หมวด ๑๔ ๔๐๕ กสิณปฏิโลมโต ... องฺคววฅถาปนโต อารมมณววตถาปนโตติ อิเมหิ จุทุทสหิ อากาเรหิ จิตุตํ ปริทเมตพุฟ ฯ แปล : พระโยคาวจรผู้เริ่มบำเพ็ญเพียรซึ่งปรารถนาจะทำการ แสดงฤทธิ้ต่าง ๆ ครั้นให้สมาบัติ ๘ บังเกิดแต่ละกสิณในบรรดากสิณ ๘ ซึ่ง มีโอทาตกสิณเป็นที่สุดแลว พีงลกจิตโดยอาการ ๑๔ อย่าง คือ โดยตาม ลำ ดับแห่งกสิณ๑ โดยทวนลำดับแห่งกสิณ๑ ...โดยการกำหนดองค์ฌาน๑ โดยการกำหนดอารมเน์ ๑ ฯ มุสาวาทาเวรมณีนิสังสกถา ว่าด้วยอานิสงส์แห่งการงดเว้นจากมุสาวาท ๑๔ ๑. มีอินทรีย์ผ่องใส ๒. มีวาจาไพเราะสละสลวย ต. มีไรฟ้นอันเสมอชิดบริสุทธิ้ ๔. ไม่อ้วนเกินไป ๕. ไม่ผอมเกินไป ๖. ไม่ตาเกินไป ๗. ไม่สูงเกินไป ๘. มีส์'มผัสอันสบาย ๙. มีปากหอมเหมีอนดอกบัว ๑๐. มีบริวารซนล้วนแต่เซึ่อพีง ๑๑. มีอ้อยคำที่น่าเซึ่อถือ ๑๒. มีลิ้นบางแดงอ่อน ๑ต. มีใจไม่ฟ้งซ่าน ๑๔. ไม่ติดอ่าง (ไม่เป็นใบ้) ที่มา : สิกขาปทวัณณนา อรรถกถาปรมัตกโชติกา ชุ.ชุ.อ. ๒๕ 3^สาวาทา เวรมณิยา วิปปสนฺนินฑริยตา วิสสฎฮมธุรภาณิตา สมสิตอุ[ทุธทนตตา นาติสูลตา นาติกีสตา นาติรสฺสตา นาติทีฆตา อ[ุ ขสมผสสตา รุ!!ปลกนุธมุขตา อุ[อุ[อุ[สกปริชนตา อาเทยยวจนตา กมลูปุปล- ทลสทิสมุมุโลหิตตนชิๅหตา อนุมุธตตา อปคตมมุมนตาติ เอวมาทึนิ ฯ www.kalyanamitra.org
๔๐๖ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงสั แปล : สืลคือเจตนางดเว้นจากมุสาวาทมีผลานิสงส์ ๑๔ประการ ดังนี้ คือ ความเป็นผู้มีอินทรีย์ผ่องใส๑ ความเป็นผู้มีปกติกล่าววาจาไพเราะ สละสลวย ๑ ความเป็นผู้มีไรฟ้นอันเสมอชิดบริสุทธึ๊ ๑ ความเป็น^ฝอ้วน เกินไป ๑ ความเป็น^ฝผอมเกินไป ๑ ความเป็น^ม่ตํ่าเกินไป ๑ ความ เป็น^ม่สูงเกินไป ๑ ความเป็นผู้มีส์มผัสอันสบาย ๑ ความเป็นผู้มีปาก หอมเหมีอนดอกบัว ๑ ความเป็นผู้มีบริวารซนที่ล้วนแต่เชื่อฟ้ง ๑ ความ เป็นผู้มีล้อยคำที่น่าเชื่อถือ ๑ ความเป็นผู้มีลิ้นบางแดงอ่อนเหมีอนกลีบดอก บัว ๑ ความเป็นผู้มีใจไม่ฟังซ่าน ๑ ความเป็นผู1ม่ติดอ่าง ๑ ฯ อนากุลกัมมันตกถา ว่าด้วยลักษณะของการงานไม่อาทูลคั่งค้าง ๑๔ ๑. รีบทำโดยไมให้เลียเวลา ๒. ทำ เหมาะกับกำลังทรัพย์ที่พึงไดัและได้มาแล้ว ฅ. ไม่ย่อหย่อน ทำ เต็มความสามารถ ๔. ไม่เห็นแก่หลับแก่นอน ทำ โดยตั้งใจ ๕. ไม่มักหลับกลางวัน กลางคืนกินอนตามปกติ ๖. แม้กลางคืนกิลุกขึ้นทำงานให้เสร็จไป ๗. ไม่มัวเมาเป็นนิจ ๘. ไม่แล่หาอบายมุขมาใส่ตน ๙. ไม่เกียจคร้าน ๑๐. ทำ เหมาะแก่กาล ๑๑. มีความเพึยรทั้งกาย วาจา ใจ ๑๒. ไม่เป็นที่ตั้งแห่งความเลีอม www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด ๑๔ ๔0๗ ๑ฅ. ไม่อ้างเลส ๑๔. หมั่นหา หมั่นเก็บรักษาดุจจอมปลวก หมา : (นัย) มังคลสุตตกถาวัณณนา อรรถกถาปรมัตถโชติกา ชุ.ข.อ. ๑10๑, สรุปความจากอนาqลก้มมันตกถา มงคลชุถ. ภาค ๑ อนากลา กมฺมนุตา นาม กาลณญตาย ปฏิรูปการิตาย อนลสตาย ลูฏฮานวึริยสมปทาย อพฺยสนียตาย จ กาลาติกกมนอปุปฏิรูปกรณสิถล- กรณาทิอาภูลภาววิรหิตา กสิโครกขวณิชชาทโย กนุมนุตา ฯ แปล : ซื่อว่าการงานทีไม่อากูล หมายถึงการงานทั้งหลายมี กสิกรรม โครักฃกรรม และพาณิซกรรมเป็นต้น ที่เว้นจากความอากูล เป็นต้นว่า การปล่อยให้ล่วงเลยกาล การทำไม่เหมาะสม การทำโดย ย่อหย่อน เพราะความเป็นผ้ร้จักกาล เพราะความทำเหมาะสม เพราะ ความไม่เกียจคร้าน เพราะความถึงพร้อมต้วยความหมั่นและความเพียร เพราะความไม่ทำตนให้ตั้งอยู่ในความเส์อม ฯ จบ หมวด ๑๔ www.kalyanamitra.org
หมวด ๑๕ ธสัททัตถกลา ว่าด้วยความหมายของบทพุทธคุณว่า พุทโธ ๑๕ ๑. ผู้ตรัสรู้ส์จจะทั้งหลาย ๒. ผู้ทรงให้หมู่สัตว์ตรัสรู้ตาม ฅ. ผู้ทรงเปีนพระสัพฟัญฌู ๔. ผู้ทรงเห็นธรรมทั้งปวง ๕. ผู้ทรงรู้ยิ่ง ๖. ผู้ทรงเบิกบาน ๗. ผู้ทรงสินอาสวะ ๘. ผู้!ม่ทรงมีอุปกิเลส ๙. ผู้ทรงปราศจากราคะโดยเด็ดขาด ๑อ. ผู้ทรงปราศจากโทสะโดยเด็ดขาด ๑๑. ผู้ทรงปราศจากโมหะโดยเด็ดขาด ๑๒. ผู้!ฝทรงมีกิเลสโดยเด็ดขาด ๑๓. ผู้ทรงถึงเอกายนมรรคแล้ว ๑๔. ผู้ตรัสรู้อนุตดรสัมมาสัมโพธิญาณพระองค์เดียว ๑๕. ผู้ทรงเว้นจากความไม่รู้ เพราะไดเฉพาะความรู้ www.kalyanamitra.org
หมวด ๑๕ ๔0๙ ทมา : ปารายนัดถุติคาทานิทเทส ปารายนวรรค ชุ.จู. ฅ0/๙๗/๒๗0 ทุชุฌิตา สจจานีติ ทุทุโธ, โพเธตา ปชายาติ ... สพพณณตาย ... สพพทสสารตาย ... อภิญฒยุยตาย ... รกสิตาย ... ขีณาสวสงฺฃาเตน ... นิ^ปกกิเลสสงุขาเตน ... เอกนุตรตราโค ... เอกนุตรตโทโส ... เอกนุต- รตโมโห ... เอกนุตนิกกิเลโส ... เอกายนมคุคํ คโต ... เอโก อนุตตรํ สมมาสมโพธี อภิสนุทุทุโธ ... อทุทุธิรหตฅฺตา ทุทุธิปฎิลาภา ทุฑุโธ ฯ แปล : (คำว่า พระพุทธเจ้า ความว่า ซื่อว่าพระพุทธเจ้า เพราะ อรรถว่าอะไร) ซื่อว่าพระพุทธเจ้า เพราะอรรถว่าตรัสรู้สัจจะทั้งทลาย ๑ ซื่อว่าพระพุทธเจ้า เพราะอรรถว่าทรงให้หมู่สัตว์ตรัสรู้ตาม ๑ ซื่อว่า พระพุทธเจ้า เพราะเป็นพระสัพพัญฌู ๑ ซื่อว่าพระพุทธเจ้า เพราะเป็นผู้ เห็นธรรมทั้งปวง ๑ ซื่อว่าพระพทธเจ้า เพราะเป็นผ้ร้ยิ่ง ๑ ซื่อว่า จิ ฃิ จ)ิ พระพุทธเจ้า เพราะเป็นผู้เบิกบาน ๑ ซื่อว่าพระพุทธเจ้า เพราะเป็นผู้สัน อาสวะ๑ ซื่อว่าพระพุทธเจ้า เพราะเป็นผู้!ม่มีอุปกิเลส๑ ซื่อว่าพระพุทธเจ้า เพราะอรรถว่าเป็นผู้ปราศจากราคะโดยสันเซิง ๑ ซื่อว่าพระพุทธเจ้า เพราะอรรถว่าเป็นผู้ปราศจากโทสะโดยสันเซิง ๑ ซื่อว่าพระพุทธเจ้า เพราะอรรถว่าเป็นผู้ปราศจากโมหะโดยสันเซิง ๑ ซื่อว่าพระพุทธเจ้า เพราะอรรถว่าเป็นผู้!ม่มีกิเลสโดยสันเซิง ๑ ซื่อว่าพระพุทธเจ้า เพราะ อรรถว่าเป็นผู้ถึงเอกายนมรรคแล้ว ๑ ซื่อว่าพระพุทธเจ้า เพราะอรรถว่า ตรัสรู้อนุตดรสั'มมาสัมโพธิญาณพระองค์เดียว ๑ ซื่อว่าพระพุทธเจ้า เพราะเว้นจากความไม่รู้ เพราะได้เฉพาะความรู้ ๑ ฯ www.kalyanamitra.org
๔๑๐ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงศ์ จรณกถา ว่าด้วยจรณะ ๑๕ ๑. สืลสังวร ความสำรวมในสิล ๒. อินทรืยสังวร ความสำรวมอินทรีย์ ฅ. โภชฌมัตตัญญตา ความเป็นผู้รู้จักประมาณในการบริโภค ๔. ชาคริยาชุโยค ความหมั่นประกอบความเพียร ๕. สัทธา ความเชื่อในพระปัญญาตรัสรู้ ๖. หิริ ๗. โอตตัปปะ ความละอายต่อบาปทุจริต ความสะดุ้งกลัวต่อบาปทุจริต ๘. พาทุสัจจะ ความเป็นผู้!ด้สดับมาก ๙. วิริยารัมภะ การปรารภความเพียร ๑๐. สติ ความร; ๑๑. ปัญญา ความรู้ซัดตามเป็นจริง ๑๒. ปฐมผาน ฌานที่ ๑ ๑ฅ. ทุติยฌาน ฌานที่ ๒ ๑๔. ตติยฌาน ฌานที่ ฅ ๑๕. จทุตลฌาน ฌานที่ ๔ ที่มา เวรัญซกัณฑวัณณนา อรรถกถาสมันตปาสาทิกา วิ.อ. ๑/๑0๗ จรณนติ สีลส์วโร อินทริเยทุ คูตฺตทวารตา โภชเน มตฅณญตา ชากริยาชุ่โยโค สตต สทุธมมา จตตาริ ฌานานีติ อิเม ปณณรส ธมฺมา เวฑิตพพา ฯ www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด ๑๕ ^6)6) แปล : ธรรม ๑๕ ประการเหล่านี้ คือ ความสำรวมในคืล ๑ ความเป็นผู้คุ้มครองทวารโนอินทรีย์ทั้งหลาย ๑ ความเป็นผู้รู้จักประมาณ โนการบรีโภค ๑ ความหมั่นประกอบความเพียรเป็นเครื่องตื่นอยู่ ๑ สํทธรรม ๗ {คือ สํทธา ๑ หิริ ๑ โอตตัปปะ ๑ พาทุสํจจะ๑ วิรียารัมภะ ๑ สติ ๑ ปัญญา ๑) รูปฌาน ๔ (คือ ปฐมฌาน ๑ ทุติยฌาน ๑ ตติยฌาน ๑ จตตถฌาน ๑) บัณฑิตพึงทราบว่าซื่อว่า จรณะ ฯ ภัตตกถา ว่าด้วยภัตตาหาร ๑๕ ๑. สังฆภัต ภัตที่ถวายแก่สงฆ์ ๒. อุทเฑสภัต ภัตที่ถวายเจาะจงหริอแก่ภิกษุที่สงฆ์ซี้ตัวโห้ ฅ. นิมันตนภัต ภัตที่ทายกนิมนตั!ปถวาย ๕. สลากภัต ๕. ปักขิกภัต ภัตที่ถวายตามสลาก ๖. อุโปสคิกภัต ภัตที่ถวายตามปักษ์ ๗. ปาฎิปทิกภัต ๘. อาคันทุกภัต ภัตที่ถวายโนวันอุโบสถ ๙. คมิกภัต ภัตที่ถวายโนวันคาหนึ่ง ๑อ. กิลานภัต ภัตที่ถวายแก่ภิกษุผู้จรมา ๑๑. กิลานุปัฎฐากภัต ภัตที่ถวายแก่ภิกษุผู้จะเตินทาง ๑๒. อุรภัต ภัตที่ถวายแก่ภิกษุอาพาธ ๑ฅ. ถูฎิภัต ภัตที่ถวายแก่ภิกษุผู้พยาบาลไข้ ภัตที่ถวายแก่ภิกษุผู้ทำงาน ๑๔. วาริกภัต ภัตที่ถวายแก่ภิกษุผู้สร้างกุฏิ ๑๕. วิหารภัต ภัตที่ถวายแก่ภิกษุผู้เปลี่ยนวาระ ภัตที่ถวายโนวิหาร www.kalyanamitra.org
๔๑๒ คลังธรรม ที่มา : อริยวํสจตุกกวัณณนา อรรถกถาสุมังคลวิลาสินี ที.ปา.อ. ๓/ฅ0๙/๒๑๑ ปีฉเฑปาตณฃตตนุติ สงุฆภตุตํ อทุเทสภตุตํ นิมนุตนํ สลากภตุตํ ปฤขิคํ ^ไปสถิคํ ปาฎิปทิคํ อาคนุตุกภดุตํ คมิกภฅดํ ติลานภตตํ ติลานุปฏุ«ากภตตํ ธุรภตตํ กุฏิภตุตํ วารภตุตํ วิหารภตุตนุติ ปณณรส ปีณฑปาตณฃตตานิ ฯ แปล : คำ ว่า เขตของบิณฑบาต ได้แก่ที่เกิดของบิณฑบาต ๑๕ อย่าง คือ ภัตที่ถวายแก่สงฆ์ ๑ ภัตที่ถวายเจาะจงหรือแก่ภิกษุที่สงฆ์ขี๋[ตัว ให้ ๑ ภัตที่ทายกนิมนต!ปถวาย ๑ ภัตที่ถวายตามสลาก ๑ ภัตที่ถวายตาม บิกษ์ ๑ ภัตที่ถวายในวันอุโบสถ ๑ ภัตที่ถวายในวันคาหนึ่ง ๑ ภัตที่ถวาย แก'ภิกษุผู้จรมา ๑ ภัตที่ถวายแก่ภิกษุผู้จะเดินทาง ๑ ภัตที่ถวายแก่ภิกษุ อาพาธ ๑ ภัตที่ถวายแก่ภิกษุผู้พยาบาลไข้ ๑ ภัตที่ถวายแก่ภิกษุผู้ทำงาน ๑ ภัตที่ถวายแก่ภิกษุผู้สร้างกุฏิ ๑ ภัตที่ถวายแก่ภิกษุผู้เปลี่ยนวาระ ๑ ภัตที่ ถวายในวิหาร ๑ ฯ จบ หมวด ๑๕ www.kalyanamitra.org
หมวด ๑๖ ภยเภรวกถา ว่าด้วยผู้อยูในเสนาสนะป่าลำบาก ๑๖ ๑. มีกายกรรมไม่บริสุทอี้ ๒. มีวจีกรรมไม่บริสุทธิ้ ฅ. มีมโนกรรมไม่บริสุทธึ๊ ๔. มีอาชีวะไม่บริสุทธิ้ ๕. มักมาก ๖. มีจีตพยาบาท ๗. ถูกถีนมิทธะกรุมรุม ๘. ฟ้งซ่าน ๙. มีความเคลือบแคลงสงลํโย ๑อ. ชอบยกตนฃ่มผู้อื่น ๑๑. สะดุ้งขลาดกลัวมาแต่เกิด ๑๒. ปรารถนาลาภลักการะ ๑ต. เกียจคร้าน ๑๔. มีสติหลงลืม ๑๕. มีใจไม่ตั้งมั่น ๑๖. ด้อยปัญญา ที่มา : ภย๓รวสูตร ยูลปริยายวรรค ม.มู. ๑๒/ฅ๕-๕๘ ตสุส มยุหํ พราหุมณ เอตทโหสิ เย โข เกจิ สมณา วา พรไหมณา วา อปริอุ[ทุธกายกมุมนตา ... อปริอุ[ทธวจิกมุมนตา ... อปริอุ[ฑธมโน กมุมมุตา ... อปริอุ[ทธาชีวา อรฌุณวนปตุถานิ ปมุตานิ เสนาสนานิ ปฎิเสวมุติ อปริอุ[ทธาชีวสมุโทสเหอุ หเว เต โภมุโต สมณพุราหมณา อคูสลํ ภยเภรวํ อวหยมุติ ฯ ... อภิชุฌาสู ... พยาปมุนจิตตา ... ถีนมิทุอ- ปริยุฎฮิตา ... อุทุธตา ... กงฺขี ... อตอุฤกํสกา ... ฉมุภิ ... ลาภสฤการสิโลกํ นิกามยมานา ... ฤสืตา ... มุฏอสสติ ... อสมาหิตา ... ทุปุปญฌา... ฯ www.kalyanamitra.org
๔๑๔ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงลั แปล ะ ดูก่อนพราหมณ์ เรานั้นได้มีความดำริดังนี้ว่า 'สมณะ หริอพราหมณ์เหล่าใดเหล่าหนึ่ง มีกายกรรมไม่บริสุทธี้ เสพอาดัยเสนาสนะ อันสงัดที่เป็นป่าและที่เป็นป้าเปลี่ยวอยู่ สมณพราหมณ์ผู้เจริญเหล่านั้นย่อม เพรียกหาความกลัวและอารมณ์อันน่ากลัวอันเป็นอกุศลเพราะโทษของตน คีอมีกายกรรมไม่บริสุทธิ้เป็นเหตุ ส่วนเราจะมีกายกรรมไม่บริสุทธิ้เสพอาดัย เสนาสนะอันสงัดที่เป็นป่าและที่เป็นป่าเปลี่ยวหามิได้ เราเป็นผู้มีกายกรรม บริสุทธิ้ พระอริยะเหล่าใดมีกายกรรมบริสุทธิ้เสพอาดัยเสนาสนะอันสงัด ที่เป็นป่าและที่เป็นป่าเปลี่ยว เราก็เป็นพระอริยะผู้หนึ่งบรรดาพระอริยะ เหล่านั้น ดูก่อนพราหมณ์ เราเห็นซัดซึ่งความเป็นผู้มีกายกรรมบริสุทธึ๊นี้!น ตนจึงถึงความสวัสดีโดยยิ่งที่จะอยู่ในป่า ๑ มีวจึกรรมไม่บริสุทธี้ ... ๑ มี มโนกรรมไม่บริสุทธิ้...๑ มีอาชีวะไม่บริสุทธิ้...๑ มักมาก มีราคะกล้าในกาม ทั้งหลาย... ๑ มีจึตพยาบาท มีความดำริในใจที่ซั่วร้าย... ๑ ถูกถึนมิทธะ กลุ้มรุมแล้ว... ๑ ฟังซ่าน มีจิตไม่สงบ... ๑ มีความเคลือบแคลงสงลัย... ๑ เป็นผู้ชอบยกตนข่มผู้อี่น... ๑ มักสะดุ้งขลาดกลัวมาแต่เกิด ... ๑ ปรารถนา ลาภลักการะและความสรรเสริญ...๑ เป็นผู้เกียจคร้าน มีความเพียรตํ่า...๑ มีสติหลงลืมไม่มีลัมปซัญญะ...๑ มีใจไม่ตั้งมั่น มีจิตหมุนไปผิด...๑ เป็นผู้ ด้อยปัญญา ป่านั้าลายไหล... ๑ ฯ www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด ๑๖ กิเลสคถๆ ว่าด้วยโทษเครึ่องเศร้าหมองจิต «>๖ ๑. อภิชฌาวิสมโลภะ ละโมบไม่สมาเสมอ คือความเพ่งเ ๒. โทสะ ร้ายกาจ (พยาบาท ปองร้ายเขา) ฅ. โกธะ โกรธ <£. ลูปนาหะ ผูกโกรธไว้ ๕. มักฃะ ลบหลู่คุณท่าน ๖. ปลาสะ ๗. อิสสา ดีเสมอ คือยกตนเทียมท่าน ๘. มัจฉริยะ ริษยา ๙. มายา ตระหนี่ ๑อ. สาเลยยะ มารยา คือเจ้าเล่ห์ โอ้อวด ๑๑. ถัมภะ ๑๒. สารัมภะ หัวดื้อ ๑๓. มานะ แข่งดี ถือตัว ๑๔. อติมานะ ดูหมิ่นท่าน ๑๕. มทะ มัวเมา ๑๖. ปมาทะ เลินเล่อ ที่มา วัตคูปมสูตร มูลปริยายวรรค ม.มู. ๑๒/๗๑ กดเม จ ภิกฃเว จิตุตสุส ลูปฤกิเลสา ฯ อภิชุฌาวิสมใลโภ จิตฺฅสฺส ลูปคุกิ&สใส, พุยาปาโท ... โกโธ ... ลูปนาโห ... มฤโฃ ... ปฬาโส ... อิสุสา ... มจฉริยํ ... มายา... สาเฮยยํ ... ถมโภ ... สารมฺโภ ... มาโน ... อติมาโน ... มโท ... ปมาโท จิตตสส ลูปกภิเลโส ฯ www.kalyanamitra.org
๔๑๖ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงสั แปล : ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ก็ธรรมเหล่าไหนเป็นอุปกิเลสของจิต คือ อภิซฌาวิสมโลภะ ๑ พยาบาท ๑ โกธะ ๑ อุปนาหะ ๑ 33'กขะ ๑ ปฬาสะ ๑ อิสสา ๑ มัจฉริยะ ๑ มายา ๑ สาเฐยยะ ๑ ถัมภะ ๑ สารัมภะ ๑ มานะ ๑ อติมานะ ๑ มทะ ๑ ปมาทะ ๑ ธรรมเหล่านี้เป็น อุปกิเลสของจิต ฯ โทวจัสสกรณกลา ว่าด้วยธรรมเป็นเหตุให้เป็นคนว่ายาก ๑๖ ๑. มีความปรารถนาเลวทราม ๒. ยกตนข่มผู้อี่น ฅ. มักโกรธ ๔. ชอบผูกโกรธ ๕. ชอบระแวงจัด ๖. เปล่งวาจาใกล้ต่อความโกรธ ๗. ถูกฟ้อง กล้บโต้เถียงโจทก์ ๘. ถูกฟ้อง กลับรุกรานโจทก์ ๙. ถูกฟ้อง กลับปรักปรำโจทก์ ๑0. ถูกฟ้อง กลับนำเรื่องอี่นมากลบเกลื่อน ๑๑. ถูกฟ้อง ไม่อาจจะตอบในความประพฤติไต้ ๑๒. ชอบลบหลู่ ชอบตีเสมอ ๑ฅ. ชอบริษยา ตระหนี่ ๑๔. โอ้อวด เจ้ามายา ๑๕. กระต้าง ชอบดูหมิ่นผู้อื่น ๑๖. ถีอแต่ความเห็นของตน www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด ๑๖ ๔๑๗ ที่มา : อนุมานสูตร สีหนาทวรรค ม.มู.๑๒/๑๔๑ กตฒ จาๅโส โทวจสสกรณา ธมมา ฯ อิธาๅโส ภิๆชุ ปาปีชุโฉ โหติ ปาปีกานํ อิจฉานํ วสงุคโต, ยมปาวุโส ภิฤฃ ปาปีชุโฉ โหติ ปาปีกานํ อิจฉานํ วสงคโต, อยมุปี ธมุโม โทวจสุสกรโฌ ฯ ... อตตุกกํสโก ... โกธโน ... โกธเหอุ อุปนาที ... อภิสงุกี ... โกธสามนตํ วาจํ นิจฉาเรตา ... โจทิโต โจทเกน โจทกํ ปฏิปุผรติ ... อปสาเทติ ... โจทกสุส ปจจาโรเปติ ... อณุเผนผผํ ปฎิจรติ ... อปทาเน น สมปายติ ... มกขี ... อิฤ[^กี ... สโฮ ... ถทุโธ ... สนุทิฎฮิปรามาสี ... ฯ แปล : (ท่านพระมหาโมคคัลลานะได้กล่าวว่า) ดูก่อนผู้มีอายุ ทั้งหลาย ก็ธรรมที่ทำให้เป็นคนว่ายากเป็นไฉน คือ ภิกษุในพระธรรมวินัย นี้เป็นผู้มีความปรารถนาเลวทราม ลุอำ นาจแก่ความปรารถนาเลวทราม ข้อที่ภิกษุเป็นผู้มีความปรารถนาเลวทราม ลุอำ นาจแก่ความปรารถนาเลว ทราม แม้นี้ก็เป็นธรรมที่ทำให้เป็นคนว่ายาก ๑ เป็นผู้ยกตนข่มผู้อื่น ... ๑ เป็นคนมักโกรธ ถูกความโกรธครอบงำ ... ๑ เป็นคนมักโกรธ ชอบผูก โกรธเพราะความโกรธเป็นเหตุ ... ๑ เป็นคนมักโกรธ ชอบระแวงจัดเพราะ ความโกรธเป็นเหตุ ... ๑ เป็นคนมักโกรธ เปล่งวาจาใกล้ต่อความโกรธ ... ๑ ถูกโจทก์ฟ้อง กลับโด้เถียงโจทก์ ... ๑ ถูกโจทก์ฟ้อง ก.ลับรุกรานโจทก์...๑ ถูกโจทก์ฟ้อง กลับปรักปรำโจทก์ ... ๑ ถูกโจทก์ฟ้อง กลับนำเรื่องอื่นมากลบ เกลื่อน เฉไฉไปนอกเรื่อง แสดงความโกรธ ความมุ่งร้าย และความไม่ พอใจให้ปรากฎ ... ๑ ถูกโจทก์ฟ้อง ไม่อาจจะตอบในความประพฤตได้ ... ๑ เป็นคนชอบลบหลู่ ชอบตีเสมอ ... ๑ เป็นคนชอบริษยา เป็นคนตระหนี่ ... ๑ เป็นคนโอ้อวด เจ้ามายา ... ๑ เป็นคนกระด้าง ชอบดูหมิ่นผู้อื่น ... ๑ เป็นผู้ถีอแต่ความเห็นของตน เป็นผู้ถีอมั่นคง ถอนคัวยาก แม้นี้ก็เป็นธรรม ที่ทำ ให้เป็นคนว่ายาก ๑ ฯ www.kalyanamitra.org
๔๑๘ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงสั โสวจัสสกรณคลา ว่าสัวยธรรมเป็นเหตุให้เป็นผู้ว่าง่าย ๑๖ ๑. ไม่มีความปรารถนาเลวทราม ๒. ไม่ยกตน ไม่ฃ่มผู้อื่น ฅ. ไม่มกโกรธ ๔. ไม่ชอบผูกโกรธ ๕. ไม่ชอบระแวงจัด ๖. ไม่เปล่งวาจาใกล้ต่อความโกรธ ๗. ถูกฟ้อง ก็ไม่โต้เถียงโจทก์ ๘. ถูกฟ้อง ก็ไม่รุกรานโจทก์ ๙. ถูกฟ้อง ก็ไม่ปรักปรำโจทก์ ๑อ. ถูกฟ้อง ก็ไม่นำเรื่องอื่นมากลบเกลื่อน ๑๑. ถูกฟ้อง ก็สามารถตอบในความประพฤตไต้ ๑๒. ไม่ชอบลบหลู่ ไม่ชอบตีเสมอ ๑ฅ. ไม่ชอบริษยา ไม่ชอบตระหนี่ ๑๔. ไม่โอ้อวด ไม่เจ้ามายา ๑๕. ไม่แข็งกระต้าง ไม่ดูหมิ่นผู้อื่น ๑๖. ไม่ถีอเอาแต่ความเห็นของตน ที่มา : อนุมานสูตร สีหนาทวรรค ม.ยู. «>๒/๑๘๒ กตเม จาวุโส โสวจสสกรฌา ธมฺมา ฯ อิธารุโส ภิกขุ น ปาปีชุโฉ โหติ น ปาปีกานํ อิชุฉานํ วสงฺคโต, ยมปารุโส ภิกขุ น ปาปีจโฉ โหติ น ปาปีกานํ อิจฉานํ วสงฺคโต, อยมฺปี โสวจลุ[สกรโณ ฯ ... อนตุดูกกํสโก www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด ๑๖ ๔๑๙ ... น โกธโน... น โกธเหต อุปนาหึ... น โกธเหดู อภิสงกี... น โกธสามนฺตํ วาจํ นิจฉาเรตา... โจทิโต โจทเกน โจทกํ น ปฏิปุผรติ ... น อปสาเทติ ... โจทกสส น ปจจาโรเปติ ... น อญเณนณลJ ปฎิจรติ ... น อปทาเน น สมปายติ ... อมคุฃี ... อนิชุอุ[ภิ ... อสโจ ... อถทุโธ ... อสนุฑิฎจิปรามาสี โหติ อนาธาคาหึ อุ[ปฎินิสสคฺคี ... ฯ แปล : ดูก่อนท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ก็ธรรมที่ทำให้เป็นคนว่าง่าย เป็นไฉน คือภิกษุโนพระธรรมวินัยนี้ไม่เป็นผู้มีความปรารถนาเลวทราม ไม่ลุ อำ นาจแก่ความปรารถนาเลวทราม ข้อที่ภิกษุไม่เป็นผู้มีความปรารถนา เลวทราม ไม่ลุอำนาจแก่ความปรารถนาเลวทราม แม้นี้ก็เป็นธรรมที่ทำให้ เป็นคนว่าง่าย ๑ ...ไม่เป็นผู้ยกตนไม่ข่มผู้อื่น ... ๑ ไม่เป็นคนมักโกรธไม่ถูก ความโกรธครอบงำ ...๑ ไม่เป็นคนมักโกรธ ไม่ชอบผูกโกรธเพราะความโกรธ เป็นเหตุ ... ๑ ไม่เป็นคนมักโกรธ ไม่ชอบระแวงจัดเพราะความโกรธเป็น เหตุ ... ๑ ไม่เป็นคนมักโกรธ ไม่เปล่งวาจาใกล้ต่อความโกรธ ... ๑ ถูกโจทก์ ฟ้องก็ไมโต้เถียงโจทก์...๑ ถูกโจทก์ฟ้องก็ไม่รุกรานโจทก์... ๑ ถูกโจทก์ฟ้อง ก็ไม่ปรักปรำโจทก์ ... ๑ ถูกโจทก์ฟ้องก็ไม่นำเรื่องอื่นมากลบเกลื่อน ไม่เฉไฉ ไปนอกเรื่อง ไม่แสดงความโกรธ ความมุ่งร้าย และความไม่พอใจให้ ปรากฎ ... ๑ ถูกโจทก์ฟ้องก็สามารถตอบในความประพฤติไต้ ... ๑ เป็นคน ไม่ชอบลบหลู่ ไม่ชอบติเสมอ ... ๑ เป็นคนไม่ชอบริษยา ไม่ชอบตระหนี่ ...๑ เป็นคนไมโอ้อวด ไม่เจ้ามายา ... ๑ เป็นคนไม่แข็งกระต้าง ไม่ดูหมิ่น ผู้อื่น ... ๑ เป็นคนไม่ถีอเอาแต่ความเห็นของตน ไม่ถีอมั่น ถอนตัวง่าย แม้นี้ก็เป็นธรรมที่ทำให้เป็นคนว่าง่าย ๑ ฯ www.kalyanamitra.org
๔๒๐ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงสั มหาชนปทกลา ซื่อแคว้นใหญ่ในชมพูทวีป ๑๖ ๑. อังคะ ๒. มคธะ (มคธ) ๓. กาสี ๕. วัชซี ๕. โกสละ (โกศล) ๗. เจตี ๖. มัลละ ๙. กร ๔. วังสะ <5 จิ ๑๐. ปัญจาละ ๑๒. สุรเสนะ ๑๑. มัจฉะ ๑๓. อัสสกะ ๑๔. อวันตี ๑๕. คันธาระ ๑๖. อัมโพชะ ที่มา : อุโปสทสูตร ทุติยปัณณาสก์ องฺ.ดิก. ๒0/๙๗๕ เสยุยถาใเ วิสาเข โย อิเมสํ โสฬสนุนํ มหาชนปฑานํ ปยูต- สตตรตนาฟ้ อิสฺสริยาธิปจจํ รชุชํ กาเรยย, เสยยถีฑํ, องฺคานํ มคธาใร กาสีนํ โกสอานํ วชุชืนํ มฤลานํ เจตืนํ วํสานํ ถูรูนํ ปผจาลานํ มจฉานํ ลุ[รเสนาใ5 อสสกานํ อวนฺตืนํ คนุธาราฟ่ กมุโพชานํ, อฎ«งฺค- สมนฺนาคฅสส อุโปสถสุส เอตํ กลี นาคุฆติ โสฬสี ฯ แปล : ดูก่อนวิสาขา เปรียบเหมือนพระราชาใดได้ครองราชย์เป็น อิสราธิปัตฝ็ในแคว้นใหญ่ ๆ ๑๖ แคว้นซึ๋งมืรัตนะ ๗ ประการมากมายเหล่านี้ คือ อังคะ ๑ มคธะ ๑ กาสี ๑ โกสละ ๑ วัชซี ๑ มัลละ ๑ เจตี ๑ วังสะ ๑ คุรุ ๑ ปัญจาละ ๑ มัจฉะ ๑ สุรเสนะ ๑ อัสสกะ ๑ อวันตี ๑ คันธาระ ๑ อัมโพชะ ๑ การได้ครองราชย์ของพระราชานั้นก็ยังไม่ถึงแยว ที่สิบหกแห่ง(การรักษา)อุโบสถสืลที่ประกอบด้วยองค์แปด ฯ www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด ๑๖ ๔10)๑ สมณาวุธกถา ว่าด้วยอาวุธของสมณะ ๑๖ ๑. อาจหาญ ๒. ซื่อส์'ตย์ ต. ปฏิบัติตรง ๔. ว่าง่าย ๕. อ่อนโยน ๖. ไม่เย่อหยิ่ง ๗. ส์นโดษ ๘. เลี้ยงง่าย ๙. มีธุระให้น้อย ๑อ. ทำ ตัวให้เบา ๑๑. มีอินทรีย์สงบ ๑๒. มีปัญญารักษาตน ๑ต. ไม่คะนอง ๑๔. ไม่ยึดติดในตระกูล ๑๕. ไม่ประพฤติทุจริต ๑๖. แผ่เมตตาจิตในสรรพส์'ตว์ ที่มา เมตดสูตร ชุ.ชุ. ๒๕/๑-ต/๑ฅ กรณียมดุถทุ๓ลน ยนุดํ สนดํ ปทํ อภิสฌจุจ สคุโก อชู จ ลุ[ทุชู จ สุวโจ จสุส ทุชุ อนติมานี ฯ แปล : กุลบุตรผู้ฉลาตในประโยชน์ปรารถนาจะตรัสรู้ส์นตบท ที่สงบพึงบำเพ็ญไตรสิกขา พึงเป็นผู้อาจหาญ ๑ ซื่อสิ'ตย์๑ ปฏิบัติตรง ๑ ว่าง่าย ๑ อ่อนโยน ๑ ไม่เย่อหยิ่ง ๑ แปล : สนตสุสโก จ สุภโร จ อปปภิจโจ สลุลชุกๅตุฅิ สนฺตินฑุริโย จ นีปโก จ อปปคพโภ กุเลสุ อนชุคิทุโธ ฯ กุลบุตรนั้นพึงเป็นผู้สิ'นโดษ ๑ เลี้ยงง่าย ๑ มีธุระให้ น้อย ๑ ทำ ตัวให้เบา ๑ มีอินทรีย์สงบ ๑ มีปัญญารักษา ตน ๑ ไม่คะนอง ๑ ไม่ยึดติดในตระกูลทั้งหลาย ๑ น จ ขุทุทํ สมาจ&ร คิณจิ พน วิญญ ปเร อุปวเทยยุ๊ สุขิโน วา เฃมิโน โหน.ดู สพฺเพ สตตา ภวนุดู สุขิตดูตาฯ www.kalyanamitra.org
๔๒๒ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงลั แปล : ไม่พึงประพฤติทุจริตอะไร^ ที่จะเป็นเหตุให้คนอื่นที่ เป็นวิญฌูซนตำหนิเอาได้ ๑ พึงแผ่เมตตาจิตในสัตว์ ทั้งหลายว่า 'ขอสัตว์ทั้งปวงจงเป็นผู้มีความสุข มี ความเกษม มีตนเป็นสุขเถิด ๑ ฯ กัลยาณมิตตลักฃณกถา ว่าด้วยลักษณะของมิตรแท้ ๑๖ ๑. ระลึกถึงเพื่อนผู้จากไป ๒. ยินดีด้อนรับเพื่อนผู้มาหา ฅ. หยอกล้อเพื่อน ๔. ชื่นขมยินดีด้วยคำใ51ด ๕. คบหาผู้ที่เป็นมิตรของเพื่อน ๖. ไม่คบหาผู้ที่ไมใช่มิตรของเพื่อน ๗. ห้ามปรามผู้ทิต®ำหนิติเตียนเ-พf!ึอน ๘. สรรเสริญผู้ที่พรรณนาคุณความดีของเพื่อน ๙. บอกความสับแก่เพื่อน ๑อ. ป็ดบังความสับของเพื่อน ๑๑. สรรเสริญการกระทำของเพื่อน ๑๒. สรรเสริญปัญญาของเพื่อน ๑๓. ยินดีในความเจริญของเพื่อน ๑๔. ไม่ยินดีในความเส์อมของเพื่อน ๑๕. ได้อาหารมีรสอร่อยมาก็ระลึกถึงเพื่อน ๑๖. ยินดีอนเคราะห์เพื่อนเสมอ www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด ๑๖ ๔๒๓ ที่มา : มิดตามิตตชาดก ทวาทสกนิบาต ชุ.ซา.๒๗/๑๗๗๕-๑๗๗๔ ปวุตฺถฌุจลุ[ส สรติ อาคตํ อภินนทติ ตโต เกลายิโก โหติ วาจาย ปฏินนทติ ฯ แปล : คนที่เป็นมิตรนั้น คือ ระลึกถึงเพื่อนผู้จากไป ๑ ยินดีต้อนรับเพื่อนผู้มาหา ๑ หยอกล้อเพื่อน ๑ ชื่นซม ยินดีต้วยคำพูด ๑ มิฤเต ตลุ[เสว ภชติ อมิดุเต ตลุ[ส น เสวติ อๆโกสนุเต นิวาเรติ วณุณกาเม ปสํสติ ฯ แปล : คบหาผู้ที่เป็นมิตรของเพื่อน ๑ ไม่คบหาผู้ที่ไม่ใช่ มิตรของเพื่อน ๑ ห้ามปรามผู้ที่ตำหนิติเตียนเพื่อน ๑ สรรเสริญผู้ที่พรรณนาคุณความดีของเพื่อน ๑ คูยฺหณจ ตสฺส อกฃาติ ตลุ[ส คุยหฌฺจ คูหติ กมุมณจ ตสฺส วณุเณติ ปญผมสส ปสํสติ ฯ แปล : บอกความลับแก่เพื่อน ๑ ป็ดบังความลับของเพื่อน ๑ สรรเสริญการกระทำของเพื่อน ๑ สรรเสริญป้ญญาของ เพื่อน ๑ ภเว จ นนุทติ ตสุส อภเว ตสส น นนุทติ อชุฉริยํ โภชนํ ลฑุธา ตลุ[ส อุปุปชุชเต สติ ตโต นํ อนุกมุปติ ปหาโสปี ลเภยยิโต ฯ แปล : ยินดีโนความเจริญของเพื่อน ๑ ไม่ยินดีในความเส์อม ของเพื่อน ๑ ไต้อาหารมีรสอร่อยมาก็ระลึกถึงเพื่อน ๑ www.kalyanamitra.org
๔๒๔ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงลั ยินดีอนุเคราะห์เพื่อนว่า 'เออหนอ เพื่อนของเราพึงได้ ลาภจากที่นี้บ้าง' ๑ ฯ (อาการทั้ง ๑๖ ประการนี้มีอยูโนบุคคลผู้เป็นมิตร ซึ๋ง เป็นเหตุให้บัณฑิตได้เห็นหรือได้พึงแล้วก็รู้ได้ว่าผู้นี้ เป็นมิตร) นธัมมาภิสมยกถา ว่าด้วยผู้ที่ไม่สามารถบรรลุธรรมได้ ๑๖ ๑. ส์ตว์ดิรัจฉาน ๒. เปรต ฅ. ผู้เป็นมิจฉาทิฐิ ๔. ผู้ลวงโลก ๕. ผู้ฆ่ามารดา ๖. ผู้ฆ่าบิตา ๗. ผู้ฆ่าพระอรหันต์ ๘. ผู้ทำ ส์งฆเภท ๙. ผู้ทำ โลหิตุปบาท ๑อ. คนลักเพศ ๑๑. ผู้เฃ้ารืตเดียรถีย์ ๑๒. ผู้ข่มขืนภิกษุณี ๑ฅ. ผู้ด้องอาบัติลังฆาทิเสสไม่อยู่กรรม ๑๔. บัณเฑาะก์ ๑๕. อุภโตพยัญชนก ๑๖. เด็กอายุต์ากว่า ๗ ปี ที่มา : ธัมมาภิสมยปัญหา เมณฑกปัญหากัณฑ์ มิลินทปัญหา มิลินฺท.๙ฅ๒0 ติรจฉานคตสุส มหาราช อุ[ปฏิปนนสุสาปี ธมุมาภิสมโย น โหติ, เปตุติวิสยูปปนนลุ[ส ... มิชุฉาฑิฏุเกสุส ... ภูหกสฺส ... มาตุฆาตกสุส ... ปีตุฆาฅกอุ[ส ... อรหนุฅฆาตกอุ[ส ... สงุฆ๓ทกอุ[ส ... โลหิตุปปาทกอุ[ส ... เลยยสํวาสกอุ[ส ... ติตุถิยปกกนุตสส ... ภิคุชุนืดูสกสุส ... เตรสนุนํ www.kalyanamitra.org
และคณะ] ทมวด ๑๖ ๔10)๕ ครุกาปตฺตีนํ อณุฌตรํ อาปชุชิตฺวไ อรุฎฺเตสส ... ปณุฑกสุส ... รุภโล- พยณุชนกสุส ... โยปี ม'!เสฺสทหรโก ดูนกสตุฅวสฺสิโก ... ฯ แปล : ขอถวายพระพรมหาบ'พิตร สัตว์ดิรัจฉานแม้จะปฏิบัติดี ก็ไม่มีการบรรลุธรรม ๑ บุคคลผู้เข้าถึงฟตดิวิสัย {เกิดเป็นเปรต)...๑ บุคคล ผู้เป็นมิจฉาทิฐิ ... ๑ บุคคลผู้หลอกลวง ... ๑ บุคคลผู้ฆ่ามารดา ... ๑ บุคคล ผู้ฆ่าบิดา ... ๑ บุคคลผู้ฆ่าพระอรหันต์ ... ๑ บุคคลผู้ยังสงฆ์ให้แตกกัน ... ๑ บุคคลผู้ทำร้ายพระพุทธเจ้าจนห้อพระโลหิต ... ๑ บุคคลผู้สักเพศ ... ๑ บุคคล ผู้เข้ารีตเดียรถึย์ ... ๑ บุคคลผู้ประทุษร้ายภิกษุณี ... ๑ ภิกษุผู้ต้องครุกาบัดิ (อาบัติสังฆาทิเสส) ๑ฅ ข้อ ข้อใดข้อหนึ่งแล้วไม่อยู่กรรม(เ'พื่อออกจากอาบัติ นั้น)... ๑ บุคคลผู้เป็นบัณเฑาะว์ ... ๑ บุคคลผู้มีเพศปรากฏสองเพศ ... ๑ เด็กมนุษย์ที่มีอายุตากว่า ๗ ปี แม้จะปฏิบัติดีก็ไม่มีการบรรลุธรรม ๑ ฯ มหาลุ[ปีนกลา ว่าด้วยมหาสุบิน ๑๖ ๑. พญาโคอุสภะ ๒. แมกไม้ ฅ. แม่โค ๔. โคผู้ ๕. ม้า ๖. ถาดทองคำ ๗. นางสุนัขจิ้งจอก ๘. หม้อนํ้า ๙. สระโบกขรณี ๑.อ. ข้าว'ที่ทุงไม่สุก ๑๑. แก่นจันทน์ ๑๒. นํ้าเต้าจมนํ้า ๑ฅ. หินลอยนํ้า ๑๔. กบกลืนกินงูเห่า ๑๕. หงส์ทองแวดล้อมกา ๑๖. เลือกสัวแพะ www.kalyanamitra.org
๔๒๖ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงลั ที่มา : มหาสุปีนชาดก วรุณวรรค เอกกนิบาต ชุ.ซา. ๒๗/๗๗ รุสภา รุกฃไ คาวิโย ควา จ อสฺโส กํโส สิคาลี จ รุมฺโภ โปฤขรณี จ อปากจนทนํ ลา3นิ สีทนุติ สิลา ปลวนติ ฯ มณุ«รุกิโย กณหลปุเป คิลนฺติ กากํ ธ[ุ วถเณา ปริวารยนติ ตลา วกา เอฬกานํ ภยา หิ วิปริยาโย วตุตติ นยิธมตฺถิ ฯ แปล : (พระเจ้าพรหมหัตตรัสเล่าพระสุบินให้ดาบสโพอิส์'ตว์ ฟ้งว่าได้ฝืนเห็น) พญาโคอุสภะ ๑ แมกไม้ ๑ แม่โค ๑ โคผู้ ๑ ม้า ๑ ถาดทองคำ ๑ นางสุนัขจิ้งจอก ๑ หม้อนํ้า ๑ สระโบกขรณี ๑ ข้าวที่หุงไม่สุก ๑ แก่นจันทน์ ๑ นํ้าเด้า จมนํ้า ๑ หินลอยนํ้า ๑ กบกลืนกินงูเห่า ๑ หงส์ทอง แวดล้อมกา ๑ เสือกลัวแพะ ๑ ฯ (พระโพธิลัตว์ถวายพระพรว่า) พระสุบินนี้เป็นไป อย่างผิดแปลก แต่จะยังไม่มีผลในยุคนี้ดอก ฯ อธิบาย : มหาสุบิน๑๖ประการนี้มีเหตุเกิดขึ้น คือพระเจ้าปเสนหิ โกศลทรงสุบินแล้วทรงตกพระหัยจึงตรัสบอกให้พวกพราหมณ์ปุโรหิตทำนาย ได้ทรงสดับว่าเป็นพระสุบินร้ายซึ่งจักมีอันตรายแก่ราชสมบัติเป็นด้น จึงตรัส ถามวิธีแก้ พราหมณ์ปุโรหิตเหล่านั้นเห็นซ่องทางที่จะได้ทรัพย์ จึงเพ็ดทูล ไปว่าควรประกอบพิธีบูชายัญโดยใข้ลัตว์ส์เท้า พระเจ้าปเสนทิโกศลรับลังให้ ทำ ดังนั้น s ต่อมา พระนางมัลลิกาเทวีทรงทราบจึงกราบทูลให้พระเจ้า www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด๑๖ ๔๒๗ ท้าวเธอเสด็จไปเฝืาพระผู้มีพระภาคเจ้าทูลถามถึงมหาสุบิน ๑๖ ประการนี้ ซึ๋งพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสว่าความฝืนเซ่นนี้แม้ในอดีตกาลพระเจ้า พรหมทัตก็เคยฝืนมาแล้ว จะไม่มีผลร้ายโนสมัยนี้ แต่จักมีผลในอนาคตกาล คือสมัยที่ผู้นำประเทศไม่ตั้งอยู่ในธรรมและพวกมนุษย์ขาตดีลธรรม แล้วได้ ตรัสทำนายมหาสุบินทั้ง ๑๖ ประการ เป็นพระพุทธทำนาย ซึ่งปรากฏใน คัมภีร์อรรถกถาซาดก (ข.ซา.อ. ๒/๑ฅ0-๑ฅ๙) ดังนี้ พระพุทธทำนายมหาสุบิน ๑๖ ๑. สุบินว่าเห็นพญาโคลูสภะ กล่าวคือโคอุสภะดำ ๔ ตัวมาสู่พระลานหลวง จากทั้งส์ทิศแสดงอาการจะต่อล้กันให้มหาซนดู บันลือล่งเสิยงดำราม ลั่นแล้วไม่ต่อสู่กัน ต่างถอยหนีโป มีพระพุทธทำนายว่า ในอนาคตกาล เมื่อมนุษย์ขาดคืลธรรม โลก เจริญทางด้านรัตธุ ฝนจักไม่ตกด้องตามฤดูกาล ข้าวกล้าจักเลืยหาย จักเกิตทุพภีกขภัย เมฆฝนตั้งเด้าจากทิศทั้งลืทำท่าคล้ายว่าจะตก ใน เวลาที่พวกสตรีเก็บข้าวเปลือกเป็นด้นที่นำออกผึ๋งแตดไว้ภายในเรือน เพราะกลัวว่าจะเปียกฝน เมื่อพวกบุรุษถึอจอบและบุ้งกี๋ออกไปเพื่อก่อ คันกั้นนํ้า ก็แสดงอาการว่าจะตก ทำ ให้ฟ้าคำรามลั่นแลบแปลบปลาบ แต่แล้วก็ไม่ตก กลับปลาสนาการไปสิน ดุจดังโคอุสภะเหล่านั้นไม่ต่อสู่กัน ๒. สุบินว่าเห็นแมกไม้ กล่าวคือมีแมกไม้โผล่ฟ้นแฝนดินขึ้นมายังไม่ทันถึง คืบถึงศอกก็ผลิดอกออกผล มีพระพุทธทำนายว่า ในเวลาที่โลกเข้าสู่ยุคเสิอมและอยู่ในซ่วงที่ พวกมนุษย์มีอายุน้อย ก็จักเกิดเหดุการถ!ที่เหล่าลัตร์มีราคะแรงกล้า พวกเด็กหญิงที่ยังไม่ทันถึงวัยสาวก็มีเพศลัมพันธ์กับบุรุษ มีระดู มีครรภ์ www.kalyanamitra.org
๔๒๘ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงศ์ ใฟักำเนิดบุตรธิดา การที่เด็กหญิงเหล่านั้นมีระดูเปรียบได้กับการผลิ ดอกของเหล่าแมกไม้ การให้กำเนิดบุตรธิดาเปรียบได้กับการออกผล ฅ. อ[ุ บินว่าฌนแมโค กล่าวคือมีแม่โคยืนดื่มนั้านมของลูกโคที่เกิดในวันนั้น มีพระชุฑธทำนายว่า ในอนาคตกาลหมู่มนุษย์จักขาดการทำหน้าที่ ประพฤติเอื้อเฟ้ออ่อนน้อมต่อ^หญ่ที่ชรา โดยจักไม่เกิดความเกรงใจ ในบิดามารดา ในพ่อตาแม่ยายหรีอพ่อผัวแม่ผัว จักจัดการทรัพย์สมบัติ เลิยเอง แม้เพียงอาหารและเครื่องนุ่งห่มเมื่อปรารถนาจะให้แก่คน ชราในตระกูลกิให้ ไม่ปรารถนากิไม่ให้ คนชราทั้งหลายจึงขาดที่พึ่ง ไม่มีความเป็นอิสระ ต้องยอมเป็นเบี้ยล่างของพวกเด็กๆ จึงจักดำรงชีพ อยู่ได้ เปรียบเหมีอนกับการที่แม่โคยืนดื่มนั้านมของลูกโคที่เกิดในวันนั้น ฉะนั้น ๔. อุ[บินว่าฌนโคผู้กล่าวคือโคผู้(วัวที่ใช้งานรุ่น ๆ)ที่อยู่ในขั้นแกกลับได้รับ การเทียมแอกเข็นภาระโดยไม่ใช้พญาโคที่เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติ ในการเข็นภาระ โครุ่นเหล่านั้นไม่สามารถเข็นภาระไปได้จึงทิ้งยืนนิ่งอยู่ เกวียนกิหยุด มีพระทุทธทำนายว่า ในอนาคตกาลผู้นำประเทศที่ไม่ตั้งอยู่ใน ธรรมจักไม่ประทานยศให้เหล่าบัณฑิตผู้มีประสบการถ!ชาญฉลาดใน โบราณราชประเพณี จักไม่ตั้งบัณฑิตผู้ใหญ่ ที่ฉลาดในการวินิจฉัยคดี ความไวีในดำแหน่งผู้ตัดสินคดีความ แต่กลับประทานยศและดำแหน่ง แก่พวกเด็กวัยรุ่นที่ขาดคุณสมบัติ จึงทำให้เกิดความรุ่นวายในประเทศ ๕. อุ[บินว่าเห็นม้า กล่าวคือเห็นม้าสองปากตัวหนิ่งใช้ปากทั้งสองเคี้ยวกิน อาหารอย่ www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด ๑๖ ๔๒๙ มืพระทุฑธทำนายว่า ในอนาคตกาลพระราซาหรือผู้นำประเทศที่ โง่เขลาขาดคุณธรรมจักตั้งพวกคนเหลวไหลไร้คุณธรรมไว้ในตำแหน่ง ตัดสินคดีความ ซึ๋งคนเหล่านั้นจักไม่คำนึงถึงบาปหรือบุญ เมื่อจะ วินิจฉัยคดีความก็จะดีหน้ารับสินบนจากทั้งสองฝ่ายก่อความเดีอดร้อน ไปทั่ว ๖. ธุ[บินว่าเห็นถาดทองคำ กล่าวคือเห็นถาดทองคำมีค่าหนึ่งแสนที่มหาซน ฃัดสีทำความสะอาดจนเกลี้ยงเกลาแล้วน้อมเข้าไปมอบแก่สุนัขจิ้งจอก แก่ตัวหนึ่งให้ป้สสาวะรด มีพระทุทธทำนายว่า ในอนาคดกาลพระราซาหรือผู้น่าประเทศที่ ไม่ตั้งอยู่ในธรรมจักไม่ประทานยศแก่กุลบุดรผู้สมบูรณ์ด้วยซาติดระกูล เพราะความหวาดระแวง แต่กลับประทานแก่ผู้เกิดในดระกูลตั้าเท่านั้น จึงเป็นเหตุให้ดระกูลชั้นสูงดกทุกข์เดีอดร้อน ดระกูลชั้นตํ่าได้เป็น ใหญ่และบีบบังตับให้เหล่าคนในดระกูลชั้นสูงยอมยกลูกสาวให้แต่งงาน กับคนในดระกูลชั้นตั้าเพี่อความอยู่รอด การที่เหล่ากุลธิดาจากดระกูล ชั้นสูงสมส่กับซายในดระกูลชั้นตั้าก็จักเป็นเหมีอนการที่สุนัขจิ้งจอก แก่ปัสสาวะรดถาดทองคำฉะนั้น ๗. ธุ[บินว่าเห็นนางอุ[นัขจิ้งจอก กล่าวคือเห็นนางสุนัขจิ้งจอกหิวโซตัวหนึ่ง นอนหลบอยู่ใด้ม้านั่งที่ซายคนหนึ่งนั้งฟินเซือกอยู่ และกัดกินเชือกนั้น โดยที่ซายผู้นั้นไม่รู้ตัว มีพระทุทธทำนายว่า ในอนาคดกาลพวกสดรืจักคบหาซายไม่เลือก นิยมดื่มสุรา ฟ้งเฟ้อในเครื่องประตับ ไม่เลือกสถานที่หลับนอน อยาก ได้อามิสสิงของไม่มีที่สุด ขาดคืลธรรม มีพฤติกรรมเลวทราม สดรื เหล่านั้นจักใข้ทรัพย์ที่พวกสามีท่าการงานหามาได้ด้วยความยากลำบาก www.kalyanamitra.org
๔๓๐ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงลั มาซื้อสุราดื่มกับพวกซายซู้ สนใจแต่เครื่องประดับแต่งตัว ไฝแล เหลียวกิจหน้าที่รีบต่วนภายในบ้านเรือน มัวแต่หาซ่องทางให้ซายซู้เข้า มาพบ ไม่สนใจหุงหาอาหาร จึงหิวจัด เมื่อพบอาหารจึงรุมยื้อแย่ง กินเหมือนนางสุนัขจิ้งจอกกัดกินเชือกฉะนั้น ๘. ลุ[บินว่าเห็นหม้อนํ้า กล่าวคือเห็นหม้อเต็มนั้าขนาดใหญ่ใบหนึ่งถูก วางไว้ที่ประตูเมืองโดยมืหม้อเปล่ารุ จำ นวนมากตั้งเรียงรายอยู่รอบรุ ผู้คนในวรรณะ ๔ ต่างแบกถือไหนํ้าเหยือกนั้าจากหุกหิศมาเทใส่หม้อ ที่เต็มนํ้านั้นหม้อเดียว นั้าในหม้อนั้นล้นแล้วล้นอีกหกไหลเรื่ยราด เลียไป ผู้คนเหล่านั้นไม่สนใจหม้อเปล่ารุ ที่ตั้งอยู่รอบรุ นั้นเลย มีพระพุทธทำนายว่า ในอนาคตกาลโลกจักเลีอม ประเทศจักเกิด ป้ญหาเศรษฐกิจ พวกพระราซาหรือผู้นำประเทศจักตกทุกข์ขัดสน ใน ห้องพระคลังจักเหลีอเงินคงคลังประมาณหนึ่งแสน เมื่อตกอับเซ่นนี้ก็ จักบังดับพวกราษฎรทั้งหมดให้ประกอบการงานเพื่อตนเท่านั้น พวก ราษฎรต่างได้รับความเดือดร้อนโดยต้องทิ้งการงานของตนมาประกอบ การงานมืการหว่านปุพพัณณซาติอปรัณณซาติเป็นด้นเพื่อเก็บเกี่ยว ผลิตผลรวบรวมใส่ไว้ในห้องพระคลังหลวงอย่างเดียว ไม่สนใจยุ้งฉาง ที่ว่างเปล่าในเรือนของตน จึงเกิดปัญหาความรื่ารวยเฉพาะผู้นำ แต่ ประซาซนมืแต่ยากจนลง ๙. ล[ุ บินว่าฌนสระโบกขรณี กล่าวคือเห็นสระโบกขรณีแห่งหนึ่งดาดาษ ด้วยปทุม ๕ ลี ลึก มืท่าขึ้นทุกด้าน เป็นที่ลงไปดื่มนํ้าของลัตว์สองเท้า และส์เห้าโดยรอบ ในที่ลีกตรงกลางของสระนั้นมืนํ้าขุ่น แต่ใน ส่วนริมล่งคือตรงที่ลัตว์สองเท้าและลีเห้าเหยืยบได้ นํ้ากลับใสผ่อง ไม่ซ่นเลย www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด๑๖ ๔๓๑ มีพระพุทธทำนายว่า ในอนาคตกาลพระราซาหรือผู้นำจักไม่ ตั้งอยูในธรรมจักตกอยูในอำนาจอคติปกครองประเทศ จักไม่วินิจฉัย คดีความโดยชอบธรรม จักก่อความรํ่ารวยด้วยสินบน มีความโลภใน ทรัพย์ จักขาดขันติธรรมและเมตตาธรรมในอาณาประซาราษฎร์ จัก มีความกักขฬะหยาบช้าบีบบังคับประซาซนเรืยกเก็บภาษีเพิ่มริบเอาทรัพย์ โดยประการต่าง ๆ ประซาซนผู้เดีอดร้อนเพราะภาษีเมื่อไม่สามารถที่ จะให้อะไร ๆ ได้ จักพากันทิ้งบ้านเรือนหนีไปใช้ชีวิตอยู่ในถิ่นประเทศ ซายแดน จึงทำให้ถิ่นประเทศส่วนกลาง (เมีองหลวง) ว่างร้างผู้คน การที่ถิ่นประเทศซายแดนมีประซาซนอยู่หนาแน่นเปรืยบได้กับการที่ สระโบกขรณี มีนํ้าขุ่นอยู่ตรงกลาง แต่กลับใสผ่องตรงริมฝืงฉะนั้น ๑อ. ลุ[บินว่าเห็นข้าวที่ชุงไม่สุกกล่าวคือข้าวที่ทุงในหม้อเดียวกันแท้ๆแต่กลับ ปรากฏเป็น ฅ ส่วน โดยส่วนหนึ่งเปียกแฉะ ส่วนหนึ่งแค่นและแข็ง อืกส่วนหนึ่งสุกดี มีพระพุทธทำนายว่า ในอนาคตกาลพระราซาหรือผู้น่าจักไม่ ตั้งอยู่ในธรรม ซึ่งจักพลอยให้อาณาประซาราษฎร์ทั้งหมดนับตั้งแต่ สมณพราหมณ์เป็นด้นไปไม่ตั้งอยู่ในธรรมไปด้วย รวมตลอดถึงเหล่า เทวดาเซ่นอารักขเทวดาเป็นด้นก็จักไม่ตั้งอยู่ในธรรม ในรัซสมัยของ พระราซาที่ไม่ตั้งอยู่ในธรรมเซ่นนี้ ลมทั้งหลายจักพัดกระโซกแรง ทำ ให้วิมานของเหล่าเทวดาที่สถึตอยู่ในอากาศลันไหว เทวดาเหล่านั้นจัก พิโรธไม่ให้ฝนตก เมื่อตก ก็จักตกอย่างไม่ทั้วถึงทั้งประเทศ (ตกไม่ทั่ว ฟ้า) บ้าง ตกไม่เป็นประโยซน์แก่การไถหว่านในที่ทุกแห่งบ้าง ข้าว กล้าในพื้นที่แห่งหนึ่งจักเสิยหายเพราะฝนตกจนท่วม ในพื้นที่แห่งหนึ่ง จักเที่ยวเฉาเพราะขาดผ่น ในพื้นที่แห่งหนึ่งจักเผล็ดผลสมบูรณ์เพราะ ฝนตกสมาเสมอ www.kalyanamitra.org
๔๓๒ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงลั ๑๑. ล[ุ บินว่าฌนแก่นจันทน์ กล่าวคีอแก่นจันทน์มีค่าหนึ่งแสนถูกแลกซื้อ ด้วยฟรียงที่บูดเน่า มีพระทุฑธทำนายว่า ในอนาคตกาลเมื่อพระพุทธศาสนาจวนจะ เส์อมสูญจักมีเหล่าภิกษุอลัชชีที่โลภในปัจจัยจำนวนมาก ภิกษุเหล่านั้น จักแสดงธรรมที่เราตถาคตกล่าวตำหนิความโลภในปัจจัยแก่คนทั่วไป เพราะเหตุอยากจะได้ปัจจัย ๔ มีจีวรเปีนด้น โดยเหล่าภิกษุที่ยอมสยบ เพราะปัจจัย ตกอยู่ในฝ่ายคิดจะเอาตัวรอด จักไม่แสดงธรรมที่มุ่งถึง พระนิพพาน จักคิดแต่แสดงธรรมมุ่งอย่างนี้ว่า 'คนทั่วไปฟังความ สละสลวยแห่งบทพยัญชนะและเสิยงอันไพเราะแล้วจะถวายจีวรเป็นด้น อันมีค่ามาก' เหล่าภิกษุอีกฝ่ายหนึ่งก็จักนั่งที่ระหว่างถนนหรีอประตูเมีอง ทั้งส์มุมเป็นด้นแสดงธรรมเพราะอยากจะได้เงินเพียงเล็ก ๆ น์อย ๆ ตังนั้น การที่เหล่าภิกษุแสดงซื้อขายธรรมที่เราตถาคตแสดงเทียบ ค่าด้วยพระนิพพานเพื่อประโยชน์แก่ปัจจัย ๔ และเพื่อประโยชน์ แก่เงินเพียงเล็ก น์อย ๆ ก็จักเป็นเหมือนการซื้อขายแก่นจันทน์มีค่า หนึ่งแสนด้วยเปรียงที่บูดเน่าฉะนั้น ๑๒. ลุ[บินว่าเห็นนํ้าเต้าจมนํ้า กล่าวคือเห็นนํ้าเด้าเปล่าจมนํ้าอยู่ มีพระพุทธทำนายว่า ในอนาคตกาลเมื่อพระราชาหรีอผู้นำไม่ตั้ง อยู่ในธรรม จักไม่ประทานยศแก'พวกกุลบุตรที่สมบูรถ!ด้วยชาติตระกูล แต่กลับประทานแก่พวกคนที่มีตระกูลตั้าซึ่งจักได้เป็นใหญ่ในแผ่นดิน ส่วนพวกคนตระกูลสูงจักยากจน คำ พูดของพวกคนที่มีตระกูลตํ่า ซึ่งเปรียบได้อับนั้าเด้าเปล่าเท่านั้นจักถึอว่าเป็นอันยุติทั้งในที่เบื้อง พระพักตร์ ในที่พร้อมหน้ามุขมนตรี และในที่วินิจฉัยคดีความ แมีใน ฝ่ายลังฆมณฑล คำ พูดของเหล่าภิกษุชั่วผู้ทุคิลเห่านั้นจักได้ร้บการ เซึ่อถือว่าถูกด้องในที่ประชุมสงฆ์ทำลังฆกรรมเป็นด้น ส่วนคำพูดของ www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด ๑๖ ๔๓๓ เหล่าลัซซีภิกษุผู้มีสิลหาได้รับการเชื่อถือว่าถูกต้องไม่ จักเปีนเหมือน กาลที่นํ้าเด้าเปล่าจมนํ้าอยู่ฉะนั้น ๑ฅ. อุ[บินว่าฌนหินลอยนํ้า กล่าวคือเห็นหินหนาทึบขนาดใหญ่มากประมาณ เท่าเรือนยอดลอยนํ้าอยู่ได้เหมือนกับเรือฉะนั้น มีพระทุทธทำนายว่า ในอนาคตกาลเมื่อพระราขาหรือผู้นำไม่ตั้ง อยู่ในธรรมจักประทานยศแก่พวกคนที่มืตระกูลตํ่าชื่งจักได้เปีนใหญ่ใน แผ่นดิน ส่วนพวกคนตระกูลสูงจักยากจน ใคร ๆ จักไม่ทำความเคารพ จักเคารพเฉพาะคนที่มืตระกูลตํ่า คำ ใฐตของพวกกุลบุตรชื่งเปรืยบได้ กับหินหนามืความฉลาดในการวินิจฉัยคดีความจักไม่ได้รับการเชื่อถือ ทั้งในที่เบื้องพระพักตร์ ในที่พร้อมหน้ามุขมนตรื และในที่วินิจฉัยคดี ความ เมื่อใ51ตอะไรขึ้นมา ผู้คนทั้งหลายก็จักหัวเราะเย้ยหยันว่าคน พวกนี้พูตอะไร แมในผ่ายส่งฆมณฑล เหล่าภิกษุผู้เคร่งครัตในคืลจัก ไม่ได้รับความเคารพในที่ประชุมสงฆ์ดังกล่าวนั้น คำ พูดของท่าน เหล่านั้นก็จักไม่ได้รับการเชื่อถือ จักเปีนเหมือนกาลที่หินลอยนั้าได้ ๑๔. อุ[บินว่าฌนกบกลืนกินงูณ่า กล่าวคือเห็นเหล่าแม่กบดัวขนาดเท่า ผลมะซางย่อมๆ กระโดดตะครุบฝูงงูเห่าขนาดใหญ่ ๆ อย่างรวดเร็ว แล้วกัดกลืนกินเนื้อเหมือนกับฉีกก้านบัวฉะนั้น มีพระพูทธทำนายว่า ในอนาคตกาลเมื่อโลกจวนหายนะ พวก ผู้ชายที่มืราคะจัดมักประพฤติตามกระแสกิเลส จักสยบอยู่ในอำนาจ ภรรยาของตนที่ยังรุ่นสาว แม้พวกข้าทาสบริวาร ปศุส่'ตว์ ตลอดจน ทรัพย์สินเงินทองก็จักขึ้นอยู่กับภรรยาเหล่านั้นทั้งหมด เมื่อพวกเขา ถามถึงทรัพย์สินเงินทอง ก็จักได้รับการด่าว่าเหน็บแนมอย่างสาดเสิย เทเสิยเหมือนกับว่าพวกเขาเปีนทาสรับใข้ www.kalyanamitra.org
๔๓๔ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงลั ๑๕. ธ[ุ บินว่าเห็นหงส์ทองแวดล้อมกา กล่าวคือเห็นพวกพญาหงส์ทอง กำ ลังแวดล้อมกาตัวหนึ่งที่หากินอยู่ตามหมู่บ้าน ซึ๋งเปีนกาที่ประกอบ ด้วยอลัทธรรม ๑0 มีพระทุทธทำนายว่า ในอนาคตกาลพระราซาหรือผู้นำจักเปีน ^ม่รู้เรื่องคืลปศาสตร์ ไม่แกล้วกล้าในการยุทธ์ จึงเกรงว่าตนจะเสิย อำ นาจราชสมบัติไป จักไม่ประทานอิสริยยศแก่เหล่ากุลบุตรผู้มีชาติ ตระกูลเสมอกับตน แต่กลับประทานแก่พวกคนรับใซใกล้ชิดกับตน พวกกุลบุตรที่มีชาติตระกูลสูงเมื่อไม่ได้ที่พึ่งในราชสกุล ไม่สามารถดำรง ชิพอยู่ได้ก็จักเข้าไปรับใช้พวกคนที่มีตระกูลตํ่าซึ่งเปีนใหญ่ในแผ่นติน ๑๖. อุ[บินว่าเห็นเสือกลัวแพะ กล่าวคือเมื่อสมัยก่อนพวกเสิอกัดกินพวก แพะ แต่(ในฝ็นนี้กลับเห็น)พวกแพะไล่ตามกัดกินเสิอ ต่อจากนั้นเหล่า ลัตว์น้อยลัตร์ใหญ่เห็นพวกแพะมาแต่ไกลก็สะด้งตกใจริบหนีเข้าไป หลบซ่อนตามสุมทุมพุ่มไม้เพราะกลัวพวกแพะ มีพระชุทธทำนายว่า ในอนาคตกาลพวกคนตระกูลชั้นตาจักเปีนที่ โปรดปรานของพระราชา ได้เปีนใหญในแผ่นดิน ส่วนพวกคนตระกูล สูงจักไร์ซี่อเสิยงระทมทุกข์ พวกคนตระกูลชั้นตํ่าเหล่านั้นจักให้พระ ราชาเชื่อถือถ้อยคำของตนมีอำนาจต่อรองในสถานที่ตัดสินคดีความ เปีนด้น กล่าวตู่ริบเอาสมบัติมื่โร่นาเปีนด้นกันเปีนสมบัติสิบทอดกันมา ของพวกคนตระกูลสูงไว้เปีนของตน เมื่อพวกคนตระกูลสูงไม่ยอมก็จัก ลังลงโทษขู่ส์าทับโดยประการต่างทุจนพวกคนชั้นสูงเกิดความกลัวไม่กล้า ต่อลัอิกต่อไป ในฝ่ายลังฆมณฑล เหล่าภิกษุผู้ซั่วช้าจักเบียดเบียนรุกราน เหล่าภิกษุผู้เคร่งครัดในคืลตามความชอบใจ ก็จักเปีนเหตุให้เหล่าภิกษุ ผู้เคร่งครัดในคืลเข้าไปอยู่ปาหลบอยู่ในที่รกร้าง เมื่อพวกกุลบุตรผู้มี www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด ๑๖ ๔๓๕ ชาติตระกูลถูกพวกคนตระกูลชั้นตํ่ากดขี่และพวกภิกษุผู้เคร่งครัดในสืล ถูกพวกภิกษุผู้ชั้วช้าเบียดเบียนรุกรานก็จักเปรียบเหมือนกับเวลาที่พวก สัตว์น้อยส์'ตว์ใหญ่รีบหลบหนีเพราะกลัวพวกแพะ ที่มา : มหาสุป็นชาดก เอกกนิปาดวัณณนา ชุ.ซา.อ. ๒/๑(ทอ-®ต๙ จดตาโร อณุชนวณุณา กาฬอสภา ... \"อนาคเต ปน อธมมิกานํ กปณราชูนํ อธมุมิกานณุจ มนุสฺสานํ กาเล โลเก วิปริวตุตมาเน ภูสเส โอสุสนุเน อคูสเส อุสสนเน โสกสฺส ปริหายนกาเส เทโว น สมมา วสฺสิสฺสติ, เมฆปาทา ปจฉิชุชิสุสนติ ... ฯ แปล : ช้าพระองค์สุบินว่าเห็นพญาโคอุสภะดำ ๔ ตัว ... พระ พุทธเจ้าทรงทำนายว่า \"ในอนาคตกาลเมื่อมนุษย์ขาดสืลธรรม โลกเจริญ ทางด้านวัตถุ ฝนจักไม่ตกต้องตามฤดูกาล ช้าวกล้าจักเสียหาย ฯลฯ www.kalyanamitra.org
๔๓๖ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงส์ อตัปปียวัตลุกถา ว่าด้วยสิงที่ไม่รู้จักอิ่ม ๑๖ ๑. ทะเล ไมอมด้วยแม่นํ้าที่หลากไหลมา ๒. ไฟ ฅ. พระรใชา ไม่อิ่มด้วยราชสมบัติ ๔. คนพาล ไม่อิ่มด้วยการทำบาป ๕. สตรี ไม่อิ่มด้วยเมถุนธรรม การแต่งตัว การมีบุตร ๖. พราหมณ์ ไม่อิ่มด้วยมนตรา ๗. ^1ด้ฌาน ไม่อิ่มด้วยการเข้าฌาน ๘. พระเสขะ ไม่อิ่มด้วยการกำจัดกิเลส ๙. ท่านผู้มักน้อย ไม่อิ่มด้วยธุดงคคุณ ๑0. ท่านผู้ปรารภความเพียร ไม่อิ่มด้วยความเพียร ๑๑. พระธรรมกถึก ไม่อิ่มด้วยการสนทนาธรรม ๑๒. ผู้แกล้วกล้า ไม่อิ่มด้วยการเข้าชุมชน ๑ฅ. ผู้มีศรัทธา ไม่อิ่มด้วยการบำรุงสงฆ์ ๑๔. ทายก ไม่อิ่มด้วยการบริจาค ๑๕. บัณฑิต ไม่อิ่มด้วยการพีงธรรม ๑๖. บริษัท ๔ ไม่อิ่มด้วยการเข้าเฝืาพระพุทธเจ้า ที่มา ลัตตกนิปาดวัณณนา อรรถกถาชาดก ชุ.ซา.อ.(ะ/๑๕๑ โสฬส หิ อตปริเยวตดูนิ นาม ฯ กตมานิ โสฬส ฯ สาคโร สพุพสวนุตีหิ น ตปุปติ ฯ อคฺคิ อุปาทาเนน ... ราชา รชุเชน ... พาโล ปาเปหิ...อิตถึ เมถุนธมฺเมน อลงุกาเรน วิชายเนน... พุราหมโณ มนเตหิ... www.kalyanamitra.org
นละคณะ] ทมวด ๑๖ ๔๓๗ ฌายี วิหารสมาปตติยา ... เสกโข อปจเยน ... อปป้จุโฉ รูตงคคูเณน ... อารทุธวิริโย วีริยารมเภน ... ธมุมกสิโก สากชุฉาย ... วิสารโท ปริสาย ... สทุโธ สงฺชุปฏฺฮาเนน ... ทายโก ปริชุจาเคน ... ปณฺฑิโต ธมุมสุสวเนน... จฅสฺโส ปริสา ตถาคตทสุสเนน น ตปปมุติ ฯ แปล : ซื่อว่าอตัปปิยวัตถุมี ๑๖ อย่าง ๑๖ อย่างคืออะไรบ้าง คือ ทะเลย่อมไม่อิ่มด้วยความไหลหลากมาแห่งนํ้าทั้งปวง ๑ ไฟย่อมไม่อิ่มด้วย เชื้อ ๑ พระราชาย่อมไม่ทรงอิ่มด้วยราชสมบัติ ๑ คนพาลย่อมไม่อิ่มด้วย บาปทั้งหลาย ๑ สตรีย่อมไม่อิ่มด้วยเหตุ ฅ เหล่านี้คือเมถุนธรรม การแต่งตัว และการให้กาเนิตบุตร ๑ พราหมณ์ย่อมไม่อิ่มด้วยมนต์ทั้งหลาย ๑ ผู้มีฌาน ย่อมไม่อิ่มด้วยวิหารสมาบัติ ๑ พระเสขะย่อมไม่อิ่มด้วยการกำจัดกิเลส ๑ ภิกษุผู้มักน้อยย่อมไม่อิ่มด้วยธุดงคคุณ ๑ ผู้ปรารภความเพียรย่อมไม่อิ่ม ด้วยการปรารภความเพียร ๑ พระธรรมกถึกย่อมไม่อิ่มด้วยการสนทนา ธรรม ๑ ผู้แกล้วกล้าย่อมไม่อิ่มด้วยบริษัท ๑ ผู้มีศรัทธาย่อมไม่อิ่มด้วย การบำรุงพระสงฆ์ ๑ ทายกย่อมไม่อิ่มด้วยการบริจาค ๑ บัณฑิตย่อมไม่อิ่ม ด้วยการพีงธรรม ๑ บริษัท ๔ ย่อมไม่อิ่มด้วยการเฝืาพระตถาคตเจัา ๑ ฯ www.kalyanamitra.org
๔๓๘ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงส์ ปีณฑปาตกลา ว่าด้วยอาหารบิณฑบาต ๑๖ ๑. ข้าวสุก ๒. ขนมกุมมาส ต. ข้าวส์'ตตู ๕. ปลา ๕. เนื้อ ๗. นมเปรี้ยว ๖. นมสด ๙. เนยข้น ๘. เนยใส ๑๑. นํ้าผึ้ง ๑อ. นํ้ามัน ๑ต. ข้าวยาคู ๑๒. นั้าอ้อย ๑๕. ของควรลิ้ม ๑๔. ของควรเคี้ยว ๑๖. ของควรเลีย ที่มา : ลังคีติสูดร อรรถกถาสุมังคลวิลาสินี ที.ปา.อ. ๙๒๑0-๒๑๑ ฅตถ ปีณุฑปาโตติ โอทโน กมมาโส สตต มจโฉ มํสํ ฃีรํ ทธิ ส!jปี นวนึดํ เตลํ มi; ผานิดํ ยา^ ขาทนียํ สายนียํ เสหนียนติ โสฬส ปีณฺฑปาตา ฯ แปล : โนความข้อนั้น คำ ว่า บิณฑบาต หมายถึงบิณฑบาต ๑๖ ชนิดคือ ข้าวสุก ๑ ขนมกุมมาส ๑ ข้าวส์'ตตู ๑ ปลา ๑ เนื้อ ๑ นมสด ๑ นมเปรี้ยว ๑ เนยใส ๑ เนยข้น ๑ นั้ามัน ๑ นั้าผึ้ง ๑ นั้าอ้อย ๑ ข้าว ยาคู ๑ ของควรเคี้ยว ๑ ของควรลิ้ม ๑ ของควรเลีย ๑ ฯ www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด ๑๖ ๔๓๙ ทุสสีลยาฑีนวกถา ว่าด้วยโทษของการเป็นผ้ทสืล ๑๖ ๑. ไม่เป็นที่รักของเทวดาและมนุษย์ ๒. ถูกเพื่อนร่วมพรหมจรรย์เลิกพราสอน ต. ระทมทุกข์เพราะถูกตำหนิ ๔. เดือดร้อนใจเพราะฟ้งตำสรรเสริญของผู้มีสืล ๕. มีผิวพรรณหม่นหมอง ๖. นำ พาให้ผู้คบหาตกอบายทุกข์ ๗. มีค่าน้อยแก่ผู้ที่ตนรับไทยธรรม ๘. ทำ ตนให้บริสุทธื้ได้ยาก ๙. พลาดจากประโยชน์ทั้งสอง ๑อ. ไม่เป็นภิกษุแม้จะปฏิญญาก็ตาม ๑๑. หวาดสะดุ้งตลอดเวลา ๑๒. หาผู้อยู่ร่วมไม่ได้ ๑ต. เป็นผู้ที่เหล่าเพื่อนร่วมพรหมจรรย์1ม่ควรบูชา ๑๔. ไม่สามารถที่จะบรรลุคุณวิเศษได้ ๑๕. ไร้ความหวังในพระส์ทธรรม ๑๖. แม้เข้าใจว่าเป็นสุข แต่กลับเป็นทุกข์ถนัด ที่มา : สีลสังกิเลสโวทาน สีลนิทเทส ปกรณ์รเสสวิสุทธิมรรค วิสุV)ธิ. ๙๒๑/๕๖ ชุสุสีโล 1^คุคโล ชุสสีลุยเหต อมนาโป โหติ ... อนนุสาสมีโย ทุๆฃิโต ... วิปุปฎิสารี ... ทุพุพณฺโณ ... ทุกฃสมุผลุโส ... อปปคฺโฆ www.kalyanamitra.org
๔๔๐ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงสั ทพุพิโสธโน ... ปริพาหิโร ... อภิกชุเยว ... สตดูพฺพิคุโค ... อสํวาสารโห ... อชุ]ชารโห ... อภพุโพ ... นิราโส ... ชุฤฃิโฅว ... ฯ แปล : บุคคลผู้ทุสิลเพราะเหตุที่ทุสืลย่อมไม่เป็นที่ชอบใจของ ทวยเทพและมวลมนุษย์ ๑ ไม่เป็นผู้ที่เหล่าเพื่อนร่วมพรหมจรรย์จะพึงพรํ่า สอน๑ เป็นผู้ระทมทุกฃ์ในเพราะคำตำหนิถึงความทุสิล ๑ เป็นผู้เดีอดร้อนใจ ในเพราะคำสรรเสริญของผู้มีสืล๑ เพราะความทุสืลนั้นย่อมเป็นผู้มีผิวพรรณ เศร้าหมองเหมือนผ้าป่าน ๑ เป็นผู้มืลํโมผัส(การคบหา)เป็นทุกข์เพราะการ นำ ทุกข์ในอบายมาให้แก่เหล่าบุคคลผู้ถึอเอาตนเป็นตัวอย่างตลอดกาลนาน ๑ เป็นผู้มืค่าน้อยเพราะกระทำผลให้1ด1ม่มากแก่เหล่าบุคคลผู้ที่ตนรับไทยธรรม มา ๑ เป็นผู้ชำระให้สะอาดได้ยาก เหมือนหลุมคูถที่หมักหมมอยู่นานปี ๑ เป็นผู้พลาดจากประโยชน์ทั้งสอง เหมือนดุ้นพึนที่ถูกไฟไหม้ทั้งสองข้าง ๑ แม้ปฏิญญาว่าเป็นภิกษุอยู่ก็ไม่เป็นภิกษุ เหมือนแพะที่ร้องติดตามฝูงโค ๑ เป็นผู้หวาดสะดุ้งตลอดเวลา เหมือนคนที่มืเวรกับคนทุกคน ๑ เป็นผู้[ม่ควร ที่ใครจะอยู่ร่วมด้วยเหมือนชากศพ ๑ แม้เป็นผู้ประกอบด้วยคุณธรรมมื สุตะเป็นด้นก็เป็นผู้โม่ควรแก่การบูชาของเพื่อนร่วมพรหมจรรย์ เหมือนไฟ ในป่าช้าไม่ควรแก่การบูชาของพวกพราหมถป้ ๑ เป็นผู้!ม่ควรที่จะบรรลุคุณ วิเศษ เหมือนคนตาบอดไม่สามารถที่จะเห็นรูปได้ ๑ เป็นผู้!ร้ความหวังใน ส์ทธรรม เหมือนลูกของคนจัณฑาลหมดหวังในราชสมบัติ ๑ แม้เข้าใจว่าตน เป็นสุขอยู่ก็เป็นทุกข์แห้เพราะความเป็นผู้มืล่วนแห่งทุกข์ ๑ ฯ www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด ๑๖ <£<^& รูปาวจรภูมิกถา ว่าด้วยรปพรหม ๑๖ ๑. พรหมปาริสัชชา พรหมผู้เป็นบริษัทบริวารมหาพรหม ๒. พรหมปุโรหิตา พรหมผู้เป็นปุโรหิตของมหาพรหม พรหมผู้ยิงใหญ่ (ท้าวมหาพรหม) ต. มหาพรหม พรหมผู้มรศมนV้อย ๔. ปริตตาภา ๕. อัปปมาณาภา พรหมผู้มีรัศมีหาประมาณมิได้ ๖. อาภัสสรา พรหมผู้มีรัศมีสุกปลั่งซ่านไปดุจแสงประทีป ๗. ปริตตธุ[ภา พรหมผู้มีลำรัศมีงามน้อย ๘. อัปปมาณธุ[ภา ๙. ล[ุ ภกิณหา พรหมผู้มีลำรัศมีงามหาประมาณมิได้ ๑อ. เวหัปผลา พรหมผู้มีลำรัศมีงามเจิดจ้า ๑๑. อสัญฌสัตตา พรหมผู้มีผลไพบูลย์ พรหม^ม่มีลํ'ญญา (อสัญญีสัตว์) ๑๒. อวิหา พรหม^ม่เส์อมจากสมบัติของตนไปเร็ว ๑ต. อตัปปา พรหม^ม่เดือดร้อนกับใคร ๑๔. ลุ[หัสสา พรหมผู้งดงามน่าทัศนา ๑๕. ลุ[หัสสื พรหมผู้เห็นซัดเจนดี ๑๖. อกนิฎฐา พรหมผู้ยิ่งใหญ่ไม่มีความด้อยกว่าใคร ทีมา ะ ภูมิจตุกกะ ปัญจมปริจเฉท อภิธมฺมตฺถสงฺคห. ๗-๑0/๒๘ พฺรหฺมปาริสชุชา พุรหุมปุโรหิตา มหาพรหมา ... ปริตตาภา อปุปมาณาภา อาภสสรา ... ปริตตลุ[ภา อปุปมาฌธุ[ภา อาภสุสรา ล[ุ ภกิณหา ... ทหปุผลา อสญณีสตุตา ลุ[ทุธาวาสา ... รูปาวจรฎมิ โสฬสวิธา โหติ ฯ www.kalyanamitra.org
๔๔๒ คลังธรรม แปล : ภูมิ (สถานที่เกิดอยู่) ของ^ด้ปฐมฌาน คือพรหมปาริ- ส์ซซา ๑ พรหมปุโรหิตา ๑ มหาพรหมา ๑ ภูมิของ^ด้ทุติยฌาน คือ ปริตตาภา ๑ อัปปมาณาภา ๑ อาภัสสรา ๑ ภูมิของ^ด้ตติยฌาน คือ ปริตตสุภา ๑ อัปปมาณสุภา ๑ สุภกิณหา ๑ ภูมิของ^ด้จตุตถฌาน คือ เวหัปผลา ๑ อสัญญีส์'ตว์ ๑ สุทธาวาส ๕ (คืออริหา ๑ อตัปปา ๑ สุฟ้สสา๑ สุทัสสิ๑ อกนิฏฐา๑) รวมความดังกล่าวมานี้จัตเป็นรูปาวจรภูมิ (สถานที่ท่องเที่ยวเกิตอยู่ของ^ด้รูปฌานหรือรูปพรหม) ๑๖ ชั้น ฯ จบ หมวด ๑๖ www.kalyanamitra.org
หมวด ๑๗ สติลุปฟ้ชชนกลา ว่าด้วยเหตุเกิดสติ ๑๗ ๑. เพราะความรู้ยิ่ง ๒. เพราะคำแนะนำของผู้อื่น ฅ. เพราะรับรู้อารมณ์มาก ๕. เพราะรับรู้ความสุข ๕. เพราะรับรู้ความทุกข์ ๖. เพราะอารมณ์ที่คล้ายกัน ๗. เพราะอารมณ์ที่ต่างกัน ๘. เพราะนึกตามถ้อยคำของผู้อื่น ๙. เพราะเครื่องหมาย ๑อ. เพราะผู้อื่นทำให้ระลึกได้ ๑๑. เพราะบันทึกไว้ ๑๒. เพราะการนับ ๑๓. เพราะทรงจำไว้ ๑๔. เพราะการอบรม ๑๕. เพราะจดจำข้อความในหนังลึอ ๑๖. เพราะนำจิตเข้าไปกำหนด ๑๗. เพราะการได้ประสบพบมา www.kalyanamitra.org
๔๔๔ คลังธรรม ทมา : สติอุปปัซซนปัญหา อรูปธัมมววัตถานวรรค มิลินทปัญหกัณฑ์ มิลิ14ท. ๘๘ สตุตรสหากาเรหิ มหาราช สติ รุปปชุชตีติ ฯ กตเมหิ สตตรสหา- กาเรหิติ ฯ อภิชานโฅปี มหาราช สติ อุปุปชุชติ, กฏมิกายปี ... โอฬาริก- วิญณาณโฅปี ... หิฅวิญณาณโฅปี ... อหิตวิญณาณโฅปี ... สภาคนิมิตุฅโฅปี ... วิสภาคนิมิตุฅโฅปี ... กถาภิฌณาณโฅปี ... ลกฃณใฅปี ... สารณโฅปี ... ชุทุทาโฅปี ... คณนาโฅปี...ธารณโตปี... ภาวนโตปี... โปตฺถกนิพนธนโตปี ... อุปนิคุเฃปโตปี ... อบุฎตโตปี สติ อุปปชุชติติ ฯ แปล : (ท่านพระนาคเสนทูลตอบว่า) ขอถวายพระพรมหาบพิตร สติย่อมเกิดขึ้นด้วยอาการ ๑๗ อย่าง อาการ ๑๗ อย่างคืออะไรบ้าง คือ สติ ย่อมเกิดขึ้นเพราะความรู้ยิ่ง ๑ เพราะคำแนะนำ(กล่าวคือคำส์งสอนของ ผู้อื่นที่บีบบังคับ) ๑ เพราะความรับรู้อารมโน์ที่มากมาย ๑ เพราะความ รับรู้ประโยชน์สุข ๑ เพราะความรับรู้ส์งมิใช่ประโยชน์คือทุกข์ ๑ เพราะ นิมิตคืออารมถโที่เป็นอย่างเดียวกัน ๑ เพราะนิมิตคืออารมถ!ที่ต่างกัน ๑ เพราะความรู้ยิ่งซึ่งถ้อยคำของผู้อื่น ๑ เพราะเครื่องกำหนดหมาย ๑ เพราะผู้อื่นทำให้ระลึกได้ ๑ เพราะการพิมพ1ว้ ๑ เพราะการคำนวณ ๑ เพราะการทรงจำไว!ด้ ๑ เพราะการแกอบรม ๑ เพราะการทรงจำข้อความ แห่งโอวาทที่เขียนไว้ในสมุด ๑ เพราะการนำจิตเข้าไปกำหนดไว้ ๑ เพราะ การได้ประสบพบเห็นเป็นด้น ๑ ฯ อบ หมวด ๑๗ www.kalyanamitra.org
หมวด ๑๘ สังฆเภทวัตฝืคลา ว่าด้วยเหตุที่ทำให้สงฆ์แตกกัน ๑๘ ๑. แสดงสิงที่ไฝฟ้นรรรมว่าเป็นธรรม ๒. แสดงสิงที่เป็นธรรมว่าไม่เป็นธรรม ต. แสดงสิงที่ไม่เป็นวินัยว่าเป็นวินัย (a. แสดงสิงที่เป็นวินัยว่าไม่เป็นวินัย ๕. แสดงสิงที่ตถาคตมิได้ภาษิตไว้ว่าทรงภาษิตไว้ ๖. แสดงสิงที่ตถาคตภาษิตไว้ว่ามิได้ทรงภาษิตไว้ ๗. แสดงมารยาทที่ตถาคตมิได้ประพฤติมาว่าทรงประพฤติมาแล้ว ๘. แสดงมารยาทที่ตถาคตประพฤติมาแล้วว่ามิได้ทรงประพฤติมา ๙. แสดงสิงที่ตถาคตมิได้บัญญัติไว้ว่าทรงบัญญัติไว้ ๑0. แสดงสิงที่ตถาคตบัญญัติไว้แล้วว่ามิได้ทรงบัญญัติไว้ ๑๑. แสดงสิงที่มิใซ่อาบัติว่าเป็นอาบัติ ๑๒. แสดงอาบัติว่าเป็นสิงมิใซ่อาบัติ ๑๓. แสดงอาบัติเบาว่าเป็นอาบัติหนัก ๑๘. แสดงอาบัติหนักว่าเป็นอาบัติเบา ๑๕. แสดงอาฟ้ตมีส่วนเหลือว่าเป็นอาบัติไม่มีส่วนเหลือ ๑๖. แสดงอาบัติไม่มีส่วนเหลือว่าเป็นอาบัติมีส่วนเหลือ ๑๗. แสดงอาบัติชั่วหยาบว่าเป็นอาบัติไม่ชั่วหยาบ ๑๘. แสดงอาบติไม่ชั่วหยาบว่าเป็นอาบัติชั่วหยาบ www.kalyanamitra.org
๔๔๖ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงลั ที่มา : อุปาลิปัญหา ตติยภาณวรรค ลังฆ๓ทขันธกะ วิ.จุลฺ. ๗/๑0๙ อิ^ปาลิ ภิกขู อธมฺมํ ธมโมดิ ที&ปนุดิ, ธมุมํ อธมโมดิ ... อวินยํ ... วินยํ ... อภาสิตํ ... ภาสิฅํ ... อนาจิณุณํ ... อาจิณุณํ ... อปฺปญณตตํ ... ปญณตตํ ... อนาปตฺตึ ... อาปฅุตึ ... ลชุกํ ... ครูกํ ... สาวเสสํ ... อนวเสสํ ... ชุฎฺชุลุลํ ... อชุฏ^ลลํ ... เต อิเมหิ อฏรารสหิ วตถูหิ อปกสุสนฺติ ฯ แปล : (ท่านพระอุบาลีทูลถามว่า \"พระพุทธเจ้าข้า พระองค์ ตรัสว่า 'ส์งฆ๓ท ส์งขเภท' ดังนี้ ด้วยเหตุเท่าไรหนอ สงฆ์จึงแตกกัน\" พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า) ดูก่อนอุบาลี ภิกษุทั้งหลายในธรรมวินัยนี้ แสดงสิงทีไม่เป็นธรรมว่าเรนธรรม ๑ แสดงสิงที่เป็นธรรมว่าไม่เป็นธรรม ๑ ... แสดงอาบัติชั่วหยาบว่าเป็นอาบัติไม่ชั่วหยาบ ๑ แสดงอาบัติไม่ชั่วหยาบ ว่าเป็นอาบัติชั่วหยาบ ๑ ภิกษุเหล่านั้นย่อมแปงแยกยุยงกันด้วยรัตลุ ๑๘ ประการนี้ ฯ สังฆสามัคคีวัตถุกถา ว่าด้วยเหตุที่ทำให้สงฆ์สามัคคีกัน ๑๘ ๑. แสดงสิงที่ไม่เป็นธรรมว่าไม่เป็นธรรม ๒. แสดงสิงที่เป็นธรรมว่าเป็นธรรม ฅ. แสดงสิงที่ไม่เป็นวินัยว่าไม่เป็นวินัย ๔. แสดงสิงที่เป็นวินัยว่าเป็นวินัย ๕. แสดงสิงที่ดถาคดมิได้ภารดไว้ว่ามิได้ทรงภาษิตไว้ ๖. แสดงสิงที่ดถาคดภาษิตไว้ว่าทรงภาษิตไว้ ๗. แสดงมารยาทที่ตถาคตมิได้ประพฤติมาว่ามิได้ทรงประพฤติมา ๘. แสดงมารยาทที่ตถาคตประพฤติมาแล้วว่าทรงประพฤติมาแล้ว www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด๑๘ ๔๔๗ ๙. แสดงส์งที่ตถาคตมิได้บัญฤywไว้ว่ามิได้ทรงบัญญัติไว้ ๑0. แสดงส์งที่ตถาคตบัญญัติไว้แล้วว่าทรงบัญญัติไว้แล้ว ๑๑. แสดงส์งที่มิใซ่อาบัติว่าเ{เนสิงมิใซ่อาบัติ ๑๒. แสดงอาบัติว่าเ{เนอาบัติ ๑ฅ. แสดงอาบัติเบาว่าเป็นอาบัติเบา ๑๔. แสดงอาบัติหนักว่าเป็นอาบัติหนัก ๑๕. แสดงอาบัติมิส่วนเหลือว่าเป็นอาบัติมิส่วนเหลือ ๑๖. แสดงอาบัติไม่มีส่วนเหลือว่าเป็นอาบัติไม่มีส่วนเหลือ ๑๗. แสดงอาบัติชั่วหยาบว่าเป็นอาบัติชั่วหยาบ ๑๘. แสดงอาบัติไม่ชั่วหยาบว่าเป็นอาบัติไม่ชั่วหยาบ ที่มา : อุปาลิปัญหา ตติยภาณวาร ส์งฆเภทขันธกะ วิ.จุลฺ. ตเ/๑๑© อิธุปาลิ ภิกฺดู อธมมํ อธมฺโมติ ทีเปนฺติ, ธมุมํ ธมุโมติ ... อวินยํ ... วินยํ ... อภาสิตํ ... ภาสิตํ ... อนาจิณุณํ ... อาจิณุณํ ... อปุปญณตตํ ... ปณณตฺตํ ... อนาปตุตึ ... อาปตุตึ ... ลทุกํ ... ค^กํ ... สาวเสสํ ... อนวเสสํ ... ทุฎุชุลุลํ ... อทุฎุ?ฤสํ ... เต อิเมหิ อฎฮารสหิ วตุดูหิ น อปกสสนฺติ ฯ แปล : (ท่านพระอุบาลืทูลถามว่า \"พระพุทธเจ้าข้า พระองค์ ตรัสว่า 'บังฆสามัคคี บังฆสามัคคี' ดังนี้ ด้วยเหตุเพียงเท่าไร สงฆ์จึง พร้อมเพรียงกัน\" พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า) ดูก่อนอุบาลื ภิกษุทั้งหลาย ในธรรมวินัยนี้แสดงสิงทีไม่เป็นธรรมว่าไม่เป็นรรรม ๑ แสดงสิงที่เป็นธรรม ว่าเป็นธรรม ๑ ... แสดงอาบัติชั่วหยาบว่าเป็นอาบัติชั่วหยาบ ๑ แลดง อาบัติไม่ชั่วหยาบว่าเป็นอาบัติไม่ชั่วหยาบ ๑ ภิกษุเหล่านั้นย่อมไม่แปงแยก ยุยงกันด้วยวัตถุ ๑๘ ประการนี้ ฯ www.kalyanamitra.org
๔๔๘ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงลั มหาวิฟ้สสนากลา ว่าด้วยมหาวิปัสสนา ๑๘ ๑. อนิจจาใ4ฟ้สสนา พิจารณาเห็นความไม่เที่ยง ๒. ทุกขาบุฟ้สสนา พิจารณาเห็นความเป็นทุกข์ ฅ. อนิตตาทุฟ้สสนา พิจารณาเห็นอนัตตา ๔. นิพพิทานุฟ้สสนา พิจารณาเห็นความเบื่อหน่าย ๕. วิราคาทุฟ้สสนา พิจารณาเห็นความคลายกำหนัด ๖. นิโรธาทุฟ้สสนา พิจารณาเห็นความดับ ๗. ปฎินิสสัคคาทุฟ้สสนา พิจารณาเห็นดัวยความสละคืน ๘. ขยาทุฟ้สสนา พิจารณาเห็นความเนไป ๙. วยาทุฟ้สสนา พิจารณาเห็นความเส์อมไป ๑๑. วิปริณามาทุฟ้สสนา พิจารณาเห็นความแปรปรวนไป ๑๑. อนิมิตฅาทุฟ้สสนา พิจารณาเห็นความไม่มีเครื่องหมาย ๑๒. อัปปณิหิตาทุฟ้สสนา พิจารณาเห็นความไม่มีที่ตั้งปรารถนา ๑ฅ. อ[ุ ญญตาทุฟ้สสนา พิจารณาเห็นความว่าง ๑๔. อธิปญญาธัมมวิปสสนา เห็นแจ้งธรรมด้วยปัญญาอันยิ่ง ๑๕. ยลาฎตญาณฑัสสนะ รู้เห็นตามเป็นจริง ๑๖. อาฑีนวานุฟ้สสนา พิจารณาเห็นโทษ ๑๗. ปฎิสังขานุฟ้สสนา พิจารณาหาทาง ๑๘. วิวัฎฎานุปีสสนา พิจารณาเห็นอุบายหลีกออก www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด๑๘ ๔๔๙ ทีมา : สุตมยญาณนิทเทส ญาณกถา มหาวรรค ชุ.ปฏิ. ต๑/๔๘/๒๖-๒๗ อนิจุจานุปสฺสนา อภิญฒยุยา, ทุฤฃา ... อนตุตา ... นิพพิทา ... วิราคา...นิโรธา...ปฏินิสฺสคคา...ฃยา...วยา...วิปริณามา...อนิมิตุฅา ... อปปณิหิตา... ทุผผตา ... อธิปญผธมมวิปสุสนา... ยลาฏตผาณทสฺสนํ ... อาทีนวาทุปชุสนา... ปฎิสงุฃา...วิวฏฏาบุปสุสนา อภิณฒชุยา ฯ แปล : การพิจารณาเห็นความไม่เที่ยงควรรู้ยิ่ง ๑ การพิจารณา เห็นความทุกข์ ๑ ... การพิจารณาเห็นอุบายที่จะหลีกไป ๑ ก็ควรรู้ยิ่งทุก อย่าง ฯ อธิบาย : ในคัมภีร์วิสุทธิมรรคเรียกการพิจารณาส์งฃารธรรมทั้ง ๑๘ ว่ามหาวิป้สสนา : อฏจารส มหาวิปสุสนา นาม อนิจจาทุปสุสนาทิกา ปณฌา - ปัญญาที่มีการพิจารณาเห็นความไม่เที่ยงเป็นต้น ซื่อว่ามหา วิปัสสนา ๑๘ (มัคคามัคคญาณทัสสนวิสุทธินิทเทส วิสุหริ. ๒/๗๒๒/๒๙๙) ธาตุกถา ว่าด้วยธาตุ ๑๘ ๑. จักชุธาตุ ธาตุคือจักขุประสาท (ตา) ๒. รูปธาตุ ธาตุคือรูป ฅ. จักชุวิญญาณธาตุ ธาตุคือสภาวะที่รับรู้รูปทางตา ๔. โสตธาตุ ธาตุคือโสตประสาท (หู) ๕. สัททธาตุ ธาตุคือเลียง ๖. โสตวิญญาณธาตุ ธาตุคือสภาวะที่รับรู้เลียงทางหู www.kalyanamitra.org
Cc<^0 คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงลั ๗. ฆานธาตุ ธาตุคึอฆานประสาท (จมูก) ๘. คันธธาตุ ธาตุคือกลิ่น ๙. ฆานวิญญาณธาตุ ธาตุคือสภาวะทีรับรู้กลิ่นทางจมูก ๑อ. ชิวหาธาตุ ธาตุคือซิวหาประสาท (ลิ้น) ๑๑. รสธาตุ ธาตุคือรส ๑๒. ชิวหาวิญญาณธาตุ ธาตุคือสภาวะที่รับรู้รสทางลิ้น ๑ฅ. กายธาตุ ธาตุคือกายประสาท ๑๔. โผฎฐัพพธาตุ ๑๕. กายวิญญาณธาตุ ธาตุคือโผฏฐัพพะ (ลิ่งสัมผัส) ๑๖. มโนธาตุ ธาตุคือสภาวะที่รับรู้สัมผัสทางกาย ๑๗. ธัมมธาตุ ธาตุคือมโน (จิต) ๑๘. มโนวิญญาณธาตุ ธาตุคือธัมมะ (ลิ่งที่ใจนึกคิด) ธาตุคือสภาวะที่รับรู้อารมณ์ทางจิต ที่มา อภิธรรมภาชนีย์ ธาดุวิภังค์ อภิ.วิ. ฅ๙๑๘ฅ อฏุธารส ธาตุโย ะ จคุฃธาตุ รูปธาตุ จคุชุวิณุฌาณธาตุ โสตธาตุ สทุทธาตุ โสตวิญฌาณธาตุ ฆานธาตุ คนุธธาตุ ฆานวิณฌาณธาตุ ชิวหา- ธาตุ รสธาตุ ชิวุหาวิณณาณธาตุ กายธาตุ โผฎธพพธาตุ กายวิญฌาณธาตุ มโนธาตุ ธมมธาตุ มโนวิณฌาณธาตุ ฯ แปล : ธาตุ ๑๘ คือ จักขุธาตุ ๑ ... มโนวิญญาณธาตุ ๑ ฯ อธิบาย: ธาตุ แปลว่า ธรรมชาติที่ทรงภาวะของตนไว้ หมายถึงลิ่ง ที่ทรงภาวะของตนอยู่เองตามที่เหตุปัจจัยปรุงแต่งขึ้น เ{เนไปตามธรรม นิยามคือกฎกำหนดแห่งธรรมดา ไม่มีผู้สรัางผู้บันดาล (ชุ.ปฏิ.อ. ๑/๙(ท) www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด ๑๔ <£^G> สิปปกลา ว่าด้วยสืลปศาสตร์ ๑๘ (ตามคัมภีร์มิลินท์) ๑. อุ[ติ ส์ททศาสตร์ ๒. สัมมุติ ธรรมศาสตร์ คณิตศาสตร์ ต. สังขยา กลศาสตร์ (JL. โยคา นิติศาสตร์ ๕. นีฅิ ๖. วิเสสิกา วิซาความรู้การอันให้เกิดมงคล ๗. คณิกา ๘. คันธัพพา วิซาการบริหารร่างกาย ๙. ติกิจฉา สืลปะการดนตรี ๑อ. จตุพเพทา แพทยศาสตร์ ๑๑. ใ]ราณา วิซาความรู้ในพระเวท ๔ ๑๒. อิติหาสา วิซาโบราณคติ ๑ต. โชติสา วิซาประวัติศาสตร์ ๑๔. มายา ดาราศาสตร์ ตำ ราพิชัยสงคราม ๑๕. เหตุ วิซาตรรกศาสตร์ ๑๖. มันดนา วิซาการวางแผน ๑๗. ตุทธา ๑๘. มันทสา ยุทธศาสตร์ วิซาการประพันธ์ www.kalyanamitra.org
๔๕๒ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงลั ทีมา ะ พาหิรกถา ijwพโยคกัณฟ้ มิลินทปัญหา มิลิใ4ท. ๔ พยูนิ จสส สตถานิ อุคุคหิฅานิ โหนติ ฯ เสยุยถีทํ ฯ อุ[ติ สมมติ สงฃยา โยคา นิติ วิเสสิกา คณิกา คนธพพา ติกิจฉา จดูพฺเพทา ใเราณา อิติหาสา โชติสา มายา เหดู มนุฅนา ยุทุธา ฉนุทสา ฯ แปล : อนึ่ง พระเจ้ามิลินท์นั้นทรงเรียนศาสตร์จานวนมาก(รวม ได้ ๑๘ ศาสตร์)คือ สุติ ความรู้เกี่ยวกับส์พท์ส์'ททศาสตร์ ๑ ส์มมุติ ความรู้ เกี่ยวกับราชประเพณีธรรมศาสตร์ ๑ ... ยุทธา ยุทธศาสตร์ ๑ ฉันทสา วิชาการประพันธ์ ๑ (รวมกับพระพุทธพจน์เป็น ๑๙ ศาสตร์) อธิบาย : ตามนัยอรรถกถาแห่งคัมภีร์มิลินทปัญหา อุ[ติ ได้แก่ ส์ททศาสตร์ ส้มมุติ ได้แก่ธรรมศาสตร์ที่พระราชาทรงบัญญัติ (มิลินฺท.อ.๔/๑๒) ตามนัยฎีกาแห่งคัมภีร์มิลินทปัญหา อุ[ติ ได้แก่พระเวท ส้มมุติ ได้แก่ คัมภีร์ ว่าด้วยคัพท์ (พาหิรกถา มิลิใ4ทปฌฺหฎีกา ๔/๘) สิปปกลา ว่าด้วยสืลปศาสตร์ ๑๘ (ตามคัมภีร์โลกปีติ) ๑. อุ[ติ วิชาความรู้ทั่วไป ๒. ส้มมุติ วิชาว่าด้วยจารีตประเพณี ต. ส้งขยา วิชาคำนวณ ๔. โยคา วิชายันตรกรรมศาสตร์ ๕. นิติ วิชานิติศาสตร์ ๖. วิเสสกา วิชาพยากรณ์ศาสตร์ ๗. คันธัพพา วิชานาฏคืลป็ www.kalyanamitra.org
และคณะ] หมวด ๑๘ ๘. คณิกา วิชาพลสิกษา ๙. ธนุพเพทา วิชายิงธนู ๑อ. ปูราณา วิชาโบราณคดี ๑๑. ติกิจฉา วิชาแพทยศาสตร์ ๑๒. อิติหาสา วิชาพงศาวดารและประวัติศาสตร์ ๑ฅ. โชติ วิชาดาราศาสตร์ ๑๔. มายา วิชาพิชัยสงคราม วิชาฉันทศาสตร์ ๑๔. ฉันทสา วิชาตรรกศาสตร์ ๑๖. เหตุ วิชามันตรศาสตร์ ๑๗. มันตา ๑๘. สัททา วิชาส์ททศาสตร์ (ไวยากรณ์) ที่มา ป้ณฑิตกัณฑ์ โลกนีติ คาถาที่ OO'QQ ชุติ สมฺเ{ติ สงขยา จ โยคนีติ วิเสสกา คนุธพพา คณิกา เจว ธบุพฺเพทา จ ปูรณา ฯ ติกิชุฉา อิติหาสา จ โชติ มายา จ ฉนุทติ เหตุ มนุตา จ สททา จ สิปปาฏฮารสกา อิเม ฯ แปล สืลปศาสตร์ ๑๘ ประการเหล่,าน๕ี ค็อ วิชาความรู้ ทั่วไป ๑ วิชาว่าด้วยจารีตประเพณี ๑ วิชาคำนวณ ๑ วิชายันตรกรรมศาสตร์ ๑ วิชาปีติศาสตร์ ๑ วิชา พยากรณ์ ๑ วิชานาฏติลป็ ๑ วิชาพลคํกษา ๑ วิชา ยิงธนู ๑ วิชาโบราณคดี ๑ วิชาแพทยศาสตร์ ๑ วิชาพงศาวดารและประวัติ ศาสตร์ ๑ วิชาดาราศาสตร์ ๑ วิชาพิชัยสงคราม ๑ www.kalyanamitra.org
๔๕๔ คลังธรรม [พระธรรมกิตติวงลั วิชาฉันทศาสตร์ ๑ วิชาตรรกศาสตร์ ๑ วิชามันตร ศาสตร์ ๑ วิชาส์ททศาสตร์(ไวยากรณ์) ๑ ฯ ธุตqc^เปตกฝืา ว่าด้วยคุณสมบัติของผู้สมาทานธุดงค1ด้ดี ๑๘ ๑. มีอาจาระดีงาม ๒. บำ เพ็ญปฏิปทาบริบูรณ์ ฅ. ควบคุมพฤติกรรมได้ดี ๔. มีจิตบริสุทธึ๊ ๕. ประคองความเพียรได้ดี ๖. ระงับภัยได้ ๗. ไม่ยึดติดตัวตน ๘. หมดความอาฆาต ๙. แผ่เมตตาอยู่เสมอ ๑อ. รอบรู้เรื่องอาหาร ๑๑. เป็นที่เคารพของสรรพสัตว์ ๑๒. รู้จักประมาณในโภชนะ ๑๓. ตื่นอยู่เสมอ ๑๔. ไม่ติดที่อยู่ ๑๕. อยู่ในที่ผาสุก ๑๖. รังเกียจบาป ๑๗. ยินดีในความสงัด ๑๘. ไม่ประมาทต่อเนื่อง ทีมา : ธุตังคปัญหา อนุมานปัญหกัณฑ์ มิลินทปัญหา มิลินฺท. ๒/(ท๕๘ เย โข เต มหาราช ธุฅดูเณ สมมา อุปเสวนฺติ, เต อฎฮารสหิ อุเณหิ สบูเปตา ภวนุติ ฯ กตเมหิ อฏุฮารสหิ ฯ อาจาโร เตสํ อุ่วิล[ุ ฑโธ โหติ ... สตตํ อปปมตุโต โหติ ฯ แปล : (พระนาคเสนทูลว่า) ขอถวายพระพรมหาบพิตร เหล่า ชนผู้ที่จะปฏิบัติธุดงคคุณได้ดีด้องเป็นผู้ประกอบด้วยคุณ ๑๘ ประการ คุณ ๑๘ ประการคืออะไรบ้าง คือ มีอาจาระที่บริสุทธี้ดี ๑ ... เป็น^ม่ ประมาทต่อเนื่อง ๑ ฯ www.kalyanamitra.org
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 610
Pages: