Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คู่มือการเรียนรู้ออนไลน์ ม.ปลาย 2-63

คู่มือการเรียนรู้ออนไลน์ ม.ปลาย 2-63

Published by Natnicha, 2021-05-06 01:57:59

Description: คู่มือการเรียนรู้ออนไลน์ ม.ปลาย 2-63

Search

Read the Text Version

634 636 บทเรียนออนไลน์ที่ 1 วชิ า หลกั การเกษตรอินทรีย์ (อช02007) ม.ปลาย ความหมายและความสำคญั ของเกษตรอินทรีย์ คำว่า “เกษตรอินทรีย์” อาจไม่สามารถสื่อสารความหมายของวิธีการทำเกษตรนี้ให้คนทุกระดับชั้น เข้าใจได้ถ่องแท้ ในเบื้องต้น จึงอยากข้อทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ในเบื้องต้นนี้“เกษตรอินทรีย์” ตาม ความหมายที่ปรากฏในพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ.2525 หน้า 948 หมายถึงร่างกาย และจิตใจ สติปัญญา สิ่งมีชีวิตดังนั้นเกษตรอินทรีย์ถ้าแปลความหมายตรงๆ คือการทำเกษตรจาก สิ่งมชี ีวติ (ด้วยจติ วญิ ญาณและสตปิ ัญญา) เป็นเกษตรแบบธรรมชาติ(สมคิด ดิสสถาพร, 2521,เมษายน) สรุปเกษตรอินทรีย์ คือระบบการผลิตที่คำนึงสภาพแวดล้อม รักษาสมดุลของธรรมชาติและความ หลากหลายทางชีวภาพ โดยมีการจัดระบบจัดการนิเวศวิทยาที่คล้ายคลึงกับธรรมชาติ หลีกเลี่ยงการ ใช้สังเคราะห์ ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ยเคมี สารกำจัดศัตรูพืชและฮอร์โมนต่าง ๆ ตลอดจนไม่ใช้พืช สัตว์ท่ีเกิด จากการตัดตอ่ ทางพันธกุ รรม แนวคิดพื้นฐานของเกษตรอินทรีย์คือ การบริหารจัดการการผลิตทางการเกษตรแบบองค์รวมซึ่ง แตกต่างอย่างชัดเจนจากการเกษตรแผนใหม่ที่มุ่งเน้นการเพิ่มผลผลิตชนิดใดชนิดหนึ่งสูงสุด โดยการ พัฒนาเทคนิคต่าง ๆ เกี่ยวกับการให้ธาตุอาหารพืชและป้องกันกำจัดสิ่งมีชีวิตอื่นที่อาจมีผลในการทำ ให้พืชที่ปลูกมีผลผลติ ลดลง แนวคิดเช่นนี้เป็นแนวคิดแบบแยกส่วน เพราะแนวคิดนี้ตั้งอยู่บนฐานการ มองว่า การเพาะปลูกไม่ได้สัมพันธ์ กับสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศ ดังนั้นการเลือกชนิดและวิธีการใช้ ปัจจัยการผลิตต่าง ๆ มุ่งเฉพาะแต่การประเมินประสิทธิผลต่อพืชหลักที่ปลูก โดยไม่ได้คำนึงถึง ผลกระทบต่อทรัพยากรการเกษตรหรอื นิเวศการเกษตร สำหรับเกษตรอินทรยี ์ซ่ึงเป็นการเกษตรแบบ องค์รวมจะให้ความสำคัญกับการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและระบบนิเวศการเกษตร โดยเฉพาะ อย่างยิ่งการฟ้ืนฟูความอุดมสมบูรณ์ของดิน, การรักษาแหล่งน้ำให้สะอาด และการฟื้นฟูความ หลากหลายทางชีวภาพของฟาร์ม ทั้งนี้เพราะแนวทางเกษตรอินทรยี ์อาศัยกลไกและกระบวนการของ ระบบนิเวศในการทำการผลิต ดังนั้นเกษตรอินทรีย์จะประสบความสำเร็จได้ เกษตรกรจำเป็นต้อง เรียนรู้กลไกและกระบวนการของระบบนิเวศจากเหตุผลที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น เกษตรอินทรีย์จึง ปฏิเสธการใช้สารเคมีกำจัดศัตรูพืชและปุ๋ยเคมี เนื่องจากสารเคมีการเกษตรเหล่านี้มีผลกระทบต่อ กลไกและกระบวนการของระบบนเิ วศ นอกเหนือจากการปฏิเสธการใช้สารเคมีการเกษตรแลว้ เกษตร อินทรีย์ยังให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุล ของวงจรของธาตุอาหาร, การประหยัดพลังงาน, การ อนุรักษ์ระบบนิเวศการเกษตร และการฟื้นฟูความหลากหลายทางชีวภาพ ซึ่งถือได้ว่าเกษตรอินทรีย์ เป็นการบริหารจัดการฟาร์มเชิงบวก (positive management) และการจัดการเชิงบวกนี้เองที่ทำให้ เกษตรอินทรีย์แตกต่างอย่างสำคัญจากการเกษตรที่ไม่ใช้สารเคมีแบบปล่อยปะละเลย (ที่มักอ้างว่า เปน็ การเกษตรตามแบบธรรมชาติ) หรือเกษตรปลอดสารเคมีและเกษตรไรส้ ารพิษท่ีเฟ่ืองฟูในบ้านเรา มานานหลายปีเนื่องจากเกษตรอินทรีย์เป็นการเกษตรทีใ่ ห้ความสำคัญกับการทำฟาร์มเชงิ สร้างสรรค์ (เพื่ออนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศการเกษตรในไร่นา) ดังนั้นเกษตรกรที่หันมาทำเกษตรอินทรีย์จึง

บทเรยี นออนไลนท์ ี่ 1 635 637 วชิ า หลกั การเกษตรอนิ ทรีย์ (อช02007) ม.ปลาย จำเป็นต้องพัฒนาการเรียนรู้เกี่ยวกับธรรมชาติและการบริหารจัดการฟาร์มของตนเพิ่มขึ้นด้วย ผลที่ ตามมาก็คือเกษตรอินทรีย์จึงเป็นแนวทางการเกษตรที่ตั้งอยู่บนกระบวนการแห่งการเรียนรู้และภูมิ ปัญญาเพราะเกษตรกรต้องสังเกต, ศึกษา, วิเคราะห์-สังเคราะห์ และสรุปบทเรียนเกี่ยวกับการทำ การเกษตรของฟาร์มตนเอง ซึ่งจะมีเงื่อนไขท้ังทางกายภาพ (เช่น ลักษณะของดิน ภูมิอากาศ และภูมิ นิเวศ) รวมถึงเศรษฐกิจ-สังคมที่แตกต่างจากพ้ืนท่ีอื่น เพื่อคัดสรรและพัฒนาแนวทางเกษตรอินทรีย์ท่ี เฉพาะและเหมาะสมกบั ฟาร์มของตัวเองอยา่ งแท้จริง นอกจากน้ี เกษตรอินทรีย์ยังให้ความสำคัญกับเกษตรกรผู้ผลิตและชุมชนท้องถิ่น เกษตร อินทรีย์มุ่งหวังทีจ่ ะสร้างความมั่นคงในการทำการเกษตรสำหรับเกษตรกร ตลอดจนอนุรักษ์และฟื้นฟู วถิ ีชีวิตของชมุ ชนเกษตรกรรม วถิ ีการผลิตของเกษตรอินทรีย์เป็นวิถีการผลิตที่เกษตรกรต้องอ่อนน้อม และเรียนรู้ในการดัดแปลงการผลิตของตนให้เข้ากับวิถีธรรมชาติ อาศัยกลไกธรรมชาติเพื่อทำ การเกษตร ดงั น้นั วิถกี ารผลิตเกษตรอินทรยี จ์ ึงเป็นวิถแี ห่งการเคารพและพึ่งพิงธรรมชาติ ซ่งึ สอดคล้อง กลมกลืนกับวิถีชีวติ ของชุมชนเกษตรพื้นบ้านของสงั คมไทย โดยสรุปจะเห็นวา่ เกษตรอินทรีย์เป็นระบบเกษตรที่มีลักษณะเป็นองค์รวม ที่ให้ความสำคัญ ในเบอ้ื งตน้ กับการอนรุ กั ษ์และฟน้ื ฟรู ะบบนเิ วศการเกษตร และทรพั ยากรธรรมชาติ แตข่ ณะเดียวกันก็ ไม่ได้ละเลยมิติด้านสังคมและเศรษฐกิจ เพราะความยั่งยืนทางด้านสิ่งแวดล้อมไม่อาจดำรงอยู่ได้ โดย แยกออกจากความยั่งยืนทางสงั คมและเศรษฐกจิ ของเกษตรกร มาตรฐานเกษตรอนิ ทรยี ์ (Organic Standards) เกษตรอินทรีย์ คือระบบการผลิตที่คำนึงถึงสภาพแวดล้อมรักษาสมดุลของธรรมชาติและความ หลากหลายของทางชีวภาพโดยมีระบบการจัดการนิเวศวิทยาที่คล้ายคลึงกับธ รรมชาติและหลีกเลี่ยง การใช้สารสังเคราะห์หลีกเลี่ยงการตัดต่อทางพันธุกรรมและการสร้างมลพิษในสภาพแวดล้อมโดย มงุ่ เนน้ การใชอ้ ินทรียวตั ถุ การพึ่งพาตนเองเพื่อใหผ้ ลผลิตทีไ่ ดป้ ลอดภัยจากสารพษิ ตกค้างปลอดภัยต่อ ท้ังผ้ผู ลิตและผบู้ ริโภคและไม่ทำใหส้ ภาพแวดล้อมเสือ่ มโทรมมาตรฐานเกษตรอินทรยี ์ถอื เปน็ มาตรฐาน ที่ได้รับความเชื่อถือจากผู้ซื้อและผู้บริโภคอย่างมากโดยมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ในปัจจุบันมีทั้ง มาตรฐานของประเทศไทย และมาตรฐานต่างประเทศได้แก่ มาตรฐานการผลิตพืชอินทรีย์ของกรม วิชาการเกษตรมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ของสำนักงานมาตรฐานสินค้าเกษต รและอาหารมาตรฐาน เกษตรอินทรีย์ของประเทศสหรัฐอเมริกา (National Organic Program: NOP) มาตรฐานเกษตร อนิ ทรียข์ องประเทศญ่ีปนุ่ (Japan Organic Standard: JAS) มาตรฐานเกษตรอนิ ทรยี ์ของประเทศจีน (China Organic Standard) มาตรฐานเกษตรอินทรีย์ของสหพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาติ (IFOAM Organic Standard) เป็นตน้

636 638 บทเรียนออนไลนท์ ี่ 1 วชิ า หลักการเกษตรอินทรีย์ (อช02007) ม.ปลาย มกท. คอื ใคร 1. สำนกั งานมาตรฐานเกษตรอนิ ทรยี ์ เป็นหน่วยงานหนึง่ ภายใต้ “มูลนิธิมาตรฐานเกษตรอนิ ทรีย์” ซง่ึ จดทะเบียนมูลนิธิเมื่อ 21 กันยายน พ.ศ.2544 ทำหน้าที่ตรวจสอบและให้การรับรอง ผลิตผล ผลิตภัณฑ์เกษตรอินทรีย์ ตามมาตรฐานของ มกท. เป็นสมาชิก “สมาพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ” (International Federation of Organic Agriculture Movements – IFOAM) ซ ึ ่ ง ม ี ส ม า ช ิ กใน ประเทศต่าง ๆ กว่า 100 ประเทศทั่วโลกเป็นหน่วยงานแรกในประเทศแถบเอเชียที่ได้รับการรับรอง ระบบ (Accreditation) จาก IFOAM เมื่อเดือนมกราคม ปี พ.ศ. 2545 โดยการดำเนินการของ International Organic Accreditation Services.inc. (IOAS) ซึ่งทำให้ มกท. เป็นองค์กรให้บริการ ตรวจสอบและรับรองเกษตรอินทรยี ท์ ีเ่ ปน็ ทีย่ อมรบั ในระดบั สากล การใช้ตรา มกท. 1. เฉพาะผู้ผลิต และ/หรือผู้ประกอบการที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน มกท. โดยมติของอนุกรรมการ รบั รองมาตรฐาน และไดล้ งนามในสัญญาการใช้ตรากับ มกท. แลว้ เทา่ นนั้ จงึ จะมสี ิทธใิ ช้ตรา มกท. ได้ 2. สามารถใช้ตรา มกท. และอ้างถึงการรับรองของ มกท. บนฉลากบรรจุภัณฑ์หรือบนสื่อโฆษณา นทิ รรศการ สิ่งจดั แสดง และรา้ นคา้ ได้ 3. ผู้ผลิต/ผู้ประกอบการต้องปฏิบัติตามข้อกำหนดในมาตรฐาน มกท.ที่เกี่ยวข้องและแนวทางการใช้ ตรา มกท. ที่แนบทา้ ยสัญญาการใชต้ ราอยา่ งเคร่งครัด 4. นอกจากตรา มกท. แล้ว ผู้ผลิต/ผู้ประกอบการมีสิทธิในการใช้ตรา มกท. ร่วมกับตรา IFOAM accredited เพือ่ ให้การรับรองมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ของ มกท. มีความน่าเช่ือถือเพ่ิมข้ึน แต่ผู้ผลิต/ ผู้ประกอบการต้องเซ็นสัญญาการใช้ตรา IFOAM เพิ่มเติม เพื่อยินยอมปฏิบัติตามระเบียบการใช้ตรา มกท. ร่วมกับตรา IFOAM โดยไม่มีคา่ ใช้จา่ ยในการทำสญั ญาเพ่ิมเตมิ 5. สำหรับปจั จัยการผลิตท่ีผ่านการตรวจสอบและรับรองจะมีตราเฉพาะสำหรับปัจจัยการผลิตเท่านั้น ไมใ่ ช้ปะปนกบั ผลติ ภณั ฑ์อนิ ทรียช์ นดิ อืน่ 6. หาก มกท. พบว่ามีผู้แอบอ้างนำตรา มกท. ไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตเป็นลายลักษณ์อักษร ผู้แอบอา้ งจะถูกดำเนินการพจิ ารณาโทษตามกฎหมาย

บทเรยี นออนไลน์ที่ 1 637 639 วชิ า หลกั การเกษตรอนิ ทรีย์ (อช02007) ม.ปลาย กจิ กรรมที่ 1 เร่อื ง ความสำคญั ของหลักเกษตรอินทรีย์ ช่ือ-นามสกุล.........................................................................................รหสั นักศึกษา............................. คำชีแ้ จง ใหผ้ เู้ รยี นตอบคำถามตอ่ ไปนี้ จำนวน 5 ขอ้ 1. การแบ่งอาชีพตามเน้ือหาวชิ าของอาชีพ สามารถจดั กลุ่มอาชีพตามเน้ือหา ได้ 6 ประเภท อะไรบ้าง ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................... ................................................................. ........................................................................................................................................ ........................ ................................................................................................................................................................ 2. อธิบายความหมายของการเกษตรอินทรยี ์ มาพอสังเขป ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ......................................................................................................... ....................................................... .................................................................................................................................................. .............. 3. จงบอกแนวทางในการพิจารณาตัดสินใจเลอื กประกอบอาชีพ ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ................................................................................................................ ................................................ 4. การเกษตรอนิ ทรีย์มีความสำคัญในดา้ นใดบา้ ง ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ .................................................................................................. .............................................................. ........................................................................................................................................... .....................

บทเรยี นออนไลนท์ ่ี 1 638 640 วชิ า หลกั การเกษตรอินทรีย์ (อช02007) ม.ปลาย 5. จงบอกหน้าท่ีของสำนกั งานมาตรฐานเกษตรอนิ ทรยี ์ ............................................................................................................................. ................................... ................................................................................................................................................................ ............................................................................................................................. ................................... .......................................................................................................................................................... ...... ................................................................................................................................................................

บทเรียนออนไลนท์ ่ี 1 639 641 วชิ า หลกั การเกษตรอินทรีย์ (อช02007) ม.ปลาย เฉลยกจิ กรรมที่ 1 เรื่อง ความสำคัญของหลักเกษตรอินทรีย์ คำชแี้ จง ให้ผู้เรยี นตอบคำถามต่อไปนี้ จำนวน 5 ขอ้ 1. การแบ่งอาชีพตามเนื้อหาวิชาของอาชีพ สามารถจัดกลุ่มอาชีพตามเนื้อหา ได้ 6 ประเภท อะไรบ้าง ตอบ 1.1 อาชพี เกษตรกรรม 1.2 อาชพี อุตสาหกรรม 1.3 อาชีพพาณิชยการและบริการ 1.4 อาชีพคหกรรม 1.5 อาชีพหตั ถกรรม 1.6 อาชีพศลิ ปกรรม 2. อธิบายความหมายของการเกษตรอนิ ทรีย์ มาพอสังเขป ตอบ เกษตรอินทรีย์ คือระบบการผลิตท่คี ำนึงสภาพแวดล้อม รักษาสมดุลของธรรมชาตแิ ละความ หลากหลายทางชวี ภาพ โดยมีการจดั ระบบจดั การนเิ วศวทิ ยาที่คล้ายคลึงกับธรรมชาติ หลีกเล่ียงการใช้ สังเคราะห์ ไมว่ ่าจะเป็นปยุ๋ เคมี สารกำจัดศัตรพู ชื และฮอรโ์ มนตา่ ง ๆ ตลอดจนไม่ใช้พชื สัตว์ทเี่ กิดจาก การตัดต่อทางพันธุกรรม 3. จงบอกแนวทางในการพิจารณาตัดสินใจเลอื กประกอบอาชพี ตอบ 1. วเิ คราะห์สภาพท่ีเป็นอยตู่ ามสภาพจรงิ ท่เี ปน็ อยู่ 2. วเิ คราะหท์ างออกทีเ่ ป็นแนวทางในการดำเนินงานทจ่ี ะทำให้เป็นไปตามทตี่ ้องการท่ีมือ หลายวิธี ซ่ึง ต้องตัดสินใจเลอื กทางออก หรือวธิ ีการท่เี หมาะสมเป็นไปได้มากทส่ี ดุ 3. วิเคราะห์ความเป็นไปได้ การวิเคราะหค์ วามสัมพันธ์ระหวา่ งสภาพทีเ่ ป็นอยู่กับทางออก แนวทางที่ จะดำเนินการนน้ั เปน็ ส่ิงท่สี ามารถจะทำให้เกิดข้ึน หรือเป็นไปไดจ้ ริงหรอื ไม่ตามทางออกทีค่ ิดไว้ 4. ตัดสินใจเลือก เป็นการสรุป ตัดสินใจเลือกอาชีพหลังจากที่มีการวิเคราะห์เปรียบเทียบอย่าง ละเอยี ด รอบคอบแล้ว 4. การเกษตรอนิ ทรยี ์มีความสำคัญในดา้ นใดบ้าง ตอบ เกษตรอินทรีย์เป็นระบบเกษตรที่มีลักษณะเป็นองค์รวม ที่ให้ความสำคัญในเบื้องต้นกับการ อนุรักษ์และฟื้นฟูระบบนิเวศการเกษตร และทรัพยากรธรรมชาติ แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ได้ละเลยมิติ ด้านสังคมและเศรษฐกิจ เพราะความยั่งยืนทางด้านสิ่งแวดล้อมไม่อาจดำรงอยู่ได้ โดยแยกออกจาก ความย่งั ยนื ทางสงั คมและเศรษฐกจิ ของเกษตรกร

บทเรยี นออนไลนท์ ี่ 1 640 642 วชิ า หลกั การเกษตรอนิ ทรีย์ (อช02007) ม.ปลาย 5. จงบอกหน้าท่ีของสำนักงานมาตรฐานเกษตรอินทรยี ์ ตอบ สำนักงานมาตรฐานเกษตรอินทรีย์ ทำหน้าที่ตรวจสอบและให้การรับรอง ผลผลิตภัณฑ์ เกษตรอินทรีย์ ตามมาตรฐานของ มกท.เป็นสมาชิก “สมาพันธ์เกษตรอินทรีย์นานาชาติ” มกท. เป็น องคก์ รให้บริการตรวจสอบและรับรองเกษตรอนิ ทรยี ท์ เี่ ปน็ ท่ยี อมรบั ในระดับสากล

บทเรียนออนไลน์ที่ 2 641 643 วชิ า หลักการเกษตรอินทรีย์ (อช02007) ม.ปลาย ใบงาน คำส่ัง 1. ให้ผู้เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนบทเรียนออนไลน์ที่ 2 เรื่อง หลักการเกษตรอินทรีย์ จำนวน 5 ข้อ 2. ให้ผู้เรียนศึกษาความรู้จากใบความรู้บทเรียนออนไลน์ที่ 2 เรื่อง หลักการเกษตรอินทรีย์ หรือ ศกึ ษาจากควิ อาร์โค้ด 3. ใหผ้ ้เู รียนทำกิจกรรมท่ี 2 เรอ่ื ง หลกั การเกษตรอินทรีย์ จำนวน 5 ขอ้ 4. ให้ผู้เรียนทำแบบทดสอบหลังเรียนบทเรียนออนไลน์ที่ 2 เรื่อง หลักการเกษตรอินทรีย์ จำนวน 5 ขอ้

บทเรียนออนไลน์ท่ี 2 642 644 วชิ า หลกั การเกษตรอินทรีย์ (อช02007) ม.ปลาย แบบทดสอบก่อนเรียน เร่อื ง หลกั การเกษตรอินทรีย์ ช่ือ-นามสกุล.......................................................................................รหสั นักศกึ ษา............................. คำชแี้ จง ใหผ้ ู้เรียนเลือกคําตอบทถี่ ูกต้องที่สุด จำนวน 5 ข้อ (5 คะแนน) 1. หลกั การสำคัญของเกษตรอินทรยี ม์ ีกม่ี ิติ 4. ขอ้ ใดเปน็ ธาตุอาหารที่มีความจำเปน็ ตอ่ พืช ก. 2 มติ ิ ก. ไนโตรเจน ข. 3 มิติ ข. คลอโรฟิลด์ ค. 4 มิติ ค. คารโ์ บไฮเดรต ง. 5 มิติ ง. ไฮโดรเจน 2. ข้อใดคือมิตดิ ้านนิเวศวทิ ยา 5. ปัจจัยในการดำรงชีวิตขอ้ ใดท่ีพชื ขาดไม่ได้ ก. ภาวะแห่งความเป็นอยู่ทีด่ ีของกายภาพ ก. ดิน น้ำ แสงแดด จติ ใจ สงั คมและสภาพแวดล้อม ข. ดนิ นำ้ อากาศ ข. กระบวนทศั น์ทมี่ องเกษตรอนิ ทรยี เ์ ปน็ ค. ดนิ แสงแดด อากาศ องคป์ ระกอบหน่งึ ของระบบนเิ วศ ง. น้ำ อากาศ แสงแดด ค. ความรบั ผิดชอบเปน็ หวั ใจสำคัญของการ บริหารจดั การการพฒั นาเกษตรอนิ ทรีย์ ง. ความสัมพนั ธข์ องผู้คนท่ีเกย่ี วข้องกบั การ ผลิตเกษตรอินทรยี ์ 3. เพราะเหตุใดจงึ เปรียบเทยี บใบไม้เป็นห้องครวั ก. เพราะบริเวณใบมีอาหารสะสมอย่มู าก ข. เพราะใบทำหนา้ ทส่ี ร้างอาหาร ค. เพราะใบพืชมีอุปกรณ์ในการสร้างอาหาร ง. เพราะใบพชื เป็นบรเิ วณเดียวทีม่ ีการ สะสมอาหาร

บทเรียนออนไลน์ที่ 2 643 645 วชิ า หลกั การเกษตรอนิ ทรีย์ (อช02007) ม.ปลาย ใบความรู้ เร่อื ง หลักการเกษตรอินทรยี ์ หลกั การเกษตรอินทรีย์ หลักการสำคัญ 4 ข้อของเกษตรอินทรยี ์ คอื สุขภาพ, นเิ วศวิทยา, ความเปน็ ธรรม, และการดแู ลเอาใจใส่ (health, ecology, fairness and care) 1. มิตดิ า้ นสขุ ภาพ เกษตรอนิ ทรยี ค์ วรจะต้องส่งเสริมและสรา้ งความย่ังยนื ให้กับสขุ ภาพอย่างเป็นองค์ รวมของดิน พชื สตั ว์ มนุษย์ และโลก 2. มิติด้านนิเวศวิทยา เกษตรอินทรีย์ควรจะต้องตั้งอยู่บนรากฐานของระบบนิเวศวิทยาและวัฏจักร แห่งธรรมชาติ การผลิตการเกษตรจะต้องสอดคล้องกับวิถีแห่งธรรมชาติ และช่วยทำให้ระบบและวัฏ จักรธรรมชาติเพมิ่ พนู และยัง่ ยืนมากข้นึ 3. มิติด้านความเป็นธรรม เกษตรอินทรีย์ควรจะตั้งอยู่บนความสัมพันธ์ที่มีความเป็นธรรมระหว่าง ส่งิ แวดล้อมโดยรวมและสิง่ มชี วี ติ 4. มิติด้านการดูแลเอาใจใส่ การบริหารจัดการเกษตรอนิ ทรยี ์ควรจะตอ้ งดำเนินการอย่างระมัดระวงั และรับผดิ ชอบ เพือ่ ปกปอ้ งสุขภาพและความเปน็ อยู่ของผู้คนทั้งในปัจจุบนั และอนาคต รวมท้ังพิทักษ์ ปกปอ้ งสภาพแวดล้อมโดยรวมด้วย ทำไมต้องเกษตรอนิ ทรีย์ จากรายงานการสำรวจขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติเมื่อปี พ.ศ. 2543 พบว่า ประเทศไทยมีเนื้อที่ทำการเกษตรอันดับท่ี 48 ของโลก แต่ใช้ยาฆ่าแมลงอันดับ 5 ของโลก ใช้ยาฆ่า หญ้าอันดับ 4 ของโลก ใช้ฮอร์โมนอันดับท่ี 4 ของโลก ประเทศไทยนำเข้าสารเคมีสังเคราะห์ทางการ เกษตรเปน็ เงนิ ปีละกวา่ 3 หมื่นล้านบาท เกษตรกรต้องซ้ือปัจจัยการผลิตที่เป็นสารเคมีสังเคราะห์เพื่อ ใช้ในการเพาะปลูก ซงึ่ เป็นตน้ ทุนการผลติ ทางตรงทเ่ี กษตรกรต้องแบกรับ ส่งผลใหต้ ้องมีการลงทุนต่อ ไร่สูงและต้องใช้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะที่ราคาผลผลิตไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้นตามสัดส่วนของต้นทุนที่ สูงขน้ึ ส่งผลให้เกษตรกรขาดทุนเรื้อรัง มีหนี้สินลน้ พ้นตัว ดังนนั้ เกษตรอนิ ทรียจ์ ะเป็นหนทางของการ แก้ปัญหาเหล่านี้ได้ การเกษตรสมัยใหม่ หรือเกษตรเชิงเดี่ยวก่อให้เกิดปัญหาทางการเกษตรมากมาย ดงั นี้ 1. ความอุดมสมบูรณ์ของดินถูกทำลายต่อเนื่อง สง่ ผลใหเ้ กิดความไมส่ มดุลของธาตุอาหารในดนิ 2. ต้องใช้ป๋ยุ เคมใี นปรมิ าณท่ีเพมิ่ มากข้นึ ทุกปี จงึ จะได้รับผลผลิตเทา่ เดมิ 3. เกดิ ปญั หาโรคและแมลงระบาด ทำให้เพม่ิ ความยงุ่ ยากในการป้องกนั และกำจัด 4. แม่น้ำและทะเลสาบถูกปนเปอ้ื นดว้ ยสารเคมี และความเสื่อมโทรมของดิน

บทเรยี นออนไลนท์ ี่ 2 644 646 วชิ า หลักการเกษตรอินทรยี ์ (อช02007) ม.ปลาย 5. พบสารเคมีปนเปื้อนในผลผลิตเกินปริมาณเกณฑ์ที่กำหนด ทำให้เกิดภัยจากสารพิษสะสมในร่างกายของ ผู้บรโิ ภค 6. เกิดความไม่สมดุลของระบบนิเวศ สภาพแวดล้อมถูกทำลายเสียหายจนยากจะเยียวยาให้กลับมา คืนดงั เดมิ การเจริญเตบิ โตของพชื ความหมายของการเจริญเติบโตของพืช หมายถึงการที่พืชมีการเพิ่มความสูง เพิ่มขนาด และมีการ เปลยี่ นแปลงอวัยวะตา่ ง ๆ ไปตามขน้ั ตอนของพืชนนั้ ๆ กระบวนการเจรญิ เตบิ โตของพืช การเจรญิ เติบโตของพืช มี 3 กระบวนการ เกดิ ข้นึ คอื 1. การแบ่งเซลล์ ทำให้มจี ำนวนเซลล์เพ่ิมมากขึ้น เซลลท์ เี่ กิดขนึ้ ใหม่จะมีลักษณะเหมือนเซลล์เดิม แต่ มีขนาดเล็กกวา่ 2. การเพิม่ ขนาดของเซลล์ เปน็ การสร้างสะสมสาร ทำให้เซลล์มีขนาดใหญ่ขน้ึ โดยทวั่ ไปแล้วเมื่อมีการ แบง่ เซลล์แล้วก็จะมีการเพิ่มขนาดของเซลล์ด้วยเสมอ 3. การเปลย่ี นรปู ร่างของเซลล์ เพอื่ ให้เหมาะสมกบั หน้าทเี่ ฉพาะอยา่ ง

บทเรียนออนไลนท์ ี่ 2 645 647 วชิ า หลักการเกษตรอินทรีย์ (อช02007) ม.ปลาย กจิ กรรมท่ี 2 เรื่อง หลกั การเกษตรอนิ ทรีย์ ชื่อ-นามสกุล.......................................................................................รหสั นกั ศกึ ษา............................. คำชี้แจง ใหผ้ ูเ้ รียนตอบคำถามต่อไปนี้ จำนวน 5 ข้อ (5 คะแนน) 1. หลกั การสำคัญ 4 ข้อของเกษตรอนิ ทรีย์ มีอะไรบ้าง (1 คะแนน) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. มติ ิด้านนิเวศวิทยา มหี ลกั การอย่างไร (1 คะแนน) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. มติ ดิ า้ นการดแู ลเอาใจใส่ มีหลักการอย่างไร (1 คะแนน) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. มิติด้านความเปน็ ธรรม มหี ลักการอย่างไร (1 คะแนน) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………

บทเรยี นออนไลนท์ ่ี 2 646 648 วชิ า หลกั การเกษตรอนิ ทรีย์ (อช02007) ม.ปลาย 5. จงอธบิ ายกระบวนการเจริญเติบโตของพืชมาพอสังเขป (1 คะแนน) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………

บทเรยี นออนไลนท์ ี่ 2 647 649 วชิ า หลกั การเกษตรอินทรยี ์ (อช02007) ม.ปลาย เฉลยกจิ กรรมท่ี 2 เรื่อง หลกั การเกษตรอนิ ทรยี ์ 1. หลักการสำคญั 4 ข้อของเกษตรอนิ ทรยี ์ มีอะไรบา้ ง ตอบ หลกั การสำคัญ 4 ข้อของเกษตรอินทรีย์ คือ สุขภาพ, นิเวศวทิ ยา, ความเปน็ ธรรม, และการดูแล เอาใจใส่ 2. มติ ิดา้ นนเิ วศวทิ ยา มหี ลักการอยา่ งไร ตอบ เกษตรอินทรีย์ควรจะต้องตั้งอยู่บนรากฐานของระบบนิเวศวิทยา และ วัฏจักรแห่งธรรมชาติ การผลิตการเกษตรจะต้องสอดคล้องกับวิถีแห่งธรรมชาติ และชว่ ยทำใหร้ ะบบ และ วัฏจักรธรรมชาติ เพิม่ พนู และย่ังยนื 3. มติ ิด้านการดแู ลเอาใจใส่ มีหลักการอย่างไร ตอบ การบริหารจัดการเกษตรอินทรีย์ควรจะต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังและรับผิดชอบ เพ่ือ ปกป้องสุขภาพและความเป็นอยู่ของผู้คนทั้งในปัจจุบันและอนาคต รวมทั้งพิทักษ์ปกป้อง สภาพแวดล้อมโดยรวมด้วย 4. มติ ดิ า้ นความเป็นธรรม มีหลักการอย่างไร ตอบ เกษตรอินทรีย์ควรจะตั้งอยู่บนความสัมพันธ์ที่มีความเป็นธรรมระหว่างสิ่งแวดล้อมโดยรวม และสง่ิ มชี วี ติ 5. จงอธบิ ายกระบวนการเจริญเตบิ โตของพืชมาพอสังเขป ตอบ การเจริญเตบิ โตของพืช มี 3 กระบวนการ เกดิ ข้นึ คือ 1. การแบ่งเซลล์ ทำให้มีจำนวนเซลล์เพิ่มมากข้ึน เซลล์ทเี่ กิดขึ้นใหม่จะมีลักษณะเหมือนเซลล์เดิม แต่ มขี นาดเลก็ กวา่ 2. การเพิม่ ขนาดของเซลล์ เป็นการสรา้ งสะสมสาร ทำใหเ้ ซลลม์ ีขนาดใหญ่ขึน้ โดยทั่วไปแล้วเม่ือมีการ แบ่งเซลล์แล้วก็จะมีการเพ่มิ ขนาดของเซลลด์ ้วยเสมอ 3. การเปล่ียนรปู ร่างของเซลล์ เพอื่ ให้เหมาะสมกับหน้าท่ีเฉพาะอยา่ ง

บทเรียนออนไลนท์ ี่ 2 648 650 วชิ า หลกั การเกษตรอินทรยี ์ (อช02007) ม.ปลาย แบบทดสอบหลังเรียน เรื่อง หลักการเกษตรอนิ ทรีย์ ชือ่ -นามสกุล.......................................................................................รหสั นกั ศกึ ษา............................. คำชแ้ี จง ให้ผ้เู รยี นเลอื กคาํ ตอบท่ถี ูกต้องทีส่ ุด จำนวน 5 ขอ้ (5 คะแนน) 1. หลักการสำคญั ของเกษตรอนิ ทรยี ม์ ีกมี่ ิติ 4. ข้อใดเปน็ ธาตุอาหารที่มีความจำเปน็ ต่อพชื ก. 2 มิติ ก. ไนโตรเจน ข. 3 มิติ ข. คลอโรฟลิ ด์ ค. 4 มติ ิ ค. คารโ์ บไฮเดรต ง. 5 มิติ ง. ไฮโดรเจน 2. ขอ้ ใดคือมติ ิด้านนเิ วศวทิ ยา 5. ปจั จัยในการดำรงชวี ติ ข้อใดทีพ่ ชื ขาดไม่ได้ ก. ภาวะแหง่ ความเปน็ อย่ทู ่ีดขี องกายภาพ ก. ดนิ นำ้ แสงแดด จิตใจ สังคมและสภาพแวดลอ้ ม ข. ดิน น้ำ อากาศ ข. กระบวนทัศนท์ ่มี องเกษตรอนิ ทรยี ์เปน็ ค. ดิน แสงแดด อากาศ องคป์ ระกอบหน่ึงของระบบนเิ วศ ง. นำ้ อากาศ แสงแดด ค. ความรบั ผดิ ชอบเปน็ หัวใจสำคัญของการ บริหารจดั การการพัฒนาเกษตรอินทรีย์ ง. ความสมั พันธข์ องผู้คนทเ่ี กีย่ วข้องกบั การ ผลติ เกษตรอินทรยี ์ 3. เพราะเหตุใดจึงเปรยี บเทยี บใบไม้เป็นห้องครัว ก. เพราะบริเวณใบมอี าหารสะสมอย่มู าก ข. เพราะใบทำหน้าท่สี ร้างอาหาร ค. เพราะใบพชื มีอปุ กรณ์ในการสรา้ งอาหาร ง. เพราะใบพืชเป็นบรเิ วณเดยี วทมี่ กี าร สะสมอาหาร

บทเรียนออนไลนท์ ี่ 2 649 1. ค 651 วชิ า หลกั การเกษตรอินทรยี ์ (อช02007) ม.ปลาย เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน - หลังเรียน เรื่อง หลกั การเกษตรอนิ ทรยี ์ 2. ง 3.ข 4. ก 5. ข

บทเรียนออนไลนท์ ่ี 3 650 652 วชิ า หลกั การเกษตรอินทรีย์ (อช02007) ม.ปลาย ใบงาน คำสัง่ 1. ใหผ้ ู้เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนบทเรยี นออนไลนท์ ่ี 3 เร่ือง ธรรมชาติของดนิ จำนวน 5 ข้อ 2. ให้ผู้เรียนศึกษาความรู้จากใบความรู้บทเรียนออนไลน์ที่ 3 เรื่อง ธรรมชาติของดิน หรือ ศกึ ษาจากควิ อาร์โคด้ 3. ให้ผู้เรยี นทำกิจกรรมที่ 3 เรือ่ ง ธรรมชาติของดนิ จำนวน 5 ขอ้ 4. ใหผ้ ู้เรียนทำแบบทดสอบหลังเรียนบทเรียนออนไลน์ที่ 3 เรื่อง ธรรมชาติของดนิ จำนวน 5 ข้อ

บทเรียนออนไลน์ท่ี 3 651 653 วชิ า หลกั การเกษตรอนิ ทรยี ์ (อช02007) ม.ปลาย แบบทดสอบก่อนเรียน เรอื่ ง ธรรมชาติของดิน ชือ่ -นามสกุล.......................................................................................รหสั นกั ศึกษา............................. คำชแี้ จง ให้ผูเ้ รียนเลอื กคําตอบท่ีถูกต้องที่สุด จำนวน 5 ข้อ (5 คะแนน) 1. ดนิ หมายถงึ ข้อใด 4. พชื ชนิดใดนยิ มปลกู เพื่อเพ่มิ ธาตอุ าหารในดิน ก. หินทผี่ พุ งั เปน็ เมด็ เลก็ ๆ ก. พืชตระกลู หญา้ ข. หินและแรท่ ่ผี ุพงั เปน็ เม็ดเลก็ ๆ ข. พชื ตระกลู ส้ม ค. หินและแรธ่ าตุทผ่ี พุ งั แล้วรวมกับซากพชื ค. พชื ตระกูลกล้วย ซากสตั ว์ ง. พชื ตระกลู ถั่ว ง. หนิ และแร่ธาตุท่ีผุพังแลว้ รวมกบั นำ้ และ ซากพืชซากสัตว์ 5. ดนิ ที่ดคี วรมลี กั ษณะอยา่ งไร ก. ระบายน้ำดีและถ่ายเทอากาศไดด้ ี 2. ข้อใดคือลักษณะของดินที่ระบายน้ำได้ดมี ี ข. ระบายน้ำดแี ละถา่ ยเทอากาศไม่ดี ความอุดมสมบูรณต์ ่ำ ค. ระบายนำ้ ปานกลางและถ่ายเทอากาศได้ดี ก. ดินรว่ น ง. ระบายน้ำปานกลางและถ่ายเทอากาศได้ ข. ดนิ ทราย ปานกลาง ค. ดินเหนยี ว ง. ดินรว่ นปนทราย 3. ดนิ เปรย้ี วหมายถงึ ดินมีลกั ษณะแบบใด ก. มีคา่ pH ตำ่ ข. มีค่า pH สูง ค. มีรสชาตเิ ปรย้ี ว ง. เมอ่ื สัมผัสจะรู้สึกแสบมือ

บทเรยี นออนไลน์ที่ 3 652 654 วชิ า หลักการเกษตรอนิ ทรยี ์ (อช02007) ม.ปลาย ใบความรู้ เรื่อง ธรรมชาตขิ องดิน ประเภทของดิน ดนิ เหนียว (Clay) เป็นดนิ ที่มีเนื้อละเอียด ในสภาพดนิ แห้งจะแตกออกเป็นก้อนแขง็ มาก เมอื่ เปยี กน้ำ แล้วจะมีความยืดหยุ่น สามารถปั้นเป็นกอ้ นหรอื คลงึ เป็นเส้นยาวได้ เหนียวเหนอะหนะติดมือ เป็นดนิ ที่มีการระบายน้ำและอากาศไมด่ ี แต่สามารถอุ้มน้ำ ดูดยึด และแลกเปลี่ยนธาตุอาหารพืชได้ดี เหมาะ ที่จะใชท้ ำนาปลกู ข้าวเพราะเกบ็ นำ้ ได้นาน ดินร่วน (Mold) เป็นดินที่เนื้อดินค่อนข้างละเอียดนุ่มมือในสภาพดินแห้งจะจับกันเป็นก้อนแข็ง พอประมาณในสภาพดินชื้นจะยืดหยุ่นได้บ้าง เมื่อสัมผัสหรือคลึงดินจะรู้สึกนุ่มมือแต่อาจจะรู้สึกสาก มืออยู่บ้างเล็กนอ้ ย เมื่อกำดินให้แน่นในฝา่ มือแลว้ คลายมือออก ดินจะจับกนั เป็นก้อนไม่แตกออกจาก กัน เปน็ ดินท่มี กี ารระบายนำ้ ได้ดีปานกลางจดั เป็นเน้ือดนิ ท่ีมีความเหมาะสมสำหรับการเพาะปลูก ดินทราย (Sandy soil) เป็นดินที่มีอนุภาคขนาดทรายเป็นองค์ประกอบอยู่มากกว่าร้อยละ 85 เนื้อ ดินมีการเกาะตัวกันหลวมๆ มองเห็นเป็นเม็ดเดี่ยว ๆ ได้ ถ้าสัมผสั ดินที่อยูใ่ นสภาพแห้งจะรู้สกึ สากมือ เมื่อลองกำดินที่แห้งนี้ไว้ในอุ้งมือแล้วคลายมือออกดินก็จะแตกออกจากกันได้ แต่ถ้ากำดินที่อยู่ใน สภาพชื้นจะสามารถทำให้เป็นก้อนหลวม ๆได้ แตพ่ อสัมผัสจะแตกออกจากกันทันที

บทเรียนออนไลนท์ ่ี 3 653 655 วชิ า หลกั การเกษตรอนิ ทรยี ์ (อช02007) ม.ปลาย ภาพที่ 1 แสดงไดอะแกรมสามเหลี่ยมมาตรฐานเพ่อื จำแนกประเภทของเน้ือดิน โครงสร้างดิน (Soil Structure) โครงสร้างดนิ หมายถึง รปู แบบของการยดึ และการเรียงตวั ของอนภุ าคเด่ียวของดินเป็นเม็ดดินในหน้า ตัดดินเม็ดดนิ แต่ละชนดิ มคี วามแตกต่างกนั ทงั้ ด้านขนาดและรูปรา่ ง ซ่งึ แบง่ ออกเป็น 7 ชนิดคือ 1. แบบก้อนกลม (Granular) มีรูปร่างคล้ายทรง กลมเมด็ ดินมีขนาดเล็กประมาณ 1 - 10 มลิ ลิเมตรมัก พบในดินชั้น A มีรากพืชปนอยู่มากเนื้อดินมีความ พรนุ มาก จึงระบายน้ำและอากาศได้ดี 2. แบบก้อนเหลี่ยม (Blocky) มีรูปร่างคล้ายกล่อง เม็ดดินมีขนาดประมาณ 1-5 เซนติเมตร มักพบในดิน ชั้น B มีการกระจายของรากพืชปานกลางน้ำและ อากาศซึมผ่านได้ 3. แบบแผ่น (Platy) ก้อนดินแบนวางตัวในแนวราบ และซ้อนเหลื่อมกันเป็นชั้น ขัดขวากรากพืช น้ำ และ อากาศซึมผ่านได้ยาก มักเป็นดินชั้น A ที่ถูกบีบอัด จากการบดไถของเครอื่ งจกั รกลการเกษตร 4. แบบแท่งหัวเหลี่ยม (Prismatic) ก้อนดินแต่ละ ก้อนมีผิวหน้าแบบและเรียบเกาะตัวกันเป็นแท่ง หัวเหลีย่ มคล้ายปรซิ มึ กอ้ นดนิ มลี กั ษณะยาวในแนวดิ่ง ส่วนบนของปลายแทง่ มักมีรูปรา่ งแบน เมด็ ดินมีขนาด 1 – 1 เซนติเมตรมักพบในดินชั้น B น้ำและอากาศซมึ ไดป้ านกลาง

บทเรยี นออนไลนท์ ี่ 3 654 656 วชิ า หลกั การเกษตรอินทรีย์ (อช02007) ม.ปลาย 5. แบบแท่งหัวมน (Columnar) มีการจับตัว คล้ายคลึงกับแบบแทง่ หัวเหลี่ยมแต่สว่ นบนของปลาย แทง่ ลกั ษณะกลมมน ปกคลมุ ดว้ ยเกลอื เมด็ ดินมขี นาด 1 - 10 เซนติเมตรมักพบในดินชั้น Bและเกิดในเขต แห้งแล้ง น้ำและอากาศซึมผ่านได้น้อยและมีการ สะสมของโซเดยี มสงู 6. แบบอนุภาคเด่ียว (Single Grained) ไมม่ ีการยึด ตัวติดกันเป็นก้อน มักพบในดินทราย ซึ่งน้ำและ อากาศซึมผ่านไดด้ ี 7. แบบก้อนทึบ (Massive) เป็นดินเนื้อละเอียดยึด ตวั ติดกันเป็นกอ้ นใหญ่ ขนาดประมาณ 30 เซนตเิ มตร ดินไม่แตกตัวเป็นเม็ด จึงทำให้น้ำและอากาศซึมผ่าน ไดย้ าก กำเนดิ ดนิ ดินประกอบขึ้นจากหนิ ทีผ่ ุพัง จึงมีองค์ประกอบเป็นแร่ดนิ เหนียว (Clay mineral) ซ่ึงพัฒนามาจาก แร่ ประกอบหินบนเปลือกโลก ได้แก่ เฟลด์สปาร์ควอรตซ์ไมก้า เป็นต้น ตารางท่ี1 แสดงให้เห็นถึง การผุพังของแร่แต่ละ ชนิดซึ่งทําให้เกิดแร่ดินเหนียวและประจุต่าง ๆ ซึ่งอยู่ในรูปของสารละลาย ตารางท่ี 1 การผพุ ังของแร่ แร่ CO2 และ H2O ผลติ ผลหลกั ผลิตผลรอง เฟลดส์ ปาร์ ---> แรด่ ินเหนียว + ทราย, ประจุ (โซเดยี ม แคลเซียม โปแตสเซียม) ควอรตซ์ ---> ทราย ไมกา้ ---> แรด่ นิ เหนยี ว + ทราย, เหล็กออกไซด์,ประจุ (โซเดยี ม แคลเซียม โปแตสเซยี ม แมกนีเซยี ม) แคลไซต์ ---> - -> ประจ(ุ แคลเซียมไบคาร์บอเนต)

บทเรียนออนไลนท์ ่ี 3 655 657 วชิ า หลกั การเกษตรอินทรีย์ (อช02007) ม.ปลาย ในภาพท่ี 2 แสดงให้เห็นถึงการผุพังของแร่ ภาพท่ี 2 การผุพังของเฟลดส์ ปาร์ เ ฟ ล ด ์ ส ป า ร ์ ซ ึ่ ง เป ็ น ส ่ว น ป ร ะ ก อ บ ข อ ง ห ิ น ต ้ น ก ำ เ น ิดดิน (Parent rock) เ ม ื ่ อ ฝ น ต ก ล ง ม า น ้ ำ ฝ น จ ะ ล ะ ล า ย คาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศทำให้มีสภาพเป็นกรดอ่อน ๆ (กรดคาร์บอนิก) น้ำฝนบนพื้นผิวซึมลงสู่เบื้องล่างและทำ ปฏิกิริยากับแร่เฟลด์สปาร์ที่อยู่ในหินทำให้เกิดการผุพังทาง เคมี(Chemical weathering) แตกสลายเป็นเม็ดทราย (ซิลิกา), แร่ดินเหนียว (Clay mineral), ประจุโซเดียม แคลเซียม และโปแตสเซียม ในรูปของสารละลาย ซึ่งเป็นแร่ ธาตุท่ีสำคญั สำหรบั พชื ต่อไป ดิน เป็นตะกอนวัสดุบนเปลือกโลกที่มีพัฒนาการที่เกี่ยวข้องกับสิ่งแวดล้อมอันได้แก่บรรยากาศ น้ำ และ สิ่งมีชีวิตเราจะเรียกตะกอนวัสดเุ หล่านี้ว่า“ดิน” ก็ต่อเมื่อมีส่วนประกอบของสิ่งมีชีวิต เช่นซาก พืช ซากสัตว์เข้ามา เกี่ยวข้องหากเป็นแต่เพียงตะกอนวัสดุที่ไม่เกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตก็จะเรียกว่า “เรโกลิธ” (Regolith) เช่น ผงตะกอน บนดวงจันทร์ซึ่งเกิดจากการพุ่งชนของอุกกาบาตแม้ว่าเราจะ เห็นว่ามีดินอยู่โดยทั่วไปทว่าความจริงดินมีอยู่น้อยมาก เมื่อเทียบสัดส่วนปริมาณกับหินที่อยู่บน เปลือกโลกแต่กระนั้นดินก็มีความสําคัญมากสําหรับสิ่งมีชีวิตบนพื้นโลกดินตรึงธาตุไนโตรเจนและ คาร์บอนจากบรรยากาศมาสร้างธาตุอาหารท่ีสาํ คัญสาํ หรบั สิ่งมชี วี ติ ในเวลาเดียวกนั สง่ิ มีชวี ิต เองก็ทํา ให้หินผุพังกลายเป็นดิน จะเห็นได้ว่า ดินสิ่งมีชีวิต และสิ่งแวดล้อม มีอิทธิพลซึ่งกันและกันเป็นอย่าง มาก ดังท่ี แสดงในภาพที่ 3 ภาพท่ี 3 ปัจจัยที่มีอิทธพิ ลต่อดนิ

บทเรียนออนไลนท์ ี่ 3 656 658 วชิ า หลกั การเกษตรอนิ ทรยี ์ (อช02007) ม.ปลาย ดิน มีการเปลี่ยนแปลงอยูต่ ลอดเวลาคณุ สมบัติบางประการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น อุณหภูมิ และ ปริมาณน้ำ (ทุกนาที)ในขณะที่คุณสมบัติบางประการเปลี่ยนแปลงช้ามาก เช่น ชนิดของแร่ (อาจต้องใช้เวลาเป็นร้อย หรือพันปี) คุณสมบัติของดินจะเป็นอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลักสำคัญ 5 ประการ ดังน้ี 1. วัตถุต้นกำเนิดดิน ดินจะเป็นอย่างไรขึ้นกับวัตถุต้นกำเนิดดิน ได้แก่หินพื้น (Parent rock) อินทรยี วตั ถุ ผิวดินดง้ั เดมิ หรือชั้นหนิ ตะกอนที่เกิดจากการพัดพาของน้ำ ลม ธารน้ำแขง็ ภูเขาไฟ หรือวัตถุทีเ่ คลอื่ นทล่ี งมาจาก พืน้ ท่ีลาดชัน 2. สภาพภูมิอากาศ ความร้อน ฝน น้ำแข็ง หิมะ ลม แสงแดด และแรงกระทบจาก สิ่งแวดล้อมอื่น ๆ ซึ่งทำให้วัตถุต้นกำเนิดผุพัง แตกหัก และมีผลต่อกระบวนการเกิดดินว่าจะเกิดเร็ว หรอื ช้า 3. สิ่งมีชีวิตพืชและสัตว์ทั้งหมดที่อาศัยอยู่ในดินหรือบนดิน(รวมถึงจุลินทรีย์และมนุษย์) ปริมาณนำ้ และธาตอุ าหารที่พืชต้องการมผี ลต่อการเกิดดินสัตว์ท่ีอาศัยอยู่ในดนิ จะช่วยย่อยสลายของ เสียและช่วยเคลื่อนย้าย วัตถุต่าง ๆ ไปตามหน้าตัดดิน ซากพืชและสัตว์ที่ตายแล้วจะกลายเป็น อนิ ทรียวัตถุ ซึ่งทำให้ดินสมบูรณ์ขึน้ การใช้ที่ดินของมนุษย์ก็ มีผลต่อการสรา้ งดินด้วยเชน่ กัน 4. ภูมิประเทศ สภาพภูมิอากาศจะมีผลต่อดินอย่างไรนั้นขึ้นอยู่กับตำแหน่งของดินตาม ลักษณะภูมิประเทศ เช่น ดินที่เชิงเขาจะมีความชื้นมากกว่าดินในบริเวณพื้นที่ลาดและพื้นที่ที่ได้รับ แสงอาทิตยโ์ ดยตรงจะทำให้ดินแห้งเร็ว ข้ึน 5. เวลา ปัจจัยข้างต้นทั้งหมดเกี่ยวข้องกับเวลาเนื่องจากเมื่อเวลาผ่านไปการพัฒนาของ ช้ันดินจะเพิ่มขึน้ หนา้ ตัดดนิ ปจั จัยตา่ งๆ ของการกําเนดิ ดินทําให้ได้ดินทีม่ ีคณุ สมบัตแิ ตกต่างกันอยา่ งมาก ดนิ ในภมู ริ ะเทศหน่ึงๆจะ มี ลักษณะเฉพาะของตัวเอง เราเรียกภาคตัดตามแนวดิ่งของชั้นดินเรียกว่า “หน้าตัดดิน” (Soil Horizon) หนา้ ตัดดนิ บอกถึงลกั ษณะทางธรณีวทิ ยาและประวัตภิ มู ิอากาศของภมู ปิ ระเทศท่ีเกิดขึ้นมา ก่อนหน้านี้นับพันปีรวมถึงว่ามนุษย์ ใช้ดินอย่างไร อะไรเป็นสาเหตุให้ดินนั้นมีสมบัติเช่นในปัจจุบัน ตลอดจนแนวทางทด่ี ที ่สี ุดในการใช้ดนิ

บทเรียนออนไลน์ที่ 3 657 659 วชิ า หลกั การเกษตรอนิ ทรีย์ (อช02007) ม.ปลาย ภาพที่ 4 ชั้นดิน หน้าตัดดินประกอบด้วยดินที่ทับถมกันเป็นชั้น ๆ เรียกว่า “ชั้นดิน” (Soil horizon) ชั้นดินบางช้ัน อาจจะบาง เพียง 2-3 มิลลิเมตร หรือหนากว่า 1 เมตร ก็ได้เราสามารถจำแนกชั้นดินแต่ละชั้นจากสี และโครงสร้างของอนุภาค ดินที่แตกต่างกัน นอกจากนั้นยังสามารถใช้คุณสมบตั ิอื่น ๆ ที่แตกต่างกัน ระหว่างดินชั้นบนและดินชั้นล่างได้อีกด้วยดินน้ำบางชั้นเกิดจากการพังทลายและถูกชะล้างโดย กระแสน้ำดนิ บางชนั้ เกิดจากตะกอนทับถมกนั นานหลายพันปีนัก ปฐพวี ทิ ยากำหนดช่ือของช้ันดินโดย ใช้ลกั ษณะทางกายภาพ ดงั น้ี ชั้นโอ (O Horizon) เป็นดินชั้นบนสุดมักมีสีคล้ำเนื่องจากประกอบด้วยอินทรียวัตถุ(Organic) หรือ ฮิวมัสซึ่ง เป็นซากพืชซากสัตว์ซึ่งทำให้เกิดความเป็นกรดดินชั้นโอส่วนใหญ่จะพบในพื้นที่ป่า ส่วนใน พื้นทก่ี ารเกษตรจะไมม่ ี ช้นั โอในหนา้ ตดั ดนิ เน่อื งจากถกู ไถพรวนไปหมด ชั้นเอ (A Horizon) เป็นดินชั้นบน (top soil) เป็นส่วนที่มีน้ำซึมผ่านดินชั้นเอส่วนใหญ่ประกอบด้วย หินแร่ และอินทรียวัตถุทีย่ ่อยสลายสมบูรณ์แล้วอยู่ด้วยทำให้ดินมีสีเข้ม ในพื้นที่เกษตรกรรมดินชั้นเอ จะถูกไถพรวนเมื่อมี การย่อยสลายของรากพืชและมีการสะสมอนิ ทรียวัตถุโดยปกติโครงสร้างของดนิ จะเป็นแบบก้อนกลม แตถ่ ้าดนิ มีการ อดั ตัวกันแนน่ โครงสรา้ งของดนิ ในช้นั เอจะเปน็ แบบแผน่ ชั้นบี (B Horizon) เป็นชั้นดินล่าง (subsoil) เนื้อดินและโครงสร้างเป็นแบบก้อนเหลี่ยม หรือแท่ง ผลึก เกิด จากการชะล้างแรธ่ าตตุ ่าง ๆ ของสารละลายต่าง ๆ เคลอื่ นตัวผา่ นชนั้ เอ ลงมาสะสมในชั้นบี ในเขตภูมิอากาศชื้นดิน ในชั้นบีส่วนใหญ่จะมีสีน้ำตาลปนแดง เนื่องจากการสะสมตัวของเหล็ก ออกไซด์ ชั้นซี(C Horizon)เกิดจากการผุพังของหินกำเนิดดิน (Parent rock) ไม่มีการตกตะกอนของวัสดุดิน จากการชะลา้ งและไม่มกี ารสะสมของอินทรยี วัตถุ

บทเรียนออนไลน์ท่ี 3 658 660 วชิ า หลกั การเกษตรอนิ ทรยี ์ (อช02007) ม.ปลาย ช้นั อาร์ (R Horizon) เปน็ ชน้ั ของวัตถุตน้ กำเนิดดนิ หรือ หนิ พ้นื (Bedrock) ประโยชน์ของดิน ดินมปี ระโยชนม์ ากมายมหาศาลต่อมนษุ ยแ์ ละส่งิ มีชวี ิตอื่น ๆ คือ 1. ประโยชน์ตอ่ การเกษตรกรรมเพราะดนิ เปน็ ต้นกำเนดิ ของการเกษตรกรรมเปน็ แหล่งผลิตอาหาของ มนุษย์ในดินจะมีอินทรียวัตถุและธาตุอาหารรวมทั้งน้ำที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพืชอาหารที่ คนเราบรโิ ภค ในทุกวันนม้ี าจากการเกษตรกรรมถงึ 90% 2. การเลี้ยงสัตว์ดินเป็นแหล่งอาหารสัตว์ทั้งพวกพืชและหญ้าที่ขึ้นอยู่ตลอดจนเป็นแหล่งที่อยู่อาศัย ของสัตว์ บางชนดิ เช่น งู แมลง นาก ฯลฯ 3. เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยแผ่นดินเป็นที่ตั้งของเมือง บ้านเรือนทำให้เกิดวัฒนธรรมและอารยธรรม ของชุมชนต่าง ๆ มากมาย 4. เป็นแหล่งเก็บกักน้ำเนื้อดินจะมีส่วนประกอบสำคัญ ๆ คือ ส่วนที่เป็นของแข็ง ได้แก่ กรวด ทราย ตะกอน และส่วนที่เปน็ ของเหลว คอื น้ำซงึ่ อยู่ในรูปของความชื้นในดินซึ่งถ้ามีอยมู่ าก ๆ ก็จะกลายเป็น น้ำซึมอยคู่ ือน้ำใต้ดนิ น้ำ เหลา่ นี้จะคอ่ ย ๆ ซมึ ลงทตี่ ำ่ เช่นแม่น้ำลำคลองทำให้เรามนี ้ำใชไ้ ดต้ ลอดปี

บทเรียนออนไลนท์ ี่ 3 659 661 วชิ า หลกั การเกษตรอนิ ทรยี ์ (อช02007) ม.ปลาย กิจกรรมที่ 3 เรอ่ื ง ธรรมชาตขิ องดิน ช่อื -นามสกลุ .......................................................................................รหสั นกั ศึกษา............................. คำชแี้ จง ใหผ้ ูเ้ รยี นตอบคำถามตอ่ ไปน้ี จำนวน 5 ขอ้ (5 คะแนน) 1. จงอธิบายถึงประเภทของดิน (1 คะแนน) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. จงอธิบายถึงลักษณะโครงสรา้ งของดนิ (1 คะแนน) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. การกำหนดชื่อของชัน้ ดินตามลกั ษณะทางกายภาพ มีอะไรบ้าง (1 คะแนน) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 4. จงบอกปัจจยั หลักสำคัญท่ีมอี ิทธิพลตอ่ ดนิ (1 คะแนน) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………

บทเรียนออนไลน์ที่ 3 660 662 วชิ า หลกั การเกษตรอนิ ทรยี ์ (อช02007) ม.ปลาย 5. จงบอกประโยชน์ของดนิ (1 คะแนน) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………

บทเรียนออนไลน์ที่ 3 661 663 วชิ า หลกั การเกษตรอินทรีย์ (อช02007) ม.ปลาย เฉลยกจิ กรรมท่ี 3 เรอื่ ง ธรรมชาตขิ องดิน 1. จงอธิบายถงึ ประเภทของดิน ตอบ ดินเหนียว(Clay) เป็นดินที่มีเนื้อละเอียด ในสภาพดินแห้งจะแตกออกเป็นก้อนแข็งมาก เมื่อ เปียกน้ำแล้วจะมีความยืดหยุ่น สามารถปั้นเป็นก้อนหรือคลึงเป็นเส้นยาวได้ เหนียวเหนอะหนะติดมือ เป็นดินที่มีการระบายน้ำและอากาศไม่ดี แต่สามารถอุ้มน้ำ ดูดยึด และแลกเปลี่ยนธาตุอาหารพืชได้ดี เหมาะที่จะใช้ทำนาปลูกข้าว ดินร่วน (Mold) เป็นดินที่เนื้อดินค่อนข้างละเอียดนุ่มมือในสภาพดินแห้งจะจับกันเป็นก้อนแข็ง พอประมาณในสภาพดินชื้นจะยืดหยุ่นได้บ้าง เมื่อสัมผัสหรือคลึงดินจะรู้สึกนุ่มมือแต่อาจจะรู้สึกสาก มืออยู่บ้างเล็กน้อย เมื่อกำดินให้แน่นในฝ่ามือแล้วคลายมือออก ดินจะจับกนั เป็นก้อนไม่แตกออกจาก กัน เป็นดนิ ทมี่ ีการระบายนำ้ ได้ดปี านกลางจัดเป็นเนอ้ื ดินท่ีมีความเหมาะสมสำหรับการเพาะปลูก ดินทราย(Sandy soil) เป็นดินที่มอี นุภาคขนาดทรายเป็นองคป์ ระกอบอยู่มากกว่าร้อยละ 85 เนื้อดิน มกี ารเกาะตัวกันหลวมๆ มองเหน็ เป็นเม็ดเด่ียวๆ ได้ ถา้ สัมผัสดนิ ที่อยใู่ นสภาพแหง้ จะรู้สึกสากมือ เมื่อ ลองกำดนิ ทีแ่ ห้งนี้ไวใ้ นอุง้ มือแลว้ คลายมือออกดนิ กจ็ ะแตกออกจากกนั ได้ แตถ่ ้ากำดนิ ทอี่ ยูใ่ นสภาพชื้น จะสามารถทำให้เป็นก้อนหลวม ๆ ได้ แตพ่ อสมั ผสั จะแตกออกจากกันทนั ที 2. จงอธิบายถึงลักษณะโครงสรา้ งของดิน ตอบ โครงสร้างดิน คือ รูปแบบของการยึดและการเรียงตัวของอนุภาคเดี่ยวของดินเป็นเม็ดดินใน หน้าตัดดินเม็ดดินแต่ละชนิดมีความแตกต่างกันทั้งด้านขนาดและรูปร่าง ซ่ึงแบ่งออกเป็น 7 ชนิด คือ แบบก้อนกลม (Granular ) แบบก้อนเหลี่ยม (Blocky) แบบแผ่น (Platy) แบบแท่งหัวเหลี่ยม (Prismatic) แบบแท่งหัวมน (Columnar) แบบก้อนทึบ (Massive) และแบบอนุภาคเดี่ยว (Single Grained) 3. การกำหนดชือ่ ของชั้นดินตามลักษณะทางกายภาพ มีอะไรบา้ ง ตอบ ชัน้ โอ (O Horizon) ชั้นเอ (A Horizon) ช้นั บี (B Horizon) ช้นั ซี (C Horizon) และช้ันอาร์ (R Horizon) 4. จงบอกปัจจัยหลักสำคัญท่ีมอี ทิ ธิพลตอ่ ดิน ตอบ ปจั จัยหลกั สำคัญ 5 ประการ ดงั น้ี 1. วตั ถตุ น้ กำเนดิ ดิน 2. สภาพภูมิอากาศ 3. ส่งิ มีชีวิตพืช และสตั ว์ทัง้ หมดทีอ่ าศยั อยู่ในดนิ หรือบนดิน 4. ภูมิประเทศ และ 5. เวลา

662 664 บทเรียนออนไลน์ท่ี 3 วชิ า หลักการเกษตรอนิ ทรยี ์ (อช02007) ม.ปลาย 5. จงบอกประโยชน์ของดิน ตอบ 1. ประโยชน์ต่อการเกษตรกรรมเพราะดินเป็นต้นกำเนิดของการเกษตรกรรมเป็นแหล่งผลิต อาหารของมนุษย์ในดินจะมีอินทรียวัตถุและธาตุอาหารรวมทั้งน้ำที่จำเป็นต่อการเจริญเติบโตของพชื อาหารท่คี นเรา บรโิ ภค ในทกุ วนั นม้ี าจากการเกษตรกรรมถึง 90% 2.การเลี้ยงสัตว์ดินเป็นแหล่งอาหารสัตว์ทั้งพวกพืชและหญ้าที่ขึ้นอยู่ตลอดจนเป็นแหล่งที่อยู่อาศัย ของสัตวบ์ างชนิด เชน่ งู แมลง นาก ฯลฯ 3. เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยแผ่นดินเป็นที่ตั้งของเมือง บ้านเรือนทำให้เกิดวัฒนธรรมและอารยธรรม ของชุมชนต่าง ๆ มากมาย 4. เป็นแหล่งเกบ็ กกั น้ำเนอ้ื ดนิ ทำให้เรามีน้ำใชไ้ ดต้ ลอดปี

บทเรียนออนไลน์ที่ 3 663 665 วชิ า หลักการเกษตรอนิ ทรยี ์ (อช02007) ม.ปลาย แบบทดสอบหลังเรยี น เร่อื ง ธรรมชาตขิ องดิน ชือ่ -นามสกุล.......................................................................................รหสั นักศึกษา............................. คำช้แี จง ใหผ้ ้เู รยี นเลือกคําตอบท่ีถูกต้องที่สดุ จำนวน 5 ข้อ (5 คะแนน) 1. ดนิ หมายถงึ ข้อใด 4. พืชชนิดใดนยิ มปลกู เพ่ือเพิ่มธาตุอาหารในดนิ ก. หนิ ที่ผุพงั เปน็ เมด็ เลก็ ๆ ก. พืชตระกลู หญ้า ข. หนิ และแรท่ ผี่ ุพังเป็นเมด็ เลก็ ๆ ข. พืชตระกูลสม้ ค. หินและแรธ่ าตทุ ่ีผุพังแลว้ รวมกับซากพืช ค. พชื ตระกูลกล้วย ซากสตั ว์ ง. พชื ตระกูลถวั่ ง. หนิ และแร่ธาตทุ ีผ่ ุพงั แล้วรวมกับน้ำและ ซากพืชซากสัตว์ 5. ดินที่ดคี วรมีลกั ษณะอย่างไร ก. ระบายนำ้ ดีและถ่ายเทอากาศได้ดี 2. ขอ้ ใดคือลักษณะของดินที่ระบายน้ำได้ดีมี ข. ระบายน้ำดีและถา่ ยเทอากาศไม่ดี ความอดุ มสมบูรณ์ต่ำ ค. ระบายน้ำปานกลางและถ่ายเทอากาศไดด้ ี ก. ดนิ รว่ น ง. ระบายนำ้ ปานกลางและถ่ายเทอากาศได้ ข. ดนิ ทราย ปานกลาง ค. ดินเหนยี ว ง. ดินร่วนปนทราย 3. ดนิ เปร้ียวหมายถงึ ดนิ มีลักษณะแบบใด ก. มคี ่า pH ตำ่ ข. มีคา่ pH สูง ค. มรี สชาตเิ ปรยี้ ว ง. เมอื่ สัมผัสจะร้สู ึกแสบมือ

บทเรียนออนไลน์ที่ 3 664 666 1. ค วชิ า หลกั การเกษตรอินทรีย์ (อช02007) ม.ปลาย เฉลยแบบทดสอบกอ่ นเรยี น - หลังเรยี น เร่อื ง ธรรมชาติของดนิ 2. ข 3. ก 4. ง 5. ก

บทเรยี นออนไลนท์ ่ี 4 665 667 วชิ า หลักการเกษตรอนิ ทรยี ์ (อช02007) ม.ปลาย ใบงาน คำสง่ั 1. ให้ผู้เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนบทเรียนออนไลน์ที่ 4 เรื่อง การบำรุงดินโดยใช้ สารอนิ ทรีย์ จำนวน 5 ขอ้ 2. ให้ผู้เรียนศึกษาความรู้จากใบความรู้บทเรียนออนไลน์ที่ 4 เรื่อง การบำรุงดินโดยใช้ สารอนิ ทรยี ์ หรือ ศึกษาจากควิ อาร์โคด้ 3. ใหผ้ เู้ รียนทำกจิ กรรมท่ี 4 เรื่อง การบำรุงดนิ โดยใช้สารอินทรยี ์ จำนวน 3 ข้อ 4. ให้ผู้เรียนทำแบบทดสอบหลังเรียนบทเรียนออนไลน์ที่ 4 เรื่อง การบำรุงดินโดยใช้ สารอนิ ทรีย์ จำนวน 5 ขอ้

บทเรียนออนไลน์ที่ 4 666 668 วชิ า หลกั การเกษตรอนิ ทรยี ์ (อช02007) ม.ปลาย แบบทดสอบกอ่ นเรยี น เรอื่ ง การปรบั ปรงุ ดนิ โดยใช้สารอนิ ทรยี ์ ชื่อ-นามสกลุ .......................................................................................รหสั นักศกึ ษา............................. คำชแี้ จง ให้ผเู้ รยี นเลือกคาํ ตอบท่ถี ูกต้องทส่ี ุด จำนวน 5 ข้อ (5 คะแนน) 1. ข้อใดเปน็ การจัดการดนิ ท่ีดี 4. พืชตระกูลใดไมเ่ หมาะแก่การปลกู พืช ก. ทำไร่เล่ือนลอย หมุนเวยี น ข. ปลูกพืชคลมุ ดนิ ค. ไถพรวนดินอยูเ่ สมอ ก. พืชตระกลู หญา้ ง. ใส่ปยุ๋ เคมปี ริมาณมาก ข. พืชตระกูลแตง ค. พืชตระกูลกล้วย 2. ดนิ เสอื่ มคณุ ภาพมสี าเหตุมาจากสง่ิ ใด ง. พชื ตระกลู ถัว่ ก. การปลูกหญา้ แฝก 5. ป๋ยุ ประเภทใดไม่ใชป้ ยุ๋ อนิ ทรีย์ ข. การปลกู พืชชนิดเดียว ก. ปุ๋ยคอก ค. การปลกู พชื หมนุ เวียน ข. ปุ๋ยยูเรีย ง. การใสป่ ุ๋ยคอกในปริมาณท่ีมาก ค. ปยุ๋ หมกั ง. ปยุ๋ ชวี ภาพ 3. โครงการในพระราชดำริในหลวง ร.9 โครงการใดแก้ปญั หาดนิ เปรย้ี ว ก. โครงการแกม้ ลิง ข. โครงการช่ังหัวมนั ค. โครงการแกล้งดนิ ง. โครงการหญา้ แฝก

บทเรยี นออนไลนท์ ่ี 4 667 669 วชิ า หลักการเกษตรอนิ ทรีย์ (อช02007) ม.ปลาย ใบความรู้ เรอ่ื ง การปรบั ปรุงดินโดยใช้สารอินทรยี ์ ปยุ๋ พชื สด ปุย๋ พืชสด ส่งิ ที่เกษตรกรคนุ้ เคยมาก ในการผลติ พืชกค็ ือ การใชป้ ุย๋ เคมี แตก่ ารใช้ปุ๋ยเคมีเพียง อย่างเดียว โดยไม่ทีการเพิ่มอินทรียวตั ถุ ให้แก่ดิน ทำให้ดินสูญเสียความอุดมสมบูรณ์ไปอย่างรวดเร็ว ดินจะแข็งไม่ร่วนซุยดูดซับน้ำและแร่ธาตุอาหารของพืช ได้น้อยลง ทำให้การปลูกพืชไม่ได้ผล หรือ ได้ผลไมด่ เี ท่าท่ีควร ปุ๋ยพืชสด หมายถึง ปุ๋ยอินทรีย์ชนิดหนึ่ง ที่ได้จากไถกลบ ต้น ใบ และส่วนต่าง ๆ ของพืช โดยเฉพาะพชื ตระกลู ถ่ัว ในชว่ งระยะออกดอก ซึ่งเปน็ ชว่ งที่มีธาตุอาหารสูงสุด แล้วปล่อยทงิ้ ไว้ใหเ้ น่าผุ พัง ย่อยสลายเป็นอาหารแก่พืช ที่จะปลูกตามมา พืชที่จะใช้ปลูกเป็นปุ๋ยพืชสด ได้แก่โสนอินเดีย ปอ เทือง ไมยราพไรห้ นาม พืชตระกูลถวั่ ตา่ ง ๆ เปน็ ตน้ ประโยชน์ของปุ๋ยพชื สด 1. เพม่ิ ปรมิ าณอินทรียวัตถุในดนิ 2. เพมิ่ ธาตุอาหารไนโตรเจน ซึง่ เป็นธาตุอาหารหลกั แก่พืช 3. กรดทเี่ กิดจากการผุพังของพชื สด ชว่ ยละลายธาตุอาหารในดนิ ให้แก่พชื ไดม้ ากยงิ่ ข้ึน 4. บำรงุ และรักษาความอดุ มสมบูรณ์ 5. รกั ษาความชุม่ ชืน้ ในดินและใหอ้ ุ้มนำ้ ในดนิ ไดด้ ีขน้ึ 6. ทำใหด้ นิ รว่ นซุย ในดินในการเตรยี มดนิ และไถพรวน 7. ช่วยในการปราบวชั พชื บางชนดิ ได้เป็นอย่างดี 8. ลดปรมิ าณการใชป้ ุย๋ เคมลี งไดบ้ างส่วน 9. ลดอาการสูญเสียอันเกดิ จากการชะล้าง 10. เพ่มิ ผลผลิตของพืชใหส้ งู ข้ึน การให้นำ้ การให้น้ำ ก็ขึ้นอยู่กับว่าต้องการพืชผักตามกำหนดระยะเวลาหรือไม่ ถ้าเรารดน้ำก็จะได้ผลผลิตตาม กำหนด เราก็ต้องรดน้ำการกำหนดพืชผัก จะต้องศึกษา ฤดูกาล ระยะให้ผลผลิต ของผักชนิดนั้น ๆ ด้วย อนึ่งผักแต่ละชนิด จะทำให้ธาตุอาหารและผลิตธาตุอาหารต่างกัน ในรายละเอียด ดินที่จะอุดม สมบรู ณ์ จะตอ้ งมธี าตอุ าหารหลกั และธาตอุ าหารยอ่ ย การเลือกผกั ลงดิน กจ็ ะต้องคำนงึ วา่ พืชจะสรา้ ง ไนโตรเจน โปรแตสเซยี ม ฟอสฟอรัสจะตอ้ งมีเหลก็ สังกะสี หรือธาตุอาหารอ่ืน ๆ อยใู่ นดนิ ธาตุอาหาร

บทเรียนออนไลนท์ ี่ 4 668 670 วชิ า หลกั การเกษตรอนิ ทรีย์ (อช02007) ม.ปลาย เหล่าน้ี มาจากพืชที่เราปลูกลงไป พืชเหล่านี้จะสร้างธาตุอาหารเหล่านี้ทิ้งไว้ในดิน การปลูกพืชชนิด เดียว จึงเป็นการทำลายดิน และทำลายสมดุลของสิ่งแวดล้อม เราทดลองทำได้ ทำที่ไหนก็ได้ทำในวง เล็ก ๆ ก่อน เมื่อเห็นว่ามันเป็นประโยชน์เราก็ขยายเป็นวงใหญ่ขยายพื้นที่ทำเท่าไหร่ก็ได้ ในพื้นที่ดิน ต้องมคี วามช่มุ ชืน้ เพยี งพอ สำหรับพชื และตอ้ งการผลผลิต ตามกำหนดจะต้องมีปรมิ าณนำ้ เพยี งพอ ใน สมัยนี้มีขาตั้งวางสายยางฉีดน้ำ แบบสปิงเกอร์ ซึ่งยกได้จะยกไปวางที่ไหนก็ได้ เอาไปฉีดที่ไหนก็ได้ เพราะฉะนั้นสมัยนี้ความสะดวกในการจัดการน้ำมีมากขึ้น และในฤดูฝน หรือ บางฤดูกาลก็ต้องไม่ใช้ น้ำเลย การจัดการกำหนด รูปแบบพื้นที่ จะช่วยลดปริมาณน้ำได้ ในพื้นที่ที่ปลูกผักอย่างเดียวอย่าง ต่อเนื่อง พื้นที่มีความชุม่ ช่ืนและมีเศษซากพืชมาก จะมีสภาพที่เอื้ออำนวย ต่อการดำรงชีวิต และการ เจริญเติบโต การดแู ลรกั ษาพืชพันธุไ์ มใ้ นสวน 1. การกำจัดวัชพืช เรื่องวัชพืชกับการจดั สวนหรอื การปลูกตน้ ไมน้ ั้น นับเป็นเรือ่ งของการจองล้างจอง ผลาญกนั อย่างไมจ่ บสนิ้ หลังจากจัดสวนไปแลว้ การป้องกนั กำจดั ศตั รูพชื กเ็ ป็นงานหลกั และต้องลงมือ ป้องกันและกำจัดทันที เมื่อพบว่าวัชพืชขึ้นอยู่ทั้งในสนามหญ้า และในกลุ่มพืชพันธุ์อื่น ๆ ส่วนการ ดำเนินการและกำจัดวัชพืชด้วยวิธีใดนั้น ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมในสภาพพื้นท่ี ชนิดของวัชพืชและ ทุนในการดำเนนิ การของการปราบและกำจดั วชั พชื 2. การพรวนดนิ และการใส่ป๋ยุ โดยปกตจิ ะปฏบิ ัติ 2 เดอื นต่อครั้ง การพรวนดนิ จะพรวนดนิ เพียงต้นื ๆ 2 – 3 นว้ิ ก็พอ และไม่พรวนให้ราวนจนเกินไป ไม่คลุมดินทม่ี ีรากต้ืนกต็ ้องพรวนดว้ ยความระมัดระวัง หลังพรวนดนิ แล้วก็จะให้ปุย๋ สูตรเสมอ เช่น สูตร 15:15:15 ซึ่งเป็นสตู รใช้สำหรับสนามหญ้า ในการใส่ ปุ๋ยจะใส่เพียงเล็กน้อย ถ้าเป็นไม้พุ่มหรอื ไม้ผลก็ควรใส่ต้นละ 1- 2 ช้อนโต๊ะ หากขึ้นเป็นกลุ่มก็เพิม่ ป๋ยุ มากขนึ้ โดยใสใ่ ห้ทว่ั ถึงทุกต้นภายในกลมุ่ ด้วยหากขึ้นเป็นกลมุ่ กเ็ พ่มิ ปุ๋ยมากขนึ้ เมอ่ื ใส่ปุย๋ เคมีแลว้ ก็ควร หว่านทับด้วยปุ๋ยอินทรยี ์ชนิดหยาบ ต้นละ 2 – 3 กำมือ ถ้าหากเป็นปุ๋ยคลุมดิน ในการให้ปุ๋ยก็อย่าให้ เม็ดปยุ๋ ค้างอยตู่ ามขอบใบและตามซอกใบ

บทเรยี นออนไลนท์ ี่ 4 669 671 วชิ า หลักการเกษตรอนิ ทรีย์ (อช02007) ม.ปลาย กิจกรรมที่ 4 เรอ่ื ง การปรบั ปรุงดินโดยใช้สารอินทรยี ์ ชอ่ื -นามสกุล.......................................................................................รหสั นักศกึ ษา............................. คำชแ้ี จง ใหผ้ ูเ้ รียนตอบคำถามต่อไปนี้ จำนวน 3 ข้อ (5 คะแนน) 1. จงบอกประโยชนข์ องปยุ๋ พืชสด (1 คะแนน) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. จงอธิบายความหมายของปุ๋ยอนิ ทรีย์ชีวภาพ (1 คะแนน) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ใหผ้ เู้ รยี นทำรายงาน เรอื่ ง “การทำปุ๋ยพืชสด” ตามความสนใจและความถนดั ของผู้เรียน จำนวน 1 สูตร (3 คะแนน) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………

บทเรยี นออนไลน์ที่ 4 670 672 วชิ า หลกั การเกษตรอินทรีย์ (อช02007) ม.ปลาย เฉลยกจิ กรรมท่ี 4 เรือ่ ง การปรับปรงุ ดินโดยใชส้ ารอินทรยี ์ 1. จงบอกประโยชนข์ องปุย๋ พืชสด ตอบ 1. เพิ่มปริมาณอนิ ทรยี วตั ถใุ นดิน 2. เพม่ิ ธาตุอาหารไนโตรเจน ซึง่ เปน็ ธาตอุ าหารหลักแก่พชื 3. กรดที่เกิดจากการผุพังของพชื สด ช่วยละลายธาตุอาหารในดิน ใหแ้ ก่พืชได้มากย่งิ ขน้ึ 4. บำรุงและรกั ษาความอุดมสมบรู ณ์ 5. รักษาความชุ่มช้ืนในดินและใหอ้ ุ้มนำ้ ในดนิ ไดด้ ีขนึ้ 6. ทำใหด้ นิ รว่ นซุย ในดนิ ในการเตรยี มดินและไถพรวน 7. ชว่ ยในการปราบวัชพืชบางชนิดไดเ้ ป็นอย่างดี 8. ลดปริมาณการใช้ปุ๋ยเคมลี งได้บางสว่ น 9. ลดอาการสญู เสียอนั เกดิ จากการชะลา้ ง 10. เพิม่ ผลผลิตของพืชให้สูงข้ึน 2. จงอธิบายความหมายของป๋ยุ อินทรยี ์ชวี ภาพ ตอบ ปุ๋ยพืชสด หมายถึง ปุ๋ยอินทรีย์ชนิดหนึ่ง ที่ได้จากไถกลบ ต้น ใบ และส่วนต่าง ๆ ของพืช โดยเฉพาะพืชตระกูลถั่ว ในช่วงระยะออกดอก ซึง่ เปน็ ชว่ งที่มธี าตุอาหารสูงสดุ แล้วปลอ่ ยทงิ้ ไวใ้ ห้เน่าผุ พัง ย่อยสลายเป็นอาหารแก่พืช ที่จะปลูกตามมา พืชที่จะใช้ปลูกเป็นปุ๋ยพืชสด ได้แก่โสนอินเดีย ปอเทือง ไมยราพไร้หนาม พชื ตระกลู ถวั่ ต่าง ๆ เปน็ ตน้ 3. ให้ผเู้ รียนทำรายงาน เรอ่ื ง “การทำป๋ยุ พืชสด” ตามความสนใจและความถนดั ของผูเ้ รียน จำนวน 1 สูตร ตอบ แหลง่ ข้อมูล 1. เร่ือง 8 สูตรวธิ ีทำปุ๋ยหมกั เปลย่ี นขยะใหม้ ีประโยชน์ https://erc.kapook.com/article16.php 2. เรอื่ ง วิธกี ารทำปุ๋ยชีวภาพ และ ปุ๋ยพชื สด http://www.vigotech.in.th/ทำปยุ๋ ชวี ภาพ.html

บทเรียนออนไลน์ที่ 4 671 673 วชิ า หลกั การเกษตรอนิ ทรยี ์ (อช02007) ม.ปลาย แบบทดสอบหลังเรยี น เรอื่ ง การปรับปรงุ ดนิ โดยใช้สารอนิ ทรยี ์ ชื่อ-นามสกลุ .......................................................................................รหสั นักศกึ ษา............................. คำชแี้ จง ให้ผเู้ รียนเลอื กคำตอบทถี่ ูกต้องท่ีสุด จำนวน 5 ข้อ (5 คะแนน) 1. ข้อใดเปน็ การจัดการดินท่ีดี 4. พืชตระกูลใดไมเ่ หมาะแก่การปลกู พืช ก. ทำไร่เล่ือนลอย หมนุ เวยี น ข. ปลูกพืชคลมุ ดนิ ค. ไถพรวนดินอย่เู สมอ ก. พืชตระกูลหญา้ ง. ใส่ปยุ๋ เคมปี รมิ าณมาก ข. พืชตระกลู แตง ค. พืชตระกลู กล้วย 2. ดนิ เสอื่ มคณุ ภาพมสี าเหตุมาจากสิง่ ใด ง. พชื ตระกูลถ่ัว ก. การปลูกหญา้ แฝก 5. ป๋ยุ ประเภทใดไม่ใชป้ ยุ๋ อนิ ทรีย์ ข. การปลูกพืชชนดิ เดยี ว ก. ปุ๋ยคอก ค. การปลูกพืชหมนุ เวยี น ข. ปุ๋ยยูเรีย ง. การใสป่ ุ๋ยคอกในปรมิ าณที่มาก ค. ปยุ๋ หมกั ง. ปยุ๋ ชีวภาพ 3. โครงการในพระราชดำริในหลวง ร.9 โครงการใดแกป้ ญั หาดินเปรย้ี ว ก. โครงการแก้มลิง ข. โครงการชั่งหวั มัน ค. โครงการแกล้งดิน ง. โครงการหญ้าแฝก

บทเรียนออนไลน์ที่ 4 672 674 1. ข วชิ า หลกั การเกษตรอินทรยี ์ (อช02007) ม.ปลาย เฉลยแบบทดสอบก่อนเรียน – หลงั เรยี น เรอื่ ง การปรบั ปรุงดนิ โดยใชส้ ารอนิ ทรีย์ 2. ข 3. ค 4. ค 5. ข

บทเรียนออนไลน์ท่ี 5 673 675 วชิ า หลักการเกษตรอินทรยี ์ (อช02007) ม.ปลาย ใบงาน คำสั่ง 1. ให้ผู้เรียนทำแบบทดสอบก่อนเรียนบทเรียนออนไลน์ที่ 5 เรื่อง การผลิตสารอินทรีย์เพ่ือ ปอ้ งกันและกำจัดศัตรูพืช จำนวน 5 ขอ้ 2. ให้ผู้เรียนศึกษาความรู้จากใบความรู้บทเรียนออนไลน์ที่ 5 เรื่อง การผลิตสารอินทรีย์เพื่อ ปอ้ งกนั และกำจดั ศตั รูพืช หรอื ศึกษาจากควิ อาร์โค้ด 3. ให้ผูเ้ รยี นทำกิจกรรมที่ 5 เรื่อง การผลติ สารอินทรีย์เพ่ือป้องกันและกำจดั ศตั รูพืช จำนวน 2 ขอ้ 4. ให้ผู้เรียนทำแบบทดสอบหลังเรียนบทเรียนออนไลน์ที่ 5 เรื่อง การผลิตสารอินทรีย์เพ่ือ ปอ้ งกนั และกำจัดศตั รพู ชื จำนวน 5 ข้อ

บทเรยี นออนไลน์ที่ 5 674 676 วชิ า หลักการเกษตรอนิ ทรีย์ (อช02007) ม.ปลาย แบบทดสอบก่อนเรยี น เร่อื ง การผลติ สารอนิ ทรยี ์เพอ่ื ป้องกันและกำจัดศัตรพู ืช ชอื่ -นามสกุล.......................................................................................รหสั นักศึกษา............................. คำชีแ้ จง ให้ผเู้ รียนเลอื กคำตอบที่ถูกต้องทีส่ ุด จำนวน 5 ข้อ (5 คะแนน) 1. ควรใชส้ ารสกัดจากสะเดาฉีดพน่ เวลาใด 4. สารสกดั จากสมนุ ไพรมีผลตอ่ แมลงอย่างไร จะได้ผลดี ก. ทำให้แมลงกนิ อาหารนอ้ ยลง ก. เวลาเช้า ข. ทำใหแ้ มลงเปน็ หมัน ข. เวลากลางวนั ค. ลดการวางไข่ ฟักไขข่ องแมลง ค. เวลาเยน็ ง. ถูกทุกข้อ ง. เวลากลางคืน 5. ข้อใดไม่ใชข้ ้อดขี องการใช้สมุนไพรในการ 2. ขอ้ ใดไมใ่ ช่เหตุผลของการกำจัดศัตรูพืช ป้องกันกำจัดแมลง ก . ไม่ใหแ้ ย่งอาหารของพืช ก. ปลอดภยั ข. ไมใ่ หม้ ากดั กินต้นพชื ข. ราคาแพง ค. ใหต้ ้นพชื สะสมน้ำมาก ๆ ค. ไม่เกดิ สารตกคา้ ง ง. ปอ้ งกันแสงแดด ง. เป็นมิตรกบั ธรรมชาติ 3. ขอ้ ใดคือการป้องกันและกำจดั แมลงโดยวิธีกล ก. การใชม้ อื จับแมลงมาทำลาย ข. การใช้กำดักแสงไฟ ค. การใชย้ าฆา่ แมลง ง. การใชส้ ารสกัดจากต้นสะเดา

บทเรียนออนไลน์ที่ 5 675 วชิ า หลักการเกษตรอินทรีย (อช02007) ม.ปลาย ใบความรู้ เรอ่ื ง การผลติ สารอนิ ทรีย์เพือ่ ป้องกันและกำจดั ศตั รูพืช การผลิตสารอินทรยี ์เพ่ือป้องกนั และกำจัดโรคและแมลงศัตรูพืช 1. ป้องกันและกำจัดโดยวิธกี ล (mechanical control) เชน่ การใช้มือจับแมลงมาทำลาย การใช้มุ้ง ตาขา่ ยการใช้กับดกั แสงไฟ การใช้กับดกั เหนียว เป็นตน้ 2. การปอ้ งกนั และกำจดั โดยวธิ เี ขตกรรม (cultural control) เชน่ 2.1 การดแู ลแปลงใหส้ ะอาด 2.2 หาระยะเวลาท่เี หมาะสมในการปลกู พืช 2.3 การเกบ็ เกย่ี วพืชเพื่อหลีกเลย่ี งการทำลายของโรคและแมลง 2.4 การใช้ระบบปลกู พชื เช่นการปลูกพืชหมนุ เวียน การปลูกพืชแซม 2.5 การจัดการใหน้ ้ำ 2.6 การใส่ปุ๋ยใหเ้ หมาะสมกับความต้องการของพืช เพ่ือลดการทำลายของโรคและแมลง 3. การปอ้ งกนั และกำจัดศัตรพู ชื โดยวธิ ชี ีวะวธิ ี (biological control) คอื การใชป้ ระโยชน์จากแมลง ศัตรูพชื ธรรมชาติ คอื ตวั ห้ำและตวั เบียน 3.1 แมลงตวั เบยี น (Parasitic Insects หรือ Parasitoids) แมลงตวั เบยี น เป็นแมลงทม่ี ชี ่วงระยะตัว อ่อน ดำรงชีวิตอยู่ด้วยอาศัยและหากินอยู่ภายนอกหรือภายในตัวเหยื่อเพื่อ การเจริญเติบโตอยู่จน ครบวงจรชีวิตของพวกมันทำให้เหยือ่ อ่อนแอและตายในที่สุดแมลงตัวเบียนตัวเมียตัวเต็มวยั จะวางไข่ อยบู่ นหรือใช้อวยั วะวางไข่แทงเข้าไปใน ไข่ ตวั อ่อน ดักแด้ หรอื ตวั เหยือ่ ที่โตเต็มวัย ข้นึ อยกู่ บั ชนิดของ ตัวเบยี นนนั้ ๆ หลังจากนั้นเมื่อไข่ฟักเปน็ ตัวอ่อน เชน่ เป็นตัวหนอน ซง่ึ จะใชร้ า่ งกายของเหยื่อเป็นท้ังท่ี อยู่อาศัยและเป็นอาหารไปพร้อมกัน แต่เมื่อเติบโตเป็นตัวเต็มวัยแล้ว อาหารของตัวเต็มวัยมักจะ แตกตา่ งกบั อาหารของตัวอ่อน เช่น นำ้ หวานจากดอกไม้ เหย่ือของแมลงตัวเบยี น มีทั้งที่เปน็ แมลงด้วย กันเองหรือสัตว์ชนิดอื่นๆตัวเบียนมีความสำคัญในการควบคุมปริมาณศัตรูพืชเป็นโดยธรรมชาติ เรา อาจแบ่งแมลงตวั เบยี นโดยอาศัยระยะตา่ ง ๆ ของแมลงที่เปน็ เหยื่อ ได้ดังนี้ แมลงเบียนไข่ หมายถึง แมลงเบียนที่อาศัยหากินภายในไข่ของแมลงที่เป็นเหยื่อ และเข้าดักแด้อยู่ ภายในไข่นั้น แมลงเบียนหนอนหรือแมลงเบยี นตัวอ่อนซ่ึงตัวเต็มวัยตัวเมียของแมลงเบียนจะวางไขไ่ ว้ บนหรอื ในตัวหนอนแมลงตัวเบยี น จะเข้าสู่ระยะดักแด้ ในขณะที่ตวั เหยอ่ื ตายกอ่ นเขา้ ระยะดกั แด้ แมลงเบียนดักแด้ เปน็ พวกทอ่ี าศัยและหากนิ ในตวั เหย่ือระยะดกั แดแ้ มลงเบียนตวั เต็มวัยเป็นแมลงตัว เบยี นทอ่ี อกไข่ และตัวออ่ น อาศัยแมลงทเี่ ป็นเหยื่อในระยะตวั เตม็ วัย แมลงเบียนหนอนดักแด้จะอาศัย หากินอยู่กับตัวอ่อนของเหยื่อและจะเจริญเติบโตครบวงจรชีวิตเข้าระยะดักแด้ไปพร้อม กับเหยือ่ และแมลงตวั เบียน เมอ่ื เตบิ โตเปน็ ตวั เต็มวัยกจ็ ะออกจากดักแด้ของตัวเหยอื่ โดยท่เี หย่ือ จะตายไป

บทเรยี นออนไลน์ท่ี 5 676 678 วชิ า หลกั การเกษตรอินทรยี ์ (อช02007) ม.ปลาย 3.2 แมลงตวั หำ้ (Predatory Insects หรือ Predators) แมลงตัวห้ำ เป็นแมลงท่ปี กติแลว้ หากนิ เหย่ือ ที่เป็นแมลงด้วยกันเป็นอาหาร บางชนิดเป็นแมลงตัวห้ำทั้งในระยะที่เป็นตัวอ่อนและตัวเต็มวัยบาง ชนิดเป็นตัวห้ำเฉพาะระยะตัวอ่อนบางชนิดก็เป็นตัวห้ำตอนเป็นตัวเต็มวัยจะออกหากินเหยื่อโดยการ กัดกินตัวเหยื่อ หรือ การดูดกินของเหลวในตัวเหยื่อ มนุษย์ใช้ประโยชน์จากแมลงตัวห้ำ โดยนำมาใช้ กำจัดแมลงศัตรูทางการเกษตรเราอาจแบ่งแมลงตัวห้ำโดยอาศัย ลักษณะการออกหากิน หรือ ประเภทของปากได้ ดังน้ี พวกทีอ่ อกล่าเหยื่อที่เคลื่อนทปี่ กติแล้วแมลงตัวห้ำในกลุ่มนี้ มีความวอ่ งไวในการออกหาเหย่ือ มักจะมี อวัยวะที่ดัดแปลงไปเพื่อช่วยในการจับเหยื่อเช่นมีขายื่นยาวสำหรับจับเหยื่อเช่ นต๊ักแตนตำข้าวมีตา ใหญเ่ พอ่ื จะได้เห็นเหยื่อไดช้ ดั เจนเชน่ แมลงปอเป็นตน้ พวกท่ีกนิ เหยื่ออยู่กบั ที่เช่นด้วงเต่าลายกินเพลี้ย อ่อนซึ่งไม่มีอวัยวะดัดแปลงเป็นพิเศษแต่อย่างใด การแบ่งโดยอาศัยประเภทของปากแบ่งเปน็ 2 พวก ใหญ่ ๆ คือ แมลงตัวห้ำที่มีปากแบบกัดกิน จะกัดเหยื่อเป็นชิ้น ๆ เช่น ด้วงเต่าด้วงดิน แมลงปอมด แมลงหางหนีบตั๊กแตนตำข้าว เป็นต้น ตัวห้ำที่มีปากแบบแทงดูดจะแทงปากเข้าไปดูดกินของเหลว ตา่ ง ๆ ในตัวแมลงจนหมดเช่น มวนพฆิ าต มวนเพชฌฆาต ตัวอ่อนแมลงชา้ ง เปน็ ตน้ 3.3 เช้ือโรค สว่ นใหญ่หมายถึงจลุ ินทรยี ์ท่ีทำให้แมลงศตั รูพืชเป็นโรคตาย เชน่ เช้อื ไวรัสแบคทีเรยี รา โปรตัวซัว ไสเ้ ดือนฝอย ทำลายแมลงศัตรูพืช 3.4 การป้องกนั โดยใช้พันธุ์พืชตา้ นทาน (host plant resistance) 3.5 การป้องกนั และกำจดั ศัตรพู ชื โดยใชส้ มนุ ไพรต่าง ๆ การหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี ยาฆา่ แมลง โดยหาสิง่ ตอบแทน 1. การใช้สารอนิ ทรีย์ในการกำจัดแมลงศตั รูพชื หรอื ใช้สมุนไพรกำจัดศัตรูพืช 2. การใช้อนิ ทรียวัตถบุ ำรุงดนิ และปรบั สภาพโครงสรา้ งของดิน เพ่อื สร้างสภาพโครงสร้างของดนิ เพื่อ สรา้ งสงิ่ มชี วี ติ ใตด้ นิ เชน่ ป๋ยุ หมกั ปุ๋ยคอก ปุ๋ยพชื สด ซากพืช ซากสตั ว์ หรอื ปยุ๋ อนิ ทรีย์กระสอบเม็ด แบบหว่าน 3. หลีกเล่ียงการใช้สารเคมีกระสอบทางดิน ปจั จุบันมีป๋ยุ ทางใบให้เลือกใชท้ ร่ี าคาตน้ ทุนถูกกวา่ ได้ผลดี ไมแ่ พป้ ยุ๋ เคมกี ระสอบทางดิน เพ่อื เป็นการหลกี เลีย่ ง การผลติ สารอนิ ทรยี เ์ พ่ือป้องกนั และกำจัดศัตรูพืช วธิ ใี ชส้ ะเดาในการกำจดั ศตั รพู ืช สะเดาไทย (Azadirachta indica var siamensis) สะเดามีชื่อเรียกแตกต่างกันตามท้องถิ่น เช่น เดา สะเลียมแต่มีชื่อสามัญทั่วไปว่า neem สะเดามีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Azadirachta indica A. Juss ซ่ึง เป็นสะเดาที่รู้จักทั่วไปว่าสะเดาอินเดีย ส่วนสะเดาที่พบทั่วไปในประเทศไทยมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า

บทเรยี นออนไลนท์ ี่ 5 677 679 วชิ า หลักการเกษตรอินทรยี ์ (อช02007) ม.ปลาย Azadirachta indicavar.siamensis Valeton หรือสะเดาไทย นอกจากนี้ยังมีสะเดาอีกชนิดหนึ่งซ่ึง พบกระจายอยู่ทั่วไปในแถบภาคใต้ของไทยและแหลมมาลายูในประเทศมาเลเซีย คือ เทียม สะเดา เทียมหรือสะเดาช้าง Azadirachta excels (Jack) Jacobs สะเดาเป็นไม้ยืนต้นวงศ์เดียวกันกับ มะฮอกกะนี ลักษณะที่แตกต่างกันระหว่างสะเดาไทยสะเดาอินเดีย และสะเดาช้างอาจดูได้คร่าว ๆ จากลักษณะขอบใบ สีใบ ขนาดของเมล็ดตลอดจนช่วงระยะเวลาการออกดอกเป็นสมุนไพรไทยชนิด หนึ่งที่น่าสนใจสามารถพบได้ทั่วไปในประเทศไทยปลูกได้ง่ายและมีราคาถูกสามารถใช้ประโยชน์จาก สะเดาได้ทุกส่วนตัง้ แตร่ ากเปลือกใบและผลโดยใชเ้ ปน็ ทั้งอาหารและยา วธิ ีใชส้ ารสกดั จากเมล็ดสะเดา เอาเมล็ดสะเดาแห้งที่ประกอบด้วยเปลือกหุ้มเมล็ดและเนื้อเมล็ดมาบดให้ละเอียดแล้วนำผงเมล็ด สะเดามาหมักกันน้ำในอัตรา 1 กิโลกรัม/น้ำ 20ลิตร โดยใช้ผงสะเดาใส่ไว้ในถุงผ้าขาวบาง แล้วนำไป แช่ในน้ำ นาน 24 ชั่วโมงในการที่จะเพิ่มประสิทธิภาพ ควรนำสารสกัดที่ได้มาผสมกับสาร Piperonylebutoxide (PB) สารนี้จะเป็นสารที่ช่วยหยุดย้ังการทำงานของนำ้ ย่อยบางชนิดที่จะทำให้ แมลงมีการตายมากขึ้นเมื่อแมลงมากดั กินพชื ทม่ี ีสารน้ีแต่จากการทำลองสารสกดั สะเดากบั เพลี้ยจักจ่ัน ฝ้ายทำลายกระเจี๊ยบเขียวไม่ได้ผสมสาร PB ก็มีประสิทธิภาพดีเท่าเทียมกับสารฆ่าแมลง ทามารอน อัตรา 50 ซซี /ี 20ลิตร การผสมสารน้อี าจจะเพิ่มค่าใช้จ่ายแต่ควรจะพจิ ารณาใช้ในแหลง่ ท่ีแมลงมีความ ต้านทานตอ่ สารฆ่าแมลงจากการทำงานของสารออกฤทธพ์ิ อสรปุ เปน็ คณุ สมบัติของสะเดาได้ดังนี้ 1. เป็นสารไล่แมลงทั้งตวั ออ่ นและตัวเต็มวยั 2. ยับย้ังการเจรญิ เติบโตของไข่หนอนและดักแด้ 3. ทำใหต้ ัวออ่ นหรือหนอนลอกคราบไมไ่ ด้แลว้ ตายในทสี่ ุด 4. ยบั ย้ังการกนิ ยับย้ังการวางไข่ ของตวั เต็มวัยทำใหผ้ ลิตไข่น้อยลง 5. ระงับการสรา้ งสารไคตนิ 6. รบกวนการผสมพนั ธุ์และการส่อื สารเพ่ือการผสมพนั ธุ์ 7. ลดการเคลอ่ื นตัวของกระเพาะอาหาร ทำให้หนอนไม่กลืนอาหาร 8. ไมท่ ำลายแมลงสัตว์ท่ีมีประโยชนแ์ ละส่งิ แวดลอ้ ม จากการศึกษาคณุ สมบัตแิ ละการวิจัยเก่ียวกบั การใชส้ ารสกดั สะเดาและผลติ ภัณฑส์ ะเดาในการกำจดั แมลงนน้ั ไดด้ ำเนนิ การอยา่ งจริงจงั เป็นเวลาหลายสบิ ปี ในหลายประเทศทัว่ โลก สรปุ ว่ามแี มลงในอันดับตา่ ง ๆ ประมาณ 413SPP /Sub SPP ออ่ นแอต่อสารสกดั สะเดาและ ผลติ ภัณฑส์ ะเดา

บทเรยี นออนไลน์ที่ 5 678 680 วชิ า หลกั การเกษตรอนิ ทรีย์ (อช02007) ม.ปลาย หลักการใชส้ ารสกดั สะเดาให้ได้ผล 1. สารสกัดสะเดาหรือผลสะเดาที่จะนำมาใช้กำจัดแมลงศัตรูพืชต้องมีคุณภาพดี มีหน่วยงานของรัฐ รบั รองหรือผลสะเดาต้องใหมเ่ กบ็ ไวไ้ มค่ วรเกนิ 1 ปี 2. ต้องรู้จักแมลงศัตรูพืชและแมลงที่มีประโยชน์เพื่อที่เราจะได้ไม่ทำลายแมลงที่มีประโยชน์เพราะ แมลงเหลา่ น้จี ะมาชว่ ยเรากำจดั ศตั รูพืชและชว่ ยผสมเกสรทำใหล้ ดการพ่นสารและไดผ้ ลผลติ มากขน้ึ 3. นำ้ ทใี่ ชผ้ สมสารสะเดาไมค่ วรมฤี ทธิเ์ ป็นด่าง 4. ควรผสมสารจับใบหรือน้ำสบู่เพื่อลดแรงดึงผิวของน้ำเวลาพ่นสารละลายจะได้แพร่กระจายทั่วทุก พืน้ ที่ของตน้ พชื หรือสว่ นทแี่ มลงจะมาทำลายสารสะเดาออกฤทธท์ิ างการกนิ มีผลน้อยทางสมั ผสั 5. ควรพ่นในลักษณะของการป้องกันมากกว่าการกำจัดไม่ควรปล่อยให้มีจำนวนแมลงศัตรูพืชมาก จนถึงระดบั เศรษฐกจิ เพราะจะกำจัดไมท่ นั เนื่องจากสารสะเดา ไม่ทำใหแ้ มลงตายในทนั ที 6. การพ่นสารสะเดาเม่ือเริ่มมีแมลงระบาดควรพน่ ติดต่อกันอย่างนอ้ ย 3 ครั้งขึน้ ไป โดยพ่น 5 – 7 วันต่อครั้งถ้าการระบาดน้อยหรือไม่มีการระบาดการพ่นอาจเว้นระยะห่างออกได้กรณีแมลงระบาด มากอาจใช้สารกำจัดแมลงสังเคราะหร์ ว่ มด้วยควรใช้สารสกัดจากสะเดาฉีดพ่นเวลาใดจะไดผ้ ลดี 7. ควรใช้วิธีการอื่น ๆ ร่วมด้วยเพื่อเป็นการลดปริมาณแมลงศัตรูพืชที่ไม่ทำลายแมลงและสัตว์ที่มี ประโยชน์ซึ่งแมลงและสัตว์เหล่านี้จะมาช่วยเรากำจัดศัตรูพืชเมื่อเกิดสมดุลระหว่างแมลงศัตรูพืชกับ แมลงที่มีประโยชน์ (แมลงห้ำแมลงเบียน)การพ่นสารที่จะห่างออกได้เป็นการประหยัดและปลอดภัย วิธีการต่าง ๆ ที่นำมาใช้ร่วมกับการพ่นสารสะเดา เช่น วิธีทางชีวภาพ คือการใช้เชื้อราเชื้อแบททีเรีย เชื้อไวรัส ไส้เดือนฝอย วิธีกลคือ การจับด้วยมอื การใช้กับดกั หารหอ่ ผลไม้ วิธีทางฟิสิกส์คือ การใช้ไฟ แบล็คไลท์ (Black light) การใช้กาวเหนียววิธีทางเขตกรรมคือ การปลูก ใช้มือบีบถุงตรงส่วนของผง สะเดาเพื่อสารอะซาดิแรคตินที่อยู่ในผงสะเดาสลายตัวออกมาให้มากที่สุดเมื่อจะใช้ก็ยกถุงผ้าออก พยายามบีบถุงให้น้ำในผงสะเดาออกให้หมดแล้วนำไปฉีดป้องกันกำจัดแมลงก่ อนนำไปฉีดแมลงควร ผสมสารจับใบเพื่อให้สารจับกับใบพืชได้ดีขึ้น ควรใช้สารสกัดนี้ ฉีดพ่นในเวลาเย็นจะมีผลในการฆ่า แมลงได้ดี ใช้ฉีดพ่น 5 – 7วันต่อครั้ง และควรใช้สลับกับสารฆ่าแมลงเป็นครั้งคราวแต่ถ้าเป็นช่วงที่ แมลงระบาดอยา่ งรุนแรงต้องใชส้ ารฆา่ แมลงฉีดพน่ ซึง่ จะลดความเสียหายไดร้ วดเร็ว ผลดที ี่ไดร้ บั จากการใช้สารสกดั สะเดาปอ้ งกนั และกำจัดแมลงสามารถสรปุ เปน็ ข้อ ๆ ได้ดงั นี้ 1. สารสกดั สะเดาออกฤทธ์ิในการป้องกันแมลงได้หลายชนิดทั้งชนิดท่ีเป็นแมลงศัตรูพืช ศัตรูสัตว์เลี้ยง แมลงพาหะนำโรคมาสูม่ นษุ ย์ – สตั ว์ และเป็นสารปอ้ งกนั และกำจัดไส้เดอื นฝอยและโรคพชื บางชนดิ 2. สามารถแก้ปญั หาแมลงท่ีสร้างความต้านทานต่อสารกำจดั แมลงสังเคราะห์จากการทดลองสารสกัด สะเดาสามารถป้องกันและกำจัดแมลงดังกล่าวได้นอกจากนั้นเกษตรกรบางรายยังได้กล่าวอีกว่าสาร

บทเรียนออนไลนท์ ่ี 5 679 681 วชิ า หลกั การเกษตรอินทรยี ์ (อช02007) ม.ปลาย กำจัดแมลงสงั เคราะห์ทเี่ คยใช้ไม่ไดผ้ ลแล้วแตใ่ นภายหลังท่ีได้ใช้สารสกัดสะเดาสักระยะหนึ่งทำให้สาร กำจดั แมลง ชนิดน้นั กลับใชไ้ ด้ผลอีก 3. ป้องกันการเกดิ (ปรมิ าณแมลงทเี่ พิม่ ขนึ้ มากกว่า) เนอ่ื งจากภายหลงั การใชส้ ารสกัดสะเดาแล้วแมลง และสัตวศ์ ตั รธู รรมชาติ เพิ่มมากขึ้นจงึ สามารถควบคุมปริมาณแมลงศตั รูพืชได้ 4. ป้องกันการเปลี่ยนสภาพของแมลงจากที่ไม่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจเป็นแมลงที่มีความสำคัญ ทางเศรษฐกิจเนื่องจาก สารสกัดสะเดาไม่ไปทำลายสมดุลทางธรรมชาติ 5. สร้างสมดุลธรรมชาติระหว่างแมลงศัตรูพืชและศัตรูธรรมชาติมีผลทำให้โอกาสที่แมลงศัตรูพืช ระบาดรุนแรงเกิดขึ้นได้น้อยลง ทำให้การพ่นสารสกัดสะเดา เว้นระยะได้นานขึ้นซึ่งแตกต่างจากการ พ่นสารกำจัดแมลงสังเคราะห์ย่ิงใช้มากยง่ิ ต้องเพมิ่ ความเขม้ ขน้ และความถ่ีในการพ่นมากกว่าเดมิ 6. ไมม่ อี นั ตรายต่อผู้ใช้ ปลา สัตวเ์ ล้ยี ง ไส้เดอื น ผ้งึ และแมลงผสมเกสร 7. แก้ปัญหาสารกำจดั แมลงตกค้างในพืชสัตว์และผลิตภัณฑ์การเกษตรและในสิ่งแวดล้อม เพราะสาร สกดั สะเดาสลายตวั ไวในธรรมชาติและไม่มพี ษิ สะสม 8. นำไปใชใ้ นโครงการเกษตรธรรมชาติพชื ปลอดภยั จากสารพิษ 9. ถา้ เกษตรกรสามารถผลิตใช้ได้เองจะลดต้นทนุ การผลิตได้เป็นอย่างมากแต่ถ้าซ้ือผลิตภณั ฑ์สำเร็จรูป มาใช้อาจเสียค่า ใช้จ่ายใกล้เคียงกับสาร กำจัดแมลงสังเคราะห์ในระยะแรกแต่ภายหลังการใช้ ประมาณ 6 เดือนค่าใช้จ่ายจะต่ำกว่าการใช้สารกำจัดแมลงสังเคราะห์ เพราะความถี่ในการพ่นจะ คอ่ ยๆห่างข้ึน 10. ราคาผลิตผลท่ีไดจ้ าการใชส้ ารสกัดสะเดาจะสงู ขึ้นโดยขายในรปู ของพชื ปลอดสารพิษ

บทเรยี นออนไลน์ที่ 5 680 682 วชิ า หลักการเกษตรอนิ ทรีย์ (อช02007) ม.ปลาย กจิ กรรมท่ี 5 เรือ่ ง การผลติ สารอินทรยี ์เพ่ือป้องกันและกำจดั ศัตรพู ืช ชือ่ -นามสกุล.......................................................................................รหสั นักศกึ ษา............................. คำชแี้ จง ใหผ้ ูเ้ รียนตอบคำถามต่อไปนี้ จำนวน 2 ข้อ (5 คะแนน) 1. จงบอกข้อดีของการใชส้ มุนไพรในการป้องกันกำจดั แมลง (3 คะแนน) ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. จงยกตัวอยา่ งสมนุ ไพรท่ีใช้ในการปอ้ งกนั กำจดั ศัตรูพชื ชนดิ ต่าง ๆ (2 คะแนน) 2.1 สมนุ ไพรฆ่าเชอ้ื แบคทีเรีย ไดแ้ ก่ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.2 สมนุ ไพรฆา่ เช้ือราโรคพชื ได้แก่ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.3 สมุนไพรหอมระเหยไลแ่ มลง ได้แก่ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2.4 สมุนไพรฆา่ หนอน เพลี้ย และแมลงอื่น ๆ ไดแ้ ก่ ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ……………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………

บทเรียนออนไลน์ที่ 5 681 683 วชิ า หลักการเกษตรอนิ ทรีย์ (อช02007) ม.ปลาย เฉลยกจิ กรรมที่ 5 เรอ่ื ง การผลติ สารอนิ ทรีย์เพ่อื ปอ้ งกันและกำจดั ศตั รูพชื 1. จงบอกข้อดีของการใช้สมุนไพรในการป้องกนั กำจดั แมลง 1. สมุนไพรออกฤทธใิ์ นการป้องกนั แมลงไดห้ ลายชนดิ 2. สามารถแก้ปัญหาแมลงท่ีสรา้ งความต้านทานต่อสารกำจัดแมลงสงั เคราะห์ 3. ป้องกนั การเกดิ ปริมาณแมลงทีเ่ พิ่มขน้ึ มากกว่า 4. ปอ้ งกนั การเปล่ยี นสภาพของแมลงจากท่ีไม่มีความสำคัญทางเศรษฐกจิ เปน็ แมลงทม่ี ีความสำคัญ ทางเศรษฐกจิ เนอื่ งจาก สมุนไพรไม่ไปทำลายสมดุลทางธรรมชาติ 5. สรา้ งสมดุลธรรมชาติระหวา่ งแมลงศตั รูพชื และศตั รูธรรมชาติ 6. ไมม่ อี นั ตรายตอ่ ผู้ใช้ ปลา สัตว์เลีย้ ง ไสเ้ ดือน ผึ้งและแมลงผสมเกสร 7. แกป้ ญั หาสารกำจดั แมลงตกค้างในพืชสตั วแ์ ละผลิตภัณฑก์ ารเกษตรและในสงิ่ แวดลอ้ ม 8. นำไปใช้ในโครงการเกษตรธรรมชาติพืชปลอดภยั จากสารพิษ 9. ถ้าเกษตรกรสามารถผลติ ใช้ไดเ้ องจะลดตน้ ทนุ การผลิตไดเ้ ปน็ อย่างมาก 10. ราคาผลติ ผลที่ไดจ้ าการใช้สมนุ ไพรจะสงู ขนึ้ โดยขายในรูปของพชื ปลอดสารพิษ 2. จงยกตัวอยา่ งสมนุ ไพรท่ใี ช้ในการปอ้ งกันกำจดั ศตั รูพชื ชนิดต่าง ๆ 2.1 สมนุ ไพรฆ่าเชอื้ แบคทีเรยี ได้แก่ ฟ้าทลายโจร บอระเพ็ด สะเดา หญ้าใตใ้ บ และโทงเทง 2.2 สมุนไพรฆา่ เชือ้ ราโรคพืช ได้แก่ เปลือกมงั คุด เปลือกสีเสยี ด ใบฝรั่ง เปลอื ก/ใบทบั ทมิ และขมิน้ 2.3 สมนุ ไพรหอมระเหยไลแ่ มลง ไดแ้ ก่ ตะไคร้หอม โหระพา กระเพรา ผักชี สาบเสอื สาบแรง้ สาบกา และกระทกรก 2.4 สมุนไพรฆา่ หนอน เพลีย้ และแมลงอืน่ ๆ ไดแ้ ก่ หางไหล ยาสูบ ขอบชะนางแดง–ขาว ใบน้อยหน่า สลดั ได พญาไร้ใบ และเมด็ มะกล่ำ

บทเรยี นออนไลน์ที่ 5 682 684 วชิ า หลักการเกษตรอินทรยี ์ (อช02007) ม.ปลาย แบบทดสอบหลงั เรียน เรอ่ื ง การผลติ สารอินทรยี ์เพือ่ ปอ้ งกนั และกำจัดศัตรพู ืช ช่ือ-นามสกลุ .......................................................................................รหสั นกั ศึกษา............................. คำช้แี จง ใหผ้ ู้เรยี นเลอื กคำตอบทถี่ ูกต้องท่ีสุด จำนวน 5 ข้อ (5 คะแนน) 1. ควรใช้สารสกดั จากสะเดาฉดี พน่ เวลาใด 4. สารสกัดจากสมุนไพรมผี ลต่อแมลงอยา่ งไร จะไดผ้ ลดี ก. ทำใหแ้ มลงกินอาหารนอ้ ยลง ก. เวลาเชา้ ข. ทำให้แมลงเปน็ หมนั ข. เวลากลางวนั ค. ลดการวางไข่ ฟักไขข่ องแมลง ค. เวลาเยน็ ง. ถูกทกุ ข้อ ง. เวลากลางคนื 5. ข้อใดเป็นไมใ่ ช้ข้อดีของการใชส้ มุนไพรในการ 2. ข้อใดไม่ใช่เหตุผลของการกำจัดศัตรูพืช ป้องกันกำจัดแมลง ก . ไม่ให้แย่งอาหารของพืช ก. ปลอดภัย ข. ไมใ่ หม้ ากดั กินต้นพืช ข. ราคาแพง ค. ให้ต้นพชื สะสมนำ้ มาก ๆ ค. ไมเ่ กดิ สารตกค้าง ง. ป้องกันแสงแดด ง. เป็นมติ รกับธรรมชาติ 3. ขอ้ ใดการป้องกนั และกำจัดแมลงโดยวิธกี ล ก. การใชม้ ือจับแมลงมาทำลาย ข. การใชก้ บั ดกั แสงไฟ ค. การใช้ยาฆา่ แมลง ง. การใชส้ ารสกัดจากตน้ สะเดา

บทเรียนออนไลน์ท่ี 5 683 685 วชิ า หลกั การเกษตรอินทรีย์ (อช02007) ม.ปลาย เฉลยแบบทดสอบก่อนเรยี น – หลังเรยี น เรือ่ ง การผลติ สารอนิ ทรีย์เพ่อื ปอ้ งกนั และกำจัดศัตรูพชื 1. ค 2. ก 3. ข 4. ง 5. ข


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook