ค�มู อื ครรู ายวชิ าเพิ่มเตมิ
คูม อื ครู รายวชิ าเพ่มิ เตมิ คณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท ี่ ๔ เลม ๑ ตามผลการเรียนรู กลุมสาระการเรยี นรูคณิตศาสตร (ฉบบั ปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาขนั้ พน้ื ฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ จัดทาํ โดย สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
คํานาํ สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี (สสวท.) มีหนาที่ในการพัฒนา หลักสูตร วิธีการเรียนรู การประเมินผล การจัดทําหนังสือเรียน คูมือครู แบบฝกทักษะ กิจกรรม และสอื่ การเรียนรเู พอื่ ใชประกอบการเรียนรใู นกลมุ สาระการเรียนรูวิทยาศาสตรและ คณติ ศาสตรข องการศกึ ษาข้ันพื้นฐาน คูมือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ช้ันมัธยมศึกษาปที่ ๔ เลม ๑ นี้ จัดทํา ตามผลการเรยี นรกู ลมุ สาระการเรียนรคู ณิตศาสตร (ฉบบั ปรับปรงุ พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลักสตู ร แกนกลางการศึกษาข้นั พน้ื ฐาน พทุ ธศกั ราช ๒๕๕๑ โดยมีเนื้อหาสาระ ขอเสนอแนะเก่ียวกับ การสอน แนวทางการจัดกิจกรรมในหนังสือเรียน การวัดผลประเมินผลระหวางเรียน การวิเคราะหความสอดคลองของแบบฝกหัดทายบทกับจุดมุงหมายประจําบท ความรูเพิ่มเติม สําหรับครูซ่ึงเปนความรูที่ครูควรทราบนอกเหนือจากเน้ือหาในหนังสือเรียน ตัวอยาง แบบทดสอบประจําบทพรอมเฉลย รวมทั้งเฉลยแบบฝกหัด ซ่ึงสอดคลองกับหนังสือเรียน รายวิชาเพมิ่ เตมิ คณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที่ ๔ เลม ๑ ทีต่ องใชค วบคกู นั สสวท. หวังเปนอยางย่ิงวา คูมือครูเลมน้ีจะเปนประโยชนตอการจัดการเรียนรู และ เปน สว นสําคัญในการพฒั นาคุณภาพและมาตรฐานการศกึ ษากลุมสาระการเรียนรูคณิตศาสตร ขอขอบคุณผูทรงคุณวุฒิ บุคลากรทางการศึกษาและหนวยงานตาง ๆ ที่มีสวนเก่ียวของ ในการจดั ทาํ ไว ณ โอกาสน้ี (นางพรพรรณ ไวทยางกูร) ผูอํานวยการสถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี กระทรวงศึกษาธิการ
คําชีแ้ จง สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี (สสวท.) ไดจัดทําตัวชี้วัดและ สาระการเรียนรูแกนกลาง กลุมสาระการเรียนรูคณิตศาสตร (ฉบับปรับปรุง พ.ศ. ๒๕๖๐) ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พุทธศักราช ๒๕๕๑ โดยมีจุดเนนเพื่อตองการพัฒนา ผูเรียนใหม คี วามรูค วามสามารถท่ีทัดเทียมกบั นานาชาติ ไดเรียนรูคณิตศาสตรที่เช่ือมโยงความรู กับกระบวนการ ใชก ระบวนการสบื เสาะหาความรูและแกปญ หาที่หลากหลาย มกี ารทาํ กิจกรรม ดวยการลงมือปฏิบัติเพ่ือใหผูเรียนไดใชทักษะและกระบวนการทางคณิตศาสตร และทักษะแหง ศตวรรษท่ี ๒๑ สสวท. จึงไดจ ัดทาํ คมู อื ครูประกอบการใชหนังสือเรียนรายวิชาเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ช้ันมัธยมศึกษาปท่ี ๔ เลม ๑ ที่เปนไปตามมาตรฐานหลักสูตร เพ่ือเปนแนวทางใหโรงเรียนนําไป จัดการเรียนการสอนในชั้นเรียน คมู ือครูรายวิชาเพ่ิมเติมคณติ ศาสตร ชนั้ มธั ยมศกึ ษาปท่ี ๔ เลม ๑ น้ี ประกอบดวยเนื้อหา สาระ ขอเสนอแนะเก่ียวกบั การสอน แนวทางการจัดกจิ กรรมในหนังสือเรียน การวัดผลประเมินผล ระหวางเรียน การวิเคราะหความสอดคลองของแบบฝกหัดทายบทกับจุดมุงหมายประจําบท ความรูเพ่ิมเติมสําหรับครูซ่ึงเปนความรูที่ครูควรทราบนอกเหนือจากเนื้อหาในหนังสือเรียน ตัวอยางแบบทดสอบประจําบทพรอมเฉลย รวมท้ังเฉลยแบบฝกหัด ซึ่งครูผูสอนสามารถนําไปใช เปนแนวทางในการวางแผนการจัดการเรียนรูใหบรรลุจุดประสงคท่ีต้ังไว โดยสามารถนําไปจัด กจิ กรรมการเรียนรไู ดตามความเหมาะสมและความพรอมของโรงเรียน ในการจัดทําคูมือครูเลมน้ี ไดรับความรวมมือเปนอยางดียิ่งจากผูทรงคุณวุฒิ คณาจารย นักวิชาการอิสระ รวมท้ังครูผูสอน นักวชิ าการ จากสถาบัน และสถานศกึ ษาทง้ั ภาครัฐและเอกชน จึงขอขอบคณุ มา ณ ท่ีน้ี สสวท. หวงั เปนอยา งยิ่งวาคูมือครูรายวิชาเพ่ิมเติมคณิตศาสตร เลมนี้ จะเปนประโยชน แกผูสอน และผูที่เกี่ยวของทุกฝาย ท่ีจะชวยใหจัดการศึกษาดานคณิตศาสตรไดอยางมี ประสิทธิภาพ หากมีขอเสนอแนะใดท่ีจะทําใหคูมือครูเลมน้ีมีความสมบูรณยิ่งข้ึน โปรดแจง สสวท. ทราบดว ย จะขอบคุณย่งิ สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี กระทรวงศกึ ษาธิการ
แนะนําการใชค ูม ือครู ในหนังสือเลมน้ีแบงเปน 3 บทตามหนังสือเรียนหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ช้นั มัธยมศกึ ษาปท ่ี 4 เลม 1 โดยแตละบทจะมีสวนประกอบ ดงั น้ี ตวั ชีว้ ัด ตัวชี้วัดระบุสิ่งท่ีนักเรียนพึงรูและปฏิบัติได รวมทั้งคุณลักษณะของผูเรียนในแตละ ระดับชั้น ซึ่งสะทอนถึงมาตรฐานการเรียนรู มีความเฉพาะเจาะจงและมีความเปน รูปธรรม นําไปใชในการกําหนดเน้ือหา จัดทําหนวยการเรียนรู จัดการเรียนการสอน และเปนเกณฑส าํ คัญสําหรับการวดั ประเมินผลเพ่อื ตรวจสอบคุณภาพผเู รียน จุดมุงหมาย เปา หมายทน่ี ักเรียนควรไปถึงหลังจากเรยี นจบบทน้ี ความรูก อ นหนา ความรทู ี่นักเรียนจาํ เปน ตอ งมกี อ นทจ่ี ะเรียนบทน้ี
ประเด็นสําคัญเกี่ยวกบั เน้ือหาและสิ่งที่ควรตระหนกั เกีย่ วกบั การสอน ประเด็นเกี่ยวกับเน้ือหาที่ครูควรเนนยํ้ากับนักเรียน ประเด็นเก่ียวกับเนื้อหาที่ครูควร ระมัดระวัง จุดประสงคของตัวอยางท่ีนําเสนอในหนังสือเรียน เน้ือหาที่ควรทบทวน กอนสอนเนอ้ื หาใหม และประเด็นเก่ยี วกบั การสอนท่ีครูพึงระลึก ความเขา ใจคลาดเคล่ือน ประเดน็ ท่ีนักเรยี นมักเขา ใจผิดเกยี่ วกบั เน้ือหา ประเดน็ สาํ คญั เก่ียวกบั แบบฝก หัด ประเด็นที่ครูควรทราบเกี่ยวกับแบบฝกหัด เชน จุดมุงหมายของแบบฝกหัด ประเด็นท่ีครูควรใหความสําคัญในการทําแบบฝกหัดของนักเรียน เนื้อหาท่ีควร ทบทวนกอนทําแบบฝก หดั กจิ กรรมในคูมือครู กิจกรรมทค่ี ูมือครเู ลม น้ีเสนอแนะไวใ หค รูนําไปใชใ นชั้นเรียน ซงึ่ มีทงั้ กจิ กรรมนําเขา บทเรียน ท่ีใชเพื่อตรวจสอบความรูกอนหนาท่ีจําเปนสําหรับเน้ือหาใหมที่ครูจะสอน และกิจกรรมท่ีใชสําหรับสรางความคิดรวบยอดในเน้ือหา โดยหลังจากทํากิจกรรม แลว ครคู วรเช่อื มโยงความคดิ รวบยอดทีต่ องการเนน กบั ผลทไี่ ดจากการทํากิจกรรม กจิ กรรมเหลานีค้ รูควรสง เสรมิ ใหน ักเรยี นไดล งมือปฏิบัตดิ ว ยตนเอง
กจิ กรรมในหนังสือเรียน กิจกรรมท่ีนักเรียนสามารถศึกษาเพิ่มเติมไดดวยตนเอง เพ่ือชวยพัฒนาทักษะการ เรียนรแู ละนวตั กรรม (learning and innovation skills) ท่ีจําเปนสําหรับศตวรรษที่ 21 อันไดแก การคิดสรางสรรคและนวัตกรรม (creative and innovation) การคิด แบบมีวิจารณญาณและการแกปญหา (critical thinking and problem solving) การสื่อสาร (communication) และการรวมมอื (collaboration) เฉลยกิจกรรมในหนังสือเรียน เฉลยคาํ ตอบหรือตัวอยางคาํ ตอบของกจิ กรรมในหนงั สือเรียน แนวทางการจดั กิจกรรมในหนงั สอื เรียน ตัวอยางการจัดกิจกรรมในหนังสือเรียน ที่มีขั้นตอนการดําเนินกิจกรรม ซึ่งเปด โอกาสใหน ักเรยี นไดใ ชแ ละพฒั นาทักษะและกระบวนการทางคณติ ศาสตร
สารบัญ บทที่ 1 – 2 หนา บทท่ี เน้ือหา 1 2 1 บทที่ 1 เซต 5 1.1 เนือ้ หาสาระ 17 เซต 1.2 ขอเสนอแนะเกี่ยวกบั การสอน 18 1.3 การวัดผลประเมินผลระหวา งเรยี น 22 d 1.4 การวเิ คราะหแบบฝกหัดทายบท 23 1.5 ความรเู พม่ิ เตมิ สําหรับครู 2 1.6 ตวั อยางแบบทดสอบประจาํ บทและ 35 เฉลยตวั อยางแบบทดสอบประจําบท ตรรกศาสตร 1.7 เฉลยแบบฝก หัด 47 48 บทที่ 2 ตรรกศาสตร 51 2.1 เน้ือหาสาระ 68 2.2 ขอ เสนอแนะเกยี่ วกับการสอน 72 2.3 แนวทางการจดั กิจกรรมในหนังสือเรยี น 74 2.4 การวดั ผลประเมินผลระหวา งเรยี น 82 2.5 การวเิ คราะหแบบฝกหดั ทายบท 84 2.6 ความรูเพ่ิมเติมสําหรับครู 2.7 ตวั อยางแบบทดสอบประจาํ บทและ 89 เฉลยตัวอยางแบบทดสอบประจาํ บท 2.8 เฉลยแบบฝกหัด
สารบญั บทที่ 3 หนา บทท่ี เนื้อหา 106 108 3 บทที่ 3 จํานวนจริง 117 3.1 เน้ือหาสาระ 128 จํานวนจรงิ 3.2 ขอ เสนอแนะเกยี่ วกบั การสอน 133 3.3 แนวทางการจดั กิจกรรมในหนังสอื เรยี น 135 d 3.4 การวัดผลประเมินผลระหวา งเรียน 143 3.5 การวเิ คราะหแบบฝกหัดทายบท 166 d 3.6 ความรูเพ่ิมเติมสาํ หรบั ครู 183 3.7 ตวั อยา งแบบทดสอบประจําบทและ เฉลยตัวอยางแบบทดสอบประจําบท 198 198 3.8 เฉลยแบบฝก หดั 235 328 เฉลยแบบฝก หดั และวธิ ีทําโดยละเอียด บทที่ 1 เซต บทที่ 2 ตรรกศาสตร บทท่ี 3 จาํ นวนจริง
แหลงเรยี นรู 478 เพิ่มเตมิ 479 480 บรรณานุกรม คณะผูจ ดั ทํา
บทท่ี 1 | เซต 1 คูม ือครรู ายวิชาเพิม่ เตมิ คณติ ศาสตร ช้นั มัธยมศกึ ษาปท ่ี 4 เลม 1 บทท่ี 1 เซต การศึกษาเรื่องเซตมีความสําคัญตอวิชาคณิตศาสตรเพราะเปนรากฐานและเครื่องมือที่สําคัญ ในการพฒั นาองคความรูใ นวชิ าคณติ ศาสตรสมัยใหมทุกสาขา เนอื้ หาเร่ืองเซตท่ีนําเสนอในหนังสือ เรียนรายวิชาเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 1 มีเปาหมายเพื่อใหนักเรียนเรียนรู เกยี่ วกับสัญลกั ษณและภาษาทางคณิตศาสตร ซึ่งเพียงพอท่ีจะใชในการส่ือสารและสื่อความหมาย ทางคณิตศาสตรเพื่อเปนเคร่ืองมือในการเรียนรูเนื้อหาคณิตศาสตรในหัวขอตอไป ในบทเรียนน้ี มงุ ใหนกั เรยี นบรรลตุ วั ชว้ี ดั /ผลการเรยี นรูและจุดมุงหมายดังตอ ไปน้ี ตัวชวี้ ัด / ผลการเรยี นรู ตวั ชี้วัด เขาใจและใชความรูเกี่ยวกับเซตและตรรกศาสตรเบื้องตน ในการสื่อสารและส่ือความหมาย ทางคณิตศาสตร ผลการเรียนรู เขาใจและใชค วามรเู กย่ี วกับเซต ในการสื่อสารและสอ่ื ความหมายทางคณติ ศาสตร สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทท่ี 1 | เซต 2 คูมอื ครรู ายวิชาเพ่มิ เติมคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 1 จุดมุงหมาย 1. ใชสญั ลักษณเกย่ี วกบั เซต 2. หาเพาเวอรเซตของเซตจํากัด 3. หาผลการดําเนนิ การของเซต 4. ใชแผนภาพเวนนแ สดงความสัมพันธระหวางเซต 5. ใชค วามรูเกยี่ วกบั เซตในการแกปญ หา ความรูกอ นหนา • ความรูเกี่ยวกบั จาํ นวนและสมการในระดับมธั ยมศึกษาตอนตน 1.1 เน้อื หาสาระ 1. ในวิชาคณติ ศาสตร ใชคาํ วา “เซต” ในการกลาวถงึ กลมุ ของสงิ่ ตาง ๆ และเมื่อกลาวถึงกลุมใด แลวสามารถทราบไดแนนอนวาส่ิงใดอยูในกลุม และสิ่งใดไมอยูในกลุม เรียกสิ่งท่ีอยูในเซต วา “สมาชิก” คําวา “เปนสมาชิกของ” หรือ “อยูใน” เขียนแทนดวยสัญลักษณ “∈” คาํ วา “ไมเปน สมาชิกของ” เขยี นแทนดวยสญั ลักษณ “∉ ” 2. การเขียนแสดงเซตเบ้ืองตนมีสองแบบ คือ แบบแจกแจงสมาชิก และแบบบอกเงื่อนไขของ สมาชิก 3. เซตท่ีไมม สี มาชกิ เรยี กวา “เซตวา ง” เขียนแทนดวยสัญลักษณ “{ }” หรือ “∅” 4. เซตที่มีจํานวนสมาชิกเปนจํานวนเต็มบวกใด ๆ หรือศูนย เรียกวา “เซตจํากัด” เซตท่ีไมใช เซตจํากดั เรยี กวา “เซตอนันต” สถาบันสงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทท่ี 1 | เซต 3 คูมอื ครูรายวชิ าเพิ่มเตมิ คณติ ศาสตร ชัน้ มธั ยมศึกษาปท่ี 4 เลม 1 5. ในการเขียนเซตจะตองกําหนดเซตที่บงบอกถึงขอบเขตของส่ิงท่ีจะพิจารณา เรียกเซตน้ีวา “เอกภพสมั พทั ธ” ซง่ึ มักเขยี นแทนดวย U เอกภพสมั พัทธท ี่พบบอ ย ไดแ ก แทนเซตของจาํ นวนนับ แทนเซตของจาํ นวนเต็ม แทนเซตของจาํ นวนตรรกยะ ' แทนเซตของจํานวนอตรรกยะ แทนเซตของจาํ นวนจริง 6. เซต A เทากับ เซต B หมายถงึ สมาชกิ ทกุ ตวั ของเซต A เปน สมาชิกของเซต B และ สมาชิกทุกตัวของเซต B เปนสมาชกิ ของเซต A เขยี นแทนดวย A = B เซต A ไมเทา กบั เซต B หมายถึง มีสมาชกิ อยา งนอยหนงึ่ ตวั ของเซต A ที่ไมใ ชสมาชิกของเซต B หรอื มสี มาชกิ อยางนอ ยหนง่ึ ตัวของเซต B ทีไ่ มใ ชสมาชกิ ของเซต A เขียนแทนดว ย A ≠ B 7. เซต A เปนสับเซตของเซต B ก็ตอเมื่อ สมาชิกทุกตวั ของเซต A เปนสมาชิกของเซต B เขียนแทนดวย A ⊂ B เซต A ไมเ ปน สบั เซตของเซต B ก็ตอ เมอ่ื มสี มาชิกอยางนอ ยหน่ึงตวั ของเซต A ทไ่ี มเปน สมาชกิ ของเซต B เขยี นแทนดวย A ⊄ B 8. เซตของสบั เซตทั้งหมดของเซต A เรยี กวา เพาเวอรเซตของเซต A เขียนแทนดวย P( A) 9. เรียกแผนภาพแสดงเซตวา “แผนภาพเวนน” การเขียนแผนภาพมักจะแทนเอกภพสัมพทั ธ U ดว ยรปู สี่เหล่ยี มผืนผา หรือรูปปดใด ๆ สว นเซตอน่ื ๆ ซึ่งเปน สับเซตของ U นน้ั อาจเขียนแทน ดวยวงกลม วงรี หรือรปู ปดใด ๆ 10. การดาํ เนนิ การระหวางเซต 1) อนิ เตอรเซกชนั ของเซต A และ B เขยี นแทนดว ย A ∩ B โดยที่ A ∩ B= { x x ∈A และ x ∈ B} สถาบนั สงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เซต 4 คมู อื ครรู ายวชิ าเพมิ่ เติมคณิตศาสตร ชัน้ มธั ยมศึกษาปท ่ี 4 เลม 1 2) ยูเนียนของเซต A และ B เขียนแทนดวย A ∪ B โดยท่ี A ∪ B= { x x ∈A หรือ x ∈ B} 3) คอมพลเี มนตของเซต A เมอ่ื เทียบกบั U หรือคอมพลเี มนตข องเซต A เขียนแทน ดวย A′ โดยที่ A′ = { x | x ∈U และ x∉ A} 4) ผลตา งระหวา งเซต A และ B หมายถงึ เซตท่ีมีสมาชิกอยูใ นเซต A แตไมอยูใ นเซต B เขียนแทนดว ย A− B โดยท่ี A − B= { x x ∈A และ x ∉ B} 11. สมบัติของการดําเนนิ การของเซต ให A, B และ C เปน สับเซตของเอกภพสมั พัทธ U จะได 1) A ∪ B = B ∪ A A∩B = B∩ A 2) ( A ∪ B) ∪ C = A ∪ ( B ∪ C ) (A∩ B)∩C = A∩(B ∩C) 3) A ∪ ( B ∩ C ) = ( A ∪ B) ∩ ( A ∪ C ) A∩(B ∪C) = (A∩ B)∪(A∩C) 4) ( A ∪ B)′ =A′ ∩ B′ ( A ∩ B)′ =A′ ∪ B′ 5) A − B = A ∩ B′ 6) A=′ U − A 12. ถาเซต A, B และ C เปน เซตจํากดั ใด ๆ ที่มจี ํานวนสมาชกิ เปน n( A), n(B) และ n(C) ตามลําดบั แลว n( A ∪ B)= n( A) + n( B) − n( A ∩ B) n( A∪ B ∪C) = n( A) + n(B) + n(C) − n( A∩ B) − n( A∩C) − n(B ∩C) + n(A∩B∩C) สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทท่ี 1 | เซต 5 คูมอื ครรู ายวชิ าเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ชน้ั มธั ยมศกึ ษาปท ่ี 4 เลม 1 1.2 ขอ เสนอแนะเก่ียวกับการสอน เซต ครูอาจนําเขาสูบทเรียนเพ่ือใหนักเรียนเขาใจแนวคิดเก่ียวกับเซตและสมาชิกของเซต โดยใช กจิ กรรมการจัดกลมุ ดงั นี้ กจิ กรรม : การจดั กลุม ข้ันตอนการปฏบิ ตั ิ 1. ครูแบง กลุมนักเรียนกลมุ ละ 3 – 4 คน แบบคละความสามารถ จากน้ันครูเขียนคําตอไปน้ี บนกระดาน หญิง จันทร A พุธ อาทิตย ชาย E อังคาร ศุกร U I พฤหัสบดี O เสาร 2. ครใู หน กั เรียนแตล ะกลมุ อภิปรายวาจะจัดกลมุ คําทเ่ี ขยี นบนกระดานอยางไร 3. ครูใหตัวแทนนักเรียนแตละกลุมนําเสนอการจัดกลุมคํา แลวรวมกันอภิปรายเกี่ยวกับ กลมุ คาํ ทจ่ี ัด ในประเด็นตอไปนี้ 3.1 จัดกลุมคําไดก ี่กลุม พรอ มใหเ หตผุ ลประกอบ 3.2 กลุมคําที่กลุมของตนเองจัดไดเหมือนหรือแตกตางจากกลุมคําของเพ่ือนกลุมอื่น หรือไม อยา งไร สถาบนั สง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทท่ี 1 | เซต 6 คูมอื ครูรายวชิ าเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ช้ันมัธยมศกึ ษาปที่ 4 เลม 1 หมายเหตุ • แนวคําตอบ เชน จัดเปน 3 กลุม ไดแก กลุมคําที่แสดงเพศ กลุมคําท่ีแสดงช่ือวัน ในหนึง่ สปั ดาห และกลมุ คําท่ีแสดงสระในภาษาอังกฤษ คําตอบของนักเรียนอาจมีได หลากหลายขนึ้ กับเหตผุ ลประกอบคาํ ตอบ • ครูอาจเปลี่ยนเปนคําอื่น ๆ หรือรูปภาพอื่น ๆ เพ่ือใหนักเรียนสามารถจัดกลุม ไดหลายแบบ • ครูอาจจัดกิจกรรมนอกหองเรียน เชน ในสวนพฤกษศาสตร แลวใหนักเรียนจัดกลุม พนั ธพุ ืช ครูสามารถเชื่อมโยงการจัดกลุมในกิจกรรมน้ีกับเน้ือหาเรื่องเซต โดยแตละกลุมคําท่ีนักเรียนจัด เปรียบไดกับเซต และคําที่อยูในแตละกลุมเปรียบไดกับสมาชิกของเซต เม่ือนักเรียนไดศึกษา เกย่ี วกับการเขียนแสดงเซตแบบแจกแจงสมาชิก และแบบบอกเง่ือนไขของสมาชิกแลว ครูอาจให นกั เรยี นเขียนกลุมของคาํ ในรูปของเซต ทัง้ แบบแจกแจงสมาชกิ และแบบบอกเงือ่ นไขของสมาชกิ ประเดน็ สําคญั เกย่ี วกบั เน้อื หาและส่ิงท่คี วรตระหนกั เกยี่ วกบั การสอน สมาชกิ ของเซต ตวั อยางท่ี 1 ให A = {0, 1, 2} จงพจิ ารณาวา ขอความตอ ไปนีเ้ ปนจริงหรือเทจ็ 1) 0 ∈ A 2) {0} ∈ A 3) {1, 2} ∉ A สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทท่ี 1 | เซต 7 คูมอื ครรู ายวิชาเพม่ิ เติมคณิตศาสตร ชั้นมธั ยมศึกษาปท ี่ 4 เลม 1 ตัวอยางนี้มีไวเพื่อสรางความเขาใจเก่ียวกับการเปนสมาชิกของเซต และการใช สัญลักษณแทนการเปน สมาชกิ ของเซต โดยเฉพาะอยา งย่งิ ในขอ 1) และ 2) ครูควรให นักเรียนรวมกันอภิปรายทีละขอเก่ียวกับการเปนสมาชิกหรือไมเปนสมาชิกของเซต ที่กาํ หนดให และอาจใหตวั อยางเพมิ่ เตมิ เพ่อื ตรวจสอบความเขา ใจของนกั เรียน การเขยี นแสดงเซต ในการเร่ิมตน ยกตวั อยา งการเขียนแสดงเซตแบบแจกแจงสมาชิกน้ัน ครูควรเริ่มตนจาก การยกตัวอยางเซตท่ีหาสมาชิกของเซตไดงาย เพ่ือเปนการใหความสําคัญกับการเขียน แ ส ด ง เ ซ ต แ บ บ แ จ ก แ จ ง ส ม า ชิ ก ม า ก ก ว า ก า ร คํ า น ว ณ เ พ่ื อ ห า ส ม า ชิ ก ข อ ง เ ซ ต เชน เซตของพยญั ชนะในภาษาไทย เซตของจํานวนคู เซตของจํานวนนับท่ีนอยกวา 5 เซตของจํานวนเต็มทย่ี กกําลงั สองแลวได 16 เอกภพสัมพัทธ ในการเขยี นเซตจะตอ งกําหนดเซตที่บงบอกถึงขอบเขตของสิ่งที่จะพิจารณา เรียกเซตนี้ วา เอกภพสัมพัทธ โดยมีขอตกลงวา เม่ือกลาวถึงสมาชิกของเซตใด ๆ จะไมกลาวถึง ส่ิงอ่ืนท่ีนอกเหนือจากสมาชิกในเอกภพสัมพัทธ ดังนั้นเอกภพสัมพัทธจึงมีความสําคัญ ในการพิจารณาสมาชิกของเซต โดยเซตท่ีมีเง่ือนไขเดียวกันแตมีเอกภพสัมพัทธตางกัน อาจมสี มาชิกตา งกัน เชน A ={x ∈ } x2 =4} และ B ={x ∈ }x2 =4 เขยี น A และ B แบบแจกแจงสมาชิกไดเปน A = { 2 } และ B= { − 2, 2} สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทท่ี 1 | เซต 8 คูมือครรู ายวชิ าเพ่มิ เตมิ คณติ ศาสตร ชั้นมธั ยมศกึ ษาปท ี่ 4 เลม 1 เซตวา ง • เซตวางเปนท้งั สบั เซตและสมาชกิ ของเพาเวอรเ ซตของเซตใด ๆ • เพาเวอรเซตของเซตวา ง คือ {∅} สบั เซต • เซตวางเปน สับเซตของเซตทุกเซต • เซตทกุ เซตเปน สบั เซตของตวั เอง • ไมสามารถหาสับเซตท่เี ปนไปไดท ้งั หมดของเซตอนนั ต ความเขาใจคลาดเคลอื่ น เซตจาํ กดั • นักเรยี นคดิ วาเซตวางไมใชเซตจํากัด ซ่ึงครูควรชี้ใหนักเรียนเห็นวาเซตวางเปนเซตท่ี ไมม ีสมาชิกหรอื มีสมาชกิ 0 ตวั ดังนน้ั เซตวา งจึงเปนเซตจาํ กดั • นักเรียนเขาใจวา { x | x∈ , 0 ≤ x ≤ 1} เปนเซตจํากัด เนื่องจากเขาใจวา มีสมาชิกตัวแรกคือ 0 และสมาชิกตัวสุดทายคือ 1 ซ่ึงครูควรใหนักเรียนพิจารณา เอกภพสมั พัทธของเซตนี้ ซึง่ เปนเซตของจาํ นวนจริง จงึ ไดวา เซตน้เี ปนเซตอนนั ต เซตวา ง นักเรียนสับสนเกี่ยวกับการใชสัญลักษณแทนเซตวาง เชน ใช {∅} แทนเซตวาง ซ่ึงเปนการใชสัญลักษณท่ีไมถูกตอง ครูควรใหนักเรียนพิจารณาจํานวนสมาชิกของ {∅} จะไดวาเซตนี้มีสมาชิก 1 ตัว ดังน้ัน เซตน้ีจึงไมใชเซตวาง นอกจากนี้ครูอาจ สถาบันสง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เซต 9 คูม อื ครรู ายวิชาเพิม่ เติมคณติ ศาสตร ช้นั มัธยมศึกษาปท่ี 4 เลม 1 ยกตัวอยางเปรียบเทียบเซตวางกับกลองเปลา โดยเซตวางคือเซตท่ีไมมีสมาชิกและ กลองเปลาคือกลองที่ไมมีอะไรบรรจุอยูภายในเลย แตถานํากลองเปลาใบท่ีหนึ่ง ใสลงไปในกลองเปลาใบท่ีสองแลว จะพบวากลองใบท่ีสองไมใชกลองเปลาอีกตอไป เพราะมกี ลอ งเปลาใบแรกบรรจุอยูภ ายใน สับเซต นักเรียนมีความสับสนเก่ียวกับความหมายและสัญลักษณที่ใชแทนการเปนสมาชิก ของเซต (∈) และการเปนสับเซต (⊂) เม่ือนักเรียนมีความเขาใจเก่ียวกับการเขียนแผนภาพเวนนสําหรับ 2 เซต และสําหรับ 3 เซต แลว ครูอาจใหนกั เรียนทํากิจกรรมเพ่มิ เตมิ เกย่ี วกับแผนภาพเวนนสําหรบั 4 เซต ดังนี้ กจิ กรรม : รบั สมคั รงาน บริษัทแหงหนึ่งเปดรับสมัครงานหลายตําแหนง โดยหลังจากประกาศรับสมัครงานผานไป หน่งึ เดือน มีผูทส่ี นใจสง ใบสมัครทั้งหมด 15 คน แตละคนมคี ุณสมบตั ดิ งั น้ี นางหน่งึ อายุ 32 ป จบการศกึ ษาปรญิ ญาตรี มีใบอนุญาตขับขี่ นายสอง อายุ 42 ป จบการศึกษาช้ันมัธยมศึกษาปท่ี 6 ไมมใี บอนญุ าตขบั ข่ี นายสาม อายุ 22 ป จบการศกึ ษาปริญญาตรี ไมม ใี บอนุญาตขับข่ี นายส่ี อายุ 25 ป จบการศึกษาปรญิ ญาโท มใี บอนญุ าตขบั ข่ี นางหา อายุ 23 ป จบการศึกษาปริญญาตรี มีใบอนุญาตขบั ข่ี นายหก อายุ 34 ป จบการศึกษาปริญญาตรี ไมมีใบอนญุ าตขบั ข่ี สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เซต 10 คมู ือครรู ายวชิ าเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปที่ 4 เลม 1 น.ส.เจด็ อายุ 20 ป จบการศกึ ษาช้นั มธั ยมศึกษาปท ี่ 6 มใี บอนุญาตขับข่ี นางแปด อายุ 40 ป จบการศึกษาปรญิ ญาตรี ไมมีใบอนญุ าตขับข่ี นางเกา อายุ 32 ป จบการศกึ ษาชัน้ มธั ยมศึกษาปท ่ี 6 มใี บอนญุ าตขับขี่ นายสิบ อายุ 19 ป จบการศกึ ษาช้นั มัธยมศึกษาปท ่ี 6 มใี บอนุญาตขบั ขี่ น.ส.สบิ เอด็ อายุ 34 ป จบการศกึ ษาปริญญาโท ไมม ีใบอนุญาตขบั ข่ี นายสิบสอง อายุ 30 ป จบการศึกษาชั้นมัธยมศกึ ษาปที่ 6 ไมม ใี บอนญุ าตขับขี่ นางสบิ สาม อายุ 35 ป จบการศกึ ษาช้ันมธั ยมศึกษาปท ี่ 6 ไมมใี บอนญุ าตขบั ขี่ นายสิบส่ี อายุ 30 ป จบการศกึ ษาชั้นมธั ยมศึกษาปที่ 6 มีใบอนญุ าตขบั ขี่ นายสบิ หา อายุ 36 ป จบการศกึ ษาปรญิ ญาโท มีใบอนุญาตขับข่ี ขัน้ ตอนการปฏิบัติ 1. ครูใหนักเรียนแตละคนนํารายช่ือผูสมัครตามที่กําหนดให มาจัดลงในแผนภาพตอไปน้ี ตามคณุ สมบตั ิของผสู มคั ร มีใบอนญุ าตขับขี่ เพศชาย อายุ 25 – 35 ป จบการศกึ ษาอยา งตาํ่ ระดบั ปรญิ ญาตรี 2. ครใู หนักเรยี นหาวามผี สู มคั รคนใดบางท่ีมคี ณุ สมบัติตรงกับตาํ แหนงตอไปน้ี 2.1 พนกั งานขบั รถ เพศชาย จบการศกึ ษาระดบั ใดกไ็ ด มีใบอนญุ าตขบั ขี่ สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทท่ี 1 | เซต 11 คมู อื ครูรายวิชาเพมิ่ เตมิ คณิตศาสตร ช้ันมธั ยมศกึ ษาปท่ี 4 เลม 1 2.2 เจาหนา ท่ีธรุ การ เพศหญิง จบการศกึ ษาอยางตา่ํ ระดบั ปรญิ ญาตรี 2.3 พนกั งานรับ-สงสินคา เพศหญงิ หรอื ชายกไ็ ด อายุ 25 – 35 ป จบการศกึ ษาระดับใดกไ็ ด มใี บอนญุ าตขบั ขี่ 2.4 เจา หนาทีพ่ ัสดุ เพศหญงิ หรือชายก็ได อายุ 25 – 35 ป จบการศกึ ษาอยางต่ําระดบั ปรญิ ญาตรี 2.5 พนักงานฝา ยขาย เพศหญิงหรือชายก็ได อายุ 25 – 35 ป จบการศึกษาอยางตํ่าระดับ ปริญญาตรี มใี บอนุญาตขบั ขี่ 2.6 พนักงานทําความสะอาด เพศหญงิ จบการศึกษาระดบั ใดกไ็ ด 2.7 เจา หนาทข่ี นยายสินคา เพศชาย อายุ 25 – 35 ป จบการศกึ ษาระดับใดก็ได 3. ครแู ละนักเรยี นรว มกันอภปิ รายเกย่ี วกบั คาํ ตอบทไี่ ด ประเดน็ สําคญั เกย่ี วกับแบบฝก หดั แบบฝกหัด 1.1ก 2. จงเขียนเซตตอไปนี้แบบบอกเงื่อนไขของสมาชิก 1) {1, 3, 5, 7, 9} 2) {..., − 2, −1, 0, 1, 2, ...} 3) {1, 4, 9, 16, 25, 36, ...} 4) {10, 20, 30, ...} แบบฝกหัดน้ีมีคําตอบไดหลายแบบ เนื่องจากการเขียนแสดงเซตแบบบอกเงื่อนไขของ สมาชิกสามารถเขียนไดหลายแบบ ควรใหนักเรียนมีอิสระในการเขียนเงื่อนไขของสมาชิก ของเซต ซึง่ เง่อื นไขของนักเรยี นไมจ ําเปน ตองตรงกบั ท่ีครคู ิดไว สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทท่ี 1 | เซต 12 คูมือครรู ายวชิ าเพ่ิมเตมิ คณติ ศาสตร ช้นั มัธยมศกึ ษาปท ่ี 4 เลม 1 การดําเนินการระหวา งเซต เม่ือนักเรียนมีความเขาใจเกี่ยวกับการเขียนแผนภาพเวนนแสดงเซตแลว ครูใชกิจกรรมตอไปนี้ เพื่อสรา งความเขาใจเกี่ยวกับความหมายของอินเตอรเซกชัน ยูเนียน คอมพลีเมนต และผลตาง ระหวางเซต กิจกรรม : หาเพ่อื น ขัน้ ตอนการปฏิบตั ิ 1. ครูใหนักเรยี นจับคูกัน แลว ครูเขยี นแผนภาพน้ีลงบนกระดาน 2. ครใู หน กั เรยี นแตล ะคูอภปิ รายในประเด็นตอไปน้ี 2.1 สมาชิกตัวใดบางทเ่ี ปน สมาชิกของทั้งเซต A และเซต B 2.2 สมาชกิ ตัวใดบา งทเี่ ปน สมาชิกของเซต A หรือเซต B หรือท้งั สองเซต 2.3 สมาชิกตัวใดบา งที่เปนสมาชกิ ของ U แตไมเปนสมาชิกของเซต A 2.4 สมาชกิ ตวั ใดบา งท่เี ปนสมาชกิ ของ U แตไ มเปน สมาชกิ ของเซต B 2.5 สมาชกิ ตวั ใดบางทเ่ี ปน สมาชิกของเซต A แตไมเปน สมาชิกของเซต B 2.6 สมาชกิ ตวั ใดบา งทีเ่ ปน สมาชิกของเซต B แตไมเปนสมาชกิ ของเซต A 3. ครูและนกั เรยี นรวมกันอภิปรายเกีย่ วกับคาํ ตอบทไ่ี ดในขอ 2 สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทท่ี 1 | เซต 13 คูมอื ครูรายวชิ าเพ่มิ เตมิ คณติ ศาสตร ช้นั มธั ยมศึกษาปที่ 4 เลม 1 ครูสามารถเชื่อมโยงคําตอบท่ีไดในกิจกรรมนี้กับเน้ือหาเรื่องการดําเนินการระหวางเซต ไดแก อนิ เตอรเซกชนั ยูเนียน คอมพลีเมนต และผลตา งระหวา งเซต ประเดน็ สาํ คัญเก่ยี วกบั เน้ือหาและสงิ่ ท่คี วรตระหนกั เกีย่ วกับการสอน ลําดบั การดาํ เนินการระหวา งเซต การเขียนวงเล็บมีความสําคัญกับลําดับการดําเนินการระหวางเซตในกรณีท่ีมีการ ดําเนินการตางชนิดกัน เชน ( A ∪ B) ∩ C มีลําดับการดําเนินการแตกตางกับ A ∪ (B ∩ C) เพ่ือไมใหเกิดการสับสนเกี่ยวกับลําดับในการดําเนินการ จึงจําเปนตอง ใสว งเลบ็ เพ่อื บอกลาํ ดบั การดําเนนิ การระหวา งเซตเสมอ ประเด็นสําคญั เก่ยี วกับแบบฝกหดั แบบฝกหัด 1.2 3. จงแรเงาแผนภาพทีก่ าํ หนดใหเ พอื่ แสดงเซตตอไปน้ี 1) A′ 2) B′ 3) A′ ∩ B′ 4) ( A ∪ B)′ 5) A′ ∪ B′ 6) ( A ∩ B)′ 7) A − B 8) A ∩ B′ สถาบันสงเสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทท่ี 1 | เซต 14 คมู ือครรู ายวชิ าเพมิ่ เติมคณติ ศาสตร ช้ันมัธยมศึกษาปท ่ี 4 เลม 1 4. จงแรเงาแผนภาพที่กําหนดใหเ พ่อื แสดงเซตตอไปนี้ 1) ( A ∪ B) ∪ C 2) A ∪ ( B ∪ C ) 3) ( A ∩ B) ∩ C 4) A ∩ ( B ∩ C ) 5) ( A ∪ B) ∩ C 6) ( A ∩ C ) ∪ ( B ∩ C ) แบบฝกหัดทั้งสองขอนี้มีไวเพื่อเปนตัวอยางของการแสดงสมบัติของการดําเนินการของเซต จากการแรเงาแผนภาพนักเรียนจะสังเกตเห็นวา แผนภาพท่ีแรเงาไดในบางขอเปนแผนภาพ เดยี วกันซ่ึงสอดคลองกบั สมบัติของการดาํ เนินการของเซต การแกป ญหาโดยใชเ ซต เมื่อนักเรียนมีความเขาใจเก่ียวกับการเขียนแผนภาพเวนนแสดงเซตและการดําเนินการแลว ครูอาจใชกิจกรรมตอไปนี้เพื่อสรางความเขาใจเก่ียวกับความหมายของอินเตอรเซกชัน ยูเนียน คอมพลเี มนต และผลตา งระหวา งเซต สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทท่ี 1 | เซต 15 คมู อื ครูรายวชิ าเพิ่มเติมคณติ ศาสตร ชั้นมธั ยมศึกษาปท ่ี 4 เลม 1 กจิ กรรม : แรเงา ขน้ั ตอนการปฏบิ ัติ 1. ครูใหน ักเรยี นจับคูกนั แลว ครูเขยี นแผนภาพน้ีลงบนกระดาน 2. ครูถามนักเรียนวาจํานวนสมาชิกของเซต A เปนเทาใด เมื่อนักเรียนตอบไดแลว ใหครู แนะนาํ วาจํานวนสมาชิกของเซต A เขยี นแทนดว ย n( A) 3. ครูใหน กั เรียนแตละคหู า 3.1 n( B) 3.2 n( A ∪ B) 3.3 n( A ∩ B) 4. ครูใหนักเรียนแตละคูพิจารณาวา n( A ∪ B) มีความสัมพันธกับ n( A), n(B) และ n( A ∩ B) อยา งไร โดยครอู าจใหนกั เรยี นพจิ ารณาจากแผนภาพ สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทท่ี 1 | เซต 16 คมู ือครูรายวิชาเพิ่มเติมคณติ ศาสตร ชัน้ มธั ยมศึกษาปท ่ี 4 เลม 1 5. จากแผนภาพตอ ไปน้ี ครูใหนกั เรยี นแรเงาเซต A จากนนั้ แรเงาเซต B โดยใชอีกสหี นง่ึ และใหนกั เรยี นพจิ ารณาวา 5.1 สว นที่แรเงาทั้งหมดแทนเซตใด 5.2 สวนที่แรเงา 2 ครง้ั แทนเซตใด 5.3 จากการแรเงา n( A ∪ B) มีความสมั พนั ธก ับ n( A), n(B) และ n( A ∩ B) อยางไร ครูสามารถเชื่อมโยงคําตอบที่ไดในกิจกรรมนี้กับเนื้อหาเร่ืองการแกปญหาโดยใชเซต ในการหา จํานวนสมาชิกของเซต A ∪ B และครูยังสามารถทํากิจกรรมในทํานองเดียวกันนี้ในการหา จาํ นวนสมาชกิ ของเซต A ∪ B ∪ C ประเด็นสําคัญเกี่ยวกบั เนอื้ หาและสงิ่ ท่คี วรตระหนกั เกี่ยวกบั การสอน • ในการแกปญหาโดยใชเซตน้ัน ครูอาจเสนอแนะใหนักเรียนใชวิธีเขียนแผนภาพแสดง เซตเพอ่ื ชว ยในการหาคําตอบ • ตัวเลขที่แสดงในแผนภาพแสดงเซตอาจหมายถึง สมาชิกของเซต หรือจํานวนสมาชิก ของเซต ดงั นั้น ครูควรเนนใหนักเรียนมคี วามเขาใจทชี่ ดั เจน สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เซต 17 คูมือครรู ายวชิ าเพ่มิ เติมคณติ ศาสตร ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที่ 4 เลม 1 ประเดน็ สาํ คญั เก่ยี วกบั แบบฝกหัด แบบฝกหดั ทายบท 2. จงเขียนเซตตอไปนี้แบบบอกเงือ่ นไขของสมาชกิ 1) {1, 4, 7, 10, 13} 2) {−20, −19, −18, , −10} 3) {5, 9, 13, 17, 21, 25, } 4) {1, 8, 27, 64, 125, 216, } แบบฝกหัดนี้มีคําตอบไดหลายแบบ เนื่องจากการเขียนแสดงเซตแบบบอกเง่ือนไขของ สมาชิกสามารถเขียนไดหลายแบบ ควรใหนักเรียนมีอิสระในการเขียนเงื่อนไขของสมาชิก ของเซต ซ่งึ เงือ่ นไขของนักเรียนไมจ าํ เปน ตองตรงกับที่ครคู ิดไว 1.3 การวัดผลประเมินผลระหวางเรยี น การวัดผลระหวางเรียนเปนการวัดผลการเรยี นรเู พื่อปรับปรุงและพัฒนาการเรียนการสอน และ ตรวจสอบนักเรียนแตละคนวามีความรูความเขาใจในเร่ืองที่ครูสอนมากนอยเพียงใด การให นักเรียนทําแบบฝกหัดเปนแนวทางหนึ่งท่ีครูอาจใชเพื่อประเมินผลดานความรูระหวางเรียนของ นักเรียน ซ่ึงหนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปท่ี 4 เลม 1 ไดนําเสนอ แบบฝกหัดท่ีครอบคลุมเน้ือหาท่ีสําคัญของแตละบทไว สําหรับในบทที่ 1 เซต ครูอาจใช แบบฝกหดั เพอ่ื วดั ผลประเมนิ ผลความรูในแตล ะเน้ือหาไดด ังนี้ สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เซต 18 คมู อื ครูรายวชิ าเพ่มิ เตมิ คณติ ศาสตร ช้ันมธั ยมศึกษาปท ่ี 4 เลม 1 เนอื้ หา แบบฝก หดั 1.1ก ขอ 3, 4, 5 ความหมายของเซต สมาชิกของเซต จํานวนสมาชิกของเซต เซตวา ง เอกภพสมั พัทธ 1.1ก ขอ 1, 2 การเขียนแสดงเซตแบบแจกแจงสมาชิกและแบบบอกเงื่อนไข ของสมาชิก 1.1ก ขอ 6 เซตจํากัดและเซตอนนั ต 1.1ก ขอ 7, 8 เซตท่ีเทา กัน 1.1ข ขอ 1 – 4 สับเซต 1.1ข ขอ 5 เพาเวอรเ ซต 1.1ค ขอ 1, 2, 3 การเขยี นแผนภาพเวนนแ สดงเซต 1.2ก ขอ 1 – 6 การดาํ เนินการระหวา งเซต (อนิ เตอรเซกชัน ยเู นียน คอมพลีเมนต ผลตา งระหวา งเซต) 1.3ก ขอ 1 – 9 การแกปญหาโดยใชเซต 1.4 การวิเคราะหแบบฝก หัดทา ยบท หนังสือเรียนรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 1 มีจุดมุงหมายวา เมือ่ นักเรียนไดเ รยี นจบบทที่ 1 เซต แลว นกั เรียนสามารถ 1. ใชสัญลกั ษณเกยี่ วกับเซต 2. หาเพาเวอรเซตของเซตจํากดั 3. หาผลการดาํ เนินการของเซต สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เซต 19 คมู อื ครรู ายวชิ าเพ่ิมเติมคณติ ศาสตร ช้นั มธั ยมศึกษาปท ี่ 4 เลม 1 4. ใชแผนภาพเวนนแสดงความสัมพนั ธระหวา งเซต 5. ใชค วามรูเก่ียวกับเซตในการแกป ญหา ซึ่งหนังสือเรียนรายวิชาเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ช้ันมัธยมศึกษาปท่ี 4 เลม 1 ไดนําเสนอ แบบฝกหัดทายบทท่ีประกอบดวยโจทยเพื่อตรวจสอบความรูหลังเรียน โดยมีวัตถุประสงคเพ่ือ วัดความรูความเขาใจของนักเรียนตามจุดมุงหมาย ซึ่งประกอบดวยโจทยฝกทักษะท่ีมีความ นา สนใจและโจทยท าทาย ครอู าจเลือกใชแบบฝกหัดทายบทวัดความรูความเขาใจของนักเรียน ตามจุดมุงหมายของบทเพื่อตรวจสอบวานักเรียนมีความสามารถตามจุดมุงหมายเมื่อเรียนจบ บทเรียนหรือไม ทง้ั น้ี แบบฝก หดั ทา ยบทแตละขอในหนังสือเรียนรายวิชาเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 1 บทที่ 1 เซต สอดคลอ งกับจุดมงุ หมายของบทเรยี น ดงั นี้ ขอ ขอ ใชสัญลักษณ หาเพาเวอรเ ซต จดุ มงุ หมาย ใชแผนภาพเวนน ใชค วามรเู กย่ี วกบั เซต ยอ ย เกย่ี วกบั เซต ของเซตจาํ กัด แสดงความสมั พันธ ในการแกปญหา หาผลการดําเนนิ การ ของเซต ระหวางเซต 1. 1) 2) 3) 4) 5) 2. 1) 2) 3) 4) สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เซต 20 คูม อื ครูรายวิชาเพม่ิ เตมิ คณิตศาสตร ช้นั มธั ยมศกึ ษาปท ี่ 4 เลม 1 จดุ มงุ หมาย ขอ ขอ ใชส ญั ลกั ษณ หาเพาเวอรเซต หาผลการดําเนินการ ใชแ ผนภาพเวนน ใชค วามรูเ กยี่ วกับเซต ยอ ย เก่ยี วกบั เซต ของเซตจาํ กัด ของเซต แสดงความสมั พันธ ในการแกปญ หา ระหวางเซต 3. 1) 2) 3) 4) 5) 4. 1) 2) 3) 4) 5) 6) 5. 1) 2) 3) 4) 6. 1) 2) 3) 4) 5) 6) 7. 1) 2) 3) 8. 1) 2) 3) สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทท่ี 1 | เซต 21 คูมือครูรายวชิ าเพิ่มเตมิ คณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปท ี่ 4 เลม 1 จดุ มุงหมาย ขอ ขอ ใชสญั ลักษณ หาเพาเวอรเซต หาผลการดาํ เนนิ การ ใชแผนภาพเวนน ใชความรเู กย่ี วกบั เซต ยอ ย เกีย่ วกบั เซต ของเซตจาํ กัด ของเซต แสดงความสัมพันธ ในการแกปญ หา ระหวางเซต 9. 1) 2) 3) 4) 5) 6) 7) 10. 1) 2) 3) 4) 5) 6) 7) 8) 11. 1) 2) 3) 12. 1) 2) 3) 4) 5) 13. 14. 15. 1) 2) สถาบันสงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เซต 22 คูมอื ครูรายวิชาเพ่ิมเตมิ คณติ ศาสตร ชัน้ มัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 1 จุดมงุ หมาย ขอ ขอ ใชสญั ลักษณ หาเพาเวอรเ ซต หาผลการดําเนนิ การ ใชแ ผนภาพเวนน ใชค วามรูเ กยี่ วกบั เซต ยอย เก่ียวกบั เซต ของเซตจํากดั ของเซต แสดงความสมั พันธ ในการแกป ญหา ระหวา งเซต 16. 1) 2) 17. 18. 1) 2) 3) 4) 19. 1) 2) 3) 20. แบบฝกหดั ทาทาย 21. แบบฝกหัดทาทาย แบบฝกหดั ทาทาย 22. 1) แบบฝก หดั ทาทาย แบบฝกหัดทาทาย 2) 3) 4) 1.5 ความรูเพ่มิ เตมิ สําหรับครู • เซตอนนั ต จําแนกไดเปน 2 แบบ คือ แบบท่ี 1 เปนเซตอนนั ตน บั ได (countable infinite) เชน เซตของจํานวนนบั เซตของ จํานวนเตม็ เซตของจํานวนตรรกยะ { x ∈ }− | x ≤ 1 , { x ∈ | x ≠ 0} แบบที่ 2 เปน เซตอนนั ตนับไมไ ด (uncountable infinite) เชน เซตของจาํ นวนจริง { x ∈ | 1 < x < 2} ซึง่ เซตเหลา นไี้ มสามารถเขยี นแจกแจงสมาชกิ ทั้งหมดได สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทท่ี 1 | เซต 23 คูมอื ครรู ายวชิ าเพ่มิ เติมคณติ ศาสตร ช้ันมัธยมศึกษาปท่ี 4 เลม 1 • สมบัติของการดําเนนิ การของเซต สมบัติของการดําเนินการของเซตเทียบเคียงไดกับสมบัติบางขอในสัจพจนเชิงพีชคณิต ของระบบจาํ นวนจรงิ ดงั น้ี ให A, B และ C เปนสับเซตของเอกภพสมั พัทธ U จะได 1) สมบัตกิ ารสลับท่ี A∪B = B∪ A A∩B = B∩ A 2) สมบัตกิ ารเปลี่ยนหมู (A∪ B)∪C = A∪(B ∪C) (A∩ B)∩C = A∩(B ∩C) 3) สมบัติการแจกแจง A∪(B∩C) = (A∪ B)∩(A∪C) A∩(B∪C) = (A∩ B)∪(A∩C) 1.6 ตวั อยา งแบบทดสอบประจาํ บทและเฉลยตัวอยา งแบบทดสอบประจําบท ในสวนน้ีจะนําเสนอตัวอยางแบบทดสอบประจําบทที่ 1 เซต สําหรับรายวิชาเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชั้นมัธยมศึกษาปที่ 4 เลม 1 ซึ่งครูสามารถเลือกนําไปใชไดตามจุดประสงคการเรียนรู ท่ีตองการวดั ผลประเมินผล สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เซต 24 คูมอื ครรู ายวิชาเพ่ิมเตมิ คณติ ศาสตร ชนั้ มัธยมศึกษาปท่ี 4 เลม 1 ตัวอยางแบบทดสอบประจาํ บท 1. จงเขียนเซตตอไปนี้แบบแจกแจงสมาชกิ 1) เซตของจํานวนเฉพาะที่อยรู ะหวาง 0 และ 20 { }2) x ∈ 2x2 − x − 3 =0 2. จงเขยี นเซตตอไปน้ีแบบบอกเงื่อนไขของสมาชกิ 1) 1 , 1 , 1 , 1, 2, 4 8 4 2 2) { 0.1, 0.2, 0.3, 0.4, } 3. ให A = { a, b, c, {d}} จงพิจารณาวาขอ ความตอ ไปนเี้ ปนจริงหรือเทจ็ 1) a ∈ A 2) {d}∉ A 3) {{d}} ⊂ A 4) { a, b } ∈ A 5) {b, {d}} ⊂ P( A) 6) {∅, {d}} ⊂ P( A) 4. จงหาจํานวนสมาชิกของเซตตอไปนี้ 1) {{1, 2, 3, …}} { }2) x ∈ x2 < 150 5. กาํ หนดให A, B เปน เซตอนันต และ A ≠ B จงพจิ ารณาวาขอ ความตอไปน้เี ปน จรงิ หรือเทจ็ ถา เปน เทจ็ จงยกตวั อยา งคา น 1) A ∩ B เปนเซตอนันต 2) A ∩ B เปนเซตจํากัด 3) A − B เปนเซตอนันต 4) A − B เปน เซตจํากัด สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เซต 25 คมู ือครรู ายวชิ าเพิ่มเตมิ คณิตศาสตร ช้ันมัธยมศกึ ษาปท ่ี 4 เลม 1 6. กําหนดให A = {a, b, c, d, e} 1) จงหาจาํ นวนสับเซตของ A ทม่ี ี a เปน สมาชกิ 2) จงหาจาํ นวนสบั เซตของ A ท่ไี มมี a เปน สมาชิก 3) จงหาจํานวนสับเซตของ A ทม่ี ี a หรอื b เปน สมาชกิ 7. กาํ หนดให A = {1, {2, 3}} จงหา P( A) − A 8. ให A, B และ C เปนเซตใด ๆ ท่ีไมใชเซตวาง จงเขยี นแผนภาพแสดงเซตตอไปนี้ 1) ( A − B) ∪ ( B − A) 2) (( A − B) − ( A − C )) ∪ (B − ( A ∪ C )) 9. จงพจิ ารณาวา ( A − B) ∪ (B − A) และ ( A ∪ B) − ( A ∩ B) เทากันหรือไม 10. ถา A มจี ํานวนสมาชกิ มากกวา B อยู 1 ตวั และ n( A ∪ B) + n( A ∩ B) =75 จงหาจาํ นวนสมาชกิ ของ A 11. กาํ หนดให U = {1, 2, , 100} จงหาจํานวนสมาชิกของ U ท่ีเปน จํานวนคูแตหารดวย 3 ไมลงตวั 12. กําหนดให U = {1, 2, , 60} จงหาจํานวนสมาชิกของ U ที่หารดวย 3 ลงตัว หรือ หารดว ย 4 ลงตวั หรอื หารดว ย 5 ลงตวั 13. ในหองเรยี นหนงึ่ มีนักเรียนท่ีเลี้ยงสุนัข 32 คน มีนักเรียนท่ีเลี้ยงแมว 25 คน และมีนักเรียนท่ี เล้ียงสุนขั หรือแมวเพยี งชนิดเดียว 47 คน จงหาจํานวนของนักเรียนที่เล้ียงทั้งสุนัขและแมว 14. ในการสํารวจงานอดเิ รกของคน 140 คน พบวา 72 คน ชอบดูภาพยนตร 65 คน ชอบออกกาํ ลงั กาย 58 คน ชอบอา นหนงั สือ 23 คน ชอบดูภาพยนตรและออกกําลงั กาย สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทท่ี 1 | เซต 26 คมู ือครรู ายวชิ าเพิ่มเติมคณิตศาสตร ชัน้ มัธยมศกึ ษาปที่ 4 เลม 1 18 คน ชอบดูภาพยนตรและอานหนงั สอื 40 คน ชอบออกกําลงั กายและอา นหนังสือ 10 คน ไมสนใจงานอดเิ รกขา งตน จงหาจํานวนคนทีช่ อบทั้งดูภาพยนตร ออกกาํ ลงั กาย และอานหนังสอื 15. ในงานเลย้ี งแหงหน่ึงมีผูเขารวมงาน 200 คน โดยท่ีทุกคนชอบรับประทานกุง ปลา หรือปู จากการสํารวจปรากฏวามีคนท่ีชอบรับประทานกุง ปลา และปู 63%, 42% และ 55% ตามลําดับ มีคนที่ชอบรับประทานกุงและปลา 24% ชอบรับประทานปลาและปู 17% และชอบรับประทานทงั้ สามอยา ง 9% จงหาจํานวนของคนที่ชอบรับประทานทง้ั กุงและปู 16. ในการสํารวจขอมูลเก่ียวกับการทองเท่ียวของนักทองเที่ยวชาวตางชาติจํานวน 500 คน พบวา นกั ทอ งเทีย่ วทกุ คนเคยไปเชียงใหม กระบี่ หรือชลบรุ ี โดยมีนักทองเที่ยวท่ีเคยไปทั้ง เชียงใหม กระบี่ และชลบุรี จํานวน 39 คน เคยไปเชียงใหมและกระบ่ีเทาน้ัน 78 คน เคยไปเชยี งใหมและชลบรุ เี ทานัน้ 96 คน เคยไปกระบี่และชลบุรีเทานั้น 111 คน และมี คนที่ไมเคยไปกระบี่ 208 คน จงหาจาํ นวนคนที่เคยไปกระบี่เพียงจงั หวัดเดียว เฉลยตวั อยา งแบบทดสอบประจําบท 1. 1) {2, 3, 5, 7, 11, 13, 17, 19} 2) จาก 2x2 − x − 3 = 0 (2x − 3)( x +1) = 0 นัน่ คอื x = 3 หรอื x = −1 2 เนื่องจาก 3 ไมใ ชจ าํ นวนเตม็ จึงได −1 เปน คําตอบของสมการ 2 ดงั นนั้ เขียน {x∈ 2x2 − x − 3 =0} แบบแจกแจงสมาชิกไดเปน {−1} สถาบนั สง เสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทท่ี 1 | เซต 27 คูม ือครูรายวชิ าเพมิ่ เตมิ คณิตศาสตร ช้ันมัธยมศึกษาปท ี่ 4 เลม 1 {2. 1) x x = 2n−4 เม่ือ n ∈ และ n ≤ 6} 2) {x x = n เมอื่ n ∈ }} 2) เทจ็ 10 3. 1) จริง 3) จรงิ 4) เทจ็ 5) เท็จ 6) เทจ็ 4. 1) เนอ่ื งจาก {{1, 2, 3, …}} มีสมาชกิ คือ {1, 2, 3, …} ดงั นั้น {{1, 2, 3, …}} มจี ํานวนสมาชกิ 1 ตวั { }2) เนอ่ื งจาก x ∈ x2 < 150 ={−12, −11, … , 0, 1, … , 12} นัน่ คอื {x ∈ }x2 < 150 มสี มาชกิ คือ −12, −11, … , 0, 1, … , 12 ดงั น้ัน {−12, −11, … , 0, 1, … , 12} มีจํานวนสมาชิก 25 ตวั 5. 1) เปนเทจ็ เชน เมอ่ื A เปนเซตของจํานวนคู และ B เปนเซตของจํานวนค่ี จะได A ∩ B =∅ ซึ่ง ∅ เปนเซตจํากดั ดังน้ัน A ∩ B ไมเ ปนเซตอนนั ต 2) เปนเท็จ เชน เมือ่ A = และ B = จะได A ∩ B = ซึ่ง เปน เซตอนันต ดังนั้น A ∩ B ไมเปนเซตจาํ กดั 3) เปน เทจ็ เชน เมือ่ A= ∪{0} และ B = จะได A − B ={0} ซง่ึ {0} เปนเซตจาํ กดั ดังนนั้ A − B ไมเ ปนเซตอนนั ต 4) เปน เทจ็ เชน เมอื่ A = และ B เปนเซตของจํานวนค่ี จะได A − B คอื เซตของจาํ นวนคู ซงึ่ เซตของจาํ นวนคเู ปน เซตอนันต ดงั นั้น A − B ไมเปน เซตจํากัด สถาบนั สงเสรมิ การสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เซต 28 คมู อื ครรู ายวิชาเพมิ่ เติมคณิตศาสตร ช้ันมัธยมศกึ ษาปท่ี 4 เลม 1 6. จาก A = {a, b, c, d, e} จะได สบั เซตของ A ที่มีสมาชิก 0 ตัว ไดแก ∅ สบั เซตของ A ที่มสี มาชิก 1 ตัว ไดแ ก {a}, {b}, {c}, {d} และ {e} สับเซตของ A ทมี่ สี มาชกิ 2 ตวั ไดแก {a,b}, {a,c}, {a,d}, {a,e}, {b,c}, {b,d}, {b,e}, {c,d}, {c,e} และ {d,e} สับเซตของ A ท่มี ีสมาชิก 3 ตวั ไดแ ก {a,b,c}, {a,b,d}, {a,b,e}, {a,c,d}, {a,c,e},{a, d,e}, {b,c,d}, {b,c,e}, {b,d,e} และ {c,d,e} สับเซตของ A ที่มสี มาชกิ 4 ตัว ไดแก {a,b,c,d}, {a,b,c,e}, {a,b,d,e}, {a,c,d,e} และ {b,c,d,e} สบั เซตของ A ทมี่ สี มาชิก 5 ตวั ไดแก {a,b,c,d,e} 1) สับเซตของ A ทม่ี ี a เปนสมาชิก มอี ยู 16 สบั เซต 2) สบั เซตของ A ทไี่ มมี a เปน สมาชกิ มีอยู 25 −16 =16 สบั เซต 3) ให S เปน เซตของสับเซตของ A ทีม่ ี a เปน สมาชิก T เปนเซตของสบั เซตของ A ทม่ี ี b เปนสมาชิก จะได= n(S ) 1=6, n(T ) 16 และ n(S ∩T ) =8 จาก n(S ∪T ) = n(S ) + n(T ) − n(S ∩T ) = 16 +16 − 8 = 24 ดังนน้ั สับเซตของ A ท่มี ี a หรอื b เปน สมาชิก มอี ยู 24 สับเซต 7. จาก A = {1, {2, 3}} จะได P(A)= { ∅, {1}, {{ 2, 3}}, {1, { 2, 3}}} ดงั นน้ั P(A) − A =P(A) ={ ∅, {1}, {{ 2, 3}}, {1, { 2, 3}}} สถาบนั สงเสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เซต 29 คมู ือครรู ายวิชาเพมิ่ เตมิ คณติ ศาสตร ช้ันมัธยมศกึ ษาปท่ี 4 เลม 1 8. 1) เขยี นแผนภาพแสดง ( A − B) ∪ (B − A) ไดดังนี้ 2) เขียนแผนภาพแสดง (( A − B) − ( A − C)) ∪ (B − ( A ∪ C)) 9. เขียนแผนภาพแสดง ( A − B) ∪ (B − A) และ ( A ∪ B) − ( A ∩ B) ไดดงั นี้ ( A − B) ∪(B − A) (A∪ B)−(A∩ B) จากแผนภาพ จะไดว า ( A − B) ∪ (B − A) = ( A ∪ B) − ( A ∩ B) ดงั นัน้ ( A − B) ∪ (B − A) และ ( A ∪ B) − ( A ∩ B) เทา กัน สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เซต 30 คมู ือครรู ายวิชาเพิม่ เตมิ คณติ ศาสตร ช้นั มธั ยมศึกษาปท ี่ 4 เลม 1 10. จาก n( A ∪ B) = n( A) + n(B) − n( A ∩ B) จะได n( A ∪ B) + n( A ∩ B) = n( A) + n(B) เน่ืองจาก n( A ∪ B) + n( A ∩ B) =75 และ n=(B) n( A) −1 นน่ั คอื 75 = n( A) + n( A) −1 2 n( A) = 76 จะได n( A) = 38 ดงั นัน้ จํานวนสมาชกิ ของ A คือ 38 11. ให A แทนเซตของจาํ นวนที่เปน สมาชกิ ของ U ซง่ึ เปนจาํ นวนคู จะได n( A) = 50 B แทนเซตของจาํ นวนที่เปนสมาชกิ ของ U ซงึ่ หารดวย 3 ลงตัว จะได n(B) = 33 และ A ∩ B แทนเซตของจาํ นวนท่เี ปนสมาชิกของ U ซึ่งเปนจํานวนคูและหารดวย 3 ลงตัว เนือ่ งจาก จาํ นวนคูท่ีหารดว ย 3 ลงตวั คอื จํานวนทห่ี ารดวย 6 ลงตัว จะได n( A ∩ B) =16 ดงั นั้น จํานวนสมาชกิ ของ U ซึ่งเปนจํานวนคทู ี่หารดว ย 3 ไมลงตัว มีอยู n( A) − n( A ∩ B) = 50 −16 = 34 ตัว 12. ให A แทนเซตของจํานวนทเี่ ปนสมาชกิ ของ U ซึ่งหารดวย 3 ลงตัว B แทนเซตของจํานวนทเ่ี ปน สมาชิกของ U ซงึ่ หารดวย 4 ลงตัว และ C แทนเซตของจํานวนท่เี ปนสมาชิกของ U ซงึ่ หารดวย 5 ลงตัว จะได A = { 3, 6, , 60} นัน่ คือ n( A) = 20 B = { 4, 8, , 60} นนั่ คอื n( B) =15 C = { 5, 10, , 60} นนั่ คือ n(C ) =12 ให A ∩ B แทนเซตของจาํ นวนทเี่ ปน สมาชกิ ของ U ซงึ่ หารดวย 3 และ 4 ลงตวั A ∩ C แทนเซตของจํานวนท่เี ปนสมาชิกของ U ซึ่งหารดว ย 3 และ 5 ลงตัว สถาบันสงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทท่ี 1 | เซต 31 คูมือครรู ายวิชาเพม่ิ เติมคณิตศาสตร ชน้ั มัธยมศกึ ษาปท ี่ 4 เลม 1 B ∩ C แทนเซตของจํานวนทเี่ ปน สมาชิกของ U ซงึ่ หารดวย 4 และ 5 ลงตวั และ A ∩ B ∩ C แทนเซตของจํานวนท่เี ปน สมาชกิ ของ U ซ่งึ หารดวย 3 และ 4 และ 5 ลงตวั จะได A ∩ B ={12, 24, 36, 48, 60 } นนั่ คอื n( A ∩ B) =5 A ∩ C ={15, 30, 45, 60} น่นั คือ n( A ∩ C ) =4 B ∩ C ={ 20, 40, 60 } นน่ั คือ n( A ∩ C) =3 A ∩ B ∩ C ={ 60 } น่ันคอื n( A ∩ B ∩ C) =1 วิธที ่ี 1 เขยี นแผนภาพแสดงจาํ นวนสมาชิกของ A, B และ C ไดดังนี้ จากแผนภาพ จะได n( A ∪ B ∪ C ) = 12 + 8 + 6 + 4 + 3 + 2 +1 = 36 ดงั น้นั จํานวนสมาชกิ ของ U ทห่ี ารดวย 3 ลงตวั หรือหารดว ย 4 ลงตัว หรือหาร ดวย 5 ลงตัว มีอยู 36 ตัว วิธีที่ 2 จาก n( A ∪ B ∪ C ) = n( A) + n(B) + n(C ) − n( A ∩ B) − n( A ∩ C ) −n(B ∩ C) + n( A ∩ B ∩ C) จะได n( A ∪ B ∪ C ) = 20 +15 +12 − 5 − 4 − 3 +1 = 36 ดงั นัน้ จํานวนสมาชกิ ของ U ทหี่ ารดว ย 3 ลงตัว หรือหารดว ย 4 ลงตัว หรือหาร ดวย 5 ลงตวั มีอยู 36 ตวั สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทท่ี 1 | เซต 32 คมู อื ครูรายวชิ าเพ่ิมเตมิ คณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปท ี่ 4 เลม 1 13. ให A แทนเซตของนักเรียนที่เลยี้ งสุนขั จะได n( A) = 32 B แทนเซตของนักเรยี นทเ่ี ลย้ี งแมว จะได n(B) = 25 และ x แทนจาํ นวนนกั เรยี นท่เี ลยี้ งท้ังสุนัขและแมว เขียนแผนภาพแสดงจาํ นวนสมาชิกของ A และ B ไดดงั นี้ เนื่องจาก มีนักเรียนที่เล้ียงสุนัขหรือแมวเพียงชนดิ เดยี ว 47 คน จะได (32 − x) + (25 − x) = 47 57 − 2x = 47 2x = 10 x =5 ดังนนั้ จํานวนของนักเรยี นท่ีเลี้ยงทัง้ สนุ ัขและแมว เทา กบั 5 คน 14. ให A แทนเซตของคนทชี่ อบดภู าพยนตร จะได n( A) = 72 B แทนเซตของคนท่ชี อบออกกําลังกาย จะได n(B) = 65 C แทนเซตของคนทช่ี อบอา นหนังสือ จะได n(C) = 58 A ∩ B แทนเซตของคนที่ชอบดูภาพยนตรและออกกําลงั กาย จะได n( A ∩ B) =23 A ∩ C แทนเซตของคนท่ชี อบดูภาพยนตรและอา นหนังสอื จะได n( A ∩ C) =18 B ∩ C แทนเซตของคนทช่ี อบออกกําลังกายและอานหนังสือ จะได n(B ∩ C) =40 และ ( A ∪ B ∪ C)′ แทนเซตของคนท่ไี มชอบงานอดิเรกขา งตนเลย สถาบนั สงเสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทท่ี 1 | เซต 33 คมู ือครรู ายวิชาเพ่ิมเตมิ คณิตศาสตร ชั้นมัธยมศกึ ษาปท่ี 4 เลม 1 จะได n( A ∪ B ∪ C )′ =10 นั่นคือ n( A ∪ B ∪ C )= 140 −10= 130 วิธที ่ี 1 ให x แทนจาํ นวนคนท่ชี อบท้ังดภู าพยนตร ออกกําลังกาย และอา นหนังสือ เขียนแผนภาพแสดงจํานวนสมาชกิ ของ A, B และ C ไดด ังน้ี วิธที ่ี 2 จากแผนภาพ จะได (31+ x) + (23 − x) + (2 + x) + (18 − x) + x + (40 − x) + x = 130 x +114 = 130 x = 16 ดังนน้ั มีคนท่ชี อบท้งั ดูภาพยนตร ออกกาํ ลงั กาย และอานหนังสอื 16 คน จาก n( A ∪ B ∪ C ) = n( A) + n( B) + n(C ) − n( A ∩ B) − n( A ∩ C ) −n(B ∩ C) + n( A ∩ B ∩ C) จะได n( A ∪ B ∪ C ) = 20 +15 +12 − 5 − 4 − 3 +1 130 = 72 + 65 + 58 − 23 −18 − 40 + n( A ∩ B ∩ C ) นน่ั คือ n( A ∩ B ∩ C ) = 16 ดงั นน้ั มีคนทชี่ อบทงั้ ดภู าพยนตร ออกกาํ ลังกาย และอา นหนังสอื 16 คน สถาบันสง เสริมการสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทท่ี 1 | เซต 34 คูมอื ครูรายวชิ าเพ่ิมเติมคณติ ศาสตร ช้ันมธั ยมศกึ ษาปท่ี 4 เลม 1 15. ให A แทนเซตของคนทีช่ อบรบั ประทานกงุ B แทนเซตของคนท่ชี อบรับประทานปลา C แทนเซตของคนที่ชอบรบั ประทานปู A ∩ B แทนเซตของคนท่ีชอบรับประทานกงุ และปลา B ∩ C แทนเซตของคนท่ชี อบรบั ประทานปลาและปู A ∪ B ∪ C แทนเซตของคนทีช่ อบรบั ประทานกุง ปลา หรือปู และ A ∩ B ∩ C แทนเซตของคนท่ชี อบรับประทานทั้งสามอยาง จะได n( A) = 63 × 200 = 126 100 n( B) = 42 × 200 = 84 100 n(C ) = 55 × 200 = 110 100 n( A ∩ B) = 24 × 200 = 48 100 n( B ∩ C ) = 17 × 200 = 34 100 n( A ∩ B ∩ C )= 9 × 200= 18 100 เนอื่ งจาก มีคนมารวมงานท้ังหมด 200 คน โดยแตละคนชอบรับประทานกุง ปลา หรือปู จะได n( A ∪ B ∪ C ) =200 จาก n( A ∪ B ∪ C ) = n( A) + n( B) + n(C ) − n( A ∩ B) − n( A ∩ C ) −n(B ∩ C) + n( A ∩ B ∩ C) จะได 200 = 126 + 84 +110 − 48 − n( A ∩ C ) − 34 +18 น่นั คอื n( A ∩ C) = 56 ดงั น้นั มีคนทช่ี อบรบั ประทานทงั้ กงุ และปู 56 คน สถาบนั สง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทที่ 1 | เซต 35 คมู อื ครูรายวชิ าเพิม่ เตมิ คณติ ศาสตร ชั้นมธั ยมศึกษาปที่ 4 เลม 1 16. ให A แทนเซตของนักทองเทย่ี วที่เคยไปเชยี งใหม B แทนเซตของนักทองเที่ยวทเ่ี คยไปกระบี่ และ C แทนเซตของนักทองเท่ยี วท่ีเคยไปชลบรุ ี ให a แทนจาํ นวนนกั ทองเท่ยี วทเี่ คยไปเชยี งใหมเ พียงจงั หวัดเดียว b แทนจํานวนนักทองเที่ยวทเ่ี คยไปกระบี่เพยี งจังหวัดเดยี ว และ c แทนจํานวนนักทองเที่ยวทเ่ี คยไปชลบรุ เี พยี งจงั หวดั เดยี ว เขยี นแผนภาพแสดงไดดังน้ี เน่อื งจากมีนักทอ งเทีย่ วทไี่ มเ คยไปกระบ่ี 208 คน จากแผนภาพ จะไดว า a + c + 96 =208 นั่นคือ a + c =112 จะได b = 500 − [112 + 78 + 96 +111+ 39] = 64 ดงั นน้ั จํานวนคนท่ีเคยไปกระบี่เพียงจงั หวดั เดียวมี 64 คน 1.7 เฉลยแบบฝก หดั คูมือครูรายวิชาเพ่ิมเติมคณิตศาสตร ช้ันมัธยมศึกษาปท่ี 4 เลม 1 แบงการเฉลยแบบฝกหัด เปน 2 สวน คือ สวนท่ี 1 เฉลยคําตอบ และสวนที่ 2 เฉลยคําตอบพรอมวิธีทําอยางละเอียด สถาบันสง เสรมิ การสอนวิทยาศาสตรและเทคโนโลยี
บทท่ี 1 | เซต 36 คูมือครรู ายวชิ าเพม่ิ เติมคณิตศาสตร ชนั้ มัธยมศกึ ษาปท ี่ 4 เลม 1 ซ่ึงเฉลยแบบฝกหัดที่อยูในสวนน้ีเปนการเฉลยคําตอบของแบบฝกหัด โดยไมไดนําเสนอวิธีทํา อยางไรก็ตามครสู ามารถศึกษาวิธที ําโดยละเอียดของแบบฝก หัดไดใ นสว นทา ยของคมู ือครเู ลม นี้ แบบฝกหัด 1.1ก 1. 1) { a, e, i, o, u } 2) { 2, 4, 6, 8} 3) {10, 11, 12, , 99 } 4) {101, 102, 103, } 5) { − 99, − 98, − 97, , −1} 6) { 4, 5, 6, 7, 8, 9 } 7) ∅ 8) ∅ 9) { −14, 14 } 10) {ชลบรุ ,ี ชยั นาท, ชยั ภมู ิ, ชุมพร, เชยี งราย, เชียงใหม} 2. 1) ตวั อยางคาํ ตอบ { x x เปนจาํ นวนคบี่ วกท่ีนอยกวา 10} หรอื { x∈ x เปนจาํ นวนคต่ี ั้งแต 1 ถึง 9} 2) ตวั อยางคําตอบ { x x เปน จาํ นวนเตม็ } 3) ตวั อยา งคําตอบ { x∈ x มีรากทส่ี องเปน จาํ นวนเตม็ } หรือ { x x = n2 และ n เปนจํานวนนบั } 4) ตัวอยางคาํ ตอบ { x∈ x หารดว ยสิบลงตวั } หรอื { x x =10n และ n เปน จํานวนนับ} 3. 1) 1 ตวั 2) 5 ตวั 3) 7 ตวั 4) 9 ตัว 5) 0 ตวั 4. 1) เปน เทจ็ 2) เปนจรงิ 3) เปนเทจ็ สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทท่ี 1 | เซต 37 คูมอื ครรู ายวิชาเพิม่ เตมิ คณิตศาสตร ช้นั มัธยมศกึ ษาปท ่ี 4 เลม 1 5. 1) เปน เซตวาง 2) ไมเปน เซตวาง 3) ไมเ ปนเซตวาง 4) เปน เซตวา ง 5) ไมเ ปนเซตวา ง 2) เซตจํากัด 6. 1) เซตอนันต 4) เซตจาํ กดั 3) เซตอนนั ต 6) เซตอนันต 5) เซตอนันต 2) A ≠ B 7. 1) A ≠ B จ 3) A = B จ 4) A = B 5) A ≠ B จ 8. A = D จ แบบฝก หัด 1.1ข 1. 1) ถกู 2) ผดิ 3) ผดิ 4) ถูก 5) ถกู 6) ผิด 2. A ⊂ B, C ⊂ A, C ⊂ B จ 3. 1) เปน จรงิ 2) เปน จรงิ 3) เปน จรงิ 4. 1) ∅ และ {1} 2) ∅, {1}, { 2} และ {1, 2 } 3) ∅, { −1}, { 0 }, {1}, {−1, 0 }, {−1, 1}, { 0, 1} และ {−1, 0, 1} 4) ∅, { x }, { y } และ { x, y } สถาบันสง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรแ ละเทคโนโลยี
บทท่ี 1 | เซต 38 คมู อื ครูรายวชิ าเพ่ิมเติมคณติ ศาสตร ชน้ั มัธยมศึกษาปท่ี 4 เลม 1 5) ∅, { a }, { b }, { c }, { a, b }, { a, c }, { b, c } และ { a, b, c } 6) ∅ 5. 1) {∅, { 5}} 2) {∅, { 0}, {1}, { 0, 1}} 3) {∅, { 2}, { 3}, { 4}, { 2, 3}, { 2, 4}, { 3, 4}, { 2, 3, 4}} 4) {∅ } แบบฝก หัด 1.1ค 1. 2. 1) สถาบนั สง เสริมการสอนวทิ ยาศาสตรและเทคโนโลยี
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 510
Pages: