2 Grammar 4b 2 ช่ัวโมง จุดประสงค์การเรียนรู้ - บอกกิจวตั รประจาวนั ของตนเองได้ - พูดขอและให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเองและสมาชิกในครอบครวั ได้ - พดู และเขยี นแสดงความรู้สึกโดยใช้ like, love, hate + -ing form ไดถ้ กู ตอ้ ง - เขียนบรรยายกิจวตั รประจาวนั ของตนเองได้ 1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั สาระที่ 1 ภาษาเพอื่ การสื่อสาร มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ ความคดิ เห็นอย่างมีประสิทธภิ าพ ตวั ช้ีวดั ต 1.2 ม. 1/1 สนทนาแลกเปล่ียนขอ้ มูลเก่ียวกบั ตนเอง กิจกรรม และสถานการณต์ ่าง ๆ ในชีวิตประจาวนั ต 1.2 ม. 1/5 พดู และเขยี นแสดงความรู้สึกและความคดิ เห็นของตนเองเกี่ยวกบั เร่ืองต่าง ๆ ใกลต้ วั กิจกรรมต่าง ๆ พร้อมท้งั ให้เหตผุ ลส้นั ๆ ประกอบอยา่ งเหมาะสม มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เหน็ ในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพูด และการเขียน ตวั ช้ีวดั ต 1.3 ม. 1/1 พดู และเขยี นบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และสิ่งแวดลอ้ ม ใกลต้ วั 2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การรู้และเขา้ ใจโครงสร้างภาษา ช่วยให้สามารถพูดขอและให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเองและสมาชิก ในครอบครัวไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 244
3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า 1) Language Features and Functions Grammar: Present simple like, love, hate + -ing for Functions: Talking about daily routines I get up early in the morning. Then I have breakfast. Asking about your family Does your dad like fish? Yes, he does. 2) Language Skills Speaking: พดู บอกกิจวตั รประจาวนั ของตนเอง, พูดถาม-ตอบความรู้สึกเกี่ยวกบั กิจกรรมตา่ ง ๆ, พดู ขอและใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั ตนเองและสมาชิกในครอบครัว Writing: เขยี นบรรยายกิจวตั รประจาวนั ของตนเอง 4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน 1) ความสามารถในการส่ือสาร 2) ความสามารถในการคดิ 5. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ - ใฝ่เรียนรู้ 6. กจิ กรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงท่ี 1 ข้นั Warm up ครูทบทวน adjectives ที่ใชบ้ รรยายบคุ ลิกและลกั ษณะนิสัย โดยให้นกั เรียนคิด adjective ไว้ 1 คา แลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนทีละคน ใหอ้ อกมาทาทา่ ทางใบค้ า ให้เพื่อนในช้นั ทายวา่ มบี ุคลิกอยา่ งไร เช่น S1: (ทาท่ากอดอก หนา้ ตาน่ิงและขมวดควิ้ ) 245
T: What is he like? Class: He is serious. ข้นั Presentation 1. ครูนาเสนอ Present simple ในรูปบอกเล่า โดยเขียนประโยคตอ่ ไปน้ีบนกระดาน I live in London. He lives in London. You live in London. She lives in London. We live in London. It lives in London. They live in London. ครูขดี เสน้ ใตค้ ากริยาของทกุ ประโยค แลว้ ถามนกั เรียนว่า ประธานตวั ใดบา้ งท่ีคากริยาเตมิ -s (he, she, it) ตอ่ มาครูเขียนโครงสร้างประโยค Present simple รูปบอกเล่า คอื Subject + v 1 และอธิบายวา่ ถา้ ประธานเป็น I, you, we, they และคานามพหูพจน์ คากริยาจะใช้รูป base form (ไม่เติม -s/-es) ถา้ ประธานเป็น he, she, it และคานามเอกพจน์ คากริยาจะตอ้ งเตมิ -s/-es จากน้นั ครูอธิบายหลกั การ ใช้ Present simple เราใช้ Present simple กบั การกระทาทเ่ี กิดข้ึนซ้า ๆ I play football every weekend. การกระทาท่ีทาเป็นกิจวตั รประจาวนั หรือเป็นนิสยั He usually gets up late on Sunday. ส่ิงทีเ่ ป็นขอ้ เท็จจริง The moon moves round the earth. 2. ครูเขียนประโยคตอ่ ไปน้ีบนกระดาน แลว้ ให้นกั เรียนเปล่ียนคากริยาในประโยคเหลา่ น้ีเป็น Present simple เม่ือประธานเป็น he I watch TV in the evening. (He watches TV in the evening.) I play football on Friday. (He plays football on Friday.) I like eating chocolate. (He likes eating chocolate.) I study maths on Monday. (He studies maths on Monday.) I miss you. (He misses you.) 246
ต่อมาครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกหลกั การเตมิ -s/-es ทา้ ยคากริยา เมื่อประธานเป็นเอกพจน์ ครูช่วย เสริมและยกตวั อยา่ งเพ่มิ เติม คากริยาทล่ี งทา้ ยดว้ ย s, sh, ch, x, z, o ให้เตมิ -es เช่น miss - misses, finish - finishes, watch - watches, mix - mixes, go - goes คากริยาท่ีลงทา้ ยดว้ ย y ถา้ หนา้ y เป็นสระ (a, e, i, o, u) ใหเ้ ตมิ -s เช่น play - plays, say – says แต่ถา้ หนา้ y เป็นพยญั ชนะ ใหเ้ ปล่ยี น y เป็น i แลว้ เติม -es เช่น cry - cries คากริยาทวั่ ไปให้เติม -s เช่น eat - eats, love - loves 3. หนังสือเรยี น หน้า 48 Ex. 1 นกั เรียนอ่านหลกั การใช้ Present simple และหลกั การเตมิ -s/-es เมอื่ ประธานเป็นเอกพจน์บรุ ุษที่ 3 เพื่อทบทวนความเขา้ ใจ จากน้นั ให้นกั เรียนช่วยกนั อธิบายความหมาย ของตวั อยา่ งประโยคสีฟ้าเป็นภาษาไทย 4. ครูเขยี นคากริยาบนกระดานดงั น้ี eats, jumps, reads, stands, watches, finishes แลว้ ออกเสียงคากริยา เหลา่ น้ีใหน้ กั เรียนฟัง ใหน้ กั เรียนสังเกตว่าเสียง s/es ทา้ ยคากริยาจะออกเสียงไดก้ ี่แบบ จากน้นั ครู อธิบายการออกเสียง s/es ทา้ ยคากริยา การออกเสียง s/es ท้ายคากรยิ า ออกเสียง /s/ เม่ือคากริยาน้นั ลงทา้ ยดว้ ยเสียงไมก่ อ้ ง (voiceless) ไดแ้ ก่ /p/, /t/, /k/, /f/, /ɵ/ เช่น stops, eats, walks, laughs, baths ออกเสียง /z/ เม่อื คากริยาน้นั ลงทา้ ยดว้ ยเสียงกอ้ ง (voiced) ไดแ้ ก่ /b/, /d/, /g/, /l/, /m/, /n/, /v/, /ŋ/ เช่น robs, reads, digs, falls, swims, runs, drives, sings ออกเสียง /Iz/ เม่อื คากริยาน้นั ลงทา้ ยดว้ ยเสียง /s/, /z/, /ʃ/, /tʃ/, /ʤ/ เช่น kisses, sneezes, washes, catches, changes ครูใหน้ กั เรียนออกเสียงคากริยาบนกระดานพร้อมกนั หลาย ๆ คร้ัง จากน้นั ใหน้ กั เรียนคดิ วา่ ใน ภาษาไทยมีการเปลีย่ นรูปคากริยาเมือ่ ประธานเป็นเอกพจน์หรือไม่ 247
ข้นั Practice 1. หนงั สือเรยี น หน้า 48 Ex. 2 นกั เรียนอา่ นคากริยาทก่ี าหนดให้และบอกความหมาย แลว้ ให้นกั เรียน เปลย่ี นคากริยาเหล่าน้ีใหอ้ ยใู่ นรูป Present simple เมื่อประธานเป็นเอกพจน์บรุ ุษท่ี 3 เสร็จแลว้ ครู สุ่มเรียกนกั เรียนออกมาเขียนคาตอบบนกระดาน และให้นกั เรียนทแี่ หลือช่วยกนั ตรวจความถกู ตอ้ ง 2 he leaves 3 he watches 4 he runs 5 he says 6 he works 7 he goes 8 he washes 2. ครูแบ่งนกั เรียนเป็น 2 ทมี เพ่อื เล่นเกม ใหแ้ ตล่ ะทีมส่งตวั แทนออกมาเลน่ เกมคร้งั ละ 1 คน โดยครูจะ พดู คากริยารูป base form ใหน้ กั เรียนเปลี่ยนเป็นรูปเอกพจน์บุรุษที่ 3 พร้อมท้งั สะกดคาให้ถูกตอ้ ง ทีมทที่ าถูกตอ้ งจะได้ 1 คะแนน เม่ือจบเกมทมี ท่ไี ดค้ ะแนนมากทีส่ ุดจะเป็นผชู้ นะ T: I brush Team A S1: He brushes B-R-U-S-H-E-S 3. หนังสือเรยี น หน้า 48 Ex. 3 นกั เรียนอา่ นวลีที่ให้มาในกรอบ และช่วยกนั บอกความหมาย แลว้ ให้ นกั เรียนดูของภาพที่ 1-11 และบอกครูวา่ เดก็ ผูช้ ายในภาพทากิจกรรมอะไรบา้ ง จากน้นั ใหน้ กั เรียน ใชว้ ลีที่ใหม้ าแต่งประโยคเกี่ยวกบั กิจกรรมท่ีเดก็ ผชู้ ายในภาพทา 2 Kevin has breakfast in the morning. 3 Kevin goes to school in the morning. 4 Kevin has lunch in the afternoon. 5 Kevin does his homework in the afternoon. 6 Kevin goes to the gym in the afternoon. 7 Kevin plays computer games in the afternoon. 8 Kevin meets his friends in the afternoon. 9 Kevin has dinner in the evening. 10 Kevin watches TV in the evening. 11 Kevin goes to bed in the evening. 248
5. หนงั สือเรยี น หน้า 48 Ex. 5 นกั เรียนลอกตารางลงในสมุด แลว้ ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังคากริยา และขีด ลงในช่องท่ตี รงกบั เสียงทไ่ี ดย้ นิ จากน้นั ครูเฉลยคาตอบ และเปิ ด CD ให้นกั เรียนฝึก ออกเสียงตามพร้อมกนั แลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนออกเสียงทลี ะคน /s/ /z/ /Iz/ /s/ /z/ /Iz/ lives writes walks teaches goes relaxes ข้นั Production 1. หนงั สือเรยี น หน้า 48 Ex. 4 นกั เรียนจบั คูผ่ ลดั กนั พดู บอกกิจวตั รประจาวนั ของตนเองในแต่ละ ช่วงเวลา ครูเดินสงั เกตขณะนกั เรียนทากิจกรรมรอบ ๆ ช้นั เรียน จากน้นั สุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คน บอกกิจวตั รประจาวนั ของตนเองใหเ้ พื่อนในช้นั ฟัง I get up early in the morning. Then I have breakfast. After that I go to school. In the afternoon, I do my homework and play on my computer. In the evening, I have dinner and then I watch a DVD. After that I go to bed. 2. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 30-31 Exs. 1-8 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น ชั่วโมงที่ 2 ข้นั Warm up ครูทบทวนการเปล่ียนคากริยาเป็น Present simple เมอ่ื ประธานเป็นเอกพจน์ ดว้ ยการเขยี นตาราง 9 ช่อง บนกระดาน และเขียนคากริยาลงในตารางช่องละ 1 คา เช่น eat, get up จากน้นั แบ่งนกั เรียน ออกเป็น 2 ทีม ใหแ้ ขง่ กนั เล่นเกม Noughts and Crosses โดยผลดั กนั พดู คากริยารูป Present simple ที่สมั พนั ธ์กบั คากริยาในตารางใหถ้ ูกตอ้ ง เช่น eat - eats, get up - gets up ครูเนน้ ให้นกั เรียนออกเสียง s/es ทา้ ยคากริยาให้ถกู ตอ้ ง ถา้ ทมี ใดพูดถกู จะไดท้ าสญั ลกั ษณ์ X หรือ O ในตาราง ทีมทที่ าสญั ลกั ษณ์ เรียงตอ่ กนั ในแนวต้งั แนวนอน หรือแนวทแยงไดก้ ่อนจะเป็นผูช้ นะ 249
ข้นั Presentation 1. ครูนาเสนอ Present simple ในรูปปฏิเสธ โดยเขยี นประโยคตอ่ ไปน้ีบนกระดาน I don’t like Monday. She doesn’t like Monday. ครูขดี เส้นใต้ I don’t และ She doesn’t แลtถามนกั เรียนว่า การทาประโยค Present simple เป็น ปฏิเสธ จะเตมิ อะไรหนา้ คากริยา (don’t/doesn’t) แลว้ ครูอธิบายว่า การทาเป็นประโยคปฎิเสธจะนา do not (don’t), does not (doesn’t) มาวางไวห้ นา้ คากริยาหลกั ของประโยค และคากริยาหลกั จะตอ้ ง อยใู่ นรูป base form โดยเราจะใช้ do not (don’t) กบั ประธานพหูพจน์ , I, you, we, they และใช้ does not (doesn’t) กบั ประธานเอกพจน์, he, she, it 2. ครูนาเสนอ Present simple ในรูปคาถาม โดยเขียนประโยคต่อไปน้ีบนกระดาน Do I like Mondays? No, I don’t. Does she like Mondays? No, she doesn’t. ครูถามนกั เรียนวา่ ประโยคคาถามข้ึนตน้ ดว้ ยอะไร (Do, Does) และหลงั Do, Does จะตามดว้ ยอะไร (ประธานของประโยค) แลว้ ครูอธิบายวา่ การทาเป็นประโยคคาถามจะใช้ do, does ข้นึ ตน้ ประโยค ตามดว้ ยประธาน และคากริยา ซ่ึงจะตอ้ งอยใู่ นรูป base form ส่วนการตอบคาถามแบบส้นั (short form) ถา้ ตอบรบั ใช้ Yes, I/you/we/they do. Yes, he/she/it does. ถา้ ตอบปฏิเสธใช้ No, I/you/we/they don’t. No, he/she/it doesn’t. โดยครูเขียนโครงสร้างใหน้ กั เรียนดบู นกระดาน Do + subject + verb …? Yes, + pronoun + do. / No, + pronoun + don’t. Does + subject + verb …? Yes, + pronoun + does. / No, + pronoun + doesn’t. 3. ครูสุ่มถามคาถามนกั เรียนหลาย ๆ คน เพ่ือตรวจสอบความเขา้ ใจ เช่น T: Do you like sport? S1: No, I don’t. T: Does your mum work? S2: Yes, she does. T: Do we live in Thailand? S3: Yes, we do. 250
4. หนังสือเรียน หน้า 49 Ex. 6 นกั เรียนอา่ นตวั อยา่ งประโยค และกนั สรุปหลกั การสร้างประโยค ปฏเิ สธและประโยคคาถามรูป Present simple We put don’t/do not or doesn’t/does not before verb to form negative sentences in the present simple. We put do or does before subject to form interrogative sentences in the present simple. 5. ครูยกตวั อยา่ งประโยคที่ใช้ like, love, hate + -ing form บนกระดาน I like swimming. I love watching TV. I hate drawing. ให้นกั เรียนอ่านประโยคพร้อมกนั แลว้ ครูถามนกั เรียนวา่ หลงั like, love, hate ตามดว้ ยคาประเภทใด (verb -ing) จากน้นั ครูอธิบายวา่ การเตมิ -ing ทา้ ยคากริยา เป็นการทาคากริยาใหเ้ ป็นคานาม เรียกว่า gerund เช่น swim (ว่ายน้า) - swimming (การวา่ ยน้า) แลว้ ครูอธิบายหลกั การเติม -ing ทา้ ยคากริยา การเตมิ -ing ท้ายคากรยิ า คากริยาทีล่ งทา้ ยดว้ ย e ให้ตดั e ออก แลว้ จึงเตมิ -ing เช่น dance - dancing, write - writing คากริยาที่ประกอบดว้ ย สระเสียงส้ัน 1 ตวั + พยญั ชนะตวั สะกด ใหเ้ พิม่ พยญั ชนะตวั สะกดอีก 1 ตวั แลว้ จึงเติม -ing เช่น run - running, swim - swimming คากริยาท่ลี งทา้ ยดว้ ย ie ให้เปลี่ยน ie เป็น y แลว้ เตมิ -ing เช่น lie - lying, tie - tying คากริยาทว่ั ไปใหเ้ ตมิ -ing ไดเ้ ลย เช่น walk - walking, play - playing ข้นั Practice 1. หนังสือเรยี น หน้า 49 Ex. 7 นกั เรียนเติม don’t หรือ doesn’t ลงในประโยคให้ถกู ตอ้ ง เสร็จแลว้ ครู เฉลลยคาตอบ 251
1 doesn’t 2 doesn’t 3 don’t 4 doesn’t 5 don’t 6 doesn’t 2. หนังสือเรยี น หน้า 49 Ex. 8 นกั เรียนเตมิ do, does, don’t หรือ doesn’t ในประโยคให้ถกู ตอ้ ง เสร็จแลว้ ให้นกั เรียนช่วยกนั บอกคาตอบ 1 Do, do 2 Do, do 3 Does, doesn’t 4 Do, don’t 5 Does, doesn’t 3. หนังสือเรียน หน้า 49 Ex. 9 นกั เรียนทางานคู่ ใช้คาถามทกี่ าหนดใหผ้ ลดั กนั พดู ถาม-ตอบเกี่ยวกบั ตนเองและสมาชิกในครอบครัว ครูเดินสังเกตขณะนกั เรียนทากิจกรรม และสุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คู่ ยืนข้นึ พูดถาม-ตอบใหเ้ พอ่ื นฟัง 2 Do, Yes, I do. 3 Does, Yes, he does. 4 Do, No, I don’t. 5 Do, Yes, I do. 6 Do, No, I don’t. 7 Does, Yes, she does. 4. หนงั สือเรยี น หน้า 49 Ex. 10a นกั เรียนอา่ นประโยคในกรอบ แลว้ ช่วยกนั อธิบายความหมาย 5. หนังสือเรยี น หน้า 49 Ex. 10b ให้นกั เรียนเขียนประโยคแสดงความรู้สึกโดยใชค้ าข้นึ ตน้ ประโยค และวลีที่กาหนดให้ จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียนหลาย ๆ คน อา่ นประโยค 2 getting up early 3 playing golf 4 doing housework 5 playing baseball 6 going to the gym 7 playing computer games 8 making dinner 252
6. ครูเขียนวลเี ก่ียวกบั กิจกรรมตา่ ง ๆ บนกระดาน เช่น play computer games, watch TV, read books, cook, get up early, play football แลว้ ให้นกั เรียนจบั ค่กู นั พดู ถาม-ตอบความรู้สึกเกี่ยวกบั กิจกรรม เหล่าน้ีโดยใชค้ าถาม How do you feel about…? เช่น S1: How do you feel about watching TV? S2: I love watching TV. How do you feel about getting up early? S1: I hate getting up early. ข้นั Production 1. หนังสือเรียน หน้า 49 Ex. 11 ใหน้ กั เรียนเขยี นบรรยายกิจวตั รประจาวนั ของตนเองในวนั ธรรมดา (วนั จนั ทร์-วนั ศุกร์) มา 1 วนั กอ่ นเขยี นครูถามนกั เรียนว่าสิ่งทท่ี าเป็นประจาจะตอ้ งใช้ tense อะไร (Present simple) มโี ครงสร้างประโยคอยา่ งไร จากน้นั ครูให้เวลานกั เรียนเขียน เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียก นกั เรียน 3-4 คน ออกมาอ่านใหเ้ พือ่ นฟังที่หนา้ ช้ัน เมื่ออา่ นจบครูถามนกั เรียนท่เี หลือวา่ ใครมกี ิจวตั ร ประจาวนั เหมอื นเพื่อนบา้ ง I get up early and I have breakfast in the morning. Then I go to school. In the afternoon, I have lunch and then I do my homework. I see my friends and play computer games in the evening. 2. นกั เรียนทา Grammar Bank 4 ในแบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 75 Exs. 1-6 ร่วมกนั ในช้นั 3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 31 Exs. 9-11 ให้นักเรียนทาเป็นการบา้ น 253
7. การวัดและการประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน สังเกตการพดู บอกกิจวตั รประจาวนั แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ของตนเอง สงั เกตการพูดขอและให้ขอ้ มูลเก่ียวกบั แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ตนเองและสมาชิกในครอบครัว สังเกตการพดู ถาม-ตอบความรู้สึก แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ เก่ียวกบั กิจกรรมต่าง ๆ ประเมนิ การเขยี นบรรยายกิจวตั ร แบบประเมินการเขยี น ระดบั คุณภาพ พอใช้ ประจาวนั ของตนเอง สงั เกตความใฝ่เรียนรู้ แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผา่ น อนั พงึ ประสงค์ 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียน SPARK 1 ม. 1 2) แบบฝึกหดั SPARK 1 ม. 1 254
3 Skills 4c 2 ช่ัวโมง จุดประสงค์การเรยี นรู้ - พูดสนทนาเก่ียวกบั อาชีพของสมาชิกในครอบครวั ได้ - เขยี นบรรยายเกี่ยวกบั สมาชิกในครอบครัวได้ - คน้ ควา้ ขอ้ มลู เกี่ยวกบั อาชีพทีส่ นใจและเขียนนาเสนอได้ 1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การสื่อสาร มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองท่ฟี ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเหน็ อย่างมีเหตผุ ล ตวั ช้ีวดั ต 1.1 ม. 1/4 ระบหุ วั ขอ้ เรื่อง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและ อา่ นบทสนทนา นิทาน และเรื่องส้นั มาตรฐาน ต 1.2 มที ักษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ ความคดิ เห็นอย่างมปี ระสิทธภิ าพ ตวั ช้ีวดั ต 1.2 ม. 1/1 สนทนาแลกเปลยี่ นขอ้ มูลเก่ียวกบั ตนเอง กิจกรรม และสถานการณต์ ่าง ๆ ในชีวิตประจาวนั ต 1.2 ม. 1/3 พดู และเขยี นแสดงความตอ้ งการ ขอความช่วยเหลอื ตอบรบั และปฏิเสธการให้ ความช่วยเหลือในสถานการณต์ ่าง ๆ อยา่ งเหมาะสม มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพดู และการเขยี น ตวั ช้ีวดั ต 1.3 ม. 1/1 พูดและเขยี นบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และสิ่งแวดลอ้ ม ใกลต้ วั 255
สาระที่ 3 ภาษากบั ความสัมพนั ธ์กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อ่นื มาตรฐาน ต 3.1 ใชภ้ าษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กบั กลุ่มสาระการเรียนรู้อื่น และเป็น พ้นื ฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทศั นข์ องตน ตวั ช้ีวดั ต 3.1 ม. 1/1 คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มลู /ขอ้ เทจ็ จริงที่เก่ียวขอ้ งกบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้อื่น จากแหล่งการเรียนรู้ และนาเสนอดว้ ยการพูด/การเขียน สาระท่ี 4 ภาษากบั ความสัมพันธ์กับชุมชนและโลก มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็ นเคร่ืองมอื พื้นฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และการแลกเปลี่ยนเรยี นรู้กบั สังคมโลก ตวั ช้ีวดั ต 4.2 ม. 1/1 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในการสืบคน้ /คน้ ควา้ ความรู้/ขอ้ มลู ต่าง ๆ จากส่ือและแหล่ง การเรียนรู้ต่าง ๆ ในการศกึ ษาต่อและประกอบอาชีพ 2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การเรียนรู้คาศพั ท์ สานวนภาษาท่ใี ช้ในการขอและให้ขอ้ มูลเกี่ยวกบั อาชีพ จะช่วยใหเ้ ขา้ ใจและ บอกรายละเอยี ดของเร่ืองท่ีฟังได้ รวมถงึ สามารถนาความรู้ที่เรียนไปใช้พูด/เขยี นสื่อสารและคน้ ควา้ เพ่มิ เติมเกี่ยวกบั อาชีพทีส่ นใจได้ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า 1) Language Features and Functions Vocabulary: Jobs (hairdresser, photographer, nurse, footballer, pilot, vet, teacher, mechanic, secretary) Verbs (go places, double for, make an appearance) Nouns (autograph, look-alike, commercials, success) Adjectives (professional, real, similar (to)) Pronoun (everything) Functions: Talking about jobs What does your mum do? She’s a teacher. 256
2) Language Skills Listening: ฟังเพื่อหาขอ้ มลู เฉพาะ Speaking: พดู ขอและใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั อาชีพท่ีอยากเป็นในอนาคต, พูดขอและให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั อาชีพของสมาชิกในครอบครวั Writing: เขียนอีเมลเล่าเก่ียวกบั สมาชิกในครอบครัว 4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน 1) ความสามารถในการส่ือสาร 2) ความสามารถในการคิด 3) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1) ใฝ่เรียนรู้ 2) มงุ่ มนั่ ในการทางาน 6. กิจกรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงท่ี 1 ข้นั Warm up 1. ครูให้นกั เรียน 1 คน พดู กิจวตั รประจาวนั ของตนเองให้เพื่อนฟัง เม่อื ฟังจบครูถามคาถามเกี่ยวกบั กิจวตั รประจาวนั ของนกั เรียนคนดงั กลา่ ว เช่น T: Does he play computer games in the evening? Ss: Yes, he does. 2. ครูให้เวลานกั เรียน 1 นาที เขียนคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั อาชีพทน่ี กั เรียนเคยเรียนมาแลว้ ให้ไดม้ ากทีส่ ุด จากน้นั ครูใหค้ นทเ่ี ขียนไดม้ ากทสี่ ุดอ่านให้เพ่ือนฟัง ข้นั Pre-listening 1. หนังสือเรียน หน้า 50 Ex. 1 นกั เรียนดูภาพในหนงั สือเรียน หนา้ 50 และบอกครูเป็นภาษาไทยว่า แต่ละคนทาอาชีพอะไร ครูเขียนคาศพั ทภ์ าษาองั กฤษบนกระดาน พร้อมท้งั ขดี เส้นใตพ้ ยางคท์ ่เี นน้ 257
เสียงหนกั จากน้นั ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังคาศพั ทแ์ ละออกเสียงตามพร้อมกนั แลว้ ครูสุ่มเรียก นกั เรียนออกเสียงทีละคน พยางคท์ พ่ี มิ พต์ วั หนาคอื พยางคท์ ี่เนน้ เสียงหนกั hairdresser photographer footballer pilot teacher mechanic secretary คาวา่ secretary ถา้ อ่านแบบ British English จะอ่านวา่ /ˈsekrətri/ ถา้ อ่านแบบ American English จะอ่านวา่ /ˈsekrəteri/ ครูบอกนกั เรียนว่า คาว่า vet มคี วามหมายเหมอื นกบั veterinarian จากน้นั ใหน้ กั เรียนพดู ช่ืออาชีพ เหล่าน้ีเป็ นภาษาไทยโดยเดาจากภาพ ตอ่ มาครูให้นกั เรียนอา่ นวลีทีใ่ ห้มา แลว้ ช่วยกนั บอกความหมาย ถา้ วลใี ดท่ีนกั เรียนไม่รู้ ครูช่วยโดย แสดงทา่ ทางประกอบหรือยกประโยคตวั อยา่ ง จากน้นั ใหน้ กั เรียนใชว้ ลเี หลา่ น้ีแต่งประโยคเก่ียวกบั หนา้ ท่ขี องแตล่ ะอาชีพ เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียก นกั เรียนอ่านประโยคคนละ 1 อาชีพ A vet looks after sick animals. A nurse looks after sick people. A photographer takes photographs. A footballer plays football. A mechanic repairs cars. A secretary types letters. A pilot flies planes. A teacher teaches children. 2. ครูเขยี นคาถาม What do you do? บนกระดาน แลว้ ใหน้ กั เรียนถามคาถามน้ีกบั ครู โดยครูตอบวา่ I’m a teacher. ต่อมาครูอธิบายวา่ การถามเก่ียวกบั อาชีพของบุคคลจะใชค้ าถาม What do you/they/we do? What does he/she do? ส่วนการบอกอาชีพให้ใช้ You/They/We are a/an + (อาชีพ). He/She is a/an + (อาชีพ). จากน้นั ครูแสดงภาพบุคคลซ่ึงประกอบอาชีพตา่ ง ๆ แลว้ ถามคาถาม ให้นกั เรียนช่วยกนั ตอบ เช่น 258
T: (แสดงภาพหมอ) What does he do? Ss: He’s a doctor. ในการถามอาชีพ นอกจากจะถามวา่ What do you do? แลว้ ยงั สามารถใชค้ าถาม What’s your job? ไดด้ ว้ ย 3. ครูบอกนกั เรียนว่าการบอกอาชีพ สามารถใช้ประโยค You/They/We work as + (อาชีพ). He/She works as a/an + (อาชีพ). ไดด้ ว้ ย โดยครูเขียนตวั อยา่ งประโยคบนกระดาน I’m a pilot. I work as a pilot. She’s a teacher. She works as a teacher. 4. นกั เรียนดภู าพบคุ คลในหนงั สือเรียน หนา้ 50 Ex. 2 แลว้ ครูถามวา่ Do you know the man in the picture? Who’s he? (David Beckham) What does he do? (He’s a footballer.) 5. นกั เรียนอา่ นคาศพั ทใ์ นกรอบ Check these words ตามครู แลว้ ช่วยกนั อธิบายความหมาย ถา้ คาใด ไม่รู้ให้เปิ ดหาจากพจนานุกรม autograph (n) = a famous person’s signature (ลายเซน็ ) professional (adj) = connected with a job that needs special training or skill (ท่ีทาเป็ นอาชีพ) success (n) = a person that has achieved a good result and been successful (ผปู้ ระสบความสาเร็จ) look-alike (n) = someone that is similar in appearance to someone (คนท่ีดู เหมือน/คลา้ ยกนั ) go places (v) = to go the particular position, point or area (ไปยงั จุด/พ้นื ท่ี เฉพาะ) double for (v) = to replace an actor in the actor’s absence or in a certain scene (เป็นตวั แทน) commercials (n) = advertisements on the television (โฆษณาทางโทรทศั น์) real (adj) = happening and not imagined (แทจ้ ริง) similar (to) (adj) = like somebody but not exactly the same (คลา้ ยกนั ) make an appearance (v) = to appear in public (ปรากฏตวั ในทส่ี าธารณะ) 259
6. ครูบอกนกั เรียนว่า กาลงั จะไดฟ้ ังเรื่อง A professional look-alike ซ่ึงเป็นเร่ืองเก่ียวกบั คนทคี่ ลา้ ยกบั David Beckham แลว้ ให้นกั เรียนอ่านประโยค 1-6 ในหนงั สือเรียน หนา้ 50 Ex. 2 จากน้นั ครูย้ากบั นกั เรียนวา่ ไม่จาเป็นตอ้ งฟังออกทุกคา ให้เนน้ ฟังเพ่ือหาคาตอบมาเตมิ ในประโยค ข้นั Listening หนงั สือเรียน หน้า 50 Ex. 2 ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟัง โดยต้งั ใจฟังเน้ือเรื่องส่วนท่เี กี่ยวขอ้ งกบั ประโยค และจดบนั ทึกคาตอบ เมอ่ื ฟังจบครูถามนกั เรียนว่าเติมคาไดค้ รบหรือไม่ ครูอาจจะเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังอกี คร้งั จากน้นั ครูขออาสาสมคั รบอกคาตอบ แลว้ ให้นกั เรียนช่วยกนั ตรวจความ ถูกตอ้ ง 1 footballer 2 look-alike 3 stars 4 films 5 Andy Harmer 6 similar to Background information เดวิด เบคแคม เป็นนกั ฟตุ บอลชาวองั กฤษทมี่ ชี ่ือเสียงมากท่สี ุดคนหน่ึง เขาเกิดวนั ที่ 2 พฤษภาคม ค.ศ. 1975 ในเขตเมืองเลยต์ นั สโตน กรุงลอนดอน ประเทศองั กฤษ เขาเคยเล่นใหก้ บั สโมสรแมนเชสเตอร์ยไู นเตด็ , เพรสตนั นอร์ท เอนด,์ เรอลั มาดริด, แอลเอ กาแลก็ ซ่ี, เอซี มลิ าน และปารีแซ็ง-แฌร์แม็ง และเคยเลน่ ให้กบั ทมี ชาติองั กฤษ ในปี 1996 จนถงึ ปี 2009 เดวิด เบคแคม ประกาศเลกิ เล่นฟตุ บอลอาชีพหลงั การแขง่ ขนั ลีก 1 ของฝรั่งเศส ฤดูกาล 2012-2013 ภายใตส้ โมสรปารีแซง็ -แฌร์แมง็ สิ้นสุดลง ข้นั Post-listening 1. หนังสือเรยี น หน้า 50 Ex. 3 ให้นกั เรียนเตมิ คาที่กาหนดให้ลงในประโยคให้ถูกตอ้ ง เสร็จแลว้ ครู รวบรวมคาตอบจากนกั เรียน และเฉลยคาตอบ 1 autograph 2 professional 3 doubles 4 appearances 5 similar 260
2. นกั เรียนจบั คู่กบั เพอ่ื นผลดั กนั พดู ถาม-ตอบเก่ียวกบั อาชีพที่อยากเป็นในอนาคต โดยใชค้ าถาม What do you want to be? และตอบโดยใชป้ ระโยค I want to be a/an + อาชีพ. เม่อื ถามตอบกบั คขู่ องตนเสร็จแลว้ ใหน้ กั เรียนเดินไปถามเพ่ือนคนอ่นื อกี 3 คน เช่น S1: What do you want to be? S2: I want to be a programmer. S2: What do you want to be? S3: I want to be an engineer. 3. นกั เรียนทา Language Review 4c Ex. 3 ในหนงั สือเรียน หนา้ 108 ร่วมกนั ในช้นั 4. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 32-33 Exs. 1-2, 5 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น ช่ัวโมงท่ี 2 ข้นั Warm up ครูเตรียมบตั รคาเก่ียวกบั อาชีพ แลว้ สุ่มเรียกนกั เรียนออกมาจบั บตั รคา และแสดงทา่ ทางบอกใบ้ คาศพั ทใ์ ห้เพอ่ื นทายว่าคืออาชีพอะไร เช่น S1: (ทาท่าพมิ พด์ ีด) What do I do? Ss: You are a secretary. ข้นั Presentation 1. ครูทบทวนคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั อาชีพและหนา้ ท่ขี องแต่ละอาชีพ โดยครูแสดงบตั รคาเก่ียวกบั อาชีพ ทีละใบ ใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกวา่ อาชีพในบตั รคาทาหนา้ ทอี่ ะไร เช่น T: (แสดงบตั รคา hairdresser) hairdresser Ss: A hairdresser does people’s hair. T: (แสดงบตั รคา hairdresser) mechanic Ss: A mechanic repairs cars. 2. ครูทบทวนการถามและตอบเกี่ยวกบั อาชีพ โดยเขยี นคาถาม What do you do? บนกระดาน หลงั คาศพั ทเ์ ก่ียวกบั อาชีพ 261
nurse What do you do? I’m a nurse. I work as a nurse. teacher What do you do? I’m a teacher. I work as a teacher. ให้นกั เรียนช่วยกนั ตอบคาถาม และครูเขียนคาตอบบนกระดาน จากน้นั ให้นกั เรียนอ่านคาถามและ คาตอบพร้อมกนั 3. ครูเขยี นคาถาม What does he/she do? บนกระดาน หลงั คาศพั ทเ์ กี่ยวกบั อาชีพและชื่อบคุ คล Mary hairdresser What does Mary/she do? She is a hairdresser. She works as a hairdresser. Jack mechanic What does Jack/he do? He is a mechanic. He works as a mechanic. Noi vet What does Noi/she do? She is a vet. She works as a vet. Sak pilot What does Sak/he do? He is a pilot. He works as a pilot. ให้นกั เรียนช่วยกนั ตอบคาถาม และครูเขียนคาตอบบนกระดาน จากน้นั ให้นกั เรียนอา่ นคาถามและ คาตอบพร้อมกนั ข้นั Practice 1. ใหน้ กั เรียนแบ่งกลมุ่ กลมุ่ ละ 4 คน คน้ หาคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั อาชีพเพ่มิ เติมจากพจนานุกรม กลุ่มละ 5 คา โดยตอ้ งเป็นอาชีพท่ีมีในประเทศไทย เช่น programmer, accountant, seller, dentist, engineer, bank teller จากน้นั ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ ออกมานาเสนอคาศพั ทท์ ี่หนา้ ช้นั 2. หนงั สือเรยี น หน้า 50 Ex. 4 ใหน้ กั เรียนจบั คู่ผลดั กนั พดู ถาม-ตอบเก่ียวกบั อาชีพของพอ่ และแมข่ อง คู่ตนเอง แลว้ จดบนั ทกึ คาตอบไว้ A: What does your mum do? B: She’s a teacher. What does your dad do? A: He’s a vet. 262
3. ให้นกั เรียนทาตารางสารวจอาชีพของสมาชิกในครอบครัวของเพือ่ น Brother Name Uncle Aunt Sister ครูใหน้ กั เรียนถามเพ่ือนในช้นั 3 คน เก่ียวกบั อาชีพของสมาชิกในครอบครวั อยา่ งนอ้ ย 2 คน แลว้ จด บนั ทกึ คาตอบลงในตาราง จากน้นั ให้นกั เรียนเขียนสรุปผลสารวจโดยใช้ apostrophe s เช่น Ann’s mum is a teacher. Tom’s Uncle is an engineering. ข้นั Production 1. หนงั สือเรยี น หน้า 50 Ex. 5 ใหน้ กั เรียนเขียนอเี มลถงึ เพอ่ื นเลา่ เก่ียวกบั ครอบครวั ของตนเอง โดยใช้ โครงร่างที่กาหนดให้ จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 2-3 คน ออกมาอา่ นให้เพอ่ื นฟัง Dear Pete, There are four members in my family. My dad’s very clever. He’s 42 years old and he works as a teacher. My mum is 40 years old and she’s very kind. My brother, Wit, is very noisy. He’s 4 years old. My sister, Wi, is serious. She’s 10 years old. What about your family? Write back soon! Wan 2. ให้นกั เรียนคน้ ควา้ ขอ้ มลู เก่ียวกบั อาชีพทต่ี นเองสนใจมา 1 อาชีพ แลว้ เขียนนาเสนอขอ้ มลู เกี่ยวกบั การศึกษาและหนา้ ท่ีความรับผิดชอบ ครูอาจแนะนาเวบ็ ไซตใ์ หน้ กั เรียน เช่น http://kids.usa.gov/teens/jobs/a-z-list/ http://www.mypathcareers.org/careers 3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 33 Ex. 4 ใหน้ กั เรียนฟัง CD แลว้ จบั คู่บคุ คลกบั กิจกรรมให้ถูกตอ้ ง 4. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 33 Ex. 6 ให้นกั เรียนฟัง CD แลว้ เขียนเตมิ ขอ้ มูล 5. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 33 Ex. 3 ใหน้ กั เรียนทาเป็นการบา้ น 263
7. การวดั และการประเมนิ ผล วิธีการวดั เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน ร้อยละ 60 ตรวจการตอบคาถามจากการอ่านหรือ แบบฝึกหัด (Workbook) ระดบั คุณภาพ พอใช้ ระดบั คุณภาพ พอใช้ การฟัง ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ สงั เกตการพูดขอและใหข้ อ้ มลู เกี่ยวกบั แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ ผา่ น อาชีพที่อยากเป็ นในอนาคต สังเกตการพดู ขอและให้ขอ้ มูลเก่ียวกบั แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ อาชีพของสมาชิกในครอบครวั ประเมินการเขียนอเี มลเลา่ เก่ียวกบั แบบประเมนิ การเขยี น ครอบครัวของตนเอง ประเมนิ การคน้ ควา้ ขอ้ มลู เก่ียวกบั แบบประเมินการสารวจ/คน้ ควา้ เกี่ยวกบั อาชีพที่สนใจและเขยี นนาเสนอ สงั เกตความใฝ่เรียนรู้และความม่งุ มนั่ แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ ในการทางาน อนั พึงประสงค์ 8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียน SPARK 1 ม. 1 2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 1 ม. 1 3) แบบฝึกหัด SPARK 1 ม. 1 4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ 5) พจนานุกรมออนไลน์ 6) อินเทอร์เน็ต 7) บตั รคาเก่ียวกบั อาชีพ 264
4 Everyday English 4d 2 ช่ัวโมง จุดประสงค์การเรียนรู้ - อ่านออกเสียงบทสนทนาถูกตอ้ งตามหลกั การอ่านได้ - ตอบคาถามจากการอ่านบทสนทนาได้ - พดู ถามและบอกเวลาได้ - แตง่ บทสนทนาตามสถานการณท์ ่ีกาหนดได้ - พดู สนทนาตามสถานการณ์ทีก่ าหนดได้ 1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ัด สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การสื่อสาร มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองท่ีฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเหน็ อย่างมเี หตผุ ล ตวั ช้ีวดั ต 1.1 ม. 1/2 อา่ นออกเสียงขอ้ ความ นิทาน และบทร้อยกรอง (poem) ส้นั ๆ ถกู ตอ้ งตามหลกั การอา่ น ต 1.1 ม. 1/4 ระบหุ วั ขอ้ เร่ือง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและ อา่ นบทสนทนา นิทาน และเร่ืองส้ัน มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ ความคดิ เหน็ อย่างมีประสิทธภิ าพ ตวั ช้ีวดั ต 1.2 ม. 1/1 สนทนาแลกเปลยี่ นขอ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเอง กิจกรรม และสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวติ ประจาวนั สาระท่ี 2 ภาษาและวฒั นธรรม มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพนั ธ์ระหว่างภาษากบั วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้ อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ ตวั ช้ีวดั ต 2.1 ม. 1/1 ใชภ้ าษา น้าเสียง และกิริยาทา่ ทางสุภาพเหมาะสมตามมารยาทสงั คมและวฒั นธรรม ของเจา้ ของภาษา 265
สาระท่ี 4 ภาษากับความสัมพันธ์กับชุมชนและโลก มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม ตวั ช้ีวดั ต 4.1 ม. 1/1 ใชภ้ าษาส่ือสารในสถานการณจ์ ริง/สถานการณจ์ าลองที่เกิดข้ึนในห้องเรียนและ สถานศึกษา 2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด การเรียนรู้สานวนภาษาท่ีใชใ้ นการถามและบอกเวลา จะช่วยให้พดู สนทนาสื่อสารในชีวติ ประจาวนั ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า 1) Language Features and Functions Vocabulary: The time (o’clock, past, quarter past, half past, to, quarter to) Asking the time (What’s the time, please? Have you got the time, please? What time is it, please?) Telling the time (It’s five o’clock. It’s half past two. It’s ten past three. It’s twenty to ten) Sentences (Are you free this afternoon? What time does the court open? Is 4:30 OK with you? Yes, that’s fine. See you there!) Functions: Telling the time What’s the time, please? It’s four o’clock. Making arrangements Do you want to go swimming with me? OK. What time does the pool open? At nine o’clock. Is 6:30 OK with you? 2) Language Skills Speaking: พูดถามและบอกเวลาในการทากิจวตั ร, พูดสนทนาตามสถานการณ์ท่กี าหนด 266
Reading: อ่านเพ่อื หาขอ้ มูลเฉพาะ, อ่านออกเสียงบทสนทนา Writing: แต่งบทสนทนาตามสถานการณ์ที่กาหนด 4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน 1) ความสามารถในการส่ือสาร 2) ความสามารถในการคดิ 5. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 1) ใฝ่เรียนรู้ 2) มุ่งมนั่ ในการทางาน 6. กจิ กรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงท่ี 1 ข้นั Warm up ครูถามความรู้พ้ืนฐานของนกั เรียนเกี่ยวกบั เรื่องเวลา เช่น What does the minute hand/hour hand show? How many minutes are there in an hour? How many hours are there in one day? ข้นั Presentation 1. ครูทบทวนคาศพั ทท์ ีใ่ ชบ้ อกเวลา o’clock, haft past, quarter past, quarter to, past และ to โดยวาด หนา้ ปัดนาฬิกาบนกระดานหรืออาจใชน้ าฬิกาจริงกไ็ ด้ และให้นกั เรียนช่วยกนั บอกหลกั การใชค้ า เหล่าน้ี จากน้นั ครูสรุปหลกั การใชใ้ ห้นกั เรียนฟังอกี คร้ัง และวาดหรือหมุนเขม็ นาฬิกาแสดงเวลา ประกอบดว้ ย การบอกเวลา การบอกเวลาเตม็ ชว่ั โมง ให้ใช้ “o’clock” เช่น 6:00 = It’s six o’clock. การบอกเวลาทม่ี ีเศษ 30 นาที ให้ใช้ “half past” เช่น 8:30 = It’s half past eight. การบอกเวลาที่มีเศษ 15 นาที ให้ใช้ “quarter past” เช่น 1:15 = It’s a quarter past one. 267
การบอกเวลาทม่ี เี ศษ 45 นาที ใหใ้ ช้ “quarter to” เช่น 3:45 = It’s a quarter to four. การบอกเวลาทม่ี เี ศษไมเ่ กิน 30 นาที ใหใ้ ช้ “past” ตามรูปแบบดงั น้ี เศษนาที + past + ชวั่ โมง เช่น 7:20 = It’s twenty past seven. การบอกเวลาท่ีมเี ศษเกิน 30 นาที ให้ใช้ “to” ตามรูปแบบดงั น้ี เศษนาที + to + ชว่ั โมง ทจ่ี ะถงึ เช่น 10:55 = It’s five to eleven. ที่มา: http://www.dailyenglish.in.th/whats-the-time/ 2. ครูนาเสนอคาถามที่ใชใ้ นการถามเวลา โดยถามนกั เรียนวา่ What’s the time, please? ใหน้ กั เรียนดู เวลาและพดู ตอบครู แลว้ ครูเขียนคาถามและคาตอบบนกระดาน ครูบอกนกั เรียนวา่ นอกจากคาถาม What’s the time, please? แลว้ เรายงั สามารถใชค้ าถาม Have you got the time, please? และ What time is it, please? ในการถามเวลาไดอ้ กี ดว้ ย โดยครูเขยี นคาถามบน กระดาน ให้นกั เรียนอ่านพร้อมกนั จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 2-3 คู่ พดู ถามและบอกเวลาตามเวลาทคี่ รูเขียนบนกระดาน เช่น T: (เขียนเวลา 10:50) S1: What time is it, please? S2: It’s ten to eleven. คนองั กฤษใหค้ วามสาคญั กบั การตรงตอ่ เวลามาก หากมกี ารนดั หมายหรือไดร้ ับ เชิญไปรับประทานอาหารเยน็ ควรไปถึงตามกาหนดเวลา ไม่ควรไปสายเดด็ ขาด การตรงต่อเวลาถือเป็นการให้เกียรตกิ นั การไม่ตรงต่อเวลาและการผดิ นดั ถือเป็ นการเสียมารยาท ทม่ี า: http://www.hotcourses.in.th/study-in-the-uk/essentials/culture/ 4. ครูบอกนกั เรียนวา่ ถงึ แมส้ ังคมไทยจะมีความยดื หยนุ่ ในเร่ืองเวลา แต่นกั เรียนก็ควรจะฝึกตนเองให้ เป็นคนตรงตอ่ เวลา โดยเฉพาะเรื่องทีเ่ กี่ยวขอ้ งกบั การเรียน แลว้ ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั คดิ ว่าเร่ือง ใดบา้ งที่นกั เรียนควรตรงตอ่ เวลา เช่น การมาโรงเรียน การเขา้ ช้นั เรียน การส่งงานครู เป็นตน้ ครู ช้ีแนะนกั เรียนท่ไี ม่ตรงต่อเวลาให้ปรับเปล่ยี นพฤตกิ รรม แลว้ ครูคอยสงั เกตพฤติกรรมของนกั เรียน 268
5. ครูสอบถามนกั เรียนวา่ ในแต่ละวนั ทากิจวตั รอะไรบา้ ง เช่น get up, go to school, study, do homework, have dinner, watch TV, go to bed แลว้ ครูเขยี นประโยคคาถามและคาตอบบนกระดาน ดงั น้ี A: What time do you get up? B: I get up at half past five. ใหน้ กั เรียนอ่านประโยคบนกระดานพร้อมกนั แลว้ ครูอธิบายวา่ ถา้ ตอ้ งการถามเวลาในการทา กิจวตั รต่าง ๆ ให้ใชค้ าถาม What time do you + กิจวตั ร? สาหรับการตอบให้ตอบว่า I + กิจวตั ร + at + เวลา. ข้นั Practice 1. หนังสือเรียน หน้า 51 Ex. 1 นกั เรียนทางานคู่ ผลดั กนั ดูภาพนาฬิกา 1-4 แลว้ พดู ถามและบอกเวลา ครูเดินสังเกตรอบ ๆ ช้นั เรียน เพ่อื ดวู า่ นกั เรียนพูดถาม-ตอบถกู ตอ้ งหรือไม่ จากน้นั สุ่มเรียกนกั เรียน 4 คู่ พูดถาม-ตอบให้เพอื่ นในช้นั ฟังคลู่ ะ 1 ภาพ 1 A: What’s the time, please? B: It’s four o’clock. 2 A: Have you got the time, please? B: It’s ten to four. 3 A: What time is it, please? B: It’s twenty to three. 4 A: What’s the time, please? B: It’s half past eight. 2. ครูแบ่งนกั เรียนออกเป็น 4 ทีม เพ่ือเล่นเกม โดยใหแ้ ต่ละทีมผลดั กนั ส่งตวั แทนออกมาเขียนเวลาเป็น ตวั เลขบนกระดาน แลว้ ให้ตวั แทนทีมอ่ืน ๆ แขง่ กนั ยกมือ ตวั แทนทีมทย่ี กมอื กอ่ นจะไดส้ ิทธ์ิพูดบอก เวลา ถา้ บอกเวลาถกู ตอ้ งทีมน้นั จะได้ 1 คะแนน ถา้ บอกเวลาไมถ่ ูกตอ้ งใหต้ วั แทนทมี ท่ีเหลือแขง่ กนั ต่อไป สุดทา้ ยทีมที่ไดค้ ะแนนมากทสี่ ุดจะเป็นผชู้ นะ 3. ครูสุ่มถามนกั เรียน 2 คน เก่ียวกบั เวลาในการทากิจวตั ร เพ่ือเป็นตวั อยา่ ง เช่น T: What time do you get up? S1: I get up at 6 o’clock. T: What time do you have breakfast? S2: I have breakfast at half past six. จากน้นั ให้นกั เรียนจบั คู่กนั พูดถาม-ตอบเก่ียวกบั เวลาในการทากิจวตั รต่าง ๆ โดยครูเดินสังเกตการ ทากิจกรรมรอบ ๆ ช้นั เรียน 269
ข้นั Production 1. ครูเขยี นตารางกิจวตั รประจาวนั บนกระดาน แลว้ ให้นกั เรียนแบ่งกลมุ่ กลมุ่ ละ 4 คน ให้แต่ละคนลอก ตารางลงในสมดุ และสอบถามเวลาในการทากิจวตั รของสมาชิกในกลุ่มตนเอง โดยครูเดินสงั เกต การทากิจกรรมรอบ ๆ ช้นั เรียน Name Get up Go to school Do homework Go to bed จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คน พดู รายงานเวลาในการทากิจวตั รของสมาชิกในกลมุ่ ใหเ้ พือ่ นฟัง เช่น Nan gets up at 6 o’clock. She goes to school at half past seven. She does homework at 5 o’clock. She goes to bed at a quarter to nine. 2. นกั เรียนทา Language Review 4d Ex. 4 ในหนงั สือเรียน หนา้ 108 ร่วมกนั ในช้นั 3. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 34 Ex. 1 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น ช่ัวโมงที่ 2 ข้นั Warm up ครูทบทวนการบอกเวลา โดยเขยี นเวลาเป็นตวั เลขบนกระดาน 1:10 10:15 6:00 12:55 7:30 5:15 8:20 2:30 9:45 4:50 ครูใหน้ กั เรียนแต่ละแถวพดู บอกเวลาบนกระดานตามทคี่ รูช้ี โดยใหน้ กั เรียนแถวอืน่ ช่วยตรวจวา่ เพื่อนพูดบอกเวลาถูกตอ้ งหรือไม่ ถา้ พูดถูกตอ้ งให้ยกนิ้วโป้งข้นึ แต่ถา้ พูดผดิ ให้ควา่ นิ้วโป้งลง ข้นั Presentation 1. ครูทบทวนการถามและบอกเวลา โดยให้นกั เรียนใชค้ าถาม Have you got the time, please? ครูสุ่มเรียกนกั เรียนทีละคู่ใหพ้ ูดถาม-ตอบตามเวลาท่ีครูกาหนด เช่น S1: Have you got the time, please? S2: It’s five to eleven. 270
2. ครูบอกนกั เรียนวา่ เราสามารถบอกเวลาแบบง่าย ๆ ได้ โดยบอกชว่ั โมงแลว้ ตามดว้ ยนาที เช่น 10:30 = ten thirty 8:10 = eight ten 6:20 = six twenty จากน้นั ครูเขยี นเวลาบนกระดาน หรือปรบั เขม็ นาฬกิ าบนนาฬกิ าจริง แลว้ ถามเวลาดว้ ยสานวนต่าง ๆ ให้นกั เรียนช่วยกนั บอกเวลา เช่น T: (เขยี นเวลา 4:15) Have you got the time, please? Ss: It’s four fifteen. T: (เขยี นเวลา 8:20) What time is it, please? Ss: It’s eight twenty. ข้นั Practice 1. หนงั สือเรียน หน้า 51 Ex. 2 ให้นกั เรียนอ่านประโยคท่ีกาหนดให้พร้อมกนั แลว้ ช่วยกนั อธิบาย ความหมาย หลงั จากน้นั ครูบอกนกั เรียนว่าประโยคเหลา่ น้ีมาจากบทสนทนาของเพื่อน 2 คน ใหน้ กั เรียนเดาวา่ บทสนทนาน้ีน่าจะเก่ียวกบั เรื่องอะไร แลว้ ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังและอ่าน บทสนทนาตามไปดว้ ยเพอ่ื ตรวจคาตอบ Making plans to play a sport 2. หนงั สือเรยี น หน้า 51 Ex. 3 นกั เรียนอา่ นคาถามทีก่ าหนดให้ และอ่านบทสนทนาอกี คร้งั เพ่อื หา เน้ือหาส่วนท่ีเก่ียวขอ้ งกบั คาถาม จากน้นั อา่ นให้เขา้ ใจและตอบคาถาม แลว้ ครูเฉลยคาตอบ 1 Helen wants to practise basketball. 2 From half past three to seven. 3 4:30. หลงั จากน้นั ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังและอา่ นบทสนทนาพร้อมกนั แลว้ ให้นกั เรียนจบั คูก่ นั ฝึกอ่าน บทสนทนาดว้ ยตนเอง 271
3. หนังสือเรียน หน้า 51 Ex. 4 นกั เรียนอา่ นประโยค 1-4 แลว้ หาประโยคท่มี ีความหมายเหมือนกบั ประโยคเหล่าน้ีในบทสนทนา จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียนบอกคาตอบ 1 Yes, that’s OK. – Yes, that’s fine. 2 When is it open? – What time does the court open? 3 Probably. – I think so. 4 Meet you there! – See you there! ข้นั Production 1. หนังสือเรยี น หน้า 51 Ex. 5 นกั เรียนทางานคู่ เลือกสถานการณ์ใดสถานการณ์หน่ึงที่กาหนดให้ แลว้ แตง่ บทสนทนา โดยเปล่ยี นคาทพ่ี มิ พส์ ีฟ้าในบทสนทนา Ex. 2 เป็นขอ้ มลู ของสถานการณ์ที่ นกั เรียนเลอื ก เม่ือแตง่ บทสนทนาเสร็จแลว้ ครูให้เวลานกั เรียนฝึกพูดสนทนา จากน้นั ใหแ้ ตล่ ะคู่ ออกมาพดู สนทนาทหี่ นา้ ช้นั Pam: Hi, Mary! Mary: Hi, Pam. Are you free this evening? Pam: I think so. Why? Mary: Do you want to go swimming with me? Pam: OK. What time does the pool open? Mary: At six o’clock. Pam: What time does it close? Mary: At nine o’clock. Pam: Is 6:30 OK with you? Mary: Yes, that’s fine. See you there! 2. ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนแตล่ ะค่ไู ปฝึกอ่านบทสนทนาในหนงั สือเรียน หนา้ 51 ให้คลอ่ ง แลว้ มาอา่ น บทสนทนาให้ครูฟังนอกเวลาเรียน 3. นกั เรียนทา Language Review 4d Ex. 5 ในหนงั สือเรียน หนา้ 108 4. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 34 Ex. 4 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น 272
7. การวัดและการประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ประเมินการอา่ นออกเสียงบทสนทนา แบบประเมนิ การอ่านออกเสียง ร้อยละ 60 ตรวจการตอบคาถามจากการอ่าน แบบฝึกหดั (Workbook) ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ บทสนทนา ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ สังเกตการถามและบอกเวลาในการทา แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ กิจวตั ร ระดบั คุณภาพ ผา่ น ประเมินการแต่งบทสนทนาตาม แบบประเมินการเขยี น สถานการณท์ ี่กาหนด ประเมนิ การพดู สนทนาตาม แบบประเมนิ การแสดงบทสนทนา/ สถานการณท์ ่ีกาหนด บทบาทสมมติ สงั เกตความใฝ่เรียนรู้และความมุ่งมน่ั แบบประเมินคณุ ลกั ษณะ ในการทางาน อนั พึงประสงค์ 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียน SPARK 1 ม. 1 2) Class Audio CDs ประกอบสื่อฯ ชุด SPARK 1 ม. 1 3) แบบฝึกหัด SPARK 1 ม. 1 4) นาฬิกา 273
5คู่คดิ Across the curriculum 4e 2 ช่ัวโมง จุดประสงค์การเรยี นรู้ - อ่านออกเสียงบทกลอนถกู ตอ้ งตามหลกั การอา่ นได้ - ตอบคาถามจากการอ่านบทกลอนได้ - เขียนและพูดแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั ครอบครัวได้ - แต่งบทกลอนภาษาองั กฤษได้ 1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วดั สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การสื่อสาร มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเร่ืองท่ฟี ังและอ่านจากส่ือประเภทตา่ ง ๆ และแสดงความคดิ เห็น อยา่ งมเี หตุผล ตวั ช้ีวดั ต 1.1 ม. 1/2 อ่านออกเสียงขอ้ ความ นิทาน และบทร้อยกรอง (poem) ส้ัน ๆ ถูกตอ้ งตามหลกั การ อ่าน ต 1.1 ม. 1/4 ระบุหวั ขอ้ เร่ือง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและ อ่านบทสนทนา นิทาน และเรื่องส้นั มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพดู และการเขยี น ตวั ช้ีวดั ต 1.3 ม. 1/3 พูด/เขยี นแสดงความคดิ เห็นเกี่ยวกบั กิจกรรมหรือเรื่องตา่ ง ๆ ใกลต้ วั พร้อมท้งั ให้ เหตุผลส้ัน ๆ ประกอบ 2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด การเรียนรู้องคป์ ระกอบของบทกลอน จะช่วยให้อ่านบทกลอนเขา้ ใจ รบั รู้ความไพเราะ และ สามารถแต่งบทกลอนไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 274
3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา 1) Language Features and Functions Vocabulary: Verb (lives) Nouns (street, heart) Adjectives (glad, far away) Adverbs (near, apart) Phrase (no one more) Pronoun (everybody) Conjunction (whether) 2) Language Skills Reading: อา่ นเพอ่ื หาขอ้ มูลเฉพาะ, อา่ นบทกลอน Writing: เขยี นแสดงความคดิ เห็นของตนเองเกี่ยวกบั ครอบครวั , แตง่ บทกลอนภาษาองั กฤษ 4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน 1) ความสามารถในการสื่อสาร 2) ความสามารถในการคิด 5. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1) ใฝ่เรียนรู้ 2) มุ่งมนั่ ในการทางาน 6. กิจกรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 1 ข้นั Warm up ครูเตรียมบตั รเวลาไว้ 2 ชุด ชุดละ 10 ใบ โดยดา้ นหนา้ บตั รเขยี นเลขเวลา และดา้ นหลงั เขยี นคาอ่าน แลว้ แบง่ นกั เรียนออกเป็น 2 ทีม ให้เลน่ เกมทลี ะทีม โดยครูแสดงบตั รเวลาให้นกั เรียนดูและพดู บอก เวลาโดยใช้ o’clock, haft past, quarter past, quarter to, past และ to ใหไ้ ดม้ ากที่สุดภายในเวลา 10 วินาที ทีมใดพูดบอกเวลาไดม้ ากท่ีสุดจะเป็นผชู้ นะ เช่น 275
T: (แสดงบตั รเวลา 7:30) Team A: It’s half past seven. T: (แสดงบตั รเวลา 4:25) Team A: It’s twenty-five past four. ข้นั Pre-reading 1. ครูเขยี นคาว่า poem (บทกลอน) บนกระดาน ให้นกั เรียนอา่ นออกเสียงและบอกความหมาย แลว้ ครู อธิบายว่าบทกลอนจะตอ้ งมีคาสัมผสั หรือ rhyme ครูเขียนคาว่า rhyme บนกระดาน แลว้ ให้นกั เรียน บอกลกั ษณะของคาสมั ผสั โดยครูช่วยดว้ ยการยกตวั อยา่ ง เช่น see - me, two - you, go - no จากน้ัน ครูสรุปใหฟ้ ังว่า คาสัมผสั คือคาท่มี ีเสียงสระและเสียงตวั สะกดเหมือนกนั 2. ครูนาเสนอคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั ลกั ษณะของครอบครวั โดยวาดวงกลม 3 วงบนกระดานตามน้ี พร้อมท้งั เขียนคาศพั ทใ์ ตว้ งกลม พ่อ/แม่ + พอ่ + แม่ พอ่ + แม่ + ลูก ลูก + ลกู + ป่ ู + ยา่ + ลงุ single parent family nuclear family extended family ใหน้ กั เรียนอ่านออกเสียงคาศพั ทต์ ามครูคาละ 2 คร้ัง จากน้นั ช่วยกนั บอกลกั ษณะครอบครวั แต่ละ แบบ single parent family (n) = a family that a husband or wife takes care of their children without a partner (ครอบครวั ทมี่ พี ่อหรือแมเ่ พยี งคนเดียว เล้ียงดูลกู ) nuclear family (n) = a family that consists of father, mother and children (ครอบครวั เดี่ยว หรือครอบครวั ท่มี พี อ่ แม่ และลกู ) extended family (n) = family group that consists not only of parents and children but also of grandparents, uncles, aunts etc. (ครอบครัวขยาย หรือครอบครวั ที่มพี อ่ แม่ ลูก และญาติ ๆ อยรู่ ่วมกนั ) 3. หนังสือเรยี น หน้า 52 Ex. 1a ครูเขยี นคาถาม What type of family is yours? How many people are there in your family? Who are they? บนกระดาน แลว้ ใหน้ กั เรียนจบั คกู่ นั ดูภาพครอบครวั และพูด ถาม-ตอบคาถามบนกระดาน จากน้นั ครูสุ่มถามคาถามนกั เรียน 3-4 คน 276
My family is an extended family. There are eight people in my family. They are dad, mum, sister, grandma, uncle, aunt and me. ลกั ษณะครอบครวั ในสงั คมไทย มีท้งั แบบครอบครัวเดี่ยวซ่ึงมกั จะพบในสังคมเมอื ง และครอบครวั ขยายซ่ึงมกั จะพบในสังคมชนบท ส่วนครอบครวั ในสงั คมตะวนั ตก มกั จะเป็นครอบครวั เดี่ยว ซ่ึงประกอบดว้ ย พ่อ แม่ และลกู ๆ 4. ใหน้ กั เรียนอ่านคาศพั ทใ์ นกรอบ Check these words หนงั สือเรียน หนา้ 52 แลว้ ช่วยกนั บอก ความหมาย ถา้ คาใดไม่รู้ใหเ้ ปิ ดหาในพจนานุกรม เช่น far away (adj) = distant; a long distance away (ห่างไกล) whether (conj) = used to express a doubt or choice between two possibilities (ไมว่ า่ จะ) apart (adv) = not together; separate or separately (แยกจาก) ข้นั Reading หนงั สือเรียน หน้า 52 Ex. 1b นกั เรียนอ่านรายการบคุ คลท่กี าหนดให้ แลว้ ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟัง และอา่ นบทกลอนเพ่ือหาว่าบคุ คลเหลา่ น้ีมลี กั ษณะครอบครวั แบบใด the speaker – nuclear family the girl next door to the speaker – single parent family the boy living up the street – extended family ข้นั Post-reading 1. หนงั สือเรียน หน้า 52 Ex. 3 ให้นกั เรียนตอบคาถามวา่ ผูแ้ ตง่ บทกลอนน้ีคดิ วา่ ครอบครวั คอื อะไร จากน้นั เขียนแสดงความคดิ เห็นของตนเองเกี่ยวกบั ครอบครัวโดยข้ึนตน้ ประโยคว่า “My family is important to me because …” จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 3-5 คน พูดความคดิ เห็นของตนเองให้ เพื่อนฟัง 277
Family is the people who live in your heart. My family is important to me because we look after each other. 2. ครูมอบหมายให้นกั เรียนไปฝึกอ่านบทกลอนในหนงั สือเรียน หนา้ 52 ใหค้ ลอ่ ง แลว้ มาอา่ นให้ครูฟัง นอกเวลาเรียน 3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 34 Ex. 2 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น ช่ัวโมงท่ี 2 ข้นั Warm up นกั เรียนเลน่ เกม Beginning with โดยครูแบง่ นกั เรียนออกเป็น 2 ทมี แลว้ ใหแ้ ต่ละทีมช่วยกนั บอก คาศพั ทเ์ ก่ียวกบั สมาชิกในครอบครวั ทข่ี ้ึนตน้ ดว้ ยตวั อกั ษรทคี่ รูบอก เช่น T: Can you tell me a family member beginning with S? Team A Team A: Sister T: Can you tell me a family member beginning with U? Team B Team B: Uncle ข้นั Presentation 1. ครูทบทวนเร่ืองคาสมั ผสั ในบทกลอน โดยให้นกั เรียนบอกลกั ษณะของคาสัมผสั จากน้นั ช่วยกนั ยกตวั อยา่ งคาสัมผสั เช่น ring - sing, do - to, cat - bat 2. ครูเขยี นคาวา่ verse บนกระดาน ใหน้ กั เรียนอ่านออกเสียงตามครู แลว้ ครูอธิบายความหมาย verse (n) = a group of lines that form a unit in a poem (บท) จากน้นั ครูยกตวั อยา่ งบทกลอนเพือ่ ใหน้ กั เรียนเขา้ ใจมากข้ึน “All hail!” the bells of Christmas rang, “All hail!” the monks at Christmas sang, 1 verse The merry monks who kept with cheer The gladdest day of all their year. 278
But still apart, unmoved thereat, A pious elder brother sat 1 verse Silent, in his accustomed place, With God’s sweet peace upon his face. ที่มา: https://www.poets.org/poetsorg/poem/mystics-christmas ข้นั Practice 1. ครูแจก worksheet 1 ให้นกั เรียนทุกคน (อยทู่ า้ ยแผน ฯAcross the curriculum 4e) ให้นกั เรียนดู บทกลอน แลว้ ครูถามวา่ How many verse are there? (Four) จากน้นั นกั เรียนอา่ นบทกลอนเพ่ือหา คาสัมผสั แลว้ ครูให้นกั เรียนช่วยกนั บอกคาสัมผสั ในบทกลอน verse 1: know - though - snow, verse 2: queer - near - year verse 3: shake - mistake - flake verse 4: deep - keep - sleep 2. หนงั สือเรยี น หน้า 52 Ex. 2 ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังและอ่านบทกลอนตามไปดว้ ย เมอ่ื อา่ นจบครู ถามว่า How many verse are there? (Four) แลว้ ใหน้ กั เรียนหาคาสัมผสั ในกลอนแต่ละบท และ ช่วยกนั บอกคาสัมผสั ท่พี บ จากน้นั ครูถามวา่ กลอนบทใดที่ไมม่ ีคาสมั ผสั verse 2: dad – glad, door – more verse 3: street – Pete, too – you verse 4: day – away, apart – heart The first verse hasn’t got any rhyming words. ข้นั Production 1. ครูแบง่ นกั เรียนออกเป็นกลมุ่ กลมุ่ ละ 4-5 คน ให้แต่ละกลมุ่ แตง่ บทกลอนภาษาองั กฤษ 1 บท กอ่ น ทางานครูให้นกั เรียนระดมสมองคดิ หวั ขอ้ บทกลอนท่จี ะแตง่ เช่น ทะเล ตน้ ไม้ ทอ้ งฟ้า กีฬา แลว้ ครู เขยี นหวั ขอ้ บนกระดาน จากน้นั ให้แตล่ ะกลมุ่ เลอื ก 1 หวั ขอ้ เพื่อนาไปแต่งบทกลอน ครูใหเ้ วลาแต่ง 279
บทกลอน และย้าวา่ นกั เรียนตอ้ งแตง่ บทกลอนใหม้ คี าสัมผสั เมอื่ แต่งบทกลอนเสร็จแลว้ ครูใหแ้ ต่ละ กล่มุ ออกมาอา่ นใหเ้ พือ่ นฟังทหี่ นา้ ช้นั 2. นกั เรียนทา Vocabulary Bank 4 ในแบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 94-97 7. การวดั และการประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน ระดบั คุณภาพ พอใช้ ประเมนิ การอ่านบทกลอน แบบประเมนิ การอ่านออกเสียง - ตรวจการเขียนแสดงความคิดเห็นของ สมุดนกั เรียน ระดบั คุณภาพ พอใช้ ระดบั คุณภาพ ผ่าน ตนเองเกี่ยวกบั ครอบครวั ประเมินการแต่งบทกลอนภาษาองั กฤษ แบบประเมินการเขียน สังเกตความใฝ่เรียนรู้และความมงุ่ มน่ั แบบประเมินคณุ ลกั ษณะ ในการทางาน อนั พึงประสงค์ 8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียน SPARK 1 ม. 1 2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 1 ม. 1 3) แบบฝึกหดั SPARK 1 ม. 1 4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ 5) พจนานุกรมออนไลน์ 6) บตั รเวลา 7) Worksheet 1 280
Worksheet 1 Stopping by Woods on a Snowy Evening by Robert Frost Whose woods these are I think I know. His house is in the village though; He will not see me stopping here To watch his woods fill up with snow. My little horse must think it queer To stop without a farmhouse near Between the woods and frozen lake The darkest evening of the year. He gives his harness bells a shake To ask if there is some mistake. The only other sound’s the sweep Of easy wind and downy flake. The woods are lovely, dark and deep, But I have promises to keep, And miles to go before I sleep, And miles to go before I sleep. ท่มี า: https://www.poetryfoundation.org/poems/42891/stopping-by-woods-on-a-snowy-evening 281
6 Writing 4f 2 ชั่วโมง จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ - ตอบคาถามจากการอา่ นได้ - พูดแลกเปล่ียนขอ้ มลู เกี่ยวกบั นกั ร้องท่ีชื่นชอบได้ - พดู และเขยี นบรรยายเกี่ยวกบั นกั ร้องทชี่ ื่นชอบได้ 1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชีว้ ดั สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเรื่องท่ีฟังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเหน็ อย่างมเี หตผุ ล ตวั ช้ีวดั ต 1.1 ม. 1/4 ระบุหวั ขอ้ เร่ือง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและ อ่านบทสนทนา นิทาน และเรื่องส้นั มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ ความคิดเห็นอย่างมปี ระสิทธภิ าพ ตวั ช้ีวดั ต 1.2 ม. 1/1 สนทนาแลกเปลยี่ นขอ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเอง กิจกรรม และสถานการณต์ ่าง ๆ ในชีวิตประจาวนั มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคดิ เห็นในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพูด และการเขยี น ตวั ช้ีวดั ต 1.3 ม. 1/1 พูดและเขยี นบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และส่ิงแวดลอ้ ม ใกลต้ วั สาระที่ 2 ภาษาและวฒั นธรรม มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา กบั วฒั นธรรมไทยและนามาใช้อย่างถูกต้องเหมาะสม 282
ตวั ช้ีวดั ต 2.2 ม. 1/1 บอกความเหมือนและความแตกต่างระหว่างการออกเสียงประโยคชนิดตา่ ง ๆ การใช้ เครื่องหมายวรรคตอน และการลาดบั คาตามโครงสร้างประโยคของภาษาตา่ งประเทศ และภาษาไทย สาระท่ี 4 ภาษากบั ความสัมพันธ์กับชุมชนและโลก มาตรฐาน ต 4.2 ใชภ้ าษาต่างประเทศเป็นเคร่ืองมอื พ้นื ฐานในการศกึ ษาตอ่ การประกอบอาชีพ และ การแลกเปลย่ี นเรียนรู้กบั สงั คมโลก ตวั ช้ีวดั ต 4.2 ม. 1/1 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในการสืบคน้ /คน้ ควา้ ความรู้/ขอ้ มลู ต่าง ๆ จากสื่อและแหล่งการ เรียนรู้ต่าง ๆ ในการศึกษาต่อและประกอบอาชีพ 2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การเรียนรู้โครงสร้างของอีเมลและการแบ่งยอ่ หนา้ จะช่วยให้สามารถเขยี นส่ือสารไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง และมีประสิทธิภาพ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา 1) Language Features and Functions Vocabulary: Verbs (write, eat) Nouns (blog, voice, dog, pet, meat, vegetables) Grammar: Word order Functions: Talking about favourite singer Who is your favoutite singer? Shakira is my favourite singer. 2) Language Skills Reading: อ่านเพ่ือหาขอ้ มลู เฉพาะ Speaking: พูดขอและใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั นกั ร้องที่ชื่นชอบ Writing: เขียน blog เกี่ยวกบั นกั ร้องทช่ี ื่นชอบ 283
4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น 1) ความสามารถในการส่ือสาร 2) ความสามารถในการคดิ 5. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1) ใฝ่เรียนรู้ 2) มงุ่ มน่ั ในการทางาน 6. กิจกรรมการเรียนรู้ ช่ัวโมงท่ี 1 ข้นั Warm up 1. ครูนาภาพนกั ร้องที่ครูชื่นชอบมาแสดงให้นกั เรียนดู และถามนกั เรียนวา่ Do you know her/him? Who is she/he? แลว้ ครูบอกนกั เรียนวา่ (Beyoncé Knowles) is my favourite singer. 2. ครูถามนกั เรียนวา่ Do you like listening music? Who is your favourite singer? What is your favourite song? ข้นั Presentation 1. ครูเขยี นคาวา่ blog บนกระดาน และอธิบายวา่ blog คอื เวบ็ ไซดท์ ่ีให้บริการบนั ทึกขอ้ มลู ส่วนตวั โดยอาจจะเป็นขอ้ ความ ความคดิ เห็น รูปภาพ หรือเสียงเพลง ซ่ึงบคุ คลทว่ั ไปสามารถเขา้ มาเยยี่ มชม และใส่ความคิดเห็นส่วนตวั ตอ่ เจา้ ของบนั ทกึ ได้ 2. นกั เรียนอา่ นคาศพั ทใ์ นกรอบ Check these words หนงั สือเรียน หนา้ 53 แลว้ ช่วยกนั อธิบาย ความหมาย ข้นั Practice 1. หนงั สือเรียน หน้า 53 Ex. 1 ใหน้ กั เรียนดขู อ้ ความ และคิดวา่ ขอ้ ความน้ีคอื อีเมลหรือ blog จากน้นั ให้ นกั เรียนอา่ นช่ือเรื่อง และเดาวา่ ขอ้ ความน้ีน่าจะเก่ียวกบั เร่ืองอะไร แลว้ ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟัง และอ่านขอ้ ความตามไปดว้ ยเพือ่ ตรวจว่านกั เรียนคาดเดาถูกตอ้ งหรือไม่ 284
The text is a blog. It is about Jamie’s favourite singer, Leona Lewis. Background information Leona Lewis เกิดเมอ่ื วนั ท่ี 3 เมษายน ค.ศ. 1985 เป็นนกั ร้องและนกั แตง่ เพลง ชาวองั กฤษ เธอเป็นผชู้ นะเลศิ การแข่งขนั รายการ The X Factor ในฤดกู าลที่ 3 เธอเปิ ดตวั ดว้ ยซิงเกิลแรก “A Moment Like This” ท่มี ียอดการซ้ือเพลงออนไลน์ แบบถกู กฎหมายมากถงึ 55,000 โหลด ภายในเวลาเพียง 30 นาที และซิงเกิลตอ่ มา “Bleeding Love” ก็ยงั เป็นซิงเกิลทข่ี ายดีที่สุดในปี ค.ศ. 2007 ในสหราช อาณาจกั ร และสามารถข้นึ ไปถงึ อนั ดบั หน่ึงในหลายประเทศ รวมท้งั สหรฐั อเมริกา และฝรง่ั เศส ในพิธีปิ ดการแข่งขนั กีฬาโอลิมปิ กฤดูร้อน ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ค.ศ. 2008 Leona ไดข้ ้นึ แสดงเพลง “Whole Lotta Love” ร่วมกบั Jimmy Page ในฐานะตวั แทนของเจา้ ภาพกีฬาโอลิมปิ กคร้งั ต่อไปในปี ค.ศ. 2012 ซ่ึงจดั ข้นึ ที่ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจกั ร ท่มี า: https://th.wikipedia.org/wiki 2. หนงั สือเรียน หน้า 53 Ex. 2 นกั เรียนอา่ นคาถามท่ีให้มา แลว้ ช่วยกนั พจิ ารณาว่าคาตอบแตล่ ะขอ้ น่าจะตอบอะไร เช่น ขอ้ 1 - ชื่อประเทศ, ขอ้ 2 - อาชีพ เป็นตน้ จากน้นั ให้นกั เรียนอ่านขอ้ ความใน Ex. 1 อกี คร้ังเพอ่ื หาคาตอบ เมือ่ ตอบคาถามเสร็จแลว้ ครูขออาสมคั รบอกคาตอบ และครูตรวจคาตอบ 1 She is from Britain. 2 She is a singer. 3 She’s got two brothers. 4 Yes, she can. 5 His name is Rome. 6 No, she doesn’t. 285
ข้นั Production 1. หนงั สือเรยี น หน้า 53 Ex. 4 ใหน้ กั เรียนนึกถึงนกั ร้อง 1 คน ท่ีตนเองช่ืนชอบ แลว้ อ่านคาถามท่ี กาหนดให้ จากน้นั ใหน้ กั เรียนรวบรวมขอ้ มลู ของนกั ร้องคนดงั กลา่ วจากอินเทอร์เนต็ หรือนิตยสาร เพอ่ื นามาตอบคาถาม 1 Shakira is my favourite singer. 2 She’s from Colombia. 3 She can sing very well. She can write songs. 4 She’s got five brothers and three sisters. 5 She has got a pet dog (golden retriever). 6 ‘Hips Don’t Lie’ is my favourite song. 2. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 35 Exs. 1, 3 ให้นักเรียนทาเป็นการบา้ น ช่ัวโมงที่ 2 ข้นั Warm up ครูเปิ ดเพลงของ เบิร์ด ธงไชย แมคอนิ ไตย์ ให้นกั เรียนฟัง 1-2 เพลง แลว้ ครูถามนกั เรียนว่าเคยไดย้ ิน เพลงเหลา่ น้ีหรือไม่ ช่ือเพลงอะไรบา้ ง และใครเป็นคนร้อง ข้นั Pre-writing 1. ครูเขยี นประโยคบนกระดานตามน้ี 1) Mark eats some bread. 2) He can’t play the guitar. 3) Does he like football? ให้นกั เรียนสังเกตตาแหน่งของประธานในแตล่ ะประโยค และบอกครูวา่ ประธานอยใู่ นตาแหน่งใด (ประโยค 1 อยขู่ า้ งหนา้ คากริยาหลกั ประโยค 2 อยขู่ า้ งหนา้ กริยาช่วย ประโยค 3 อยขู่ า้ งหลงั กริยาช่วย) 286
ครูอธิบายว่า การเรียงลาดบั คาในประโยคภาษาองั กฤษ สาหรบั ประโยคบอกเล่าและปฏเิ สธประธาน จะอยหู่ นา้ คากริยาหลกั ถา้ ในประโยคมกี ริยาช่วย ประธานจะอยหู่ นา้ กริยาช่วย ส่วนประโยคคาถาม ประธานจะอยหู่ ลงั กริยาช่วย 2. ครูให้นกั เรียนเปรียบเทียบการเรียงลาดบั คาในประโยคบอกเล่า ปฏเิ สธ และคาถามในภาษาไทยกบั ภาษาองั กฤษวา่ เหมอื นหรือแตกตา่ งกนั อยา่ งไร (ประโยคบอกเลา่ และปฏเิ สธภาษไทยมีการ เรียงลาดบั คา คอื ประธาน กริยา กรรม เช่นเดียวกบั ภาษาองั กฤษ แตแ่ ระโยคคาถามภาษาไทยจะวาง คาแสดงคาถามไวท้ า้ ยประโยค ซ่ึงตา่ งจากภาษาองั กฤษที่ใชข้ ้นึ ตน้ ประโยค) 3. นกั เรียนอา่ น Study Skills หนงั สือเรียน หนา้ 53 เพื่อทบทวนการเรียงลาดบั คาในประโยค ครูอาจจะ ยกตวั อยา่ งประโยคเพิม่ เติม เช่น Anna gets up at six o’clock. She can play the violin. 4. หนงั สือเรียน หน้า 53 Ex. 3 ให้นกั เรียนเรียงลาดบั คาท่ีกาหนดใหเ้ ป็นประโยคทถี่ กู ตอ้ ง เสร็จแลว้ ครู สุ่มเรียกนกั เรียนออกมาเขียนประโยคบนกระดาน และใหน้ กั เรียนในช้นั ช่วยกนั ตรวจความถกู ตอ้ ง 1 Jenny is American. 2 She doesn’t like football. 3 Do they play the guitar? 4 He can’t play the piano. 5 Has he got a pet? 6 Are they Chinese? 7 He doesn’t like vegetables. 8 Her mum is a teacher. 5. ให้นกั เรียนจบั คู่ ผลดั กนั พดู ถาม-ตอบเกี่ยวกบั นกั ร้องทตี่ นเองชื่นชอบ โดยใชค้ าถามและคาตอบจาก Ex. 4 ครูเดินสงั เกตการทากิจกรรมรอบ ๆ ช้นั เรียน แลว้ สุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คู่ ออกมาพดู ถาม-ตอบ ที่หนา้ ช้นั A: Who is your favoutite singer? B: Shakira is my favourite singer. A: What is she from? B: She’s from Colombia. A: What can she do? B: She can sing very well. She can write songs. etc. 287
6. ครูอธิบายภาระงานในหนงั สือเรียน หนา้ 53 Ex. 5 วา่ นกั เรียนจะไดใ้ ชค้ าตอบจาก Ex. 4 มาเขยี น blog เก่ียวกบั นกั ร้องท่ตี นเองชื่นชอบตามโครงร่างท่กี าหนดให้ ความยาว 50-70 คา 7. นกั เรียนดูโครงร่างการเขยี นอีเมลใน Ex. 5 แลว้ บอกวา่ มกี ่ียอ่ หนา้ (2 ยอ่ หนา้ ) ให้นกั เรียนช่วยกนั ระบุ ว่าแต่ละยอ่ หนา้ ตอ้ งเขยี นอะไร ยอ่ หนา้ ท่ี 1 นกั ร้องท่ชี ่ืนชอบ สัญชาติของนกั ร้องทีช่ ื่นชอบ เพลงทต่ี นเองชอบ ยอ่ หนา้ ท่ี 2 ขอ้ มลู ของนกั ร้อง เช่น ความสามารถ ครอบครวั สิ่งท่ชี อบฝไม่ชอบ ข้นั Writing หนงั สือเรยี น หน้า 53 Ex. 5 นกั เรียนเขียน blog เก่ียวกบั นกั ร้องทตี่ นเองช่ืนชอบตามโครงสร้างที่ กาหนดให้ โดยใชค้ าตอบจาก Ex. 4 ครูแนะนาใหน้ กั เรียนดู blog ใน Ex. 1 เป็นตน้ แบบได้ My favourite singer My favourite singer is Shakira. She’s Colombian and she’s got a great voice. She also writes songs. My favourite song is ‘Hips Don’t Lie’. Shakira can speak five languages. She’s got five brothers and three sisters. She likes painting and listening to jazz music. ข้นั Post-writing 1. นกั เรียนตรวจทานงานเขียนของตนเอง โดยดูการสะกดคา ไวยากรณ์ การใช้ capital letters การใช้ เคร่ืองหมายวรรคตอน ยอ่ หนา้ และปรับแกง้ านเขียนให้เรียบร้อย โดยครูแจกกระดาษ A4 ให้ นกั เรียนคนละ 1 แผ่น ใหน้ กั เรียนลอกงานเขียนท่แี กไ้ ขเรียบร้อยแลว้ ลงในกระดาษ และวาดภาพ ตกแต่งเพอ่ื เพมิ่ ความน่าสนใจ โดยอาจจะตดิ ภาพนกั ร้องดว้ ยก็ได้ เมอื่ ทางานเสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียก นกั เรียน 2-3 คน ออกมาอ่านให้เพ่ือนฟังทีห่ นา้ ช้นั แลว้ นกั เรียนรวบรวมผลงานส่งครูตรวจ 2. นกั เรียนทา Self-Check 4 ในหนงั สือเรียน หนา้ 116 3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 35 Exs. 2, 4 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น 288
7. การวดั และการประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน สมดุ นกั เรียน - วิธีการวดั แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ตรวจการตอบคาถามเกี่ยวกบั นกั ร้อง ทีช่ ื่นชอบ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้ สังเกตการเปรียบเทียบการเรียงลาดบั แบบประเมนิ การเขียน ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ คาในประโยคภาษาองั กฤษกบั แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผา่ น ภาษาไทย อนั พึงประสงค์ สังเกตการพดู ขอและให้ขอ้ มูล เก่ียวกบั นกั ร้องท่ีช่ืนชอบ ประเมนิ การเขียน blog เกี่ยวกบั นกั ร้องทีช่ ่ืนชอบ สงั เกตความใฝ่เรียนรู้และความมงุ่ มนั่ ในการทางาน 8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียน SPARK 1 ม. 1 2) Class Audio CDs ประกอบสื่อฯ ชุด SPARK 1 ม. 1 3) แบบฝึกหดั SPARK 1 ม. 1 4) ภาพนกั ร้อง 5) เพลง 289
7 ASEAN corner 4 1 ช่ัวโมง จุดประสงค์การเรยี นรู้ - ตอบคาถามจากการอ่านได้ - พูดแลกเปลี่ยนขอ้ มลู เกี่ยวกบั ขนบธรรมเนียมของไทยได้ - บอกวิธีทกั ทายของชาวตะวนั ตกได้ - คน้ ควา้ เก่ียวกบั วิธีการทกั ทายของประเทศในกลุ่มประชาคมอาเซียนและเขียนนาเสนอได้ 1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วดั สาระที่ 1 ภาษาเพอื่ การส่ือสาร มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเร่ืองทีฟ่ ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเหน็ อย่างมเี หตุผล ตวั ช้ีวดั ต 1.1 ม. 1/4 ระบุหวั ขอ้ เร่ือง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและ อ่านบทสนทนา นิทาน และเร่ืองส้ัน มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ ความคดิ เหน็ อย่างมปี ระสิทธภิ าพ ตวั ช้ีวดั ต 1.2 ม. 1/5 พูดและเขยี นแสดงความรู้สึก และความคิดเห็นของตนเองเก่ียวกบั เรื่องตา่ ง ๆ ใกลต้ วั กิจกรรมตา่ ง ๆ พร้อมท้งั ให้เหตผุ ลส้ัน ๆ ประกอบอยา่ งเหมาะสม มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคดิ เหน็ ในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพดู และการเขยี น ตวั ช้ีวดั ต 1.3 ม. 1/2 พูด/เขียนสรุปใจความสาคญั /แก่นสาระ (theme) ท่ไี ดจ้ ากการวเิ คราะหเ์ ร่ือง/ เหตุการณท์ ่อี ยใู่ นความสนใจของสังคม 290
สาระท่ี 2 ภาษาและวัฒนธรรม มาตรฐาน ต 2.1 เขา้ ใจความสมั พนั ธ์ระหว่างภาษากบั วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา และนาไปใชไ้ ด้ อยา่ งเหมาะสมกบั กาลเทศะ ตวั ช้ีวดั ต 2.1 ม. 1/2 บรรยายเกี่ยวกบั เทศกาล วนั สาคญั ชีวติ ความเป็นอยู่ และประเพณีของเจา้ ของภาษา สาระที่ 3 ภาษากบั ความสัมพนั ธ์กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อ่นื มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อื่น และเป็ น พื้นฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทศั น์ของตน ตวั ช้ีวดั ต 3.1 ม. 1/1 คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มลู /ขอ้ เท็จจริงท่ีเก่ียวขอ้ งกบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้อ่ืน จากแหล่งการเรียนรู้ และนาเสนอดว้ ยการพดู /การเขยี น 2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การเรียนรู้เก่ียวกบั วิธีทกั ทายของประเทศตา่ ง ๆ จะช่วยให้สามารถทกั ทายไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและ เหมาะสม เมอื่ ตอ้ งไปเยือนหรือตดิ ตอ่ กบั คนต่างชาติ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา 1) Language Features and Functions Vocabulary: Verbs (greet, bow, pray) Nouns (custom, palm, chest, status) Adjective (similar) Functions: Talking about customs Is it important to follow a country’s customs when you visit there? Yes. Maybe you do something that is rude to local people. 2) Language Skills Speaking: พดู สนทนาเก่ียวกบั ขนบธรรมเนียมของไทย Reading: อา่ นเพอ่ื หาขอ้ มูลเฉพาะ Writing: เขยี นอธิบายวธิ ีทกั ทายของประเทศในกลุ่มประชาคมอาเซียน 291
4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น 1) ความสามารถในการส่ือสาร 2) ความสามารถในการใชค้ ิด 3) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต 4) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1) ใฝ่เรียนรู้ 2) รกั ความเป็นไทย 6. กิจกรรมการเรียนรู้ ข้นั Warm up 1. ครูพูดทกั ทายนกั เรียนวา่ How’s it going? ครูเขยี นประโยคน้ีบนกระดาน พร้อมประโยคคาตอบ เช่น I’m good./I’m OK./So so./Not (too) bad. แลว้ ครูทกั ทายนกั เรียนอีกคร้ังเป็นรายบุคคล จากน้นั ให้ นกั เรียนพูดทกั ทายกบั เพือ่ นทนี่ งั่ ขา้ ง ๆ เช่น S1: How’s it going? S2: Not too bad, thanks. And you? S1: I’m OK. 2. ครูถามนกั เรียนวา่ Can you tell me the way of greeting? How do Thai people greet? Do you know what countries do the same greeting as Thai? ข้นั Pre-reading 1. ครูเขียนคาศพั ท์ greet, similar, custom, palm, bow, chest, pray, status บนกระดาน ใหน้ กั เรียนอ่าน ตามครูพร้อมกนั จากน้นั แข่งกนั เปิ ดหาความหมายในพจนานุกรม greet (v) = to say hello to somebody or to welcome them (ทกั ทาย) similar (adj) = like somebody/something but not exactly the same (เหมอื นกนั / คลา้ ยกนั ) custom (n) = an accepted way of doing thing in a society or a community (ประเพณี/ ธรรมเนียมปฏิบตั )ิ palm (n) = the inside surface of your hand (ฝ่ามอื ) 292
bow (v) = to move your head or the top half of your body forwards and downwards as a sign of respect or to say hello or goodbye (คานบั ) chest (n) = the top part of the front of the body, between the neck and the stomach (หนา้ อก) pray (v) = to speak to God, especially to give thanks or ask for help (สวดมนต,์ ภาวนา) status (n) = the position that you have in relation to other people because of your job or social position (สภาพ/สถานะ) 2. หนงั สือเรียน หน้า 54 Ex. 1 ครูถามนกั เรียนว่าเคยไดย้ ินสุภาษิตน้ีหรือไม่ “When in Rome, do as the Roman do” ใหน้ กั เรียนเดาความหมาย จากน้นั นกั เรียนสดงความคิดเห็นว่าเห็นดว้ ยกบั สุภาษติ น้ี หรือไม่ It means that when you visit other countries, you should do things the same way as the local people do. I agree because it shows that you respect their culture and you may be rude to local people if you don’t follow their culture. 3. ครูให้นกั เรียนช่วยกนั คดิ วา่ มสี ุภาษติ ไทยทีม่ ีความหมายคลา้ ยกบั สุภาษิตน้ีหรือไม่ (เขา้ เมอื งตาหลวิ่ ตอ้ งหล่ิวตาตาม) ข้นั Reading หนงั สือเรียน หน้า 54 Ex. 2 นกั เรียนอ่านคาถามทใี่ หม้ า ครูตรวจสอบว่าทกุ คนเขา้ ใจคาถาม แลว้ ให้ นกั เรียนอ่านบทอา่ นเพ่อื หาเน้ือเรื่องส่วนที่เกี่ยวขอ้ งกบั คาถาม เม่ือพบแลว้ ให้อ่านประโยคหรือ ขอ้ ความท่คี าถามน้นั พาดพงิ ไปถงึ เมือ่ เขา้ ใจแลว้ จึงตอบคาถามทีใ่ ห้มา 1 In Singapore, people shake hands when they meet. 2 There are two ways of greeting in the text: shaking hands, bowing to each other and putting the palms together. 293
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 637
Pages: