ตัวย่อ ภาษาลาตนิ ความหมายใน ความหมายใน c cum ภาษาองั กฤษ ภาษาไทย cc., c.c. gram, gramma, Gm., gm. gramme with ดว้ ย gr. grana, granum gtt. gutta cubic centimeter ลูกบาศก์เซนตเิ มตร Kg. kilogram l, L. liter gram, grams กรัม แกรม Lb. libra ml. milliliter grain, grains เกรน mcg., µg - Rx recipe a drop, drops หยด S., sig. signa a thousand grams กิโลกรัม/1,000 กรมั S, s. sine Tsp. teaspoon a liter ลติ ร Tbsp. tablespoon dr drachme pound ปอนด์ scrupulum A.M., a.m. a thousand of a liter 1/1000 ลิตร c. ante meridiem h cibum microgram ไมโครกรัม os Oz. hora P.M., p.m. os uncia take ใหเ้ อา ใหใ้ ช้ IM., M post meridiem IV., V - give the following ให้ตามคำสัง่ นี้ - H, sc - directions P.O. Per os without ปราศจาก teaspoonful ชอ้ นชา tablespoonful ชอ้ นโต๊ะ dram แดรม a scruple 1 สครูเปิล หรือ 20 before midday เกรน meal ก่อนอาหารเทีย่ ง hour ชวั่ โมง mouth ปาก ounce ออนซ์ afternoon หลงั เทยี่ ง Intramuscular เข้าทางกลา้ มเน้อื Intravenous เข้าทางหลอดเลือด ดำ Subcutaneous เข้าทางใตผ้ วิ หนัง by mouth ทางปาก 201
ตัวยอ่ ภาษาลาติน ความหมายใน ความหมายใน Sup., supp - ภาษาองั กฤษ ภาษาไทย per rectum ยาเหน็บ ตารางที่ 7-3 แสดงตวั ย่อทีใ่ ช้บ่อยในการบริหารยา ตวั ย่อ ภาษาลาตนิ ความหมายในภาษาอังกฤษ ความหมายในภาษาไทย a.c. Ante cibum before meals ก่อนอาหาร p.c. Post cibum หลงั อาหาร OD Omni die daily, every day วนั ละครัง้ b.i.d. Bis in die Twice a day วันละ 2 ครง้ั t.i.d. Ter in die Three time a day วันละ 3 คร้ัง q.i.d. Quarter in die four times a day วนั ละ 4 ครัง้ h.s. Hora somni at bed time ก่อนนอน t.i.d. and Ter in die and Hora Three time a day and at วนั ละ 3 ครั้งและกอ่ นนอน h.s. somni bed time p.r.n. Pro re nata when required, เมื่อจำเป็น เป็นครั้งคราว occasionally เม่ือต้องการ Stat. statim at once, immediately ทนั ที q.1.hr. Quaque 1 hora every hour ทุก 1 ช่วั โมง q.2 hr. Quaque 2 hora every two hours ทุก 2 ชว่ั โมง q.4 hr. Quaque 4 hora every hour ทุก 4 ช่วั โมง 202
ตัวย่อ ภาษาลาตนิ ความหมายในภาษาอังกฤษ ความหมายในภาษาไทย q.6 hr. Quaque 6 hora q.12 hr. Quaque 12 hora every hour ทกุ 6 ชั่วโมง Alt. Die alternis diebus Alt. Hor. alternis horis every hour ทุก 12 ช่ัวโมง alternate days วนั เว้นวัน alternate hours ชั่วโมงเว้นชว่ั โมง ตารางท่ี 7-4 แสดงตวั ย่อทีเ่ กี่ยวขอ้ งกบั เวลาในการใหย้ า 7.2.4 เอกสารทเี่ ก่ยี วข้องกบั การบริหารยา 7.2.4.1 คำสั่งการรักษา (Doctor order, medication orders) คำสั่งการรักษาเป็น บทบาท หน้าที่ของแพทย์ตามกฎหมาย คำสั่งการรักษาประกอบไปด้วย ชื่อ-สกุล ผู้ป่วย เลขที่ผู้ป่วย ใน วนั เวลา ทีเ่ ขียนคำสง่ั การรักษา ชอ่ื ยา(ควรเขยี นช่อื ยาที่เป็นช่อื สามัญ) รูปแบบยา ขนาดยา ทางที่ ใหย้ า เวลา ความถีใ่ นการให้ยาและลายเซ็นแพทยผ์ ู้สง่ั ยา โดยคำสง่ั การรกั ษามีหลัก ๆ 2 ชนดิ ไดแ้ ก่ 1) คำสั่งครั้งเดียวใช้ตลอดไป (Standing order/ Routine medication order/ Order for continuous) เป็นคำสง่ั การให้ยาท่ใี ชต้ ลอดไปจนกวา่ จะมคี ำสั่งใหเ้ ลิกใช้ยา (off) 2) คำสั่งครั้งเดียวใช้ได้เฉพาะ 1 วัน (Order for one day) เป็นการรักษาเฉพาะ วันที่มีคำสั่งการรักษาเฉพาะเพียงครั้งเดียว ภายหลังสั่งการรักษาสามารถใช้คำสั่งการรักษานี้ได้ 24 ช่ัวโมง 203
รูปภาพท่ี 7-1 แสดงตวั อย่างใบคำสั่งการรักษา จากภาพสามารถอธบิ ายความหมายของคำสั่งการรักษาไดด้ ังนี้ - ORDER FOR ONE DAY (1) Buscopan sig 20 mg v stat หมายความว่า ฉีด Buscopan 20 มิลลิกรัม เข้า หลอดเลือดดำทันที ให้แค่วันเดยี ว ครง้ั เดียวเทา่ น้ัน - ORDER FOR CONTINUE (1) Omeprazole 20 mg sig 1cap. b.i.d. ac. หมายความว่าให้รับประทานยา Omeprazole 20 มลิ ลกิ รมั ครง้ั ละ 1 แคปซลู วนั ละ 2 ครัง้ กอ่ นอาหารเช้าและกอ่ นอาหารเย็น (2) Paracetamol 500 mg sig 1 tab p.r.n. for pain q 6 hr. หมายความว่าให้ รับประทานยา Paracetamol 500 มิลลิกรัม คร้ังละ 1 เม็ด เวลามีอาการปวด กนิ ซ้ำไดท้ ุก 6 ชวั่ โมง 204
7.2.4.2 ใบบันทึกการบริหารยา (Medication Administration Record: MAR) ใช้ใน การบันทึกยาที่ให้ผู้ป่วยแต่ละราย พยาบาลหัวหน้าทีมจะเป็นผู้รับคำสั่งการรักษาแล้วบันทึกลงใบ MAR และทำการตรวจสอบซ้ำ (Double check) โดยพยาบาลอีก 1 คน หลังจากนั้นจึงนำใบ MAR ไปจัดยาให้ผู้ป่วย และเมื่อนำยาไปให้ผู้ป่วยอาจจะพบเหตุการณ์ที่ไม่สามารถให้ยาได้ โดยสรุปดัง แสดงในตาราง คำยอ่ คำอธบิ ายภาษาองั กฤษ คำอธบิ ายภาษาไทย A Patient absent ผปู้ ว่ ยไม่อยใู่ นหอผปู้ ว่ ย F Patient fasting ผ้ปู ว่ ยงดน้ำ งดอาหาร L Patient on leave ผู้ป่วยลากลับบ้าน R Patient refused ผปู้ ว่ ยปฏเิ สธการรบั ยา V Patient vomiting ผปู้ ว่ ยอาเจียนยาที่รับประทาน N Medication unavailable ไมม่ ียา ยาขาดช่ัวคราว รอเบิกยา H Withheld on doctor orders งดให้ยาชัว่ คราวเนอ่ื งจากคำส่งั การรกั ษาแพทย์ W Withheld for other reason งดให้ยาช่ัวคราวเนอ่ื งจากเหตผุ ลอน่ื ตารางที่ 7- 5 คำย่อสำหรับการบันทึกในใบ MAR เมอ่ื มีเหตกุ ารณท์ ่ีไม่สามารถใหย้ าผูป้ ่วยได้ 205
ชอื่ …………………………………สกุล………………………………………... HN………………………AN…………………………… ประวตั กิ ารแพย้ า ไมม่ ี มี ระบ.ุ .................................. Medication Date 14 กค. 64 15 กค. 64 16 กค. 64 17กค. 64 Dosage, Frequency Time ผใู้ ห้ ผู้ตรวจสอบ ผู้ให้ ผตู้ รวจสอบ ผใู้ ห้ ผ้ตู รวจสอบ ผู้ให้ ผตู้ รวจสอบ - Omeprazole 20 mg sig 1 cap. b.i.d. ac. 6.30 - 16.30 จิตรรดาRN - Paracetamol 500 mg 18 น. sig 1 tab p.r.n. for pain p.r.n. จติ รรดาRN q 6 hr. Buscopan sig 20 mg 15.00 จติ รรดาRN off v stat Administration notes V Patient vomiting A Patient absent N Medication unavailable F Patient fasting H Withheld on doctor orders L Patient on leave WWithheld for other reason R Patient refused รปู ภาพที่ 7-2 แสดงตวั อย่างใบบันทกึ การบริหารยา (Medication Administration Record: MAR 206
7.2.5 กระบวนการพยาบาลในการบริหารยา (Nursing process for Medication administration) กระบวนการพยาบาลในการบรหิ ารยา ข้ันตอนการบริหารยาประกอบดว้ ย 4 ขน้ั ตอนดงั น้ี 7.2.5.1 การประเมิน (nursing assessment) เป็นการประเมินและเตรียมความ พร้อมก่อนการให้ยา โดยเริ่มต้นจากการตรวจสอบใบ MAR กับคำสั่งการรักษา เพื่อป้องกันความ คลาดเคลอื่ นทางยา หลงั จากนั้นประเมินภาวะสุขภาพของผู้ป่วยที่มีความสำคัญกบั การบริการยา เช่น อายุ น้ำหนัก สภาพร่างกาย สัญญาณชีพ ผลการตรวจทางห้องปฏบิ ตั ิการ ประวัติการแพ้ยา ปัญหาท่ี เคยเกิดขึ้นในการได้รับยา หลังจากนั้นเป็นการเตรียมข้อมูลความรู้ที่ทางเภสัชวิทยาเกี่ยวข้องกับยา ชนิดน้ัน ๆ 7.2.5.2 การวินิจฉัยทางการพยาบาล (nursing diagnosis) กำหนดข้อวินิจฉัย ทางการพยาบาลที่สอดคล้องกบั ข้อมลู การใหย้ านนั้ 7.2.5.3 การวางแผนการพยาบาล (nursing planning) กำหนดเป้าหมายทางการ พยาบาลที่สำคัญในการบริหารยา คือ ผู้ป่วยมีความปลอดภัยในการได้รับยา ควรมีการวางแผนการ เตรียมยาล่วงหน้า 30 -60 นาที ก่อนเวลาให้ยาจริง เพื่อป้องกันความเร่งรีบในการจัดยา เตรียม สถานท่ีใหเ้ หมาะสม แสงสวา่ งเพียงพอ 7.2.5.4 การปฏิบัติการพยาบาล (Implementation) ปฏิบัติตามหลักการบริหารยา มีขั้นตอนดังนี้ 1) ลา้ งมอื 7 ขนั้ ตอนอย่างถูกตอ้ ง 2) แนะนำตัว ทักทายผู้ป่วย ตรวจสอบความถูกต้องของตัวผู้ป่วย (patient identification) โดยการถามชอ่ื นามสกลุ ผปู้ ว่ ย ตรวจสอบปา้ ยขอ้ มือเทยี บกับใบ MAR 3) อ่านและตรวจสอบใบ MAR เทยี บกับซองยาหรอื ฉลากยาใหต้ รงกนั 4) คำนวณยาและเปลีย่ นหน่วยของยาได้อยา่ งถูกต้อง 5) ไมว่ างยาไวใ้ นทสี่ กปรก หรอื อยู่นอกพ้นื ทขี่ องการเตรียมยา 6) จดั ทา่ ผปู้ ว่ ยใหเ้ หมาะสมกบั การบรหิ ารยาตามทางในการใหย้ าน้ัน ๆ 7) อธิบายเหตุผลของการได้รับยาชนิดนั้น ๆ สรรพคุณ การออกฤทธิ์ ข้อบ่งใช้ ผลขา้ งเคยี งของยา ดว้ ยคำพูดทเ่ี ข้าใจง่าย 8) ดูแลบริหารยาอย่างตรงเวลา และปฏิบัติตามหลกั สากล 207
7.2.5.5 การประเมินผล (Evaluation) ติดตามประเมินผลการให้ยาอย่างเหมาะสม ภายหลังผู้ป่วยได้รับยาแล้วพยาบาลต้องลงลายมือชื่อในใบ MAR บันทึกอาการผู้ป่วยขณะได้รับยา ภายหลังได้รบั ยาลงในบนั ทึกทางการพยาบาล 7.3 การปอ้ งกันความคลาดเคล่ือนทางยา ความคลาดเคลื่อนทางยา (Medication error) หมายถึง เหตุการณ์ใดๆ ที่สามารถป้องกัน ได้ อาจเป็นสาเหตุหรือนำไปสู่การใชย้ าที่ไมเ่ หมาะสม หรือเป็นอนั ตรายต่อผู้ป่วยในขณะท่ียาน้ันอยู่ใน ความควบคมุ ดูแลของบคุ ลากรทางสุขภาพ ซึ่งอาจเกดิ จากกระบวนการใหย้ าหรอื ระบบการบริหารยา ท่ีไม่เหมาะสม 7.3.1 หลักสำคัญในการปอ้ งกันความคลาดเคลอื่ นทางยา เพื่อป้องกันการเกิดความคลาดเคลื่อนทางยา จำเป็นต้องยึดหลักหลักการบริหารยา อยา่ งถูกตอ้ งด้วยหลกั การ 10 Right รายละเอียด ดังน้ี 1) ถูกผู้ป่วย (Right patients หรือ Right clients) หมายถึง การให้ยาผู้ป่วยอย่าง ถูกต้อง ถกู คน โดยการถามช่ือและนามสกุลของผู้ป่วยพร้อมตรวจสอบป้ายข้อมือช่ือผู้ป่วยทุกครั้งเมื่อ มีการให้ยาตรวจสอบกบั ใบ MAR (Medical administration record) 2) ถูกชนิด หรือถูกตัวยา (Right drugs) หมายถึง การให้ยาผู้ป่วยด้วยชนิดหรือตัวยาที่ ถูกต้องและยังไม่หมดอายุ สามารถให้ยาแก่ผู้ป่วยได้ ต้องตรวจสอบชื่อยาในใบ MAR กับซองยาหรือ ขวดยาใหถ้ ูกต้องตรงกัน อย่างน้อย 3 คร้งั คอื กอ่ นหยิบ ก่อนจดั และก่อนเก็บยา เพราะยาแต่ละชนิด มคี ุณสมบัติ กลไก การออกฤทธ์ิ และผลข้างเคียงแตกตา่ งกัน 3) ถูกขนาด (Right dose) หมายถึง การให้ยาผู้ป่วยด้วยขนาดยาที่ถูกต้อง ยาช่ือ เดียวกันอาจมีหลายขนาด และเหมาะสมต่อน้ำหนักหรือไม่ แต่ละขนาดให้ผลการรักษาแตกต่างกัน ดังนนั้ พยาบาลที่ทำหนา้ ทเ่ี ตรียมยาจะตอ้ งระมัดระวงั และตรวจสอบขนาดยาอย่างละเอียดรอบคอบ 4) ถูกวิถีทางหรือวิธี (Right route หรือ Right method) หมายถึง การให้ยาผู้ป่วย อย่างถกู ชอ่ งทาง เพ่อื ให้ยาออกฤทธอิ์ ย่างมปี ระสทิ ธภิ าพสงู สุด 5) ถูกเวลา (Right time) หมายถึง การให้ยาผู้ป่วยตรงเวลาหรือเวลาที่ถูกต้อง เพื่อให้ ระดบั ความเข้มขันของยาในการรกั ษาเพียงพอ ยากอ่ นอาหาร ควรให้กอ่ นอาหาร 30 นาทีถงึ 1 ชว่ั โมง 208
ยาหลังอาหารบางชนิดรบั ประทานหลงั อาหารทันที ปกติใหห้ ลังอาหาร 30 นาทีถงึ 1 ชว่ั โมง พยาบาล จำเปน็ ตอ้ งร้ถู ึง สญั ลกั ษณ์/คำย่อ ความหมายของคำทใี่ ช้ในการบรหิ ารยา ใหเ้ ปน็ อย่างดี 6) บันทึกถูกต้อง (Right document) หมายถึง การบันทึกการให้ยาอย่างถูกต้อง การ ปฏิบัติการพยาบาลตามหลักสากล พยาบาลจำเป็นต้องมีการบันทึกเอกสารทางการพยาบาลเพื่อเปน็ หลกั ฐานวา่ ผู้ปว่ ยได้รบั ยาอย่างถูกต้อง ปลอดภยั 7) ถูกเหตุผล (Right reason) หมายถึง การให้ยาผู้ป่วยอย่างมีเหตุผลสมควรและบอก เหตุผลนน้ั ให้ผปู้ ่วยรับทราบ พยาบาลจำเป็นต้องอธิบายถึงเหตุผล พร้อมทงั้ สรรพคุณและผลข้างเคียง ของยานัน้ ๆให้ผู้ป่วยได้รับทราบ 8) ถูกความถี่ (Right frequency) หมายถึง การให้ยาถูกต้องตามความถี่และตรงเวลา เนื่องจากยามีค่าครึ่งชีวิตที่ออกฤทธิ์แตกต่างกัน ตามหลักการ haft way route การให้ได้รับยาตาม ช่วงเวลาที่เหมาะสมจะทำใหม้ ีผลตอ่ การรักษาได้ผลดี เช่น ใหย้ าทุก 8 ชัว่ โมง เป็นต้น 9) ผู้ป่วยมีสิทธิปฏิเสธการรับยา (Right to refused) โดยการปฏิเสธนั้น พยาบาลได้ให้ ข้อมูลผลเสียของการปฏิเสธยาแล้ว เป็นการอธิบายผลเสียที่ถูกต้องเหมาะสมแล้ว แต่ผู้ป่วยยังคง ยืนยันการปฏิเสธยา 10) ประเมินก่อนและหลังให้ยาอย่างถูกต้อง (Right evaluation) เป็นการประเมิน ประวัติการแพ้ยา การใช้ยาที่มีอยู่เดิม ยาที่รับประทานเป็นประจำ (medication reconciliation) รวมถงึ การเฝา้ ระวังการแพย้ า อาการผดิ ปกตติ า่ ง ๆ ภายหลงั การให้ยา 7.3.2 อาการไม่พงึ ประสงคจ์ ากการใช้ยา (Adverse drug reaction: ADR) อาการไม่พึงประสงคจ์ ากการใช้ยา (Adverse drug reaction: ADR) หมายถึง อาการ ไม่พึงประสงค์จากการใหย้ าในขนาดปกติ โดยมลี ักษณะต่าง ๆ ดงั ตอ่ ไปน้ี 1) ผลข้างเคียงจากยา (side effect) เป็นอาการผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นได้จากการใช้ ยาในขนาดรักษา โดยอาจไม่เคยได้รับยาน้ันมากอ่ น เช่น อาการง่วง ปากแหง้ 2) การแพ้ยา (Allergy reaction) เกิดจากการที่ร่างกายมีความไวตอ่ การตอบสนอง ต่อยาตัวน้ัน ที่มากกกว่าคนท่ัวไป อาจเกิดขึ้นทันทีหรือเกิดภายหลงั ได้รบั ยาไประยะหนึง่ อาจมีตั้งแต่ การแพ้เล็กน้อย เช่น ผื่น แดง คัน จนถึงขั้นรุนแรง ที่เรียกวา่ Anaphylaxis shock ผู้ป่วยจะมีอาการ หลอดเลือดตีบ หายใจลำบาก ความดันโลหิตต่ำ อาจเสียชีวิตได้ ตัวอย่าง Anaphylaxis shock เช่น Steven Johnson Syndrome 209
3) พิษจากยา (Drug toxicity) เกิดจากการได้รับยาเป็นเวลานาน ได้รับยาบ่อย ทำ ใหย้ ามีการสะสมในกระแสเลือด การใชย้ าในทางผิด (Drug abuse) เกิดจากการใช้ยาเปน็ เวลานานจน ติดเป็นนสิ ยั สว่ นใหญเ่ กดิ จากการซอื้ ยารบั ประทานเอง 4) การดอื้ ยา (Drug resistance) ร่างกายมกี ารตอบสนองต่อยาลดลง แมใ้ ช้ในขนาด รักษา พบได้บอ่ ยในกลมุ่ ยาต้านเชอ้ื จุลชพี 5) การทนต่อยา (Drug tolerance) เกิดจากเคยได้รับยามาก่อนหลาย ๆ ครั้งเป็น เวลานาน ทำให้ร่างกายมีความทนต่อยา จึงต้องใชย้ ามากข้ึน 6) ปฏิกิริยากับยา (Drug interaction) เกิดจากการใช้ยาตั้งแต่ 2 ชนิดพร้อมกัน แลว้ เกิดความไม่เข้ากันของยา 7.3.3 การใชย้ าอยา่ งสมเหตผุ ล (rational drug use) การใช้ยาอย่างสมเหตุผล หมายถึง การใช้ยาโดยมีข้อบ่งชี้ เป็นยาที่มีคุณภาพ มี ประสิทธิผลจริง สนับสนุนด้วยหลักฐานที่เชื่อถือได้ ให้ประโยชน์ทางคลินิกเหนือกว่าความเสี่ยงจาก การใช้ยาอย่างงชัดเจน มีราคาเหมาะสม คุ้มค่าตามหลักเศรษฐศาสตร์สาธารณสุข ไม่เป็นการใช้ยา อย่างซ้ำซ้อน คำนึงถึงปัญหาเชื้อดื้อยา เป็นการใช้ยาในกรอบบัญชียายังผลอย่างเป็นขั้นตอนตาม แนวทางพิจารณาการใช้ยา โดยใช้ยาในขนาดที่พอเหมาะกับผู้ป่วยในแต่ละกรณีด้วยวิธีการให้ยาและ ความถี่ในการให้ยาท่ีถูกต้องตามหลักเภสชั วิทยาคลินิก ด้วยระยะเวลาการรักษาที่เหมาะสม ผู้ป่วยให้ การยอมรับและสามารถใช้ยาดงั กล่าวไดอ้ ย่างถกู ต้องและต่อเนื่อง กองทนุ ในระบบประกนั สุขภาพหรือ ระบบสวัสดิการสามารถให้เบิกยานนั้ ได้อย่างย่งั ยนื เปน็ การใช้ยาท่ีไม่เลือกปฏิบัติ เพื่อให้ผู้ป่วยทุกคน สามารถใช้ยาน้นั ได้อยา่ งเทา่ เทยี มกนั และไมถ่ ูกปฏเิ สธยาทส่ี มควรไดร้ ับ 7.4 การบรหิ ารยาทางปาก การบริหารยาทางปาก หมายถึงการให้ยาที่สามารถรับประทานผ่านทางปากได้ ชึ่งอาจอยู่ ในรปู ของยาเม็ด ยาแคปซลู (capsule) ยาผงหรอื ยาน้ำ มวี ธิ กี ารบรหิ ารยาตามขั้นตอน ดังน้ี 1) ตรวจสอบใบบนั ทึกการให้ยาของผูป้ ่วยกบั หรอื คำส่ังการรักษา 2) ลา้ งมือใหส้ ะอาดเพ่ือลดการปนเป้ือน 3) เตรยี มถว้ ยยาท่จี ะใช้ 4) หยิบยาท่ตี รงกับใบบันทกึ การใหย้ า (MAR) โดยมวี ธิ ใี นการหยิบยาดงั น้ี (1) จัดยาใส่ถ้วยยาตามขนาดทีต่ ้องการ โดยอ่านฉลากยาอย่างน้อย 3 ครั้ง คือ ก่อน หยิบยา ก่อนเทยา และกอ่ นเก็บยาเข้าทีเ่ ดมิ 210
(2) การจัดยาเม็ด เทเม็ดยาใส่ฝาขวดตามจำนวนที่ต้องการ ก่อนเทลงถ้วยยา ดัง รูปภาพที่ 7-3 รูปภาพท่ี 7-3 แสดงวิธกี ารเทเม็ดยา (3) ยาน้ำ เขย่าขวดยา จนยาที่ตกตะกอนละลายกลายเป็นเนื้อเดียวกัน หันฉลากไว้ ด้านบนหรือฉลากอยู่ในอุ้งมือ อีกมือหนึ่งถือถ้วยยาสูงระดับสายตา ใช้นิ้วหัวแม่มือกะขนาดของยาที่ ต้องการขา้ งถ้วยยา ดงั รปู ภาพท่ี 7-4 ก. ถว้ ยยานำ้ อย่รู ะดบั สายตา ข. วธิ รี นิ ยานำ้ รปู ภาพที่ 7-4 แสดงการเทยานำ้ (4) ยาผง เทลงถ้วยยา เตมิ น้ำสะอาดคนด้วยชอ้ นใหย้ าละลายเข้ากนั (5) ยาหยด ถ้าขวดยาไม่มีทีส่ ำหรับหยดยา ใหใ้ ชห้ ลอดหยด (medicine dropper) 211
5) วางถว้ ยยาลงในถาด 6) ตรวจสอบความถูกต้องด้วยพยาบาลผู้รบั ผิดชอบอกี คนหนึ่ง เพอ่ื ป้องกันความผิดพลาด 7) ยกถาดยาไปที่เตียงผู้ป่วย ถ้ายาจำนวนมากใหใ้ ชร้ ถเขน็ หรือรถจัดยา 8) ตรวจสอบชื่อผู้ป่วยให้ตรงกับใบบันทึกการให้ยา โดยการถามให้ผู้ป่วยเป็นผู้บอกช่ือ และนามสกุลของตนเองและเปรียบเทียบชอ่ื ในใบ MAR เทียบกบั ป้ายขอ้ มอื 9) ส่งยาให้ผู้ป่วยรับประทานยาต่อหน้า พร้อมทั้งจัดหาน้ำให้ผู้ป่วยด้วย ให้ผู้ป่วยกลืนยา น้ำหรือยาเม็ดพร้อมกับน้ำ ขณะที่ศีรษะและคออยู่ในลักษณะตั้งตรงหรือกม้ คอลงเล็กนอ้ ย จะป้องกัน การสำลักได้ดีกว่าการแหงนคอขึ้น รอจนผู้ป่วยกลนื ยาหรือดื่มน้ำตามจนหมด ยกเว้นยาบางชนิดที่ไม่ ตอ้ งดื่มนำ้ ตาม เช่น ยาแกไ้ อ หรือยาท่ตี อ้ งการให้ละลายในปาก ก. ท่าที่ไม่ถูกต้อง ข และ ค. ท่าทถ่ี กู ต้องคืออยู่ในท่าปกตหิ รือกม้ คอเลก็ น้อย รปู ภาพที่ 7-5 แสดงท่าของผู้ปว่ ยขณะกลนื ยานำ้ 10) บันทกึ การให้ยาลงใบบนั ทึกการให้ยา (MAR) และใบบนั ทึกการพยาบาล เรื่องขนาด ของยา เวลาให้ยา อาการผดิ ปกติ (ถา้ ม)ี 11) เกบ็ ใบบันทกึ การให้ยาเข้าท่ี 12) ลา้ งถว้ ยยาให้สะอาด เชด็ ใหแ้ หง้ เกบ็ เข้าที่ 13) ประเมนิ ผลผ้ปู ่วยภายหลงั การใหย้ าแล้ว 30 นาทเี พอื่ ปอ้ งกนั อาการขา้ งเคยี งจากยา 212
7.5 การบริหารยาทางผิวหนงั และเยื่อบุ การบริหารยาทางผวิ หนังและเยอ่ื บุเปน็ การบริหารยาท่ีมีลกั ษณะสามารถซมึ เขา้ สเู่ ยื่อตา่ ง ๆ ได้แก่ ผิวหนัง เยื่อบุใต้ลิ้น เยื่อบุหู เยื่อบุตา เยื่อบุช่องคลอด เยื่อบุทวารหนัก โดยรายละเอียดวิธีการ บรหิ ารยาของแต่ละช่องทางมดี งั นี้ 7.5.1 การใหย้ าทางใตล้ น้ิ (Sublingual medication) 1) ตรวจสอบใบ MAR ใหต้ รงกับใบบนั ทึกการให้ยาหรอื คำส่ังการรักษา 2) ล้างมือให้สะอาดเพ่อื ลดการปนเปอื้ นตดิ เช้อื 3) หยิบยาให้ตรงกบั ใบบันทกึ การใหย้ า 4) ตรวจสอบชื่อผู้ป่วยให้ตรงกับใบบันทึกการให้ยา โดยการถามให้ผู้ป่วยบอกชื่อ และ นามสกลุ ตนเองและเปรยี บเทยี บชอื่ ในใบ MAR เทยี บกับปา้ ยขอ้ มือ 5) บอกให้ผู้ป่วยอา้ ปาก กระดกลน้ิ ข้ึน ใสย่ าลงไปใต้ลน้ิ ผปู้ ว่ ย 6) ให้ผปู้ ว่ ยปิดปาก และใชล้ ้ินกดยาไว้จนกว่ายาละลายหมด หา้ มกลนื ยาไปท้ังเม็ด และ ไมต่ อ้ งดม่ื น้ำตาม รปู ภาพท่ี 7- 6 แสดงวธิ กี ารใหย้ าใต้ลิ้น 7.5.2 การให้ยาทางผวิ หนงั และเยื่อบุผิวหนงั (Administering topical medication 1) ตรวจสอบใบ MAR หรอื ใบบนั ทึกการใหย้ าหรือคำสงั่ การรกั ษา 2) ล้างมือใหส้ ะอาด 3) เตรียมยาและเคร่ืองใช้ไปทเี่ ตยี งผูป้ ว่ ย 4) ตรวจสอบชือ่ สกุลผูป้ ว่ ยใหต้ รงกับใบบนั ทกึ การใหย้ า 213
5) อธบิ ายวธิ กี ารให้ยาเพื่อใหผ้ ้ปู ่วยรบั ทราบ 6) เตรียมบริเวณที่จะให้ยา โดยการล้างหรือเช็ดให้สะอาดและแห้ง สวมถุงมือหากต้อง สัมผสั กับสง่ิ คดั หลั่งจากตัวผปู้ ว่ ย หรือผ้ปู ่วยมีแผลเปดิ ทีผ่ ิวหนัง 7) ใช้ผ้ายางหรือผ้ากันเปื้อน รองบริเวณที่จะให้ยา หากเป็นยาที่อาจทำให้เปียกช้ืน เปรอะเปือ้ น 8) ให้ยาผูป้ ่วยตามลักษณะของยา (1) ยาน้ำ (lotion) ให้เขย่าขวดยาจนยาผสมกันดี เทยาใส่ชามรูปไต ล้างมือให้ สะอาด สวมถุงมอื ใชไ้ มป้ า้ ยยาหรือใช้แผน่ สำลีชุบยาทาบางๆ บริเวณทีต่ อ้ งการ (2) ยาขีผ้ ้งึ (ointment) ล้างมือให้สะอาด สวมถุงมือ บีบยาหรอื ป้ายยาลงบนผ้ากอซ หรือสำลีแผน่ ทายาบางๆ ลงบนผิวหนัง (3) ยาผง (powder) ล้างมือให้สะอาด สวมถุงมือ เทยาลงบนผ้ากอซ แล้วใส่ยาลง บนบริเวณที่ตอ้ งการ ถา้ ยาอยใู่ นหลอดที่พน่ ได้ บบี หลอดยาพน่ ลงบนผวิ หนงั โดยตรง (4) ยาป้ายที่เป็นครีม (paste) ล้างมือให้สะอาด บีบยาจากหลอดลงบนกระดาษ สำหรับปิดยาตามแผนการรักษา พับริมการดาษเข้าหากัน หรือใช้ปลายไม้สะอาดเกลี่ยยาให้กระจาย ทั่วแผนกระดาษระวังอย่าให้ยาถูกผิวหนังของผู้เตรียมยา เพราะอาจทำให้ได้รับผลจากฤทธิ์ของยาได้ ปิดยาลงบนผิวหนังผู้ป่วยบริเวณที่แห้งสะอาดและไม่มีขน เพื่อให้ผิวหนังดูดซึมยาได้ดีข้น ปิด ปลาสเตอร์ทับริมขอบกระดาษทปี่ ิดยา เพือ่ ยดึ กระดาษปดิ ยาให้แนบสนทิ กับผิวหนัง นำแผ่นปิดยาช้ิน เก่าที่ปิดไว้ก่อนหน้านี้ออก (ถ้ามี) ทำความสะอาดบริเวณที่ถูกปิดยา ไม่ปิดยาซ้ำตำแหน่งเดิม ควร หมุนเวียนกนั ไป เพอ่ื ลดการระคายเคอื งของผิวหนงั บริเวณที่ถกู ยา 7.5.3 การให้ยาทางตา (Instilling eye medication) 1) ตรวจสอบใบบันทึกการให้ยาให้ตรงกับแผนการรักษา ชื่อยา ขนาดยา ตาข้างที่จะ หยอด 2) ตรวจสอบยาใหต้ รงกับใบ MAR และตรวจสอบยายงั ไม่หมดอายุ โดยพยาบาล 2 คน 3) นำเคร่ืองใช้ใส่ถาดไปทีเ่ ตยี งผู้ป่วย บอกผูป้ ่วยให้ทราบ 4) จัดให้ผู้ป่วยนอนในท่าที่สบาย ในท่านอนหงายศีรษะเหยียดตรงหรือนั่งบนเก้าอี้ แหงนศรี ษะไปทางดา้ นหลงั 5) ถา้ ผ้ปู ่วยปิดตาไว้ ลอกปลาสเตอรอ์ อก แตย่ งั ไม่ตอ้ งเอาผ้าปดิ ตาออก 214
9) ล้างมือให้สะอาด 10) หยิบผา้ ปิดตาออก ท้งิ ในชามรูปไต 11) เช็ดตาผู้ป่วยให้สะอาดด้วยสำลี และน้ำยาเช็ดตาปลอดเชื้อหรือ 0.9 % NSS โดย เช็ดจากหัวตาไปหางตา ไม่เช็ดย้อนไปมา ถ้ายังไม่สะอาดให้ใช้สำลีชุบ 0.9 % NSS ใหม่อีก 1 ก้อน เพ่อื เช็ดใหมอ่ ีกครง้ั แลว้ ทิง้ สำลีท่ีใช้แลว้ ลงในชามรปู ไต 12) หยบิ สำลแี ห้งใสอ่ ุ้งมือ ตรวจดชู อ่ื ยาอีกครั้งหนง่ึ ดูขนาดยา และตาข้างท่จี ะหยอด 13) ดูดยาจากขวดเข้าหลอดหยดตา ถา้ ขวดยาไมม่ ีท่ีหยด 14) บอกใหผ้ ้ปู ว่ ยลมื ตา เหลอื บตามองขน้ึ ขา้ งบน รูปภาพที่ 7-7 แสดงวธิ ีการหยอดตา 15) วางสำลแี หง้ ใต้หนังตาลา่ งใช้นิว้ ชก้ี ดทบั สำลี ดึงหนังตาล่างลง 16) ให้ยาทางตา ดงั นี้ (1) กรณียาหยอด ให้หยอดยาลงบนเยือ่ บุเปลือกตาล่างดา้ นหางตา 1 หยด ให้ปลาย หลอดหยดห่างจากตา 1-2 ซม. หรือ ¾ นิ้ว ให้ผู้ป่วยหลับตา ใช้สำลีเช็ดน้ำยาที่ไหลออกทางด้านหาง ตา ทิง้ สำลลี งในชามรปู ไต หยบิ สำลกี ่อนใหมก่ ดที่หวั ตา 30 วินาที เพ่ือปอ้ งกันนำ้ ยาไหลลงทอ่ นำ้ ตา (2) กรณยี าป้าย ใหป้ า้ ยยาบนเยื่อบุเปลือกตาล่าง จากก่ึงกลางตาไปหางตา ให้ปลาย หลอดยาหา่ งจากตาประมาณ 1 – 2 เซนตเิ มตร หรอื ¾ นว้ิ จากนัน้ ให้ผู้ปว่ ยหลบั ตา ดึงหนังตาบนลง มาคลมุ หนังตาลา่ ง ใชส้ ำลีคลงึ ตาเบา ๆ เพือ่ ให้ยากระจายตวั 215
(3) กรณที ม่ี ีการให้ยาทางตาต้ังแต่ 2 ชนดิ ข้นึ ไป ใหใ้ ชย้ าแตล่ ะชนดิ หา่ งหันอย่างน้อย 5 -10 นาที เพื่อให้ยาสามารถออกฤทธิ์ได้เต็มที่ การเรียงลำดับการใช้ยา ดังนี้ 1) ยาหยอดชนิดใส 2) ยาทแี่ ขวนตะกอน เปน็ นำขุน่ 3) ยาป้ายชนดิ ใส 4 ) ยาปา้ ยครีมเหนียว กรณีที่เป็นยาหยอดชนิดใสเช่นเดียวกันให้เลือกหยอดยาที่ค่า pH ต่ำก่อน เนื่องจาก ยาทก่ี รดกรดดูดซมี ไดดกี วา่ ยาทเี่ ป็นด่าง 17) ปิดฝาขวดยา และตรวจดูชอ่ื ยาอกี ครง้ั หนงึ่ 18) ถ้าต้องปิดตา ใช้ผ้าปิดตาปลอดเชื้อ (eye pad) ปิดให้เรียบร้อย และยึดติดด้วย ปลาสเตอร์ 19) เกบ็ ยาเขา้ ท่ี ทำความสะอาดเครื่องใช้และลา้ งมือ 20) บนั ทกึ การใหย้ าลงในใบ MAR รูปภาพท่ี 7-8 แสดงวิธีการปา้ ยตา ท่มี า: https://www.jaypeedigital.com. 7.5.4 การใชย้ าทางหู (Instilling ear medication) 1) ตรวจสอบใบ MAR ใหต้ รงกบั แผนการรกั ษาของแพทย์ ตรวจสอบยายังไมห่ มดอายุ 2) บอกให้ผู้ปว่ ยทราบ 3) จัดทา่ ผปู้ ว่ ยตะแคงด้านตรงกันข้ามกับหูขา้ งทีจ่ ะหยอด 4) ลา้ งมอื ใหส้ ะอาด 5) ตรวจดใู นช่องหูว่ามีหนอง เลือด หรือไม่ ถ้ามีใชส้ ำลีพันปลายไมเ้ ช็ดใหส้ ะอาด 216
6) ดึงใบหูให้นิ้วหัวแม่มืออยู่ด้านหน้า นิ้วชี้และนิ้วกลางอยู่ด้านหลัง ในผู้ใหญ่ดึงไปข้าง หลงั และขึน้ ขา้ งบน สว่ นในเด็กดึงไปขา้ งหลงั และลงข้างลา่ ง เพ่อื ใหช้ ่องหูตรง 7) หยอดยาลงในหู ใหห้ ลอดหยดห่างจากชอ่ งหู 1 ซม. 8) กดบริเวณติ่งหน้าหู (tragus) เพื่อเพิ่มแรงกดดันให้ยาไหลไปลึกๆ ใช้สำลีปิดช่องหู ดา้ นนอกไว้ ระวังอยา่ ให้สำลดี ดู ซับนำ้ ยา 9) ให้ผู้ป่วยนอนท่าเดิมต่ออกี 5-10 นาที 10) เกบ็ ยาเข้าที่ และทำความสะอาดเครอื่ งใช้ 11) บันทกึ การใชย้ าลงในใบบันทกึ การให้ยาและใบบนั ทึกการพยาบาล รูปภาพท่ี 7-9 แสดงวิธีหยอดหใู นผู้ใหญ่ 7.5.5 การใช้ยาทางจมูก (Instilling nasal medication) 1) ตรวจสอบใบบันทึกการให้ยาใหต้ รงกับแผนการรกั ษาของแพทย์ และยาไม่หมดอายุ 2) แจ้งให้ผูป้ ว่ ยทราบ 3) จัดผู้ป่วยอยู่ในท่านั่ง แหงนหน้า หรือท่านอนหงายรองหมอนหนุนใต้ไหล่ เพื่อให้ ศีรษะแหวนไปดา้ นหลังทำความสะอาด สงิ่ คดั หลั่งในช่องจมูกออกให้หมด 4) ถอื หลอดหยดยาเหนอื รจู มกู 1 ซม. บบี ยาลงไป จำนวนตามแผนการรกั ษา 5) ใหผ้ ู้ปว่ ยอยู่ในท่าเดมิ 5 นาที ถงึ 10 นาทเี พื่อป้องกนั ให้ยาไหลออกมา 6) บันทึกการให้ยาลงในใบบันทึกการพยาบาลและบันทึกการพยาบาลและสังเกต ผลขา้ งเคียงของยาภายใน 15-30 นาที 217
รปู ภาพท่ี 7-10 แสดงวิธีหยอดจมูก 7.5.6 การใส่ยาทางช่องคลอด (Inserting medication into vagina) 7.5.6.1 การใส่ยาชนดิ เมด็ 1) ตรวจสอบยาให้ตรงกับแผนการรักษาของแพทย์ ใบ MAR และตรวจสอบยาไม่ หมดอายุ 2) อธิบายให้ผปู้ ว่ ยทราบ ก้นั ม่าน 3) ให้ผู้ปว่ ยถา่ ยปสั สาวะ 4) ปิดตาให้ผู้ป่วย จัดให้ผู้ป่วยนอนหงายราบ งอเข่า กางขาออกด้านข้าง คลุมผ้าให้ เรียนรอ้ ย เปิดเฉพาะส่วนเทา่ ทีจ่ ำเปน็ เพอ่ื รักษาความเป็นสว่ นตัวของผูป้ ว่ ย 5) ฉีกกระดาษตะกว่ั ทห่ี ุ้มเมด็ ยาออก โดยใหย้ ายังอยู่ในกระดาษห่อ 6) ล้างมอื ใหส้ ะอาด สวมถุงมือ 7) หยิบเม็ดยาสอดเข้าช่องคลอดไปตามผนงั ดา้ นหลงั ช่องคลอด ใช้นิ้วชีด้ ันเข้าไปลกึ ประมาณ 3.5-4 น้วิ ฟุต รปู ภาพท่ี 7-11 แสดงการเหน็บยาช่องคลอดโดยใช้นิว้ 218
8) จัดใหผ้ ู้ป่วยนอนในท่าทส่ี บาย พกั นาน 15 นาที เพื่อใหย้ าถกู ดูดซึม 9) บนั ทึกการใหย้ าลงในใบบันทึกการใหย้ าและใบบนั ทกึ การพยาบาล 7.5.6.2 การใสย่ าชนิดครมี 1) ขอ้ 1-5 ปฏิบัติเชน่ เดยี วกับการใส่ยาชนดิ เม็ด 2) ลา้ งมือใหส้ ะอาด สวมถงุ มือ 3) สอด applicator ซึ่งบรรจุยา (อาจเป็น ointment หรือ cream) เข้าในช่อง คลอดประมาณ 1.5-2 น้วิ ฟุตดันลูกสบู ใหย้ าไหลเข้าไปในชอ่ งคลอดจนหมด เอา applicator ออก รูปภาพที่ 7-12 แสดงการใส่ยาเขา้ ช่องคลอดโดย applicator 4) ทำความสะอาดผวิ หนังผูป้ ่วยด้วยกระดาษ หากมยี าหกล้นออกมา 5) จัดให้ผู้ปว่ ยนอนในท่าท่ีสบาย พักนาน 15 นาที เพ่ือให้ยาถูกดูดซึม 6) บนั ทึกการใหย้ าลงในใบบนั ทึกการใหย้ าและใบบนั ทึกการพยาบาล 1.5.7 การใส่ยาทางทวารหนกั (Inserting medication into the rectum) 1) ตรวจสอบใบ MAR ให้ตรงกบั แผนการรักษาของแพทย์และยายังไมห่ มดอายุ 2) แจ้งให้ผปู้ ว่ ยทราบ กนั้ มา่ น 3) จัดให้ผู้ป่วยนอนในท่าตะแคงซ้าย (sim’s position) คลุมผ้า เปิดเฉพาะบริเวณ ก้น 4) ล้างมือให้สะอาด ฉีกกระดาษตะกั่วทห่ี อ่ เม็ดยาออก โดยใหย้ ายงั อยู่ในกระดาษหอ่ 5) สวมถงุ มือ ทาสารหลอ่ ล่นื ท่นี ้วิ ชม้ี อื ขา้ งทจ่ี ะสอดเม็ดยา ใช้มอื อีกข้างหนึ่งแหวกก้น ผู้ป่วย 219
6) สอดเม็ดยาเข้าไปในรูปเปิดทวารหนัก ใช้นิ้วชี้ดันเม็ดยาเข้าไปจนพ้นหูรูดทวาร หนกั บอกใหผ้ ้ปู ่วยหายใจทางปากขณะทำการสอดยา รปู ภาพท่ี 7-13 แสดงการสอดยาเขา้ ทางทวารหนกั 7) ใช้กระดาษเช็ดทำความสะอาดบริเวณทวารหนักซึ่งอาจเปียกชื้นจากสารหลอ่ ลื่น แล้ว ถอดถุงมอื 8) จดั ใหผ้ ู้ปว่ ยนอนในทา่ สบาย 9) ลงบนั ทกึ การใหย้ าในใบ MAR และบันทึกการพยาบาล 7.6 การบรหิ ารยาฉดี (Injections) การฉีดยา หมายถึง การให้ยาเข้าสู่ร่างกายโดยใช้กระบอกฉีดยา (syringe) และเข็มฉีดยา (needle) รูปภาพท่ี 7-14 แสดงสว่ นประกอบของกระบอกฉดี ยาและเขม็ ฉีดยา 220
ก. ขวดยาฉดี (Vial) ข. หลอดยาฉีด (ampule)และใบเลื่อยหลอดยา รปู ภาพท่ี 7- 15 แสดงลักษณะขวดยา 7.6.1 วธิ ีการเตรยี มยาฉดี ก่อนการฉีดยาต้องตรวจสอบยาให้ถูกต้อง ตรงกับคำสั่งการรักษาก่อน แล้วจึงเตรียมยา กรณียาที่เป็นน้ำใส (solution) สามารถนำไปฉีดได้เลย ยกเว้นยาที่มีความเข้มข้นสูง อาจทำลาย เนื้อเยื่อต้องมีการเจือจางยาก่อน สำหรับยาที่เป็นผง (powder) ต้องทำละลายก่อนจึงจะสามารถ นำไปฉีดได้ รายละเอยี ดการเตรียมยา ดังนี้ 7.6.1.1 การเตรยี มยาฉีดท่ีอยใู่ นหลอดแกว้ (ampule) ยาที่อยู่ในหลอดแก้ว (ampule) จะยาที่เป็นน้ำใส (solution) ซึ่งไม่จำเป็นต้องทำ ละลาย แตอ่ าจต้องมีการเจือจางยาก่อนกรณท่ียามีความเขม้ ข้นสงู หรือระคายเคืองไดส้ ูง วิธีการนำยา ออกจากหลอดแกว้ (ampule) ดงั น้ี 1) ตง้ั หลอดยาข้ึน ถา้ มยี าค้างอยู่ทป่ี ลายหลอด ใชน้ ิ้วเคาะให้ยาไหลลงมาท่ีก้นหลอด ให้หมด 2) เช็ดคอหลอดยาและใบเลื่อยด้วยแอลกอฮอล์ 70% เลื่อยรอบๆ คอหลอดยาให้ เปน็ รอย 3) ยาบางชนิดมีรอยเส้นสีเข้มคาดอยู่รอบๆ คอหลด ให้หักคอหลอดยาได้เลยโดยไม่ ต้องเลื่อย แต่ก่อนหักให้เช็ดรอบคอหลอดยาด้วยแอลกอฮอล์ 70 % วิธีหักให้ใช้สำลีแห้งหรือก๊อซ ปลอดเชือ้ วางระหว่าน้ิวชีก้ บั คอหลอดยา หักคอหลอดยาออกนอกตวั ลงไปทส่ี ำลหี รอื ก๊อซทรี่ องรบั 221
รูปภาพที่ 7-16 แสดงวิธหี ักหลอดยาและการดดู ยาจากหลอดยา 4) เตรียมกระบอกฉีดยา ต่อหัวเข็มเบอร์ 18 หรือ 20 ที่กระบอกฉีดยาจับหัวเข็ม หมนุ และดนั เขา้ ใหด้ า้ นปลายตัดเขม็ หงายขึ้นอยู่ด้านเดยี วกบั สเกลของกระบอกฉีดยา 5) ใช้มือข้างถนัดถือกระบอกฉีดยา ใช้นิ้วชี้ประคองที่หวั เข็ม นิ้วก้อยประกอบลูกสูบ ให้อยู่ตรงกับที่ นิ้วที่เหลือจับกระบอกฉีดยา ส่วนมืออีกข้างหนึ่งคีบหลอดยาด้วยนิ้วชี้และนิ้วกลาง (ภาพที่ 7-16) 6) สอดปลายเข็มเข้าไปในหลอดยา ดูดยาออกมาตามจำนวนทตี่ อ้ งการ 7) อ่านชื่อยาที่ข้างหลอดยา ตรวจสอบกับใบบันทึกการให้ยาอีกครั้งหนึ่งก่อนท้ิง หลอดยา 8) เปลี่ยนเข็มอันใหม่ตามขนาดที่จะใช้ฉีดให้ผู้ป่วย โดยไม่ต้องดึงปลอกเข็มออก หมนุ เขม็ ให้ยดึ แน่นกับกระบอกฉดี ยา ใหป้ ลายตดั อยู่ดา้ นเดียวกบั สเกลและหนั เขา้ หาตวั ผ้ฉู ีด 7.6.1.2 วธิ กี ารเตรียมยาฉดี ที่อยู่ในขวด (vial) สำหรับยาฉีดชนิดที่เป็นยาน้ำบรรจุอยู่ในขวด ใช้ฉีดได้โดยไม่ต้องผสม ยกเว้นยาที่มีความ ระคายเคืองมาก อาจมกี ารผสมในตวั ทำละลายก่อน (การเตรียมยาให้ดตู ามฉลากยาหรือหนังสือตำรับ ยา) ชนิดที่เป็นยาผงต้องผสมกับน้ำกลั่น (sterile water) หรือตัวทำละลายก่อน วิธีการเตรียมยาผง (vial) ดงั นี้ 1) ตรวจสอบใบบันทึกการให้ยากบั แผนการกั ษาของแพทย์ 2) หยิบยาใหต้ รงกบั ใบบนั ทกึ การให้ยาและตรวจสอบยายงั ไมห่ มดอายุ 3) ล้างมือให้สะอาด 222
4) ใช้แอลกอฮอล์ 70% เช็ดจุกยางของขวดยาผง ขวดน้ำกลั่น (sterile water) หรือตัวทำ ละลายทมี่ ากับยา 5) เตรียมกระบอกฉีดยาต่อหวั เขม็ เบอร์ 18 หรือ 20 6) ดูดอากาศเขา้ ในกระบอกฉีดยาเท่ากับจำนวนน้ำกล่ัน (sterile water) หรอื ตัวทำละลาย ตามต้องการ 7) แทงเขม็ ตรงจุกยางของขวดน้ำกล่ันหรือตวั ทำละลาย ดนั อากาศเขา้ ไปดดู นำ้ กลั่นออกมา เทา่ จำนวนทจ่ี ะผสม 8) แทงเข็มตรงจุกยางของขวดยา ดนั ลกู สบู ใหน้ ำ้ กล่ันหรอื ตัวทำละลายเขา้ ไปในขวดยา 9) ถือขวดยาในอุ้งมือ หมุนขวดยาใหย้ าละลายเข้ากันจนหมด อย่าเขย่าเพราะจะทำให้เกิด ฟอง 10) ดูดอากาศเข้าในกระบอกฉดี ยาเทา่ จำนวนยาทีต่ ้องการ 11) แทงเข็มตรงจุกยางของขวดยา ดันอากาศเข้าไป ดูดยาออกมาแทนให้ครบตามขนาดที่ ตอ้ งการ 12) อ่านชอ่ื ยาท่ขี ้างขวด ตรวจสอบกับการ์ดยาอีกครัง้ หนงึ่ กอ่ นเก็บขวดยา 13) หลงั จากน้ี ทำเช่นเดียวกบั การฉีดยา ampule 7.6.1.3 การคำนวณยา กรณที ไ่ี ม่ได้ให้ยาทงั้ หมดสามารถคำนวณยาที่ต้องใหผ้ ู้ป่วยตามแผนการรกั ษาไดจ้ ากสูตร ปริมาณยาที่ตอ้ งการ = ขนาดยาตามแผนการรกั ษา x ปรมิ าณยาทงั้ หมด ขนาดยาทั้งหมด ตัวอย่าง คำสง่ั การรกั ษา Meropenem 250 mg V q 12 hr. ยา 1 ขวดมี 500 mg เมือ่ ทำละลายยาแลว้ ได้ 11 มิลลิลติ ร คำนวณปรมิ าณยาท่ีต้องให้ผปู้ ว่ ย ดงั น้ี ปรมิ าณยาท่ีต้องการ = 250 x 11 = 5.5 มลิ ลิลติ ร 500 223
7.6.2 วธิ ีการฉดี ยาเข้าชน้ั ผวิ หนงั (intradermal injection) 1) ตรวจสอบใบบนั ทกึ การใหย้ า (MAR) กบั คำสั่งการรกั ษาของแพทย์ 2) หยิบยาให้ตรงกับบันทึกการให้ยาและตรวจสอบยายงั ไม่หมดอายุ 3) แจ้งใหผ้ ู้ปว่ ยทราบ 4) ล้างมือใหส้ ะอาด รูปภาพที่ 7-17 แสดงกระบอกฉดี ยาสำหรับฉีดเข้าชน้ั ผวิ หนงั 5) ใช้กระบอกฉีดยาปลอดเชื้อขนาดบรรจุ 1-3 มิลลิลิตร เตรียมยาฉีดตามหลักการ ปลอดเชื้อ แล้วเปลี่ยนเขม็ อันใหม่เป็นขนาดเบอร์ 24-26 ความยาว 3/8-5/8 นิ้ว หมุนเข็มให้ยึดแนน่ กบั กระบอกฉดี ยา ใหป้ ลายตดั อยดู่ ้านเดยี วกบั สเกลและหนั เขา้ หาตวั ผฉู้ ีด 6) เลือกตำแหน่งที่ฉีดยา หลีกเลี่ยงบริเวณที่มีรอยถลอก อักเสบ ช้ำ บวมหรือรอย แผลเป็น โดยตำแหน่งการฉีดยาที่เหมาะสม คือ (1) ท้องแขนด้านหน้า (2) หน้าอกส่วนบน (3) ส่วน หลงั ใตก้ ระดกู สะบกั รปู ภาพที่ 7-18 แสดงตำแหน่งทีฉ่ ีดยาเขา้ ชนั้ ผวิ หนัง 224
7) เช็ดบริเวณที่จะฉีดยาด้วยสำลีชุบแอลกอฮอล์ 70% เช็ดเป็นวงกลมจากตรงกลาง ออกมาด้านนอกไปกว้างประมาณ 5 เซนตเิ มตร หรอื 2 นิ้ว (Potter& Perry, 2017) 8) ถอดปลอกเขม็ ออก 9) ขณะที่รอให้แอลกอฮอล์แห้ง ไล่อากาศในกระบอกฉีดยาโดยจับกระบอกฉีดยาให้ต้ัง ตรง ค่อยๆ ดันลูกสบู จนกระทง่ั เหน็ ยาเขา้ ไปอยใู่ นหัวเข็ม ตรวจสอบจำนวนยาให้ถกู ตอ้ ง 10) ใช้มอื ข้างท่ไี ม่ถนัดดงึ ผิวหนังบริเวณทจ่ี ะฉดี ยาใหต้ ึง 11) หงายปลายตัดของเขม็ ขึ้นทำมุม 5-15 องศา กับผิวหนังแทงเข็มเข้าไปในผิวหนังถงึ ชั้นหนังแท้ (dermis) ลึกประมาณ 3 มิลลิเมตร หรือ 1/8 นิ้ว ซึ่งจะสังเกตเห็นปลายเข็มที่อยู่ใต้ชั้น ผิวหนงั ได้ (ภาพท่ี 7-19) 12) ดันยาเข้าไปในผิวหนังผู้ปว่ ย ถ้ายาซึมออกมา แทงเข็มลึกเข้าไปอีกเลก็ น้อย เมื่อดัน ยาเข้าไปจะเห็นตุ่มนูน (bleb) ขึ้น (ภาพที่ 7-20) ขนาดประมาณ 6 มม. (1/4 นิ้ว ) ถ้าไม่มีตุ่มนูนข้ึน ถอนเขม็ ออกเลก็ น้อยแลว้ จึงดนั ยาใหม่จะมีแรงต้าน 13) ถอนเข็มฉดี ยาออก หา้ มกดหรอื นวดบรเิ วณที่ฉดี เพราะจะทำใหย้ ากระจายเข้าไปใน เนอื้ เยอ่ื 14) อยู่กับผู้ป่วยประมาณ 3-5 นาที สังเกตอาการของผู้ป่วยที่อาจมีปฏิกิริยาต่อยา อาการแพ้ เช่น ไอ หอบ เหนื่อย ชพี จรเบาเร็ว หรือ หมดสติ 15) บันทึกลงในใบบันทึกการให้ยาและใบบันทึกการพยาบาลเกี่ยวกับ ยา ขนาด เวลา วิถีทางและบรเิ วณท่ีให้ 16) ประเมินสภาพผู้ป่วยบริเวณที่ฉีดยาภายใน 48-72 ชั่วโมง โดยวัดและบันทึก เส้นผา่ ศนู ยก์ ลางเป็นมิลลิเมตรบรเิ วณทม่ี รี อยแดงและแข็ง 225
ก ปลายเขม็ อยใู่ ตผ้ วิ หนงั ข.ภาพแสดงปลายเข็มอยใู่ ต้ชนั้ ผิวหนงั รูปภาพท่ี 7-19 แสดงลักษณะการแทงเข็มเขา้ ช้ันผิวหนงั รปู ภาพที่ 7-20 แสดงลักษณะต่มุ นนู เม่ือฉดี ยาเขา้ ช้ันผวิ หนงั 7.6.3 วิธีการฉีดยาเข้าใต้ผิวหนัง (hypodermic injection or subcutaneous injection) 1) ตรวจสอบใบบันทึกการให้ยา (MAR) ให้ตรงกับแผนการรักษาของแพทย์เพื่อป้องกัน ความผดิ พลาดตรวจสอบยาให้ตรงกับใบบนั ทึกการใหย้ า 2) ตรวจสอบยายังไม่หมดอายเุ พ่ือความปลอดภัยของผ้ปู ว่ ย 3) ลา้ งมอื ใหส้ ะอาดเพอื่ ปอ้ งกนั การนำเชื้อโรคสูผ่ ู้ป่วย 4) ใช้กระบอกฉีดยาปลอดเชื้อขนาดบรรจุ 1-3 มิลลิลิตร เตรียมยาฉีดตามจำนวนท่ี ตอ้ งการ แลว้ เปลย่ี นเขม็ สำหรบั ฉีดเป็นขนาดเบอร์ 24-26 ความยาว 3/8-5/8 นวิ้ 226
5) ถามชื่อและนามสกุล โดยให้ผู้ป่วยเป็นผู้บอกชื่อและนามสกุลของตัวเองในรายที่ไม่ สามารถส่ือสารไดใ้ ห้ดูทีป่ ้ายข้อมอื 6) เลอื กตำแหน่งทฉี่ ดี ยาท่ีไม่มกี ารอักเสบ บวม แดง คนั มีแผลเป็นไตแข็งหรือลักษณะ เนอ้ื เย่ือถกู ทำลายเน่อื งจากฉีดยาซ้ำทบี่ ่อยๆ โดยตำแหน่งทีเ่ หมาะสม ไดแ้ ก่ (1) ตน้ แขนใกล้ไหล่ (2) ด้านหลังต้นแขน (3) หน้าขาด้านขา้ ง (4) หน้าทอ้ ง (5) เอวด้านหลัง 7) เช็ดบริเวณที่ฉีดยาด้วยแอลกอฮอล์ 70% เช็ดจุดที่จะแทงเข็มหมุนออกเป็นวงกลม กวา้ ง 2 นว้ิ รอใหแ้ ห้ง รูปภาพท่ี 7-21 แสดงตำแหน่งทฉี่ ีดยาเข้าใตผ้ วิ หนงั 8) ถือกระบอกฉีดยาใหต้ ัง้ ฉากกับพื้นในระดบั สายตา ถอดปลอกเขม็ ออก 9) ไล่อากาศในกระบอกฉีดยา โดยถือกระบอกฉีดยาให้ตั้งตรงและค่อยๆ ดันลูกสูบ จนกระทงั่ เหน็ หยดยาที่ปลายเขม็ ตรวจสอบจำนวนยาใหถ้ ูกตอ้ ง จบั กระบอกฉดี ยาใหถ้ นดั 10) จับผวิ หนังใหต้ ึง โดยยกขึ้นหรอื ดึงลง จับกระบอกฉีดยาให้ปลายตัดของเข็มหงายข้ึน แทงเข็มฉีดยาทำมุม 45 องศากบั ผวิ หนงั ให้เขม็ ลกึ 5/8 น้วิ ในผู้ใหญ่ สำหรับในเดก็ ให้เข็มลึก 3/8 น้ิว ในคนอว้ นอาจแทงเข็มลกึ ถงึ 1 นวิ้ ถา้ ใช้เขม็ ขนาด 1/2 นิว้ แทงเข็มทำมุม 90 องศา 227
รูปภาพท่ี 7-22 แสดงวธิ แี ทงเขม็ ฉีดยาเข้าใต้ผิวหนังทำมมุ 90 องศา และ 45 องศา 11) ดึงลูกสบู ออก เพ่อื ทดสอบวา่ ปลายเขม็ แทงถูกหลอดเลอื ดหรือไม่ 12) ถ้าไม่พบเลือดในกระบอกฉีดยา ให้ดนั ยาเขา้ ไปขา้ ๆ จนหมด 13) ใช้สำลีแห้งวางเหนือจุดแทงเข็ม ดึงเข็มออกโดยเร็วตามทิศทางเดียวกับที่แทงเข็ม เลื่อนสำลกี ดรอยเข็ม 14) ถ้ามีเลือดออกให้ใชส้ ำลีแห้งหรือผ้ากอซกดไว้สกั ระยะจนกวา่ เลือดจะหยุดแล้วปิดพ ลาสเตอร์ 15) บันทึกลงในใบแผ่นบันทึกการให้ยาและใบบันทึกการพยาบาลเกี่ยวกับ ยา เวลา ขนาด วถิ ีทางและตำแหนง่ ท่ีฉีดยา รวมทัง้ อาการทผี่ ิดปกติภายหลงั ฉดี ยาแลว้ ตวั อย่างการฉดี ยาเข้าชัน้ ใต้ผิวหนังที่พบบ่อย การฉดี อินซลู นิ (insulin injection) การเตรียมอปุ กรณ์ เช่นเดยี วกับการฉีดยาเขา้ ใตผ้ วิ หนัง มีขอ้ ที่แตกต่างกันดงั น้ี 1) ขนาดของกระบอกฉดี ยา มสี เกลเป็นยนู ติ ขนาด 50 ยูนติ ตอ่ มิลลิลิตร (U-50) โดย 1 ขีดของกระบอกฉีดยานี้จะเท่ากับ 1unit และขนาด 100 ยูนิตต่อมิลลิลิตร (U-100) 1 ขีดของ กระบอกฉดี ยาเทา่ กบั 2 unit 2) ขนาดของเขม็ การใช้เข็มฉีดอนิ ซลู นิ นยิ มใชเ้ บอร์ 26 ยาวประมาณ ½ นว้ิ 228
รปู ภาพท่ี 7-23 แสดง กระบอกฉีดยาสำหรบั ฉดี อินซลู ิน 7.6.4 การฉดี ยาเข้ากลา้ มเนื้อ (intramuscular injection) การฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อใช้ในกรณีที่ต้องการให้ยาดูดซึมได้เร็วกว่าการฉีดยาเข้าใต้ผิวหนัง เหมาะสำหรับการให้ยาที่มีปริมาณมากกว่าการฉีดเข้าใต้ผิวหนัง สามารถช่วยลดการระคายเคืองต่อ เนื้อเยื่อเมื่อฉีดยาบางชนิด ตำแหน่งของกล้ามเนื้อที่เหมาะสมในการฉีดยาได้แก่ (1) สะโพกด้านข้าง (ventrogluteal site) (2) สะโพกดา้ นหลงั (dorsogluteal site) (3) ตน้ ขาดา้ นขา้ ง (vastus lateralis site) (4) ตน้ ขาด้านหน้า (rectus femoris site) (5) ต้นแขนใกลไ้ หล่ (deltoid site) วธิ กี ารเตรียมยา และการฉีดยาปฎิบัติตามข้ันตอนเช่นเดยี วกบั การฉีดยาเข้าชนั้ ใตผ้ วิ หนัง โดยมีสงิ่ ท่ีมีความแตกต่างกัน ดงั น้ี 7.6.4.1 วิธีหาตำแหนง่ ของกล้ามเนื้อสำหรบั ฉีดยา 1) สะโพกด้านข้าง (ventrogluteal site) เป็นตำแหน่งที่นิยม เนื่องจากมีความ ปลอดภัยและเจ็บปวดน้อยที่สุด เด็กเล็กวัยต่ำกว่า 3 ปี ไม่ควรฉีดตำแหน่งน้ี เพราะกล้ามเนื้อสะโพก ยังไม่เจริญพอ (อัจฉรา พุ่มดวง, 2559) ให้ผู้ป่วยนอนหงายหรือนอนตะแคง วางฝ่ามือซ้ายลงบน บริเวณ greater trochanter ที่ตะโพกขวาให้นิ้วหัวแม่มือหันไปทางด้านศีรษะ โดยนิ้วชี้ชี้ไปท่ี anterior superior iliac spine กางนว้ิ กลางออกไปให้กว้างทสี่ ุดตามขอบ iliac crest จะมีรปู ลกั ษณะ ตัว V ข้ึน บรเิ วณทใ่ี ช้ฉดี ยาคอื กึ่งกลางของตัว V 229
รูปภาพที่ 7- 24 แสดงการหาตำแหน่งฉดี ยาสะโพกด้านขา้ ง ทมี่ า : Earnest, 1993 2) สะโพกดา้ นหลงั (dorsal gluteal site) เป็นกล้ามเนื้อมัดใหญ่ที่สามารถฉีดยาท่ีมี ปริมาณมากได้ วิธีการหาตำแหน่งสามารถทำได้ 3 วธิ ี ดังน้ี วิธีที่ 1 เป็นการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ gluteus maximus และกล้ามเนื้อ gluteus medius โดยการแบง่ กลา้ มเน้ือสะโพกออกเปน็ 4 ส่วน โดยลากเสน้ จาก iliac crest มาที่ก้นย้อยและ ลากเสน้ แบ่งครึ่ง บริเวณทฉี่ ดี ยาได้ คือด้านบนสดุ ส่วนนอก วิธีที่ 2 ลากเส้นจาก posterior superior iliac spine ไปยัง greater trochanter ของกระดูกตน้ ขา ตรงจุดก่งึ กลาง เหนอื เสน้ น้คี ือต่ำจากขอบกระดูกเชิงกราน 2-3 นิ้วฟุต คือบริเวณที่ ฉดี ยาได้ วิธีที่ 3 ลากเส้นจากปุ่มกระดูกเชิงกรานด้านหน้า (anterior superior iliac spine) มาที่กระดูกก้นกบ (coccyx) แบ่งเส้นนี้ออกเป็น 3 ส่วนเท่าๆ กัน ฉีดที่บริเวณปลายส่วนที่หนึ่งหรือ ส่วนตน้ ส่วนทส่ี อง (อจั ฉรา พุ่มดวง, 2559) 230
รูปภาพท่ี 7- 25 ตำแหน่งฉีดยาตะโพกดา้ นหลงั ทีม่ า :Earnest,1993 3) ต้นขาด้านข้าง (vastus lateralis site) เป็นตำแหน่งที่นิยม มีกล้ามเนื้อที่หนา และแขง็ แรง ปลอดภยั จึงฉีดได้ทง้ั ในผู้ใหญ่และเด็ก ใชฝ้ ่ามือวางท่ีบนของเข่า อกี มือหน่ึงวางฝ่ามือต่ำ กว่าส่วนต้นของ greater trochanter ตั้งแต่กึ่งกลางด้านหน้าถึงกึ่งกลางด้านข้างต้นขาคือ บริเวณที่ ฉดี จะกว้างประมาณ 2-3 น้วิ ฟุต รูปภาพท่ี 7- 26 แสดงตำแหนง่ ฉดี ยาตน้ ขาดา้ นขา้ ง ทีม่ า : Earnest, V., 1993 231
4) ต้นขาด้านหน้า (rectus femuris site) เป็นกล้ามเนื้อที่อยู่ด้านหน้าของต้นขา บริเวณที่ใช้ฉีดคือตรงกลางของหน้าขา โดยแบ่งความยาวของต้นขาจากหัวเข่าถึงขาหนีบออกเป็น 3 สว่ น ฉีดตรงสว่ นกลาง 5) ต้นแขนใกล้ไหล่ (deltoid site) คือ บริเวณที่ต่ำกว่ากระดูกหัวไหล่ลงมา (acromion process) ประมาณ 5 ซม. (2 นิ้ว) หรือใช้นิ้วมือ 3 นิ้ว (finger base) วางที่กล้ามเน้ือ หัวไหล่ ให้นวิ้ ทหี่ นงึ่ อยู่บนปุ่มกระดูกหวั ไหล่ บรเิ วณท่ีฉีดคือส่วนท่ีต่ำกว่าสามนิ้วมือลงมา กล้ามเนื้อนี้ เหมาะสำหรบั การฉีดยาไม่เกิน 2 มลิ ลิลติ ร รปู ภาพท่ี 7-27 แสดงตำแหน่งฉดี ยาต้นแขน ทืม่ า : Kozier, B, 1993 7.6.4.2 การแทงเข็ม โดยการแทงเข็มให้ปลายตัดอยู่ด้านบนได้องศา (45 -90 องศา) และความลกึ ที่เหมาะสม ดงั น้ี 1) Vastus lateralis muscle 5/8 นิ้ว - 1 นิว้ 2) Deltoid muscle (เด็ก) 5/8 นิ้ว – 1 ¼ นิ้ว 3) Deltoid muscle (ผู้ใหญ)่ 5/8 น้วิ – 1 ½ นิว้ 4) Ventrogluteal (ผู้ใหญ่) 1 ½ นว้ิ 7.6.4.3 การฉีดยา ก่อนฉีดยาต้องตรึงเข็มคงที่ ทดสอบว่าปลายเข็มไม่อยู่ในหลอดเลือด โดยการดูดลูกสูบขึ้นมา หากมีเลือดแปลว่าปลายเข็มอยู่ในหลอดเลือดให้ดึงเข็มขึ้นมาเล็กน้อย 232
ประมาณ 1 มิลลิเมตร แลว้ จึงดนั ยาช้าๆ ในอัตรา 1 มลิ ลลิ ิตร / 10 วินาที เม่ือยาหมดดงึ เข็มออกตาม แนวทีแ่ ทงเขา้ อยา่ งถกู วธิ ี ใช้สำลแี ห้งกดไว้ 7.6.4.4 การฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อโดยวิธี air-lock หรือ air bubble สามารถช่วยป้องกัน การระคายเคืองเนอ้ื เยอ่ื ใต้ผิวหนังและผวิ หนังซึง่ ไวต่อยา วิธีการคือ ดูดยาตามแผนการรักษา ดึงลูกสูบกระบอกฉีดยาให้เหลืออากาศค้างใน กระบอกฉีดยาประมาณ 0.2 มิลลิลิตร (Kozier, B. 1993) เข็มที่ใช้ฉีดจะแห้งไม่เปียกน้ำยา ขณะแทง เข็มลงไปในกล้ามเนื้ออากาศจะลอยอยู่เหนือยา เมื่อดันลูกสูบเข้าไปฟองอากาศนี้จะดันยาเข้าสู่ กลา้ มเนื้อจนหมดทำให้ยาไมไ่ หลซมึ ออกมาทำความระคายเคืองตอ่ เน้ือเย่ือใต้ผิวหนงั หรอื ผิวหนงั รูปภาพท่ี 7-28 แสดงฟองอากาศท่เี หลือคา้ งในกระบอกฉดี ยา ท่มี า Kozier, B. 1993 7.6.5 การฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ (intravascular injection) การฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำเป็นการฉีดยาหรือสารน้ำจำนวนน้อยกว่า 150 มิลลิลิตร เข้า ทางหลอดเลือดดำ โดยควรเจือจางยาอย่างน้อย 10 มิลิลิตร ยาสามารถออกฤทธิทันทีภายใน 30 – 60 วนิ าทีหลงั การฉีดยา โดยวัตถุประสงคก์ ารฉีดยาเขา้ หลอดเลือดดำมดี งั น้ี 1) ใช้สำหรบั ผ้ปู ่วยทีง่ ดอาหารและน้ำทางปาก ผู้ปว่ ยไม่รูส้ กึ ตัว หรืออยู่ในภาวะวิกฤต 2) ใช้ในกรณที ่ีต้องการใหย้ าออกฤทธเิ์ ร็ว 3) เป็นการใหย้ าที่ระคายเคอื งกล้ามเนือ้ หรือเนื้อเยื่อ 4) ใชส้ ำหรับยาท่ีไมส่ ามารถใหท้ างอื่นได้ 5) ใชใ้ นการระงบั ความร้สู ึกในผู้ป่วยทไี่ ดร้ ับการผา่ ตดั 233
6) ใช้ในการใหส้ ารทึบรงั สสี ำหรบั ตรวจวินิจฉัยโรค ชนดิ ของการฉดี ยาเข้าหลอดเลอื ดดำ มี 2 ชนิดหลกั ดงั น้ี 7.6.5.1 การฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำในระยะเวลาสั้น ( Intravenous push, intravenous bolus) ซ่งึ สามารถฉดี ได้ 3 วิธีดงั นี้ 1) การฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำโดยตรง เป็นการฉีดยาที่ต้องแทงเข็มเข้าไปในหลอด เลือดดำโดยตรงทุกครั้ง ปัจจุบันเป็นวิธีที่ไม่นิยมเนื่องจากหากต้องการฉีดยาอีกครั้งต้องแทงเข็มใหม่ จึงใชเ้ ฉพาะการฉดี ยาท่ตี อ้ งฉดี เพยี งครั้งเดยี วเท่าน้นั วิธกี ารปฏิบัติดงั นี้ (1) ภายหลังเตรียมยาแล้ว ให้ไล่อากาศออกจากกระบอกฉีดยาให้หมดจึงนำยา พรอ้ มใบบันทกึ การใหย้ า (MAR) ไปทเี่ ตยี งผู้ปว่ ย (2) แจ้งวัตถปุ ระสงคข์ องการฉดี ยา (3) ตรวจสอบความถูกต้องของการระบุตัวผู้ป่วย โดยการถามชื่อผู้ป่วย ซึ่งต้อง ตรงกนั ทง้ั ในใบบันทึกกมาให้ยา (MAR) ป้ายข้อมอื ผู้ป่วย สติ๊กเกอรข์ วดยา และคำบอกกล่าวชอื่ ตนเอง ที่ผู้ป่วยตอบ โดยจำเป็นต้องตรงกันอย่างน้อย 2 ตัวบ่งชี้ เช่น ชื่อ สกุล เลขประจำตัวโรงพยาบาล (Hospital number: HN) (4) จัดให้ผูป้ ว่ ยน่งั หรือนอนหงายในท่าทส่ี บาย พบั ชายแขนเสือ้ ข้นึ ใหพ้ ้นตำแหน่ง ทจ่ี ะฉดี ยา (5) ให้ผู้ป่วยเหยียดแขนตรง วางแขนให้ต่ำกว่าระดับหัวใจ ใช้หมอนรองให้ ขอ้ ศอกตึง (6) เลือกตำแหน่งที่จะแทงเข็ม ควรเลือกตำแหน่งบริเวณข้อพับแขนหรอื หลังมือ ตำแหนง่ ท่จี ะแทงเข็มตอ้ งไม่มีแผล ไม่มผี นื่ แดง หรอื รอยโรคตา่ ง ๆ (7) รัดสายยางรอบแขนเป็นเง่ือนกระตุก เหนือตำแหน่งที่จะแทงเข็มประมาณ 2 -3 นว้ิ ให้ปลายสายยางรดั แขนช้ีขนึ้ ด้านบน (8) ใช้สำลีชุบน้ำยาฆ่าเชื้อเช็ดบริเวณที่จะแทงเข็มโดยวนเป็นวงกลมกว้าง ประมาณ 2 -3 น้ิว รอให้น้ำยาฆ่าเชื้อแหง้ (9) ใช้ปลายนิ้วหัวแม่มือที่ไม่ถนัด กดตรงปลายหลอดเลือดดำด้านล่างตำแหนง่ ท่ี จะแทงเขม็ ห่างประมาณ 1 – 2 นวิ้ (9) มือข้างที่ถนัดจบั เขม็ โดยให้ด้านปลายตัดหงายขึน้ (หากปลายตัดของเข็มควำ่ ลง เข็มจะไม่คม แทงผา่ นผวิ หนังไดย้ าก) (10) แทงปลายเข็มทำมุมประมาณ 15 – 30 องศา (11) ฉีดยาเขา้ หลอดเลอื ดช้าๆ 234
(12) ดึงเขม็ ออก ใชส้ ำลแี ห้งกดปิดบรเิ วณรอยเข็มประมาณ 15-30 วินาที 2) การฉีดเข้าทางเข็มที่คาไว้ (Intravenous medication via peripheral IV lock) เป็นการฉดี ยาผ่านอปุ กรณ์ท่ีคาไวใ้ นหลอดเลือดดำ เช่น เขม็ ที่มีจุกยางปดิ (injection plug) หรือ เข็ม ที่มีสายต่อความยาวคาไว้ (normal saline lock) วิธีนี้ได้รับความนิยมมากที่สุด เนื่องจากผู้ป่วยไม่ ต้องเจ็บจากการใช้เข้มแทงบ่อย ๆ การฉีดยาวิธีนี้ก่อนการฉีดยาต้องใช้ 0.9 % NSS ปริมาณ 2-3 มิลลิลิตรในการไล่สายเพื่อทดสอบว่าเข็มที่คาไว้สามารถใช้งานได้หรือไม่ มีการอุดตัน (clot) หรือไม่ หรอื มกี ารรั่วของสาย (leak) หรอื ไม่ และภายหลงั การฉีดยาตอ้ งใช้ 0.9 % NSS ปริมาณ 2-3 มิลลลิ ิตร ใส่สายเพือ่ ป้องกันการอุดตันของเขม็ ที่คาไวด้ ้วย 3) การฉีดเข้าทางชุดให้สารน้ำ (Intravenous push) เป็นการฉีดยาในกรณีที่ผู้ป่วย ได้รบั สารน้ำทางหลอดเลือดดำอยูแ่ ล้ว และฉีดยาเข้าทางชุดให้สารน้ำทตี่ ่อตัวต่อ 3 ทาง (T way) ไว้ 7.5.6.2 การฉีดเข้าหลอดเลือดดำโดยวิธีหยด (Intravenous infusion, Intravenous drip) เป็นการฉีดยาที่ต้องเจือจาง (dilute) เข้ากับสารละลายแล้วหยดเข้าทางหลอดเลือดดำ ช้า ๆ นานประมาณ 30 – 60 นาที ขึ้นอยู่กับชนดิ ของยา การเตรียมยาเช่นเดียวกนั กบั การผสมยาอืน่ หลังจากนั้นนำยามาเจือจาง (dilute) กับสารน้ำที่ที่มีความเข้มข้นใกล้เคียงกับเลือด (isotonic solution) เช่น 0.9% NSS หรือ 5% Dextrose in water ปรมิ าณ 50 -100 มลิ ลิลติ ร (ตามคำแนะนำ ในฉลากยาหรอื ตำรายา) เขียนใบปดิ ขวดยา ตรวจสอบช่อื ยา ครบ 3 ครั้ง (ก่อน ขณะ หลัง) เซ็นช่ือใน ใบปิดขวดยา การใหย้ าหยดเข้าทางหลอดเลือดดำ ปฏบิ ัตเิ ช่นเดยี วกับการให้สารน้ำทางหลอดเลอื ดดำ 7.7 การบรหิ ารยาพ่น ยาพ่นเป็นการบริหารยากลุ่มที่ช่วยในการขยายหลอดลม โดยหลักการทำให้ยากลายเป็ล ละอองฝอยเลก็ ๆ (aerosol) ทส่ี ามารถเข้าสรู่ ะบบทางเดินหายใจได้มากท่สี ุด การเตรียมยาด้วยการผสมยาตามหลักการเจือจางยา โดยใช้ 0.9 % NSS หลังจากนั้นนำไป ต่อกับอุปกรณ์สำหรับพ่นยา(Nebulizer set) แล้วต่อกับ simple mask โดยไม่ต้องต่อกระบอกทำ ความชน้ื ปรบั อัตราการไหลของ ออกซิเจน 6 – 8 ลติ ร/นาที (ศกึ ษาตอ่ ในบทท่ี 9) 235
รปู ภาพท่ี 7-29 แสดงการต่ออปุ กรณ์สำหรับพน่ ยา ท่มี า: https://www.amdnext.com 7.8 บทสรปุ การให้ยาเป็นบทบาทหนึ่งในการให้การพยาบาลตามแผนการรักษา พยาบาลต้องให้ด้วย ความรอบคอบและถูกต้องเพราะถ้าเกิดความผิดพลาดจะเกิดอันตรายถึงชีวิตของผู้ป่วย ดังนั้น พยาบาลตอ้ งเป็นผู้ท่ีมีความรู้ถึงสรรพคุณของยา วธิ ีการให้ยา เทคนคิ ปฏิบัติ การแพ้ยา การช่วยเหลือ ในระยะเฉียบพลนั และใหด้ ว้ ยความไม่ประมาท 7.9 คำถามทา้ ยบท ข้อ 1 คำสั่งการรักษาให้ Paracetamol syrup sig 250 mg p.r.n for fever. (ฉลากข้างขวด เขยี นวา่ 250 mg / 5 ml) ต้องใหย้ าน้ปี รมิ าณกม่ี ิลลลิ ิตร 1. 2.5 2. 4.0 3. 4.5 4. 5.0 236
ขอ้ 2 หลัก 10 R: Right patient หมายถึงขอ้ ใด 1. จดั ยาถูกชนดิ 2. ผสมยาถกู ต้อง 3. ให้ยาตรงตามเวลา 4. ถามชอ่ื ผปู้ ว่ ยกอ่ นใหย้ า ขอ้ 3 คำสงั่ การใหย้ า p.r.n. หมายถงึ ข้อใด 1. ให้ทนั ที 2. เม่อื จำเปน็ 3. หลงั อาหาร 4. ก่อนอาหาร ข้อ 4 ยา 1 ชอ้ นโต๊ะเท่ากบั กมี่ ิลลิลติ ร 1. 5 มิลลิลติ ร 2. 10 มลิ ลิลติ ร 3. 15 มิลลิลติ ร 4. 20 มิลลิลิตร ข้อ 5 การบรหิ ารยาทางตา ข้อใดเป็นอนั ดบั แรก 1. ยาน้ำขนุ่ 2. ยาน้ำใส 3. ยาป้ายนำ้ ขุน่ 4. ยาป้ายน้ำใส 237
ข้อ 6 คำส่งั การรกั ษา Regular insulin กบั mixtard ตอ้ งดูดยาใดก่อน 1. Mixtard 2. ตัวใดกอ่ นกไ็ ด้ 3. Regular Insulin ขอ้ 7 การฉีดยาเข้ากลา้ มเน้ือ จำนวน 2 มลิ ลลิ ิตร ตอ้ งเตรยี มอุปกรณอ์ ย่างไร 1. Syringe 3 cc. ; needle gauge 25-27 2. Syringe 3 cc. ; needle gauge 23-24 3. Syringe 5 cc. ; needle gauge 21-22 4. Syringe 5 cc. ; needle gauge 20-21 ข้อ 8 การเตรยี มยาฉีด Tienam 250 mg v drip in 3 hr. ขอ้ ใดถูกต้อง 1. ละลายดว้ ย 0.9 % NSS 10 ml. ดดู ยา 5 ml เจอื จางใน 0.9 % NSS 100 ml. 2. ละลายด้วย 0.9 % NSS 10 ml. ดูดยา 10 ml เจือจางใน 0.9 % NSS 100 ml. 3. ละลายด้วย sterile water 10 ml. ดดู ยา 5 ml เจือจางใน 0.9 % NSS 100 ml. 4. ละลายดว้ ย sterile water 10 ml. ดูดยา 10 ml เจอื จางใน 0.9 % NSS 100 ml 238
ขอ้ 9 ยาในข้อใดต้องให้ดว้ ยการหยดเขา้ หลอดเลอื ดดำเท่านัน้ 1. Cefazolin 1 g 2. Penicillin G 2 MU 3. Augmentin 625 mg 4. Tazobactam 2.25 g ข้อ 10 ระหวา่ งการฉีดยา Cefazolin sig 1 g v q 6 hr. ผู้ป่วยบอกเจ็บ มีรอยแดงตามแนวที่ฉีด ยา การปฏบิ ัตขิ ้อใดถกู ตอ้ ง 1. ฉีดยาชา้ ลง 2. หยุดฉดี ยา เปิดเสน้ ใหม่ 3. ประคบเยน็ แล้วฉีดยาช้า 4. บอกใหผ้ ้ปู ว่ ยอดทน หายใจเข้า-ออก ลกึ ๆ 7.10 เอกสารอ้างองิ ณัฐสุรางค์ บุญจันทร์ และอรุณรัตน์ เทพนา. (2559). ทักษะพื้นฐานทางการพยาบาล. กรุงเทพฯ: หจก. เอ็นพีเพรส. สัมพันธ์ สันทนาคณิต, สุมาลี โพธิ์ทอง และสุภวรรณ วงศ์ธีรทรัพย์. (2558). ปฏิบัติการพยาบาล พน้ื ฐาน II. กรุงเทพฯ: บริษทั บพธิ การพมิ พ์ จำกดั . สุปราณี เสนาดิสัยและวรรณภา ประไพพานิช. (2558). การพยาบาลพื้นฐาน. กรุงเทพฯ : บริษัท จุด ทอง จำกัด สุภวรรณ วงศ์ธีรทรัพย์ สุมาลี โพธิ์ทอง, และสัมพันธ์ สันทนาคณิต. (2558). ปฏิบัติการพยาบาล พ้ืนฐาน I.กรงุ เทพฯ: บริษัท บพิธการพมิ พ์ จำกดั . อัจฉรา พุ่มดวง. (2559). การพยาบาลพื้นฐาน : ปฏิบัติการพยาบาล. กรุงเทพฯ: โรงพิมพ์แห่ง จฬุ าลงกรณ์ มหาวิทยาลัย. อภิญญา เพียรพิจารณ์ (2556). คู่มือปฏิบัติการพยาบาลเล่ม 1. ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1, กรุงเทพฯ : บริษัท ธนาเพรส จำกัด. 239
อภิญญา เพียรพิจารณ์ (2558). คู่มือปฏิบัติการพยาบาลเล่ม 2. ฉบับปรับปรุงครั้งที่ 1, กรุงเทพฯ : บริษทั จรลั สนิทวงศ์การพมิ พ์ จำกัด. Nettina SM. (2 0 1 4 ) . Manual of Nursing Practice. Philadelphia: Williams &Wilkins Lippincott. Patricia A. Potter. (2 0 1 3 ) . Fundamentals of Nursing 8 th ed. St. Louis, Mo : Mosby Elsevier. Taylor ll. (2015). Fundamental of Nursing .8th ed. Philadelphia: Walters Kluwer. 240
แผนบริหารการสอนประจำบทท่ี 8 หลักการและเทคนคิ การพยาบาลพ้นื ฐาน ในการให้สารน้ำ เลอื ดและส่วนประกอบของเลอื ดทางหลอดเลือดดำ หัวขอ้ เนื้อหาประจำบท 1. หลักการและวิธกี ารให้สารนำ้ ทางหลอดเลือดดำ 2. การป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการใหส้ ารน้ำทางหลอดเลอื ดดำ 3. หลักการและวิธกี ารให้เลอื ดและส่วนประกอบของเลือด 4. การปอ้ งกันภาวะแทรกซ้อนจากการใหเ้ ลือดและสว่ นประกอบของเลือด จำนวนชั่วโมงทสี่ อน: ภาคทฤษฎี 2 ชั่วโมง วัตถุประสงค์เชงิ พฤตกิ รรม 1. บอกความสำคญั ของการใหส้ ารน้ำและเลือดทางหลอดเลือดดำได้ 2. ระบุวัตถปุ ระสงคข์ องการใหส้ ารน้ำและเลือดทางหลอดเลอื ดดำได้ 3. บอกหลักการการให้สารนำ้ และเลอื ดทางหลอดเลือดดำได้ 4. วางแผนการพยาบาลผปู้ ว่ ยที่ตอ้ งไดร้ ับสารน้ำและเลือดทางหลอดเลอื ดดำได้ 5. วิเคราะหส์ าเหตุและการป้องกันภาวะแทรกซอ้ นจากการใหส้ ารนำ้ และเลือดทางหลอดเลือด ดำได้ วธิ สี อนและกิจกรรมการเรยี นการสอน 1. วธิ ีสอน 1.1 บรรยายสรุป 1.2 อภิปรายกลุ่ม 1.3 ยกตัวอยา่ งกรณศี กึ ษาเพอ่ื การอภปิ ราย 241
2. กิจกรรมการเรียนการสอน 2.1 มอบหมายงานลว่ งหนา้ อยา่ งน้อย 1 สัปดาห์ ใหน้ กั ศึกษาดู VDO สอื่ การสอน เร่อื งการ ใหส้ ารน้ำทางหลอดเลือดดำ ทาง YouTube channel: nursing practice https://www.youtube.com/channel/UCvKvxUJtmc7syshf5zcy7Xw สรปุ การเรียนร้ใู นห้องเรยี น 2.2 บรรยายเกี่ยวกับหลักการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ การให้เลือดและส่วนประกอบ ของเลือด วิธีการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำและการป้องกันภาวะแทรกซ้อน วิธีการให้เลือด ส่วนประกอบของเลือดและการป้องกนั ภาวะแทรกซอ้ น 2.3 ผูเ้ รยี นร่วมกันทำโจทย์สถานการณเ์ กยี่ วกบั การคำนวณหยดสารน้ำ 2.4 ยกตัวอย่างกรณีศึกษาและให้ผู้เรียนทำใบปิดขวดสารน้ำ 2.5 ให้ผู้เรียนร่วมกันอภิปรายการป้องกันภาวะแทรกซ้อนจากการให้สารน้ำ เลือดและ ส่วนประกอบของเลอื ด สอื่ การเรียนการสอน 1. เอกสารประกอบการสอน 2. โปรแกรมสำเร็จรูป Power Point Presentation 3. โจทย์ตัวอยา่ งกรณศี กึ ษา 4. ใบปิดขวดสารน้ำ 5. YouTube channel: nursing practice การวดั ผลและประเมนิ ผล 1. การเขา้ ช้ันเรยี นรว่ มกับการสังเกตพฤตกิ รรมการเรยี น 2. การสงั เกตการมสี ่วนรว่ มในอภิปรายและตอบคำถาม 3. ผลการทำโจทยส์ ถานการณเ์ กยี่ วกบั การคำนวณหยดสารน้ำ 4. การทำแบบฝกึ หดั ท้ายบท 5. การสอบปลายภาค 242
บทที่ 8 หลกั การและเทคนคิ การพยาบาลพ้ืนฐาน ในการใหส้ ารน้ำ เลอื ดและส่วนประกอบของเลอื ดทางหลอดเลือดดำ การให้สารน้ำ เลือดและส่วนประกอบของเลือดทางหลอดเลือดดำหมายถึง การให้ สารละลายชนิดตา่ ง ๆ ทมี่ สี ่วนผสมของน้ำ น้ำตาล เกลือแร่ ยา เขา้ ทางหลอดเลอื ดดำ โดยผ่านทางชดุ ให้สารน้ำ ซึ่งต่อกับเข็มหรือสายสวนที่ถูกแทงเข้าไปในหลอดเลือดดำ วัตถุประสงค์ของการให้สารน้ำ ทางหลอดเลือดดำเพ่ือ ทดแทนสารน้ำของร่างกายท่ีสญู เสียไป รักษาสมดลุ ของสารน้ำและเกลือแร่ใน รา่ งกาย ให้สารอาหารทดแทนในกรณีทไ่ี ม่สามารถให้อาหารทางปากได้รวมทง้ั เป็นทางใหย้ าชนิดต่างๆ รวมทง้ั เลือดและส่วนประกอบของเลือด 8.1 หลกั การและวิธีการใหส้ ารนำ้ ทางหลอดเลือดดำ 8.1.1 ความร้เู บื่องตน้ เก่ยี วกับสารนำ้ ทางหลอดเลือดดำ สารน้ำทีใ่ หท้ างหลอดเลือดดำสามารถแบง่ ออกเป็น 2 ชนดิ ดังน้ี 8.1.1.1. สารนำ้ กลุม่ Crystalloid solution เปน็ สารน้ำที่เป็นอิเลก็ โตไลท์ สารน้ำกลมุ่ น้ี สามารถแบง่ ตามระดบั อีเล็กโทรลัยตข์ องสารน้ำในเซลล์และความดนั ออสโมติกในพลาสมา ได้ 3 ชนิด ดังนี้ ชนดิ สารน้ำ คา่ ความดัน ผลกระทบต่อ ตวั อยา่ งชนิดสารละลาย ออสโมติก เซลล์ 1. สารละลายไอ (mOsm/L) โซโทนิค 250 – 375 - ความเข้มข้น 0.9 % Sodium chloride หรือ (isotonic mOsm/L ใกลเ้ คยี งกับสาร Normal saline (308 mOsm/L) solution) น้ำในเซลล์ - ความดนั ออสโมติก 243
ชนิดสารน้ำ คา่ ความดัน ผลกระทบต่อ ตัวอย่างชนิดสารละลาย ออสโมติก เซลล์ (mOsm/L) ใกล้เคยี งกับ พลาสมา - สารละลายน้ี 5 % Dextrose in water (252 จึงไมม่ ี mOsm/L) ผลกระทบต่อ ปรมิ าณสารน้ำ ของเซลล์ Ringer Lactate Solution 244
ชนิดสารน้ำ คา่ ความดนั ผลกระทบต่อ ตัวอย่างชนดิ สารละลาย ออสโมติก เซลล์ (mOsm/L) - ความเข้มข้น 0.45% NaCl 2.สารละลายไฮโป < 250 ต่ำกว่ากับสาร โทนิค mOsm/L น้ำในเซลล์ (Hypotonic solution) - ค ว า ม ดั น ออสโมติกต่ำก ว่าพลาสมา - ผลกระทบต่อ Sterile water ขนาดของเซลล์ โดยมีการไหล ของน้ำ โดยมีการไหล ข อ ง น้ ำ จ า ก หลอดเลือดเข้า ไปในระหว่าง เ นื้ อ เ ย ื ่ อ แ ล ะ เซลล์ทำให้เซลล์ มีขนาดใหญ่หรือ บวมและแตกได้ Hypertonic > 375 -ความเข้มขน้ 5% Dextrose in NaCl solution mOsm/L ของระดับอีเลก็ โทรลยั ต์สูงกวา่ สารน้ำในเซลล์ - 245
ชนิดสารน้ำ ค่าความดัน ผลกระทบต่อ ตวั อยา่ งชนดิ สารละลาย ออสโมติก เซลล์ (mOsm/L) ความดันออสโม ติกสูงกวา่ ใน พลาสมา -มผี ลกระทบต่อ เซลล์ โดยทำให้ เซลลห์ ดตวั หรือ เลก็ ลง 5% Dextrose in 0.45% NaCl -สารละลายน้ีให้ เพอ่ื ทำให้น้ำที่ อยนู่ อกเซลล์ ไหลเขา้ ไปในหลอด เลอื ด ตารางท่ี 8-1 แสดงชนดิ ของสารนำ้ จำแนกตามคา่ ความดนั ออสโมติก(mOsm/L) และผลกระทบตอ่ เซลล์ 8.1.1.2. สารน้ำกลุ่ม Colloid เป็นกลุ่มของโปรตีนที่มีโมเลกุลใหญ่กว่ากลุ่มสาร crystalloid มักใช้ในการ ทั้งในกลุ่มของสารสังเคราะห์และสารธรรมชาติ เช่น albumin, Haemaccel 246
8.1.2 หลักการใหส้ ารน้ำทางหลอดเลือดำ การใหส้ ารน้ำทางหลอดเลอื ดำ มหี ลกั การที่เกยี่ วข้องดงั นี้ 1) การเตรียมผู้ป่วยและญาติก่อนการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำจะช่วยลดความวิตก กงั วลของผู้ป่วยได้ เนอ่ื งจากผ้ปู ่วยโดยสว่ นใหญ่ เม่ือเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลมักจะมีความกลัว เจ็บ มีความวิตกกังวล ดังนั้นก่อนการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำ ควรให้ข้อมูลผู้ป่วย แจ้ง วตั ถปุ ระสงค์ วธิ ีการให้ ระยะเวลาในการให้ ขอควรระวงั หรอื อาการผิดปกตทิ ่ีอาจพบได้ หากพบความ ผิดปกตใิ หแ้ จ้งพยาบาล การปฏิบัตกิ ารพยาบาลทำด้วยความนมุ่ นวล ถกู ตอ้ งเหมาะสม 2) การเตรียมอุปกรณ์สำหรับให้สารน้ำ ควรมีการเตรียมให้พร้อมใช้ ถูกต้อง ปลอดภัย กอ่ นการแทงเข็มใหส้ ารนำ้ อุปกรณม์ ีดังนี้ (1) สารน้ำ (Intravenous fluid) ตามแผนการรักษาของแพทย์ ปัจจุบันสารน้ำจะ บรรจุในขวดพลาสตกิ สำเร็จรูปพร้อมใช้ จะมีห่วงอยู่ด้านบนของขวดสามารถแขวนกับเสาได้ ขวดสาร น้ำจะมีตั้งแต่ 100 มิลลิลิตรถึง 1,000 มิลลิลิตร ซึ่งจะมีขีดแสดงปริมาณอยู่ที่ขวดซึ่งช่วยให้สามารถ ประเมินปริมาณการให้สารน้ำได้ ก่อนการให้สารน้ำควรตรวจสอบขวดสารน้ำ วันหมดอายุ ลักษณะ ของขวดต้องไม่มรี รู ั่ว สารน้ำในขวดไม่ขุ่น หากกรณีมีการผสมยาในสารน้ำเพ่ือหยดใหท้ างหลอดเลือด ภายหลังการผสมยาลงในสารน้ำตอ้ งสังเกตลักษณะของสารนำ้ หากสารนำ้ ในขวดขุ่น มตี ะกอนจะไม่ให้ สารน้ำนน้ั แกผ่ ปู้ ว่ ย (2) ชดุ ใหส้ ารนำ้ (Intravenous set) เป็นอุปกรณ์ปราศจากเช้ือท่ีต่อจากขวดสารน้ำ ผ่านเข็มไปสู่หลอดเลือดดำของผู้ป่วย ปลายบนเป็นพลาสติแข็ง ปลายแหลม มีพลาสติกใสเป็นปลอก คลุมไว้ ส่วนนี้ใช้สำหรับแทงเข้าไปที่จุกขวดน้ำเกลือ ถัดจากนั้นเป็นกระเปาะพักน้ำและเป็นส่วน สำหรับปรับอัตราหยดของสารน้ำ ถัดมาเป็นส่วนของสายให้สารน้ำ อุปกรณ์สำหรับหมุนเกลียวเพื่อ เลื่อนปิดเปิด ควบคุมอัตราหยดของสารน้ำ ซึ่งชุดให้สารน้ำจะมี 3 ชนิดแบ่งตามจำนวนหยดต่อนาที ดังน้ี - Macro- drop ชุดให้สารน้ำนี้ให้ขนาดหยดค่อนข้างใหญ่ประมาณ 15 หรือ 20 หยดต่อนาที 247
- Micro- drop เปน็ ชดุ ใหส้ ารน้ำทม่ี ีจำนวนหยดขนาดเล็ก คือ 60 หยดตอ่ นาที รูปภาพท่ี 8-1 แสดง ชุดใหส้ ารนำ้ (Intravenous set) - Volume- control set หรอื เรยี กว่า โวลูโทรล เซ็ท เปน็ ชดุ ให้สารน้ำท่ีมขี นาด 60 หยดตอ่ นาที แต่มีกระเปาะพักน้ำ 100 ml ซ่ึงใช้สำหรับผสมยา รูปภาพท่ี 8-2 แสดง Volume- control set หรือ โวลโู ทรล เซท็ ท่มี า: https://slideplayer.com/slide/3845819/ 248
(3) สายต่อเพมิ่ ความยาวของชดุ ให้สารน้ำ (extension set, extension tube) เป็นสายพลาสติกใส มี 2 ขนาด คอื 18 นว้ิ และ 24 น้วิ ใชต้ อ่ กบั ปลายสายชดุ ให้สารนำ้ เพื่อใหม้ ีขนาด ยาวข้ึนก่อนที่จะต่อเข่ากบั เข็มท่ีแทงเข้าทางหลอดเลือดดำ รปู ภาพที่ 8-3 แสดง สายต่อเพิ่มความยาวของชดุ ใหส้ ารนำ้ (extension set, extension tube) (4) ข้อต่อ 3 ทาง (3- way) ใช้ในกรณีที่ต้องการต่อชุดให้สารสองขวดในเวลา เดียวกัน (side chain) โดยข้อต่อ 3 ทางนี้สามารถหมุนเปิด ปิด แต่ละช่องได้ ก่อนหรือหลังที่จะต่อ สาย/ ปลดสาย ต้องเช็ดขอ้ ตอ่ ด้วย 70 % alcohol ทกุ คร้งั เพอื่ ป้องกันการตดิ เช้ือเขา้ สูก่ ระแสเลือด รูปภาพท่ี 8-4 แสดง ข้อตอ่ 3 ทาง (3- way) (5) ถงุ มือสะอาดเป็นถุงมือชนิดใช้ครง้ั เดียวทิง้ ใสเ่ พือ่ ปอ้ งกนั บคุ ลากรสัมผัสเลือด สารคดั หลัง่ ของผู้ป่วย ภายหลังทำหัตถการเรยี บร้อยแล้วให้ถอดถุงมอื แล้วลา้ งมือทนั ที (6) เข็มแทงให้สารน้ำทางหลอดเลอื ดดำส่วนปลาย ปลายเข็มมีสว่ นทีส่ ามารถตอ่ เข้ากับชุดให้สารน้ำ เข็มมีหลายขนาดโดยระบุเป็นตัวเลขเช่นเดียวกับเข็มเจาะเลือด มีตั้งแต่เบอร์ 16 – 26 เบอร์ 16 ขนาดใหญ่สุด เข็มจะมคี วามยาวประมาณ 1 – 1 ½ นิว้ โดยทัว่ ไปนยิ มใช้เบอร์ 20 – 24 เขม็ ท่แี ทงให้สารน้ำทางหลอดเลอื ดดำส่วนปลายจะมี 2 ชนดิ คือ - เขม็ สแคลเวน (scalp vein catheter) มคี วามยาวประมาณ ¾ - 1 น้ิว จะมี ปลอกพลาสติกปิดเข็มไว้ ตัวเข็มทำด้วยโลหะสแตนเลสปลายตัด มีปีกที่เป็นพลาสติกต่อจากเข็ม ซ่ึง 249
สามารถจับพับปีกเข้าหากันได้ ขณะที่จะแทงเข็มเข้าหลอดเลือดดำของผู้ป่วย เนื่องจากขนาดเข็มสั้น จึงเหมาะสำหรับผ้ปู ่วยเดก็ แต่เข็มชนดิ นมี้ ีขอ้ ควรระวงั เน่อื งจากเข็มทำดว้ ยโลหะสแตนเลส จึงสามารถ แทงทะลุออกนอกเส้นเลือดและทำใหห้ ลอดเลือดดำอักเสบไดง้ ่ายกว่าเข็มท่ีทำจากพลาสติก จึงควรใช้ ในการให้สารนำ้ ในระยะสนั้ หรอื ให้คร้ังเดยี ว รปู ภาพที่ 8-5 แสดง เข็มสแคลเวน (scalp vein catheter) (7) เข็มพลาสติกสำหรับแทงเส้น (IV catheter) ทำด้วยวัสดุที่เป็นเทฟล่อน ซึ่ง เป็นพลาสติกอ่อน ส่วนปลายมน สามารถปรับตัวกับความโค้งของหลอดเลือดได้ มีโลหะสแตนเลสป ลายตัดแหลมใส่ไว้ด้านในทำหน้าที่เป็นแกนเข็ม (stylet) หรือเป็นตัวนำเข็ม ซึ่งมีขนาดเล็กและยาว กวา่ สว่ นทเี่ ปน็ พลาสติกเล็กน้อย ช่วยในการนำเข็มพลาสติกแทงทะลผุ วิ หนังเข้าไปในหลอดเลือด แล้ว ค่อยนำตัวนำออกเหลือไว้แค่ส่วนที่เป็นพลาสติกไวใ้ นหลอดเลือดผู้ป่วย หลีกเลี่ยงการดันตัวนำเข้าไป ในหลอดเลอื ดเพราะจะทำให้หลอดเลอื ดทะลุได้ง่าย รปู ภาพท่ี 8-6 แสดง เข็มพลาสตกิ สำหรับแทงเส้น (IV catheter) 250
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 582
Pages: