บทเรียนออนไลน์ที่ 2 484 486 วชิ า การพฒั นาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย 4. ความคิดมุ่งการตลาด (Marketing Concept) ในตลาดผ้บู รโิ ภค จะมีผตู้ ้องการสินค้าแบบ เดยี วกนั แตล่ กั ษณะแตกต่างกนั มากมาย ถ้าพดู ถึงตลาดแล้วจะมีผู้บริโภคหลายอาชีพ ระดับการศึกษา ระดับชนชั้นและระดับอายุ ผู้บริโภคเหล่านี้จะต้องการสินค้าที่มีลักษณะแตกต่างกัน นักการตลาดจึง จำเป็นต้องผลิตสินค้าออกมาโดยมุ่งที่กลุ่มลูกค้ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่งโดยเฉพาะ และพยายามตอบสนอง ความตอ้ งการของลกู คา้ กล่มุ นัน้ ให้ได้รับความพึงพอใจสงู สุด อนั จะทำให้ลูกคา้ มคี วามจงรักภกั ดใี นตรา ยห่ี ้อและทำให้เกิดการซ้ือซำ้ ๆเกดิ ข้นึ อีกดว้ ย 5. ความคดิ ทางการตลาดทมี่ ุ่งสังคม (Social Marketing Concept) เป็นแนวความคิด ของนักการตลาดปัจจบุ ัน โดยให้ขอ้ คดิ ว่าธรุ กิจไม่ควรจะผลิตสินค้าตามความพอใจของผ้บู ริโภค เท่าน้ันควรเน้นในด้านสวัสดิภาพของสังคม หรอื ควรรบั ผิดชอบต่อสงั คมโดยส่วนรวมด้วยเช่น ควร สนใจผลทไี่ ด้ รับจากการบรโิ ภคสินค้า หรอื สินค้าและบรกิ ารทําให้เสือ่ มเสยี ศลี ธรรมจรรยาบรรณ ต่าง ๆ อย่างไร ควรหาทางแก้ไขอย่างไร ผ้ผู ลติ บางรายไม่เน้นลักษณะแนวความคดิ เช่นนี้ จงึ ทำ ให้เกิดปัญหาสังคมมากมายในปัจจุบัน เช่น การเกิดของ Disco Theque ตู้เกมส์ แหล่งอบายมุข ต่าง ๆ รวมทง้ั หีบห่อทใี่ หข้ อ้ มูลผดิ จากความเปน็ จริงดว้ ย ปัจจัยทีม่ อี ิทธิพลตอ่ การตลาด 1. ปัจจยั ท่คี วบคมุ ได้ (Controllable Facters) ประกอบด้วย 1.1 ผลติ ภัณฑ์ (Product) 1.2 ราคา (Price) 1.3 การจัดจำหนา่ ย (Place) 1.4 การสง่ เสริมการขาย (Promotion) 2. ปัจจัยทค่ี วบคุมไม่ได้ (Uncontrollable Facters) มีสว่ นประกอบดงั ต่อไปน้ี 2.1 สภาพแวดลอ้ มทางวัฒนธรรมและสงั คม (Cultural & Social Environment) 2.2 สภาพแวดลอ้ มทางการเมอื งและกฎหมาย (Political & Legal Environment) 2.3 สภาพแวดล้อมทางเศรษฐกจิ (Economics Environment ) 2.4 โครงสรา้ งของธุรกิจ (Exising Business Stucture) 2.5 ทรพั ยากรและวตั ถุประสงคข์ องกจิ การ (Resources and Objectives of firm) 2.6 สภาพแวดลอ้ มทางธรรมชาติ (Nature Environment ) 2.7 สภาพแวดล้อมทางเทคโนโลยี (Taehnologieal Environment ) 2.8 สภาพแวดลอ้ มดา้ นการแข่งขนั (Competitin Environment )
บทเรยี นออนไลน์ท่ี 2 485 487 วิชา การพัฒนาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย เร่อื งที่ 4 การระบคุ วามรู้และจัดทำระบบสารสนเทศ สารสนเทศ (information) เป็นผลลัพธ์ของการประมวลผล การจัดดำเนินการ และการเข้าประเภทข้อมูลโดยการรวม ความรู้เข้าไปต่อผู้รับสารสนเทศนั้น สารสนเทศมีความหมายหรือแนวคิดที่กว้าง และหลากหลาย ตั้งแต่การใช้คำว่าสารสนเทศในชีวิตประจำวัน จนถึงความหมายเชิงเทคนิค ตามปกติในภาษาพูด แนวคิดของสารสนเทศใกล้เคียงกับความหมายของการสื่อสาร เงื่อนไข การควบคุม ข้อมูล รูปแบบ คำส่งั ปฏิบตั ิการ ความรู้ ความหมายสอ่ื ความคดิ การรับรู้ และการแทนความหมาย ปัจจุบันนั้นผู้คนพูดเกี่ยวกับยุคสารสนเทศว่าเป็นยุคที่นำไปสู่ยุคแห่งองค์ความรู้หรือปัญญา นำไปสู่สังคมอุดมปัญญา หรือสังคมแห่งสารสนเทศ และ เทคโนโลยีสารสนเทศ แม้ว่าเมื่อพูดถึง สารสนเทศ เป็นคำที่เกี่ยวข้องในศาสตร์สองสาขา คือ วิทยาการสารสนเทศ และ วิทยาการ คอมพิวเตอร์ ซึ่งคำว่า “สารสนเทศ” ก็ถูกใช้บ่อยในความหมายที่หลากหลายและกว้างขวางออกไป และมกี ารนำไปใช้ในสว่ นของ เทคโนโลยีสารสนเทศ การประมวลผลสารสนเทศ สิ่งที่ได้จากการนำข้อมูลที่เก็บรวบรวมไว้มาประมวลผล เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ตาม จุดประสงค์ สารสนเทศ จึงหมายถึง ข้อมูลที่ผ่านการเลือกสรรให้เหมาะสมกับการใช้งานให้ทันเวลา และอยู่ในรปู ทีใ่ ช้ไดส้ ารสนเทศที่ดีต้องมาจากข้อมูลท่ีดี การจัดเก็บข้อมูลและสารสนเทศจะต้องมีการ ควบคุมดูแลเป็นอย่างดี เช่น อาจจะมีการกำหนดให้ผู้ใดบ้างเป็นผู้มีสิทธิใช้ข้อมูลได้ ข้อมูลที่เป็น ความลับจะต้องมีระบบขั้นตอนการควบคุม กำหนดสิทธิ์ในการแก้ไขหรือการกระทำกับข้อมูลว่าจะ กระทำได้โดยใครบ้าง นอกจากนี้ข้อมูลที่เก็บไว้แล้ว ไม่เกิดการสูญหายหรือถูกทำลายโดยไม่ได้ตั้งใจ การจัดเก็บข้อมูลที่ดีจะต้องมีการกำหนดรูปแบบของข้อมูลให้มีลักษณะง่ายต่อการจัดเก็บ และมี รูปแบบเดียวกัน ข้อมูลแต่ละชุดควรมีความหมายและมีความเป็นอิสระในตัวเอง นอกจากนี้ไม่ควรมี การเกบ็ ข้อมลู ซำ้ ซ้อนเพราะจะเป็นการสน้ิ เปลืองเนื้อทเี่ ก็บข้อมูล สารสนเทศในความหมายของข้อความ สารสนเทศสามารถหมายถึงคุณภาพของข้อความจากผู้ส่งไปหาผู้รับ สารสนเทศจะประกอบ ไปด้วยขนาดและเหตุการณ์ของสารสนเทศนั้น สารสนเทศสามารถแทนข้อมูลที่มีความถูกต้องและ ความแม่นยำหรือไม่มีก็ได้ ซึ่งสามารถเป็นได้ท้ังข้อเท็จจริงหรือข้อโกหกหรือเป็นเพยี งเหตุการณ์หน่ึงที่ เกิดขึน้ สารสนเทศจะเกดิ ขน้ึ เมื่อมผี สู้ ่งข้อความและผูร้ บั ข้อความอย่างนอ้ ยฝ่ายละหนงึ่ คนซึ่งทำให้เกิด
บทเรยี นออนไลน์ที่ 2 486 488 วิชา การพัฒนาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย การสื่อสารของข้อความและเข้าใจในข้อความเกิดขึ้น ซึ่งมีลักษณะใกล้เคียงกับ ความหมาย ความรู้ คำสั่ง การสื่อสาร การแสดงออกและการกระตุ้นภายใน การส่งข้อความที่มีลักษณะเป็นสารสนเทศ ในขณะเดียวกันกระบวนการสื่อสารสารสนเทศก็ถือเป็นสารสนเทศเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าคำว่า “สารสนเทศ” และ “ข้อมูล” มีการใช้สลับกันอยู่บ้าง แต่สองคำนี้มีข้อแตกต่างที่เด่นชัดคือ ข้อมูล เป็นกลุ่มของขอ้ ความที่ไมไ่ ด้จัดการรปู แบบ และไม่สามารถนำมาใช้งานได้จนกว่าจะมกี ารจัดระเบยี บ และดงึ ออกมาใช้ในรูปแบบสารสนเทศ ระบบสารสนเทศ (Information Systems) หมายถึง ระบบงานที่ถูกออกแบบขึ้นมาเพ่ือ เก็บรวบรวมขอ้ มูลการจดั ทำสารสนเทศและการสนบั สนนุ สารสนเทศให้กบั บุคคลหรือหน่วยงานต่าง ๆ ภายในองค์กรทตี่ ้องการใช้ ข้อมูล (Data) หมายถึง ข้อเท็จจริงได้ถูกเก็บรวบรวมมาโดยที่ยังไม่ได้ผ่านกระบวนการ วเิ คราะห์ เชน่ การบนั ทกึ ขอ้ มลู ยอดขายสนิ ค้าแตล่ ะวนั สารสนเทศ (Information) หมายถึง ขอ้ มูลท่ีไดผ้ า่ นกระบวนการประมวลผล หรือจัดระบบ แล้ว เพื่อให้มีความหมายและคุณค่าสำหรับผู้ใช้ เช่น ปริมาณการขายสินค้าแต่ละตัว จำแนกตามเขต การขาย เรอ่ื งท่ี 5 การแสวงหาความรแู้ ละจดั ทำระบบสารสนเทศ ววิ ฒั นาการของระบบสารสนเทศ ใน พ.ศ. 2493 ได้มีการนำคอมพิวเตอร์มาใช้ในงานธุรกิจ โดยใช้กับงานประจำเฉพาะงาน เช่น บัญชีเงินเดือน จัดพิมพ์ใบเสร็จต่าง ๆ ซึ่งมีลักษณะเป็นการประมวลผลรายการ ซึ่งเรียกว่าการ ประมวลผลข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ต่อมาใน พ.ศ. 2505-2513 คำว่า Management Information Systems ถูกใช้ในวงจำกดั คือหมายถงึ โปรแกรมท่ใี ช้ในวงจำกดั โดยมีวตั ถุประสงค์เพ่ือช่วยผู้บรหิ าร ในการจัดสินใจ เชน่ การพิมพ์รายงานงบดุลบัญชีของลูกค้าให้ผจู้ ัดการฝ่ายต่าง ๆ ใช้ในการตัดสินใจ อย่างไรกต็ ามระบบสารสนเทศในยุคแรก ๆ มีข้อจำกดั ไม่ยดื หยุน่ ใช้ขอ้ มลู จากการประมวลผลรายการ เท่านั้น ระบบสารสนเทศที่ใช้ช่วยในการตัดสินใจ จึงได้เริ่มตั้งแต่ปี 2513 และต่อมาเกิดพัฒนาการ ต่าง ๆ ทั้งไมโครคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์แสดงผลเชิงโต้ตอบซอฟต์แวร์ที่ใช้ง่ายและพัฒนาการด้าน เทคโนโลยีฐานขอ้ มลู ชว่ ยให้ระบบสารสนเทศท่ีใชง้ า่ ยและดกี ว่าเดมิ ในราว พ.ศ. 2526 ได้มีการวิจารณ์ถึงปัญหาของระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการว่าไม่ เหมาะสมสำหรับผบู้ ริหารระดับสูง ซงึ่ ตอ้ งกำหนดกลยุทธ์ นโยบาย และทิศทางขององค์การ ดังน้ันจึง
บทเรียนออนไลน์ที่ 2 487 489 วิชา การพัฒนาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย ต้องมีการใช้ข้อมูลทั้งภายในและภายนอกมาใช้จัดทำระบบสารสนเทศด้วย เช่น สภาพเศรษฐกิจ คแู่ ข่ง แนวคิดเกย่ี วกบั การจัดการเทคโนโลยสี ารสนเทศ การจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศสามารถจำแนกเป็นกลยุทธ์การจัดการที่สำคัญ 3 ด้าน คือ กลยุทธ์ระบบสารสนเทศ กลยุทธ์เทคโนโลยีสารสนเทศ และกลยุทธ์ระบบการจัดการสารสนเทศ ซึ่ง กลยุทธ์ทั้ง 3 นี้ต้องสัมพันธ์และสอดคล้องกับนโยบายกลยุทธ์ วัตถุประสงค์ แผนงานขององค์การ รวมทงั้ วธิ กี ารดำเนินงาน กลา่ วคอื ต้องการจดั ทำระบบสารสนเทศอะไร ใครเป็นผู้ใชร้ ะบบ ใช้ในงาน ลักษณะใด ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศอะไรในการสร้างระบบจึงจะบรรลุผลสำเร็จ ตามวัตถุประสงค์ และมีระบบการจัดการอะไรในการจัดสรรทรัพยากรควบคุมการใช้ให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและ ประสทิ ธิผล 1. กลยุทธร์ ะบบสารสนเทศ คอื การกำหนดระบบสารสนเทศทีต่ อ้ งการว่า ต้องการสรา้ งระบบ สารสนเทศอะไร และเพราะอะไร เช่น เป็นระบบสารสนเทศทั้งองค์กรหรือเป็นระบบฝ่ายงานใน องค์กรลักษณะและรูปแบบของสารสนเทศที่ต้องการคืออะไร ซึ่งความต้องการสารสนเทศต้อง สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์ขององค์การ ซึ่งเป็นแผนงานองค์การที่กำหนดว่าหน่วยงานควรมีระบบ สารสนเทศอะไรบ้างในช่วง 3 ถึง 5 ปีข้างหน้า รวมทั้งแผนปฏิบัตกิ ารประจำปีเพื่อให้สนองเป้าหมาย ดงั กล่าว ระบบเหลา่ นม้ี ีโครงสรา้ งขอ้ มลู ฐานขอ้ มูลอะไร และมีความสมั พันธก์ ันอยา่ งไร การกำหนดความต้องการระบบสารสนเทศว่า องค์การต้องการระบบใด อาจใช้การวิเคราะห์ ระบบสารสนเทศของทั้งองค์การ จำแนกตามหน้าที่การทำงาน กระบวนการทำงาน และข้อมูลที่ต้อง ใชห้ รอื อาจใช้การวิเคราะหเ์ ชงิ กลยทุ ธ์ โดยใช้วิธีวเิ คราะห์ปจั จยั แห่งความสำเรจ็ โดยท่ัวไประบบสารสนเทศในองค์การจำแนกได้หลายประเภท ได้แก่ ระบบสารสนเทศตาม ระดับการจัดการในองค์การ ระบบสารสนเทศตามหน้าที่งาน และระบบสารสนเทศสนับสนุนการ ทำงานขององค์การ ซึ่งบางระบบอาจสามารถจำแนกได้มากกว่าหนึ่งประเภท และระบบสารสนเทศ ใด ๆ ก็อาจนำไปใช้เป็นระบบสารสนเทศเชิงกลยุทธ์ก็ได้ ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ขององค์การในขณะนั้น เช่น ระบบสารสนเทศบริหารลูกค้าสัมพันธ์ใช้เป็นกลยุทธ์เพื่อรักษาลูกค้าเดิม และหาลูกค้าใหม่ ระบบสารสนเทศบัญชีเป็นระบบงานของฝ่ายบัญชีแต่อาจนำผลหรือสารสนเทศที่ได้ไปใช้ในระบบ สนบั สนุนการตดั สนิ ใจ เปน็ ตน้ 2. กลยทุ ธ์เทคโนโลยีสารสนเทศ คือ การนำเทคโนโลยีสารสนเทศไปใช้ เพือ่ จดั ทำหรือพัฒนา ระบบสารสนเทศ โดยพจิ ารณาว่า ระบบสารสนเทศทตี่ ้องการนน้ั มีกิจกรรมหรือกระบวนการทำงานใด ที่ต้องใช้เทคโนโลยี ใช้อุปกรณ์ เทคนิคอะไร จะทำได้อย่างไร เป็นต้นว่า ต้องการเครื่องคอมพิวเตอร์
บทเรียนออนไลนท์ ่ี 2 488 490 วิชา การพัฒนาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย แบบใด จำนวนเท่าไร ซอฟต์แวร์อะไร อุปกรณ์สำหรับใช้บันทึก จัดเก็บข้อมูลและแสดงผลลัพธ์ ระบบจัดการฐานข้อมูลและฐานข้อมูลที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการสื่อสารข้อมูลและเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ตา่ ง ๆ เพือ่ นำไปใช้ในงานแต่ละงานที่เก่ยี วขอ้ ง 3. กลยุทธ์ระบบการจัดการสารสนเทศ คือ การบริหารจัดการเพื่อให้การจัดทำระบบ สารสนเทศสำเร็จตามวัตถปุ ระสงคแ์ ละเปา้ หมายที่ตั้งไว้ โดยพจิ ารณาว่า จะสามารถทำได้อยา่ งไร และ ทำอย่างไรจึงจะเกิดประสิทธิภาพ ดังนั้นกลยุทธ์ระบบการจัดการสารสนเทศจึงเกี่ยวข้องกับประเด็น การจัดการ 3 ประการ คอื 3.1 ประเด็นปัญหาของการพัฒนาระบบสารสนเทศและการทำแผนการใช้เทคโนโลยี สารสนเทศ 3.2 ประเด็นการจัดการทรัพยากรในการจัดการระบบสารสนเทศ ซึ่งได้แก่ การจัดองค์การ เทคโนโลยสี ารสนเทศ การจัดการทรัพยากรบคุ คล ทรัพยากรการเงนิ 3.3 ประเด็นการควบคมุ ความม่นั คงปลอดภัยของระบบสารสนเทศ
บทเรยี นออนไลนท์ ี่ 2 489 491 วิชา การพัฒนาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย กจิ กรรมท่ี 2 เรือ่ ง การทบทวนองคค์ วามรู้ท่ีจำเปน็ ต่อการพฒั นาอาชีพให้มีรายได้ มเี งินออม และมที นุ ในการขยายอาชพี ชอ่ื -นามสกุล...........................................................................รหสั นกั ศกึ ษา.......................................... คำชี้แจง ใหผ้ ู้เรยี นตอบคำถามตอ่ ไปน้ี จำนวน 3 ข้อ (5 คะแนน) 1. ระบบสารสนเทศหมายถึง (1 คะแนน) .............................................................................................................................................. .................. ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 2. ความรูส้ ามารถแบง่ ออกได้กี่ประเภท มอี ะไรบา้ ง (2 คะแนน) ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ....................................................................................................................................... ......................... 3. การจัดการความรู้ หมายถงึ (2 คะแนน) ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................................................. ... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................
บทเรียนออนไลนท์ ่ี 2 490 492 วิชา การพฒั นาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย เฉลยกจิ กรรมท่ี 2 เร่ือง การทบทวนองค์ความรู้ท่จี ำเป็นตอ่ การพัฒนาอาชีพใหม้ ีรายได้ มีเงินออม และมที นุ ในการขยายอาชีพ 1. ระบบสารสนเทศหมายถึง ตอบ ระบบสารสนเทศ (Information Systems) หมายถึง ระบบงานที่ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อเกบ็ รวบรวมข้อมูลการจัดทำสารสนเทศและการสนับสนุนสารสนเทศให้กับบุคคลหรือหน่วยงานต่าง ๆ ภายในองคก์ รท่ีต้องการใช้ 2. ความรูส้ ามารถแบง่ ออกได้กป่ี ระเภท มีอะไรบ้าง ตอบ ความร้สู ามารถแบ่งออกเปน็ 2 ประเภท ความรู้แบบฝังลึก (Tacit Knowledge) เป็นความรู้ทไ่ี ม่สามารถอธิบายโดยใชค้ ำพดู ได้ มี รากฐานมาจากการกระทำและประสบการณ์ มลี กั ษณะเป็นความเชอื่ ทกั ษะ และเปน็ อัตวิสัย (Subjective) ต้องการการฝกึ ฝนเพื่อให้เกดิ เชน่ วิจารณญาณ ความลับทางการค้า วัฒนธรรมองค์กร ทักษะ ความเชย่ี วชาญในเรื่องต่าง ๆ การเรียนรู้ขององค์กรความสามารถในการชิมรสไวน์ หรอื กระทัง่ ทกั ษะในการสงั เกตเปลวควันจากปล่องโรงงานว่ามีปัญหาในกระบวนการผลิตหรือไม่ ความรู้ชัดแจ้ง (Explicit Knowledge) เป็นความรูท้ ่ีรวบรวมไดง้ า่ ย จัดระบบและถ่ายโอน โดยใช้วิธีการดิจิทัล มีลักษณะเป็นวัตถุดิบ (Objective) เป็นทฤษฏีสามารถแปลงเป็นรหัสในการ ถ่ายทอดโดยวธิ ีการท่ีเป็นทางการไม่จำเป็นต้องอาศัยการปฏิสัมพันธ์กบั ผูอ้ ืน่ เพือ่ ถ่ายทอดความรู้ เช่น นโยบายขององค์กร กระบวนการทำงานซอฟต์แวร์ เอกสาร และกลยุทธ์ เปา้ หมายและความสามารถ ขององค์กร ความร้ยู งิ่ มีลักษณะไมช่ ัดแจง้ มากเท่าไรการถา่ ยโอนความรู้ย่ิงกระทำไดย้ ากเท่าน้ัน ดังน้ัน บางคนจึงเรียกความรู้ประเภทนี้ว่าเป็นความรู้แบบเหนียว (Sticky Knowledge) หรือความรู้ที่ฝังลึก อยู่ภายใน (Embedded Knowledge) ส่วนความรแู้ บบชดั แจง้ มีการถ่ายโอนและแบ่งปันง่าย จึงมีชื่อ อีกชื่อหนึ่งว่า ความรู้แบบรั่วไหลได้ง่าย (Leaky Knowledge) ความสัมพันธ์ของความรู้ทั้งสอง ประเภทเป็นสิ่งที่แยกจากกันไม่ได้ ต้องอาศัยซึ่งกันและกัน (Mutually Constituted) (Tsoukas, 1996) เนื่องจากความรู้แบบฝังลึกเป็นส่วนประกอบของความรู้ทั้งหมด (Grant, 1996) และสามารถ แปลงให้เป็นความรู้แบบชัดแจ้งโดยการสื่อสารด้วยคำพูดตามรูปแบบของเซซี (SECI Model ของ
บทเรียนออนไลนท์ ่ี 2 491 493 วชิ า การพัฒนาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย Nonaka และ Takeuchi) ความรทู้ งั้ แบบแฝงเร้นและแบบชัดแจ้งจะมีการแปรเปล่ียนถ่ายทอดไปตาม กลไกตา่ ง ๆ เช่น การแลกเปล่ียนเรียนรู้ การถอดความรู้ การผสานความรู้ และการซึมซับความรู้ 3. การจัดการความรู้ หมายถึง ตอบ การจัดการความรู้ ( Knowledge management - KM) คือ การรวบรวม สร้าง จัดระเบยี บ แลกเปลี่ยนและประยุกตใ์ ช้ความรใู้ นองคก์ ร โดยพฒั นาระบบจาก ขอ้ มูล ไปสู่ สารสนเทศ เพอื่ ใหเ้ กดิ ความรู้ และปญั ญาในท่ีสุด การจดั การความรู้ประกอบไปด้วยชุดของการปฏิบัติงานที่ถูกใช้ โดยองค์กรต่าง ๆ เพื่อที่จะระบุ สร้างแสดงและกระจายความรู้ เพื่อประโยชน์ในการนำไปใชแ้ ละการ เรียนรู้ภายในองค์กร อันนำไปสู่การจัดการสารสนเทศที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็น สำหรบั การดำเนนิ การธรุ กิจที่ดี องค์กรขนาดใหญ่ โดยสว่ นมากจะมีการจัดสรรทรัพยากรสำหรับการ จัดการองค์ความรู้ โดยมักจะเป็นส่วนหนึ่งของแผนกเทคโนโลยีสารสนเทศหรือแผนกการจัดการ ทรพั ยากรมนุษย์
บทเรยี นออนไลนท์ ี่ 2 492 494 วิชา การพฒั นาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย แบบทดสอบหลังเรยี น เรอื่ ง การทบทวนองค์ความรู้ท่จี ำเปน็ ต่อการพัฒนาอาชีพให้มรี ายได้ มีเงนิ ออม และมีทนุ ในการขยายอาชพี คำช้ีแจง ใหเ้ ลอื กคำตอบทถ่ี ูกต้องท่ีสดุ เพียงคำตอบเดียว จำนวน 5 ขอ้ ( 5 คะแนน) 1. ข้อใดคือการจดั การความรู้ (KM, 4. ความร้ทู ่ีเชื่อมโยงกับโลกของความเป็นจริง Knowledge Management) ภายใต้สภาพความเป็นจริงท่ีซับซอ้ น ก. การระบปุ ัญหา ก. ความรู้เชงิ ทฤษฎี (Know-What) ข. การจัดสรรทรัพยากร ข. ความร้รู ะดับที่อธิบายเหตุผล (Know- ค. การพัฒนาระบบข้อมลู ไปสู่สารสนเทศ How) ง. การรวบรวม สรา้ ง จดั ระเบียบ และ ค. ความรู้เชงิ ทฤษฎีและเชงิ บริบท เปลย่ี นและประยุกตใ์ ชค้ วามรู้ (Know-Why) ง. ความรใู้ นระดบั คุณค่าความเชอื่ (Care- 2. ขอ้ ใดไม่เปน็ ความรู้แบบชดั แจ้ง Why) ก. เว็บไซต์ ข. หนงั สอื 5. “ผบู้ รโิ ภคสนใจซ้อื เฉพาะสนิ คา้ ทจี่ ำเป็น ค. วัฒนธรรมองค์กร สำหรับการดำรงชพี เทา่ นัน้ ”เนน้ แนวคิด ง. คู่มอื การปฏบิ ัติงาน ทางการตลาดขอ้ ใด ก. ความคิดมงุ่ การขาย 3. “งานทถี่ กู ออกแบบข้ึนมาเพ่อื เก็บรวบรวม ข. ความคดิ มุ่งการตลาด ข้อมูลการจัดทำสารสนเทศและสนับสนุน ค. ความคิดเกี่ยวกบั การผลิต สารสนเทศ ไดแ้ ก่บคุ คลและหน่วยงานตา่ ง ง. ความคดิ เก่ียวกบั ผลิตภณั ฑ์ ๆ ภายในองค์กรท่ีต้องใช”้ ข้อความ ขา้ งตน้ เปน็ ความหมายของขอ้ ใดต่อไปนี้ ก. ข้อมูล ข. สารสนเทศ ค. ระบบเทคโนโลยี ง. ระบบสารสนเทศ
บทเรยี นออนไลน์ที่ 2 493 495 วิชา การพัฒนาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน - หลังเรียน เรือ่ ง การทบทวนองคค์ วามรทู้ ่ีจำเปน็ ตอ่ การพัฒนาอาชีพให้มรี ายได้ มเี งนิ ออม และมีทุนในการขยายอาชีพ 1. ง. 2. ค. 3. ง. 4. ข. 5. ค.
บทเรียนออนไลน์ที่ 3 494 496 วชิ า การพัฒนาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย ใบงาน การพัฒนาระบบการผลติ คำสง่ั 1. ให้ผู้เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนบทเรียนออนไลน์ที่ 3 เรื่อง การพัฒนาระบบ การผลิต จำนวน 5 ขอ้ 2. ให้ผู้เรียนศึกษาความรู้จากใบความรู้บทเรียนออนไลน์ที่ 3 เรื่อง การพัฒนาระบบ การผลติ 3. ให้ผเู้ รยี นทำกจิ กรรมท่ี 3 เรอ่ื ง การพฒั นาระบบการผลติ จำนวน 3 ข้อ 4. ใหผ้ เู้ รียนทำแบบทดสอบหลังเรียนบทเรียนออนไลน์ท่ี 3 เรอ่ื ง การพัฒนาระบบการผลิต จำนวน 5 ข้อ Google site บทเรียนออนไลน์ที่ 3 เรื่อง การพัฒนาระบบการผลิต
บทเรยี นออนไลน์ที่ 3 495 497 วิชา การพฒั นาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย แบบทดสอบก่อนเรยี น เรื่อง การพัฒนาระบบการผลิต คำชแี้ จง ใหเ้ ลือกคำตอบที่ถกู ต้องทส่ี ดุ เพยี งคำตอบเดียว จำนวน 5 ข้อ ( 5 คะแนน ) 1. ข้อใดจัดเปน็ การบรหิ ารทรัพยากรที่มี 4. ผลผลิตแบ่งออกเปน็ 2 ประเภทหลกั ๆ คณุ ภาพ ตามข้อใด ก. วิชัยเพ่ิมเงนิ เดอื นให้พนักงานทุกคน ก. สินค้า (Goods) และแรงงาน (Labor) ข. สดุ าเพ่ิมทนุ การโฆษณาเพ่ือขาย ข. บริการ (Service) และอาหาร (Food) ลปิ สตกิ ค. สินค้า (Goods) และบริการ ค. สุนันท์ใช้ท่ดี ินอยา่ งเต็มที่ ไมป่ ล่อยให้ (Service) พน้ื ทวี่ ่าง ง. บริการ (Service) และอุปกรณ์ ง. ประพนั ธ์ให้รางวัลแก่ตัวแทนจำหนา่ ย (Equipment) สนิ ค้าดีเด่น 5. การตดั สินใจพัฒนาอาชพี ของตนเองควร 2. ระบบการบรหิ ารการผลิตมอี งค์ประกอบ คำนึงถงึ คือข้อใดเปน็ อนั ดบั แรก หลักตามข้อใด ก. พ่อแม่พน่ี ้องแนะนำใหท้ ำ ก. ปัจจยั นำเข้า กระบวนการแปรรูป ข. เพ่ือน ๆ ในหมูบ่ า้ นทำกันมาก ผลผลิต ค. ความร้คู วามสามารถของตนเอง ข. กระบวนการแปรรูป ปจั จัยนำเขา้ ง. มคี นนิยมทำงานนนั้ มากมายทวั่ แหลง่ เงินทุน ประเทศ ค. ปัจจัยนำเข้า กระบวนการแปร รูปการณเ์ ก็บรักษาสินค้า ง. กระบวนการแปรรปู ผลผลติ การลด กำลังการผลผลิต 3. วตั ถุประสงค์ของการขับเคลอ่ื นเศรษฐกจิ พอเพียงคือข้อใด ก. เพ่ือสรา้ งความรคู้ วามเข้าใจท่ีถกู ข. เพอื่ การเรยี นรู้และความชำนาญ ค. เพือ่ การพ่ึงตนเองทางเทคโนโลยี ง. เพอื่ การพึง่ พาตนเองได้ทางจติ ใจ
บทเรียนออนไลน์ท่ี 3 496 498 วิชา การพฒั นาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย ใบความรู้ บทเรียนออนไลน์ท่ี 3 การพัฒนาระบบการผลติ เร่ืองที่ 1 ปัจจัยการผลติ การผลิต หมายถึง กระบวนการที่ทำให้เกิดมูลค้าเพิ่ม (Value Added) ทั้งที่เป็นมูลค่า หรือ ประโยชน์ใช้สอย (Use Value) และมูลค่าในการแลกเปลี่ยน (Exchange Value) โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อตอบสนองความต้องการของมนุษย์ในการดำรงชีวิต เพราะฉะนั้นการผลิตจึงเป็นการสร้างคุณค่า ของสนิ คา้ ทีส่ ามารถตอบสนองความต้องการของมนุษย์ (Utility) การสร้างคุณค่าของสินค้าที่สามารถตอบสนองความต้องการของมนุษย์นั้นได้พัฒนาการมา พอสรปุ ไดด้ งั น้ี 1. ระยะแรก มนุษย์สร้างสินค้าที่สามารถตอบสนองความต้องการของตนเอง เริ่มตั้งแต่ยุคท่ี เรยี กวา่ Hunting and Gathering และยุคการเกษตรทอ่ี าศัยธรรมชาติ 2. ระยะที่สอง มนุษย์สร้างสินคา้ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของผู้อื่น เพื่อประโยชน์ แห่งตนเริ่มตั้งแต่ยุคพาณิชย์นิยม ยุคประวัติอุตสาหกรรมและพาณิชกรรม ในยุคนี้ต้องใช้ความรู้ด้าน การบริหารและการจัดการเพื่อการผลิตที่มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผลิตได้มากและต้นทุนต่ำ เมื่อผลิต มากก็ต้องขายให้มากจึงจำเป็นต้องหาวิธีการให้ประชาชนบริโภคมากขึ้น อันนำไปสู่การบริโภคเกิน (Over consumption) และลงทุนเกิน (Over investment) ทำให้ทรัพยากรถูกใช้หมดไปอย่าง รวดเรว็ กอ่ ให้เกิดปัญหาตามมาอย่างมากมาย 3. ระยะที่สาม มนุษย์ได้ตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้น และทรัพยากรที่มีจำนวนโดยยังใช้ ประโยชน์ไม่เต็มที่ คือ “คน” จึงได้ให้ความสนใจต่อ “คน” ในกระบวนการผลิต โดยยังมีความ แตกตา่ งในความคิดโดยกลุ่มหน่ึงยังคิดในระบบเก่าทว่ี ่า “คน” คอื ปจั จัยการผลติ ชนิดหน่ึงท่ีใช้ในการ ผลิตเหมือนปัจจัยการผลิตอืน่ ๆ เรียกว่า ทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งให้ความสำคัญต่อ “มูลค่า” แต่อีกกลุ่ม คนคิดใหม่ว่า “คน” คือจุดหมายปลายทาง (Ends) เพราะ “คน” รู้ว่าตนเองต้องการอะไรและทำ อะไรได้ โดยทำให้ชีวิตดีขึ้นและสังคมก็ดีขึ้น มอง “คน” ในแง่จิตวิญญาณ เท่ากับให้ความสำคัญต่อ “คุณคา่ ” ของความเป็นคน
บทเรียนออนไลน์ที่ 3 497 499 วชิ า การพฒั นาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย เรื่องที่ 2 ขัน้ ตอนการผลิต ความหมายและความสำคัญของคุณภาพ ความหมายของคุณภาพถูกกำหนดขึ้นตามการใช้งานหรือตามความคาดหวังของผู้กำหนด เช่น มีความเหมาะสมกับการใช้งาน มีความทนทาน ให้ผลตอบแทนสูงสุด บริการดีและประทับใจ หรือเปน็ ไปตามมาตรฐานทตี่ ้ังใจไว้ เปน็ ต้น คุณภาพแบง่ เปน็ 3 ลักษณะดงั นี้ 1. คุณภาพตามหน้าท่ี หมายถงึ ประสทิ ธภิ าพการทำงาน ความเหมาะสมในการใช้งาน ความ ทนทาน เชน่ พัดลมเครอื่ งนมี้ มี อเตอร์ท่สี ามารถใชไ้ ดอ้ ย่างต่อเนือ่ งถงึ 24 ชั่วโมง 2. คุณภาพตามลักษณะภายนอก หมายถึง รูปร่างสวยงาม สีสันสดใส เรียบร้อยเหมาะกับ การใช้งานโครงสร้างแข็งแรง ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่เน้นคุณภาพภายนอก โดยเน้นที่สีสันสดใส หรือ รูปลักษณ์ใหโ้ ดดเด่นเพ่อื ดงึ ดูดความสนใจของผูซ้ อ้ื 3. คณุ ภาพในการบริการ หมายถึง การสรา้ งความประทับใจใหก้ บั ลูกค้าทม่ี าใช้บรกิ ารหรือมา ซื้อสนิ คา้ คุณภาพสินคา้ หมายถงึ คณุ สมบัติและลักษณะโดยรวมของผลิตภัณฑห์ รือบริการท่ีแสดงให้ เห็นวา่ มคี วามสามารถทจ่ี ะก่อให้เกดิ ความพงึ พอใจไดต้ รงตามต้องการทีไ่ ด้ระบุ ในอดีตคณุ ภาพมักจะถกู กำหนดขนึ้ จากความต้องการของผผู้ ลิต แต่ปัจจุบันสภาพการแข่งขัน ในตลาดมีมาก หากคุณภาพไม่ตรงกับความต้องการของผู้ซื้อหรือผู้ให้บริการ การผลิตสินค้าและ บริการก็อาจจะต้องลม้ เลิกกจิ การไป ดงั ทไ่ี ด้เกดิ ขึน้ ในปัจจุบนั สินค้าบางประเภทแข่งขันกันที่คุณภาพ บางประเภทแข่งขันกันที่ราคา แต่บางประเภทแข่งขันกันที่ความแปลกใหม่ ดังนั้นการผลิตหรือ ใหบ้ รกิ ารใด ๆ จะตอ้ งมีการศึกษาสภาพตลาดอย่างรอบคอบเพื่อกำหนดคณุ ภาพ ขั้นตอนการกำหนดคณุ ภาพ การกำหนดคุณภาพมีความสำคัญอย่างย่ิง เพราะการกำหนดคณุ ภาพไม่ได้กำหนดจากบคุ คล ใดบุคคลหนง่ึ หรือกลมุ่ คน หรือสถาบนั เทา่ น้ัน แต่การกำหนดคณุ ภาพต้องคำนึงถึงคนหลายกลุ่มหลาย สถาบนั การกำหนดคุณภาพสนิ ค้นและบริการ มขี ั้นตอนดำเนนิ การ 3 ขนั้ ตอน ไดแ้ ก่ 1. การศึกษาความต้องการของผู้ใช้สินค้าและบริการ อย่างกว้างขวาง และครอบคลุมผู้ซ้ือ หรอื ผใู้ ช้บริการทีม่ คี วามหลากหลาย 2. การออกแบบผลิตภัณฑ์หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการที่ศึกษามา อยา่ งจริงจริง 3. จัดระบบการผลิตและควบคุมระบบการผลิตให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพการศึกษาความ ต้องการคุณภาพสินค้าและบริการ เป็นเรื่องสำคัญและเป็นเรื่องแรกของการวางแผนดำเนินธุรกิจ
บทเรียนออนไลน์ท่ี 3 498 500 วชิ า การพฒั นาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย อุตสาหกรรม หรือกิจการใด ๆ วิธีการศึกษาขึ้นอยู่กับเป้าหมายคือ ลูกค้า ลูกค้าของเรา คือ กลุ่มใด เชน่ วยั ใด เพศใด ระดับการศกึ ษา อาชีพ เป็นต้น ตลาดหรอื คู่แข่งทางการค้าเป็นส่วนสำคญั อย่างยิง่ ทีต่ ้องคำนงึ ถงึ เพราะหากคุณภาพสินค้า หรอื บรกิ ารของเราต่ำกว่าคู่แข่งโอกาสความสำเรจ็ ของเรากย็ ่อมมีน้อยลงการออกแบบและพฒั นา ผลิตภณั ฑ์หรอื บรกิ าร เป็นเรอื่ งทผี่ ้ปู ระกอบการมกั จะละเลยเพราะมัน่ ใจในคณุ ภาพสินค้าเดมิ หรอื คดิ ว่าเป็นเรอื่ งยากต้องใช้นกั วชิ าการชั้นสูงหรอื ผ้เู ชยี่ วชาญทำให้เกิดต้นทุนทีส่ ูงข้ึน การออกแบบ ผลติ ภณั ฑ์ใหม่ยังต้องปรับระบบการผลติ ด้วย ทำให้ผู้ประกอบการรสู้ ึกว่ายงุ่ ยากแตก่ ารออกแบบและ พฒั นาผลิตภัณฑ์ หรอื บรกิ ารเป็นเรอื่ งจําเป็นเพราะถ้าหากเราไม่พฒั นาการพฒั นาผลิตภัณฑและ บรกิ ารไม่ใช่เรอื่ งยุ่งยากแต่อย่างใด เพยี งแต่เรานำผลการศกึ ษาความต้องการของผ้ซู ้ือผ้ใู ช้มาเป็น หลักการแล้วหาแนวทางตอบสนองความตอ้ งการใชค้ วามคิดรเิ ร่มิ สรา้ งสรรค์ ผลงานใหม่ ก็จะเกดิ ขนึ้ เช่นการปรับปรุงเคร่ืองปรับอากาศให้ สามารถกรองฝุ่นละอองได้ ต่อมาก็พัฒนาสู่การเป็น เครื่องปรบั อากาศทมี่ กี ารฟอกอากาศด้วยประจุไฟฟ้าเป็นตน้ ระบบการผลติ และการควบคุม ระบบการผลิต เพื่อให้ได้สินคา้ หรือบรกิ ารตรงตามมาตรฐานที่กำหนดไว้ องค์ประกอบที่ต้อง วางแผนดำเนินการอย่างเปน็ ระบบและสอดคลอ้ งกนั ดังนี้ 1. วตั ถุดบิ ท่ใี ช้ผลิต หรอื ใช้บรกิ าร ควรมคี ุณภาพสงู แต่ราคาต่ำ 2. กระบวนการผลิตมีความพร้อมทั้งด้านบุคลากร เครื่องมือเครื่องใช้หรือเครื่องจักร และ โครงสรา้ งพ้นื ฐาน 3. ผลผลิต/ผลิตภัณฑ์/ผลของการบริการ จะต้องผ่านการตรวจสอบและประเมินอย่าง เที่ยงตรงการบริหารคุณภาพในองค์กร จึงถูกนำมาใช้เพื่อให้ระบบการผลิตและการควบคุมระบบมี ประสทิ ธิภาพสูงตามความตอ้ งการของตลาด ผซู้ อื้ หรือผู้ใช้ ความสำคัญของคณุ ภาพ คุณภาพ เป็นความต้องการของผู้ซื้อและผูใ้ ห้บริการเท่านัน้ หรือคุณภาพมีความสำคัญทั้งตอ่ บุคคลองคก์ าร และประเทศ 1. ความสำคัญของคุณภาพต่อบุคคล บุคคลคอื ผูผ้ ลิตหรอื ผ้บู รกิ ารคุณภาพจึงเกิดข้ึนท่ีระดับ บุคคลก่อน หากบุคคลใดสามารถผลิตหรือให้บริการที่มีคุณภาพตรงกับความต้องการหรือตรงกับ ข้อกำหนด บุคคลนั้นย่อมได้ชื่อว่า “บุคคลคุณภาพ” เราเห็นตัวอย่างบุคคลคุณภาพมากมาย ที่ได้รับ การ ยกย่อง เนื่องจากสามารถสร้างผลงานคุณภาพ ดังน้ันคุณภาพจึงมคี วามสำคัญอย่างย่ิงต่อบุคคล ทกุ คน ทกุ คนจึงควรม่งุ มัน่ สรา้ งผลงานคณุ ภาพ
บทเรียนออนไลน์ที่ 3 499 501 วชิ า การพัฒนาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย 2. ความสำคญั ของคุณภาพตอ่ องคก์ ร องคก์ รทุกองค์กรมีเป้าหมายสร้างสรรคผ์ ลงานคุณภาพ ให้เป็นทต่ี อ้ งการของลูกค้า หุ่นส่วนหรอื งคก์ รที่เกี่ยวข้อง เพอ่ื ใหบ้ รรลุเป้าหมาย คอื ผลกำไรสูงสุด แต่ปัจจุบันทุกองค์กรยังต้องคำนึงระบบการแข่งขันในตลาดการค้า เมื่อประเทศไทยเข้าร่วมเป็น สมาชิกองคก์ ารตลาด การค้าเสรี (World Trade Organization :WTO) ทำให้ประเทศไทยเข้าสู่ระบบการแข่งขัน ทางด้านการค้า มากขึ้นทั้งภายในประเทศและการค้าระหว่างโลก ในระบบการค้าเสรีเกิดระบบการ แข่งขันด้วยการค้าแทนกำแพงภาษีในอดีตได้แก่ ข้อกำหนดมาตรฐานสินค้า มาตรฐาน ระบบบริหาร มาตรฐานส่ิงแวดลอ้ ม และมาตรฐานดา้ นแรงงานและความปลอดภยั ดังนน้ั คณุ ภาพขององค์กรจึงเป็น คุณภาพโดยรวมตั้งแต่ผลิตภัณฑ์จนถึงระบบบริหารขององค์กร คุณภาพจึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อ องค์กร เพราะทำให้องค์กรมีความมัน่ คงในการดำเนนิ ธรุ กจิ ท้ังในปัจจุบันและในอนาคต 3. ความสำคญั ของคณุ ภาพต่อประเทศ คุณภาพของคน คุณภาพของสินค้า และคุณภาพของ การบริการ คือ ภาพพจน์ และความเชื่อมั่นที่นานาประเทศให้การยอมรับและนับถือ เช่น ข้าวหอม มะลิ เส้ือผ้าสำเร็จรูป เครอื่ งหนงั เป็นตน้ คุณภาพ ต้นทนุ การส่งมอบ คุณภาพ คือ ความต้องการ ข้อกำหนด ความคาดหวัง หรือสิ่งที่ลกู ค้าต้องการจากผลิตภัณฑ์ หรอื งานบรกิ าร ต้นทุน คือ ปัจจัยการผลิต ได้แก่ แรงงาน (Man) เงินทุน (Money) วัตถุดิบ (Material) เครื่องจักรอุปกรณ์(Machine) และการบรหิ ารจดั การ (Management) การส่งมอบ คือ กระบวนการนำส่งผลิตภัณฑ์ / งานบริการถึงมือลูกค้า สร้างความพึงพอใจ ให้กับลูกค้าด้วยผลิตภัณฑ์หรืองานบริการที่มีคุณภาพตรงกับความต้องการของลูกค้า การส่งมอบ สินค้าหรือบริการที่ประทับใจลูกค้า เกิดจากการบริการที่ดี คุณภาพดี และราคาถูก ขณะเดียวกัน ผู้ขายก็ต้องการกำไรสูงสุด คุณภาพดี และบริการดี คือ ความต้องการของผู้ซื้อและผู้ขายจะเกิด ความสัมพันธ์ที่ดี ต้นทุนการผลิตต่ำแต่การลดต้นทุนก็ต้องคำนึงถึงคุณภาพและบริการด้วย เพราะถ้า สินค้าราคาถูกแต่คุณภาพไม่ดี ผู้ซื้อก็ไม่ต้องการหรือสินค้ามีคุณภาพมากแต่ราคาแพง ผู้ซื้อก็ ไมต่ อ้ งการ เป็นตน้ ดงั นนั้ ระบบควบคุมคณุ ภาพจงึ เกิดขน้ึ การควบคุมคณุ ภาพ การควบคุมคุณภาพ คือ เทคนิคในเชิงปฏิบัติการและกิจกรรมที่เกี่ยวเนื่องอื่นๆ ที่จัดทำหรือ นำมาใช้เพื่อให้บรรลุข้อกำหนดด้านคุณภาพ ซึ่งอาจจะเป็นผลิตภัณฑ์หรือการบริการก็ได้ QC : Quality Control หรือการควบคุมคุณภาพในภาคการผลิต (โรงงานอุตสาหกรรม)
บทเรยี นออนไลน์ท่ี 3 500 502 วิชา การพัฒนาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย จะเน้นกระบวนการตรวจสอบและคัดแยกของดีกับของเสียออกจากกัน เพื่อให้เกิดหลักประกันว่า สินคา้ ผ่านการตรวจสอบแล้วมีคุณภาพตามข้อกำหนดการควบคมุ คณุ ภาพในท่ีนี้ หมายถงึ การควบคุม กระบวนการผลิตและการใหบ้ รกิ าร เพือ่ ใหเ้ กิดผลผลิต / งานบริการที่มคี ุณภาพ ดังแผนภมู ิ Input ----> Process ----> Output วัตถุดิบ กระบวนการ ผลผลติ การควบคมุ คุณภาพในกระบวนการผลติ แบ่งออกเป็น 3 ลักษณะ 1. คณุ ภาพการทำงาน หรอื ประสทิ ธภิ าพของคนงาน 2. คุณภาพของเครอื่ งจักร อุปกรณ์ หรอื เทคโนโลยี 3. คุณภาพของระบบบริหารงาน การควบคุมคณุ ภาพมเี ปา้ หมายสำคญั 2 ประการได้แก่ 1. ลดการสญู เสยี วัตถดุ บิ / ผลผลิต 2. ลดการสูญเสยี เวลาการทำงาน เมื่อเราสามารถลดการสญู เสยี วัตถดุ ิบและผลผลติ ลดเวลาการทำงาน เรากส็ ามารถลดต้นทุน ได้ขณะเดียวกันเรากไ็ ด้ผลผลิตท่มี ีคุณภาพ เรื่องที่ 3 ผลผลติ ท่คี าดหวังต่อการมรี ายได้ มเี งินออมและมที นุ ในการขยายอาชีพ การวางแผนกำลงั การผลิต การผลิตไดใ้ นปรมิ าณทลี่ ูกค้าตอ้ งการ เป็นวัตถุประสงคห์ ลกั ท่สี ำคัญอยา่ งยง่ิ ประการหนึ่งของ การบรหิ ารการผลิต ซงึ่ การที่จะสามรถผลติ ได้ตามท่ีกำหนดไว้ต้องอาศยั ทรัพยย์ ากรขององค์กรหลาย อย่าง อันได้แก่ เงินทุน วัตถุดิบ แรงงาน ตลอดจนเคร่ืองจักรอุปกรณ์ต่าง ๆ แต่เนื่องจากทรัพยากร ขององค์การมีอยู่อย่างจำกัดจึงต้องวางแผนใช้ให้เกิดประโยชน์สงู สุด โดยเฉพาะอย่างยิ่งการลงทุนใน สิ่งอำนวยความสะดวก เครื่องจักรอุปกรณ์ ตลอดจนโรงงานซึ่งเป็นสถานที่ที่ใช้ทำการผลิต ต้องอาศัย เงินลงทนุ จำนวนมากและใช้เวลาในการคืนทุนนาน ดงั นน้ั การวางแผนและจัดการดา้ นกำลงั การผลิต ซง่ึ เป็นการวางแผนและดำเนนิ การเกี่ยวกับ ขนาดของโรงงานหรือสถานทีท่ ำการผลติ จำนวนเคร่ืองจักรอุปกรณ์ ตลอดจำนวนคนงานทีเ่ หมาะสม จึงเป็นภาระงานสำคัญของการบริหารการผลติ โดยต้องคำนึงถึงผลลัพธ์ต่อองค์การในระยะสั้นควบคู่ กับระยะยาว และใช้ปัจจัยเชิงปริมาณเป็นหลักในการพิจารณาประกอบกับปัจจัยเชิงคุณภาพให้ องค์กรมีกำลังการผลิตที่เหมาะสมไม่เกิดปัญหาการผลิตได้น้อยไม่เพยี งพอต่อความต้องการของลูกค้า
บทเรยี นออนไลน์ท่ี 3 501 503 วิชา การพฒั นาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย เพราะกำลังการผลิตน้อยเกินไป และไม่เกิดปัญหาเครื่องจักรมากเกินไปจนกลายเป็นความสูญเปล่า เพราะกำลังการผลิตมากเกนิ ไป ความหมายของกำลงั การผลติ และการวัดกำลงั การผลิต กำลังการผลิต (capacity) คือ อัตราสูงสุดที่ระบบการผลิตสามารถผลิตได้เต็มที่ในช่วงเวลา หน่งึ ของดำเนินงาน การวดั กำลงั การผลิต สามารถกระทำได้ 2 ทาง คือ 1. การวดั กำลงั การผลิตจากผลผลิต การวัดกำลังการผลิตจากผลผลติ จะใช้เมื่อ ผลผลิตจากกระบวนการสามารถนับเป็นหน่วยได้ ง่าย ได้แก่ สินค้าที่มีตัวตน (tangible goods) ซึ่งจะเน้นการผลิตแบบตามผลิตภัณฑ์ (product - focused) เช่น การวัดกำลังการผลิตของโรงงาน โดยนับจำนวนรถยนต์ที่ผลิตได้ต่อปี (โรงงานผลิต รถยนต์โตโยต้า) นับจำนวนนมกล่องที่ผลิตได้ต่อวัน (โรงงานนมสดเมจิ) นับจำนวนลิตรของน้ำมันที่ กล่นั ไดต้ อ่ เดอื น (โรงงานกล่นั น้ำมนั ไทยออยล)์ เปน็ ต้น 2. การวัดกำลังการผลติ จากปจั จัยการผลติ การวัดกำลังการผลิตจากปัจจัยการผลิต จะใช้เมื่อผลผลิตจากกระบวนการนับเป็นหน่วยได้ ยาก หน่วยการผลิตภัณฑ์ไม่ชัดเจน ได้แก่ บริการต่าง ๆ ซึ่งจะเป็นการผลิตแบบตามกระบวนการ เช่น การวัดกำลังการผลิตของร้านบิวตี้ซาลอนจากจำนวนช่างตัดผม การวัดกำลังการผลิตของ โรงพยาบาลจำนวนเตียงคนไข้ การวัดกำลังการผลิตของร้านอัดขยายภาพจากจำนวนชั่วโมงการ ทำงานของเคร่ืองจักร เป็นตน้ แมว้ า่ องค์การจะมีกำลังการผลิตเปน็ อัตราสูงสุดท่ีจะสามารถผลิตได้ แต่ ในการปฏบิ ัตงิ านจริง อัตราการผลิตมักจะต่ำกว่ากำลังการผลิต เพราะจะต้องคำนึงการหยุดพักหรือ การบำรุงรักษาเครื่องจักรอุปกรณ์ เพื่อถนอมไว้ใช้งานในระยะมากกว่าการเล็งผลระยะสั้นเท่านั้ น การใช้กำลังการผลิตอย่างเต็มที่มักจะเกิดต้นทุนการทำงานล่วงเวลาในกะพิเศษหรือการลดการ บำรงุ รักษาอุปกรณ์ตามแผนที่กำหนดไว้ประจำหรือการใช้ผู้รับสัญญาช่วง ซง่ึ แล้วแต่ทำให้ต้นทุนการ ผลิตสูงขึ้นท้ังสิน้ ดังนั้น กำลังการผลิตที่เต็มที่จะถูกใช้จรงิ ก็ตอ่ เมื่อมีความจำเป็นและไม่เกิดขึ้นบ่อย นักภายในชว่ งระยะเวลาส้ันๆ ขอ้ ควรคำนึงในการวางแผนกำลงั การผลิต การวางแผนกำลังการผลิต จึงต้องคำนึงถึงกำลังการผลิตที่เกิดประสิทธิผลอันแท้จริงซ่ึงตอ้ ง พจิ ารณาจาก 1. Peak Capacity หรือ Design Capacity เป็นกำลังการผลิตเต็มที่ซึ่งมักไม่ได้ใช้ในการ ปฏิบัติงานจริงเพราะเป็นการใช้เครื่องจักรอุปกรณ์เต็มที่โดยไม่คำนึงถึงการหยุดพักหรือการ บำรุงรักษาเลย
บทเรยี นออนไลน์ที่ 3 502 504 วชิ า การพฒั นาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย 2. Rated Capacity เป็นอัตราการผลิตสงู สุดท่ีทำไดห้ ลงั จากหกั ลบสว่ นการหยุดพกั ซ่อมแซม บำรงุ รักษาแลว้ 3. Effective Capacity เป็นอัตราการผลิตสูงสุดที่ฝ่ายการผลิตสามารถกระทำให้เกิดต้นทุน การผลิตทปี่ ระหยดั ได้ ภายใต้สภาวการณ์การผลิตปกติ (normal condition) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หวั ทรงเข้าพระราชหฤทัยในความเป็นไปของเมืองไทยและคนไทย อย่างลึกซึ้งและกว้างไกล ได้ทรงวางรากฐานในการพัฒนาชนบทและช่วยเหลือประชาชนให้สามารถ พ่ึงตนเองไดม้ ีความ “พออยูพ่ อกนิ ” และมคี วามอิสระท่ีจะอยู่ได้โดยไมต่ ้องตดิ ยดึ อย่กู ับเทคโนโลยีและ ความเปลี่ยนแปลงของกระแสโลกาภิวัฒน์ ทรงวิเคราะห์ว่าหากประชาชนพึ่งตนเองได้แล้วก็จะมีสว่ น ช่วยเหลือเสริมสร้างประเทศชาติ โดยส่วนรวมได้ในที่สุด พระราชดำรัสที่สะท้อนถึงพระวิสัยทัศน์ใน การสร้างความเขม้ แข็งในตนเองของประชาชนและสามารถทำมาหากนิ ให้พออยู่พอกินได้ ดังน้ี “ในการสร้างถนน สร้างชลประทานให้ประชาชนใช้นั้น จะต้องช่วยประชาชนในทาง บุคคลหรือพัฒนาให้บุคคลมีความรู้และอนามัยแข็งแรง ด้วยการให้การศึกษาและการรักษา อนามัย เพ่ือให้ประชาชนในทอ้ งทส่ี ามารถทำการเกษตรได้ และค้าขายได”้ ในสภาวการณป์ จั จุบัน ซ่งึ เกดิ ความถดถอยทางเศรษฐกจิ อย่างรุนแรงข้ึนนี้ จึงทำให้เกิดความ เข้าใจได้ชัดเจน ในแนวพระราชดำริของ “เศรษฐกิจพอเพียง” ซึ่งได้ทรงคิดและตระหนักมาช้านาน เพราะหากเราไม่ไปพึ่งพา ยึดติดอยู่กับกระแสจากภายนอกมากเกินไป จนได้ครอบงำความคิดใน ลักษณะดั้งเดิมแบบไทย ๆ ไปหมด มีแต่ความทะเยอทะยานบนรากฐานที่ไม่มั่นคงเหมือนลักษณะ ฟองสบู่ วิกฤตเศรษฐกิจเช่นนี้อาจไม่เกิดขึ้น หรือไม่หนักหนาสาหัสจนเกิดความเดือดร้อนกันถ้วนท่ัว เช่นนี้ ดังนั้น “เศรษฐกิจพอเพียง” จึงได้สื่อความหมายความสำคัญในฐานะเป็นหลักการสังคมที่พึ่ง ยึดถือ ในทางปฏิบตั ิจดุ เริ่มต้นของการพฒั นาเศรษฐกิจพอเพยี งคอื การฟนื้ ฟเู ศรษฐกิจชุมชนทอง เศรษฐกิจพอเพียงเป็นหลักการและกระบวนการทางสังคมตั้งแต่ขั้นฟื้นฟูและขยายเครือข่าย เกษตรกรรมยั่งยืนเป็นการพฒั นาขีดความสามารถในการผลิตและบรโิ ภคอย่างพออยู่พอกนิ ขึ้นไปถึง ขั้นแปรรปู อตุ สาหกรรมครัวเรือน สรา้ งอาชีพและทักษะวิชาการที่หลากหลายเกิดตลาดซื้อขายสะสม ทุนบนพ้ืนฐานเครอื ข่ายเศรษฐกจิ ชุมชนน้ี เศรษฐกจิ ของชาตจิ ะพฒั นาขึ้นมาอย่างมัน่ คงทั้งในด้าน กำลงั ทนุ และตลาดภายในประเทศ รวมท้งั เทคโนโลยซี ง่ึ จะค่อยๆ พัฒนาขนึ้ มาจากฐานทรพั ยากรและ ภูมิปญั ญาที่มีอยภู่ ายในชาติ และท้ังทจ่ี ะพงึ คัดสรรเรียนรู้ จากโลกภายนอก เศรษฐกิจพอเพยี งเปน็ เศรษฐกิจที่พอเพียงกบั ตัวเอง ทำใหอ้ ยูไ่ ด้ ไม่ต้องเดอื ดร้อน มีสิง่ จำเป็น ท่ที ำไดโ้ ดยตัวเองไม่ต้องแข่งขนั กับใคร และมีเหลือเพื่อชว่ ยเหลือผูท้ ่ีไม่มี อันนำไปสู่การแลกเปล่ียนใน
บทเรยี นออนไลนท์ ี่ 3 503 505 วิชา การพฒั นาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย ชุมชนและขยายไปจนสามารถที่จะเป็นสินค้าส่งออก เศรษฐกิจพอเพียงเป็นเศรษฐกิจระบบเปิดที่เร่ิม จากตนเองและความร่วมมือ วิธีการเช่นนี้จะดึงศกั ยภาพของประชากรออกมาสรา้ งความเข้มแขง็ ของ ครอบครัว ซึ่งมีความผูกพันกับ “จิตวิญญาณ” คือ “คุณค่า” มากกว่า “มูลค่า” รวยมากขึ้น ในยาม ทุกข์ภัยก็ไม่ขาดแคลนและสามารถจะฟื้นตัวได้เร็วกว่า โดยไม่ต้องหวังความช่วยเหลือจากผู้อื่นมาก เกินไป เพราะฉะน้ันความพอมีพอกินจะสามารถอุ้มชูตวั ได้ ทำให้เกดิ ความเข้มแข็ง และความพอเพียง นั้นไม่ได้หมายความว่า ทุกครอบครัวต้องผลิตอาหารของตัวเอง จะต้องทอผ้าใส่เอง แต่มีการ แลกเปลี่ยนกันได้ระหว่างหมู่บ้าน เมืองและแม้กระทั่งระหว่างประเทศ ที่สำคัญคือการบริโภคนั้นจะ ทำให้เกิดความรู้ที่จะอยู่ร่วมกับระบบ รักธรรมชาติครอบครัวอบอุ่น ชุมชนเข้มแข็ง เพราะไม่ต้องท้ิง ถิน่ ไปหางานทำ เพ่ือหารายได้มาเพอื่ การบรโิ ภคท่ีไม่เพียงพอ ความสำคัญของการจัดการอาชีพ จากคำจำกัดความของการจัดการและอาชพี ทำให้ทราบ ถึงความสำคัญของการจัดการอาชีพ เพราะทำให้ผู้บริหารสามารถพัฒนากิจการให้มุ่งไปสู่ความมี ประสิทธิภาพ และสามารถดำเนินการให้บรรลุวัตถุประสงค์ของกิจการได้ กล่าวคือ กิจการสามารถ ผลติ สนิ คา้ หรือบริการท่ีมีคณุ ภาพ ทันเวลาตามความต้องการของลูกคา้ และกิจการได้รับผลตอบแทน คือกำไรสงู สุด สามารถขยายกจิ การไดห้ รือเพิ่มทนุ ในการดำเนนิ การได้ จากการศึกษาวิจัยพบวา่ การจัดการอาชีพให้ประสบความสำเรจ็ ประกอบด้วย 1. การจัดการอย่างมีคุณภาพ หมายถึง ผู้บริหารมีความรู้ มีประสบการณ์ สามารถทำงานให้ บรรลุผลสำเรจ็ อย่างมีประสิทธภิ าพ 2. ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ หมายถึง การผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ อาจกระทำได้โดยการใช้ เทคนิคต่าง ๆ เริ่มตั้งแต่การใช้วัตถุดิบ กระบวนการผลิต การตรวจสอบคุณภาพสนิ ค้าก่อนส่งมอบให้ ลกู คา้ 3. ผลิตภัณฑท์ ่ที นั สมยั ดว้ ยนวตั กรรมใหม่ 4. การลงทุนระยะยาวอย่างมคี ุณค่า 5. สถานภาพการเงินมนั่ คง 6. มีความสามารถในการดงึ ดดู ใจลกู คา้ ให้สนใจในผลติ ภณั ฑ์ 7. คำนึงถึงความรบั ผิดชอบต่อสงั คมและสิง่ แวดล้อม 8. การใชท้ รพั ยส์ นิ อย่างคุ้มค่า
บทเรยี นออนไลนท์ ี่ 3 504 506 วชิ า การพฒั นาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย กิจกรรมที่ 3 เร่ือง การพัฒนาระบบการผลิต ชือ่ -นามสกลุ ...........................................................................รหัสนกั ศึกษา.......................................... คำชีแ้ จง ให้ผเู้ รียนตอบคำถามตอ่ ไปนี้ จำนวน 3 ข้อ (5 คะแนน) 1. ขน้ั ตอนการกำหนดคณุ ภาพ มีอะไรบา้ ง (2 คะแนน) ................................................................................................................................ ................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 2. การควบคุมคุณภาพในกระบวนการผลิต มอี ะไรบ้าง (2 คะแนน) ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ...................................................................................................................................... .......................... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 3. ตน้ ทนุ หมายถึง (1 คะแนน) ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ...................................…………………………………………………………………………....………………………………… ................................................................................................................................................................
บทเรยี นออนไลนท์ ี่ 3 505 507 วชิ า การพฒั นาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย เฉลยกจิ กรรมที่ 3 เรอื่ ง การพฒั นาระบบการผลิต 1. ข้นั ตอนการกำหนดคุณภาพ มีอะไรบา้ ง ตอบ ขน้ั ตอนการกำหนดคุณภาพมี 3 ข้นั ตอน ได้แก่ 1. การศึกษาความต้องการของผู้ใช้สินค้าและบริการ อย่างกว้างขวาง และครอบคลุมผู้ซ้ือ หรอื ผูใ้ ชบ้ ริการท่ีมคี วามหลากหลาย 2. การออกแบบผลิตภัณฑ์หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการที่ศึกษามา อย่างจริง ๆ 3. จัดระบบการผลิตและควบคุมระบบการผลิตให้ได้ผลผลิตที่มีคุณภาพการศึกษาความ ต้องการคุณภาพสินค้าและบริการ เป็นเรื่องสำคัญและเป็นเรื่องแรกของการวางแผนดำเนินธุรกิจ อุตสาหกรรม หรือกิจการใด ๆ วิธีการศึกษาขึ้นอยู่กับเป้าหมายคือ ลูกค้า ลูกค้าของเรา คือ กลุ่มใด เชน่ วยั ใด เพศใด ระดบั การศึกษา อาชีพ เปน็ ตน้ 2. การควบคมุ คณุ ภาพในกระบวนการผลิต มีอะไรบา้ ง ตอบ 1. วตั ถดุ บิ ทใี่ ช้ผลิต หรอื ใชบ้ รกิ าร ควรมีคุณภาพสูง แตร่ าคาตำ่ 2. กระบวนการผลิตมีความพร้อมทั้งด้านบุคลากร เครื่องมือเครื่องใช้หรือเครื่องจักร และ โครงสรา้ งพน้ื ฐาน 3. ผลผลิต/ผลิตภัณฑ์/ผลของการบริการ จะต้องผ่านการตรวจสอบและประเมินอย่าง เที่ยงตรงการบริหารคุณภาพในองค์กร จึงถูกนำมาใช้เพื่อให้ระบบการผลิตและการควบคุมระบบมี ประสทิ ธิภาพสงู ตามความต้องการของตลาด ผู้ซ้อื หรอื ผ้ใู ช้ 3. ตน้ ทุน หมายถึง ตอบ ต้นทุน คือ ปัจจัยการผลิต ได้แก่ แรงงาน (Man) เงินทุน (Money) วัตถุดิบ (Material) เครอื่ งจักรอุปกรณ(์ Machine) และการบริหารจัดการ (Management)
บทเรียนออนไลนท์ ี่ 3 506 508 วชิ า การพฒั นาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย แบบทดสอบหลังเรียน เร่อื ง การพฒั นาระบบการผลิต คำชแ้ี จง ให้เลอื กคำตอบทถ่ี ูกต้องท่สี ุดเพียงคำตอบเดยี วจำนวน 5 ข้อ ( 5 คะแนน ) 1. ข้อใดจัดเป็นการบริหารทรัพยากรที่มี 4. ผลผลิตแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คุณภาพ ตามข้อใด ก. วิชัยเพ่มิ เงนิ เดอื นให้พนักงานทกุ คน ก. สนิ ค้า (Goods) และแรงงาน (Labor) ข. สดุ าเพมิ่ ทุนการโฆษณาเพ่ือขาย ข. บรกิ าร (Service) และอาหาร (Food) ลปิ สตกิ ค. สนิ คา้ (Goods) และบรกิ าร ค. สนุ นั ท์ใช้ที่ดนิ อยา่ งเต็มท่ี ไม่ปลอ่ ยให้ (Service) พื้นที่วา่ ง ง. บริการ (Service) และอปุ กรณ์ ง. ประพนั ธ์ให้รางวลั แก่ตวั แทนจำหนา่ ย (Equipment) สนิ คา้ ดีเดน่ 2. ระบบการบริหารการผลติ มีองค์ประกอบ 5. การตัดสินใจพัฒนาอาชพี ของตนเองควร หลักตามข้อใด คำนงึ ถงึ คอื ข้อใดเปน็ อนั ดับแรก ก. ปัจจยั นำเขา้ กระบวนการแปรรปู ก. พ่อแม่พน่ี ้องแนะนำให้ทำ ผลผลติ ข. เพอ่ื น ๆ ในหมูบ่ า้ นทำกนั มาก ข. กระบวนการแปรรปู ปจั จัยนำเข้า ค. ความรคู้ วามสามารถของตนเอง แหล่งเงินทุน ง. มคี นนยิ มทำงานนนั้ มากมายท่ัว ค. ปจั จยั นำเข้า กระบวนการแปร ประเทศ รปู การณเ์ ก็บรกั ษาสนิ คา้ ง. กระบวนการแปรรูป ผลผลติ การลด กำลงั การผลผลติ 3. วัตถปุ ระสงค์ของการขับเคลอื่ นเศรษฐกิจ พอเพียงคือข้อใด ก. เพ่ือสรา้ งความรคู้ วามเข้าใจที่ถูก ข. เพื่อการเรยี นรู้และความชำนาญ ค. เพื่อการพึ่งตนเองทางเทคโนโลยี ง. เพอื่ การพง่ึ พาตนเองได้ทางจติ ใจ
บทเรียนออนไลน์ท่ี 3 507 509 วชิ า การพัฒนาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น - หลงั เรยี น เร่ือง การพัฒนาระบบการผลติ 1. ค. 2. ก. 3. ก. 4. ค. 5. ค.
บทเรยี นออนไลนท์ ี่ 4 508 510 วชิ า การพฒั นาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย ใบงาน คำสงั่ 1. ใหผ้ ู้เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรยี นบทเรยี นออนไลน์ที่ 4 เรอื่ ง การวิเคราะหก์ ารตลาด จำนวน 5 ขอ้ 2. ใหผ้ เู้ รียนศกึ ษาความรจู้ ากใบความรู้บทเรยี นออนไลน์ท่ี 4 เรอ่ื ง การวิเคราะห์ การตลาด 3. ใหผ้ ู้เรียนทำกจิ กรรมท่ี 4 เรือ่ งการวเิ คราะหก์ ารตลาด จำนวน 3 ข้อ 4. ให้ผเู้ รยี นทำแบบทดสอบหลังเรยี นบทเรยี นออนไลนท์ ่ี 4 เร่อื ง การวิเคราะหก์ ารตลาด จำนวน 5 ข้อ Google site บทเรียนออนไลนท์ ่ี 4 เรื่อง การวิเคราะห์การตลาด
บทเรียนออนไลน์ท่ี 4 509 511 วชิ า การพฒั นาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย แบบทดสอบก่อนเรยี น เรือ่ ง การวิเคราะหก์ ารตลาด คำช้แี จง ให้เลือกคำตอบท่ีถกู ต้องทีส่ ุดเพียงคำตอบเดยี ว จำนวน 5 ขอ้ ( 5 คะแนน ) 1. ขอ้ ใดหมายถึง “การจัดจำหน่าย” 4. วธิ ีใดเป็นการหาขอ้ มลู การตลาดท่ดี ีท่สี ุด ก. การขายผลิตภัณฑ์ราคาสูง ก. การถามผเู้ ช่ยี วชาญ ข. การจัดการผลติ สนิ คา้ มาก ๆ ข. การใช้แบบสอบถาม ค. การลดราคาสินค้าให้ขายได้มาก ๆ ค. การสังเกตส่ิงแวดล้อม ง. การระดมความคิดในการออกแบบ ง. การอ่านรายงานการประชุม 2. หากท่านมีอาชพี ขายขนม ทา่ นควรศกึ ษา 5. ปัจจุบันวัตถุประสงคข์ องการผลติ มีอยา่ ง ทักษะด้านใดเพิ่มเตมิ เพื่อหาชอ่ งทางใน เดียวทคี่ ิดเหมือนกนั คือ การเพ่ิมรายได้ของตนเอง ก. ต้นทุนต่ำ ก. การตลาด ข. แรงงานคน ข. การบรรจุภณั ฑ์ ค. สสี นั สวยงาม ค. การแปรรูปผลไม้ ง. เครอ่ื งจกั รทนั สมัย ง. ทุกดา้ นท่กี ลา่ วมา 3. เพราะเหตุใดจึงตอ้ งมีการกำหนด กลุ่มเป้าหมาย ก. เพอ่ื กระตนุ้ การผลิตสนิ คา้ ให้มากขน้ึ ข. เพ่ือใหเ้ กดิ รายไดส้ ะพัดใน กลุม่ เป้าหมายเฉพาะกลุ่ม ค. เพื่อให้มีแนวทางในการควบคมุ กล่มุ เปา้ หมายใหใ้ ช้สนิ คา้ นนั้ ง. เพือ่ ให้มีการผลิตสนิ ค้าทีต่ อบสนอง ความตอ้ งการของกลมุ่ เป้าหมาย
บทเรียนออนไลนท์ ี่ 4 510 512 วิชา การพัฒนาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย ใบความรู้ เรอ่ื ง การวเิ คราะหก์ ารตลาด เร่ืองที่ 1 ช่องทางการตลาด ความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับช่องทางการตลาด (AN INTRODUCTION OF MARKETING - CHANNEL) ชอ่ งทางการตลาด (marketing channel) หรือช่องทางการจัดจำหน่าย (place or channel of distribution) เปน็ สว่ นประกอบหนึ่งของสว่ นผสมทางการตลาด marketing mix นอกเหนอื ไปจาก สินค้า (product) ราคา (price) และการส่งเสริมการตลาด (promotion) ผู้บริหารการตลาดจะต้อง พยายามกำหนดกลยุทธ์การตลาดของส่วนผสมทางการตลาดให้มีประสิทธิภาพ เพื่อที่จะสามารถ ตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้าเปา้ หมายได้ตรงกับทลี่ ูกคา้ ต้องการ ความสำคญั ของช่องทางการตลาด เนื่องจากปัจจุบนั ไดม้ ีการเปลีย่ นแปลงของปจั จัยหลาย ๆ อย่างที่ส่งผลกระทบต่อการจัดการ ด้านช่องทางการตลาด อิทธิพลของปัจจัยเหล่านี้ทำให้กิจการต่าง ๆ ให้ความสำคัญกับช่องทาง การตลาดมากย่ิงข้ึน โดย นงนิตย์ ศิริโภคากิจ (2541 : 423 – 433) ได้แบ่งปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อช่องทางการตลาด ออกไดเ้ ป็น 6 ปัจจยั ดงั นี้ 1. การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายด้านการจัดจำหน่าย ค่าใช้จ่ายการจัดจำหน่าย เมื่อเปรียบเทียบ กับราคาสนิ คา้ ต้นทุนการผลิตสนิ ค้าเพมิ่ ขึ้นอย่างมาก การจดั เตรยี มสนิ ค้าคงเหลือไว้ในระดับท่ีสูง เพื่อ บริการลูกค้าทำให้กิจการต้องใช้เงินทุนมากขึ้น เสียดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น เสียค่าคลังสินค้าเพิ่มขึ้น นอกจากน้ียังมีการจัดส่งสินค้าให้ลูกค้าตามคำสั่งซื้อในปริมาณที่น้อยแต่บ่อยขึ้น เพื่อเอาใจลูกค้า ซ่ึง ต้องเสียค่าใช้จ่ายมากกวา่ ในกรณีทต่ี อ้ งสง่ สินค้ารวมกันในปริมาณมาก 2. การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมในการส่ังซื้อของลูกค้า ผู้บรโิ ภคในอดีตมีพฤติกรรมในการซื้อท่ี ไม่ค่อยซบั ซอ้ นเทา่ ไรนัก สินคา้ จะซอื้ สอี ะไรก็ได้ ขนาดไหนกไ็ ด้ ผู้ขายจะส่งใหเ้ มอื่ ไรก็ได้ แต่ในปัจจุบัน ผู้บริโภคต้องการให้ส่งของรวดเร็ว เลือกได้หลายรูปแบบ หลายสี หลายขนาด หลายรสชาติ ต้องการ ความสะดวกในการไปหาซื้อสินค้าทีร่ ้านทใี่ กล้บา้ น ใกลท้ ่ที ำงานและในราคาทตี่ ่ำ ความต้องการเหล่าน้ี บทเรยี นทอำอในหไ้ฝล่านยท์ จ่ีัด4การต้องคิดระบบการจัดการผลิต กวาชิ ราจกัดาจรำพหัฒนน่ายาใแหผ้มนีกแาลระปโคระรงสกาานรงอาานชกีพันต(อั้งชแ3ต2่จ0ุด0ผ1ล)ิตม.ปลาย จุดซอ้ื จนกระท่งั ถงึ จดุ บรโิ ภค 3. การพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ มีหลายบริษัทพยายามค้นหาผลิตภัณฑ์ใหม่ท่ีจะแนะนำออกสู่ ตลาดเพื่อรักษาปริมาณการขาย และกำไรไม่ให้ลดลง จะเห็นได้ว่าในร้านค้าปลีกต่าง ๆ ไม่ว่าร้าน
511 513 สรรพสินค้า รา้ นสรรพาหารร้านค้าปลีกเฉพาะอย่าง และรา้ นขายปลีกทั่ว ๆ ไป มปี รมิ าณสินค้าหลาย รายการ หลายชนิด หลายยี่ห้อวางจำหน่ายตามร้านดังกล่าว อาจกล่าวได้ว่า ร้านค้าเหล่านี้ต้องเพ่ิม สินค้ารายการต่างๆ ในปริมาณเท่าตัว เช่น สบู่ถูตัวมีหลายยี่ห้อ ผงซักฟอกก็เช่นกัน มีหลายยี่ห้อ หลายขนาด ผลจากการทำสินค้าหลาย ๆ ชนิดในสายผลิตภัณฑ์เดียวกันนี้เพิ่มความยุ่งยากและ ขอบข่ายการทำงานของการจัดจำหน่าย โดยเฉพาะปัญหาในเรื่องสินค้าขาดมือ การลงทุนในสินค้า คงเหลอื ปรมิ าณในการจดั สง่ สินคา้ และการกระจายจดั ต้งั คลังสินค้าตามเขต ตลาดตา่ ง ๆ เพือ่ บริการ ลกู คา้ และสูค้ แู่ ข่งขัน 4. เทคโนโลยีในการขนส่งและการจัดรวมบรรทุกเป็นหน่วยเดียว เทคโนโลยีใหม่ๆ ในการ ขนส่งสินค้า การจัดรวบรวมสินค้าบรรทุกเป็นหน่วยเดียว และในกิจกรรมอื่นที่เกี่ยวข้อง ทำให้ฝ่าย จัดการต้องประเมินผล ถึงความพร้อม ความพอเพียงในการดำเนินการสิ่งเหล่านี้ การสร้างทาง คมนาคมเพิ่มขึ้น ตลอดจนการปรับปรุง ระบบการคมนาคม ทำให้การขนส่งสินค้าและวัตถุดิบ ประหยัดเวลา ประหยัดค่าใช้จ่ายในการขนส่ง การมีรถบรรทุกแบบใหม่ ระบบคอนเทนเนอร์ การพัฒนาเครื่องมือในการบรรจุภัณฑ์ ตลอดจนเครื่องมือในการ ขนถ่ายสินค้า ทำให้เกิดการรวม บรรทุกสินค้าเป็นหน่วยเดียวเสมือนหนึ่งเป็นวิธีการมาตรฐานในการขนย้าย สินค้า สิ่งเหล่านี้ทำให้มี การเปลย่ี นแปลงในค่าใช้จ่าย ซงึ่ ฝา่ ยจัดการต้องติดตามและประเมนิ ผลสงิ่ ประดษิ ฐ์ใหม่ๆ ท่ีจะทำให้มี การลดค่าใช้จ่ายและเพ่มิ การใหบ้ ริการลกู ค้า 5. การแข่งขัน ได้มีการแข่งขันจําหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภค และสินค้าอุตสาหกรรมอย่าง มากในตลาด ในประเทศ การเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายในการแนะนําสินค้าใหม่ออกสู่ตลาด ทำให้เพ่ิม ค่าใช้จ่ายสำหรับสินค้า ที่ประสบความล้มเหลว ดังนั้นผู้ผลิตรายใดที่ต้องลงทุนในการที่จะแนะนํา สินค้าใหม่ออกสู่ตลาดเป็นเงินหลาย ล้านบาท การที่จะประสบความสำเร็จนั้น จําเป็นจะต้องมีการ ลงทุนเกี่ยวกับกิจกรรมด้านการจัดจําหน่ายให้มี ประสิทธิภาพ จะช่วยทำให้ธุรกิจนั้นอยู่ในสภาวะที่ ได้เปรียบคู่แข่งขันในแง่ของการบริการจัดส่งสินค้าให้ลูกค้า ได้รวดเร็ว ทำให้ลูกค้าหันมาเลือกซื้อ สนิ ค้าจากธรุ กจิ ประเภทเดียวกันท่ีจดั ใหม้ ีบรกิ ารดีกว่า 6. ความกดดันในช่องทางการจัดจําหน่าย สมาชิกในช่องทางการจัดจําหน่ายต่าง ๆ เช่น ผู้จัดจาํ หนา่ ย ผู้ค้าสง่ ผู้ค้าปลีก แต่ละคนก็แข่งขันกันพยายามเสาะหาผลประโยชน์ให้มากกว่าสมาชกิ ช่องทางการจัดจําหน่าย รายอื่น ๆ ตัวอย่างเช่น ผู้ค้าปลีกต้องการให้ผู้ค้าส่งมีการจัดส่ง สินค้าให้ เร่งด่วนทันที แม้จะสั่งซื้อปริมาณน้อย ต้องการให้ได้ส่วนเกิน (margin) สูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ตอ้ งการได้รับสว่ นลด ต้องการได้เครดิตเป็น ระยะเวลานาน ตรงกนั ขา้ ม ผ้คู ้าส่งตอ้ งการท่ีจะส่งสินค้า ให้แก่ผู้ค้าปลีกแต่ละครั้งในปริมาณมาก และได้ ส่วนเกินสูงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้อีกด้วย สมาชิกใน
บทเรียนออนไลน์ที่ 4 512 514 วชิ า การพฒั นาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย ช่องทางการจัดจําหน่ายรายไหนจะสามารถเอาผลประโยชน์ โดยการผลักภาระไปให้สมาชิกอืน่ ๆ ใน ช่องทางการจัดจําหน่ายนั้นก็ขึ้นอยู่กับอำนาจเศรษฐกิจของสมาชิก ระเบียบ ข้อบังคับของรัฐบาล เกี่ยวกับการแข่งขัน และความสัมพนั ธ์ทีจ่ ะร่วมมอื กันของสมาชิก ในขณะที่โครงสรา้ งการจัดจาํ หนา่ ย มีการเปลี่ยนแปลง และคนกลางทุกระดับในช่องทางการจัดจําหน่ายมีการจัด การระบบการจัด จําหน่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ก็อาจทำให้เกิดความกดดันขึ้นในช่องทางการจัดจําหน่าย เช่น ผู้ผลิต บางรายอาจได้รับผลจากการกดดัน ต้องจัดให้มีคลังสินค้าจัดจําหน่ายขึ้นตามเมืองใหญ่ ๆ เพื่อว่าได้ จดั เก็บ รักษาสนิ คา้ เอาไวใ้ นปริมาณหนึ่งท่จี ะจัดส่งใหผ้ ู้ค้าส่ง ผู้คา้ ปลีกตามเมืองใหญ่ ๆ ไดร้ วดเร็วตาม ความต้องการ ผู้ผลิตบางรายอาจตอ้ งปรับปรุงขนาดการบรรจุภัณฑ์ใหม่ ปรมิ าณการจดั ส่งสินค้าแต่ละ คร้งั ใหม่ เปล่ยี นวิธกี าร ขนสง่ ใหม่และเปลีย่ นกําหนดการจดั ส่งสนิ คา้ ใหม่ เพ่ือสนองตอบความต้องการ ของลูกคา้ ใหด้ ีขน้ึ ความหมายของชอ่ งทางการตลาด คำว่า “ช่องทางการตลาด (marketing channel)” หรือ “ช่องทางการค้า (trade channel)” และ“ชอ่ งทางการจัดจำหน่าย (channel of distribution)” ไดม้ ีนกั การตลาดหลายท่าน ให้ความหมายที่แตกตา่ งกันออกไปตามแนวความคิดของแตล่ ะท่าน ดงั น้ี ช่องทางการตลาด หมายถึง “กลุ่มของสถาบันซึ่งเกี่ยวข้องกับกระบวนการที่จะทำให้สินค้า หรือบริการเป็นทห่ี าไดง้ ่ายสำหรับการใชห้ รือการบรโิ ภค” (Stern, El-Ansary and Coughlan, 1996 :1) ช่องทางการตลาด หมายถึง “ระบบหรือเครือข่ายของตัวแทนและสถาบันที่ทำการรวบรวม และปฏิบัติกิจกรรมทุกอย่างในการเชื่อมงานทางการตลาดระหว่างผู้ผลิตกับผู้ใช้ให้บรรลุผลสำเร็จ” (Berman, 1996 : 5) ช่องทางการตลาด หมายถึง “เส้นทางการเปลี่ยนกรรมสิทธิ์ในสินค้าจากผู้ผลิตไปสู้ผู้บริโภค ขั้นสุดท้าย(ultimate consumer) หรือผู้ใช้ทางอุตสาหกรรม (industrial user)” (ศิริวรรณ เสรีรัตน์ และคณะ, 2540 : 472) จากความหมายของช่องทางการตลาด ซึ่งนักการตลาดได้กล่าวไว้ต่างๆ กัน ดังกล่าวมาแล้ว ขา้ งต้นสามารถสรปุ สาระสำคัญของความหมายคำว่า “ชอ่ งทางการตลาด” ไดด้ งั นี้ “ช่องทางการตลาด” หมายถงึ กลุ่มของสถาบันหรือองค์กรทเี่ กี่ยวข้องกับกระบวนการในการ เคลื่อนย้ายสินค้าหรือบริการจากผูผ้ ลิตไปสู่ผู้บริโภคคนสุดท้าย (ultimate consumer) หรือผู้ใช้ทาง อตุ สาหกรรม (Industrial user)
บทเรยี นออนไลน์ท่ี 4 513 515 วชิ า การพฒั นาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย ผทู้ ่ีมสี ว่ นรว่ มในช่องทางการตลาด จากความหมายของช่องทางการตลาด จะเห็นได้ว่าในการเคลื่อนย้ายสินค้าบรกิ ารจากผู้ผลติ ไปยังผู้บริโภค หรอื ผ้ใู ชท้ างอตุ สาหกรรมนัน้ จะต้องเกี่ยวข้องกบั กลุม่ ของสถาบัน และผู้ที่มีส่วนร่วมใน ชอ่ งทางการตลาดที่ช่วยให้การจัดจำหนา่ ยหรอื บริการ สามารถตอบสนองความต้องการของกลุ่มลูกค้า เป้าหมายให้เปน็ ไปอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ที่มีสว่ นรว่ มในชอ่ งทางสามารถแบง่ ได้ 2 กลมุ่ คือ 1. องค์กรที่ทำหน้าที่ติดต่อ (contractual organization) หรือเรียกว่า ช่องทางการตลาด (marketingchannel) หมายถึง ผู้ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการซื้อการขายและการโอนย้ายความเป็น เจา้ ของในสินค้าหรือบริการซ่ึงประกอบไปด้วย 1.1 ผผู้ ลติ (producers or manufacturers) 1.2 คนกลาง (intermediaries) ได้แก่ 1.2.1 คนกลางท่ที ำหนา้ ท่ีค้าส่ง 1.2.2 คนกลางท่ที ำหน้าท่คี า้ ปลีก 1.3 ผู้ใชค้ นสดุ ทา้ ย ไดแ้ ก่ 1.3.1 ผบู้ รโิ ภค (consumers) 1.3.2 ผใู้ ชท้ างอุตสาหกรรม (industrial users) 2. ผู้อำนวยความสะดวก (facilitators) หมายถึง ผู้ที่ทำหน้าที่ช่วยเหลือในการปฏิบัติงาน ทางการจัดจำหนา่ ยสินคา้ หรือบรกิ าร ในวถิ ีทางที่ไม่ใชก่ ารเขา้ ไปเสาะแสวงหาลกู คา้ หรอื เจรจาต่อรอง กับลูกค้าแต่เป็นในด้านอื่น ๆ เช่น การขนส่ง การเก็บรักษา การให้กู้ยืมเงิน หรือการโฆษณา เป็นต้น ประกอบไปดว้ ย 2.1 ธรุ กจิ ที่ให้บริการดา้ นการขนส่ง (transportation firms) 2.2 ธุรกจิ ทใี่ หบ้ ริการดา้ นการเก็บรักษาสนิ ค้า (storage firms) 2.3 บริษัทตวั แทนโฆษณา (advertising agencies) 2.4 ธรุ กจิ ทีใ่ ห้บริการด้านการเงนิ (financial firms) 2.5 ธรุ กิจท่ีใหบ้ รกิ ารดา้ นการรับประกนั (insurance firms) 2.6 ธรุ กจิ ท่ใี ห้บริการดา้ นการวจิ ัยการตลาด (marketing research firms
บทเรียนออนไลนท์ ่ี 4 514 516 วิชา การพฒั นาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย คนกลางทางการตลาด คนกลางทางการตลาด (marketing intermediaries) หรือเรียกว่า สถาบันทางการตลาด (marketing institution) หมายถึง บุคคลหรือองค์กรที่เข้ามาดำเนินงานระหว่างผู้ผลิตสินค้ากับ ผูบ้ รโิ ภคหรอื ผ้ใู ช้ทางอตุ สาหกรรม (Kotler, et al., 1999 : 555 – 556) ซง่ึ ประกอบไปดว้ ย 1. พ่อค้าคนกลาง (merchant middlemen) หมายถึง บุคคลหรือองค์กรที่ซื้อสินค้าไปขาย ต่อเพือ่ เอากำไร และมีกรรมสิทธใ์ิ นสนิ ค้าทีต่ นจำหน่ายอยู่ เช่น พอ่ คา้ สง่ พอ่ ค้าปลีก เปน็ ต้น 2. ตัวแทนคนกลาง (agent middlemen) หมายถึง บุคคลหรือองค์กรที่ค้นหาลูกค้าให้แก่ ผู้ผลิตและทำการเจรจาตอ่ รองให้ผู้ผลติ แต่ไม่มีกรรมสิทธ์ิในสนิ ค้าที่เสนอขาย เช่น นายหน้า ตัวแทน ผผู้ ลิต ตัวแทนขาย เปน็ ตน้ 3. ผู้อำนวยความสะดวก (facilitators) หมายถึง บุคคลหรือองค์กรที่ไม่ได้มีกรรมสิทธิ์ใน สินค้า และไม่ได้ทำการต่อรองกับผู้ผลิตไม่ได้ทำการเจรจาต่อรองให้ผู้ผลิต แต่จะมาช่วยทำหน้าท่ี อำนวยความสะดวกในการจัดจำหน่ายสินค้าให้กับผู้บริโภค เช่น บริษัทขนส่ง บริษัทให้บริการคลัง เกบ็ สินค้า สถาบันการเงนิ ตัวแทนบรษิ ทั โฆษณา เปน็ ตน้
บทเรยี นออนไลน์ที่ 4 515 517 วิชา การพัฒนาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย หนา้ ทขี่ องชอ่ งทางการตลาด หน้าที่หลักของช่องทางการตลาด คือ “การเคลื่อนย้ายสินค้าจากผู้ผลิตไปสู้ผู้บริโภค” นอกจากหน้าที่หลักดังกล่าวแล้ว ช่องทางการตลาดยังทำหน้าที่อื่น ๆ โดย Philip Kotler, et al., (1999 : 558) ได้แบ่งหน้าที่ของ ช่องทางการตลาดแบงออกเปน็ 9 หนา้ ที่ ดังนี้ 1. หน้าที่ในการรวบรวมและเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารการวิจัยทางการตลาด (marketing research information) เช่น ข้อมูลเกี่ยวกับลูกค้าที่มีอยู่ในปัจจุบัน และที่มีโอกาสเป็นลูกค้าใน อนาคต ข้อมูลสินคา้ ใหมห่ รอื ข้อมูลเก่ียวกับการเปลีย่ นแปลงของสิ่งแวดล้อมทางการตลาด เปน็ ต้น 2. หน้าที่ในการส่งเสริมการตลาด (promotion) โดยทำหน้าที่ในการพัฒนาและออกแบบ วธิ ีการตดิ ตอ่ สื่อสารท่ดี ึงดดู ใจ เพ่อื เผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับสนิ ค้าไปยังลกู ค้า 3. หน้าที่ในการเจรจาต่อรอง (negotiation) เพื่อให้มีการซื้อ (buying) และการขาย (selling) สินคา้ เกิดข้ึนเปน็ ความพยายามให้เกดิ การตกลงข้ันสุดท้าย และการโอนกรรมสทิ ธจ์ิ ากผู้ผลิต เป็นของผบู้ รโิ ภค 4. หน้าที่ในการสั่งซื้อสินค้า (ordering) ซึ่งเป็นการสั่งซื้อสินค้าจากผู้ผลิตของสมาชิกใน ช่องทางการตลาด 5. หน้าที่ทางด้านการเงิน (financing) เป็นการแสวงหาและจัดสรรเงินเพื่อมารองรับสินค้า คงเหลือท่ีต้องมรี ะหวา่ งสนิ คา้ อยู่ในช่องทางการตลาด 6. หน้าทใี่ นการรับภาระการเสี่ยงภยั (risking) ขณะดำเนนิ การภายในชอ่ งทางการตลาด 7. หน้าที่ในการครอบครองผลิตภัณฑ์ (physical possession) ซึ่งเริ่มตั้งแต่วัตถุดิบ จนกระทัง่ เปน็ สินค้าสำเร็จรปู 8. หนา้ ที่ในการชำระเงนิ (payment) เมอ่ื ผ้ซู ้ือคนสดุ ท้ายชำระค่าสนิ ค้ามาแลว้ ส่วนหนึ่งของ เงินจะถูกหักเป็นรายได้ของสมาชิกในช่องทางการตลาด เงินส่วนทีเ่ หลือจะถูกส่งย้อนกลับไปให้ผูผ้ ลติ หรือผูจ้ ำหน่ายวตั ถดุ ิบ โดยอาจจะผา่ นทางธนาคารหรือสถาบันการเงินอื่นๆ ก็ได้ 9. หน้าทีใ่ นการเปลย่ี นแปลงความเป็นเจ้าของ (title) เมอื่ มกี ารซ้ือขายสินค้าเกิดข้ึนจะทำให้ ความเป็นเจ้าของเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมที่ผู้ขายเป็นเจ้าของสินค้าเปลี่ยนเป็นผู้ซื้อเป็นเจ้าของสินค้า แทน
บทเรียนออนไลน์ที่ 4 516 518 วชิ า การพฒั นาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย สปุ ญั ญา ไชยชาญ (2538 : 249) สรปุ ว่า จากหน้าท่ตี า่ ง ๆ ของช่องทางการตลาดดังกลา่ ว ทำ ใหม้ ลี ักษณะรว่ มกันอยู่ 3 อย่าง คอื 1. มกี ารใชท้ รพั ยากรท่ีมีอยอู่ ยา่ งจำกัด 2. สมาชิกรายใดมีความชำนาญจะทำได้ดีกวา่ 3. สามารถมอบหมายใหส้ มาชิกปฏิบตั ิไดท้ ุกราย ดังนั้น การพิจารณาตัดสินใจว่า ผู้ผลิตหรือสมาชิกในช่องทางการตลาดควรจะทำหน้าที่ใด หรือจะมอบหมายให้ใครเป็นผู้ทำหน้าที่นั้น จะต้องคำนึงถึงค่าใช้จ่ายที่จะเกิดขึ้น ตลอดจนการ เปรยี บเทยี บประสิทธิภาพของการปฏบิ ตั ิหนา้ ทีข่ องแต่ละคนดว้ ย ประโยชนข์ องชอ่ งทางการตลาด การทผ่ี ูผ้ ลติ ขายสินค้าไปสูผ่ ูบ้ ริโภคโดยผ่านคนกลางน้นั จะก่อให้เกดิ ประโยชน์ในข้ันตอนของ กระบวนการติดต่อซื้อขายสินค้า คือ เกิดประสิทธิภาพของการติดต่อ (contactual efficiency) เนอ่ื งมาจากการใช้คนกลางทำใหจ้ ำนวนและความซบั ซ้อนในการติดต่อกบั ลูกคา้ ของผู้ผลิตลดนอ้ ยลง ถา้ หากผผู้ ลติ แตล่ ะรายทำการขายสนิ ค้าโดยไมผ่ ่านพอ่ คา้ ส่งหรือพ่อคา้ ปลีก (การขายโดยตรง ให้กับผู้บรโิ ภค) จะทำให้เกิดการตดิ ต่อซื้อขายสินคา้ ในช่องทางการตลาดทั้งหมดถึง 25 ครั้ง แต่ถ้า ผู้ผลิตแต่จะขายสินค้าโดยผ่านพ่อค้าส่ง 1 รายหรือผ่านพ่อค้าปลีก 1 ราย จะทำให้เกิดการติดต่อ ซื้อขายสินค้าในช่องทางการตลาดทั้งหมดเพียง 10 ครั้งเท่านั้น ซึ่งจะทำให้เกิดประสิทธิภาพของการ ติดต่อ เพราะสามารถลดจำนวนครั้งของการตดิ ตอ่ ซ้ือขายสินคา้ ลงไดถ้ ึง 15 ครง้ั สรปุ ช่องทางการตลาด เป็นองค์ประกอบหนึ่งของส่วนผสมทางการตลาด นอกเหนือไปจากสนิ คา้ ราคาและการส่งเสริมการตลาด กิจการจะต้องพยายามกำหนดกลยุทธ์การตลาดของช่องทาง การตลาด และ ส่วนผสมการตลาดที่เหลือ เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการได้ตรงกับที่ลูกค้า ตอ้ งการ ช่องทางการตลาด หมายถึง กลุ่มของสถาบัน หรือองค์กรที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการในการ เคล่ือนยา้ ย สินคา้ หรือบริการจากผ้ผู ลติ ไปสผู่ ู้บริโภคคนสดุ ท้าย โดยผ้ทู ่มี สี ว่ นรว่ มในช่องทางการตลาด แบ่งออกเป็น 2 กลมุ่ ไดแ้ ก่ กลุม่ ทีห่ น่งึ คือ องคก์ รที่ทำหนา้ ท่ตี ดิ ต่อเกี่ยวกบั การซอื้ การขาย และการ โอนย้ายความเป็นเจ้าของ ซึ่งประกอบด้วยผู้ผลิต คนกลาง (พ่อค้าส่งและพ่อค้าปลีก) และผู้ใช้คน สุดท้าย (ผู้บรโิ ภคและผู้ใชท้ างอตุ สาหกรรม) สว่ นกล่มุ ทส่ี อง คอื ผูอ้ าํ นวยความสะดวก ซึ่งจะทำหน้าที่ ช่วยเหลือในการปฏิบัติงานทางการจัดจําหน่ายสินค้า หรือบริการด้านอื่น ๆ ที่มิใช่การเข้าไปเสาะ แสวงหาลูกค้า หรือเจรจาต่อรองกับลูกค้า เช่น การขนส่ง การเก็บรักษา การกู้ยืมเงิน การโฆษณา
บทเรียนออนไลน์ท่ี 4 517 519 วิชา การพัฒนาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย เป็นต้น กลุ่มนี้ประกอบด้วยธุรกิจที่ให้บริการด้านการเงิน ธุรกิจที่ให้บริการด้านการรับประกันและ ธุรกิจท่ีให้บริการด้านการวิจัยการตลาด แต่ถ้ากล่าวถึงเฉพาะคนกลางทางการตลาด (สถาบันการตลาด) แล้ว จะหมายถึง บุคคลหรือองค์กรที่เข้ามาดำเนินงานระหว่างผู้ผลิตสินค้ากับ ผบู้ รโิ ภคหรือผูใ้ ช้ทางอตุ สาหกรรม ประกอบด้วย พอ่ คา้ คนกลางและผอู้ าํ นวยความสะดวก หนา้ ท่ีหลักของชอ่ งทางการตลาด คอื การเคลอื่ นย้ายสินคา้ จากผู้ผลิตไปสผู่ บู้ รโิ ภค นอกจากนี้ ยังมีหน้าที่ในด้านต่าง ๆ คือ การรวบรวมและเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารการวิจัยทางการตลาด การ ส่งเสริมการตลาด การเจรจาต่อรองการสั่งซื้อสินค้าด้านการเงิน การรับภาระการเสี่ยงภัยการ ครอบครองผลิตภัณฑ์ การชําระเงิน และการเปลี่ยนแปลงความเป็นเจ้าของ การขายสินค้าผ่าน คนกลางจะทำให้เกิดประสิทธิภาพของการติดต่อ เพราะทำให้จำนวน และความซับซ้อนในการติดต่อ กับลูกค้าของผู้ผลิตลดน้อยลง นอกจากนี้ยังก่อให้เกิด ประโยชน์ด้านอื่น ๆ คือ ลดสินค้าขาดมือให้ น้อยลง ลดความต้องการสินค้าคงเหลอื ของลูกคา้ สร้างสัมพันธภาพ ระหว่างผูผ้ ลติ กับลูกค้า เพิ่มการ ใหส้ ว่ นลดในการจัดสง่ สนิ คา้ ขยายเขตตลาดให้มากขึ้น และใหค้ วามสนใจใน การสรา้ งลูกคา้ มากขนึ้ เรอ่ื งท่ี 2 การส่งเสริมการขาย การดำเนินธุรกิจในยุคผู้นําที่มีการแข่งขันสูงเช่นปัจจุบัน การส่งเสริมการขาย (Promotion) ไดเ้ ขา้ มา มบี ทบาทสำคัญในการทำตลาดมากย่ิงข้ึน จุดประสงค์ของการนํากลยุทธส์ ่งเสริมการขายมา ใช้เพื่อทำให้ผู้บริโภค เกิดความสนใจในตัวสินค้ามากขึ้น โดยการนําเสนอผลประโยชน์พิเศษให้กับ ลูกค้าเป็นครั้งคราวเพื่อกระตุ้นให้ ลูกค้าเกิดความต้องการสินค้าภายในช่วงเวลานั้น กลยุทธ์ส่งเสริม การขายที่นิยมนำมาใช้ในการทำตลาดปัจจุบัน มีหลายรูปแบบ ขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของ ผู้ประกอบการ ซึ่งผู้ประกอบการเอสเอ็มอีสามารถเลือกนำมาใช้ ให้เหมาะกับสนิ ค้า เช่น การส่งเสรมิ การขายท่ีมุง่ สลู่ กู คา้ โดยตรงเพ่ือต้องการใหล้ ูกคา้ ซื้อสินค้ามากข้นึ ผปู้ ระกอบการ กอ็ าจเลือกใช้วิธีการ แจกของตัวอย่าง การสาธิตวิธีการใช้ การให้คูปอง การคืนเงิน แต่หากต้องการส่งเสริม การขายโดย มุ่งเน้นไปที่ตัวแทนจําหน่ายที่เป็นคนกลาง เพื่อให้บุคคลเหล่านี้กระจายสินค้าไปยังลูกค้ามากขึ้นก็ สามารถนำวธิ กี ารสง่ เสริมการขายในลกั ษณะใหส้ ว่ นลดสนิ ค้า การแถมสินค้า การกำหนดเปา้ ในการซื้อ สนิ ค้า การให้ของขวัญพิเศษ มาใช้เป็นแรงจูงใจ และหากต้องการส่งเสริมการขายด้วยการมุ่งสู่ พนักงานขาย สามารถใชว้ ิธีการกระตุ้นดว้ ยการให้โบนสั พิเศษ การกำหนดเป้าการขาย เพื่อกระตุ้นให้ พนักงานเหล่าน้ีขายสินค้าได้มากข้ึนเทคนิคในการส่งเสริมการขายที่นิยมใช้มหี ลายวิธี อาทิ การสาธิต คุณประโยชน์และวิธีการใชส้ ินคา้ เพ่ือให้ผูบ้ รโิ ภคมคี วามเข้าใจในตัวสนิ ค้า ซ่งึ หากเปน็ สินค้าช้ินไม่ใหญ่
บทเรียนออนไลนท ่ี 4 520 518 วิชา การพัฒนาแผนและโครงการอาชพี (อช.32001) ม.ปลาย มาก ผูขายสามารถนาํ ไปสาธิตใหล ูกคาทราบตามจุดตาง ๆ เชน หางสรรพสินคา หรอื สถานทท่ี สี่ ะดวก ได้ แตห่ ากสนิ คา้ มีช้นิ ใหญ่ ก็อาจใช้วิธีการเชิญชวนลกู ค้าใหเ้ ขา้ มาชมสินคา้ ในโรงงานแทน การจัดแสดงสินคา้ (Exhibition) เปน็ วธิ กี ารสง่ เสริมการขายวิธหี นึ่งที่ไดร้ ับความนิยมสูงใน ปัจจบุ ันเพราะสามารถเขา้ ถึงลูกค้าไดง้ ่าย และลกู คา้ สามารถเลอื กชมสนิ คา้ ท่ีนำมาแสดงไดโ้ ดยงา่ ย การแจกสินค้าตัวอย่าง (Sample) ส่วนใหญ่มกั ใช้ในกรณีท่ีออกสินค้าใหม่ เช่น ออกแชมพู สระผมตัวใหม่ครีมทาผิวกลิ่นใหม่ จุดประสงค์ในการแจกสินค้าตัวอย่างเพื่อให้ผู้บริโภคทดลองใช้ แต่ วธิ ีน้อี าจทำใหต้ ้นทุนสูง การใช้คูปอง (Coupon) เป็นเครื่องในการส่งเสริมการขายที่นิยมใช้แพร่หลายอีกวิธีหน่ึง เพราะวิธีนี้ลูกค้าท่ีได้รับจะถือวา่ เป็นการให้ส่วนลดอยา่ งหนึ่ง โดยลูกค้าสามารถนำคูปองที่แจกให้ไป แลกซื้อสินค้าในราคาพิเศษ วิธีนี้จะทำให้เกิดแรงจงู ใจในการซื้อสินคา้ มากขึ้น เพราะได้ราคาถูก โดย อาจทำใหล้ กู คา้ ทเี่ คยซ้ือสินค้าอยู่แล้วมีความต้องการสินคา้ เพิม่ หรืออาจไดล้ กู ค้าใหม่ๆ เข้ามา เพราะ มองวา่ เป็นราคาพเิ ศษได้ การให้ของแถม (Premium) เป็นเครื่องมือในการส่งเสริมการขายที่ต้องการให้ลูกค้าเกิด การยอมรับในตัวสินค้ามากยิ่งขึ้น ซึ่งจะเห็นผลในเวลาอันสั้น โดยอาจเป็นลักษณะการให้สินค้าอื่น ๆ ทผี่ ูป้ ระกอบการขายในรา้ นหรอื ผลติ ขน้ึ ฟรี การใช้แสตมป์การค้า (Trading stamp) การส่งเสริมการขายวิธีนี้จะกระตุ้นให้ลูกค้าเกิด การซ้อื ซ้ำได้ โดยลูกคา้ อาจเกิดความต้องการสะสมแสตมป์ไว้แลกของท่ีต้องการ ทำให้ผปู้ ระกอบการ สามารถขายของได้มากขึ้น และอาจมีลูกค้าประจำกลุ่มหน่ึง โดยผู้ประกอบการสามารถกำหนด เงอื่ นไขสนิ ค้าทลี่ ูกคา้ สามารถแลกซอ้ื ได้ตามความเหมาะสม การลดราคาสินค้า (Price-off ) การส่งเสริมการขายวิธีนี้ เพื่อจูงใจลูกค้าให้มาซื้อสินค้าใน ชว่ งเวลานนั้ เป็นการกระตนุ้ ความตอ้ งการของลูกค้า ซึ่งมกั ได้ผลระยะเวลานั้นผปู้ ระกอบการสามารถ นำสินค้าที่ต้องการมาจัดรายการพิเศษตามช่วงเวลา หรือวัน ให้ลูกค้าได้เลือกซื้อได้ แต่วิธีการนี้หาก นำมาใช้บ่อย อาจทำใหล้ ูกค้าเกิดความไมแ่ น่ใจในตวั สนิ คา้ ได้ และหากผู้ประกอบการมีงบประมาณใน การส่งเสริมการขายในระดับหนึ่งอาจจะเลือกใช้วิธีการโฆษณา ประชาสัมพันธ์สินค้า โดยผ่านสื่อต่าง ๆ เช่น วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์นิตยสารสื่อโฆษณากลางแจ้ง การใช้ Direct Mail การโฆษณาตาม ยานพาหนะ อย่างไรก็ตามก่อนที่ผู้ประกอบการจะเลือกใช้กลยุทธ์ส่งเสริมการขายวิธีใด ต้องศึกษาปัจจัย สิ่งแวดล้อมหลายประการ เช่น ลักษณะของตลาด กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย อายุ อาชีพ สถานภาพของ กลุ่มลูกค้า ลักษณะของผลิตภัณฑ์ เพราะผลิตภัณฑ์แต่ละประเภทจะมีลักษณะเฉพาะที่ไม่เหมือนกัน
บทเรียนออนไลน์ท่ี 4 519 521 วิชา การพฒั นาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย รวมทั้งวงจรชีวิตของผลิตภัณฑ์ราคาจําหน่ายและสิ่งสำคัญคืองบประมาณ เพราะการจัดกิจกรรม ส่งเสริมการขายในแต่ละครั้งผู้ประกอบการ ต้องมีเงินทุนพอสมควร ซึ่งผู้ประกอบการต้องพิจารณา อยา่ งละเอยี ดถ่ีถว้ นเพือ่ ให้เกดิ ประโยชนส์ งู สุด เปา้ หมายของการส่งเสริมการขาย การส่งเสริมการขายเป็นกิจกรรมทางการตลาดอย่างหนึ่งซึ่งช่วยเพิม่ มูลค่าหรอื สิ่งจูงใจให้กับ ลูกคา้ การส่งเสริมการขายมีเป้าหมายหลกั 2 เปา้ หมาย คอื 1. การส่งเสริมการขายโดยตรงต่อผู้บริโภค โดยช่วยกระตุ้นการซื้อเช่น การแจกตัวอย่าง ทดลองใช้ฟรี การใช้คูปอง การแข่งขัน การคืนกําไร การแถมของชำร่วย การจัดวางสินค้า ณ จุดขาย แรงจูงใจดังกล่าวมีเป้าหมาย เพื่อกระตุ้นการซื้อทันที นอกจากนี้ การส่งเสริมการขายยังช่วยกระตุ้น ลูกค้าให้ซ้อื สนิ คา้ บอ่ ยขึ้น หรอื เปล่ยี น จากลกู ค้าทม่ี ีศักยภาพในการซ้อื เปน็ ลูกคา้ จริง ๆ ท่ซี อ้ื สินคา้ 2. การส่งเสริมการขายสำหรับผู้จําหน่ายสินค้า เช่นผู้ค้าส่ง หรือตัวแทนจําหน่าย อาจจะมี การ ส่งเสริมการขาย เช่น การขายในราคาพิเศษเมื่อซื้อสินค้าจำนวนมากการจัดประกวดแสดงสินคา้ เปน็ ต้น ทง้ั น้ี เป็นการกระตุ้นผคู้ ้าปลกี ให้เก็บสต๊อกสินคา้ เพ่มิ ขน้ึ วัตถปุ ระสงค์ของการส่งเสรมิ การขาย วัตถุประสงค์ของการส่งเสริมการขายมีแตกต่างกัน เช่น การแจกตัวอย่างช่วยกระตุ้นให้เกิด การทดลองใช้ เพื่อจูงใจลูกค้าใหม่ ให้รางวัลกับลูกค้าที่มีความภักดีต่อตราสินค้า และเพิ่มการซื้อซ้ำ สำหรับลูกค้าที่ซื้อไม่บ่อย โดยลูกค้าใหม่มี 3 ประเภท คือ ลูกค้าที่เคยใช้สินค้ากลุ่มนี้ยี่ห้ออื่นอยู่แล้ว ลูกค้าที่ใชส้ นิ คา้ อืน่ และลกู คา้ ทีช่ อบเปลย่ี นย่หี อ้ สนิ คา้ บ่อย ๆ โดยปกติแล้ว การส่งเสริมการขายจะจูงใจลูกค้ากลุ่มที่ชอบเปล่ียนยี่ห้อสินค้าบ่อย ๆ เนื่องจากลูกค้า ที่เคยใช้สินค้ากลุ่มนี้ยี่ห้ออื่นอยู่แล้ว ลูกค้าที่ใช้สินค้ากลุ่มอื่นมักจะไม่ทันสังเกตว่ามี กิจกรรมการส่งเสริมการขาย ส่วนลูกค้าที่ชอบเปลี่ยนยี่ห้อสินค้าบ่อย ๆ จะมองหาสินค้าที่ราคาถูก คุ้มคา่ หรือมขี องแถม การสง่ เสรมิ การขาย เปล่ียนลกู คา้ กล่มุ นี้มาเปน็ ลูกค้าทมี่ คี วามภักดีต่อตราสินค้า ได้ ผขู้ ายมกั จะคดิ วา่ การส่งเสรมิ การขายเปน็ การทำลายความภักดีตอ่ ตราสนิ คา้ แต่การโฆษณาจะเป็น การสร้างความภักดีต่อตราสินค้านักการตลาดจึงต้องแบ่ง งบประมาณสำหรับกิจกรรมทั้งสองส่วนนี้ อยา่ งเหมาะสม อยา่ งไรก็ตาม เม่ือมกี ารสง่ เสริมการขายเป็นเวลานาน อาจเกดิ ผลเสยี ได้ เช่น ผู้บริโภค เริ่มมีความรู้สึกว่าสินค้าราคาถูก และจะซื้อเมื่อสินค้าเฉพาะเมื่อมีการจัดรายการ ส่งเสริมการขาย เท่านั้น นอกจากนี้การส่งเสริมการขายเป็นเวลานานๆ จะไม่ช่วยให้เกิดความภักดีต่อตราสินค้า โดยท่วั ไปแลว้ การส่งเสรมิ การขายจะไม่ชว่ ยใหย้ อดขายโดยรวมของสินคา้ ในกลมุ่ เพ่มิ ขน้ึ เพียงแต่ช่วย ให้ ยอดขายระยะสั้นเพิ่มขึ้นเท่านั้น ส่วนใหญ่บริษัทที่มีส่วนแบ่งตลาดน้อย ๆ จะใช้การส่งเสริมการ ขายเพื่อเพิ่ม ยอดขายและส่วนแบ่งตลาด แต่ไม่ค่อยเหมาะสมสำหรับผู้นําตลาด ข้อควรระวังของการ ใชก้ ารสง่ เสรมิ การขาย
บทเรยี นออนไลนท์ ี่ 4 520 522 วชิ า การพฒั นาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย การส่งเสริมการขายอาจทำให้ลดการภักดีต่อตราสนิ ค้าลง บางครั้งการสง่ เสริมการขายอาจมี ต้นทุนแฝงมากกว่าท่ีเตรยี มประมาณไว้ เชน่ ตน้ ทนุ เพ่ิมจากการเพ่ิมการผลิต การใชพ้ นักงานขายมาก ขึ้น หรือการ ที่สื่อสารไปสู่ลูกค้าที่ไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายของบริษัท เป็นต้น นอกจากนี้ยังเพิ่มความ ยงุ่ ยากใหก้ บั รา้ นค้าปลีก และอาจไม่ให้ความร่วมมือได้ เร่ืองที่ 3 การจดบนั ทึกการขาย การจัดทำสมดุ บัญชีและวธิ ีบันทกึ สมุดบญั ชสี ่วนประกอบพ้ืนฐานของระบบบญั ชี เป็นการแยกบันทึกรายการต่างๆ ท่ีได้กำหนด ไว้ เช่น การเพิ่มขึ้นลดลง และยอดคงเหลือของสินทรัพย์หนี้สินของส่วนของเจ้าของรายได้และ ค่าใช้จ่ายวัตถุประสงค์ ในการจัดทำสมุดบัญชีคือ เพื่อรวบรวมและแยกแยะรายการบัญชีอย่างเป็น ระบบ และใช้ยอดคงเหลือและยอดทเ่ี กดิ ขึ้นในสมุดบัญชีใหเ้ ป็นประโยชน์ในการจัดทำบัญชีงบดุลและ บญั ชกี ำไรขาดทุน รูปแบบสมุดบัญชีแบบน้ีแบ่งเป็นด้านซ้ายกับด้านขวา ด้านซ้ายเรียกว่า ลูกหนี้ (Debit Side) เขยี นยอ่ เป็น Dr. ด้านขวาเรียกว่า เจา้ หน้ี (Credit Side) เขยี นเป็น Cr. คำว่า เดบิตกบั เครดิต มาจาก คำในภาษาละตนิ ซง่ึ เดมิ มคี วามหมายวา่ “ตดิ คา้ ง” และ “ม”ี แตเ่ มอ่ื เวลาผ่านไปความหมายนก้ี ็หมด ไป ตอนน้ีเราจะเพ่ิมถงึ แตด่ า้ นซา้ ยและดา้ นขวาของสมดุ บัญชีเทา่ นนั้ และสมดุ บญั ชรี ปู ตวั T ออกแบบ
บทเรยี นออนไลน์ที่ 4 521 523 วชิ า การพฒั นาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย เพื่อความสะดวกในทางคณิตศาสตร์ ไม่ใช่สมุดบัญชีที่เป็นมาตรฐาน จึงใช้บันทึกอย่างเป็นทางการ สำหรบั กิจการไมไ่ ด้ สมุดบัญชีแบบมาตรฐานประกอบด้วย 5 ส่วนดงั นี้ 1. ชื่อและหมายเลขสมุดบัญชีมีไว้เพื่อบอกสาระที่บันทึกอยูใ่ นสมุดบญั ชเี ล่มนั้น รวมทั้งการ จัดลำดบั เลขท่ใี นสมุดบญั ชีแยกประเภท 2. ช่องวันท่ี ใชบ้ นั ทกึ วา่ รายการบัญชเี กิดขึน้ ในวนั เดือน ปอี ะไร 3. ช่องรายการ ใช้อธบิ ายลกั ษณะและสาระของรายการบัญชี 4. ชอ่ งหนา้ บ/ช ใชบ้ นั ทึกการโอนบญั ชี คือรายการท่บี นั ทกึ อนั ใดอันหน่ึงน้นั ได้มาจากการยก เอามาจากหนา้ สมดุ บญั ชรี ายวันเล่มไหน การมีช่องน้ไี วก้ เ็ พอ่ื สะดวกในการตรวจหา 5. ช่องยอดเงิน ใช้บันทึกยอดเงินที่เพิ่มขึ้น ลดลงและยอดเงินคงเหลือของรายการบัญชี รายการใดรายการหนง่ึ รูปแบบสมุดบญั ชีอีกประเภทหน่งึ คือ สมดุ บัญชยี อดคงเหลอื ช่ือและรหัสเลขสมดุ บญั ชี ซึ่งคงเห็นได้ไม่ยากว่า สาระโครงสร้างของสมุดบัญชียอดเงินคงเหลือจะเหมือนกับสมุดบัญชี แบบมาตรฐานทุกอยา่ ง จะต่างกันก็แต่รปู แบบการจัดวางเทา่ น้ัน
บทเรยี นออนไลน์ที่ 4 522 524 วชิ า การพัฒนาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย กิจกรรมที่ 4 เร่อื ง การวิเคราะหก์ ารตลาด ชอื่ -นามสกุล..........................................................................รหัสนักศึกษา........................................... คำชี้แจง ใหผ้ เู้ รยี นตอบคำถามต่อไปนี้ จำนวน 3 ข้อ (5 คะแนน) 1. ชอ่ งทางการตลาด หมายถึง (1 คะแนน) .......................................................................................................................................... ...................... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 2. วิธีการสง่ เสรมิ การขาย มีอะไรบ้าง (2 คะแนน) ................................................................................................................................................................ ......................................................................................................................................................... ....... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ 3. การจดบันทึกการขาย หมายถงึ (2 คะแนน) ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ..................................……………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………........................................................ ........................................................................................................................................ ........................ ................................................................................................................................................................
บทเรยี นออนไลน์ที่ 4 523 525 วชิ า การพฒั นาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย เฉลยกิจกรรมที่ 4 เรือ่ ง การวเิ คราะหก์ ารตลาด 1. ช่องทางการตลาด หมายถึง ตอบ ช่องทางการตลาด หมายถึง กลุ่มของสถาบัน หรือองค์กรที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการในการ เคลื่อนยา้ ย สินค้าหรอื บรกิ ารจากผู้ผลิตไปสู่ผู้บริโภคคนสุดท้าย โดยผูท้ ี่มีสว่ นร่วมในชอ่ งทางการตลาด แบง่ ออกเปน็ 2 กล่มุ ได้แก่ กลมุ่ ท่ีหนง่ึ คอื องคก์ รที่ทำหนา้ ที่ติดต่อเกย่ี วกับ การซ้อื การขาย และการ โอนย้ายความเป็นเจ้าของ ซึ่งประกอบด้วยผู้ผลิต คนกลาง (พ่อค้าส่งและพ่อค้าปลีก) และผู้ใช้คน สุดทา้ ย (ผ้บู ริโภคและผใู้ ช้ทางอตุ สาหกรรม) สว่ นกล่มุ ทสี่ อง คือ ผูอ้ ํานวยความสะดวก ซงึ่ จะทำหน้าท่ี ช่วยเหลือในการปฏิบัติงานทางการจัดจําหน่ายสินค้า หรือบริการด้านอื่น ๆ ที่มิใช่การเข้าไปเสาะ แสวงหาลูกค้า หรือเจรจาต่อรองกับลูกค้า เช่น การขนส่ง การเก็บรักษา การกู้ยืมเงิน การโฆษณ า เป็นต้น กลุ่มนี้ประกอบด้วยธุรกิจที่ให้บริการด้านการเงิน ธุรกิจที่ให้บริการด้านการรับประกันและ ธุรกิจที่ให้บริการด้านการวิจัยการตลาด แต่ถ้ากล่าวถึงเฉพาะคนกลางทางการตลาด (สถาบัน การตลาด) แล้ว จะหมายถงึ บุคคลหรอื องคก์ รท่เี ขา้ มาดำเนนิ งานระหวา่ งผู้ผลติ สนิ ค้ากับผบู้ ริโภคหรือ ผใู้ ชท้ างอตุ สาหกรรม ประกอบดว้ ย พ่อคา้ คนกลางและผู้อาํ นวยความสะดวก 2. วธิ กี ารสง่ เสรมิ การขาย มีอะไรบ้าง ตอบ การจัดแสดงสนิ ค้า (Exhibition) เป็นวิธีการสง่ เสริมการขายวิธหี นึง่ ท่ีไดร้ ับความนิยมสูงใน ปัจจุบนั เพราะสามารถเขา้ ถงึ ลูกค้าไดง้ ่าย และลกู คา้ สามารถเลอื กชมสนิ คา้ ทนี่ ำมาแสดงไดโ้ ดยง่าย การแจกสินค้าตัวอย่าง (Sample) ส่วนใหญ่มกั ใช้ในกรณีที่ออกสินค้าใหม่ เช่น ออกแชมพู สระผมตัวใหม่ครีมทาผิวกลิ่นใหม่ จุดประสงค์ในการแจกสินค้าตัวอย่างเพื่อให้ผู้บริโภคทดลองใช้ แต่ วิธนี อี้ าจทำให้ตน้ ทุนสงู การใช้คูปอง (Coupon) เป็นเครื่องในการส่งเสริมการขายที่นิยมใช้แพร่หลายอีกวิธีหน่ึง เพราะวิธีนี้ลูกค้าท่ีได้รับจะถือว่าเปน็ การให้ส่วนลดอยา่ งหนึ่ง โดยลูกค้าสามารถนำคูปองที่แจกให้ไป แลกซื้อสินค้าในราคาพิเศษ วิธีน้ีจะทำให้เกิดแรงจงู ใจในการซื้อสินคา้ มากขึน้ เพราะได้ราคาถูก โดย อาจทำให้ลกู ค้าทเ่ี คยซื้อสินคา้ อยู่แล้วมีความต้องการสนิ คา้ เพิ่ม หรืออาจได้ลูกค้าใหม่ๆ เข้ามา เพราะ มองว่าเป็นราคาพเิ ศษได้
บทเรียนออนไลนท์ ี่ 4 524 526 วชิ า การพัฒนาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย การให้ของแถม (Premium) เป็นเครอื่ งมือในการส่งเสรมิ การขายทีต่ ้องการให้ลูกค้า เกดิ การยอมรบั ในตวั สินค้ามากยิง่ ขึ้น ซงึ่ จะเห็นผลในเวลาอนั สั้น โดยอาจเป็นลักษณะการให้ สินค้าอืน่ ๆ ท่ีผ้ปู ระกอบการขายในรา้ นหรือผลิตขึ้นฟรี การใช้แสตมป์การค้า (Trading stamp) การส่งเสริมการขายวิธีนี้จะกระตุ้นให้ลูกค้าเกิด การซ้ือซำ้ ได้ โดยลกู ค้าอาจเกิดความต้องการสะสมแสตมป์ไว้แลกของท่ีต้องการ ทำใหผ้ ูป้ ระกอบการ สามารถขายของได้มากขึ้น และอาจมีลูกค้าประจำกลุ่มหนึ่ง โดยผู้ประกอบการสามารถกำหนด เงอื่ นไขสนิ คา้ ทีล่ กู ค้าสามารถแลกซื้อไดต้ ามความเหมาะสม การลดราคาสินค้า (Price-off ) การส่งเสริมการขายวิธีนี้ เพื่อจูงใจลูกค้าให้มาซื้อสินค้าใน ช่วงเวลานั้น เป็นการกระตุ้นความต้องการของลูกค้า ซึ่งมักได้ผลระยะเวลานั้นผู้ประกอบการ สามารถนำสินคา้ ที่ต้องการมาจัดรายการพเิ ศษตามชว่ งเวลา หรือวนั ให้ลูกค้าได้เลือกซ้ือได้ แต่วิธีการ นี้หากนำมาใช้บ่อย อาจทำให้ลูกค้าเกิดความไม่แน่ใจในตัวสินค้าได้ และหากผู้ประกอบการมี งบประมาณในการส่งเสริมการขายในระดับหนึ่งอาจจะเลือกใช้วิธีการโฆษณา ประชาสัมพันธ์สินค้า โดยผ่านสือ่ ต่าง ๆ เช่น วิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์นิตยสารสื่อโฆษณากลางแจ้ง การใช้ Direct Mail การโฆษณาตามยานพาหนะ 3. หน้าทหี่ ลกั ของชอ่ งทางการตลาด คอื ตอบ หนา้ ทีห่ ลกั ของช่องทางการตลาด คอื การเคล่ือนยา้ ยสนิ ค้าจากผู้ผลิตไปสผู่ บู้ รโิ ภค นอกจากนี้ ยังมีหน้าที่ในด้านต่าง ๆ คือ การรวบรวมและเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารการวิจัยทางการตลาด การ ส่งเสริมการตลาด การเจรจาต่อรองการสั่งซื้อสินค้าด้านการเงิน การรับภาระการเสี่ยงภัยการ ครอบครองผลิตภัณฑ์ การชําระเงิน และการเปลี่ยนแปลงความเป็นเจ้าของ การขายสินค้าผ่าน คนกลางจะทำให้เกิดประสิทธิภาพของการติดต่อ เพราะทำให้จำนวน และความซับซ้อนในการติดต่อ กับลูกค้าของผู้ผลิตลดน้อยลง นอกจากนี้ยังก่อให้เกิด ประโยชน์ด้านอื่น ๆ คือ ลดสินค้าขาดมือให้ น้อยลง ลดความต้องการสินค้าคงเหลอื ของลูกค้า สร้างสัมพันธภาพ ระหว่างผูผ้ ลิตกับลกู ค้า เพิ่มการ ใหส้ ว่ นลดในการจัดส่งสนิ คา้ ขยายเขตตลาดให้มากขนึ้ และให้ความสนใจใน การสร้างลูกคา้ มากขนึ้
บทเรียนออนไลน์ท่ี 4 525 527 วิชา การพัฒนาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย แบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง การวเิ คราะหก์ ารตลาด คำช้แี จง ใหเ้ ลอื กคำตอบที่ถูกตอ้ งที่สดุ เพยี งคำตอบเดียว จำนวน 5 ข้อ ( 5 คะแนน ) 1. ข้อใดหมายถงึ “การจัดจำหน่าย” 4. วิธีใดเป็นการหาข้อมลู การตลาดทด่ี ที ่สี ดุ ก. การขายผลติ ภัณฑ์ราคาสงู ก. การถามผเู้ ชย่ี วชาญ ข. การจดั การผลติ สินค้ามาก ๆ ข. การใชแ้ บบสอบถาม ค. การลดราคาสินค้าให้ขายไดม้ าก ๆ ค. การสังเกตสง่ิ แวดล้อม ง. การระดมความคดิ ในการออกแบบ ง. การอ่านรายงานการประชุม 2. หากทา่ นมอี าชีพขายขนม ท่านควรศึกษา 5. ปัจจุบันวัตถปุ ระสงคข์ องการผลิตมอี ยา่ ง ทักษะดา้ นใดเพิ่มเตมิ เพ่อื หาชอ่ งทางใน เดยี วทีค่ ดิ เหมือนกนั คือ การเพิ่มรายได้ของตนเอง ก. ตน้ ทนุ ตำ่ ก. การตลาด ข. แรงงานคน ข. การบรรจภุ ัณฑ์ ค. สีสันสวยงาม ค. การแปรรปู ผลไม้ ง. เครอ่ื งจกั รทนั สมยั ง. ทกุ ดา้ นท่กี ล่าวมา 3. เพราะเหตุใดจึงต้องมีการกำหนด กลุม่ เปา้ หมาย ก. เพ่ือกระตุ้นการผลติ สนิ คา้ ให้มากข้นึ ข. เพอ่ื ให้เกิดรายไดส้ ะพัดใน กลุ่มเป้าหมายเฉพาะกลุ่ม ค. เพ่ือใหม้ ีแนวทางในการควบคมุ กล่มุ เปา้ หมายให้ใช้สินคา้ น้ัน ง. เพ่ือใหม้ ีการผลิตสนิ ค้าทีต่ อบสนอง ความต้องการของกลมุ่ เป้าหมาย
บทเรียนออนไลน์ที่ 4 526 528 วชิ า การพฒั นาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรียน - หลงั เรียน เรื่อง การวิเคราะห์การตลาด 1. ค. 2. ง. 3. ค. 4. ข. 5. ก.
บทเรียนออนไลนท์ ่ี 5 527 529 วชิ า การพัฒนาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย ใบงาน คำส่งั 1. ให้ผู้เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรยี นบทเรียนออนไลน์ที่ 5 เรอื่ ง การพัฒนาแผนและ โครงการพฒั นาอาชพี ให้มีรายได้ มีเงนิ ออมและมีทนุ ในการขยายอาชีพ จำนวน 5 ขอ้ 2. ใหผ้ ู้เรียนศึกษาความรู้จากใบความรบู้ ทเรียนออนไลน์ที่ 5 เรื่อง การพฒั นาแผนและ โครงการพฒั นาอาชีพใหม้ รี ายได้ มเี งนิ ออมและมีทนุ ในการขยายอาชีพ 3. ให้ผูเ้ รยี นทำกิจกรรมที่ 5 เร่ือง การพัฒนาแผนและโครงการพฒั นาอาชพี ใหม้ ีรายได้ มีเงินออมและมีทุนในการขยายอาชีพ จำนวน 3 ขอ้ 4. ใหผ้ เู้ รียนทำแบบทดสอบหลังเรียนบทเรยี นออนไลน์ที่ 5 เรอ่ื ง การพฒั นาแผนและ โครงการพัฒนาอาชพี ให้มรี ายได้ มีเงินออมและมีทุนในการขยายอาชีพ จำนวน 5 ข้อ Google site บทเรียนออนไลนท์ ี่ 5 เรอ่ื ง การพัฒนาแผนและโครงการพัฒนาอาชพี ให้มรี ายได้ มเี งินออมและมีทนุ ในการขยายอาชีพ
บทเรียนออนไลน์ที่ 5 528 530 วิชา การพฒั นาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย แบบทดสอบกอ่ นเรียน เรื่อง การพัฒนาแผนและโครงการพฒั นาอาชพี ใหม้ ีรายได้มเี งนิ ออมและมที ุนในการขยายอาชีพ คำชแี้ จง ใหเ้ ลอื กคำตอบทถ่ี ูกตอ้ งทส่ี ุดเพียงคำตอบเดียวจำนวน 5 ขอ้ ( 5 คะแนน ) 1. ขอ้ ใดให้ความหมายเกยี่ วกับรายการทาง 4. ข้อใดเป็นโครงการพัฒนาอาชพี การเงินทีแ่ สดงฐานะการเงินของกจิ การ ก. โครงการคา่ ยธรรมเชิดชูคุณธรรม ก. งบดลุ ข. โครงการการทำเกษตรวถิ ีธรรมชาติ ข. งบทดลอง ค. โครงการแลกเปลย่ี นนักเรียนสัมพนั ธ์ ค. งบกำไรขาดทนุ ง. โครงการศึกษาดงู านวิทยาศาสตร์เพื่อ ง. งบรายรบั -รายจ่าย การศึกษา 2. ข้อใดไม่ใชร่ ายการสินทรัพย์ 5. ข้อใดไม่ใช่หนา้ ที่การตลาด ก. ลิขสทิ ธิ์ ก. หาลูกค้า ข. สิทธิบัตร ข. จัดหาสินค้า ค. วสั ดุสำนกั งาน ค. กำหนดราคาสนิ ค้า ง. เงนิ เบกิ เกินบัญชีธนาคาร ง. นำสนิ ค้าไปสตู่ ลาด 3. ขอ้ ใดเป็นลกั ษณะของโครงการทด่ี ีท่ีสุด ก. เป็นโครงการทมี่ วี ตั ถุประสงค์รายข้อ ข. เปน็ โครงการทมี่ ีรายละเอียดครบถ้วน ค. เปน็ โครงการท่สี ามารถแก้ปัญหาของ ท้องถิ่นได้ ง. เปน็ โครงการทใ่ี ชง้ บประมาณในการ ดำเนินการมากทีส่ ดุ
บทเรียนออนไลนท์ ี่ 5 529 531 วิชา การพฒั นาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย ใบความรู้ บทเรยี นออนไลน์ท่ี 5 การพฒั นาแผนและโครงการพฒั นาอาชพี ให้มีรายได้ มีเงินออมและมีทนุ ในการขยายอาชพี เรื่อง 1 แผนและโครงการพัฒนาอาชพี การวางแผนและการเขยี นโครงการ การวางแผน คือ การมองอนาคต การเล็งเห็นจุดหมายที่ตอ้ งการ การคาดปัญหาเหล่านั้นไว้ ล่วงหนา้ ไว้อย่างถูกต้อง ตลอดจนการหาทางแกไ้ ขปญั หาต่าง ๆ เหลา่ นัน้ ประเภทของแผน เมื่อกล่าวมาถงึ ตอนนนี้ า่ จะพูดถงึ ประเภทของแผนเสยี เล็กนอ้ ยเพ่ือความเข้าใจลักษณะของ แผนแต่ละอย่าง ถ้าจะมองในแง่ของระยะเวลาอาจจะแบ่งแผนออกเป็น 4 ประเภทใหญๆ่ ดงั นคี้ อื 1. แผนพัฒนาระยะยาว (10 - 20 ปี) กำหนดเค้าโครงกว้างๆ ว่าประเทศชาติของเราจะมี ทิศทางพัฒนาไปอย่างไร ถ้าจะดึงเอารัฐธรรมนูญ และ/หรือแผนการศึกษาแห่งชาติมาเป็นแผน ประเภทนกี้ ็พอ ถูไถไปได้แต่ความจรงิ แผนพัฒนาระยะยาวของเราไม่มี 2. แผนพฒั นาระยะกลาง (4 - 6 ปี) แบง่ ชว่ งของการพฒั นาออกเปน็ 4 ปี หรอื 5 ปี หรอื 6 ปี โดยคาดคะเนว่าในช่วง 4 - 6 ปี นี้ จะทำอะไรกันบ้าง จะมีโครงการพัฒนาอะไร จะงบประมาณใช้ ทรัพยากรมากน้อยเพียงไร แผนดังกล่าวได้แก่แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาตนิ ั่นเอง ในส่วน ของการศกึ ษาก็มีแผนพัฒนาการศึกษาแหง่ ชาติ (ไมใ่ ช่แผนการศึกษาแหง่ ชาติ) ในเรอ่ื งของการเกษตร ก็มีแผนพัฒนาเกษตรเป็นตน้ 3. แผนพัฒนาประจำปี (1 ปี ) ความจริงในการจดั ทำแผนพัฒนาระยะกลาง เชน่ แผนพัฒนา การศกึ ษาได้มีการกำหนดรายละเอยี ดไวเ้ ปน็ รายละเอียดอยู่แลว้ เนื่องจากการจัดทำแผนพัฒนาระยะ กลางได้จดั ทำไว้ล่วงหน้าข้อมูลหรอื ความต้องการทีเ่ ขียนไว้ อาจไม่สอดคล้องกับสภาพทีแ่ ท้จรงิ ในปจั จุบนั จึงต้องจัดทาํ แผนพัฒนาประจําปีขน้ึ นอกจากนัน้ วธิ กี ารงบประมาณของเราไมใ่ ช้แผน พัฒนาระยะกลางขอต้ังงบประมาณประจำปีเพราะมีรายละเอียดน้อยไปแต่จะต้องใช้ แผนพฒั นา ประจำปี เปน็ แผนขอเงิน 4. แผนปฏิบัติการประจำปี (1 ปี) ในการขอตั้งงบประมาณตามแผนพัฒนาประจำปีในข้อ 3 ปกติมักไม่ได้ตามที่กระทรวง ทบวง กรมต่าง ๆ ขอไปสำนักงบประมาณหรือคณะกรรมาธิการของ รัฐสภามักจะตัดยอดเงินงบประมาณที่ส่วนราชการต่าง ๆ ขอไปตามความเหมาะสมและจำเป็นและ สภาวการณ์การเงินงบประมาณของประเทศที่จะพึงมภี ายหลังที่ส่วนราชการต่าง ๆ ได้รับงบประมาณ จริง ๆ แลว้ จำเปน็ ท่จี ะต้องปรบั แผนพัฒนาประจำปีทจ่ี ดั ทำข้ึนเพื่อขอเงนิ ให้สอดคล้องกับเงินที่ได้รับ อนมุ ัติ ซ่ึงเรียกว่าแผนปฏิบตั กิ ารประจำปีข้ึน
บทเรยี นออนไลน์ท่ี 5 530 532 วชิ า การพฒั นาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย ความหมายของโครงการ พจนานุกรมฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ให้ความหมายของโครงการว่า หมายถึง “แผนหรอื เคา้ โครงการตามท่ีกำหนดไว้” โครงการเป็นสว่ นประกอบสว่ นหนึ่งในการวางแผนพัฒนาซึ่ง ช่วยให้เหน็ ภาพและทศิ ทางการพฒั นา ขอบเขตของการท่สี ามารถตดิ ตามและประเมินผลได้ โครงการเกิดจากลักษณะความพยายามทจี่ ะจัดกจิ กรรม หรือดำเนินการใหบ้ รรลวุ ัตถปุ ระสงค์ เพอื่ บรรเทาหรอื ขจดั ปัญหาและความต้องการ ทั้งในสถาณการณ์ปัจจบุ ันและอนาคตโครงการ โดยทวั่ ไป สามารถแยกได้หลายประเภท เช่น โครงการเพอื่ สนองความต้องการ โครงการพฒั นา ทัว่ ๆ ไป โครงการตามนโยบายเรง่ ดว่ น เปน็ ต้น องค์ประกอบของโครงการ องคป์ ระกอบพนื้ ฐานในโครงการแต่ละโครงการน้ันควรจะมีดงั นี้ 1. ช่อื แผนงาน เป็นการกำหนดช่ือให้ครอบคลมุ โครงการเดียวหรือหลายโครงการท่ีมีลักษณะ งานไปในทิศทางเดยี วกันเพ่อื แก้ไขปญั หาหรือสนองวตั ถปุ ระสงคห์ ลักท่ีกำหนดไว้ 2. ชื่อโครงการ ให้ระบุชื่อโครงการตามความเหมาะสม มีความหมายชัดเจนและเรียก เหมือนเดิมทุกครงั้ จนกว่าโครงการจะแลว้ เสร็จ 3. หลักการและเหตุผล ใช้ชี้แจงรายละเอียดของปัญหาและความจำเป็นที่เกิดขึ้นที่จะต้อง แก้ไขตลอดจนชี้แจงผลประโยชน์ท่ี จะได้รับจากการดำเนินงานตามโครงการที่จะดำเนินการ ตาม นโยบาย หรอื สอดคลอ้ งกบั แผนจังหวัดหรือแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรอื แผนอื่น ๆ ก็ ควรช้แี จงดว้ ย 4. วัตถุประสงค์ เป็นการบอกให้ทราบว่า การดำเนินงานตามโครงการนั้นมีความต้องการให้ อะไรเกิดขึ้นวัตถุประสงค์ท่ีควรจะระบุไว้ควรเป็นวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน ปฏิบัติได้และวัดและ ประเมินผลได้ 5. เป้าหมาย ให้ระบุว่าจะดำเนินการสิ่งใด โดยพยายามแสดงให้ปรากฏเป็นรูปตัวเลขหรือ จำนวนที่จะทำได้ภายในระยะเวลาที่กำหนด การระบุเป้าหมาย เป็นประเภทลักษณะและปริมาณ ให้ สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และความสามารถในการทำงานของผรู้ บั ผิดชอบโครงการ 6. วธิ ีดำเนินการหรอื กจิ กรรมหรือข้นั ตอนการดำเนินงาน คอื งานหรอื ภารกิจซ่งึ จะต้องปฏิบัติ ในการดำเนินโครงการให้บรรลุตามวัตถุประสงค์ ในระยะการเตรียมโครงการจะรวบรวมกิจกรรมทุก อย่างไว้ แล้วนำมาจัดลำดับว่าควรทำสิ่งใดก่อนหลังหรือพร้อม ๆ กัน แล้วเขียนไว้ตามลำดับจนถึง ข้นั ตอนสดุ ทา้ ยท่ที ำให้โครงการบรรลวุ ัตถุประสงค์ 7. ระยะเวลาการดำเนิน งานโครงการ คือ การระบุ ะยะเวลาตั้งแต่เริ่มต้นโครงการจนเสร็จ สิ้นโครงการปัจจุบันนิยมระบุ วัน-เดือน-ปี ที่เริ่มต้นและเสร็จสิ้น การระบุจำนวน ความยาวของ โครงการเช่น 6 เดอื น 2 ปโี ดยไมร่ ะบุเวลาเร่ิมต้น-สิน้ สุด เป็นการกำหนดระยะเวลาท่ไี ม่สมบรู ณ์
บทเรยี นออนไลนท์ ี่ 5 531 533 วิชา การพฒั นาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย 8. งบประมาณ เป็นประมาณการค่าใช้จ่ายทั้งสิ้นของโครงการ ซึ่งควรจำแนกรายการ ค่าใชจ้ า่ ยไดอ้ ยา่ งชดั เจน 9. เจ้าของโครงการหรือผู้รับผิดชอบโครงการ เป็นการระบุเพื่อให้ทราบว่าหน่วยงานใดเป็น เจ้าของหรือรับผิดชอบโครงการ โครงการย่อย ๆ บางโครงการระบุเป็นช่ือบุคคลผู้รบั ผิดชอบเป็นราย โครงการได้ 10. หน่วยงานที่ให้การสนับสนุน เป็นการให้แนวทางแก่ผู้อนุมัติและผู้ปฏิบัติว่าในการ ดำเนินการโครงการนั้น ควรจะประสานงานและขอความร่วมมือกับหน่วยงานใดบ้าง เพื่อบรรลุ วัตถปุ ระสงค์ที่ต้ังไว้ 11. การประเมินผล บอกแนวทางว่าการติดตามประเมินผลควรทำอย่างไรในระยะเวลาใด และใช้วิธีการอย่างไรจึงจะเหมาะสม ซึ่งผลของการประเมินสามารถนำมาพิจารณาประกอบการ ดำเนินการ เตรียมโครงการทค่ี ล้ายคลงึ หรือเก่ียวข้องในเวลาตอ่ ไป 12. ผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ เมื่อโครงการนั้นเสร็จสิ้นแล้ว จะเกิดผลอย่างไรบ้างใคร เป็นผู้ได้รับเรื่องนี้สามารถเขียนทั้งผลประโยชน์โดยตรงและผลประโยชน์ในด้านผลกระทบของ โครงการด้วยได้ ลักษณะโครงการท่ีดี โครงการท่ดี มี ีลักษณะดงั น้ี 1. เป็นโครงการทสี่ ามารถแก้ปัญหาของท้องถ่ินได้ 2. มีรายละเอียด เนอ้ื หาสาระครบถว้ น ชดั เจน และจำเพาะเจาะจง โดยสามารถตอบคำถามได้ 3. รายละเอียดของโครงการดังกลา่ ว ต้องมีความเก่ยี วเนือ่ งสัมพันธ์กนั เช่น วัตถปุ ระสงค์ต้อง สอดคล้องกับหลกั การและเหตุผล วธิ ีดำเนินการต้องเปน็ ทางท่ีทำให้บรรลุวตั ถปุ ระสงค์ได้ เป็นต้น 4. โครงการท่รี เิ รม่ิ ข้นึ มาต้องมผี ลอยา่ งน้อยท่สี ุดอยา่ งใดอย่างหน่งึ ในหวั ข้อตอ่ ไปน้ี - สนองตอบ สนบั สนุนต่อนโยบายระดบั จังหวดั หรอื นโยบายสว่ นรวมของประเทศ - ก่อให้เกดิ การพัฒนาทงั้ เฉพาะส่วนและการพฒั นาโดยสว่ นรวมของประเทศ - แก้ปญั หาทเี่ กิดขึ้นไดต้ รงจดุ ตรงประเด็น 5. รายละเอียดในโครงการมีพอที่จะเป็นแนวทางให้ผู้อ่ืนอ่านแล้วเข้าใจ และสามารถ ดำเนินการตามโครงการได้ 6. เปน็ โครงการท่ีปฏบิ ตั ไิ ดแ้ ละสามารถติดตามและประเมนิ ผลได้ เรือ่ งที่ 2 องค์ความรู้ (Knowledge) องค์ความรู้ คือ ข้อมูล (Data) หรือข่าวสาร (Information) ที่สามารถอธิบายความหมายได้ มีความสัมพันธ์กับปัญหา สามารถนำไปใช้ประโยชน์ในการแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงประเด็น ซึ่งองค์ ความรู้จดั เป็นทรพั ย์สนิ ทางปัญญาอย่างหนึ่งขององค์กรสามารถแลกเปล่ียนทรัพยส์ ินได้ระหว่างบุคคล
บทเรียนออนไลนท์ ่ี 5 532 534 วชิ า การพัฒนาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย และทรัพย์สินชนิดนี้สามารถเจริญเติบโตหรือพัฒนาให้เพ่ิมพูนได้ ดังนั้นองค์ความรู้จึงจัดเป็นพลัง พิเศษขององค์กร ทจี่ ะสามารถเพ่ิมผลกำไรให้กับองค์กรได้ในอนาคต ประเภทขององค์ความรู้ (Knowledge Types) สามารถจำแนกประเภทขององคค์ วามรู้ ได้ดงั น้ี 1. Base knowledge คือ องค์ความรู้พื้นฐานขององค์กร ซึ่งทุกองค์กรจะต้องมี จัดเป็นองค์ ความรู้ที่มีความสำคัญ ใช้ในการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน และใช้วางแผนระยะสั้นของ องคก์ ร 2. Trivial knowledge คือ องค์ความรู้ทั่วไปขององค์กร เก็บรวบรวมไว้ในองค์กรแต่ไม่ได้ใช้ ในการตดั สนิ ใจกบั งานหลักหรอื ภารกิจหลักขององค์กร 3. Explicit knowledge คือ องค์ความรู้ที่มีโครงสร้างชดั เจน สามารถเขียนบรรยายได้อย่าง ชัดเจนในรูปแบบของกระดาษ (Paper) หรือรายงาน (Report) ซึ่ง Explicit knowledge อาจได้มา จากวัตถุประสงค์หลักในการดำเนินงานขององค์กร ข้อมูลที่ว่าด้วยหลักเหตุผลต่างๆ หรือข้อมูลด้าน เทคนิค ซึ่งองค์ความรู้เหล่านี้สามารถเก็บรวบรวมได้ง่ายๆ จากแหล่งเอกสารในองค์กรสามารถ ถา่ ยทอดให้กบั คนอนื่ ได้งา่ ยอาจจะโดยวิธีการสอนหรือการเรยี นรู้ 4. Tacit knowledge คือ องค์ความรู้ที่ไม่มีโครงสร้าง ไม่สามารถบรรยายหรือเก็บรวบรวม ได้จากแหล่งเอกสาร เป็นความรู้ที่สะสมมาจากประสบการณ์ที่เคยพบเจอกบั ปญั หาตา่ งๆ อาจจะเปน็ สญั ชาตญาณและความชำนาญเฉพาะดา้ นของบุคคล ซ่งึ ปัจจบุ นั องคค์ วามรู้ประเภทนี้ กำลังถูกพัฒนา ให้มีการจดั เกบ็ เพราะเป็นความรูท้ ีน่ อกเหนือจากมีอยใู่ นรูปแบบของ Explicit knowledge การจดั การองคค์ วามรู้ (knowledge Management : KM) การจัดการองค์ความรู้ เป็นกระบวนการในการลว้ งเอาความจรงิ ภายในองคก์ รออกมาจากนั้น ทำการเปลี่ยนรูป และเผยแพร่องค์ความรู้นั้นผ่านทางหน่วยงานต่าง ๆ ขององค์กร ดังนั้นองค์กร สามารถใช้องคค์ วามรู้รว่ มกันได้ ซึ่งเมื่อนำองค์ความรู้ไปใช้งานแล้ว องค์ความรู้นั้นจะไม่หมดสามารถ นำกลับมาใช้ใหม่ได้อีก องค์ความรู้จะช่วยทำให้องค์กรสามารถค้นหา คัดเลือก จัดการเผยแพร่ และ สง่ มอบข่าวสาร และความเชีย่ วชาญในการแก้ไขปัญหาท่ีสำคญั ได้ การจัดการกับองค์ความรู้นั้น จะทำการเปลี่ยนรูปข้อมูลและข่าวสารให้อยู่ในรูปขององค์ ความรู้ที่สามารถนำไปใช้ปฏิบัติการในการแก้ไขปัญหาได้ และต้องสามารถใช้ได้ผลกับทุก ๆ หน่วยงาน และกบั ทกุ ๆ คนภายในองคก์ ร วัตถุประสงค์ของการจัดการองค์ความรู้ (KM Objectives) การจดั การองคค์ วามรู้ มวี ตั ถุประสงคห์ ลัก ดังนี้ 1. เพอ่ื สร้างระบบจัดเกบ็ องคค์ วามรู้ (Create knowledge repositories) 2. เพ่ือปรับปรุงการเข้าถงึ องค์ความรู้ (Improve knowledge access)
บทเรยี นออนไลนท์ ี่ 5 533 535 วิชา การพฒั นาแผนและโครงการอาชีพ (อช32001) ม.ปลาย 3. เพื่อยกระดับสภาพแวดล้อมขององค์ความรู้ให้ดีขึ้น (Enhance knowledge as an environment ) 4. เพื่อจัดการองค์ความรู้ให้เป็นทรัพย์สินที่มคี ่า และมีประโยชน์ (Manage knowledge as an asset ) เหตุผลในการนำ KM มาปรับใชใ้ นองค์กร 1. ลดตน้ ทุน (Cost savings) 2. เพิม่ ประสทิ ธภิ าพในการทำงาน และการแกป้ ญั หาได้ดียิ่งขนึ้ (Better performance) 3. เพอื่ พสิ ูจน์ความสำเรจ็ ขององคก์ ร (Demonstrated success) 4. เพื่อการปฏิบตั งิ านร่วมกนั ที่ดเี ยยี่ ม (Share Best Practices) 5. เพือ่ สร้างความไดเ้ ปรยี บในการแขง่ ขนั (Competitive advantage) การพฒั นาการจดั การองค์ความรู้ (KM Development) ในการสร้างกลยุทธ์องค์ความรู้ องค์กรต้องรู้ว่าต้องการใช้องค์ความรู้ด้านใดเป็นกลยุทธ์ (Need - a knowledge strategy) ซึ่งต้องมองเน้นในเรื่องการเพิ่มความสามารถในการแข่งขันกับ ธุรกิจภายนอกก่อนเป็นอันดับแรก และพิจารณาถึงประโยชน์ทีอ่ งค์กรคาดว่าจะได้รับ หากมีการ พฒั นาองคค์ วามรู้ขึ้นมาใชง้ าน จากนั้นทำการกำหนดทรัพย์สินองค์ความรู้ที่จะใช้ (Identify knowledge assets) เป็นการ ระบุรายละเอียดขององค์ความรู้ว่าฐานองค์ความรู้ว่าอะไรที่เราต้องการ และจำแนกประเภทองค์ ความรู้นั้น ๆ ให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ในแต่ละหน่วยงานขององค์กร จากนั้นทำการสร้าง แบบจำลอง (Model) แนวคิดเพอ่ื วิเคราะห์หาจุดเด่น จุดด้อย ขององคค์ วามรู้แตล่ ะประเภท ขัน้ ตอนการพฒั นาการจัดการองคค์ วามรู้ 1. ระบุปัญหา (Identify the problem) เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลและค้นหาปัญหาที่มี จำเป็นที่จะต้องแก้ไขพิจารณาองค์ความรู้ที่มีอยู่ในองค์กร องค์ความรู้ใดยังขาดประสิทธิภาพ ต้อง ไดร้ บั การแกไ้ ขปรับปรุง และองค์ความรูใ้ ดท่อี งค์กรยังขาดอยู่ ยงั ไม่มีการจดั เก็บเอาไวใ้ นฐานความรู้ 2. จัดเตรียมกระบวนการเปลี่ยนแปลง (Prepare for change) เป็นการออกแบบขั้นตอนใน การเปล่ียนแปลงกระบวนการพฒั นาองค์ความรู้ วา่ ถ้าหากจะมกี ารปรบั ปรุงหรือพฒั นาองค์ความรู้น้ัน จะต้องมขี นั้ ตอนและกิจกรรมในการดำเนนิ งานอยา่ งไรบ้าง 3. จัดสร้างทีมงานสำหรับพัฒนาองค์ความรู้ (Create the team) สำหรับทีมงานในการ พัฒนาองค์ความรู้นั้น ไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นบุคคลเฉพาะที่อยู่ในส่วนของ IT เท่านั้น เนื่องจาก จำเป็นต้องมีผู้ที่มีความรู้ ความชำนาญในแต่ละด้านขององค์ความรู้นั้น ๆ ดังนั้นหัวหน้าฝ่ายจัดการ องคค์ วามรู้ (CKO) จะเป็นผ้บู รหิ ารทีมงาน หากจะให้การพัฒนาระบบองค์ความรูน้ ั้นประสบผลสำเร็จ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 647
- 648
- 649
- 650
- 651
- 652
- 653
- 654
- 655
- 656
- 657
- 658
- 659
- 660
- 661
- 662
- 663
- 664
- 665
- 666
- 667
- 668
- 669
- 670
- 671
- 672
- 673
- 674
- 675
- 676
- 677
- 678
- 679
- 680
- 681
- 682
- 683
- 684
- 685
- 686
- 687
- 688
- 689
- 690
- 691
- 692
- 693
- 694
- 695
- 696
- 697
- 698
- 699
- 700
- 701
- 702
- 703
- 704
- 705
- 706
- 707
- 708
- 709
- 710
- 711
- 712
- 713
- 714
- 715
- 716
- 717
- 718
- 719
- 720
- 721
- 722
- 723
- 724
- 725
- 726
- 727
- 728
- 729
- 730
- 731
- 732
- 733
- 734
- 735
- 736
- 737
- 738
- 739
- 740
- 741
- 742
- 743
- 744
- 745
- 746
- 747
- 748
- 749
- 750
- 751
- 752
- 753
- 754
- 755
- 756
- 757
- 758
- 759
- 760
- 761
- 762
- 763
- 764
- 765
- 766
- 767
- 768
- 769
- 770
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 650
- 651 - 700
- 701 - 750
- 751 - 770
Pages: