Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาไทย ม.1 เล่ม 1

แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาไทย ม.1 เล่ม 1

Published by pm.punnatat, 2022-08-16 07:14:59

Description: แผนการจัดการเรียนรู้ ภาษาไทย ม.1 เล่ม 1

Search

Read the Text Version

หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 การเขียนเพื่อการส่ือสาร เรื่องท่ี 12 การเขียนโครงงาน แบบประเมิน การเขียนรายงานโครงงาน คาชี้แจง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตการเขยี นรายงานโครงงานของนกั เรยี น แลว้ ขดี ✓ ลงในช่องทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน ลาดบั ชื่อ-สกลุ ถกู ต้องตาม มี การใช้ภาษา ความถกู ต้อง รวม ท่ี ของผ้รู บั การ รปู แบบ องคป์ ระกอบ ในการเขยี น ของข้อมูล 16 ประเมิน ครบถ้วน คะแนน 43214321432 14321 ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.................../................ เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ปฏบิ ตั ไิ ด้ถกู ต้อง ปฏบิ ตั มิ ขี ้อบกพร่องเลก็ น้อย ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏบิ ตั มิ ขี ้อบกพร่องปานกลาง ให้ 3 คะแนน ปฏบิ ตั มิ ขี อ้ บกพร่องมาก ให้ 2 คะแนน 14 - 16 ดมี าก ให้ 1 คะแนน 11 - 13 ดี 404 8 - 10 พอใช้ หลกั ภาษาฯ ม.1 ต่ากวา่ 8 ปรบั ปรงุ

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 การเขยี นเพอ่ื การสื่อสาร เรื่องท่ี 12 การเขยี นโครงงาน แบบประเมิน การนาเสนอผลงาน คาชี้แจง : ให้ ผสู้ อน ประเมนิ การนาเสนอผลงานของนกั เรยี นตามรายการทก่ี าหนด แลว้ ขดี ✓ ลงในช่อง ทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน ลาดบั ท่ี รายการประเมิน 4 ระดบั คะแนน 1 32 1 เน้อื หาละเอยี ดชดั เจน 2 ความถูกตอ้ งของเน้อื หา 3 ภาษาทใ่ี ชเ้ ขา้ ใจงา่ ย 4 ประโยชน์ทไ่ี ดจ้ ากการนาเสนอ 5 วธิ กี ารนาเสนอผลงาน รวม ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.................../................ เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ผลงานหรอื พฤตกิ รรมสมบูรณ์ชดั เจน ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ผลงานหรอื พฤตกิ รรมมีข้อบกพรอ่ งบางส่วน ให้ 3 คะแนน 18 - 20 ดมี าก ผลงานหรอื พฤตกิ รรมมขี อ้ บกพรอ่ งเป็นส่วนใหญ่ ให้ 2 คะแนน 14 - 17 ดี ผลงานหรอื พฤตกิ รรมมขี อ้ บกพรอ่ งมาก ให้ 1 คะแนน 10 - 13 พอใช้ ต่ากวา่ 10 ปรบั ปรุง 405 หลกั ภาษาฯ ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 การเขยี นเพอื่ การส่ือสาร เรื่องท่ี 12 การเขยี นโครงงาน แบบสงั เกตพฤติกรรม การทางานกลุม่ คาชี้แจง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ ลงในชอ่ ง ทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน ลาดบั ชื่อ-สกลุ การแสดง การยอมรบั การทางาน ความมนี ้าใจ การมีส่วน ที่ ของผรู้ บั การ ความคิดเหน็ ฟังคนอ่ืน ตามที่ได้รบั 4321 รว่ มในการ รวม มอบหมาย ปรบั ปรงุ 20 ประเมิน 4321 4321 ผลงานกลุ่ม คะแนน 4321 4321 ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.................../................ เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครงั้ ให้ 3 คะแนน 18 - 20 ดมี าก ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน 14 - 17 ดี ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครงั้ ให้ 1 คะแนน 10 - 13 พอใช้ ต่ากว่า 10 ปรบั ปรงุ 406 หลกั ภาษาฯ ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 การเขยี นเพ่ือการส่ือสาร เร่ืองท่ี 12 การเขียนโครงงาน แบบประเมิน คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คาชี้แจง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ ลงในช่อง ทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน คณุ ลกั ษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน อนั พึงประสงคด์ า้ น 4321 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเม่อื ไดย้ นิ เพลงชาติ รอ้ งเพลงชาตไิ ด้ และอธบิ ายความหมายของ เพลงชาติ กษตั ริย์ 1.2 ปฏบิ ตั ติ นตามสทิ ธแิ ละหน้าทข่ี องนักเรยี น 2. ซื่อสตั ย์ สจุ ริต 1.3 ใหค้ วามรว่ มมอื ร่วมใจ ในการทางานกบั สมาชกิ ในชนั้ เรยี น 3. มีวินัย รบั ผิดชอบ 1.4 เขา้ รว่ มกจิ กรรมทส่ี รา้ งความสามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ต่อ โรงเรยี นและชมุ ชน 4. ใฝ่ เรยี นรู้ 1.5 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทางศาสนาทต่ี นนบั ถอื ปฏบิ ตั ติ นตามหลกั ของศาสนา 5. อยู่อย่างพอเพียง 1.6 เขา้ ร่วมกจิ กรรมทเ่ี กย่ี วกบั สถาบนั พระมหากษตั รยิ ต์ ามทโ่ี รงเรยี น และชุมชนจดั ขน้ึ 2.1 ใหข้ อ้ มลู ทถ่ี ูกตอ้ ง และเป็นจรงิ 2.2 ปฏบิ ตั ใิ นสง่ิ ทถ่ี กู ตอ้ ง ละอาย และเกรงกลวั ทจ่ี ะทาความผดิ ทาตาม สญั ญาทต่ี นใหไ้ วก้ บั เพอ่ื น พอ่ แมห่ รอื ผปู้ กครอง และครู 2.3 ปฏบิ ตั ติ ่อผอู้ ่นื ดว้ ยความซอ่ื ตรง 3.1 ปฏบิ ตั ติ ามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ขอ้ บงั คบั ของครอบครวั และโรงเรยี น มคี วามตรงตอ่ เวลาในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมตา่ งๆ ในชวี ติ ประจาวนั 4.1 แสวงหาขอ้ มลู จากแหล่งการเรยี นรตู้ า่ งๆ 4.2 มกี ารจดบนั ทกึ ความรอู้ ย่างเป็นระบบ 4.3 สรปุ ความรไู้ ดอ้ ยา่ งมเี หตผุ ล 5.1 ใชท้ รพั ยส์ นิ ของตนเอง เช่น สง่ิ ของ เคร่อื งใช้ ฯลฯ อยา่ งประหยดั คมุ้ ค่า และเกบ็ รกั ษาดแู ลอยา่ งดี และใชเ้ วลาอยา่ งเหมาะสม 5.2 ใชท้ รพั ยากรของส่วนรวมอย่างประหยดั คมุ้ ค่า และเกบ็ รกั ษาดแู ลอยา่ งดี 5.3 ปฏบิ ตั ติ นและตดั สนิ ใจดว้ ยความรอบคอบ มเี หตผุ ล 5.4 ไม่เอาเปรยี บผอู้ ่นื และไมท่ าใหผ้ อู้ น่ื เดอื ดรอ้ น พรอ้ มใหอ้ ภยั เมอ่ื ผอู้ ่นื กระทาผดิ พลาด 407 หลกั ภาษาฯ ม.1

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 การเขียนเพอ่ื การส่ือสาร เรื่องท่ี 12 การเขียนโครงงาน คณุ ลกั ษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน อนั พงึ ประสงคด์ า้ น 4321 5.5 วางแผนการเรยี น การทางานและการใชช้ วี ติ ประจาวนั บนพน้ื ฐานของ ความรู้ ขอ้ มลู ขา่ วสาร 5.6 รเู้ ท่าทนั การเปลย่ี นแปลงทางสงั คม และสภาพแวดลอ้ ม ยอมรบั และ ปรบั ตวั อยรู่ ว่ มกบั ผอู้ ่นื ไดอ้ ย่างมคี วามสขุ 6. ม่งุ มนั ่ ในการ 6.1 มคี วามตงั้ ใจและพยายามในการทางานทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ทางาน 6.2 มคี วามอดทนและไมท่ อ้ แทต้ อ่ อปุ สรรคเพ่อื ใหง้ านสาเรจ็ 7. รกั ความเป็นไทย 7.1 มจี ติ สานึกในการอนุรกั ษ์วฒั นธรรมและภมู ปิ ัญญาไทย 7.2 เหน็ คณุ ค่าและปฏบิ ตั ติ นตามวฒั นธรรมไทย 8. มจี ิตสาธารณะ 8.1 รจู้ กั ชว่ ยพอ่ แม่ ผปู้ กครอง และครทู างาน 8.2 อาสาทางาน ช่วยคดิ ชว่ ยทา และแบ่งปันสงิ่ ของใหผ้ อู้ น่ื 8.3 รจู้ กั ดแู ล รกั ษาทรพั ยส์ มบตั แิ ละสงิ่ แวดลอ้ มของหอ้ งเรยี น โรงเรยี น ชุมชน 8.4 เขา้ รว่ มกจิ กรรมเพอ่ื สงั คมและสาธารณประโยชน์ของโรงเรยี น ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.................../................ เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั้ ให้ 3 คะแนน 191 - 108 ดมี าก ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน 73 - 90 ดี ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครงั้ ให้ 1 คะแนน 54 - 72 พอใช้ ต่ากวา่ 54 ปรบั ปรงุ 408 หลกั ภาษาฯ ม.1

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 การเขยี นเพอื่ การสื่อสาร แบบบนั ทึกหลงั แผนการสอน เรื่องที่ 12 การเขยี นโครงงาน  ดา้ นความรู้  ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น  ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์  ดา้ นอน่ื ๆ (พฤตกิ รรมเด่น หรอื พฤตกิ รรมทมี่ ปี ัญหาของนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล (ถา้ ม)ี )  ปัญหา/อปุ สรรค  แนวทางการแกไ้ ข ความเหน็ ของผ้บู ริหารสถานศกึ ษาหรือผ้ทู ี่ได้รบั มอบหมาย ขอ้ เสนอแนะ ลงช่อื ) ( ตาแหน่ง 409 หลกั ภาษาฯ ม.1

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 4 การเขยี นเพ่ือการส่ือสาร เร่ืองที่ 12 การเขียนโครงงาน แบบบนั ทึกหลงั หน่วยการเรยี นรู้ ตอนท่ี 1 นักเรยี นมคี วามรคู้ วามสามารถตามมาตรฐานการเรยี นรแู้ ละตวั ชว้ี ดั ของหน่วยการเรยี นรู้ ต่อไปน้ี ท 2.1 (ม.1/3, ม.1/4, ม.1/5, ม.1/7, ม.1/8, ม.1/9)  ดา้ นความรู้ (จานวน คน คดิ เป็นรอ้ ยละ )  ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น  ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์  ดา้ นอ่นื ๆ (พฤตกิ รรมเด่น หรอื พฤตกิ รรมทมี่ ปี ัญหาของนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล (ถา้ ม)ี ) สรปุ ผลจากการประเมินชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) ประจาหน่วยการเรยี นรู้  ระดบั คุณภาพดีมาก จานวน คน คดิ เป็นรอ้ ยละ  ระดบั คุณภาพดี จานวน คน คดิ เป็นรอ้ ยละ  ระดบั คณุ ภาพพอใช้ จานวน คน คดิ เป็นรอ้ ยละ  ระดบั คณุ ภาพปรบั ปรงุ จานวน คน คดิ เป็นรอ้ ยละ  ปัญหา/อปุ สรรค  แนวทางการแกไ้ ข ความเหน็ ของผบู้ ริหารสถานศกึ ษาหรอื ผ้ทู ี่ได้รบั มอบหมาย ขอ้ เสนอแนะ ลงชอ่ื ) ( ตาแหน่ง 410 หลกั ภาษาฯ ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 4 การเขียนเพ่อื การส่ือสาร เร่ืองที่ 12 การเขียนโครงงาน ตอนที่ 2 การตรวจสอบคณุ ภาพนักเรยี นเพ่ือเตรียมความพร้อมรองรบั การประเมินคณุ ภาพภายนอก ร้อยละ ระดบั การศกึ ษาขนั้ พน้ื ฐาน (ด้านคณุ ภาพผ้เู รยี น) มาตรฐานที่ 1 ผเู้ รยี นมสี ขุ ภาวะทีด่ ีและมสี ุนทรยี ภาพ 1.1 มสี ุขนิสยั ในการดแู ลสขุ ภาพและออกกาลงั กายสมา่ เสมอ 1.2 มนี ้าหนกั สว่ นสงู และมสี มรรถภาพทางกายตามเกณฑม์ าตรฐาน 1.3 ป้องกนั ตนเองจากสงิ่ เสพตดิ ใหโ้ ทษและหลกี เลยี่ งตนเองจากสภาวะทเี่ สยี่ งตอ่ ความรนุ แรง โรค ภยั อุบตั เิ หตุ และปัญหาทางเพศ 1.4 เหน็ คุณค่าในตนเอง มคี วามมนั่ ใจ กลา้ แสดงออกอย่างเหมาะสม 1.5 มมี นุษยสมั พนั ธท์ ดี่ แี ละใหเ้ กยี รตผิ อู้ นื่ 1.6 สรา้ งผลงานจากการเขา้ รว่ มกจิ กรรมดา้ นศลิ ปะ ดนตร/ี นาฏศลิ ป์ กฬี า/นันทนาการตามจนิ ตนาการ มาตรฐานที่ 2 ผเู้ รยี นมคี ณุ ธรรม จริยธรรม และค่านิยมทีพ่ ึงประสงค์ 2.1 มคี ณุ ลกั ษณะทพี่ งึ ประสงคต์ ามหลกั สตู ร 2.2 เอ้อื อาทรผอู้ นื่ และกตญั ญกู ตเวทตี อ่ ผมู้ พี ระคณุ 2.3 ยอมรบั ความคดิ และวฒั นธรรมทแี่ ตกต่าง 2.4 ตระหนกั รคู้ ณุ คา่ รว่ มอนุรกั ษแ์ ละพฒั นาสงิ่ แวดลอ้ ม มาตรฐานที่ 3 ผเู้ รยี นมีทกั ษะในการแสวงหาความรดู้ ้วยตนเอง รกั เรียนรู้ และพฒั นาตนเองอยา่ งต่อเนือ่ ง 3.1 มนี ิสยั รกั การอา่ นและแสวงหาความรดู้ ว้ ยตนเองจากหอ้ งสมุด แหลง่ เรยี นรู้ และสอื่ ต่างๆ รอบตวั 3.2 มที กั ษะในการอ่าน ฟัง ดู พดู เขยี น และตงั้ คาถามเพอื่ คน้ ควา้ หาความรเู้ พมิ่ เตมิ 3.3 เรยี นรรู้ ว่ มกนั เป็นกลมุ่ แลกเปลยี่ นความคดิ เหน็ เพอื่ การเรยี นรรู้ ะหวา่ งกนั 3.4 ใชเ้ ทคโนโลยใี นการเรยี นรแู้ ละนาเสนอผลงาน มาตรฐานที่ 4 ผ้เู รียนมคี วามสามารถในการคิดอยา่ งเป็นระบบ คิดสร้างสรรค์ ตดั สินใจแก้ปัญหา ไดอ้ ย่างมสี ติสมเหตุสมผล 4.1 สรุปความคดิ จากเรอื่ งทอี่ า่ น ฟัง และดู และสอื่ สารโดยการพดู หรอื เขยี นตามความคดิ ของตนเอง 4.2 นาเสนอวธิ คี ดิ วธิ แี กป้ ัญหาดว้ ยภาษาหรอื วธิ กี ารของตนเอง 4.3 กาหนดเป้าหมาย คาดการณ์ ตดั สนิ ใจแกป้ ัญหาโดยมเี หตผุ ลประกอบ 4.4 มคี วามคดิ รเิ รมิ่ และสรา้ งสรรคผ์ ลงานดว้ ยความภาคภูมใิ จ มาตรฐานที่ 5 ผเู้ รยี นมีความร้แู ละทกั ษะทีจ่ าเป็นตามหลกั สตู ร 5.1 ผลสมั ฤทธทิ์ างการเรยี นเฉลยี่ แตล่ ะกล่มุ สาระเป็นไปตามเกณฑ์ 5.2 ผลการประเมนิ สมรรถนะสาคญั ตามหลกั สตู รเป็นไปตามเกณฑ์ 5.3 ผลการประเมนิ การอา่ น คดิ วเิ คราะห์ และเขยี นเป็นไปตามเกณฑ์ 5.4 ผลการทดสอบระดบั ชาตเิ ป็นไปตามเกณฑ์ มาตรฐานที่ 6 ผ้เู รยี นมีทกั ษะในการทางาน รกั การทางาน สามารถทางานร่วมกบั ผ้อู ืน่ ได้ และมีเจตคติทีด่ ี ต่ออาชีพสจุ ริต 6.1 วางแผนการทางานและดาเนินการจนสาเรจ็ 6.2 ทางานอย่างมคี วามสขุ มงุ่ มนั่ พฒั นางาน และภูมใิ จในผลงานของตนเอง 6.3 ทางานรว่ มกบั ผอู้ นื่ ได้ 6.4 มคี วามรสู้ กึ ทดี่ ตี ่ออาชพี สุจรติ และหาความรเู้ กยี่ วกบั อาชพี ทตี่ นเองสนใจ 411 หลกั ภาษาฯ ม.1

5หน่วยการเรียนรู้ท่ี การเขียนแสดงความคิดเหน็ จากส่ือ 12เวลา ชวั่ โมง 1 มาตรฐานการเรยี นร/ู้ ตวั ชี้วดั ท 2.1 ม.1/6 เขยี นแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั สาระจากส่อื ทไ่ี ดร้ บั 2 สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การศกึ ษาสอ่ื ประเภทต่างๆ ตอ้ งเขยี นแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั สาระจากสอ่ื ทไ่ี ดร้ บั 3 สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรยี นรแู้ กนกลาง  การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั สาระจากสอ่ื ต่างๆ เช่น - บทความ - หนงั สอื อา่ นนอกเวลา - ขา่ วและเหตุการณ์ประจาวนั - เหตุการณ์สาคญั ตา่ งๆ 3.2 สาระการเรียนรทู้ ้องถิน่ (พจิ ารณาตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา) 4 สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน 4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทกั ษะการใหเ้ หตุผล 2) ทกั ษะการวเิ คราะห์ 4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 5 คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มงุ่ มนั่ ในการทางาน 412 หลกั ภาษาฯ ม.1

6 ชิ้นงาน/ภาระงาน (รวบยอด) แผ่นพบั แนะนาการเขยี นแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั สาระจากสอ่ื ตา่ งๆ 7 การวดั และการประเมินผล 7.1 การประเมินก่อนเรยี น - ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 5 เรอ่ื ง การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ จากสอ่ื 7.2 การประเมินระหวา่ งการจดั กิจกรรมการเรียนรู้ 1) ตรวจใบงานท่ี 5.1 เร่อื ง การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ จากบทความ 2) ตรวจใบงานท่ี 5.2 เร่อื ง การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ จากบทความวชิ าการ 3) ตรวจใบงานท่ี 5.3 เร่อื ง การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ จากบทความสารคดี 4) ตรวจใบงานท่ี 5.4 เร่อื ง การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ เรอ่ื ง แมงมุมเพอ่ื นรกั 5) ตรวจใบงานท่ี 5.5 เรอ่ื ง การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ จากขา่ ว 6) ตรวจใบงานท่ี 5.6 เร่อื ง การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ จากเหตุการณ์สาคญั 7) ประเมนิ การนาเสนอผลงาน 8) สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล 9) สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ 10) สงั เกตคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 7.3 การประเมินหลงั เรยี น - ตรวจแบบทดสอบหลงั เรยี น หน่วยการเรยี นรูท้ ่ี 5 เร่อื ง การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ จากสอ่ื 7.4 การประเมินช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) - ตรวจแผ่นพบั แนะนาการเขยี นแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั สาระจากสอ่ื ตา่ งๆ 8 กิจกรรมการเรยี นรู้ นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรียน หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 5 413 หลกั ภาษาฯ ม.1

เรอ่ื งที่ 1 หลกั การเขียนแสดงความคิดเหน็ 1 ชวั่ โมง จากบทความ วิธีสอนแบบ บรรยาย ขนั้ นาเขา้ สู่บทเรียน ครนู าขา่ ว บทความ หรอื สารคดสี นั้ ๆ จากหนงั สอื พมิ พร์ ายวนั มาอ่านใหน้ กั เรยี นฟัง แลว้ ใหน้ กั เรยี นแสดง ความคดิ เหน็ วา่ สง่ิ ทค่ี รอู ่านใหฟ้ ังนนั้ เป็นเร่อื งประเภทใด ขนั้ สอน 1. ครใู หน้ กั เรยี นศกึ ษาความรเู้ รอ่ื ง หลกั การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ และการเขยี นแสดงความคดิ เหน็ ผ่าน สอ่ื ต่างๆ จากหนงั สอื เรยี น และใบความรทู้ ค่ี รกู าหนด 2. ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ ประเดน็ ความรู้ เพอ่ื ใหเ้ กดิ ความรคู้ วามเขา้ ใจทถ่ี กู ตอ้ ง ขนั้ สรปุ นกั เรยี นร่วมกนั สรปุ หลกั การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ จากสอ่ื ต่างๆ 414 หลกั ภาษาฯ ม.1

เร่อื งที่ 2 การเขียนแสดงความคิดเหน็ 2 ชวั่ โมง จากบทความแสดงความคิดเหน็ วิธีสอนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการคิดอยา่ งมีวิจารณญาณ ขนั้ ท่ี 1 สงั เกต ครสู นทนาซกั ถามนกั เรยี นเกย่ี วกบั การรบั สารจากสอ่ื ต่างๆ ในชวี ติ ประจาวนั จากนนั้ ใหน้ กั เรยี นแสดงความ คดิ เหน็ เกย่ี วกบั ความสาคญั ของสอ่ื ขนั้ ที่ 2 อธิบาย นกั เรยี นอ่านบทความแสดงความคดิ เหน็ เร่อื ง เม่อื ผมเป็นออทสิ ตกิ แลว้ สรปุ ใจความสาคญั ของเรอ่ื ง จากนนั้ ใหน้ กั เรยี นอธบิ ายหรอื ตอบคาถาม แสดงความคดิ เหน็ ว่า เหน็ ดว้ ยหรอื ไมเ่ หน็ ดว้ ย ขนั้ ที่ 3 รบั ฟัง นกั เรยี นแต่ละคนรายงานผลเพอ่ื แลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ ฟังความคดิ เหน็ ทแ่ี ตกตา่ งจากความคดิ ของตน ไดฟ้ ังและตอบคาถามตามความคดิ เหน็ ทแ่ี ตกตา่ งกนั โดยเน้นการปรบั เปลย่ี นความคดิ อย่างมเี หตุผล ขนั้ ที่ 4 เชื่อมโยงความสมั พนั ธ์ นกั เรยี นเปรยี บเทยี บความคดิ เหน็ ทแ่ี ตกตา่ งและคลา้ ยคลงึ ของเพอ่ื นๆ ทม่ี ตี อ่ บทความแสดงความคดิ เหน็ เร่อื ง เม่อื ผมเป็นออทสิ ตกิ จดั กล่มุ ความคดิ เหน็ ทแ่ี ตกต่างและคลา้ ยคลงึ กนั หาเหตผุ ลหรอื กฎเกณฑม์ าเชอ่ื มโยง ในลกั ษณะอุปมา อปุ มยั ขนั้ ที่ 5 วิจารณ์ 1. นกั เรยี นวเิ คราะหบ์ ทความแสดงความคดิ เหน็ เรอ่ื ง เม่อื ผมเป็นออทสิ ตกิ แลว้ ใหจ้ าแนกขอ้ ดี ขอ้ ดอ้ ย สว่ นสาคญั หรอื สว่ นทไ่ี มส่ าคญั พรอ้ มยกเหตุผลและหลกั ฐานประกอบ 2. นกั เรยี นพจิ ารณาเพอ่ื หาขอ้ มลู ตา่ งๆ ทเ่ี ชอ่ื มโยงเกย่ี วขอ้ งกนั แลว้ สรุปผลอยา่ งตรงไปตรงมาตามหลกั ฐาน ขอ้ มลู ขนั้ ที่ 6 สรปุ นกั เรยี นทาใบงานที่ 5.1 เร่ือง การเขียนแสดงความคิดเหน็ จากบทความ เมอ่ื ทาเสรจ็ แลว้ ใหน้ าสง่ ครู 415 หลกั ภาษาฯ ม.1

เรอื่ งท่ี 3 การเขียนแสดงความคิดเหน็ 1 ชวั่ โมง จากบทความวิชาการ วิธีสอนแบบ สืบเสาะหาความรู้ (Inquiry Method : 5E) ขนั้ ที่ 1 กระตุ้นความสนใจ (Engage) 1. ครสู นทนากบั นกั เรยี นเกย่ี วกบั กจิ กรรมทก่ี าลงั เป็นทส่ี นใจของวยั รุ่นเกย่ี วกบั เทคโนโลยกี ารสอ่ื สาร ในปัจจุบนั 2. ครใู หน้ กั เรยี นอา่ นบทความวชิ าการเกย่ี วกบั การถ่ายรปู ใหส้ วยงาม จากนนั้ ใหน้ กั เรยี นแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั บทความตวั อย่าง พรอ้ มแสดงเหตผุ ล 3. ครอู ธบิ ายใหน้ กั เรยี นเขา้ ใจว่า การอา่ นหรอื รบั สารประเภทบทความวชิ าการจะตอ้ งรจู้ กั วเิ คราะห์ สรปุ สาระสาคญั และเขยี นแสดงความคดิ เหน็ ใหถ้ ูกตอ้ ง ขนั้ ท่ี 2 สารวจค้นหา (Explore) นกั เรยี นอ่านบทความวชิ าการ เร่อื ง ความเป็นเดก็ ทซ่ี อ่ นอย่ใู นตวั ผใู้ หญ่ (Inner Child) ขนั้ ที่ 3 อธิบายความรู้ (Explain) 1. ครตู งั้ ประเดน็ คาถามใหน้ กั เรยี นอธบิ ายและหาคาตอบ จากนนั้ ครสู มุ่ เรยี กนกั เรยี นอธบิ ายและตอบคาถาม ทลี ะคน โดยครแู ละเพอ่ื นร่วมกนั ตรวจสอบคาอธบิ ายและคาตอบ 2. นกั เรยี นสรุปใจความสาคญั ของบทความวชิ าการ เรอ่ื ง ความเป็นเดก็ ทซ่ี ่อนอยใู่ นตวั ผใู้ หญ่ (Inner Child) ขนั้ ที่ 4 ขยายความเข้าใจ (Expand) นกั เรยี นเขยี นแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั สาระจากบทความวชิ าการ เรอ่ื ง ความเป็นเดก็ ทซ่ี อ่ นอยใู่ นตวั ผใู้ หญ่ (Inner Child) ลงในใบงานที่ 5.2 เรอ่ื ง การเขียนแสดงความคิดเหน็ จากบทความวิชาการ เสรจ็ แลว้ ใหต้ รวจความเรยี บรอ้ ยกอ่ นนาสง่ ครู ขนั้ ที่ 5 ตรวจสอบผล (Evaluate) ครตู รวจประเมนิ ผลการเขยี นแสดงความคดิ เหน็ ในใบงานท่ี 5.2 แลว้ คดั เลอื กผลงานดเี ดน่ 5 ผลงาน จดั แสดงทป่ี ้ายนิเทศ 416 หลกั ภาษาฯ ม.1

เรอ่ื งท่ี 4 การเขียนแสดงความคิดเหน็ 1 ชวั่ โมง จากบทความสารคดี วิธีสอนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการสร้างความคิดรวบยอด ขนั้ ที่ 1 สงั เกต ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สนทนาเกย่ี วกบั การอ่านบทความทใ่ี หค้ วามรแู้ ละความเพลดิ เพลนิ ควบค่กู นั ไป จากนนั้ ใหน้ กั เรยี นยกตวั อย่างนกั เขยี นบทความทม่ี ชี อ่ื เสยี ง หรอื ทน่ี กั เรยี นชน่ื ชอบ ขนั้ ท่ี 2 จาแนกความแตกต่าง 1. ครใู หน้ กั เรยี นอ่านบทความสารคดี เรอ่ื ง พพิ ธิ ภณั ฑก์ ารเรยี นรู้ คณุ ครทู แ่ี ตกตา่ ง เม่อื อา่ นจบแลว้ ใหน้ กั เรยี น สรปุ ใจความสาคญั ของบทความ จากนนั้ เขยี นแสดงความคดิ เหน็ และใหแ้ ตล่ ะคนแลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ กนั เพอ่ื ฟังความคดิ เหน็ ทแ่ี ตกตา่ งจากความเหน็ ของตน 2. นกั เรยี นเปรยี บเทยี บความคดิ เหน็ ทแ่ี ตกต่างและคลา้ ยคลงึ ของเพอ่ื นๆ ทม่ี ตี อ่ บทความสารคดี ขนั้ ท่ี 3 หาลกั ษณะร่วม นกั เรยี นจดั กลุ่มความคดิ เหน็ ทแ่ี ตกตา่ งและคลา้ ยคลงึ กนั เพอ่ื หาเหตุผลหรอื ลกั ษณะร่วมของความคดิ เหน็ ขนั้ ที่ 4 ระบชุ ่ือความคิดรวบยอด ครใู หน้ กั เรยี นเขยี นแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั สาระจากบทความสารคดี เร่อื ง พพิ ธิ ภณั ฑก์ ารเรยี นรู้ คณุ ครทู แ่ี ตกตา่ ง อกี ครงั้ เพอ่ื สรุปแนวการแสดงความคดิ เหน็ ของตนเอง จากนนั้ ครูขออาสาสมคั รนกั เรยี น 3-5 คน ออกมาแสดงความคดิ เหน็ ขนั้ ที่ 5 ทดสอบและนาไปใช้ นกั เรยี นทาใบงานท่ี 5.3 เร่ือง การเขียนแสดงความคิดเหน็ จากบทความสารคดี โดยนกั เรยี นและครู รว่ มกนั กาหนดระยะเวลาในการสง่ ใบงาน 417 หลกั ภาษาฯ ม.1

เรื่องท่ี 5 การเขียนแสดงความคิดเหน็ 1 ชวั่ โมง จากบทความวิจารณ์ วิธีสอนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการสร้างความตระหนัก ขนั้ ท่ี 1 สงั เกต ครแู ละนกั เรยี นรว่ มกนั สนทนาเกย่ี วกบั หลกั การแสดงความคดิ เหน็ อย่างมมี ารยาทและมคี วามสรา้ งสรรค์ ขนั้ ท่ี 2 วิเคราะห์วิจารณ์ 1. ครใู หน้ กั เรยี นอา่ นบทความวจิ ารณ์ เร่อื ง จติ ใจแจ่มใสเม่อื ไกลโทรศพั ท์ เม่อื อ่านจบแลว้ ใหต้ งั้ ประเดน็ คาถาม เพอ่ื ใหเ้ พอ่ื นๆไดผ้ ลดั กนั อธบิ ายและตอบคาถาม จากนนั้ ครใู หน้ กั เรยี นแสดงความคดิ เหน็ วา่ การอธบิ าย และตอบคาถามเก่ยี วกบั บทความทอ่ี า่ น มปี ระโยชน์ต่อการอ่านอย่างไร 2. นกั เรยี นร่วมกนั สรปุ ใจความสาคญั ของบทความวจิ ารณ์ จากนนั้ เขยี นแสดงความคดิ เหน็ ลงในสมดุ เมอ่ื เขยี นเสรจ็ แลว้ ใหน้ กั เรยี นแตล่ ะคนแลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ กนั เพอ่ื ฟังความคดิ เหน็ ทแ่ี ตกต่างจาก ความเหน็ ของตน ขนั้ ท่ี 3 สรปุ นกั เรยี นรว่ มกนั ยกตวั อย่างแนวทางในการนาความรเู้ ก่ยี วกบั การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ สาระจากบทความ วจิ ารณ์ เพอ่ื นาไปใชใ้ นชวี ติ ประจาวนั ใหเ้ กดิ ประโยชน์ 418 หลกั ภาษาฯ ม.1

เรื่องที่ 6 หลกั การเขียนแสดงความคิดเหน็ 1 ชวั่ โมง จากหนังสืออ่านนอกเวลา วิธีสอนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการสร้างความตระหนัก ขนั้ ที่ 1 สงั เกต นกั เรยี นทบทวนความรเู้ ดมิ เกย่ี วกบั การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ จากนนั้ ครแู จง้ ใหน้ ักเรยี นทราบว่า นกั เรยี นจะตอ้ งเขยี นแสดงความคดิ เหน็ เก่ยี วกบั หนงั สอื อา่ นนอกเวลา เร่อื ง แมงมมุ เพอ่ื นรกั ขนั้ ท่ี 2 วิเคราะห์วิจารณ์ 1. นกั เรยี นแต่ละคนอ่านหนงั สอื อ่านนอกเวลา เรอ่ื ง แมงมุมเพอ่ื นรกั โดยครกู าหนดประเดน็ คาถามเป็นขอ้ ๆ เพอ่ื ใหน้ กั เรยี นเขยี นอธบิ ายและแสดงความคดิ เหน็ 2. ครใู หน้ กั เรยี นพจิ ารณาสาระสาคญั ของคาตอบและขยายความคดิ เพอ่ื แสดงความคดิ เหน็ จากนนั้ เรยี บเรยี ง สาระสาคญั ของคาตอบ แลว้ เขยี นแสดงความคดิ เหน็ ลงในใบงานท่ี 5.4 เรอื่ ง การเขียนแสดงความ คิดเหน็ เรื่อง แมงมุมเพอ่ื นรกั เมอ่ื ทาเสรจ็ แลว้ ใหต้ รวจความเรยี บรอ้ ยกอ่ นนาสง่ ครู ขนั้ ท่ี 3 สรปุ นกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ หลกั การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ เก่ยี วกบั สาระจากการอา่ นหนงั สอื อา่ นนอกเวลา และแนวทางในการนาไปใชใ้ นการอ่านและรบั สอ่ื ต่างๆ 419 หลกั ภาษาฯ ม.1

เรือ่ งที่ 7 การเขียนแสดงความคิดเหน็ 2 ชวั่ โมง จากหนังสืออ่านนอกเวลา วิธีสอนแบบ อปุ นัย ขนั้ ที่ 1 เตรียมนักเรยี น นกั เรยี นทบทวนความรเู้ ดมิ เกย่ี วกบั การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ เพอ่ื เป็นการเตรยี มความรแู้ ละแนวทาง ในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมของนกั เรยี น ขนั้ ท่ี 2 เสนอตวั อย่าง 1. ครเู ลอื กหนงั สอื อ่านนอกเวลาทเ่ี หน็ ว่าเหมาะสมกบั ระดบั ของนกั เรยี นมา 1 เรอ่ื ง โดยครพู จิ ารณา สาระสาคญั และขยายความคดิ เพอ่ื แสดงความคดิ เหน็ พรอ้ มทงั้ ใหเ้ หตผุ ลทาเป็นตวั อยา่ งใหน้ ักเรยี นเขา้ ใจ 2. นกั เรยี นรวมกลุ่ม กลมุ่ ละ 5 คน ตามความสมคั รใจ จากนนั้ ครเู ลอื กหนงั สอื อ่านนอกเวลา มา 5 เรอ่ื ง ใหน้ กั เรยี นพจิ ารณากลุม่ ละ 1 เร่อื ง (หนงั สอื แต่ละเรอ่ื งจะมกี ลุ่มทเ่ี ลอื กซา้ กนั ) โดยใหน้ กั เรยี นแตล่ ะกลมุ่ ศกึ ษาหนงั สอื อา่ นนอกเวลาเร่อื งทเ่ี ลอื ก แลว้ สรปุ เป็นกฎเกณฑ์ เสรจ็ แลว้ นาเสนอหน้าชนั้ เรยี น ขนั้ ที่ 3 หาองคป์ ระกอบรวม นกั เรยี นรว่ มกนั อภปิ รายสรุปกฎเกณฑใ์ นการพจิ ารณาทกุ เร่อื งทแ่ี ต่ละกลมุ่ ออกมานาเสนอเพอ่ื สรปุ กฎเกณฑ์ ขนั้ ท่ี 4 สรปุ ขอ้ สงั เกตต่างๆ นกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ เป็นกฎเกณฑก์ ารเขยี นแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั หนงั สอื อ่านนอกเวลา ขนั้ ท่ี 5 นาข้อสรปุ หรอื กฎเกณฑไ์ ปใช้ในสถานการณ์อื่น 1. นกั เรยี นแต่ละกลุ่มพจิ ารณาตามกฎเกณฑก์ ารเขยี นแสดงความคดิ เหน็ หนงั สอื อา่ นนอกเวลา จากนนั้ นาสาระสาคญั จากการพจิ ารณามาเรยี บเรยี งและนาเสนอเป็นงานเขยี นโดยใชภ้ าษาของนกั เรยี น 2. นกั เรยี นแต่ละกลมุ่ สง่ ตวั แทนนาเสนอผลงานการเขยี นแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั สาระจากหนงั สอื อ่านนอกเวลาเรอ่ื งทก่ี ลุ่มเลอื กหน้าชนั้ เรยี น 420 หลกั ภาษาฯ ม.1

เรอ่ื งที่ 8 การเขียนแสดงความคิดเหน็ จากข่าว 1 ชวั่ โมง และเหตกุ ารณ์ประจาวนั วิธีสอนแบบ SQ4R ขนั้ นาเข้าสู่บทเรียน ครนู าขา่ วทน่ี ่าสนใจจากหนังสอื พมิ พร์ ายวนั มาเลา่ ใหน้ ักเรยี นฟัง จากนนั้ ใหน้ ักเรยี นแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั ขา่ วทค่ี รอู า่ น ขนั้ สอน 1. Survey (S) อ่านข่าวจากหนงั สอื พมิ พร์ ายวนั ทน่ี กั เรยี นสนใจ 1 ขา่ ว 2. Question (Q) ตงั้ คาถามเกย่ี วกบั ขา่ วทอ่ี า่ น 3. Read (R) อา่ นข่าวทน่ี กั เรยี นสนใจ อย่างละเอยี ด เพอ่ื คน้ หาคาตอบสาหรบั คาถามทไ่ี ดต้ งั้ ไว้ 4. Record (R) จดบนั ทกึ ขอ้ มูลตา่ งๆ ทไ่ี ดจ้ ากการอ่านข่าวในขนั้ ตอนท่ี 3 โดยใชข้ อ้ ความอยา่ งรดั กุม 5. Recite (R) เขยี นสรุปใจความสาคญั 6. Reflect (R) วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ขา่ วทอ่ี ่าน แลว้ แสดงความคดิ เหน็ ในประเดน็ ทส่ี อดคลอ้ งหรอื ไม่สอดคลอ้ ง ขนั้ สรปุ และประเมินผล นกั เรยี นทาใบงานท่ี 5.5 เร่ือง การเขียนแสดงความคิดเหน็ จากข่าว เสรจ็ แลว้ นาเสนอผลงาน หน้าชนั้ เรยี น โดยครปู ระเมนิ ผลการนาเสนอ และใหข้ อ้ เสนอแนะในการพฒั นาปรบั ปรุง 421 หลกั ภาษาฯ ม.1

เร่ืองท่ี 9 การเขียนแสดงความคิดเหน็ 2 ชวั่ โมง จากเหตกุ ารณ์สาคญั ต่างๆ วิธีสอนแบบ นิ รนัย ขนั้ ท่ี 1 อธิบายปัญหา ครสู นทนากบั นกั เรยี นเก่ยี วกบั เหตุการณ์สาคญั ทเ่ี กดิ ขน้ึ จากนนั้ ใหน้ กั เรยี นเลอื กเหตกุ ารณ์สาคญั ทน่ี กั เรยี น สนใจจากหนงั สอื พมิ พร์ ายวนั หรอื แหลง่ ขอ้ มลู สารสนเทศ คนละ 1 เหตกุ ารณ์ เพอ่ื แสดงความคดิ เหน็ ขนั้ ท่ี 2 อธิบายกฎ หรือหลกั การเพ่ือการแก้ปัญหา นกั เรยี นรว่ มกนั ทบทวนความรเู้ รอ่ื ง หลกั การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ และการเขยี นแสดงความคดิ เหน็ ผ่านสอ่ื ตา่ งๆ จากนนั้ ครแู ละนกั เรยี นร่วมกนั อภปิ รายสรุปหลกั การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั เหตุการณ์ สาคญั ขนั้ ที่ 3 ตดั สินใจ นกั เรยี นเลอื กวธิ กี ารเขยี นแสดงความคดิ เหน็ เหตุการณ์สาคญั ทน่ี กั เรยี นเหน็ ว่าเหมาะสมกบั สาระสาคญั มาใชเ้ ขยี นแสดงความคดิ เหน็ ขนั้ ที่ 4 พิสูจน์หรือตรวจคาตอบ นกั เรยี นทาใบงานที่ 5.6 เร่ือง การเขียนแสดงความคิดเหน็ จากเหตุการณ์สาคญั เสรจ็ แลว้ ตรวจสอบ ความเรยี บรอ้ ยก่อนนาสง่ ครู  ครมู อบหมายให้นักเรียนแต่ละคนทาแผ่นพบั แนะนาการเขียนแสดงความคิดเหน็ เก่ียวกบั สาระ จากสื่อต่างๆ โดยใหค้ รอบคลมุ ประเดน็ ตามทกี่ าหนด นักเรยี นทาแบบทดสอบหลงั เรียน หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 5 422 หลกั ภาษาฯ ม.1

9 ส่ือ/แหล่งการเรยี นรู้ 9.1 สือ่ การเรยี นรู้ 1) หนงั สอื เรยี น ภาษาไทย : หลกั ภาษาและการใชภ้ าษา ม.1 2) แบบวดั และบนั ทกึ ผลการเรยี นรู้ ภาษาไทย ม.1 3) ใบความรู้ เร่อื ง การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ และเรอ่ื ง ลกั ษณะของบทความและสารคดี 4) หนงั สอื อ่านนอกเวลา 5) หนงั สอื พมิ พร์ ายวนั 6) ตวั อยา่ งบทความวชิ าการ และบทความประเภทตา่ งๆ 7) ใบงานท่ี 5.1 เรอ่ื ง การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ จากบทความ 8) ใบงานท่ี 5.2 เร่อื ง การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ จากบทความวชิ าการ 9) ใบงานท่ี 5.3 เร่อื ง การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ จากบทความสารคดี 10) ใบงานท่ี 5.4 เรอ่ื ง การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ เรอ่ื ง แมงมุมเพอ่ื นรกั 11) ใบงานท่ี 5.5 เรอ่ื ง การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ จากข่าว 12) ใบงานท่ี 5.6 เรอ่ื ง การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ จากเหตกุ ารณ์สาคญั 9.2 แหลง่ การเรียนรู้  แหล่งขอ้ มลู สารสนเทศ - http://www.thairath.com/ - http://www.manager.co.th/ 423 หลกั ภาษาฯ ม.1

การประเมินช้ินงาน/ภาระงาน (รวบยอด) แบบประเมินแผ่นพบั แนะนาการเขียนแสดงความคิดเหน็ เก่ียวกบั สาระจากสื่อต่างๆ รายการประเมิน ดมี าก (4) คาอธิบายระดบั คณุ ภาพ/ระดบั คะแนน ปรบั ปรงุ (1) ดี (3) พอใช้ (2) 1. การเขียนแสดง ถูกตอ้ งตามหลกั การ ถูกตอ้ งตามหลกั การ ถกู ตอ้ งตามหลกั การ ถกู ตอ้ งตามหลกั การ ความคิดเหน็ เขยี น ยกตวั อย่าง เขยี น ยกตวั อยา่ ง เขยี น ยกตวั อยา่ ง เขยี น ยกตวั อย่าง เกี่ยวกบั สาระจาก ประกอบถูกตอ้ งชดั เจน ประกอบถูกตอ้ งชดั เจน ประกอบถูกตอ้ งชดั เจน ประกอบไมช่ ดั เจน บทความ ใชภ้ าษากระชบั ใชภ้ าษากระชบั ใชภ้ าษากระชบั ใชภ้ าษาเขา้ ใจยาก เขา้ ใจงา่ ย เขา้ ใจงา่ ยเป็นส่วนใหญ่ เขา้ ใจงา่ ยเป็นบางสว่ น 2. การเขียนแสดง ถูกตอ้ งตามหลกั การ ถูกตอ้ งตามหลกั การ ถูกตอ้ งตามหลกั การ ถูกตอ้ งตามหลกั การ ความคิดเหน็ เขยี น ยกตวั อย่าง เขยี น ยกตวั อยา่ ง เขยี น ยกตวั อยา่ ง เขยี น ยกตวั อย่าง เกี่ยวกบั สาระจาก ประกอบถูกตอ้ งชดั เจน ประกอบถูกตอ้ งชดั เจน ประกอบถูกตอ้ งชดั เจน ประกอบไมช่ ดั เจน หนังสืออ่านนอก ใชภ้ าษากระชบั เขา้ ใจ ใชภ้ าษากระชบั เขา้ ใจ ใชภ้ าษากระชบั เขา้ ใจ ใชภ้ าษาเขา้ ใจยาก เวลา งา่ ย งา่ ยเป็นส่วนใหญ่ งา่ ยเป็นบางสว่ น 3. การเขียนแสดง ถูกตอ้ งตามหลกั การ ถูกตอ้ งตามหลกั การ ถกู ตอ้ งตามหลกั การ ถกู ตอ้ งตามหลกั การ ความคิดเหน็ เขยี น ยกตวั อย่าง เขยี น ยกตวั อย่าง เขยี น ยกตวั อย่าง เขยี น ยกตวั อย่าง เกี่ยวกบั สาระจาก ประกอบถกู ตอ้ งชดั เจน ประกอบถกู ตอ้ งชดั เจน ประกอบถกู ตอ้ งชดั เจน ประกอบไมช่ ดั เจน ข่าวและเหตุการณ์ ใชภ้ าษากระชบั ใชภ้ าษากระชบั ใชภ้ าษากระชบั ใชภ้ าษาเขา้ ใจยาก ประจาวนั เขา้ ใจงา่ ย เขา้ ใจงา่ ยเป็นส่วนใหญ่ เขา้ ใจงา่ ยเป็นบางส่วน 4. การเขียนแสดง ถูกตอ้ งตามหลกั การ ถกู ตอ้ งตามหลกั การ ถกู ตอ้ งตามหลกั การ ถูกตอ้ งตามหลกั การ ความคิดเหน็ เขยี น ยกตวั อย่าง เขยี น ยกตวั อย่าง เขยี น ยกตวั อยา่ ง เขยี น ยกตวั อยา่ ง เก่ียวกบั สาระจาก ประกอบถกู ตอ้ งชดั เจน ประกอบถูกตอ้ งชดั เจน ประกอบถกู ตอ้ งชดั เจน ประกอบไมช่ ดั เจน เหตกุ ารณ์สาคญั ใชภ้ าษากระชบั ใชภ้ าษากระชบั ใชภ้ าษากระชบั ใชภ้ าษาเขา้ ใจยาก ต่างๆ เขา้ ใจงา่ ย เขา้ ใจงา่ ยเป็นสว่ นใหญ่ เขา้ ใจงา่ ยเป็นบางส่วน 5. การทาแผน่ พบั ถูกตอ้ งตามหลกั การ ถกู ตอ้ งตามหลกั การ ถูกตอ้ งตามหลกั การ ถูกตอ้ งตามหลกั การ ทาแผ่นพบั ใชภ้ าษา ทาแผ่นพบั ใชภ้ าษา ทาแผ่นพบั ใชภ้ าษา ทาแผน่ พบั ใชภ้ าษา กระชบั เขา้ ใจงา่ ย กระชบั เขา้ ใจงา่ ย กระชบั เขา้ ใจงา่ ย กระชบั เขา้ ใจงา่ ย สุภาพ เขยี นถูกตอ้ ง สภุ าพ เขยี นถกู ตอ้ ง สุภาพ เขยี นถกู ตอ้ ง สุภาพ เขยี นไมถ่ ูกตอ้ ง ตามอกั ขรวธิ ี ตามอกั ขรวธิ เี ป็น ตามอกั ขรวธิ ี ตามอกั ขรวธิ ี ส่วนใหญ่ เป็นบางส่วน ช่วงคะแนน 18 - 20 เกณฑ์การตดั สินคณุ ภาพ 10 - 13 ต่ากว่า 10 ระดบั คณุ ภาพ ดมี าก พอใช้ ปรบั ปรุง 14 - 17 ดี 424 หลกั ภาษาฯ ม.1

แบบทดสอบก่อนเรียน หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 5 คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นเลอื กคาตอบท่ถี ูกต้องท่สี ุดเพยี งข้อเดียว 1. การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วขอ้ งกบั ขอ้ ใดน้อยทส่ี ดุ 6. ขอ้ เสนอแนะในการเขยี นแสดงความคดิ เหน็ ควรมลี กั ษณะ ก. การอา่ น ข. การวเิ คราะห์ อย่างไร ค. การวจิ ารณ์ ง. การสงั เคราะห์ ก. เสนอแนะวา่ ควรแกไ้ ขอยา่ งไร แกไ้ ขแลว้ เกดิ ผล 2. การแสดงความคดิ เหน็ ทด่ี ี ควรมลี กั ษณะอย่างไร อยา่ งไร ก. ชแ้ี จงสาเหตทุ ด่ี แี ละไมด่ ใี หช้ ดั เจน ข. แสดงความคดิ เหน็ อยา่ งละเอยี ดในแงท่ เ่ี ป็นประโยชน์ ข. ไม่เสนอแนะแนวทางการแกไ้ ขในเร่อื งทแ่ี สดงความ ตอ่ สว่ นรวม คดิ เหน็ ค. ตอ้ งเขยี นในเร่อื งทผ่ี เู้ ขยี นมคี วามรใู้ นเรอ่ื งนนั้ เป็น ค. หยบิ ยกเฉพาะขอ้ ดเี พยี งอยา่ งเดยี วเพ่อื ใหข้ อ้ มลู อยา่ งดี มขี อ้ มลู อา้ งองิ มคี วามน่าเชอ่ื ถอื ง. ไมใ่ ชอ้ ารมณ์ในการวพิ ากษ์วจิ ารณ์ ไมม่ อี คตติ ่อเรอ่ื ง ง. แสดงความคดิ เหน็ โดยใชอ้ ารมณ์ทส่ี อดคลอ้ งกบั เรอ่ื ง ทแ่ี สดงความคดิ เหน็ หรอื เน้อื หา 7. การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ ในเรอ่ื งใดทจ่ี ะตอ้ งใชค้ วาม 3. การแสดงความคดิ เหน็ ขอ้ ใดสามารถเป็นหลกั ฐานอา้ งองิ ได้ ระมดั ระวงั มากทส่ี ุด ก. การปราศรยั หาเสยี ง ก. การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั แหล่งทอ่ งเทย่ี ว ข. การพดู แสดงความคดิ เหน็ ไทย ค. การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ ข. การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั ความเชอ่ื ทางดา้ น ง. การกลา่ วโตแ้ ยง้ อย่างมเี หตผุ ล ศาสนา 4. ขอ้ ใดสาคญั ทส่ี ุดในการเขยี นแสดงความคดิ เหน็ ค. การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั ความเป็นอยขู่ อง ก. บอกขอ้ ดี ขอ้ ดอ้ ย ชาวชนบท ข. มขี อ้ เสนอแนะในการปรบั ปรงุ แกไ้ ขขอ้ ดอ้ ย ง. การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั การอนุรกั ษ์ ค. ชแ้ี จงสาเหตทุ เ่ี กดิ ขอ้ ดี ขอ้ ดอ้ ยอยา่ งชดั เจน ง. แสดงขอ้ คดิ เหน็ ทเ่ี ป็นประโยชน์ต่อสว่ นรวม สง่ิ แวดลอ้ ม 5. ปัจจบุ นั การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ ทางสอ่ื ตา่ งๆ จะมี 8. “น่าเสยี ดายทภ่ี าพประกอบมนี ้อย แต่กม็ คี รบทุกตอน และ อยา่ งหลากหลาย แสดงใหเ้ หน็ หลกั ความจรงิ ในขอ้ ใด ก. สงั คมมคี วามขดั แยง้ เป็นเพยี งลายเสน้ ดาขาว ถา้ เป็นภาพสจี ะชว่ ยใหห้ นังสอื ข. ประชาชนมเี สรภี าพในการเขยี น เลม่ น้นี ่าอา่ นยงิ่ ขน้ึ ” ค. นักวชิ าการไดร้ บั การสง่ เสรมิ การเขยี น ขอ้ ความน้ถี กู ตอ้ งตามหลกั การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ ขอ้ ใด ก. มคี วามรใู้ นเรอ่ื งทเ่ี ขยี น ง. ประชาชนไดร้ บั การพฒั นาใหก้ ลา้ แสดงออก ข. ไมใ่ ชอ้ ารมณ์ ตอ้ งปราศจากอคติ ค. หยบิ ยกขอ้ ดี ขอ้ ดอ้ ยมาแสดงความคดิ เหน็ อย่าง มเี หตุผล ง. เสนอแนะวา่ ควรแกไ้ ขในสง่ิ ทไ่ี มด่ อี ยา่ งไร ถา้ แกไ้ ขแลว้ จะเกดิ ผลอย่างไร 425 หลกั ภาษาฯ ม.1

9. “แมงมมุ เพ่อื นรกั เป็นหนังสอื อ่านสาหรบั เยาวชนชุดกอ่ น 10.“รอ้ นน้คี นไทยมสี ทิ ธกิ์ ระอกั เลอื ดคา่ ไฟฟ้ามหาโหด กฟผ. นทิ ราอนั ดบั ท่ี 4/21 เขยี นโดย อ.ี บ.ี ไวท์ แปลโดยผใู้ ช้ อา้ งตน้ ทนุ เชอ้ื เพลงิ ซง่ึ เรอ่ื งถงึ คณะกรรมการกากบั กจิ การ นามปากกาว่า มลั ลกิ า” พลงั งาน ขอปรบั คา่ เอฟทใี นรอบเดอื น พ.ค. - ส.ค. ขอ้ ความน้ถี ูกตอ้ งตามหลกั การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ ขอ้ ใด 25 สตางค/์ หน่วย ระบุปลายปีเจอแนวโน้มราคากา๊ ซ ก. มคี วามรใู้ นเรอ่ื งทเ่ี ขยี น ธรรมชาตซิ ้าเตมิ อกี รอบ รฐั บาลหวั หมุนดงึ ปตท. เขา้ ชว่ ย ข. ไมใ่ ชอ้ ารมณ์ ตอ้ งปราศจากอคติ แบกภาระซ้อื เวลา ภาคอตุ สาหกรรมการผลติ รบั ผลกระทบ ค. หยบิ ยกขอ้ ดี ขอ้ ดอ้ ยมาแสดงความคดิ เหน็ อยา่ ง หนัก ชน้ี โยบายรฐั กระทบธรุ กจิ โดยตรง” มเี หตุผล จากขอ้ ความน้เี รยี กวา่ อะไร ง. เสนอแนะวา่ ควรแกไ้ ขในสง่ิ ทไ่ี ม่ดอี ย่างไร ถา้ แกไ้ ขแลว้ ก. สารคดี จะเกดิ ผลอยา่ งไร ข. บทความ ค. เหตกุ ารณ์สาคญั ตา่ งๆ ง. ขา่ วและเหตกุ ารณ์ประจาวนั มฐ. ท 2.1 ม.1/6 ได้คะแนน คะแนนเตม็ 10 เฉลย 1. ง 2. ก 3. ค 4. ข 5. ก 6. ก 7. ข 8. ง 9. ก 10. ง 426 หลกั ภาษาฯ ม.1

แบบทดสอบหลังเรียน หนว่ ยการเรียนร้ทู ่ี 5 คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นเลือกคาตอบท่ถี ูกต้องท่สี ุดเพียงขอ้ เดียว 1. การแสดงความคดิ เหน็ ขอ้ ใดสามารถเป็นหลกั ฐานอา้ งองิ ได้ 5. “แมงมมุ เพอ่ื นรกั เป็นหนงั สอื อ่านสาหรบั เยาวชนชุดกอ่ น ก. การกลา่ วโตแ้ ยง้ อยา่ งมเี หตผุ ล นิทราอนั ดบั ท่ี 4/21 เขยี นโดย อ.ี บ.ี ไวท์ แปลโดยผใู้ ช้ ข. การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ นามปากกาวา่ มลั ลกิ า” ค. การพดู แสดงความคดิ เหน็ ขอ้ ความน้ถี กู ตอ้ งตามหลกั การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ ง. การปราศรยั หาเสยี ง ขอ้ ใด 2. ขอ้ เสนอแนะในการเขยี นแสดงความคดิ เหน็ ควรมลี กั ษณะ ก. เสนอแนะว่าควรแกไ้ ขในสง่ิ ทไ่ี ม่ดอี ย่างไร ถา้ แกไ้ ข อยา่ งไร แลว้ จะเกดิ ผลอยา่ งไร ก. ไม่ใชอ้ ารมณ์ในการวพิ ากษว์ จิ ารณ์ ไมม่ อี คตติ ่อเรอ่ื ง ข. หยบิ ยกขอ้ ดี ขอ้ ดอ้ ยมาแสดงความคดิ เหน็ อยา่ ง ทแ่ี สดงความคดิ เหน็ มเี หตผุ ล ข. ตอ้ งเขยี นในเร่อื งทผ่ี เู้ ขยี นมคี วามรใู้ นเร่อื งนนั้ เป็น ค. ไม่ใชอ้ ารมณ์ ตอ้ งปราศจากอคติ อย่างดี มขี อ้ มลู อา้ งองิ ง. มคี วามรใู้ นเร่อื งทเ่ี ขยี น 6. ปัจจุบนั การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ ทางสอ่ื ตา่ งๆ จะมี ค. แสดงความคดิ เหน็ อยา่ งละเอยี ดในแงท่ เ่ี ป็นประโยชน์ อยา่ งหลากหลาย แสดงใหเ้ หน็ หลกั ความจรงิ ในขอ้ ใด ตอ่ ส่วนรวม ง. เสนอแนะวา่ ควรแกไ้ ขอย่างไร แกไ้ ขแลว้ เกดิ ผลอย่างไร ก. ประชาชนไดร้ บั การพฒั นาใหก้ ลา้ แสดงออก ข. นักวชิ าการไดร้ บั การส่งเสรมิ การเขยี น 3. การแสดงความคดิ เหน็ ทด่ี ี ควรมลี กั ษณะอย่างไร ค. ประชาชนมเี สรภี าพในการเขยี น ก. ไมเ่ สนอแนะแนวทางการแกไ้ ขในเรอ่ื งทแ่ี สดงความ คดิ เหน็ ง. สงั คมมคี วามขดั แยง้ ข. แสดงความคดิ เหน็ โดยใชอ้ ารมณ์ทส่ี อดคลอ้ งกบั เร่อื ง 7. “รอ้ นน้คี นไทยมสี ทิ ธกิ์ ระอกั เลอื ดค่าไฟฟ้ามหาโหด กฟผ. อา้ งตน้ ทนุ เชอ้ื เพลงิ ซง่ึ เรอ่ื งถงึ คณะกรรมการกากบั กจิ การ หรอื เน้อื หา พลงั งาน ขอปรบั คา่ เอฟทใี นรอบเดอื น พ.ค. - ส.ค. ค. หยบิ ยกเฉพาะขอ้ ดเี พยี งอยา่ งเดยี วเพ่อื ใหข้ อ้ มูล 25 สตางค/์ หน่วย ระบุปลายปีเจอแนวโน้มราคากา๊ ซ มคี วามน่าเชอ่ื ถอื ธรรมชาตซิ า้ เตมิ อกี รอบ รฐั บาลหวั หมุนดงึ ปตท. เขา้ ช่วย แบกภาระซอ้ื เวลา ภาคอตุ สาหกรรมการผลติ รบั ผลกระทบ ง. ชแ้ี จงสาเหตทุ ด่ี แี ละไม่ดใี หช้ ดั เจน หนัก ชน้ี โยบายรฐั กระทบธุรกจิ โดยตรง” 4. “น่าเสยี ดายทภ่ี าพประกอบมนี ้อย แตก่ ม็ คี รบทุกตอน และ จากขอ้ ความน้เี รยี กวา่ อะไร ก. ขา่ วและเหตุการณ์ประจาวนั เป็นเพยี งลายเสน้ ดาขาว ถา้ เป็นภาพสจี ะชว่ ยใหห้ นงั สอื เล่มน้นี ่าอ่านยง่ิ ขน้ึ ” ขอ้ ความน้ีถูกตอ้ งตามหลกั การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ ขอ้ ใด ก. เสนอแนะวา่ ควรแกไ้ ขในสง่ิ ทไ่ี มด่ อี ย่างไร ถา้ แกไ้ ขแลว้ ข. เหตกุ ารณ์สาคญั ตา่ งๆ ค. สารคดี จะเกดิ ผลอยา่ งไร ง. บทความ ข. หยบิ ยกขอ้ ดี ขอ้ ดอ้ ยมาแสดงความคดิ เหน็ อยา่ ง 8. การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วขอ้ งกบั ขอ้ ใดน้อยทส่ี ดุ มเี หตผุ ล ก. การสงั เคราะห์ ค. ไมใ่ ชอ้ ารมณ์ ตอ้ งปราศจากอคติ ข. การวเิ คราะห์ ง. มคี วามรใู้ นเร่อื งทเ่ี ขยี น ค. การวจิ ารณ์ ง. การอ่าน 427 หลกั ภาษาฯ ม.1

9. การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ ในเรอ่ื งใดทจ่ี ะตอ้ งใชค้ วาม 10.ขอ้ ใดสาคญั ทส่ี ุดในการเขยี นแสดงความคดิ เหน็ ระมดั ระวงั มากทส่ี ดุ ก. แสดงขอ้ คดิ เหน็ ทเ่ี ป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ก. การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั การอนุรกั ษ์ ข. ชแ้ี จงสาเหตทุ เ่ี กดิ ขอ้ ดี ขอ้ ดอ้ ยอยา่ งชดั เจน สงิ่ แวดลอ้ มโลก ค. มขี อ้ เสนอแนะในการปรบั ปรงุ แกไ้ ขขอ้ ดอ้ ย ข. การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั ความเป็นอยขู่ อง ง. บอกขอ้ ดี ขอ้ ดอ้ ย ชาวชนบท ค. การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั ความเชอ่ื ทางดา้ นศาสนา ง. การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั แหลง่ ทอ่ งเทย่ี วไทย มฐ. ท 2.1 ม.1/6 ไดค้ ะแนน คะแนนเตม็ 10 เฉลย 1. ข 2. ง 3. ง 4. ก 5. ง 6. ง 7. ก 8. ก 9. ค 10. ค 428 หลกั ภาษาฯ ม.1

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 การเขยี นแสดงความคดิ เห็นจากส่ือ เร่ืองท่ี 1 หลกั การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ จากบทความ แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 1 หลกั การเขียนแสดง 1 ชวั่ โมง ความคิดเหน็ จากบทความ 1 สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การศกึ ษาบทความจากสอ่ื จะตอ้ งรหู้ ลกั การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั สาระของบทความ 2 ตวั ชี้วดั /จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 2.1 ตวั ช้ีวดั ท 2.1 ม.1/6 เขยี นแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั สาระจากส่อื ทไ่ี ดร้ บั 2.2 จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ - บอกหลกั การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั สาระจากบทความได้ 3 สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนร้แู กนกลาง  การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั สาระจากสอ่ื ต่างๆ เชน่ - บทความ 3.2 สาระการเรยี นรทู้ ้องถิน่ (พจิ ารณาตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา) 4 สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน 4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทกั ษะการใหเ้ หตผุ ล 2) ทกั ษะการวเิ คราะห์ 4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 5 คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มงุ่ มนั่ ในการทางาน 429 หลกั ภาษาฯ ม.1

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ จากส่ือ เรื่องที่ 1 หลกั การเขียนแสดงความคิดเห็นจากบทความ 6 กิจกรรมการเรียนรู้ วิธีสอนแบบ บรรยาย นักเรียนทาแบบทดสอบก่อนเรยี น หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 5 ขนั้ นาเข้าสู่บทเรยี น คาถามกระตุ้นความคิด ส่อื การเรยี นรู้ : หนงั สอื พมิ พร์ ายวนั  ถ้านักเรยี นจะเขียนบทความและสารคดีท่ีดี นักเรียนควรเขยี นในลกั ษณะใด 1. ครนู าขา่ ว บทความ หรอื สารคดสี นั้ ๆ จากหนงั สอื พมิ พ์ (ใหข้ อ้ มลู ถูกตอ้ งตามความเป็นจรงิ มหี ลกั ฐานอา้ งองิ รายวนั มาอา่ นใหน้ กั เรยี นฟัง แลว้ ใหน้ ักเรยี นแสดงความ ทนี่ ่าเชอื่ ถอื แสดงความคดิ เหน็ ในทางทเี่ ป็น คดิ เหน็ วา่ สงิ่ ทค่ี รอู ่านใหฟ้ ังนัน้ เป็นเร่อื งประเภทใด ประโยชน์) 2. นักเรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ ขนั้ สอน สอ่ื การเรยี นรู้ : 1. หนงั สอื เรยี น หลกั ภาษาฯ ม.1 2. ใบความรู้ เร่อื ง การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ 3. ใบความรู้ เรอ่ื ง ลกั ษณะของบทความและสารคดี 1. ครใู หน้ กั เรยี นศกึ ษาความรเู้ ร่อื ง หลกั การเขยี นแสดงความ คดิ เหน็ และการเขยี นแสดงความคดิ เหน็ ผา่ นสอ่ื ตา่ งๆ จาก หนงั สอื เรยี น และใบความรู้ เรอ่ื ง การเขยี นแสดงความ คดิ เหน็ และเร่อื ง ลกั ษณะของบทความและสารคดี 2. นกั เรยี นและครรู ่วมกนั สรุปประเดน็ ความรู้ จากหนังสอื เรยี น และใบความรู้ เพ่อื ใหเ้ กดิ ความรคู้ วามเขา้ ใจทถ่ี ูกตอ้ ง ขนั้ สรปุ ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้ : – นกั เรยี นรว่ มกนั สรปุ หลกั การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ จาก ส่อื ต่างๆ 430 หลกั ภาษาฯ ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 การเขียนแสดงความคดิ เหน็ จากส่ือ เร่ืองท่ี 1 หลกั การเขยี นแสดงความคิดเห็นจากบทความ 7 การวดั และประเมินผล วิธีการ เครือ่ งมือ เกณฑ์ ตรวจแบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 5 แบบทดสอบกอ่ นเรยี น หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 5 (ประเมนิ ตามสภาพจรงิ ) สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตความมวี นิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ และมุง่ มนั ่ ในการทางาน 8 สื่อ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สือ่ การเรยี นรู้ 1) หนงั สอื เรยี น ภาษาไทย : หลกั ภาษาและการใชภ้ าษา ม.1 2) ใบความรู้ เร่อื ง การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ และเร่อื ง ลกั ษณะของบทความและสารคดี 3) หนงั สอื พมิ พร์ ายวนั 8.2 แหลง่ การเรียนรู้ — 431 หลกั ภาษาฯ ม.1

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 การเขยี นแสดงความคิดเหน็ จากสื่อ เรื่องที่ 1 หลักการเขยี นแสดงความคิดเหน็ จากบทความ ใบความรู้ การเขียนแสดงความคิดเห็น ขนั้ แรกของการเขยี นแสดงความคดิ เหน็ คอื การเขยี นเกรนิ่ นา หรอื อารมั ภบท เทา้ ความถงึ ขอ้ ความทไ่ี ดอ้ ่าน หรอื ไดย้ นิ ไดฟ้ ังมา เม่อื สามารถจบั ประเดน็ ของเรอ่ื งทอ่ี ่าน ทจ่ี ะแสดงความคดิ เหน็ ไดแ้ ลว้ ขนั้ ท่สี อง ควรเขยี นให้ชดั เจนว่าเห็นด้วยหรอื เห็นต่าง สนับสนุนหรอื โต้แย้ง ถ้าสนับสนุนก็ต้องเสนอความ คดิ เห็นคลอ้ ยตาม หรอื เพม่ิ เติมเพ่อื ขยายความคดิ เหน็ ให้กวา้ งข้นึ ละเอยี ดขน้ึ และชดั เจนขน้ึ ไม่ใช่เขยี นซ้าซ้อนกบั ขอ้ ความเดมิ ทม่ี อี ยแู่ ล้ว แต่ถา้ โตแ้ ยง้ กต็ อ้ งมกี ารเสนอความเหน็ ทต่ี ่างออกไป โดยช้ใี หเ้ หน็ ว่า เหตุผลใดจงึ ไม่เหน็ ดว้ ย ดงั นัน้ จะเหน็ ว่า การให้เหตุผลหรอื การอ้างเหตุผลนัน้ เป็นสง่ิ สาคญั ในการแสดงความคดิ เหน็ ไม่ใช่ใชอ้ ารมณ์ความ รสู้ กึ แตเ่ พยี งฝ่ายเดยี ว ขนั้ สดุ ทา้ ย ขนั้ ตอนการสรุปรวม ในประเดน็ ทแ่ี สดงความคดิ เหน็ เพอ่ื เป็นการยา้ ใหผ้ อู้ า่ นไดเ้ กบ็ ไปคดิ ไตร่ตรอง ต่อไป การเขยี นกจ็ ะมลี กั ษณะเดยี วกนั หากไมใ่ ชก่ ารนาเสนอขา่ วหรอื หลกั วชิ าการทแ่ี น่นอนหรอื การบนั ทกึ ประจาวนั แล้วนัน้ ถ้าผู้เขยี นตอ้ งการเสนอความคดิ เห็นส่วนตวั ในเร่อื งใดกบั สงิ่ ทเ่ี ขยี น ควรจะทาตามหลกั การหรอื ขนั้ ตอนทงั้ สามน้ี เพราะ 1. ประเดน็ ทเ่ี ขยี นไมก่ ลายเป็นประเดน็ หวั แตก คอื โยงไปเรอ่ื ยจนสรปุ ไมล่ ง 2. ผู้อ่านได้คดิ ตามจากสงิ่ ทไ่ี ด้อ่าน และมกี ารวเิ คราะห์ พจิ ารณาไตร่ตรองขอ้ มูลท่อี ่านดว้ ยเหตุผล อ้างอิง หรอื ความรคู้ วามเขา้ ใจ 3. หากมกี ารแสดงความคดิ เหน็ กลบั มาไม่ว่าจะเหน็ ดว้ ยหรอื เหน็ ตา่ ง แบบมเี หตผุ ล ไม่ใชก่ ารตอ่ ว่ากนั จนผดิ วตั ถุประสงคข์ องหวั ขอ้ ประเดน็ นนั้ ๆ กย็ ่อมเป็นการขยายความคดิ ของผเู้ ขยี นเองไดด้ ว้ ย ดงั นัน้ การเสนอความคดิ เหน็ ใดๆ ควรเป็นไปในรูปแบบของผมู้ เี หตุและผล ไม่ใช่การใชค้ วามคกึ คะนองของ ถอ้ ยคาหรอื การใชอ้ ารมณ์สว่ นตวั ทข่ี าดเหตผุ ลรองรบั มาเผยแพรจ่ นเกนิ พอดี ที่มา http://www.showded.com/myprofile/mainblog.php?user=JACKULA&jnId=13066 432 หลกั ภาษาฯ ม.1

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 การเขียนแสดงความคิดเห็นจากสื่อ เร่ืองท่ี 1 หลักการเขยี นแสดงความคิดเหน็ จากบทความ บทความ บทความ หมายถึง รูปแบบการเขยี นประเภทหน่ึง ท่ีผู้เขยี นต้องการส่อื สาร ข้อเท็จจรงิ และความคดิ เห็น เกย่ี วกบั เรอ่ื งใดเรอ่ื งหน่งึ แกผ่ อู้ ่าน โดยเน้อื หานาเสนอจากขอ้ เทจ็ จรงิ ไมใ่ ช่เรอ่ื งแตง่ หรอื คดิ ขน้ึ เองจากจนิ ตนาการ ประเภทของบทความ แบง่ ตามเน้อื หาของบทความ แบ่งไดเ้ ป็น 11 ประเภท ไดแ้ ก่ 1. บทบรรณาธิการ เป็นบทความแสดงความคิดเห็นลกั ษณะหน่ึงท่ีเขยี นข้นึ เพ่ือเสนอแนวคิดหลกั ของ หนงั สอื พมิ พฉ์ บบั นนั้ ตอ่ เรอ่ื งใดเรอ่ื งหน่งึ 2. บทความสมั ภาษณ์ เป็นบทความทเ่ี ขยี นขน้ึ จากการสมั ภาษณ์บุคคลเกย่ี วกบั ความคดิ เหน็ ต่อเร่อื งใดเร่อื ง หน่งึ หรอื หลายเร่อื ง หรอื เกย่ี วกบั ชวี ติ ของบุคคล หรอื จากการสมั ภาษณ์บคุ คลหลายคนในหวั ขอ้ เดยี วกนั 3. บทความแสดงความคดิ เหน็ ทวั่ ๆ ไป มเี น้ือหาหลายลกั ษณะ เช่น หยบิ ยกปัญหา เหตุการณ์ หรอื เร่อื งท่ี ประชาชนสนใจมาแสดงความคิดเห็น หรอื ผู้เขยี นเสนอความคดิ เห็นสนับสนุน หรอื คดั ค้าน หรอื ทงั้ สนับสนุนแล ะ คดั คา้ นความคดิ เหน็ ในเรอ่ื งเดยี วกนั ของคนอ่นื ๆ เป็นตน้ 4. บทความวิเคราะห์ เป็นบทความแสดงความคิดเห็นอย่างหน่ึง ผู้เขียนจะพิจารณาเร่อื งใดเร่อื งหน่ึงท่ี เผยแพร่มาแล้วอย่างละเอียด โดยแยกแยะให้เห็นส่วนต่างๆ ของเร่อื งนัน้ ผู้เขยี นเสนอความคิด และวิเคราะห์ เหตุการณ์เร่อื งราวนัน้ อย่างละเอียด แสดงข้อเท็จจรงิ เหตุผล เพ่อื ให้ผู้อ่านได้ความรู้ ความคิดเห็นเพม่ิ เติม เกิด ความคดิ ทช่ี ดั เจนยง่ิ ขน้ึ แบ่งเป็นบทความวเิ คราะหข์ า่ ว และบทความวเิ คราะหป์ ัญหา 5. บทความวจิ ารณ์ เขยี นเพ่อื แสดงความคดิ เห็นในเชงิ วจิ ารณ์เร่อื งราวทต่ี ้องการวจิ ารณ์ ดว้ ยเหตุผล และ หลกั วชิ าเป็นสาคญั เช่น “บทวจิ ารณ์วรรณกรรม” แสดงความคดิ เหน็ เชงิ วจิ ารณ์และประเมนิ ค่า โดยใชห้ ลกั วชิ า และ เหตุผล เพ่ือให้ผู้อ่านได้รู้จกั วรรณกรรมเร่อื งนัน้ ๆ อย่างลึกซ้ึง และ “บทวจิ ารณ์ศิลปะแขนงอ่ืนๆ” ซ่ึงมีลกั ษณะ เช่นเดียวกับบทวจิ ารณ์วรรณกรรม แต่นาผลงานท่เี ป็นศลิ ปะแขนงอ่ืนๆ เช่น ภาพยนตร์ ละคร ภาพเขยี น ดนตรี มาวจิ ารณ์ 6. บทความสารคดที ่องเทย่ี ว มเี น้ือหาแนวบรรยาย เล่าเรอ่ื งเก่ยี วกบั สถานทท่ี ่องเทย่ี วต่างๆ ทม่ี ที ศั นียภาพ สวยงามหรอื มคี วามสาคญั ในดา้ นต่างๆ เพ่อื แนะนาใหผ้ อู้ ่านรจู้ กั สถานทท่ี ่องเท่ียวต่างๆ ชกั ชวนใหส้ นใจ ไปพบเหน็ สถานทน่ี นั้ ๆ 7. บทความกง่ึ ชวี ประวตั ิ เป็นการเขยี นบางส่วนของชวี ติ บคุ คลเพ่อื ใหผ้ อู้ า่ นทราบ โดยเฉพาะคุณสมบตั ิ หรอื ผลงานเด่นทท่ี าใหบ้ ุคคลนนั้ มชี อ่ื เสยี งประสบความสาเรจ็ ในชวี ติ เพ่อื ช่นื ชม ยกย่อง เจา้ ของประวตั ิ และช้ใี หผ้ อู้ ่านได้ แงค่ ดิ เพ่อื เป็นแนวทางในการดาเนนิ ชวี ติ ใหป้ ระสบความสาเรจ็ 8. บทความครบรอบปี มเี น้ือหาแนวบรรยายเลา่ เร่อื งเกย่ี วกบั เร่อื งราว เหตุการณ์ พธิ กี ารในเทศกาลหรอื วนั สาคญั เช่น วนั สาคญั ทางศาสนา ทางประวตั ศิ าสตร์ ทางวฒั นธรรม เกย่ี วกบั บุคคลสาคญั เป็นตน้ เป็นสงิ่ ทป่ี ระชาชน สนใจเม่อื โอกาสนนั้ มาถงึ เชน่ วนั วสิ าขบชู า เป็นตน้ 9. บทความให้ความรู้ทวั่ ไป ผู้เขยี นจะอธบิ ายให้ความรูค้ าแนะนาในเร่อื งทวั่ ๆ ไปท่ใี ช้ในการดาเนิน ชีวิต ประจาวนั เช่น มารยาทการเขา้ สงั คม การแต่งกายใหเ้ หมาะแก่กาลเทศะและบุคลกิ ภาพ เคล็ดลบั การครองชีวติ คู่ เป็นตน้ 10. บทความเชงิ ธรรมะ จะอธบิ ายขอ้ ธรรมะใหผ้ อู้ ่านทวั่ ๆ ไปเขา้ ใจไดง้ า่ ย หรอื ใหค้ ตแิ นวทางการดาเนนิ ชวี ติ ตามแนวพุทธศาสนา เสนอหนทางแกป้ ัญหาตามแนวพุทธปรชั ญา ปัจจุบนั บทความลกั ษณะน้ีมมี ากขน้ึ เพ่อื ใหผ้ อู้ ่าน มแี นวทางการดาเนนิ ชวี ติ ในสงั คมทว่ี กิ ฤตไดอ้ ย่างปกตสิ ุข มากขน้ึ 433 หลกั ภาษาฯ ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 การเขยี นแสดงความคิดเห็นจากส่ือ เร่ืองที่ 1 หลกั การเขยี นแสดงความคิดเห็นจากบทความ 11. บทความวชิ าการ มเี น้ือหาแสดงขอ้ เท็จจรงิ ขอ้ ความรทู้ างวชิ าการเร่อื งใดเร่อื งหน่ึงในสาขาวชิ าใดวชิ า หน่งึ โดยเฉพาะ ผเู้ ขยี นอาจจะเสนอเฉพาะเน้อื หาสาระทางวชิ าการหรอื เสนอทงั้ เน้อื หาสาระขอ้ เทจ็ จรงิ และแสดงความ คดิ เหน็ ในเชงิ วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ หรอื อาจเสนอผลการวจิ ยั วตั ถปุ ระสงคข์ องบทความ 1. เพ่อื ใหผ้ อู้ ่านไดร้ บั ความรเู้ กย่ี วกบั เรอ่ื งใดเร่อื งหน่งึ 2. เพอ่ื ใหผ้ อู้ ่านไดร้ บั ขอ้ เทจ็ จรงิ เกย่ี วกบั เรอ่ื งใดเรอ่ื งหน่งึ 3. เพ่อื ใหผ้ อู้ ่านไดร้ บั ขอ้ คดิ เหน็ เกย่ี วกบั เรอ่ื งใดเรอ่ื งหน่งึ 4. เพ่อื ใหผ้ อู้ า่ นไดร้ บั แนวทางปฏบิ ตั เิ กย่ี วกบั เร่อื งใดเร่อื งหน่งึ 5. เพอ่ื ใหผ้ อู้ ่านไดร้ บั วธิ กี ารแกป้ ัญหาเกย่ี วกบั เรอ่ื งใดเรอ่ื งหน่งึ 6. เพอ่ื ใหผ้ อู้ า่ นไดร้ บั ขอ้ คดิ เกย่ี วกบั เร่อื งใดเร่อื งหน่งึ 7. เพ่อื ใหผ้ อู้ า่ นไดร้ บั แรงบนั ดาลใจเกย่ี วกบั เร่อื งใดเร่อื งหน่งึ 8. เพ่อื ใหผ้ อู้ า่ นไดร้ บั ขอ้ แนะนาเกย่ี วกบั เรอ่ื งใดเร่อื งหน่งึ 9. เพอ่ื ใหผ้ อู้ ่านไดร้ บั ขอ้ เสนอแนะเกย่ี วกบั เร่อื งใดเรอ่ื งหน่งึ บทความ เป็นการส่อื สารดว้ ยความเรยี งประเภทหน่งึ ซง่ึ อาจมจี ุดประสงคเ์ ดยี วหรอื หลายจุดประสงค์ เชน่ เพ่อื นาเสนอความรู้ ขอ้ เทจ็ จรงิ ความคดิ เหน็ ตงั้ ขอ้ สงั เกต วเิ คราะห์ วจิ ารณ์ เป็นต้น โดยต้องเขยี นอย่างมหี ลกั ฐาน มี เหตุผล น่าเชอ่ื ถอื หากมขี อ้ เสนอแนะใดๆ ตอ้ งเป็นไปในทางทส่ี รา้ งสรรค์ ลกั ษณะของบทความที่ดี บทความทด่ี ี ควรมลี กั ษณะทส่ี าคญั 4 ประการ คอื 1. มเี อกภาพ เน้ือหาของบทความมคี วามเป็นอนั หน่งึ อนั เดยี วกนั มที ศิ ทางของเน้ือหาเป็นไปในทางเดยี วกนั เพ่อื มงุ่ สปู่ ระเดน็ หลกั ทต่ี อ้ งการนาเสนอ 2. มกี ารเน้นขอ้ ความสาคญั ผู้เขยี นต้องเน้นย้าประเด็นสาคญั ให้ชดั เจนว่า ต้องการนาเสนอแนวคดิ สาคญั อะไร ดว้ ยประโยคใจความสาคญั หรอื สาระสาคญั ทโ่ี ดดเด่น เน้ือความตลอดเร่อื งควรกล่าวย้าประเดน็ หลกั ของเร่อื ง เสมอ 3. มสี มั พนั ธภาพ มคี วามตอ่ เน่ืองสมั พนั ธก์ นั โดยตลอด ทงั้ ในดา้ นการเรยี บเรยี งถ้อยคา ขอ้ ความและการจดั ลาดบั เร่อื ง ทุกประโยคในแต่ละย่อหน้า และทุกย่อหน้าในแต่ละเร่อื งต้องเช่อื มโยงเขา้ ด้วยกนั ด้วยการใช้คาเช่อื ม ข้อความ ได้แก่ คาบุพบท เช่น กับ แต่ แด่ เพ่ือ คาสนั ธาน เช่น และ รวมทงั้ ตลอดจน นอกจากน้ี คาประพันธ สรรพนาม เช่น ท่ี ซง่ึ อนั เป็นตน้ 4. มีความกระจ่าง มีความสมบูรณ์ในด้านเน้ือหา มีเน้ือความชัดเจนกระจ่างแจ้ง อธิบายได้ครอบคลุม ความคิดหลักท่ีต้องการนาเสนอ ข้อมูลท่ีนาเสนอเป็ นข้อเท็จจริงท่ีถูกต้อง หากเป็ นความคิดเห็นต้องมีความ สมเหตุสมผล นอกจากน้ีตอ้ งมคี วามสมบูรณ์ดา้ นการใชภ้ าษา คอื ตอ้ งเลอื กใชภ้ าษาใหเ้ หมาะสมกบั จุดมุ่งหมายการ เขยี นประเภทของบทความ เน้อื หาบทความ และกลมุ่ ผอู้ า่ นนนั่ เอง ที่มา http://www.academic.hcu.ac.th/forum/board_posts.asp?FID=217&UID= 434 หลกั ภาษาฯ ม.1

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 การเขยี นแสดงความคิดเห็นจากส่ือ เร่ืองที่ 1 หลักการเขยี นแสดงความคดิ เหน็ จากบทความ สารคดี สารคดี เป็นงานเขยี นหรอื วรรณกรรมรอ้ ยแกว้ ในลกั ษณะตรงขา้ มกบั บนั เทงิ คดี (Fiction) ทม่ี ุ่งใหส้ าระความรู้ แก่ผอู้ ่านเป็นเบ้อื งตน้ มคี วามเพลดิ เพลนิ เป็นเบอ้ื งหลงั ทม่ี ุ่งแสดงความรู้ ความคดิ ความจรงิ ความกระจ่างแจง้ และ เหตุผลเป็นสาคญั อาจจะเขยี นเชงิ อธบิ าย เชงิ วจิ ารณ์ เชงิ แนะนาสงั ่ สอน เป็นตน้ ลกั ษณะของสารคดี ถงึ แมว้ า่ งานเขยี นสารคดจี ะมงุ่ ใหค้ วามรู้ ขอ้ เทจ็ จรงิ หรอื ความคดิ เหน็ แก่ผอู้ า่ นเป็นสาคญั แต่กย็ ากทจ่ี ะตดั สนิ ว่างานเขยี นชน้ิ ไหนไมใ่ ชส่ ารคดี ลกั ษณะของงานเขยี นสารคดมี ดี งั น้ี 1. การเสนอขอ้ มลู หรอื เน้ือหาสาระเป็นขอ้ เทจ็ จรงิ โดยเน้นเน้ือหาสาระ เร่อื งราว เหตุการณ์ ตวั บุคคล หรอื สถานท่ตี ้องเป็นขอ้ เท็จจรงิ และยงั เป็นการเสนอขอ้ มูลท่ผี ู้เขยี นได้ศกึ ษา สงั เกต สารวจ หรอื วิเคราะห์ตีความเป็น อย่างดแี ลว้ 2. มจี ุดประสงคใ์ หผ้ อู้ า่ นไดร้ บั ความรแู้ ละความเพลดิ เพลนิ ในการอ่าน เป็นสองสว่ นทแ่ี ยกกนั ไมไ่ ด้ 3. การเขยี นสารคดอี าจใชจ้ นิ ตนาการประกอบได้ (อาจมหี รอื ไม่มกี ไ็ ด)้ เป็นการสรา้ งภาพตามความนึกคดิ ท่ี เกดิ จากอารมณ์ความรสู้ กึ ของผเู้ ขยี นเป็นการสรา้ งภาพทเ่ี กดิ ขน้ึ จากการวเิ คราะห์ สงั เกต พจิ ารณาจากขอ้ มลู ทเ่ี ป็น ขอ้ เทจ็ จรงิ 4. สารคดตี ้องเป็นงานเขยี นทส่ี รา้ งสรรค์ เป็นการนาเสนอความคดิ เหน็ และทศั นะท่เี ป็นประโยชน์แก่ผอู้ ่าน โดยทวั่ ๆ ไป ไม่ใชส่ รา้ งสรรคใ์ หแ้ ก่บคุ คลใดโดยเฉพาะ ประเภทของสารคดี 1. ความเรียง เป็นการเขยี นสารคดที ่เี น้นเร่อื งการแสดงความคดิ เห็น ซ่งึ ไดจ้ ากประสบการณ์การค้นควา้ หรอื ความคดิ ของผเู้ ขยี น 1.1 ความเรยี งแสดงข้อคิด ความเรยี งทผ่ี ู้เขยี นมุ่งแสดงขอ้ คดิ เป็นหลกั ข้อคดิ อนั เป็นปรชั ญาของชวี ิต เป็นแนวทางสรา้ งสรรคห์ รอื พฒั นาตนเองและสงั คมใหด้ ขี น้ึ ในรปู แบบการนาเสนอแบบบอกเล่า แนะนา สงั ่ สอน หรอื ใชว้ ธิ ปี ระมวลแนวคดิ ต่างๆ เสนอแกผ่ อู้ ่าน เช่น ในท่ามกลางอารยธรรมผุกร่อน ของ พจนา จนั ทรสนั ติ โลกทงั้ ผองพ่ี น้องกนั ของ มหาตมะ คานธี แปลโดย กรณุ า และเรอื งอไุ ร กศุ ลาสยั พอ่ แม่สมบูรณ์แบบ ของ พุทธทาสภกิ ขุ มุมทไ่ี ม่ มเี หลย่ี ม ของ เนาวรตั น์ พงษไ์ พบลู ย์ เป็นตน้ 1.2 ความเรยี งเบาสมอง เป็นความเรยี งท่ผี เู้ ขียนมุ่งให้ผู้อ่านได้รบั สาระและความสนุกสนานไปดว้ ยกนั คลา้ ยบนั เทงิ คดี เพยี งแต่เน้ือหาสาระเป็นเร่อื งจรงิ เช่น ลูกเล่นลูกฮา ของทนิ วฒั น์ มฤคพทิ กั ษ์ อารมณ์ขนั ของคกึ ฤทธิ์ ของ วลิ าศ มณวี ฒั ิ สาวเอยจะบอกให้ ของ นเรศ นโรปกรณ์ เป็นตน้ 2. บทความ เน้นขอ้ เทจ็ จรงิ โดยใชห้ ลกั ฐานอา้ งองิ ประกอบในลกั ษณะวเิ คราะหป์ ัญหาขดั แยง้ ต่างๆ หรอื ใน การเสนอความเหน็ ทศั นคตขิ องผู้เขยี นต่อเร่อื งท่กี าลงั เกิดข้นึ หรอื ต่อเหตุการณ์ทก่ี าลงั อยู่ ในความสนใจของสงั คม นิยมใชภ้ าษาทก่ี ระชบั เป็นทางการ สวยงาม เรยี บงา่ ย ชดั เจน บทความบรรยาย เขยี นเลา่ เร่อื งราวหรอื เหตกุ ารณ์ต่างๆ ทผ่ี เู้ ขยี นประสบมา ใชภ้ าษาเรยี บงา่ ย บทความแสดงความคดิ เหน็ เสนอความคดิ เชงิ โตแ้ ยง้ หรอื สนบั สนุน แต่เป็นความคดิ ทแ่ี ปลกใหม่ บทความวเิ คราะห์ เขยี นเพอ่ื วเิ คราะหเ์ รอ่ื งราว หรอื เหตกุ ารณใ์ ดเหตุการณ์หน่งึ ภาษาทใ่ี ชค้ วรเป็นภาษาท่ี ชดั เจน อ่านเขา้ ใจงา่ ย เน้นย้าประเดน็ สาคญั ของเร่อื ง บทความวิจารณ์ เป็นบทความท่ีคล้ายคลงึ กบั บทความประเภทแสดงความคิดเห็น แต่จะเป็น เชิงวจิ ารณ์ ซง่ึ ผเู้ ขยี นตอ้ งมคี วามรู้ มเี หตุผลและมหี ลกั วชิ าเพ่อื สนบั สนุนขอ้ วจิ ารณ์นนั้ ๆ 435 หลกั ภาษาฯ ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 การเขียนแสดงความคดิ เหน็ จากสื่อ เรื่องท่ี 1 หลกั การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ จากบทความ บทความสารคดี สารคดีเป็นช่ือเรียกบทความท่ีมีเน้ือหาสาระน่าสนใจเป็นพิเศษ ให้ทงั้ ความรู้และความ เพลิดเพลินแก่ผู้อ่าน โดยเน้นท่ีความรู้เป็นสาคญั ส่วนความเพลิดเพลนิ เป็นผลจากกลวิธีการเขยี น ส่วนมากจึง กลายเป็นหนังสอื สารคดี สารคดมี หี ลายประเภท เช่น สารคดชี วี ประวตั ิ สารคดที ่องเทย่ี ว สารคดบี นั ทกึ (จดหมายเหตุ อนุทนิ ) เป็นตน้ บทความวชิ าการ เป็นบทความท่ผี ู้เขยี นมุ่งแสดง หรอื ถ่ายทอดความรูเ้ ร่อื งใดเร่อื งหน่ึงโดยตรงแก่ผู้อ่านใน แขนงสาขาความรู้ต่างๆ และควรมเี ชงิ อรรถ บรรณานุกรม หรอื หนังสอื อ้างองิ ทา้ ยเร่อื ง ภาษาท่ใี ช้เป็นภาษาทเ่ี ป็น แบบแผน คอื ถูกตอ้ ง กระชบั ชดั เจน เขา้ ใจงา่ ย อาจมรี ูปภาพ ตาราง กราฟ หรอื แผนภูมปิ ระกอบเพ่อื ช่วยใหเ้ ขา้ ใจ ง่ายขน้ึ ซ่งึ อาจเป็นในรูปแบบรายงานทางวชิ าการ เป็นรายงานผลการวจิ ยั หรอื อาจเป็นบทความทพ่ี มิ พ์ในวารสาร เป็นตน้ 3. สารคดีท่องเที่ยว คอื วรรณกรรมรอ้ ยแกว้ ทผ่ี ู้เขยี นบันทกึ เร่อื งราวทไ่ี ดป้ ระสบในการท่องเท่ยี ว โดยให้ ความรทู้ างดา้ นสภาพทอ้ งถน่ิ สภาพของคน ความเป็นอย่ขู องคน ความรทู้ างภมู ศิ าสตร์ ประวตั ศิ าสตร์ โบราณสถาน ประเพณี วฒั นธรรม การทามาหากนิ หรอื ทพ่ี กั ผอ่ นหยอ่ นใจ เป็นตน้ แบบเล่าไปเรอื่ ยๆ มกั เล่าเหตุการณ์เป็นลาดบั เช่น ไกลบ้าน พระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอม- เกล้าเจา้ อย่หู วั ฉากญป่ี ุ่น และ ถกเขมร ของ ม.ร.ว. คกึ ฤทธิ์ ปราโมช สวรรค์เวยี นนา ของ เรอื ใบร่อนไปไตห้ วนั ของ ลมลู อตพิ ยคั ฆ์ เป็นตน้ แบบเล่าเป็นเชงิ เปรยี บเทยี บ แสดงขอ้ เปรยี บเทยี บขอ้ ดี ขอ้ ดอ้ ยสถานท่ไี ปพบ เช่น จดหมายถึงเพ่อื น ของ วาณิช จรุงกจิ อนันต์ ปลดั เปลง่ เทย่ี วรอบโลก ของ เปล่ง วเิ ทยี มลกั ษณ์ เป็นตน้ 4. สารคดีชีวประวตั ิ เป็นงานเขยี นท่ีกล่าวถึงเร่อื งราว และพฤติกรรมของบุคคลจริง จะเขยี นเน้นด้าน บุคลกิ ภาพ ความรู้ และความคดิ เหน็ ในด้านต่างๆ ตลอดจนผลงานท่นี ่าสนใจเพ่อื นาประวตั ชิ วี ติ นัน้ มาศกึ ษาแง่มุม ตา่ งๆ หากเป็นงานเขยี นทผ่ี อู้ น่ื เขยี นเรยี กวา่ ชวี ประวตั ิ แตห่ ากผเู้ ขยี นเขยี นเรอ่ื งราวชวี ติ ตนเองเรยี กวา่ อตั ชวี ประวตั ิ ชวี ประวตั แิ บบจำลองลกั ษณ์ เป็นการเขยี นแบบถ่ายภาพใหเ้ หมอื นตวั จรงิ ของเจา้ ของชวี ประวตั ิ การเขยี นจงึ เน้นการอธบิ ายรปู รา่ ง ความคดิ รสนยิ ม และอุปนิสยั อย่างตรงไปตรงมา โดยการใชภ้ าษาทส่ี ละสลวยเป็นพเิ ศษ ชวี ประวตั แิ บบสดดุ ี หรอื ชนื่ ชม มุ่งเน้นการเขยี นชวี ประวตั บิ คุ คลเพ่อื สรรเสรญิ จงึ เน้นดา้ นความสาเรจ็ ชีวประวัติแบบรอบวง เป็ นการเขียนโดยมุ่งให้ผู้อ่านเห็นความสาคัญของชีวประวัติเพียงด้านใด ดา้ นหน่งึ โดยเฉพาะ อตั ชวี ประวตั ิ เป็นการเขยี นเล่าประวตั ิชวี ติ ของตนเอง อาจเล่าเร่อื งชวี ติ ของตนโดยตรง หรอื เล่าในเชงิ บนั ทกึ เหตุการณ์แลว้ แทรกประวตั ติ นเองลงไปดว้ ย 5. อนุทิน เป็นการบนั ทกึ ความจา ประสบการณ์ในชวี ติ ประจาวนั ตลอดจนเหตุการณ์ทเ่ี กิดขน้ึ ในช่วงชวี ติ เชน่ บนั ทกึ รายวนั ของ สมเดจ็ เจา้ ฟ้ามหาวชริ ณุ หศิ 6. จดหมาย เป็นจดหมายท่ีเขยี นโต้ตอบกนั ระหว่างคน 2 คน หรอื ฝ่ ายใดเขยี นข้นึ ฝ่ ายเดียวก็ได้ เช่น ไกลบ้าน ซ่ึงเป็นพระราชหตั ถเลขาทพ่ี ระบาทสมเด็จพระจุลเกล้าเจา้ อยู่หวั ทรงเขยี นถงึ เจา้ ฟ้าหญิงนิภานพดลฝ่ าย เดยี ว พอ่ สอนลูก ของ นายทวี บุณยเกตุ อดตี นายกรฐั มนตรี ซง่ึ เขยี นถงึ ลูกในขณะลภ้ี ยั การเมอื งอยใู่ นปีนงั ส่วนสาสน์ สมเดจ็ เป็นจดหมายโตต้ อบระหว่างสมเดจ็ กรมพระยาดารงราชานุภาพ กบั สมเดจ็ เจา้ ฟ้ากรมพระยานรศิ รานุวตั วิ งศ์ และบนั ทกึ ความรู้ เป็นจดหมายโต้ตอบระหว่างสมเด็จเจ้าฟ้ากรมพระยานรศิ รานุวตั ิวงศ์กับ พระยาอนุมานราชธน เป็นตน้ 436 หลกั ภาษาฯ ม.1

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ จากส่ือ เร่ืองท่ี 1 หลกั การเขยี นแสดงความคดิ เห็นจากบทความ 7. บนั ทึกและความทรงจา บนั ทึก คอื เร่อื งราวหรอื เหตุการณ์ ท่บี ุคคลบนั ทึกระหว่างปฏิบตั งิ านสาคญั เก่ียวขอ้ งกบั คนหมู่มาก เช่น บนั ทึกของทูตไทยของนายบุญชนะ อตั ถากร บนั ทึกไวข้ ณะดารงตาแหน่งรฐั มนตรี กระทรวงเศรษฐการ (ชอ่ื กระทรวงสมยั นนั้ ) และเหตเุ กดิ ในกรุงรตั นโกสนิ ทร์ ของ วสิ ษิ ฐ์ เดชกุญชร เป็นตน้ สว่ นความ ทรงจา คอื เร่อื งราวในอดตี ทผ่ี แู้ ต่งพยายามเขยี นเล่าดว้ ยการนึกทบทวนประสบการณ์ของตนเอง เช่น ความทรงจา ของ สมเดจ็ พระยาดารงราชานุภาพ และฟ้ืนความหลงั ของ เสฐยี รโกเศศ (พระยาอนุมานราชธน) เป็นตน้ 8. จดหมายเหตุ เป็นบนั ทึกเหตุการณ์สาคญั ทางประวตั ิศาสตร์ ส่วนมากเป็นเร่อื งราวของทางราชการ หรอื ก่ึงราชการ เช่น จดหมายเหตุของลาลูแบร์ (เม่ือ พ.ศ.2230) จดหมายเหตุเสด็จประพาสยุโรป ร.ศ.116 ของ พระยาศรสี หเทพ (เสง็ ) และจดหมายเหตุความทรงจา ของ กรมหลวงนรนิ ทรเทวี เป็นตน้ 9. คติธรรม เป็นงานเขยี นท่มี ุ่งสอนจรยิ ธรรม หรอื ศลี ธรรม โดยเรยี บเรยี งเร่อื งธรรมะใหเ้ ขา้ ใจงา่ ยข้นึ เช่น สนิมในใจของ พ.อ.ปิ่น มุทุกนั ต์ ธรรมกบั ไทย : ในสถานการณ์ปัจจุบนั ของพระธรรมปิฏก (ป.อ.ปยุตโต) ตามรอย พระอรหนั ต์ ของพทุ ธทาสภกิ ขุ และเสยี งศลี ธรรม ของ แปลก สนธริ กั ษ์ เป็นตน้ 10. บทสมั ภาษณ์ เป็นงานเขยี นทเ่ี กดิ จากการสมั ภาษณ์บุคคล และมเี น้อื เร่อื งเป็นสาระประโยชน์ ที่มา http://www.th.wikipedia.org/wiki 437 หลกั ภาษาฯ ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 การเขียนแสดงความคิดเหน็ จากส่ือ เร่ืองที่ 1 หลักการเขยี นแสดงความคดิ เหน็ จากบทความ แบบสงั เกตพฤติกรรม การทางานรายบคุ คล คาชี้แจง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ ลงในชอ่ ง ทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน ลาดบั ชื่อ-สกลุ ความมวี ินัย ความมนี ้าใจ การรบั ฟัง การแสดง การตรงต่อ รวม ที่ ของผรู้ บั การ 4321 เอื้อเฟื้ อ ความคิดเหน็ ความคิดเหน็ เวลา 20 เสียสละ คะแนน ประเมิน 432 1 4321 4321 4321 ลงชอ่ื ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.................../................ เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั้ ให้ 3 คะแนน 18 - 20 ดมี าก ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน 14 - 17 ดี ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครงั้ ให้ 1 คะแนน 10 - 13 พอใช้ ต่ากว่า 10 ปรบั ปรุง 438 หลกั ภาษาฯ ม.1

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 การเขยี นแสดงความคิดเหน็ จากส่ือ เร่ืองที่ 1 หลักการเขยี นแสดงความคดิ เห็นจากบทความ แบบประเมิน คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ คาชี้แจง : ให้ ผ้สู อน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหวา่ งเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ ลงในชอ่ ง ทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน คณุ ลกั ษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน อนั พงึ ประสงคด์ า้ น 4321 1. รกั ชาติ ศาสน์ 1.1 ยนื ตรงเมอ่ื ไดย้ นิ เพลงชาติ รอ้ งเพลงชาตไิ ด้ และอธบิ ายความหมายของ เพลงชาติ กษตั ริย์ 1.2 ปฏบิ ตั ติ นตามสทิ ธแิ ละหน้าทข่ี องนกั เรยี น 2. ซ่ือสตั ย์ สจุ ริต 1.3 ใหค้ วามรว่ มมอื รว่ มใจ ในการทางานกบั สมาชกิ ในชนั้ เรยี น 3. มวี ินัย รบั ผิดชอบ 1.4 เขา้ รว่ มกจิ กรรมทส่ี รา้ งความสามคั คี ปรองดอง และเป็นประโยชน์ตอ่ โรงเรยี นและชุมชน 4. ใฝ่ เรยี นรู้ 1.5 เขา้ รว่ มกจิ กรรมทางศาสนาทต่ี นนบั ถอื ปฏบิ ตั ติ นตามหลกั ของศาสนา 5. อย่อู ย่างพอเพียง 1.6 เขา้ รว่ มกจิ กรรมทเ่ี กย่ี วกบั สถาบนั พระมหากษตั รยิ ต์ ามทโ่ี รงเรยี น และชุมชนจดั ขน้ึ 2.1 ใหข้ อ้ มลู ทถ่ี ูกตอ้ ง และเป็นจรงิ 2.2 ปฏบิ ตั ใิ นสงิ่ ทถ่ี กู ต้อง ละอาย และเกรงกลวั ทจ่ี ะทาความผดิ ทาตาม สญั ญาทต่ี นใหไ้ วก้ บั เพอ่ื น พ่อแมห่ รอื ผปู้ กครอง และครู 2.3 ปฏบิ ตั ติ อ่ ผอู้ น่ื ดว้ ยความซอ่ื ตรง 3.1 ปฏบิ ตั ติ ามขอ้ ตกลง กฎเกณฑ์ ระเบยี บ ขอ้ บงั คบั ของครอบครวั และโรงเรยี น มคี วามตรงตอ่ เวลาในการปฏบิ ตั กิ จิ กรรมต่างๆ ในชวี ติ ประจาวนั 4.1 แสวงหาขอ้ มลู จากแหล่งการเรยี นรตู้ ่างๆ 4.2 มกี ารจดบนั ทกึ ความรอู้ ย่างเป็นระบบ 4.3 สรปุ ความรไู้ ดอ้ ยา่ งมเี หตผุ ล 5.1 ใชท้ รพั ยส์ นิ ของตนเอง เช่น สง่ิ ของ เครอ่ื งใช้ ฯลฯ อยา่ งประหยดั คมุ้ ค่า และเกบ็ รกั ษาดแู ลอย่างดี และใชเ้ วลาอยา่ งเหมาะสม 5.2 ใชท้ รพั ยากรของส่วนรวมอย่างประหยดั คมุ้ ค่า และเกบ็ รกั ษาดแู ลอยา่ งดี 5.3 ปฏบิ ตั ติ นและตดั สนิ ใจดว้ ยความรอบคอบ มเี หตผุ ล 5.4 ไม่เอาเปรยี บผอู้ น่ื และไม่ทาใหผ้ ูอ้ น่ื เดอื ดรอ้ น พรอ้ มใหอ้ ภยั เมอ่ื ผอู้ ่นื กระทาผดิ พลาด 439 หลกั ภาษาฯ ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 การเขยี นแสดงความคิดเห็นจากสื่อ เร่ืองท่ี 1 หลกั การเขยี นแสดงความคิดเหน็ จากบทความ คณุ ลกั ษณะ รายการประเมิน ระดบั คะแนน อนั พงึ ประสงคด์ า้ น 4321 5.5 วางแผนการเรยี น การทางานและการใชช้ วี ติ ประจาวนั บนพน้ื ฐานของ ความรู้ ขอ้ มลู ขา่ วสาร 5.6 รเู้ ทา่ ทนั การเปลย่ี นแปลงทางสงั คม และสภาพแวดลอ้ ม ยอมรบั และ ปรบั ตวั อยรู่ ว่ มกบั ผอู้ น่ื ไดอ้ ย่างมคี วามสขุ 6. ม่งุ มนั ่ ในการ 6.1 มคี วามตงั้ ใจและพยายามในการทางานทไ่ี ดร้ บั มอบหมาย ทางาน 6.2 มคี วามอดทนและไม่ทอ้ แทต้ อ่ อปุ สรรคเพ่อื ใหง้ านสาเรจ็ 7. รกั ความเป็นไทย 7.1 มจี ติ สานึกในการอนุรกั ษ์วฒั นธรรมและภมู ปิ ัญญาไทย 7.2 เหน็ คณุ คา่ และปฏบิ ตั ติ นตามวฒั นธรรมไทย 8. มจี ิตสาธารณะ 8.1 รจู้ กั ชว่ ยพ่อแม่ ผปู้ กครอง และครทู างาน 8.2 อาสาทางาน ชว่ ยคดิ ชว่ ยทา และแบ่งปันสงิ่ ของใหผ้ อู้ น่ื 8.3 รจู้ กั ดแู ล รกั ษาทรพั ยส์ มบตั แิ ละสงิ่ แวดลอ้ มของหอ้ งเรยี น โรงเรยี น ชุมชน 8.4 เขา้ ร่วมกจิ กรรมเพ่อื สงั คมและสาธารณประโยชน์ของโรงเรยี น ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.................../................ เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครงั้ ให้ 3 คะแนน 191 - 108 ดมี าก ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน 73 - 90 ดี ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครงั้ ให้ 1 คะแนน 54 - 72 พอใช้ ต่ากวา่ 54 ปรบั ปรงุ 440 หลกั ภาษาฯ ม.1

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 การเขยี นแสดงความคิดเหน็ จากสื่อ แบบบนั ทึกหลงั แผนการสอน เรื่องที่ 1 หลกั การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ จากบทความ  ดา้ นความรู้  ดา้ นสมรรถนะสาคญั ของผเู้ รยี น  ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์  ดา้ นอ่นื ๆ (พฤตกิ รรมเด่น หรอื พฤตกิ รรมทมี่ ปี ัญหาของนกั เรยี นเป็นรายบคุ คล (ถา้ ม)ี )  ปัญหา/อุปสรรค  แนวทางการแกไ้ ข ความเหน็ ของผบู้ ริหารสถานศกึ ษาหรือผ้ทู ี่ได้รบั มอบหมาย ขอ้ เสนอแนะ ลงช่อื ) ( ตาแหน่ง 441 หลกั ภาษาฯ ม.1

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 การเขยี นแสดงความคิดเห็นจากสื่อ เรื่องที่ 2 การเขยี นแสดงความคิดเห็นจากบทความแสดงความคดิ เห็น แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 2 การเขียนแสดงความ 2 ชวั่ โมง คิดเหน็ จากบทความแสดงความคิดเหน็ 1 สาระสาคญั /ความคิดรวบยอด การศกึ ษาบทความแสดงความคดิ เหน็ จากสอ่ื จะตอ้ งเขยี นแสดงความคดิ เหน็ เก่ยี วกบั สาระของบทความได้ 2 ตวั ชี้วดั /จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 2.1 ตวั ช้ีวดั ท 2.1 ม.1/6 เขยี นแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั สาระจากสอ่ื ทไ่ี ดร้ บั 2.2 จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ - เขยี นแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั สาระจากบทความแสดงความคดิ เหน็ ได้ 3 สาระการเรียนรู้ 3.1 สาระการเรียนรแู้ กนกลาง  การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั สาระจากสอ่ื ตา่ งๆ เชน่ - บทความ 3.2 สาระการเรียนร้ทู ้องถิน่ (พจิ ารณาตามหลกั สตู รสถานศกึ ษา) 4 สมรรถนะสาคญั ของผ้เู รยี น 4.1 ความสามารถในการสือ่ สาร 4.2 ความสามารถในการคิด 1) ทกั ษะการใหเ้ หตุผล 2) ทกั ษะการวเิ คราะห์ 4.3 ความสามารถในการใช้ทกั ษะชีวิต 5 คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 1. มวี นิ ยั 2. ใฝ่เรยี นรู้ 3. มงุ่ มนั่ ในการทางาน 442 หลกั ภาษาฯ ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ จากสื่อ เร่ืองท่ี 2 การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ จากบทความแสดงความคิดเห็น (ชั่วโมงที่ 1) 6 กิจกรรมการเรยี นรู้ วิธีสอนโดยเน้นกระบวนการ : กระบวนการคิดอย่างมีวิจารณญาณ ชวั่ โมงที่ 1 ขนั้ ที่ 1 สงั เกต ส่อื /แหล่งการเรยี นรู้ : – ครสู นทนาซกั ถามนกั เรยี นเกย่ี วกบั การรบั สารจากสอ่ื ตา่ งๆ ในชวี ติ ประจาวนั จากนนั้ ใหน้ กั เรยี นแสดงความคดิ เหน็ เกย่ี วกบั ความสาคญั ของสอ่ื ขนั้ ท่ี 2 อธิบาย สอ่ื การเรยี นรู้ : บทความแสดงความคดิ เหน็ 1. นกั เรยี นอ่านบทความแสดงความคดิ เหน็ เร่อื ง เม่อื ผมเป็นออทสิ ตกิ แลว้ สรปุ ใจความสาคญั ของเรอ่ื ง 2. นักเรยี นอธบิ ายหรอื ตอบคาถาม แสดงความคดิ เหน็ ว่า เหน็ ดว้ ยหรอื ไมเ่ หน็ ดว้ ยกบั บทความแสดงความคดิ เหน็ เร่อื ง เม่อื ผมเป็นออทสิ ตกิ เน้นการใหเ้ หตุผลดว้ ยหลกั การอา้ ง หลกั ฐานขอ้ มลู ใหน้ ่าเช่อื ถอื ขนั้ ท่ี 3 รบั ฟัง คาถามกระตุ้นความคิด ส่อื การเรยี นรู้ : บทความแสดงความคดิ เหน็  การร้จู กั รบั ฟังความคิดเหน็ ของผ้อู ่ืนเป็นผลดี อยา่ งไร 1. นกั เรยี นแต่ละคนรายงานผลเพ่อื แลกเปลย่ี นความคดิ เหน็ ฟังความคดิ เหน็ ทแ่ี ตกต่างจากความคดิ ของตน ไดฟ้ ังและ (พจิ ารณาตามคาตอบของนักเรยี น โดยใหอ้ ย่ใู น ตอบคาถามตามความคดิ เหน็ ทแ่ี ตกตา่ งกนั เน้นการ ดุลยพนิ จิ ของครผู สู้ อน) ปรบั เปลย่ี นความคดิ อยา่ งมเี หตผุ ล ไม่ใชอ้ ารมณ์หรอื ถอื ความคดิ ของตนเป็นใหญ่ 2. นักเรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ 443 หลกั ภาษาฯ ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 การเขยี นแสดงความคิดเหน็ จากส่ือ เรื่องท่ี 2 การเขยี นแสดงความคิดเห็นจากบทความแสดงความคดิ เห็น (ชั่วโมงที่ 2) ขนั้ ท่ี 4 เช่ือมโยงความสมั พนั ธ์ สอ่ื การเรยี นรู้ : บทความแสดงความคดิ เหน็ นักเรยี นเปรยี บเทยี บความคดิ เหน็ ทแ่ี ตกต่างและคลา้ ยคลงึ ของเพอ่ื นๆ ทม่ี ตี ่อบทความแสดงความคดิ เหน็ เรอ่ื ง เม่อื ผมเป็น ออทสิ ตกิ จดั กลมุ่ ความคดิ เหน็ ทแ่ี ตกต่างและคลา้ ยคลงึ กนั หาเหตุผล หรอื กฎเกณฑม์ าเช่อื มโยงในลกั ษณะอุปมา อุปมยั ชวั่ โมงที่ 2 ขนั้ ที่ 5 วิจารณ์ ส่อื การเรยี นรู้ : บทความแสดงความคดิ เหน็ 1. นักเรยี นวเิ คราะหบ์ ทความแสดงความคดิ เหน็ เรอ่ื ง เมอ่ื ผมเป็นออทสิ ตกิ แลว้ ใหจ้ าแนกขอ้ ดี ขอ้ ดอ้ ย ส่วนดี ส่วนเสยี ส่วนสาคญั หรอื สว่ นทไ่ี ม่สาคญั พรอ้ มยกเหตผุ ล และหลกั ฐานประกอบ เชน่ เร่อื งนนั้ ถูกตอ้ งหรอื ไมถ่ กู ตอ้ ง การกระทานนั้ เหมาะสมหรอื ไม่เหมาะสม 2. นกั เรยี นพจิ ารณาบทความแสดงความคดิ เหน็ เรอ่ื ง เมอ่ื ผมเป็นออทสิ ตกิ เพอ่ื หาขอ้ มลู ต่างๆ ทเ่ี ชอ่ื มโยงเกย่ี วขอ้ ง กนั แลว้ สรปุ ผลอยา่ งตรงไปตรงมาตามหลกั ฐานขอ้ มลู เช่น - การเป็นออทสิ ตกิ มโี อกาสรกั ษาใหห้ ายไดห้ รอื ไม่ - เพราะเหตใุ ด คนทเ่ี คยเป็นออทสิ ตกิ สามารถเขยี นเล่า เร่อื งราวต่างๆ ไดเ้ ชน่ ผมในเร่อื งน้ี - ขอ้ ความจากบทความเชอ่ื ถอื ไดห้ รอื ไม่ อย่างไร ขนั้ ที่ 6 สรปุ คาถามกระต้นุ ความคิด สอ่ื การเรยี นรู้ : ใบงานท่ี 5.1  ผมในเร่ืองนี้เคยเป็นออทิสติกจริงหรอื ไม่ เพราะเหตุใด 1. นักเรยี นทาใบงานที่ 5.1 เร่อื ง การเขียนแสดงความ (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยใู่ น คิดเหน็ จากบทความ เมอ่ื ทาเสรจ็ แลว้ ใหน้ าสง่ ครตู รวจ ดลุ ยพนิ จิ ของครผู สู้ อน) 2. นักเรยี นตอบคาถามกระตนุ้ ความคดิ 444 หลกั ภาษาฯ ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 การเขียนแสดงความคิดเหน็ จากสื่อ เร่ืองท่ี 2 การเขยี นแสดงความคิดเห็นจากบทความแสดงความคิดเหน็ 7 การวดั และประเมินผล เคร่อื งมอื เกณฑ์ วิธีการ ใบงานท่ี 5.1 รอ้ ยละ 60 ผ่านเกณฑ์ ตรวจใบงานท่ี 5.1 แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบคุ คล ระดบั คณุ ภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานรายบุคคล แบบสงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกล่มุ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตพฤตกิ รรมการทางานกลมุ่ แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ ระดบั คุณภาพ 2 ผา่ นเกณฑ์ สงั เกตความมวี นิ ยั ใฝ่เรยี นรู้ และมงุ่ มนั ่ ในการทางาน 8 ส่ือ/แหล่งการเรียนรู้ 8.1 สือ่ การเรยี นรู้ 1) บทความแสดงความคดิ เหน็ เร่อื ง เม่อื ผมเป็นออทสิ ตกิ 2) ใบงานท่ี 5.1 เร่อื ง การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ จากบทความ 8.2 แหล่งการเรยี นรู้ — 445 หลกั ภาษาฯ ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 การเขียนแสดงความคดิ เห็นจากส่ือ เร่ืองที่ 2 การเขยี นแสดงความคดิ เหน็ จากบทความแสดงความคิดเห็น เอกสารประกอบการสอน บทความแสดงความคิดเหน็ เรอื่ ง เมอื่ ผมเป็นออทิสติก โรคออทสิ ตกิ ในความคดิ ของผมแลว้ ใหค้ านิยามว่าเป็นโรคเกย่ี วขอ้ งกบั การพฒั นาการทางสมองของผปู้ ่วย ทช่ี า้ กว่าบุคคลปกติ ผปู้ ่วยจะมอี าการราวกบั วา่ ไมร่ บั รสู้ งิ่ เรา้ หรอื เร่อื งราวภายนอกใดๆ และมกั จะมปี ัญหาในการใช้ ชวี ติ ในสงั คมของคนปกติ ผมขอสารภาพต่อคุณผอู้ ่านทุกทา่ นตามตรงเลยแลว้ กนั เม่อื ครงั้ ยงั เดก็ ผมเป็นโรคออทสิ ตกิ เช่นกนั โดย เรอ่ื งราวทผ่ี มเล่าผา่ นการเรยี บเรยี งตวั อกั ษรนับจากน้ี ไดร้ บั ฟังจากคาบอกเลา่ ของแมอ่ กี ทอดหน่งึ รวมทงั้ ความทรงจา ของผม เทา่ ทผ่ี มจะจาไดม้ ากทส่ี ุด เหมอื นกบั ในภาพยนตรเ์ กาหลเี รอ่ื ง Running Boy หรอื ในชอ่ื ภาคภาษาไทยคอื ปาฏหิ ารยิ ร์ กั จากแม่ เน้อื เรอ่ื งของภาพยนตรจ์ ะกล่าวถงึ โชวอน ผมู้ อี าการออทสิ ตกิ ตงั้ แต่ในวยั เดก็ ไดร้ บั การดแู ลอยา่ งใกลช้ ดิ จากเกยี งชกุ ผเู้ ป็นแม่ โดยเกยี งชกุ ไดพ้ ยายามทุกวถิ ที างใหโ้ ชวอนสามารถใชช้ วี ติ ไดเ้ หมอื นกบั คนปกตใิ นสงั คม ทมุ่ เททงั้ การให้ เวลาในการดแู ลเอาใจใส่ และความรกั แกโ่ ชวอนมากกวา่ ปกติ เม่อื โชวอนเตบิ โตเป็นหนุ่ม ตวั เขากย็ งั มอี าการของโรค ออทสิ ตกิ ตดิ ตวั อยู่ ใชช้ วี ติ ในสงั คมปกติ ไดไ้ ม่ดเี ทา่ ทค่ี วร แตท่ วา่ ... เกยี งชุกกลบั พบวา่ โชวอนมพี รสวรรคแ์ ละช่นื ชอบการวงิ่ มากเป็นพเิ ศษ จงึ ไดส้ นบั สนุนดว้ ยการ หาโคช้ ทม่ี นั เจ๋งๆ เป็นถงึ อดตี นกั วงิ่ ทมี ชาตมิ าชว่ ยฝึกสอน และซอ้ มวงิ่ อยา่ งหนัก เพอ่ื ส่งเขาเขา้ รว่ มการแขง่ ขนั วงิ่ มาราธอนกบั คนปกติ จากเน้อื เรอ่ื งภาพยนตรด์ งั กลา่ ว แมเ่ หน็ ว่า โชวอน ตวั ละครเอกของเร่อื งมบี คุ ลกิ ลกั ษณะคลา้ ยคลงึ กบั ผมใน วยั เดก็ มากทส่ี ุด ทงั้ ทา่ ทางการแสดงออก เดนิ เอามอื แนบกบั ลาตวั แยกตวั ออกไปอยคู่ นเดยี วเสมอ ไมย่ อมสบตากบั ผอู้ น่ื เมอ่ื มคี นมาพดู คุยดว้ ย ไมพ่ ดู หรอื กลา่ ววาจาใดๆ ออกมาจนดคู ลา้ ยกบั อาการเป็นใบ้ ไมม่ ปี ฏกิ ริ ยิ าตอบสนองทาง รา่ งกาย แมเ่ คยพาผมไปหาหมอเหมอื นกบั ในหนัง หมอกท็ ดสอบโดยการใชค้ อ้ นทอ่ นเลก็ ๆ เคาะไปทห่ี วั เขา่ คนปกติ เม่อื ถกู เคาะขาขา้ งนนั้ จะยกขน้ึ หรอื กระตุกโดยอตั โนมตั ิ แตร่ ่างกายผมกลบั ไม่มปี ฏกิ ริ ยิ าใดๆ ทงั้ สน้ิ ไม่วา่ จะเป็นขา กระตกุ หรอื รอ้ ง “โอะ๊ ” ขน้ึ มา ราวกบั ว่ารา่ งกายไรซ้ ง่ึ ความรสู้ กึ ตามคาบอกเลา่ ตอ่ มาของแม่ ยงั มอี กี อย่างทน่ี อกเหนอื ไปจากนนั้ ไม่มใี นภาพยนตรเ์ ร่อื ง Running Boy ซง่ึ ผมในวยั เดก็ ไมส่ ามารถเขา้ หอ้ งน้าไดเ้ อง จนถงึ ขนาดตอ้ งยนื อย่ตู รงไหนกอ็ จุ จาระราดตรงนนั้ แค่แมเ่ ล่าใหฟ้ ังถงึ ตรงน้ี ผมกร็ สู้ กึ อายจงั เลย ทาไปไดอ้ ย่างไร แต่ผมไมเ่ คยเอย่ ถงึ วา่ ทาไมตอ้ งทาแบบนนั้ ผมคดิ ว่าน่าจะเป็นเพราะผม ไม่เคยตดิ ต่อส่อื สารหรอื พดู คยุ กบั คนอ่นื ๆ เมอ่ื ผมมอี ายุ 7 ขวบ ครอบครวั ของผมไดย้ า้ ยภมู ลิ าเนาจากกรงุ เทพฯ มายงั ตาบลวะตะแบก อาเภอเทพสถติ จงั หวดั ชยั ภมู ิ 446 หลกั ภาษาฯ ม.1

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 การเขยี นแสดงความคิดเหน็ จากส่ือ เร่ืองที่ 2 การเขียนแสดงความคดิ เหน็ จากบทความแสดงความคิดเหน็ เหตผุ ลหลกั ในการยา้ ยถนิ่ ฐานในครงั้ น้ี แม่บอกวา่ เกย่ี วกบั ผมโดยตรง เหน็ วา่ สภาพแวดลอ้ มโดยรวมของ ทอ้ งถนิ่ ดงั กลา่ วดกี วา่ สงั คมในตวั เมอื งอยา่ งในกรุงเทพฯ ทงั้ อากาศดี ปราศจากมลพษิ ผคู้ นไมพ่ ลกุ พลา่ น ไม่มเี สยี งดงั รบกวน คอ่ นขา้ งเงยี บสงบ รวมถงึ ผคู้ นในทอ้ งถน่ิ มอี ธั ยาศยั ดี มนี ้าใจ ไมถ่ อื สาในเรอ่ื งทผ่ี มเป็นโรคออทสิ ตกิ ถงึ แมว้ า่ ผมอ่านความคดิ ทผ่ี ่านออกมาจากสายตาของพวกเขาว่า “ไอน้ ่มี นั บา้ หรอื เปล่า” ผมกไ็ มส่ นใจ แมค่ าดวา่ น่าจะสง่ ผลให้ ผมหายจากอาการของโรคออทสิ ตกิ ไดเ้ รว็ ขน้ึ แต่ผมกย็ งั เป็นเหมอื นเดมิ อาจมคี วามคบื หน้าในเรอ่ื งของการพดู บา้ ง จากทไ่ี ม่เคยพดู อะไรเลย กพ็ ดู ไดบ้ า้ งและจะพดู ในแบบคาพดู ซา้ ๆ กนั หรอื มคี นมาพดู กบั ผมเรอ่ื งหน่งึ แต่ผมเอง กลบั ไปพดู เป็นอกี เร่อื งหน่งึ อยา่ งเขาถามมาว่า “กนิ ขา้ วกบั อะไร” ผมตอบกลบั ไปวา่ “ดกู ารต์ นู เร่อื งน้มี า หนุกโคตรๆ” แนวๆ น้ี เม่อื ผมยา้ ยบา้ นมาอยทู่ ว่ี ะตะแบก ผมคดิ ว่าสภาพแวดลอ้ มเองน่าจะมสี ว่ นสาคญั ต่อการพฒั นาของผปู้ ่วยโรค ออทสิ ตกิ ผปู้ ่วยจะเรม่ิ ปรบั ตวั เขา้ กบั สภาพแวดลอ้ มเหมอื นกบั ทผ่ี มเล่า ผมพดู คุยกบั คนอ่นื ๆบา้ ง แมจ้ ะยงั ไมด่ ี เทา่ ทค่ี วร ผมมคี วามคดิ เหน็ วา่ สง่ิ สาคญั คอื ผปู้ กครองจะมคี วามกลา้ หาญเพยี งพอทจ่ี ะใหผ้ ปู้ ่วยออกมาเผชญิ โลกภาย นอกหรอื ไม่ ถา้ ยงั มคี วามอบั อาย มคี วามหวาดกลวั วา่ ผปู้ ่วยจะสรา้ งปัญหายงุ่ ยากใจให้ กบั ตนเองและคนรอบขา้ ง หรอื กลวั ว่าผปู้ ่วยจะโดนผอู้ น่ื กลนั่ แกลง้ ผมบอกไดเ้ ลยวา่ ผปู้ ่วยโรคออทสิ ตกิ มโี อกาสหายขาดในเปอรเ์ ซน็ ตท์ ไ่ี มม่ ากนัก ดงั ทผ่ี มไดเ้ หน็ ตวั อยา่ งจากผปู้ ่วยหลายรายทย่ี งั ไมห่ ายขาดจากโรคออทสิ ตกิ แมจ้ ะมอี ายมุ ากขน้ึ นอกจากทผ่ี มจะตอ้ งปรบั ตวั เขา้ กบั สภาพแวดลอ้ มแลว้ ผมรสู้ กึ วา่ ความรสู้ กึ นึกคดิ และการคดิ หาเหตุผลได้ พฒั นาขน้ึ ในชว่ งทม่ี กี ารยา้ ยบา้ น ผมคดิ ตงั้ คาถามกบั ตวั เองว่า เรายา้ ยไปทไ่ี หนกนั และยา้ ยไปทาไม เม่อื ยา้ ยมาถงึ แลว้ สภาพแวดลอ้ มเปลย่ี นไปจากถนิ่ ทจ่ี ากมาหรอื ไม่ อกี ทงั้ ยงั มคี วามยากลาบากมากกว่าเดมิ เพราะสมยั นนั้ ไฟฟ้ายงั เขา้ ไมถ่ งึ จุดไฟกใ็ ชต้ ะเกยี ง ไมม่ โี ทรทศั น์ใหด้ ู กว่าจะมไี ฟฟ้าใชห้ ลงั จากนนั้ ราวๆ 1 สปั ดาหต์ อ่ มา ผมกจ็ ะตงั้ คาถาม อกี วา่ ทาไมไมม่ ไี ฟฟ้าใช้ ทาไมถงึ ดโู ทรทศั น์ไมไ่ ด้ ทาไมตอ้ งยา้ ยมา ใหล้ าบากมากกว่าเดมิ สงิ่ ตา่ งๆ เหล่าน้เี ป็นจุดเรม่ิ ตน้ ในการคดิ วเิ คราะห์ หาเหตผุ ลต่างๆ ทงั้ ในสว่ นทเ่ี กย่ี วกบั ตนเอง และสง่ิ รอบตวั แมจ้ ะเป็นเพยี งการตงั้ คาถามขน้ึ มาในใจ ซง่ึ ผมไม่เคยแมแ้ ตจ่ ะคดิ ทจ่ี ะเอย่ ปากถามใครเหมอื นกบั เดก็ คนอน่ื ๆ ที่มา http://www.soccersuck.com/soccer/viewtopic.php 447 หลกั ภาษาฯ ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 การเขียนแสดงความคิดเห็นจากส่ือ เรื่องท่ี 2 การเขยี นแสดงความคิดเหน็ จากบทความแสดงความคดิ เหน็ ใบงานที่ 5.1 การเขียนแสดงความคิดเหน็ จากบทความ คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นอ่านบทความตอ่ ไปน้ี แลว้ เขยี นแสดงความคดิ เหน็ หนังสือเปล่ียนชีวิต การอ่านมอี ทิ ธพิ ลต่อชวี ติ ผม ผมชอบอ่านหนงั สอื มาตงั้ แต่เดก็ คณุ พอ่ คอื พลตรปี ระมาณ อดเิ รกสาร มหี นงั สอื เกบ็ ไวม้ ากมาย หนงั สอื ทใ่ี หแ้ นวคดิ มหี ลายเลม่ ผมเรมิ่ อา่ นประวตั บิ คุ คลสาคญั ของโลกแลว้ มาชอบเรอ่ื งสามกก๊ ผมชอบอา่ นทงั้ เร่อื งผจญภยั เรอ่ื งต่อสแู้ ละสงครามเพอ่ื ใหร้ ถู้ งึ ยทุ ธวธิ ใี นการรบตา่ งๆ พอสบิ ขวบผมเรม่ิ สนใจประวตั ิ- ศาสตร์ ผมอ่านจอมทพั น่านเจา้ ของลพบุรี อ่านขนุ ศกึ ของ ไมเ้ มอื งเดมิ ผชู้ นะสบิ ทศิ ของ ยาขอบ ผมตดิ ใจเร่อื งขนุ ศกึ มหาราช ของ รพพี ร เพราะสนุกและรปู้ ระวตั พิ ระเจา้ เสอื และเรยี นรกู้ ารเปลย่ี นแปลงชวี ติ คน ครงั้ หน่งึ ผมเคยใฝ่ฝันเป็น ทหารเรอื เพราะอยากเดนิ ทางไปเกาะไปป่า อย่างทเ่ี คยอา่ นจากใตท้ ะเลลกึ 20,000 โยชน์ ผมชอบล่องไพร ของ น้อย อนิ ทนนท์ หรอื ผลงานของชาลี เอย่ี มกระสนิ ธุ์ หลงั จากนนั้ ถงึ เป็นยคุ เลบ็ ครฑุ ของ พนมเทยี น เมอ่ื ไปเรยี นตา่ งประเทศ หนังสอื ทอ่ี ่านจงึ เปลย่ี นเป็นภาษาองั กฤษทงั้ ประวตั ศิ าสตรส์ งครามโลกและประวตั บิ ุคคล ตงั้ แตร่ ชิ ารด์ ใจสงิ หจ์ นถงึ ทารซ์ าน จนมาถงึ ยุคของเจมส์ บอนด์ ตอ่ มามเี พชรพระอมุ า ของ พนมเทยี น ซง่ึ ทาใหส้ นใจเรอ่ื งป่าและหาโอกาสเดนิ ป่า แต่ไดล้ อ่ งเรอื ไปทุกเกาะของอนั ดามนั เมอ่ื ตอนอายุ 45 ปีนานถงึ 12 ปี ทาใหผ้ มอยากแตง่ เร่อื งดว้ ยแรงบนั ดาลใจ ของเกาะตรุเตา ซง่ึ เคยเป็นคุกเกา่ และแหลง่ โจรสลดั นนั่ ทาใหเ้ กดิ นามปากกาพอล อดเิ รก็ งานเขยี นเร่อื งแรก คอื เดอะ ไพเรต ตะรเุ ตา ทใ่ี ชเ้ วลาเขยี นและหาขอ้ มลู ถงึ หกเดอื น งานทเ่ี คยอา่ นซ้าแลว้ ซ้าอกี มพี ล นกิ ร กมิ หงวน กบั เสอื ใบ ของ ป. อนิ ทรปาลติ ตอนเดก็ อ่าน แลว้ สนุก อา่ น ตอนน้กี ย็ งั สนุกอยู่ นับเป็นความอจั ฉรยิ ะของผเู้ ขยี น โดยเลา่ ถงึ วถิ ชี วี ติ และความเป็นไปของบา้ นเมอื งสมยั สงครามโลก ครงั้ ทส่ี อง ตวั ละครแต่ละตวั ต่างกนั และมเี ร่อื งราวสนุกสนานชวนตดิ ตาม ผมเรยี นรเู้ รอ่ื งการเขยี นว่า อาชพี ของตวั ละคร ในเรอ่ื งเป็นสงิ่ สาคญั เพราะทาใหเ้ ร่อื งเดนิ หน้าไปได้ ส่วนงานเขยี นสมยั ใหมผ่ มอา่ นประชาธปิ ไตยบนเสน้ ขนาน ของ วนิ ทร์ เลยี ววารนิ ทร์ อ่านแลว้ กเ็ รยี นรวู้ ่าสง่ิ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ทางการเมอื งมผี ลต่อคนทกุ ระดบั เดยี๋ วน้ผี มหนั กลบั มาเขยี น หนังสอื ความรู้ จงึ อ่านหนังสอื เป็นจานวนมาก ที่มา ปิ่นอนงค์ วชั รปาน สมั ภาษณ์ปองพล อดเิ รกสาร ในคอลมั น์โลกรน่ื รมย์ หนงั สอื รดี เดอรไ์ ดเจสตส์ รรสาระ ฉบบั เดอื นสงิ หาคม 2554 448 หลกั ภาษาฯ ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 การเขียนแสดงความคิดเห็นจากส่ือ เรื่องท่ี 2 การเขียนแสดงความคดิ เหน็ จากบทความแสดงความคดิ เห็น 449 หลกั ภาษาฯ ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 การเขียนแสดงความคิดเห็นจากสื่อ เรื่องท่ี 2 การเขยี นแสดงความคิดเหน็ จากบทความแสดงความคดิ เหน็ ใบงานที่ 5.1 การเขียนแสดงความคิดเหน็ จากบทความ คาชี้แจง ใหน้ กั เรยี นอ่านบทความตอ่ ไปน้ี แลว้ เขยี นแสดงความคดิ เหน็ หนังสือเปลี่ยนชีวิต การอ่านมอี ทิ ธพิ ลต่อชวี ติ ผม ผมชอบอา่ นหนังสอื มาตงั้ แตเ่ ดก็ คณุ พ่อคอื พลตรปี ระมาณ อดเิ รกสาร มหี นงั สอื เกบ็ ไวม้ ากมาย หนงั สอื ทใ่ี หแ้ นวคดิ มหี ลายเลม่ ผมเรมิ่ อ่านประวตั บิ คุ คลสาคญั ของโลกแลว้ มาชอบเรอ่ื งสามกก๊ ผมชอบอา่ นทงั้ เร่อื งผจญภยั เรอ่ื งตอ่ สแู้ ละสงครามเพอ่ื ใหร้ ถู้ งึ ยทุ ธวธิ ใี นการรบต่างๆ พอสบิ ขวบผมเรม่ิ สนใจประวตั -ิ ศาสตร์ ผมอ่านจอมทพั น่านเจา้ ของลพบุรี อา่ นขนุ ศกึ ของ ไมเ้ มอื งเดมิ ผชู้ นะสบิ ทศิ ของ ยาขอบ ผมตดิ ใจเร่อื งขนุ ศกึ มหาราช ของ รพพี ร เพราะสนุกและรปู้ ระวตั พิ ระเจา้ เสอื และเรยี นรกู้ ารเปลย่ี นแปลงชวี ติ คน ครงั้ หน่งึ ผมเคยใฝ่ฝันเป็น ทหารเรอื เพราะอยากเดนิ ทางไปเกาะไปป่า อยา่ งทเ่ี คยอา่ นจากใตท้ ะเลลกึ 20,000 โยชน์ ผมชอบล่องไพร ของ น้อย อนิ ทนนท์ หรอื ผลงานของชาลี เอย่ี มกระสนิ ธุ์ หลงั จากนนั้ ถงึ เป็นยุคเลบ็ ครฑุ ของ พนมเทยี น เมอ่ื ไปเรยี นตา่ งประเทศ หนังสอื ทอ่ี ่านจงึ เปลย่ี นเป็นภาษาองั กฤษทงั้ ประวตั ศิ าสตรส์ งครามโลกและประวตั บิ คุ คล ตงั้ แตร่ ชิ ารด์ ใจสงิ หจ์ นถงึ ทารซ์ าน จนมาถงึ ยุคของเจมส์ บอนด์ ต่อมามเี พชรพระอมุ า ของ พนมเทยี น ซง่ึ ทาใหส้ นใจเรอ่ื งป่าและหาโอกาสเดนิ ป่า แต่ไดล้ อ่ งเรอื ไปทุกเกาะของอนั ดามนั เม่อื ตอนอายุ 45 ปีนานถงึ 12 ปี ทาใหผ้ มอยากแตง่ เร่อื งดว้ ยแรงบนั ดาลใจ ของเกาะตรุเตา ซง่ึ เคยเป็นคกุ เกา่ และแหลง่ โจรสลดั นนั่ ทาใหเ้ กดิ นามปากกาพอล อดเิ รก็ งานเขยี นเร่อื งแรก คอื เดอะ ไพเรต ตะรเุ ตา ทใ่ี ชเ้ วลาเขยี นและหาขอ้ มลู ถงึ หกเดอื น งานทเ่ี คยอา่ นซ้าแลว้ ซา้ อกี มพี ล นิกร กมิ หงวน กบั เสอื ใบ ของ ป. อนิ ทรปาลติ ตอนเดก็ อ่าน แลว้ สนุก อา่ น ตอนน้กี ย็ งั สนุกอยู่ นับเป็นความอจั ฉรยิ ะของผเู้ ขยี น โดยเล่าถงึ วถิ ชี วี ติ และความเป็นไปของบา้ นเมอื งสมยั สงครามโลก ครงั้ ทส่ี อง ตวั ละครแต่ละตวั ต่างกนั และมเี รอ่ื งราวสนุกสนานชวนตดิ ตาม ผมเรยี นรเู้ ร่อื งการเขยี นว่า อาชพี ของตวั ละคร ในเรอ่ื งเป็นสงิ่ สาคญั เพราะทาใหเ้ รอ่ื งเดนิ หน้าไปได้ สว่ นงานเขยี นสมยั ใหมผ่ มอ่านประชาธปิ ไตยบนเสน้ ขนาน ของ วนิ ทร์ เลยี ววารนิ ทร์ อ่านแลว้ กเ็ รยี นรวู้ ่าสง่ิ ทเ่ี กดิ ขน้ึ ทางการเมอื งมผี ลตอ่ คนทุกระดบั เดยี๋ วน้ผี มหนั กลบั มาเขยี น หนังสอื ความรู้ จงึ อ่านหนังสอื เป็นจานวนมาก ที่มา ปิ่นอนงค์ วชั รปาน สมั ภาษณ์ปองพล อดเิ รกสาร ในคอลมั น์โลกรน่ื รมย์ หนงั สอื รดี เดอรไ์ ดเจสตส์ รรสาระ ฉบบั เดอื นสงิ หาคม 2554 450 หลกั ภาษาฯ ม.1

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 การเขยี นแสดงความคิดเหน็ จากส่ือ เร่ืองที่ 2 การเขียนแสดงความคิดเหน็ จากบทความแสดงความคิดเห็น (พจิ ารณาตามผลงานการเขยี นของนกั เรยี น โดยใหอ้ ยใู่ นดลุ ยพนิ จิ ของครผู สู้ อน) 451 หลกั ภาษาฯ ม.1

หน่วยการเรียนรู้ท่ี 5 การเขียนแสดงความคดิ เหน็ จากสื่อ เรื่องท่ี 2 การเขียนแสดงความคิดเหน็ จากบทความแสดงความคดิ เห็น แบบสงั เกตพฤติกรรม การทางานรายบคุ คล คาชี้แจง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ ลงในช่อง ทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน ลาดบั ชื่อ-สกลุ ความมีวินัย ความมีน้าใจ การรบั ฟัง การแสดง การตรงต่อ รวม ท่ี ของผรู้ บั การ เอือ้ เฟื้ อ ความคิดเหน็ ความคิดเหน็ เวลา 20 เสียสละ คะแนน ประเมิน 43214321 432 14321 4321 ลงชอ่ื ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.................../................ เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอยา่ งสมา่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบ่อยครงั้ ให้ 3 คะแนน 18 - 20 ดมี าก ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน 14 - 17 ดี ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครงั้ ให้ 1 คะแนน 10 - 13 พอใช้ ต่ากว่า 10 ปรบั ปรงุ 452 หลกั ภาษาฯ ม.1

หน่วยการเรียนรู้ที่ 5 การเขียนแสดงความคดิ เห็นจากสื่อ เรื่องที่ 2 การเขียนแสดงความคดิ เหน็ จากบทความแสดงความคดิ เห็น แบบสงั เกตพฤติกรรม การทางานกล่มุ คาชี้แจง : ให้ ผสู้ อน สงั เกตพฤตกิ รรมของนกั เรยี นในระหว่างเรยี นและนอกเวลาเรยี น แลว้ ขดี ✓ ลงในชอ่ ง ทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน ลาดบั ชื่อ-สกลุ การแสดง การยอมรบั การทางาน ความมนี ้าใจ การมสี ่วน ท่ี ของผรู้ บั การ ความคิดเหน็ ฟังคนอ่ืน ตามที่ได้รบั 4321 รว่ มในการ รวม มอบหมาย ปรบั ปรงุ 20 ประเมิน 4321 4321 ผลงานกลุ่ม คะแนน 4321 4321 ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมนิ ............../.................../................ เกณฑก์ ารให้คะแนน เกณฑก์ ารตดั สินคณุ ภาพ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมอย่างสมา่ เสมอ ให้ 4 คะแนน ช่วงคะแนน ระดบั คณุ ภาพ ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบอ่ ยครงั้ ให้ 3 คะแนน 18 - 20 ดมี าก ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมบางครงั้ ให้ 2 คะแนน 14 - 17 ดี ปฏบิ ตั หิ รอื แสดงพฤตกิ รรมน้อยครงั้ ให้ 1 คะแนน 10 - 13 พอใช้ ต่ากว่า 10 ปรบั ปรุง 453 หลกั ภาษาฯ ม.1


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook