Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ม.1

แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ม.1

Published by danangelo1992, 2022-08-17 03:20:14

Description: แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ม.1

Search

Read the Text Version

2 สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การเรียนรู้คาศพั ท์ สานวน และโครงสร้างภาษา จะช่วยให้เขา้ ใจ บอกรายละเอยี ด และสรุปเรื่องท่ี อา่ นและฟังได้ นอกจากน้ียงั สามารถนาส่ิงทเ่ี รียนรู้ไปใชใ้ นการพดู และเขียนขอและให้ขอ้ มูลเก่ียวกบั ตนเองและอาหาร สามารถสัง่ อาหารและเครื่องด่ืมไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและเหมาะสม รวมถึงเป็นพ้นื ฐานใน การคน้ ควา้ หาขอ้ มลู เพ่ิมเตมิ เก่ียวกบั เช้ือจลุ นิ ทรีย์ ตลอดจนมีความเขา้ ใจในมารยาทและวฒั นธรรมของ เจา้ ของภาษา 3 สาระการเรียนรู้ 3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา 1) Language Features and Functions Vocabulary: Food (butter, grapes, garlic, chicken, yoghurt, cheese, oranges, apples, lamb, cabbage, beef, rice, lettuce, potatoes, bread, corn, carrots, cereal, soup, sandwich, toast, milk, salad, pizza, pasta, cake, ice cream, crisps, biscuits) Food groups (fruit, vegetables, grains, dairy products, meat) Meals (breakfast, lunch, dinner, dessert, snack) Containers & quantities (loaf, carton, slice, piece, bag, bar, bottle, glass, cup, bowl) Sentences (Can I help you?, I’d like a cheeseburger., Large or small?, Would you like anything to drink?, That’s £4.20, please., Here you are.) Verbs (disgust, prepare, die, try, fight, store, takes place, symbolise, decorate, watch videos, stir, fry, boil, grill, stir-fry, pour, add, peel, chop, cut, slice, wrap) Nouns (delicacy, restaurants, chef, special training, lettuce, pickle, brain, oil, salt, garlic, germs, soap, surfaces, pots, pans, dishcloths, containers, cooked food, chopping board, feast, patron saint, stew, lamb, beef, pancakes, bonfire, streamers, magician, hide-and-seek, mint, sweet basil, cabbage, lettuce, yard-long bean, herb, ingredient, flavor) Adjectives (weird, expensive, highly poisonous, deep fried, crispy) Adverb (exactly, dangerous, sick, simple, religious, golden, healthy) Phrase (go mad) 444

Grammar: countable/uncountable nouns a/an - some/any much/many/a lot of/a little/a few will be going to must/mustn’t, have to/don’t have to can (permission/request) Linkers (and, but, or) Functions: Ordering food and drinks What would you like to eat? I’d like a salad and some pasta, please. Talking about food and quantity Have we got any apples? No, we haven’t. Let’s buy some. Talking about activities is going to/isn’t going to do this weekend Are you going to stay at home? Yes, I am./No, I’m not. Talking about germs You must/have to clean your hands with soap and water before cooking. Talking about fast food and local food Fast food has a lot of fat. Local food has vegetables and herbs. Pronunciation: /ɡ/: glue, garlic /ʤ/: orange, large 2) Language Skills Speaking: พูดสนทนาเพ่ือสั่งอาหาร, พดู สนทนาเกี่ยวกบั รายการอาหารที่จาเป็นตอ้ ง ซ้ือ, พูดขอและใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั ปริมาณของอาหารในภาพและกิจกรรมท่ี เพอ่ื นจะทาหรือจะไม่ทาในวนั สุดสัปดาห์น้ี, พูดสรุปวิธีป้องกนั เช้ือจลุ นิ ทรีย,์ พดู ถามและบอกเวลาในการทากิจวตั ร, พูดสนทนาตาม สถานการณท์ กี่ าหนด, พดู สนทนาเก่ียวกบั การกินอาหารฟาสตฟ์ ้ดู และ อาหารทอ้ งถ่ิน 445

Reading: อ่านเพอื่ หาขอ้ มูลเฉพาะ, อา่ นออกเสียงบทสนทนา Writing: เขียนบรรยายเกี่ยวกบั อาหารแปลก ๆ ของไทย, เขียนเกี่ยวกบั อาหารทชี่ อบ และไม่ชอบ, เขียนนาเสนอเกี่ยวกบั เช้ือจลุ นิ ทรีย,์ แต่งบทสนทนาตาม สถานการณท์ ีก่ าหนด, เขยี นสรุปขอ้ มูลของเทศกาลที่อา่ น, เขยี นบรรยาย เก่ียวกบั เทศกาล/ประเพณีของไทย, เขียนประโยคเก่ียวกบั ตนเองและ สมาชิกในครอบครัว, เขียนอเี มลเชิญเพือ่ นมางานวนั เกิด, เขียนวิธี ทาอาหาร 4 สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน 1) ความสามารถในการส่ือสาร 2) ความสามารถในการคิด 3) ความสามารถในการใชท้ กั ษะชีวิต 4) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5 คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1) ใฝ่เรียนรู้ 2) มงุ่ มน่ั ในการทางาน 6 ชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) 1) เขียนบรรยายตวั ละครในเรื่อง The Flintstones 2) คน้ ควา้ เก่ียวกบั อาหารแปลก ๆ ของไทย และเขียนบรรยาย 3) เขยี นเก่ียวกบั อาหารท่ีตนเองชอบและไม่ชอบ 4) คน้ ควา้ เก่ียวกบั เช้ือจุลินทรียแ์ ละเขยี นนาเสนอ 5) อา่ นออกเสียงบทสนทนา 6) แตง่ บทสนทนาตามสถานการณ์ทกี่ าหนด 7) พูดสนทนาตามสถานการณ์ท่กี าหนด 8) เขยี นบรรยายเก่ียวกบั เทศกาล/ประเพณีของไทย 9) เขียนอีเมลเชิญเพอ่ื นมางานวนั เกิด 10) เขยี นวิธีทาอาหาร 446

7 การวัดและการประเมนิ ผล 7.1 การประเมินก่อนเรียน 7.2 การประเมนิ ระหวา่ งการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 7.3 การประเมินหลงั เรียน 7.4 การประเมนิ ช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) 447

1 Reading 7a & Vocabulary 7a 2 ชั่วโมง จุดประสงค์การเรยี นรู้ - ตอบคาถามจากการอา่ นได้ - คน้ ควา้ เกี่ยวกบั อาหารแปลก ๆ ของไทย และเขยี นนาเสนอได้ - พดู สนทนาเพ่อื สง่ั อาหารได้ - เขยี นเกี่ยวกบั อาหารท่ีชอบและไมช่ อบได้ 1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชีว้ ดั สาระที่ 1 ภาษาเพอื่ การสื่อสาร มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเรื่องท่ฟี ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เหน็ อย่างมเี หตุผล ตวั ช้ีวดั ต 1.1 ม. 1/3 เลือก/ระบปุ ระโยคและขอ้ ความใหส้ มั พนั ธก์ บั ส่ือท่ีไมใ่ ช่ความเรียง (non-text information) ทีอ่ า่ น ต 1.1 ม. 1/4 ระบุหวั ขอ้ เร่ือง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและ อ่านบทสนทนา นิทาน และเร่ืองส้นั มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ ความคิดเหน็ อย่างมีประสิทธภิ าพ ตวั ช้ีวดั ต 1.2 ม. 1/1 สนทนาแลกเปลี่ยนขอ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเอง กิจกรรม และสถานการณต์ า่ ง ๆ ในชีวิตประจาวนั ต 1.2 ม. 1/3 พดู และเขียนแสดงความตอ้ งการ ขอความช่วยเหลือ ตอบรบั และปฏเิ สธการใหค้ วาม ช่วยเหลือในสถานการณ์ต่างๆ อยา่ งเหมาะสม ต 1.2 ม. 1/4 พูดและเขยี นเพื่อขอและใหข้ อ้ มลู และแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เรื่องทฟ่ี ังหรืออ่าน อยา่ งเหมาะสม 448

มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เหน็ ในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด และการเขียน ตวั ช้ีวดั ต 1.3 ม. 1/1 พดู และเขียนบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และส่ิงแวดลอ้ ม ใกลต้ วั สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม มาตรฐาน ต 2.1 เขา้ ใจความสัมพนั ธร์ ะหวา่ งภาษากบั วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา และนาไปใชไ้ ด้ อยา่ งเหมาะสมกบั กาลเทศะ ตวั ช้ีวดั ต 2.1 ม. 1/1 ใชภ้ าษา น้าเสียง และกิริยาทา่ ทางสุภาพ เหมาะสมตามมารยาทสงั คมและวฒั นธรรม ของเจา้ ของภาษา สาระท่ี 4 ภาษากับความสัมพันธ์กบั ชุมชนและโลก มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม ตวั ช้ีวดั ต 4.1 ม. 1/1 ใชภ้ าษาสื่อสารในสถานการณจ์ ริง/สถานการณจ์ าลองทีเ่ กิดข้ึนในหอ้ งเรียนและ สถานศึกษา 2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การเรียนรู้คาศพั ท์เก่ียวกบั อาหาร ม้อื อาหาร ภาชนะบรรจภุ ณั ฑ์ จะช่วยให้เขา้ ใจและบอก รายละเอยี ดของเรื่องทีอ่ ่าน นอกจากน้ียงั สามารถนาคาศพั ทท์ เี่ รียนไปใชพ้ ดู สง่ั อาหาร และเขยี นให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั อาหารได้ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า 1) Language Features and Functions Vocabulary: Food (butter, grapes, garlic, chicken, yoghurt, cheese, oranges, apples, lamb, cabbage, beef, rice, lettuce, potatoes, bread, corn, carrots, cereal, soup, sandwich, toast, milk, salad, pizza, pasta, cake, ice cream, crisps, biscuits) Food groups (fruit, vegetables, grains, dairy products, meat) Meals (breakfast, lunch, dinner, dessert, snack) 449

Containers & quantities (loaf, carton, slice, piece, bag, bar, bottle, glass, cup, bowl) Verbs (disgust, prepare, die, try) Nouns (delicacy, restaurants, chef, special training, lettuce, pickle, brain, oil, salt, garlic) Adjectives (weird, expensive, highly poisonous, deep fried, crispy) Adverb (exactly) Phrase (go mad) Grammar: countable/uncountable nouns a/an - some/any Functions: Ordering food What would you like to eat? I’d like a salad and some pasta, please. 2) Language Skills Speaking: พดู สนทนาเพอื่ ส่ังอาหาร Reading: อ่านเพือ่ หาขอ้ มูลเฉพาะ Writing: เขียนบรรยายเก่ียวกบั อาหารแปลก ๆ ของไทย, เขยี นเก่ียวกบั อาหารทชี่ อบและไมช่ อบ 4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน 1) ความสามารถในการสื่อสาร 2) ความสามารถในการคิด 3) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5. คณุ ลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1) ใฝ่เรียนรู้ 2) มุ่งมนั่ ในการทางาน 450

6. กจิ กรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 1 ข้นั Warm up 1. นกั เรียนอ่านชื่อหน่วยการเรียนรู้ (Food) ในหนงั สือเรียน หนา้ 81 และช่วยกนั บอกความหมาย จากน้นั ให้นกั เรียนดูหวั ขอ้ ตา่ ง ๆ ที่จะไดเ้ รียนในหน่วยการเรียนรู้น้ี 2. Find the page numbers for หน้า 81 นกั เรียนอา่ นคาทีก่ าหนด แลว้ ครูอธิบายคาวา่ carnival carnival (n) = a public festival, usually one that happens at a regular time each year, that involves music and dancing in the streets, for which people wear brightly coloured clothes (เทศกาลคาร์นิวลั ) จากน้นั ให้นกั เรียนหาว่าภาพท่ีเก่ียวขอ้ งกบั คาเหล่าน้ีอยใู่ นหนงั สือเรียนหนา้ ใด เมอ่ื หาพบแลว้ ครู ถามคาถามเพอ่ื ดึงความสนใจของนกั เรียนเขา้ สู่บทเรียน a carnival (p. 88) How often do you go to carnivals? Have you got a favourite carnival? What do people do? strange food (p. 82) Are there any strange dishes in Thailand? What strange food do you know? Do you like strange food? a menu (p. 87) Where can you see a menu like this? Is this the same or different from a menu you can see in a fast food restaurant in Thailand? Do you look at a menu before you order food? ข้นั Pre-reading 1. หนังสือเรียน หน้า 81 Ex. 1 นกั เรียนฟังคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั อาหารจาก CD และออกเสียงตามพร้อมกนั แลว้ ใหน้ กั เรียนอา่ นออกเสียงดว้ ยตนเอง จากน้นั บอกช่ืออาหารเหลา่ น้ีเป็นภาษาไทย ต่อมาครูเขยี นหวั ขอ้ Fruit, Vegetables, Grains, Dairy products, Meat บนกระดาน และยกตวั อยา่ ง อาหารในแต่ละหวั ขอ้ เพอ่ื ใหน้ กั เรียนเดาว่าแต่ละหัวขอ้ คอื อาหารประเภทใด จากน้นั ใหน้ กั เรียนแยก 451

อาหารในภาพให้ถูกตอ้ งตามกลมุ่ เสร็จแลว้ เปรียบเทียบกบั เพอื่ นขา้ งเคยี ง แลว้ ครูเฉลยคาตอบบน กระดาน fruit: grapes, oranges, apples vegetables: cabbage, potatoes, carrots, lettuce, garlic, corn grains: rice, bread dairy products: butter, cheese, yoghurt meat: chicken, beef, lamb 2. ครูเขียนตวั อยา่ งประโยคบนกระดาน I’ve got an apple. I’ve got two apples. I’ve got some sugar. โดยขดี เส้นใต้ an apple, two apples และ some sugar แลว้ ถามนกั เรียนวา่ apple หรือ sugar เป็น คานามนบั ได้ เม่อื ไดค้ าตอบวา่ apple ครูอธิบายว่าคานามทสี่ ามารถนบั ได้ เช่น apple เรียกวา่ countable nouns จะมที ้งั รูปเอกพจนแ์ ละพหูพจน์ (an apple, two apples) ส่วนคานามทไ่ี ม่สามารถ นบั ได้ เช่น sugar เรียกวา่ uncountable nouns ซ่ึงคานามนบั ไมไ่ ดจ้ ะถอื เป็นเอกพจน์ 3. หนังสือเรยี น หน้า 81 Ex. 2 ให้นกั เรียนเขียนหวั ขอ้ Countable และ Uncountable ลงในสมุด แลว้ แยกคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั อาหารในภาพใหถ้ กู ตอ้ งตามหัวขอ้ เสร็จแลว้ ครูเฉลยคาตอบ โดยครูพดู คาศพั ท์ ใหน้ กั เรียนบอกวา่ เป็น countable หรือ uncountable Countable: grapes, oranges, cabbage, lettuce, potatoes, apples, carrots Uncountable: butter, garlic, chicken, yoghurt, cheese, lamb, beef, rice, bread, corn 4. นกั เรียนอา่ นคาศพั ทใ์ นกรอบ Check these words หนงั สือเรียน หนา้ 82 และช่วยกนั อธิบาย ความหมาย ถา้ คาใดนกั เรียนไมร่ ู้ ครูช่วยอธิบายหรือให้นกั เรียนเปิ ดหาความหมายในพจนานุกรม เช่น 452

disgust (v) = to make you feel shocked and almost ill/sick because it is so unpleasant (ทาให้ขยะแขยง, ทาให้สะอิดสะเอียน) weird (adj) = very strange or unusual and difficult to explain (แปลก, ประปลาด) delicacy (v) = something delicious and special to eat (อาหารท่ีมรี สอร่อย) pickle (n) = a vegetable that has been preserved in vinegar or salt water and has a strong flavour, served cold with meat, salads etc. (ผกั ดอง) crispy (adj) = pleasantly hard and dry (กรอบ) 5. หนงั สือเรียน หน้า 82 Ex. 1 ให้นกั เรียนดภู าพ A-C แลว้ ครูถามวา่ What can you see in the pictures? (Picture A - a fish dish, Picture B - a sandwich, Picture C - spiders) Where do you think people eat these? ให้นกั เรียนเดาคาตอบ ข้นั Reading 1. ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังและอา่ นบทอา่ นตามไปดว้ ยเพื่อตรวจวา่ เดาคาตอบถูกตอ้ งหรือไม่ Picture A (puffer fish/fugu) – Japan Picture B (fried cow brain sandwich) – Indiana, USA Picture C (deep fried tarantulas/a-ping) – Cambodia 2. หนงั สือเรยี น หน้า 82 Ex. 2a นกั เรียนอา่ นคาถามท่กี าหนดให้ ครูถามวา่ มคี าถามทไ่ี มเ่ ขา้ ใจหรือไม่ ถา้ มี ครูช่วยอธิบาย จากน้นั ให้นกั เรียนอ่านบทอ่านเพ่อื หาเน้ือเรื่องท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั คาถาม เมอ่ื พบแลว้ อ่านให้เขา้ ใจแลว้ จึงตอบคาถาม จากน้นั ครูเฉลยคาตอบ 1 In Japan. 2 It is poisonous if you don’t prepare it the right way. 3 A special licence to cook fugu. 4 Lettuce, pickle and a slice of deep fried cow brain in batter. 5 Fried tarantulas. 6 Fried chicken. 453

Background information ทารนั ทูล่า (Tarantula) เป็นแมงมุมขนาดใหญ่ มขี ายาว มีลกั ษณะเดน่ คือ มีเส้นขน จานวนมากข้ึนอยตู่ ามตวั และขา ส่วนมากมีสีสนั หรือลวดลายสดใส พบไดท้ วั่ ไป ทุกมุมโลก ท้งั ในทะเลทราย ท่งุ หญา้ หรือในถ้า โดยเฉพาะในแถบร้อนช้ืนหรือ อณุ หภูมิแบบป่ าดิบช้ืน ยกเวน้ ข้วั โลกเทา่ น้นั ข้นั Post-reading 1. หนงั สือเรียน หน้า 82 Ex. 2b ครูให้เวลานกั เรียน 3 นาที เขียน 3 สิ่งจากบทอ่านท่ีนกั เรียนคิดว่าน่าท่ึง โดยใชค้ าศพั ทใ์ นกรอบ Check these words เสร็จแลว้ ใหน้ กั เรียนผลดั กนั พูดให้เพ่อื นขา้ ง ๆ ฟัง จากน้นั ครูให้นกั เรียน 2 คน พูดให้เพ่ือนในช้นั ฟัง I was impressed that fugu, which can be highly poisonous if not prepared exactly the right way, was a great delicacy in expensive Japanese restaurants. I was also impressed that some people in the USA eat a sandwich made from lettuce, a pickle and a slice of deep-fried brain. Finally, I was impressed that people in Cambodia eat tarantulas deep fried in oil with salt and garlic. 2. ใหน้ กั เรียนแบง่ กลมุ่ กลุม่ ละ 4-5 คน คน้ ควา้ เกี่ยวกบั อาหารแปลก ๆ ของไทย และเขียนบรรยาย โดยใหม้ ีรายละเอยี ดเกี่ยวกบั ชื่ออาหาร ทามาจากอะไร และรสชาติ พร้อมตดิ ภาพประกอบ จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 กลุ่ม ออกมานาเสนอหนา้ ช้นั เรียน 3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 52-53 Exs. 1-4 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น 454

ช่ัวโมงที่ 2 ข้นั Warm up ครูพูดคยุ กบั นกั เรียนเก่ียวกบั อาหาร โดยถามวา่ What do you have for breakfast/lunch? Do you like to eat vegetables/fruit? Why/Why not? What is your favourite fruit? ข้นั Presentation 1. ครูเขยี นคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั ม้ืออาหารบนกระดาน breakfast, lunch, dinner, dessert, snack ใหน้ กั เรียน อา่ นออกเสียงตามครู แลว้ ช่วยกนั บอกความหมาย โดยครูช่วยอธิบายความหมายของ dessert และ snack dessert (n) = sweet food eaten at the end of a meal (ของหวาน) snack (n) = a small amount of food that is eaten between meals, or a very small meal (ของว่าง) 2. ครูแสดงภาพอาหาร cereal, soup, sandwich, toast, milk, salad, pizza, pasta, cake, ice cream, crisps, biscuits ใหน้ กั เรียนดู พร้อมท้งั ออกเสียงคาศพั ท์ ให้นกั เรียนออกเสียงตาม 2 คร้งั จากน้นั ครูแสดง ภาพอีกคร้ัง ใหน้ กั เรียนพดู ชื่ออาหารเหล่าน้ีเป็นภาษาไทย 3. ครูเขียน a piece of cheese, a glass of water, two kilos of sugar บนกระดาน และถามนกั เรียนวา่ water, sugar, cheese เป็นคานามนบั ไดห้ รือนบั ไม่ได้ เม่ือไดค้ าตอบว่า คานามนบั ไมไ่ ด้ ครูอธิบายว่า การนบั จานวนของคานามนบั ไมไ่ ดเ้ ราจะนบั ภาชนะทีบ่ รรจุคานามน้นั หรือนบั ทก่ี ารตวงวดั โดยครู ขดี เส้นใตค้ าว่า a piece of, a glass of, two kilos of 4. ครูเขยี นคาศพั ท์ loaf (แถวขนมปัง), carton (กลอ่ ง), slice (ชิ้นบาง ๆ), piece (ช้ิน), bag (ถุง), bar (แทง่ ), bottle (ขวด), glass (แกว้ ), cup (ถว้ ย), bowl (ชาม) บนกระดาน และใหน้ กั เรียนอ่านออกเสียง ตาม แลว้ ครูวาดภาพง่าย ๆ บนกระดาน เพ่อื ใหน้ กั เรียนบอกความหมาย 5. ครูทบทวนการใช้ a/an – some/any โดยเขียนประโยคบนกระดาน ดงั น้ี 1) There is a banana. 2) There is an orange. 3) There is some milk. 4) There are some bananas. 5) Is there any water? 6) There aren’t any apples. ครูให้นกั เรียนดูประโยคที่ 1-2 และถามว่าคานามท่ตี ามหลงั a/an เป็นคานามประเภทใด (คานาม นบั ไดร้ ูปเอกพจน์) 455

ครูให้นกั เรียนดูประโยคที่ 3-4 และถามวา่ คานามทีต่ ามหลงั some เป็นคานามประเภทใด (คานาม นบั ไมไ่ ดแ้ ละคานามนบั ไดร้ ูปพหูพจน์ ) ครูให้นกั เรียนดปู ระโยคท่ี 5-6 และถามวา่ คานามที่ตามหลงั any เป็นคานามประเภทใด (คานาม นบั ไมไ่ ดแ้ ละคานามนบั ไดร้ ูปพหูพจน)์ ครูช้ีใหน้ กั เรียนดวู า่ จะใช้ some ในประโยคบอกเลา่ และใช้ any ในประโยคคาถามและปฏเิ สธ จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 4-5 คน แตง่ ประโยคโดยใช้ a/an – some/any คนละ 1 ประโยค 6. หนังสือเรยี น หน้า 83 Ex. 5 ให้นกั เรียนอ่านหลกั การใช้ a/an – some/any แลว้ สรุปใหค้ รูฟัง จากน้นั ให้นกั เรียนอธิบายความหมายของประโยคตวั อยา่ งสีฟ้าเป็นภาษาไทย 7. ครูนาเสนอสานวนภาษาทใี่ ชใ้ นการสง่ั อาหาร โดยเขยี นประโยคบนกระดาน แลว้ ใหน้ กั เรียนอา่ น ตาม Waiter/Waitress - What would you like to eat? คุณตอ้ งการกินอะไร - What would you like to order? คุณตอ้ งการสั่งอะไร - May I take your order? คุณจะสงั่ อาหารอะไร - What would you like to drink? คณุ ตอ้ งการดื่มอะไร - Would you like anything to drink? คณุ ตอ้ งการเครื่องด่ืมไหม - What do you want for dessert? คุณตอ้ งการรับของหวานดว้ ยไหม - Would you like anything else? คุณตอ้ งการอะไรเพิ่มอีกไหม Customer - I would like to eat (pasta). ผม/ฉันขอ (พาสตา้ ) - I would like to order (a cheeseburger). ผม/ฉนั ขอ (ชีสเบอร์เกอร์) 1 อนั - I’d like (a glass of orange juice), please. ผม/ฉนั ขอ (น้าสม้ ) 1 แกว้ - Can I have (a sandwich), please? ผม/ฉนั ขอ (แซนดว์ ชิ ) 1 อนั - Do you have (orange juice)? มี (น้าสม้ ) ไหม 8. ครูขออาสาสมคั ร 1 คน พดู สนทนากบั ครูเป็นตวั อยา่ ง โดยครูสวมบทเป็นพนกั งานบริการ ให้ นกั เรียนเป็นลูกคา้ และพูดสนทนากนั โดยใชป้ ระโยคบนกระดาน เช่น T: What would you like to eat? S1: I would like to eat pasta. T: What would you like to drink? S1: I’d like a glass of orange juice, please. T: Here you are. 456

ข้นั Practice 1. หนังสือเรยี น หน้า 83 Ex. 3 ครูถามคาถาม Which of these do you eat for breakfast? แลว้ ให้เวลา นกั เรียนเขียนบอกอาหารทก่ี ินในแต่ละม้อื เสร็จแลว้ ใหน้ กั เรียนจบั คผู่ ลดั กนั พดู ถาม-ตอบ A: Which of these do you eat for breakfast? B: I usually eat toast for breakfast. A: Which of these do you eat for lunch? B: I usually eat soup for lunch. A: Which of these do you eat for dinner? B: I usually eat pasta for dinner. A: Which of these do you eat for dessert? B: I usually eat cake as a dessert. A: Which of these do you eat for snack? B: I usually eat crisps as a snack. 2. หนังสือเรียน หน้า 83 Ex. 4 ให้นกั เรียนดภู าพอาหารและเคร่ืองด่ืม และเลือกคาที่กาหนดให้มาเตมิ ลงในช่องว่างใหถ้ ูกตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนบอกคาตอบ 1 loaf 4 glass 7 piece 10 bar 2 bottle 5 bag 8 cup 3 carton 6 slice 9 bowl การดื่มชาเป็นหน่ึงในประเพณีของคนองั กฤษ ซ่ึงแบง่ ออกเป็น Afternoon Tea และ High Tea  Afternoon Tea หรือ Low Tea คือ ช่วงเวลาด่ืมชายา่ มบา่ ยของชนช้นั สูงชาวองั กฤษ ประมาณ 4-5 โมงเยน็ เป็นม้ือของวา่ งระหว่างม้อื เชา้ และม้ือคา่ โดยจะจดั วางชาและ ขนมบนโตะ๊ ทรงเต้ีย ขนมทเ่ี สิร์ฟจะจดั วางเป็นช้ัน ๆ ช้นั บนสุดคอื สโคน (scone) 457

ช้นั ต่อมาคอื แซนดว์ ิชชิ้นพอดีคา และช้นั ล่างสุดคอื ขนมหวานอนื่ ๆ เช่น เคก้ ชนิด ต่าง ๆ การกินขนมจะเร่ิมกินจากช้นั บนสุดลงมาช้นั ล่าง และเมอื่ กินหมดแตล่ ะช้นั จะตอ้ งถอดช้นั รองขนมของช้นั น้นั ออกทกุ คร้งั  High Tea คอื การดื่มชาในม้ือเยน็ ของชนช้นั แรงงาน ประมาณ 5 โมงเยน็ -1 ทุม่ โดยจะจดั วางบนโตะ๊ อาหารทรงสูง จึงเป็นทมี่ าของคาว่า High Tea ซ่ึงเป็นการ ดื่มชาพร้อมกบั อาหารม้ือหลกั ไดแ้ ก่ ขนมปัง เน้ือสตั ว์ ปลา ไข่ ผกั ผลไม้ และ ของหวานชนิดต่างๆ เช่น เคก้ ฟองน้า (sponge cakes) ทาร์ต (tart) ช็อกโกแลต แซนดว์ ชิ และขนมอน่ื ๆ ท่ีมา: http://www.ohlor.com 3. นกั เรียนจบั คูก่ นั เพ่ือเล่นเกม โดยให้คนหน่ึงพดู ภาชนะบรรจภุ ณั ฑห์ รือการแบ่งส่วนอาหาร และให้ อีกคนหน่ึงพดู ช่ืออาหาร/เคร่ืองด่ืมท่ีสมั พนั ธก์ บั ภาชนะบรรจภุ ณั ฑห์ รือการแบง่ ส่วนที่คู่ของตนพูด เช่น S1: glass S2: a glass of water 4. หนังสือเรยี น หน้า 83 Ex. 6 ใหน้ กั เรียนสมมตวิ ่าตนเองอยทู่ ่โี รงอาหาร แลว้ ครูใหน้ กั เรียนจบั คกู่ นั พดู สนทนาเพ่ือสั่งอาหารโดยใชค้ าศพั ทจ์ าก Exs. 3-4 โดยครูให้นกั เรียน 2 คน อา่ นตวั อยา่ งบท สนทนาใหเ้ พ่อื นฟังก่อน จากน้นั ใหน้ กั เรียนพดู บทสนทนากนั ครูเดินสงั เกตรอบ ๆ ช้นั เรียน แลว้ สุ่มเรียกนกั เรียน 2-3 คู่ ออกมาพูดสนทนาใหเ้ พื่อนฟังท่หี นา้ ช้นั A: What would you like to eat? B: I’d like a salad and some pasta, please. A: Anything to drink? B: Just a glass of water, please. A: Here you are. ข้นั Production 1. หนงั สือเรียน หน้า 83 Ex. 7 ใหน้ กั เรียนเขียนเกี่ยวกบั อาหารทีต่ นเองชอบและไม่ชอบ โดยใช้ โครงร่างทก่ี าหนดให้ เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คน อา่ นให้เพื่อนฟัง 458

My favourite food is pasta. I don’t really like pizza. I never eat beef. My favourite drink is tea but I don’t like coffee. Ice cream is my favourite dessert. 2. นกั เรียนทา Language Review 7a Exs. 1-3 ในหนงั สือเรียน หนา้ 111 ร่วมกนั ในช้นั 3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 53 Exs. 5-6 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น 7. การวัดและการประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน แบบฝึกหดั (Workbook) ร้อยละ 60 วิธีการวดั แบบประเมินการเขยี น ระดบั คุณภาพ พอใช้ ตรวจการตอบคาถามจากการอ่าน ประเมนิ การคน้ ควา้ เก่ียวกบั อาหาร แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ แปลก ๆ ของไทย และเขียนบรรยาย สังเกตการพูดสนทนาเพอื่ สง่ั อาหาร แบบประเมินการเขยี น ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ประเมินการเขยี นเก่ียวกบั อาหารท่ี ตนเองชอบและไมช่ อบ แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผ่าน สังเกตความใฝ่เรียนรู้และความมงุ่ มน่ั อนั พงึ ประสงค์ ในการทางาน 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียน SPARK 1 ม. 1 2) Class Audio CDs ประกอบสื่อฯ ชุด SPARK 1 ม. 1 3) แบบฝึกหดั SPARK 1 ม. 1 4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ 5) พจนานุกรมออนไลน์ 6) อนิ เทอร์เน็ต 7) ภาพอาหาร 459

2 Grammar 7b 2 ชั่วโมง จุดประสงค์การเรียนรู้ - พดู สนทนาเก่ียวกบั รายการอาหารทจ่ี าเป็นตอ้ งซ้ือได้ - พูดขอและให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั ปริมาณของอาหารในภาพได้ - พูดขอและให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั กิจกรรมท่ีเพอื่ นจะทาหรือจะไมท่ าในวนั สุดสปั ดาหน์ ้ีได้ 1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การส่ือสาร มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองทฟ่ี ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เหน็ อย่างมีเหตุผล ตวั ช้ีวดั ต 1.1 ม. 1/3 เลือก/ระบุประโยคและขอ้ ความให้สัมพนั ธก์ บั ส่ือท่ีไมใ่ ช่ความเรียง (non-text information) ท่อี า่ น มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ ความคิดเห็นอย่างมีประสิทธภิ าพ ตวั ช้ีวดั ต 1.2 ม. 1/1 สนทนาแลกเปลีย่ นขอ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเอง กิจกรรม และสถานการณ์ตา่ ง ๆ ในชีวิตประจาวนั 2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด การรู้และเขา้ ใจโครงสร้างภาษา ช่วยให้สามารถพูดขอและใหข้ อ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเองและอาหาร ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ ง 460

3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ทกั ษะเฉพาะวิชา 1) Language Features and Functions Grammar: much/many/a lot of/a little/a few some/any will be going to Functions: Talking about food and quantity Have we got any apples? No, we haven’t. Let’s buy some. Talking about activities is going to/isn’t going to do this weekend Are you going to stay at home? Yes, I am./No, I’m not. 2) Language Skills Speaking: พูดสนทนาเกี่ยวกบั รายการอาหารท่จี าเป็นตอ้ งซ้ือ, พูดขอและให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั ปริมาณของอาหารในภาพและกิจกรรมทีเ่ พอ่ื น จะทาหรือจะไม่ทาในวนั สุดสปั ดาหน์ ้ี 4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น 1) ความสามารถในการสื่อสาร 2) ความสามารถในการคดิ 5. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ - ใฝ่เรียนรู้ 461

6. กจิ กรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงท่ี 1 ข้นั Warm up ครูทบทวนคานามนบั ไดแ้ ละนบั ไมไ่ ด้ โดยแบง่ กระดานออกเป็น 2 ฝั่ง ท้งั 2 ฝั่งเขียนหัวขอ้ countable และ uncountable จากน้นั แบง่ นกั เรียนออกเป็น 2 ทีม ให้แต่ละทมี ออกมาเขียนคาศพั ท์ เก่ียวกบั อาหารตามหัวขอ้ ให้ไดม้ ากท่สี ุดภายในเวลา 1 นาที เม่ือหมดเวลาทมี ใดเขยี นคาศพั ทไ์ ด้ ถกู ตอ้ งมากทสี่ ุดจะเป็นผชู้ นะ ข้นั Presentation 1. ครูทบทวนการใช้ some และ any โดยให้นกั เรียนช่วยกนั บอกหลกั การใช้ แลว้ ครูช่วยยกตวั อยา่ ง เพ่ิมเติม เช่น There is some apples in the fridge. Are there any eggs on the table? I want some cheese. 2. ครูชูภาพแอปเปิ ลหลาย ๆ ผล ใหน้ กั เรียนดู และถามว่า How many apples are there? ครูเขยี นคาถาม บนกระดาน และเขียนคาตอบ There are a lot of apples. แลว้ ชูภาพแอปเปิ ล 2-3 ผล และเขียน ประโยค There are a few apples. ให้นกั เรียนเดาความหมายของ a lot of และ a few ตอ่ มาครูชูถว้ ยทมี่ ีน้าตาลเกอื บเตม็ ถว้ ยให้นกั เรียนดู และถามว่า How much sugar is there? ครูเขียนคาถามบนกระดาน และเขียนคาตอบ There is a lot of sugar. แลว้ ชูถว้ ยท่ีมีน้าตาลอยู่ กน้ ถว้ ย และเขียนประโยค There is a little sugar. ให้นกั เรียนเดาความหมายของ a little จากน้นั ใหน้ กั เรียนดูประโยคบนกระดาน แลว้ ครูขดี เสน้ ใต้ How many, How much, a lot of, a few, a little และถามนกั เรียนวา่ คาใดใชก้ บั คาถามนบั ได้ (How many, a lot of, a few) คาใดใชก้ บั คาถามนบั ไมไ่ ด้ (How much, a lot of, a little) แลว้ ครูบอกนกั เรียนวา่ How much, How many ใช้ ถามปริมาณ/จานวนของสิ่งของ 3. ครูนาภาพผกั ผลไม้ และอาหารต่าง ๆ มาแสดงใหน้ กั เรียนดู แลว้ ถามจานวนของส่ิงของในภาพ ให้นกั เรียนช่วยกนั บอกคาตอบ เช่น T: How many oranges are there? (ชูภาพสม้ 3 ผล) Ss: There are a few oranges. 3. หนงั สือเรยี น หน้า 84 Ex. 1 ให้นกั เรียนอา่ นตวั อยา่ งประโยค และบอกวา่ คานามในแตล่ ะประโยค เป็น countable หรือ uncountable เช่น milk – uncountable, eggs – countable จากน้นั เตมิ กฎการใช้ ใหถ้ ูกตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูตรวจคาตอบ และใหน้ กั เรียนพูดตวั อยา่ งประโยคเป็นภาษาไทย 462

1 how many 3 a lot of, a few 2 how much 4 a lot of, a little ข้นั Practice 1. หนังสือเรียน หน้า 84 Ex. 2 ให้นกั เรียนเติม how much, how many, much, many ลงในประโยค ใหถ้ ูกตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูตรวจคาตอบโดยสุ่มเรียกนกั เรียนอ่านคาถามและคาตอบ 2 How many, many 4 How many, many 3 How many, many 5 How much, much 2. หนังสือเรยี น หน้า 84 Ex. 3 ใหน้ กั เรียนจบั ค่กู นั พูดถาม-ตอบเก่ียวกบั ปริมาณของอาหารในภาพ โดยใช้ a lot of, much, many, a few, a little ครูเดินสงั เกตการทากิจกรรมรอบ ๆ ช้นั เรียน แลว้ สุ่มเรียกนกั เรียน 7 คู่ ยนื ข้ึนพดู ถาม-ตอบให้เพื่อนฟัง และให้นกั เรียนที่เหลอื ช่วยกนั ตรวจว่าเพ่อื น ถามและตอบคาถามถกู ตอ้ งหรือไม่ A: How many pears are there? B: There are a few pears. A: How much cheese is there? B: There is a little cheese. A: How much bread is there? B: There is a little bread. A: How much milk is there? B: There is a lot of milk. A: How many biscuits are there? B: There are a lot of biscuits. 463

A: How many grapes are there? B: There are a lot of grapes. A: How many strawberries are there? B: There are a lot of strawberries. 3. หนังสือเรยี น หน้า 84 Ex. 4 ให้นกั เรียนอา่ นบทสนทนา แลว้ เลอื กคาตอบที่ถกู ตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูเฉลย คาตอบ และใหน้ กั เรียนอ่านบทสนทนาพร้อมกนั 1 some 4 a little 7 a few 2 some 5 any 8 many 3 any 6 any 9 some 4. หนังสือเรยี น หน้า 84 Ex. 6a ให้นกั เรียนดภู าพ แลว้ เตมิ some หรือ any ลงในช่องวา่ งให้ถูกตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนบอกคาตอบ และครูตรวจความถกู ตอ้ ง 1 some 3 any 5 some 7 some 2 any 4 some 6 any 8 any 5. หนังสือเรียน หน้า 84 Ex. 6b ให้นกั เรียนดูภาพ แลว้ ครูถามว่ามอี าหารอะไรอีกบา้ งทไี่ มไ่ ดบ้ อกไว้ ในขอ้ ความ There is some milk, some cheese, some tea and some yoghurt. ข้นั Production 1. หนังสือเรียน หน้า 84 Ex. 5 ให้สมมตวิ า่ วนั น้ีเป็นวนั ศุกร์ และนกั เรียนจะไปซุปเปอร์มาร์เก็ตทกุ วนั เสาร์ ให้นกั เรียนจบั คู่ช่วยกนั คดิ รายการอาหารที่จาเป็นตอ้ งซ้ือ แลว้ แตง่ บทสนทนาและฝึกพดู นกั เรียนสามารถใชบ้ ทสนทนาจาก Ex. 4 เป็นตน้ แบบ ครูเดินสังเกตขณะนกั เรียนทากิจกรรม แลว้ ให้นกั เรียน 3-4 คู่ ออกมาพูดบทสนทนาท่ีหนา้ ช้นั 464

A: Let’s make a list of what we need from the supermarket. B: OK. Have we got any apples? A: No, we haven’t. Let’s buy some. B: OK. Have we got any oranges? A: Yes, but not many. We can buy some. B: How about lemons? Have we got any lemons? A: Yes, we have a lot of lemons. B: OK. We don’t need to buy any then. 2. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 54 Exs. 1-4 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น ช่ัวโมงที่ 2 ข้นั Warm up ครูแบง่ นกั เรียนออกเป็น 2 ทีม แลว้ ครูถามเก่ียวกบั ปริมาณของอาหาร ใหแ้ ตล่ ะทมี ผลดั กนั ตอบ ทมี ใดพูดประโยคถกู ตอ้ งจะได้ 1 คะแนน สุดทา้ ยทีมที่ไดค้ ะแนนมากที่สุดจะเป็นผชู้ นะ เช่น T: How much cheese in the fridge? Team A Team A S1: There is a little cheese in the fridge. T: Team A gets 1 point. How many eggs are there? Team B Team B S1: There are a little eggs. T: Sorry! ข้นั Presentation 1. ครูนาเสนอการใช้ will โดยยกตวั อยา่ งประโยคบนกระดาน I will buy a new hat. He will come with his friends. 465

ครูอธิบายวา่ เราใช้ will ในการคาดการณส์ ิ่งที่คดิ วา่ จะเกิดข้นึ ในอนาคต และส่ิงทไ่ี มไ่ ดต้ ้งั ใจหรือ วางแผนมากอ่ น แลว้ ให้นกั เรียนดูประโยคบนกระดาน ครูถามวา่ หลงั will จะตามดว้ ยคาประเภทใด (คากริยาช่องที่ 1) จากน้นั ครูอธิบายวา่ รูปยอ่ ของ will คอื ’ll 2. ครูยกตวั อยา่ งประโยคปฏิเสธของ will บนกระดาน I will not buy a new hat. I won’t play computer tonight. ให้นกั เรียนอา่ นประโยคบนกระดาน แลว้ ครูถามวา่ จะทาเป็นประโยคปฏิเสธอยา่ งไร (เติม not หลงั will) แลว้ ครูอธิบายว่า will not มีรูปยอ่ คอื won’t 3. ครูยกตวั อยา่ งประโยคคาถามและคาตอบของ will บนกระดาน Will he come with his friends? Yes, he will. No, he won’t. ครูถามว่า will อยทู่ ต่ี าแหน่งใดในประโยค (ตน้ ประโยค) กริยาหลกั ของประโยคอยทู่ ต่ี าแหน่งใด (ขา้ งหลงั ประธานของประโยค) แลว้ ครูอธิบายว่าการทาเป็นคาถามจะนา will มาข้ึนตน้ ประโยค ตามดว้ ยประธาน และคากริยาหลกั แลว้ จากน้นั ครูอธิบายวา่ การตอบคาถามจะตอบ yes หรือ no เช่น Yes, I will. No, he won’t. แลว้ สุ่มเรียก นกั เรียน 3-5 คน แต่งประโยคโดยใช้ will 4. หนงั สือเรยี น หน้า 85 Ex. 7 ให้นกั เรียนอา่ นการใช้ will และตวั อยา่ งประโยคในตาราง เพ่อื ทบทวน หลกั การใชแ้ ละโครงสร้างประโยค 5. ครูนาเสนอการใช้ be going to โดยยกตวั อยา่ งบนกระดาน I’m going to visit my grandpa next month. She is going to watch a film tomorrow. ให้นกั เรียนสังเกตวา่ หลงั be going to จะตามดว้ ยคาประเภทใด (คากริยาช่องท่ี 1) แลว้ ครูอธิบายว่า เราใช้ be going to กบั ส่ิงท่ีตดั สินใจหรือต้งั ใจจะทา และส่ิงทว่ี างแผนจะทาในอนาคต จากน้นั ให้นกั เรียนช่วยกนั ทาประโยคบนกระดานให้เป็นปฏิเสธและคาถาม แลว้ ครูเขยี นประโยค บนกระดาน I am not going to visit my grandpa next month. She isn’t going to watch a film tomorrow. Am I going to visit my grandpa next month? Is she going to watch a film tomorrow? 466

ครูให้นกั เรียนช่วยกนั สรุปวิธีทา be going to เป็นปฏิเสธและคาถาม จากน้นั ครูสุ่มถามนกั เรียน เก่ียวกบั สิ่งทต่ี ้งั ใจจะทาในสัปดาหห์ นา้ เช่น T: What are you going to do next week? S1: I’m going to eat pizza with my friends. 6. หนังสือเรียน หน้า 85 Ex. 9 ให้นกั เรียนอ่านหลกั การใช้ be going to และตวั อยา่ งประโยคในตาราง จากน้นั ช่วยกนั คดิ ว่ามีโครงสร้างลกั ษณะน้ีในภาษาไทยหรือไม่ ข้นั Practice 1. หนังสือเรียน หน้า 85 Ex. 8 ใหน้ กั เรียนอ่านประโยคทีใ่ ห้มา และคาดเดาส่ิงท่จี ะเกิดข้นึ กบั ตนเอง โดยเตมิ will หรือ won’t เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนหลาย ๆ คน บอกการคาดเดาของตนเอง 1 won’t 2 won’t 3 will 4 will 5 will 2. หนงั สือเรียน หน้า 85 Ex. 10 ใหน้ กั เรียนอ่านประโยค และเติมประโยคให้สมบรู ณ์ โดยใช้ be going to ในรูปบอกเลา่ หรือปฏิเสธ เสร็จแลว้ ครูตรวจคาตอบ 1 ’m/’m not going to 5 ’re/aren’t going to 2 ’s/isn’t going to 6 ’s/isn’t going to 3 ’re/aren’t going to 7 ’re/aren’t going to 4 ’s/isn’t going to 3. หนังสือเรียน หน้า 85 Ex. 11 ใหน้ กั เรียนดูตาราง แลว้ ใชค้ าที่กาหนดให้ต้งั คาถามใหถ้ ูกตอ้ ง และ ตอบคาถามโดยดขู อ้ มูลจากตาราง เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนอา่ นคาถามและคาตอบ 2 Are Tony and Rosa going to visit the museum on Thursday? Yes, they are. 3 Is Rosa going to cook pasta on Tuesday? Yes, she is. 467

4 Is Jenny going to have a party on Friday? No, she isn’t. 5 Is Tony going to go shopping on Wednesday? No, he isn’t. 6 Are Becky and Jenny going to go shopping on Monday? No, they aren’t. ข้นั Production 1. หนังสือเรยี น หน้า 85 Ex. 12 นกั เรียนอ่านออกเสียงวลีที่กาหนดใหพ้ ร้อมกนั แลว้ บอกความหมาย จากน้นั จบั คกู่ นั พดู ถาม-ตอบเกี่ยวกบั กิจกรรมที่เพ่อื นจะทาหรือจะไม่ทาในวนั สุดสปั ดาห์น้ีโดยใชว้ ลี ท่กี าหนดให้ หรือนกั เรียนอาจจะคดิ กิจกรรมเองก็ได้ ครูสงั เกตการทากิจกรรมของนกั เรียนรอบ ๆ ช้นั เรียน จากน้นั สุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คู่ ออกมาพดู ถาม-ตอบให้เพอ่ื นฟังทหี่ นา้ ช้นั A: Are you going to stay at home? B: Yes, I am./No, I’m not. A: Are you going to cook for your family? B: Yes, I am./No, I’m not. A: Are you going to visit your grandparents? B: Yes, I am./No, I’m not. A: Are you going to make a cake? B: Yes, I am./No, I’m not. A: Are you going to have lunch with your friends? B: Yes, I am./No, I’m not. 2. นกั เรียนทา Grammar Bank 7 ในแบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 81 และ 83 ร่วมกนั ในช้นั 3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 54-55 Exs.5-10 ใหน้ กั เรียนทาเป็นการบา้ น 468

7. การวดั และการประเมนิ ผล วิธีการวดั เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน สังเกตการพูดสนทนาเกี่ยวกบั รายการ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ อาหารที่จาเป็นตอ้ งซ้ือ สงั เกตการพดู ขอและให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ปริมาณของอาหารในภาพ สังเกตการพดู ขอและให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ กิจกรรมท่ีเพอื่ นจะทาหรือจะไมท่ าใน วนั สุดสัปดาหน์ ้ี สังเกตความใฝ่ เรียนรู้ แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผ่าน อนั พึงประสงค์ 8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียน SPARK 1 ม. 1 2) แบบฝึกหัด SPARK 1 ม. 1 3) ภาพผกั ผลไม้ และอาหารต่าง ๆ 469

3 Skills 7c 2 ช่ัวโมง จุดประสงค์การเรยี นรู้ - ตอบคาถามและสรุปเร่ืองทอ่ี ่านได้ - คน้ ควา้ เกี่ยวกบั เช้ือจุลินทรียแ์ ละเขยี นนาเสนอได้ 1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การส่ือสาร มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองทีฟ่ ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เห็น อย่างมีเหตผุ ล ตวั ช้ีวดั ต 1.1 ม. 1/4 ระบหุ ัวขอ้ เรื่อง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและ อ่านบทสนทนา นิทาน และเร่ืองส้นั มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลย่ี นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ ความคดิ เหน็ อย่างมปี ระสิทธภิ าพ ตวั ช้ีวดั ต 1.2 ม. 1/4 พดู และเขยี นเพื่อขอและใหข้ อ้ มลู และแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั เร่ืองทฟ่ี ังหรืออา่ น อยา่ งเหมาะสม มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เหน็ ในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพูด และการเขยี น ตวั ช้ีวดั ต 1.3 ม. 1/2 พดู /เขียนสรุปใจความสาคญั /แกน่ สาระ (theme) ทไี่ ดจ้ ากการวเิ คราะห์เรื่อง/ เหตกุ ารณ์ทอ่ี ยใู่ นความสนใจของสังคม สาระที่ 3 ภาษากบั ความสัมพันธ์กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อน่ื มาตรฐาน ต 3.1 ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กบั กลุม่ สาระการเรียนรู้อ่นื และเป็น พ้นื ฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทศั นข์ องตน 470

ตวั ช้ีวดั คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มลู /ขอ้ เทจ็ จริงท่ีเก่ียวขอ้ งกบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้อืน่ ต 3.1 ม. 1/1 จากแหล่งการเรียนรู้ และนาเสนอดว้ ยการพดู /การเขียน 2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด การเรียนรู้คาศพั ทท์ ี่เกี่ยวขอ้ งกบั เช้ือจลุ ินทรีย์ จะช่วยให้เขา้ ใจ บอกรายละเอยี ด และสรุปเร่ืองท่อี า่ น ได้ รวมถึงสามารถนาความรู้ทเ่ี รียนไปใช้พูด/เขียนสื่อสารและคน้ ควา้ เพ่ิมเตมิ เกี่ยวกบั เช้ือจลุ นิ ทรียไ์ ด้ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า 1) Language Features and Functions Vocabulary: Verbs (fight, store) Nouns (germs, soap, surfaces, pots, pans, dishcloths, containers, cooked food, chopping board) Adjectives (dangerous, sick, simple) Grammar: must/mustn’t, have to/don’t have to Functions: Talking about germs You must/have to clean your hands with soap and water before cooking. 2) Language Skills Reading: อ่านเพื่อหาขอ้ มลู เฉพาะ Speaking: พูดสรุปวิธีป้องกนั เช้ือจุลนิ ทรีย์ Writing: เขียนนาเสนอเกี่ยวกบั เช้ือจลุ ินทรีย์ 4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน 1) ความสามารถในการสื่อสาร 2) ความสามารถในการคดิ 3) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5. คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1) ใฝ่เรียนรู้ 2) มงุ่ มน่ั ในการทางาน 471

6. กจิ กรรมการเรียนรู้ ช่ัวโมงที่ 1 ข้นั Warm up 1. ครูทบทวน be going to โดยใหน้ กั เรียนเลน่ เกมเป็นกลุม่ กลุ่มละ 5-6 คน ใหแ้ ต่ละคนผลดั กนั ทาท่าทางบอกใบก้ ิจกรรมท่ีวางแผนจะทาในวนั สุดสัปดาห์ แลว้ ให้เพอื่ นในกล่มุ ทายว่าเพื่อนจะทา กิจกรรมอะไร เช่น A: (ทาทา่ เลน่ บาสเก็ตบอล) B: You’re going to play basketball. (ทาทา่ เดินซ้ือของ) C: You’re going to go shopping. (ทาทา่ ว่ายน้า) 2. ครูพดู คุยกบั นกั เรียนเก่ียวกบั สุขอนามยั ดา้ นอาหารโดยอาจถามว่า Do you wash your hands before eat food? Have you ever eaten raw fish or meat? ข้นั Pre-reading 1. ครูเขียนคาวา่ Germs บนกระดาน แลว้ ให้นกั เรียนดูภาพในหนงั สือเรียน หนา้ 86 แลว้ เดาวา่ บทอา่ น ทีจ่ ะอา่ นน่าจะเก่ียวกบั อะไร 2. ครูเขียนคาศพั ท์ soap (สบ)ู่ , pot (หมอ้ ), pan (กระทะ), dishcloths (ผา้ ท่ใี ชล้ า้ งจาน), chopping board (เขียง), cooked food (อาหารท่ปี รุงแลว้ ) บนกระดาน ให้นกั เรียนอ่านออกเสียงคาศพั ทต์ ามครู จากน้นั ครูแสดงภาพใหน้ กั เรียนดู พร้อมท้งั พูดคาศพั ท์ ใหน้ กั เรียนบอกความหมาย 3. นกั เรียนอา่ นคาศพั ทใ์ นกรอบ Check these words หนงั สือเรียน หนา้ 86 แลว้ ช่วยกนั อธิบาย ความหมาย ถา้ คาใดไม่รู้ใหเ้ ปิ ดพจนานุกรม เช่น fight (v) = to try hard to stop (ต่อสู้) simple (adj) = not difficult, easy (ง่าย) container (n) = a box, bottle etc. in with something can be stored ภาชนะ store (v) เก็บ = to put something somewhere and keep it there to use later (เกบ็ ) 4. หนังสือเรยี น หน้า 86 Ex. 1 ใหน้ กั เรียนจบั คู่กนั อา่ นประโยค 1-4 และพิจารณาว่าประโยคใดกล่าว ถกู ตอ้ งเก่ียวกบั จุลนิ ทรีย์ 472

ข้นั Reading ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังและอา่ นบทอา่ นในหนงั สือเรียน หนา้ 86 โดยมองหาเน้ือเร่ืองส่วนที่ เกี่ยวขอ้ งกบั ประโยค เมื่อพบแลว้ ให้พิจารณาว่าประโยคถูกหรือไม่ 1F 2T 3T 4F ข้นั Post-reading 1. ครูเขียนคาว่า Germs บนกระดาน แลว้ เขยี นหัวขอ้ cleaning, chilling, cooking, cross-contamination ในรูป mind map จากน้นั ให้นกั เรียนช่วยกนั สรุปวิธีป้องกนั เช้ือโรคตามหวั ขอ้ โดยใชข้ อ้ มลู ที่ นกั เรียนไดอ้ ่านไป 2. ให้นกั เรียนเขยี นส่ิงทไี่ ดเ้ รียนรู้จากเรื่องท่อี ่าน แลว้ พดู ให้เพอื่ นขา้ ง ๆ ฟัง จากน้นั ครูให้นกั เรียน 3-4 คน พดู ให้เพื่อนในช้นั ฟัง Germs can make us sick. We have to clean our hands before cooking. Keep meat and cooked food in the fridge. 3. นกั เรียนทา Language Review 7c Ex. 4 ในหนงั สือเรียน หนา้ 111 ร่วมกนั ในช้นั 4. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 56-57 Exs. 1-2, 5 ใหน้ กั เรียนทาเป็นการบา้ น ชั่วโมงที่ 2 ข้นั Warm up ครูพูดคยุ กบั นกั เรียนวา่ ส่ิงใดท่ีนกั เรียนควรทาและไมค่ วรทาในการป้องกนั เช้ือโรค โดยใชค้ าถาม What should you do to fight germs? What shouldn’t you do to fight germs? 473

ข้นั Presentation 1. ครูสอนการใช้ must และ have to โดยอธิบายวา่ ท้งั must และ have to ใชเ้ พื่อแสดงความจาเป็นใน การทาส่ิงใดสิ่งหน่ึง โดย must จะใชส้ าหรับส่ิงท่ีเป็นความรู้สึกนึกคดิ ของผพู้ ดู เอง แต่ have to จะใช้ สาหรับส่ิงที่จาเป็นตอ้ งทา โดยมีสถานการณ์เป็นตวั บงั คบั ซ่ึงเราอาจจะไมอ่ ยากทา แลว้ ครู ยกตวั อยา่ งบนกระดาน เช่น - I must go on a diet because I feel that I should. (ฉนั ตอ้ งอดอาหารตอ่ ไป เพราะฉนั รู้สึกวา่ ฉันควรทา) - I have to go on a diet because the doctor said so. (ฉันตอ้ งอดอาหารต่อไป เพราะหมอบอกอยา่ งน้นั ) - I must quit smoking. (ฉนั ตอ้ งเลิกสูบบุหรี่) - I have to quit smoking. (ฉนั (จาเป็น)ตอ้ งเลกิ สูบบหุ รี่) ครูให้นกั เรียนสงั เกตวา่ หลงั must และ have to จะตามดว้ ยคาประเภทใด (คากริยาช่องท่ี 1) 2. ครูอธิบายการใช้ must และ have to ในรูปปฏเิ สธ โดยบอกนกั เรียนว่า must ทาเป็นรูปปฏิเสธโดย เติม not ขา้ งหลงั มีความหมายวา่ จะตอ้ งไม่ (เป็นกฎหรือขอ้ บงั คบั ทห่ี ้ามให้ปฏบิ ตั ิ) สาหรับ have to ให้นา verb to do + not มาวางไวข้ า้ งหนา้ มคี วามหมายวา่ ไม่จาเป็นตอ้ ง (จะทาหรือไม่ทากไ็ ด)้ แลว้ ครูยกตวั อยา่ งเช่น - You mustn’t park here. It’s not allowed. คณุ ไมไ่ ดร้ บั อนุญาตใหจ้ อดรถท่ีนี่ - The students mustn’t wear shoes in the classroom. นกั เรียนจะตอ้ งไม่ใส่รองเทา้ ในหอ้ งเรียน - We don’t have to wear uniform on Friday. พวกเราไม่จาเป็นตอ้ งใส่เครื่องแบบในวนั ศุกร์ - He doesn’t have to tell me what happened. Someone has already told me. เขาไมจ่ าเป็นตอ้ งบอกฉันก็ไดว้ า่ เกิดอะไรข้นึ มคี นบอกฉันแลว้ 3. ใหน้ กั เรียนอา่ น Study Skills ในหนงั สือเรียน หนา้ 86 เพอื่ ทบทวนความเขา้ ใจเรื่องการใช้ must, mustn’t, have to, haven’t to 4. ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั ยกตวั อยา่ งกฎขอ้ บงั คบั ทห่ี า้ มปฏบิ ตั ิในโรงเรียน เช่น We mustn’t come to school late. You mustn’t eat in the classroom. 474

ข้นั Practice 1. หนังสือเรยี น หน้า 86 Ex. 2 ให้นกั เรียนใชค้ าท่ีกาหนดให้และ must, mustn’t, have to, haven’t แต่ง ประโยคใหถ้ ูกตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูตรวจคาตอบโดยสุ่มเรียกนกั เรียนอา่ นประโยค 2 You must/have to eat a lot of fruit and vegetables. 3 You mustn’t go swimming after a meal. 4 You must/have to drink a lot of water in the summer. 5 You mustn’t/don’t have to put lots of salt in the soup. 6 You must/have to cook food well. 2. หนังสือเรยี น หน้า 86 Ex. 3 ให้นกั เรียนเขียนหวั ขอ้ Do’s และ Don’ts ลงในสมุด แลว้ อา่ นบทอา่ น อีกคร้ัง และนาขอ้ มลู จากบทอ่านมาเขยี นใหต้ รงตามหวั ขอ้ โดยใช้ have to หรือ must/mustn’t เสร็จแลว้ ครูตรวจคาตอบโดยเขียนหวั ขอ้ บนกระดาน แลว้ ใหน้ กั เรียนออกมาเขียนคาตอบ Do’s You must/have to clean your hands with soap and water before cooking. You must/have to clean all kitchen surfaces. You must/have to use clean pots, pans and dishcloths. You must/have to keep fish, meat, cooked food and dairy products in the fridge. You must/have to store food in different containers in the fridge. You must/have to always cook food well. You must/have to re-heat food only once. You must/have to keep raw meat away from cooked food. Don’ts You mustn’t re-heat food more than once. You mustn’t leave food out of the fridge for more than two hours. You mustn’t use the same knife to cut raw meat and cooked food. You mustn’t cut raw meat and cooked food on the same chopping board. 475

ข้นั Production 1. หนงั สือเรยี น หน้า 86 Ex. 4 ให้นกั เรียนแบง่ กล่มุ กลุ่มละ 4-5 คน คน้ ควา้ รวบรวมขอ้ มลู เกี่ยวกบั เช้ือจุลนิ ทรียจ์ ากอินเทอร์เน็ต โดยใชค้ าสาคญั ในการคน้ หาขอ้ มลู คอื germs แลว้ เขียนสรุปขอ้ มลู Bacteria Germs Protozoa Germs Viruses There are four major types of Fungi germs: bacteria, viruses, fungi, and protozoa. They can make us sick. Bacteria are one-cell creatures that can cause infections. Some infections bacteria cause include sore throats, ear infections, tooth decay and pneumonia. There are also good bacteria that live in our intestines and help us use the nutrients in the food we eat. Scientists use some bacteria to make medicines. When viruses get inside people's bodies, they can spread and make people sick. Viruses cause chickenpox, measles, flu and many other diseases. Fungi are plant-like organisms made of many cells. They love to live in damp, warm places. Most fungi are not dangerous but they can cause athlete's foot. Protozoa are one-cell organisms that often spread diseases through water. Some protozoa cause intestinal infections that lead to diarrhoea, nausea and stomach ache. 2. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 57 Ex. 4 ใหน้ กั เรียนฟัง CD แลว้ เติมขอ้ มลู ลงในช่องวา่ ง 3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 57 Ex. 6 ให้นกั เรียนฟัง CD แลว้ เติมช่ืออาหารลงในเมนู 4. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 57 Ex. 3 ใหน้ กั เรียนทาเป็นการบา้ น 476

7. การวัดและการประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน แบบฝึกหดั (Workbook) ร้อยละ 60 วิธีการวดั ตรวจการตอบคาถามจากการอ่านหรือ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ การฟัง - สังเกตการพดู สรุปวิธีป้องกนั สมดุ นกั เรียน เช้ือจลุ ินทรีย์ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ตรวจการเขียนสิ่งท่ไี ดเ้ รียนรู้จากเรื่องท่ี แบบประเมนิ การสารวจ/คน้ ควา้ อ่าน ระดบั คณุ ภาพ ผา่ น ประเมนิ การคน้ ควา้ เก่ียวกบั แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ เช้ือจลุ ินทรียแ์ ละเขียนนาเสนอ อนั พึงประสงค์ สังเกตความใฝ่เรียนรู้และความม่งุ มนั่ ในการทางาน 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียน SPARK 1 ม. 1 2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 1 ม. 1 3) แบบฝึกหดั SPARK 1 ม. 1 4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ 5) พจนานุกรมออนไลน์ 6) อนิ เทอร์เนต็ 7) ภาพสบู่ เขยี ง หมอ้ กระทะ ผา้ ทใ่ี ชล้ า้ งจาน อาหาร 477

4 Everyday English 7d 2 ชั่วโมง จดุ ประสงค์การเรียนรู้ - อ่านออกเสียงบทสนทนาถูกตอ้ งตามหลกั การอ่านได้ - ตอบคาถามจากการอา่ นบทสนทนาได้ - แต่งบทสนทนาตามสถานการณท์ ี่กาหนดได้ - พดู สนทนาตามสถานการณ์ทก่ี าหนดได้ 1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชีว้ ัด สาระที่ 1 ภาษาเพอื่ การส่ือสาร มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเร่ืองท่ีฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เห็น อย่างมีเหตุผล ตวั ช้ีวดั ต 1.1 ม. 1/2 อ่านออกเสียงขอ้ ความ นิทาน และบทร้อยกรอง (poem) ส้นั ๆ ถูกตอ้ งตามหลกั การอา่ น ต 1.1 ม. 1/4 ระบหุ วั ขอ้ เรื่อง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและ อา่ นบทสนทนา นิทาน และเร่ืองส้ัน มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ ความคดิ เห็นอย่างมีประสิทธภิ าพ ตวั ช้ีวดั ต 1.2 ม. 1/1 สนทนาแลกเปลี่ยนขอ้ มลู เก่ียวกบั ตนเอง กิจกรรม และสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวติ ประจาวนั สาระท่ี 2 ภาษาและวัฒนธรรม มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างภาษากบั วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้ อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ ตวั ช้ีวดั ต 2.1 ม. 1/1 ใชภ้ าษา น้าเสียง และกิริยาท่าทางสุภาพเหมาะสมตามมารยาทสังคมและวฒั นธรรม ของเจา้ ของภาษา 478

สาระที่ 4 ภาษากับความสัมพันธ์กบั ชุมชนและโลก มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม ตวั ช้ีวดั ต 4.1 ม. 1/1 ใชภ้ าษาสื่อสารในสถานการณจ์ ริง/สถานการณ์จาลองที่เกิดข้ึนในหอ้ งเรียนและ สถานศกึ ษา 2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด การเรียนรู้สานวนภาษาที่ใชใ้ นการสง่ั อาหารและเครื่องด่ืม จะช่วยให้พูดสนทนาส่ือสารใน ชีวิตประจาวนั ไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ งและเหมาะสม 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า 1) Language Features and Functions Vocabulary: Sentences (Can I help you?, I’d like a cheeseburger., Large or small?, Would you like anything to drink?, That’s £4.20, please., Here you are.) Grammar: can (permission/request) Functions: Ordering food and drinks Hello. Can I help you? I’d like a chicken sandwich, please, and a Caesar salad. 2) Language Skills Speaking: พดู ถามและบอกเวลาในการทากิจวตั ร, พูดสนทนาตามสถานการณท์ กี่ าหนด Reading: อ่านเพอื่ หาขอ้ มลู เฉพาะ, อา่ นออกเสียงบทสนทนา Writing: แตง่ บทสนทนาตามสถานการณ์ที่กาหนด 4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น 2) ความสามารถในการคดิ 1) ความสามารถในการส่ือสาร 5. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 2) มุ่งมนั่ ในการทางาน 1) ใฝ่เรียนรู้ 479

6. กจิ กรรมการเรียนรู้ ช่ัวโมงที่ 1 ข้นั Warm up ครูทบทวนคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั อาหาร/เคร่ืองดื่ม โดยให้นกั เรียนผลดั กนั ออกมาวาดภาพอาหาร/เครื่องด่ืม ท่ีตนเองช่ืนชอบบนกระดาน แลว้ ใหน้ กั เรียนในช้นั ทายวา่ อาหาร/เคร่ืองดื่มทีเ่ พอ่ื นชอบคอื อะไร เช่น S1: (วาดภาพนมกลอ่ งและแซนดว์ ิช) T: What are his favourite food? Ss: His favourite food are milk and sandwich. ข้นั Presentation 1. ครูบอกนกั เรียนว่า can นอกจากจะใชเ้ พื่อบอกความสามารถแลว้ ยงั ใชใ้ นการขออนุญาต และขอร้อง หรือบอกความตอ้ งการได้ โดยประโยคจะอยใู่ นรูปคาถาม ใชใ้ นการขออนุญาต เช่น Can I use your computer? Can I swim in the swimming pool? ใชใ้ นการขอร้องหรือบอกความตอ้ งการ เช่น Can I have a cup of tea and a coke? Can you take this bag? Can you pass me the salt, please? ครูบอกนกั เรียนว่าสามารถใช้ could แทนได้ และอาจจะเติม please ไวท้ า้ ยหลงั ประโยค เมื่อตอ้ งการ ให้คาขออนุญาตหรือคาขอร้องน้นั สุภาพมากย่งิ ข้นึ จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 3-5 คน พูดประโยค ขอร้องหรือขออนุญาตคนละ 1 ประโยค 2. ครูทบทวนสานวนภาษาทใี่ ช้ในการส่ังอาหาร/เคร่ืองดื่ม โดยสมมติว่านกั เรียนอยใู่ นร้านอาหาร แลว้ ครูเป็นเจา้ ของร้าน จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียนให้รบั บทเป็นลูกคา้ แลว้ ครูถามคาถาม ให้นกั เรียน บอกอาหาร/เครื่องด่ืมที่ตอ้ งการ เช่น T: What would you like to order? S1: I would like to order chicken salad. T: Would you like anything to drink? S1: A glass of orange juice, please. 480

ข้นั Practice 1. หนังสือเรยี น หน้า 87 Ex. 1 ให้นกั เรียนอา่ นประโยคทใ่ี หม้ า และครูบอกว่าประโยคเหลา่ น้ีอยใู่ น บทสนทนา ใหน้ กั เรียนเดาว่าบทสนทนาน้ีน่าจะเกิดข้ึนที่ใด โดยครูถามว่า Where do you think the dialogue takes place: at home? At school canteen? At a fast food restaurant? จากน้นั ครูเปิ ด CD ให้ นกั เรียนฟังและอา่ นบทสนทนาเพ่อื ตรวจคาตอบ The dialogue takes place at a fast food restaurant. 2. ให้นกั เรียนช่วยกนั ระบุวา่ คา/พยางคใ์ ดที่ออกเสียงเนน้ หนกั ในประโยค 3. หนงั สือเรียน หน้า 87 Ex. 2 นกั เรียนอา่ นคาถาม What does Angie order? How much is it? แลว้ อ่าน บทสนทนาอีกคร้งั เพื่อหาคาตอบ Angie orders a cheeseburger, chips and a Coke. They cost £4.20. 4. หนงั สือเรียน หน้า 87 Ex. 3 ใหน้ กั เรียนอา่ นประโยคทก่ี าหนดให้ แลว้ หาประโยคในบทสนทนาท่ีมี ความหมายเหมอื นกบั ประโยคท่ีกาหนดให้ เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนบอกคาตอบ จากน้นั ให้ นกั เรียนพูดประโยคใน Ex. 1 เป็นภาษาไทย 1 Can I help you? 2 I’d like a cheeseburger. 3 That’s £4.20. 4 Would you like anything to drink? ข้นั Production 1. ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังบทสนทนาในหนงั สือเรียน หนา้ 87 Ex. 2 และอา่ นตาม ครูย้าให้นกั เรียน ต้งั ใจฟังการเนน้ เสียงหนกั เบาและเสียงสูง-ต่าในประโยค จากน้นั ให้นกั เรียนจบั คู่กนั อา่ นบทสนทนา ครูเดินสงั เกตรอบ ๆ ช้นั เรียน แลว้ สุ่มเรียกนกั เรียน 2 คู่ ออกมาอ่านบทสนทนาทหี่ นา้ ช้นั 481

2. ครูมอบหมายใหน้ กั เรียนแตล่ ะคู่ไปฝึกอา่ นบทสนทนาในหนงั สือเรียน หนา้ 87 ให้คลอ่ ง แลว้ มาอา่ น บทสนทนาให้ครูฟังนอกเวลาเรียน 3. นกั เรียนทา Language Review 7d Ex. 5 ในหนงั สือเรียน หนา้ 111 ร่วมกนั ในช้นั 4. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 58 Ex. 3 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น ช่ัวโมงที่ 2 ข้นั Warm up ครูพูดประโยคทขี่ ้ึนตน้ ดว้ ย can 8-10 ประโยค ใหน้ กั เรียนระบวุ ่าประโยคทีค่ รูพดู เป็นการขออนุญาต หรือการขอร้อง เช่น Can I come in? (permission) Can I go out? (permission) Can I have some drink? (request) Can I sit here? (permission) Can you help me? (request) Can you open the door? (permission) Can I have some salad? (request) ข้นั Presentation ครูทบทวนสานวนภาษาทใ่ี ชใ้ นการส่ังอาหาร/เครื่องด่ืม โดยสุ่มเรียกนกั เรียนทีละคู่ ให้คนหน่ึงพูด ถามอาหารหรือเครื่องทตี่ อ้ งการ และอกี คนหน่ึงบอกอาหาร/เครื่องท่ีตอ้ งการ เช่น S1: What would you like to eat? S2: I would like a cheeseburger. S3: Would you like to drink? S4: A glass of Pepsi, please. 482

ข้นั Practice 1. หนงั สือเรียน หน้า 87 Ex. 4 นกั เรียนทางานคู่ ช่วยกนั แต่งบทสนทนาโดยสมมตสิ ถานการณว์ า่ นกั เรียนอยทู่ ีร่ ้านฟาสตฟ์ ูด ให้คนหน่ึงเป็นคนสัง่ อาหาร/เครื่องด่ืม และอกี คนหน่ึงเป็นพนกั งานรบั รายการอาหาร/เครื่องดื่ม ครูแนะนาใหน้ กั เรียนดูบทสนทนาใน Ex. 3 เป็นตน้ แบบ โดยเปล่ยี นคาท่ี เป็นสีฟ้าให้เป็นขอ้ มลู ของตนเอง A: Hello. Can I help you? B: I’d like a chicken sandwich, please, and a Caesar salad. A: Large or small? B: Small, please. A: Would you like anything to drink? B: A diet coke, please. A: That’s £4.70, please. B: Here you are. 2. เม่ือนกั เรียนแตง่ บทสนทนาเสร็จแลว้ ครูให้เวลานกั เรียนฝึกพูดบทสนทนา โดยพยายามไมด่ บู ท หรือใชว้ ิธีจดคาสาคญั ๆ ใส่กระดาษแทน โดยครูเดินสังเกตรอบ ๆ ช้นั เรียน เพอื่ คอยใหค้ าแนะนา ข้นั Production 1. ครูให้นกั เรียนแตล่ ะคอู่ อกมาพดู สนทนาหนา้ ช้นั เรียน โดยครูคอยสังเกตและจดบนั ทกึ เพ่อื ให้ คาแนะนาแกน่ กั เรียน 2. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 58 Ex. 4 ใหน้ กั เรียนทาเป็นการบา้ น 483

7. การวัดและการประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน แบบประเมนิ การอ่านออกเสียง ระดบั คุณภาพ พอใช้ วิธกี ารวดั แบบฝึกหดั (Workbook) ร้อยละ 60 ประเมนิ การอ่านออกเสียงบทสนทนา ตรวจการตอบคาถามจากการอา่ น แบบประเมินการเขียน ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ บทสนทนา ประเมินการแต่งบทสนทนาตาม แบบประเมนิ การแสดงบทสนทนา/ ระดบั คุณภาพ พอใช้ สถานการณท์ ีก่ าหนด บทบาทสมมติ ประเมินการพดู สนทนาตาม แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผา่ น สถานการณ์ท่ีกาหนด อนั พึงประสงค์ สงั เกตความใฝ่เรียนรู้และความมงุ่ มนั่ ในการทางาน 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียน SPARK 1 ม. 1 2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 1 ม. 1 3) แบบฝึกหัด SPARK 1 ม. 1 484

5คู่คดิ Across cultures 7e 2 ช่ัวโมง จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ - ตอบคาถามและเขียนสรุปขอ้ มลู จากเรื่องท่อี า่ นได้ - เปรียบเทยี บเทศกาล/ประเพณีของไทยกบั เทศกาลในเรื่องท่อี า่ นได้ - เปรียบเทยี บเสียงพยญั ชนะของภาษาองั กฤษกบั ภาษาไทยได้ - เขียนบรรยายเก่ียวกบั เทศกาล/ประเพณีของไทยได้ 1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชีว้ ดั สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร มาตรฐาน ต 1.1 เขา้ ใจและตีความเร่ืองทฟี่ ังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เห็น อยา่ งมีเหตผุ ล ตวั ช้ีวดั ต 1.1 ม. 1/4 ระบุหัวขอ้ เรื่อง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและ อา่ นบทสนทนา นิทาน และเร่ืองส้นั มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเห็นในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพูด และการเขยี น ตวั ช้ีวดั ต 1.3 ม. 1/1 พูดและเขียนบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และส่ิงแวดลอ้ ม ใกลต้ วั สาระที่ 2 ภาษาและวัฒนธรรม มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพนั ธ์ระหว่างภาษากับวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้ อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ ตวั ช้ีวดั ต 2.1 ม. 1/2 บรรยายเก่ียวกบั เทศกาล วนั สาคญั ชีวติ ความเป็นอยู่ และประเพณีของเจา้ ของภาษา มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา กบั วัฒนธรรมไทยและนามาใช้อย่างถูกต้องเหมาะสม 485

ตวั ช้ีวดั บอกความเหมอื นและความแตกต่างระหวา่ งการออกเสียงประโยคชนิดตา่ ง ๆ การใช้ ต 2.2 ม. 1/1 เคร่ืองหมายวรรคตอน และการลาดบั คาตามโครงสร้างประโยคของ ภาษาตา่ งประเทศและภาษาไทย ต 2.2 ม. 1/2 เปรียบเทียบความเหมอื นและความแตกตา่ งระหวา่ งเทศกาล งานฉลอง วนั สาคญั และชีวติ ความเป็นอยขู่ องเจา้ ของภาษากบั ของไทย 2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด การเรียนรู้เกี่ยวกบั เทศกาล/ประเพณีของเจา้ ของภาษา จะช่วยให้เขา้ ใจชีวติ ความเป็นอยู่ ตลอดจน เขา้ ใจความเหมือนและความแตกต่างทางดา้ นวฒั นธรรม 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ทักษะเฉพาะวิชา 1) Language Features and Functions Vocabulary: Verbs (takes place, symbolise) Nouns (feast, patron saint, stew, lamb, beef, pancakes, bonfire) Adjectives (religious, golden) Pronunciation: /ɡ/: glue, garlic /ʤ/: orange, large 2) Language Skills Reading: อ่านเพื่อหาขอ้ มลู เฉพาะ Writing: เขียนสรุปขอ้ มูลของเทศกาลทอี่ ่าน, เขียนบรรยายเกี่ยวกบั เทศกาล/ประเพณีของไทย 4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น 1) ความสามารถในการสื่อสาร 2) ความสามารถในการคิด 5. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 1) ใฝ่เรียนรู้ 2) มุ่งมนั่ ในการทางาน 486

6. กิจกรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 1 ข้นั Warm up ครูให้นกั เรียนดูภาพใบไมใ้ นหนงั สือเรียน หนา้ 88 แลว้ ครูถามวา่ Do you know this leaf? (shamrock or clover) Do you know about shamrock? ใบแชมร็อก (Shamrock) หรือทีร่ ู้จกั กนั ในช่ือใบโคลเวอร์ (Clover) เป็นตน้ ไม้ ศกั ด์ิสิทธ์ิทีม่ มี าต้งั แต่ยคุ โบราณบนผนื แผ่นดินไอร์แลนด์ เป็นสญั ลกั ษณ์ของการ เกิดใหม่และฤดูใบไมผ้ ลิ นกั บญุ แพททริกใชใ้ บไมน้ ้ีเป็นสัญลกั ษณข์ องสิ่งศกั ด์ิสิทธ์ิ ท้งั สามที่เรียกว่า “Trinity” เนื่องจากใบมี 3 แฉก อนั ไดแ้ ก่ พระบิดา พระบุตร และ พระวิญญาณบริสุทธ์ิ ต้งั แตศ่ ตวรรษท่ี 17 ใบแชมร็อกไดก้ ลายเป็นเคร่ืองหมายแสดงความรกั ชาตขิ อง ชาวไอริช เนื่องจากโดนองั กฤษเขา้ มายดึ ครอง ทาให้ห้ามพูดภาษาไอริช ห้ามนบั ถือ ศาสนานิกายคาทอลกิ หลาย ๆ คนจึงพากนั สวมใส่เส้ือผา้ สีเขยี วเพ่อื แสดงพลงั แห่ง ชนชาติ ภายหลงั ใบแชมร็อกจึงกลายเป็นสัญลกั ษณ์ของวนั เซนตแ์ พททริกในทีส่ ุด และยงั มคี วามเชื่อวา่ หากใครพบใบแชมร็อกหรือใบโคลเวอร์ท่มี ี 4 แฉก จะโชคดี เพราะปกตใิ บแชมร็อกหรือใบโคลเวอร์จะมีแค่ 3 แฉก จะมโี อกาสพใบโคลเวอร์ 4 แฉกประมาณ 1 ในหมืน่ เท่าน้นั ซ่ึงใบโคลเวอร์ 4 แฉกน้นั หมายถงึ ความหวงั ความศรัทธา ความรกั และความสุข ท่มี า: http://www.skyscraperseeds.com ข้นั Pre-reading 1. ใหน้ กั เรียนอ่านคาศพั ทใ์ นกรอบ Check these words หนงั สือเรียน หนา้ 88 แลว้ ช่วยกนั บอก ความหมาย ถา้ คาใดไมร่ ู้ใหเ้ ปิ ดหาในพจนานุกรม เช่น religious (adj) = connected with religion (เกี่ยวกบั ศาสนา) feast (n) = a large special meal, especially for a lot of people and to celebrate something (งานเล้ยี ง) patron saint (n) = a Christian saint who is believed to protect a particular place or group of people (นกั บุญที่ไดร้ บั การยอมรับว่าเป็นผมู้ อี ปุ การะคณุ ) 487

stew (n) = a dish of meat and vegetables cooked slowly in liquid in a container that has a lid (สตวู ์ (อาหารต๋นุ โดยใชไ้ ฟอ่อน ๆ)) lamb (n) = meat from a young sheep (เน้ือลูกแกะ) bonfire (n) = a large fire in the open air, often built to celebrate something (กองไฟ) 2. หนังสือเรยี น หน้า 88 Ex. 1 ให้นกั เรียนดูภาพและอา่ นชื่อเรื่อง แลว้ ครูถามนกั เรียนวา่ รู้ขอ้ มูล อะไรบา้ งเกี่ยวกบั ท้งั 2 เทศกาลน้ี และตอ้ งการรู้ขอ้ มูลอะไรบา้ งเกี่ยวกบั เทศกาลเหลา่ น้ี โดยให้ นกั เรียนช่วยกนั ต้งั คาถาม 3 คาถาม และครูเขยี นคาถามบนกระดาน 1 When do Maslenitsa Carnival take place? 2 What is Irish stew? 3 Where are these festivals celebrated? ข้นั Reading 1. ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังและอา่ นบทอา่ นในหนงั สือเรียน หนา้ 88 ตามไปดว้ ย เพื่อหาคาตอบของ คาถามทีต่ ้งั ไว้ 1 When do Maslenitsa Carnival take place? (Around the end of February.) 2 What is Irish stew? (A dish of lamb or beef with vegetables.) 3 Where are these festivals celebrated? (Ireland and Russia.) 2. หนังสือเรียน หน้า 88 Ex. 2 นกั เรียนอา่ นคาถามที่กาหนดให้ แลว้ อา่ นบทอ่านเพื่อหาเน้ือเร่ืองส่วนที่ เก่ียวขอ้ งกบั คาถาม เมอื่ พบแลว้ อา่ นใหเ้ ขา้ ใจแลว้ จึงตอบคาถาม จากน้นั ครูเฉลยคาตอบ 1 On 17th March. 2 A dish of lamb or beef and vegetables. 3 They wear shamrocks on their clothes. 488

ข้นั Post-reading 1. ครูเขียนหัวขอ้ Name, When, Where, Activities, Food บนกระดาน แลว้ ใหน้ กั เรียนเขียนสรุปขอ้ มลู ของเทศกาลท่อี ่านตามหวั ขอ้ บนกระดาน จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 2 คน ออกมาเขยี นสรุปบน กระดาน Name: St Patrick’s Day When: 17th March Where: Ireland Food: Irish stew Activities: big parades, people pin a shamrock on their clothes, marching bands, dancers Name: Maslenitsa Carnival When: Around the end of February Where: Moscow, Russia Food: blinis Activities: big bonfire 2. ครูให้นกั เรียนช่วยกนั คิดว่าประเทศไทยมเี ทศกาล/ประเพณีที่เก่ียวขอ้ งกบั การเร่ิมตน้ หรือสิ้นสุด ฤดกู าลเหมือนกบั เทศกาล Maslenitsa Carnival หรือไม่ ครูรวบรวมคาตอบจากนกั เรียนและเขยี นบน กระดาน แลว้ ใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกขอ้ มลู ของเทศกาล/ประเพณีบนกระดานที่นกั เรียนรู้ 3. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 58 Exs. 1-2 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น ชั่วโมงที่ 2 ข้นั Warm up ครูทบทวนความรู้เก่ียวกบั เทศกาล St Patrick’s Day และ Maslenitsa Carnival โดยใหน้ กั เรียน แบง่ กล่มุ กลมุ่ ละ 4-5 คน แลว้ แจกบตั รคาใหก้ ลุ่มละ 1 ชุด ใหแ้ ต่ละกลุม่ แยกบตั รคาวา่ เกี่ยวขอ้ งกบั เทศกาลใด 489

ตวั อยา่ งบตั รคา shamrock Ireland pancake bonfire blinis Irish stew the patron saint March end of winter ข้นั Presentation 1. ครูสอนการออกเสียง /ɡ/ โดยเขยี นคาศพั ท์ girl, gab, big บนกระดาน และออกเสียงใหน้ กั เรียนฟัง ใหน้ กั เรียนออกเสียงคาศพั ทค์ าละ 2 คร้งั ขณะออกเสียงให้นกั เรียนแตะที่ลาคอ จะรู้สึกถงึ การส่ัน ของเสน้ เสียง 2. ครูถามนกั เรียนวา่ เสียง /ɡ/ ออกเสียงคลา้ ยกบั พยญั ชนะตวั ใดในภาษาไทย เมื่อไดค้ าตอบว่า “ก” ครูอธิบายความแตกตา่ งของเสียง “ก” กบั เสียง /ɡ/ ซ่ึงเป็นเสียงท่ไี มม่ ีในภาษาไทย 3. ครูสอนการออกเสียง /ʤ/ โดยเขียนคาศพั ท์ jeep, huge, change บนกระดาน และออกเสียงให้ นกั เรียนฟัง ให้นกั เรียนสงั เกตที่ริมฝีปากครู ซ่ึงจะห่อและย่ืนออกเล็กนอ้ ย แลว้ ให้นกั เรียนออกเสียง คาศพั ทห์ ลาย ๆ คร้งั 4. ครูถามนกั เรียนว่าเสียง /ʤ/ ออกเสียงคลา้ ยกบั พยญั ชนะตวั ใดในภาษาไทย เมื่อไดค้ าตอบวา่ “จ” ครูใหน้ กั เรียนออกสียงคาวา่ จีน เปรียบเทียบกบั jeep แลว้ ช่วยกนั บอกว่าการออกเสียงท้งั 2 เสียง มลี กั ษณะริมฝีปากต่างกนั อยา่ งไร  เสียง “ก” และเสียง /ɡ/ มีฐานท่ีเกิดเสียงเหมอื นกนั คือ ใชล้ ้ินส่วนหลงั แตะ เพดานอ่อน แตต่ า่ งกนั ตรงทีเ่ สียง “ก” เป็นเสียงไมก่ อ้ ง ส่วนเสียง /ɡ/ เป็นเสียง กอ้ ง ดงั น้นั เวลาออกเสียง /ɡ/ เสน้ เสียงจะส่นั  การออกเสียง /ʤ/ ใหใ้ ชป้ ลายลิ้นแตะท่ีหลงั ป่ ุมเหงือก เวลาออกเสียงริมฝีปาก ห่อและยืน่ ออกเลก็ นอ้ ย เสน้ เสียงสัน่ เพราะเป็นเสียงกอ้ ง ส่วนการออกเสียง “จ” ริมฝีปากไม่ห่อ และเสน้ เสียงไมส่ ่ัน ข้นั Practice 1. ครูเขียนคาศพั ทเ์ พิม่ บนกระดาน ใหน้ กั เรียนออกเสียงพร้อมกนั 2 คร้งั แลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนอ่าน ออกเสียงเป็ นรายบุคคล jar Jane age badge cage give good game bag dig 490

2. หนังสือเรียน หน้า 88 Ex. 4 ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังคาศพั ทท์ ีอ่ อกเสียง /ɡ/ และ /ʤ/ และฝึก ออกเสียงตามพร้อมกนั และทลี ะคน แลว้ ช่วยกนั หาคาศพั ทท์ อี่ อกเสียง /ɡ/ และ /ʤ/ เพม่ิ เติม อยา่ งนอ้ ยเสียงละ 2 คา จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 5-6 คน ออกมาเขียนคาศพั ทบ์ นกระดานและ ออกเสียงใหเ้ พือ่ นฟัง และนกั เรียนท่ีเหลอื อา่ นออกเสียงคาศพั ทต์ าม /ɡ/: girl, garden /ʤ/: Germany, range 3. ใหน้ กั เรียนระดมสมองบอกเทศกาล/ประเพณีของไทย แลว้ ครูเขียนบนกระดาน จากน้นั ครูเลือกมา 1 เทศกาล และใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกขอ้ มลู โดยตอบคาถาม When is it? What do you wear? What do you celebrate? What do you eat? เสร็จแลว้ ครูและนกั เรียนร่วมกนั พูดบรรยายเทศกาลดงั กล่าว ข้นั Production 1. หนังสือเรียน หน้า 88 Ex. 3 นกั เรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4-5 คน แลว้ ให้แต่ละกล่มุ นึกถงึ เทศกาล/ ประเพณีของไทยมา 1 เทศกาล/ประเพณี และตอบคาถามทกี่ าหนดให้ จากน้นั นาคาตอบมาเขยี น บรรยายเก่ียวกบั เทศกาล/ประเพณีน้นั เสร็จแลว้ ครูให้นกั เรียนแตล่ ะกล่มุ ออกมานาเสนอทห่ี นา้ ช้นั Songkran Festival Songkran Festival begins on the 13th April and ends on the 15th April. It is a religious feast that celebrates Thai New Year’s Day. Most people wear flowery clothes. In the morning, people go to a temple near their houses to offer food to the monks. In the afternoon, there is bathing ceremony of the Buddha images at the temple. After that people throw water to each other. In the evening, the family has dinner together. 2. นกั เรียนทา Vocabulary Bank 7 ในแบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 104-105 491

7. การวดั และการประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน สมดุ นกั เรียน - วิธีการวดั แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ตรวจการเขียนสรุปขอ้ มูลของเทศกาล ที่อ่าน แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ สงั เกตการเปรียบเทียบเทศกาล/ แบบประเมนิ การเขยี น ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ประเพณีของไทยกบั เทศกาลในเร่ืองท่ี แบบประเมินคณุ ลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผา่ น อา่ น อนั พงึ ประสงค์ สงั เกตการเปรียบเทียบเสียงพยญั ชนะ ของภาษาองั กฤษกบั ภาษาไทย ประเมนิ การเขียนบรรยายเกี่ยวกบั เทศกาล/ประเพณีของไทย สังเกตความใฝ่เรียนรู้และความมุง่ มน่ั ในการทางาน 8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียน SPARK 1 ม. 1 2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 1 ม. 1 3) แบบฝึกหัด SPARK 1 ม. 1 4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ 5) พจนานุกรมออนไลน์ 6) บตั รคาเก่ียวกบั เทศกาล St Patrick’s Day และ Maslenitsa Carnival 492

6 Writing 7f 2 ชั่วโมง จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ - ตอบคาถามจากการอ่านได้ - เขยี นประโยคเกี่ยวกบั ตนเองและสมาชิกในครอบครัวโดยใชค้ าเชื่อม and, but, or ได้ - เขยี นอีเมลเชิญเพือ่ นมางานวนั เกิดได้ 1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วดั สาระที่ 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น อย่างมเี หตผุ ล ตวั ช้ีวดั ต 1.1 ม. 1/4 ระบหุ ัวขอ้ เร่ือง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและ อา่ นบทสนทนา นิทาน และเร่ืองส้ัน มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพดู และการเขียน ตวั ช้ีวดั ต 1.3 ม. 1/1 พูดและเขยี นบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และส่ิงแวดลอ้ ม ใกลต้ วั 2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การเรียนรู้การใชค้ าเชื่อมเพอื่ เชื่อมประโยคและขอ้ ความ จะช่วยให้สามารถเขียนส่ือสารไดอ้ ยา่ งมี ประสิทธิภาพ 493


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook