Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore คลังธรรมเล่ม๓

Description: คลังธรรมเล่ม๓

Search

Read the Text Version

และคณะ] หมวด ๗ ^ อสัทธัมมกถา ว่าด้วยอสัทธรรม ๗ ๑. ไม่มีศรัทธา ๒ ฅ. ไม่มีโอตตัปปะ ๔. มีสุตะน้อย ๕. เกียจคร้าน ๖. มีสติหลงลืม ๗. มีปัญญาทราม ที่มา : ส์งคีติสูตร ที.ปา. ๑๑/ฅต0 สตต อสทุธมุมา : อิธา^โส ภิกขุ อสสทุโธ โหติ, อหิริ!ก ... อโนต.ตใ!?!... อใ!ปสฺธุ[โต ... คูสีโต ... มุฎุ«สสติ ... ใ3ใ!ปณุโณ โหติ ฯ แปล : อสัทธรรม ๗ คือ ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้เป็น^ม่มี ศรัทธา ๑ เป็นผู้ไม่มีหิริ ๑ เป็นผู้ไม่มีโอตตัปปะ ๑ เป็นผู้มีสุตะน้อย ๑ เป็นผู้เกียจคร้าน ๑ เป็นผู้มีสติหลงลืม ๑ เป็นผู้มีปัญญาทราม ๑ ฯ สัทธัมมกถา ว่าด้วยสัทธรรม ๗ ๑. มีศรัทธา ๒. มีหิริ ฅ. มีโอตตัปปะ ๔. มีสุตะมาก ๕. ปรารภความเพียร ๖. มีสติมั่นคง ๗. มีปัฌฌา www.kalyanamitra.org

\\y คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงศ์ ที่มา ะ ลังคีติสูตร ที.ปา. ๑๑/ฅต0 สตุต สทุธมมา ะ อิธาๅโส ภิฤชุ สทุโธ โหติ, หิริมา...โอตุตา!!) ... พทุสฺธุ[โต ... อารทธวีริโย ... รุปฏุรตสฺสติ ... ปญณวา โหติ ฯ แปล : ส์ทธรรม๗ คือ ภิกษุในพระธรรมวินัยนี้เป็นผู้มีศรัทธา๑ มีหิริ ๑ มีโอตตัปปะ ๑ มีสุตะมาก ๑ ปรารภความเพียร ๑ มีสติมั่นคง ๑ เป็น ผ้มีปัญญา ๑ ฯ สัปปริสธัมมกถา ว่าด้วยส์'ปปุริสธรรม ๗ ๑. ธัมมัญญตา ความรู้จักเหตุ ๒. อัตลัญผตา ความรู้จักผล ฅ. อัตดัญญตา ความรู้จักตน (&. มัตตัญญตา ความรู้จักประมาณ ๕. กาลัญณุตา ความรู้จักกาล ๖. ปริสัญญตา ความรู้จักชุมชน ๗. ใ!คคสัญชุตา ความรู้จักบุคคล (ปุคคลปโรปรัญฌุตา) ที่มา ; ลังคีติสูตร ที.ปา. ๑๑/ตฅอ, อัมมัญฌูสูตร อง..สต.ตก. ๒ต/๖๘ สตฺต สปฺljริสธมุมา ะ อิธโๅโส ภิฤชุ ธมุมณฺญ จ โหติ 8ตฺถญญ จ 0ตฺตณฺญ จ มตฺตฌฺญ « ทา0ฌฺญ « ปริสณฺญ จ 1]คฺคลฌฺญ จ 1 แปล : ส์'ป!Jริสธรรม๗ สือ ภิกชุ่ในพระรรรมวินัยนื้เรน^มมัญญ เป็นยู้รู้จักเหตุ 0 อัตถัญญ เป็น^รู้จักผล 0 อัตตัญเบู เป็นรูรู้จักตน 0 www.kalyanamitra.org

และคณะ] หมวด ๗ ๗ มัตตัญฌู เป็นผู้รู้จักประมาณ ๑ กาลัฌญ เป็นผู้รู้จักกาล ๑ ปริส์'ญฌู เป็นผู้รู้จักบริษัท ๑ ปุคคลัญฌู เป็นผู้รู้จักบุคคล ๑ (ปุคคลปโรปรัญญ) ฯ วิสุทธิกถา ว่าด้วยความหมดจดที่สูงขึ้นไปเป็นขั้น ๓1 ๑. สีลวิธุ[ทธิ ความหมดจดแห่งสืล ๒. จิตตวิธุ[ทธิ ความหมดจดแห่งจิต ความหมดจดแห่งทิฐิ ทิฏเวิลุ[ทธิ ความหมดจดแห่งญาณเป็นเครื่องข้ามพ้น ๔. กังขาวิตรณวิสุทธิ ความสงส์'ย ๕. มัคคามัคคญาณฑัสสนวิลุ[ทธิ ความหมดจดแห่งญาณที่รู้เห็นว่าเป็นทาง หรือมิใซ่ทาง ๖. ปฏิปทาญาณทัสสนวิอุ[ทธิ ความหมดจดแห่งญาณอันรู้เห็นทางดำเนิน ๗. ญาณทัสสนวิสุทธิ ความหมดจดแห่งญาณทัสสนะ ทมา : รถวินีตสูตร โอปัมมวรรค ม.มู. ๑!อ/๒๕๙ เอวเมว โข อาๅโส สีลวิสูทุธิ ยาวเทว จิตฅวิลุ[ทตถา, จิตฺตวิสูทธิ ... ทิฏุเวิธุ[ทุธิ ... กงฺขาวิตรณวิธุ[ทุธิ ... มคุคามคคณาณทสฺสนวิอุ[ทุธิ ... ปฏิปทาฌาณทสฺสนวิธุ[ทธิ ... ณาณทสฺสนวิสูทุธิ ยาวเทว อบุปาทา- ปรินิพพานตุลา ฯ แปล : (ท่านพระปุณณมันตานิบุตรกล่าวกะท่านพระสารืบุตร ว่า) ท่านผู้มีอายุ ข้อนี้ก็ฉันนั้น สีลวิสุทธิเป็นประโยชน์แก่จิตตวิสุทธิ ๑ www.kalyanamitra.org

คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงส์ ?ตตวิสุท?เป็นประโยชน์แก่ทิฏฐิวิสุทริ 0 ทิฎเวิสุทริเป็นประโยชน์แก่ กังขารตรณวิสุทริ 0 กังขาวิตรณวิสุทริเป็นประโยชน์แก่มัคคามัคคญาณ ทัสสนวิสุทริ ๑ มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทริเป็นประโยชน์แก่ปฏิปทาญาณ ทัสสนวิสุทริ 0 ปฏิปทาญาณทัสสนวิสุทริเป็นประโยชน์แก่ญาณทัรร'น ริสุทริ 0 ญาณทัสสนวิสุทริเป็นประโยชน์แก่อนุปาทาปรินิพพาน 0 ฯ กัมมวิปากกลา ว่าด้วยกฎแห่งกรรม ๗ ๑. มีอายสน เพราะชอบฆ่าสัตว์ เพราะละเว้นการฆ่าสัตว์ Zมอายรุย.น ๒. มีโรคมาก เพราะขอบทำร้ายสัตว์ มีโรคน้อย เพราะไม่ทำร้ายสัตว์ ต. มีผิวพรรณทราม เพราะมักโกรธ เป็นคนน่าเลื่อมใส เพราะไม่มักโกรธ ๔. เป็นคนด้อยศักดิ เพราะมีใจริษยา เป็นคนสูงศักดิ๋ เพราะมีใจไม่ริษยา ๕. มีโภคสม!เดิน้อย เพราะไมให้ทาน เพราะให้ทาน มีโภคสมบตมาก เพราะเป็นคนกระด้าง ถือตัวจัด ๖. เกิดในตระคูลตํ่า เพราะเป็นคนไม่กระด้าง ไม่ถือตัวจัด เกิดในตระคูลสูง ๗. มีป็ญญาน้อย เพราะไม่ยอมเข้าหาสมณะ เพราะหมั่นเข้าไปหาสมณะ มีป็ญญามาก www.kalyanamitra.org

และคณะ] หมวด ๗ ๙ ที่มา : จูฟืกัมมวิภังคสูตร วิภังควรรค ม.อุ. ๑๔/๒๙0-๒๙๖ ... อปฺปายูกสํวตตนิกา เอสา มาณว ปฏิปทา, ยทิทํ ปาณาติปาตี โหตี ลูทุโท โลหิตปาณี หฅปหเฅ นิวิฏโ« อทยาปนฺโน ปาณฎเฅธุ[ ฯ ... ทีฆายุกสํวตฅนิกา ... พหวาพาธสํวฅตนกา ... อปปาพาธสิวตตนิกา ... ชุพุพณณสิวตตนิกา ... ปาสาทิกสิวตฺตนิกา ... อปุเปสกฃสิวตุตนิกา ... มเหสฤฃสิวตุตนิกา ... อปุปโภคสิวตตนิกา ... มหาโภคสิวตุตนิกา ... นิจาถูลีนสิวตุตนิกา ... รุจจาฤลีนสิวตฺตนิกา ... ทุปปญณสิวตฺตนิกา ... มหาปฌณสิวตตนิกา เอสา มาฌว ปฏิปทา ... ฯ แปล : ดูก่อนมาณพ ปฏิปทาที่ทำให้มีอายุส์นนี้ก็คือเป็นผู้ชอบ ฆ่าสัตว์ เป็นคนหยาบช้า มีฝ่ามีอเปีอนเลือด ใฝ่แต่การทุบตีและการเข่น ฆ่าผู้อื่น ไม่มีความกรุณาในสัตว์ทั้งหลาย ... ปฏิปทาที่ทำให้มีอายุยืนนี้ก็ คือเป็นผู้ละปาณาติบาตแล้ว เว้นขาดจากปาณาติบาต วางอาชญา วาง สัสตราได้ มีความละอาย มีความเอ็นดู มีความกรุณา หวังประโยชน์ เกื้อกูลแก่สัตว์ทั้งปวง (๑) ... ปฏิปทาที่ทำให้มีโรคมากนี้ก็คือเป็นผู้ชอบทำร้ายสัตว์ด้วยฝ่ามีอบ้าง ก้อนดินบ้าง ท่อนไม้บ้าง สัสตราบ้าง ... ปฏิปทาที่ทำให้มีโรคน้อยนี้ก็คือเป็น ผู้!ม่ทำร้ายสัตว์ด้วยฝ่ามีอ ด้วยก้อนดิน ด้วยท่อนไม้ หรือด้วยสัสตรา {๒) ... ปฏิปทาที่ทำให้มีผิวพรรณทรามนี้ก็คือเป็นคนมักโกรธ มากไปด้วย ความแค้นเคือง ถูกเขาว่ากล่าวแม้เล็กน้อยก็ขัดใจ โกรธเคือง พยาบาท แข็งกร้าว แสดงความโกรธ ความร้ายกาจ และความไม่พอใจออกมา ... ปฏิปทาททำให้เป็นคนน่าเลอมใสนก็คือเป็นคนไม่มักโกรธ ไม่มากด้วยความ แค้นเคือง ถูกเขาว่ากล่าวตั้งมากมายก็ไม่ขัดใจ ไม่โกรธเคือง ไม่พยาบาท ไม่ มาดร้าย ไม่แสดงความโกรธ ความแค้นเคือง และความไม่พอใจออกมา(ฅ) www.kalyanamitra.org

๑๐ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงส์ ... ปฏิปทาที่ทำให้เป็นคนด้อยสักดิ้นี้ก็คีอเปีนคนมีใจริษยา ย่อมริษยา มุ่งร้าย ผูกใจริษยาในลาภ สักการะ ความเคารพ ความนับถือ การไหว้ และการบูซาของคนอื่น ... ปฏิปทาที่ทำให้เป็นคนสูงสักดี้นี้ก็คือเป็นคนมีใจ ไม่ริษยา ย่อมไม่ริษยา ไม่มุ่งร้าย ไม่ผูกใจริษยาในลาภสักการะ ความเคารพ ความนับถือ การไหว้ และการบูขาของคนอื่น (๔) ... ปฏิปทาที่ทำให้มีโภคสมบัติน้อยนี้ก็คือเป็นคนไม่ให้ข้าว นํ้า ผ้า ยานพาหนะ ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่อาสัย เครื่องประทีป แก่สมณะหรือพราหมณ์ ... ปฏิปทาที่ทำให้มีโภคสมบัติมากนี้ก็คือเป็นคน ให้ข้าว นํ้า ผ้า ยานพาหนะ ดอกไม้ ของหอม เครื่องลูบไล้ ที่นอน ที่อยู่ อาสัย เครื่องประทีปแก่สมณะหรือพราหมณ์(๕) ... ปฏิปทาที่ทำให้เกิดในตระกูลตานี้ก็คือเป็นคนกระด้าง ถือตัวจัด ไม่กราบไหว้คนที่ควรกราบไหว้ ไม่ลุกรับคนที่ควรลุกรับ ไม่ให้อาสนะแก่ คนที่ควรแก่อาสนะไม่ให้ทางแก่คนที่ควรแก่ทาง ไม่สักการะคนที่ควรสักการะ ไม่เคารพคนที่ควรเคารพ ไม่นับถือคนที่ควรนับถือ ไม่บูชาคนที่ควรบูชา ... ปฏิปทาที่ทำให้เกิดในตระกูลสูงนี้ก็คือเป็นคนไม่กระด้าง ไม่ถือตัวจัด กราบไหว้คนที่ควรกราบไหว้ ... บูชาคนที่ควรบูชา (๖) ...ปฏิปทาที่ทำให้มีปัญญาน้อยนี้ก็คือไม่ยอมเข้าหาสมณะหรือพราหมณ์ แล้วสอบถามว่า 'อะไรเป็นกุศล อะไรเป็นอกุศล อะไรมีโทษ อะไรไม่มีโทษ อะไรควรเสพ อะไรไม่ควรเสพ เมื่อทำกรรมอะไรจึงไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล มีแต่ทุกข์สินกาลนาน หรือว่าเมื่อทำกรรมอะไรจึงจะเป็นประโยชน์เกื้อกูล มีแต่ความสุขสินกาลนาน' ... ปฏิปทาที่ทำให้มีปัญญามากนี้ก็คือเข้าไปหา สมณะหรือพราหมณ์แล้วสอบถามว่า 'อะไรเป็นกุศล ... มีแต่ความสุขสิน กาลนาน (๗) ฯ www.kalyanamitra.org

และคณะ] หมวด๗ ๑๑ กา^ปมากฝืา ว่าด้วยอุปมาแห่งกาม ๗ ๑. อัฎเกังกสูปมา อุปมาเหมือนร่างกระดูกที่ถูกสุนัขแทะ ๒. มังสเปสูปมา อุปมาเหมือนชิ้นเนื้อเป็นที่ปรารถนาของฝูงแร้ง ต. ฅิชุกถูปมา อุปมาเหมือนคบเพลิงหญ้าที่จะไหม้คนถือ ๔. อังคารกาสูปมา อุปมาเหมือนหลุมถ่านเพลิงที่อันตรายต่อผู้ตกไป ๔. สุปีนถูปมา อุปมาเหมือนความฝืนที่ว่างเปล่าเมื่อตื่น ๖. ยาจิตถูปมา อุปมาเหมือนของที่ยืมเขามาซึ่งจะต้องใช้คืน ๗. รุกฃผดูปมา อุปมาเหมือนผลไม้เป็นที่ต้องการของผู้แสวงหา ที่มา : โปตลิสูตร คทปติวรรค ม.ม. ๑ฅ/๕เอ-๔๘ (นัย) เอวเมว โข คหปติ อริยสาวโก อิติ ปฎิสณจิกขติ อฎจิกงกลูปมา กามา รุตุฅา ภควตา พหุทุกขา พหุปายาสา, มํสเปสูปมา ... ติชุทุลูปมา ... องคารกาสูปมา... สุปีนลูปมา... ยาจิตลูปมา ... รุกุขผลูปมา ... ฯ แปล ดูก่อนคฤหบดี อริยสาวกย่อมพิจารณาเห็นดังนื้ว่า กาม ทั้งหลายพระผู้มืพระภาคเจ้าตรัสว่าเปรียบต้วยร่างกระดูก มืทุกข์มาก มื ความคับแค้นมาก ๑ ... เปรียบเหมือนชิ้นเนื้อ ... ๑ ... เปรียบเหมือนคบเพลิง หญ้า ... ๑ ... เปรียบเหมือนหลุมถ่านเพลิง ... ๑ ... เปรียบเหมือนความฝืน ... ๑ ... เปรียบเหมือนของยืม ... ๑ ... เปรียบต้วยผลไม้ มืทุกข์มาก มืความ คับแค้นมาก ๑ ฯ www.kalyanamitra.org

๑๒ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงสั วัตตปทกถา ว่าด้วยวัตรบท ๗ ๑. เลี้ยงบิดามารดา ๒. ประพฤติอ่อนน้อมต่อ^หญ่ในตระกูล ฅ. พูดจาอ่อนหวานสมานไมตรี ๔. ละคำส่อเสียด ๕. กำ จัดความตระหนี่ ๖. พูดแต่คำส์'ตย์จริง ๗. ชนะความโกรธได้ ที่มา : วัตตปทสูตร ลักกลังยุต ลัส.๑๕/๒๕๗ มาตาเปติภรํ ชนตุ คูเล เซฎ®าปจายินํ สณหํ สขิลสมภาสํ เป^เณยยปฺปหายินํ มจุเฉรวินเย ตุตุตํ สจฺจํ โคธาภิฎํ นรํ ตํ เว เทวา ตาวตึสา อาชุ สปใjแส อิติ ฯ แปล : นรซนผู้ที่เลี้ยงบิดามารดา๑ มีปกติประพฤติอ่อนน้อม ต่อ^หญโนตระกูล ๑ พูดจาอ่อนหวาน กล่าวแต่คำ สมานมิตร ๑ ละคำส่อเสียด ๑ ประกอบในอุบายกำจัด ความตระหนี่ ๑ มีวาจาส์'ตย์จริง ๑ ครอบงำความโกรธได้ ๑ เหล่าเทพชั้นดาวดึงส์เริยกนรซนนั้นแลว่า ส์'ตบุรุษ ฯ www.kalyanamitra.org

และคณะ] หมวด ๙ ๑๓ ธาตุโสกถา ว่าด้วยคนธาตุแท้เดียวกัน ๗ ๑. คนทีไฝมีศรัทธา ย่อมสมาคมกับคนทีไม่มีศรัทธา ๒. คนทีไม่มีหิริ ย่อมสมาคมกับคนทีไม่มีหิริ ฅ. คนทีไม่มีโอตตัปปะ ย่อมสมาคมกับคนทีไม่มีโอตตัปปะ ๔. คนที่มีสุตะน้อย ย่อมสมาคมกับคนที่มีสุตะน้อย ๕. คนที่เกียจคร้าน ย่อมสมาคมกับคนที่เกียจคร้าน ๖. คนที่มีสติหลงลืม ย่อมสมาคมกับคนที่มีสติหลงลืม ๗. คนที่มีป้ญญาทราม ย่อมสมาคมกับคนที่มีป้ญญาทราม ทีมา : อัสส์ทอส์งส์'นทนสูตร ธาตุส์งยุต สํ.นิ. ๑๖/๑0® ธาดูโสว ภิกขเว สตตา สํสนทนติ สฌนติ ฯ อสุสทุธา อสุสทุเธหิ สทุธึ สํสนฺทนฺติ สฌนฺติ ฯ อหิริกา อหิริเกหิ ... อโนตุตาปีโน อโนตุตาปีหิ ...อปปสุสุตา อปปสุสุเตหิ...คูสีตา คูสีเตหิ...ยุฎุชสุสติโน ยุฎฮสุสตีหิ... ยุปุปผณา ทปฺปญฒหิ สทุธึ สํสนทนติ ณมนฺติ ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตัตวโลกทั้งหลายย่อมคบค้าสมาคม กันโตยธาตุนั่นแล คือส์'ตวโลกที่ไม่มีศรัทธาย่อมคบค้าสมาคมกับส์'ตวโลก ที่โม่มีศรัทธา ๑ สัตวโลกที่ไม่มีหิริย่อมคบค้าสมาคมกับส์'ตวโลกทีไม่มีหิริ ๑ สัตวโลกที่ไม่มีโอตตัปปะย่อมคบค้าสมาคมกับสัตวโลกที่ไม่มีโอตตัปะ ๑ สัตวโลกที่มีสุตะน้อยย่อมคบค้าสมาคมกับสัตวโลกที่มีสุตะน้อย ๑ สัตวโลกที่ เกียจคร้านย่อมคบค้าสมาคมกับสัตวโลกที่เกียจคร้าน ๑ สัตวโลกที่มีสติ หลงลืมย่อมคบค้าสมาคมกับสัตวโลกที่มีสติหลงลืม ๑ สัตวโลกที่มีปัญญา ทรามย่อมคบค้าสมาคมกับสัตวโลกที่มีปัญญาทราม ๑ ฯ www.kalyanamitra.org

๑๔ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงศ์ อันโต^ติกถา ว่าด้วยลักษณะของภิกษุผู้เน่าใน ๗ ๑. ทุสิล ๒. มีธรรมเลวทราม ฅ. ไม่สะอาด ๔. มีความประพฤติน่ารังเกียจ ๕. ปกปีดการงานของตน ๖. ปฏิญาณตนว่าเป็นสมณะ ๗. ปฏิญาณตนว่าเป็นพรหมจารี ที่มา : ปฐมทารุกขันโรปมสูตร สฬายตนลังยุต ลั.สฬๆ.๑๙๒๔๑ อิธ ภิกุชุ เอกชุโจ ฑสุสีโล โหติ, ปาปธมโม ออุ[จิ สงกสสร- สมาจาโร ปฎิชุฉนฺนกมุมนฺโต อสสมโณ สมณปฎิญโณ อพรหมจารี พรหมจารีปฏิฌฺโณ อนุโตใ]ติ อวสฺอุ[โต กสมุทุกชาโต ฯ อยํ ^ชุจติ ภิคุฃุ อนุโตปูติภาโว ฯ แปล : (ดูก่อนภิกษุ ความเป็นผู้เน่าภายในเป็นไฉน คือ) ภิกษุ บางรูปในธรรมวินัยนี้เป็นผู้ทุคืล ๑ มีธรรมอันเลวทราม ๑ ไม่สะอาต ๑ มีความประพฤติน่ารังเกียจ ๑ มีการงานปกป็ต ๑ ไม่เป็นสมณะแต่ปฏิญาณ ว่าเป็นสมณะ ๑ ไม่เป็นพรหมจารีแต่ปฏิญาณว่าเป็นพรหมจารี ๑ เป็นผู้ เน่าในภายใน มีใจชุ่มด้วยกาม เป็นดุจขยะมูลฝอย ดูก่อนภิกษุ นี้เรียกว่า .ความเป็นผ้เน่าภายใน ฯ www.kalyanamitra.org

และคณะ] หมวด ๗ ๑๕ อภาวนียกถา ว่าด้วยลักษณะของภิกษุที่ไฝน่านับถือ ๗ ๑. มุ่งลาภ ๒. มุ่งสักการะ ฅ. มุ่งชื่อเสิยง ๔. ไม่มีหิริ ๕. ไม่มีโอตตัปปะ ๖. ปรารถนาเลวทราม ๗. เหินผิด ทีมา : ปฐมป็ยสูตร ปฐมปัณณาสก์ องฺ.สตฺตก. ๒๔๑ สตตหิ ภิคุฃเว ธมุฒหิ สมนฺนาคโต ภิคุชุ สพฺรหมจารีนํ aiMa จ โหติ อมนาโป จ อครุ จ อภาวนีโย จ ... อิธ ภิกฃท ภิฤชุ ลาภกาโม จ โหติ สฤการกาโม จ อนวณฺณตุติกาโม จ อหิริโก จ อโนตตปปี จ ปาปีจโฉ จ มิจฉาทิฎร จ ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๗ ประการย่อมไม่เป็นที่รัก ไม่เป็นทีชอบใจ ไม่เป็นที่เคารพ และไม่เป็นที่ สรรเสริญของเพื่อนร่วมพรหมจรรย์ทั้งหลาย ธรรม ๗ ประการคืออะไรบ้าง คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้เป็นผู้มุ่งลาภ ๑ มุ่งสักการะ ๑ มุ่งความมีชื่อเสิยง ไม่มีหิริ ๑ ไม่มีโอตตัปปะ ๑ มีความปรารถนาลามก ๑ มีความเหินผิด ๑ ฯ www.kalyanamitra.org

๑๖ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงลั พลกถา ว่าด้วยกำลัง ๗ ๑. สัทธาพละ กำ ลังคือศรัทธา ๒. วิริยพละ กำ ลังคือความเพียร ฅ. หิริพละ กำ ลังคือหิริ ๔. โอตตัปปพละ กำ ลังคือโอตตัปปะ ๕. สติพละ กำ ลังคือสติ ๖. สมาธิพละ กำ ลังคือสมาธิ ๗. ฟ้ญญาพละ กำ ลังคือปัญญา ที่มา : ลังฃิตตพลสูตร ปฐมปัณณาสก์ องฺ.ส{เตก. ๒๙๓ สทุธาพลํ วีริยพลํ หิริ โอตดปปียํ พลํ สติพลํ สมาธิพลํ ปเบผา เว สดฅมํ พลํ เอเดหิ พลวา ภิฤชุ ลุ[ฃํ ชีวติ ปณฺฑิโด ฯ แปล : ลัทราพละ ๑ วิริยพละ ๑ หิริพละ ๑ โอตตัปป พละ ๑ สติพละ ๑ สมาธิพละ ๑ ปัญญาพละเป็นที่ ๗ ภิกษุผู้มีกำลังด้วยพละ ๗ ประการนี้จัดเป็นบัณฑิต ย่อม อย่เป็นสข ฯ www.kalyanamitra.org

และคณะ] หมวด ๗ ๑๗ อริยธนกถา ว่าด้วยอริยทรัพย์ ๗ ๑. ศรัทธา เชื่อลื่งที่ควรเชื่อ ๒. ศีล รักษากายวาจาให้เรียบร้อย ฅ. หิริ d. โอตตัปปะ ความละอายต่อบาปทุจริต สะดุ้งกลัวต่อบาป ๕. พาชุสัจจะ ความเป็น^ด้ยินได้พึงมามาก ๖. จาคะ สละลื่งของของตนแก่คนที่ควรให้ปัน ๗. ฟ้ญญา รอบร้ลื่งที่เป็นประโยชน์และไม่เป็นประโยชน์ ที่มา : ส์งขิตตธนสูตร ธนวรรค ปฐมปัณณาสก์ อง..สต.ตก. ๒๓/๕/๕ สทุธาธนํ สืลธii หิรี โอตุตปุปียํ ธนํ ธ[ุ ตธนฉเจ จาโค จ ปณฌา เว สตุตมํ ธนํ ยสฺส เอตา ธนา อตถิ อิตุถิยา ใ]ริสสฺส วา อทลิทฺโทติ ตํ อาชุ อโมฆํ ตสุส ชีวิตํ ฯ แปล ทรัพย์ คือ ศรัทธา ๑ คืล ๑ หิริ ๑ โอตตัปปะ ๑ สุตะ ๑ จาคะ ๑ ปัญญาเป็นที่ ๗ ทรัพย์เหล่านี้มีแก่^ด จะเป็นหญิงหรือชายก็ตาม บัณฑิตเรียกผู้นั้นว่าเป็นผู้ไม่ ยากจน ชีวิตของผู้นั้นย่อมไม่เปล่าประโยชน์ ฯ ตสมา สทุธณจ สีลณจ ปสาทํ ธมุมทสฺสนํ อนยูญเชถ เมธาวี สรํ พฑ.ธาน สาสนํ ฯ แปล : เพราะฉะนั้น ท่านผู้มีปัญญาเมื่อระลึกถึงคำสอน ของพระพุทธเจ้า พึงหมั่นประกอบศรัทธา คืล ความ เลื่อมใส และการเหินธรรมเข้าไว้แล ฯ www.kalyanamitra.org

๑๘ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงลั สัญโญชนกฝืา ว่าด้วยส์งโยชน์ กิเลสเครื่องผูกมัด ๗ ๑. อนุนยะ ความยินดีในกาม ๒. ปฏิฆะ ความยินร้าย ฅ. ทิป็เ ความเห็นผิด ความสงลัย (a.. วิจิกิจฉา ความถือตัว ๕. มานะ ความยินดีในภพ ๖. ภวราคะ ความไม่รู้สภาพจริง ๗. อวิชชา ที่มา สัญโญชนสูf«ร ปฐมปัณณาสก์ องฺ.สตฺตก. ๒(ท/๘ สตติฌ ภิกขท สญโฌชนานิ ... อนุนยสณฺโฌชนํ ปฎิฆสญโณชนํ ฑิฏุฮิสญโณชนํ วิจิกิจฉาสฌโณชนํ มานสญโณชนํ ภวราคสฌโณชนํ อวิชชาสญโณชนํ ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ลังโยชน์ (กิเลสเครื่องผูกมัด) มี ๗ ประการนี้ ลังโยชน์๗ประการ คืออะไรบ้าง คือ ลังโยชน์คือความยินดี(ใน กาม)๑ ลังโยชน์คือความยินร้าย ๑ ลังโยชน์คือความเห็นผิด ๑ ลังโยชน์คือ ความสงลัย ๑ ลังโยชน์คือความถือตัว ๑ ลังโยชน์คือความยินดีในภพ ๑ ลังโยชน์คืออวิชชา ๑ ฯ หมายเหตุ ลังโยชน์ ๗ อีกนัยหนึ่ง เปลี่ยนฃ้อที่ ๖ เบ้น อิสสาสญใณชนํ ลังโยชน์คือความริษยา ฃ้อที่ ๗ เบ้น มชุฉริยสญโณชนํ ลังโยชน์คือความตระหนึ่ (ดู มัจฉริยสูตร ปฐมปัณณาสก์ องฺ.สตฺตก. ๒ฅ/๑อ) www.kalyanamitra.org

และคณะ] หมวด ๗ ๑^ อนุสยกถา ว่าด้วยอนุสัย กิเลสที่นอนเนี่องอยูในสันดาน ๗ ๑. กามราคะ ความยินดีในกาม ๒. ปฏิฆะ ความยินร้าย ฅ. ทิป็เ ความเห็นผิด ความสงสัย (£. วิจิกิจฉา ความถือตัว ๕. มานะ ความยินดีในภพ ๖. ภวราคะ ความไม่รู้สภาพจริง ๗. อวิชชา ที่มา ปฐมานุสยสูตร ปฐมปัณณาสก์ องฺ.สตฺตก. ๒๙๑® สตุฅิเม ภิคุฃเว อบุสยา...กามราคานุสโย ปฎิฆาบุสโย ทิฏฮานุสโย วิจิกิจฉาชุสโย มานาบุสโย ภวราคาบุสโย อวิชุชาชุสโย ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนุสัยนี้มี ๗ ประการนี้ ๗ ประการ คืออะไรบ้าง คือ อนุสัยคือกามราคะ ๑ อนุสัยคือปฏิฆะ ๑ อนุสัย คือทิฐิ ๑ อนุสัยคือวิจิกิจฉา ๑ อนุสัยคือมานะ ๑ อนุสัยคือภวราคะ ๑ อนุสัยคืออวิชชา ๑ ฯ www.kalyanamitra.org

๒๐ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงลั อลังกุลกถา ว่าด้วยลักษณะตระกูลที่ภิกษุควรเข้าไป ๗ ๑. เต็มใจต้อนรับ ฅ. เต็มใจให้อาสนะ ๔. ไม่ซ่อนสิงของ ๕. มีมาก ก็ให้มาก ๖. มีของประณีต ก็ให้ของประณีต ๗. ให้โดยเคารพ ที่มา : กุลสูตร ปฐมปัณณาสก์ องฺ.สตตก.๒ต/๑ฅ สตุตหิ ภิกฃเว องุเคหิ สมนุนาคตํ คูลํ อนุปคนุตุวไ วา อลํ อุปคนุดู๊, อุปคนุตุวา วา อลํ นิสีฑิตํ ... มนาเปน ปชุอุฎเฮนุติ, มนาเปน อภิวาเฑนุติ, มนาเปน อาสนํ เทนุติ, สนุตมสส น ปริสูหนุติ, พทุกมหิ พทุกํ เทนุติ, ปณีตนุหิ ปณีตํ เทนุติ, สฤกจจํ เทนุติ, โน อสคุกชุจํ ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตระกูลที่ประกอบต้วยองค์ ๗ ประการ ภิกษุยังไม่เข้าไปก็ควรจะเข้าไป หรือเข้าไปแล้วก็ควรจะนั่ง องค์ ๗ ประการคืออะไรบ้าง คือ ต้อนรับต้วยความเต็มใจ ๑ ไหว้ต้วยความ เต็มใจ ๑ ให้อาสนะต้วยความเต็มใจ ๑ ไม่ซ่อนของที่มีอยู่ ๑ มีของมาก ก็ให้มาก ๑ มีของประณีต ก็ให้ของประณีต ๑ ให้โดยเคารพ ไม่ให้โดย ไม่เคารพ ๑ ฯ www.kalyanamitra.org

และคณะ] หมวด ๗ 1ฐ>๑ อุทกูปมาปุคคฝืกถา ว่าด้วยเปรียบบุคคลกับการว่ายนํ้า ๗ ๑. ผู้เหมือนกับจมแล้วคราวเดียวก็จมลงเลย ๒. ผู้เหมือนกับโผล่ขึ้นแล้ว จมลงอีก ฅ. ผู้เหมือนกับโผล่ขึ้นแล้ว ยืนอยู่ ๔. ผู้เหมือนกับโผล่ขึ้นแล้ว เหลียวไปมา ๕. ผู้เหมือนกับโผล่ขึ้นแล้ว ว่ายข้ามไป ๖. ผู้เหมือนกับโผล่ขึ้นแล้ว ได้ที่พึ่ง ๗. ผู้เหมือนกับโผล่ขึ้น ข้ามถึงฝืงแล้วอยู่บนบก ทีมา : อุทกูปมสูตร ปฐมปัณณาสก์ องฺ.สตฺตก. ๒๙๑๕ สตุติเม ภิกฃเว อุฑคูปมา ปุคุคลา สนุโต สํวิชุชมานา โลกสมึ ... อิธ ภิคุฃเว เอกชุโจ ปุคุคโล สกึ นิมุคุโค นิมคโค ว โหติ ... อุมมุชุชิตฺวา นิมุชุชติ ... อมมชุชิตวา ฮิโต ... อุมฺมุชุชิตุวา วิปสุสติ วิโลเกติ ... อุมมุชุชิตุวา ปตรติ ... ลูมุมุชุชิตฺวา ปติคาธปุปฅโต ... อมฺมุชชิตุวา ติณุโณ โหติ ปารคโต ถเล ติฏ«ติ พุราหุมโฌ ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลเปรียบด้วยการว่ายนํ้า ๗ ประเภทนี้มืปรากฏอยู่ในโลก บุคคล ๗ ประเภทคืออะไรบ้าง คือ บุคคล บางคนในโลกนี้จมแล้วฺคราวเดียวก็จมลงเลย ๑ บางคนโผล่ขึ้นแล้ว จมลง อีก ๑ บางคนโผล่ขึ้นแล้ว ยืนอยู่ ๑ บางคนโผล่ขึ้นแล้ว เหลียวไปมา ๑ บางคนโผล่ขึ้นแล้วว่ายข้ามไป ๑ บางคนโผล่ขึ้นแล้วได้ที่พึ่ง ๑ บางคนโผล่ ขึ้นแล้ว ข้ามถึงล่งแล้ว เป็นพราหมณ์อยู่บนบก ๑ ฯ www.kalyanamitra.org

๒10) คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงลั อธิบาย : บุคคลที ๑ หมายถึงผู้ประกอบด้วยอกุศลธรรมฝ่ายดำ โดยส่วนเดียว บุคคลที่ ๒ หมายถึงผู้ที่ได้แต่คิดว่ากุศลธรรมมีศรัทธาเป็นด้น เป็นธรรมที่ดี แต่ไม่สามารถทำให้กุศลธรรมนั้นคงอยู่หรือเจริญขึ้นได้ มีแต่ ทำ ให้เสีอมไปฝ่ายเดียว บุคคลที่ ๓ หมายถึงผู้ที่คิดเซ่นนั้น และสามารถทำ ได้เพียงให้กุศลธรรมนั้นคงอยู่ ไดยไมโห้เสิอม แต่ไม่สามารถทำให้เจริญขึ้นได้ บุคคลที่ ๔ หมายถึงผู้ที่คิดเซ่นนั้นแล้วเพียรละส่งไยซนั้1ด้ ฅ สำ เร็จเป็น ไสดาบันบุคคล ไม่ไปเกิดในอบายภูมิ มีคติแน่นอนพร้อมที่จะตรัสรู้ต่อไป บุคคลที่ ๕ หมายถึงผู้ที่คิดเซ่นนั้นแล้วเพียรละสํงไยซนั้1ด้ ฅ พร้อมทั้งทำ ราคะ ไทสะ ไมหะให้เบาบางลง สำ เร็จเป็นสกทาคามีบุคคล มาเกิดในไลก นี้อีกชาติเดียว ก็จะบรรลุนิพพานไปในที่สุด บุคคลที ๖ หมายถึงผู้ที่คิด เซ่นนั้นแล้วเพียรละสํงไยซนั้1ด้ ๕ สำ เร็จเป็นอนาคามีบุคคล จักปรินิพพาน ในสุทธาวาสภูมิไดยไม่กลับมาส่มนุษยไลกนี้อีก บุคคลที่ ๗ หมายถึงผู้ที่คิด เซ่นนั้นแล้วเพียรพัฒนาตนจนสินอาสวกิเลส สำ เร็จเป็นพระอรหันตบุคคล บรรลุนิพพานได้ในอัตภาพชาติปัจจุบัน (นัย องฺ.สต.ตก. ๒ต/๑๕) ฯ อาทุเนยยาฑิกถา ว่าด้วยบุคคลผู้ควรแก่ของคำนับเป็นต้น ๗ ๑. พระอรหันต์อุภไตภาควิมุต ๒. พระอรหันต์สมสิสิ ต. พระอนาคามีประเภทอันตราปรินิพพายี ๔. พระอนาคามีประ๓ทอุปหัจจปรินิพพายี ๕. พระอนาคามีประเภทอลังขารปรินิพพายี ๖. พระอนาคามีประเภทสลังขารปรินิพพายี ๗. พระอนาคามีประเภทอุทธังไสไตอกนิฏฐคามี www.kalyanamitra.org

และคณะ] หมวด ๗ Igjgyj ทีมา : อนิจจานุปัสสีสูตร ปฐมปัณณาสก์ องฺ.สตฺตก. ๒ฅ/๑๖ สตฺติเม ภิกฃเว ใJคุคลา อาหเน!เยา ปาหุเน!เยา ทกฃิเณ!เยา อญชลิกรณียา อบุตฺตริ ปุญฌณขฅุตํ โลกสส ... อิธ ภิคุขเว เอกจุใจ ปุคุคโล สพุพสงขาเรลุ[ อนิจุจาชุปสฺสี วิหรติ อนิจุจสญณี อนิจุจปฎิสํเวที ... ฅสฺส อijพฺพํ อจริมํ อาสวปริยาทานญจ โหติ ชีวิตปริยาทานลเจ ... อนุตราปรินิพฺพายี ... อุปหจุจปรินิพุพายี ... อสงฺฃารปรินิพพายี ... สสงขารปรินิพพายี ... อุทธํใสโต ใหติ อกนิฏฮคามี ... ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคล๗ประเภทนี้เป็นผู้ควรแก่ของ คำ นับ เป็นผู้ควรแก่ของต้อนรับ เป็นผู้ควรแก่ของทำบุญ เป็นผู้ควรทำ อัญชลี เป็นเนี้อนาบุญของชาวโลกทีไม่มีนาบุญอื่นยิ่งกว่า บุคคล ๗ ประเภทคืออะไรบ้าง คือ บุคคลบางคนในโลกนี้พิจารณาเห็นความไม่เที่ยง มีความสำคัญว่าไม่เที่ยง ทั้งรู้แจ้งซัดว่าเป็นของไม่เที่ยงในสํงขารทั้งปวง มั่นใจติดต่อกันมาไม่ขาดสาย เข้าถึงต้วยปัญญาอยู่ เขาย่อมทำให้แจ้งซึ่ง เจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติอันหาอาสวะมิไต้เพราะอาสวะทั้งหลายสินไปด้วย ปัญญาอันยิ่งเองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นี้เป็นบุคคล ประเภทที่ ๑ ... บุคคลที่พิจารณาเห็นความไม่เที่ยง ... ความสินอาสวะ และความสินชีวิตของเขามีไม่ก่อนไม่หลังกัน ... ที่ ๒ ... บุคคลที่พิจารณา เห็นความไม่เที่ยง ... จักปรินิพพานในระหว่างเพราะโอรัมภาคิยลังโยชน์ ๕ สินไป ... ที่ ๓ ... บุคคลที่พิจารณาเห็นความไม่เที่ยง ... จักปรินิพพานใน เมื่ออายุเลยกึ่ง ... ที ๕ ... บุคคลที่พิจารณาเห็นความไม่เที่ยง ... จัก ปรินิพพานโดยไม่ต้องใช้ความเพียรนัก ... ที่ (ะ ... บุคคลที่พิจารณาเห็น ความไม่เที่ยง ... จักปรินิพพานโดยต้องใช้ความเพียรแรงกล้า ... ที่ ๖ ... บุคคลที่พิจารณาเห็นความไม่เที่ยง ... เข้าถึงด้วยปัญญาอยู่ เป็นผู้มี กระแสในเบื้องบนไปส่อกนิฏฐภพ ... นี้เป็นบุคคลประเภทที่ ๗ ฯ www.kalyanamitra.org

Ig,๔ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงส์ อปริหานิยธัมมกลา ว่าด้วยอปริหานิยธรรมสำหรับผู้บริหาร ๗ ๑. หมั่นประชุมกันเนืองนิตย์ ๒. พร้อมเพรียงกันประชุม เลิกประชุม และทำกิจที่พึงทำ ต. ไม่บัญญัติลิงใหม่ล้างลิงเก่า ๔. เคารพนับถือผู้หลัก^หญ่ของบ้านเมือง ๕. ให้ความปลอดภัยแก่สตรีและเด็กหญิง (พิทักษ์ลิทธิเด็กและสตรี) ๖. เคารพบูชาลิงสักดิ้ลิทธิ้ของบ้านเมือง ๗. ให้ความคุ้มครองอุปถัมภ์บำรุงพระสงฆ์ผู้ทรงสืล ที่มา : สารันททสูตร ปฐมปัณณาสก์ องฺ.สต.ตก. ๒ต/๒๑ กฅฌ จ ลิจฉวี สตต อปริหานิยา ธมฺมา ฯ ยาวกืวณุจ ลิชุฉวี วชุชี อภิณุหสนุนิปาตา ภวีลุ[สนติ สนฺนิปาตพทุลา รุฑุฒิเยว ลิชุฉวี วชชีนํ ปาฎิกงุขา, โน ปริหานิ ฯ สมค.คา สนุนิปติสฺสนุติ ... อปฺปณุณตตํ น ปณณาเปสสนติ ... เย เต วชุชีนํ วชุชิมหลุสกา, เต สก.กริสฺสนุติ ... ยา ตา กุลิชุถิโย คูลกมาริโย, ตา น โอก.กสุส ปสยุห วาเสสฺสน.ติ ... ยานิ ตานิ วชุชีนํ วช.ชีเจติยานิ อพุภนุตรานิ เจว พาหิรานิ จ, ตานิ สฤกริสุสน.ติ ... วชุชีนํ อรหนุเตอุ[ ธมมิการก.ขาวรณคูต.ติ สสํวิหิตา ภวีสฺสติ ... ฯ แปล ะ พระผู้มืพระภาคเจ้าได้ตรัสว่า \"ดูก่อนลิจฉวีทั้งหลาย ก็ อปรีหานิยธรรม ๗ ประการคืออะไรบ้าง คือ ตราบใตที่ซาววัซซีจักหมัน ประชุมกันเนืองนิตย์ ซาววัซซีก็พึงหวังความเจริญได้แน่นอน ไม่มืความ เส์อม ๑ ตราบใตที่ซาววัซซีเมื่อประชุม ก็จักพร้อมเพรียงกันประชุม เมื่อ เลิกประซม ก็จักพร้อมเพรียงกันเลิก และจักพร้อมเพรียงช่วยกันทำกิจที่ www.kalyanamitra.org

และคณะ] หมวด ๗ ๒๔ ควรทำ ... ๑ ตราบใดที่ซาววัซซีจักไม่บัญญัติสิงที่ยังมิได้บัญญัติ จักไม่เพิก ถอนสิงที่ท่านบัญญัติไว้แล้ว จักประพฤติมั่นอยูโนวัซซีธรรมซึ่งเป็นของเก่า ตามที่ท่านบัญญัติไว้แล้ว ... ๑ ตราบโดที่ซาววัซซีจักสิ'กการะ เคารพ นับถือ บูซาท่านวัซซี^หญ่ทั้งหลาย และจักสำคัญถ้อยคำของท่านเหล่านั้นว่าเป็น ถ้อยคำอันตนด้องเซึ่อพิง ... ๑ ตราบใดที่ซาววัซซีจักไม่ข่มขืนบังคับปกครอง สตรีในตระกูลและกุมารีในตระกูล...๑ ตราบใดที่ซาววัซซีจักสํกการะ เคารพ นับถือ บูซาเจติยสถานของซาววัซซีทั้งภายในและภายนอก และไม่ลบล้าง พลีกรรมอันซอบธรรมซึ่งเคยให้เคยท่าแก่เจติยสถานเหล่านั้น ... ๑ ตราบใด ที่ซาววัซซีจักถวายความอารักขา ความคุ้มครอง ความป้องกันโดยซอบ ธรรมในพระอรหันต์ทั้งหลายเป็นอย่างดีด้วยหวังว่า 'ท่าไฉนพระอรหันต์ ทั้งหลายที่ยังไม่มาพึงมาสํแว่นแคว้นและที่มาแล้วพึงอยู่เป็นสุขในแว่นแคว้น' ซาววัซซีก็พึงหวังความเจริญได้แน่นอน ไม่มิความเสิอม ๑ ฯ ภิกขุอปริหานิยธัมมกลา (๑) ว่าด้วยอปริหานิยธรรมffๆหรับภิกษุ ๗ (นัยที่ ๑) ๑. หมั่นประชุมกันเนืองนิตย์ ๒. เมื่อประชุม ก็พร้อมเพรียงกันประชุม เมื่อเลิกประชุม ก็พร้อมเพรียง กันเลิกประชุม และพร้อมเพรียงกันช่วยท่ากิจที่สงฆ์จะด้องท่า ฅ. ไม่บัญญัติสิงที่พระพุทธเจ้าไม่บัญญัติขึ้น ไม่ถอนสิงที่พระองค์ทรงบัญญัติ ไว้แล้ว สมาทานสืกษาอยู่ในสิกขาบทตามที่พระองค์ทรงบัญญัติไว้ ๔. ภิกษุเหล่าใดเป็น^หญ่เป็นประธานในสงฆ์ เคารพนับถือภิกษุเหล่านั้น เซึ่อพิงถ้อยคำของท่าน www.kalyanamitra.org

๒๖ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงศ์ ๕. ไฝลุอำนาจแก่ความอยากที่เกิดขึ้น ๖. ยินดีในเสนาสนะป่า ๗. ตั้งใจอยู่ว่า เพื่อนภิกษุสามเณรซึ่งเป็นผู้มีสืล ซึ่งยังไม่มาส่อาวาส ขอ ให้มา ที่มาแล้ว ขอให้อยู่เป็นสุข (นวโกวาท) ทีมา : ภิกขุสูตร วัซซิวรรค ปฐมปัณณาสก์ องฺ.ส(ตุตก. ๒ต/๒ฅ กตฌ จ ภิกขท สตฺต อปริหามิยา ธมมา ฯ ยาวกืวญจ ภิฤขเว ภิกฃู อภิณุหสนมิปาตา ... สมคคา สนมิปติสุสนติ ... อปุปญณฅตํ น ปณณาเปสุสนุติ ... เย เต ภิกฺฃู เถรา ... เต สฤกริสุสนติ ... อุปปนนาย ตณหาย โปโนพุภวิกาย โน วสํ คจฉิสุสนุติ ... อารณณเกสุ เสนาสเนสุ สาเปฤขา ภวิสุสนติ ... ปชุจตุตฌุเฌว สติ อุปฎฺฮเปสุสนติ ... ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อปริหานิยธรรม ๗ ประการคืออะไร ปาง คือ ภิกษุทั้งหลายจักยังหมั่นประชุมกันเนืองนิตย์เพียงใด ก็พีงหวัง ความเจริญได้แน่นอน ไม่มีความเส์อมเพียงนั้น ๑ ภิกษุทั้งหลายเมื่อประชุม ก็จักพร้อมเพรียงกันประชุม เมื่อเลิกประชุมก็จักพร้อมเพรียงกันเลิก จัก พร้อมเพรียงช่วยกันทำกิจที่สงฆ์พีงทำเพียงใด ... ๑ ภิกษุทั้งหลายจักไม่ บัญญัติลิงที่ยังไม่ได้บัญญัติ จักไม่เพิกถอนลิงที่บัญญัติไว้แล้ว จักประพฤติ มั่นอยู่ในลิกขาบทตามที่บัญญัติไว้แล้วเพียงใด...๑ ภิกษุทั้งหลายจักลิ'กการะ เคารพ นับถือ บูชาท่านผู้เป็นเถระ เป็นรัตตัญฌู บวชมานาน เป็นลิ'งฆบิดร เป็นลิ'งฆปรีณายก และจักสำคัญถ้อยคำของท่านเหล่านั้นว่าเป็นถ้อยคำอัน ตนด้องเซึ่อพีงเพียงใด ... ๑ ภิกษุทั้งหลายจักไม่ตกอยู่ในอำนาจตัณหาอัน เป็นเหตุให้เกิดในภพต่อไปที่เกิดขึ้นแล้วเพียงใด ... ๑ ภิกษุทั้งหลายจักมี ความพอใจในเสนาสนะปาเพียงใด ... ๑ ภิกษุทั้งหลายจักเข้าไปตั้งสติไว้ เฉพาะตนว่า 'ทำไฉนเพื่อนร่วมพรหมจรรย์ผู้มีคืลเป็นที่รักที่ยังไม่มาก็พีงมา และที่มาแล้วพิงอยู่เป็นสุขเพียงใด ... ๑ ฯ www.kalyanamitra.org

และคณะ] หมวด ๗ ๒01) ภิกฃุอปริหานิยธัมมกถา(๒) ว่าด้วยอปริหานิยธรรมสำหรับภิกษุ ๗ (นัยที่ ๒) ๑. ไม่ชอบการงาน ๒. ไม่ชอบการคุย ฅ. ไม่ชอบการหลับ ๔. ไม่ชอบการคลุกคลีด้วยหมู่ ๕. ไม่มีความอยากอันตาทราม ๖. ไม่มีมิตรชั่ว ๗. ไม่หยุดแค่บรรลุธรรมขั้นตา ที่มา : กัมมสูตร ปฐมปัณณาสก์ อง..สต.ตก. ๒ต/๒๔ กตฌ จ ภิคุฃท สตุต อปริหานิยา ธมฺมา ฯ ยาวกีวฌจ ภิฤฃเว ภิกฃู น กมฺมารามา ภวิสสนุติ ... น ภลุ[สารามา ... น นิทุทารามา ... น สงฺคณิการามา ... น ปาปีกานํ รชุฉานํ วสํ คตา...น ปาปมิตตา ... น โอรมตฺตเกน วิเสสาธิคฌน อนุตรา โวสานํ อาปชุชิสฺสนุติ ... ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อปริหานิยธรรม ๗ ประการคือ อะไรบ้าง คือ ภิกษุทั้งหลายจักยังไม่ชอบการงาน ไม่ประกอบเนือง ๆ ซึ่ง ความเป็นผู้ชอบการงานอยู่เพียงใด ก็พีงหวังความเจริญได้แน่นอน ไม่มี ความเส์อมเพียงนั้น ๑ ภิกษุทั้งหลายจักไม่ชอบการคุย ... ๑ ภิกษุทั้งหลาย จักไม่ชอบการนอนหลับ ...๑ ภิกษุทั้งหลายจักไม่ชอบการคลุกคลีด้วยหมู่ ...๑ ภิกษุทั้งหลายจักไม่มีความอยากอันตาทราม ไม่ลุอำนาจแก่ความอยากอัน ตั๋าทราม ... ๑ ภิกษุทั้งหลายจักไม่มีมิตรชั่ว ไม่มีสหายชั่ว มีจิตไม่คล้อยตาม คนชั่ว ... ๑ ภิกษุทั้งหลายจักไม่ถึงความหยุดเลียในระหว่างเพราะการบรรลุ คุณวิเศษเพียงขั้นตาอยู่ ... ๑ ฯ www.kalyanamitra.org

๒๘ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงศ์ ภิกฃุอปริหานิยธัมมกลา(๓) ว่าด้วยอปริหานิยธรรมสำหรับภิกษุ ๗ (ใโ'ยที่ ต) ๑. มีศรัทธา ๒. มีหิริ ฅ. มีโอตตัปปะ ๔. เป็นพหูสูต ๕. ปรารภความเพียร ๖. มีสติ ๗. มีปัญญา ที่มา : ลัทธิยสูตร ปฐมปัณณาสก์ องฺ.สตฺตก. ๒ฅ/๒๕ กตฒ จ ภิกฃเว สตุต อปริหานิยา ธมฺมา ฯ ยาวกีวญจ ภิคุขท ภิกขู สทุธา ภวิสฺสนุติ, วุฑฒิเยว ภิคุฃเว ภิฤชุเนํ ปาฎิกงฺขา, โน ปริหานิ ... หิริมนุโต... โอตฺตปุ!)โน... พชุสุลุ[ตา... อารทุธวีริยา ... สติมนุโต ... ปญณวนุโต ภวิสุสนุติ ...ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงอปริหาปิยธรรม ๗ ประการแก่เธอทั้งหลาย ... ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อปริหาปิยธรรม ๗ ประการ คืออะไรบ้าง คือ ภิกษุทั้งหลายจักเป็นผู้มีศรัทธา ... ๑ ภิกษุทั้งหลายจักเป็น ผู้มีหิริ ... ๑ ภิกษุทั้งหลายจักเป็นผู้มีโอตตัปปะ ... ๑ ภิกษุทั้งหลายจักเป็น พหูสูต ... ๑ ภิกษุทั้งหลายจักปรารภความเพียร ... ๑ ภิกษุทั้งหลายจักเป็น ผู้มีสติ ... ๑ ภิกษุทั้งหลายจักเป็นผู้มีปัญญาเพียงใด ก็พึงหวังความเจริญได้ แน่นอน ไม่มีความเส์อมเพียงนั้น ๑ ฯ www.kalyanamitra.org

และคณะ] หมวด ๗ ภิกขุอปริหานิยธัมมกถา(๔) ว่าด้วยอปริหานิยธรรมสำหรับภิกษุ ๗ (นัยที่ ๔) ๑. เจริญสติส์โมโพซฌงค์ ๒. เจริญธัมมวิจยส์โมโพซฌงค์ ๓. เจริญวิริยส์โมโพซฌงค์ ๔. เจริญปีติส์โมโพซฌงค์ ๕. เจริญป้สส์โทธิส์โมโพซฌงค์ ๖. เจริญสมาธิสํโมโพซฌงค์ ๗. เจริญอุเบกขาสัมโพซฌงค์ ทีมา ะ โพธิยสูตร ปฐมปัณณาสก์ องฺ.สตฺตก. ๒๓/10๖ กตฌ จ ภิกุขเว สตุต อปริหานิยา ธมมา ฯ ยาวกีวญจ ภิคุขท ภิกฃู สติสมุโพชุฌงคํ ภาทสุสนติ,วุฑฒิเยว ภิคุฃเว ภิๆฃูนํ ปาฎิกงุขา, โน ปริหานิ ... ธมุมวิจยสมุโพชุฌงุคํ ... วีริยสมุโพชุฌงุคํ ... ปีติสมุโพชุฌงคํ ... ปสฺสฑธิสมุโพชุฌงคํ ... สมาธิสมุโพชุฌงคํ ... อุเปกขาสมุโพชุฌงุคํ ... ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงอปริหานิยธรรม ๗ ประการแก่เธอทั้งหลาย ... ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อปริหานิยธรรม ๗ ประการคืออะไรบ้าง คือ ภิกษุทั้งหลายจักเจริญสติส์โมโพซฌงค์ ... ๑ ภิกษุทั้งหลายจักเจริญธัมมวิจยส์มโพซฌงค์ ... ๑ ภิกษุทั้งหลายจักเจริญ วิริยส์โมโพซฌงค์ ... ๑ ภิกษุทั้งหลายจักเจริญปีติส์โมโพซฌงค์ ... ๑ ภิกษุ ทั้งหลายจักเจริญป้สส์'ทธิส์โมโพซฌงค์ ... ๑ ภิกษุทั้งหลายจักเจริญสมาธิ สัมโพซฌงค์ ... ๑ ภิกษุทั้งหลายจักเจริญอุเบกขาส์โมโพซฌงค์อยู่เพียงใด ก็ พึงหวังความเจริญได้แน่นอน ไม่มีความเส์อมเพียงนั้น ๑ ฯ www.kalyanamitra.org

๓๐ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงศ์ ภิกขุอปริหานิยธัมมกถา(๕) ว่าด้วยอปริหานิยธรรมสำหรับภิกษุ ๗ (นัยที่ ๕) ๑. เจริญอนิจจส์ญญา กำ หนดหมายความไม่เที่ยง ๒. เจริญอนัตตสัญญา กำ หนดหมายความไม่ใช่ตน ๓. เจริญอสุภสัญญา กำ หนดหมายความไม่งาม ๔. เจริญอาทีนวสัญญา กำ หนดหมายโดยความเป็นโทษ ๔. เจริญปหานสัญญา กำ หนดหมายเพื่อละ ๖. เจริญวิราคสัญญา กำ หนดหมายเพื่อคลายความกำหนัด ๗. เจริญนิโรธสัญญา กำ หนดหมายความดับสนิท ทีมา : ลัญญาสูตร ปฐมปัณณาสก์ อง..สต.ตก. ๒๙๒๗ กดเม จ ภิฤฃเว สตุฅ อปริหานิยา ธมมา ฯ ยาวกีวณุจ ภิกฃเว ภิกข อนิจจสณฺณํ ภาเวสฺสนติ,ๅฑฒิเยว ภิฤฃเว ภิฤฃูนํ ปาฎิกงขา, โน ปริหานิ ...อนตุฅสณุณํ...อลุ[ภสญฌํ «. อาทีนวสณฌํ ... ปหานสฌณํ ... วิราคสญณํ ... นิโรธสณลร... ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เราจักแสดงอปริหานิยธรรม ๗ ประการแก่เธอทั้งหลาย... ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็อปริหานิยธรรม๗ประการ คืออะไรบ้าง คือ ภิกษุทั้งหลายจักเจริญอนิจจสัญญาอยู่เพียงใด ก็พีงหวัง ความเจริญได้แน่นอน ไม่มีความเพื่อมเพียงนั้น ๑ ภิกษุทั้งหลายจักเจริญ อนัตตสัญญา ... ๑ ภิกษุทั้งหลายจักเจริญอสุภสัญญา ... ๑ ภิกษุทั้งหลาย จักเจริญอาทีนวสัญญา ... ๑ ภิกษุทั้งหลายจักเจริญปหานสัญญา ... ๑ ภิกษุทั้งหลายจักเจริญวิราคสัญญา ... ๑ ภิกษุทั้งหลายจักเจริญนิโรธสัญญา อยู่เพียงใด ก็พีงหวังความเจริญได้แน่นอน ไม่มีความเพื่อมเพียงนั้น ๑ ฯ www.kalyanamitra.org

และคณะ] หมวด ๗ ๓๑ เสฃหานิกถา ว่าด้วยความเสือมของเสฃภิกษุ ๗ ๑. ยินดีในการงาน ๒. ยินดีในการคุย ฅ. ยินดีในการหลับ ๔. ยินดีในการคลุกคลีด้วยหมู่คณะ ๕. ไม่คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย ๖. ไม่รู้จักประมาณในโภซนะ ๗. ขวนขวายรับผิดชอบในลังฆกิจ ทีมา : เสขสูตร ปฐมปัณณาสก์ องฺ.สตฺตก. ๒ฅ/๒๔ สตติเม ภิฤขเว ธมมา เสฃสฺส ภิฤชุโน ปริหานาย สํวตฺฅนุติ ... กมุมารามตา, ภสสารามตา, นิททารามตา, สงฺคณิการามตา, อินุทุริเยธุ[ อคุตตทฺวารตา, โภชเน อมตุตณณตา, สนฺติ โข ปน สงฒ สงุฆกรณิยานิ ตตร ภิกขุ น อิติ ปฎิสญจิคุขติ ... อตุตนา เตคุ โยคํ อาปชุชติ ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๗ ประการนี้ย่อมเป็นไปเพื่อ ความเลีอมแก่ภิกษุผู้เสขะ ธรรม ๗ ประการคืออะไรบ้าง คือ ความเป็น ผู้ยินดีในการงาน ๑ ความเป็นผู้ยินดีในการคุย ๑ ความเป็นผู้ยินดีใน การหลับ ๑ ความเป็นผู้ยินดีในการคลุกคลีด้วยหมู่คณะ ๑ ความเป็นผู้ไม่ คุ้มครองทวารในอินทรีย์ทั้งหลาย ๑ ความเป็นผู้!ม่รู้จักประมาณในโภชนะ ๑ กิจที่สงฆ์จะพึงทำมีอยู่ในสงฆ์ ภิกษุไม่สำเหนียกในกิจนั้นอย่างนี้ว่า 'ก็พระ เถระผู้รัตตัฌฌู บวชมานาน เป็นผู้รับภาระมีอยู่ในสงฆ์ ท่านเหล่านั้นจัก รับผิดชอบกิจนี้เอง' จึงขวนขวายด้วยตนเอง ๑ ฯ www.kalyanamitra.org

cnlfi) คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงศ์ อุปาสกหานิกลา ว่าด้วยความเส์อมของอุบาสกอุบาสิกา ๗ ๑. ขาดการเยี่ยมเยียนภิกษุ ๒. ละเลยการฟ้งธรรม ฅ. ไม่สิกษาในอธิสืล ๔. ไม่มากด้วยความเลื่อมใสในภิกษุทั้งหลาย ๕. มีจิตคิดแข่งดี จ้องหาข้อผิดฟ้งธรรม ๖. แสวงหาเขตบุญนอกพุทธศาสนา ๗. บำ เพ็ญบุญในศาสนาอื่นก่อน ที่มา : หานิสูตร ปฐมปัณณาสก์ อง..สต.ตก. ๒ต/๒๙ ทชุสนํ ภาวิตตุตานํ โย หาเปติ รุปไสโก สวนณฺจ อริยธมมานํ อธิสีเล น สิกฃติ อปฺปสาโท จ ภิฤดูลุ[ ภิยุโย ภิยุโย ปวฑฺฒติ รุปารมภกจิตุโต จ สๆธมมํ โสตุมิจฺฉติ อิโฅ จ พหิทฺธา อฌุลร ทกฃิฒยุยํ คเวสติ ฅตุเถว จ ใ^พุพการิ โย กโรติ รุปาสโก เอเต โข ปริหานีเย สตุต ธมเม ลุ[เทสิเต รุปาสโก เสวมาโน สทฺธมมา ปริหายติ ฯ แปล ะ อุบาสกใดขาดการเยี่ยมเยียนภิกษุผู้อบรมตนแล้ว ๑ ละเลยการฟ้งอริยธรรม ๑ ไม่สิกษาในอธิสิล ๑ มีความ ไม่เลื่อมใสในภิกษุทั้งหลายเจริญยี่ง ๆ ขึ้นไป ๑ มีจิตคิด แข่งดีจึงด้องการฟ้งล้'ทธรรม ๑ แสวงหาบุญเขตอื่น www.kalyanamitra.org

และคณะ] หมวด ๗ ๓๓ ภายนอกศาสนานี้ ๑ ทำ สักการะในบุญเขตภายนอก ศาสนานี้ก่อน ๑ อุบาสกนั้นเสพธรรมอันเ{เนที่ตั้งแห่ง ความเส์อมที่เราแสดงดีแล้ว ๗ ประการนี้แลย่อมเส์อม จากสัทธรรม ฯ อุปาสกสัมภวกถา ว่าด้วยความเจริญของอุบาสกอุบาสิกา ๗ ๑. ไม่ขาดการเยี่ยมเยียนภิกษุ ๒. ไม่ละเลยการฟ้งธรรม ฅ. ดีกษาในอธิดีล ๔. มากด้วยความเลื่อมใสในภิกษุทั้งหลาย ๕. ไม่มีจิตคิดแข่งดีจ้องหาข้อผิดฟังธรรม ๖. ไม่แสวงหาเขตบุญนอกพระพุทธศาสนา ๗. บำ เพ็ญบุญในพระพุทธศาสนาก่อน ที่มา : ส์มภวสูตร ปฐมปัณณาสก์ องฺ.สตฺตก. ๒ฅ/ฅ๑ ทสฺสนํ ภาวิตฅตานํ โย น หาเปติ อุปไสโก สวนญจ อริยธมมไนํ อธิณีล จ สิฤฃติ ปสาโท จสุส ภิฤขูอุ ภิยุโย ภิยโย ปวฑุฒติ อนุปารมภจิตุโต จ สทุธมมํ โสดูมิจุฉติ น อิโฅ พหิทธา อผฺผํ ทๆขิ&ณยยํ คเวสติ อิเธว จ ปุพุพการํ โย กโรติ อุปาสโก เอเฅ โข อปริหานีเย สตฺฅ ธมุเม อุเทสิเฅ อุปาสโก เสวมาโน สทฺธมฺมา น จ หายติ ฯ www.kalyanamitra.org

๓๔ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงศ์ แปล : อุบาสกใดไม่ขาดการเยี่ยมเยียนภิกษุผู้อบรมตนแล้ว๑ ไม่ละเลยการฟ้งอริยธรรม ๑ สิกษาอยู่ในอธิสืล ๑ มี ความเลื่อมใสในภิกษุทั้งหลายเจริญยี่ง ๆ ขึ้นไป ๑ ไม่มี จิตคิดแข่งดีจึงต้องการฟ้งสัทธรรม ๑ ไม่แสวงหา บุญเขดอื่นภายนอกศาสนานี้ ๑ ทำ สักการะในเขดบุญใน ศาสนานี้ก่อน ๑ อุบาสกนั้นซ่องเสพธรรมอันไม่เป็นที่ตั้ง แห่งความเลื่อมที่เราแสดงดีแล้ว ๗ ประการนี้แลย่อมไม่ เลื่อมจากสัทธรรม ฯ คารวตากถา ว่าด้วยความเคารพทีไม่ทำให้เสีอม ๗ ๑. สัตดูคารวตา ความเคารพในพระศาสดา ๒. ธัมมคารวตา ความเคารพในพระธรรม ฅ. สังฆคารวตา ความเคารพในพระสงฆ์ ๔. สิกขาคารวตา ความเคารพในสิกขา ๕. สมาธิคารวตา ความเคารพในสมาธิ ๖. อัปปมาทคารวตา ความเคารพในความไม่ประมาท ๗. ปฏิสันถารคารวตา ความเคารพในปฏิสันถาร ที่มา : อัปปมาทสูตร ปฐมปัณณาสก์ อง..สต.ตก. ๒ฅ/ต๒ สตดูครุ ธมมครุ สงฺฒ จ ติพพคารโว สมาธิครุ อาตาปี สิคุขาย ติพพคารโว อปปมาทครุ ภิคุฃุ ปฏิสนถารคารโว อภพฺโพ ปริหานาย นิพพานสเสว สนุติเก ฯ www.kalyanamitra.org

และคณะ] หมวด ๗ ๓๕ แปล : ภิกษุผู้มีความเคารพในพระศาสดา ๑ มีความเคารพ ในพระธรรม ๑ มีความเคารพอย่างแรงกล้าในพระสงฆ์ ๑ มีความเคารพในสมาธิ ๑ มีความเพียร มีความ เคารพอย่างแรงกล้าในสิกขา ๑ มีความเคารพในความ ไม่ประมาท ๑ มีความเคารพในปฎิสิ'นถาร ๑ ย่อม เป็นผู1ม่ควรที่จะเสิอม อยู่ใกล้นิพพานทีเดียว ฯ มิตตกถา ว่าด้วยคุณสมบัติของมิตรที่ควรคบ ๗ ๑. ให้ของที่ใ'] ยาก ๒. ทำ สิงที่ทำได้ยาก ฅ. อดทนถ้อยคำที่อดทนได้ยาก ๔. บอกความลับของตนแก่เพื่อน ๕. ปิดความลับของเพื่อนมีให้แพร่งพราย ๖. ไม่ละทิ้งในยามวิบัติ ๗. เมื่อเพื่อนสินทรัพย์ ก็ไม่ดูหมื่น ทีมา ะ ปฐมสฃสูตร ปฐมปัณณาสก์ องฺ.สตฺตก. ๒ฅ/ฅ๖ ทุทททํ ททสิ จิตตํ ทุฤกรณจาปี ถูพพสิ อโถปีสุส ทุรุตุตานิ ฃมสิ ทุคุฃมานิปี ฯ แปล : มิตรที่ให้ของดีที่ให้ได้ยาก ๑ ทำ กิจที่ทำได้ยาก ๑ อดทนถ้อยคำหยาบคายแม้ยากที่จะอดทนได้ ๑ ฯ www.kalyanamitra.org

๓๖ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงลั คูยุหมสฺส จ อคุฃาติ คุยหสฺส ปริคูหติ อาปทาสู น ชหาติ ฃีเณน นาติมณุณติ ฯ แปล : บอกความลับของตนแก่เพื่อน ๑ ป็ดบังความลับของ เพื่อน ๑ ไม่ละทิ้งในยามวิบัติ ๑ เมื่อเพื่อนเนโภคสมบัติ ก็ไม่ดูหมื่น ๑ แปล : ยชุมึ เอตานิ ฮานานิ สํวิชุชนตีธ ปุคุคเล ใส มิตฺใฅ มิตุฅกาเมน ภชิตพุโพ ตถาวิโธ ฯ ฐานะเหล่านี้มีอยูในบุคคลใดในโลกนี้ บุคคลนั้นจัด เ{เนมิดรแท้ ผู้ประสงค์จะคบมิดรควรคบมิดรเซ่นนั้นแล ฯ กัลยาณมิตตกถา ว่าด้วยลักษณะของกัลยาณมิตร ๗ ๑. ปีโย น่ารัก ๒. คเ น่าเคารพ ฅ. ภาวนิโย น่ายกย่อง ๔. วัตตา รู้จักใช้คำพูด ๕. วจนักฃโม อดทนต่อถ้อยคำ ๖. คัมภีรัง กถัง ถัตตา แถลงเรื่องลํ้าลึกยุ่งยากซับช้อนได้ ๗. โน จัฎฐาเน นิโยชเย ไม่ซักนำไปในทางเส์อมเลึย ที่มา : ทุติยสขสูตร เทวตาวรรค ปฐมปัณณาสก์ อง..สต.ตก. ๒๓/ฅ๗ ปีโย จ ครุ ภาวนิโย วฤตา จ วจนกฃโม คมภีรฌจ กถํ กดตา โน จฎฮาเน นิโยชเย ฯ www.kalyanamitra.org

และคณะ] หมวด ๗ ๓๗ แปล : (บุคคลผู้ประกอบด้วยธรรม ๗ประการนี้แลควรเสวนา ควรคบหา แม้จะขับไล่ก็ควรเข้าไปหา คือ) เป็นผู้ น่ารัก ๑ น่าเคารพ ๑ น่าสรรเสริญ ๑ ฉลาดพูด ๑ อดทนต่อถ้อยคำ ๑ พูดถ้อยคำลึกซึ้ง ๑ ไฝซักนำในทาง ที่เลึยหาย ๑ ฯ ยสุมึ เอตานิ รานานิ สํวิชุชนุตีธ ปุคคเล โส มิตฺโต มิตฺตกาเมน อตุถกามาบุกมฺปโก อปี นาสิยมาเนน ภชิตพุโพ ตถาวิโธ ฯ แปล : ฐานะเหล่านี้มีอยูโนบุคคลใดในโลกนี้ บุคคลนั้นจัด เป็นมิตรแท้ มุ่งอนุเคราะห์แต่ส์งที่เป็นประโยชน์ ผู้ ประสงค์จะคบหามิตร ถึงเขาจะขับไล่ก็ควรคบหามิตร เซ่นนั้นแล ฯ วสกถา ว่าด้วยลักษณะของผู้มีอำนาจเหนือจิต ๗ ๑. ฉลาดในสมาธิ ๒. ฉลาดเข้าสมาธิ ต. ฉลาดให้สมาธิคำรงอยู่ ๔. ฉลาดออกจากสมาธิ ๕. ฉลาดให้สมาธิพร้อมมูล ๖. ฉลาดในอารมณ์สมาธิ ๗. ฉลาดในอภินิหารสมาธิ www.kalyanamitra.org

end คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงลั ที่มา ะ ปฐมวสสูตร ปฐมปัณณาสก์ องฺ.สตฺตก. ๒๙๔0 สตตหิ ภิกฃท ธมุเมหิ สมนุนาคโต ภิฤขุ จิตฺตํ วเส วตเตติ, โน จ ภิคุชุ จิตุตสส วเสน วตุตติ ... อิธ ภิฤขเว ภิกขุ สมาธิคูสโล โหติ, ... สมาปตุติกสโล ... ริติคูสโล ...ๅฏฺ«านกสโล ... กลุอิตคูสโล ... โคจรคูสโล ... อภินีหารคูสโล โหติ ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๗ ประการ ย่อมยังจิตให้เป็นไปในอำนาจได้และย่อมไม่เปีนไปตามอำนาจของจิต ธรรม ๗ ประการคืออะไรบ้าง คือ ภิกษุในธรรมวินัยนี้เป็นผู้ฉลาดในสมาธิ ๑ เป็น ผู้ฉลาดในการเข้าสมาธิ ๑ เป็นผู้ฉลาดในการดำรงอยู่แห่งสมาธิ ๑ เป็นผู้ ฉลาดในการออกจากสมาธิ ๑ เป็นผู้ฉลาดในความพร้อมมูลแห่งสมาธิ ๑ เป็น ผู้ฉลาดในอารมถ5แห่งสมาธิ ๑ เป็นผู้ฉลาดในอภินิหารแห่งสมาธิ ๑ ฯ อัคคิกถา ว่าด้วยไฟ ๗ ๑. ราคัคคิ ไฟคือราคะ ๒. โทสัคคิ ไฟคือโทสะ ฅ. โมหัคคิ ไฟคือโมหะ ๔. อาหุเนยยัคคิ ไฟคืออาทุไนยษุคคล ๕. คหปติคคิ ไฟคือคฤหบดี ๖. ทักขิเณยยัคคิ ไฟคือทักขิไณยษุคคล ๗. ทัฏฐัคติ ไฟเกิดแต่ไม้ www.kalyanamitra.org

และคณะ] หมวด ๗ ๓๙ ทีมา ปฐมัคคิสูตร ปฐมปัณณาสก องฺ.สต.ตก. ๒๙๔๖ สตุติฌ ภิฤขเว อคุคื ฯ กดเม สตุฅ ฯ ราคคคิ โทสคคิ โมหคุคิ อาทุเนยยคุคิ คหปฅคคิ ทคุฃิเณยยคุคิ กฎฮคคิ ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ไฟมี ๗ กองนี้ ไฟ๗กองคืออะไรบ้าง คือ ไฟคือราคะ ๑ ไฟคือโทสะ ๑ ไฟคือโมหะ ๑ ไฟคืออาทุไนยบุคคล ๑ ไฟคือคฤหบดี ๑ ไฟคือทักขไณยบุคคล ๑ ไฟเกิดแต่ไม้ ๑ ฯ อธิบาย : ไฟ ๓ กองแรก คือ ไฟราคะ ไฟโทสะ และไฟโมหะ ตรัสว่าเป็นไฟทีไม่ควรบูชา ควรละเว้น ไม่ควรเกี่ยวข้อง เพราะว่าบุคคล ผู้ที่ถูกไฟทั้ง ต นี้ครอบงำยํ่ายีจิตแล้วย่อมประพฤติทุจริต หลังจากตายไป ย่อมเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก ฃ้อที่ ๔ ไฟคืออาทุไนยบุคคล ตรัส หมายถึงมารตาหริอบิตาเพราะเป็น^ห้กำเนิต ซึ่งควรลักการะ เคารพ นับถือ บูชามารตาบิตา บริหารให้เป็นสุขโดยชอบ ข้อที่ ๕ ไฟคือคอุหบดี ตรัส หมายถึงบุตร ภรรยา ทาส หริอคนใช้ ซึ่งควรลักการะ เคารพ นับคือ บูชา บริหารให้เป็นสุขโตยชอบเซ่นกัน ข้อที่๖ไฟคือทักฃิไณยบุคคล ตรัสหมายถึง สมณพราหมณ์ที่เว้นขาตจากความมัวเมาความประมาท ตั้งอยูในขันติและ โสรัจจะ ลกฝนจิตใจให้สงบ ดับฺร้อนได้เป็นเอก ซึ่งควรลักการะ เคารพ นับถือ บูชา บริหารให้เป็นสุขโตยชอบ ข้อที่๗ ไฟที่เกิดแคไม้ ตรัสวิธีปฏิบัติ โตยปล่อยให้ลุกโพลงขึ้น ควรคอยดู ควรดับ ควรเก็บไว้ตามกาลอันควร (ทุติยอัคคิสูตร ปฐมบิณณาสก์ องุ.สตฺตก. ๒๓/๔๗) อนึ๋ง ข้อที่ ๕ ไฟคือคฤหบดี ในอรรถกถาหมายถึงชายผู้เป็นเจ้าของ เคหสถานหรือสามีหัวหน้าครอบครัว ซึ่งเป็นผู้มีอุปการะมากต่อมาตุคามคือ หญิงผู้เป็นภรรยาโตยจัตหาที่อยู่อาดัย แอผ้าเป็นด้นให้ ได้ซึ่อว่าเป็นไฟ ตามเผาไหม้ในกรณีที่มาตุคามประพฤตินอกใจ (องฺ.สดฺตก.อ.๑๘๒-๑๔ฅ) www.kalyanamitra.org

๔0 คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงศ์ อาสวฃยกถา ว่าด้วยเหตุให้เนอาสวะได้เร็ว ๗ ๑. มีศรัทธา ต. เป็นพหูสูต ๔. ปลีกตัวเร้นอยู่ ๕. ปรารภความเพียร ๖. มีสติ ๗. มีปัญญา ที่มา : ลัตตธัมมสูตร อัพยากตวรรค องฺ.สตตก. ๒ctA>0 สตฺตหิ ภิฤฃท ธมุเมหิ สมนนาคโต ภิฤชุ นจิรสุเสว อาสวานํ ขยา ... สจฉิกตวา รุปสมปชช วิหเรยย...อิธ ภิกฃเว ภิกฃ สทุโธ โหติ, สีสวา ... พทุสุสุโฅ ... ปฏิสลุลีโน ... อารทธวีริโย ... สติมา...ปณณวา ... ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๗ ประการ พึงทำให้แจ้งซึ่งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติอันหาอาสวะมีได้เพราะ อาสวะทั้งหลายเนไปด้วยปัญญาอันยิ่งเองโนปัจจุบันเข้าถึงอยู่ได้!ดยไม่นานนัก ธรรม ๗ ประการคืออะไรบ้าง คือ ภิกษุโนธรรมวินัยนี้เป็นผู้มีศรัทธา ๑ เป็นผู้มีคืล ๑ เป็นพหูสูต ๑ เป็นผู้ปลีกตัวเร้นอยู่ ๑ เป็นผู้ปรารภความ เพียร ๑ เป็นผู้มีสติ ๑ เป็นผู้มีปัญญา ๑ ฯ www.kalyanamitra.org

และคณะ] หมวด ๗ ๔๑ สัตตรตนกถา ว่าด้วยรัตนะ ๗ ๑. จักกรัตนะ จักรแก้ว ๒. หัฅถิรัตนะ ช้างแก้ว ฅ. อัสสรัตนะ ฟ้าแก้ว ๔. มณิรัตนะ แก้วมณี ๕. อิตถึรัตนะ นางแก้ว ๖. คหปติรัตนะ คฤหบดีแก้ว ๗. ปรินายกรัตนะ ปริณายกแก้ว ทีมา : เมตดสูตร อัพยากตวรรค องฺ.สeชุตก. taCTA>๒ ตสส มยุหํ ภิคุขเว อิมานิ สตุต รตนานิ อฌสู ฯ เสยุยถีทํ : จกกรตนํ หตฺถิรตนํ อสสรตนํ มณิรตนํ อิตุถิรตนํ คหปติรตนํ ปรินายกรตนเมว สตุตมํ ฯ แปล ะ (เราฟ็นพระเจ้าจักรพรรดีผู้ทรงธรรม เป็นธรรมราชา มีสมุทรทั้ง ๔ เป็นขอบเขต เป็นผู้พิชิต มีขนบทที่ถึงความมั่นคงถาวร ประกอบด้วยรัตนะ ๗ ประการ) ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย รัตนะ ๗ ประการนี้ ของเรานั้น คือ จักรแก้ว ช้างแก้ว ฟ้าแก้ว แก้วมณี นางแก้ว คฤหบดีแก้ว เป็นเจ็ดทั้งปริณายกแก้ว ฯ www.kalyanamitra.org

๔๒ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงลั ภริยากถา ว่าด้วยภรรยา ๗ ๑. วธกภริยา ภรรยาเสมอด้วยเพชฌฆาต ๒ โจริภริยา ภรรยาเสมอด้วยโจร ฅ. อัยยาภริยา ภรรยาเสมอด้วยนาย ๔. มาลุภริยา ภรรยาเสมอด้วยแม่ ๕. ภคินีภริยา ภรรยาเสมอด้วยพี่สาวน้องสาว ๖. สฃีภริยา ภรรยาเสมอด้วยเพี่อน ๗. ทาสีภริยา ภรรยาเสมอด้วยทาสี ที่มา : ภริยาสูตร อัพยากตวรรค อง..สต.ตก. ๒ตA)ct สตต โข อิมา สูชาเต สสูส ภริยา ฯ กตมา สตต ฯ วธกสมา โจรีสมา อยยสมา มาลุสมา ภคินีสมา สฃีสมา ทาสีสมา ฯ แปล : (พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสกะนางสุชาดาผู้เ{เนสะใภ้ใน เรือนว่า) ดูก่อนสุชาตา ภรรยาของบุรุษมี ๗ ประเภทนี้ ภรรยา ๗ ประเภท คืออะไรบาง คือ ภรรยาเสมอด้วยเพชฌฆาต ๑ ภรรยาเสมอด้วยโจร ๑ ภรรยาเสมอด้วยนาย ๑ ภรรยาเสมอด้วยแม่ ๑ ภรรยาเสมอด้วยพี่สาวน้อง สาว ๑ ภรรยาเสมอด้วยเพี่อน ๑ ภรรยาเสมอด้วยทาสี ๑ ฯ www.kalyanamitra.org

และคณะ] หมวด ๗ ๔๓ ภริยไลักฃณกถา ว่าด้วยลักษณะเฉพาะของภรรยา ๗ ๑. วธกภริยา มีจิตชั่วร้าย ไม่อนุเคราะห์เกอกูล ยินดีในชายอื่น ดูหมิ่นสามี พยายามจะฆ่าสามีที่ซื้อมา ๒. โจรีภริยา เป็นคนส่รุ่ยสุร่าย ผลาญทรัพย์ที่สามีหาได้มา ต. อัยยาภริยา ไม่สนใจการงาน เกียจคร้าน กินมาก หยาบคาย ร้ายกาจ เอาแดใจตัวเอง ข่มสามี ๔. มาลุภริยา คอยดูแลเอาใจใส่สามีเหมีอนมารดาดูแลบุตร เก็บ ทรัพย์ที่สามีหามาไว้อยู่ ๕. ภคินืภริยา ให้ความเคารพสามี ละอายบาป ประพฤติดาม ใจสามี ๖. สฃีภริยา ให้ความชื่นชมสามี มีความเป็นกันเองกับสามี มี ดีลมีวัตรปฏิบัติสามี ๗. ทาสีภริยา ให้ความเกรงอกเกรงใจสามี อดทน ไม่โกรธตอบ ต่อสามี ประพฤติดามใจสามี ทีมา : ภริยาสูตร อัพยากตวรรค อง..สต.ตก. ๒ฅA)ct ปชุฎฺ«จิตตา อหิตานุกมฺปีนี อญฒสุ รลุตา อติมญผเต ปดี ธเนน กีตสุส วธาย อุสุสุกา ยา เอวรูปา าเริสสุส ภริยา วธกา จ ภริยาติ จ สา ปรูชุจติ ฯ www.kalyanamitra.org

๔๔ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงลั แปล : ภรรยาผู้มีจิตชั่วร้าย ไม่อนุเคราะห์ด้วยประโยซน์ เกื้อกูล ยินดีในชายอื่น ดูหมิ่นสามี พยายามแต่จะฆ่า ลามีซึ่งตนซื้อมา ภรรยาของบุรุษเห็นปานนี้เรียกว่า วธกภริยา ภรรยาเสมอด้วยเพชฌฆาต ฯ ยํ อิตุถิยา วินุทติ สามิโก ธนํ สิปป็ วณิชชญจ กสิมธิฎฺฮหิ อปปมปี ดสุมา อปหาดูมิจุฉติ ยา เอวรูปา ใเริสสส ภริยา โจรี จ ภริยาติ จ สา ปวุจจติ ฯ แปล : สามีของหญิงประกอบดีลปกรรมบ้าง พาณิชยกรรม บ้าง กสิกรรมบ้าง ได้ทรัพย์อันโตมา ภรรยาปรารถนา จะยักยอกเอาทรัพย์นั้นแม้จะมีเล็กน้อยเสีย ภรรยาของ บุรุษเห็นปานนี้เรียกว่า ใจรีภรียา ภรรยาเสมอด้วยโจร ฯ อกมมกามา อลสา มหคุฆสา ผรุสา จ จณุฑี จ ชุรุตุตวาฑินี อฎฮายกานํ อภิฦยุย วดฺตติ ยา เอวรูปา 1jริสสุส ภริยา อยุยา จ ภริยาติ จ สา ปวุชุจติ ฯ แปล : ภรรยาที่ไม่สนใจการงาน เอาแต่เกียจคร้าน กินมาก หยาบคาย ร้ายกาจ ชอบพูดชั่ว ข่มขี่สามีผู้ขยันขันแข็ง ภรรยาของบุรุษเห็นปานนี้เรียกว่า อัยยาภริยา ภรรยา เสมอด้วยนาย ฯ www.kalyanamitra.org

และคณะ] หมวด ๗ ๔๕ แปล : ยา สพพฑา โหติ หิตานกมฺปีนี มาฅไว 1]ฅฺตํ อบุรคุฃเฅ ปตึ ฅโฅ ธนํ สมฺภฅมสุส รคุฃติ ยา เอวเปา ใ^ริสสุส ภริยา มาตา จ ภริยาติ จ สา ปวุจจติ ฯ ภรรยาใดอนุเคราะห์ด้วยประโยชน์เกื้อกูลทุกเมื่อ ตามดูแลสามีเหมือนมารดาดูแลบุตร รักษาทรัพย์ที่สามี หามาไว!ด้ ภรรยาของบุรุษเห็นปานนี้เรียกว่า มาตุภริยา ภรรยาเสมอด้วยแม่ ฯ ยถาปี เชฎฮา ภคินี กนิฎุฮา สคารวา โหติ สกมหิ สามิเก หิริมนา ภตุตุวสานุวตฺตินี ยา เอวเปา 1]ริสสุส ภริยา ภคินี จ ภริยาติ จ สา ปวุจจติ ฯ แปล : ภรรยาที่เป็นเหมือนพี่สาวน้องสาว มีความเคารพ ในสามีของตน เป็นคนละอายบาป เป็นไปตามอำนาจ สามี ภรรยาของบุรุษเห็นปานนี้เรียกว่า ภคินีภริยา ภรรยาเสมอด้วยพี่สาวน้องสาว ฯ ยา จีธ ทิสุวาน ปตึ ปโมทติ สฃี สฃารํว จิรสุสมาคตํ โกเลยยกา สีลวติ ปติพพตา ยา เอวเปา ใ]ริสสุส ภริยา สฃี จ ภริยาติ จ สา ปรุชุจติ ฯ www.kalyanamitra.org

๔๖ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงศ์ แปล : ภรรยาใดในโลกนี้เห็นสามีแล้วชื่นซมยินดี เหมีอน เพื่อนเห็นเพื่อนผู้จากไปนานกลับมา เป็นหญิงมีตระกูล มีดีล รู้จักปรนนิบัติสามี ภรรยาของบุรุษเห็นปานนี้เรียก ว่า สขีภริยา ภรรยาเสมอด้วยเพื่อน ฯ อฤคูทุธสนฺตา วธทณฺฑตชุชิตา อรุฑธจิตุตา ปติโน ติติฤฃติ อๆโกธนา ภตุดูวสาบุวตฺตินื ยา เอวรูปา ใjริสสส ภริยา ทาสี จ ภริยาติ จ สา ปรุชุจติ ฯ แปล : ภรรยาใดถูกสามีเฆี่ยนดี ขู่ตะคอก ก็ไมโกรธ ไม่คิด พิโรธโกรธตอบสามี อดทนได้ เป็นไปตามอำนาจ สามี ภรรยาของบุรุษเห็นปานนี้เรียกว่า ทาสิภริยา ภรรยาเสมอด้วยทาส ฯ ยา จีธ ภริยา วธกาติ รุชุจติ โจรี จ อยฺยาติ จ สา ปรุจจติ ฑุสฺสีลรูปา ผรูสา อนาทรา กายสฺส เภทา นิรยํ วชนติ ตา ฯ แปล : ภรรยาที่เรียกว่าวธกภริยา ๑ โจรีภริยา ๑ อัยยา ภริยา ๑ ภรรยาทั้ง ฅ ประเภทนั้นล้วนแต่เป็นคนทุสืล หยาบช้า ไม่เอื้อเพื่อ เมื่อตายไปย่อมเข้าถึงนรก ฯ www.kalyanamitra.org

และคณะ] หมวด ๗ ๔๗ ยา จีธ มาตา ภคินี สฃี จ ทาสี จ ภริยาติ จ สา ป'Jจุจติ สีเล รฅตุคา จิรรตุฅสํ'Jตา กายสส เภทา อุ[คติ วชนติ ตา ฯ แปล : ส่วนภรรยาที่เรียกว่ามาตาภริยา ๑ ภคินีภริยา ๑ สฃีภริยา ๑ ทาสีภริยา ๑ ภรรยาทั้ง ๔ ประเภทนั้นมีจิต มั่นอยูในคิล ถนอมรักไว้ยั่งยืน เมื่อตายไปย่อมเข้าถึง สุคติ ฯ สงตดกันตกลา ว่าด้วยความปรารถนาของคนที่เป็นสัตรูกัน ๗ ๑, ขอให้มันมีผิวพรรณทราม ๒. ขอให้มันนอนเป็นทุกข์ ต. ขอให้มันอย่ามีความเจริญ ๔. ขอให้มันอย่ามีโภคสมบัติ ๔. ขอให้มันอย่ามียศ ๖. ขอให้มันอย่ามีมิตร ๗. ขอให้มันตายไปตกนรก ที่มา : โกธนสูตร อัพยากตวรรค องฺ.ส?!ตก. toต^๔ สตุติเม ภิฤฃเว ธมมา สปตุตกนุตา สปตุตการณา โกธนํ อาคจุฉนุติ อิตุถึ วา ใJริสํ วา ... อิธ ภิฤฃเว สปตุโต สปตุตสส เอวํ อิจุฉติ อโห www.kalyanamitra.org

๔๘ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงลั วตายํ ชุพุพฉเโณ อลุ[สาติ ... ชุฤฃํ เสยยาติ ... น ปจุรตุโถ อสฺสาติ ... น โภควา ... น ยสวา ... น มิตุตวา ... อโห วตายํ กายสส เภทา ปรมมรณา อปายํ ชุคุคตึ วินิปาตํ นิรยํ อปปชุเชยยาติ ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๗ ประการนี้เป็นความ มุ่งหมายของคนที่เป็นสัตรูกัน เป็นความต้องการของคนที่เป็นสัตรูกัน ย่อมมาถึงหญิงหรือขายผู้มีความโกรธ ธรรม ๗ ประการคืออะไรบ้าง คือ คนที่เป็นสัตรูกันในโลกนี้ย่อมปรารถนาต่อคนที่เป็นสัตรูกันอย่างนี้ว่า 'ขอ ให้มันมีผิวพรรณทรามเถิดหนอ' ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่าคนที่เป็น สัตรูกันย่อมไม่ยินดีให้คนที่เป็นสัตรูกันมีผิวพรรณงาม ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คนที่มีความโกรธ ถูกความโกรธครอบงำยายีแล้ว แม้เขาจะอาบนํ้า ไล้ทา อย่างดี ตัดผม โกนหนวด นุ่งผ้าขาวสะอาดแล้วก็ตาม โดยที่แห้ เขา ถูกความโกรธครอบงำแล้ว ย่อมเป็นผ้มีผิวพรรณทราม นี้เป็นธรรมข้อที่ ๑ ที่เป็นความมุ่งหมายของคนที่เป็นสัตรูกัน เป็นความต้องการของคนที่เป็น สัตรูกัน ย่อมมาถึงหญิงหรือชายผ้มีความโกรธ คนที่เป็นสัตรูกันย่อมปรารถนาต่อคนที่เป็นสัตรูกันอย่างนี้ว่า 'ขอให้ มันนอนเป็นทุกข์เถิดหนอ' ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่าคนที่เป็นสัตรูกัน ย่อมไม่ยินดีให้คนที่เป็นสัตรูกันอยู่สบาย ... นี้เป็นธรรมข้อที่ ๒ ... คนที่เป็นสัตรูกันย่อมปรารถนาต่อคนที่เป็นสัตรูกันอย่างนี้ว่า 'ขอให้ มันอย่ามีความเจริญเลย' ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่าคนที่เป็นสัตรูกัน ย่อมไม่ยินดีให้คนที่เป็นสัตรูกันมีความเจริญ ... นี้เป็นธรรมข้อที่ ฅ ... คนที่เป็นสัตรูกันย่อมปรารถนาต่อคนที่เป็นสัตรูกันอย่างนี้ว่า 'ขอให้ มันอย่ามีโภคสมบัติเลย' ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่าคนที่เป็นสัตรูกัน ย่อมไม่ยินดีให้คนที่เป็นสัตรูกันมีโภคสมบัติ ... นี้เป็นธรรมข้อที่ ๔ ... www.kalyanamitra.org

และคณะ] หมวด ๗ ๔๙ คนทีเป็นสัตรูกันย่อมปรารถนาต่อคนที่เป็นสัตรูกันอย่างนี้ว่า 'ขอให้ มันอย่ามียศเลย' ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่าคนที่เป็นสัตรูกันย่อมไม่ ยินดีให้คนที่เป็นสัตรูกันมียศ ... นี้เป็นธรรมข้อที่ ๕ ... คนที่เป็นสัตรูกันย่อมปรารถนาต่อคนที่เป็นสัตรูกันอย่างนี้ว่า 'ขอให้ มันอย่ามีมิตรเลย' ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่าคนที่เป็นสัตรูกันย่อมไม่ ยินดีให้คนที่เป็นสัตรูกันมีมิตร ... นี้เป็นธรรมข้อที่ ๖ ... คนที่เป็นสัตรูกันย่อมปรารถนาต่อคนที่เป็นสัตรูกันอย่างนี้ว่า 'ขอให้ มันเมื่อตายไปจงเข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก' ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะว่าคนที่เป็นสัตรูกันย่อมไม่ยินดีให้คนที่เป็นสัตรูกันไปสุคติ ... นี้เป็น ธรรมข้อที่ ๗ ... ฯ แปล : โกธโน ชุพุพถเโณ โหติ อโถ ชุกุฃมปี เสติ โส อโถ อตถํ คเหตุวาน อนตุถํ ปฏิปชุชติ ฯ ผู้มีความโกรธย่อมมีผิวพรรณทราม นอนเป็นทุกข์ ถือเอาส์งที่เป็นประโยซนั้1ด้แล้ว ก็กลับไปปฏิบัติส์งทีไม่ เป็นประโยชน์ ฯ ตโต กาเยน วาจาย วธํ กตุวาน โกธโน โกธาภิฎโฅ ปริโส ธนชานึ นิคชุฉติ ฯ แปล : ผู้มีความโกรธ ถูกความโกรธครอบงำ ทำ ปาณาติบาต ด้วยกายและวาจาแล้วย่อมถึงความเส์อมทรัพย์ ฯ โกธสมุมทสมฺมตุโต อายสคขํ นิคจฉติ ณาติมิตุตา ธุ[หชุชา จ ปริวชุเชนุติ โกธนํ ฯ แปล : ผู้มัวเมาเพราะความโกรธ ย่อมถึงความอัปยศ ญาติ มิตรและสหายย่อมดีจากผู้มีความโกรธไป ฯ www.kalyanamitra.org

๕0 คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงลั อุปนิสกถา ว่าด้วยธรรมที่สนับสนุนกันให้สมบูรณ์ ๗ ๑. มีหิริและโอตตัปปร ๒. มีอินทรียส์'งวร ๓. ๓. มีสัมมาสมาธิ ๔. มียถาภูตญาณหัสสน3 ๔. มีนิพพิทาและวิราคะ ๗. มีวิมูตติญาณหัสสนะ ที่มา : หิโรตตัปปสูตร มหาวรรค องฺ.ฝึตฺตก. ๒ฅ/๖๕ หิโรตุตปฺเป ภิคุฃเว สติ, หิโรตุตปปสมฺปน.นสุส อุปนิสสมุปนโน โหติ อิน.ทริยสํวโร ... สีลํ ... สมุมาสมาธิ ... ยถาภูตณาณทสสนํ ... นิพุพิทาวิราโค, นิพพิทาวิราเค สติ, นิพพิทาวิราคสม.ปน.นสส อุปนิส- สม.ปน.นิ โหติ วิมุต.ติฌาณทสุสนิ ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อหิริและโอตตัปปะมีอยู่ อินทรีย สังวรของบุคคลผู้สมบูรถ!ด้วยหิริและโอตตัปปะย่อมสมบูรณ์ด้วยเหตุปัจจัย เมื่ออินทรียสังวร (ความสำรวมอินทรีย์) มีอยู่ สิลของบุคคลผู้สมบูรณ์ด้วย อินทรียสังวรย่อมสมบูรณ์ด้วยเหตุปัจจัย เมื่อสืลมีอยู่ สัมมาสมาธิของ บุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยสืลย่อมสมบูรณ์ด้วยเหตุปัจจัย เมื่อสัมมาสมาธิมีอยู่ ยถาภูตญาณหัสสนะ (ความรู้เห็นตามเป็นจริง) ของบุคคลผู้สมบูรณ์ด้วย สัมมาสมาธิย่อมสมบูรณ์ด้วยเหตุปัจจัย เมื่อยถาภูตญาณหัสสนะมีอยู่ นิพพิทาและวิราคะ (ความเบื่อหน่ายและความคลายกำหนัด) ของบุคคลผู้ www.kalyanamitra.org

และคณะ] หมวด๗ ๕๑ สมบูรณ์ด้วยยถาภูตญาณทัสสนะย่อมสมบูรณ์ด้วยเหตุป้จจัย เมื่อนิพพิทา และวิราคะมีอยู่ วิมุตติญาณทัสฺสนะของบุคคลผู้สมบูรณ์ด้วยนิพพิทาและ วิราคะย่อมสมบูรณ์ด้วยเหตุปัจจัย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เหมีอนด้นไม้ที่ สมบูรณ์ด้วยกิ่งและใบ กะเทาะก็ติ เปลือกก็ดี กระพี้ก็ดี แก่นก็ดีของ ด้นไม้นั้นย่อมถึงความสมบูรถ41ด้ ฉันใด ฉันนั้นเหมีอนกัน ... ฯ ชีวิดูปมากถา ว่าด้วยอุปมาแห่งชีวิต ๗ ๑. เหมีอนหยาดนํ้าด้าง ๒. เหมีอนฟองนํ้า ฅ. เหมีอนรอยไม้ที่ขีดลงไปในนํ้า ๔. เหมีอนแม่นํ้าที่ไหลลงจากภูเขา ๕. เหมีอนก้อนเสลด ๖. เหมีอนชิ้นเนื้อ ๗. เหมีอนแม่โคที่จะถูกเชือด ทีมา : อรกสูตร มหาวรรค องฺ.สตฺตก. ๒๙๗๔ ... อุลุ[สาวพินุบูปมํ ชีวิตํ มนุลุ[สานํ ปริตตํ ลทุกํ พทุทุคุฃํ พยูปายาสํ มนุตาย โผฎเรพุพํ, กตฺฅพพํ คูสลํ, จริตพฺพํ พฺรหุมจริยํ, นตถิ ชาตสส อมรณํ ฯ ... คูทกชุพฺทุสูปมํ... อทเก ทณฑรา'ฐปมํ ... นทีปพฺพเตยฺยูปมํ ... เขฬปีณฺๆ]ปมํ ... มํสเปสูปมํ ... คาวีวชุญปมํ ... ฯ แปล : (ดูก่อนพราหมณ์ หยาดนํ้าด้างบนยอดหญ้า เมื่อดวง อาทิตย์ขึ้นมา ย่อมเหือดแห้งไปได้เร็ว ไม่อยู่ได้นาน แม้ฉันใด ชืวิดของ www.kalyanamitra.org

๕๒ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงลั มนุษย์ทั้งหลายก็ฉันนั้นเหมือนกัน) มือุปมาเหมือนกับหยาดนํ้าค้าง นิดหน่อย รวดเร็ว มืทุกข์มาก มืดวามคับแค้นมาก จะพึงถูกค้องไค้ด้วยปัญญา จึง ควรทำกุศลไว้ ควรประพฤติพรหมจรรย์กัน เพราะคัตว์ที่เกิดมาแล้วจะไม่ ดายไม่มื (๑) เมื่อฝนตกหนาเม็ด ฟองนํ้าย่อมแตกเร็ว คงอยู่ไดโม่นาน แม้ฉันใด ชีวิตของมนุษย์ทั้งหลายก็ฉันนั้นเหมือนกัน มือุปมาเหมือนฟองนั้า ...(๒) รอยไม้ที่ชีดลงไปในนํ้าย่อมกลับเข้าหากันเร็ว คงอยู่ไม่ไค้นาน แม้ ฉันใด ชีวิตของมนุษย์ทั้งหลายก็ฉันนั้นเหมือนกัน มีอุปมาเหมือนรอยไม้ที่ ขีดลงไปในนํ้า ... (ฅ) แม่นํ้าไหลลงจากภูเขา ไหลไปไกล มืกระแสเชี่ยว ย่อมพัดเอาชี่ง ส์งที่พอจะพัดไปไค้ ไม่มืระยะเวลาหรือชั่วครู่ที่มันจะหยุด แต่ที่แท้แม่นํ้านั้น มืแต่ไหลรุดเรื่อยไปถ่ายเดียว แม้ฉันใด ชีวิตของมนุษย์ทั้งหลายก็ฉันนั้น เหมือนกัน มือุปมาเหมือนแม่นํ้าที่ไหลลงจากภูเขา ...(๔) บุรุษผู้แข็งแรง อมก้อนเสลดไว้ที่ปลายลิ้นแล้วพึงถ่มไปโดยง่ายดาย แม้ฉันใด ชีวิตของมนุษย์ทั้งหลายก็ฉันนั้นเหมือนกัน มือุปมาเหมือนก้อน เสลด...(๕) ชิ้นเนื้อที่ใส่ไว้ในกระทะเหล็กชี่งถูกเผาตลอดทั้งวันย่อมจะย่อยยับไป รวดเร็ว ไม่คงอยู่ไค้นาน แม้ฉันใด ชีวิตของมนุษย์ทั้งหลายก็ฉันนั้นเหมือนกัน มือุปมาเหมือนชิ้นเนื้อ ...(๖) แมโคที่จะถูกเชีอด ถูกนำไปส่ที่ฆ่า ก้าวเท้าใดเดินไป ก็อยู่ใกล้คนฆ่า อยู่ใกล้ความตาย แม้ฉันใด ชีวิตของมนุษย์ทั้งหลายก็ฉันนั้นเหมือนกัน มี อุปมาเหมือนแมโคที่จะถูกเชีอด ...(๗)ฯ www.kalyanamitra.org

แลรคณะ] หมวด ๙ <go) วินยธรกลา (๑) ว่าด้วยคุณสมบัติของพระวินัยธร ๗ (นัยที่ ๑) ๑. รู้จักอาบัติ ๒. รู้จักอนาบัติ ต. รู้จักอาบัติเบา ๔. รู้จักอาบัติหนัก ๕. มีสิล สำ รวมในพระปาติโมกข์ ๖. ได้ฌาน ๔ ๗. บรรลุเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติ ที่มา : ปฐมวินยรรสูตร วินยวรรค องฺ.สตตก.๒ฅ/๗๕ สตตหิ ภิกขเว ธมุเมหิ สมนฺนาคโต ภิกชุ วินยธโร โหติ...อาปตตึ ชานาติ, อนาปตุตี ชานาติ, ลชุกํ อาปตุตี ชานาติ, คเกํ อาปตุตึ ชานาติ, สีสวา โหติ ... จตุนุนํ ฌานานํ ... นิกามลาภี ... เจโตวิมุตุติ ปญณาวิมุตติ ทิฏเจว ธมุเม สยํ อภิญณา สจฉิกตุวา อุปสมุปชุช วิหรติ ฯ แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๗ประการ เปันพระวินัยธรได้ ธรรม ๗ ประการคืออะไรบ้าง คือ รู้จักอาบัติ ๑ รู้จัก อนาบัติ ๑ รู้จักอาบัติเบา ๑ รู้จักอาบัติหนัก ๑ เป็นผู้มีคืล คือ สำ รวมใน ปาติโมกขสํงวร ถึงพร้อมด้วยอาจาระและโคจร มีปกติเห็นภัยในโทษแม้ เพียงเล็กนัอย สมาทานคืกษาอยู่ในสิกขาบททั้งหลาย ๑ เป็นผู้!ด้ฌาน <๔ ที่ภิาวล่วงกามาพจรจิต เป็นธรรมเครื่องอยู่เป็นสุขในปัจจุบันตามความ ปรารถนา ได้โดยไม่ยาก โดยไม่ลำบาก ๑ ทำ ให้แจ้งที่งเจโตวิมุตติ ปัญญา วิมุตติอันหาอาสวะมีได้ เพราะอาสวะทั้งหลายสินไปด้วยปัญญาอันยิ่งเอง ในปัจจุบันเข์าถึงอยู่ ๑ ฯ www.kalyanamitra.org

๕๔ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงสั วินยธรกถา(๒) ว่าด้วยคุณสมบัติของพระวินัยธร ๗ (นัยที่ ๒) ๑. รู้จักอาบัติ ๒. รู้จักอนาบัติ ฅ. รู้จักอาบัติเบา ๔. รู้จักอาบัติหนัก ๕. จำ ปาติโมกข์ทั้งสองได้แม่นยำโดยพิสดาร ๖. ได้ฌาน ๔ ๗. บรรลุเจโตวิมุดติ ป้ญญาวิมุตติ ที่มา : ทุติยวินยธรสูตร วินยวรรค อง..สต.ตก.๒๙๗๖ สตุตหิ ภิกฃเว ธมุเมหิ สมนนาคโต ภิกทุ! วินยธโร โหติ ...อไปต,สิ ชานาติ, อนาปตสิ ... ลทุกํ อาปตุสิ ... คเกํ อาปตสิ ... ลุภยานิ โข ปนสฺส ปาติโมกขานิ วิต,ถาเรน สุวาคตานิ โหน,ติ สุวิภตตานิ สุป,ปวต,สินิ สุวินิจฉิตานิ สุตตโส อบุพ,ยฉเชนโส ... จตุน,นํ ฌานานํ ... นิกามลาภี ... เจโตวิมุต,สิ ปณ,ฌาวิมุต,สิ ... ลูปสม,ปชุช วิหรติ ฯ แปล ะ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุผู้ประกอบด้วยธรรม ๗ประการ เปีนพระวินัยธรได้ ธรรม ๗ ประการคืออะไรบัาง คือ รู้จักอาบัติ ๑ รู้จัก อนาบัติ ๑ รู้จักอาบัติเบา ๑ รู้จักอาบัติหนัก ๑ จำ ปาติโมกข์ทั้งสองได้แม่นยำ โดยพิสดาร จำ แนกดีแล้ว ขยายดีแล้ว วินิจฉัยดีแล้วทั้งโดยสูตรและโดย อนุพยัญชนะ ๑ เป็นผู้!ด้ฌาน ๔ ที่ก้าวล่วงกามาพจรจิต เป็นธรรมเครื่อง อยู่เป็นสุขในปัจจุบันดามความปรารถนา ได้โดยไม่ยาก โดยไม่ลำบาก ๑ ทาให้แจงซึ๋งเจโตวิมุตติ ปัญญาวิมุตติยันหาอาสวะมิได้ เพราะอาสวะ ทั้งหลายสินไปด้วยปัญญายันยิ่งเองในปัจจุบันเข้าถึงอยู่ ® ฯ www.kalyanamitra.org