และคณะ] หมวด๑๐ ๒๕๕ ยาดุคุณกถา ว่าด้วยประโยชน์ของข้าวยาคู ๑0 ๑. ให้อายุ ๒. ให้วรรณะ ต. ให้สุข ๔. ให้พละ ๕. ให้ปฏิภาณ ๖. กำ จัดความหิว ๗. บรรเทาความกระหาย ๘. ทำ ให้ลมในกายคล่อง ๙. ล้างลำไส์ ๑อ. ย่อยอาหารที่ตกค้าง ที่มา : ยาคุมธุโคฟืกานุซานนา เภสัชซฃันธกะ วิ.มหา.(ะ/๔๑ โย สญณตานํ ปรทตตโภชินํ กาเลน สฤกจจ ฑทาติ ยาคู๊ ทสสส ชานไนิ อนุปปเวจฉติ อายุฌจ วณฺณผจ ยุขํ พลญจ ฯ แปล : ทายกใดถวายข้าวยาคูโดยเคารพตามกาลแก่ปฏิคาหก ผู้ลำ รวมแล้ว ผู้บริโภคโภชนะที่ผู้อื่นถวาย ทายกนั้น ร่อว่าตามเพิ่มให้ซึ่งสถานะ ๑อ อย่างแก่ปฏิคาหกนั้น คือ อาย วรรณะ สฃะ พละ ฯ ปฏิภาณมสส ยุปชายเต ฅโฅ ชุทํ ปีปาสํ พยปเนติ วาตํ โสเธติ วตุถึ ปริณาเมติ ภตุตํ เภสชชเมตํ สุคเตน วณุณิดํ ฯ www.kalyanamitra.org
๒๕๖ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงลั แปล : และปฏิภาณย่อมเกิดแก่ปฏิคาหกนั้น แต่นั้นข้าวยาคู ย่อมกำจัดความหิว ความกระหาย ทำ ลมให้เดินคล่อง ล้างลำไล่ และย่อยอาหาร ข้าวยาคูนั้นพระสุคตดรัส สรรเสริญว่าเปีน๓ล่ซ ฯ สารีริกลูปกถา ว่าด้วยสถานที่บรรจุพระสารีริกธาตุและพระอังคาร ๑0 ๑. พระนครราชคอุห์ พระเจ้าอชาตส์โดรูอัญเชิญไปก่อไว้ ๒. พระนครเวสไร เจ้าลิจฉวีอัญเชิญไปก่อไว้ ฅ. พระนครกบิลฟัสดู เจ้าศากยกษัตริย์อัญเชิญไปก่อไว้ ๔. เมืองอัลลกัปปะ ถูลกษัตริย์อัญเชิญไปก่อไว้ ๕. เมืองรามคาม M .. > ๖. เมืองเวฎฐทีปกะ พราหมณ์ผู้ครองนครเวฏฐทีปกะอัญเชิญไปก่อไว้ ๗. เมืองปาวา มัลลกษัตริย์เมืองปาวาอัญเชิญไปก่อไว้ ๘. พระนครถูสินารา มัลลกษัตริย์เมืองกุล่นาราอัญเชิญไปก่อไว้ ๙. เขตพระนครqสินารา โทณพราหมณ์อัญเชิญทะนานไปก่อไว้ ๑อ. เมืองปีปผลิวัน โมริยกษัตริย์อัญเชิญพระอังคารไปก่อไว้ ที่มา : ธาตุคูปบูซา มหาปรินิพพานสูตร ที.ม.๑อ/เอต๙ 00 โข ราชา มาคโธ อชาตสตฺตุ ท(ทหิตฺใต ราชอเห มควโต สรีราาเ ดูปฌฺจ มหฌฺจ อกาสิ ฯ เวสาริกาปี ริจฺฉวี ... กาปีสวตุถวาปี สกฺยา ... อสุสกา]ปกาปี ดูสใย ... รามคามกาปี โกพิยา ... เวฎอทีปโกปี พุราหุมโฌ ... ปาเวยฺยกาปี มสุสา ... โกริมารกาปี มสุสา ...โทโฌปี www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด๑๐ ๒๕๗ พุราหมโณ ... ปีปฺผลิวนิยาปี โมริยา ... อิติ อฎฮ สริรแปา นวโม ดูมฺพดูโป ฑสโม องคารดูโป ฯ แปล : ครั้งใ4น พระเจ้าแผ่นดินมคธพระนามว่าอชาตสัตรู เวเทหิบุตร ได้สร้างพระสถูปและทำการฉลองพระบรมสารีริกธาตุพระผู้มี พระภาคเจ้าในพระนครราชคฤห์ ๑ แม้พวกกษัตริย์ลิจฉวีเมืองเวสาลีก็ได้ สร้างพระสถูปและทำการฉลองพระบรมสารีริกธาตุพระผู้มืพระภาคเจ้าใน พระนครเวสาลี ๑ แม้พวกกษัตริย์ศากยะเมืองกบิลพัสดุก็ได้สร้างพระสถูป และทำการฉลองพระบรมสารีริกธาตุพระผู้มืพระภาคเจ้าในเมืองกบิลพัสดุ ๑ แม้ถูลกษัตริย์เมืองอัลลกัปปะก็ได้สร้างพระสถูปและทำการฉลองพระบรม สารีริกธาตุพระผู้มืพระภาคเจ้าในเมืองอัลลกัปปะ ๑ แม้พวกกษัตริย์!กลียะ เมืองรามคามก็ได้สร้างพระสถูปและทำการฉลองพระบรมสารีริกธาตุพระผู้มื พระภาคเจ้าในเมืองรามคาม ๑ แม้พราหมณ์ผู้ครองเมืองเวฏฐทีปกะ ก็ใด้ สร้างพระสถูปและทำการฉลองพระบรมสารีริกธาตุพระผู้มืพระภาคเจ้าใน เมืองเวฏฐทีปกะ ๑ แม้พวกเจ้าเมืองมัลละเมืองปาวา ก็ได้สร้างพระสถูป และทำการฉลองพระบรมสารีริกธาตุพระผู้มืพระภาคเจ้าในเมืองปาวา ๑ แม้พวกเจ้ามัลละเมืองกุลีนาราก็ได้สร้างพระสถูปและทำการฉลองพระบรม สารีริกธาตุพระผู้มืพระภาคเจ้าในพระนครกุลีนารา ๑ แม้!ทณพราหมณ์ ก็ได้สร้างพระสถูปและทำการฉลองทะนาน ๑ แม้พวกกษัตริย์โมริยะเมือง ปีปผลีวันก็ได้สร้างพระสถูปและทำการฉลองพระอังคารในเมืองป็ปผลีวัน ๑ พระสถูปบรรจุพระบรมสารีริกธาตุมื ๘ แห่ง เบิน ๙ แห่งทั้งพระสถูปบรรจุ ทะนาน เป็น ๑0 แห่งทั้งพระสถูปบรรจุพระอังคารด้วยประการฉะนี้ ฯ www.kalyanamitra.org
๒๕๘ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงลั นาถกรณธัมมกถา ว่าด้วยธรรมอันทำที่พึ่ง ๑อ ๑. ศีอ รักษากายวาจาให้เรียบร้อย ๒. พาชุสัจจะ ความเป็น^ด้สดับตรับฟ้งมาก ต. กัลยาณมิตตตา ความเป็นผู้มีเพี่อนดีงาม ๔. โสวจัสสตา ความเป็นผู้ว่าง่ายสอนง่าย ๕. กิงกรณีเยอุ[ กักขตา ความขยันเอาใจใส่ในกิจของเพี่อนภิกษุสามเณร ๖. ธัมมกามตา ความใครในธรรมที่ชอบ ๗. สันโดษ ยินดีด้วยปัจจัย ๔ ตามมีตามได้ ๘. วิริยะ เพียรเพี่อจะละความชั่ว ประพฤติความดี ๙. สติ จำ การที่ได้ทำและคำที่พูดแม้นานแล้วได้ ๑อ. ปัญญา รอบรูในกองส์โงขารตามที่เป็นจริง ที่มา : ลังสืติสตร ที.ปา. ๑๑/ฅ๔๕ ทส นาถกรณา ธมมา ะ อิธาๅโส ภิฤชุ สีลวา โหติ ... อยํปี ธมโม นาถกรโณ ฯ ... พชุสอุ[โต ... กลยาณมิตุโต ... อ[ุ วโจ ... ยานิ ตานิ สพรหมจารีนิ อุจจาวจานิ กึกรณียานิ,ตตถ ทฤโข...ธมมกาโม ...สนดูฎุโฮ ... อารทุธวิริโย ... สติมา ... ปญณวา โหติ ... ฯ แปล : นาถกรณธรรม (ธรรมอันทำที่พี่ง)๑อ คือ ดูก่อนผู้มีอายุ ทั้งหลาย ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้เป็นผู้มีดีล ดีอสำรวมในปาติโมกขส์'งวรดีล ถึงพร้อมด้วยอาจาระและโคจรอยู่ มีปกติเห็นภัยในโทษผิดแม้เพียงเล็กน้อย สมาทานสืกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย ดูก่อนผู้มีอายุทั้งหลาย ข้อที่ภิกษุ เป็นผู้มีดีล สำ รวมในปาติโมกขสํงวรดีล ถึงพร้อมด้วยอาจาระและโคจรอยู่ www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด ๑๐ ๒๕๙ มีปกติเห็นภัยในโทษผิดแม้เพียงเล็กน้อย สมาทาน สืกษาอยูโนสิกขาบท ทั้งหลาย นี้เป็นนาถกรณธรรม (๑) เป็นพหูสูต คือเป็นผู้ทรงสุตะ สิงสมสุตะ ...(๒) เป็นผู้มีมีตรคื มีสหายดี มีจิตน้อมไปโนคนดี ...(ฅ) เป็นผู้ว่าง่าย คือประกอบด้วยธรรมที่ทำให้เป็นผู้ว่าง่าย เป็นผู้อตทน เป็นผู้รับอนุคาสนีโดยเคารพ ...(๔) เป็นผู้ขยัน คือไม่เกียจคร้านในการงานที่จะพีงช่วยกันทำทั้งใหญ่ น้อยของเพื่อนร่วมพรหมจรรย์ทั้งหลาย ประกอบด้วยปัญญาสำหรับพิจารณา สอดส่องในการงานนั้น อาจทำอาจจัดการได้ ... (๕) เป็นผู้ใครในธรรม เจรจาน่ารัก มีความปราโมทย์ยิ่งในพระอภิธรรม ในพระอภิวินัย ... (๖) เป็นผู้สินโดษด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคืลานปัจจัย เภสิซบริขารดามมีดามได้ ...(๗) เป็นผู้ปรารภความเพียรเพื่อจะละอกุศลธรรม เพื่อจะยังกุศลธรรม ให้ถึงพร้อม คือเป็นผู้เข้มแข็ง มีความบากบั่นมั่นคง ไม่ทอดธุระใน กุศลธรรมทั้งหลาย ...(๘) เป็นผู้มีสติ คือประกอบด้วยสติและปัญญาเครื่องรักษาตนอย่าง ยอดเยี่ยม นึกได้ดามระลึกได้ถึงสิงที่ทำถึงคำที่พูดแม้นานมาแล้วได้ ...(๙) ภิกษุเป็นผู้มีปัญญา คือประกอบด้วยปัญญาที่ดามเห็นความเกิด และความดับ เป็นปัญญาประเสริฐ เป็นไปเพื่อความรู้แจงแทงดลอด เป็นหนทางจะให้ถึงความสินทุกข์โดยชอบ ... (๑๐) ฯ www.kalyanamitra.org
๒๖๐ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงลั กสิณายตนกถา ว่าด้วยกสิณ สิงเหนี่ยวใจให้เป็นสมาธิ ๑๐ ๑. ปฐวีกสิณ เพ่งดิน ๒. อาโปกสิณ เพ่งนํ้า ฅ. เตโชกสิณ d. วาโยกสิณ เพ่งไพ่ ๕. นิลกสิณ ๖. ปีตกสิณ เพ่งลม ๗. โลหิตกสิณ เพ่งสิเขียว ๘. โอทาตกสิณ เพ่งสิเหลือง ๙. อากาสกสิณ เพ่งสิแดง เพ่งสิขาว ๑๐. วิญญาณกสิณ เพ่งที่ว่างเปล่า เพ่งวิญญาณ ที่มา : ลังคีติสูตร ที.ปา.๑๙ฅ๔๖.กสิณสูตร ปฐมปัณณาสก์ องฺ.ทสก.๒๔/๒๕ ฑส กสิณายตนานิ ะ ปฮวีกสิณเมโก สณชไนาติ อุฑธํ อโธ ติริยํ อทวยํ อปปมาณํ ... อาโปกสิณเมโก ... เตโชกสิณเมโก ... วาโยกสิณเมโก ... นิลกสิณเมโก ... ปีฅกสิณเมโก ... โลหิตกสิณเมโก ... โอทาตกสิณเมโก ... อากาสกสิณเมโก ... วิผผาณกสิณเมโก สผชานาติ อุทธํ อโธ ติริยํ อทุวยํ อปุปมาณํ ฯ แปล : กสิณายตนะ (ปอเกิดแฟงกสิณ) ๑๐ คือ ผู้หนึ่งย่อมจำ ปฐวีกสิณได้ทั้งเบื้องบน เบื้องล่าง เบื้องขวาง ไม่เป็นสอง หาประมาณ มิได้ ๑ ...ย่อมจำอาโปกสิณได้ ... ๑ ...ย่อมจำเตโชกสิณได้...๑ ....ย่อมจำ วาโยกสิณได้...๑ ...ย่อมจำนีลกสิณได้ ... ๑ ...ย่อมจำปีตกสิณได้ ... ๑ ... www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด ๑๐ ๒๖๑ ย่อมจำโลหิตกสิณได้ ... ๑ ...ย่อมจำโอทาตกสิณได้ ... ๑ ...ย่อมจำ อากาลกสิณได้ ... ๑ ...ย่อมจำวิญญาณกสิณได้ ...๑ ฯ หมายเหตุ : กสิณที่มาโนคัมภีร์วิสุทธิมรรค ไม่มีวิญญาณกสิณ แต่ ใช้อาโลกกสิณคือเพ่งแสงสว่างแทน โดยจัดเปีนช้อที่ ๙ และจัดอากาสกสิณ เปีนช้อที่ ๑อ เรียกว่าปริจฉินนากาสกสิณ (ดู วิสุทฺซิ.๙๔๗/๑๑๙) อคุสลกัมมปฝืกฝืา ว่าด้วยอกุศลกรรมบถ ๑0 ๑. ปาณาติบาต ทำ ซีวิดสัดวิให้ดกล่วง คือฆ่าสัดร์ ๒. อทินนาทาน ถือเอาสิงของที่เจ้าของไม่ได้ให้ คือสักทรัพย์ ฅ. กาเมธุ[มิจฉาจาร ประพฤติผิดในกาม พูดเท็จ ๕. ชุสาวาท พูดล่อเสิยด ๕. ปีธ[ุ ณวาจา ๖. ผเสวาจา พูดคำหยาบ ๗. สัมผัปปลาปร พูดเพ้อเจ้อ ๘. อภิชผา โลภอยากได้ของเขา ๙. พยาบาท ปองร้ายเขา เห็นผิดจากคลองธรรม ๑0. มิจฉาทิฐิ ที่มา ส์งสิตสูตร ที.ปา. ๑๑/ต๔๗ ทส อภูสลกชุมปถา : ปาณาติปาโต อทินุนาทาฟ้ กาเมธุ[มิจฉาจาโร ชุสาวาโท ปีธ[ุ ณา วาจา ผรุสา วาจา สชุผปุปลาโป อภิชุฌา พุยาปาโท มิจฉาทิฎฮิ ฯ www.kalyanamitra.org
Is)bls) คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงสั แปล : อกุศลกรรมบถ ๑0 คือ ปาณาติบาต การยังส์'ฅว์มีชีวิตให้ ตกล่วงไป ๑ ... มิจฉาทิฐิ ความเห็นผิด ๑ ฯ คุสลกัมมปฝืคลา ว่าด้วยกศลกรรมบถ ๑0 ๑. ปาณาติปาตา เวรมณี เว้นจากการทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วง ๒. อทินนาทานา เวรมณี เว้นจากการถือเอาสิงของที่เจ้าของมิได!ห้ ฅ. กาเมอุ[มิจฉาจารา เวรมณี เว้นจากประพฤติผิดในกาม ๕. ชุสาวาทา เวรมณี เว้นจากใ5เดเท็จ ๕. ปีอ[ุ ณาย วาจาย เวรมณี เว้นจากพูดส่อเสิยด ๖. ผรุสาย วาจาย เวรมณี เว้นจากพูดคำหยาบ เว้นจากพูดเพ้อเจ้อ ๗. สัมผัปปลาปา เวรมณี ๘. อนภิชฌา ไมโลภอยากได้ของเขา ไม่พยาบาทปองร้ายเขา ๙. อพยาบาท เห็นชอบตามคลองธรรม ๑0. สัมมาทิเ ที่มา ลังสืติสดร ที.ปา. ๑๑/ต๕๗ ทส กุสลกมมปถา ะ ปาณาติปาตา เวรมณี, อทินนาทานา ... กาเมสุมิจฉาจารา ... ชุสาวาทา ... ปีสุณาย วาจาย ... ผเสาย วาจาย ... สมผปุปลาปา เวรมณี, อนภิชุฌา, อพยาปาโท, สมมาทิฎจิ ฯ แปล : กุศลกรรมบถ ๑อ คือ ปาณาติปาตา เวรมณี เจตนางด เว้นจากการยังสัตว์มิชีวิดให้ตกล่วงไป ๑ ... สัมมาทิจิ ความเห็นชอบ ๑ ฯ www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด ๑๐ ๒๖๓ ตถาคตพลญาณกถา ว่าด้วยพระญาณอันเป็นกำลังของพระพุทธเจ้า ๑0 ๑. ฐานาฐานญาณ พระญาณที่รู้ประจักษ์ฐานะและอฐานะ ๒.กัมมวิปากญาณ พระญาณที่รู้ประจักษ์ผลแห่งกรรม ต.สัพพัตถคามินีปฏิปทาญาณ พระญาณที่รู้ประจักษ์ทางไปส่ภูมิทั้งปวง ๔. นานาธาตุญาณ พระญาณที่รู้ประจักษ์ธาตุต่าง ๆ ๕.นานาธิยุตดิกญาณ พระญาณที่รู้ประจักษ์อัธยาสัยของสัตว์ ทั้งหลายอันเป็นต่าง ๆ กัน ๖. อินทริยปโรปริยัตตญาณ พระญาณที่รู้ประจักษ์ความยิ่งและหย่อน แห่งอินทรีย์ของสัตว์ทั้งหลาย ๗. ฌานาทิสังกิเลสาทิญาณ พระญาณที่รู้ประจักษ์ความเศร้าหมอง เป็นต้นแห่งธรรมมีฌานเป็นต้น ๘. ใJพเพนิวาสาบุสสดิญาณ พระญาณที่ระลึกอดีตชาติไต้ ๙. จุดูปปาตญาณ พระญาณที่ร้จุติและอุบัติของสัตว์ทั้งหลาย ๑อ. อาสวิ'กขยญาณ พระญาณที่ทำให้สินอาสวะ ที่มา : มหาสืหนาทสูตร สีหนาทวรรค ม.ยู. ๑๒/ร)๔๘ ทส โข ปนิมานิ สาริตฺต ตถาคตสฺส ตถาคตพลานิ, เยหิ พเลหิ สมบุนาคโต ตถาคโต อาสภถ1«านํ ปฏิชานาดิ ... อิธ สาริ!Jตุต ตถาคโต ฟิานญจ ฮานโต อฏฮานญจ อฎฮานโต ยถาฎดํ ปชานาดิ ... อดีตา- นาคตปจจุปุปนนานํ กบุมสมาทานานํ ฮานโส เหตุโส วิปากิ ... สพพตถคามินึ ปฏิปทํ ... อเนกธาตุนานาธาตุโลกิ ... สตตานํ นานาธิบุตุดิกตํ ... ปรสคุตานํ ปรปุคุคลานํ อิบุทุริยปโรปริยคุตํ ... ฌานวิโมคุขสมาธิสมาปคุตีนํ สงกิเลส์ โวทานํ จุฏฮานํ ... อเนกวิหิฅํ ปุพเพนิวาสํ อบุสุสรดิ ... ทิพเพน จกขุนา www.kalyanamitra.org
๒๖๔ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงสั วิอุ[ทุเธน อติคุกนุตมาบุสเกน สตฺเต ปสุสติ จวมาเน อุปปชุชมาเน ... อาสวานํ ขยา อนาสวํ เจโตวิมุตติ ปผผาวิมุตติ ทิฎเธว ธมุเม สยํ อภิผผา สอฉิกตฺวา อุปสมุปชุช วิหรติ ... ฯ แปล : ดูก่อนสารีบุตร กำ ลังของตถาคตมี ๑๐ ประการเหล่านี้ ซึ๋งตถาคตมีพร้อมมูลแล้วจึงปฏิญญาฐานะอันองอาจบันลือสิหนาทในหมู่บริษัท หมุนพรหมจักรให้เป็นไปได้ กำ ลังของตถาคต ๑๐ ประการมีอะไรบ้าง ดูก่อนสารีบุตร ตถาคตย่อมรู้ประจักษ์ตามความเป็นจริงซึ่งฐานะในโลกนี้ โดยเป็นฐานะ และรู้ประจักษ์ตามความเป็นจริงซึ่งเหตุมีใช่ฐานะโดยเป็น เหตุมีใช่ฐานะ ...(๑) ตถาคตย่อมรู้ประจักษ์ตามความเป็นจริงซึ่งวิบากของกรรมสมาทาน ที่เป็นอดีต อนาคต และป้จจุบันโดยฐานะ โดยเหตุ ...(๒) ตถาคตย่อมรู้ประจักษ์ตามความเป็นจริงซึ่งปฏิปทาอันจะนำลัตวิให้!ป ในภูมิทั้งปวง ...(ต) ตถาคตย่อมรู้ประจักษ์ตามความเป็นจริงซึ่งโลกที่มีธาตุหลายอย่างและ มีธาตุแตกต่างกัน ... (๔) ตถาคตย่อมรู้ประจักษ์ตามความเป็นจริงซึ่งความที่ลัตว์มีอัธยาสัยแตก ต่างกัน ... (๕) ตถาคตย่อมรู้ประจักษ์ตามความเป็นจริงซึ่งความที่ลัตว์อื่นและบุคคลอื่น มีอินทรีย์อื่งและหย่อนกว่ากัน ...(๖) ตถาคตย่อมรู้ประจักษ์ตามความเป็นจริงซึ่งความเศร้าหมอง ความ ผ่องแผ้ว และการออกแห่งฌาน วิโมกข์ สมาธิ และสมาบัติทั้งหลาย...(๗) ตถาคตย่อมระลึกซาติก่อนได้เป็นอันมากคือระลึกชาติได้หนึ่งชาติบ้าง สองชาติบ้าง ... (๘) www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด๑๐ ๕ ตถาคตย่อมเห็นหฝูส์ตว์ผู้กำลังจุติ กำ ลังอุบัติ เลว ประณีต มีผิว พรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดี ตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธี้ล่วง จักษุวิลัยของมนุษย์ ย่อมรู้ซัดซึ่งหมู่ลัตว์ผู้เป็นไปตามกรรม ... {๙) ตถาคตทำให็แจ้งซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติอันหาอาสวะมีได้เพราะ อาสวะทั้งหลายสินไปด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ ...(๑0) ฯ หมายเหตุ : เรียกทั่วไปว่า ทศพลญาณ ๑๐ ญาณคือพระกำลัง ปัญญาของพระตถาคตพุทธเจ้า ๑๐ ประการ พระญาณทั้ง ๑๐ นี้มีเฉพาะ พระพุทธเจ้าเท่านั้น ไฝสาธารณ์แก่บุคคลอื่น จุ (ม.มู.อ. ๑/ฅ๔๖) พุทธสัมปทาคลา (๑) ว่าด้วยพระคุณสมบัติของพระพุทธเจ้า ๑อ (นัยที่ ๑) ๑. ธีระ ทรงเป็นนักปราชญ์ ๒. วิคตโมหะ ทรงปราศจากโมหะ ต, ปภินนฃีละ ทรงทำลายกิเลสเครื่องตรึงใจได้ ๔. วิชิตวิชยะ ทรงชำนะมาร ๕. อนีฆะ ทรงไม่มีทุกข์ ๖. อ[ุ สมจิตตะ ทรงมีพระทัยเสมอด้วยดี ๗. วุทธสีละ ทรงมีพระจรรยามารยาทอันเจริญ ๘. สาธุฟ้ญญะ ทรงมีพระปรีชาดี ๙. เวสมันตระ ทรงข้ามกิเลสอันปราศจากความเสมอได้ ๑อ. วิมละ ทรงปราศจากมลทิน www.kalyanamitra.org
๒๖๖ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวง ที่มา : อุปาลิวาทสูตร คหปติวรรค ม.ม.๑๙๗๖ ธีรสส วิคตโมหสส ปภินฺนฃึลสุส วิชิตวิชยสุส อนีฆฺสฺส มอิฅตสฺส ๅทุธสีฝืสุส สาปผผสส ทสมนฺฅรสส วิมลสส ภควโต ตสส สาวโกหมสุมิ ฯ แปล : (อุบาลีคฤหบดีกล่าวว่า) ข้าพเจ้าเป็นสาวกของพระผู้ มีพระภาคเจ้าผู้เป็นนักปราชญ์ปราศจากโมหะทรงทำลาย ตะปูตรึงใจคือกิเลสได้ ทรงชนะมาร ไม่มีทุกข์ มีพระทัยดี เสมอ มีมรรยาทอันเจริญ มีพระปัญญาดี ทรงข้ามกิเลส อันปราศจากความเสมอได้ ปราศจากมลทิน ฯ พุทธสัมปทากถา(๒) ว่าด้วยพระคุณสมบัติของพระพุทธเจ้า ๑0 (นัยที่ ๒) ๑. นิสภะ ทรงองอาจ ๒. อัปปเมยยะ ทรงไม่มีใครจะประมาณได้ ฅ. คมภระ ทรงมaีพระคุณลeกt ซa็ง d. โมนปัตตะ ทรงบรรลุถึงญาณ ๕. เขมังกระ ทรงทำความเกษม ๖. เวทะ ทรงมีพระญาณคือความรู้ ๗. ธัมมัฎฐะ ๘. สังวุสัตตะ ทรงตั้งมั่นในธรรม ๙. สังคาติกะ ทรงสำรวมพระองค์ดีแล้ว ๑0. มุตตะ ทรงล่วงกิเลสเป็นเครื่องข้อง ทรงหลุดพ้นแล้ว www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด๑๐ ๒๖๗ ที่มา : อุปาลิวาทสูตร คหปติวรรค ม.ม.๑๙๗๖ นิสภสส อปปเม!!ยสส คมฺภีรสส โมนปตุตสุส เฃมงกรสส เวทชุส ธมมฎุฮสส สํๅฅตฺตชุส สงคาติคสุส ยุตตสส ภควโต ตสุส สาวโกหมสฺมิ ฯ แปล : (อุบาลีคฤหบดีกล่าวว่า) ข้าพเจ้าเป็นสาวกของพระผู้ มีพระภาคเจ้าผู้องอาจ ไฝมีใครประมาณได้ มีพระคุณ ลีกข้ง บรรลุถึงญาณ ทรงทำความเกษม ทรงมีพระญาณ ทรงตั้งอยูในธรรม ทรงสำรวมพระองค์ดี ทรงล่วงกิเลส เป็นเครื่องข้อง ผู้ฟ้นแล้ว ฯ พุทธสัมปทาคฝืา(๓) ว่าด้วยพระคุณสมบัติของพระพุทธเจ้า ๑0 (นัยที่ ๓) ๑. นาคะ ทรงเป็นผู้ประเสริฐ ๒. ฟ้นตเสนะ ทรงมีเสนาสนะอันสงัด ฅ. ขีณสัญโญชนะ ทรงมีสํงโยชน์สินแล้ว ๔. ยุตตะ ทรงพ้นจากกิเลสทั้งปวง ๕. ปฎิมันตกะ ทรงมีพระปัญญาเครื่องคิดอ่าน ๖. โธนะ ทรงมีพระญาณเครื่องหยั่งรู้ ๗. ฟ้นนธชะ ทรงลดธงคือมานะเลียได้ ๘. วีตราคะ ทรงปราศจากราคะ ๙. มันตะ ทรงแกฝนแล้ว ๑อ. นิปปฟ้ญจะ ไม่ทรงมีธรรมเครื่องหน่วงไว www.kalyanamitra.org
๒๖๘ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงสั ที่มา : อุปาสิวาทสูตร คหปติวรรค ม.ม.๑ฅ/๗๖ นาคสส ปนฺตเสนสส ฃีฌสญโเนชนสฺส มุตุตสฺส ปฎิมนตกสส โธนสุส ปนฺนธชสส วีตราคสส ฑนฺตสุส นิปฺปปญจสส ภควโต ตสส สาวโกหมสมิ ฯ แปล : (อุบาลีคฤหบดีกล่าวว่า) ข้าพเจ้าเป็นสาวกของพระ ผู้มีพระภาคเจ้าผู้ประเสริฐ ทรงมีเสนาสนะอันสงัด มี ส์งโยชน์สินแล้ว ผู้ฟันแล้ว ทรงมีพระปัญญาเครื่องคิด อ่าน ทรงมีพระญาณเครื่องรู้ ผู้ลดธงคือมานะเสิยได้ ผู้ ปราศจากราคะ ผู้ฝ็กแล้ว ผู้ไม่มีธรรมเครื่องหน่วงไว้ ฯ พุทธสัมปทากลา(๔) ว่าด้วยพระคุณสมบัติของพระพุทธเจ้า ๑๐ (๔) ๑. อิสิสัตตมะ ทรงเป็นพระอริยฤๅษีองค์ที่ ๗ ๒. ออุหะ ทรงเป็นผู้1ม่ลวงโลก ฅ. เตวิชชะ d. พรหมปัตตะ ทรงไตรวิชชา ๕. นหาตกะ ทรงถึงความเป็นผู้ประเสริฐ ๖. ปทกะ ทรงล้างกิเลสหมดแล้ว ๗. ปัสสัทธะ ๘. วีทิตเวทะ ทรงฉลาดประสมอักษรให้เป็นบทคาถา ๙. ใเรินททะ ทรงสงบระงับแล้ว ๑อ. สักกะ ทรงมีพระญาณอันรู้แล้ว ทรงให้ธรรมทานก่อนใครอื่นทั้งหมด ทรงองอาจสามารถ www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด๑๐ ๒๖๙ ที่มา : อุปาสิวาทสูตร คหปติวรรค ม.ม. ๑ค/๗๖ อิสิสตุตมสส อคูหสุส เตวิชุชสส พุรหุมปฅตสุส นุหาดกสส ปทกสฺส ปสสทุธสส วิทิฅเวทสุส า^รินุททชุส สกกสุส ภควโค ฅสส สาวโกหมสร ฯ แปล : {อุบาลีคฤหบดีกล่าวว่า) ข้าพเจ้าเป็นสาวกของพระ ผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นพระอริยฤๅษีพระองค์ที่ ๗ ผู้!ม่ลวง โลก ทรงไตรวิชชา ทรงถึงความประเสริฐ ทรงล้างกิเลส แล้ว ฉลาดโนการแต่งบทคาถา ทรงระงับแล้ว มี พระญาณอันรู้แล้ว ทรงให้ธรรมทานก่อนเชาทั้งหมด ทรงเป็นผ้สามารถ ฯ พุทธสัมปทากอา {๕) ว่าด้วยพระคุณสมบัติของพระพุทธเจ้า ๑๐ (นัยที่ ๕) ๑. อริยะ ทรงเป็นพระอริยะ ๒. ภาวิตัฅตะ ฅ. ษีตดิษีตตะ ทรงอบรมพระองค์ดีแล้ว d. เวยยากรณะ ทรงบรรลุธรรมที่ควรบรรลุ ๕. สติมา ทรงแสดงอรรถธรรมให้พิสดารไดี ๖. วิฟ้สสี ๗. อนภินตะ ทรงมีสติ ๘. โน อปนตะ ทรงเห็นแจ้ง ๙. อาเนชะ ไฝทรงยุบลง ๑อ. วสิปฟ้ตตะ ไม่ทรงใ5jขึ้น ไม่ทรงหวั่นไหว ทรงบรรลุความเป็นผู้ชำนาญ www.kalyanamitra.org
๒๗0 คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงศ์ ที่มา : อุปาสิวาทสูตร คหปติวรรค ม.ม.๑๙๗๖ อริยสฺส ภาวิตดดสส ปดดิปฅฺฅสส ทยยากรณสุส สดิมโด วิปสุสิสฺส อนภินดสฺส โน อปนดสส อาเนชสส วสิปปตฺดสุส ภควโด ดสฺส สาวโกหมสฺมิ ฯ แปล : (อุบาลีคฤหบดีกล่าวว่า) ข้าพเจ้าเป็นสาวกของพระ ผู้มีพระภาคเจ้าผู้เป็นพระอริยะ มีพระองค์อบรมแล้ว ทรงบรรลุคุณที่ควรบรรลุ ทรงแสดงอรรถให้พิสดาร ทรงมีสดี ทรงเห็นแจ้ง ไม่ทรงยุบลง ไม่ทรงฟูขึ้น ไม่ทรง หวั่นไหว ทรงบรรลุความเป็นผู้ชำนาญ ฯ 'อุทรสัมปทาคลา (๖) ว่าด้วยพระคุณสมบัติของ'พระทุทธเจ้า ๑0 (นัยที่ ๖) ๑. สัมมัคคดะ เสด็จไปดีแล้ว ๒. ฌายี ทรงมีฌาน ไม่ทรงปล่อยจิตไปตามอารมถ! ฅ. อนใjคดันดระ ทรงบริสุทธิ้ (&. ^ธะ ๕. อสิดะ ไม่ทรงสะดุ้ง ๖. อัปปฟิดะ ทรงปราศจากความกลัว ๗. ปวิวิดดะ ๘. อัคดัปปดดะ ทรงสงัดทั่ว ๙. ดิณณะ ๑0. ดารยันดะ ทรงบรรลุธรรมอันเลิศ ทรงข้ามได้เอง ทรงอังลัตว์อื่นให้ข้ามโขดคือกิเลส www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด๑๐ ๒๗๑ ที่มา : อุปาลิวาทสูตร คหปติวรรค ม.ม.๑๙๗๖ สมุมฤคดสส ฌายิสส อนใjคดฬุตรสส psสฺส อสิดสส อปุปภีดสุส ปวิวิดดสส อฤคปุปดฅสุส ติฉเณสุส ดารยนดชุส ภควโด ดสุส สาวโกหมสมิ ฯ แปล : (อุบาลีคฤหบดีกล่าวว่า) ข้าพเจ้าเป็นสาวกของพระ ผู้มีพระภาคเจ้าผู้เสด็จไปดี ทรงมีฌาน ไม่ทรงปล่อยจิต ไปตาม ทรงบริสุทธิ้ ไม่ทรงสะดุ้ง ปราศจากความกลัว สงัดทั่ว ทรงบรรลุธรรมอันเลิศ ทรงข้ามได้เอง ทรงยัง ลัตว์อื่นให้ข้ามได้ด้วย ฯ 'อุทธสัมปทากฝืา(๗) ว่าด้วยพระคุณสมบัติของพระพุทธเจ้า ๑0 (นัยที่ ๗) ๑. สันดะ ทรงเป็นผู้สงบ ๒. ฎริฟ้ญญะ ทรงมีพระปัญญากว้างใหญ่เสมอด้วยแผ่นดีน ฅ. มหาปัญญะ ทรงมีพระปัญญาใหญ่หลวง ๔. วิดโลภะ ทรงปราศจากความโลภ ๕. ดถาคดะ ทรงดำเนินปฏิปทาเหมีอนพระพุทธเจ้าในปางก่อน ๖. ล[ุ คดะ เสด็จไปดีแล้ว ๗. อัปปฎิปุคคละ ทรงไม่มีผู้ใดเปรียบ ๘. อสมะ ทรงไม่มีผู้เสมอเหมีอน ๙. วิสารทะ ทรงแกล้วกล้า ๑อ. ทรงละเอียดสฃม www.kalyanamitra.org
๒๗๒ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงสั ที่มา อฺปาสิวาทสตร ดหปติวรรค ม.ม. ๑ค/๗๖ สนุตชุส ฎริปญฌสส มหาปฉเณชุส วีดโลภสส ตลไคฅสฺส ^คฅสุส อปุปฏิ1]คคลสฺส อสมสส วีสารทสุส นิใ^ณสฺส ภควโต ตสส สาวโกหมสุมิ ฯ แปล : (อุบาลีคฤหบดีกล่าวว่า) ข้าพเจ้าเป็นสาวกของพระ ผู้มีพระภาคเจ้าผู้สงบแล้ว มีพระปัญญากว้างใหญ่เสมอ ด้วยแผ่นดิน มีพระปัญญาใหญ่หลวง ปราศจากความ โลภ ทรงดำเนินปฏิปทาเหมือนพระพุทธเจ้าในปางก่อน เสด็จไปดีแล้ว ไม่มีใครเทียบได้ ไม่มีผู้เสมอเหมือน ทรงแกล้วกล้า ผู้ละเอียดสุขุม ฯ พุทธสัมปทากฝืา(๘) ว่า!!วยพระคุณสมฟ้ติของพระพุทธเจ้า ๑0 (นัยfi ๘) ๑. ดัณหจฉิทะ ทรงด้ดตัณหาได้ขาด ๒. พุทธะ ทรงตื่นอยู่ ฅ. วีต^มะ (&. อนุปลิตตะ ทรงปราศจากควัน ๕. อานุฌยยะ ทรงไม่ถูกตัณหาและทิฐิแปดเรอน ๖. ยกขะ ทรงเป็นผู้ควรรับการบูชา ๗. อุตตมใ]คคละ ทรงได้พระนามว่ายักขะ ๘. อสุละ ทรงเป็นบุคคลผู้สูงสุด ๙. มหันตะ ทรงมีพระคุณไม่มีใครชั่งได้ ๑อ. ยสัคคัปปัตตะ ทรงเป็นผู้ใหญ่ ทรงถึงยศอย่างยอดเยี่ยม www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด ๑๐ ๒๗๓ ทมา : อุปาสิวาทสูตร คหปสิวรรต ม.ม. ๑ต/๗๖ ตณุหชุฉิทชุส ทุทุธสส วีตเมสุส อนุปเตุตสส อาชุฌยุยสุส ยกฃสุส รุตตมใJคุคลอุ[ส อดูลอุ[ส มหโต ยสคคปฺปตตอุ[ส ภควโต ตอุ[ส สาวโกหมอุ[มิ ฯ แปล : (อุบาลีคฤหบดีกล่าวว่า) ข้าพเจ้าเป็นสาวกของพระ ผู้มีพระภาคเจ้าผู้ตัดตัณหาได้ขาดแลีว ทรงตื่นอยู่ ปราศจากควัน ผู้อันตัณหาและทิฐิไม่แปดเป็อนได้ ผู ควรวับการบูชา ทรงได้พระนามว่ายักขะ (ผู้ควรบูชา) เป็นอุดมบุคคล มีพระคุณไม่มีใครชั่งได้ เป็น^หญทรง ถึงยศอย่างยอดเยี่ยม ฯ ปสาทนียคฝืา ว่าด้วยธรรมเป็นviตั้งแห่งความเลื่อมใส ๑0 ๑. ความเป็นผู้มีสืล ๒. ความเป็นพหสต ฅ. ความเป็นผู้อันโดษ ๔. ความเป็นผู้!ด้ณาน ๔ ๕. ๖. การมีหูทิพย์ ๗. การกำหนดรูใจของผู้อี่นได้ ๘. การระลึกชาดีก่อนได้ ๙. การมีตาทิพย์ ๑อ. ความสินอาสวกิเลส www.kalyanamitra.org
๒๗๔ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงลั ที่มา : โคปกโมคคัลลานสูตร เทวทหวรรค ม.อุ. ๑๔/๘๒ อตลิ โข พราหมฌ เดน ภควตา ชานตา ปสฺสตา อรหตา สมมาสมฺชุฑเธน ฑส ปสาทนียา ธม.มา อๆขาตา ... อิธ พ.ราหุมณ ภิกชุ สีลวา โหติ ... พหุสธุ[โต ... สน.ดูฎุโ® ... นิกามสาภื ... อิท.ธิวิธํ ปจุจหุโภติ ...ทิพ.พาย โสตธาดูยา...สฑุเท อุ[ณาติ ... ปรlJค.คลานํ เจตสา เจโต ปริจ.จ ปชานาติ ... ใเพุเพนิวาสํ อหุสุสรติ ... ทิพ.เพน จๆชุนา ... สตุเต ปสฺสติ ... สจ.ฉิกตุวา รุปสม.ปช.ช วิหรติ ฯ แปล : (ท่านพระอานนท์กล่าวกะวัสสการพราหมณ์ว่า) ดูก่อน พราหมณ์ มีธรรมอันเป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใส ๑อ ประการที่พระผู้มีพระ ภาคเจ้าผู้ทรงรู้ทรงเห็นเป็นพระอรหันตอัมมาอัมพุทธเจ้าพระองค์นั้นตรัสบอกไว้ ท่านรูปใดในบรรดาพวกอาตมภาพมีธรรมเหล่านั้น พวกอาตมภาพก็จะ พากันอักการะ เคารพ นับถือ บูชาท่านรูปนั้น ครั้นอักการะเคารพแล้วก็ พากันเข้าไปอาอัยอยูในบัดนี้ ธรรม ๑0 ประการคืออะไรบ้าง คือ ภิกษุ;ใน พระธรรมวินัยนี้เป็นผู้มีคืล คือสำรวมในพระปาติโมกขอังวรคืล ถืงพร้อม ด้วยอาจาระและโคจรอยู่ มีปกติเห็นภัยในโทษผิดเพียงเล็กน้อย สมาทาน คืกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย (๑) เป็นพหุสูต คือเป็นผู้ทรงสุตะ อังสมสุตะ ...(๒) เป็นผู้อันโดษด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และคืลานบิจจัย เภอัซ บริขาร ... (๓) เป็นผู1ด้ฌาน ๔ ที่กัาวล่วงกามาพจรจิต เป็นธรรมเครื่องอยู่เป็นสุข ในบิจจุบันตามความปรารถนาโดยไม่ยากไม่สำบาก ...(๔) บรรลุอิทธิวิธีหลายประการ คือคนเดียวทำให้เป็นหลายคนก็ได้ หลายคนทำให้เป็นคนเดียวก็ได้ ... (๕) www.kalyanamitra.org
นละคผะ] หมวด๑๐ |o)Gfi>๙ ได้ยินเสียง ๒ ซนิด คือเสียงทิพย์และเสียงมนุษย์ทั้งที่อยู่ไกลและ ใกล1ด้ด้วยทิพยโสตธาตุอันบริสุทธี้ล่วงโสตวิส์'ยของมนุษย์ ... (๖) กำ หนดรูใจของสัตว์อื่นของบุคคลอื่นได้ด้วยใจ คือจิตมีราคะก็รู้ว่า จิตมีราคะ หรือจิตปราศจากราคะก็รู้ว่าจิตปราศจากราคะ ...(๗) ระลึกชาติก่อนได้เป็นอันมาก คือระลึกชาติได้หนึ๋งชาติบ้าง ...(๘) เห็นหมู่สัตว์ผู้กำลังจุติ กำ ลังอุบัติ เลว ประณีต มีผิวพรรณคื มีผิวพรรณทราม ได้ดี ตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบรืสุทธึ๊ล่วงจักษุวิสัยของ มนุษย์ ...(๙) ทำ ให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติอันหาอาสวะมิได้เพราะอาสฺวะ ทั้งหลายสีนไปด้วยปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ ...(๑อ) ฯ กายคตาสติอานิสังสกถา ว่าด้วยอานิสงส์ของกายคตาสติ ๑0 ๑. อดกลั้นต่อความยินดียินร้ายได้ ๒. อดกลั้นต่อภัยและความหวาตกลัวได้ ฅ. อตทนอตกลั้นต่อสภาพการณ์ต่างจุ ได้ ๔. ได้ฌาน ๔ ๕. แสดงโ \"\" ๖. มีหูทิพย์ ๗. กำ หนตรูใจผู้อื่นได้ ๘. ระลึกชาติก่อนได้ ๙. มีตาทิพย์ ๑อ. สีนอาสวกิเลส www.kalyanamitra.org
๒๗๖ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงลั ที่มา : กายคตาสติสูตร อนุปทวรรค ม.อุ. ๑๔/๑๕๙ กายคตาย ภิกฃท สติยา อาเสวิตาย ... อิเม ทสานิสํสา ปาฏิกงขา: อรติรติสให ใหติ ... ภยเภรวสโห โหติ ... ขโม โหติ สีตสส ... นิกามลาภื ... อิทธิวิธํ ปจฺจใjใภติ ... ทิพ.พาย โสตธาชุยา...สท.เท าติ ... ปรา]คคสานํ เจตสา เจโต ปริจ.จ ปชานาติ ... ใ]พ.เพนิวาสํ อาเสสรติ ... ทิาชุเพน จฤชุนา...สต.เต ปสสติ ... สจ.ฉิกตุวา ดูปสม.ปชุช วิหรติ ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กายคตาสติอันภิกษุเสพแล้ว เจริญ แล้ว ทำ ให้มากแล้ว ทำ ให้เป็นดุจยานแล้ว ทำ ให้เป็นดุจที่ตั้งแล้ว ให้ดำรงอยู่ เนือง ๆ แล้ว อบรมแล้ว ปรารภสมํ่าเสมอดีแล้ว พึงหวังได้อานิสงส์ ๑0 ประการนี้ คือ อดกลั้นต่อความไฝยินดีและความยินดีได้ ไม่ถูกความ ไม่ยินดีครอบงำ ย่อมครอบงำความไม่ยินดีที่เกิดขึ้นแล้วได้ (๑) อดกลั้นต่อภัยและความหวาดกลวได้ ไม่ถูกภัยและความหวาดกลัว ครอบงำ ย่อมครอบงำความหวาดกลัวที่เกิดขึ้นได้(๒) เป็นผู้อดทนต่อเย็น ร้อน หิว กระหาย เป็นผู้มีปกติทนทานต่อลัมผัส แห่งเหลือบ ยุง ลม แดด ลัตว์เลื้อยคลาน ต่อดำกล่าวที่เขากล่าวร้ายอันมา แล้วไม่ดี ต่อทุกขเวทนาทางกายที่เกิดขึ้นแล้ว อันกล้าแข็ง เผ็ดร้อน ไม่ เป็นที่ยินดี ไม่เป็นที่พอใจ อันอาจผลาญข็วิตได้ (ฅ) .... ฯ (ข้อ ๔ - ข้อ ๑อ มีนัยเดียวกันอับปสาทนิยกถา) www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด ๑๐ ๒๗๗ อนุสสติกถา ว่าด้วยอนุสสติ ๑0 ๑. ทุทธานุสสติ ระลึกถึงคุณของพระพุทธเจ้า ๒. ธัมมาใ{สสติ ระลึกถึงคุณของพระธรรม ต. สังฆไบุสสติ ระลึกถึงคุณของพระสงฆ์ ๔. สีสา1jสสติ ๕. จาคานุสสติ ระลึกถึงสืลของตน ๖. เทวตานุสสติ ระลึกถึงทานที่ตนบริจาคแล้ว ๗. อานาปานสติ ระลึกถึงคุณที่ทำบุคคลให้เป็นเทวดา ๘. มรณสติ ตั้งสติกำหนดลมหายใจเข้าออก ๙. กายคฅาสติ สติระลึกถึงความตาย ๑อ. อุปสมาบุสสติ สติกำหนดพิจารณากาย ระลึกถึงคุณของธรรมเป็นที่สงบระงับ(นิพพาน) ที่มา อปรอัจฉราส์งฆาตวรรค องฺ.เอก. ๒อ/๔๗ต-๔๔๒ (อชุฉราสงฆาตมตุตํปี เจ ภิชุขเว ภิกุชุ) พุทธาบุสฺสตี ภาเวติ, อยํ ชุจุจติ ภิกขเว ภิกชุ อริตฺตชุฌาใน วิหรติ สตฺรุสาสนกโร โอวาทปฏิกโร ... ธมมาพุสฺสตี ... สงฆานสสตี ... สีลาบุสฺสตี ... จาคาบุสุสตี ... เทวตาบุสฺสตี ... อานาปานสตี ... มรณสตี ... กายคตาสตี ... อุปสมาบุสสตี ภาเวติ ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ล้าภิกษุเจริญพุทธานุสสติแม้เพียง ชั่วลัดนิ้วมือเดียว ภิกษุนิ้เรากล่าวว่าอยู่ไม่ห่างจากฌาน ทำ ดามคำสอน ของพระศาสดา ปฏิบัติดามโอวาท ไม่ฉันบิณฑบาตของราษฎรเปล่า ก็จะ ป่วยกล่าวไปไยถึงผู้ทำให้มากซี่งพุทธาบุสสตินั้นเล่า ... เจริญธัมมาบุสสติ เจริญลังฆานุสสติ ... เจริญสิลานุสสติ ... เจริญจาคานุสสติ ... เจริญ www.kalyanamitra.org
๒๗๘ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงสั เทวตานุสสติ... เจริญอานาปานสติ ... เจริญมรณสติ .... เจริญกายคตาสติ ... เจริญอุปสมานุสสติ ... ฯ กาลามสุตตกถา ว่าด้วยหลักปฏิบัติเกี่ยวกับความเชื่อ ๑อ ๑. มา อนุสสทนะ อย่าปลงใจเชื่อโดยการฟ้งตามกันมา ๒. มา ปรัมปรายะ อย่าปลงใจเชื่อโดยการถือสิบ*! กันมา ฅ. มา อิติกิรายะ อย่าปลงใจเชื่อโดยการตื่นข่าวเล่าลือ ๔. มา ปีฏกสัมปทาเนนะ อย่าปลงใจเชื่อโดยการอ้างตำรา ๕. มา ตักกเหตุ อย่าปลงใจเชื่อโดยการนึกเดาเอาเอง ๖. มา นยเหตุ อย่าปลงใจเชื่อโดยการคาดคะเน ๗. มา อาการปริวิตักเกนะ อย่าปลงใจเชื่อโดยความตรึกตามอาการ ๘. มา ทิฎเนิชฌานักขันติยา อย่าปลงใจเชื่อโดยซอบใจว่าตรงกันกับ ๙. มา ภัพพรูปตายะ ความเห็นของตัว อย่าปลงใจเชื่อโดยเชื่อว่าผู้พูดสมควรจะ ๑อ. มา สมโณ โน ครูติ อย่าปลงใจเชื่อโดยความนับถือว่าสมณะนี้ เป็นครูของเรา ที่มา : เกสปุตตสูตร มหาวรรค ทุติยปัณณาสก์ องฺ.ติก. ๒0/๙๔๕ เอถ ตุม.เห กาสามา มา อนุสสเวน, มา ปรมปราย, มา อิติกิราย, มา โเฎกสม.ปทาเนน, มา ฅคุกเหตุ, มา นยเหตุ, มา อาการปริวิตกเกน, มา ทิฎุฮินิช.ฌานคุขนุติยา, มา ภพ.พรูปตาย, มา สมโณ โน ครูติ ฯ www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด ๑๐ ๒๗๙ แปล : มาเถิด ซาวกาลามะทั้งหลาย พวกท่านอย่าได้เชื่อถือ ตามถ้อยคำที่ได้ยินได้ฟ้งมา ๑ อย่าได้เชื่อถือตามถ้อยคำสิบต่อกันมา ๑ อย่าได้เชื่อถือโดยตื่นข่าวว่าได้ยินอย่างนี้ ๑ อย่าได้เชื่อถือโดยอ้างตำรา ๑ อย่าได้เชื่อถือโดยเดาเอาเอง ๑ อย่าได้เชื่อถือโดยคาดคะเน ๑ อย่าได้เชื่อ ถือโดยความตรึกตามอาการ ๑ อย่าได้เชื่อถือโดยชอบใจว่าตรงกันกับความ เห็นของตัว ๑ อย่าได้เชื่อถือโดยเชื่อว่าผู้ใ5jดลมควรจะเชื่อได้ ๑ อย่าได้เชื่อ ถือโดยความนับถือว่าสมณะนี้เป็นครูของเรา ๑ (เมื่อโด ท่านทั้งหลายพึงรู้ด้วยตนเองว่า 'ธรรมเหล่านี้เป็นอกุศล ธรรมเหล่านี้มีโทษ ธรรมเหล่านี้ผ้ร้ตำหนิ ธรรมเหล่านี้tครสมาทานให้ บริบูรณ์แล้วย่อมเป็นไปเพื่อสิงไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์' เมื่อนั้น ท่าน ทั้งหลายควรละธรรมเหล่านั้นเสิย) ฯ ทานวัตถุกถา ว่าด้วยสิงที่พึงให้เป็นทาน ๑อ ๑. ข้าว ๒. นํ้า ฅ. ผ้า ๔. ยานพาหนะ ๕. ดอกไม้ ๖. ของหอม ๗. เครื่องลูบไล้ ๘, ที่นอน ๙. ที่พักพาอาตัย ๑0. เครื่องประทีป ที่มา ๑ : ทานสูตร ปฐมปัณณาสก์ อง..สตฺตก. ๒ต/๕๒ โส ส์ ทานํ เทติ สมณสส วา พรไหมณสส วา อนุนํ ปาน์ วตุถํ ยานํ มาลาคนธวิเลปนํ เสยุยาวสถปทึเปยุยํ ... ฯ www.kalyanamitra.org
๒๘๐ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงสั แปล : (ดูก่อนสารีบุตร บุคคลบางคนในโลกนี้มีความหวังผลจึง ให้ทาน มีจึตผูกพนในผลจึงให้ทาน มุ่งการส์งสมจึงให้ทาน คิดว่าเราตาย ไปแล้วจักเสวยผลทานนี้จึงให้ทาน) เขาให้ทาน คือ ข้าว นํ้า ผ้า ยาน พาทนะ ดอกไม้ ของทอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่พัก ประทีปและอุปกรณ์ แก่สมณะทรีอพราหมณ์ ฯ ที่มา ๒: ทานกถา มงฺคลดฺถ. ๒/๕/ต อนุนํ ปานํ วดลํ ยานํ มาลา คนฺธํ วิเลปนํ เสยยาวสลํ ปทีเปยฺยํ ทานวตุฤ อิเม ทส ฯ แปล : ทานวัตถุ ๑๐ เทล่านี้ คือ ข้าว ๑ นี้า ๑ ผ้า ๑ ยานพาหนะ ๑ ดอกไม้ ๑ ของหอม ๑ เครื่องลูบไล้ ๑ ที่นอน ๑ ที่พัก ๑ เครื่องประทีป ๑ ฯ กสลสีลานิสังสกถา ว่าด้วยอานิสงส์สืลที่เป็นกุศล ๑อ ๑. มีความไม่เดือดร้อน ๒. มีความปราโมทย์ ต. มีความปลื้มใจ ๔. มีความสงบระงับ ๕. มีความสุข ๖. มีสมาธิ ๗. มีความรู้เห็นตามความเป็นจรีง ๘. มีความเบื่อหน่าย ๙. มีความคลายกำหนัด ๑๐. มีความเห็นด้วยญาณถึง ความหลดพัน www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด ๑๐ ๒๘๑ ที่มา : ^มัตถิยสูตร ปฐมปัณณาสก์ อ<j.ทสก.๒๔/๑ อิติ โข อานนุฑ ถูสลานิ สีลานิ อวิปุปฎิสารตถานิ อวิปุปฏิสารา- นิสํสานิ, อวิปปฏิสาโร ปา1^ชุชตลํ ปายูชุชานิสํโส ... ปา1Jชุชํ ... ปีติ ... ปสสทธิ ... อุ[ฃํ ... สมาธิ ... ยลาฎตฌาณทสสนิ ... นิพพิทารราโค วิชุชุติณาณทลุ[สนตฺโล วิ ติณาณทลุ[สนานิสํโส... ฯ แปล : ดูก่อนอานนท์ สืลที่เป็นกุศลมีอวิปปฎิสาร (ความไม่ เดือดร้อนใจ) เป็นผล มีอวิปปฏิสารเป็นอานิสงสั อวิปปฏิสารมีความ ปราโมทย์เป็นผลเป็นอานิสงส์ ความปราโมทย์มีปีดืเป็นผลเป็นอานิสงส์ ปีติมีปัสส์ทธิเป็นผลเป็นอานิสงส์ ป้สสัทธิมีสุฃเป็นผลเป็นอานิสงส์ สุขมี สมาธิเป็นผลเป็นอานิสงส์ สมาธิมียถาภูตญาณทัสสนะเป็นผลเป็นอานิสงส์ ยถาภูตญาณทัสสนะมีนิพพิทาวิราคะเป็นผลเป็นอานิสงส์ นิพพิทาวิราคะมี วิมุตติญาณทัสสนะเป็นผลเป็นอานิสงส์ด้วยประการดังนี้ ดูก่อนอานนท์ สืลที่เป็นกศลยังอรหัตให้บริบรถilด้ด้วยประการดังนี้แล ฯ สมันตปาสาทิกกถา ว่าด้วยลักษณะของภิกษุผู้น่าเลื่อมใสรอบด้าน ๑0 ๑. มีศรัทธา ๒. มีดืล ฅ. เป็นพหูสูต ๔. เป็นธรรมกถึก ๕. เข้าหาบริษัท ๖. แกล้วกล้าแสตงธรรม ๗. ทรงวินัย ๘. อยู่ป่าเป็นวัตร ๙. ได้ฌาน ๔ ๑อ. ส์นอาสวกิเลส www.kalyanamitra.org
๒๘๒ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงลั ที่มา : ฌานสูตร ปฐมปัณณาสก์ องฺ.ทสก. ๒๔/๘ ยโต จ โข ภิฤขท ภิกชุ สทุโธ จ โหติ สีลวา จ พชุฤ[ธุ[โต จ ธมุมกรโก จ ปริสาวจโร จ วิสารโท จ ปริสาย ธมุมํ เทเสติ, วินยธโร จ อารญณโก จ ปนตเสนาสโน, จตนนณจ ฌานานํ ... นิกามลาภี ... อาสวานญจ ขยา ... รุปสมุปชุช วิหรติ...อิเมหิ โข ภิฤขเว ทสหิ ธมุเมหิ สมนนาคโต ภิฤชุ สมมุตปาสาทิโก จ โหติ สพฺพาการปริชุ]โร จ ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อใดแลภิกษุเป็นผู้มีศรัทธา ๑ มี สิล ๑ เป็นพหูสูต ๑ เป็นธรรมกถึก ๑ เข้าหาบริษัท ๑ แกล้วกล้าแสดง ธรรมแก่บริษัท ๑ ทรงวินัย ๑ อยู่ปาเป็นวัตร อยู่ในเสนาสนะอันสงัด ๑ ได้ฌาน ๔ ที่ก้าวล่วงกามาพจรจิต เป็นธรรมเครื่องอยู่เป็นสุขในปัจจุบัน ตามความปรารถนาได้!ดยไม่ยาก โดยไม่ลำบาก ๑ ทำ ให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติอันหาอาสวะมิได้เพราะอาสวะทั้งหลายเนไปด้วยปัญญาอันยิ่ง เองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ได้ ๑ เมื่อนั้น เธอซึ่อว่าเป็นผู้บริบูรถ!ด้วยองค์นั้น ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๑0 ประการนี้แลย่อมเป็นผู้ ก่อให้เภิตความเลื่อมใสโดยรอบและเป็นผู้บริบูรถ!ด้วยอาการทั้งปวง ฯ www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด ๑๐ ๒๘๓ สังโยชนคฝิา (๑) ว่าสืวยส์'งโยชน์ ๑0 (นัยที่ ๑) ๑. สักกายฑิเ ความเห็นเป็นเหตุถือตัวถือตน ๒. วิจิกิจฉา ความลังเลสงสัย ฅ. สืลัพพตปรามาส ความถือมั่นสืลพรต ๔. กามฉันทะ ความพอใจในกาม ๕. พยาบาท ความคิดแก้แค้นผู้อื่น ๖ รูปราคะ ความติดใจในรูปภพ ๗. อรูปราคะ ความติดใจในอรูปภพ ๘. มานะ ความถือตัว ๙. ลูทธัจจะ ความฟ้งซ่าน ๑0. อวิชชา ความไฝรู้สภาพจริง ที่มา : ส์งโยซนสูตร ปฐมปัณณาสก์ องฺ.ทสก. ๒๔/๑ฅ กดมานิ ปญโจรมภาคิยานิ สํโยชนานิ ฯ สคุกายทิฎุจิ วิจิกิจฉา สีสพุพฅปรามาใส กามจฉนโท พยาปาโท ฯ กดมานิ ปญชุทํธมุภาคิยานิ สํโยชนานิ ฯ รูปราโค อรูปราโค มาโน ตุท.ธจุจํ อวิชชา ฯ แปล : (ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สังโยชน์คือกิเลสเครื่องประกอบ สัตว!วิIนภพ มี ๑อ ประการนี้ สังโยชน์ ๑อ ประการคืออะไรบ้าง คือ โอรัม ภาคืยสังโยชน์ สังโยชน์เป็นไปในส่วนเบื้องตา ๕ ประการ อุทธัมภาคืย สังโยชน์ สังโยชน์เป็นไปในส่วนเบื้องสูง ๕ ประการ) โอรัมภาคืยสังโยชน์ ๕ ประการคืออะไรบ้าง คือ สักกายทิฐิ ๑ วิจิกิจฉา ๑ สีลัพพตปรามาส ๑ กามฉันทะ ๑ พยาบาท ๑ อุทรัมภาคืยสังโยชน์ ๕ ประการคืออะไรบ้าง คือ รูปราคะ ๑ อรูปราคะ ๑ มานะ ๑ อุทรัจจะ ๑ อวิชชา ๑ ฯ www.kalyanamitra.org
๒๘๔ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงสั สังใยชนคฝืา(๒) ว่าด้วยสังโยชน์ ๑0 (นัยที่ ๒) ๑. กามราคะ ความกำห'นัดยินดีในกาม ๒. ปฏิฆะ ความกระทบกระ'ที่'งในใจ ฅ. มานะ ความถือตัว ความเ'คืนผิด (&. ฑิเ ความลังเลสงสี'ย ๕. วิจิกิจฉา ความถือมั่นคืลและพรต ๖. สีลพพตปรามาส ความดีดใจในภพ ๗. ภวราคะ ความริษยา ๘. อิสสา ๙. มัจฉริยะ ความตระห'นี่ ๑อ. อวิชชา ความไม่รสภาพจริง ที่มา ขัคควิสาณสตตนิทเทส ขุ.จู. ต0/๑๔๙ฅ๘๒ 1 ช่ ทส สญโฌชนานิ : กามราคสณโณชนํ ปฎิฆสณุโฌชนํ มาน- สเบโผชนํ ทิฎุเสผโผชนํ วิจิคิจฺฉาสญโผชนํ สีลพุพตปรามาสสญโผชนํ ภวราคสญโผชนํ อิสุสาสฌโผชนํ มจฉริยสผุโผชนํ อวิชชาสผุโผชนํ ฯ แปล : (คำว่า ทำ ลายสังโยซ'นทั้งหลายเสีย ความว่า) ส์งโยซ'น (กิเลลเครื่องผูกมัดใจสี'ตว์) ๑0 ประการ คือ กามราคสี'งโยซน์ ๑ ปฎิฆ สี'งโยซ'น ๑ มานสี'งโยซ'น ๑ ทิฏเสี'งโยซน์ ๑ วิจิกิจฉาสี'งโยซ'น ๑ สีสี'พพตปรามาสสี'งโยซ'น์ ๑ ภาราคสี'งโยซ'น์ ๑ อิสสาสี'งโยซ'น ๑ มัจฉริย สี'งโยซ'น ๑ อวิซซาสี'งโยซ'น ๑ ฯ www.kalyanamitra.org
นละคผะ] หมวด ๑๐ ๒๘๕ ปาติโมกฃัฎฐปนากถา ว่าด้วยเหตุให้หยุดสวดพระปาติโมกข1ด้ ๑0 ๑. มีภิกษุผู้ต้องปาราชิกนั่งอยูในบริษัทนั้น ๒. กถาปรารภภิกษุผู้ต้องปาราชิกยังค้างอยู่ ต. มีอนุปสัมบันนั่งอยู่ในบริษัทนั้น ๔. กถาปรารภอนุปสัมบันยังค้างอยู่ ๕. มีผู้บอกลาสิกขานั่งอยู่ในบริษัทนั้น ๖. กถาปรารภผู้บอกลาสิกขายังค้างอยู่ ๗. มีบัณเฑาะก์นั่งอยู่ในบริษัทนั้น ๘. กถาปรารภบัณเฑาะก์ยังค้างอยู่ ๙. มีผู้ประทุษร้ายภิกษุณีนั่งอยู่ในบริษัทนั้น ๑อ. กถาปรา1 รภผู้ปVระI ทุษร้าVยภิก^ษุณียั.งVค-้รา'งอยู่ ที่มา : ปาติโมกขัฎฐปนาสูตร ปฐมปัณณาสก์ อง..ทสก. ๒๙ต๒ ทส โข อุปาร ปาติโมกขฎฮปนา ฯ กตเม ทส ฯ ปาราชิโก ตสฺส์ ปริสายํ นิสินฺโน โหติ, ปาราชิกกถา วิปุปกตา โหติ, อนุปสมฺปนฺโน ... อนุปสมปนนกถา ... สิคุฃํ ปจจกุขาโต ... สิกุฃํ ปจจกุขาตกถา ... ปณฑโก ... ปณุฑกกถา ... ภิกุชุนีทุสโก ตสสํ ปริสายํ ปีสินุโน โหติ, ภิกุชุนีทุสกกถา วิปฺปกตา โหติ ฯ แปล : ดูก่อนอุบาลี การหยุดสวดปาติโมกข์มี ๑อ ประการ ๑๐ ประการคืออะไรบ้าง คือ มีภิกษุผู้ต้องปาราชิกนั่งอยู่ในบริษัทนั้น๑ ... กถา ปรารภผ้ประทษร้ายภิกษณียังค้างอย่ ๑ ฯ www.kalyanamitra.org
๒๘๖ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงลั อุพพาหิกากถา ว่าด้วยคุณสมบัติของภิกษุฟ้ควรรื้อทื้เนอธิกรณ์ ๑๐ ๑. มีฝ็ล ๒. เป็นพหูสูต ฅ. จำ พระปาติโมกข์ทั้งสองฝ่ายได้ดี ๔. เคร่งครัด ไฝคลอนแคลนในวินัย ๕. สามารถเพื่ออันยังคู่ความทั้งสองฝ่ายให้ยินยอมได้ ๖. ฉลาดในการที่จะให้อธิกรถ!ซึ่งเกิดขึ้นระงับได้ ๗. รู้อธิกรถ! ๘. รู้เหตุเป็นที่เกิดขึ้นแห่งอธิกรถ! ๙. รู้ความดับแห่งอธิกรถ! ๑อ. รู้ทางปฏิบัติที่ทำให้ถึงความดับแห่งอธิกรถ! ที่มา : อุพพาหิกาสูตร ปฐมปัณณาสก์ องฺ.ทสก. ๒๔/ตต ทส โข อุปาลิ ธมุเมหิ สมนนาคโต ภิกฃุ อุพพาหิกไย สมมนนิฅพโพ ... อิธุปาลิ ภิกชุ สีสวา โหติ ... พทุสธุ[โต ... อุภยานิ โข ปนสส ปาติโมกขานิ วิตถาเรน สวาคตานิ ... วินพ โข ปน สีโต ... ปฎิพโล โหติ อุโภ อตุถ. ปจจดลิเก สผฺผาเปตุ๊ ... อธิกรณสร{ปปาท^ปสมอุสโส ... อธิกรณํ ชานาติ, อธิกรณสร^ทยํ ... อธิกรณนิโรธํ ... อธิกรณนิโรธคามินิปฎิปทํ ... ฯ แปล : ดูก่อนอุบาลี ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๑อ ประการแล สงฆ์พึงสมมติเพื่อให้เป็นผู้รื้อพื่นอธิกรถ! ธรรม ๑อ ประการดีออะไรบ้าง ดีอ ภิกษุในธรรมวินัยนี้เป็นผู้มีดีล ดีอสำรวมแล้วในปาติโมกขส์งวร ถึงพร้อม ด้วยอาจาระและโคจร มีปกติเห็นภัยในโทษผิดแม้เพึยงเล็กน้อย สมาทาน www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด ๑อ ๒๘๗ สิกษาอยูในสิกขาบททั้งหลาย ๑ เป็นพ'คูสูต คือเป็นผู้ทรงสุตะ ส์งสมสุตะ ธรรมเหล่าใดงามในเบื้องต้น งามในท่ามกลาง งามในที่สุด กล่าวถึงพรหม จรรย์ พร้อมทั้งอรรถทั้งพยัญชนะบริสุทธิ้บริบูรณ์ครบถ้วน ธรรมทั้งหลาย เห็นปานนั้นอันภิกษุนั้นไต้สดับมาก ทรงจำไว1ต้ คล่องปาก ขึ้นใจ แทง ตลอดต้วยปัญญา ๑ ปาติโมกข์ทั้งสองอันภิกษุนั้นจำดีแล้ว จำ แนกดีแล้ว กล่าวดีแล้วโดยพิสดาร วินิจฉัยดีแล้วโดยสูตร โดยอนุพยัญชนะ ๑ เป็นผู้ เคร่งครัด ไฝคลอนแคลนในวินัย ๑ เป็นผู้สามารถเพื่อจะยังคู่ความทั้งสอง ฝ่ายให้ยินยอม ให้ตรวจดู ให้เห็นผล ให้เลื่อมใสไต้ ๑ เป็นผู้ฉลาดในการที่ จะให้อธิกรณ์ซึ๋งเกิดขึ้นระงับไต้ รู้อธิกรณ์ ๑ รู้เหตุเป็นที่เกิดขึ้นแห่งอธิกรณ์ ๑ รู้ความดับแห่งอธิกรณ์ ๑ รู้ทางปฏิบัติที่ทำให้ถึงความดับแห่งอธิกรณ์ ๑ ฯ อุฟ้ชฌายังคคลา ว่าด้วยคุณสมบัติของพระอุปัชฌาย์ ®0 ๑. มีคืล ๒. เป็นพคูสูต ต. จำ พระปาติโมกข์Iต้ดี ๔. สามารถอุปัฏฐากหรือให้ผู้อื่นอุปัฏฐากสิทธิวิหาริกผู้เป็นไช!ต้ ๕. สามารถระงับหรือให้ผู้อื่นระงับความไม่ยินดียิ่งของสิทธิวิหาริกไต้ ๖. สามารถบรรเทาความรำคาญขึ้งเกิดขึ้นแล้วไดโดยธรรม ๗. สามารถเปลื้องความเห็นผิดขึ้งเกิดขึ้นแล้วไดั!ดยธรรม ๘. สามารถให้สมาทานอธิคืลไต้ ๙. สามารถให้สมาทานอธิจิตไต้ ๑อ. สามารถให้สมาทานอธิปัญญาไต้ www.kalyanamitra.org
๒๘๘ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงลั ที่มา : อุปลัมปทาสูตร ปฐมปัณณาสก์ องฺ.ทสก. ๒๔/ฅ๔ ทสหิ โข คูปาลิ ธมเมหิ สมนุนาคเดน ภิกชุนา คูปสมปาเทฅพฺพํ ... อิธุปาลิ ภิกขุ สืลวา โหติ ... พทุสธุ[โค ... ปาติโมกฃํ โข ปนสุส วิตุลาเรน สุวาคตํ ... ปฎิพโล โหติ ติลานํ คูปฎ®าตุ๊ ... อนภิรติ ฐปกาเสตุ๊ ... คูปุปนุนํ คูกคูจฺจํ ธมมโต วิโนเทตุ๊ ... ทิฎฺริคตํ ธมมโฅ วิเวเจตุ๊ ... อธิสีเอ สมาทเปตุ๊ ... อธิจิตุเฅ สมาทเปตุ๊ ... อธิปญผาย สมาทเปตุ๊ ฯ แปล ะ ดูก่อนอุบาลี ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๑0 ประการแล พึงให้อุปสมบทกุลบุตร ธรรม ๑อ ประการคืออะไรบ้าง คือ ภิกษุในธรรม วินัยนี้เป็นผู้มีคืล คือสำรวมแล้วในปาติโมกขส์'งวร ถึงพร้อมด้วยอาจาระ และโคจรอยู่ มีปกติเห็นภัยในโทษผิดแม้เพึยงเล็กน้อย สมาทานคืกษา อยู่ในสิกขาบททั้งหลาย ๑ เป็นพหูสูต คือเป็นผู้ทรงสุตะ สิงสมสุตะ ... ๑ ปาติโมกข์อันภิกษุนั้นจำดีแล้ว จำ แนกดีแล้ว กล่าวดีแล้วโดยพิสดาร วินิจฉัยดีแล้วโดยสูตร โตยอบุพอัญชนะ ๑ เป็นผู้สามารถที่จะอุปัฏฐากเอง หรือใซโห้ผู้อื่นอุปัฏฐากสิทธิวิหาริกผู้เป็นไข้ ๑ เป็นผู้สามารถที่จะระงับเอง หรือโซให้ผู้อื่นระงับความไม่ยินดียิงของสิทธิวิหาริก ๑ เป็นผู้สามารถที่จะ บรรเทาความรำคาญอันเกิดขึ้นแล้วได้โดยธรรม ๑ เป็นผู้สามารถที่จะ เปลื้องความเห็นผิดอันเกิดขึ้นแล้วได้โดยธรรม ๑ เป็นผู้สามารถที่จะให้ สมาทานในอธิคืลได้ ๑ เป็นผู้สามารถที่จะให้สมาทานในอธิจิตได้ ๑ เป็น ผู้สามารถที่จะให้สมาทานในอธิปัญญาได้ ๑ ฯ www.kalyanamitra.org
และค{นร] ทมวด ao ๒๘ร สังฆเภทกลา ว่าด้วยเหตุที่ทำให้สงฆ์แตกกัน ๑0 ๑. แสดงอธรรมว่าเป็นธรรม ๒. แสดงธรรมว่าเป็นอธรรม ฅ. แสดงสิงไม่เป็นวินัยว่าเป็นวินัย ๔. แสดงวินัยว่าไม่เป็นวินัย ๕. แสดงคำที่พระตถาคตมิได้ดรัสมิได้ภารดไวิว่าดรัสไว้ภาษิตไว้ ๖. แสดงคำที่พระตถาคตตรัสไว้ภาษิตไว้ว่ามิได้ตรัสมิได้ภาษิตไว้ ๗. แสดงสิงที่พระตถาคตมิได้ประพฤติมาว่าประพฤติมา ๘. แสดงสิงที่พระตถาคตประพฤติมาว่ามิได้ประพฤติมา ๙. แสดงสิงที่พระตถาคตมิได้บัญญัติไว้ว่าบัญญัติไว้ ๑อ. แสดงสิงที่พระตถาคตบัญญัติไว้ว่ามิได้บัญญัติไว้ ที่มา : ส์งฆ๓ทสูตร ปฐมปัณณาสก์ องฺ.ทสก.๒๔/ต๗ อิ^ปาลิ ภิกขู อธมมํ ธมโมดิ ทีเปนุฅิ, ธมฺมํ อธม!มติ ... อวินยํ 'รินโยติ ... รินยํ อรินโย ต ... อภาสิตํ อลปีตํ ตถาคเดน ... ภาสิตํ ลปีตํ คลาคเคน ... อนาจิณผํ ... อาจิณณํ... อปฺปญผคคํ ... ปญผคดํ คลาคเคน 'อปุปญผดดํ คลาคเคนาติ ทึเปนติ ฯ เค อิเมหิ ทสหิ วดฺฐหิ อวคสสนติ ปวกสุสนฺติ, อเวนิกกมมานิ กโรนติ อาเวนิกปาติโมกฃํ รุทุฑิสฺสนติ ฯ เอตุคาวคา โข รุปาลิ สงฺโฆ ภินุโน โหติ ฯ แปล : ดูก่อนอุบาลี ภิกษุทั้งหลายโนธรรมวินัยนี้แสดงอธรรมว่า เป็นธรรม ๑ แสดงธรรมว่าเป็นอธรรม ๑ แสดงสิงไม่เป็นวินัยว่าเป็นวินัย ๑ แสดงวินัยว่าไม่เป็นวินัย ๑ แสดงคำที่ตถาคตมิได้ตรัสไว้มิได้ภาษิตไว้ว่าเป็น www.kalyanamitra.org
๒๙0 คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงสั คำ ที่ตถาคตตรัสไว้ภาษิตไว้ ๑ แสดงคำที่ตถาคตตรัสไว้ภาษิตไว้ว่าเป็นคำที่ ตถาคตมิได้ตรัสไว้มิได้ภาษิตไว้ ๑ แสดงส์งที่ตถาคตมิได้ประพฤติมาว่าเป็น ส์งที่ตถาคตประพฤติมา ๑ แสดงส์งที่ตถาคตประพฤติมาว่าเป็นสิงที่ตถาคต มิได้ประพฤติมา ๑ แสดงสิงที่ตถาคตมิได้บัญญัติไว้ว่าเป็นสิงที่ตถาคตบัญญัติ ไว้ ๑ แสดงสิงที่ตถาคตบัญญัติไว้ว่าเป็นสิงที่ตถาคตมิได้บัญญัติไว้ ๑ ภิกษุ เหล่านั้นย่อมทอดทิ้งกัน แยกจากกัน ทำ ส์งฆกรรมแยกกัน สวดปาติโมกข์ แยกกันด้วยเหตุ ๑0 ประการนี้ ดูก่อนอุบาลี สงฆ์จะเป็นผู้แตกกันด้วยเหตุ เพียงเท่านี้แล ฯ สังฆสามัคคกถา ว่าด้วยเหตุให้สงฆ์พร้อมเพรียงกัน ๑อ ๑. แสดงสิงที่ไม่เป็นธรรมว่าไม่เป็นธรรม ๒. แสดงสิงที่เป็นธรรมว่าเป็นธรรม ฅ. แสดงสิงที่มิใซํวินัยว่ามิโซ่วินัย ๔. แสดงสิงที่เป็นวินัยว่าเป็นวินัย ๕. แสดงคำที่ตถาคตมิได้ตรัสมิได้ภาษิตไว้ว่ามิได้ตรัสไว้มิได้ภาษิตไว้ ๖. แสดงคำที่ตถาคตตรัสไว้ภาษิตไว้ว่าตรัสไว้ภาษิตไว้ ๗. แสดงสิงที่ตถาคตมิได้ประพฤติมาว่ามิได้ประพฤติมา ๘. แสดงสิงที่ตถาคตประพฤติมาว่าประพฤติมา ๑อ. แสตงสิงที่ตถาคตบัญญัติไว้ว่าบัญญัติไว้ www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด ๑๐ ๒๙๑ ที่มา : ส์ง้ฆสามัคสืสูตร ปฐมปัณณาสก์ องฺ.ทสก.๒๔/ฅ๘ อิ1;ปาลิ ภิกรุเ อธมมํ อธมใมดิ ทีเปนฅิ, ธมฺมํ ธมฺใมติ ... อวินยํ 'อวินโยติ ... วินยํ 'วินโยติ ... อภาสิตํ ออปีตํ ตถาคเตน ... ภาสิตํ ลปีตํ คลาคเคน ... อนาจิถเณํ ... อาจิณณํ ... อปุปผฺผดฺตํ ... ปญผคตํ คลาคเคน 'ปญณตุตํ คลาคเคนาติ ทึเปนติ ฯ เค อิเมหิ ฑสหิ วคถูหิ น อรคสสนติ น ปรกสฺสนฺติ น อาเรนิกกมฺมานิ กโรนฺติ น อาเรนิกปาติโมกฃํ อุทุทิสสนติ ฯ เอตุคารคา โข รุปาลิ สงุโฆ สมคโค โหติ ฯ แปล : ดูก่อนอุบาลี ภิกษุทั้งหลายโนธรรมวินัยนี้แสดงสิงทีไม่เนิน ธรรมว่าไม่เนินธรรม ๑ แสดงสิงที่เนินธรรมว่าเนินธรรม ๑ แสดงสิงที่มิใช่ วินัยว่ามิใช่วินัย ๑ แสดงสิงที่เนินวินัยว่าเนินวินัย ๑ แสดงคำที่ตถาคตมิได้ ตรัสไว้มิได้ภาษิตไว้ว่าเนินคำที่ตถาคตมิได้ตรัสไว้มิได้ภาษิตไว้ ๑ แสดงคำที่ ตถาคตตรัสไว้ภาษิตไว้ว่าเนินคำที่ตถาคตตรัสไว้ภาษิตไว้ ๑ แสดงสิงที่ตถาคต มิได้ประพฤติมาว่าเนินสิงที่ตถาคตมิได้ประพฤติมา ๑ แสดงสิงที่ตถาคต ประพฤติมาว่าเนินสิงที่ตถาคตประพฤติมา ๑ แสดงสิงที่ตถาคตมิได้บัญญัติ ไว้ว่าเนินสิงที่ตถาคตมิได้บัญญัติไว้ ๑ แสดงสิงที่ตถาคตบัญญัติไว้ว่าเนินสิง ที่ตถาคตบัญญัติไว้ ภิกษุเหล่านั้นย่อมไม่ทอดทิ้งกัน ไม่แยกจากกัน ไม่ทำ ส์งฆกรรมแยกกัน ไม่สวดปาติโมกข์แยกกันด้วยเหตุ ๑0 ประการนี้ ดูก่อน อุบาลี สงฆ์จะเนินผู้พร้อมเพรียงกันด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล ฯ www.kalyanamitra.org
๒๙๒ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงลั อภิณหฟ้จจเวกฃณกถา ว่าด้วยธรรมที่บรรพชิตควรพิจารณาเนือง ๆ ๑อ ๑. บัดนี้เรามีเพศต่างจากคฤหัสถ์แล้ว อาการกิริยาใด ๆ ของสมณะ เรา ต้องทำอาการกิริยานั้น ร ๒. ความเลี้ยงชีวิตของเราเนื่องต้วยผู้อี่น เราควรทำตัวให้เขาเลี้ยงง่าย ต. อาการกายวาจาอย่างอึ่นที่เราจะต้องทำให้ดีขึ้นไปกว่านี้ ยังมีอยู่อีก ไมใซํเพียงเท่านี้ ๔. ตัวของเราเองติเตียนตัวเราเองโดยสืลไต้หริอไม่ ๕. ผู้รูใคร่ครวญแล้วติเตียนเราโดยดีลไต้หรือไม่ ๖. เราจะต้องพลัดพรากจากของรักของชอบใจทั้งเน ๗. เรามีกรรมเป็นของตัว เราทำตีจักไต้ตี ทำ ชั่วจักไต้ชั่ว ๘. วันตีนล่วงไป ๆ บัดนี้เราทำอะไรอยู่ ๙. เรายินตีในที่อันสงัดหรือไม่ ๑อ. คุณวิเศษของเรามีอยู่หรือไม่ ที่จะให้เราเป็น^ม่เก้อเขินในเวลาเพื่อน พรหมจรรย์ถามในกาลภายหลัง (นวโกวาท) ที่มา ปัพพรตอภิณหสูตร ปฐมปัณณาสภิ อง..ทสก. ๒๔/๔๘ ทสยิฌ ภิฤขเว ธมมา ปพพชิเดน อภิณุหํ ปจุจเวฤขิฅพุพํ ฯ คดเม ทส ฯ เววณฺณิยมหิ อชุญปคโดติ ปพุพชิเดน อภิณหํ ปจจเวคุชิดพพํ ... อดลิ นุ โข เม คุฤดริมนุสุสธมมา อลมริยผาณทสสนวิเสโส อธิคโด ... ปพพชิเดน อภิณหํ ปจจเวคชิตพุพํ ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๑๐ ประการเหล่านี้อัน บรรพขิตพีงพิจารณาเนือง ๆ ธรรม ๑๐ ประการตีออะไรบัาง ตีอ บรรพชิต พิงพิจารณาเนือง *1 ว่า เราเป็นผู้มีเพศต่างจากคฤหัสถ์ ๑ ... การเลี้ยง www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด ๑๐ ๒๙๓ ชีพของเราเนื่องด้วยคนอื่น ๑ ... อากัปกิริยาอย่างอื่นอันเราควรทำมีอยู่ ๑ ... เราย่อมติเตียนตนเองโดยด้ลได้หรือไม่ ๑ ... เพื่อนร่วมพรหมจรรย์ทั้งหลาย ผู้เป็นวิญฌูซนพิจารณาแล้วติเตียนเราโดยตีลได้หรือไม่ ๑ ... เราด้องพลัด พรากจากของรักของชอบใจทั้งสัน ๑ ... เราเป็นผู้มีกรรมเป็นของตน เป็น ทายาทของกรรม มีกรรมเป็นกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธุ มีกรรมเป็นที่ พื่งอาพัย เราทำกรรมใดไว้ตีหรือซั่วก็ตาม เราจักด้องเป็นผู้รับผลของกรรม นั้น๑ ... รันคืนล่วงไป ๆ บัดนี้เราทำอะไรอยู่ ๑ ... เราย่อมยินคืในเรือนร้าง หรือไม่ ๑ ... ญาณทัสสนะอันวิเศษที่สามารถทำความเป็นพระอริยะให1ด้อัน ยิ่งกว่าธรรมของมนุษย์ที่เราได้บรรลุแล้วมีอยู่หรือหนอ ที่เป็นเหตุให้เราผู้ถูก เพื่อนร่วมพรหมจรรย์ถามแล้วจักไม่เป็นผ้เก้อเขินในกาลภายหลัง ๑ ฯ สรืรัฏฐธัมมกถา ว่าด้วยสิงที่ตั้งอยู่ในสรืระที่ควรพิจารณาเนือง ๆ ๑อ ๑ ความหนาว ๒. ความร้อน ฅ. ความหิว ๔. ความระหาย ๕. ความปวดอุจจาระ ๖. ความปวดปัสสาวะ ๗. ความสำรวมกาย ๘. ความสำรวมวาจา ๙. ความสำรวมอาชีพ ๑อ. เครื่องปรุงแต่งภพอันเป็นเหตุให้เกิดในภพต่อไป www.kalyanamitra.org
๒๙๔ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงลั ที่มา : สรีรัฏฐธัมมสูตร ปฐมปัณณาสก์ อง..ทสก.10๔/๕๙ ทสยิฒ ภิคขเว ธมมา สรีรฎฺธา ฟ่พุพชิเดน อภิณหํ ปจจเวฤขิฅพุพา ... สีตํ รุณุา1 ชิฆชุฉา ปีปาสา รุจุจาโร ปสสาโว กายสํวโร วจีสํวโร อาชิวสํวโร โปโนพุภวิโก ภวสงฃาโร ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรมที่ตั้งอยู่ในสรีระ ๑อ ประการ เหล่านี้อันบรรพชิตพึงพิจารณาเนือง ๆ ธรรม ๑0 ประการคืออะไรบ้าง คือ ความหนาว ๑ ความร้อน ๑ ความหิว ๑ ความระหาย ๑ ความปวด อุจจาระ๑ ความปวดปัสสาวะ๑ ความสำรวมกาย๑ ความสำรวมวาจา๑ ความสำรวมอาชีพ ๑ ธรรมเป็นเครี่องปรุงแต่งภพอันเป็นเหตุให้เกิดในภพ ต่อไป ๑ ฯ สารณียธัมมคถา ว่าด้วยลักษณะของผู้มีสารณียธรรม ๑อ ๑. มีคืล ๒. เป็นพหูสูต ฅ. มีกัลยาณมิตร ๔. ว่าง่าย ๕. ขยัน ๖. ใครในธรรม ๗. ปรารภความเพียร ๘. อันโตษ ๙. มิสติ ๑0. มีปัญญา ที่มา : ภัณทนสูตร ปฐมปัณณาสก์ อง..ทสก. ๒๔/๕0 ทสยิเม ภิฤขเว ธมมา สารณึยา ปียกรณา ครุกรณา ... อิธ ภิฤขเว ภิกชุ สืลวา โหติ ... พชุสุธุ[โต ... กลุยาณมิตุโฅ ... อ[ุ วโจ ... ฅตถ ทฤโข ... ธมฺมกาโม ... อารทธวีริโย ... สนตุฎุโฮ ... สติมา ... ปณฌวา... ฯ www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด๑๐ ๒ส๕ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๑0 ประการเหล่านี้เป็นที่ตั้ง แห่งความระลึกถึงกัน ทำ ให้เป็นที่รัก ... ธรรม ๑อ ประการคืออะไรบ้าง คือ ภิกษุโนธรรมวินัยนเป็นผู้มีคืล ... {๑) เป็นพหูสูต ... (๒) เป็นผู้มีมิตรดี มิสหายดี มิจิตน้อมไปในคนดี ...(ฅ) เป็นผู้ว่าง่าย ... (๔) เป็นผู้ขยันไม่เกียจครัานในกรณียภิจทั้งสูงทั้งตั้าฃองเพื่อนร่วม พรหมจรรย์ทั้งหลาย ... (๕) เป็นผู้ใคร่ในธรรม เป็นผู้ฟ้งและแสดงธรรมอันเป็นที่พอใจ มิความ ปราโมทย์อย่างยิ่งในอภิธรรม ในอภิวินัย ... (๖) เป็นผู้ปรารภความเพียรเพื่อจะละอกุศลธรรม เพื่อจะยังกุศลธรรม ให้ถึงพรัอม ... (๗) เป็นผู้ส์นโดษด้วยจีวร บิณฑบาต เสนาสนะ และดีลานปัจจัยเภสัช บริขารตามมีตามได้ ... (๘) เป็นผู้มิสติ คือประกอบด้วยสติเป็นเครื่องรักษาตนอย่างยิ่ง ...(๙) เป็นผู้มิปัญญา คือประกอบด้วยปัญญาที่ตามเห็นความเกิดและ ความด้บ ... (๑อ) ฯ www.kalyanamitra.org
๒^๖ คผัร?รม [พระธรรมกิตติว)สั สัญญาคลา (๑) ว่าด้วยส์'ญญา ๑อ (นัยที่ ๑) ๑. อธุ[ภสัญญา กำ หนดหมายความไม่งามแห่งกาย ๒. มรณสัญญา กำ หนดหมายความตาย ฅ. อาหาเรปฎิถูลสัญญา กำ หนดหมายความปฏิกูลในอาหาร ๔. สัพพโลเกอนภิรตสัญญา กำ หนดหมายว่าไม่น่ายินดีในโลกทั้งปวง ๕. อนิจจสัญญา กำ หนดหมายความไม่เที่ยงแห่งเบญจขันธ์ ๖. อนิจเจธุกฃสัญญา กำ หนดหมายความเปีนทุกข์ในเบญจขันธ์ที่ ไม่เที่ยง ๗. ชุกเขอนิตตสัญญา กำ หนดหมายความเป็นอนัตตาในเบญจขันธ์ที่ เป็นทุกข์ ๘. ปหานสัญญา กำ หนดหมายเพื่อจะละจากเบญจขันธ์ ๙. วิราคสัญญา กำ หนดหมายว่าวิราคะเป็นธรรมประณีต ๑อ. นิโรธสัญญา กำ หนดหมายว่านิโรธเป็นธรรมประณีต ที่มา : ปฐมส์ญญาสูตร ทุติยปัณณาสก์ องฺ.ทสก. ๒๕/(ร๖ ทสยิมา ภิคุขเว สญณา ภาวิตา พทุลีกฅา มหปฺผลา โหนุติ มหานิสํสา อมโตคธา อมตปริโยสานา... อสุ[ภสญผา, มรณสผผา,อาหาเร ปฎิๆกูลสผผา,สพุพโลเกอนภิรตสผผา,อนิจุจสผผา,อนิจเจ ชุกขสญผา, ชุกเข อนตตสณผา, ปหานสณผา, วิราคสณุผา, นิโรธสณผา ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัญญา ๑อ ประการเหล่านี้อันบุคคล เจริญแล้ว ทำ ให้มากแล้ว ย่อมมีผลมาก มีอานิสงส์มาก หยั่งลงส่อมตะ มีอมตะเป็นที่สุด สัญญา ๑อ ประการดีออะไรบ้าง คือ อสุภสัญญา ๑ ... นิโรธสัญญา ๑ ฯ www.kalyanamitra.org
แลรศณร] หมวด ๑๐ สัญญากลา(๒) ว่าด้วยสัญญา ๑อ (นัยที่ ๒) ๑. อนิจจสัญญา กำ หนดหมายความไม่เที่ยงแห่งเบญจขันธ์ ๒. อนัตตสัญญา กำ หนดหมายความเป็นอนัตตาแห่งธรรม ต. มรณสัญญา กำ หนดหมายความตาย ๔. อาหาเรปฎิถูลสัญญา กำ หนดหมายความเป็นของปฏิกูลในอาหาร ๕. สัพพโณกอนภิรตสัญญา กำ หนดหมายว่าไม่น่ายินดีในโลกทั้งปวง ๖. อัฏเกสัญญา กำ หนดหมายความที่กายเหลือแต่ท่อนกระดูก ๗. ใ]ฬวกสัญญา กำ หนดหมายความที่กายมีหนอนคลาคลา ๘. วินิอกสัญญา กำ หนดหมายความที่กายมีลืเขียวคลํ้า ๙. วิจฉิฑฑกสัญญา กำ หนดหมายความที่กายขาดเป็นสองท่อน ๑อ. รุทธุมาตกสัญญา กำ หนดหมายความที่กายเน่าพองขึ้นอืด ที่มา : ทุติยสัญญาสูตร ทุติยปัณณาสก์ อง..ทสก.๒๔/๕๗ ทสยิมา ภิคุฃเว สญณา ภาวิฅา พาjอีกคา มหปผลา โหนฺติ มหานิส์สา อมโตคธา อมตปริโยสานา ... อนิจจสญณา, อนตตสญณา, มรณสณผา,อาหา&ร ปฏิกฺกูอสผผา,สพพโอเก อนภิรตสผผา,อฎุจิกสผผา, ใ]าเวกสผฺผา, วินิอกสญผา, วิจฉิททกสผผา, อุทกูมาตกสผผา ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย สัญญา ๑อ ประการเหล่านี้อันบุคคล เจริญแล้ว ทำ ให้มากแล้ว ย่อมมีผลมาก มีอานิสงสัมาก หยั่งลงล่อมตะ มีอมตะเป็นที่สุด สัญญา ๑อ ประการคืออะไรใม่าง คือ อนิจจสัญญา ๑ ... อุทธุมาตกสัญญา ๑ ฯ www.kalyanamitra.org
๒ร๘ คผัรรรม [พระธรรมกิตติ'ฬสั สัญญาคลา(๓) ว่าด้วยสัญญา ๑0 (นัยที่ ๓) ๑. อนิจจสัญญา กำ หนดหมายความไม่เที่ยงแห่งเบญจขันธ์ ๒. อนัตตสัณณา กำ หนดหมายความเป็นอนัตตาแห่งธรรม ต. ออุ[ภสัญญา กำ หนตหมายความไม่งามแห่งกาย ๔. อาฑีนวสัญญา กำ หนดหมายว่าเป็นโทษทุกข์ในกาย ๕. ปหานสัญญา กำ หนดหมายเพื่อจะละจากเบญจขันธ์ ๖. วิราคสัญญา กำ หนดหมายว่าวิราคะเป็นธรรมประณีต ๗. นิโรธสัญญา กำ หนดหมายว่านิโรธเป็นธรรมประณีต ๘. สัพพโลเกอนภิรดสัญญา กำ หนดหมายว่าไม่น่ายินดีในโลกทั้งปวง ๙. สัพพสังขาเรอุ[อนิจจสัญญากำ หนดหมายว่าไม่เที่ยงในสังขารทั้งปวง ๑อ. อานาปานสติ สติกำหนดลมหายใจเข้าออก ที่มา : คิริมานันทสูตร ทุคิยปัณณาสก์ อง..ทสก. ๒๔A)0 จานํ โข ปเนตํ วิชุชติ, ยํ คิริมานนฺทสส ภิกชุโน ทส สญฌา อุ[ตุวา โส อาพาโธ จานโส ปฎิปสุสม.เภยย ฯ กดมา ทส ฯ อนิจจสญณา, อนตุดสญณา, อสุภสผ.ผา, อาทีนวสณผา, ปหานสผ.ผา, วิราคสผ.ผา, นิโรธสณุผา, สพ.พโลเก อนภิรดสผ.ผา, สพ.พสง.ขาเรสุ อนิจ.จสณผา, อานาปานสติ ฯ แปล : (ดูก่อนอานนท์ ถ้าเธอจะได้เข้าไปหาแล้วกล่าวสัญญา ๑อ ประการแก่คิริมานนท์ภิกษุ) ย่อมเป็นฐานะที่จะมีโด้ที่อาพาธของคิริมานนท์ ภิกษุจะพึงสงบระงับโดยพลัน เพราะได้พึงสัญญา๑อประการนั้น สัญญา๑อ ประการคืออะไรบ้าง คือ อนิจจสัญญา ๑ ... อานาปานสติ ๑ ฯ www.kalyanamitra.org
นละคณะ] หมวด ๑๐ ๒^๙ ๑. ถาม ธัมมไ]จฉาวิสัชชนาคลา ตอบ ว่าด้วยถามตอบเกี่ยวกับธรรม ๑0 ๒. ถาม ธรรมทั้งปวงมีอะไรเป็นมูล ดอม ธรรมทั้งปวงมีฉันทะเป็นมูล ฅ. ถาม ธรรมทั้งปวงมีอะไรเป็นแดนเกิด ดอม ธรรมทั้งปวงมีมนสิการเป็นแดนเกิด ๔. ถาม ธรรมทั้งปวงมีอะไรเป็นเหตุเกิด ธรรมทั้งปวงมีผัสสะเป็นเหตุเกิด ดอม ธรรมทั้งปวงมีอะไรเป็นที่ประชุมลง ๕. ถาม ธรรมทั้งปวงมีเวทนา ฅ เป็นที่ประชุมลง ธรรมทั้งปวงมีอะไรเป็นประมุข ดอม ธรรมทั้งปวงมีสมาธิเป็นประมุข ๖. ถาม ธรรมทั้งปวงมีอะไรเป็นใหญ่ ดอม ธรรมทั้งปวงมีสติเป็นใหญ่ ๗. ถาม ธรรมทั้งปวงมีอะไรเป็นยิ่ง ดอม ธรรมทั้งปวงมีปีญญาเป็นยิ่ง ๘. ถาม ธรรมทั้งปวงมีอะไรเป็นแก่น ดอม ธรรมทั้งปวงมีวิมุดติเป็นแก่น ๙. ถาม ธรรมทั้งปวงมีอะไรเป็นที่หยั่งลง ดอม ธรรมทั้งปวงมีอมดะเป็นที่หยั่งลง ๑อ. ถาม ธรรมทั้งปวงมีอะไรเป็นที่สุด ดอม ธรรมทั้งปวงมีนิพพานเป็นที่สุด www.kalyanamitra.org
๓oo คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงลั ท4ึมา ะ มูลกสูตร ทุติยปัณณาสก์ อง..ทสก. ๒๙/๕๔ สเจ ภิฤขเว อญผติตถิยา ปริพพไชคา เอวํ ปุจเฉยุ^ ฯ คี^ลกา อาๅโส สพเพ ธมมา, กึสมฺภวา สพเพ ธมมา... กึปริโยสานา สพุเพ ธมมาดิ ฯ เอวํ ใ^ฎฮา สุมเห ภิๆขเว... ฉนท^ลกา อาวุโส สพฺเพ ธมมา ... นิพพานปริโยสานา สพฺเพ ธมมาติ ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิาพวกอัญเดียรถีย์ปริพาชกพึงถาม อย่างนี้ว่า 'ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย ธรรมทั้งปวงมีอะไรเป็นมูล มีอะไรเป็น แดนเกิด มีอะไรเป็นเหตุเกิด มีอะไรเป็นที่ประชุมลง มีอะไรเป็นประมุข มีอะไรเป็นใหญ่ มีอะไรเป็นยิ่ง มีอะไรเป็นแก่น มีอะไรเป็นที่หยั่งลง มี อะไรเป็นที่สุด' เธอทั้งหลายถูกถามอย่างนี้แล้วพึงพยากรเน์แก่พวกอัญเดียรถีย์ ปริพาชกเหล่านั้นอย่างนี้ว่า 'ดูก่อนอาวุโสทั้งหลาย ธรรมทั้งปวงมีฉันทะเป็น มูล มีมนสิการเป็นแดนเกิด มีผัสสะเป็นเหตุเกิด มีเวทนาเป็นที่ประชุม ลง มีสมาธิเป็นประมุข มีสดีเป็นใหญ่ มีปัญญาเป็นยิ่ง มีวิมุตดีเป็นแก่น มีอมตะเป็นที่หยั่งลง มีนิพพานเป็นที่สด ฯ กถาวัตลุกถา ว่าด้วยถ้อยคำที่ควร'พูด ๑0 ๑. อัปป็จฉกถา ถ้อยคำซักนำให้มีความมักน้อย ๒. สันสุฎเกถา ถ้อยคำซักนำให้ยินดีพอใจด้วยปัจจัย ๔ ฅ. ปวิเวกกถา ถ้อยคำซักนำให้มีความสงัดกายใจ ๔. อสังสัคคกถา ถ้อยคำซักนำให้!ฝคลุกคลีด้วยหมู่ www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด๑๐ ๓๐๑ ๕. วิริยารัมภกถา ถ้อยคำซักน่าให้เริ่มทำความเพียร ๖. สีลกลา ถ้อยคำซักน่าให้ตั้งอยู่ในสืล ๗. สมาธิกถา ถ้อยคำซักน่าให้ทำใจให้สงบ ๘. ป็ญญากถา ถ้อยคำซักน่าให้เกิดปัญญา ๙. วิมุตติกถา ถ้อยคำซักน่าให้ทำใจให้หลุดพ้นจากกิเลส ๑๐. วิมุตติญาณฑัสสนกถา ถ้อยคำซักน่าให้เกิดความรู้ความเห็นในวิมุตติ ที่มา : ปฐมกทาวัตทสูตร ทุติยปัณณๆฝึก องฺ.ทฝึก. ๒๔^๙ ทสยิมานิ ภิกฃท กถาวตถูนิ ฯ กตมานิ ทส ฯ ©ปปีจฉกถา สนฺอุฏฮิกถา ปวิทกกถา อสํสคคกถา วิริยารมภกถา สีลกถา สมาธิกถา ปญณากถา วิมุตติกถา วิมุตุติณาณฑสสนกถา ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กถาวัตถุมี ๑๐ ประการนี้ กถาวัตถุ ๑๐ ประการ คืออะไรบ้าง คือ อัปป็จฉกถา ถ้อยคำซักน่าให้มีความมักน้อย ๑ ... วิมุตติญาณทัสสนกถา ถ้อยคำซักน่าให้เกิดความรู้ความเห็นในวิมุตติ ๑ ฯ ทุลลภอิฏฐธ้มมกถา ว่าด้วยสิงที่น่าปรารถนาที่ไ.^ดยยาก ๑อ ๑. โภคสมบัติ ๒. ผิวพรรณ ฅ. ความไม่มีโรค ๔. คืล ๕. พรหมจรรย์ ๖. มิตร ๗. ความเป็นพหูสูต ๘. ปัญญา ๙. ธรรม ๑๐. สวรรค์ www.kalyanamitra.org
๓๐๒ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงสั ที่มา : อิฏฐธัมมสูตร ทุติยปัณณาสก์ องฺ.ทสก.๒๔/๗ฅ ทสยิเม ภิกุฃเว ธมมา อิฎุฮา กนตา มนาปา ชุอุลภา โลกสมึ ฯ กฅเม ฑส ฯ ใภคา ... วณุโณ ... อาโรคุยํ ... ลีลานิ ... พรหมจริยํ ... มิฅุฅา ... พาชุสจจํ ... ปฌณา ... ธมโม ... สคุคา อิฏฮา กนฺฅา มนาปา ชุฤลภา โลกสมึ ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๑๐ ประการนี้เ?เนธรรมที่น่า ปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ จะพึงMดยยากในโลก ธรรม ๑๐ ประการ คืออะไรบ้าง คือ โภคสมบัติเป็นธรรมที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ จะพึงได!ดยยากในโลก ๑ ผิวพรรณ ... ๑ . ความไม่มีโรค ... ๑ สืล ... ๑ พรหมจรรย์... ๑ มิตร ... ๑ ความเป็นพชุสูต ... ๑ ปัญญา ... ๑ ธรรม ... ๑ สวรรค์... ๑ ฯ ปริปันถธัมมคลา ว่าด้วยสิงที่เป็นอันตรายต่อสิงที่น่าปรารถนา ๑๐ ๑. ความเกียจคร้าน เป็นอันตรายต่อโภคสมบัติ ๒. การไม่ประดับ เป็นอันตรายต่อผิวพรรณ ฅ. การไม่ทำสิงที่สบาย เป็นอันตรายต่อความไม่มีโรค ๔. การมีมิตรชั่ว เป็นอันตรายต่อคืล ๕. การไม่สำรวมอินทรีย์ เป็นอันตรายต่อพรหมจรรย์ ๖. การแกล้งกล่าวให้คลาตจากความจริง เป็นอันตรายต่อมิตร ๗. การไม่ทำการสาธยาย เป็นอันตรายต่อความเป็นพหูสูต ๘. การไม่พึงด้วยดี ไม่สอบถาม เป็นอันตรายต่อปัญญา www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด ๑0 ๓๐๓ ๙. การไม่ประกอบความเพียร เป็นอันตรายต่อธรรม ๑๐. การปฏิบัติผิด เป็นอันตรายต่อสวรรค์ ที่มา : อิฎฐธรรมสูตร ทุติยปัณณาสก์ อง..ทสก.๒๔/๗ฅ อิฌสํ โข ภิคุขเว ทสนนํ ธมมานํ อิฏธานํ กนตานํ มนาปานํ ทุอุลภานํ โลกสมึ ฑส ธมมา ปริปนุถา : อาลสสํ อาiij«านํ โภคาใ4 ปริปนุโถ, อมณฑนา อวิฎสนา วณุณสส ... อสปปายกิริยา อาโรคยสส ... ปาปมิตฺตตา สีลานํ ... อินทริยอสํวโร า^รหมจริยสฺส ... วิสํวาทนา มิตุฅาา3 ... อสชฌายกิริยา พาใ1สจจสฺส ... อสฺธุ[สธุ[สา อปริจฉา ปณฌาย ... อนาjโยโค อปจจทกขณา ธมมาาร ... มิจฉาปฏิปตติ สคคาา! ปริปนโถ ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๑๐ ประการเป็นอันตรายต่อ ธรรม ๑๐ ประการที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ หาได้ยากในโลกเหล่านี้ คือ ความเกียจคร้าน ความไม่ขยันหมั่นเพียรเป็นอันตรายต่อโภคสมบัติ ๑... การปฏิบัติผิดเป็นอันตรายต่อสวรรค์ ๑ ฯ อาหารธัมมกถา ว่าด้วยส์งที่เป็นอาหารต่อสิงที่น่าปรารถนา ๑อ ๑. ความไม่เกียจคร้าน เป็นอาหารของโภคสมบัติ ๒, การประดับ เป็นอาหารของผิวพรรณ ฅ. การทำส์งที่สบาย เป็นอาหารของความไม่มีโรค ๔. การมีมิตรดี เป็นอาหารของคืล ๕. การสำรวมอินทรีย์ เป็นอาหารของพรหมจรรย์ www.kalyanamitra.org
6ท๐๔ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงลั ๖. การไม่แกล้งกล่าวให้คลาดจากความจริง เป็นอาหารของมิตร ๗. การทำการสาธยาย เป็นอาหารของความเป็นพหูสูต ๘. การฟ้งด้วยดี การสอบถาม เป็นอาหารของปัญญา ๙. การประกอบความเพียร เป็นอาหารของธรรม ๑๐. การปฏิบัติชอบ เป็นอาหารของสวรรค์ ทีมา : อิฏฐธัมมสูตร ทุติยปัณณาสก์ องฺ.ทสก. ๒๔/๗ฅ อิเมสํ โข ภิกฺขท ทสนุนํ ธมมานํ อิฎ«านํ กนุตานํ มนาปานํ ทุอุลภานํ โลกสมึ ฑส ธมุมา อาหารา ะ อนาลสสํ อุฎรานํ โภคานํ อาหาโร, มณฺฑนา วิดูสนา วณณสส ... สปปายกิริยา อาโรคยสส ... กลุยาณมิตุฅฅา สีลานํ ... อินุทุริยสํวโร พรหุมจริยสุส ... อวิสํวาทนา มิตฅานํ ... สชุฌายกิริยา พาทุสจจสส ... ลุ[สธุ[สา ปริชุฉา ปณฌาย ... อนุโยโค ปจจเวฤขณา ธนุมานํ ... สมฺมาปฏิปตุติ สคุคานํ อาหาโร ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๑๐ ประการเป็นอาหารของ ธรรม ๑๐ ประการที่น่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ หาได้ยากในโลกเหล่านี้ คือ ความไม่เกียจคร้าน ความขยันหมั่นเพียรเป็นอาหารของโภคสมบัติ ๑ ... การปฏิบัติชอบเป็นอาหารของสวรรค์ ๑ ฯ www.kalyanamitra.org
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 610
Pages: