Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ 1 ฉบับวิชาการ

หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ 1 ฉบับวิชาการ

Description: หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ 1 ฉบับวิชาการ

Search

Read the Text Version

www.webkal.org หลกั ฐานธรรมกาย ในคมั ภีร์พุทธโบราณ ฉบบั วิชาการ

www.webkal.org

www.webkal.org หลกั ฐานธรรมกายในคัมภรี พ์ ทุ ธโบราณ 1 ฉบบั วชิ าการ ท่ปี รกึ ษากติ ตมิ ศกั ด์ิ พระพรหมสิทธิ (ธงชัย สขุ าโณ) พระราชภาวนาจารย์ (เผดจ็ ทตฺตชีโว) พระครูวนิ ยั ธรสวุ ิทย์ สุวิชชฺ าโภ ทีป่ รกึ ษา พระมหาสมเกยี รติ วรยโส ป.ธ.9 พระครใู บฎีกาอาำ นวยศักดิ์ มุนสิ กโฺ ก พระมหา ดร.มนตช์ ัย มนตฺ าคโม ป.ธ.6 บรรณาธกิ ารบริหาร พระครวู เิ ทศสธุ รรมญาณ ว.ิ (สธุ รรม สธุ มฺโม) กองบรรณาธกิ าร พระมหา ดร.สุธรรม สรุ ตโน ป.ธ.9 พระมหาสมคดิ ตกิ ขฺ ิโณ ป.ธ.3 ดร.กจิ ชัย เอื้อเกษม ดร.ศิริพร ศิริขวญั ชัย กลั ฯ กมั พล ตรีสหเกยี รติ กัลฯ ชชั วาลย์ เสรพี ุกกะณะ กัลฯ ปรัชญา สพั พัญวู ิทย์ กัลฯ สชุ าดา พงศพ์ นั ธ์ กลั ฯ พทุ ธพล ภมู พิ ุทธ กัลฯ กิตตพิ งษ์ วงศ์อกั ษร ผูเ้ รยี บเรียง ดร.ชนิดา จันทราศรีไศล บ.ศ.9 พิมพค์ รงั้ ที่ 1 22 เมษายน 2557 ลขิ สิทธิ์ สถาบันวิจยั นานาชาติธรรมชยั (ออสเตรเลีย และนวิ ซีแลนด)์ Dhammachai International Research Institute of New Zealand 16 Pitt Street, North Dunedin, Dunedin 9016, New Zealand พมิ พ์ที่ บรษิ ทั รุ่งศิลปก์ ารพิมพ์ (1977) จำากัด ISBN 978-0-9923869-3-1 | (1)

www.webkal.org หลกั ฐานธรรมกายในคมั ภรี พ์ ุทธโบราณ 1 ฉบบั วชิ าการ หลักฐานธรรมกายในคัมภีรพ์ ทุ ธโบราณ 1 ฉบบั วชิ าการ โดยคณะวิจยั พระครูวเิ ทศสุธรรมญาณ ว.ิ (สุธรรม สธุ มโฺ ม), พระมหา ดร.สุธรรม สรุ ตโน ป.ธ.9, พระเกษตร าณวชิ ฺโช, พระเกียรตศิ กั ด์ิ กติ ตฺ ปิ ฺโ, พระปอเหมา่ ธมมฺ ิโต, พระวรี ะชัย เตชงกฺ ุโร, ดร.กจิ ชยั เออ้ื เกษม, ดร.ชัยสิทธ์ิ สวุ รรณวรางกลู , ดร.ชนิดา จันทราศรีไศล บ.ศ.9, สปุ ราณี พณชิ ยพงศ์ บ.ศ.9 เรียบเรยี งโดย ดร.ชนิดา จนั ทราศรไี ศล สถาบันวจิ ัยนานาชาติธรรมชยั ประเทศออสเตรเลยี และนิวซแี ลนด์ พ.ศ. 2557 (2 ร ชนิ า นั ทรา รี ล

www.webkal.org กราบบูชาธรรม พระเดชพระคณุ พระเทพญาณมหามุนี วิ. (ไชยบูลย์ ธมมฺ ชโย) องคส์ ถาปนาสถาบันวจิ ัยนานาชาติธรรมชัย ประเทศออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ เจ้าอาวาสวดั พระธรรมกาย ประเทศไทย ในวาระอายวุ ัฒนมงคลได้ 70 ปี วันคุ้มครองโลก 22 เมษายน พ.ศ. 2557 | (3)

www.webkal.org หลกั ฐานธรรมกายในคมั ภีร์พทุ ธโบราณ 1 ฉบับวิชาการ สัมโมทนียกถา สพพฺ ทานํ ธมมฺ ทานํ ชนิ าต.ิ การให้ธรรมทาน ชนะการให้ท้ังปวงฯ อาตมภาพได้รับทราบเรื่องอันเป็นท่ีน่าอนุโมทนายินดีเป็นอย่างยิ่ง ดังที่พระครูวิเทศสุธรรมญาณ (สุธรรม สุธมฺโม) และศาสตราจารย์กิตติคุณ สกุ ญั ญา สดุ บรรทดั มารายงานความกา้ วหนา้ ของการทาำ งานวจิ ยั เรอื่ ง “สบื คน้ หลกั ฐานธรรมกายในคมั ภรี พ์ ทุ ธโบราณ” ของ สถาบนั วจิ ยั นานาชาตธิ รรมชยั (DIRI) ที่ดำาเนินงานอย่างต่อเน่ืองด้วยความมุ่งม่ันอุตสาหะและทำางานเป็น คณะ โดยแบง่ ความรับผดิ ชอบเพ่อื สบื ค้นแหลง่ ข้อมลู ใหไ้ ด้มาซึง่ หลกั ฐานจาก หลายภมู ิภาคท่วั โลก เป็นที่ทราบกันอย่างดีว่าพระธรรมคำาสอนอันบริสุทธ์ิของพระสัมมา สมั พทุ ธเจา้ นนั้ มคี วามเปน็ สจั ธรรม ทจี่ ะนาำ พาชวี ติ ของสรรพสตั วท์ ง้ั หลายผหู้ ยงั่ จิตลงส่คู วามเพียรในสัมมาสมาธิ ใหห้ ลุดพน้ จากความทกุ ข์ในสงั สารวัฏ และ เข้าถึงสันติสุขอันไพบูลย์อย่างแท้จริงได้ โดยไม่ถูกจำากัดด้วยกาลเวลา เป็น “อกาลโิ ก” จวบจนเวลากวา่ 13 ปผี า่ นไปคณะทาำ งานไดพ้ บหลกั ฐานธรรมกาย ท่ีสำาคัญดังมีปรากฏในคัมภีร์ที่จารึกด้วยอักษรขโรษฐีในภาษาคานธารีบน เปลือกไม้เบิร์ช ซึ่งเป็นวัตถุโบราณเก่าแก่ที่คัดลอกตั้งแต่พุทธศตวรรษท่ี 5-6 (4 ร ชนิ า นั ทรา รี ล

www.webkal.org อันนับเป็นก้าวใหม่ของการสืบค้นทางวิชาการ รวมถึงการพบหลักฐานจาก คมั ภรี ์โบราณอ่นื ๆ ได้แก่ คมั ภรี อ์ ักษรจีน คมั ภีรอ์ กั ษรขอม คัมภรี อ์ ักษรธรรม และคมั ภรี อ์ กั ษรเขมร เมอื่ ศกึ ษาวจิ ยั โดยเปรยี บเทยี บคมั ภรี พ์ ทุ ธโบราณเหลา่ น้ี กับคัมภีร์บาลีมีพระไตรปิฎกเป็นต้น ได้พบว่ามีความถูกต้องสอดคล้องกัน ดุจดงั รสเปร้ียวที่ปรากฏในมะนาว หรอื รสหวานทป่ี รากฏในนา้� ผ้ึง ยอ่ มเปน็ ทป่ี ระจกั ษร์ บั รองความจรงิ แทข้ องพระสทั ธรรมทถ่ี กู เกบ็ รกั ษา ไว้ในภาษาและอักษรต่างๆ ซึ่งคัดลอกสืบต่อกันผ่านกาลเวลาท่ีล่วงมากว่า 2,000 ปี ผา่ นยุคสมยั และแวน่ แควน้ ดนิ แดนอื่นๆ มากมายจนถงึ ยุคของเราใน ปัจจุบัน ผลของการศึกษาข้อมูลคำาสอนจากหลักฐานอันสำาคัญเหล่าน้ี ทำาให้ ได้ภาพของหลักธรรมในส่วนภาคแห่งปฏิบัติสัทธรรม ซ่ึงอาจเลือนหายไป บ้างตามกฎแห่งไตรลักษณ์นั้นกลับย่ิงมีความชัดเจนขึ้น อันเป็นการยืนยันว่า พระธรรมเทศนาของพระเดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ที่ ได้ร้ือฟื้นธรรมปฏิบัติวิชชาธรรมกายของพระพุทธองค์ไว้ในหลายแง่มุมนั้น มีความเป็นเอกภาพท่ีเป็นเอกายนมรรค ดังท่ีมีปรากฏในพระไตรปิฎกบาลี ทฆี นกิ าย อคั คัญญสตู ร ท่วี า่ “ตถาคตสฺส เหต� วาเสฏฺา อธิวจน� ธมฺมกาโย อิติปิ พฺรหมฺ กาโย อติ ปิ ิ ธมฺมภโู ต อิติปิ พฺรหมฺ ภูโต อติ ปิ ิ ฯ” (ที.ปา. 11/55/92) “ดูกอ่ นวาเสฏฐะและภารทวาชะ เพราะคำาวา่ ธรรมกาย ก็ดี พรหมกายก็ดี ธรรมภูตก็ดี พรหมภูตก็ดี เป็นช่ือของพระ ตถาคต” และพระพุทธวจนะทก่ี ล่าวกับพระวักกลิ ว่า | (5)

www.webkal.org หลกั ฐานธรรมกายในคมั ภรี ์พทุ ธโบราณ 1 ฉบับวิชาการ “โย โข วกฺกลิ ธมฺม� ปสฺสติ, โส ม� ปสฺสติ ฯ โย ม� ปสฺสต,ิ โส ธมฺม� ปสฺสติ ฯ ธมมฺ � หิ วกฺกลิ ปสฺสนโฺ ต, ม� ปสสฺ ติ ฯ ม� ปสสฺ นฺโต, ธมมฺ � ปสฺสติ ฯ” (ส�.ข.17/216/147) “ดูก่อนวักกลิ ผู้ใดแลเห็นธรรม ผู้น้ันช่ือว่าย่อมเห็นเรา, ผู้ใดเห็นเรา ผู้น้ันชื่อว่าย่อมเห็นธรรม, วักกลิ เป็นความจริง บุคคลเหน็ ธรรมก็ยอ่ มเหน็ เรา บุคคลเหน็ เรา ก็ย่อมเห็นธรรม” อาตมภาพขออนโุ มทนากบั คณะทาำ งานวจิ ยั ซงึ่ มี พระเทพญาณมหามนุ ี (ไชยบูลย์ ธมฺมชโย) ผู้สถาปนาสถาบันวิจัยนานาชาติธรรมชัย (DIRI) และ ผู้มีส่วนสนับสนนุ ทุกท่าน ท่ไี ด้นาำ ความรู้ข้อแทจ้ ริงดา้ นวิชาการเรอ่ื งธรรมกาย น้ี มาเติมเต็มในส่วนของปริยัติสัทธรรม และสร้างกำาลังใจให้แก่ชาวพุทธท้ัง มวลในสว่ นแห่งปฏิบตั ิสัทธรรม อันจะนำาไปสูผ่ ลคือปฏิเวธสัทธรรมท่ีสามารถ รบั รไู้ ดด้ ว้ ยตนเองเป็นสันทิฏฐกิ ธรรม อน่งึ ต้องขอชน่ื ชมคณะพุทธบริษัทเหล่า กัลยาณมิตรที่ตั้งใจจัดพิมพ์เป็นธรรมบรรณาการเพ่ือถวายแด่พระสังฆาธิการ 30,000 วัดทั่วประเทศ เนื่องในวันคุ้มครองโลก 22 เมษายน พ.ศ. 2557 ซึ่งจักอำานวยประโยชน์แก่วงการวิชาการที่ศึกษาพระพุทธศาสนาทั้งภายใน ประเทศไทยและทัว่ โลกอย่างกว้างขวางต่อไป เจ้าอาวาสวดั ปากนาำ้ ภาษีเจริญ ผ้ปู ฏบิ ัติหน้าทีส่ มเดจ็ พระสงั ฆราช (6 ร ชนิ า ันทรา รี ล

www.webkal.org สาส์นจากบรรณาธิการ พระสัทธรรมคำาสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็น อกาลิโก ทรง พระคุณโดยไม่จำากัดกาลเวลา นำาพาเวไนยสัตว์ให้หลุดพ้นจากความทุกข์ ทรมานในวัฏฏะและเข้าถึงสันติสุขอันไพบูลย์ได้อย่างแท้จริง พระพุทธวจนะ คำาสอนท่ีสืบทอดต่อกันมาในรูปมุขปาฐะก็ดีหรือบันทึกบนใบลานหรือบน เปลอื กไมก้ ด็ ี ยอ่ มเปน็ เครอ่ื งแสดงความมอี ยขู่ องธรรมปฏบิ ตั อิ นั เปน็ เอกายนมรรค หนทางสายเดียว ท่ีมีปรากฏให้เห็นเหมือนกันไม่ว่าจะเป็นพระพุทธศาสนา นกิ ายใดในอดีตและปัจจุบนั ด้วยมโนปณิธานในเรื่องดังกล่าว พระเดชพระคุณพระเทพญาณ มหามนุ ี ว.ิ องคส์ ถาปนาสถาบนั วจิ ยั นานาชาตธิ รรมชยั แหง่ ออสเตรเลยี และ นวิ ซแี ลนด์ จงึ มอบหมายใหอ้ าตมภาพและคณะทาำ งานดาำ เนนิ การสบื คน้ หลกั ฐาน ของธรรมปฏิบัติจากคัมภีร์คำาสอนดั้งเดิม เพื่อยืนยันความถูกต้องมั่นคงท่ี สืบทอดจากอดีตจนถึงปัจจุบันของพระสัทธรรม เหตุน้ีจึงเป็นจุดกำาเนิด ของโครงการ “การสืบค้นหลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ” ซึ่งมี วัตถุประสงค์ที่จะทำาหน้าท่ีเสมือนทนายแก้ต่างแทนพระพุทธศาสนา ช้ีแจง ให้เกิดการยอมรับในสังคมต่างๆ โดยเฉพาะในวงการนักวิชาการที่อาจไม่เคย ปฏบิ ตั สิ มาธภิ าวนา แตก่ ลบั ใชค้ วามพยายามทจ่ี ะอธบิ ายประสบการณภ์ ายใน ซ่ึงอาจส่ือความหมายเปลี่ยนผันไปบ้าง จึงควรให้นักวิชาการทั้งหลายนั้นได้ เขา้ มาพิสจู น์ ดงั บทพระบาลที วี่ า่ เอหิปสั สิโก ท่านจงมาพสิ ูจน์เถดิ พระธรรม | (7)

www.webkal.org หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ 1 ฉบบั วิชาการ ท่ีพระพุทธเจ้าทรงส่ังสอนน้ัน ควรน้อมนำามาปฏิบัติด้วยตนเองได้ทุกเมื่อ ซ่ึง กค็ อื โอปะนะยิโก และเปน็ เรือ่ งอนั วิญูชนพึงรไู้ ดเ้ ฉพาะตนคนเดียวด้วยการ ปฏิบัติ ซึ่งคนอื่นท่ียังไม่ปฏิบัติจนรู้แจ้งจะพลอยตามรู้ตามเห็นด้วยหาได้ไม่ ดังพระบาลีทวี่ า่ ปจั จัตตงั เวทิตัพโพ วิญหู ติ ิ น่นั เอง โครงการสืบค้นค�าสอนด้ังเดิมจากคัมภีร์พุทธโบราณ นั้น จำาเป็น ต้องดำาเนินข้ันตอนตามหลักการศึกษาวิจัยเชิงวิชาการ สำาหรับคณะทำางาน ของสถาบันฯ ถือว่าเป็นการเริ่มต้นจากศูนย์ เพราะสิ่งแรกที่ต้องทำาคือการ สร้างบุคลากรให้เป็นนักวิชาการทางพุทธศาสนศึกษา โดยเริ่มเรียนรู้ระบบ การค้นคว้าแบบตะวันตก เพื่อให้เข้าถึงแหล่งข้อมูลซึ่งเป็นที่หวงแหนของ สถาบันวิชาการระดับโลกต่างๆ ซึ่งคณะทำางานบางท่านต้องเปลี่ยนสายงาน จากพืน้ ฐานความรคู้ วามถนดั ที่มีอยเู่ ดมิ ท้งั น้ตี อ้ งนับว่าเป็นคณุ ูปการอยา่ งย่ิง ของนักวิชาการตะวันตกสาขาต่างๆ ท่ีได้รวบรวมและทำาการศึกษาหลักฐาน ทางพระพุทธศาสนายุคต้นไว้แล้วเป็นอเนกอนันต์ ไม่ว่าจะเป็นวิชาการด้าน โบราณคดี ประวัติศาสตร์ จารึกโบราณ นิรุกติศาสตร์ พทุ ธศาสนศึกษา ฯลฯ และสาำ หรบั ดา้ นบรหิ ารจดั การทางสถาบนั ฯ กไ็ ดส้ รา้ งความสมั พนั ธก์ บั องคก์ ร ทางวิชาการนานาชาติ เพอ่ื ส่งเสริมงานดา้ นวชิ าการ แลกเปล่ยี นความคิดเห็น และเพอ่ื ความทนั ตอ่ การเคลอื่ นไหวของวงวชิ าการ องคก์ รทางวชิ าการเหลา่ นี้ ได้แก่ มหาวิทยาลัยวอชิงตัน สหรัฐอเมริกา มหาวิทยาลัยออสโล นอร์เวย์ มหาวิทยาลัยโอทาโก้ นิวซีแลนด์ มหาวิทยาลัยเคลานีย่า ศรีลังกา และ มหาวิทยาลัยโคตะมะ อินเดีย เป็นต้น และสิ่งท่ีดำาเนินการควบคู่กันไป คือ การวิจัยค้นคว้าในหัวข้อที่เก่ียวข้องกับการปฏิบัติของพระพุทธศาสนาดั้งเดิม ซ่ึงถือได้ว่าเป็นผลงานที่สำาคัญของสถาบันฯ ในงานวิจัยที่ทุ่มเทตลอดเวลา (8 ร ชนิ า ันทรา รี ล

www.webkal.org กว่า 13 ปีท่ีผ่านมาน้ี เป็นการค้นคว้าในหลักฐานปฐมภูมิ อันได้แก่คัมภีร์ท่ี จารึกดว้ ยอกั ษรขโรษฐีบนเปลอื กไมเ้ บิรช์ ภาษาคานธารี ภาษาสนั สกฤต และ ภาษาโบราณตา่ งๆ ของเอเชยี กลาง รวมถึงคมั ภีรป์ ฏิบตั สิ มาธิภาวนาภาษาจนี ซง่ึ ประพนั ธโ์ ดยวปิ สั สนาจารยช์ าวตา่ งชาติ ทเี่ ขา้ มาเผยแผต่ งั้ แตย่ คุ แรกๆ ของ พระพุทธศาสนาในจีน การค้นคว้าในคัมภีร์อักษรขอมท่ีมีหลักฐานทางจารึก โบราณสามารถอ้างอิงอายุได้ถึงสมัยอยุธยาตอนต้น รวมถึงกลุ่มคัมภีร์อักษร ธรรมและอกั ษรเขมรโบราณทก่ี ลา่ วถงึ การทาำ สมาธภิ าวนาของพระพทุ ธศาสนา ในอดตี ของสวุ รรณภูมิ ผลจากงานวจิ ัยท่คี ณะทำางานได้ท่มุ เทดว้ ยความวริ ิยอตุ สาหะ เปน็ เวลา มากกวา่ 13 ปที ี่ผา่ นน้นั คอื การแสดงให้เห็นนยั สำาคญั หรอื รอ่ งรอยของวิชชา ธรรมกายท่ีสูญหายไปกว่าสองพันปี บทความวิจัยที่เสนอไว้ในหนังสือเล่มนี้ รวบรวมจากข้อมูลหลักฐานมากมายหลายช้ินงานและจากหลายแหล่ง สถานที่ ซ่ึงเมื่อได้น�ามาศึกษาวิเคราะห์เปรียบเทียบกับคัมภีร์ฉบับบาลีมี พระไตรปิฎกเป็นต้น และเปรียบเทียบศึกษากับเทศนาค�าสอน ของพระ เดชพระคุณพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) อดีตเจ้าอาวาสวัดปากน�้า ภาษีเจริญ ก็พบความชัดเจนว่าธรรมกายเป็นที่รู้จักของชาวพุทธตั้งแต่ ยุคต้นๆ จนถึงอดีตที่ไม่ไกลนัก และธรรมกายเป็นกายที่ประกอบด้วยญาณ ตรัสรู้ท่ีสามารถรู้เห็นได้ด้วยญาณมิใช่ด้วยวิญญาณรู้ อีกทั้งการปฏิบัติธรรมที่ เปน็ ประสบการณ์ภายในคอื นิมติ ดวงสว่าง และการปฏิบตั ิธรรมแบบเหน็ องค์ พระภายในกลางตัว รวมถึงการหยุดใจไว้บริเวณเหนือสะดือกลางท้องน้ัน ยอ่ มบง่ ชว้ี า่ มชี าวพทุ ธไดเ้ รยี นรแู้ ละปฏบิ ตั ธิ รรมสบื ทอดตอ่ เนอื่ งกนั มานาน หลายสิบศตวรรษแลว้ | (9)

www.webkal.org หลักฐานธรรมกายในคัมภรี พ์ ทุ ธโบราณ 1 ฉบับวิชาการ ขอเจริญพรขอบคุณอย่างยิ่งต่อคณาจารย์ท่ีปรึกษาทุกท่าน ท่ีเมตตา ใหค้ าำ แนะนาำ และขดั เกลาผลงานวิจยั ตามหลกั วิชาการ จนสำาเรจ็ เป็นรปู ธรรม ทันตามกรอบเวลา รวมถึงอนุโมทนาในมหากุศลของท่านสาธุชนเหล่า กัลยาณมิตรทั้งหลาย ท่ีให้การอุปถัมภ์ร่วมเป็นเจ้าภาพจัดพิมพ์หนังสือ “หลกั ฐานธรรมกายในคมั ภรี พ์ ทุ ธโบราณ” เลม่ ท่ี 1 เพอ่ื ถวายแดพ่ ระสงั ฆาธกิ าร ทั่วประเทศ 30,000 วัด เนื่องในวันคุ้มครองโลก วันที่ 22 เมษายน 2557 น้ี และคณะศิษยานุศิษย์ก็ได้แสดงความกตัญูกตเวทิตา และพร้อมใจบูชา ธรรมแดพ่ ระเดชพระคุณพระเทพญาณมหามุนี ว.ิ ซ่งึ ตรงกบั วาระอายวุ ฒั นะ มงคลได้ 70 ปี การเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั เปน็ ธรรมทานครง้ั นี้ จกั กอ่ ใหเ้ กดิ คณุ ประโยชน์ แก่วงการศึกษาและเสริมสร้างศรัทธาสัมมาทิฏฐิแก่ผู้ใฝ่ใคร่ต่อการศึกษา พระพุทธศาสนา การศึกษาพระพุทธศาสนาทางวิชาการจักได้เจริญรุ่งเรือง สืบไป. (พระครูวิเทศสธุ รรมญาณ วิ.) บรรณาธิการบรหิ าร (10 ร ชนิ า ันทรา รี ล

www.webkal.org อักษรยอ่ อกั ษรยอ่ ทวั่ ไป บ. ภาษาบาลี รธ. หนงั สอื รวมพระธรรมเทศนา พระมงคลเทพมนุ ี (สด จนทฺ สโร) (คณะศษิ ยานศุ ษิ ยห์ ลวงพ่อวดั ปากนำ้า โดยพระวชิ ยั วชิ โย และคณะ 2555) ศ. พทุ ธศตวรรษ ส. ภาษาสนั สกฤต BHS Buddhist Hybrid Sanskrit หรอื ภาษาสันสกฤตแบบผสม D พระไตรปิฎกภาษาทเิ บต Derge edition (tsha) pp. 126a-206b P พระไตรปิฎกภาษาทเิ บต Peking edition (tsu) pp. 133b-215a อกั ษรย่อชอื่ คัมภรี ์: คมั ภรี ์ลายมือเขียน และระบบการอ้างอิง ญาณก. 4.4 คัมภรี พ์ ระญาณกสิณ หนา้ ท่ี 4 บรรทดั ที่ 4 ธัมมกาย 8.1-4 คัมภีร์ธมั มกาย หนา้ ท่ี 8 บรรทัดที่ 1-4 บัวร. 2.36.4 คัมภรี ์บวั ระพันธะ ผูกท่ี 2 หน้าท่ี 36 บรรทัดท่ี 4 ปริยาย. 24.14 คัมภรี ์ปริยายพระวปิ สั สนาสตู ร ขอ้ 24 บรรทดั ที่ 14 พทุ ธน. 5.1 พทุ ธนรกนั หนา้ ที่ 5 บรรทัดที่ 1 | (11)

www.webkal.org หลกั ฐานธรรมกายในคัมภีร์พทุ ธโบราณ 1 ฉบบั วชิ าการ มลู พ. 2/2 คมั ภีร์มูลพระกรรมฐาน ภาษาเขมร ใบลานที่ 2 หน้าท่ี 2 มลู ล. 13.4 คมั ภรี ์มูลลกมั มฐาน ฉบบั วดั ป่าเหมือด หน้า 13 บรรทดั ที่ 4 อกั ษรย่อชื่อคมั ภรี ์ : คมั ภรี ป์ ฐมภูมิ อกั ษรไทย ก. พระไตรปฎิ กบาลี ใชข้ อ้ มลู ฉบบั บาลสี ยามรฐั อา้ งองิ ชอื่ คมั ภรี ์ เลม่ / ข้อ/หน้า เลขเลม่ ใช้เลข 1-45 ตามลำาดับของพระไตรปฎิ กบาลี 45 เล่ม ข. อรรถกถา ฎีกา อนุฎีกา และคมั ภีรป์ กรณว์ เิ ศษภาษาบาลี ใช้ข้อมลู จากฉบบั มหามกฏุ ราชวทิ ยาลยั (มมร.) และฉบบั มหาจฬุ าลงกรณราชวทิ ยาลยั (มจร.) ตามทรี่ ะบไุ วท้ า้ ยอกั ษรยอ่ แตล่ ะตวั โดยอา้ งองิ ชอื่ คมั ภรี ์ เลม่ /หนา้ เลข เล่มท่ีใช้เปน็ เลขเล่มทร่ี ะบุไว้ในคมั ภรี ์น้ันๆ เอง ถ้าคัมภรี น์ ้ันๆ ไมม่ เี ลขเลม่ ระบุ ไว้ จะอา้ งองิ เฉพาะเลขหนา้ ในกรณที อ่ี า้ งองิ ตา่ งฉบบั จากทร่ี ะบไุ วใ้ นอกั ษรยอ่ จะระบุชื่อฉบับท่ีใชอ้ า้ งอิงกำากับไวด้ ้วย ค. พระไตรปิฎกและอรรถกถาแปลภาษาไทย ใช้ฉบับมหามกุฏราช วิทยาลัย (ไทย มมร.) และฉบับมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (ไทย มจร.) และฉบับสยามรฐั (ไทย สร.) โดยอ้างองิ ชอ่ื คัมภรี ์ เล่ม/หน้า และระบุฉบบั ท่ี อา้ งอิงไวด้ ว้ ย ข.ุ จูฬ. ขุทฺทกนิกาย จฬู นทิ เฺ ทส ข.ุ เถร. ขทุ ฺทกนิกาย เถรคาถา ข.ุ ปฏิ. ขทุ ฺทกนกิ าย ปฏสิ มฺภิทามคคฺ ขุ.ม. ขุทฺทกนกิ าย มหานิทเฺ ทส ขุ.อุ. ขุททฺ กนิกาย อทุ าน (12 ร ชนิ า นั ทรา รี ล

www.webkal.org ชา.อ. ชาตก อฏฺกถา (มมร.) เถร.อ. เถรคาถา อฏฺ กถา ปรมตฺถทปี นี 1-2 (มจร.) ท.ี ปา. ทีฆนิกาย ปาฏิกวคฺค ธ.อ. ธมฺมปท อฏฺกถา (มมร.) เนตตฺ ิว.ิ เนตฺติวิภาวนิ ี (มจร.) ปฏ.ิ อ. ปฏสิ มภฺ ิทามคฺค อฏฺ กถา สทฺธมฺมปกาสนิ ี (มจร.) พุทฺธ.อ. พุทฺธวสำ อฏฺกถา มธุรตถฺ วิลาสนิ ี (มจร.) ม.ม. มชฺฌมิ นกิ าย มชฌฺ มิ ปณณฺ าสก ม.มู. มชฌฺ ิมนิกาย มลู ปณณฺ าสก ม.อ. มชฺฌมิ นิกาย อฏฺ กถา ปปจฺ สทู นี 1-4 (มจร.) ม.อุ. มชฌฺ ิมนกิ าย อปุ ริปณณฺ าสก ว.ิ จุลลฺ . วนิ ยปฏิ ก จุลลฺ วคคฺ ว.ิ ม. วนิ ยปิฏก มหาวคคฺ วิ.มหา. วนิ ยปฏิ ก มหาวิภงคฺ วิ.อ. วินย อฏฺกถา สมนฺตปาสาทิกา 1-3 (มมร.) วิมาน.อ. วิมานวตฺถุ อฏฺ กถา ปรมตฺถทปี นี (มจร.) สง.ฺ อ. ธมมฺ สงคฺ ณี อฏฺ กถา อฏฺ สาลนิ ี (มจร.) สำ.ข. สยำ ุตตฺ นิกาย ขนฺธวารวคคฺ ส.ำ น.ิ สยำ ตุ ตฺ นิกาย นทิ านวคคฺ สำ.ม. สำยุตฺตนิกาย มหาวารวคคฺ สำ.ส. สำยตุ ฺตนกิ าย สคาถวคฺค ส.ำ สฬ. สำยุตตฺ นกิ าย สฬายตนวคฺค | (13)

www.webkal.org หลกั ฐานธรรมกายในคมั ภรี พ์ ทุ ธโบราณ 1 ฉบบั วิชาการ ส.ำ อ. สำยตุ ฺตนกิ าย อฏฺกถา สารตฺถปกาสินี 1-3 (มจร.) สุ.อ. สตุ ตฺ นิปาต อฏฺ กถา ปรมตถฺ โชติกา 1-2 (มจร.) อง.ฺ ฉกฺก. องฺคุตตฺ รนิกาย ฉกฺกนิปาต องฺ.นวก. องฺคตุ ตฺ รนกิ าย นวกนิปาต องฺ.อ. องฺคตุ ตฺ รนิกาย อฏฺ กถา มโนรถปูรณี 1-3 (มจร.) อป.อ. อปทาน อฏฺกถา วสิ ุทฺธชนวิลาสนิ ี 1-2 (มจร.) อภ.ิ ป.ุ อภิธมฺม ปคุ ฺคลปฺตตฺ ิ อติ ิ.อ. อติ ิวตุ ฺตก อฏฺกถา ปรมตถฺ ทีปนี (มจร.) คัมภรี ์ปฐมภูมิ อักษรโรมนั ก. พระไตรปฎิ กและคมั ภรี บ์ าลอี น่ื ๆ ในอกั ษรโรมนั อา้ งองิ ฉบบั สมาคม บาลปี กรณ์ (PTS edition) เปน็ หลกั โดยระบอุ กั ษรยอ่ ชอื่ คมั ภรี .์ หมายเลขเลม่ . เลขหนา้ เชน่ D.III.84-86 คอื Dīghanikāya vol.3, pp. 84-86 ในกรณที อี่ า้ งถงึ ฉบบั ฉฏั ฐสงั คายนา1 (CS) หรอื ฉบบั พทุ ธชยนั ตี (BJ) ใชห้ ลกั การอ้างอิงแบบเดียวกันแต่วงเล็บไว้ข้างท้ายด้วยว่าเป็นฉบับใด เช่น A.IV.75-76 (CS) หรอื M.II.12-14 (BJ) เป็นตน้ ยกเวน้ ในกรณที อ่ี ้างองิ คมั ภรี ์ทรี่ ะบุช่ือฉบับ ไว้ในอักษรยอ่ แลว้ เชน่ คัมภรี ์ศาสนวงศ์ (sāsanavaṃsa) ทมี่ ีใช้เฉพาะฉบับฉฏั ฐ สังคายนา จะไมร่ ะบชุ ่อื ฉบับซาำ้ อกี ในการอา้ งองิ ในเนือ้ หา 1 ฉบบั “ฉฏั ฐสังคายนา” ในที่นี้ หมายถึงเนอ้ื หาทีแ่ สดงไว้ในโปรแกรมสืบคน้ พระไตรปิฎกทจี่ ัดทาำ โดย สถาบนั วิปสั สนา (Vipassana Institute) ของพมา่ ซ่ึงอาจมีเนอื้ หาแตกตา่ งจากฉบบั “ฉัฏฐสังคีต”ิ ท่ีพมิ พเ์ ป็นเลม่ (14 ร ชนิ า ันทรา รี ล

www.webkal.org ข. คมั ภีร์ปฐมภมู ิในภาษาสันสกฤต ใชร้ ะบบการอ้างอิงเดียวกนั โดยใช้ แหล่งข้อมูลท่ปี รากฏในบรรณานกุ รม A Aṅguttaranikāya AA Aṅguttaranikāya aṭṭhakathā Manorathapūraṇī Ap Apadāna AbhK Abhidharmakośa and Bhāṣya AbhKV Sphuṭārthā Abhidharmakośa-vyākhyā AṬ Aṅguttaranikāya Ṭīkā, the Sāratthamañjūsā (CS) CpA Cariyāpiṭaka aṭṭhakathā, the Paramatthadīpanī D Dīghanikāya DA Dīghanikāya aṭṭhakathā, the Sumaṅgalavilāsinī DhSA Dhammasaṅgaṇī aṭṭhakathā, the Aṭṭhasālinī DṬ Dīghanikāya Ṭīkā, the Sumaṅgalavilāsinī ItA Itivuttaka aṭṭhakathā, the Paramatthadīpanī KhpA Khuddakapāṭha aṭṭhakathā, the Paramatthajotikā M Majjhimanikāya MA Majjhimanikāya aṭṭhakathā, the Papañcasūdanī MVaṃs Mahāvaṃsa (CS) Nd1 Mahāniddesa Nd1A Mahāniddesa aṭṭhakathā, the Saddhammapajjotikā Nd2 Cūḷaniddesa Nd2A Cūḷaniddesa aṭṭhakathā, the Saddhammapajjotikā | (15)

www.webkal.org หลกั ฐานธรรมกายในคมั ภรี ์พทุ ธโบราณ 1 ฉบบั วชิ าการ S Saṃyuttanikāya SA Saṃyuttanikāya aṭṭhakathā, the Sāratthapakāsinī SnA Suttanipāta aṭṭhakathā, the Paramatthajotikā SrD Vinaya ṭīkā, the Sāratthadīpanī SVaṃs Sāsanavaṃsa (CS) ThrA Theragāthā aṭṭhakathā, the Paramatthadīpanī ThriA Therigāthā aṭṭhakathā, the Paramatthadīpanī ThVaṃs Thūpavaṃsa (CS) UdA Uddāna aṭṭhakathā, the Paramatthadīpanī VinA Vinayaṭṭhakathā, the Samantapāsādikā Vism Visuddhimagga (CS) VjB Vinaya ṭīkā, the Vajirabuddhiṭīkā (CS) (16 ร ชนิ า ันทรา รี ล

www.webkal.org สารบญั อักษรย่อ (11) สารบญั (17) 1 บทนาํ 1 1.1. ความเป็นมาของงานวิจัย 2 1.2. ประเดน็ ปัญหากบั วัตถุประสงคข์ องงานวิจัย 12 1.3. สง่ิ ทค่ี าดวา่ จะได้รับ 14 1.4. นิยามศพั ท์ 14 1.5. ระเบียบวิธีวิจัย 19 19 ก) ปัญหานาำ วจิ ยั 20 ข) ขอบเขตของงานวิจยั 24 ค) วิธกี ารทำางานวจิ ยั 25 ง) แหล่งข้อมลู 33 จ) ข้อจำากัดของงานวจิ ยั 33 ฉ) กฎเกณฑ์ในการทาำ งานวจิ ยั 33 35 1. เกณฑร์ ะบุร่องรอยของธรรมกายในคำาสอนดัง้ เดิม 37 2. เกณฑใ์ นการคำานวณปพี ทุ ธศกั ราช และพทุ ธศตวรรษจากแหลง่ อ้างองิ สากล 1.6. การรายงานผลการวจิ ยั | (17)

www.webkal.org 41 หลักฐานธรรมกายในคมั ภีรพ์ ุทธโบราณ 1 ฉบบั วชิ าการ 42 62 2 ขอ้ มลู พ้ืนฐาน 62 69 2.1. พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) 73 ผูค้ ้นพบวชิ ชาธรรมกาย 73 76 2.2. ภาพรวมหลกั ธรรมปฏิบตั ิวชิ ชาธรรมกาย 81 2.2.1. การสอนปฏบิ ตั สิ มาธิเบือ้ งต้น 81 2.2.2. แผนผงั การเข้าถึงธรรมตามลาำ ดับ 86 89 2.3. พระพุทธศาสนาในประเทศไทย 93 ก่อนและในช่วงชีวิตของพระมงคลเทพมุนี 98 2.3.1. การเดินทางของพระพุทธศาสนา เขา้ มาสูป่ ระเทศไทย 2.3.2. การศึกษาและปฏบิ ัติของสงฆไ์ ทย ในชว่ งต้นชวี ติ สมณะของพระมงคลเทพมนุ ี 2.4. งานวจิ ยั เก่ยี วกบั ธรรมกายในอดตี 2.4.1. พระทพิ ย์ปรญิ ญา (ธูป กลัมพะสตุ ) “ขอ้ ความเกีย่ วกบั ธรรมกาย” 2.4.2. เกษมสขุ ภมรสถิตย์ “ธรรมกายในนานาทศั นะโลก” 2.4.3. ธรรมทายาท “ธรรมกายในคัมภีรเ์ ถรวาท” 2.4.4. พระครภู าวนามงคล (ววิ ัฒน์ กตวฑฺฒโน) “ตามรอยธรรมกาย” 2.4.5. ชนิดา จันทราศรีไศล “ธรรมกายในพระพทุ ธศาสนายุคด้งั เดิม” (18 ร ชนิ า ันทรา รี ล

www.webkal.org 2.5. การค้นพบคมั ภีรเ์ ก่าแกใ่ นพระพทุ ธศาสนา 103 นอกเหนือจากพระไตรปิฎกบาลี 109 109 2.6. พระพุทธศาสนาในคันธาระและเอเชยี กลาง 119 กบั การเผยแผ่พระพุทธศาสนาในประเทศจีนยุคแรก 121 2.6.1. พระพทุ ธศาสนาในคนั ธาระและเอเชียกลาง 123 2.6.2. การเดินทางของพระพุทธศาสนาเข้าสปู่ ระเทศจนี 2.6.3. ตาำ นานแห่งยุคตงฮ่นั 127 2.6.4. การแปลพระไตรปิฎกในประเทศจนี 133 3 คันธาระ เอเชยี กลาง และประเทศจนี 134 136 3.1. หลักฐานทีส่ อดคลอ้ งกบั วิชชาธรรมกาย 140 ในแง่ของคาำ สอนหรอื หลกั ปฏบิ ัติทั่วไป 144 3.1.1. พระพุทธองค์ทรงเป็น “พุทธะ” เท่านน้ั 146 3.1.2. ทรงสอนใหท้ าำ ความเพยี ร 4 อย่าง 151 3.1.3. นิพพานเปน็ แดนเกษม ไม่มคี วามชรา 156 3.1.4. ตอ้ งทัง้ ร้ทู งั้ เห็นจงึ กำาจดั กเิ ลสได้ 159 3.1.5. ทรงสอนใหป้ ล่อยวางขันธ์ 5 ซึง่ ไมใ่ ชต่ น 161 และใหอ้ ยู่โดยหนา่ ยในขนั ธ์ 5 3.1.6. สัญญา 4 ประการ 3.1.7. ผู้ไมย่ ดึ ติดในสง่ิ ตา่ งๆ ย่อมมุ่งตรงสู่พระนิพพาน 3.1.8. นิพพานเปน็ สขุ แท้ ไม่แปรเปลยี่ น 3.1.9. พระพทุ ธองค์ทรงมีพระคณุ เหนือกว่าพระอรหันต์ แม้จะตรัสรนู้ ิพพานเดยี วกัน | (19)

www.webkal.org หลักฐานธรรมกายในคมั ภีร์พุทธโบราณ 1 ฉบับวชิ าการ 3.1.10. พระพทุ ธเจา้ ในอดตี มีจำานวนมาก 164 เหมอื นเม็ดทราย 164 167 3.1.10.1. ธรรมกายสตู ร 174 3.1.10.2. ธรรมศรีรสูตฺร 175 3.1.11. บทสรปุ ความสอดคล้องในหลกั ธรรม 175 176 และหลกั ปฏิบตั ทิ ่ัวไป 183 3.2. “ธรรมกาย” ในคนั ธาระ เอเชียกลาง และประเทศจนี 185 191 3.2.1. พึงเห็นพระพุทธองคโ์ ดยธรรม 193 พระพทุ ธองค์ทรงมีธรรมเป็นกาย 200 201 3.2.1.1. อษั ฏสาหสรกิ าปรัชญาปารมติ า 204 3.2.1.2. ปญั จวิงศตสิ าหสริกาปรัชญาปารมติ า 206 3.2.1.3. วชั รัจเฉทกิ าปรชั ญาปารมติ า 208 3.2.1.4. สมาธริ าชสตู ร 3.2.1.5. โพธสิ ตั วปิฏกสตู ร (Bodhisattvapiṭakasūtra) 3.2.2. พระพทุ ธองค์ทรงประกอบดว้ ยพระรูปกาย และพระธรรมกาย 3.2.2.1. ศตปญั จสตั ก สโตตระ 3.2.2.2. ชิ้นส่วนคมั ภีร์ภาษาโขตานจากเอเชยี กลาง 3.2.3. พระพทุ ธองค์นำาสรรพสตั ว์สู่นิพพาน ดว้ ยพระธรรมกาย 3.2.4. มนุษย์และสรรพสตั ว์ มีธาตุแห่งความเปน็ พทุ ธะอยู่ภายใน (20 ร ชนิ า ันทรา รี ล

www.webkal.org 3.2.4.1. ศรมี าลาเทวีสงิ หนาทนิรเทศ 211 3.2.4.2. มหาปรินิรวาณสตู ร ฉบับมหายาน 215 3.2.4.3. องั คุลิมาลยี สตู ร 230 3.2.5. ธรรมกายเปน็ กายแหง่ การตรสั รธู้ รรม 236 3.2.5.1. สวุ รรณประภาโสตตมสตู ร 236 3.2.5.2. สัมพทุ ธสูตร ในสังยุกตาคมะจนี 241 3.2.6. อรยิ สาวกเป็นผู้ถงึ พร้อมด้วยธรรมกาย 244 3.2.7. กเิ ลสสนิ้ ไป ธรรมกายเท่าน้นั ดาำ รงอยู่ 247 3.2.8. หา้ -สว่ น-ธรรม-กาย 250 3.2.9. บทสรุปธรรมกายในคันธาระ เอเชยี กลาง 253 และประเทศจีน 3.3. สมาธิภาวนาในคนั ธาระ เอเชียกลาง และประเทศจนี 256 3.3.1. อานาปานสมฤติ ในพระพทุ ธศาสนาจีน 257 3.3.1.1. อานาปานสมฤตสิ ตู ร 257 3.3.1.2. อรรถาธบิ ายแหง่ อานาปานสมฤติ 259 3.3.2. การปฏบิ ตั ิธรรมแบบเห็นพระ 263 3.3.2.1. ปรตั ยุตปันนสมาธสิ ูตร 265 3.3.2.2. สมาธิราชสูตร 272 3.3.2.3. ตำาราปฏิบตั ิธรรมของโยคาจาร 276 3.3.2.4. ธรรมปฏิบตั ิของพระโพธสิ ัตว์ 286 3.3.2.5. สรปุ สาระแหง่ ธรรมปฏิบตั ิโดยพระกุมารชีพ 289 | (21)

www.webkal.org หลักฐานธรรมกายในคัมภรี พ์ ทุ ธโบราณ 1 ฉบบั วิชาการ 3.3.2.6. สรุปสาระแหง่ ธรรมปฏิบตั โิ ดยพระธรรมมติ ร 291 3.3.2.7. คู่มือธรรมปฏบิ ตั ิภาษามองโกเลยี 292 3.3.3. บทสรุปสมาธิภาวนาในคนั ธาระ เอเชียกลาง 294 และประเทศจนี 3.4. ภาพรวมหลกั ฐานธรรมกาย ในคนั ธาระ เอเชียกลาง 298 และประเทศจนี 4 เอเชียอาคเนย์ 303 4.1. หลกั ฐานท่มี ีคำาว่าธรรมกาย 308 4.1.1. คาถาธรรมกาย 309 4.1.1.1. เนื้อหาหลกั 2 สว่ นของคาถาธรรมกาย 311 ก. บทแจกแจงพทุ ธคณุ 311 ข. บทประมวลความ 313 4.1.1.2. คัมภีรพ์ ระธัมมกายาทิ 317 4.1.1.3. คมั ภีรธ์ มั มกาย 331 4.1.1.4. คาถาธรรมกายในคมั ภรี ์มลู ลกัมมฐาน 333 4.1.1.5. คาถาธรรมกายในคัมภีร์วปิ ัสสนาของกมั พชู า 335 4.1.1.6. หนงั สือ “การเจรญิ กรรมฐานแบบโบราณ” 336 ของกมั พชู า 4.1.1.7. บทสรปุ คาถาธรรมกาย 340 4.1.2. ธรรมกายในคมั ภีรแ์ นะนำาการปฏบิ ตั ิธรรม 345 4.1.2.1. คมั ภีรจ์ ตรุ ารักขา 345 (22 ร ชนิ า ันทรา รี ล

www.webkal.org 4.1.2.2. ธรรมกายในคัมภีรม์ ูลลกัมมฐาน 355 4.1.3. ธรรมกายในคัมภีรอ์ ่นื ๆ ในเอเชียอาคเนย์ 356 4.1.4. บทสรุปเกี่ยวกบั ธรรมกายในเอเชียอาคเนย์ 359 4.2. หลักฐานเก่ียวกับสมาธิภาวนา 361 4.2.1. พทุ ธานสุ ตใิ นเอเชียอาคเนย์ 362 4.2.1.1. พุทธานุสตใิ นพระไตรปฎิ กและอรรถกถาบาลี 362 ก. วิธีปฏิบตั ิพุทธานุสติ 366 ข. ฐานทตี่ ัง้ ของใจ 368 ค. ประสบการณแ์ ละผลจากการปฏบิ ตั ิ 371 4.2.1.2. พทุ ธานสุ ติในคมั ภีรจ์ ตรุ ารักขา 375 4.2.1.3. พุทธานุสตใิ นคัมภรี ม์ ลู ลกัมมฐาน 379 4.2.2. สมาธภิ าวนาในคัมภรี ์จตุรารักขา 383 4.2.3. สมาธิภาวนาในคมั ภีรโ์ ยคาวจร 386 4.2.3.1. ภาพรวมการศกึ ษาและปฏิบัติ 389 ในพระพทุ ธศาสนา 4.2.3.2. ข้อปฏิบตั ิเบือ้ งตน้ กอ่ นการเจรญิ สมาธิภาวนา 392 4.2.3.3. การเจริญสมาธิภาวนาเบื้องต้น 393 4.2.3.4. การสอนพระกรรมฐานแบบโบราณ 396 ในคัมภรี ใ์ บลานเขมร 4.2.3.5. ผลของการปฏิบัตใิ นระดบั โลกิยะ 399 4.2.3.6. การเจรญิ สมาธภิ าวนาในขนั้ โลกตุ ระ 400 และผลของการปฏิบตั ิ | (23)

www.webkal.org หลักฐานธรรมกายในคมั ภรี พ์ ทุ ธโบราณ 1 ฉบับวิชาการ 4.2.3.7. ความสอดคล้องและความแตกตา่ ง 405 ในทางปฏิบัติ 406 408 ก. บริกรรมภาวนา 410 ข. บรกิ รรมนิมติ 415 ค. การดบั กิเลสกบั ลมหายใจหยุด 419 ง. ฐานท่ตี ้งั ของใจกับการสอนภาวนา 428 431 ในคมั ภีรใ์ บลานเขมร 431 จ. ทางเดินของจิตและกระบวนการ 431 434 บรรลอุ ริยมรรคอรยิ ผล 437 4.2.4. บทสรปุ สมาธภิ าวนาในเอเชียอาคเนย์ 439 4.3. หลกั ฐานธรรมกายในเชิงหลกั ธรรมทว่ั ไป 443 4.3.1. ดวงแกว้ ดวงธรรม ดวงสวา่ ง 446 449 4.3.1.1. “เกดิ มาหาดวงแกว้ ” 4.3.1.2. “ดวงแก้วท่ีขา้ มา” 4.3.1.3. ดวงธรรมทท่ี ำาใหเ้ ป็นกายมนษุ ย์ ธรรม ท่ที รงรักษาชีวติ 4.3.1.4. ขนาดของแสงสวา่ งภายใน หรอื ดวงสวา่ ง กบั โลกุตรธรรม 4.3.1.5. ศลี ภายใน โลกุตรธรรม กับการไปสสู่ ุคติ 4.3.1.6. พระญาณกสิณ ตนพรหม หรอื “ตวั ธรรมภายใน” 4.3.1.7. ดวงศลี (24 ร ชนิ า นั ทรา รี ล

www.webkal.org 4.3.2. มนุษย์ กับการปฏบิ ตั ิสมาธิภาวนา 453 4.3.2.1. การมาเกดิ ของกายมนุษย์ 453 4.3.2.2. ทางไปของพระพทุ ธเจา้ -วธิ ีสคู่ วามหลุดพน้ 456 4.3.2.3. ภาวะสงบนง่ิ ในครรภม์ ารดากบั ผเู้ จรญิ ภาวนา 460 4.3.2.4. การพบพระพทุ ธเจ้า 463 กับการเขา้ ถึงไตรสรณคมน์ 4.3.2.5. การเห็นพระอรยิ สงฆ์ 470 4.3.3. มนษุ ย์ กบั การสร้างบุญและบาป 474 4.3.3.1. บุญ-บาป ดวงบุญ-ดวงบาป 474 4.3.3.2. ชมพทู วีปเป็นแหล่งสร้างบุญบารมี 478 4.4. บทสรปุ หลกั ฐานธรรมกายในเอเชยี อาคเนย์ 480 5 สรุปและอภิปรายผล 487 488 5.1. คาำ ตอบถงึ การมีอย่ขู องหลกั ฐานธรรมกาย 488 ในคำาสอนพระพทุ ธศาสนา 490 491 5.2. คาำ ตอบเก่ียวกบั ความสัมพันธใ์ นเชงิ ประวัติศาสตร์ 491 ของหลกั ฐานธรรมกาย 5.2.1. การศกึ ษาเปรยี บเทยี บคมั ภรี ก์ ับความเก่าแก่ ของพระไตรปฎิ กบาลี 5.2.2. หลักการที่ตรงกันในสองภูมภิ าค : แกนกลางสากลของพระพทุ ธศาสนา 5.2.2.1. จิตบรสิ ทุ ธิ์ด้ังเดิม กบั หลักการ ตถาคตครรภะ และ “ดวงแก้วที่ขา้ มา” | (25)

www.webkal.org หลักฐานธรรมกายในคัมภรี ์พุทธโบราณ 1 ฉบบั วชิ าการ 5.2.2.2. นพิ พานเปน็ แกน่ สาร เทย่ี งแท้ เป็นสขุ 494 ไมม่ ีแก่ และไม่มตี าย 5.2.2.3. พระพทุ ธเจ้าในนิพพานยงั คอย 495 ชว่ ยเหลือสัตวโ์ ลกอยูเ่ สมอ 5.2.2.4. หลกั การปฏบิ ัตเิ พอ่ื ความหลดุ พ้น 496 ก. ให้ปลอ่ ยวางขนั ธ์ 5 ทีไ่ ม่ใช่ตน 496 ข. ใหป้ ระกอบความเพยี รเจริญสมาธภิ าวนา 497 ค. ตอ้ งทงั้ รทู้ ั้งเห็นจงึ จะกาำ จดั กเิ ลสได้ 498 5.2.2.5. พระพุทธองคท์ รงเป็น “พุทธะ” 499 เปน็ “ธรรมกาย” มิใชม่ นุษย์หรอื เทวดา 5.2.2.6. ธรรมกายเปน็ กายแห่งการตรสั ร้ธู รรม 500 5.2.2.7. บทสรุปหลกั การท่ตี รงกันในสองภมู ภิ าค 501 5.2.3. หลกั การทแี่ ตกตา่ งกันในสองภมู ภิ าค : 503 เอกเทศในการเผยแผ่ ? 5.2.3.1. พระพุทธองคท์ รงมคี ุณเหนอื กว่าพระอรหันต์ 504 แม้จะตรสั รูน้ พิ พานเดียวกนั 5.2.3.2. พระโพธสิ ัตวม์ ีธรรมเป็นกาย 504 5.3. คำาตอบเกีย่ วกบั การคน้ พบวิชชาธรรมกาย 506 ของพระมงคลเทพมุนี 5.3.1. หลกั ฐานท่ีรกั ษาคาำ สอนไว้เพียงบางสว่ น 507 5.3.2. แบบแผนในการสอนภาวนาของพระมงคลเทพมนุ ี 508 5.3.2.1. แบบแผนในการสอนภาวนา 508 (26 ร ชนิ า นั ทรา รี ล

www.webkal.org ก. กิจเบ้ืองต้นกอ่ นเจรญิ สมาธภิ าวนา 509 ข. คำาแนะนาำ ในการเจรญิ สมาธิภาวนาเบ้ืองตน้ 509 5.3.2.2. ลำาดบั ในการเข้าถงึ ธรรมและบรรลมุ รรคผล 509 ก. ดวงธรรมภายในกาย 509 ข. กายภายใน 510 5.3.2.3. บทสรปุ เกยี่ วกับแบบแผนในการสอนภาวนา 511 5.3.3. กลางของกลาง ฐานที่ 7 512 และประสบการณ์ภายในกับคาำ สอนของพุทธ 5.3.3.1. ความสำาคญั ของศนู ย์กลางกาย ฐานที่ 7 513 ในการบรรลุธรรม 5.3.3.2. คาำ สอนใหห้ ยุดใจไวใ้ นกลางของกลางเรื่อยไป 513 5.3.3.3. ประสบการณก์ ารเข้าถึงธรรมไปตามลำาดบั 514 5.3.3.4. มโนมยกาย (กายอันเกิดแตใ่ จ) : 517 ความสาำ คญั ของการเขา้ ถงึ “กายภายใน” 5.3.4. บทสรปุ คำาตอบเกย่ี วกบั การคน้ พบ 519 วชิ ชาธรรมกายของพระมงคลเทพมนุ ี 5.4. บทสรปุ หลกั ฐานธรรมกายในคมั ภรี พ์ ทุ ธโบราณ 520 บรรณานุกรม 522 ภาคผนวก 547 ประวัตนิ กั วิจัย 551 | (27)

www.webkal.org หลักฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ 1 ฉบับวชิ าการ สารบัญตาราง ตารางที่ 1 ตวั อย่างการเทียบปี พ.ศ. หรอื พทุ ธศตวรรษ 36 จาก ค.ศ. หรือครสิ ต์ศตวรรษ ตารางท่ี 2 เปรยี บเทยี บเนอ้ื หาคัมภรี ์ธรรมศรีรสตู ร 168 ภาษาสันสกฤตกบั ฉบบั ภาษาโขตาน ตารางท่ี 3 เปรียบเทียบภาพในสมาธิจากคัมภีรโ์ ยคาจาร 282 กับ วิชชาธรรมกาย ตารางท่ี 4 การเปรยี บเทยี บพระพทุ ธคุณกับส่วนตา่ งๆ 320 ของพระวรกายในคาถาธรรมกาย ตารางท่ี 5 สรปุ เนือ้ หาคาถาธรรมกาย 341 และขอ้ ความประกอบที่พบในแหล่งต่างๆ ตารางท่ี 6 เปรียบเทยี บพุทธคณุ ใน 376 พระไตรปิฎกและในคัมภรี จ์ ตรุ ารักขา ตารางท่ี 7 หลักสูตรพระกรรมฐานแบบโบราณของกัมพูชา 396 แบบ 11 ชั้นและ 15 ช้ัน ตารางท่ี 8 “พระธมั มสามไตร” เปรยี บเทียบลมหายใจ 401 สามประเภทกับปฎิ กทัง้ สามและผา้ ไตร ตารางที่ 9 เปรียบเทียบการบรรลุอรยิ มรรคอรยิ ผล 482 ของโยคาวจรกบั วิชชาธรรมกาย และพระไตรปิฎกบาลี ตารางที่ 10 ลาำ ดบั การเขา้ ถงึ ธรรมในวชิ ชาธรรมกายเปรยี บเทยี บ 514 กบั หลกั ฐานในคัมภีร์พทุ ธ (28 ร ชนิ า ันทรา รี ล

www.webkal.org สารบญั รูปภาพและแผนผงั 63 66 ภาพที่ 1 พระมงคลเทพมนุ ี 67 สอนการเจริญสมาธภิ าวนาเบื้องตน้ 110 116 ภาพท่ี 2 แสดงฐานทง้ั 7 ในการเดนิ ทางของใจ 129 ภาพที่ 3 ดวงธาตทุ ้งั 6 ที่ศูนย์กลางกายฐานที่ 7 131 ภาพที่ 4 แผนท่คี ันธาระและเอเชียกลางยุคโบราณ 154 174 กับเสน้ ทางการค้า 186 ภาพที่ 5 รอยสลักพระพุทธบาททีน่ าคารชุณิโกณฑะ 194 206 (วิชยบรุ )ี อันธรประเทศ 252 ภาพที่ 6 จดุ ค้นพบคัมภรี ใ์ นคนั ธาระและเอเชยี กลาง ภาพท่ี 7 ภาพรวมของคัมภีร์พระพุทธศาสนา จากคนั ธาระและเอเชียกลาง ภาพที่ 8 ภาพวาดผนังถาำ้ ท่ฮี ดั ดา อฟั กานิสถาน ภาพที่ 9 ภาพวาดฝาผนงั ถ้าำ พระพทุ ธเจา้ พันพระองค์ ท่ี Bezeklik ภาพท่ี 10 ใบลานหนา้ แรกและหน้าสดุ ท้าย ของคมั ภรี ์วัชรจั เฉทกิ า ในภาษาโขตานโบราณ ภาพท่ี 11 ชนิ้ ส่วนภาษาสันสกฤตของโพธิสัตวปิฏกสตู ร จากบามยิ ัน ภาพท่ี 12 รูปป้ันพระโพธสิ ัตวจ์ ากคนั ธาระ มีพระพุทธเจ้าอยู่ท่ที ้อง ภาพที่ 13 แผนผังแสดงลำาดับของดวงธรรมในแตล่ ะกาย | (29)

www.webkal.org หลักฐานธรรมกายในคมั ภรี ์พุทธโบราณ 1 ฉบบั วิชาการ ภาพที่ 14 ภาพจำาลองเปรยี บเทียบประสบการณ์ 294 การเห็นองค์พระผดุ ซอ้ นจากกลางกาย 297 307 ภาพท่ี 15 ไวโรจนพุทธะตามคตขิ องวัชรยาน 310 ภาพที่ 16 แสดงจดุ ค้นพบคมั ภีรใ์ นเอเชียอาคเนย์ 318 332 ทีน่ ำามาศกึ ษาวิจัย 347 ภาพที่ 17 จารึกพระธรรมกาย (หลักที่ 54) 357 ภาพที่ 18 คมั ภรี ใ์ บลานพระธัมมกายาทิ ฉบบั เทพชุมนุม 382 ภาพท่ี 19 คมั ภีรธ์ ัมมกาย อกั ษรธรรมลา้ นนา 387 ภาพท่ี 20 คัมภีร์จตรุ ารกั ขา อักษรขอม 398 ภาพท่ี 21 คัมภีรอ์ ปุ ปาตสนั ติ อกั ษรธรรมลาว 417 ภาพที่ 22 พับสาคมั ภรี ์มลู ลกัมมฐาน อกั ษรธรรมลา้ นนา 424 ภาพที่ 23 คมั ภรี พ์ ุทธนรกนั อกั ษรธรรมอสี าน ภาพท่ี 24 คาำ ว่า “พระธมั มกาย” ท่ปี รากฏในคัมภรี ใ์ บลานเขมร ภาพท่ี 25 ดวงพระ “อะ-ระ-หัง” ทีก่ ลางกาย ในใบลานเขมร ภาพที่ 26 แสดงที่ต้งั ของจิตในการบรรลุมรรคผล ตามนยั ของคัมภรี พ์ ระญาณกสิณ (30 ร ชนิ า ันทรา รี ล

www.webkal.org บบททนําที 1 บทที 1 บทนาํ | 1

www.webkal.org หลักฐานธรรมกายในคมั ภีรพ์ ทุ ธโบราณ 1 ฉบับวชิ าการ 1.1. ความเปนมาของงานวจิ ยั งานวจิ ยั นศี้ กึ ษาความเชอื่ มโยงของพระพทุ ธศาสนาในยคุ พทุ ธกาลหรอื อยา่ งนอ้ ยในยุคโบราณกาลกบั คำาสอนวิชชาธรรมกายในปจั จบุ ัน การเผยแผ่พระพุทธศาสนา : วัตถุประสงค์ด้ังเดิมกับหลากหลาย รปู แบบในปจจบุ นั ราวสองพนั ห้ารอ้ ยปกี ่อน ภายหลงั การตรสั รู้ของพระสัมมาสมั พุทธเจา้ และการบังเกิดขึ้นของเหล่าพระอรหันตสาวกรุ่นแรกๆ การจาริกเผยแผ่ พระพทุ ธศาสนาไปยงั ดนิ แดนตา่ งๆ ไดเ้ รมิ่ ขน้ึ ทนั ทโี ดยมเี ปาหมายในการเผยแผ่ ไปใหก้ วา้ งไกลทสี่ ดุ เพอื่ มหาชนผมู้ บี ญุ ทรี่ อคอยอยใู่ นทกุ หนแหง่ ไดร้ แู้ จง้ ธรรม ตามความเปน็ จรงิ 1 เพอ่ื ความหลดุ พน้ จากกเิ ลสและจากความทกุ ขท์ ง้ั มวล หรอื อยา่ งนอ้ ยใหเ้ ปน็ อปุ นสิ ยั ตดิ ตวั เพอื่ ประโยชนส์ ขุ ในปจั จบุ นั คอื การดาำ เนนิ ชวี ติ อย่างถูกต้อง และเพื่อการบรรลุมรรคผลนิพพานในภายหน้า ธรรมปฏิบัติจึง เป็นหวั ใจสำาคัญในการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนา 1 เรื่องน้เี หน็ ได้ชดั จากพทุ ธดำารัสในเวลาที่ทรงส่งพระอรหนั ตสาวก รปู แรกไปประกาศพระศาสนา ว่า “ภิกษุท้ังหลาย ทั้งเราและพวกเธอต่างพ้นแล้วจากบ่วงทั้งปวงท้ังท่ีเป็นของทิพย์และของมนุษย์ พวกเธอจงเทยี่ วจารกิ เพอ่ื ประโยชนแ์ ละความสขุ แกช่ นหมมู่ าก เพอ่ื อนเุ คราะหโ์ ลก เพอ่ื ประโยชน์ เกอื้ กลู และความสขุ แกท่ วยเทพและมนษุ ย์ พวกเธออยา่ ไปทางเดยี วกนั สองรปู จงแสดงธรรมงาม ในเบ้ืองต้น งามในท่ามกลาง งามในท่ีสุด จงประกาศพรหมจรรย์พร้อมท้ังอรรถทั้งพยัญชนะครบ บริบูรณ์บริสุทธ์ิ สัตว์ทั้งหลายที่มีธุลีในดวงตาคือกิเลสน้อยมีอยู่ จักมีผู้รู้ทั่วถึงธรรมได้ พวกเขา จะเสอ่ื ม(จากประโยชนแ์ ละมรรคผล)เพราะไมไ่ ด้ งธรรม ภกิ ษทุ ั้งหลาย แมเ้ รากจ็ กั ไปยงั อุรเุ วลา เสนานิคมเพ่ือแสดงธรรม” (วิ.ม. 4/32/39-40) 2 ร ชนิ า นั ทรา รี ล

www.webkal.org พระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระสงฆ์สาวกได้ใช้เวลาในการเผยแผ่พระ ศาสนาอย่างคุ้มค่าโดยมิได้เห็นแก่ความเหน่ือยยาก ดังมีบันทึกไว้ว่า หลาย ครงั้ ทพ่ี ระพทุ ธองคเ์ สดจ็ ดาำ เนนิ เปน็ ระยะทางไกลเพอ่ื โปรดผมู้ อี ปุ นสิ ยั พรอ้ มจะ บรรลธุ รรมได้ (ม.อ. 2/12/56) เสดจ็ ไปปองกนั จอมโจรองคลุ มิ าลใหพ้ น้ จากการ ทำามาตุฆาตอันเปน็ บาปหนักทีจ่ ะหา้ มสวรรค์ห้ามนพิ พาน ยงั โจรร้ายใหส้ ำานึก ผดิ ไดอ้ อกบวชบาำ เพญ็ เพยี รและไดบ้ รรลพุ ระอรหตั ในทส่ี ดุ (ม.อ. 3/347/241) ในบางครงั้ ยงั ทรงให้พระอานนทเ์ รียกประชุมสงฆ์ในยามค่ำาคืนเพอื่ ทรงแสดง ธรรมปลดเปลอ้ื งภกิ ษหุ มใู่ หญจ่ ากอกศุ ลวติ กและใหบ้ รรลพุ ระอรหตั ไดท้ นั เวลา หาไม่แล้วในเช้าวันรุ่งขึ้นภิกษุเหล่าน้ันจะลาสิกขากันหมดด้วยความท้อถอย ในการปฏิบัติ (ชา.อ. 2/400, ชา.อ. 4/246, ชา.อ. 5/196) หรอื การที่เสด็จไป โปรดธิดาของนายช่างหูกใหบ้ รรลโุ สดาบันกอ่ นท่เี ธอจะละโลกในวันนนั้ (ธ.อ. 6/39-40) เปน็ ตน้ แมว้ า่ ในการประกาศพระศาสนาจะตอ้ งพบเจอกบั อปุ สรรค ทห่ี ลากหลาย2 หากพระพทุ ธองคแ์ ละพทุ ธสาวกกไ็ มเ่ คยหวน่ั ไหวหรอื ยอ่ ทอ้ ตอ่ การทาำ หนา้ ทยี่ อดกลั ยาณมติ รใหก้ บั ผมู้ บี ญุ ทรี่ อคอยอยแู่ ตอ่ ยา่ งใด อาจกลา่ วได้ วา่ 45 พรรษาของการเผยแผพ่ ระศาสนาของพระพทุ ธองค์ นบั เปน็ วนั เวลาของ การชงิ ชว่ ง เพอื่ ทจี่ ะชว่ งชงิ จติ วญิ ญาณของมหาชนใหห้ ลดุ พน้ จากการถกู คมุ ขงั ในวฏั สงสารทไี่ มร่ สู้ น้ิ สดุ สมดงั ปณธิ านแหง่ มหากรณุ าในการบาำ เพญ็ บารมเี พอื่ การเปน็ พระสัมมาสมั พุทธเจา้ 2 ในสมยั นน้ั การเดนิ ทางและการตดิ ตอ่ สอ่ื สารมไิ ดส้ ะดวกรวดเรว็ อยา่ งในปจั จบุ นั นอกจากความลาำ บาก ในการเดนิ ทางแลว้ พระพทุ ธองค์และพทุ ธสาวกยังประสบภาวะทพุ ภกิ ขภยั (ว.ิ มหา. 1/5/10) ถูกใส่ ไคล้ (ขุ.อุ. 25/102-4/137-40) ปองรา้ ย (วิ.จลุ ฺล. 7/368-380/179-189) หรือบางครงั้ ถึงกบั เอาชีวิต (ธ.อ. 5/59-60) บทที 1 บทนาํ | 3

www.webkal.org หลกั ฐานธรรมกายในคมั ภรี พ์ ุทธโบราณ 1 ฉบบั วิชาการ วัตถุประสงค์ในการเผยแผ่พระพุทธศาสนายังคงเดิมตลอดเวลาแห่ง พุทธกาล ครั้งหน่ึง พระภิกษุผู้ออกบวชจากสกุลพราหมณ์กราบทูลเสนอว่า จะรอ้ ยกรองพระพุทธวจนะขึ้นเปน็ ฉันทลกั ษณ์ หรอื ในภาษาของพระเวท3 แต่ พระพทุ ธองคไ์ มท่ รงยอมรบั กลบั ทรงบญั ญตั ใิ หพ้ ทุ ธสาวกเผยแผธ่ รรมะ “ดว้ ย ภาษาของตน”4 แมว้ า่ พทุ ธบญั ญตั ดิ งั กลา่ วจะตคี วามไดห้ ลากหลายนยั ซงึ่ ยงั ไม่ เปน็ ทยี่ ตุ ใิ นทางวชิ าการกต็ าม แตส่ ง่ิ หนง่ึ ทเี่ หน็ ไดช้ ดั เจนจากพทุ ธบญั ญตั นิ ก้ี ค็ อื ทรงปรารถนาให้การเผยแผ่ธรรมเป็นไปในลักษณะที่ประชาชนท่ัวไปเข้าใจได้ มิได้มุ่งหมายให้เป็นที่เข้าใจเฉพาะบุคคลกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเท่าน้ัน สอดคล้อง ตอ้ งกนั กบั วตั ถปุ ระสงคข์ องการประกาศพระศาสนาทท่ี รงแสดงไวต้ งั้ แตต่ น้ วา่ เพือ่ ประโยชน์สขุ และการรูแ้ จ้งธรรมของมหาชน การเผยแผ่ในยุคแรกเป็นการสอนกันด้วยปากเปล่า ถ่ายทอดโดยตรง จากผพู้ ดู สผู่ ฟู้ งั ดว้ ยภาษาทที่ งั้ สองฝา่ ยเขา้ ใจรว่ มกนั เปน็ โอกาสใหถ้ อ้ ยสาำ เนยี ง แห่งพระธรรมเทศนาท่ีกอปรไปด้วยความปรารถนาดีกลั่นกรองใจของผู้ฟัง ให้อ่อนโยนและมีสภาวะท่ีเหมาะสม เม่ือได้รับฟังธรรมท่ีลุ่มลึกไปตามลาำ ดับ 3 “หนฺท มยํ ภนฺเต พทุ ฺธวจนํ ฉนทฺ โส อาโรเปม” แปลว่า “ขา้ แต่พระองคผ์ ูเ้ จรญิ เอาเถดิ พวกเราจะ ยกพุทธวจนะขึ้นโดยฉนั ท์” (วิ.จลุ ลฺ . 7/180/70) ในขอ้ ความนี้ คาำ ว่า ฉนฺทโส “โดยฉันท”์ ถกู แปล และตคี วามหลากหลายนยั บา้ งกว็ า่ หมายถงึ การแปลเปน็ ภาษาสนั สกฤต แบบเดยี วกบั พระเวท (ว.ิ อ. 3/351) บ้างก็ว่าหมายถงึ รอ้ ยกรองเป็นฉนั ทลักษณ์ หรือบ้างก็ว่าหมายถึงตามฉันทะ ซ่ึงยังไม่มขี อ้ ยุติ (Norman 1997: 50-52) 4 “สกาย นริ ุตฺตยิ า” สว่ นใหญ่จะตคี วามกันว่า หมายถึงภาษาทอ้ งถิ่นในอินเดียทพี่ ระพุทธองค์ทรงใช้ สอนอยใู่ นขณะนน้ั อรรถกถากลา่ ววา่ หมายถงึ ถอ้ ยคาำ ของชาวมคธ (ว.ิ อ. 3/351) สว่ นนกั ภาษาศาสตร์ เชอื่ ว่าหมายถงึ ภาษาท้องถนิ่ ของดินแดนท่พี ระพทุ ธศาสนาเผยแผไ่ ปถึง (Salomon 2013: 19) ซ่ึงใน เวลานน้ั ไดแ้ กภ่ าษาอนิ เดยี ทอ้ งถนิ่ ซงึ่ ลว้ นเปน็ ภาษาในตระกลู ปรากฤต แตม่ คี วามหลากหลายไปตาม ท้องทีท่ ใ่ี ชง้ าน และมาคธีก็เป็นหนง่ึ ในนั้นดว้ ย (Norman 1997: 50-52) 4 ร ชนิ า นั ทรา รี ล

www.webkal.org ผู้ฟังที่ส่งใจตามไปได้จึงอาจรู้แจ้งแทงตลอดในธรรมในขณะนั้นตามอุปนิสัย และบารมขี องแต่ละบุคคล แม้ในพระวนิ ยั จะมีรอ่ งรอยบ่งชว้ี ่าการเขยี นน่าจะ มีมาแต่คร้ังพุทธกาลแล้วก็ตาม5 หากการสืบทอดคำาสอนด้วยการทรงจำาและ เผยแผธ่ รรมแบบปากเปล่ายังคงดำาเนินสบื เนอ่ื งตอ่ มาเปน็ เวลาหลายร้อยปี6 หลงั พทุ ธปรนิ พิ พาน พระพทุ ธศาสนาเดนิ ทางเขา้ ไปยงั ดนิ แดนตา่ งๆ ได้ กวา้ งไกลข้นึ แตท่ กุ อย่างก็มไิ ด้ราบร่นื เสมอไป พระภิกษุยงั ตอ้ งเผชิญภัยและ อปุ สรรครอบดา้ น บา้ งตอ้ งอพยพหลบลจ้ี ากสงคราม ประสบความยากลาำ บาก ในการเดนิ ทาง ดนิ ฟาอากาศท่แี ตกตา่ ง จนถงึ ภัยธรรมชาติ ความหลากหลาย ของภาษาและวัฒนธรรมในดินแดนใหม่ ความไม่แน่นอนในการยอมรับของ ราชวงศแ์ ละประชาชน ตลอดจนภยั การเมอื ง การคกุ คามจากตา่ งศาสนกิ หรอื แมจ้ ากชาวพทุ ธดว้ ยกนั เอง ปจั จยั ทงั้ ภายนอกและภายในลว้ นมผี ลตอ่ การยา้ ย ถ่ินฐานหรือการปรับตัวของพระภิกษุซ่ึงมีผลกระทบต่อรูปแบบในการเผยแผ่ หรือแมก้ ระท่งั คำาสอนในบางอย่าง 5 แม้จะมีสิกขาบทวภิ ังค์กำาหนดไว้ในปาราชิกสกิ ขาบทเกยี่ วกบั การเขียนกต็ าม (วิ.มหา. 1/195/142) แตห่ ลกั ฐานทางโบราณคดที ส่ี อ่ื ถงึ ความมอี ยขู่ องการเขยี นหรอื การวาดภาพในทอ้ งถนิ่ อนิ เดยี กลบั วดั อายุย้อนไปไดถ้ ึงราวตน้ พทุ ธศตวรรษท่ี 3 เท่านนั้ (Dietz 2007: 54-5) 6 อย่างไรก็ดี ชาวพุทธในเนปาลเช่ือว่าการบันทึกคำาสอนในพระพุทธศาสนาเป็นภาษาสันสกฤต เร่ิมต้นข้ึนตั้งแต่หลังพุทธปรินิพพานใหม่ๆ และยังดำาเนินสืบเน่ืองต่อมาในประเทศอินเดียจนถึงราว พุทธศตวรรษที่ 17-18 (Shakya, Short History) บทที 1 บทนํา | 5

www.webkal.org หลกั ฐานธรรมกายในคัมภีร์พุทธโบราณ 1 ฉบับวชิ าการ อนึ่ง พระสาวกผู้นำาพระศาสนาเข้าไปในแต่ละท้องถ่ินยังมีความ เช่ียวชาญต่างกัน จึงเป็นธรรมดาอยู่เองที่การเผยแผ่ธรรมจะมีรูปแบบที่ไม่ เหมอื นกนั รวมถงึ ขอ้ วตั รปฏบิ ตั บิ างประการและคาำ สอนทอี่ าจเนน้ ความสาำ คญั กนั คนละดา้ น7 ทง้ั ยงั ตอ้ งปรบั เนอ้ื หาและวธิ กี ารสอนใหเ้ ขา้ กนั ไดก้ บั พนื้ ความรู้ แนวคดิ วฒั นธรรม และรปู แบบการดาำ รงชวี ติ ของผคู้ นในแตล่ ะทอ้ งถน่ิ อกี ดว้ ย เปน็ ทมี่ าของรปู แบบการสอนและการปฏิบตั ธิ รรมท่ีหลากหลาย จากมขุ ปาฐะสอู่ กั ขรวธิ ี : ยคุ สมยั ทเ่ี ปลย่ี นไปกบั เปาหมายทเี่ บย่ี งเบน เม่ือยุคสมัยเปล่ียนไป หรือเมื่อเข้าไปสู่ดินแดนใหม่ท่ีมีพ้ืนฐาน แตกตา่ งกนั คาำ สอนในถอ้ ยคาำ เดมิ ๆ ดจู ะไมเ่ พยี งพอแลว้ ผคู้ นในยคุ ใหมห่ รอื ใน สงิ่ แวดลอ้ มใหมต่ อ้ งการคาำ อธบิ ายเพมิ่ ขนึ้ เพอื่ เขา้ ใจคาำ สอนตามความมงุ่ หมาย เดิม คัมภีร์พระอภิธรรมของสำานักต่างๆ ได้เกิดข้ึนเพ่ืออธิบายสภาวธรรมที่ พระสูตรมิได้กล่าวถึงหรือที่กล่าวไว้ไม่ชัดเจน แน่นอนว่าวิธีการอธิบายของ แตล่ ะสาำ นกั ยอ่ มตา่ งกนั ไปตามความถนดั ของผสู้ อนและอธั ยาศยั ของผรู้ บั ซงึ่ ใน เวลาตอ่ มาอาจมกี ารโตแ้ ยง้ หรอื ปฏเิ สธคาำ อธบิ ายของกนั และกนั ในบางประเดน็ 7 เร่ืองท่ีพระภิกษุผู้มีความเช่ียวชาญกันคนละด้านจะซาบซ้ึงในธรรมคนละประเด็นและเน้นคำาสอนที่ แตกต่างกันมีปรากฏมาตั้งแตค่ รงั้ พุทธกาลแล้ว เช่น ในมหาโคสงิ คสาลสูตร พระสารบี ุตร พระมหา โมคคัลลานะ พระมหากัสสปะ พระอนุรุทธะ พระอานนท์ และพระเรวตะ รวม 6 รูป ซึ่งตา่ งเปน็ เลศิ (เอตทคั คะ) กนั คนละดา้ นไดม้ าสนทนาธรรมกนั พระสารบี ตุ รตงั้ คาำ ถามแลว้ ทกุ รปู รวมทง้ั ตวั ทา่ นเอง พยากรณป์ ญั หาแตกตา่ งกนั เป็น 6 คำาตอบ เมื่อพากันไปเข้าเฝาพระสัมมาสัมพทุ ธเจ้า พระองคท์ รง รับรองว่าทุกคำาตอบล้วนเป็นสุภาษิตท้ังน้ัน ส่วนการที่แต่ละรูปชอบใจคนละคำาตอบก็เพราะมีแรง บันดาลใจและความเชี่ยวชาญกันคนละทาง แล้วพระองค์จึงตรัสคำาตอบท่ี 7 ของพระองค์เองด้วย เป็นการแบ่งปันเหตุแห่งแรงบันดาลใจที่แตกต่างกันด้วยความสมานฉันท์ โดยมิได้มีการโต้เถียงเพ่ือ เอาชนะกนั แต่อย่างใด (ม.มู. 12/369-382/395-407) 6 ร ชนิ า นั ทรา รี ล

www.webkal.org การหยิบยืมคำาอธิบายของกันและกันไปมาระหว่างต่างสำานักท่ีเผยแผ่เข้าไป ในพ้ืนท่ีเดียวกัน เป็นสิ่งท่ีเกิดขึ้นตลอดอายุของการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และเป็นไปได้ว่าความต่างทางภาษาและวัฒนธรรมทำาให้การเผยแผ่แบบปาก เปล่าทำาได้ยากย่ิงขึ้น กอปรกับความลำาบากที่ต้องเผชิญมีผลให้ความทรงจำา อ่อนกำาลังลง การเขียนเร่ิมเข้ามามีบทบาทในการเผยแผ่และสืบทอดคำาสอน ภกิ ษบุ างรปู บางกลมุ่ ไดเ้ รมิ่ จารกึ คาำ สอนไวบ้ นเปลอื กไมไ้ มช่ า้ ไปกวา่ กลางพทุ ธ ศตวรรษท่ี 4-58 และต่อมาในราวกลางพุทธศตวรรษที่ 5 พระภิกษุฝ่ายมหา วหิ ารในศรลี งั กาจงึ ไดบ้ นั ทกึ พระไตรปฎิ กและอรรถกถาของเถรวาทไวเ้ ปน็ ลาย ลักษณอ์ กั ษรบนคัมภรี ์ใบลาน9 เพือ่ ใหม้ น่ั ใจว่าจะเก็บรกั ษาคาำ สอนได้ยาวนาน แมใ้ นยามท่ีความทรงจำาเริ่มเลอื นรางไป 8 จากการวดั อายุของคมั ภีร์ภาษาคานธารีที่เขยี นบนเปลอื กไม้เบิร์ชในกลุ่มท่เี รยี กว่า Split Collection พบวา่ บางชน้ิ มอี ายเุ กา่ แกร่ าวพทุ ธศตวรรษที่ 4 หรอื กลางพทุ ธศตวรรษท่ี 5 เปน็ อยา่ งชา้ (2ndcentury or the beginning of 1st century BC at the latest) (Falk 2011: 15, 19; Cf. Salomon 2009: 14-15) 9 เหตกุ ารณน์ ก้ี ลา่ วไวใ้ นพงศาวดารทอ้ งถนิ่ หลายฉบบั เชน่ ในคมั ภรี ม์ หาวงศ์ (มหาวสำ 1/102-104/235- 236) กล่าวว่าเป็นช่วงรัชกาลของพระเจ้าวัฏฏคามณิอภัยในการขึ้นครองราชย์ครั้งที่สอง คัมภีร์ ชินกาลมาลีปกรณ์ (พระรัตนปัญญาเถระ 2517: 74-75ม 225-7) ระบุวา่ ราว พ.ศ. 450 ในรัชสมยั พระเจ้าวฏั ฏคามินี (เขยี นชื่อตา่ งกนั เลก็ นอ้ ย) สว่ นคัมภรี ศ์ าสนวงศ์ (SVams 26) กลา่ ววา่ “ตามนยั ของคมั ภรี ม์ หาวงศแ์ ละสารตั ถสงั คหะจะเปน็ ปี พ.ศ. 450 แตใ่ นสาสน์ แจง้ ขา่ วทพี่ ระภกิ ษชุ าวศรลี งั กา ส่งมาในรชั สมยั พระราชาผู้สรา้ งกรงุ อมรปุระ (พระเจ้าโบดอพญา) ระบุไว้ว่า พ.ศ. 433” บทที 1 บทนาํ | 7

www.webkal.org หลักฐานธรรมกายในคมั ภีรพ์ ทุ ธโบราณ 1 ฉบบั วชิ าการ การเผยแผ่พระพทุ ธศาสนาไปในภูมิภาคตา่ งๆ ยงั คงดำาเนนิ ต่อเนือ่ งมา ถงึ ปจั จบุ นั วทิ ยาการในการเขยี นทกี่ ลายมาเปน็ เครอื่ งมอื สาำ คญั ในการสบื ทอด และเผยแผค่ าำ สอนไดส้ ง่ ผลกระทบตอ่ การเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาในหลายดา้ น ทแี่ ตกตา่ งกนั 10 ในดา้ นหนงึ่ การเขยี นชว่ ยใหช้ าวพทุ ธสามารถทรงรกั ษาคาำ สอน เกา่ แกไ่ วไ้ ดโ้ ดยไมผ่ ดิ เพยี้ นไปจากเนอ้ื หาทเี่ คยทอ่ งจาำ สบื ตอ่ กนั มาโดยมขุ ปาฐะ โดยการคัดลอกเนื้อหาต่อมาเรื่อยๆ ในขณะท่ีต้นฉบับเดิมเสื่อมสลายไปตาม กาล11 ในบางภาวะทก่ี ารเผยแผ่แบบปากเปล่าทำาไมไ่ ดห้ รอื เข้าไมถ่ ึง การเขยี น อาจเข้าถึงได้ ทำาให้การเผยแผ่เป็นไปอย่างรวดเร็ว ท่ัวถึง และกว้างขวางขึ้น อยา่ งไรกด็ ี ธรรมชาตขิ องการเขยี นซงึ่ เปน็ การสอื่ สารทางเดยี วไดล้ ดทอนความ สามารถของผู้รับสาส์นท่ีจะเข้าใจนัยของผู้ถ่ายทอดได้อย่างลึกซ้ึงซึ่งเป็นส่ิงท่ี เคยสอ่ื ไดจ้ ากการถา่ ยทอดโดยตรง การขยายความจงึ เกดิ ขน้ึ เพอ่ื ทดแทน “นยั ” ทข่ี าดหายไป12 วรรณกรรมพระพทุ ธศาสนาเกิดขนึ้ หลายรปู แบบเพือ่ เชื่อมโยง คำาสอนในอดีตให้เนื่องกับปจั จบุ นั มีทงั้ การอธิบายธรรมะแบบท่ัวไป การเดนิ เร่อื งเปน็ นิทานหรือเรอ่ื งเล่า ขยายความในรปู แบบของหลกั ปรัชญา หรือแบบ 10 มขี อ้ สงั เกตวา่ วตั ถปุ ระสงคใ์ นการบนั ทกึ คาำ สอนดว้ ยการเขยี นของเถรวาทชว่ งแรกเรม่ิ กบั ของมหายาน ดูจะแตกต่างกัน ในขณะที่เถรวาทบันทึกคำาสอนเพ่ือ “เก็บรักษาคำาสอนไว้ไม่ให้เลือนหายไปตาม ความทรงจาำ ” มหายานกลบั ใชก้ ารเขยี นในการเผยแผค่ าำ สอน ดงั จะเหน็ ไดจ้ ากตอนทา้ ยของพระสตู ร มหายานทจ่ี ะมขี อ้ ความแนะนาำ ใหค้ ดั ลอก เผยแพรค่ าำ สอนในคมั ภรี น์ น้ั ๆ ออกไปใหม้ ากทส่ี ดุ และกลา่ ว ถึงอานสิ งสอ์ นั ยิง่ ใหญ่ของการคัดลอกและเผยแพรค่ ำาสอนนนั้ สผู่ อู้ ่นื ไว้มากมาย 11 กระนั้นก็เปน็ ไปไดว้ ่าในการคัดลอกแตล่ ะครงั้ อาจเกดิ ความผิดพลาดได้ และผู้คดั ลอกอาจถือโอกาส ปรับแก้ไขข้อความบางแห่งตามที่ตนเข้าใจว่าถูกต้องกว่า ดังจะเห็นได้จากการศึกษาคัมภีร์ว่าแต่ละ ฉบับมจี ดุ ทแี่ ตกต่างกันมากบ้างน้อยบา้ ง 12 นักวชิ าการหลายทา่ นมคี วามเห็นทำานองเดยี วกนั ว่า การเผยแผ่ด้วยการเขียนเปน็ ส่วนสาำ คญั ทีท่ ำาให้ เกดิ การปรบั เนอื้ หาของคำาสอนท่ีบนั ทึกไว้ (Falk and Karashima 2013: 100) 8 ร ชนิ า นั ทรา รี ล

www.webkal.org ผสมผสาน เป็นตน้ เพอ่ื ใหต้ รงกับอัธยาศยั ของผูร้ ับสาส์นแตล่ ะกลุม่ บ้างกย็ งั รักษาวัตถุประสงค์เดิมในการเผยแผ่ไว้ได้ แม้จะมีรูปแบบที่หลากหลายแต่ยัง คงมงุ่ หมายเพอื่ ความเขา้ ใจธรรมอยา่ งถกู ตอ้ งของมหาชน เพอื่ ประโยชนใ์ นการ ดาำ เนนิ ชวี ติ อยา่ งถกู ตอ้ งและพฒั นาตนไปสคู่ วามหลดุ พน้ จากทกุ ขใ์ นวฏั สงสาร และบ้างก็มีเปาหมายที่แปรเปลี่ยนไป กลายเป็นการถกเถียงเพ่ือเอาชนะกัน โตแ้ ย้งหักลา้ งกัน เหยียดหยามดูหม่ินกนั จนถงึ กบั ทาำ ลายล้างฝ่ายทีต่ นคดิ ว่า ผดิ ไปบ้างก็ม1ี 3 พระพทุ ธศาสนาเถรวาทในเอเชยี อาคเนย์ ในระหว่างเวลานั้นพระพุทธศาสนาได้เข้ามายังเอเชียอาคเนย์หลาย ระลอก จากหลายเสน้ ทาง และนาำ เขา้ มาโดยบคุ คลหลายกลุ่ม การศึกษาทาง ประวตั ศิ าสตรแ์ ละโบราณคดีบง่ ชว้ี า่ พ้นื ทตี่ ่างๆ ในภูมภิ าคนไ้ี ดร้ บั คาำ สอนของ พระพทุ ธศาสนาตา่ งนกิ าย และในช่วงเวลาทีต่ า่ งกนั 14 13 เรื่องราวของการต่อสู้หรือแก่งแย่งกันในระหว่างชาวพุทธด้วยกันเอง มีกล่าวไว้มากในพงศาวดาร ของประเทศศรีลังกา เช่น ทปี วงศ์ มหาวงศ์ สำาหรับงานวิชาการทศี่ กึ ษาเรอื่ งนโี้ ดยละเอียด ดูไดจ้ าก Chandawimala 2013 นอกจากนี้ ในคัมภีร์พระพุทธศาสนาบางส่วนยังมีร่องรอยแสดงออกถึงการ ดูหม่นิ เหยยี ดหยามกนั ในระหว่างชาวพทุ ธต่างนิกายกันดว้ ย 14 การศึกษาร่องรอยพระพุทธศาสนาในประเทศไทยจากศิลปวัตถุแสดงถึงการเข้ามาของพระพุทธ ศาสนานิกายต่างๆ ในคนละช่วงเวลาตั้งแต่ปลายพุทธศตวรรษท่ี 10 เป็นต้นมา มีทั้งนิกายหลักท่ี หลากหลาย จนถึงมหายานและวชั รยาน (พริ ยิ ะ ไกรฤกษ์ 2553: 37) บทที 1 บทนํา | 9

www.webkal.org หลักฐานธรรมกายในคมั ภรี พ์ ทุ ธโบราณ 1 ฉบบั วชิ าการ งานวิจัยของพระปอเหม่า ธมฺมิโต (2557) ระบุว่า พระพุทธศาสนา เถรวาทจากอินเดียเร่ิมเข้ามาสู่ดินแดนสุวรรณภูมิและประเทศกัมพูชาต้ังแต่ ราว พ.ศ. 300-500 ในช่วงเวลาที่ประเทศกัมพูชามีนครเกาะโกกธะโลกเป็น เมอื งหลวง และมารงุ่ เรอื งมากในราวพทุ ธศตวรรษที่ 7-8 ในรชั สมยั ของพระเจา้ พุธศรีมาระแห่งราชอาณาจักรฟูนัน ส่วนพระพุทธศาสนามหายานสาย อาจรยิ วาทกเ็ รมิ่ เผยแผเ่ ขา้ มาในกมั พชู าราวพทุ ธศตวรรษที่ 12 และมารงุ่ เรอื ง มากทส่ี ดุ ในรัชสมยั ของพระเจา้ ชยั วรมันท่ี 7 ในราวพุทธศตวรรษที่ 18 ในปลายรชั สมยั ของพระเจ้าชัยวรมันท่ี 7 พระราชโอรสไดน้ าำ พระพทุ ธ ศาสนาเถรวาทแบบลงั กาวงศเ์ ขา้ ไปเผยแผใ่ นประเทศกมั พชู า และในราวกลาง พุทธศตวรรษท่ี 19 พระพุทธศาสนาเถรวาทก็ได้รับการสนับสนุนจากราช สำานักให้เป็นศาสนาประจำาชาติของกัมพูชามาจนถึงปัจจุบัน รวมท้ังในเวลา ที่ประเทศกัมพูชาตกเป็นอาณานิคมของฝร่ังเศสด้วย การศึกษาคัมภีร์ใบลาน เขมรในประเทศกัมพูชาพบว่ามีทั้งคัมภีร์ที่จารเป็นภาษาเขมรล้วนและท่ีจาร ด้วยภาษาเขมรปนไทย ทั้งน้ีเพราะกัมพูชาเคยอยู่ในการปกครองของสยาม ในชว่ งระยะเวลาหนึ่ง พร้อมกันกับการเผยแผ่เข้ามาของพระพุทธศาสนานั้น คำาสอนของ ศาสนาอื่นก็ได้เผยแผ่เข้ามาในผืนแผ่นดินเอเชียอาคเนย์น้ีด้วย หากด้วย คุณสมบัติอันโดดเด่นของพระพุทธศาสนาท่ีดำารงอยู่ร่วมกับความเชื่ออ่ืนและ รูปแบบการดำาเนินชีวิตที่ต่างกันได้โดยสันติ พระพุทธศาสนาจึงปักหลักอยู่ ในภูมิภาคนี้ได้ยาวนานและกลายเป็นศาสนาหลักของภูมิภาค ในระยะกาล ที่ผ่านไปหลายร้อยปี คำาสอนในพระพุทธศาสนาต่างนิกาย และวัฒนธรรมท่ี 10 ร ชนิ า นั ทรา รี ล

www.webkal.org รับมาจากอินเดีย ไดห้ ลอมรวมกนั เขา้ กับความเช่ือเดิมและวฒั นธรรมท้องถ่นิ กลายเป็นรูปแบบการดาำ รงชีวิต ทัศนคติ พิธีกรรม วธิ ปี ฏิบัติ และความเชอื่ ท่ี มีลักษณะเฉพาะของท้องถิ่นน้ันๆ15 อย่างไรกด็ ี พระพุทธศาสนาในภูมภิ าคนีก้ ็ มกั ถกู เรยี กรวมกนั วา่ “เถรวาท” (Crosby 2003) ตามกระแสทรี่ บั เขา้ มาหลาย ระลอกและในหลายรูปแบบ วชิ ชาธรรมกาย ปลายปีพุทธศักราช 2460 ในแวดวงชาวพุทธเถรวาทในประเทศไทย พระมงคลเทพมนุ ี (สด จนทฺ สโร) หรอื หลวงพอ่ วดั ปากนา้ำ ภาษเี จรญิ ไดเ้ รมิ่ ตน้ สอนหลักธรรมปฏิบตั ทิ เี่ รยี กวา่ “วชิ ชาธรรมกาย” ทีม่ คี วามโดดเดน่ ในแง่ของ การเชิดชู “ธรรมกาย” ในฐานะท่ีเป็นกายแห่งการตรัสรู้ธรรมท่ีมีอยู่ภายใน มนษุ ยท์ กุ คนซง่ึ จะเขา้ ถงึ ไดด้ ว้ ยการปฏบิ ตั ธิ รรมอยา่ งถกู วธิ ี การเจรญิ วปิ สั สนา เพื่อกำาจัดกิเลสอาสวะให้หมดสิ้นต้องเร่ิมต้นจากการเข้าถึงธรรมกาย คือกาย แห่งพุทธะที่บริบูรณ์ด้วยความรู้แจ้ง งามพร้อมด้วยลักษณะมหาบุรุษ เพื่อ อาศัยธรรมกายท่ีบริบูรณ์ด้วยธรรมจักษุและญาณทัสนะในการรู้แจ้งอริยสัจสี่ ตามความเปน็ จรงิ 15 ประพจนต์ ง้ั ขอ้ สังเกตว่า แม้จะนบั ถอื พระพทุ ธศาสนากต็ าม วถิ ีชีวิตของผู้คนในเอเชียอาคเนยย์ งั ติด อยกู่ บั รปู แบบพธิ กี รรมของพราหมณห์ รอื ความเชอ่ื ทอ้ งถน่ิ พรอ้ มกนั กบั ทพ่ี วกเขาทาำ บญุ ในพระพทุ ธ ศาสนาและคำาสอนในพระพุทธศาสนามีบทบาทสำาคัญในแง่ของศีลธรรมในครอบครัวและสังคม (Assavavirulhakarn 2010) บทที 1 บทนํา | 11

www.webkal.org หลกั ฐานธรรมกายในคมั ภีร์พุทธโบราณ 1 ฉบับวิชาการ เนอื่ งจากความหมายของ “ธรรมกาย” ในแงม่ มุ ดงั กลา่ ว รวมทงั้ “พทุ ธ ลักษณะ” ของธรรมกายมิได้เป็นท่ีคุ้นเคยของชาวพุทธเถรวาทในปัจจุบัน และดูเหมือนจะเป็นที่คุ้นเคยมากกว่าในแวดวงของพระพุทธศาสนามหายาน คำาสอนและหลักปฏิบัติในวิชชาธรรมกายจึงกลายเป็นท้ังจุดสนใจและเป็นที่ สงสัยของมหาชนในเวลาเดยี วกัน 1.2. ประเดนปญหากับวัตถปุ ระสงคข์ องงานวิจยั อาจกล่าวได้ว่า นับแต่พระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) ค้นพบและ เผยแผว่ ิชชาธรรมกายในปี พ.ศ. 2460 เป็นตน้ มา ไดเ้ กิดแรงสน่ั สะเทอื นครงั้ ใหญ่ต่อวงการคณะสงฆ์และพระพุทธศาสนาในประเทศไทยจวบจนปัจจุบัน ความสั่นสะเทอื นดงั กลา่ วสง่ ผลในสองลกั ษณะใหญๆ่ คือ 1. มคี นจาำ นวนมากเกดิ ความสนใจ ไดไ้ ปศกึ ษาดว้ ยตนเอง และฝกสมาธิ ภาวนาตามวิธีการท่ีพระมงคลเทพมุนีแนะนำา ซึ่งมีท้ังผู้ท่ีสนใจศึกษาโดยตรง ผู้ที่ต้องการพิสูจน์ และผู้ท่ีไปเพื่อแก้ไขอาการเจ็บป่วย16และเม่ือเห็นคุณของ ธรรมปฏบิ ตั จิ งึ ไดห้ นั มาฝกฝนอยา่ งจรงิ จงั ตา่ งไดร้ บั ประโยชนม์ ากนอ้ ยไปตาม กาำ ลังแห่งการปฏบิ ตั ขิ องแตล่ ะคน และกอ่ ให้เกดิ ความเช่อื ม่นั ศรัทธาในวิชชา ธรรมกาย เป็นผลให้มีผู้ไปฝกปฏิบัติสมาธิภาวนาวิชชาธรรมกายเป็นจำานวน มากทงั้ บรรพชิตและฆราวาสจากจงั หวดั ต่างๆ ทว่ั ประเทศ 16 ดรู ายละเอยี ดเพ่มิ เติมในชีวประวตั พิ ระมงคลเทพมุนี ในบทที่ 2 (ข้อ 2.1) 12 ร ชนิ า ันทรา รี ล

www.webkal.org 2. มีคนจำานวนไม่น้อยที่สงสัยในคำาสอนและหลักธรรมปฏิบัติตาม แนวทางทพี่ ระมงคลเทพมนุ ไี ดแ้ นะนาำ ไว้ บา้ งกม็ คี วามระแวงในเรอ่ื งทม่ี จี าำ นวน คนไปปฏิบัติธรรมมากกว่าที่เคยพบเห็นในที่อ่ืน จนถึงกับสร้างกระแสการ วิพากษ์วิจารณ์ หรือกล่าวโจมตีในทางที่เสียหายโดยประการต่างๆ บ้างก็ว่า ไมใ่ ชค่ ำาสอนและการปฏิบตั ใิ นพระพทุ ธศาสนา บา้ งกว็ ่าเปน็ เพยี งสมถวิธไี มใ่ ช่ วปิ สั สนา ไมอ่ าจนาำ ผปู้ ฏบิ ตั ใิ หห้ ลดุ พน้ ได้ และบา้ งกว็ า่ สอนใหต้ ดิ นมิ ติ อปุ าทาน และยดึ ตดิ ในตัวตนทคี่ วรจะต้องปล่อยวาง เปน็ ตน้ สถาบนั วจิ ยั นานาชาติธรรมชัย (DIRI) จงึ นำาเสนอโครงการวจิ ัยน้เี พ่ือ ศึกษาเร่ืองราวและร่องรอยของคำาสอนในวิชชาธรรมกายอย่างเป็นระบบใน ทางวิชาการ โดยศึกษาคำาสอนและหลักการปฏิบัติธรรมท่ีกล่าวไว้ในวิชชา ธรรมกาย เปรยี บเทียบกับคำาสอนและหลกั การปฏิบัตใิ นพระพทุ ธศาสนาดงั ที่ มปี รากฏอยูใ่ นคัมภีรพ์ ทุ ธ ท้ังทีม่ กี ารรวบรวมเปน็ ชุดและตพี ิมพ์แล้ว และทยี่ ัง กระจัดกระจายอยู่ในต้นฉบับคัมภีร์ดั้งเดิมของพระพุทธศาสนาที่พบในท้องท่ี ต่างๆ เพ่ือรวบรวมข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการพิจารณาความมีอยู่จริงของ คำาสอนวิชชาธรรมกายในพระพุทธศาสนามาแต่ด้ังเดิม และในการพิจารณา ความเป็นไปได้ของคำากล่าวที่ว่าพระมงคลเทพมุนีได้ค้นพบหลักการนี้ขึ้นมา ใหม่ หลงั จากทสี่ ญู หายไปหลังพุทธปรนิ พิ พานราว 500 ปี บทที 1 บทนาํ | 13

www.webkal.org หลกั ฐานธรรมกายในคมั ภีรพ์ ุทธโบราณ 1 ฉบบั วชิ าการ 1.3. สิงทีคาดวา่ จะไดร้ บั คณะวิจัยคาดหวังว่า การศึกษาร่องรอยธรรมกายในต้นฉบับคัมภีร์ ดงั กลา่ วจะทาำ ใหไ้ ดข้ อ้ สรปุ หรอื อยา่ งนอ้ ยรอ่ งรอยทเี่ ปน็ ประโยชนแ์ ละนา่ สนใจ เกย่ี วกบั การเดนิ ทางของคาำ สอนเรอื่ งธรรมกายในพระพทุ ธศาสนาตงั้ แตต่ น้ หรอื อย่างนอ้ ยยุคโบราณจนถงึ ปัจจบุ ัน โดยเน้นประเดน็ หลักตอ่ ไปนี้ 1. ได้คำาตอบถงึ การมีอยู่ของคำาสอนวิชชาธรรมกายในพระพทุ ธศาสนา ยคุ ด้ังเดิมอยา่ งน้อยในดนิ แดนต้นแหลง่ ของคัมภรี ท์ ีศ่ ึกษา 2. ไดข้ ้อมลู เบื้องต้นที่เปน็ ประโยชน์ในการประเมนิ ความเป็นไปได้จริง ของคำากล่าวที่ว่า พระมงคลเทพมุนี “ค้นพบ” วิชชาธรรมกายท่ีสูญหายไป นานหลังพทุ ธปรนิ พิ พานราว 500 ปี 3. นอกจากน้ี คณะวจิ ยั ยงั คาดหวงั วา่ ผลการวจิ ยั อาจทาำ ใหเ้ หน็ ภาพรวม ทช่ี ดั เจนขน้ึ ของการเผยแผพ่ ระพทุ ธศาสนาในยคุ เกา่ กอ่ น โดยเฉพาะอยา่ งยง่ิ ที่ มสี ว่ นเกยี่ วขอ้ งกบั การเกดิ ขนึ้ ของคาำ สอนในนกิ ายตา่ งๆ หรอื การถา่ ยทอดหยบิ ยืมคาำ สอนกันในระหว่างพระพุทธศาสนาตา่ งนิกายและตา่ งทอ้ งท่ี 1.4. นยิ ามศัพท์ คันธาระ ในงานวิจัยน้ี หมายถึงดินแดนในทางตะวันตกเฉียงเหนือ ของอินเดียที่จัดเป็นแคว้นคันธาระโบราณ ครอบคลุมพื้นที่ของประเทศ อฟั กานสิ ถาน ปากีสถาน แบคเทรีย และแคชเมียร์ คมั ภรี โ์ บราณ ตน้ ฉบบั คมั ภรี ล์ ายมอื เขยี น ทจ่ี ารกึ ลงบนใบลาน เปลอื กไม้ 14 ร ชนิ า นั ทรา รี ล

www.webkal.org กระดาษ หรือวัสดุอ่ืนๆ ทใ่ี ชศ้ กึ ษา มีอายตุ ้ังแตก่ ลางพทุ ธศตวรรษท่ี 5 ถงึ ราว พุทธศตวรรษที่ 18 ในคันธาระและเอเชียกลาง หรือราวพุทธศตวรรษที่ 18 หรอื หลงั จากนนั้ ในเอเชยี อาคเนย์ อนิ เดยี และเนปาล รวมถงึ เนอื้ หาทร่ี วบรวม เป็นเล่มหรอื ฐานข้อมูลจากต้นฉบับคัมภีร์ดงั กล่าว เถรวาท พระพุทธศาสนาแบบที่นับถือและปฏิบัติเป็นหลักกันอยู่ใน ประเทศไทย ลาว พมา่ กัมพูชา และศรีลังกา17 ธรรมกาย คำานามหรือคำาคณุ ศพั ทท์ พ่ี บในคัมภรี ท์ ่ีศึกษา หรือกายแหง่ พทุ ธะ ดงั ทร่ี ะบใุ นคาำ สอนของพระมงคลเทพมุนี (สด จนฺทสโร) นิกาย สำานักในพระพุทธศาสนาที่แยกสายออกไปหลังการสังคายนา แต่ละครั้ง หรือแยกด้วยความไม่ลงรอยทางพระวินัย หรือด้วยความแตก ต่างในการตีความพระพุทธวจนะ เช่น เถรวาท มหาสางฆิกะ สรรวาสติวาท เสาตรานตกิ ะ ธรรมคปุ ตก์ มหีศาสกะ สมั มตยี ะ โลโกตตรวาท เปน็ ตน้ คำาว่า “นิกาย” ยังมีใช้ในอีกความหมายหนึ่ง คือ หมวดหมู่ของ พระสูตรบาลีซึ่งมี 5 หมวด ได้แก่ ทีฆนิกาย มัชฌิมนิกาย สังยุตตนิกาย อังคตุ ตรนิกาย และขุททกนกิ าย แตใ่ นความหมายน้ี โดยปกติจะไมพ่ บคำาว่า “นิกาย” มาเด่ียวๆ นอกจากจะมาเป็นช่ือหมวดท่ีระบุเฉพาะเจาะจง เป็น 17 แมว้ า่ ความเปน็ มาและคาำ จาำ กดั ความของ “เถรวาท” จะคลมุ เครอื (Cox 2003; Crosby 2003; Skilling 2012) และแม้ว่าความจรงิ ขอ้ ปฏิบตั เิ ก่ยี วกบั พธิ กี รรมและความเชอื่ ต่างๆ ของพทุ ธศาสนาในเอเชยี อาคเนยจ์ ะเปน็ ผลพวงของการหลอมรวมความเปน็ พทุ ธหลากหลายรปู แบบเขา้ ดว้ ยกนั กต็ าม แตโ่ ดย รวมแลว้ หลกั การสว่ นใหญข่ องชาวพทุ ธในเอเชยี อาคเนยย์ งั คงนบั วา่ เปน็ เถรวาท (Assavavirulhakarn 2010; Crosby 2003) และในงานวิจยั นีจ้ ะใช้คำาวา่ เถรวาทในความหมายน้ี บทที 1 บทนาํ | 15

www.webkal.org หลักฐานธรรมกายในคมั ภรี ์พทุ ธโบราณ 1 ฉบับวิชาการ ทฆี นกิ าย มชั ฌมิ นกิ าย เป็นตน้ หรือหากมาเด่ียวก็พบน้อยมาก เฉพาะในเวลา เปรยี บเทียบกบั คัมภรี ์ “อาคมะ” (ดูนยิ าม “อาคมะ” ขา้ งลา่ ง) เทา่ นั้น นิกายหลัก นิกายในพระพุทธศาสนาที่ไม่ใช่มหายาน เป็นคำาใช้แทน “หินยาน”18 เป็นคำาแปลแบบย่อมาจาก “mainstream Buddhist schools” เพ่ือความสะดวกในการใช้งาน มหายาน คำาเรียกพระพุทธศาสนาแบบที่เคยเชื่อกันว่าเกิดขึ้นมา ภายหลังและเน้นการปฏิบัติเพื่อตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้ามากกว่าที่จะเป็นพระ อรหันตสาวก แม้ชาวพุทธส่วนใหญ่ในประเทศไทยจะเคยเชื่อกันว่าพระพุทธ ศาสนาแบ่งออกเป็นนิกายหินยานและมหายานก็ตาม หากเส้นแบ่งระหว่าง หินยาน-มหายานแบบที่เคยเชื่อกันน้ันกลับไม่เคยมีความชัดเจนแต่อย่างใด (ประพจน์ อศั ววริ ฬุ หการ 2546: 1) หรือหากเคยชดั เจนก็เริม่ จะเลือนหายไป แลว้ เพราะคาำ สอนบางอยา่ งหรอื บางพระสตู รทเี่ คยเชอื่ กนั วา่ เปน็ ของมหายาน นน้ั มาทราบในภายหลงั เมอื่ ไดศ้ กึ ษาหลกั ฐานทางประวตั ศิ าสตรแ์ ละโบราณคดี ว่า เปน็ คาำ สอนหรอื พระสตู รของนิกายหลักบางนกิ ายมาแตเ่ ดมิ แต่ถูกนบั เข้า เปน็ ของมหายานด้วยความเข้าใจผิด (Cox 2003: 507; Williams 2009: 17- 18) จงึ เปน็ เรอ่ื งยากทจ่ี ะกาำ หนดวา่ ตรงไหนคือมหายาน ดงั นนั้ นกั วิชาการบาง สว่ นจงึ เลอื กทจ่ี ะกลา่ วถงึ มหายานในฐานะทเี่ ปน็ สว่ นหนงึ่ ของนกิ ายหลกั (Cox 18 หินยาน/หีนยาน มีความหมายว่า ยานเล็ก หรือยานเลว เป็นศัพท์ท่ีแสดงความหมายในเชิงดูหม่ิน เชื่อว่าเป็นคำาที่ใช้โดยกลุ่มชาวพุทธท่ีเรียกตนเองว่า “มหายาน” ในความหมายว่ามีอุดมการณ์อัน ย่งิ ใหญ่ในการบำาเพญ็ บารมเี ป็นพระโพธิสตั วเ์ พือ่ ชว่ ยเหลือสัตวโ์ ลกทัง้ หลาย ใชเ้ รียกชาวพทุ ธกลมุ่ ที่ ต้ังเปาหมายเพ่ือการบรรลธุ รรมและหลดุ พน้ เฉพาะตน 16 ร ชนิ า นั ทรา รี ล

www.webkal.org 2003: 507) อย่างไรก็ตาม เพอ่ื ความไมส่ ับสนแกผ่ ู้อา่ นทีไ่ ม่คุน้ เคย งานวจิ ยั นี้ จะยังใช้คำาน้ีตามความเข้าใจแบบเดิมในการอ้างอิงถึงกลุ่มชาวพุทธที่เรียก ตนเองว่ามหายาน หรือคัมภีร์ท่ีมีลักษณะของมหายานดังท่ีกำาหนดกันในทาง วิชาการพุทธศาสตร์ปจั จบุ นั แต่จะเป็นเพยี งการแบ่งอย่างหลวมๆ เพอ่ื ความ สะดวกในการกลา่ วถึงเทา่ นน้ั โยคาวจร โดยคาำ แปล หมายถงึ ผปู้ ฏบิ ตั สิ มาธภิ าวนา อยา่ งไรกด็ คี าำ นไี้ ด้ ถกู นำามาใช้ในความหมายทก่ี ว้างขึ้นในวงวิชาการโดยเฉพาะอย่างยิง่ ในแวดวง การศกึ ษาพระพุทธศาสนาในเอเชยี อาคเนย์ โดยมีความหมายรวมถึงแนวการ ปฏิบัติและคำาสอนในพระพุทธศาสนาเถรวาทแบบท้องถิ่นที่นับถือกันอยู่ใน เอเชยี อาคเนย์ ในงานวจิ ยั นโี้ ดยเฉพาะอยา่ งยงิ่ ในบทที่ 4 จะใชค้ าำ วา่ โยคาวจร ในความหมายนี้ ส่วนความหมายดั้งเดิมท่ีหมายถึงผู้ปฏิบัติสมาธิภาวนาจะยัง คงใช้ในการแปลบทบาลตี า่ งๆ ตามปกติ ร่องรอยธรรมกาย สิ่งท่ีสอดคล้องหรือตรงกันกับคำาสอนในวิชชา ธรรมกาย ซึ่งเป็นเครื่องบ่งช้ีถึงคำาสอนเก่าที่ได้รับการเก็บรักษาและถ่ายทอด สบื ตอ่ มา ซึง่ ในปัจจบุ นั มปี รากฏในคาำ สอนวิชชาธรรมกาย วิชชาธรรมกาย โดยนิยาม “วิชชาธรรมกาย” หมายถึงความรู้แจ้งที่ เกิดจากการเห็นแจ้งด้วยญาณทัสนะของธรรมกาย เป็นความรู้แจ้งในระดับ วิปัสสนาที่เกิดขึ้นภายหลังจากท่ีได้เข้าถึงพระธรรมกายแล้วเท่าน้ัน ได้แก่ วิชชา 3 วชิ ชา 8 อภญิ ญา 6 ปฏิสมั ภทิ าญาณ 4 วิโมกข์ 8 และการบรรลุมรรค ผล นิพพาน แต่ในงานวจิ ยั น้ี เมอื่ พูดถงึ “วชิ ชาธรรมกาย” จะหมายรวมถึง วิธีปฏิบัติธรรมต้ังแต่เบื้องต้นท่ีอาจเรียกว่า “การปฏิบัติธรรมเพื่อให้เข้าถึง บทที 1 บทนาํ | 17

www.webkal.org หลักฐานธรรมกายในคัมภีรพ์ ุทธโบราณ 1 ฉบบั วิชาการ พระธรรมกาย” ตามทสี่ อนโดยพระมงคลเทพมุนี (สด จนทฺ สโร) ดว้ ย และใน ความหมายกวา้ งจะรวมถงึ คาำ สอนทง้ั หมดของพระมงคลเทพมนุ ี (สด จนทฺ สโร) ทม่ี ีส่วนเกี่ยวขอ้ งกับการเจริญสมาธิภาวนาด้วย หลักฐาน หมายถึงข้อมลู ในรูปของตัวอักษร รูปภาพ ซ่งึ ถกู จารึกไว้ใน วสั ดชุ นดิ ตา่ งๆ หรอื ทร่ี วบรวมไวเ้ ปน็ ฐานขอ้ มลู เพอื่ การศกึ ษา รวมถงึ หลกั ฐาน ทางโบราณคดี อาคมะ หมวดหมพู่ ระสตู รในคาำ สอนของนกิ ายหลกั อนื่ ๆ ทไ่ี มใ่ ชเ่ ถรวาท ซึ่งอาจเทียบได้อย่างหลวมๆ กับคำาว่า “นิกาย” ในฐานะท่ีเป็นหมวดหมู่ พระสตู รบาลี ไดแ้ ก่ ทรี ฆาคมะ มธั ยมาคมะ สงั ยกุ ตาคมะ เอโกตตราคมะ (หรอื เอโกตตรกิ าคมะ) และกษทุ รกาคมะ (หรอื กษทุ รกปฎิ ก) เทยี บไดก้ บั ทฆี นกิ าย มัชฌิมนิกาย สังยุตตนิกาย องั คตุ ตรนิกาย และขุททกนิกาย ตามลำาดับ สว่ น ท่เี ขยี นประวสิ รรชนยี ์ไวเ้ ปน็ “อาคมะ” แทนทจี่ ะเป็น “อาคม” นนั้ เพอ่ื อนุวตั ตามท่ีนิยมออกเสยี งกนั ในทางวิชาการ และเพ่ือปองกันการสับสนกับ “คาถา อาคม” หรือ “วชิ าอาคม” ในความเขา้ ใจของคนไทย เอเชียกลาง พ้ืนท่ีในจังหวัดซินเจียง (Xinjiang) ปัจจุบัน ซึ่ง เป็นเขตปกครองตนเองในทิศตะวันตกของประเทศจีน บางทีเรียกว่า “เตอร์กีสถานตะวันออก” (Eastern Turkestan) หรือเตอร์กีสถานของจีน (Chinese Turkestan)19 19 คำาว่า เอเชยี กลาง ในความหมายกวา้ ง จะครอบคลุมพ้นื ท่ขี องคนั ธาระและพน้ื ท่โี ดยรอบดว้ ย แต่ใน งานวิจัยนี้ จำากัดความหมายของเอเชียกลางไว้เพียงบริเวณฝังตะวันตกของจีน ซึ่งเป็นแหล่งค้นพบ คมั ภรี ์โบราณในพระพทุ ธศาสนาเท่านน้ั 18 ร ชนิ า นั ทรา รี ล