Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ม.1

แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ม.1

Published by danangelo1992, 2022-08-17 03:20:14

Description: แผนการจัดการเรียนรู้ภาษาอังกฤษ ม.1

Search

Read the Text Version

- full stop (.) ใชว้ างไวท้ า้ ยประโยคบอกเลา่ และปฏิเสธ - comma (,) ใชแ้ บง่ รายการทีม่ ีมากกว่า 2 - exclamation mark (!) ใชว้ างไวท้ า้ ยประโยคท่ีแสดงความรู้สึก - question mark (?) ใชว้ างไวท้ า้ ยประโยคคาถาม 2. ครูทบทวนคาถามท่ใี ชถ้ ามขอ้ มลู ส่วนตวั เช่น What’s your name? How old are you? Where are you from? What is your collection? What is your favourite one? Are you proud of your collection? 3. ให้นกั เรียนจบั คู่พูดถาม-ตอบเก่ียวกบั ของสะสมของตนเอง ถา้ ใครไม่มขี องสะสมให้สมมติข้ึนเอง โดยใชค้ าถาม Have you got a collection? What is your collection? How many do you have? เช่น S1: Have you got a collection? S2: Yes, I have. S1: What is your collection? S2: My collection is dolls. S1: How many do you have? S2: I have got two dolls 4. ครูอธิบายภาระงานในหนงั สือเรียน หนา้ 29 Ex. 4 ว่า นกั เรียนจะไดเ้ ขยี นอเี มลเก่ียวกบั ของสะสม ของตนเองตามโครงร่างท่ีกาหนดให้ ความยาว 40-50 คา ข้นั Writing หนังสือเรยี น หน้า 29 Ex. 4 นกั เรียนเขยี นอเี มลเก่ียวกบั ของสะสมของตนเอง Hi! My name’s Niran. I’m ten years old and I’m from Thailand. I’ve got a great collection of stamp. I’ve got two hundred stamps. They are from Britain, Portugal, China, Germany and Chile. My favourite one is the stamp from Britain because it shows the Buckingham Palace. I’m proud of my collection! What about you? Have you got a collection? Write back, Niran 144

ข้นั Post-writing 1. นกั เรียนตรวจทานงานเขยี นของตนเอง โดยดูการสะกดคา ไวยากรณ์ การใช้ capital letters การใช้ เครื่องหมายวรรคตอน ยอ่ หนา้ และปรบั แกง้ านเขียนให้เรียบร้อย แลว้ นาส่งครูตรวจ 2. นกั เรียนทา Self-Check 2 ในหนงั สือเรียน หนา้ 114 3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 19 Exs. 3-4 ใหน้ กั เรียนทาเป็นการบา้ น 7. การวัดและการประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน สมดุ นกั เรียน - วธิ กี ารวดั ตรวจการเขียนประโยคโดยใช้ แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ เครื่องหมายวรรคตอนต่าง ๆ สงั เกตการพดู ขอและใหข้ อ้ มูล แบบประเมนิ การเขียน ระดบั คุณภาพ พอใช้ เก่ียวกบั ของสะสมของตนเอง ประเมินการเขยี นอีเมลเกี่ยวกบั ของ แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผา่ น สะสมของตนเอง อนั พงึ ประสงค์ สงั เกตความใฝ่เรียนรู้และความมุ่งมน่ั ในการทางาน 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียน SPARK 1 ม. 1 2) Class Audio CDs ประกอบสื่อฯ ชุด SPARK 1 ม. 1 3) แบบฝึกหัด SPARK 1 ม. 1 4) ของสะสมของครู 145

7 ASEAN corner 2 1 ช่ัวโมง จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ - ตอบคาถามจากการอ่านได้ - พดู ขอและใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั งานศลิ ปหัตถกรรมได้ - คน้ ควา้ เก่ียวกบั งานศิลปหัตถกรรมและนาเสนอได้ 1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชี้วัด สาระท่ี 1 ภาษาเพอื่ การสื่อสาร มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องที่ฟังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เหน็ อย่างมีเหตผุ ล ตวั ช้ีวดั ต 1.1 ม. 1/4 ระบหุ วั ขอ้ เร่ือง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและ อ่านบทสนทนา นิทาน และเรื่องส้ัน มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ ความคดิ เห็นอย่างมีประสิทธภิ าพ ตวั ช้ีวดั ต 1.2 ม. 1/1 สนทนาแลกเปลี่ยนขอ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเอง กิจกรรม และสถานการณต์ า่ ง ๆ ในชีวิตประจาวนั มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคดิ เห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด และการเขียน ตวั ช้ีวดั ต 1.3 ม. 1/2 พูด/เขียนสรุปใจความสาคญั /แกน่ สาระ (theme) ท่ีไดจ้ ากการวิเคราะห์เร่ือง/ เหตกุ ารณ์ท่อี ยใู่ นความสนใจของสังคม สาระท่ี 3 ภาษากบั ความสัมพันธ์กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อืน่ มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อน่ื และเป็ น พ้นื ฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทศั น์ของตน 146

ตวั ช้ีวดั คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มลู /ขอ้ เท็จจริงที่เกี่ยวขอ้ งกบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้อ่ืน ต 3.1 ม. 1/1 จากแหล่งการเรียนรู้ และนาเสนอดว้ ยการพดู /การเขยี น 2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด การเรียนรู้เกี่ยวกบั งานศลิ ปหตั ถกรรมของประเทศต่าง ๆ จะช่วยให้รู้วิถชี ีวิตความเป็นอยู่ รวมถึง ขนบธรรมเนียมประเพณีของคนในประเทศน้นั ๆ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า 1) Language Features and Functions Vocabulary: Verb (export) Nouns (handicraft, raw material, craftsman, household, natural resource, cabinet, tool, secret, industry, generation) Adjectives (usual, local) Functions: Discussing about handicrafts What handicraft products does your family own? My family has three baskets, two armchairs and a sofa. 2) Language Skills Speaking: พดู ขอและใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั งานศลิ ปหตั ถกรรม Reading: อ่านเพือ่ หาขอ้ มูลเฉพาะ Writing: เขียนเก่ียวกบั งานศิลปหตั ถกรรม 4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน 1) ความสามารถในการสื่อสาร 2) ความสามารถในการใชค้ ิด 3) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1) ใฝ่เรียนรู้ 2) รกั ความเป็นไทย 147

6. กิจกรรมการเรียนรู้ ข้นั Warm up 1. ครูแสดงภาพ handicraft ใหน้ กั เรียนดู และถามนกั เรียนวา่ Do you know handicrafts? Give me some examples of handicrafts. 2. ครูใหน้ กั เรียนสังเกตส่ิงของตา่ ง ๆ ในช้นั เรียน แลว้ ช่วยกนั บอกว่าอะไรบา้ งท่ที ามาจากวสั ดุ ธรรมชาติ ข้นั Pre-reading 1. หนังสือเรียน หน้า 30 Ex. 1 ครูอา่ นคาศพั ท์ 1-6 ให้นกั เรียนอา่ นตาม แลว้ ครูบอกวา่ คาศพั ทเ์ หลา่ น้ี เป็นคาศพั ทท์ ่อี ยใู่ นบทอา่ น แลว้ ให้นกั เรียนจบั คคู่ าศพั ทก์ บั ความหมาย a-f เสร็จแลว้ ครูเฉลยคาตอบ แลว้ ให้นกั เรียนช่วยกนั บอกความหมายของคาศพั ทเ์ ป็นภาษาไทย 1c 2d 3f 4a 5e 6b 2. ครูนาเสนอคาศพั ทค์ าอนื่ ๆ ไดแ้ ก่ usual, cabinet, tool, local, secret, industry, generation โดยเขยี น คาศพั ทบ์ นกระดาน และ ใหน้ กั เรียนแข่งกนั เปิ ดหาความหมายในพจนานุกรม จากน้นั ครูอธิบาย ความหมายให้นกั เรียนฟังอกี คร้ัง ข้นั Reading หนังสือเรยี น หน้า 30 Ex. 2 นกั เรียนอ่านคาถามทีใ่ ห้มา เม่อื อ่านจนเขา้ ใจใหช้ ่วยกนั บอกคาสาคญั ในคาถาม แลว้ นกั เรียนอา่ นบทอ่านเพือ่ หาเน้ือเรื่องส่วนทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั คาสาคญั เมือ่ พบแลว้ ใหอ้ า่ น ประโยคหรือขอ้ ความทค่ี าถามน้นั พาดพงิ ไปถงึ หรืออาจจะอา่ นขอ้ ความแวดลอ้ มประมาณ 1-2 ประโยคกอ่ นหนา้ หรือถดั ไปทีม่ ขี อ้ มลู พาดพิงไปถึง เม่อื เขา้ ใจแลว้ จึงตอบคาถามทใี่ หม้ า 148

1 They are trees, plants and other natural resources. 2 They export their handicraft products to Japan, the USA, Canada, Australia and Hong Kong. 3 There are about 1,500 handicraft villages in Vietnam. 4 They tell the secrets of their work to family members and some friends. 5 The next generation will less know how to make handicrafts because cultural changing, finding materials, growing of industries and moving of people to live in cities. ข้นั Post-reading 1. ครูให้นกั เรียนแสดงความคิดเห็นวา่ งานหัตถกรรมมคี ุณคา่ ดา้ นวฒั นธรรมอยา่ งไร เช่น ช่วยให้รู้วถิ ี ชีวติ ความเป็นอยู่ แนวคดิ และความเช่ือ อาชีพ เป็นตน้ จากน้นั ครูถามนกั เรียนวา่ จะมีส่วนร่วมในการอนุรักษง์ านหตั ถกรรมไดอ้ ยา่ งไร เช่น เขา้ ร่วมกิจกรรม ทเ่ี กี่ยวขอ้ งกบั งานศิลปหตั ถกรรม เช่น ไปเทย่ี วชมและเลือกซ้ือของใชใ้ นงานแสดงสินคา้ พ้ืนบา้ น แนะนาให้สมาชิกในครอบครวั เพื่อน หรือคนรู้จกั ใชข้ องใชท้ ่ีเป็นงานศิลปหตั ถกรรม ยกตวั อยา่ ง กระเป๋ า 2. หนังสือเรยี น หน้า 30 Ex. 3 นกั เรียนอา่ นคาถามพร้อมกนั ถา้ มคี าถามขอ้ ใดที่นกั เรียนไม่เขา้ ใจ ให้ครู ช่วยอธิบาย จากน้นั ใหน้ กั เรียนจบั คกู่ นั อภิปรายคาถามเหลา่ น้ี หรือครูอาจใหน้ กั เรียนอภิปรายเป็น กลมุ่ A: What handicraft products does your family own? B: My family has three baskets, two armchairs and a sofa. And you? A: My family has two baskets, a mat, a table and four chairs. B: Where did your family buy them? A: At an OTOP fair. There were lots of handicraft products there. How about you? B: My mum bought them at a department store. 149

A: Do you know how to make things for use in the house? B: Oh no. And you? A: No. Would you like to learn how to make them? B: Sure. A: What would you like to make? B: Chairs. A: Why? B: I want to make chairs that fit my family. How about you? A: I want to make bags because I can use them. 3. หนงั สือเรยี น หน้า 30 Ex. 4 ให้นกั เรียนแบง่ กลมุ่ กล่มุ ละ 3-4 คน คน้ ควา้ ขอ้ มูลจากอนิ เทอร์เนต็ หรือ หนงั สืออา้ งองิ เกี่ยวกบั งานหัตถกรรมของไทย แลว้ นาขอ้ มูลมาจดั ทาเป็นโปสเตอร์ พร้อมท้งั ตดิ ภาพ และตกแต่งให้สวยงาม 7. การวดั และการประเมนิ ผล วิธกี ารวดั เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน ร้อยละ 60 ตรวจการตอบคาถามจากการอ่าน สมุดนกั เรียน ระดบั คุณภาพ พอใช้ สงั เกตการพดู ขอและให้ขอ้ มูลเก่ียวกบั แบบสงั เกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ งานศลิ ปหตั ถกรรม ระดบั คุณภาพ ผา่ น ประเมินการทาโปสเตอร์เก่ียวกบั งาน แบบประเมนิ ชิ้นงาน ศิลปหตั ถกรรมของไทย สังเกตความใฝ่เรียนรู้และการรักความ แบบประเมินคณุ ลกั ษณะ เป็ นไทย อนั พงึ ประสงค์ 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียน SPARK 1 ม. 1 2) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ 3) พจนานุกรมออนไลน์ 4) อนิ เทอร์เนต็ หรือหนงั สืออา้ งอิง 150

8 O-NET practice & Fun time 2 1 ช่ัวโมง จดุ ประสงค์การเรียนรู้ - ทบทวนคาศพั ทแ์ ละไวยากรณ์ท่เี รียนมาแลว้ ในหน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 - เขยี น quiz เก่ียวกบั เน้ือหาท่เี รียนมาแลว้ ได้ 1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ัด สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การส่ือสาร มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเรื่องท่ีฟังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเหน็ อย่างมเี หตผุ ล ตวั ช้ีวดั ต 1.1 ม. 1/4 ระบุหัวขอ้ เรื่อง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและ อ่านบทสนทนา นิทาน และเรื่องส้นั สาระท่ี 2 ภาษาและวฒั นธรรม มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพนั ธ์ระหว่างภาษากับวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้ อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ ตวั ช้ีวดั ต 2.1 ม. 1/3 เขา้ ร่วม/จดั กิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมตามความสนใจ 2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การรู้และเขา้ ใจคาศพั ท์ โครงสร้างภาษา ช่วยให้พูด/เขยี นสื่อสาร และเขา้ ร่วมกิจกรรมทางภาษาได้ อยา่ งเหมาะสม 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า 1) Language Features and Functions Vocabulary: คาศพั ทใ์ นหน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 151

Grammar: ไวยากรณใ์ นหน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 2) Language Skills Listening: ฟังเพื่อหาขอ้ มลู เฉพาะ Writing: เขยี น quiz เกี่ยวกบั เน้ือหาที่เรียนมาแลว้ 4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น 1) ความสามารถในการส่ือสาร 2) ความสามารถในการคดิ 5. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ - มุ่งมน่ั ในการทางาน 6. กิจกรรมการเรียนรู้ ข้นั Warm up ครูทบทวนคาศพั ทท์ เ่ี รียนในหน่วยการเรียนรู้ที่ 2 โดยให้นกั เรียนแบ่งเป็นทมี เลน่ เกม Hangman ครูเลอื กคาศพั ท์ 1 คา และขีดเสน้ เทา่ จานวนตวั อกั ษรของคา เช่น skateboard s _ _ _ _ _ _ _ _ _ จากน้นั ใหแ้ ต่ละทมี แขง่ กนั ทายตวั อกั ษรคร้งั ละ 1 ตวั ถา้ ทายถกู จะไดท้ ายตวั อกั ษรตวั ตอ่ ไป แต่ถา้ ทายผดิ ครูวาดเส้นท่ี Hangman ทีละเสน้ ถา้ Hangman ของทมี ใดถูกแขวนคอก่อน จะถูกปรบั แพ้ ทนั ที ทีมทเี่ หลอื แข่งกนั ต่อไป ทีมใดทายตวั อกั ษรไดถ้ กู ทกุ ตวั กอ่ น จะได้ 1 คะแนน ทมี ทไ่ี ดค้ ะแนน มากที่สุดจะเป็นผชู้ นะ ข้นั Presentation 1. ใหน้ กั เรียนบอกไวยากรณท์ เี่ รียนในหน่วยการเรียนรู้ที่ 2 แลว้ ครูเขียนบนกระดานในรูปของ mind map จากน้นั ให้นกั เรียนช่วยกนั บอกโครงสร้างและวิธีการใช้ 152

have got can (ability) ไวยากรณ์ possessive หน่วยการ determiners เรียนรู้ที่ 2 this-these/ plurals that-those 2. ครูแบง่ นกั เรียนออกเป็น 2 ทมี แลว้ ครูพูดศพั ทค์ ร้ังละ 1 คา ใหแ้ ตล่ ะทีมส่งตวั แทนออกมาเขยี น ประโยคบนกระดานโดยใชไ้ วยากรณ์ทเ่ี รียนในหน่วยการเรียนรู้น้ี ทีมท่ีเขยี นประโยคถกู ตอ้ งจะได้ 1 คะแนน สุดทา้ ยทีมทีไ่ ดค้ ะแนนมากทีส่ ุดจะเป็นผชู้ นะ ข้นั Practice 1. หนงั สือเรียน หน้า 32 Ex. 1 นกั เรียนเลน่ เกมเป็นคู่ โดยครูใหเ้ วลา 5 นาที อ่านคาใบท้ ่ใี ห้มาและ เขยี นคาตอบลงในกระดาษ จากน้นั ครูเฉลยคาตอบ ใหน้ กั เรียนแลกกนั ตรวจกบั เพื่อนค่อู ืน่ ถา้ ตอบ ถูกจะไดข้ อ้ ละ 1 คะแนน คู่ทไี่ ดค้ ะแนนมากที่สุดจะเป็นผชู้ นะ 1 cap 4 trainers 7 computer games 2 watch 5 handbag 3 sunglasses 6 comic book 2. หนังสือเรยี น หน้า 32 GAME ครูแบง่ นกั เรียนเป็นทีมเพอ่ื เลน่ เกม แลว้ เร่ิมเล่นเกมโดยครูเลือก นกั เรียน 1 คน ไวใ้ นใจ และให้แตล่ ะทีมถามคาถาม Yes/No questions ไดท้ ีมละ 3 คาถาม โดยผลดั กนั ถาม เพือ่ หาว่าคนที่ครูเลอื กไวค้ อื ใคร ถา้ ทีมใดทายชื่อถกู จะได้ 1 คะแนน สุดทา้ ยทีมทไี่ ดค้ ะแนน มากทสี่ ุดจะเป็นผชู้ นะ เช่น T: He’s a boy. 153

Team A S1: Is he tall? T: Yes, he is. Team B S1: Has he got short hair? T: Yes, he has. 3. หนังสือเรยี น หน้า 32 Ex. 2 นกั เรียนทา quiz โดยหา้ มเปิ ดดเู น้ือหา เสร็จแลว้ ให้นกั เรียนเปรียบเทียบ คาตอบกบั เพอื่ น จากน้นั ครูเฉลยคาตอบ 1 He can fly. 2 Iron Man’s enemy. 3 No, he hasn’t. 4 No, he isn’t. 5 Because they have some of the same genes from their parents and grandparents. 4. หนังสือเรียน หน้า 32 Ex. 4 นกั เรียนอา่ นชื่อเพลง แลว้ ครูอธิบายหรือให้นกั เรียนบอกความหมาย ของวลีทก่ี าหนดให้ จากน้นั ครูบอกนกั เรียนวา่ วลีเหล่าน้ีอยใู่ นเน้ือเพลง ใหน้ กั เรียนเดาว่าเพลงน้ี น่าจะเกี่ยวกบั อะไร แลว้ ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังเพลงเพ่อื ตรวจคาตอบ เม่อื ฟังเพลงจบแลว้ ให้ นกั เรียนบอกชื่อประเทศทมี่ ใี นเน้ือเพลง และบอกชื่อของทีร่ ะลกึ ทีเ่ ห็นในภาพ Things someone can do while on holiday. Countries: Italy, the UK, India, the USA, Mexico, Peru, Australia, Russia Souvenirs: hats (sombreros) from Mexico and a doll from India. 6. หนงั สือเรียน หน้า 31 O-NET practice ครูให้เวลานกั เรียนทาขอ้ สอบ เสร็จแลว้ ตรวจคาตอบร่วมกนั ถา้ นกั เรียนไม่เขา้ ใจ ให้ครูอธิบายเพิ่มเตมิ Ex. 1 1 A b, B a 2 A b, B b 3 A c, B b Ex. 2 1 A d, B c 2 A b, B c 3 A c, B d 154

ข้นั Production หนังสือเรยี น หน้า 32 Ex. 3 นกั เรียนจบั คกู่ นั แลว้ ครูแจกกระดาษใหค้ ู่ละ 1 แผน่ ให้แตล่ ะคคู่ ดิ คาถาม quiz 5-6 ขอ้ เก่ียวกบั เน้ือหาในหน่วยการเรียนรู้ท่ี 2 เช่น What has Tony Stark got? (A special metal suit.) ครูให้นกั เรียนเปิ ดดเู น้ือหาได้ และให้นกั เรียนเขยี นคาตอบไวด้ า้ นหลงั กระดาษ เมือ่ ทกุ คคู่ ดิ คาถามเสร็จแลว้ ใหแ้ ลกกนั ทา quiz กบั คอู่ ่ืน 1 Who is big and fat with green skin? (Shrek) 2 Who is Pepper Potts? (Tony Stark’s loyal secretary) 3 Who is Luke Skywalker’s sister? (Princess Leia) 4 Who is plump with long red hair? (Princess Fiona) 5 What punctuation do we use after interrogative sentences? (A question mark) 7. การวัดและการประเมนิ ผล เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน - ร้อยละ 60 วิธกี ารวดั ตรวจการเขียน quiz เก่ียวกบั เน้ือหา แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ ระดบั คณุ ภาพ ผา่ น ในหน่วยการเรียนรู้ที่ 2 อนั พงึ ประสงค์ สงั เกตความมุง่ มนั่ ในการทางาน 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียน SPARK 1 ม. 1 2) Class Audio CDs ประกอบสื่อฯ ชุด SPARK 1 ม. 1 155

3 Homes! ช้ันมัธยมศึกษาปี ที่ 1 เวลาเรียน 14 ช่ัวโมง 1 สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตัวชี้วดั สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองที่ฟังและอ่านจากส่ือประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เห็น อย่างมเี หตผุ ล ตวั ช้ีวดั ต 1.1 ม. 1/1 ปฏบิ ตั ิตามคาสัง่ คาขอร้อง คาแนะนา และคาช้ีแจงง่าย ๆ ที่ฟังและอ่าน ต 1.1 ม. 1/2 อ่านออกเสียงขอ้ ความ นิทาน และบทร้อยกรอง (poem) ส้นั ๆ ถูกตอ้ งตามหลกั การ อ่าน ต 1.1 ม. 1/3 เลือก/ระบุประโยคและขอ้ ความให้สมั พนั ธก์ บั สื่อทีไ่ ม่ใช่ความเรียง (non-text information) ทีอ่ ่าน ต 1.1 ม. 1/4 ระบหุ ัวขอ้ เรื่อง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและ อ่านบทสนทนา นิทาน และเร่ืองส้นั มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ ความคดิ เหน็ อย่างมปี ระสิทธภิ าพ ตวั ช้ีวดั ต 1.2 ม. 1/1 สนทนาแลกเปล่ยี นขอ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเอง กิจกรรม และสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจาวนั ต 1.2 ม. 1/4 พูดและเขยี นเพอื่ ขอและใหข้ อ้ มลู และแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกบั เรื่องท่ีฟังหรืออ่าน อยา่ งเหมาะสม มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเหน็ ในเรื่องต่าง ๆ โดยการพดู และการเขียน ตวั ช้ีวดั ต 1.3 ม. 1/1 พดู และเขียนบรรยายเกี่ยวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และสิ่งแวดลอ้ ม ใกลต้ วั 156

ต 1.3 ม. 1/2 พดู /เขียนสรุปใจความสาคญั /แกน่ สาระ (theme) ที่ไดจ้ ากการวเิ คราะหเ์ รื่อง/ เหตุการณ์ทอี่ ยใู่ นความสนใจของสังคม สาระที่ 2 ภาษาและวฒั นธรรม มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพนั ธ์ระหว่างภาษากับวฒั นธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้ อย่างเหมาะสมกบั กาลเทศะ ตวั ช้ีวดั ต 2.1 ม. 1/1 ใชภ้ าษา น้าเสียง และกิริยาท่าทางสุภาพเหมาะสมตามมารยาทสังคมและวฒั นธรรม ของเจา้ ของภาษา ต 2.1 ม. 1/3 เขา้ ร่วม/จดั กิจกรรมทางภาษาและวฒั นธรรมตามความสนใจ มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา กบั ภาษาและวฒั นธรรมไทย และนามาใช้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม ตวั ช้ีวดั ต 2.2 ม. 1/1 บอกความเหมอื นและความแตกตา่ งระหวา่ งการออกเสียงประโยคชนิดต่าง ๆ การใช้ เคร่ืองหมายวรรคตอน และการลาดบั คาตามโครงสร้างประโยคของ ภาษาต่างประเทศและภาษาไทย ต 2.2 ม. 1/2 เปรียบเทียบความเหมอื นและความแตกต่างระหว่างเทศกาล งานฉลอง วนั สาคญั และชีวติ ความเป็นอยขู่ องเจา้ ของภาษากบั ของไทย สาระที่ 3 ภาษากบั ความสัมพันธ์กบั กล่มุ สาระการเรียนรู้อน่ื มาตรฐาน ต 3.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในการเช่ือมโยงความรู้กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อ่นื และเป็ น พ้นื ฐานในการพัฒนา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทศั น์ของตน ตวั ช้ีวดั ต 3.1 ม. 1/1 คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มูล/ขอ้ เทจ็ จริงท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้อน่ื จากแหลง่ การเรียนรู้ และนาเสนอดว้ ยการพูด/การเขียน สาระท่ี 4 ภาษากบั ความสัมพนั ธ์กับชุมชนและโลก มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม ตวั ช้ีวดั ต 4.1 ม. 1/1 ใชภ้ าษาส่ือสารในสถานการณ์จริง/สถานการณจ์ าลองท่ีเกิดข้นึ ในห้องเรียนและ สถานศกึ ษา มาตรฐาน ต 4.2 ใช้ภาษาต่างประเทศเป็ นเครื่องมอื พืน้ ฐานในการศึกษาต่อ การประกอบอาชีพ และ การแลกเปล่ียนเรียนรู้กบั สังคมโลก 157

ตวั ช้ีวดั ใชภ้ าษาตา่ งประเทศในการสืบคน้ /คน้ ควา้ ความรู้/ขอ้ มูลตา่ ง ๆ จากสื่อและแหล่งการ ต 4.2 ม. 1/1 เรียนรู้ต่าง ๆ ในการศกึ ษาตอ่ และประกอบอาชีพ 2 สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การเรียนรู้คาศพั ท์ สานวน และโครงสร้างภาษา จะช่วยให้เขา้ ใจและบอกรายละเอยี ดของเรื่องท่ี อ่านและฟังได้ นอกจากน้ียงั สามารถนาสิ่งท่ีเรียนรู้ไปใชใ้ นการพูดและเขยี นส่ือสาร แลกเปล่ียนขอ้ มลู เก่ียวกบั บา้ นของตนเองและส่ิงของใกลต้ วั ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและเหมาะสม รวมถงึ เป็นพ้ืนฐานในการ คน้ ควา้ หาขอ้ มลู เพ่มิ เตมิ เก่ียวกบั เรื่องของแมลงและลกั ษณะบา้ น ตลอดจนมีความเขา้ ใจในมารยาทและ วฒั นธรรมของเจา้ ของภาษา 3 สาระการเรียนรู้ 3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า 1) Language Features and Functions Vocabulary: Rooms (bedroom, bathroom, living room, kitchen, hall) Furniture & appliances (cupboard, cooker, ceiling, pillow, bed, bedside cabinet, wall, fireplace, window, floor, sofa, mirror, toilet, washbasin, stair, door) Insects (ant, flea, beetle, fly, scorpion, spider, moth, cockroach, bedbugs, woodworm beetle) Ordinal numbers (first, second, third, ..., twenty-third) Nouns (building, fan, office, shape, violin, lift, floor, dream home, great view, metal, wood, summer, winter, people, insects, creepy crawlies, smell, pieces, meals, hiding place, spider, web, corner, castle, metal, space, garden, kennel, singers, climate, stilt, pole, flood, countryside, brick, tile) Pronoun (everything) Adjectives (unusual, cool, four-storey, warm, crazy, alone, small, empty, tidy, tall, huge, high, huge, humid) Adverbs (outside, inside, come, visit, suit, adapt, disappear, anytime, downstairs) 158

Grammar: Sentences (Is Jim here?, Where’s that?, Thanks., Your room is great., Functions: Yes, it’s really big., Hey, whose is this guitar?, You’re very lucky., You’ve got everything.) there is/there are a/an – some/any Prepositions of place The imperative Describing rooms There’s a poster, a bed, pillows, a desk, a wardrobe and a bookcase in the bedroom. Describing location Where is the lamp? On the bedside cabinet. Talking about household bugs There are bugs in every house. Cockroaches can hide behind the fridge. Talking about your room & your things Wow! Your room is great! Thanks. It’s quite big. What’s this? That’s my DVD player and that’s my computer over there. Describing landmarks around the world The Eiffel Tower is in Paris. Some parts of the Great Wall of China are 2,000 years old. Talking about your house What does your house look like? It’s big and green. It has got two floors and seven rooms. Talking about your house & bedroom How many rooms are there in your house? There are seven rooms. What colour is your bedroom? It’s blue. 159

Pronunciation: Intonation in questions Are you a student? Who are you? 2) Language Skills Listening: ฟังเพื่อหาขอ้ มูลเฉพาะ, ฟังการออกเสียงประโยค Speaking: พูดขอและให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั เฟอร์นิเจอร์และเคร่ืองใช้ในห้องตา่ ง ๆ, พูดขอ และให้ขอ้ มูลเก่ียวกบั สิ่งทม่ี แี ละไมม่ ีในภาพ, พดู ออกคาส่ัง, พดู ขอและให้ ขอ้ มลู เก่ียวกบั ตาแหน่งของส่ิงของตา่ ง ๆ, พดู ส่ิงทีไ่ ดเ้ รียนรู้เก่ียวกบั แมลง, อภิปรายวิธีป้องกนั ไมใ่ หม้ ีแมลงในบา้ น, พดู สนทนาตามสถานการณท์ ี่ กาหนด, พูดนาเสนอ landmark ตามจินตนาการ, พูดขอและใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั บา้ นของตนเอง, พดู สนทนาเกี่ยวกบั บา้ นของตนเอง Reading: อ่านเพื่อหาขอ้ มูลเฉพาะ, อ่านออกเสียงบทสนทนา Writing: เขียนบรรยายหอ้ งนอนในความคิดของตนเอง, เขยี นบรรยายส่ิงของทม่ี ี และไมม่ ีในภาพ, เขียนให้ขอ้ มูลเก่ียวกบั แมลง, แตง่ บทสนทนาตาม สถานการณท์ ก่ี าหนด, เขียนบรรยาย landmarks ในประเทศไทยและ ประเทศอื่น, เขยี นอีเมลเล่าเก่ียวกบั บา้ นของตนเอง, เขยี นบรรยายเก่ียวกบั บา้ นแบบด้งั เดิมของไทย 3) Culture landmarks 4 สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น 1) ความสามารถในการส่ือสาร 2) ความสามารถในการคดิ 3) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5 คุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1) ใฝ่เรียนรู้ 2) ม่งุ มนั่ ในการทางาน 3) รกั ความเป็นไทย 160

6 ชิน้ งาน/ภาระงาน (รวบยอด) 1) พดู นาเสนอขอ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเอง 2) ชิ้นงานโปสเตอร์ unusual building 3) วาดภาพและเขียนบรรยายห้องนอนในความคิดของตนเอง 4) พูดขอและใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั ตาแหน่งของสิ่งของตา่ ง ๆ ในภาพ 5) คน้ ควา้ ขอ้ มลู เกี่ยวกบั แมลงและเขียนนาเสนอ 6) อา่ นออกเสียงบทสนทนา 7) แต่งบทสนทนาตามสถานการณ์ท่ีกาหนด 8) พดู สนทนาตามสถานการณ์ทีก่ าหนด 9) จดั บอร์ดเกี่ยวกบั landmarks ของประเทศท่ีสนใจ 10) เขยี นอเี มลเกี่ยวกบั บา้ นของตนเอง 11) คน้ ควา้ และเขยี นบรรยายเกี่ยวกบั บา้ นแบบด้งั เดิมของไทย 7 การวดั และการประเมนิ ผล 7.1 การประเมินกอ่ นเรียน 7.2 การประเมินระหว่างการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 7.3 การประเมินหลงั เรียน 7.4 การประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) 161

1 Reading 3a & Vocabulary 3a 2 ชั่วโมง จุดประสงค์การเรียนรู้ - ตอบคาถามและเขียนใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั เรื่องที่อ่านได้ - เขยี นบรรยายบา้ นและหอ้ งนอนในความคิดของตนเองได้ - คน้ ควา้ ขอ้ มลู เกี่ยวกบั unusual building และนาเสนอได้ - พูดขอและให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั เฟอร์นิเจอร์และเคร่ืองใชใ้ นหอ้ งต่าง ๆ ได้ 1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตัวชีว้ ดั สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองท่ฟี ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเหน็ อย่างมีเหตุผล ตวั ช้ีวดั ต 1.1 ม. 1/3 เลอื ก/ระบุประโยคและขอ้ ความให้สมั พนั ธ์กบั สื่อที่ไม่ใช่ความเรียง (non-text information) ทีอ่ า่ น ต 1.1 ม. 1/4 ระบุหัวขอ้ เรื่อง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและ อ่านบทสนทนา นิทาน และเร่ืองส้นั มาตรฐาน ต 1.2 มีทกั ษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ ความคดิ เห็นอย่างมปี ระสิทธภิ าพ ตวั ช้ีวดั ต 1.2 ม. 1/1 สนทนาแลกเปลยี่ นขอ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเอง กิจกรรม และสถานการณ์ตา่ ง ๆ ในชีวติ ประจาวนั ต 1.2 ม. 1/4 พูดและเขียนเพ่ือขอและใหข้ อ้ มลู และแสดงความคดิ เห็นเก่ียวกบั เร่ืองที่ฟังหรืออ่าน อยา่ งเหมาะสม มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคดิ รวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพดู และการเขียน 162

ตวั ช้ีวดั พูดและเขยี นบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และสิ่งแวดลอ้ ม ต 1.3 ม. 1/1 ใกลต้ วั 2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด การเรียนรู้คาศพั ทเ์ ก่ียวกบั หอ้ งต่าง ๆ เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ จะช่วยใหเ้ ขา้ ใจและบอกรายละเอยี ด ของเรื่องทอ่ี ่านได้ นอกจากน้ียงั สามารถนาคาศพั ทท์ ีเ่ รียนไปใชพ้ ูดและเขยี นใหข้ อ้ มูลเก่ียวกบั บา้ นของ ตนเองไดอ้ ยา่ งถูกตอ้ ง 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า 1) Language Features and Functions Vocabulary: Rooms (bedroom, bathroom, living room, kitchen, hall) Furniture & appliances (cupboard, cooker, ceiling, pillow, bed, bedside cabinet, wall, fireplace, window, floor, sofa, mirror, toilet, washbasin, stair, door) Nouns (building, fan, office, shape, violin, lift, floor, dream home, great view, metal, wood, summer, winter) Adjectives (unusual, cool, four-storey, warm, crazy) Adverbs (outside, inside) Functions: Describing rooms There’s a poster, a bed, pillows, a desk, a wardrobe and a bookcase in the bedroom. 2) Language Skills Listening: ฟังเพ่อื หาขอ้ มลู เฉพาะ Speaking: พดู ขอและใหข้ อ้ มลู เกี่ยวกบั เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ในห้องต่าง ๆ Reading: อ่านเพ่อื หาขอ้ มูลเฉพาะ Writing: เขยี นบรรยายห้องนอนในความคดิ ของตนเอง 163

4. สมรรถนะสาคัญของผ้เู รยี น 1) ความสามารถในการส่ือสาร 2) ความสามารถในการคิด 3) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 5. คณุ ลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1) ใฝ่เรียนรู้ 2) มงุ่ มนั่ ในการทางาน 6. กิจกรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 1 ข้นั Warm up 1. ครูใหน้ กั เรียนดูภาพบา้ นที่แตกต่างกนั 2 ภาพ ภาพจาก: https://www.pexels.com/photo/gray-2-storey-house-at-daytime-164516/ ภาพจาก: https://www.pexels.com/photo/architecture-daylight-driveway-entrance-277667/ แลว้ สนทนากบั นกั เรียนหลาย ๆ คน เช่น T: Do you like a house with a garden? S1: Yes. T: Which house do you like: the two-storey house or the house with a garage? S1: I like the two-storey house. T: Why? S1: Because there are many rooms in the house. 164

2. ครูสุ่มถามนกั เรียน 3-4 คน เกี่ยวกบั บา้ นของนกั เรียน เช่น T: How many rooms are there in your house? S2: There are four rooms in my house. T: What’s your favourite room? S2: My favourite room is the kitchen. 3. ให้นกั เรียนอา่ นชื่อหน่วยการเรียนรู้ (Homes!) ในหนงั สือเรียน หนา้ 33 จากน้นั ครูเขยี นคาวา่ home และ house บนกระดาน ให้นกั เรียนเดาวา่ 2 คาน้ีแตกตา่ งกนั อยา่ งไร House กบั Home ใชแ้ ทนกนั ไดใ้ นหลายกรณี เพราะท้งั 2 คาน้ี แปลว่า “บา้ น” เช่น “ฉันจะกลบั บา้ น” พดู ได้ 2 แบบ คือ I’m going to go back home. หรือ I’m going to go back to my house. แต่คาว่า Home จะมีความหมายกวา้ งกวา่ เพราะ House หมายถึงแค่ตวั อาคารหรือ สิ่งปลกู สร้าง ส่วน Home นอกจากจะหมายถึงตวั อาคาร ยงั หมายถงึ ประเทศ เมอื ง จงั หวดั หรือเขตไดด้ ว้ ย เช่น Thailand is my home. Bangkok is my home. Chiang Mai is my home. แตจ่ ะไมพ่ ดู ว่า Thailand/Bangkok/Chiang Mai is house. มากกว่าน้นั Home จะมีความรู้สึกถึงครอบครวั มากกว่า House ท่เี ป็นรูปธรรม อยา่ งเดียว จึงมคี าพดู ทีว่ ่า A house is made of brick and stone; a home is made of love alone. ซ่ึงแปลวา่ House สร้างมาจากอฐิ กบั หิน แต่ Home สร้างมาจากความรัก อยา่ งเดียว ท่ีมา: http://www.ajarnadam.tv/blog/house-home#signup1 4. Find the page numbers for หน้า 33 นกั เรียนอ่านคาทก่ี าหนด แลว้ ครูอธิบายคาว่า landmark landmark (n) = something, such as a large building, that you can see clearly from a distance and that will help you to know where you are (จดุ สังเกต) จากน้นั ให้นกั เรียนหาว่าภาพท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั คาเหลา่ น้ีอยใู่ นหนงั สือเรียนหนา้ ใด เม่อื หาพบแลว้ ครู ถามคาถามเพื่อดึงความสนใจของนกั เรียนเขา้ สู่บทเรียน 165

a building like a violin and a piano (p. 34) Where do you think this is? What type of building do you think it is? Are there any such unusual buildings in your country? bugs (p. 38) What are bugs? Do you know any of the bugs in the pictures? landmarks (p. 40) Do you know where these landmarks are? What is the most famous landmark in your country? Can you think of any other famous landmarks around the world? ข้นั Pre-reading 1. หนงั สือเรยี น หน้า 33 Ex. 1 นกั เรียนดูภาพห้องตา่ ง ๆ ภายในบา้ น และช่วยกนั ระบุว่าคอื ห้องอะไร จากน้นั ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั หอ้ งตา่ ง ๆ และออกเสียงตามพร้อมกนั แลว้ จบั คู่ คาศพั ทก์ บั ภาพ 1 kitchen 2 living room 3 bedroom 4 bathroom 5 hall 2. หนังสือเรียน หน้า 33 Ex. 2 ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ แลว้ ออกเสียงตามพร้อมกนั โดยเนน้ เสียงหนกั ในคาให้ถูกตอ้ ง จากน้นั ครูพดู คาศพั ทท์ ลี ะคา ให้นกั เรียน บอกเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใชเ้ ป็นภาษาไทย พยางคท์ พี่ มิ พต์ วั หนาคือพยางคท์ เ่ี นน้ เสียงหนกั bathroom bedroom kitchen living room cupboard bedside cabinet ceiling cooker sofa fireplace mirror pillow toilet window 166

3. THINK! หนังสือเรยี น หน้า 33 นกั เรียนทางานคู่ เขยี นหวั ขอ้ rooms, furniture, other ลงในสมดุ แลว้ จดั คาศพั ทใ์ หถ้ ูกตอ้ งตามหัวขอ้ เสร็จแลว้ ครูและนกั เรียนช่วยกนั เฉลยคาตอบบนกระดาน rooms: bedroom, living room, hall, bathroom, kitchen furniture: bedside cabinet, bed, sofa other: cupboards, cooker, wall, window, fireplace, floor, ceiling, pillows, toilet, washbasin, mirror, door, stairs จากน้นั ใหน้ กั เรียนแต่งประโยคเก่ียวกบั เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใชท้ มี่ ีในแตล่ ะหอ้ งในภาพ 1-5 โดย ใชโ้ ครงสร้าง There is/There are สาหรบั ช้นั เรียนเดก็ อ่อนครูอาจจะทบทวนการใช้ There is/There are ก่อนให้นกั เรียนแต่งประโยค - There is + singular noun/uncountable noun - There are + plural noun เม่ือนกั เรียนแต่งประโยคเสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนพูดประโยค โดยให้นกั เรียนในช้นั ช่วยกนั ตรวจความถกู ตอ้ ง There is a cooker in the kitchen. There is a fireplace and a sofa in the living room. There is a bed and a bedside cabinet in the bedroom. There is a mirror and a toilet in the bathroom. 4. ครูทบทวนวลี look like แปลว่า “ดูเหมอื น” “ดูคลา้ ยกบั ” เพือ่ ใชบ้ อกลกั ษณะ โดยยกตวั อยา่ งบน กระดาน เช่น That cloud looks like a cake. He looks like his father. ใหน้ กั เรียนดูประโยคและ ช่วยกนั บอกว่า look like ตอ้ งตามดว้ ยคาประเภทใด (คานาม) 5. นกั เรียนอ่านคาศพั ทใ์ นกรอบ Check these words หนงั สือเรียน หนา้ 34 และช่วยกนั อธิบาย ความหมาย ถา้ คาใดนกั เรียนไมร่ ู้ ครูช่วยอธิบายหรือใหน้ กั เรียนเปิ ดหาความหมายในพจนานุกรม เช่น unusual (adj) = different from what is usual or ordinary (ผดิ ปกติ) 167

fan (n) = a person who admires somebody/something or enjoys watching or listening to somebody/something very much (คนคลง่ั ไคลส้ ่ิงใด ส่ิงหน่ึง) floor (n) = a level of a building (ช้นั อาคาร) cool (adj) = fairly cold; not hot or warm (อากาศเยน็ สบาย) metal (n) = a hard, usually shiny substance such as iron, gold or steal (โลหะ) storey (n) = a floor or level of a building (ช้นั ของอาคาร) crazy (adj) = be very interested in something (คลง่ั ไคล)้ 6. หนังสือเรียน หน้า 34 Ex. 1 นกั เรียนดภู าพและบอกว่าเห็นอะไร แลว้ คิดวา่ อาคารในภาพดคู ลา้ ยกบั อะไร โดยครูถามว่า Which building looks like: a football? a violin? a piano? จากน้นั ครูเปิ ด CD ให้ นกั เรียนฟังและอา่ นบทอา่ นตามไปดว้ ย เพือ่ ตรวจคาตอบ The building in text A looks like a football. The building in text B looks like a piano and a violin. ข้นั Reading หนังสือเรียน หน้า 34 Ex. 2 นกั เรียนอ่านประโยคทก่ี าหนดให้และขีดเสน้ ใตค้ าสาคญั ในแตล่ ะ ประโยค จากน้นั อ่านบทอา่ นเพอื่ มองหาคาพอ้ งความหมาย (synonym) คาทีม่ คี วามหมายตรงกนั ขา้ ม (opposite) หรือกลุ่มคา/วลีทม่ี ีความหมายเหมือนกนั หรือตา่ งกนั กบั คาสาคญั ที่ขดี เสน้ ใตไ้ ว้ แลว้ ตอบ วา่ ประโยคประโยคทก่ี าหนดให้ถกู หรือผิด หรือไมไ่ ดก้ ล่าวถงึ ในบทอา่ น เสร็จแลว้ ครูเฉลยคาตอบ 1 F 2 T 3 F 4 DS 5 T 6 DS ข้นั Post-reading 1. หนงั สือเรียน หน้า 34 Ex. 3 นกั เรียนปิ ดหนงั สือเรียนและพยายามนึกถงึ 2 ส่ิงทีจ่ าไดจ้ ากบทอ่าน แลว้ เขยี นลงในสมุด จากน้นั ให้นกั เรียนจบั คู่กบั เพ่อื นผลดั กนั บอกส่ิงทจี่ าได้ แลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 3-4 คน บอกให้เพ่อื นในช้นั ฟัง และใหเ้ พ่ือนเปิ ดหนงั สือเรียนเพือ่ ตรวจวา่ ถกู ตอ้ งหรือไม่ 168

Jan Sonkie’s house is in Africa. It is in the shape of a football. The office in China is in the shape of a piano and a violin. 2. หนงั สือเรียน หน้า 34 Ex. 4 ให้นกั เรียนใชค้ าทก่ี าหนดให้เขยี นเก่ียวกบั บา้ นในความคดิ ของตนเอง เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 2-3 คน อา่ นใหเ้ พือ่ นฟัง My ideal house is in the shape of a basketball. It’s got big rooms and a great view from its windows. There’s a garden outside the house. In the living room there’s a fireplace. 3. นกั เรียนรวมกลุ่ม กลุม่ ละ 5 คน ใหแ้ ตล่ ะกลมุ่ คน้ ควา้ ขอ้ มลู เก่ียวกบั unusual building มากลมุ่ ละ 1 สถานที่ โดยใหม้ ีรายละเอยี ดเก่ียวกบั สถานทตี่ ้งั รูปร่าง อาคาร/สิ่งกอ่ สร้างน้นั ใชท้ าอะไร ลกั ษณะ พเิ ศษ/ลกั ษณะเด่น แลว้ นาขอ้ มลู ที่คน้ ควา้ ไดม้ าทาโปสเตอร์ พร้อมติดภาพประกอบและตกแตง่ ให้ น่าสนใจ จากน้นั ใหแ้ ต่ละกลมุ่ ออกมานาเสนอผลงานในชวั่ โมงถดั ไป แลว้ นาผลงานไปจดั บอร์ดใน ช้นั เรียนหอ้ งเรียน เพ่ือให้เพ่ือนไดศ้ ึกษาแลกเปลย่ี นเรียนรู้ซ่ึงกนั และกนั 4. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 20 Exs. 1-3 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น ช่ัวโมงที่ 2 ข้นั Warm up นกั เรียนเล่นเกม Noughts and Crosses ทบทวนคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั เฟอร์นิเจอร์และเคร่ืองใช้ โดยครู เขยี นตาราง 9 ช่องบนกระดาน และเขียนคาศพั ท์ bedroom, kitchen, living room, bathroom ลงไป ช่องละ 1 คา สามารถเขียนคาศพั ทซ์ ้ากนั ไดจ้ นครบทุกช่อง จากน้นั แบ่งนกั เรียนออกเป็น 2 ทีม ให้ ผลดั กนั พูดคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั เฟอร์นิเจอร์และเครื่องใชท้ มี่ อี ยใู่ นห้องต่าง ๆ ใหถ้ ูกตอ้ ง ถา้ ทีมใดพดู คาศพั ทถ์ กู จะไดท้ าสัญลกั ษณ์ X หรือ O ในตาราง ทีมท่ีทาสญั ลกั ษณ์เรียงต่อกนั ในแนวต้งั แนวนอน หรือแนวทแยงไดก้ ่อนจะเป็นผูช้ นะ 169

bedroom bathroom living room kitchen living room bedroom bathroom living room kitchen ข้นั Presentation 1. ครูทบทวนคาศพั ทก์ ารใช้ There is/There are บอกเก่ียวกบั เฟอร์นิเจอร์และเคร่ืองใชท้ ่มี ีในหอ้ งต่าง ๆ โดยใหน้ กั เรียนดูภาพห้องนอนและหอ้ งนง่ั เล่นทต่ี ดั มาจากนิตยสารหรือหาจากอินเทอร์เน็ต แลว้ ครู ถามว่า What is there in the bedroom/living room? เช่น T: (ชูภาพหอ้ งนอน) What is there in the bedroom? Ss: There is a bed, pillows and a bedside cabinet. T: (ชูภาพห้องนง่ั เลน่ ) What is there in a living room? Ss: There is a sofa, windows, chairs and a table. 2. หนงั สือเรียน หน้า 35 Ex. 5 ครูนาเสนอคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั เฟอร์นิเจอร์และเคร่ืองใชเ้ พิ่มเติม โดยให้ นกั เรียนดูภาพและคาศพั ท์ แลว้ ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟังและออกเสียงตามพร้อมกนั ตอ่ มาครู สุ่มเรียกนกั เรียนใหอ้ อกเสียงคาศพั ทท์ ลี ะคน โดยใหน้ กั เรียนออกเสียงเนน้ หนกั ใหถ้ กู ตอ้ ง จากน้นั ใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกความหมายของคาศพั ทโ์ ดยเดาจากภาพ พยางคท์ พ่ี มิ พต์ วั หนาคอื พยางคท์ ่เี นน้ เสียงหนกั armchair curtain poster table bookcase cushion wardrobe carpet painting 170

ข้นั Practice 1. หนังสือเรียน หน้า 35 Ex. 6 นกั เรียนเขียนคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั ห้องตา่ ง ๆ ลงในสมดุ ครูให้เวลานกั เรียน ดภู าพห้องตา่ ง ๆ 1 นาที และปิ ดหนงั สือเรียน แลว้ เขียนคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั เฟอร์นิเจอร์และเคร่ืองใช้ใน แตล่ ะห้องใหไ้ ดม้ ากที่สุด ครูสุ่มเรียกนกั เรียนออกมาเขยี นคาศพั ทบ์ นกระดาน โดยให้นกั เรียน ช่วยกนั ตรวจคาตอบ จากน้นั ช่วยกนั คดิ คาศพั ทเ์ ก่ียวกบั เฟอร์นิเจอร์และเคร่ืองใช้ในหอ้ งตา่ ง ๆ เพ่ิมเติม Bedroom: pillows, wardrobe, poster, desk, bookcase (bed, bedside cabinet, lamp, computer) Living room: painting, carpet, armchair, curtains, sofa, cushions (coffee table, lamp, TV) Bathroom: mirror, bath (washbasin, toilet, towel rail) Kitchen: sink, cooker, fridge, chair, table (cupboards, microwave, oven) 2. หนังสือเรยี น หน้า 35 Ex. 7 นกั เรียนจบั ค่กู บั เพือ่ น ผลดั กนั ดภู าพและพดู ถาม-ตอบเก่ียวกบั เฟอร์นิเจอร์และเคร่ืองใชท้ มี่ ใี นแตล่ ะหอ้ ง ครูเดินสงั เกตการทากิจกรรมรอบ ๆ ช้นั เรียน และสุ่มเรียก นกั เรียน 3-4 คู่ ยนื ข้นึ พูดถาม-ตอบใหเ้ พ่อื นฟัง A: What is there in the bedroom? B: There’s a poster, a bed, pillows, a desk, a wardrobe and a bookcase. A: What is there in the bathroom? B: There’s a washbasin, a toilet, a bath and a mirror. A: What is there in the living room? B: There is a painting, a sofa, an armchair, curtains, cushions and a carpet. A: What is there in the kitchen? B: There’s a cooker, a fridge, a sink, a table and a chair. 171

ข้นั Production 1. หนงั สือเรียน หน้า 35 Ex. 8 ใหน้ กั เรียนวาดภาพหอ้ งนอนในความคดิ ของตนเอง พร้อมท้งั เขียน บรรยาย เสร็จแลว้ ให้นกั เรียนเปรียบเทียบกบั เพื่อนที่นงั่ ขา้ งกนั เพ่ือหาว่ามีอะไรทเ่ี หมือนกนั และ ต่างกนั บา้ ง จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 4-5 คน ออกมาพดู นาเสนอใหเ้ พอื่ นฟังที่หนา้ ช้นั My ideal bedroom has got a big bed with lots of pillows. There’s a wardrobe and a bookcase. There’s a carpet on the floor and posters on the wall. My bedroom is cool! 2. นกั เรียนทา Language Review 3a Ex. 1 ในหนงั สือเรียน หนา้ 107 ร่วมกนั ในช้นั 3. ครูมอบหมายให้นกั เรียนหาภาพหอ้ งในบา้ นมา 1 ห้อง จากนิตยสารหรืออินเทอร์เน็ต และเตรียมมา ในชว่ั โมงถดั ไป 4. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 21 Exs. 4-6 ใหน้ กั เรียนทาเป็นการบา้ น 7. การวัดและการประเมนิ ผล เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน แบบฝึกหัด (Workbook) ร้อยละ 60 วิธกี ารวดั แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ตรวจการตอบคาถามจากการอา่ น สังเกตการพดู ขอและใหข้ อ้ มลู เก่ียวกบั แบบประเมนิ ชิ้นงาน ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ เฟอร์นิเจอร์และเคร่ืองใชใ้ นห้องต่าง ๆ ประเมินช้ินงานโปสเตอร์ unusual แบบประเมนิ การเขยี น ระดบั คุณภาพ พอใช้ building ประเมินการวาดภาพและเขียนบรรยาย แบบประเมินคุณลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผ่าน หอ้ งนอนในความคดิ ของตนเอง อนั พึงประสงค์ สังเกตความใฝ่เรียนรู้และความมุง่ มน่ั ในการทางาน 172

8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียน SPARK 1 ม. 1 2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 1 ม. 1 3) แบบฝึกหดั SPARK 1 ม. 1 4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ 5) พจนานุกรมออนไลน์ 6) อินเทอร์เนต็ 7) ภาพบา้ น ห้องนอน และห้องนง่ั เลน่ 173

2 Grammar 3b 2 ช่ัวโมง จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ - พูดขอและให้ขอ้ มลู และเขียนบรรยายสิ่งที่มีและไมม่ ไี ด้ - พูดออกคาสงั่ และปฏิบตั ิตามคาสง่ั ได้ - เปรียบเทยี บการใชค้ านาหนา้ นามในภาษาองั กฤษและภาษาไทยได้ - พูดขอและให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั ตาแหน่งของส่ิงของตา่ ง ๆ ได้ 1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชี้วดั สาระที่ 1 ภาษาเพอื่ การสื่อสาร มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองทฟี่ ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น อย่างมีเหตผุ ล ตวั ช้ีวดั ต 1.1 ม. 1/1 ปฏบิ ตั ิตามคาส่ัง คาขอร้อง คาแนะนา และคาช้ีแจงงา่ ย ๆ ท่ีฟังและอ่าน ต 1.1 ม. 1/3 เลือก/ระบปุ ระโยคและขอ้ ความ ให้สมั พนั ธก์ บั สื่อท่ีไม่ใช่ความเรียง (non-text information) ทอ่ี า่ น มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมูลข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ ความคดิ เห็นอย่างมปี ระสิทธภิ าพ ตวั ช้ีวดั ต 1.2 ม. 1/1 สนทนาแลกเปล่ยี นขอ้ มลู เกี่ยวกบั ตนเอง กิจกรรม และสถานการณต์ า่ ง ๆ ในชีวิตประจาวนั มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมลู ข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเร่ืองต่าง ๆ โดยการพูด และการเขียน ตวั ช้ีวดั ต 1.3 ม. 1/1 พูดและเขียนบรรยายเก่ียวกบั ตนเอง กิจวตั รประจาวนั ประสบการณ์ และส่ิงแวดลอ้ ม ใกลต้ วั 174

สาระท่ี 2 ภาษาและวฒั นธรรม มาตรฐาน ต 2.2 เข้าใจความเหมือนและความแตกต่างระหว่างภาษาและวัฒนธรรมของเจ้าของภาษา กับภาษาและวฒั นธรรมไทย และนามาใช้อย่างถกู ต้องและเหมาะสม ตวั ช้ีวดั ต 2.2 ม. 1/1 บอกความเหมอื นและความแตกต่างระหวา่ งการออกเสียงประโยคชนิดต่าง ๆ การใช้ เคร่ืองหมายวรรคตอน และการลาดบั คาตามโครงสร้างประโยคของภาษาต่างประเทศ และภาษาไทย 2. สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การรู้และเขา้ ใจโครงสร้างภาษา ช่วยให้สามารถพดู ขอและใหข้ อ้ มลู เกี่ยวกบั สิ่งของใกลต้ วั ไดอ้ ยา่ ง ถกู ตอ้ ง 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ทักษะเฉพาะวิชา 1) Language Features and Functions Grammar: there is/there are a/an – some/any Prepositions of place The imperative Functions: Describing location Where is the lamp? On the bedside cabinet. 2) Language Skills Speaking: พดู ขอและให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั ส่ิงท่มี ีและไมม่ ีในภาพ, พดู ออกคาสั่ง, พดู ขอและใหข้ อ้ มลู เกี่ยวกบั ตาแหน่งของส่ิงของตา่ ง ๆ Writing: เขียนบรรยายสิ่งของที่มีและไมม่ ีในภาพ 4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน 1) ความสามารถในการส่ือสาร 2) ความสามารถในการคดิ 175

5. คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ - ใฝ่เรียนรู้ 6. กิจกรรมการเรียนรู้ ช่ัวโมงท่ี 1 ข้นั Warm up นกั เรียนเลน่ เกม Which room am I in? ครูใหน้ กั เรียนคนหน่ึงสมมตวิ ่าตนเองอยใู่ นห้องหน่ึงห้อง แลว้ พดู ประโยคบอกเพื่อนเก่ียวกบั เฟอร์นิเจอร์หรือเคร่ืองใชท้ ม่ี ใี นหอ้ งน้นั ทีละช้ิน ให้เพอ่ื นในช้ัน ทายวา่ เป็นห้องอะไร ถา้ ใครทายถูกตอ้ งจะไดเ้ ป็นคนพดู ประโยคคนต่อไป เช่น S1: There’s a chair in it. S2: You are in a bedroom. S1: No! There’s a fridge in it. S3: You are in a kitchen. S1: Correct! S3: There’s a pillow in it. ข้นั Presentation 1. ครูทบทวนการใช้ there is/there are โดยยกตวั อยา่ งประโยคบนกระดาน และขดี เสน้ ใตค้ านามหลงั there is/there are There is a book on the desk. There is some orange juice in the fridge. There are two chairs in a bedroom. There are four books on the table. ใหน้ กั เรียนอา่ นประโยคพร้อมกนั และบอกความหมายของ there is/there are จากน้นั ครูถามว่าจะใช้ there is/there are อยา่ งไร (there is ใชก้ บั คานามเอกพจน์และคานามนบั ไมไ่ ด้ ส่วน there are ใชก้ บั คานามพหูพจน)์ 2. ครูกาหนดคาศพั ท์ จากน้นั สุ่มเรียกนกั เรียนให้แต่งประโยคจากคาศพั ทด์ งั กลา่ วโดยใช้ There is หรือ There are แลว้ ครูเขียนประโยคท่นี กั เรียนแตง่ บนกระดาน เช่น a bed, a bedroom  There is a bed in a bedroom. 176

a television, a living room  There is a a television in a living room. three chairs, a kitchen  There are three chair in a kitchen. two pillows, a bedroom  There are two pillows in a bedroom. 3. ครูใหน้ กั เรียนช่วยกนั เปล่ยี นประโยคบนกระดานใหเ้ ป็นประโยคคาถามและประโยคปฏิเสธ เช่น There is a bed in a bedroom.  Is there a bed in a bedroom?  There isn’t a bed in a bedroom. There are three chairs in a kitchen.  Are there three chairs in a kitchen?  There aren’t three chairs in a kitchen. แลว้ ช่วยกนั สรุปการทาเป็นประโยคคาถามและประโยคปฏเิ สธ (ประโยคคาถามให้ยา้ ย is, are มา ข้นึ ตน้ ประโยค ส่วนประโยคปฏิเสธให้เตมิ not (n’t) หลงั is, are) จากน้นั ครูเขียนโครงสร้างบน กระดาน ประโยคคาถาม Is there/Are there + noun …? ประโยคปฏเิ สธ There is/There are + not (n’t) + noun … 4. หนังสือเรียน หน้า 36 Ex. 1 นกั เรียนอา่ นตวั อยา่ งประโยคในตาราง เพอ่ื ทบทวนโครงสร้างประโยค แลว้ เตมิ กฎการใช้ there is, there are ใหถ้ ูกตอ้ ง 1 there is/there isn’t 2 there are/there aren’t 3 Is there/Are there 5. ครูทบทวนการใช้ a, an, some และ any โดยยกตวั อยา่ งประโยคบนกระดาน There is a picture on the wall. She has got a dog. There is an orange on the table. Tom eats an apple in the morning. There are some books on the table. There is some sugar in a bowl. There aren’t any plates on the table. There isn’t any rice in the pot. Is there any sugar in the box? Are there any tables in the bedroom? 177

ให้นกั เรียนสังเกตคานามที่ตามหลงั a, an, some, any และโครงสร้างประโยค แลว้ ช่วยกนั สรุปวิธีใช้ - a ใชก้ บั คานามเอกพจน์ทขี่ ้นึ ตน้ ดว้ ยเสียงพยญั ชนะ - an ใชก้ บั คานามเอกพจน์ท่ีข้ึนตน้ ดว้ ยเสียงสระ - some ใชใ้ นประโยคบอกเลา่ ใชก้ บั คานามนบั ไดร้ ูปพหูพจน์และคานามนบั ไมไ่ ด้ - any ใช้ในประโยคคาถามและปฏิเสธ ใชก้ บั คานามนบั ไดร้ ูปพหูพจน์และคานามนบั ไม่ได้ 6. หนังสือเรียน หน้า 36 Ex. 4 นกั เรียนอ่านตวั อยา่ งประโยค แลว้ เติมกฎการใช้ a/an – some/any ให้ ถกู ตอ้ ง จากน้นั ให้นกั เรียนช่วยกนั คดิ ว่าในภาษาไทยมกี ารใชค้ านาหนา้ นามในลกั ษณะเช่นน้ีหรือไม่ 1 a/an/some 2 any 3 any ข้นั Practice 1. หนงั สือเรียน หน้า 36 Ex. 2 นกั เรียนดูภาพและเติม Is there หรือ Are there ลงในประโยคคาถาม พร้อมท้งั ตอบคาถามใหถ้ กู ตอ้ ง จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 5 คู่ พูดถาม-ตอบกนั โดยให้นกั เรียน ท่เี หลือช่วยกนั ตรวจคาตอบ 2. Are there, Yes, there are. 3 Are there, Yes, there are. 4 Is there, No, there isn’t. 5 Are there, No, there aren’t 6 Are there, No, there aren’t. 2. หนงั สือเรยี น หน้า 36 Ex. 3 นกั เรียนเติมประโยคเก่ียวกบั หอ้ งนอนของตนเองตามความเป็นจริง โดย ใช้ there is, there isn’t, there are, there aren’t เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนหลาย ๆ คน อ่านประโยค ให้เพื่อนฟัง ถา้ มจี ุดผดิ ให้นกั เรียนช่วยกนั แกไ้ ขใหถ้ กู ตอ้ ง 1 there is 2 there is 3 there aren’t 4 there is 5 there aren’t 6 there is 7 there aren’t 8 there are 178

3. หนงั สือเรียน หน้า 36 Ex. 5 นกั เรียนเติม some หรือ any ลงในประโยคให้ถกู ตอ้ ง เสร็จแลว้ ครู สุ่มเรียกนกั เรียนบอกคาตอบ และครูเฉลยคาตอบ 1 any 2 any 3 any 4 some 5 some ข้นั Production 1. ครูแจกกระดาษ A4 ให้นกั เรียนคนละ 1 แผน่ ให้นกั เรียนติดภาพหอ้ งในบา้ นทเี่ ตรียมมา ครูอาจจะ เตรียมภาพจากนิตยสารหรืออินเทอร์เนต็ มาเผือ่ สาหรบั นกั เรียนท่ีไมไ่ ดเ้ ตรียมภาพมา จากน้นั ให้ นกั เรียนเขยี นบรรยายส่ิงที่มีและไมม่ ีในภาพโดยใชโ้ ครงสร้าง there is/there are ร่วมกบั a/an – some/any 2. ให้นกั เรียนจบั คู่ ผลดั กนั พดู ถาม-ตอบเก่ียวกบั ส่ิงที่มแี ละไม่มีในภาพของนกั เรียน โดยใชค้ าถาม Is there/Are there …? เช่น Is there a sofa in your living room? 3. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 22-23 Exs. 1-6 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น ช่ัวโมงท่ี 2 ข้นั Warm up ครูแบง่ นกั เรียนออกเป็น 2 ทมี เพ่ือเล่นเกม แลว้ อธิบายว่า ครูจะพดู ประโยคซ่ึงมจี ดุ ผดิ ให้แต่ละทีม แขง่ กนั ออกมาเขยี นประโยคที่ถกู ตอ้ งบนกระดาน ทมี ใดเขียนเสร็จกอ่ นและถกู ตอ้ งจะได้ 1 คะแนน สุดทา้ ยทมี ที่ไดค้ ะแนนมากกวา่ จะเป็นผชู้ นะ ตวั อยา่ งประโยคที่มีจดุ ผดิ There is some chairs in the kitchen. Is there some pillows in the bedroom? There is some pictures on the wall. There are some milk in the glass. There is any book on the table. There aren’t some students in the class. Are there some ice in the box? Is there some pens in the pencil case? 179

ข้นั Presentation 1. ครูทบทวน prepositions of place: in, on, under, behind, next to, in front of, between โดยนา หนงั สือไปวางยงั ทต่ี ่าง ๆ พร้อมกบั พดู ประโยค ให้นกั เรียนพดู ตาม เช่น - วางหนงั สือบนโต๊ะ พร้อมกบั พดู ว่า The book is on the desk. - วางหนงั สือในกระเป๋ า พร้อมกบั พูดวา่ The book is in a bag. ต่อมาครูเขียนประโยคต่อไปน้ีบนกระดาน There are two pens on the desk. There is the bone in the bowl. My house is next to a shop. The balls are under the sofa. ใหน้ กั เรียนสงั เกตตาแหน่งของ prepositions of place ในประโยค แลว้ ครูอธิบายวา่ prepositions of place มกั จะอยรู่ ะหว่างคานามกบั คานาม เพื่อแสดงความสมั พนั ธ์ระหว่างคานามทอี่ ยขู่ า้ งหนา้ preposition กบั คานามที่ตามหลงั preposition จากน้นั ครูนาปากกาไปวางในที่ตา่ ง ๆ และถามคาถาม ให้นกั เรียนบอกตาแหน่งของปากกา เช่น T: (วางปากกาไวบ้ นโต๊ะนกั เรียนคนหน่ึง) Where’s my pen? Ss: It’s on a desk. 2. ครูนาส่ิงของไปวางตามทตี่ า่ ง ๆ ในช้นั เรียน เพ่ือใหน้ กั เรียนบอกตาแหน่งของสิ่งของ เช่น - วางหนงั สือบนโต๊ะ A book is on the table. - วางกระเป๋ าของนกั เรียนใตโ้ ตะ๊ A schoolbag is under the table. - วางกล่องถดั จากช้นั หนงั สือ A box is next to a bookcase. 3. ครูยกตวั อยา่ งประโยคคาสั่งบนกระดาน Close the door. Turn off the light. และถามนกั เรียนว่าประโยคคาส่งั จะข้นึ ตน้ ประโยคดว้ ยคาประเภทใด (คากริยาช่องท่ี 1) แลว้ ครู อธิบายว่าเราสามารถนา please มาวางไวท้ า้ ยประโยคคาสง่ั เพ่อื ทาใหป้ ระโยคสุภาพมากข้ึน เช่น Close the door, please. ตอ่ มาครูยกตวั อยา่ งประโยคคาสั่งห้าม Don’t use the phone in the cinema. Don’t close the door. ให้นกั เรียนสงั เกตว่า ประโยคคาสงั่ ห้ามจะข้ึนตน้ ประโยคดว้ ยคาวา่ อะไร แลว้ ครูอธิบายว่า ประโยค คาส่งั หา้ มจะข้ึนตน้ ประโยคดว้ ย don’t และตามดว้ ยคากริยาช่องท่ี 1 180

4. ครูพดู ประโยคคาสง่ั และให้นกั เรียนทุกคนปฏบิ ตั ิตาม เช่น T: Stand up. Ss: (ยืนข้นึ ) T: Close your book. Ss: (นง่ั ลง) จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียนเป็นรายบคุ คลใหป้ ฏิบตั ิตามคาส่งั เช่น T: Nita, write your name on the board. Nita: (เขยี นชื่อตนเองบนกระดาน) 5. ครูนาเสนอการใช้ Let’s เพื่อชกั ชวนให้ทาบางสิ่งบางอยา่ ง ดว้ ยการยกตวั อยา่ งบนกระดาน เช่น Let’s have lunch. Let’s go shopping. ครูถามนกั เรียนวา่ หลงั Let’s จะตามดว้ ยคาประเภทใด (คากริยาช่องที่ 1) จากน้นั ครูสุ่มเรียกนกั เรียน 2-3 คน พดู ประโยคที่ใช้ Let’s โดยครูกาหนดคากริยาให้ เช่น T: Do homework S1: Let’s do homework. T: Watch a film S1: Let’s watch a film. ข้นั Practice 1. หนงั สือเรยี น หน้า 37 Ex. 6 นกั เรียนดภู าพ แลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนพูดบอกตาแหน่งของลูกบอลท่ี อยใู่ นภาพ โดยให้นกั เรียนในช้นั ช่วยกนั ตรวจความถูกตอ้ ง The ball is on the box. The ball is under the box. The ball is behind the box. The ball is next to the box. The ball is in front of the box. The ball is between the two boxes. 2. ครูนาส่ิงของ 5 อยา่ ง ไปวางตามจดุ ตา่ ง ๆ ในช้นั เรียน แลว้ สุ่มเรียกนกั เรียน 5 คน ใหย้ ืนข้ึนถาม ตาแหน่งของสิ่งของทค่ี รูนาไปวาง ใหน้ กั เรียนในช้นั ช่วยกนั ตอบคาถาม เช่น S1: Where is the watch? Ss: It’s on the book. 181

S2: Where is the scarf? Ss: It’s in the handbag. 3. หนังสือเรยี น หน้า 37 Ex. 7 นกั เรียนดภู าพ แลว้ เติม preposition ลงในขอ้ ความให้ถกู ตอ้ ง เสร็จแลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนอ่านคนละ 1 ประโยค 1 between 2 on 3 in front of 4 in 5 behind 6 on 4. หนงั สือเรียน หน้า 37 Ex. 8 นกั เรียนอ่านตวั อยา่ งประโยคในกรอบ และระบุวา่ ประโยคใดเป็นคาสัง่ คาสั่งห้าม และคาชกั ชวน จากน้นั ให้นกั เรียนดภู าพ และใชค้ ากริยาที่กาหนดให้เตมิ ประโยคให้ สัมพนั ธก์ บั ภาพ เสร็จแลว้ ครูเฉลยคาตอบ 1 Don’t jump 2 Let’s go 3 Come 4 Let’s dance 5 Open 6 Don’t talk 5. ครูให้นกั เรียนแบง่ กลุ่ม กลุ่มละ 5 คน ใหส้ มาชิกแตล่ ะคนผลดั กนั พูดออกคาส่ังคนละ 2 คาสั่ง ให้ สมาชิกคนอน่ื ๆ ปฏบิ ตั ติ ามคาส่งั โดยแตล่ ะคนจะตอ้ งไมอ่ อกคาสงั่ ซ้ากนั ครูคอยสงั เกตว่านกั เรียน พูดออกคาสงั่ และปฏิบตั ติ ามคาสงั่ ถูกตอ้ งหรือไม่ ข้นั Production 1. หนังสือเรียน หน้า 37 Ex. 9 นกั เรียนจบั คูก่ นั พดู ถาม-ตอบเกี่ยวกบั ตาแหน่งของส่ิงของต่าง ๆ ในภาพ ตามท่ีกาหนด ครูเดินสงั เกตขณะนกั เรียนทากิจกรรม แลว้ สุ่มเรียกนกั เรียนบางคอู่ อกมาพูดถาม-ตอบ ทหี่ นา้ ช้นั A: Where is the lamp? B: On the bedside cabinet. A: Where is the vase? B: On the bedside cabinet. A: Where are the flowers? B: In the vase. 182

A: Where is the plant? B: Behind the bed. A: Where are the slippers? B: Next to the bed. A: Where is the window? B: Next to the bed. A: Where are the books? B: In the bedside cabinet. A: Where is the bedside cabinet? B: Between the bed and the armchair. 2. นกั เรียนทา Grammar Bank 3 ในแบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 73 Exs. 1-5 ร่วมกนั ในช้นั 3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 23 Exs. 7-9 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น 7. การวดั และการประเมนิ ผล วธิ ีการวดั เคร่ืองมือ เกณฑ์การผ่าน ตรวจการเขียนบรรยายส่ิงท่ีมีและไมม่ ี กระดาษผลงานนกั เรียน ร้อยละ 60 ในภาพ สงั เกตการพดู ขอและให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ ส่ิงท่ีมแี ละไมม่ ีในภาพ สังเกตการเปรียบเทียบการใช้ แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้ คานาหนา้ นามในภาษาองั กฤษและ ภาษาไทย สังเกตการพดู ออกคาสั่งและปฏิบตั ิ แบบสังเกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั คุณภาพ พอใช้ ตามคาสัง่ ประเมนิ การพูดขอและให้ขอ้ มูล แบบประเมนิ การพดู ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ เกี่ยวกบั ตาแหน่งของส่ิงของตา่ ง ๆ ในภาพ สังเกตความใฝ่ เรียนรู้ แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ ผา่ น อนั พงึ ประสงค์ 8. สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียน SPARK 1 ม. 1 2) แบบฝึกหัด SPARK 1 ม. 1 3) ส่ิงของต่าง ๆ เช่น นาฬกิ า ปากกา หนงั สือ กระเป๋ า 183

3 Skills 3c 2 ช่ัวโมง จุดประสงค์การเรียนรู้ - ตอบคาถามและพดู ให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั เรื่องที่ฟังได้ - พดู อภิปรายตามประเดน็ ทีก่ าหนดได้ - คน้ ควา้ ขอ้ มลู เกี่ยวกบั แมลงและเขียนนาเสนอได้ 1. สาระ มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ชีว้ ัด สาระที่ 1 ภาษาเพอื่ การสื่อสาร มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตคี วามเรื่องทีฟ่ ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคิดเห็น อย่างมเี หตุผล ตวั ช้ีวดั ต 1.1 ม. 1/4 ระบหุ วั ขอ้ เร่ือง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและ อ่านบทสนทนา นิทาน และเร่ืองส้ัน มาตรฐาน ต 1.2 มที กั ษะการสื่อสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ ความคิดเห็นอย่างมปี ระสิทธภิ าพ ตวั ช้ีวดั ต 1.2 ม. 1/4 พูดและเขียนเพ่ือขอและให้ขอ้ มลู และแสดงความคิดเห็นเก่ียวกบั เร่ืองทฟ่ี ังหรืออ่าน อยา่ งเหมาะสม มาตรฐาน ต 1.3 นาเสนอข้อมูลข่าวสาร ความคิดรวบยอด และความคิดเห็นในเรื่องต่าง ๆ โดยการพูด และการเขียน ตวั ช้ีวดั ต 1.3 ม. 1/2 พูด/เขยี นสรุปใจความสาคญั /แกน่ สาระ (theme) ทไี่ ดจ้ ากการวิเคราะห์เร่ือง/ เหตุการณท์ อ่ี ยใู่ นความสนใจของสงั คม สาระที่ 3 ภาษากบั ความสัมพันธ์กับกล่มุ สาระการเรียนรู้อน่ื มาตรฐาน ต 3.1 ใชภ้ าษาต่างประเทศในการเชื่อมโยงความรู้กบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้อื่น และเป็น พ้ืนฐานในการพฒั นา แสวงหาความรู้ และเปิ ดโลกทศั น์ของตน 184

ตวั ช้ีวดั คน้ ควา้ รวบรวม และสรุปขอ้ มลู /ขอ้ เทจ็ จริงท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั กลมุ่ สาระการเรียนรู้อ่ืน ต 3.1 ม. 1/1 จากแหล่งการเรียนรู้ และนาเสนอดว้ ยการพูด/การเขียน 2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด การเรียนรู้คาศพั ท์เกี่ยวกบั แมลง จะช่วยใหเ้ ขา้ ใจและบอกรายละเอยี ดของเรื่องท่ีฟังได้ รวมถึง สามารถนาความรู้ทีเ่ รียนไปใชพ้ ดู /เขียนสื่อสารและคน้ ควา้ เพ่ิมเตมิ เก่ียวกบั แมลงได้ 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ทักษะเฉพาะวชิ า 1) Language Features and Functions Vocabulary: Insects (ant, flea, beetle, fly, scorpion, spider, moth, cockroach, bedbugs, woodworm beetle) Nouns (people, insects, creepy crawlies, smell, pieces, meals, hiding place, spider, web, corner, castle) Adjectives (alone, small, empty, tidy) Pronoun (everything) Functions: Talking about household bugs There are bugs in every house. Cockroaches can hide behind the fridge. 2) Language Skills Listening: ฟังเพอื่ หาขอ้ มูลเฉพาะ Speaking: พดู สิ่งที่ไดเ้ รียนรู้เก่ียวกบั แมลง, อภิปรายวิธีป้องกนั ไม่ใหม้ ีแมลงในบา้ น Writing: เขียนให้ขอ้ มลู เกี่ยวกบั แมลง 4. สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รียน 1) ความสามารถในการสื่อสาร 2) ความสามารถในการคดิ 3) ความสามารถในการใชเ้ ทคโนโลยี 185

5. คุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 1) ใฝ่เรียนรู้ 2) มุง่ มน่ั ในการทางาน 6. กิจกรรมการเรียนรู้ ชั่วโมงที่ 1 ข้นั Warm up 1. นกั เรียนฟังเพลงจากคลปิ วดิ ีโอจากเวบ็ ไซต์ https://www.youtube.com/watch?v=KwMBNJxRP_w ครูอาจจะเปิ ดให้นกั เรียนฟังเพียง 1-2 เพลง เพ่อื ดึงความสนใจของนกั เรียนเขา้ สู่บทเรียน 2. ครูถามนกั เรียนวา่ รู้จกั แมลงอะไรบา้ ง ใหน้ กั เรียนช่วยกนั บอกช่ือแมลงที่รู้จกั โดยสามารถพดู เป็น ภาษาไทยได้ จากน้นั ครูบอกนกั เรียนว่า ในบทเรียนน้ีนกั เรียนจะไดเ้ รียนรู้เก่ียวกบั แมล แลว้ ครูเขียน คาวา่ insect บนกระดาน ใหน้ กั เรียนอ่านออกเสียงตามครูพร้อมกนั 2 คร้ัง ข้นั Pre-listening 1. นกั เรียนดูภาพในหนงั สือเรียน หนา้ 38 แลว้ ครูถามว่า What can you see in this page? (Insects) Is the boy happy? (No.) 2. หนังสือเรียน หน้า 38 Ex. 1 นกั เรียนดูภาพแมลง แลว้ ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังคาศพั ทเ์ ก่ียวกบั แมลง โดยต้งั ใจฟังว่าแต่ละคาลงเสียงเนน้ หนกั ทพ่ี ยางคใ์ ด ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฝึกออกเสียงตาม 2-3 คร้งั จากน้นั ให้นกั เรียนออกเสียงคาศพั ทพ์ ร้อมกนั แลว้ ครูสุ่มเรียกนกั เรียนออกเสียงทีละคน เมือ่ นกั เรียนออกเสียงไดค้ ล่องแลว้ ใหช้ ่วยกนั บอกช่ือแมลงเหลา่ น้ีเป็นภาษาไทย 186

ant = มด flea = หมดั beetle = ดว้ ง fly = แมลงวนั scorpion = แมงป่ อง spider = แมงมุม moth = ผีเส้ือกลางคืน cockroach = แมลงสาบ bedbug = ตวั เรือด woodworm beetle = ปลวก 3. นกั เรียนอา่ นออกเสียงคาศพั ทใ์ นกรอบ Check these words หนงั สือเรียน หนา้ 38 ตามครู จากน้นั ให้ ช่วยกนั อธิบายความหมาย ถา้ คาใดไมร่ ู้ครูช่วยอธิบาย เช่น alone (adj, adv) = without any other people (โดยลาพงั ) creepy crawlies (n) = insects (แมลง) meal (n) = n occasion when people sit down to eat food, especially breakfast, lunch or dinner (ม้ืออาหาร) hiding place (n) = a place where somebody/something can be hidden (ทีซ่ ่อน) castle (n) = a large strong building with thick high walls and towers, built in the past by kings or queens (ปราสาท) tidy (adj) = having everything orderedand arranged in the right place, or liking to keep things like this (ท่เี ป็นระเบยี บเรียบร้อย) 4. ให้นกั เรียนอ่านคาถามในหนงั สือเรียน หนา้ 38 Ex. 2 แลว้ ช่วยกนั บอกคาสาคญั ในคาถาม เช่น ขอ้ 1 see behind fridge, cookers; ขอ้ 2 find, bedroom จากน้นั ให้นกั เรียนลองเดาคาตอบและเปรียบเทยี บ กบั เพ่อื น 5. ครูบอกนกั เรียนวา่ กาลงั จะไดฟ้ ังเร่ือง Are you home alone? ซ่ึงเป็นเร่ืองเกี่ยวกบั แมลงท่อี ยใู่ นบา้ น ครูย้ากบั นกั เรียนว่า ไม่จาเป็นตอ้ งฟังออกทุกคา ให้เนน้ ฟังเพ่อื หาคาตอบของคาถามใน Ex. 2 ข้นั Listening หนงั สือเรยี น หน้า 38 Ex. 2 ครูเปิ ด CD ใหน้ กั เรียนฟัง โดยต้งั ใจฟังเน้ือเรื่องส่วนท่ีเกี่ยวขอ้ งกบั คาสาคญั และจดบนั ทกึ คาตอบ เม่อื ฟังจบครูถามนกั เรียนว่าตอบคาถามไดค้ รบหรือไม่ ครูอาจจะเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังอกี คร้งั เม่อื นกั เรียนตอบคาถามครบแลว้ ครูขออาสาสมคั รบอกคาตอบ แลว้ ให้ นกั เรียนช่วยกนั ตรวจความถูกตอ้ ง 1 Cockroaches 2 Bedbugs and moths 3 A spider 4 Woodworms 5 No. 187

ข้นั Post-listening 1. ครูถามนกั เรียนวา่ ใครเดาคาตอบถกู ตอ้ งบา้ ง โดยครูถามต้งั แตถ่ ูก 1 ขอ้ จนถึงถูกทุกขอ้ 2. หนงั สือเรยี น หน้า 38 Ex. 3 ใหน้ กั เรียนปิ ดหนงั สือเรียน แลว้ จบั คกู่ บั เพื่อนผลดั กนั พดู ส่ิงทไ่ี ดเ้ รียนรู้ เก่ียวกบั แมลงจากเรื่องทีฟ่ ัง ครูเดินสงั เกตการทากิจกรรม แลว้ สุ่มเรียกนกั เรียนหลาย ๆ คน พดู ให้ เพอ่ื นฟัง There are bugs in every house. Cockroaches can hide behind the fridge. There can be bedbugs in the bed. You can find moths in the wardrobe. Bugs don’t like clean houses. 3. นกั เรียนแบ่งกลุ่ม กลุ่มละ 4 คน ช่วยกนั คดิ วิธีป้องกนั ไม่ใหม้ ีแมลงในบา้ น โดยให้นกั เรียนใชร้ ูป ประโยคคาส่ัง เช่น Clean the kitchen after cooking. Throw away rubbish every day. จากน้นั ให้ ตวั แทนแตล่ ะกลมุ่ พดู นาเสนอให้กลุม่ อน่ื ๆ ฟัง หลงั จากทกุ กลุม่ นาเสนอแลว้ ครูและนกั เรียนร่วมกนั สรุปวิธีทน่ี กั เรียนสามารถทาได้ และให้นกั เรียนนาไปปฏบิ ตั ิท่ีบา้ น 4. ครูมอบหมายให้นกั เรียนไปคน้ ควา้ ขอ้ มูลทนี่ ่าสนใจเกี่ยวกบั แมลงจากอนิ เทอร์เนต็ สารานุกรม หรือ หนงั สืออา้ งองิ อนื่ ๆ มา 5-6 ขอ้ มลู พร้อมท้งั หาภาพประกอบมมาดว้ ย เพื่อใชท้ ากิจกรรมในชว่ั โมง ถดั ไป 5. นกั เรียนทา Language Review 3c Exs. 2-3 ในหนงั สือเรียน หนา้ 107 ร่วมกนั ในช้นั 6. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 24 Exs. 1-2 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น 188

ชั่วโมงที่ 2 ข้นั Warm up 1. นกั เรียนดคู ลปิ วดิ ีโอจากเวบ็ ไซต์ https://www.youtube.com/watch?v=bPOlsjWbf3c เมอ่ื ดจู บครูให้ นกั เรียนบอกชื่อแมลงท่ีมใี นคลิป 2. ครูแบ่งนกั เรียนออกเป็น 2 ทีม เพือ่ เล่นเกม ให้แต่ละทมี ส่งตวั แทนท่วี าดภาพเก่งออกมา 1 คน เพื่อ จบั สลากคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั แมลง และวาดภาพบนกระดาน ใหเ้ พื่อนในทีมทายคาศพั ท์ ถา้ ทายถกู จะ ได้ 1 คะแนน แตถ่ า้ ทายผดิ อกี ทีมหน่ึงจะไดส้ ิทธ์ิทาย เม่อื เล่นเกมจบทมี ที่มคี ะแนนมากทีส่ ุดจะเป็น ผชู้ นะ ข้นั Presentation 1. นกั เรียนอ่านขอ้ ความในกรอบ Did you know? แลว้ ครูถามนกั เรียนวา่ เคยรู้ขอ้ มลู น้ีมาก่อนหรือไม่ 2. ครูนาเสนอคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั แมลงเพม่ิ เตมิ โดยเขียนคาศพั ทบ์ นกระดาน เช่น ladybird (แมลงเต่าทอง), butterfly (ผเี ส้ือ), grasshopper (ตกั๊ แตน), wasp (ตอ่ ), dragonfly (แมลงปอ) ให้นกั เรียนอา่ นออกเสียง ตามครูพร้อมกนั จากน้นั ช่วยกนั หาความหมายในพจนานุกรม ข้นั Practice 1. นกั เรียนแบง่ กลุ่ม กลมุ่ ละ 3-4 คน แลว้ ครูเปิ ด CD ให้นกั เรียนฟังเร่ือง Are you home alone? แตล่ ะ กลมุ่ สรุปขอ้ มูลเก่ียวกบั แมลงทไี่ ดฟ้ ังในรูปของ mind map 2. ครูถามคาถามเกี่ยวกบั เกี่ยวกบั เรื่องท่ฟี ัง เช่น Which insect can you findin a wardrobe? Moths Where can you find a spider? At the corners of the rooms. Do woodworms like clothes? No, they like wood. ข้นั Production 1. หนังสือเรยี น หน้า 38 Ex. 4 นกั เรียนแบ่งกลุม่ กลมุ่ ละ 4-5 คน ใหแ้ ต่ละกล่มุ รวบรวมขอ้ มูลเก่ียวกบั แมลงทส่ี มาชิกในกลมุ่ คน้ ควา้ มา แลว้ ช่วยกนั เลือกขอ้ มลู ทน่ี ่าสนใจ 5 ขอ้ มูล เพือ่ เขียนลงในกระดาษ A4 พร้อมท้งั ตดิ ภาพประกอบ และตกแต่งให้น่าสนใจ จากน้นั ให้แตล่ ะกลุ่มออกมานพเสนอผลงาน ทหี่ นา้ ช้นั 189

Insects live The longest insect everywhere, even in the world is the in the Arctic and Stick Insect. the Antarctic. Dragonflies have The biggest insect been on earth for in the world is the 300 million years. Acteon Beetle. A swarm of locusts can contain up to 28 billion locusts. 2. แบบฝึกหดั (Workbook) หนา้ 25 Ex. 4 ใหน้ กั เรียนฟัง CD แลว้ เติมขอ้ มลู ลงในช่องว่าง 3. แบบฝึกหัด (Workbook) หนา้ 25 Exs. 3, 5-6 ให้นกั เรียนทาเป็นการบา้ น 190

7. การวัดและการประเมนิ ผล วธิ กี ารวดั เครื่องมือ เกณฑ์การผ่าน ร้อยละ 60 ตรวจการตอบคาถามจากการอ่าน แบบฝึกหดั (Workbook) ระดบั คุณภาพ พอใช้ สงั เกตการพดู สิ่งที่ไดเ้ รียนรู้เก่ียวกบั แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ แมลงจากเรื่องท่ีฟัง ระดบั คณุ ภาพ พอใช้ สังเกตการอภปิ รายวธิ ีป้องกนั ไมใ่ ห้มี แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ ระดบั คณุ ภาพ ผา่ น แมลงในบา้ น ประเมนิ การคน้ ควา้ ขอ้ มลู เกี่ยวกบั แมลง แบบประเมนิ การสารวจ/คน้ ควา้ และเขยี นนาเสนอ สังเกตความใฝ่เรียนรู้และความมุ่งมน่ั แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ ในการทางาน อนั พึงประสงค์ 8. ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 1) หนงั สือเรียน SPARK 1 ม. 1 2) Class Audio CDs ประกอบส่ือฯ ชุด SPARK 1 ม. 1 3) แบบฝึกหดั SPARK 1 ม. 1 4) พจนานุกรมองั กฤษ-องั กฤษ 5) พจนานุกรมออนไลน์ 6) อนิ เทอร์เนต็ 7) คลิปวดิ ีโอ 8) สลากคาศพั ทเ์ กี่ยวกบั แมลง 191

4 Everyday English 3d 2 ชั่วโมง จดุ ประสงค์การเรียนรู้ - อา่ นออกเสียงบทสนทนาถูกตอ้ งตามหลกั การอ่านได้ - ตอบคาถามจากการอา่ นบทสนทนาได้ - แต่งบทสนทนาตามสถานการณ์ทก่ี าหนดได้ - พูดสนทนาในสถานการณ์ทกี่ าหนดได้ 1. สาระ มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ชี้วดั สาระท่ี 1 ภาษาเพอ่ื การสื่อสาร มาตรฐาน ต 1.1 เข้าใจและตีความเร่ืองทฟี่ ังและอ่านจากสื่อประเภทต่าง ๆ และแสดงความคดิ เห็น อย่างมีเหตุผล ตวั ช้ีวดั ต 1.1 ม. 1/2 อ่านออกเสียงขอ้ ความ นิทาน และบทร้อยกรอง (poem) ส้นั ๆ ถูกตอ้ งตามหลกั การอา่ น ต 1.1 ม. 1/4 ระบหุ ัวขอ้ เร่ือง (topic) ใจความสาคญั (main idea) และตอบคาถามจากการฟังและ อา่ นบทสนทนา นิทาน และเร่ืองส้ัน มาตรฐาน ต 1.2 มีทักษะการส่ือสารทางภาษาในการแลกเปลยี่ นข้อมลู ข่าวสาร แสดงความรู้สึกและ ความคิดเหน็ อย่างมปี ระสิทธภิ าพ ตวั ช้ีวดั ต 1.2 ม. 1/1 สนทนาแลกเปลยี่ นขอ้ มูลเกี่ยวกบั ตนเอง กิจกรรม และสถานการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตประจาวนั สาระที่ 2 ภาษาและวฒั นธรรม มาตรฐาน ต 2.1 เข้าใจความสัมพนั ธ์ระหว่างภาษากบั วัฒนธรรมของเจ้าของภาษา และนาไปใช้ได้ อย่างเหมาะสมกับกาลเทศะ ตวั ช้ีวดั ต 2.1 ม. 1/1 ใชภ้ าษา น้าเสียง และกิริยาท่าทางสุภาพเหมาะสมตามมารยาทสังคมและวฒั นธรรม ของเจา้ ของภาษา 192

สาระที่ 4 ภาษากับความสัมพันธ์กับชุมชนและโลก มาตรฐาน ต 4.1 ใช้ภาษาต่างประเทศในสถานการณ์ต่าง ๆ ท้งั ในสถานศึกษา ชุมชน และสังคม ตวั ช้ีวดั ต 4.1 ม. 1/1 ใชภ้ าษาสื่อสารในสถานการณ์จริง/สถานการณจ์ าลองที่เกิดข้นึ ในหอ้ งเรียนและ สถานศกึ ษา 2. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด การรู้และเขา้ ใจวิธีการออกเสียงสูง-ต่าในประโยคคาถาม สานวนภาษาทใ่ี ชใ้ นการขอและให้ขอ้ มลู เก่ียวกบั ห้องและส่ิงของต่าง ๆ จะช่วยให้พูดสนทนาสื่อสารในชีวิตประจาวนั ไดอ้ ยา่ งถกู ตอ้ งและ เหมาะสม 3. สาระการเรียนรู้ 3.1 ทกั ษะเฉพาะวชิ า 1) Language Features and Functions Vocabulary: Sentences (Is Jim here?, Where’s that?, Thanks., Your room is great., Yes, it’s really big., Hey, whose is this guitar?, You’re very lucky., You’ve got everything.) Functions: Talking about your room & your things Wow! Your room is great! Thanks. It’s quite big. What’s this? That’s my DVD player and that’s my computer over there. Pronunciation: Intonation in questions Are you a student? Who are you? 2) Language Skills Listening: ฟังการออกเสียงประโยค Speaking: พูดสนทนาตามสถานการณท์ ีก่ าหนด Reading: อ่านเพอื่ หาขอ้ มูลเฉพาะ, อ่านออกเสียงบทสนทนา Writing: แต่งบทสนทนาตามสถานการณ์ท่กี าหนด 193


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook