ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ คณะกรรมการอำนวยการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี จัดพิมพ์เป็นที่ระลึกเนื่องในมหามงคลสมัยฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี พทุ ธศกั ราช ๒๕๓๙
ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ คณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ ในคณะกรรมการอำนวยการจดั งานฉลองสริ ริ าชสมบตั คิ รบ ๕๐ ปี มอบให้กรมศิลปากรจัดพิมพ์ในนามคณะกรรมการโครงการชำระและจัดพิมพ์เผยแพร่ หนังสือชุดประชุมพงศาวดาร เฉลมิ พระเกยี รตพิ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ในมหามงคลสมยั ฉลองสริ ริ าชสมบตั คิ รบ ๕๐ ปี พมิ พค์ รง้ั แรก พทุ ธศกั ราช ๒๕๔๒ จำนวน ๕,๐๐๐ เลม่ ข้อมูลทางบรรณานุกรมของหอสมุดแห่งชาติ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔. - - กรงุ เทพ ฯ : กองวรรณกรรม และประวตั ศิ าสตร์ กรมศลิ ปากร, ๒๕๔๒. ๕๘๐ หนา้ . ภาพประกอบ. ๑.ไทย - - ประวตั ศิ าสตร.์ . กรมศลิ ปากร. กองวรรณกรรมและประวตั ศิ าสตร.์ . ชอ่ื เรอ่ื ง. ๙๕๙.๓ ISBN 974 - 419 - 219 - 4 ที่ปรึกษา อธบิ ดกี รมศลิ ปากร ( นายนคิ ม มสู กิ ะคามะ ) นายบรรเจดิ อนิ ทจุ นั ทรย์ ง ศ.ดร.กสุ มุ า รกั ษมณี นายมนู เพชรทองคำ นายนาซริ ภไู่ หมทอง ผอู้ ำนวยการกองวรรณกรรมและประวตั ศิ าสตร์ ( นางปรงุ ศรี วลั ลโิ ภดม ) คณะบรรณาธกิ าร นางสาวสทุ ธพิ นั ธ์ ขทุ รานนท์ นางสาววฒั นา อนุ่ ทรพั ย์ แหล่งที่มาของภาพ หอจดหมายเหตแุ หง่ ชาติ
คำปรารภ ในมหามงคลสมัยที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จกั รนี ฤบดนิ ทร์ สยามนิ ทราธริ าช บรมนาถบพติ ร ทรงปกครองสยามรฐั สมี าอาณาจกั รถว้ นถงึ ๕๐ พรรษา ในพุทธศักราช ๒๕๓๙ เป็นสิ่งประเสริฐสุดที่มิเคยปรากฏมาแต่กาลก่อน แสดงบุญญาธิการอันไพศาล ยงั ความปลาบปลม้ื ปตี โิ สมนสั มาสปู่ ระชาชนชาวไทยทง้ั ชาติ รฐั บาลและอเนกชาตนิ กิ รชนตา่ งสโมสรสมานฉนั ท์ จดั งานฉลองสริ ริ าชสมบตั คิ รบ ๕๐ ปี เฉลมิ พระเกยี รตใิ หป้ รากฏแผไ่ พศาล นับแต่เสด็จเถลิงถวัลยราชสมบัติตราบจนบัดนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงดำรงอยู่ใน ทศพิธราชธรรม ทรงอุทิศพระองค์บำเพ็ญพระราชกรณียกิจนานัปการ ยังความร่มเย็นเป็นสุขแก่พสกนิกร ทกุ ถว้ นทว่ั ทรงเปน็ มง่ิ ขวญั และศนู ยร์ วมแหง่ ความสามคั คขี องปวงชนชาวไทย ตลอดระยะเวลาในรชั สมยั ประเทศไทยมีความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าและมั่นคงเป็นปึกแผ่นตลอดมา พระมหากรุณาธิคุณนี้เป็นสิ่งที่ คนไทยทง้ั มวลจกั นอ้ มรบั ใสเ่ กลา้ ใสก่ ระหมอ่ มไวต้ ลอดชวี ติ เพื่อเป็นการแสดงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้ รัฐบาลและ ประชาชนทุกหมู่เหล่าได้พร้อมใจกันจัดงานเฉลิมพระเกียรติถวายเป็นราชสักการะ โดยการนี้คณะกรรมการ ฝ่ายประมวลเอกสารและจดหมายเหตุ ในคณะกรรมการอำนวยการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี ไดพ้ จิ ารณาเหน็ ชอบอนมุ ตั ใิ หห้ นว่ ยราชการ องคก์ ร เอกชนจดั พมิ พห์ นงั สอื เฉลมิ พระเกยี รตคิ ณุ ในดา้ นตา่ ง ๆ เพอ่ื เผยแพรพ่ ระมหากรณุ าธคิ ณุ และพระปรชี าสามารถใหป้ รากฏยง่ั ยนื อยตู่ ราบกาลนาน ในนามของรฐั บาลและประธานกรรมการอำนวยการจดั งานฉลองสริ ริ าชสมบตั คิ รบ ๕๐ ปี ขออนโุ มทนา ในความอุตสาหะวิริยะของทุกหน่วยราชการ องค์กร เอกชน และคณะกรรมการฝ่ายประมวลเอกสาร และจดหมายเหตุ ตลอดจนคณะทำงานเฉพาะกิจทุกคณะที่ได้ริเริ่มและสร้างสรรค์ผลงานทางวิชาการ อนั จะอำนวยคณุ ประโยชนอ์ ยา่ งยง่ิ แกม่ หาชน นอ้ มเกลา้ นอ้ มกระหมอ่ มถวายเปน็ ราชสกั การะแดพ่ ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั ผสู้ ถติ อยใู่ นหทยั ปวงประชาราษฎรตลอดกาลนริ นั ดร์ (นายบรรหาร ศลิ ปอาชา) นายกรัฐมนตรี ประธานกรรมการอำนวยการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี
(๗) พระราชประวัติ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช สำนกั ราชเลขาธกิ าร พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เสด็จพระราชสมภพ ณ โรงพยาบาล เมานท์ออเบอร์น (Mount Auburn) เมืองเคมบริดจ์ (Cambridge) รัฐแมสสาชูเซตต์ (Massachusetts) สหรัฐอเมริกา เมื่อวันจันทร์ เดือนอ้าย ขึ้น ๑๒ ค่ำ ปีเถาะนพศก จุลศักราช ๑๒๘๙ ตรงกับวันที่ ๕ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๔๗๐ มีพระนามเดิมว่า พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าภูมิพลอดุลเดช เป็น พระราชโอรสพระองค์เล็กในสมเด็จพระราชบิดา เจ้าฟ้ามหิดลอดุลเดช กรมหลวงสงขลานครินทร์ (พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และ สมเด็จ พระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี) และสมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาลย์ ซึ่งภายหลังทั้งสองพระองค์ได้รับการ เฉลิมพระนามาภิไธยเป็น สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนก และ สมเด็จ พระศรีนครินทราบรมราชชนนี มีพระเชษฐภคินี และสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช คือ สมเด็จพระเจ้า พน่ี างเธอ เจา้ ฟา้ กลั ยาณวิ ฒั นา กรมหลวงนราธวิ าสราชนครนิ ทร์ ประสตู เิ มอ่ื วนั อาทติ ยท์ ่ี ๖ พฤษภาคม พทุ ธศกั ราช ๒๔๖๖ ณ กรงุ ลอนดอน ประเทศองั กฤษ กบั พระบาทสมเดจ็ พระปรเมนทรมหาอานนั ทมหดิ ล เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันอาทิตย์ที่ ๒๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๔๖๘ ณ เมืองไฮเดลแบร์ก ประเทศเยอรมนี เมื่อพุทธศักราช ๒๔๗๑ ได้โดยเสด็จสมเด็จพระบรมราชชนก ซึ่งทรงสำเร็จการศึกษาปริญญา แพทยศาสตรบัณฑิตเกียรตินิยม จากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด สหรัฐอเมริกา กลับประเทศไทยประทับ ณ วังสระปทุม ต่อมาในวันที่ ๒๔ กันยายน พุทธศักราช ๒๔๗๒ สมเด็จพระบรมราชชนกสวรรคต ขณะนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันทรงเจริญพระชนมายุได้ไม่ถึง ๒ ปี และเมื่อมี พระชนมายุได้ ๕ ปี ได้ทรงเข้ารับการศึกษาชั้นต้น ณ โรงเรียนมาแตร์ เดอี กรุงเทพ ฯ จนถึงพุทธศักราช ๒๔๗๖ จึงเสด็จพระราชดำเนินไปประทับ ณ เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ พร้อมด้วย สมเด็จพระบรมราชชนนี พระเชษฐภคินีและสมเด็จพระบรมเชษฐาธิราช เพื่อทรงศึกษาต่อในชั้น ประถมศึกษาในโรงเรียน Miremont ทรงศึกษาวิชาภาษาฝรั่งเศส ภาษาเยอรมัน และภาษาอังกฤษ จากนั้นทรงเข้าศึกษาชั้นมัธยมศึกษาที่โรงเรียน Ecole Nouvelle de la Suisse Romande, Chailly – sur Lausanne เมื่อทรงรับประกาศนียบัตร Bachelier es Lettres จาก Gymnase
(๔) Classique Cantonal แหง่ เมอื งโลซานนแ์ ลว้ ทรงเขา้ ศกึ ษาในมหาวทิ ยาลยั โลซานน์ โดยทรงเลอื กศกึ ษา ในแขนงวชิ าวทิ ยาศาสตร์ ในพุทธศักราช ๒๔๗๗ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอานันทมหิดล เสด็จขึ้นครองราชย์เป็น พระมหากษตั รยิ ์ รชั กาลท่ี ๘ แหง่ พระบรมราชจกั รวี งศ์ พระวรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ ภมู พิ ลอดลุ เดช จงึ ทรง ได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช เมื่อพุทธศักราช ๒๔๗๘ และได้โดยเสด็จพระราชดำเนินสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล นิวัตประเทศไทยเป็นครั้งแรกใน พุทธศักราช ๒๔๘๑ โดยประทับ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิตเป็นการชั่วคราว แล้วเสด็จพระราชดำเนินกลับไปประเทศสวิตเซอร์แลนด์ จนถึงพุทธศักราช ๒๔๘๘ จึงโดยเสด็จ พระราชดำเนินสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล นิวัตประเทศไทยเป็นครั้งที่สอง ครั้งนี้ประทับ ณ พระทน่ี ง่ั บรมพมิ านในพระบรมมหาราชวงั ในวันที่ ๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๔๘๙ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลเสด็จสวรรคต โดยกะทันหัน ณ พระที่นั่งบรมพิมาน ในพระบรมมหาราชวัง สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้าภูมิพล อดุลยเดช จึงเสด็จขึ้นครองราชสมบัติสืบราชสันตติวงศ์ในวันเดียวกันนั้น แต่เนื่องจากยังมีพระราชกิจ ด้านการศึกษา จึงต้องทรงอำลาประชาชนชาวไทยเสด็จพระราชดำเนินกลับไปยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์ อีกครั้งหนึ่งในเดือนสิงหาคม พุทธศักราช ๒๔๘๙ เพื่อทรงศึกษาต่อ ณ มหาวิทยาลัยแห่งเดิม ในครง้ั นท้ี รงเลอื กศกึ ษาวชิ ากฎหมายและวชิ ารฐั ศาสตร์ แทนวชิ าวทิ ยาศาสตรท์ ท่ี รงศกึ ษาอยเู่ ดมิ ระหว่างที่ประทับศึกษาอยู่ในต่างประเทศนั้น ทรงพบหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ธิดาใน หม่อมเจ้านักขัตรมงคล กิติยากร กับหม่อมหลวงบัว (สนิทวงศ์) กิติยากร (ภายหลังพระบาทสมเด็จ พระเจา้ อยหู่ วั มพี ระบรมราชโองการโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มใหส้ ถาปนาพระอสิ รยิ ยศหมอ่ มเจา้ นกั ขตั รมงคล กติ ยิ ากร ขน้ึ เปน็ พระวรวงศเ์ ธอ พระองคเ์ จา้ นกั ขตั รมงคล เมอ่ื พทุ ธศกั ราช ๒๔๙๓ และขน้ึ เปน็ พระองคเ์ จา้ ตา่ งกรม มพี ระนามวา่ พระวรวงศเ์ ธอ กรมหมน่ื จนั ทบรุ สี รุ นาถ เมอ่ื พทุ ธศกั ราช ๒๔๙๕) ตอ่ มาทรงหมน้ั กับหม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ในวันที่ ๑๙ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๔๙๒ ณ เมืองโลซานน์ ประเทศสวติ เซอรแ์ ลนด์ ในพุทธศักราช ๒๔๙๓ เสด็จพระราชดำเนินนิวัตพระนคร ประทับ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตั้งการพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ
(๕) พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล ในเดือนมีนาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ ต่อมาในวันที่ ๒๘ เมษายน ปเี ดยี วกนั ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มใหจ้ ดั การพระราชพธิ รี าชาภเิ ษกสมรสกบั หม่อมราชวงศ์สิริกิติ์ กิติยากร ณ พระตำหนักสมเด็จพระศรีสวรินทิราบรมราชเทวี พระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ในวังสระปทุม ซึ่งในการพระราชพิธีราชาภิเษกสมรสนี้ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ใหส้ ถาปนาหมอ่ มราชวงศส์ ริ กิ ติ ์ิ กติ ยิ ากร ขน้ึ เปน็ สมเดจ็ พระราชนิ สี ริ กิ ติ ์ิ ในวันที่ ๕ พฤษภาคม พุทธศักราช ๒๔๙๓ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ตั้งการ พระราชพิธีบรมราชาภิเษกตามแบบอย่างโบราณราชประเพณีขึ้น ณ พระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในพระบรมมหาราชวัง เฉลิมพระบรมนามาภิไธยตามที่จารึกในพระสุพรรณบัฏว่า พระบาทสมเด็จ พระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร์ สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร พร้อมทั้งพระราชทานพระปฐมบรมราชโองการว่า เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพอ่ื ประโยชนส์ ขุ แหง่ มหาชนชาวสยาม และในโอกาสน้ี ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มสถาปนา เฉลมิ พระเกยี รตสิ มเดจ็ พระราชนิ สี ริ กิ ติ ์ิ ขน้ึ เปน็ สมเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ์ิ พระบรมราชนิ ี หลังจากเสร็จการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกแล้ว ได้เสด็จพระราชดำเนินไปทรงรักษาพระสุขภาพ ณ เมืองโลซานน์ ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ตามที่คณะแพทย์ได้ถวายคำแนะนำและระหว่างที่ประทับ ในเมืองโลซานน์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี มีพระประสูติกาลพระราชธิดาพระองค์แรก คือ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี ซึ่งประสูติ ณ โรงพยาบาล มองซัวซีส์ เมืองโลซานน์ เมื่อวันที่ ๕ เมษายน พุทธศักราช ๒๔๙๔ และเมื่อสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ พระองค์แรกเจริญพระชันษาได้ ๗ เดือน พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จพระราชดำเนินนิวัต พระนคร ประทับ ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต จากนั้นทรงย้ายที่ประทับไปประทับ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต เนื่องจากทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ปรับปรุง พระตำหนกั จติ รลดารโหฐาน สำหรบั เปน็ ทป่ี ระทบั แทนการทร่ี ฐั บาลจะจดั สรา้ งพระตำหนกั ขน้ึ ใหม่ และท่ี พระที่นั่งอัมพรสถานนี้เอง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี มีพระประสูติกาลพระราชโอรส และพระราชธดิ าอกี สามพระองค์ คอื สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าวชิราลงกรณ ประสูติเมื่อวันจันทร์ที่ ๒๘ กรกฎาคม พทุ ธศกั ราช ๒๔๙๕ ในพุทธศักราช ๒๕๑๕ ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมสถาปนาขึ้นเป็น สมเดจ็ พระบรมโอรสาธริ าช เจา้ ฟา้ มหาวชริ าลงกรณ สยามมกฎุ ราชกมุ าร
(๖) สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิรินธรเทพรัตนสุดา กิติวัฒนาดุลโสภาคย์ ประสูติเมื่อวันเสาร์ที่ ๒ เมษายน พทุ ธศกั ราช ๒๔๙๘ ในพทุ ธศกั ราช ๒๕๒๐ ทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มสถาปนา ขน้ึ เปน็ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ า เจา้ ฟา้ มหาจกั รสี ริ นิ ธร รฐั สมี าคณุ ากรปยิ ชาติ สยามบรมราชกมุ ารี สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี ประสูติเมื่อวันพฤหัสบดีที่ ๔ กรกฎาคม พทุ ธศกั ราช ๒๕๐๐ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระผนวช เมื่อวันที่ ๒๒ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๙๙ ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง และประทับจำพรรษา ณ พระตำหนัก ปั้นหยา วัดบวรนิเวศวิหาร มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินี เป็นผู้สำเร็จราชการ ทรงปฏิบัติราชการแผ่นดินแทนพระองค์ตลอดเวลา ๑๕ วัน ทท่ี รงพระผนวชอยู่ และจากการทส่ี มเดจ็ พระนางเจา้ สริ กิ ติ ์ิ พระบรมราชนิ ี ทรงปฏบิ ตั พิ ระราชกรณยี กจิ ใน ตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้อย่างเรียบร้อยเป็นที่พอพระราชหฤทัย จึงมีพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าโปรดกระหม่อมสถาปนาขึ้นเป็น สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในปีเดียวกัน นั้นเอง และในวันที่ ๓๑ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๕๐๐ หลังจากทรงประกอบพิธีเฉลิมพระตำหนัก จิตรลดารโหฐาน ซึ่งได้ต่อเติมขึ้นใหม่แล้ว ทรงย้ายที่ประทับจากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต กลบั ไปประทบั ทพ่ี ระตำหนกั จติ รลดารโหฐาน พระราชวงั ดสุ ติ จนถงึ ปจั จบุ นั
(๗) คำนำ คณะกรรมการโครงการชำระและจดั พมิ พเ์ ผยแพร่ หนงั สอื ชดุ ประชมุ พงศาวดาร ประวัติศาสตร์เป็นเครื่องบ่งชี้ความเป็นชาติ และแสดงถึงความรุ่งเรืองทางวัฒนธรรมของบุคคล ในชาติ เอกสารบันทึกประวัติศาสตร์ของชาติที่เรียกว่า พงศาวดาร จึงเป็นสมบัติล้ำค่าของแผ่นดิน เมอ่ื สมาคมหอ้ งสมดุ แหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภข์ องสมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี เสนอให้กรมศิลปากร กระทรวงศึกษาธิการ ชำระและจัดพิมพ์เผยแพร่หนังสือชุดประชุมพงศาวดาร ขึน้ ใหมเ่ ป็นชุดพเิ ศษ ในมหามงคลสมยั ทพ่ี ระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ ัวภูมพิ ลอดุลยเดช เสด็จเถลงิ ถวลั ย ราชสมบัติครบ ๕๐ ปี พ.ศ. ๒๕๓๙ คณะกรรมการอำนวยการจัดงานฉลองสิริราชสมบัติครบ ๕๐ ปี จงึ อนมุ ตั เิ ปน็ โครงการเฉลมิ พระเกยี รติ ฯ ตามทค่ี ณะกรรมการฝา่ ยประมวลเอกสารและจดหมายเหตเุ หน็ ชอบ และคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ ๓ กันยายน พ.ศ. ๒๕๓๙ แต่งตั้งคณะกรรมการโครงการชำระ และจัดพิมพ์เผยแพร่หนังสือชุดประชุมพงศาวดาร เพื่อให้คำปรึกษาแนะนำการตรวจสอบชำระและ การเผยแพร่ประชุมพงศาวดารในรูปหนังสือและแผ่นซีดีรอม โดยมีกรมศิลปากรรับผิดชอบดำเนินการ หนังสือชุดประชุมพงศาวดารนี้ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ “พระบิดาแห่งประวัติศาสตร์ไทย” ได้ทรงริเริ่มรวบรวมชำระและจัดพิมพ์เผยแพร่ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๔๕๗ และกรมศิลปากรได้สืบสานต่อมา จนจัดพิมพ์ถึงภาคที่ ๘๒ เมื่อ พ.ศ. ๒๕๓๗ บางภาคอาจรวมเรื่องราว ตา่ ง ๆ ไวห้ ลายเรอ่ื ง ในการจดั พมิ พค์ รง้ั นใ้ี หช้ อ่ื วา่ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก ซง่ึ ไดพ้ จิ ารณา จดั หมวดหมใู่ หมต่ ามเนอ้ื หา เพอ่ื ใหผ้ สู้ นใจทว่ั ไปไดศ้ กึ ษาคน้ ควา้ สะดวกขน้ึ ดงั น้ี ๑. การเมอื งการปกครอง ๒. ตำนานเรอ่ื งเลา่ ฯลฯ ๒.๑ บุคคล ๒.๒ สิ่งของ ๒.๓ สถานท่ี ๓. หวั เมอื ง ๓.๑ ฝา่ ยใต้ ๓.๒ ฝา่ ยเหนอื
(๘) ๔. สมั พนั ธภาพระหวา่ งประเทศ ๔.๑ พมา่ ๔.๒ เขมรและญวน ๔.๓ จนี ๔.๔ ญป่ี นุ่ ๔.๕ ชวา ๔.๖ ฝรั่งเศส ๔.๗ องั กฤษ ๔.๘ สหรฐั อเมรกิ า ในการตรวจสอบชำระและจัดพิมพ์เผยแพร่หนังสือ ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก แตล่ ะเลม่ คณะกรรมการโครงการ ฯ ไดแ้ ตง่ ตง้ั คณะกรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ชิ ำระและจดั พมิ พเ์ ผยแพรห่ นงั สอื ประชมุ พงศาวดาร ขน้ึ ดำเนนิ การเลม่ ละ ๑ ชดุ หลักการตรวจสอบชำระคือ พยายามสืบค้นและตรวจสอบชำระกับต้นฉบับตัวเขียน หากไม่พบ ก็ยึดฉบับพิมพ์ครั้งแรกที่สุดที่สืบค้นได้เป็นหลัก หรือหากพบต้นฉบับที่สมบูรณ์กว่า ก็ชำระเพิ่มเติม ใหส้ มบรู ณย์ ง่ิ ขน้ึ การใช้ภาษา เนื่องจากหนังสือชุดประชุมพงศาวดารจัดพิมพ์เผยแพร่ต่อเนื่องมานานกว่า ๘๐ ปี ทง้ั ตน้ ฉบบั เดมิ บางฉบบั เกา่ ถงึ สมยั อยธุ ยา คณะกรรมการโครงการ ฯ คำนงึ ถงึ ประโยชนข์ องผใู้ ชส้ ว่ นใหญ่ จึงได้ยึดนโยบายตามรอยการชำระจัดพิมพ์แต่แรกเริ่มสืบมา กล่าวคือ ปริวรรตอักขรวิธีให้เป็นแบบ ภาษาปจั จบุ นั แตย่ งั ไดพ้ ยายามคงวสิ ามานยนามหรอื ชอ่ื เฉพาะตามตน้ ฉบบั เดมิ ไว้ เพอ่ื ใหค้ งเหลอื เปน็ สว่ น ใหเ้ หน็ ววิ ฒั นาการทางภาษาบา้ ง และคงไวเ้ ปน็ หลกั ฐานสำหรบั การสบื คน้ ศกึ ษาชอ่ื เฉพาะตา่ ง ๆ เชน่ ยศ ตำแหนง่ และราชทนิ นาม เปน็ ตน้ นอกจากนี้ พงศาวดารบางเรื่องยังมีประวัติความเป็นมายาวนานซับซ้อน ผู้ตรวจสอบชำระจึงได้ จัดทำคำชี้แจงไว้ประจำเล่ม รวมทั้งจัดทำเชิงอรรถชี้แจงขยายความ เพื่อประโยชน์ต่อการศึกษาค้นคว้า ใหม้ ากทส่ี ดุ
(๙) ตามโครงการหนังสือชุด ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก จะทยอยพิมพ์เผยแพร่ ประชุมพงศาวดาร ๕ เล่ม และดัชนีค้นคำ ๑ เล่ม จนครบชุดประชุมพงศาวดาร ๒๐ เล่ม และ ดัชนีค้นคำ ๔ เล่ม นอกจากนี้ยังได้รวบรวมผลิตซีดีรอมประชุมพงศาวดาร ฉบับพิมพ์ครั้งแรก รวม ๘๒ ภาค ไวใ้ นชน้ั ตน้ เพอ่ื เปน็ การอนรุ กั ษป์ ระชมุ พงศาวดารของเดมิ ไวเ้ ปน็ หลกั ฐานใหศ้ กึ ษาเปรยี บเทยี บ และจะทยอยผลิตซีดีรอม ประชุมพงศาวดารฉบับกาญจนาภิเษก ไปพร้อม ๆ กัน คณะกรรมการโครงการฯ มไิ ดห้ วงั แตเ่ พยี งวา่ การจดั ทำ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก จะเป็นการสืบต่ออายุสมบัติหรือทรัพย์สินทางปัญญาอันล้ำค่าของชาติเท่านั้น แต่หวังอย่างยิ่งว่าประชุม พงศาวดารจะเป็นแหล่งข้อมูลที่จะนำไปสู่การศึกษาประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม สังคม และขนบธรรมเนียม ประเพณขี องไทยและเพอ่ื นบา้ น กอ่ ใหเ้ กดิ ความรกั และภาคภมู ใิ นประเทศชาติ และกอ่ ใหเ้ กดิ ความเขา้ ใจ อันดีถึงความเป็นมาของบ้านเมืองของเราและประเทศเพื่อนบ้าน จะได้เป็นรากฐานวัฒนธรรมที่มั่นคง พร้อมที่จะรับกระแสแห่งโลกาภิวัตน์ อีกทั้งการจัดทำซีดีรอมจะทำให้พงศาวดารไทยได้เผยแพร่ออกไป กวา้ งไกลยง่ิ ขน้ึ ตามเครอื ขา่ ยสารสนเทศของโลกไรพ้ รมแดนน้ี (หมอ่ มเจา้ สภุ ทั รดศิ ดศิ กลุ ) ประธานกรรมการโครงการชำระและจดั พมิ พเ์ ผยแพร่ หนงั สอื ชดุ ประชมุ พงศาวดาร
คำชี้แจง คณะกรรมการผทู้ รงคณุ วฒุ ชิ ำระและจดั พมิ พเ์ ผยแพร่ หนงั สอื ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ เปน็ หนงั สอื ทน่ี ำพงศาวดารทเ่ี คยรวมพมิ พอ์ ยใู่ นชดุ ประชมุ พงศาวดารรวม ๘๒ ภาค เฉพาะเรอ่ื งทม่ี เี นอ้ื หาเกย่ี วกบั ตำนาน เรอ่ื งเลา่ เกย่ี วกบั บคุ คลและสง่ิ ของ ทง้ั ในรปู พงศาวดาร ตำนาน จดหมายเหตุ และคำใหก้ ารมารวมพมิ พไ์ วด้ ว้ ยกนั และไดต้ รวจสอบชำระใหม่ ภายใต้การควบคุมดำเนินการของคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ชำระและจัดพิมพ์หนังสือประชุมพงศาวดาร เล่ม ๔ ในคณะกรรมการโครงการชำระและจัดพิมพ์เผยแพร่หนังสือชุดประชุมพงศาวดาร มีผู้ทรงคุณวุฒิ และเจา้ หนา้ ทก่ี รมศลิ ปากร เปน็ ผดู้ ำเนนิ งานตรวจสอบชำระรวมเรอ่ื งตา่ ง ๆ ไว้ ๑๘ เรอ่ื ง คอื ๑. เรอ่ื งแกค้ ดพี ระเจา้ ปราสาททอง เรื่องแก้คดีพระเจ้าปราสาททอง เคยรวมพิมพ์อยู่ในประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๖๓ พิมพ์เผยแพร่ ครง้ั แรก พ.ศ. ๒๔๗๙ ในงานพระราชทานเพลงิ ศพ พระยาโบราณราชธานนิ ทร์ (พร เดชะคปุ ต)์ แลว้ ได้ พมิ พเ์ ผยแพร่ และพมิ พร์ วมกบั เรอ่ื งอน่ื ๆ บา้ ง รวมทง้ั สน้ิ ๗ ครง้ั ในคราวจดั พมิ พค์ รง้ั แรกนน้ั กรมศลิ ปากร ไดก้ ลา่ วถงึ คำนำเฉพาะเรอ่ื งไวว้ า่ (๑) เรอ่ื งแกค้ ดพี ระเจา้ ปราสาททอง ซง่ึ พระยาโบราณราชธานนิ ทรแ์ ตง่ ขน้ึ ทลู เกลา้ ฯ ถวาย พระบาทสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง มูลเหตุของเรื่องนี้มีมาอย่างไรไม่ปรากฏ กรมศิลปากรจึงได้ กราบทลู ถามสมเดจ็ กรมพระยาดำรงราชานภุ าพ (๒) ได้ทรงพระกรุณาประทานคำอธิบาย ดังได้ลงพิมพ์ไว้ข้างหน้าของเรื่องนี้ และ กรมศลิ ปากรขอขอบพระเดชพระคณุ สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอพระองคน์ น้ั ไวใ้ นทน่ี ด้ี ว้ ย ในการตรวจสอบชำระครั้งนี้ นางสาววัฒนา อุ่นทรัพย์ นักอักษรศาสตร์ ๖ เป็นผู้ดำเนินการ โดยใช้ฉบับที่รวมพิมพ์ในประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๖๓ ฉบับพิมพ์ครั้งแรกเป็นหลักในการตรวจสอบ และไดต้ รวจสอบกบั ฉบบั พมิ พ์ ครง้ั ท่ี ๒ พ.ศ. ๒๔๙๙ ฉบบั พมิ พค์ รง้ั ท่ี ๓ พ.ศ. ๒๕๐๘ และฉบบั พมิ พ์ ครั้งที่ ๔ พ.ศ. ๒๕๑๑ นอกจากการตรวจชำระความถูกต้องแล้ว ยังได้จัดทำเชิงอรรถอธิบายขยายความ โดยใชต้ วั เลขกำกบั เพอ่ื เปน็ ประโยชนแ์ กก่ ารศกึ ษาคน้ ควา้ ตอ่ ไป
( ๑๑ ) ๒. ปฐมวงศฉ์ บบั พระราชนพิ นธใ์ นรชั กาลท่ี ๔ ปฐมวงศน์ ้ี ปรากฏในคำปรารภเรม่ิ เรอ่ื งวา่ วนั พฤหสั บดี เดอื น ๑๑ ขน้ึ ๕ คำ่ จลุ ศกั ราช ๑๒๒๒ ปีวอก โทศก (ตรงกับวันที่ ๒๐ กันยายน พ.ศ.๒๔๐๓ ปีที่ ๑๐ ในรัชกาลที่ ๔) มีพระบรมราชโองการ โปรดเกลา้ ฯ ดำรสั สง่ั ใหพ้ ระศรสี นุ ทรโวหาร (ตอ่ มาไดเ้ ปน็ พระยาในราชทนิ นามเดมิ ชอ่ื ตวั วา่ ฟกั สกลุ สาลักษณ์) เจ้ากรมพระอาลักษณ์ จดหมายเหตุต้นพระบรมราชวงศ์ในปัจจุบันนี้ไว้สำหรับแผ่นดิน เพื่อจะให้พระบรมวงศานุวงศ์ในภายหน้าได้ทรงทราบ คำปรารภนี้แสดงให้เห็นว่า เรื่องนี้ให้เขียน ขึ้นมาแล้วนานถึง ๑๓๙ ปี (นับถึง พ.ศ. ๒๕๔๒) จากฉบับเดิมต่อมาได้มีการคัดลอกต่อ ๆ กันมาได้มี เกิดขึ้นหลายฉบับ ดังเช่นได้นำไปลงในหนังสือวชิรญาณ เล่ม ๒ ฉบับที่ ๑๑ จำนวน เดือน ๙ ปี ๑๒๔๗ (พ.ศ. ๒๔๒๘) และเล่ม ๒ ฉบับที่ ๑๓ ต่อมาพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ได้ทรงพิมพ์ขึ้นเพื่อไว้อาลัยเป็นกตัญญุตานุสรณ์ประสาภักดี แด่สมเด็จพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี พ.ศ.๒๔๗๐ และเมื่อ พ.ศ.๒๕๑๓ ในคราวงานพระราชทานเพลิงศพหม่อมเจ้า ปรีดิเทพยพงศ์ เทวกุล ทายาทได้นำมาพิมพ์ขึ้นใหม่อีกครั้งหนึ่ง ในฉบับทั้งสามนี้เมื่อตรวจสอบแล้ว ความส่วนใหญ่ตรงกันจะต่างกันก็แต่คำเล็กน้อย จึงน่าเชื่อได้ว่า ฉบับที่พิมพ์ในหนังสือวชิรญาณ เมื่อครั้งรัชกาลที่ ๕ และฉบับที่พิมพ์ของวังเจ้านายต่าง ๆ คงจะเชื่อได้ว่า เป็นพระราชนิพนธ์ทั้งหมด ส่วนที่ได้เคยพิมพ์ในประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๘ มีความเห็นตอนปลายของฉบับที่พิมพ์ในวชิรญาณ และฉบับของวังเจ้านายต่าง ๆ ด้วย การพิมพ์ครั้งนี้จึงได้พิมพ์ตอนต้นเพื่อให้มีฉบับที่สมบูรณ์ไว้ ส่วน การชำระตรวจสอบใหม่นี้มิได้มีการแก้ไขหรือเปลี่ยนแปลงถ้อยคำ หากแต่ได้ทำเชิงอรรถในคำเดิมให้เป็น ปัจจุบัน เช่น ในบทความว่าปัจจุบันนี้ก็ทำเชิงอรรถว่าหมายถึงเมื่อปี พ.ศ. ที่พิมพ์ครั้งแรก เป็นต้น หวงั วา่ ทา่ นผอู้ า่ นคงเขา้ ใจตามน้ี และคงจะเปน็ ประโยชนไ์ ดบ้ า้ งตามสมควร ในการตรวจสอบชำระครง้ั น้ี นายบรรเจดิ อนิ ทจุ นั ทรย์ ง เปน็ ผดู้ ำเนนิ การ ๓. ตำนานวงั หนา้ ตำนานวังหน้านี้ สมเด็จ ฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพได้ทรงนิพนธ์และได้ตีพิมพ์เป็นครั้งแรก เมื่อพุทธศักราช ๒๔๖๐ ต่อมาได้ทรงชำระปรับปรุงแก้ไข และได้พิมพ์ขึ้นใหม่ เมื่อพุทธศักราช ๒๔๖๘ หลงั จากนน้ั มาไดม้ ผี ขู้ อพมิ พข์ น้ึ ใหมห่ ลายครง้ั สถานทแ่ี ละเหตกุ ารณท์ ท่ี รงอา้ งถงึ โดยสรปุ วา่ “ปจั จบุ นั น”้ี นั้น จึงหมายถึง เวลาที่ทรงพิมพ์เมื่อพุทธศักราช ๒๔๖๘ เวลานี้เหตุการณ์ได้ล่วงเลยมากว่า ๘๐ ปี สถานที่ได้เปลี่ยนแปลงไปมาก การพิมพ์ครั้งนี้พุทธศักราช ๒๕๔๒ จึงได้ทำเชิงอรรถใหม่ เพื่อให้เข้าใจ ไดง้ า่ ยสำหรบั คนรนุ่ ใหมจ่ ะไดเ้ ขา้ ใจ
( ๑๒ ) ส่วนชื่อสายสกุลวงศ์ ของกรมพระราชวังบวรสถานมงคลนั้นก็ได้มีการเปลี่ยนแปลงเรียกขาน คำนำหนา้ พระนามตา่ งกนั ไปอกี หลายครง้ั ซง่ึ จะขอชแ้ี จงดงั น้ี คำนำหน้าพระนามเมื่อครั้งรัชกาลที่ ๑ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ทรงสถาปนาพระอนุชาธิราชขึ้นเป็นสมเด็จพระบวรราชเจ้า กรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ตาม พระเกียรติยศ บรรดาพระโอรส ธิดา กรมพระราชวังบวรสถานมงคล จึงให้ใช้ว่า “พระเจ้าหลานเธอ” ตามบรรดาศักดิ์ของสกุลยศ ต่อเมื่อเปลี่ยนรัชกาล ฐานันดรศักดิ์ ทางสกุลยศก็เปลี่ยนไปตามฐานะ ของบุคคลและจะเรียกว่าอย่างไรในรัชกาลที่ ๒ รัชกาลที่ ๓ ยังไม่ปรากฏหลักฐาน แต่เมื่อรัชกาลที่ ๔ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้โปรดเกล้า ฯ บัญญัติคำว่า “พระเจ้าวรวงศ์เธอ” ขึ้นเป็น คำนำหน้าพระนามสำหรับพระโอรสธิดาในกรมพระราชวังบวรสถานมงคลทุกพระองค์ และยังทรงกำหนด ให้ระบุหมายเลขตามลำดับรัชกาลไว้ท้ายคำนำพระนามอีกด้วย เช่น พระเจ้าวรวงศ์เธอชั้น ๑ สำหรับ พระโอรส พระธิดาวังหน้า รัชกาลที่ ๑ พระเจ้าวรวงศ์เธอ ชั้น ๓ สำหรับพระโอรส ธิดา วังหน้า รชั กาลท่ี ๓ เมอ่ื ครง้ั รชั กาลท่ี ๕ พระราชโอรส พระราชธดิ า ในพระบาทสมเดจ็ พระปน่ิ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั มมี าก และฐานันดรศักดิ์พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวก็สูงศักดิ์กว่ากรมพระราชวังบวรสถานมงคล พระองค์ก่อน ๆ ด้วยทรงมีฐานันดรศักดิ์สูงเสมอเท่าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์หนึ่ง พระบาท สมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ ๕ จึงโปรดให้ใช้คำนำพระนาม พระราชโอรส พระราชธิดา ในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวที่มีพระชนมายุแก่กว่าพระองค์ว่า “พระเจ้าวรวงศ์เธอ” แต่ถ้า พระชนมายุอ่อนกว่าพระองค์ก็ให้ใช้ว่า “พระบวรวงศ์เธอ” แต่ต่อมาทรงเห็นว่า การขานพระนามลักลั่น สับสนและยุ่งยากอีกทั้งเจ้านายวังหน้าชั้นต่าง ๆ ก็ยังมีอยู่อีกหลายพระองค์ จึงโปรดเกล้า ฯ ให้เปลี่ยน คำนำหน้าพระนามในกรมพระราชวังบวรทุกพระองค์และทุกรัชกาลว่า “พระเจ้าบวรวงศ์เธอ” เว้นไว้แต่ พระโอรส พระธดิ า กรมพระราชวงั บวรวชิ ยั ชาญใหข้ านพระนามวา่ “พระบวรวงศเ์ ธอ” ในรัชกาลที่ ๖ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ตำแหน่งกรมพระราชวังบวรสถานมงคล ได้ถูกยุบเลิกไปแล้ว แต่ครั้งรัชกาลที่ ๕ จึงไม่มีวังหน้าอีกต่อไปแต่สายสกุลวงศ์ยังมีพระองค์อยู่ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงโปรดเกล้า ฯ ให้ใช้คำนำพระนามวังหน้าในรัชกาลที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ว่า “พระเจ้าบวรวงศ์เธอ” และให้ระบุเลขลำดับรัชกาลไว้ด้วย ส่วนกรมพระราชวังบวร สถานมงคลในรชั กาลท่ี ๕ ใหใ้ ชค้ ำนำพระนามวา่ “พระราชวรวงศเ์ ธอ” ดงั ปรากฏใชอ้ ยทู่ กุ วนั น้ี
( ๑๓ ) ในการตรวจสอบชำระครง้ั น้ี นายบรรเจดิ อนิ ทจุ นั ทรย์ ง เปน็ ผดู้ ำเนนิ การ ๔. บรุ พภาคพระธรรมเทศนา เฉลมิ พระเกยี รตพิ ระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั บุรพภาคพระธรรมเทศนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวพิมพ์อยู่ใน ประชุมพงศาวดารภาคที่ ๓๓ ซึ่งพิมพ์เผยแพร่ครั้งแรก พ.ศ. ๒๔๘๐ แล้วได้มีการจัดพิมพ์รวมกับเรื่อง อน่ื ๆ บา้ ง แยกพมิ พเ์ ฉพาะเรอ่ื งบา้ ง รวมได้ ๗ ครง้ั การตรวจสอบชำระครั้งนี้ นางสาววัฒนา อุ่นทรัพย์ นักอักษรศาสตร์ ๖ เป็นผู้ดำเนินการโดยใช้ ฉบับที่พิมพ์ในประชุมพงศาวดารภาคที่ ๓๓ ฉบับพิมพ์ครั้งแรกเป็นหลักในการตรวจสอบกับต้นฉบับ เอกสารโบราณ ประเภทใบลานที่เก็บรักษาไว้ ณ ส่วนภาษาโบราณ หอสมุดแห่งชาติ หมวดบัญชี สังเขปเอกสารประเภทประวัติ เรื่องพระไตรลักษณ์และลำดับพระราชวงศ์ เลขที่ ๔๔ พระราชประวัติ รัชกาลที่ ๓ (เทศนา) เลขที่ ๔๕ และเทศนาพระราชประวัติ รัชกาลที่ ๓ เลขที่ ๔๖ - ๔๗ รวมทั้งสิ้น ๔ ผูก การตรวจสอบชำระนอกจากจะตรวจสอบโดยยึดถือเอกสารใบลานเป็นหลักแล้ว ยังตรวจสอบกับ ฉบับพิมพ์ในประชุมพงศาวดารภาคที่ ๓๓ ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๒-๓ และเอกสารชั้นรองอื่น ๆ เพื่อให้ การตรวจสอบชำระได้เนื้อหาสมบูรณ์ตรงตามต้นฉบับเดิมมากที่สุด ชื่อเฉพาะ คำเฉพาะ คำใดที่เขียน ลักลั่นและมีความหมายเดียวกัน ให้เขียนตามต้นฉบับเอกสารใบลานเพื่อรักษาต้นฉบับเดิมเป็นสำคัญ หรอื คงไวต้ ามฉบบั พมิ พค์ รง้ั แรก สว่ นขอ้ ความอน่ื ๆ ไดแ้ กไ้ ขตวั สะกดการนั ตต์ ามพจนานกุ รมพรอ้ มทง้ั จดั ทำ เชิงอรรถอธิบายขยายความในส่วนที่จำเป็นและส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงโดยใช้ตัวเลขกำกับ ส่วน เชิงอรรถเดิมก็คงไว้โดยใช้เครื่องหมายดอกจันกำกับและเทียบวัน เดือน ปี ทางจันทรคติเป็นสุริยคติ เพอ่ื เปน็ ประโยชนแ์ กก่ ารศกึ ษาคน้ ควา้ ตอ่ ไป ๕. จดหมายเหตุ เมอ่ื พระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั สวรรคต จดหมายเหตุ เมื่อพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคต ราชบัณฑิตยสภารวบรวม พิมพ์อยู่ในประชุมพงศาวดารภาคที่ ๕๑ พิมพ์เผยแพร่ครั้งแรก พ.ศ. ๒๔๗๒ ในงานครบสัปตมวาร พระศพ พระวิมาดาเธอ กรมพระสุทธาสินีนาฎ ปิยมหาราชปดิวรัดา แล้วได้มีการจัดพิมพ์รวมกับ เรอ่ื งอน่ื ๆ บา้ ง แยกพมิ พเ์ ฉพาะเรอ่ื งบา้ ง รวมทง้ั สน้ิ ๔ ครง้ั ในการตรวจสอบชำระครั้งนี้ นางสาววัฒนา อุ่นทรัพย์ นักอักษรศาสตร์ ๖ เป็นผู้ดำเนินการ โดยใช้ฉบับพิมพ์ในประชุมพงศาวดารภาคที่ ๕๑ ฉบับพิมพ์ครั้งแรก เป็นหลักในการตรวจสอบกับ
( ๑๔ ) ตน้ ฉบบั เอกสารโบราณหนงั สอื สมดุ ไทยดำ ทเ่ี กบ็ รกั ษาไว้ ณ สว่ นภาษาโบราณ หอสมดุ แหง่ ชาติ ดงั น้ี พระราชปรารภเรื่องปกครองแผ่นดิน ตรวจสอบกับต้นฉบับเอกสารประเภทสมุดไทยดำ หมวดจดหมายเหตุ รัชกาลที่ ๓ จ.ศ.๑๒๑๒ เลขที่ ๓๔/ง ชื่อ พระบรมราชโองการเรื่องมีพระราชดำรัส สง่ั ไวเ้ มอ่ื จวนสวรรคต พระราชอุทิศถวายพระธำมรงค์ทรงพระพุทธรูป พระราชดำรัสให้ถวายเงินแจกพระสงฆ์มีบัญชี ชื่อวัด จำนวนพระและจำนวนเงิน พระราชนิพนธ์ทรงขมาพระสงฆ์ และกระแสรับสั่งให้แจกเงินราษฎร ทั้ง ๔ เรื่องนี้ ตรวจสอบกับต้นฉบับเอกสารประเภทสมุดไทยดำ หมวดจดหมายเหตุ รัชกาลที่ ๓ จ.ศ. ๑๒๑๒ เลขท่ี ๓๒/ข ชอ่ื บญั ชถี วายเงนิ พระสงฆเ์ มอ่ื รชั กาลท่ี ๓ ใกลจ้ ะสวรรคต กระแสพระราชดำริด้วยเรื่องรัชทายาทจากพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๓ ของเจ้าพระยาทิพากรวงศ์มหาโกษาธิบดี (ขำ บุนนาค) ตรวจสอบกับประชุมพงศาวดารภาคที่ ๕๑ ฉบับพิมพ์ครั้งที่ ๓ พ.ศ. ๒๕๑๓ ซึ่งมีเนื้อความตรงกัน นอกจากนี้ยังได้ตรวจสอบกับพระราชพงศาวดาร กรงุ รตั นโกสนิ ทร์ รชั กาลท่ี ๓ เลม่ ๒ ฉบบั พมิ พค์ รง้ั ท่ี ๑ พ.ศ.๒๕๐๔ และฉบบั พมิ พค์ รง้ั ท่ี ๖ พ.ศ. ๒๕๓๘ ซึ่งในการจัดพิมพ์ครั้งที่ ๖ นี้ กองวรรณกรรมและประวัติศาสตร์ได้ดำเนินการตรวจสอบชำระต้นฉบับ จากสมดุ ไทยแลว้ ความจะคลาดเคลอ่ื นกนั เลก็ นอ้ ย การตรวจสอบชำระครั้งนี้ นอกจากจะตรวจสอบชำระโดยยึดถือเอกสารโบราณเป็นหลักแล้ว ยังตรวจสอบกับเอกสารชั้นรองอื่น ๆ เพื่อให้การตรวจสอบชำระได้เนื้อหาสมบูรณ์ตรงตามต้นฉบับเดิมมาก ที่สุด ชื่อเฉพาะ คำเฉพาะคำใดที่เขียนลักลั่นและมีความหมายเดียวกัน คงรักษาไว้ตามต้นฉบับเดิมหรือ คงไว้ตามฉบับพิมพ์ครั้งแรก ส่วนข้อความอื่น ๆ ได้แก้ไขตัวสะกดการันต์ตามพจนานุกรมพร้อมทั้งจัดทำ เชิงอรรถอธิบายขยายความในส่วนที่จำเป็นโดยใช้ตัวเลขกำกับ และสอบทานการเทียบวัน เดือน ปี ทางจนั ทรคตเิ ปน็ สรุ ยิ คติ เพอ่ื เปน็ ประโยชนแ์ กก่ ารศกึ ษาคน้ ควา้ ตอ่ ไป ๖. จดหมายเหตุหอสาตราคม สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงนำจดหมายเหตุหอสาตราคม พิมพ์รวมกับจดหมายเหตุของเจ้าพระยาทิพากรวงศ์ เรื่องพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จทอดพระเนตรสุริยุปราคาที่หว้ากอและจดหมายของเซอร์แฮรี ออร์ด เจ้าเมืองสิงคโปร์ ขึ้นมาเฝ้า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวที่หว้ากอ รวมเป็นประชุมพงศาวดารภาคที่ ๑๙ พิมพ์ครั้งแรก
( ๑๕ ) ในงานพระราชทานเพลิงศพเจ้าจอมมารดาโหมด เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๓ จดหมายเหตุหอสาตราคมที่นำมาลงพิมพ์นี้เป็นจดหมายเหตุในสมัยรัชกาลที่ ๔ พ.ศ.๒๔๐๓ และพ.ศ.๒๔๐๖ จดเฉพาะเหตุการณ์สำคัญที่เกิดขึ้นอย่างสั้น ๆ ในการตรวจสอบชำระครั้งนี้ นางสาวสทุ ธพิ นั ธ์ ขทุ รานนท์ นกั อกั ษรศาสตร์ ๗ ดำเนนิ การโดยพยายามสอบคน้ หาตน้ ฉบบั สมดุ ไทยดำ แต่ไม่พบ จึงต้องสอบค้นจากฉบับพิมพ์ครั้งแรกในพ.ศ.๒๔๓๖ และศึกษาเปรียบเทียบเหตุการณ์จาก พระราชพงศาวดารรัชกาลที่ ๔ ในช่วงเหตุการณ์ที่ใกล้เคียงกัน ได้เทียบวันทางจันทรคติเป็นสุริยคติ เพื่อความเข้าใจในปัจจุบันและจัดทำคำอธิบายเพิ่มเติมเป็นเชิงอรรถ โดยใช้หมายเลขกำกับ ๗. จดหมายเหตุของเจ้าพระยาทิพากรวงศ์เรื่องรัชกาลที่ ๔ เสด็จทอดพระเนตร สุริยุปราคาทห่ี วา้ กอ พ.ศ. ๒๔๑๑ จดหมายเหตุเสด็จหว้ากอ ซึ่งรวมตีพิมพ์อยู่ในประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๑๙ เป็นฉบับที่ เจ้าพระยาทิพากรวงศ์บันทึก ทำให้ทราบถึงสาเหตุที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จไป ทอดพระเนตรสุริยุปราคาที่หว้ากอทั้ง ๆ ที่เป็นสถานที่ทุรกันดารประกอบกับเป็นฤดูฝน จนยังผลให้ พระองค์ทรงประชวรและสวรรคต การเสด็จครั้งนั้น นับเป็นการแสดงพระอัจฉริยภาพแห่งการเป็น นักวิทยาศาสตร์ของพระองค์ กล่าวคือ เริ่มตั้งแต่ทรงคำนวณการเกิดสุริยุปราคาเต็มดวง เวลาและสถานทท่ี จ่ี ะเหน็ ปรากฏการณไ์ ดช้ ดั เจนทส่ี ดุ และไดเ้ สดจ็ ดว้ ยพระองคเ์ อง เพอ่ื พสิ จู นผ์ ลการศกึ ษา คำนวณ นับได้ว่าทรงใช้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ (Scientific Method) อย่างครบถ้วนและผล กป็ รากฏอยา่ งทท่ี รงศกึ ษาไว้ ในการตรวจสอบชำระครั้งนี้ นางสาวสุทธิพันธ์ ขุทรานนท์ นักอักษรศาสตร์ ๗ ดำเนินการ โดยสอบค้นจากสมุดไทยดำที่เก็บรักษาไว้ ณ ส่วนภาษาโบราณ หอสมุดแห่งชาติและฉบับพิมพ์ครั้งแรก เมื่อ พ.ศ.๒๔๖๓ โดยจัดทำเชิงอรรถอธิบายความเพิ่มเติมกำกับด้วยหมายเลข ๘. เรอ่ื งเซอรแ์ ฮรี ออรด์ เจา้ เมอื งสงิ คโปรไ์ ปเผา้ สมเดจ็ พระเจา้ แผน่ ดนิ สยามในรชั กาลกอ่ น ทต่ี ำบลหวั วาฬ เมอ่ื เดอื นสงิ หาคม ค.ศ. ๑๘๖๘ (ปมี ะโรง พ.ศ. ๒๔๑๑) จดหมายเหตเุ ซอรแ์ ฮรี ออรด์ ฯ น้ี ตพี มิ พค์ รง้ั แรกรวมอยใู่ นประชมุ พงศาวดาร ภาคท่ี ๑๙ เชน่ กนั เนอ้ื ความเปน็ เหตกุ ารณท์ เ่ี ซอรแ์ ฮรี ออรด์ เจา้ เมอื งสงิ คโปร์ เขา้ เฝา้ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ตามที่ทรงเชิญให้เข้ามาชมเหตุการณ์สุริยุปราคาที่หว้ากอ ได้บรรยายเหตุการณ์อย่างละเอียด
( ๑๖ ) นบั ตง้ั แตก่ ารตง้ั พลบั พลา ลักษณะพลับพลาขนบธรรมเนียมประเพณีในการรับแขกเมือง ขนบธรรมเนยี ม ระหว่างข้าราชบริพารด้วยกัน ปรากฏการณ์สุริยุปราคา และเหตุการณ์ภายหลังที่เกิดสุริยุปราคาแล้ว ทั้งนี้เป็นมุมมองของชาวต่างประเทศที่บันทึกไว้ในเหตุการณ์เดียวกับที่เจ้าพระยาทิพากรวงศ์บันทึก ทำใหไ้ ดท้ ราบทศั นคตขิ องชาวตา่ งประเทศทม่ี ตี อ่ พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั การตรวจสอบชำระครั้งนี้ นางสาวสุทธิพันธ์ ขุทรานนท์ นักอักษรศาสตร์ ๗ ดำเนินการ โดยสอบคน้ จากสมดุ ไทยดำทเ่ี กบ็ รกั ษาไว้ ณ สว่ นภาษาโบราณ หอสมดุ แหง่ ชาติ และจากฉบบั พิมพ์ครั้งแรก รวมทั้งศึกษาจากเอกสารอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง จัดทำเชิงอรรถอธิบายประกอบโดยใช้หมายเลขกำกับ อนึ่ง ในการสอบค้นเอกสาร ได้พบเอกสารที่เกี่ยวกับเหตุการณ์สุริยุปราคา ซึ่งเห็นว่าน่าจะ นำมาลงพิมพ์ประกอบด้วยในการตรวจสอบชำระครั้งนี้ เพื่อให้เข้าใจปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นและทราบถึง ความเข้าใจของผู้คนในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อันทำให้เห็นถึงพระอัจฉริยภาพ ของพระองค์มากยิ่งขึ้นในยุคที่ต้องเผชิญกับความเปลี่ยนแปลงอันเนื่องมาจากกระแสอารยธรรมตะวันตก จึงได้นำมารวมพิมพ์เพิ่มเติมอีก ๒ รายการ (คอื รายการที่ ๙, ๑๐) ๙. กระแสรับสั่งรัชกาลที่ ๔ เรื่องสุริยุปราคา เมื่อปีมะโรง พ.ศ. ๒๔๑๑ ต้นฉบับของ กรมขนุ วรจกั รธรานภุ าพ หม่อมอนุวัตรวรพงศ์ สิงหนัท ในพระองค์เจ้าปรีดาให้หอพระสมุด ฯ เมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน พ.ศ.๒๔๖๓ ตีพิมพ์เพิ่มเติมในประชุมพงศาวดารภาคที่ ๑๙ ฉบับพิมพ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ ในงาน พระราชทานเพลิงศพ รองอำมาตย์เอกหลวงบริบูรณ์วีหิพรรณ (บ้าน นัจจะนันทน์) ๑๐. คำกลอนเรอ่ื งสรุ ยิ ปุ ราคา จ.ศ. ๑๒๓๐ เอกสารจดหมายเหตุรัชกาลที่ ๔ จ.ศ. ๑๒๓๐ เลขที่ ๗๔ เก็บรักษาอยู่ที่ส่วนภาษาโบราณ หอสมุดแห่งชาติ บรรยายปรากฏการณ์สุริยุปราคาได้ตรงไปตรงมาที่สุดฉบับหนึ่ง ๑๑. เรื่องพระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อก่อนเสวยราชย์ พ.ศ.๒๓๔๗-๒๓๙๔ พระนิพนธ์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ๑๒. เรื่องพระราชประวัติพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อเสวยราชย์แลว้ พ.ศ.๒๓๙๔-๒๔๑๑ พระนพิ นธ์ สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาดำรงราชานภุ าพ
( ๑๗ ) ๑๓. จดหมายเหตุเรื่องพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประชวร ฉบบั เจา้ พระยา มหินทรศักดิ์ธำรง ๑๔. จดหมายเหตุเมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวสวรรคต พระนิพนธ์ สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาดำรงราชานภุ าพ ในการตรวจสอบชำระครั้งนี้ นางสาวสุทธิพันธ์ ขุทรานนท์ นักอักษรศาสตร์ ๗ ดำเนินการ และได้เพิ่มเติมรายการที่ ๑๑, ๑๒, ๑๓ มารวมพิมพ์กับจดหมายเหตุเมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้า เจ้าอยู่หัวสวรรคต ซึ่งเคยพิมพ์เป็นประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๕๒ (พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. ๒๔๗๒ ในงานสัปตมวารพระศพสมเด็จพระเจ้าพี่ยาเธอ เจ้าฟ้ามหิดลอดุลยเดช กรมขุนสงขลานครินทร์) ทั้งนี้เพื่อให้เนื้อความบริบูรณ์ยิ่งขึ้น ทำให้ทราบพระราชประวัติตั้งแต่เสด็จพระราชสมภพจน สวรรคตจากพระนิพนธ์สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพยกเว้นจดหมายเหตุ เรื่องพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประชวร ซึ่งเจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรงเป็นผู้บันทึก โดยเห็นว่าเป็นเอกสารที่มีคุณค่าสมควรนำมารวมพิมพ์ด้วยกัน เนื่องจากเจ้าพระยามหินทรศักดิ์ธำรง เป็นข้าหลวงเดิมในรัชกาลที่ ๔ เป็นผู้หนึ่งซึ่งได้อยู่เฝ้ารักษาพยาบาลข้างที่ในระหว่างที่ทรงประชวร จงึ นบั วา่ เปน็ หลกั ฐานทท่ี รงคณุ คา่ นา่ เชอ่ื ถอื มากฉบบั หนง่ึ นอกจากน้ี ยงั ไดจ้ ดั ทำเชงิ อรรถอธบิ ายเพม่ิ เตมิ โดยใชห้ มายเลขกำกบั สว่ นเชงิ อรรถเดมิ กำกบั ดว้ ยเครอ่ื งหมายดอกจนั ๑๕. ประวตั พิ ระนาบมี ะหะหมดั ประวตั เิ รอ่ื งพระนาบมี ะหะหมดั น้ี ไดเ้ รยี บเรยี งขน้ึ ในรชั สมยั พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงรวบรวมพิมพ์ครั้งแรกในประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๒๘ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๖ ในการตรวจสอบชำระครั้งนี้ กรมศิลปากรได้รับความอนุเคราะห์จาก ศาสตราจารยด์ ร.กสุ มุ า รกั ษมณี นายมนู เพชรทองคำและนายนาซริ ภไู่ หมทอง ซง่ึ มคี วามรแู้ ละเชย่ี วชาญ ในศาสนาอิสลาม เป็นผู้ดำเนินการตรวจสอบชำระและจัดทำคำอธิบายเป็นเชิงอรรถกำกับด้วยหมายเลข โดยคงเนื้อความและชื่อเฉพาะตามแบบเดิม เพื่อให้ผู้อ่านได้ศึกษาเข้าใจตามบริบทของผู้เรียบเรียง กรมศลิ ปากรขอขอบคณุ คณะผตู้ รวจสอบชำระไว้ ณ โอกาสนด้ี ว้ ย ๑๖. คำใหก้ ารเฒา่ สา เรอ่ื งหนงั ราชสหี ์ คำให้การเฒ่าสา เรื่องหนังราชสีห์ รวมพิมพ์อยู่ในประชุมพงศาวดารภาคที่ ๗ พิมพ์เผยแพร่
( ๑๘ ) ครง้ั แรก พ.ศ. ๒๔๖๐ และไดม้ กี ารจดั พมิ พร์ วมกบั เรอ่ื งอน่ื ๆ บา้ ง รวม ๖ ครง้ั ในคราวจดั พมิ พ์ ครง้ั ท่ี ๒ พ.ศ. ๒๔๖๑ นน้ั สมเดจ็ ฯ กรมพระยาดำรงราชานภุ าพไดท้ รงพระนพิ นธค์ ำนำเฉพาะเรอ่ื งไวว้ า่ คำใหก้ ารเถา้ สา เรอ่ื งหนงั ราชสหี น์ น้ั คอื เมอ่ื ปรี กา จลุ ศกั ราช ๑๑๗๕ พ.ศ.๒๓๕๖ ใน รัชกาลที่ ๒ หลวงอนุรักษ์ภูเบศร์ กับนายฤทธิรณรงค์ กราบทูลว่าหญิงหม้ายคนหนึ่งชื่อเถ้าสา อยทู่ ร่ี มิ วดั ปากนำ้ ในคลองบางหลวง มหี นงั แปลกปลาดผนื ๑ วา่ เปนหนงั ราชสหี ข์ องพระเจา้ เอกทศั พระที่นั่งสุริยามรินทร์ นายอูสามีของเถ้าสาได้มาเมื่อกรุงเก่าเสียแก่พม่าข้าศึก จึงโปรดให้เรียก เถา้ สามาถามคำใหก้ าร คำใหก้ ารน้ี เปนแตเ่ รอ่ื งแปลกปลาด ขา้ พเจา้ ไดท้ ำคำอธบิ ายเฉภาะเรอ่ื ง พมิ พไ์ วข้ า้ งทา้ ยคำใหก้ ารนน้ั แลว้ และใน พ.ศ. ๒๔๙๓ หลวงวิจิตรวาทการ ได้นำมาจัดพิมพ์เป็นหนังสือประชุมพงศาวดาร ฉบบั ความสำคญั เลม่ ๓ ครง้ั หนง่ึ การตรวจสอบชำระครั้งนี้ นางสาวจตุพร ศิริสัมพันธ์ นักภาษาโบราณ ๗ และนางสาววัฒนา อุ่นทรัพย์ นักอักษรศาสตร์ ๖ เป็นผู้ดำเนินการ โดยตรวจสอบกับต้นฉบับเอกสารโบราณหนังสือ สมุดไทยดำ หอสมุดแห่งชาติ หมวดจดหมายเหตุ รัชกาลที่ ๒ จ.ศ.๑๑๗๕ ชื่อ คำให้การเถ้าสาอายุ ๘๕ ปี ได้หนังราชสีห์มาถวาย เลขที่ ๒๒ ในการตรวจสอบชำระ คำเฉพาะคงรักษาไว้ตามต้นฉบับเดิม คอื สรรพนามบรุ ษุ ท่ี ๑ มใี ชค้ ำแรก “ขา้ พระพทุ ธเจา้ ” นอกจากนใ้ี ช้ “ขา้ พเจา้ ” ไมไ่ ดใ้ ช้ “ขา้ พระพทุ ธเจา้ ” ตอนหลังใช้ “ฯข้าฯ” ทั้งนี้เพื่อให้การตรวจสอบชำระได้เนื้อหาสมบูรณ์ตรงตามต้นฉบับเดิมมากที่สุด ส่วนข้อความอื่น ๆ ได้แก้ไขตัวสะกดการันต์ตามพจนานุกรม พร้อมทั้งจัดทำเชิงอรรถอธิบายขยายความ ในส่วนที่จำเป็นและส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงโดยใช้ตัวเลขกำกับ เพื่อเป็นประโยชน์แก่การศึกษาค้นคว้า ตอ่ ไป ๑๗. ตำนานพระโกศ ตำนานพระโกศนี้เดิมเป็นบันทึกที่อยู่ในห้องอาลักษณ์มาแต่เดิม เป็นบัญชีที่จดรายพระนาม เจ้านายที่ทรงพระโกศทองใหญ่ ตั้งแต่รัชกาลที่ ๑ และต่อมาจนถึงรัชกาลที่ ๔ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ ชั้น ๔ กรมพระสมมตอมรพันธุ์ ทรงพบและได้นำมาไว้ที่หอสมุด ซึ่งครั้งนั้นทรงดำรงตำแหน่งสภานายก ต่อมาได้ทรงเรียบเรียงจดรายการการใช้พระโกศทองใหญ่มาจนถึงรัชกาลที่ ๖ ต่อมาเมื่อสมเด็จพระเจ้า บรมวงศเ์ ธอ ชน้ั ๔ กรมพระยาดำรงราชานภุ าพเปน็ สภานายกหอสมดุ พระนคร ไดท้ รงรวบรวมเรยี บเรยี ง
( ๑๙ ) เป็นตำนานขึ้น และได้ถวายสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ ชั้น ๕ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ขอให้ทรงตรวจแก้ จึงได้ความสมบูรณ์ขึ้นและได้พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ. ๒๔๖๐ ตำนานพระโกศนี้ เป็นเรื่องโบราณที่น่ารู้และมีผู้ที่ศึกษาเรื่องราชประเพณีใฝ่ใจรู้ และสนใจกันอยู่มาก จนได้มีผู้ขอตีพิมพ์ ต่อมาอีกหลายครั้ง ในการพิมพ์ครั้งนี้เพื่อให้ความรู้สมบูรณ์เป็นปัจจุบัน จึงได้จดรายการต่อดังปรากฏอยู่ ในเรอ่ื งตำนานนแ้ี ลว้ ในการตรวจสอบชำระครง้ั น้ี นายบรรเจดิ อนิ ทจุ นั ทรย์ ง เปน็ ผดู้ ำเนนิ การ ๑๘. ตำนานการเลกิ บอ่ นเบย้ี และเลกิ หวย ตำนานการเลิกบ่อนเบี้ยและเลิกหวย พระนิพนธ์ในสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยา ดำรงราชานภุ าพ พมิ พค์ รง้ั แรกเปน็ ประชมุ พงศาวดาร ภาคท่ี ๑๗ ในงานฌาปนกจิ ศพ หลวงอุดรภัณฑ์พานิช เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๒ ต่อมาได้พิมพ์ครั้งที่ ๒ ในงานฌาปนกิจศพพระยาสุนทรพิมล (เผล่ วสุวัต) เมื่อ พ.ศ. ๒๔๖๕ ในการพิมพ์ครั้งที่ ๒ นี้ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ไดท้ รงปรบั ปรงุ แกไ้ ขใหส้ มบรู ณย์ ง่ิ ขน้ึ ดงั ทไ่ี ดท้ รงพระนพิ นธค์ ำนำตอนหนง่ึ วา่ แต่ข้าพเจ้าแต่งครั้งนั้น ประจวบมีผู้ต้องการจะพิมพ์ให้แล้วทันเวลาอันมีกำหนดน้อยวัน การตรวจสอบหนังสือเก่าจึงมิได้ มีโอกาศที่จะได้ทำโดยเลอียด ครั้นเมื่อพิมพ์หนังสือแล้ว พระยาโบราณราชธานินทร์ (พร เดชะคุปต์) ได้ไปอ่านทักท้วงมาว่ายังมีกฏหมายเก่าอันเนื่องด้วย อากรบ่อนเบี้ย ดูเหมือนข้าพเจ้าจะยังไม่ได้สอบอยู่หลายบท ข้าพเจ้าไปตรวจดูก็เห็นว่า หนังสือที่แต่งไว้ยังคลาศเคลื่อนในทางตำนานอยู่หลายแห่ง จึงได้ตั้งใจไว้ว่าถ้ามีโอกาศเมื่อไร จะแตง่ แกไ้ ขเสยี ใหมใ่ หเ้ รยี บรอ้ ย.......... เรอ่ื งตำนานทพ่ี มิ พค์ รง้ั นข้ี า้ งตอนตน้ ผดิ กบั ฉบบั กอ่ นทง้ั หมด แม้ตอนอื่นก็ได้ตรวจแก้ไขซ่อมแซมตลอดทั้งเรื่อง.......... ดงั นน้ั ในการตรวจสอบชำระครง้ั น้ี นางสาวสทุ ธพิ นั ธ์ ขทุ รานนท์ นกั อกั ษรศาสตร์ ๗ ได้ ดำเนนิ การโดยใชห้ นงั สอื ฉบบั พมิ พค์ รง้ั ท่ี ๒ เปน็ หลกั เชงิ อรรถคำอธบิ ายเดมิ ใชก้ ำกบั ดว้ ยเครอ่ื งหมาย ดอกจนั สว่ นคำอธบิ ายใหมใ่ ชก้ ำกบั ดว้ ยตวั เลข
สารบัญ หน้า คำปรารภ (๑) พระราชประวตั พิ ระบาทสมเดจ็ พระปรมนิ ทรมหาภมู พิ ลอดลุ ยเดช (๓) คำนำ (๗) คำชแ้ี จง ( ๑๐ ) เรอ่ื ง แกค้ ดพี ระเจา้ ปราสาททอง ๑ คำนำ (ฉบบั พมิ พ์ พ.ศ. ๒๔๗๙) ๓ บทอธบิ ายของสมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาดำรงราชานภุ าพ ๖ พระราชกระทขู้ องพระบาทสมเดจ็ พระจลุ จอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ๗ วา่ ดว้ ยพระราชอธั ยาศยั ของสมเดจ็ พระเจา้ ปราสาททอง ๑๐ คำสนองพระราชกระทู้ ๑๕ ปฐมวงศ์ ๑๗ ปฐมวงศ์ พระราชพงศาวดารยอ่ ๔๕ ตำนานวงั หนา้ ๔๗ คำนำภาคท่ี ๑๓ (ฉบบั พมิ พ์ พ.ศ. ๒๔๖๒) ๔๙ คำนำ (ฉบบั พมิ พ์ พ.ศ. ๒๕๐๙ ) ๕๒ ตำนานวงั หนา้ ๕๒ วงั หนา้ ครง้ั กรงุ ศรอี ยธุ ยา ๕๘ ตำนานวงั หนา้ ในกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ ๕๘ ตำนานวงั หนา้ ครง้ั รชั กาลท่ี ๑ ๗๓ วงั หนา้ ในกรงุ รตั นโกสนิ ทร์ ตอนท่ี ๒ ๗๘ ตำนานวงั หนา้ ครง้ั รชั กาลท่ี ๒ ๘๐ ตำนานวงั หนา้ ครง้ั รชั กาลท่ี ๓ ๘๓ ตำนานวงั หนา้ ครง้ั รชั กาลท่ี ๔ ๙๕ ตำนานวงั หนา้ ครง้ั รชั กาลท่ี ๕ ๑๐๐ อธบิ ายแผนทว่ี งั หนา้
( ๒๒ ) หน้า ๑๐๐ ปอ้ มกำแพงวงั หนา้ ๑๐๑ ประตวู งั หนา้ ๑๐๓ สถานทต่ี า่ ง ๆ ในวงั หนา้ ๑๐๖ ตำหนกั ในวงั หนา้ ๑๐๘ พระราชมนเทยี รในวงั หนา้ ๑๒๕ เทศนาบวรราชประวตั ิ ๑๔๐ พระนามเจา้ นายในพระราชวงั บวรสถานมงคล ๑๔๐ พระนามพระโอรสธดิ าในกรมพระราชวงั บวรมหาสรุ สงิ หนาท ๑๔๖ พระนามพระโอรสธดิ าในกรมพระราชวงั บวรมหาเสนานรุ กั ษ์ ๑๕๓ พระนามพระโอรสธดิ าในกรมพระราชวงั บวรมหาศกั ดพิ ลเสพ ๑๕๘ พระนามพระเจา้ ลกู เธอในพระบาทสมเดจ็ พระปน่ิ เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ๑๖๗ พระนามพระองคเ์ จา้ ลกู เธอในกรมพระราชวงั บวรวไิ ชยชาญ ๑๗๓ รายพระนามบวรราชสกลุ ๑๗๕ แผนทพ่ี ระราชวงั บวรสถานมงคล ๑๗๗ บุรพภาคพระธรรมเทศนา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ๑๗๙ คำนำ (ฉบบั พมิ พ์ พ.ศ. ๒๔๖๙) การพระราชกศุ ลในสมยั พระชนมายพุ ระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ๑๘๒ ๑๘๔ บรรจบ ๑๐๐ ปี ๑๘๔ โคลงพระราชนพิ นธ์ ๑๘๕ เทศนากณั ฑท์ ่ี ๑ เรอ่ื ง พระราชสนั ตตวิ งศ์ ๑๘๖ พรรณนาพระราชสนั ตตวิ งศ์ ๑๘๗ สายตรงสมเดจ็ พระปฐมบรมมหาไปยกาธบิ ดี สายตรงพระบาทสมเดจ็ ฯ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลก ๑๘๘ สายตรงพระบาทสมเดจ็ ฯ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ๑๘๙ (ในกรมสมเดจ็ พระศรสี รุ เิ ยนทรามาตร)์ ลำดบั พระวงศก์ รมสมเดจ็ พระศรสี ลุ าลยั
( ๒๓ ) หน้า ๑๙๐ สายพระชนกกรมสมเดจ็ พระศรสี ลุ าลยั ๑๙๐ สายนอ้ งนางพระชนนกี รมสมเดจ็ พระศรสี ลุ าลยั ท่ี ๑ ๑๙๑ สายนอ้ งนางพระชนนกี รมสมเดจ็ พระศรสี ลุ าลยั ท่ี ๒ ๑๙๑ สายพระบาทสมเดจ็ ฯ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั ๒๐๑ เทศนากณั ฑท์ ่ี ๒ พระราชประวตั ิ กอ่ นเสดจ็ ดำรงสริ ริ าชสมบตั ิ ๒๐๗ เทศนากณั ฑท์ ่ี ๓ พระราชประวตั เิ มอ่ื เสดจ็ ดำรงสริ ริ าชสมบตั ิ ๒๐๘ การพระราชพธิ ตี า่ ง ๆ ๒๓๕ การพระเมรทุ อ้ งสนามหลวง ๒๓๕ พระราชอธั ยาศยั ๒๓๕ ทรงพระประชวร ๒๓๕ พระบรมราโชวาทเรอ่ื งรชั ทายาท ๒๓๖ พระราชกระแสในการทพ่ี ระสงฆห์ ม่ ผา้ ๒๓๖ พระราชทานเงนิ คา่ จตปุ จั จยั แกพ่ ระสงฆส์ ามเณร ๒๓๖ ทรงขมาพระสงฆ์ ๒๓๖ แปรพระทน่ี ง่ั สวรรคต ๒๓๗ เสดจ็ สวรรคต ๒๓๙ จดหมายเหตพุ ระบาทสมเดจ็ พระนง่ั เกลา้ เจา้ อยหู่ วั สวรรคต ๒๔๑ อธบิ ายพระนามและนามทป่ี รากฏในจดหมายเหตุ ๒๔๔ อธบิ ายเบอ้ื งตน้ ๒๔๔ พระราชปรารภเรอ่ื งปกครองแผน่ ดนิ ๒๔๕ กระแสพระราชดำรดิ ว้ ยเรอ่ื งรชั ทายาท ๒๔๖ พระราชอทุ ศิ ถวายพระธำมรงคท์ รงพระพทุ ธรปู ๒๔๗ พระราชปรารภเรอ่ื งพระสงฆห์ ม่ แหวก ๒๔๘ คำสารภาพของสมเดจ็ พระเจา้ นอ้ งยาเธอ เจา้ ฟา้ มงกฎุ ๒๔๙ อธบิ ายเรอ่ื งตอ่ มา ๒๔๙ คำวนิ จิ ฉยั เรอ่ื งพระสงฆห์ ม่ ผา้
( ๒๔ ) พระราชปรารภเรอ่ื งอาการทรงพระประชวร ๒๔๙ คำขนุ ราชนทิ านแพทยส์ นองพระราชปรารถ เรอ่ื งอาการพระโรค ๒๕๐ คำกรมหมน่ื วงศาสนทิ เสนอทป่ี ระชมุ เรอ่ื งอาการทรงพระประชวร ๒๕๐ พระราชทานจตปุ จั จยั แกพ่ ระสงฆ์ ๒๕๑ บญั ชรี ายวนั และรายการจา่ ยเงนิ พระราชทานพระสงฆ์ ๒๕๓ พระราชนพิ นธท์ รงขมาพระสงฆ์ ๒๖๑ กระแสรบั สง่ั ใหแ้ จกเงนิ ราษฎร ๒๖๒ อธบิ ายตอนทา้ ย ๒๖๒ จดหมายเหตหุ อสาตราคม ๒๖๓ คำนำ (ฉบบั พมิ พค์ รง้ั ท่ี ๑ พ.ศ. ๒๔๖๓) ๒๖๕ คำนำ (ฉบบั พมิ พค์ รง้ั ท่ี ๒ พ.ศ. ๒๔๖๓) ๒๖๘ จดหมายเหตหุ อสาตราคม ปวี อก พ.ศ. ๒๔๐๓ ๒๗๒ จดหมายเหตหุ อสาตราคม ปวี อก พ.ศ. ๒๔๐๖ ๒๗๘ จดหมายเหตเุ สดจ็ หวา้ กอ ๒๘๑ จดหมายเหตเุ สดจ็ หวา้ กอ ปมี ะโรง พ.ศ. ๒๔๑๑ ๒๘๓ เรอ่ื ง เซอรแ์ ฮรี ออรด์ เจา้ เมอื งสงิ คโปรไ์ ปเฝา้ สมเดจ็ พระเจา้ แผน่ ดนิ สยาม ในรชั กาลกอ่ น ทต่ี ำบลหวั วาฬ เมอ่ื เดอื นสงิ หาคม ค.ศ. ๑๘๖๘ (ปมี ะโรง พ.ศ. ๒๔๑๑) ๒๘๗ กระแสรบั สง่ั รชั กาลท่ี ๔ เรอ่ื งสรุ ยิ ปุ ราคา เมอ่ื ปมี ะโรง พ.ศ. ๒๔๑๑ ๓๐๗ คำกลอนเรอ่ื งสรุ ยิ ปุ ราคา จ.ศ. ๑๒๓๐ ๓๑๔ เรอ่ื งพระราชประวตั พิ ระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เมอ่ื กอ่ นเสวยราชย์ พ.ศ. ๒๓๔๗-๒๓๙๔ ๓๑๙ การพระราชทานพระนาม ๓๒๑ การศกึ ษาเมอ่ื ยงั ทรงพระเยาว์ ๓๒๔ การพระราชพธิ โี สกนั ตแ์ ละทรงผนวช ๓๒๕ ประเพณเี จา้ นายทรงผนวช ๓๒๘ การตง้ั ธรรมยตุ กิ า ๓๓๒
( ๒๕ ) หน้า ๓๓๔ เสด็จธุดงค์ ๓๓๕ เสดจ็ ประทบั ทว่ี ดั บวรนเิ วศน ฯ ๓๓๙ ทรงศกึ ษาภาษาตา่ งประเทศ ๓๔๓ เรอ่ื งพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั จะไดท้ รงรบั ราชสมบตั ิ เรอ่ื งพระราชประวตั พิ ระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั เมอ่ื เสวยราชยแ์ ลว้ ๓๔๙ พ.ศ. ๒๓๙๔-๒๔๑๑ ๓๕๑ เมอ่ื แรกเสวยราชย์ ๓๕๓ การเปลย่ี นแปลงโบราณราชประเพณี ๓๕๖ การศาสนา ๓๕๘ การพธิ สี ำหรบั บา้ นเมอื ง ๓๕๙ ระเบยี บยศศกั ด์ิ ๓๖๒ แกพ้ ระราชานกุ จิ ๓๖๔ ตเี มอื งเชยี งตงุ ๓๖๗ จดั ทหารบก ทหารเรอื ๓๖๙ จดหมายเหตเุ รอ่ื งพระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั ทรงประชวร ๓๗๑ คำนำ (ฉบบั พมิ พ์ พ.ศ.๒๔๙๐) ๓๗๔ บานแพนกเดมิ ๓๗๖ จดหมายเหตุเรื่องพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงประชวร ๓๙๑ จดหมายเหตเุ มอ่ื พระบาทสมเดจ็ พระจอมเกลา้ เจา้ อยหู่ วั สวรรคต ๓๙๓ เสดจ็ ไปทอดพระเนตรสรุ ยิ ปุ ราคาทต่ี ำบลหวา้ กอ ๓๙๔ เสดจ็ กลบั กรงุ เทพฯ ๓๙๔ ทรงพระประชวรไข้ ๓๙๔ สมเดจ็ เจา้ ฟา้ ฯ กรมขนุ พนิ ติ ประชานาถทรงประชวรพระยอด ๓๙๕ ตง้ั กองลอ้ มวงสมเดจ็ เจา้ ฟา้ ฯ กรมขนุ พนิ ติ ประชานาถ ๓๙๖ ทรงมอบหมายการรกั ษาแผน่ ดนิ แกพ่ ระราชวงศแ์ ละขนุ นางผใู้ หญ่ ๓๙๖ พระราชทานประคำทองแกส่ มเดจ็ เจา้ ฟา้ ฯ กรมขนุ พนิ ติ ประชานาถ
( ๒๖ ) หน้า ๓๙๘ พระราชกระแสเรอ่ื งสบื ราชสมบตั ิ ๓๙๘ รบั สง่ั จะใหส้ มเดจ็ เจา้ ฟา้ ฯ กรมขนุ พนิ ติ ประชานาถเขา้ เฝา้ ๓๙๙ ทรงฝากฝงั สมเดจ็ เจา้ ฟา้ ฯ กรมขนุ พนิ ติ ประชานาถแกพ่ ระยาสรุ วงศ ฯ ๔๐๐ ทรงอำลาพระราชวงศแ์ ละขา้ ราชการ ๔๐๐ พระราชดำรสั เรอ่ื งราชการแผน่ ดนิ ๔๐๑ พระราชนพิ นธข์ มาพระสงฆ์ ๔๐๒ คำแปลพระราชนพิ นธข์ มาสงฆ์ ๔๐๓ เสดจ็ สวรรคต ๔๐๔ พระราชวงศแ์ ละขา้ ราชการทม่ี าประชมุ เมอ่ื เสดจ็ สวรรคต ๔๐๖ อปโลกถวายราชสมบตั พิ ระเจา้ แผน่ ดนิ องคใ์ หม่ ๔๐๗ อปโลกผสู้ ำเรจ็ ราชการแผน่ ดนิ ๔๐๗ อปโลกพระมหาอปุ ราช ๔๐๘ คำปรกึ ษาถวายราชสมบตั ิ ๔๑๐ ลอ้ มวงกรมหมน่ื บวรวชิ ยั ชาญ ๔๑๐ สรงพระบรมศพ ๔๑๑ ประดษิ ฐานพระบรมศพ ๔๑๓ ประวตั เิ รอ่ื งพระนาบมี ะหะหมดั ๔๑๕ คำนำ (ฉบบั พมิ พ์ พ.ศ. ๒๔๖๖) ๔๑๖ ประวตั เิ รอ่ื งพระนาบมี ะหะหมดั ๔๒๗ คำใหก้ ารเฒา่ สา เรอ่ื งหนงั ราชสหี ์ ๔๒๙ คำใหก้ ารเฒา่ สา เรอ่ื งหนงั ราชสหี ์ ๔๓๐ อธบิ ายเรอ่ื งหนงั ราชสหี ์ ๔๓๓ ตำนานพระโกศและหบี ศพบรรดาศกั ด์ิ ๔๓๕ คำนำภาคท่ี ๘ (ฉบบั พมิ พ์ พ.ศ. ๒๔๖๐) ๔๓๙ ตำนานพระโกศ ๔๔๑ พระโกศทองใหญ่
( ๒๗ ) หน้า ๔๔๕ พระโกศทองนอ้ ยหมุ้ ทองชว่ั คราว ๔๔๖ พระโกศทองเลก็ ๔๔๗ พระโกศทองรองทรง ๔๕๔ ตำนานหบี ศพบรรดาศกั ด์ิ ๔๖๓ ตำนานการเลกิ บอ่ นเบย้ี และเลกิ หวย ๔๖๕ คำนำ (ฉบบั พมิ พ์ พ.ศ. ๒๔๖๒) ๔๖๙ คำนำ (ฉบบั พมิ พ์ พ.ศ. ๒๔๖๕) ๔๗๕ วา่ ดว้ ยมลู เหตหุ วยและถว่ั โปจะมขี น้ึ ๔๗๗ ตำนานอากรบอ่ นเบย้ี ๔๘๕ วา่ ดว้ ยลกั ษณะอากรบอ่ นเบย้ี ๔๘๘ ลกั ษณะการในโรงบอ่ นเบย้ี ๔๙๔ เรอ่ื งเลกิ บอ่ นเบย้ี ๔๙๕ ประกาศหอรษั ฎากรพพิ ฒั น์ ๕๐๗ ตำนานเรอ่ื งตง้ั อากรหวยในประเทศสยาม ๕๐๘ วา่ ดว้ ยลกั ษณะหวยทแ่ี รกเลน่ ในเมอื งไทย ๕๑๑ วา่ ดว้ ยลกั ษณะอากรหวย ๕๑๓ วา่ ดว้ ยจดั แขวงหวย ๕๑๖ วา่ ดว้ ยแทงหวย ๕๒๒ ลกั ษณะการในโรงหวย ๕๒๓ วา่ ดว้ ยลกั ษณะการออกหวย ๕๒๖ วา่ ดว้ ยเงนิ อากรหวย ๕๒๘ วา่ ดว้ ยเลกิ หวย ๕๒๙ วา่ ดว้ ยคณุ และโทษของหวยและบอ่ นเบย้ี ๕๓๓ รายนามคณะกรรมการ
๑ เรื่องแก้คดีพระเจ้าปราสาททอง
๒ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔
เรอ่ื งแกค้ ดพี ระเจา้ ปราสาททอง ๓ คำนำ ๑ ในการพระราชทานเพลิงศพ พระยาโบราณราชธานินทร์ (พร เดชะคุปต์) เจ้าภาพและบรรดา ผทู้ เ่ี คารพนบั ถอื ในพระยาโบราณราชธานนิ ทร์ ประสงคจ์ ะไดห้ นงั สอื สำหรบั แจกเปน็ ทร่ี ะลกึ จงึ แจง้ ความ ประสงคน์ ม้ี ายงั กรมศลิ ปากร กรมศิลปากรมีความยินดีที่ได้มีโอกาสกระทำปฏิการ โดยจัดหาหนังสือสำหรับพิมพ์ในครั้งนี้ เพราะพระยาโบราณราชธานินทร์เคยเป็นอุปนายกแผนกโบราณคดีในราชบัณฑิตยสภา และเป็นผู้มี อปุ การะคณุ แกก่ รมศลิ ปากรดว้ ยผหู้ นง่ึ คราวใดทเ่ี จา้ หนา้ ทใ่ี นกรมศลิ ปากร ไปสอบถามความรอู้ นั เกย่ี วดว้ ย โบราณคดี พระยาโบราณราชธานินทร์ก็เต็มใจชี้แจงให้เสมอทุกคราว ถ้าว่าโดยฉะเพาะในเรื่องภูมิสถาน พระนครศรีอยุธยา ก็เห็นจะหาผู้ที่มีความรู้เชี่ยวชาญเสมอด้วยพระยาโบราณราชธานินทร์ได้ยาก ความรู้ ในทางโบราณคดีที่ทราบกันอยู่ในเวลานี้ก็มีอยู่มาก ที่พระยาโบราณราชธานินทร์เป็นผู้สอบสวนค้นพบมา เพราะฉะนั้นจึงเป็นการสมควรที่จะรวบรวมเรื่องโบราณคดี ซึ่งพระยาโบราณราชธานินทร์ได้เรียบเรียงไว้ พิมพ์รวมเป็นเล่มเดียวจัดเข้าในลำดับประชุมพงศาวดารภาคที่ ๖๓ เพื่อเป็นเกียรติยศเชิดชูคุณงาม ความดที พ่ี ระยาโบราณราชธานนิ ทร์ ไดใ้ ชค้ วามพยายามคน้ ควา้ และนำมาเผยแผใ่ หเ้ ปน็ ประโยชนเ์ กอ้ื กลู ความรู้ ซง่ึ นกั ศกึ ษาทกุ ทา่ นคงยนิ ดอี นโุ มทนา เรอ่ื งทพ่ี มิ พอ์ ยใู่ นหนงั สอื ประชมุ พงศาวดารภาคท่ี ๖๓ น้ี คอื (๑) เรื่องแก้คดีพระเจ้าปราสาททอง ซึ่งพระยาโบราณราชธานินทร์ แต่งขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวาย พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเจา้ หลวง มลู เหตขุ องเรอ่ื งนม้ี มี าอยา่ งไรไมป่ รากฏ กรมศลิ ปากร จงึ ไดก้ ราบทลู ถามสมเดจ็ กรมพระยาดำรงราชานภุ าพ (๒) ได้ทรงพระกรุณาประทานคำอธิบาย ดังได้ลงพิมพ์ไว้ข้างหน้าของเรื่องนี้ และกรมศิลปากร ขอขอบพระเดชพระคณุ สมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอพระองคน์ น้ั ไวใ้ นทน่ี ด้ี ว้ ย (๓) ตำนานกรุงเก่า ซึ่งพระยาโบราณราชธานินทร์เรียบเรียงพิมพ์ทูลเกล้า ฯ ถวายในงาน พระราชพิธีรัชมงคล เมื่อ ร.ศ. ๑๒๖ (พ.ศ. ๒๔๕๐) ได้ชี้แจงข้อสำคัญไว้ในคำนำหนังสือที่พิมพ์คราว นน้ั ดว้ ย วา่ เปน็ การคดิ เรยี บเรยี งขน้ึ ตามทน่ี กึ ได้ ในระหวา่ งเวลาวา่ งตรวจการทำพระทน่ี ง่ั สรรเพช็ ญป์ ราสาท ๑ คำนำฉบบั พมิ พค์ รง้ั แรก ตวั สะกด การนั ต์ คงตามตน้ ฉบบั เดมิ
๔ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ ซึ่งเป็นเวลากำลังฉุกละหุกมีเวลาน้อย ไม่พอที่จะตรวจสอบกับตำราทั้งหมดให้ละเอียดได้ ทั้งการพิมพ์ ก็เร่งรัดที่จะให้แล้วเร็วทันวันงานพระราชพิธีรัชมงคล และการที่ทำโดยรีบร้อนเช่นนี้ก็ย่อมจะมีที่ผิดพลั้ง อยเู่ ปน็ ธรรมดา คดิ เวลาตง้ั แต่พระยาโบราณราชธานนิ ทร์ พมิ พต์ ำนานกรงุ เกา่ ทลู เกลา้ ฯ ถวายในครง้ั นน้ั ลว่ งมา จนถึงบัดนี้ได้ ๒๙ ปีแล้ว การสืบสวนค้นคว้าในทางโบราณคดีก็คืบหน้ามาโดยลำดับ อาจมีข้อแตกต่าง กนั บา้ ง ถงึ กระนน้ั หนงั สอื ตำนานกรงุ เกา่ กย็ งั คงเปน็ ประโยชนใ์ นการศกึ ษาโบราณคดอี ยเู่ ปน็ อนั มาก (๔) อธบิ ายแผนทพ่ี ระนครศรอี ยธุ ยา ซง่ึ มคี ำวนิ จิ ฉยั ของพระยาโบราณราชธานนิ ทร์ เรื่อง อธิบายแผนที่พระนครศรีอยุธยานี้ สมเด็จ ฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงชี้แจงไว้ใน คำนำฉะบบั พมิ พค์ รง้ั ท่ี ๒ วา่ “ต้นฉะบับได้มาในหนังสือมรดก ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนเรศรวรฤทธิ์ ซึ่งพระองค์เจ้า และหม่อมเจ้าในกรม พร้อมพระหฤทัยกันถวายแด่หอพระสมุดสำหรับพระนคร พิจารณาดูเห็น เป็นตัวฉะบับเดิมแท้ มิได้มีผู้ใดแก้ไขเพิ่มเติมให้วิปลาศ มีเรื่องในหนังสือเป็น ๒ ตอน ตอนต้นเป็น เพลงยาวพยากรณก์ รงุ ศรอี ยธุ ยา อา้ งไวข้ า้ งทา้ ยวา่ เปน็ พระราชนพิ นธ์ ของสมเดจ็ พระนารายณม์ หาราช เพลงยาวนม้ี หี ลกั ฐานควรเชอ่ื วา่ แตง่ เมอ่ื ครง้ั กรงุ ศรอี ยธุ ยาเปน็ ราชธานี ดว้ ยในคำใหก้ ารของ ชาวกรงุ เกา่ ที่พะม่าจับขึ้นไปถามคำให้การเมื่อเสียกรุงศรีอยุธยา ได้กล่าวอ้างถึงแต่ข้อที่ว่าเป็นพระราชนิพนธ์ สมเด็จพระนารายณ์มหาราชนั้น ไม่มีหลักฐานอย่างอื่นนอกจากที่มีเขียนอ้างไว้กับเพลงยาว ประหลาด อยู่ที่เพลงยาวบทนี้ยังมีผู้ท่องจำกันมาได้แพร่หลายจนในกรุงรัตนโกสินทร์นี้ แต่เรียกกันว่า เพลงยาว พทุ ธทำนาย” “อีกเรื่องหนึ่ง ต่อเพลงยาวไป เป็นเรื่องพรรณนาถึงภูมิสถานพระนครศรีอยุธยา พิเคราะห์ดู สำนวนเหน็ วา่ ผแู้ ตง่ เกดิ ทนั สมยั เมอ่ื ครง้ั กรงุ ศรอี ยธุ ยาเปน็ ราชธานี แตม่ าแตง่ หนงั สอื ในกรงุ รตั นโกสนิ ทร์” “ก็เรื่องภูมิสถานพระนครศรีอยุธยา พระยาโบราณราชธานินทร์ (พร เดชะคุปต์) ได้เอาเป็น ธุระสืบสวนตรวจตราโดยน้ำใจรักมากว่า ๒๐ ปี ตั้งแต่ยังเป็นหลวงอนุรักษ์ภูเบศร์ ขึ้นไปรับราชการ อยู่ในมณฑลอยุธยา ตลอดมาจนได้เป็นตำแหน่งสมุหเทศาภิบาล และเป็นอุปนายกแผนกโบราณคดี ในราชบณั ฑติ ยสภาอยจู่ นทกุ วนั น้ี เมอ่ื ขา้ พเจา้ พบหนงั สอื เรอ่ื งน้ี จงึ ไดค้ ดั สำเนาสง่ ไปใหพ้ ระยาโบราณราช
เรอ่ื งแกค้ ดพี ระเจา้ ปราสาททอง ๕ ธานินทร์สอบสวนดู พระยาโบราณราชธานินทร์มีแก่ใจแต่งคำวินิจฉัยขึ้นอีกส่วนหนึ่ง ประกอบกับต้นฉะบับ ทไ่ี ดม้ า” “หนังสือเรื่องนี้ พระยาโบราณราชธานินทร์ ได้พิมพ์ขึ้นทูลเกล้า ฯ ถวายในการพระราชพิธี สังเวยอดีตมหาราช ที่พระราชวังกรุงศรีอยุธยาครั้งหนึ่งแล้ว แต่โดยมากผู้ที่รับแจกเป็นข้าราชการ ทต่ี ามเสดจ็ พระราชดำเนนิ กบั ขา้ ราชการหวั เมอื ง ยงั หาสแู้ พรห่ ลายไม่ และทง้ั ตอ่ มา พระยาโบราณราช ธานินทร์ ก็ได้แต่งคำวินิจฉัยเพิ่มเติมและรวบรวมรูปโบราณสถานในพระนครศรีอยุธยา ซึ่งได้ถ่ายไว้มา เขา้ บรรจเุ พอ่ื ประกอบทอ้ งเรอ่ื ง ดงั ปรากฏอยใู่ นสมดุ เลม่ น้ี ” ในการพิมพ์คราวนี้ ได้พิมพ์พระวิจารณ์เพลงยาวพยากรณ์กรุงศรีอยุธยา ซึ่งสมเด็จกรมพระยา ดำรงราชานภุ าพทรงพระนพิ นธแ์ ซกไวด้ ว้ ย อนง่ึ กรมศลิ ปากรขอชแ้ี จงไวใ้ นทน่ี ด้ี ว้ ย วา่ ความรทู้ างโบราณคดีนน้ั เปน็ ความรทู้ ไ่ี มย่ ตุ ิ เพราะ ความรู้ในเรื่องเหล่านี้อยู่ที่การขุดค้นพบหลักฐานและสอบสวนพิจารณา อันไม่มีที่สิ้นสุดถึงคราวค้น พบหลักฐานใหม่ ก็ย่อมมีการสันนิษฐานเพิ่มเติมกันต่อไป ตามแนวทางของการตรวจสอบโบราณคดี เมอ่ื ทราบความดงั นแ้ี ลว้ การอา่ นเรอ่ื งโบราณคดจี งึ จะไดป้ ระโยชน์ กรมศิลปากร ขออนุโมทนาในกุศลที่เจ้าภาพและบรรดาผู้เคารพนับถือได้พร้อมใจกันพิมพ์ ประชุมพงศาวดาร ภาคที่ ๖๓ นี้ให้แพร่หลายสะดวกแก่การศึกษาทางโบราณคดี อันเป็นความรู้พึง ปรารถนาอย่างยิ่งประการหนึ่ง ขออำนาจกุศลนี้จงเพิ่มพูนปีติโสมนัส และสุขสมบัติทั้งมวล แก่พระยา โบราณราชธานินทร์ (พร เดชะคุปต์) ผู้ได้พยายามเสาะค้นหาทางบำรุงความรู้โบราณคดีที่ชาติต้องการ มานานแลว้ ใหส้ ำเรจ็ เปน็ ขอ้ ความดงั ปรากฏอยใู่ นเลม่ นเ้ี ปน็ ตน้ กรมศลิ ปากร วนั ท่ี ๖ กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. ๒๔๗๙
๖ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ เรื่องแก้คดีพระเจ้าปราสาททอง บทอธิบาย ของสมเดจ็ พระเจา้ บรมวงศเ์ ธอ กรมพระยาดำรงราชานภุ าพ ปนี งั วนั ท่ี ๑๗ มกราคม พทุ ธศกั ราช ๒๔๗๙ แจง้ ความมายงั พระยาอนมุ านราชธน เจา้ คณุ ใครจ่ ะทราบวา่ เพราะเหตใุ ดสมเดจ็ พระพทุ ธเจา้ หลวงโปรดใหพ้ ระยาโบราณราชธานนิ ทร์ แกค้ ดีพระเจา้ ปราสาททองนน้ั ฉนั พอจะบอกไดด้ ว้ ยทราบอยู่ เมื่อพระยาโบราณราชธานินทร์เป็นสมุหเทศาภิบาลมณฑลอยุธยานั้น เวลาพระบาทสมเด็จ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เสด็จไปประทับ ณ พระราชวังบางปะอินมีหน้าที่ต้องมาประจำราชสำนัก และตามเสดจ็ ประพาสทต่ี า่ ง ๆ เปน็ เหตใุ หไ้ ดเ้ ฝา้ แหนใกลช้ ดิ และไดท้ ลู สนองพระราชดำรสั เนอื ง ๆ สมเดจ็ พระพุทธเจ้าหลวงทรงตระหนักพระราชหฤทัยว่าพระยาโบราณได้พากเพียรศึกษารู้โบราณคดีครั้งกรุงศรี อยธุ ยา ทง้ั เรอ่ื งพงศาวดาร และถน่ิ สถานตา่ ง ๆ ยง่ิ กวา่ ผอู้ น่ื โดยมาก กท็ รงพระเมตตาจนสนทิ ชดิ ชอบ พระราชอธั ยาศยั ในเวลาตรสั ประภาษเรอ่ื งโบราณคดมี กั ทรงซกั ไซใ้ หพ้ ระยาโบราณออกความเหน็ เนอื ง ๆ สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงทรงสังเกตเห็นว่า พระยาโบราณยำเกรงพระเจ้าแผ่นดินครั้งกรุงศรีอยุธยามาก ถ้าเรื่องที่สนทนากันเนื่องไปถึงพระราชปฏิบัติอันร้ายกาจเลวทรามของพระเจ้าแผ่นดินพระองค์ใด พระยาโบราณเป็นแก้แทนเสมอ ข้อนี้แหละเป็นมูลเหตุ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๔๙ สมเด็จพระพุทธเจ้าหลวง เสด็จประทับ ณ พระราชวังบางปะอิน วันหนึ่งตรัสประภาษเรื่องพงศาวดาร ทรงติเตียนพระเจ้า ปราสาททอง พระยาโบราณทลู แกจ้ งึ มพี ระราชดำรสั วา่ “ พระยาโบราณชอบแกก้ ด็ แี ลว้ ฉนั จะเปน็ โจทย์ ฟอ้ งพระเจา้ ปราสาททอง ใหพ้ ระยาโบราณเปน็ ทนายแก้ แลว้ มาอา่ นฟงั กนั เลน่ ” จงึ ทรงพระราชนพิ นธ์ กล่าวโทษพระเจ้าปราสาททองพระราชทานไปยังพระยาโบราณ พระยาโบราณก็แต่งคำแก้ทูลเกล้า ฯ ถวายเพราะฉะนั้นหนังสือ ๒ ฉบับนี้เป็นแต่อย่างหนังสือแต่งเล่นเท่านั้น แต่เมื่ออ่านคำแก้ของพระยา โบราณ ต้องชมที่กล้าปฏิเสธข้อหาทุกข้อ แต่ใช้ถ้อยคำและหาอุปมามากราบทูลอย่างเรียบร้อย ควรนบั วา่ เปน็ หนงั สอื แตง่ ดี แมส้ มเดจ็ พระพทุ ธเจา้ หลวงกโ็ ปรดคำแกข้ องพระยาโบราณ
เรอ่ื งแกค้ ดพี ระเจา้ ปราสาททอง ๗ พระราชกระทู้ ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว วา่ ดว้ ยพระราชอธั ยาศยั ของสมเดจ็ พระเจา้ ปราสาททอง ซง่ึ โปรดเกลา้ ฯ ให้ พระยาโบราณราชธานนิ ทร์ (พร เดชะคปุ ต)์ แกถ้ วายตามความคดิ เหน็ ฉลาดในทางอุบายมารยา ฉลาดในทางที่จะเรียนวิชาความรู้ว่องไว แต่ไม่มีความอุตสาหะที่จะ เรียนให้รู้จริง คือ ปากรู้มากกว่าใจ จนที่ไหนเดาที่นั่นด้วยความเชื่อว่าคงถูก เชื่อตัวว่ามีสติปัญญา มบี ญุ ไมม่ ผี ใู้ ดเสมอ ซง่ึ เปน็ ตน้ เหตแุ หง่ ชอบยอ และกลา้ ทำอะไร ๆ ไมม่ คี วามละอาย ดว้ ยนกึ วา่ ไม่มีใครรู้เท่า เป็นไพร่ตามสันดานเดิม ในเมื่อเวลากริ้ว รวบรวมอัธยาศัยทั้งปวงนี้ จะอ้างพยาน ใหเ้ หน็ ได้ ดงั ตอ่ ไปน้ี ฉลาดในอุบายมารยานั้น คือ เมื่อเวลาพระเจ้าทรงธรรมสวรรคต มีความปรารถนาจะใคร่ได้ ราชสมบตั ิ ขอ้ นค้ี วรจะยกเวน้ ไมต่ เิ ตยี น เพราะพระเจา้ ทรงธรรมไมไ่ ดเ้ ปน็ ผทู้ ค่ี วรจะเปน็ พระเจา้ แผน่ ดนิ ยง่ิ กวา่ พระเจา้ ปราสาททอง วชิ ากม็ ดี ว้ ยกนั ฝา่ ยหนง่ึ ถนดั ขา้ งพระไตรปฎิ ก ฝา่ ยหนง่ึ เชอ่ื วา่ มเี วทมนตร์ ขลงั และสตปิ ญั ญามากกวา่ เอาเปน็ ตรี ง้ั กนั ควรปรารถนา อาการที่จะเอาแผ่นดินนั้น เอาโดยทางมารยา คือยกพระเชษฐาซึ่งคงเป็นคนโง่กว่าพระศรีสิน พระบิดาคงมุ่งหมายจะให้พระศรีสินรับสมบัติ จึงแกล้งไม่ยกสมบัติให้พระศรีสินซึ่งเป็นคนฉลาดแต่มิใช่ ฉลาดดี ฉลาดอย่างกักขฬะ พระศรีสินจึงได้หนีออกไป คงจะด้วยถูกอุบายอย่างหนึ่งอย่างใด จงึ ไมไ่ ดท้ นั ตอ่ รบอยา่ งหนง่ึ อยา่ งใดใหส้ มกบั ทว่ี า่ เปน็ ขบถ หลอกใหพ้ น่ี อ้ งแหนงกนั ฆา่ กนั สมประสงค์ แกล้งทำการศพให้คึกคัก แต่งคนให้ลือให้เจ้าแผ่นดินตกใจผู้ที่ลือนั้น คือ จมื่นสรรเพชญ์ ซึ่งเป็นผู้ส่งข่าวนั้นเอง เข้ามาเป็นไส้ศึก พอหลอกให้ตกใจให้ไปรับสั่งให้หา ก็เลยพาลเป็นขบถหา วา่ เจา้ แผน่ ดนิ ตระเตรยี มใหค้ นขน้ึ ปอ้ มวงั ความนก้ี ไ็ มจ่ รงิ ปรากฏเมอ่ื ยกมาแตเ่ วลาบา่ ย ๓ โมง อยจู่ น ๘ ทมุ่ เขา้ ไปฟนั ประตู ไมม่ ใี ครทนั รสู้ กึ ไมไ่ ดต้ อ่ สกู้ นั เลย
๘ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ คำอธษิ ฐานซง่ึ อา้ งเอาความปรารถนาโพธญิ าณ เปน็ สจั จาธษิ ฐาน นก่ี เ็ ปน็ การแสดงใหเ้ หน็ วา่ เยอ่ หยง่ิ มาก ตง้ั พระอาทติ ยวงศ์ขน้ึ เปน็ เจา้ แผน่ ดนิ จนกระทง่ั ถอดเสยี เปน็ การมายาทง้ั นน้ั ใหช้ า่ งออกไปถา่ ยอยา่ งพระนครหลวงจะมาสรา้ งเปน็ ทป่ี ระทบั รอ้ น รวู้ า่ เจา้ แผน่ ดนิ เขมรมบี ญุ มาก เป็นไพร่ ๆ ลอยมาเป็นผู้มีบุญเหมือนตัว จึงอยากจะเอาอย่าง รู้ว่าใหญ่โตและทำด้วยศิลาทั้งนั้น แต่ไม่รู้ว่ารูปร่างสัณฐานเป็นอย่างไร หมายว่าจะอยู่ได้สบาย ครั้นไปถ่ายมา หน้าตาเป็นวัดมากกว่า เปน็ บา้ น แตจ่ ะไมท่ ำกเ็ สยี เกยี รตยิ ศ จงึ ทำไปตามเลยเลก็ ๆ ไมเ่ อาพระทยั ใสเ่ หมอื นวดั ชยั วฒั นาราม ดว้ ยผดิ หมาย จงึ ไดเ้ ลยคา้ งมาจนเดย๋ี วน้ี เปน็ พยานใหเ้ หน็ วา่ รเู้ รว็ แตไ่ มใ่ ชร่ จู้ รงิ เรื่องมีลูกออกมาเห็นเป็น ๔ กร ไม่ควรเชื่อก็เชื่อ หรือถ้าไม่ใช่เชื่อจริง แกล้งเชื่อ ก็หาเกียรติยศ อย่างฟุ้งซ่าน ลงโทษพระอาทิตยวงศ์ว่านั่งบนกำแพงแก้วต่ำสูง ให้ไปปลูกเรือนไม้ไผ่สองห้องอยู่วัด ทา่ ทราย ดว้ ยหลงวา่ ตวั มบี ญุ และคนนบั ถอื มาก คงไมม่ ใี ครนบั ถอื พระอาทติ ยวงศ์ ครน้ั พระอาทติ ยวงศ์ ไดพ้ วกพอ้ ง ๒๐๐ คน พระเจา้ ปราสาททองไมไ่ ดค้ ดิ ตอ่ สู้ หนดี ว้ ยความขลาด เผาลกู เธอ พบเนอ้ื ในทอ้ ง เชอ่ื วา่ ตอ้ งคณุ เปน็ พยานใหเ้ หน็ วา่ เชอ่ื อะไรยบั เยนิ มาก เมอ่ื คน เอาตำราทง้ิ นำ้ เสยี มาก จงึ มผี คู้ ดิ ทำตำราขน้ึ ใหม่ ยง่ิ เปน็ วชิ ากระซบิ กระซาบ คนกย็ ง่ิ เชอ่ื มากขน้ึ เห็นจะเป็นคนขี้กลัวฟ้าร้องฟ้าผ่ามาก ได้ยินเสียงฟ้าผ่า ยังนึกว่าในวัง แล้วกลับเข้ามาดู กพ็ อพบพระนารายณไ์ มถ่ กู สายฟา้ สมประสงค์ ไปขา้ งทาง พระบารมตี อ่ ไปอกี เลยตน่ื ไปจนถงึ ฟา้ ผา่ โรงชา้ งไมถ่ กู ชา้ ง ฟา้ ผา่ ท่ีบางปะอนิ ไมเ่ ปน็ อนั ตราย ยง่ิ รสู้ กึ พระบารมกี ลา้ ขน้ึ ลบศักราช ฟังงู ๆ ปลา ๆ มาแต่ไหน จากวิชาพราหมณ์ พราหมณ์ที่เขาว่าเวทมนตร์คาถา อะไรอ่อนไปหมด เพราะเป็นกลียุค ไม่เหมือนทวาบรยุค จึงคิดจะเปลี่ยนศักราชเป็นปีต้นให้เป็น ทวาบรยคุ คอื เรง่ ใหเ้ ปน็ ทวาบรยคุ เรว็ ๆ เพราะยคุ นน้ั นบั เปน็ อนโุ ลมปฏโิ ลม เปน็ กลยี คุ แลว้ กเ็ ลอ่ื น ขน้ึ เปน็ ทวาบรยคุ แลว้ เลอ่ื นขน้ึ เปน็ ไตรดายคุ แลว้ เลอ่ื นขน้ึ กตั ยคุ นเ่ี ปน็ ปฏโิ ลม จงึ ไดห้ มายจะเปลย่ี น ให้เลื่อนขึ้นไปตามปฏิโลม ด้วยบุญบารมีมากอาจจะเปลี่ยนกาลของโลก ซึ่งไม่ดีให้กลับเป็นดีได้ จึงต้องว่าเสี่ยงบารมีลบศักราช และยกย่องตัวเองว่าการที่ทำนั้นเป็นการสงเคราะห์แก่สัตวโลก แตไ่ มร่ วู้ ชิ านบั ของการโหรวา่ จะเปน็ เหตใุ หว้ นั คนื เดอื น ปี ศกั ราชเลอะเทอะไดเ้ ทา่ ใด ครน้ั เมอ่ื ลบแลว้
เรอ่ื งแกค้ ดพี ระเจา้ ปราสาททอง ๙ ศักราชนั้นใช้ไปไม่ได้เท่าไร จนแผ่นดินพระนารายณ์ต้องหันไปใช้พุทธศักราช นี่เป็นสุดยอดของความ เยอ่ หยง่ิ เชอ่ื บญุ บารมแี ละปรากฏวา่ ความรไู้ มม่ อี ะไรทร่ี จู้ รงิ ไมแ่ ตเ่ ทา่ นน้ั ใชอ้ บุ ายหลวม ๆ จะทกึ ทกั ตงึ ตงั เอาเมอื งพมา่ เปน็ เมอื งขน้ึ โดยรเู้ รอ่ื งวา่ พระเจา้ อโนรธามังช่อมีชัยชนะแก่เมืองที่ใกล้เคียงทั่วกัน จึงตั้งจุลศักราช เมืองใดที่ใช้จุลศักราช เมืองนั้น เคยอยใู่ นอำนาจอโนรธามงั ชอ่ ไมไ่ ดพ้ จิ ารณาวา่ อโนรธามงั ชอ่ นน้ั มบี ญุ ดว้ ยบารมสี รา้ งมาแตป่ างหลงั มา อบรมให้เป็นผู้มีบุญใหญ่ขึ้นเอง หรือด้วยกำลังปราบปราม เชื่อเอาฝ่ายข้างที่ว่าเหาะได้ ซึ่งเป็นการ อัศจรรย์ อยากจะใคร่เชื่ออยู่แล้วมาเอาอย่าง พม่าไม่ยอมใช้ เพราะใครเลยจะไม่รู้เท่า เขาไม่ได้อยู่ ในอำนาจไมจ่ ำเปน็ ทจ่ี ะตอ้ งทำไมร่ เู้ ทา่ เขาไมย่ อมใช้ ทรงฉนุ เลยพาลเปะปะใหเ้ อากบั ขา้ วรดหวั ทตู ซง่ึ เปน็ การหยาบคายเหลอื เกนิ โกรธอยา่ งไพร่ หากพมา่ เวลานั้นกำลังบ้านเมืองไม่ปกติ มอญเป็นขบถ จึงมิได้เกิดรบกันขึ้น ก็ไม่สืบดูเหตุผล ว่าทำไมเขาจึง ไมม่ ารบ กลบั เชอ่ื วา่ เพราะเขากลวั บารมี โหรถวายฎกี าวา่ ไฟจะไหมว้ งั ตน่ื เตน้ ขนของ และหนอี อกไปอยวู่ ดั บางคนเขาคดิ เหน็ วา่ จะเปน็ แกลง้ เผา แตเ่ หน็ จะไมก่ ลา้ เผาเพราะขลาดมากอยู่ มแี ตไ่ ฟไหมท้ ไ่ี หนเจา้ แผน่ ดนิ จะเสดจ็ ไปดบั นเ่ี จา้ แผน่ ดนิ กลบั หนไี ฟ รวมใจความว่า ในแผ่นดินนี้ไม่ได้ทำการอะไร เคยอย่างไรก็เป็นไปอย่างนั้น ตื่นแต่บารมีกัน อยา่ งเดยี ว แตค่ วามดขี องพระเจา้ ปราสาททองคงมใี นทางทร่ี จู้ กั ใชค้ น ชบุ เลย้ี งคนเปน็ การงานอะไรท่ี เปน็ การธรรมดาบงั คบั บญั ชาไดแ้ ขง็ แรง สทิ ธขิ าดไมโ่ ลเล จงึ อยใู่ นราชสมบตั ไิ ดช้ า้ นาน ไมม่ ภี ยั อนั ตราย อนั ใด ความทว่ี า่ มาน้ี เปน็ กลา่ วโทษพระเจา้ ปราสาททอง และชมพระเจา้ ปราสาททองตามความเหน็ ใหพ้ ระยาโบราณผเู้ ปน็ เทศากรงุ เกา่ แกไ้ ขวา่ คำทก่ี ลา่ วตเิ ตยี นนน้ั ไมเ่ ปน็ ความจรงิ อยา่ งไร ตามความเหน็ จะไดเ้ ปลย่ี นความคดิ ทห่ี มน่ิ ประมาทนน้ั
๑๐ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ คำสนองพระราชกระทู้ พระยาโบราณราชธานินทร์ (พร เดชะคปุ ต)์ เรยี ง บางปะอนิ วนั ท่ี ๑๒ พฤศจกิ ายน รตั นโกสนิ ทรศก ๑๒๕๑ ขอเดชะฝ่าละอองธุลีพระบาทปกเกล้าปกกระหม่อม ด้วยทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อม พระราชทานพระกระแสพระราชดำริที่ทรงเห็น ในพระราชอัธยาศัยของพระเจ้าปราสาททอง มาให้ข้าพระพุทธเจ้าแก้ไขตามความเห็นนั้น พระเดช พระคณุ ลน้ เกลา้ ลน้ กระหมอ่ มหาทส่ี ดุ มไิ ด้ ขา้ พระพทุ ธเจา้ ไดร้ บั ใสเ่ กลา้ ใสก่ ระหมอ่ ม พเิ คราะหใ์ ครค่ รวญดตู ลอดแลว้ เหน็ ดว้ ยเกลา้ ฯ วา่ การทจ่ี ะแกไ้ ขพระราชดำรทิ ไ่ี ดท้ รงกลา่ วไวน้ น้ั เปน็ ความยากอยา่ งยง่ิ พน้ จากวสิ ยั ภมู วิ ชิ าซง่ึ ขา้ พระพทุ ธเจา้ ได้เล่าเรียนมา แต่เหตุด้วยมีพระบรมราชโองการเฉพาะแก่ข้าพระพุทธเจ้า จึงจำเป็นต้องแก้ไขไปตาม ความเหน็ แมก้ ารทไ่ี ดก้ ราบบงั คมทลู พระกรณุ ามาน้ี จะมขี อ้ ทไ่ี มถ่ กู ตอ้ งตามแบบฉบบั และพระราช อัธยาศัยประการใด ข้าพระพุทธเจ้าขอพระราชทานพระมหากรุณาพระราชทานอภัยแก่ข้าพระพุทธเจ้า ผซู้ ง่ึ แรกศกึ ษาวชิ าพงศาวดารยงั มคี วามรนู้ อ้ ยอยนู่ น้ั ๑. ตามที่ทรงพระราชดำริเห็นว่า อาการที่พระเจ้าปราสาททองจะเอาแผ่นดินนั้น เอาโดยทาง มารยา คือแกล้งยกพระเชษฐาซึ่งคงเป็นคนโง่กว่าพระศรีสิน ที่พระบิดาคงมุ่งหมายจะให้รับราชสมบัติ และหลอกให้พี่น้องแหนงกันจนฆ่ากันสมประสงค์นั้น ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยเกล้า ฯ ว่า ถ้าพระเจ้า ปราสาททองปองที่จะเอาราชสมบัติอยู่แล้ว ถึงพระศรีสินจะได้เป็นพระเจ้าแผ่นดิน ก็คงจะรักษา พระองค์ไม่รอดไปเหมือนกัน เพราะกำลังวังชาและอำนาจของพระเจ้าปราสาททองในเวลานั้นมีมากนัก ซึ่งยกพระเชษฐาขึ้นครองราชสมบัตินั้นเห็นด้วยเกล้า ฯ ว่า คงทำตามโบราณราชประเพณี ที่ต้องยกพี่ ขน้ึ เปน็ ใหญก่ วา่ นอ้ ง ประการหนง่ึ ถา้ หากยกพระศรสี นิ ขน้ึ ครองราชสมบตั แิ ลว้ พระเชษฐากบั พระศรสี นิ กค็ งจะบาดหมางไมป่ รองดองคดิ ฆา่ ฟนั กนั ไปเหมอื นกนั ๑ ตรงกับ พ.ศ. ๒๔๔๙
เรอ่ื งแกค้ ดพี ระเจา้ ปราสาททอง ๑๑ ๒. ตามที่ทรงพระราชดำริว่า พระเจ้าปราสาททองแกล้งทำการศพให้คึกคัก แต่งคนให้ลือให้ พระเจา้ แผน่ ดนิ ตกพระทยั พอใหไ้ ปรบั สง่ั ใหห้ ากเ็ ลยพาลเปน็ ขบถนน้ั ขา้ พระพทุ ธเจา้ เหน็ ดว้ ยเกลา้ ฯ วา่ ในเวลานั้นพระเจ้าปราสาททองเป็นเจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ เป็นประธานในราชการแผ่นดิน จะทำ การงานอนั ใดกค็ งมผี ไู้ ปชว่ ยเหลอื เพอ่ื การประจบและพระเชษฐาในเวลานน้ั กค็ งจะงอ่ นแงน่ เตม็ ทอี ยแู่ ลว้ ถึงในข้อที่ว่า ตระเตรียมคนให้ขึ้นป้อมล้อมวังนั้น ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยเกล้า ฯ ว่า น่าจะรับสั่งให้ ตระเตรยี มจรงิ เพราะทรงตกพระทยั และหวาดอยแู่ ลว้ แตเ่ หน็ ดว้ ยเกลา้ ฯ วา่ คงจะไมไ่ ดค้ นมาขน้ึ ปอ้ ม ลอ้ มวงั ตามรบั สง่ั ดว้ ยขา้ ราชการคงจะไปฝกั ฝา่ ยกบั พระเจา้ ปราสาททองเสยี หมด จงึ ไมไ่ ดต้ อ่ สกู้ นั ๓. ซึ่งทรงพระราชดำริเห็นว่า ที่ตั้งพระอาทิตยวงศ์ขึ้นเป็นพระเจ้าแผ่นดินจนกระทั่งถอดเสีย เปน็ การมายานน้ั ขา้ พระพทุ ธเจา้ เหน็ ดว้ ยเกลา้ ฯ วา่ ในเรอ่ื งนจ้ี ำเปน็ พระเจา้ ปราสาททองจะตอ้ งทรงทำ เชน่ นน้ั ดว้ ยพระอาทติ ยวงศย์ งั มอี ยู่ ถา้ หากจะเอาราชสมบตั เิ สยี ทเี ดยี ว คนทง้ั ปวงกจ็ ะเหน็ วา่ เปน็ ขบถ ฆา่ พระเชษฐาเพอ่ื เอาราชสมบตั ิ ๔. ในข้อที่ให้ช่างออกไปถ่ายอย่างพระนครหลวง จะมาทำเป็นที่ประทับร้อน ครั้นไปถ่ายมา หน้าตาเป็นวัดมากกว่าเป็นวังจึงทำไปตามเล็ก ๆ ไม่เอาพระทัยใส่เหมือนวัดชัยวัฒนาราม ทรงพระราชดำริ เหน็ วา่ เปน็ พยานใหเ้ หน็ วา่ รเู้ รว็ แตไ่ มใ่ ชร่ จู้ รงิ นน้ั ขา้ พระพทุ ธเจา้ เหน็ ดว้ ยเกลา้ ฯ วา่ การทใ่ี หช้ า่ งไปถา่ ย อย่างพระนครหลวงมาสร้างในพระนครนั้น ก็ด้วยเหตุที่จะแสดงพระเกียรติยศว่า กรุงศรีอยุธยา ในเวลานน้ั มกี ำลงั และอำนาจมาก ถงึ กบั ไปถา่ ยเอาอยา่ งปราสาทศลิ าพระนครหลวง ซง่ึ คนในเวลานน้ั ถอื วา่ เปน็ ของเทวดาสรา้ ง มาไวใ้ นบา้ นเมอื งได้ ถงึ จะประทบั ในนน้ั ไมไ่ ด้ ดกู น็ า่ จะไมเ่ ปน็ ทเ่ี สยี หายอยา่ งไร ๕. เรอ่ื งมพี ระราชบตุ รออกมาเหน็ เปน็ สก่ี รไมค่ วรเชอ่ื กเ็ ชอ่ื นน้ั ขา้ พระพทุ ธเจา้ เหน็ ดว้ ยเกลา้ ฯ วา่ ถ้าไม่ทรงเชื่อและไปทรงคัดค้านผู้อื่นที่เขาเชื่อจนแพร่หลายออกไปแล้ว ก็น่าจะเป็นข้อลดทอน พระเกียรติยศอยู่ และน่าจะทรงเห็นว่า ในการที่เชื่อหรือแกล้งทรงเชื่อนั้นก็คงเป็นแต่พระเกียรติยศ ไปอยา่ งเดยี ว เปน็ ทางทจ่ี ะเพม่ิ พระบารมใี หแ้ กก่ ลา้ ขน้ึ ๖. ในขอ้ ซง่ึ ทรงหลงวา่ มบี ญุ และคนนบั ถอื มาก ครน้ั พระอาทติ ยวงศไ์ ดพ้ วก ๒๐๐ คน ยกมา พระเจา้ ปราสาททองกม็ ไิ ดต้ อ่ สู้ หนดี ว้ ยความขลาดนน้ั ขา้ พระพทุ ธเจา้ เหน็ ดว้ ยเกลา้ ฯ วา่ ในเวลานน้ั คงจะทรงวางพระทัยว่าจะไม่มีผู้ใดกล้าคิดทำอันตราย จึงมิได้จัดการป้องกันรักษาให้กวดขัน พระอาทิตยวงศ์จึงยกเข้าไปในวังได้โดยไม่ทันรู้พระองค์ ก็ควรจะเสด็จหลบหลีกออกเสียจากวังซึ่งใกล้
๑๒ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ ต่อข้าศึก เพื่อไปรวบรวมกำลังต่อสู้และการที่เสด็จนั้น ก็มิได้ไปไกลจากวังเพียงใด เสด็จลงประทับ อยู่ในเรือพระที่นั่งลอยลำอยู่ที่หน้าพระฉนวนเท่านั้น จะถือเอาเป็นขลาดแท้ทีเดียวยังไม่ได้ ถ้าตก พระทยั ใหญ่ กค็ งเสดจ็ เปดิ ไปจนถงึ เกาะมหาพราหมณ์ ๑ ๗. พระราชทานเพลงิ พระเจา้ ลกู เธอ ไดเ้ นอ้ื ในพระอทุ ร เชอ่ื วา่ ตอ้ งคณุ ขา้ พระพทุ ธเจา้ เหน็ ดว้ ย เกลา้ ฯ วา่ ในเวลานน้ั เปน็ สมยั ทเ่ี ลน่ เวทมนตรค์ าถา และตำรบั ตำราทำคณุ ไสย กค็ งมอี ยเู่ ปน็ อนั มาก ก็เมื่อได้พบสิ่งที่ต้องในตำราก็น่าจะเชื่ออยู่ โดยเหตุว่าในชั้นต้นได้เชื่อและนับถือเวทมนตร์คาถาเสียแล้ว และทง้ั เวทมนตรใ์ นเวลานน้ั กข็ ลงั ใหผ้ ลแกผ่ ถู้ อื กลา่ วคอื พระเจา้ ทรงธรรมกบั พระเจา้ ปราสาททองนน้ั เอง เปน็ ผทู้ ถ่ี อื เวทมนตรจ์ ดั และเหน็ กนั วา่ ไดร้ าชสมบตั เิ พราะเวทมนตร์ ๘. เรื่องฟ้าผ่าไม่ถูกพระองค์กับพระนารายณ์และช้างนั้น ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยเกล้า ฯ ว่า ถึงจะผ่าห่างหน่อยใกล้นิด ก็ควรจะทรงปลื้มในพระบารมี ด้วยเหตุถือกันว่า ไฟฟ้าเป็นของสำคัญ อันร้ายแรง ก็เมื่อทำให้คนเข้าใจกันไปว่า แต่ฟ้าผ่าก็ยังไม่ถูกต้องพระองค์และพระราชบุตร โดยที่สุด แตช่ า้ งตน้ กม็ ไิ ดเ้ ปน็ อนั ตรายเชน่ น้ี กเ็ ปน็ การเพม่ิ พระบารมที จ่ี ะทำใหค้ นเกรงกลวั พระเดชานภุ าพมากขน้ึ ๙. เรื่องลบศักราชนั้น ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยเกล้า ฯ ว่า ก็เป็นการตั้งพระทัยในทางดี และ เพอ่ื ทจ่ี ะแสดงพระกรณุ าแกร่ าษฎรซง่ึ เปน็ เหตทุ จ่ี ะใหร้ าษฎรมคี วามนยิ มนบั ถอื มากขน้ึ แตใ่ นขอ้ ทจ่ี ะทำให้ วันคืนเดือนปีศักราชเลอะเทอะไปนั้น จะโทษแต่พระเจ้าปราสาททอง พระองค์เดียวเห็นจะไม่ได้ ขา้ พระพทุ ธเจา้ เหน็ ดว้ ยเกลา้ ฯ วา่ นา่ จะเปน็ จากพระโหราธบิ ดี ดว้ ยเปน็ คนทท่ี รงเชอ่ื ถอื มากอยู่ ๑๐. ในขอ้ ทใ่ี ชอ้ บุ ายจะเอาเมอื งพมา่ เปน็ เมอื งขน้ึ นน้ั เหน็ ดว้ ยเกลา้ ฯ วา่ พระเจา้ ปราสาททองคง จะทรงทราบอยู่แล้วว่า พม่าเวลานั้นบ้านเมืองกำลังรวนเรไม่เป็นปกติ ก็เป็นช่องที่ควรลองดู ถา้ สำเรจ็ ตามพระราชดำริ กเ็ ปน็ ทางดแี กไ่ ทย ถา้ ไมส่ ำเรจ็ กค็ งทรงนกึ วา่ ไมเ่ ปน็ การเสยี หายอะไร ๑๑. เรอ่ื งเอากบั ขา้ วรดศรี ษะทตู พมา่ นน้ั ขา้ พระเจา้ เหน็ ดว้ ยเกลา้ ฯ วา่ ทา่ นทตู ทม่ี าจะเปน็ คน กกั ขฬะ และมาทำการหรอื พดู จาหมน่ิ ประมาทอยา่ งแรงขน้ึ อยา่ งไร และเปน็ ดว้ ยเหตเุ ขา้ พระทยั อยแู่ ลว้ วา่ เมืองพม่าเวลานั้นอ่อนแอ แต่กิริยาของทูตโอหังเกินกับกำลังของบ้านเมือง จึงลงโทษทูตแต่พอให้รู้สึก มไิ ดใ้ หเ้ จบ็ ปวดอยา่ งใดเหน็ จะนบั วา่ เปน็ โทษอยา่ งเบาในเวลานน้ั ๑ พน้ื ทข่ี น้ึ อำเภอบางบาล จงั หวดั พระนครศรอี ยธุ ยา กลา่ วกนั วา่ มพี วกพราหมณ์ มาตง้ั บา้ นเรอื นอยทู่ เ่ี กาะน้ี และเคยเปน็ เกาะท่ี สมเดจ็ พระมหาจกั รพรรดิเสดจ็ ลงเรอื พระทน่ี ง่ั หนีพระศรศี ลิ ป์ ซึ่งก่อการกบฏมาประทบั ทเ่ี กาะน้ี
เรอ่ื งแกค้ ดพี ระเจา้ ปราสาททอง ๑๓ ๑๒. ในข้อที่ทรงพระราชดำริเห็นว่า การที่เอากับข้าวราดศีรษะทูตเป็นการหยาบคายเหลือเกิน โกรธเหมือนไพร่นั้น ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยเกล้า ฯ ว่า สันดานของบุคคลนั้นก็เป็นเหมือนดังวาสนา ซึ่งมีมาในพระบาลีว่า จะตัดขาดได้ก็เฉพาะแต่พระพุทธเจ้าพระองค์เดียวเท่านั้น แต่ถึงชั้นพระอรหันต์ กย็ งั ขาดไมไ่ ด้ ดงั เชน่ พระสารบี ตุ รเดมิ เคยเปน็ วานร เมอ่ื ถงึ ชาตทิ ส่ี ดุ กย็ งั มกี ริ ยิ าวานรตดิ อยใู่ นพระองค์ ๑๓. เรื่องโหรถวายฎีกาว่าไฟจะไหม้วัง ขนของหนีออกไปอยู่วัดนั้น ข้าพระพุทธเจ้าเห็น ดว้ ยเกลา้ ฯ วา่ คงจะเปน็ ดว้ ยเชอ่ื พระโหราธบิ ดี ดว้ ยทา่ นโหรผนู้ ด้ี แู มน่ ยำนกั และครง้ั นด้ี วู า่ ไฟจะไหมว้ งั กเ็ มอ่ื ทรงเชอ่ื แลว้ จะประทบั อยใู่ นวงั ซง่ึ จะถกู ไฟไหมอ้ ยา่ งไรได้ เปน็ การจำเปน็ ทจ่ี ะตอ้ งเสดจ็ ออกไปเสยี ให้ ห่างสักหน่อย แต่ถึงกระนั้นก็ปรากฏว่า ได้เตรียมการป้องกันไว้เต็มที่ และทั้งไฟก็ไหม้วังจริงด้วย จะหาวา่ ตน่ื และขลาดกไ็ มส่ ถู้ นดั นกั ๑๔. คำอธษิ ฐานซง่ึ อา้ งเอาความปรารถนาโพธญิ าณ ซง่ึ ทรงพระราชดำรเิ หน็ วา่ เปน็ การเยอ่ หยง่ิ นน้ั ขา้ พระพทุ ธเจา้ เหน็ ดว้ ยเกลา้ ฯ วา่ คงจะทรงตาม ๆ กนั ไป เชน่ พระเจา้ ทรงธรรมเองกน็ า่ ไดก้ ลา่ วอยา่ งน้ี เหมอื นกนั รวบรวมใจความในแผน่ ดนิ พระเจา้ ปราสาททอง ขา้ พระพทุ ธเจา้ เหน็ ดว้ ยเกลา้ ฯ วา่ ถา้ ในสมยั นน้ั นา่ จะนบั เอาวา่ เปน็ การเรยี บรอ้ ยกวา่ บางแผน่ ดนิ เพราะบา้ นเมอื งกร็ าบคาบเปน็ ปกตปิ ราศจากขา้ ศกึ ภายนอก ภายใน และจะเปน็ แผน่ ดนิ ทม่ี อี ำนาจแขง็ แรงอยู่ จะทำอะไรกท็ ำได้ เชน่ กรว้ิ ทตู พมา่ เอากบั ขา้ วรดศรี ษะ พมา่ กไ็ มอ่ าจมาทำอะไรได้ จงึ เหน็ ดว้ ยเกลา้ ฯ วา่ คนในสมยั นน้ั คงจะเหน็ วา่ เปน็ เกยี รตยิ ศ และอำนาจ ของเมืองไทย และน่าจะไม่มีผู้ใดติเตียนในเวลานั้นเลย เพราะความนิยมของคนชั้นนั้นเป็นเช่นนั้น ครั้นต่อมาบัดนี้ เมื่อคิดดูศักราชก็เป็นเวลาที่สิ้นแผ่นดินพระเจ้าปราสาททองมาแล้วถึง ๒๕๐ ปีเศษ เป็นคนละสมัย ความนิยมก็เปลี่ยนแปลงกันไปกว่าแต่ก่อนเป็นอันมาก ข้าพระพุทธเจ้าเห็นด้วยเกล้า ดว้ ยกระหมอ่ มดงั น้ี ควรมคิ วรแลว้ แตจ่ ะทรงพระกรณุ าโปรดเกลา้ โปรดกระหมอ่ มขอเดชะ ขา้ พระพทุ ธเจา้ พระยาโบราณบรุ านรุ กั ษ์
๑๔ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔
๑๕ ปฐมวงศ์
๑๖ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔
ปฐมวงศ์ ๑๗ ปฐมวงศ์ พระราชพงศาวดารย่อ หนงั สอื ปฐมวงศ์ พระราชพงศาวดารยอ่ และพระนามพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั กรงุ เทพ มหานคร อมรรตั นโกสนิ ทรมหนิ ทรายธุ ยา และพระนามกรมพระราชวงั บวรสถานมงคล กบั ทง้ั พระนามพระราช โอรสพระราชธดิ าของพระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั วนั พฤหสั บดี เดอื น ๑๑ ขน้ึ ๕ คำ่ จลุ ศกั ราช ๑๒๒๒ ปวี อกโทศก๑ มพี ระบรมราชโองการ โปรดเกล้า ฯ ดำรัสสั่งให้พระศรีสุนทรโวหาร๒ เจ้ากรมพระอาลักษณ์จดหมายเหตุต้นพระบรมราชวงศ์ ในปจั จบุ นั นไ้ี วส้ ำหรบั แผน่ ดนิ เผอ่ื จะใหพ้ ระบรมวงศานวุ งศใ์ นภายหนา้ ไดท้ รงทราบ จะกล่าวถึงเจ้านายจำพวกซึ่งเป็นปฐมเป็นต้นแซ่ต้นสกุล เจ้าฟ้าและพระองค์เจ้า หม่อมเจ้า หมอ่ มราชวงศแ์ ละเจา้ ราชนิ กิ ลุ ทเ่ี รยี กนามวา่ “คณุ ” วา่ “หมอ่ ม” มบี รรดาศกั ดเ์ิ นอ่ื งในพระบรมราชวงศน์ ้ี ซง่ึ บดั นเ้ี ปน็ จำพวกตา่ ง ๆ อยู่ จะใหร้ แู้ จง้ วา่ เนอ่ื งมาแตท่ า่ นผใู้ ด พระองคใ์ ด เปน็ เดมิ แตแ่ รกตง้ั กรงุ เทพ มหานคร อมรรตั นโกสนิ ทรมหนิ ทรายธุ ยานม้ี าพงึ รโู้ ดยสงั เขปวา่ บรุ ษุ นารมี บี รรดาศกั ด์ิ ซง่ึ เรยี กวา่ เปน็ จำพวก เจ้า คือ เจ้าฟ้าและพระองค์เจ้า หม่อมเจ้า หม่อมราชวงศ์ทั้งปวงนั้น ล้วนปฏิพัทธ์พัวพันสืบต่อลงมา แตอ่ งค์สมเดจ็ พระบรมมหาไปยกาธบิ ดี คอื องคส์ มเดจ็ พระบรมชนกนารถพระเจา้ หลวง ของพระบาทสมเดจ็ พระปรโมรถุ ชามหาจกั รบี รมนารถ ซง่ึ ปรากฏพระนามในบดั นว้ี า่ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลก ซึ่งเป็นปฐมบรมอรรคมหาราชาธิราชในพระบรมมหาราชวัง ซึ่งได้ดำรงครอบครองเป็นเจ้าของ กรุงเทพ มหานครอมรรัตนโกสินทรมหินทรายุธยา อันนี้สืบมาจนกาลบัดนี้นั้นเป็นเดิมทั้งสิ้น เรียกว่าสกุลเจ้า เปน็ อยา่ งหนง่ึ บรุ ษุ สตรที ง้ั ปวงเปน็ บตุ ร หลาน เหลน ของทา่ นทง้ั หลายซง่ึ เปน็ พระญาตหิ า่ ง ๆ ของสมเดจ็ พระบรมมหาไปยกาธิบดี พระญาติ พระวงศ์ของสมเด็จพระพันปีหลวง๓ และพระเจ้าน้านางในพระบาท สมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกก็ดี และท่านทั้งปวงที่เป็นชายเป็นหญิง พระญาติ พระวงศ์ ใน กรมสมเดจ็ พระอมรนิ ทรามาตย์ ซง่ึ เปน็ พระองคเ์ อกอรรคราชเทวีในพระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลก และเป็นสมเด็จพระบรมราชชนนีพระพันปีหลวง ในพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย และเป็น ๑ ตรงกับวันที่ ๒๐ กันยายน พุทธศักราช ๒๔๐๓ ๒ ตอ่ มาไดเ้ ลอ่ื นเปน็ พระยาศรสี นุ ทรโวหาร (ฟกั สาลกั ษณ)์ ๓ พระราชมารดาของพระเจา้ แผน่ ดนิ มกั ออกพระนามวา่ พระพนั ปหี ลวง
๑๘ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ สมเด็จพระบรมมหาเปตามไหยิกา๑ แห่งพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จ พระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวสองพระองค์ในแผ่นดินปัจจุบันนี้นั้น บรรดาทช่ี ดิ ชดั ถนดั พอจะนบั ไดก้ ด็ ี ทา่ นทง้ั ปวงทเ่ี ปน็ เชอ้ื พระญาติ พระวงศ์ ในกรมสมเดจ็ พระศรสี ลุ าลยั ซึ่งเป็นสมเด็จพระราชชนนี ในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว บรรดาที่เนื่องสนิทควรจะนับได้ก็ดี จำพวกที่กล่าวมานี้เรียกว่าเจ้าราชินิกุล หรือหม่อมเจ้าหรือหม่อมราชวงศ์ซึ่งสืบต่อลงมาหลายชั่ว แต่ พระองค์เจ้า หม่อมเจ้า ห่างเหินไปแล้ว ก็ควรเรียกว่าเจ้าราชินิกุลเหมือนกัน เจ้าราชินิกุลนั้นมีตำแหน่ง ฐานันดรตามพระราชกำหนดศักดินาบ้าง ไม่มีตำแหน่งบ้าง พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ในพระบรมราชวงศอ์ นั นน้ี น้ั เมอ่ื ครง้ั กรงุ เทพมหานครบวรทวาราวดศี รอี ยธุ ยากรงุ เกา่ ยงั ดำรงอยู่ ไดเ้ สดจ็ มายังมนุษยโลกนี้อุบัติมีขึ้นมาในมหาอำมาตย์คฤหบดีสกุลอันมั่งคั่งพร้อมมูลด้วยไอสุริยสมบัติ ถ้าจะเป็น มัธยมประเทศก็ควรจะเป็นสกุลมหาศาลได้ เพราะเป็นสกุลใหญ่มีนิเวศน์สถานตั้งอยู่นานภายในกำแพง พระมหานครกรุงเทพทวาราวดีศรีอยุธยา พระองค์เป็นพระโอรสนับเป็นที่ ๔ ของสมเด็จพระบรมมหา ไปยกาธิบดี เป็นบรมชนกนารถพระเจ้าหลวงและสมเด็จพระบรมมหาไปยิกา ซึ่งเป็นพระบรมราชชนนี พระพันปีหลวงนั้น เป็นทายกผู้บริจาคสร้างวัดสุวรรณดาราราม ในกรุงศรีอยุธยานั้น วันคืนปีเดือน พระชันษาเป็นกาลเวลาประสูติแห่งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกเป็นนาคสมพัตสร อัฐศกผคุณมาศ กาฬปักษปัญจมีดิถี พุธวารพุทธสาสนกาล ๒๒๗๙ พรรษา จุลศักราช ๑๐๙๘๒ พระองคท์ รงมี ภาตาภคนิ ๓ี รว่ มพระชนกพระชนนเี ดยี วกนั ๕ พระองค์ คอื กรมสมเดจ็ พระเทพสดุ าวดี เปน็ สมเดจ็ พระพน่ี างท่ี ๑ พระเจา้ ขนุ รามณรงค์ เปน็ พระเจา้ พย่ี าเธอนบั เปน็ ท่ี ๒ กรมสมเดจ็ พระศรสี ดุ ารกั ษ เปน็ พระเจา้ พน่ี างเธอนบั เปน็ ท่ี ๓ แลว้ ถงึ พระองคเ์ ปน็ ท่ี ๔ แลว้ จงึ ถงึ พระบาทสมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั กรมพระราชวงั บวรสถานมงคล ในแผน่ ดนิ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลกนน้ั เปน็ คำรบ ๕ ๑ ย่า ๒ ตรงกับวันที่ ๒๐ มีนาคม พ.ศ. ๒๒๗๙ ๓ พ่ชี ายนอ้ งชาย พี่สาวน้องสาว
ปฐมวงศ์ ๑๙ ครน้ั ภายหลงั มาสมเดจ็ พระบรมมหาไปยกิ า ซง่ึ เปน็ พระบรมราชชนนพี ระพนั ปหี ลวงนน้ั เสดจ็ ทวิ งคต ล่วงพระชนม์ไป จึงสมเด็จพระบรมมหาไปยกาธิบดี ได้สมเด็จพระเจ้าน้านางเธอของพระบาทสมเด็จ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลก ซง่ึ เปน็ นอ้ งนางของสมเดจ็ พระบรมมหาไปยกิ าธบิ ดี รว่ มพระชนกพระชนนนี น้ั เปน็ พระอรรคชายา พระอรรคชายานน้ั ประสตู พิ ระธดิ าองคห์ นง่ึ คอื กรมหลวงนรนิ ทรเทวเี ปน็ ท่ี ๖ แลสมเดจ็ พระบรมมหาไปยกาธบิ ดี ไดม้ หี ญงิ บาทบรจิ ารกิ านางหนง่ึ นางนน้ั ประสตู พิ ระโอรส องคห์ นง่ึ คอื กรมหลวงจกั รเจษฎา รวมพระโอรสพระธดิ าในสมเดจ็ พระบรมมหาไปยกาธบิ ดไี ด้ ๗ พระองค์ เทา่ น้ี เปน็ ตน้ แซต่ น้ สกลุ เจา้ ฟา้ และพระองคเ์ จา้ หมอ่ มเจา้ หมอ่ มราชวงศใ์ นราชสกลุ นเ้ี ปน็ ตน้ กแ็ ลกอ่ นแตเ่ วลากรงุ ศรอี ยธุ ยายงั ไมแ่ ตกทำลายเปน็ ทร่ี า้ งนน้ั พระโอรสพระธดิ าในสมเดจ็ พระบรม มหาไปยกาธบิ ดี ๕ พระองคซ์ ง่ึ นบั ในตน้ เมอ่ื ทรงพระเจรญิ วยั วฒั นาการแลว้ กไ็ ดม้ กี ารอาวาหววิ าหการ กับสกุลอื่น ซึ่งมีบรรดาศักดิ์และสมบัติสมควรแล้ว ได้แยกย้ายกันไปอยู่ ณ สถานที่ต่าง ๆ ต่อตั้งสืบ พระสันตติวงศ์โดยผาสุกสวัสดิ์ภาพ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกนั้นเสด็จออกไปตั้งนิเวศน์ สถานในภานิรุทธยานประเทศสวนนอกในแขวงเมืองสมุทรสงครามและเมืองราชบุรีต่อกัน ได้มีการ อาวาหวิวาหมงคลกับกรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ เพราะเหตุการณ์ที่ก่อนนั้น พระเจ้าแผ่นดิน กรุงศรีอยุธยามีพระทัยยินดีในที่จะแสวงหามาตุคามที่มีศิริรูปทรงโสภาคย์ และเป็นบุตรีในสกุลที่มี ทรพั ยส์ มบตั มิ าไวใ้ ชเ้ ปน็ นางในอนั เตบรุ กิ ราชนารี จงึ ไดใ้ หม้ ผี อู้ าสาไปสนสอ่ื สบื สอ่ สอดแนม หาสตรที ผ่ี รู้ ปู งามต่าง ๆ ทั้งในกรุงนอกกรุงใกล้ไกลก็ครั้งนั้น กรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์เป็นบุตรของมหาเศรษฐี เป็นสกุลอันใหญ่ด้วยมากด้วยเครือญาติ และสูงด้วยสมบัติหาสกุลอื่นจะเสมอมิได้ในพาหิรุทธยาน ประเทศในเวลานั้น และมีบุญลักษณะศิริรูปพรรณสัณฐานงามยิ่งนักเป็นที่เล่าลือความอื้ออึง ทราบถงึ พวกสอดแนมของพระเจา้ แผน่ ดนิ พวกนน้ั จงึ ไดน้ ำขา่ วมากราบทลู ตอ่ พระเจา้ แผน่ ดนิ มพี ระบรม ราชโองการดำรสั สง่ั กรมมหาดไทยใหม้ ีฆอ้ งตราออกไปใหห้ วั เมอื งราชบรุ ไี ปสขู่ อกรมสมเดจ็ พระอมรนิ ทรามาตย์ ซง่ึ เปน็ อรรคนารมี บี ญุ ลกั ษณะนน้ั มาจากคฤหบดสี กลุ นน้ั แลว้ สง่ เขา้ มาถวายเปน็ อนั เตบรุ กิ ราชนารี ๑ เพราะ เวลานน้ั เมอื งราชบรุ ขี น้ึ แกก่ รมมหาดไทย กแ็ ลการตกแตง่ ตราบงั คบั บญั ชาหวั เมอื งมหาดไทยทง้ั ปวงครง้ั นน้ั เนอ่ื งอยใู่ นสมเดจ็ พระบรมมหาไปยกาธบิ ดที ง้ั สน้ิ ฝา่ ยพระชนกพระชนนแี ละพระญาตพิ ระวงศใ์ นกรมสมเดจ็ พระอมรนิ ทรามาตยน์ น้ั ไมม่ จี ติ ชอบใจ ปรารถนาจะถวายกรมสมเดจ็ พระอมรนิ ทรามาตยแ์ กพ่ ระเจา้ แผน่ ดนิ เขา้ มาตอ้ งตดิ กกั ขงั เปน็ อนั เตบรุ กิ ราชนารี ๑ นางในราชสำนัก
๒๐ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ อยู่ในพระราชวัง จึงได้แต่งคนมาอ้อนวอนพระบรมมหาไปยกาธิบดี ซึ่งเป็นผู้สำเร็จราชการแตง่ ฆ้องตรา นน้ั ใหช้ ว่ ยแกไ้ ขพอพน้ หลดุ จากพระราชประสงคพ์ ระเจา้ แผน่ ดนิ เสยี ได้ สมเดจ็ พระบรมมหาไปยกาธบิ ดี จงึ ไดค้ ดิ อา่ นใหม้ ผี กู้ ราบทลู พระเจา้ แผน่ ดนิ วา่ กรมสมเดจ็ พระอมรนิ ทรามาตยน์ น้ั พระองคท์ า่ นไดไ้ ปสขู่ อไว้ เพอ่ื จะใหไ้ ดแ้ กพ่ ระราชโอรสท่ี ๔ ของทา่ น ไดน้ ดั การอาวาหววิ าหมงคลแลว้ ขอพระราชทานใหพ้ น้ จาก พระราชประสงคเ์ ถดิ พระเจา้ แผน่ ดนิ กท็ รงพระกรณุ าอนญุ าตพระราชทานให้ กด็ ว้ ยเหตนุ พ้ี ระบาทสมเดจ็ พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก จึงได้กรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ เป็นอรรคชายาแต่เดิมมาดังนี้ กรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์นั้นมีพระชนม์พรรษาอ่อนกว่าพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ปหี นง่ึ ถว้ นโดยจนั ทรคตกิ าลไมย่ ง่ิ หยอ่ น เพราะมกี ำหนดวนั ประสตู ทิ ราบเปน็ แนว่ า่ สปั สมตสร นพศกผคณุ มาศ กาฬปกั ษปญั จมดี ถิ รี ววิ าร เปน็ ปรจิ เฉทกาลกำหนดพทุ ธศาสนกาล ๒๒๘๐ พรรษา จลุ ศกั ราช ๑๐๙๙ กรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์นั้นมีพระพี่นางเธอผู้ใหญ่เป็นที่ ๑ แล้วมีพระเจ้าพี่เป็นบุรุษนับเป็นที่ ๒ จึงถึงพระองค์เป็นที่ ๓ แล้วพระน้องนางอีกผู้หนึ่งเป็นที่ ๔ แล้วพระน้องเป็นบุรุษอีกผู้หนึ่งเป็นที่ ๕ แล้วมีพระน้องนางอีก ๒ เป็นที่ ๖ ที่ ๗ ร่วมพระชนกพระชนนีเดียวกัน ท่านทั้งหกยกแต่ กรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์แล้วนั้นเป็นเจ้าคุณราชินิกุล บุตร หลาน เหลน ของท่านทั้งหกนั้น ก็เป็นเจ้าราชินิกูลทั้งสิ้น สืบมาจนกาลบัดนี้ สมเด็จพระชนกในกรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์นั้น เมอ่ื ครง้ั กรงุ ศรอี ยธุ ยามพี มา่ ขา้ ศกึ เขา้ มาลอ้ มอยผู่ คู้ นในพระนครปน่ั ปว่ น ไปมากส็ าบสญู หายไปตามไมพ่ บทา่ น แต่สมเด็จพระชนนีนั้นได้ทรงผนวชเป็นรูปชี อยู่มาจนถึงแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ได้ปรากฏพระนามว่าสมเด็จพระรูปศิริโสภาคย์มหานาคนารี เป็นที่คำนับบูชาของพระราชวงศานุวงศ์ ดำรงพระชนม์อยู่ ๙๐ ปีเศษจึงสิ้นพระชนม์ เมื่อปีระกานักษัตรตรีศกแผ่นดินพระบาทสมเด็จ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลก พทุ ธศาสนกาล ๒๓๔๔ พรรษา จลุ ศกั ราช ๑๑๖๓ สมเดจ็ พระรปู ศริ โิ สภาคย์ มหานาคนารนี น้ั มพี ระพเ่ี ปน็ บรุ ษุ ๑ เปน็ หญงิ ๒ บตุ รหลานของทา่ นเหลา่ นน้ั ยงั เปน็ ราชนิ กิ ลู ทำราชการ อยตู่ ราบเทา่ ทกุ วนั น้ี จะกลา่ วดว้ ยความประพทั ธป์ ระพนั ธส์ บื สนั ตตวิ งศใ์ นพระบรมราชวงศซ์ ง่ึ มสี มเดจ็ พระบรมมหาไปยกาธบิ ดี เปน็ ปฐมพทั ธข์ ว้ั เคา้ สบื มา ๑. กรมสมเดจ็ พระเทพสดุ าวดี ไดม้ พี ระโอรส ๓ คอื พระองคใ์ หญซ่ ง่ึ เมอ่ื แรกตง้ั กรงุ เทพมหานครอมรรตั นโกสนิ ทรมหนิ ทรายธุ ยาน้ี ไดเ้ ปน็ ทเ่ี จา้ ฟา้ กรมพระ อนรุ กั ษเทเวศร์ แลว้ เลอ่ื นทเ่ี ปน็ กรมพระราชวงั หลงั เปน็ ท่ี ๑
ปฐมวงศ์ ๒๑ เจา้ ฟา้ กรมหลวงนราธเิ บศรบ์ ดนิ ทร เปน็ ท่ี ๒ เจา้ ฟา้ กรมหลวงนรนิ ทรรณเรศ เปน็ ท่ี ๓ กับพระธิดาพระองค์หนึ่งได้เป็นเจ้ากรมฝ่ายในรวมอยู่ในกรมสมเด็จพระเทพสุดาวดี ไม่มีเจ้ากรม ตา่ งหากเปน็ ท่ี ๔ ๒. สมเดจ็ พระเจา้ รามณรงคน์ น้ั เมอ่ื ครง้ั กรงุ ศรอี ยธุ ยายงั ไมแ่ ตกทำลายนน้ั มพี ระธดิ าพระองคห์ นง่ึ แลว้ กส็ น้ิ พระชนมเ์ สยี พระธดิ านน้ั คอื พระองคเ์ จา้ กรมขนุ รามนิ ทรสดุ า ๓. กรมสมเดจ็ พระศรสี ดุ ารกั ษน์ น้ั มพี ระโอรส ๓ พระธดิ า ๒ เปน็ ๕ พระองค์ คอื เจา้ ฟา้ กรมหลวงเทพหรริ กั ษเ์ ปน็ ท่ี ๑ เจา้ ฟา้ กรมขนุ อนคั ฆนารีเปน็ ท่ี ๒ กรมสมเด็จพระศรีสุริเยนทรามาตย์ ซึ่งมีกำหนดสมัยกาลประสูติเป็นพราหสมพัตสร นพศก ภัทรบทมาสกาฬปักษทวาทสีดิถีรวิวารเป็นปริจเฉทกาลกำหนด๑ พระพุทธศาสนกาล ๒๓๑๐ พรรษา จลุ ศกั ราช ๑๑๒๙ เปน็ ท่ี ๓ เจา้ ฟา้ กรมหลวงพทิ กั ษมนตรีเปน็ ท่ี ๔ เจา้ ฟา้ กรมขนุ อศิ รานรุ กั ษเ์ ปน็ ท่ี ๕ ๔. พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก มีพระราชโอรสและพระธิดาแต่กรมสมเด็จ พระอมรนิ ทรามาตยถ์ งึ ๑๐ พระองค์ คอื พระองคเ์ ปน็ ปฐมเปน็ พระบตุ รี พระองคเ์ ปน็ ท่ี ๒ เปน็ พระกมุ าร ๒ พระองคน์ ส้ี น้ิ พระชนมเ์ สยี แตก่ อ่ นกาลกรงุ ศรอี ยธุ ยายงั มไิ ด้ แตกทำลาย พระองค์เป็นที่ ๓ เป็นพระบุตรี คือสมเด็จพระปฐมบรมวงศ์ซึ่งเมื่อแผ่นดินกรุงธนบุรีได้เป็น ๑ ตรงกับวันที่ ๒๑ กันยายน พุทธศักราช ๒๓๑๐
๒๒ ประชมุ พงศาวดารฉบบั กาญจนาภเิ ษก เลม่ ๔ พระราชชายาพระองค์ ๑ ของพระเจา้ กรงุ ธนบรุ ี ไดป้ ระสตู พิ ระกมุ ารเจา้ ฟา้ ลกู เธอของพระเจา้ กรงุ ธนบรุ ี แลว้ ไมช่ า้ กส็ น้ิ พระชนมล์ ว่ งไป ท่ี ๔ คอื พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั ซง่ึ มกี ำหนดสมยั กาลประสตู เิ ปน็ พราหสมพตั สร นพศกผคณุ มาสชษุ ณปกั ษสปั ตมดี ถิ พี ทุ ธวาร เปน็ ปรจิ เฉทกาลกำหนดพระพทุ ธศาสนกาล ๒๓๑๐ พรรษา จลุ ศกั ราช ๑๑๒๙ เจา้ ฟา้ กรมหลวงศรสี นุ ทรเทพนบั วา่ เปน็ ท่ี ๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกรมราชวังบวรสถานมงคล ในแผ่นดินพระบาทสมเด็จพระพุทธ เลศิ หลา้ นภาลยั นบั วา่ เปน็ ท่ี ๖ เจา้ ฟา้ กรมหลวงเทพยวดนี บั วา่ เปน็ ท่ี ๗ ยงั มอี กี ๓ พระองค์ สน้ิ พระชนมแ์ ตย่ งั พระเยาว์ ไมป่ รากฏพระนามและลำดบั วา่ เปน็ สถานใด ในระวางใดพระองค์ใด และพระราชบุตรพระราชบุตรีของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ซึ่งประสูติแต่กรมสมเด็จพระอมรินทรามาตย์ทั้ง ๑๐ พระองค์นี้ประสูติก่อนแต่เวลาเสด็จเถลิงถวัลย์ ราชสมบัติทั้งสิ้น ก็เมื่อเวลาเสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัตินั้น ยังคงได้เป็นสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าแต่ ๔ พระองค์ คอื พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย เป็นสมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร แลว้ ภายหลงั เลอ่ื นเปน็ สมเดจ็ พระเจา้ ลกู เธอกรมพระราชวงั บวรสถานมงคล ๑ พระราชบตุ รพี ระองคใ์ หญเ่ ปน็ สมเดจ็ พระเจา้ ลกู เธอเจา้ ฟา้ กรมหลวงศรสี นุ ทรเทพพระองค์ ๑ สมเดจ็ พระเจา้ อยหู่ วั กรมพระราชวงั บวรสถานมงคล ในแผน่ ดนิ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธเลศิ หลา้ นภาลยั เปน็ สมเดจ็ พระเจา้ ลกู เธอเจา้ ฟา้ กรมหลวงเสนานรุ กั ษ แลว้ ภายหลงั เลอ่ื นเปน็ สมเดจ็ พระเจา้ ลกู เธอ พระบณั ฑรู นอ้ ยพระองค์ ๑ สมเดจ็ พระเจา้ ลกู เธอเจา้ ฟา้ ประภาวดี แลว้ ภายหลงั เลอ่ื นเปน็ เจา้ ฟา้ กรมหลวงเทพยวดพี ระองค์ ๑ พระบาทสมเดจ็ พระพทุ ธยอดฟา้ จฬุ าโลก ยงั มพี ระราชโอรสพระราชธดิ าพระองคอ์ น่ื กบั บาทบรจิ ารกิ า ข้าหลวงเดิม แต่ยังไม่ได้เสด็จเถลิงถวัลย์ราชสมบัติบ้าง แต่สนมนารีมีศักดิ์ต่าง ๆ เมื่อเสด็จสถิตย
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 575
Pages: