหน็ อย่างมเี หตุผล ตวั ช้ีวดั ต 1.1 ม. 1/4 ระบหุ ัวขอ้ เรื่อง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและ อา่ นบทสนทนา นิทาน และเรื่องส้ัน มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ ความคิดเหน็ อย่างมีประสิทธภิ าพ ตวั ช้ีวดั ต 1.2 ม. 1/1 สนทนาแลกเปลี่ยนขอ้ มลู เก่ียวกบั ตนเอง กิจกรรม และสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวติ ประจาวนั มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพูด และการเขยี น ตวั ช้ีวดั ต 1.3 ม. 1/2 พดู /เขยี นสรุปใจความสาคญั /แกน่ สาระ (theme) ทไี่ ดจ้ ากการวเิ คราะหเ์ ร่ือง/ เหตุการณ์ท่ีอยใู่ นความสนใจของสงั คม 214

สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา กับภาษาและวฒั นธรรมไทย และนามาใช้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม ตวั ช้ีวดั ต 2.2 ม. 1/2 เปรียบเทยี บความเหมอื นและความแตกตา่ งระหว่างเทศกาล งานฉลอง วนั สาคญั และชีวติ ความเป็นอยขู่ องเจา้ ของภาษากบั ของไทย สาระที่ 3 ภาษากบั ความสัมพันธ์กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อ่ืน มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเช่ือมโยงความรู้กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อ่นื และเป็ น พน้ื ฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทัศน์ของตน ตวั ช้ีวดั ต 3.1 ม. 1/1 คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มูล/ขอ้ เท็จจริงท่ีเก่ียวขอ้ งกบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้อ่นื จากแหล่งการเรียนรู้ และนาเสนอดว้ ยการพูด/การเขยี น 2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด การเรียนรู้เก่ียวกบั ลกั ษณะบา้ นของประเทศตา่ ง ๆ จะช่วยให้รู้สภาพภมู ปิ ระเทศ ภูมอิ ากาศ ความเชื่อ วิถีชีวิตความเป็นอยู่ รวมถงึ ขนบธรรมเนียมประเพณีของคนในประเทศน้นั ๆ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า 1) Language Features and Functions Vocabulary: Verbs (suit, adapt, disappear) Nouns (climate, stilt, pole, flood, countryside, brick, tile) Adjective (humid) Functions: Talking about your house What does your house look like? It’s big and green. It has got two floors and seven rooms. 2) Language Skills Speaking: พูดสนทนาเก่ียวกบั บา้ นของตนเอง Reading: อ่านเพ่อื หาขอ้ มลู เฉพาะ Writing: เขยี นบรรยายเกี่ยวกบั บา้ นแบบด้งั เดิมของไทย 215

4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น 1) ความสามารถในการส่ือสาร 2) ความสามารถในการใชค้ ิด 3) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1) ใฝ่เรียนรู้ 2) รกั ความเป็นไทย 6. กจิ กรรมการเรียนรู้ ข้นั Warm up 1. ครูและนกั เรียนสนทนาเก่ียวกบั สภาพอากาศในประเทศไทยและประเทศในกลุ่มประชาคมอาเซียน เช่น T: What is the weather like in April in Thailand? Ss: It is very hot. T: Do you think what the weather like in Malaysia? Ss: I think it is hot and wet. 2. ใหน้ กั เรียนดภู าพบา้ นในหนงั สือเรียน หนา้ 42 แลว้ คิดวา่ สภาพอากาศน่าจะเป็นอยา่ งไร บา้ นหลงั น้ี ทาจากอะไร และมลี กั ษณะเดน่ อยา่ งไร ข้นั Pre-reading 1. ครูเขยี นคาว่า Traditional house บนกระดาน แลว้ ใหน้ กั เรียนบอกความหมาย จากน้นั ช่วยกนั บอก ลกั ษณะของบา้ นแบบด้งั เดิมของไทย 2. หนังสือเรียน หน้า 42 Ex. 1 ครูให้เวลานกั เรียน 3 นาที วาดบา้ นในฝันของตนเอง เมื่อวาดภาพ เสร็จแลว้ ให้นกั เรียนคิดวา่ บา้ นในฝันของตนเองเหมาะสมกบั ภูมอิ ากาศในประเทศไทยหรือไม่ แลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คน พดู แสดงความคิดเห็น พร้อมท้งั แสดงภาพบา้ นใหเ้ พ่ือนดดู ว้ ย My house is suit for climate in Thailand because it has a lot of windows. 216

3. ครูเขยี นคาศพั ทย์ ากในบทอ่านบนกระดาน ไดแ้ ก่ traditional, humid, suit, climate, stilt, pole, flood, countryside, adapt, brick, tile, disappear ให้นกั เรียนอา่ นออกเสียงตามครู แลว้ หาความหมายใน พจนานุกรม โดยเลอื กความหมายท่สี อดคลอ้ งกบั บริบทของเรื่องที่จะอา่ น humid (adj) = shot and slightly wet (ช้ืน) suit (v) = to be right for someone or something (เหมาะสม) climate (n) = the weather conditions that an area usually has (ภูมิอากาศ) stilt (n) = one of a set of posts that support a building so that it is high above the ground or water (เสาค้า) pole (n) = a long thin straight piece of wood or metal, especially one with the end placed in the ground, used as a support (เสา) flood (n) = a large amount of water covering an area that is usually dry (น้าทว่ ม) countryside (n) = land outside towns and cities, with fields, woods etc. (ชนบท) adapt (v) = to change something in order to make it suitable for a new use or situation (ปรับใหเ้ หมาะ, ดดั แปลง) brick (n) = a small, hard, rectangular block used for building walls,houses etc. (อฐิ ) tile (n) = one of the flat, square piecesthat are used for coveringroofs, floors or walls (กระเบ้อื ง) disappear (v) = to stop existing (หายไป) ข้นั Reading หนงั สือเรียน หน้า 42 Ex. 2 นกั เรียนอา่ นคาถามทีใ่ หม้ า เมอ่ื อ่านจนเขา้ ใจให้ช่วยกนั บอกคาสาคญั ในคาถาม แลว้ นกั เรียนอ่านบทอา่ นเพือ่ หาเน้ือเรื่องส่วนที่เกี่ยวขอ้ งกบั คาสาคญั เมอื่ พบแลว้ ให้อา่ น ประโยคหรือขอ้ ความทีค่ าถามน้นั พาดพิงไปถงึ หรืออาจจะอา่ นขอ้ ความแวดลอ้ มประมาณ 1-2 ประโยคกอ่ นหนา้ หรือถดั ไปท่ีมขี อ้ มูลพาดพิงไปถึง เมอ่ื เขา้ ใจแลว้ จึงตอบคาถามที่ใหม้ า 1 Because cool air can flow into the houses. 2 Their houses are built on stilts. 3 I can find traditional Malaysian houses in the countryside. 4 They choose stone, brick, wood and tiles for building houses. 5 Because traditional houses are slowly disappearing. 217

ข้นั Post-reading 1. หนังสือเรยี น หน้า 42 Ex. 3 นกั เรียนอ่านคาถามพร้อมกนั ถา้ มีคาถามขอ้ ใดทีน่ กั เรียนไมเ่ ขา้ ใจ ใหค้ รู ช่วยอธิบาย จากน้นั ใหน้ กั เรียนจบั คู่กนั อภปิ รายคาถามเหล่าน้ี หรือครูอาจใหน้ กั เรียนอภิปรายเป็น กล่มุ A: What does your house look like? B: It’s big and green. It has got two floors and seven rooms. The first floor built from concrete and the second floor built from wood. How about you? A: It’s big and brown. It has one floor and four rooms. It is built from concrete. It has a garden outside. B: What do you like about your house? A: I like my bedroom. And you? B: Me, too. Which room do you spend the most time in? A: Living room. B: What do you do there? A: I watch TV. How about you? B: I spend the most time in the kitchen to cook. A: Would you like to live in a traditional house? B: Yes. A: Why? B: I like a house built from wood. It looks beautiful. And you? A: Sure. I think a traditional house is cosy. The air can flow into the house. 2. ครูให้นกั เรียนช่วยกนั คิดว่า ทาไมลกั ษณะบา้ นของแตล่ ะประเทศจึงมคี วามแตกต่างกนั เช่น มีสภาพ อากาศต่างกนั มีวฒั นธรรมต่างกนั จากน้นั ให้นกั เรียนเปรียบเทียบว่าลกั ษณะบา้ นของประเทศทาง ตะวนั ตกแตกต่างจากลกั ษณะบา้ นในภมู ิภาคอาเซียนหรือไม่ อยา่ งไร 3. หนังสือเรียน หน้า 42 Ex. 4 ให้นกั เรียนแบ่งกลมุ่ กล่มุ ละ 4-5 คน คน้ ควา้ ขอ้ มลู จากอินเทอร์เนต็ เกี่ยวกบั บา้ นแบบด้งั เดิมของไทย แลว้ เขียนบรรยาย พร้อมตดิ ภาพประกอบ จากน้นั ให้แต่ละกลมุ่ นาเสนอท่ีหนา้ ช้นั 218

4. ครูใหน้ กั เรียนระดมความคิดบอกเหตผุ ลท่ีควรอนุรกั ษบ์ า้ นแบบด้งั เดิมของไทยไว้ เช่น เพือ่ ใชเ้ ป็ น แหล่งศกึ ษาเรียนรู้วฒั นธรรม ความเป็นอยู่ การประกอบอาชีพ เพื่อใหค้ นรุ่นหลงั ไดร้ ู้จกั บา้ นแบบ ด้งั เดิม แลว้ ครูถามนกั เรียนว่าเราจะมีส่วนร่วมในการอนุรกั ษไ์ ดอ้ ยา่ งไร 7. การวดั และการประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน สมุดนกั เรียน ร้อยละ 60 วิธีการวดั แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ตรวจการตอบคาถามจากการอา่ น สงั เกตการเปรียบเทียบลกั ษณะบา้ น แบบประเมินการสารวจ/คน้ ควา้ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ของประเทศทางตะวนั ตกกบั ภูมภิ าค อาเซียน แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผ่าน ประเมนิ การคน้ ควา้ และเขยี นบรรยาย อนั พึงประสงค์ เก่ียวกบั บา้ นแบบด้งั เดิมของไทย สังเกตความใฝ่ เรียนรู้และการรักความ เป็ นไทย 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียน SPARK 1 ม. 1 2) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ 3) พจนานุกรมออนไลน์ 4) อนิ เทอร์เน็ต 219

8 O-NET practice & Fun time 3 1 ช่ัวโมง จดุ ประสงค์การเรียนรู้ - ทบทวนคาศพั ทแ์ ละไวยากรณ์ท่เี รียนมาแลว้ ในหน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 - เขยี น quiz เก่ียวกบั เน้ือหาท่เี รียนมาแลว้ ได้ 1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ัด สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องท่ีฟังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเหน็ อย่างมเี หตผุ ล ตวั ช้ีวดั ต 1.1 ม. 1/4 ระบุหัวขอ้ เรื่อง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและ อ่านบทสนทนา นิทาน และเรื่องส้นั สาระท่ี 2 ภาษาและวฒั นธรรม มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพนั ธ์ระหว่างภาษากับวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้ อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ ตวั ช้ีวดั ต 2.1 ม. 1/3 เขา้ ร่วม/จดั กิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมตามความสนใจ 2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การรู้และเขา้ ใจคาศพั ท์ โครงสร้างภาษา ช่วยให้พูด/เขยี นสื่อสาร และเขา้ ร่วมกิจกรรมทางภาษาได้ อยา่ งเหมาะสม 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า 1) Language Features and Functions Vocabulary: คาศพั ทใ์ นหน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 220

Grammar: ไวยากรณใ์ นหน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 2) Language Skills Listening: ฟังเพือ่ หาขอ้ มูลเฉพาะ Writing: เขยี น quiz เก่ียวกบั เน้ือหาทีเ่ รียนมาแลว้ 4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น 1) ความสามารถในการสื่อสาร 2) ความสามารถในการคดิ 5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ - มงุ่ มน่ั ในการทางาน 6. กิจกรรมการเรียนรู้ ข้นั Warm up 1. นกั เรียนเลน่ เกม Bingo โดยวาดตาราง 9 ช่องลงในสมดุ แลว้ เขยี นคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั เฟอร์นิเจอร์และ เครื่องใชล้ งในตารางช่องละ 1 คา จากน้นั ครูพดู คาศพั ท์ ถา้ ในตารางของใครมคี าศพั ทต์ ามท่คี รูพดู ให้กา  ทบั คาน้นั ใครกา  ตดิ กนั ครบ 3 คา ในแนวต้งั แนวนอน หรือแนวทแยงก่อน ให้พดู ว่า Bingo 2. ครูเตรียมสลากซ่ึงเขยี นคาบรรยายหอ้ งต่าง ๆ ในบา้ นไว้ เช่น There is a wardrobe in this room. A desk is next to a bed. A chair is behind the desk. There are some pillows on the bed. There are two windows with blue curtains. แลว้ แบ่งนกั เรียนออกเป็น 3 ทมี พร้อมท้งั แจกกระดาษ A4 ใหท้ ีมละ 1 แผน่ และให้แตล่ ะทีมส่งตวั แทน 2 คน ออกมาจบั สลาก ครูใหเ้ วลานักเรียนในการจดจาขอ้ ความ บนสลาก 15 วินาที แลว้ กลบั ไปท่ีทมี ของตนเองเพือ่ พดู บอกขอ้ ความในสลากให้เพ่อื นในทีมฟัง จากน้นั ให้แตล่ ะทมี วาดภาพห้องตามท่เี พอ่ื นพดู บรรยาย ทมี ที่วาดภาพไดต้ รงกบั ขอ้ ความในสลาก มากทสี่ ุดจะเป็นผชู้ นะ ข้นั Presentation 1. ใหน้ กั เรียนบอกไวยากรณท์ ีเ่ รียนในหน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 แลว้ ครูเขียนบนกระดานในรูปของ mind map จากน้นั ให้นกั เรียนช่วยกนั บอกโครงสร้างและวิธีการใช้ 221

The there is/ a/an - imperative there are some/any ไวยากรณ์ หน่วยการ เรียนรู้ที่ 3 Prepositions of place 2. ครูทบทวนประโยคคาสั่ง โดยสุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คน พดู ประโยคคาส่ัง และให้นกั เรียนในช้นั ปฏบิ ตั ิตาม ข้นั Practice 1. หนังสือเรียน หน้า 44 Ex. 1 ให้นกั เรียนหาคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั เฟอร์นิเจอร์และเคร่ืองใช้ 20 คา ทซี่ ่อนอยู่ ในตาราง จากน้นั ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียน wardrobe sink cushion lamp cooker painting bookcase curtain fridge stairs desk bath vase armchair pillow sofa toilet washbasin mirror carpet 2. หนังสือเรยี น หน้า 44 GAME ครูแบง่ นกั เรียนเป็น 2 ทมี เพ่อื เล่นเกม Hide the Ball แลว้ เริ่มเล่นเกม โดยครูนึกภาพว่าตนเองซ่อนลกู บอลไวใ้ นห้องใดหอ้ งหน่ึงในภาพหนา้ 35 ให้แต่ละทมี ผลดั กนั ถาม คาถาม Yes/No questions เพื่อหาว่าลูกบอลถกู ซอ่ นไวใ้ นห้องใด และถูกซ่อนไวท้ ไ่ี หน ทมี ใดทายถูก จะได้ 1 คะแนน สุดทา้ ยทมี ทีไ่ ดค้ ะแนนมากท่ีสุดจะเป็นผชู้ นะ เช่น 222

T: (ซ่อนลกู บอลไวใ้ นตเู้ ส้ือผา้ ในหอ้ งนอน) Team A S1: Is it in the bathroom? T: No, it isn’t. Team B S1: Is it in the bedroom? 3. หนงั สือเรยี น หน้า 44 Ex. 2 นกั เรียนทา quiz โดยหา้ มเปิ ดดูเน้ือหา เสร็จแลว้ ให้นกั เรียนเปรียบเทียบ คาตอบกบั เพ่ือน จากน้นั ครูเฉลยคาตอบ 1F 2T 3F 4F 5F 4. หนงั สือเรยี น หน้า 44 Ex. 4 นกั เรียนอา่ นคาทีก่ าหนดให้ตามครู และช่วยกนั บอกความหมาย จากน้นั ให้นกั เรียนอ่านเน้ือเพลงและเตมิ คาลงในช่องว่าง เสร็จแลว้ ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังเพลงเพอ่ื ตรวจ คาตอบ 1 buildings 2 breath 3 sights 4 places 5 holiday 6 rest 5. หนังสือเรียน หน้า 44 Ex. 5 ให้นกั เรียนอ่านเน้ือเพลงอีกคร้งั และตอบคาถาม Why is home important to the singer? ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียน จากน้นั ใหน้ กั เรียนเขยี นบอกความรู้สึกว่า ชอบบา้ นของตนเองเพราะอะไร แลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนบอกความรู้สึกให้เพ่อื นฟัง Home is important to the singer because, no matter where he goes, it is always there waiting for him. I like my home because it is a place where I feel safe and loved. 6. หนังสือเรยี น หน้า 43 O-NET practice ครูให้เวลานกั เรียนทาขอ้ สอบ เสร็จแลว้ ตรวจคาตอบร่วมกนั ถา้ นกั เรียนไมเ่ ขา้ ใจ ให้ครูอธิบายเพมิ่ เตมิ 223

Ex. 1 1 c 2 b 3 a 4 b Ex. 2 1 A b, B c 2 A c, B d 3 A b, B b ข้นั Production หนงั สือเรียน หน้า 44 Ex. 3 นกั เรียนจบั คู่กนั แลว้ ครูแจกกระดาษใหค้ ูล่ ะ 1 แผ่น ให้แต่ละค่คู ิด คาถาม quiz 5-6 ขอ้ เกี่ยวกบั เน้ือหาในหน่วยการเรียนรู้ท่ี 3 เช่น Buckingham Palace is in London. (T) ครูให้นกั เรียนเปิ ดดเู น้ือหาได้ และใหน้ กั เรียนเขยี นคาตอบไวด้ า้ นหลงั กระดาษ เมื่อทกุ คคู่ ดิ คาถามเสร็จแลว้ ให้แลกกนั ทา quiz กบั คอู่ นื่ 1 The piano house is in Malawi. (F) 2 You can see a sofa in a living room. (T) 3 Moths live in wardrobes. (T) 4 Spiders have got some webs. (T) 5 You can see the Eiffel Tower from space. (F) 6 The Great Wall of China is 6,350 metres long. (T) 7. การวัดและการประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน - ร้อยละ 60 วิธีการวดั ตรวจการเขียน quiz เก่ียวกบั เน้ือหา แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผ่าน ในหน่วยการเรียนรู้ที่ 3 อนั พึงประสงค์ สงั เกตความมงุ่ มน่ั ในการทางาน 8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียน SPARK 1 ม. 1 2) Class Audio CDs ประกอบสื่อฯ ชุด SPARK 1 ม. 1 224

4 Families ช้ันมัธยมศึกษาปี ท่ี 1 เวลาเรียน 14 ช่ัวโมง 1 สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การสื่อสาร มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเร่ืองทฟ่ี ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เห็น อย่างมีเหตุผล ตวั ช้ีวดั ต 1.1 ม. 1/2 อา่ นออกเสียงขอ้ ความ นิทาน และบทร้อยกรอง (poem) ส้ัน ๆ ถูกตอ้ งตามหลกั การ อ่าน ต 1.1 ม. 1/3 เลือก/ระบุประโยคและขอ้ ความให้สมั พนั ธ์กบั ส่ือทไ่ี ม่ใช่ความเรียง (non-text information) ท่ีอ่าน ต 1.1 ม. 1/4 ระบหุ วั ขอ้ เร่ือง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและ อ่านบทสนทนา นิทาน และเรื่องส้นั มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ ความคิดเหน็ อย่างมีประสิทธภิ าพ ตวั ช้ีวดั ต 1.2 ม. 1/1 สนทนาแลกเปล่ียนขอ้ มลู เก่ียวกบั ตนเอง กิจกรรม และสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวติ ประจาวนั ต 1.2 ม. 1/4 พดู และเขยี นเพือ่ ขอและใหข้ อ้ มลู และแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เร่ืองท่ฟี ังหรืออ่าน อยา่ งเหมาะสม ต 1.2 ม. 1/5 พูดและเขยี นแสดงความรู้สึกและความคดิ เห็นของตนเองเก่ียวกบั เรื่องต่าง ๆ ใกลต้ วั กิจกรรมตา่ ง ๆ พร้อมท้งั ให้เหตุผลส้ัน ๆ ประกอบอยา่ งเหมาะสม มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด และการเขยี น ตวั ช้ีวดั ต 1.3 ม. 1/1 พูดและเขียนบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และส่ิงแวดลอ้ ม ใกลต้ วั 225

ต 1.3 ม. 1/2 พูด/เขียนสรุปใจความสาคญั /แกน่ สาระ (theme) ที่ไดจ้ ากการวิเคราะหเ์ ร่ือง/ เหตกุ ารณ์ทอ่ี ยใู่ นความสนใจของสงั คม ต 1.3 ม. 1/3 พดู และเขียนแสดงความตอ้ งการ ขอความช่วยเหลอื ตอบรบั และปฏเิ สธการให้ ความช่วยเหลอื ในสถานการณต์ า่ ง ๆ อยา่ งเหมาะสม สาระท่ี 2 ภาษาและวัฒนธรรม มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพนั ธ์ระหว่างภาษากบั วฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้ อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ ตวั ช้ีวดั ต 2.1 ม. 1/1 ใชภ้ าษา น้าเสียง และกิริยาท่าทางสุภาพเหมาะสมตามมารยาทสังคมและวฒั นธรรม ของเจา้ ของภาษา ต 2.1 ม. 1/2 บรรยายเก่ียวกบั เทศกาล วนั สาคญั ชีวติ ความเป็นอยู่ และประเพณีของเจา้ ของภาษา ต 2.1 ม. 1/3 เขา้ ร่วม/จดั กิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมตามความสนใจ มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา กบั ภาษาและวฒั นธรรมไทย และนามาใช้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม ตวั ช้ีวดั ต 2.2 ม. 1/1 บอกความเหมอื นและความแตกต่างระหว่างการออกเสียงประโยคชนิดตา่ ง ๆ การใช้ เครื่องหมายวรรคตอน และการลาดบั คาตามโครงสร้างประโยคของ ภาษาตา่ งประเทศและภาษาไทย สาระท่ี 3 ภาษากับความสัมพันธ์กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อื่น มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเช่ือมโยงความรู้กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อื่น และเป็ น พื้นฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทศั น์ของตน ตวั ช้ีวดั ต 3.1 ม. 1/1 คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มลู /ขอ้ เทจ็ จริงที่เก่ียวขอ้ งกบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้อืน่ จากแหลง่ การเรียนรู้ และนาเสนอดว้ ยการพูด/การเขยี น สาระที่ 4 ภาษากบั ความสัมพนั ธ์กบั ชุมชนและโลก มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม ตวั ช้ีวดั ต 4.1 ม. 1/1 ใชภ้ าษาส่ือสารในสถานการณ์จริง/สถานการณจ์ าลองท่เี กิดข้นึ ในหอ้ งเรียนและ สถานศกึ ษา มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็ นเคร่ืองมือพน้ื ฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และ การแลกเปล่ียนเรียนรู้กบั สังคมโลก 226

ตวั ช้ีวดั ใชภ้ าษาต่างประเทศในการสืบคน้ /คน้ ควา้ ความรู้/ขอ้ มลู ตา่ ง ๆ จากสื่อและแหล่งการ ต 4.2 ม. 1/1 เรียนรู้ตา่ ง ๆ ในการศกึ ษาต่อและประกอบอาชีพ 2 สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด การเรียนรู้คาศพั ท์ สานวน และโครงสร้างภาษา จะช่วยให้เขา้ ใจและบอกรายละเอยี ดของเรื่องท่ี อา่ นและฟัง รวมถงึ บทกลอน นอกจากน้ียงั สามารถนาส่ิงทเี่ รียนรู้ไปใชใ้ นการพูดและเขยี นส่ือสาร แลกเปลี่ยนขอ้ มลู เก่ียวกบั ตนเอง สมาชิกในครอบครัว อาชีพ การถามและบอกเวลาไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและ เหมาะสม รวมถงึ เป็นพ้นื ฐานในการคน้ ควา้ หาขอ้ มูลเพิม่ เตมิ เกี่ยวกบั อาชีพท่สี นใจและ วิธีทกั ทายของ ประเทศตา่ ง ๆ ตลอดจนมีความเขา้ ใจในมารยาทและวฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา 3 สาระการเรียนรู้ 3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา 1) Language Features and Functions Vocabulary: The family (granddad, grandma, dad, mum, brother, sister, uncle, aunt, niece, nephew, son, daughter, father-in-law, mother-in-law, husband, wife, cousin) Character adjectives (funny, quiet, strong, clever, polite, rude, weak, noisy, silly, serious) Jobs (hairdresser, photographer, nurse, footballer, pilot, vet, teacher, mechanic, secretary) The time (o’clock, past, quarter past, half past, to, quarter to) Asking the time (What’s the time, please? Have you got the time, please? What time is it, please?) Telling the time (It’s five o’clock. It’s half past two. It’s ten past three. It’s twenty to ten) Verbs (wear, bark, go places, double for, make an appearance, lives, write, eat, greet, bow, pray) Nouns (skins, machines, housework, stone, bowling, golf, billiards, vacuum cleaner, baseball, pet, drums, club, autograph, look-alike, 227

Grammar: commercials, success, street, heart, blog, voice, dog, pet, meat, Functions: vegetables, custom, palm, chest, status) Adjectives (dark, angry, lazy, cute, fair, calm, professional, real, similar (to), glad, far away) Adverbs (a bit, near, apart) Pronouns (everything, everybody) Phrase (no one more) Conjunction (whether) Sentences (Are you free this afternoon? What time does the court open? Is 4:30 OK with you? Yes, that’s fine. See you there!) Present simple like, love, hate + -ing for Word order Describing character Sak is my granddad. He’s 74. He’s really funny. Talking about daily routines I get up early in the morning. Then I have breakfast. Asking about your family Does your dad like fish? Yes, he does. Talking about jobs What does your mum do? She’s a teacher. Telling the time What’s the time, please? It’s four o’clock. Making arrangements Do you want to go swimming with me? OK. What time does the pool open? At nine o’clock. Is 6:30 OK with you? 228

Talking about favourite singer Who is your favoutite singer? Shakira is my favourite singer. Talking about customs Is it important to follow a country’s customs when you visit there? Yes. Maybe you do something that is rude to local people. 2) Language Skills Listening: ฟังเพือ่ หาขอ้ มูลเฉพาะ Speaking: พูดขอและใหข้ อ้ มลู เกี่ยวกบั ความเป็นเจา้ ของและสมาชิกในครอบครวั , พดู บอกกิจวตั รประจาวนั ของตนเอง, พดู ถาม-ตอบความรู้สึกเก่ียวกบั กิจกรรม ตา่ ง ๆ, พูดขอและใหข้ อ้ มูลเก่ียวกบั ตนเองและสมาชิกใน ครอบครัว, พูดขอและให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั อาชีพทอ่ี ยากเป็นในอนาคต, พูดขอ และใหข้ อ้ มูลเกี่ยวกบั อาชีพของสมาชิกในครอบครัว, พดู ถามและบอก เวลาในการทากิจวตั ร, พดู สนทนาตามสถานการณท์ ีก่ าหนด, พูดขอและให้ ขอ้ มูลเกี่ยวกบั นกั ร้องท่ีช่ืนชอบ, พูดสนทนาเก่ียวกบั ขนบธรรมเนียมของ ไทย Reading: อา่ นเพื่อหาขอ้ มูลเฉพาะ, อา่ นออกเสียงบทสนทนา, อา่ นบทกลอน Writing: เขียนบรรยายบคุ ลกิ และลกั ษณะนิสัยของตวั ละครในเรื่องที่อา่ น, เขยี น บรรยายเกี่ยวกบั สมาชิกในครอบครัวของตนเอง, เขียนบรรยายกิจวตั ร ประจาวนั ของตนเอง, เขยี นอเี มลเลา่ เกี่ยวกบั สมาชิกในครอบครวั , แต่งบท สนทนาตามสถานการณท์ ีก่ าหนด, เขียนแสดงความคดิ เห็นของตนเอง เกี่ยวกบั ครอบครัว, แต่งบทกลอนภาษาองั กฤษ, เขียน blog เกี่ยวกบั นกั ร้อง ท่ีช่ืนชอบ, เขยี นอธิบายวิธีทกั ทายของประเทศในกลุ่มประชาคมอาเซียน 4 สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น 1) ความสามารถในการส่ือสาร 2) ความสามารถในการคดิ 3) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต 4) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 229

5 คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 1) ใฝ่เรียนรู้ 2) มงุ่ มนั่ ในการทางาน 3) รักความเป็นไทย 6 ชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) 1) เขียนบรรยายตวั ละครในเร่ือง The Flintstones 2) วาด family tree และเขยี นบรรยายเกี่ยวกบั สมาชิกในครอบครวั ของตนเอง 3) เขียนบรรยายกิจวตั รประจาวนั ของตนเอง 4) เขียนอเี มลเลา่ เก่ียวกบั ครอบครวั ของตนเอง 5) คน้ ควา้ ขอ้ มลู เกี่ยวกบั เก่ียวกบั อาชีพท่ีสนใจและเขียนนาเสนอ 6) อ่านออกเสียงบทสนทนา 7) แต่งบทสนทนาตามสถานการณ์ทกี่ าหนด 8) พูดสนทนาตามสถานการณ์ท่ีกาหนด 9) อา่ นบทกลอน 10) แตง่ บทกลอนภาษาองั กฤษ 11) เขียน blog เกี่ยวกบั นกั ร้องทีช่ ่ืนชอบ 12) คน้ ควา้ วิธีทกั ทายของประเทศในกลุ่มประชาคมอาเซียนและเขยี นนาเสนอ 7 การวดั และการประเมนิ ผล 7.1 การประเมนิ กอ่ นเรียน 7.2 การประเมินระหว่างการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 7.3 การประเมนิ หลงั เรียน 7.4 การประเมนิ ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) 230

1 Reading 4a & Vocabulary 4a 2 ช่ัวโมง จดุ ประสงค์การเรียนรู้ - ตอบคาถามจากการอ่านและการฟังได้ - เขียนบรรยายบุคลิกและลกั ษณะนิสัยของตวั ละครจากเรื่องทีอ่ ่านได้ - พดู ขอและใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั สมาชิกในครอบครวั ของตนเองและผอู้ ่นื ได้ - วาด family tree และบอกความสมั พนั ธข์ องสมาชิกในครอบครัวได้ 1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วดั สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเร่ืองท่ฟี ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เห็น อย่างมีเหตผุ ล ตวั ช้ีวดั ต 1.1 ม. 1/3 เลอื ก/ระบปุ ระโยคและขอ้ ความใหส้ มั พนั ธ์กบั สื่อทไ่ี มใ่ ช่ความเรียง (non-text information) ทอ่ี า่ น ต 1.1 ม. 1/4 ระบุหัวขอ้ เรื่อง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและ อ่านบทสนทนา นิทาน และเรื่องส้นั มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ ความคิดเหน็ อย่างมปี ระสิทธภิ าพ ตวั ช้ีวดั ต 1.2 ม. 1/1 สนทนาแลกเปลี่ยนขอ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเอง กิจกรรม และสถานการณ์ตา่ ง ๆ ในชีวิตประจาวนั ต 1.2 ม. 1/4 พดู และเขยี นเพอ่ื ขอและใหข้ อ้ มลู และแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เรื่องทฟ่ี ังหรืออ่าน อยา่ งเหมาะสม มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพดู และการเขยี น 231

ตวั ช้ีวดั พดู และเขยี นบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และส่ิงแวดลอ้ ม ต 1.3 ม. 1/1 ใกลต้ วั 2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด การเรียนรู้คาศพั ทเ์ ก่ียวกบั สมาชิกในครอบครวั และ adjectives ที่ใชบ้ รรยายบุคลกิ และลกั ษณะ นิสัย จะช่วยให้เขา้ ใจและบอกรายละเอยี ดของเร่ืองทีอ่ ่าน นอกจากน้ียงั สามารถนาคาศพั ทท์ ีเ่ รียนไปใชพ้ ดู และเขยี นใหข้ อ้ มูลเก่ียวกบั สมาชิกในครอบครัวไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า 1) Language Features and Functions Vocabulary: The family (granddad, grandma, dad, mum, brother, sister, uncle, aunt, niece, nephew, son, daughter, father-in-law, mother-in-law, husband, wife, cousin) Character adjectives (funny, quiet, strong, clever, polite, rude, weak, noisy, silly, serious) Verbs (wear, bark) Nouns (skins, machines, housework, stone, bowling, golf, billiards, vacuum cleaner, baseball, pet, drums, club) Adjectives (dark, angry, lazy, cute, fair, calm) Adverb (a bit) Functions: Describing character Sak is my granddad. He’s 74. He’s really funny. 2) Language Skills Listening: ฟังเพือ่ หาขอ้ มูลเฉพาะ Speaking: พูดขอและใหข้ อ้ มลู เกี่ยวกบั ความเป็นเจา้ ของและสมาชิกในครอบครวั Reading: อา่ นเพ่อื หาขอ้ มลู เฉพาะ Writing: เขียนบรรยายบคุ ลกิ และลกั ษณะนิสัยของตวั ละครในเรื่องท่ีอา่ น, เขียนบรรยายเกี่ยวกบั สมาชิกในครอบครวั ของตนเอง 232

4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน 1) ความสามารถในการสื่อสาร 2) ความสามารถในการคิด 5. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1) ใฝ่เรียนรู้ 2) ม่งุ มน่ั ในการทางาน 6. กจิ กรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงท่ี 1 ข้นั Warm up 1. นกั เรียนอา่ นชื่อหน่วยการเรียนรู้ (Families) ในหนงั สือเรียน หนา้ 45 และช่วยกนั บอกความหมาย จากน้นั ใหน้ กั เรียนดูหัวขอ้ ตา่ ง ๆ ท่ีจะไดเ้ รียนในหน่วยการเรียนรู้น้ี 2. Find the page numbers for หน้า 45 นกั เรียนอา่ นคาท่กี าหนด แลว้ ครูอธิบายคาว่า poem และ routine poem (n) = a piece of writing in which the words are chosen for their sound and the images they suggest, not just for their obvious meanings (บทกลอน) routine (n) = the way in which you regularly do things (กิจวตั รประจา) จากน้นั ให้นกั เรียนหาวา่ ภาพท่ีเก่ียวขอ้ งกบั คาเหลา่ น้ีอยใู่ นหนงั สือเรียนหนา้ ใด เมื่อหาพบแลว้ ครู ถามคาถามเพอ่ื ดึงความสนใจของนกั เรียนเขา้ สู่บทเรียน a poem (p. 52) Do you like poems? What is the poem about? a family tree (p. 45) What can we see in a family tree? How many people are in your family? Do you have any brothers and sisters? 233

a famous singer (p. 53) Who’s your favourite singer? What type of music do you like? Are there many famous singers who come from your country? a person’s daily routine (p. 48) What is your daily routine? What do you do in the morning? Is it the same every day? ข้นั Pre-reading 1. หนังสือเรยี น หน้า 45 Ex. 1 นกั เรียนทบทวนคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั สมาชิกในครอบครวั โดยฟัง CD และ ออกเสียงตามพร้อมกนั แลว้ ให้นกั เรียนอา่ นออกเสียงดว้ ยตนเอง จากน้นั บอกคาเรียกสมาชิกใน ครอบครวั เหล่าน้ีเป็นภาษาไทย ครูอาจจะสอนคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั สมาชิกในครอบครัวเพิ่มเติม เช่น sister-in-law, brother-in-law, son-in-law, daughter-in-law, grandson, granddaughter 2. หนังสือเรยี น หน้า 45 Ex. 2 นกั เรียนดู family tree ของ Sue และเติมคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั สมาชิกใน ครอบครวั ลงในช่องว่าง เสร็จแลว้ ตรวจคาตอบพร้อมกนั 2 cousin, her cousin 3 son, their son 4 grandma, her grandma 5 aunt, her aunt 6 nephew, his nephew 7 mum, their mum 8 father-in-law, his father-in-law 3. ครูสอนการใช้ apostrophe s (’s) เพื่อแสดงความเป็นเจา้ ของ ดงั น้ี - ให้นกั เรียนดู family tree ในหนงั สือเรียน หนา้ 45 แลว้ ครูถามว่า Who’s Helen? จากน้นั พดู ตอบว่า She is Kate and Claire’s mum. แลว้ เขยี นคาถามและคาตอบบนกระดาน - ครูช้ีไปท่ีหนงั สือเรียนของนกั เรียนคนหน่ึง ถามว่า Whose book is this? จากน้นั พูดตอบ วา่ It’s (Pat’s) book. แลว้ เขียนคาถามและคาตอบบนกระดาน 234

- ครูช้ีไปที่โต๊ะเรียน 3-4 ตวั ถามว่า Whose desks are these? จากน้นั พดู ตอบว่า They are the students’ desks. แลว้ เขยี นคาถามและคาตอบบนกระดาน - ครูหยิบปากกาของนกั เรียนหลาย ๆ คน ชูข้นึ และถามว่า Whose pens are these? จากน้นั พูดตอบว่า They are children’s pens. แลว้ เขียนคาถามและคาตอบบนกระดาน ครูให้นกั เรียนสังเกตการใช้ apostrophe s (’s) ในประโยคบนกระดาน แลว้ ครูอธิบายวา่ ’s จะวาง ตอ่ ทา้ ยคานามทเ่ี ป็นบคุ คล เพ่ือแสดงวา่ บุคคลน้นั เป็นเจา้ ของบางสิ่ง - ถา้ เป็นคานามเอกพจน์ให้ตามดว้ ย ’s ครูช้ีให้ดทู ่ี Pat’s - ถา้ เป็นคานามพหูพจนท์ ่ีลงทา้ ยดว้ ย s จะตามดว้ ย ’ ครูช้ีให้ดทู ่ี students’ - ถา้ เป็นคานามพหูพจนท์ ี่ไม่ไดล้ งทา้ ยดว้ ย s จะตามดว้ ย ’s ช้ีใหด้ ูที่ children’s ต่อมาครูอธิบายว่า Who’s ใชถ้ ามเกี่ยวกบั บคุ คล ส่วน Whose ใชถ้ ามเกี่ยวกบั ความเป็นเจา้ ของ จากน้นั ครูถามคาถามนกั เรียน เช่น T: Whose pen is this? (หยิบปากกาของ Ben ข้ึนมา) Ss: It’s Ben’s pen. T: Who’s Steve? (ช้ีท่ี family tree ในหนงั สือเรียน หนา้ 45) Ss: He’s Sam’s father. 4. หนังสือเรียน หน้า 45 Ex. 3 ครูใหน้ กั เรียน 2 คน อา่ นตวั อยา่ งการถาม-ตอบให้เพื่อนฟัง โดยให้ นกั เรียนคนอื่น ๆ ดู family tree ของ Sue ตามไปดว้ ย จากน้นั ให้นกั เรียนจบั คกู่ นั พดู ถาม-ตอบ เก่ียวกบั ครอบครัวของ Sue ครูเดินสงั เกตวา่ นกั เรียนถามและตอบคาถามถกู ตอ้ งหรือไม่ จากน้นั สุ่มเรียกนกั เรียน 2 คู่ พูดถาม-ตอบให้เพ่ือนฟัง A: Who’s John? B: He’s Sue’s brother. Whose dad is Sam? A: He’s Kate and Claire’s dad. Whose sister is Kate? B: She’s Claire’s sister. Who’s Mark? A: He’s Mary’s husband. Who’s Ann? B: She’s Steve’s wife. 5. นกั เรียนอา่ นคาศพั ทใ์ นกรอบ Check these words หนงั สือเรียน หนา้ 46 และช่วยกนั อธิบาย ความหมาย ถา้ คาใดนกั เรียนไมร่ ู้ ครูช่วยอธิบายหรือให้นกั เรียนเปิ ดหาความหมายในพจนานุกรม เช่น 235

a bit (adv) = a little (เลก็ นอ้ ย) vacuum cleaner (n) = a machine that cleans floors and other surfaces by sucking up dust and dirt (เครื่องดดู ฝ่นุ ) bark (v) = when a dog barks, it makes a short loud sound (เห่า) fair (adj) = having pale skin or a light colour of hair (สีอ่อน) calm (adj) = not excited, nervous or upset (ใจเยน็ ) 6. หนังสือเรียน หน้า 46 Ex. 1a นกั เรียนดูภาพบุคคล แลว้ ครูถามวา่ Do you know them? Who are they (The Flintstones) แลว้ ใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกขอ้ มูลเกี่ยวกบั ครอบครวั Flintstones ท่ีนกั เรียนรู้ จากน้นั ครูถามวา่ Is it an ordinary family? ใหน้ กั เรียนเดาคาตอบ จากน้นั ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟัง และอ่านบทอา่ นตามไปดว้ ยเพอื่ ตรวจว่าเดาคาตอบถูกตอ้ งหรือไม่ The Flintstone family is not an ordinary family. It is a cartoon family from the Stone Age. Background information มนุษยห์ ินฟลิ้นทส์ โตนส์ (The Flintstones) เป็นการ์ตูนอเมริกนั ทีม่ ีเน้ือเร่ืองเกี่ยวกบั ครอบครวั ในยคุ หิน แต่มีการผสมผสานวถิ ีชีวิตในปัจจบุ นั เขา้ ไป ผลติ โดยฮนั นา- บาร์เบอรา (Hanna-Barbera) ในปี ค.ศ. 1960 ไดร้ ับความนิยมเป็นอยา่ งมาก และมี การทาเป็นภาพยนตร์ในปี ค.ศ. 1994 และ ปี ค.ศ. 2000 ข้นั Reading 1. หนังสือเรียน หน้า 46 Ex. 1b นกั เรียนดูภาพบคุ คล แลว้ อ่านบทอา่ นเพอ่ื ระบุว่าคอื ใครบา้ ง โดยเรียง จากซ้ายไปขวา Pebbles Flintstone, Wilma Flintstone, Fred Flintstone, Pearl Slaghoople, Barney Rubble, Bamm-Bamm, Betty Rubble 236

2. หนงั สือเรียน หน้า 46 Ex. 2 นกั เรียนอ่านคาถามทก่ี าหนดให้ ครูถามวา่ มีคาถามทไ่ี ม่เขา้ ใจหรือไม่ ถา้ มี ครูช่วยอธิบาย จากน้นั ให้นกั เรียนอ่านบทอา่ นเพอื่ หาเน้ือเร่ืองท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั คาถาม เมอื่ พบแลว้ อ่านใหเ้ ขา้ ใจแลว้ จึงตอบคาถาม จากน้นั ครูเฉลยคาตอบ 1 Three 2 Bowling and golf 3 She is serious and modern. 4 Baseball 5 Pebbles’ 6 He can play the piano and the drums. 7 Betty Rubble 8 Barney and Betty Rubble’s son. ข้นั Post-reading 1. หนังสือเรยี น หน้า 47 Ex. 3 นกั เรียนทางานคู่ เขียนบรรยายตวั ละครในเร่ือง The Flintstones จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียนพดู บรรยายให้เพ่อื นฟัง Fred Flintstone is tall and dark. He is noisy and funny. He likes eating, bowling and golf. Wilma Flintstone is Fred’s wife. She has got red hair. She is serious. She likes housework. Pearl Slaghoople is Wilma’s mother. She doesn’t like Fred at all. Pebbles Flintstone is Fred and Wilma’s daughter. She has got red hair. She is cute and clever. Barney Rubble is short with fair hair. He is quiet and silly. He can play the piano and the drums. Betty Rubble is Barney’s wife. She is kind and calm and likes to help people. Bamm-Bamm is Barney and Betty’s son. He has got fair hair. He is very strong and he helps around the house. 2. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 28-29 Exs. 1-4 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น 237

ช่ัวโมงที่ 2 ข้นั Warm up นกั เรียนเล่นเกม Bingo ทบทวนคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั สมาชิกในครอบครัว โดยเขยี นตาราง 9 ช่องลงใน กระดาษ และเขียนคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั สมาชิกในครอบครัวลงในแต่ละช่อง ไมใ่ ห้ซ้ากนั จากน้นั ครูพดู คาศพั ทค์ ร้งั ละ 1 คา ตารางของใครมคี าศพั ทด์ งั กล่าวให้กา  ทบั คาศพั ทน์ ้นั คนทกี่ า  ได้ 3 ช่อง ติดต่อกนั กอ่ นเป็นคนแรกให้พดู ดงั ๆ ว่า Bingo ข้นั Presentation 1. หนงั สือเรียน หน้า 47 Ex. 4 ครูเปิ ด CD 2 คร้ัง ใหน้ กั เรียนฟัง adjectives ท่ใี ชบ้ รรยายบคุ ลกิ และ ลกั ษณะนิสัย และฝึกออกเสียงตามพร้อมกนั แลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนออกเสียงทีละคน ครูเนน้ ให้ นกั เรียนออกเสียงเนน้ หนกั ใหถ้ ูกตอ้ งจากน้นั ให้นกั เรียนบอกความหมายของ adjectives เหลา่ น้ีโดย เดาจากภาพ funny (ตลก) quiet (เงียบ) strong (แขง็ แรง) clever (ฉลาด) polite (สุภาพ) rude (หยาบคาย) weak (อ่อนแอ) noisy (เสียงดงั ) silly (โง)่ serious (เคร่งขรึม, เอาจริงเอาจงั ) พยางคท์ ่พี ิมพต์ วั หนาคอื พยางคท์ ีเ่ นน้ เสียงหนกั funny quiet clever polite serious noisy silly 2. นกั เรียนอ่าน Study Skills ในหนงั สือเรียน หนา้ 47 แลว้ ครูยกตวั อยา่ งคาทมี่ ีความหมายตรงขา้ มกนั เพ่ือช่วยในการจดจาคาศพั ทแ์ ละความหมาย เช่น tall - short, black - white, big - small จากน้นั ให้ นกั เรียนจบั คู่ adjectives ใน Ex. 4 ทมี่ ีความหมายตรงขา้ มกนั เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนบอก คาตอบ ใหน้ กั เรียนช่วยกนั ตรวจความถกู ตอ้ ง funny - serious strong - weak quiet - noisy clever - silly polite - rude 238

3. หนงั สือเรยี น หน้า 47 Ex. 7 นกั เรียนอา่ นเกี่ยวกบั ตาแหน่งของ adjective ในประโยค และช่วยกนั สรุป แลว้ ครูช่วยอธิบายวา่ adjectives สามารถวางไวห้ นา้ คานาม เช่น He’s a funny boy. หรือวางไว้ หลงั verb to be เช่น He’s funny. และถา้ ตอ้ งการเนน้ adjectives ให้ใช้ very มาวางไวห้ นา้ adjectives เช่น He’s very funny. จากน้นั ใหน้ กั เรียนหาตวั อยา่ งการใช้ adjectives ในบทอา่ น หนา้ 46 before noun: The Flintstones are popular cartoon characters after the verb to be: Fred Flintstone is tall, He is noisy and funny, She is serious, Barney Rubble is short, He is quiet and a bit silly, She is polite and clam use very to give emphasis: she is very modern, she is very cute, she is very clever, He is very, very strong 4. นกั เรียนรวมกลุ่ม กลุ่มละ 3 คน ครูแจกบตั ร adjective ให้กลุม่ ละ 1 ใบ แลว้ ใหแ้ ตล่ ะกลุ่มแต่ง ประโยค 3 ประโยค โดยใช้ adjective วางไวห้ นา้ คานาม วางไวห้ ลงั verb to be และใช้ very วางไว้ หนา้ adjective 5. ครูนาเสนอคาถามท่ีใชถ้ ามบคุ ลกิ และลกั ษณะนิสยั โดยยกตวั อยา่ งบนกระดาน เช่น What is Fred Flintstone like? He is noisy and funny. ให้นกั เรียนอา่ นประโยคบนกระดานตามครู แลว้ ครูอธิบายวา่ What is + noun/pronoun + like? ใช้ ถามบุคลิกและลกั ษณะนิสัยของบคุ คล จากน้นั ครูถามคาถามเก่ียวกบั ตวั ละครในเรื่อง The Flintstones ให้นกั เรียนช่วยกนั ตอบ เช่น T: What is Wilma Flintstone like? Ss: She is serious. What is … like? ใชถ้ ามบคุ ลิกและลกั ษณะนิสัย What does … look like? ใชถ้ ามรูปร่างหนา้ ตา 239

ข้นั Practice 1. หนงั สือเรียน หน้า 47 Ex. 5 นกั เรียนอ่านประโยคและเติม adjective ท่ีให้มาลงในประโยคให้ถูกตอ้ ง เสร็จแลว้ ตรวจคาตอบพร้อมกนั 1 quiet 2 hardworking 3 ugly 4 clever 5 weak 6 rude 2. หนังสือเรียน หน้า 47 Ex. 6 นกั เรียนทางานคู่ ผลดั กนั พูดบอกบุคลิกและลกั ษณะนิสัยของสมาชิกใน ครอบครวั หรือเพื่อน โดยไมต่ อ้ งพูด adjective แต่ให้ทาทา่ ทางบอกใบแ้ ทน เพือ่ ให้คู่ของตนทายว่า คือ adjective คาใด ครูใหน้ กั เรียน 2 คน ทากิจกรรมเป็นตวั อยา่ ง จากน้นั ใหเ้ วลานกั เรียนทากิจกรรม แลว้ สุ่มเรียกนกั เรียนหลาย ๆ คน ออกมาทาทา่ ทางบอกใบ้ adjective ใหเ้ พ่ือนในช้นั ทาย โดยใช้ โครงสร้างประโยค My (dad/friend/ …) is very … . เม่ือเพอื่ นทายถูกแลว้ ให้นกั เรียนทที่ าทา่ ทาง บอกใบพ้ ดู ประโยคที่สมบรู ณ์อกี คร้งั เช่น My dad is very funny. 3. หนงั สือเรยี น หน้า 47 Ex. 8 ให้นกั เรียนเรียงลาดบั คาท่กี าหนดให้เป็นประโยคท่ีถกู ตอ้ ง เสร็จแลว้ ครู ตรวจคาตอบโดยสุ่มเรียกนกั เรียนอา่ นประโยคคนละ 1 ขอ้ 1 Jane is very funny. 2 He is a very quiet boy. 3 They are noisy. 4 Matt is a clever student. 5 Steve and Mary are very serious. 4. หนงั สือเรยี น หน้า 47 Ex. 9 ครูอธิบายวา่ นกั เรียนจะไดฟ้ ังบทสนทนาของ Peter กบั เพ่อื นคนหน่ึง ซ่ึงสนทนากนั เก่ียวกบั สมาชิกในครอบครวั ของ Peter แลว้ ครูใหน้ กั เรียนอา่ นชื่อบคุ คลทก่ี าหนดให้ จากน้นั เปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังและจดบนั ทกึ วา่ ช่ือบุคคลทกี่ าหนดให้เก่ียวขอ้ งกบั Peter อยา่ งไร เม่ือฟังจบครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียน John is Peter’s dad. Mark is Peter’s brother. Laura is Peter’s sister. 240

หลงั จากน้นั ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังอกี คร้งั โดยคร้งั น้ีใหน้ กั เรียนฟังและจดบนั ทึกบคุ ลกิ และ ลกั ษณะนิสัยของสมาชิกในครอบครวั ของ Peter เมื่อฟังจบครูถามว่า What is Laura like? What is John like? What is Mark like? ให้นกั เรียนบอกบุคลิกและลกั ษณะนิสยั ของแต่ละคน John is very funny. Mark is strong. Laura is very quiet. 5. หนงั สือเรยี น หน้า 47 Ex. 10 นกั เรียนจบั ค่กู นั แลว้ เขยี นชื่อสมาชิกในครอบครัวของตนเองลงใน กระดาษ จากน้นั แลกเปลย่ี นกระดาษกบั คู่ของตน แลว้ ผลดั กนั ถามคาถามเพอ่ื หาวา่ บคุ คลทม่ี ชี ื่อใน กระดาษเก่ียวขอ้ งกบั คขู่ องตนเองอยา่ งไร และมบี คุ ลกิ และลกั ษณะนิสยั อยา่ งไร ครูเดินสังเกตการทา กิจกรรมรอบ ๆ ช้นั เรียน A: Who’s Chai? B: He’s my dad. He’s very funny. A: Who’s Meena? B: She’s my sister. She’s very quiet. A: Who’s Korn? B: He’s my brother. He’s very noisy. A: Who’s Pong? B: She’s my mum. She’s very polite. ข้นั Production 1. หนังสือเรยี น หน้า 47 Ex. 11 นกั เรียนวาด family tree ของครอบครัวตนเอง แลว้ เขยี นบรรยายขอ้ มูล ของสมาชิกในครอบครัว เช่น เกี่ยวขอ้ งกบั นกั เรียนอยา่ งไร อายุ บคุ ลิกและลกั ษณะนิสยั ความสามารถ ครูแนะนาให้นกั เรียนดู family tree ในหนา้ 45 เป็นตวั อยา่ ง หรือนกั เรียนอาจจะนา ภาพสมาชิกในครอบครัวมาตดิ ก็ได้ เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนหลาย ๆ คน ออกมาพดู นาเสนอ family tree ของตนเอง 241

Sak + Noi Sak is my granddad. He’s 74. He’s really Non + Pha funny. He can make people laugh. Noi is Ploy my grandma. She’s 70. She’s friendly. She can cook really well. Non is my dad. He’s 45. He’s clever. He can play golf really well. Pha is my mum. She’s 42. She is kind. She can play the piano. 2. นกั เรียนทา Language Review 4a Exs. 1-2 ในหนงั สือเรียน หนา้ 108 ร่วมกนั ในช้นั 3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 29 Exs. 5-6 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น 7. การวดั และการประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน แบบฝึกหัด (Workbook) ร้อยละ 60 วธิ ีการวดั แบบประเมนิ การเขียน ระดบั คุณภาพ พอใช้ ตรวจการตอบคาถามจากการอ่านหรือ แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้ การฟัง ประเมนิ การเขียนบรรยายตวั ละคร แบบประเมนิ การเขยี น ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ในเรื่อง The Flintstones สังเกตการพดู ขอและให้ขอ้ มูลเกี่ยวกบั แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผ่าน สมาชิกในครอบครัวของตนเองและ อนั พึงประสงค์ ผอู้ น่ื ประเมนิ การวาด family tree และเขียน บรรยายเก่ียวกบั สมาชิกในครอบครัว ของตนเอง สังเกตความใฝ่ เรียนรู้และความมุ่งมนั่ ในการทางาน 242

8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียน SPARK 1 ม. 1 2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 1 ม. 1 3) แบบฝึกหัด SPARK 1 ม. 1 4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ 5) พจนานุกรมออนไลน์ 6) อนิ เทอร์เนต็ 243


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook