ดา้ นจิตพสิ ยั -ระบ ายสีแดง -ระบายสีแดง -ระบายสีแดง -ร ะ บ า ย สี แ ด ง เขม และระบาย ไมเ ขา (A) เขม ไมระบาย เขม ไมระบาย เขม ไมระบาย เขม แตระบาย ออกนอกเส น ชนั้ -มวี นิ ัย ออ ก น อ ก เ ส น ออกนอกเส น ออ ก น อ ก เ ส น ออ ก น อ ก เ ส น เลก็ จามวนมาก เรียน -มุงมั่นในการ แ ล ะ สี ข อ ง เ ส น และสีของเสน และสีของเสน เล็กนอ ย -ปะติดกระดาษ ทางาน คมชัด คมชัด คมชัด -ปะติดกระดาษ ไ ม เ รี ย บ เ นี ย น -รักความเปน็ -ปะติดกระดาษ -ปะติดกระดาษ -ปะติดกระดาษ ไ ม เ รี ย บ เ นี ย น ไ ม เ ห็ น ร อ ย ไทย เ รี ย บ เ นี ย น เรียบเนียน เห็น ไมเรียบเนียน เ ห็ น ร อ ย แตกราวหลาย เ ห็ น ร อ ย ร อ ย แ ต ก ร า ว เ ห็ น ร อ ย แ ต ก ร า ว สวน แตกราวชดั เจน ชัดเจน แตกรา วชดั เจน บางสว น -ช้ิ น ส ว น ข อ ง -ชิ้ น ส ว น ข อ ง -ชิ้ น ส ว น ข อ ง -ช้ิ น ส ว น ข อ ง -ช้ิ น ส ว น ข อ ง กระดาษหายไป กระดาษครบ กระดาษครบ กระดาษครบ กระดาษหายไป บางชิ้น ทุกช้นิ ทุกช้นิ ทุกชน้ิ บางชิ้น -ผ ล ง า น -ผ ล ง า น -ผ ล ง า น -ผ ล ง า น -ผ ล ง า น ส ะ อ า ด แ ต ไ ม เ รี ย บ ร อ ย เ รี ย บ ร อ ย เ รี ย บ ร อ ย ส ะ อ า ด แ ต ไ ม สมบรู ณ์ สะอาดสมบูรณ์ สะอาดสมบรู ณ์ สะอาดสมบูรณ์ สมบูรณ์ -เ ข า ช้ั น เ รี ย น -เ ข า ชั้ น เ รี ย น - -- แ ล ะ มี ค ว า ม แ ต ไ ม มี ค ว า ม มุ ง ม่ั น ใ น ก า ร มุ ง มั่ น ใ น ก า ร ทางาน ทางาน -เห็นคุณคาของ -ไ ม เ ห็ น คุ ณ ค า ศลิ ปะไทย ของศลิ ปะไทย เกณฑ์การประเมิน ประเมิน คะแนน ดี 9 - 10 7-8 ปานกลาง 5–6 นอย 10. สื่อ อปุ กรณ์และแหลง่ การเรียนรู้ สอื่ การเรียนรู้ 1. ใบความรทู ศั นศลิ ป 4 ภมู ิภาค
อุปกรณ์ - สไี ม - ดินสอ/ยางลบ - ใบงาน แหลง่ การเรียนรู้ 1. หนังสอื เรยี น รายวชิ าพน้ื ฐาน ทัศนศลิ ป กลมุ สาระการเรียนรูศลิ ปะ ระดบั ช้ัน ประถมศึกษาปีท่ี 3 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พื้นฐาน พ.ศ. 2551 2. เวบ็ Pinterest
ใบงาน 5.1 เร่อื ง เคร่ืองปน้ั ดนิ เผาบ้านเชียงรูปแบบภาชนะแตกรา้ ว คาชแ้ี จง : ใหนักเรยี นวาดลวดลายบานเชียงท่ีนักเรียนชอบ 3 ลวดลายขึน้ ไปลงบนรปู รางภาชนะท่ี กาหนดให จากน้ันใหร ะบายดว ยสแี ดงตามรปู แบบลวดลายที่เลือก จากนน้ั ฉีกและปะติด ลงบนกระดาษสดี าขนาด A4 เหตุผลในการใชก ระดาษฉีกปะตดิ เครอื่ งปน้ั ดนิ รูปแบบภาชนะแตกรา ว …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ชอ่ื ………………………………………………………………………………….เลขท่ี…………………….ช้ัน……………………
แบบประเมนิ ใบงาน เคร่ืองมอื หน่วยการเรียนร้ทู ี่………….เร่ือง…………………………………………………………………ช้นั ………………….. คาช้แี จง : ใหครผู ูสอนประเมินใบงานของนกั เรยี นแลวใหท าเครอื่ งหมาย ลงในชอ งทต่ี รงกบั ระดบั คะแนน เพอ่ื ใหน้ ักเรียน สามารถ ลาดับ ลาดับที่ บรรยายเหตผุ ล เพ่อื ใหน้ ักเรยี น ความ รวม ท่ี ชอ่ื – สกลุ การใชว้ ัสดุ สามารถสรา้ งสรรค์งาน มงุ่ มัน่ ใน 10 อุปกรณใ์ นการ งานทัศนศลิ ป์การฉีก คะแนน 1 ด.ช. มงคลชยั วทั โล สร้างสรรคง์ าน ปะตดิ เคร่อื งปั้นดนิ เผา การ 2 ด.ญ. พรรตั นะ ขาประดิษฐ ทัศนศลิ ป์ ทางาน 3 ด.ญ. กาญเกลา มูลปะหสั ฉกี ปะตดิ บา้ นเชียงได้ 4 ด.ญ. ปุณยาพร อภธิ รรม 5 ด.ช. วฒุ ชิ ยั สขุ ประสงค์ เครือ่ งปนั้ ดินเผา 6 ด.ช. วรี ะศักดิ์ ฉัตรทอง 7 ด.ช. จริ ายุ วงศแ์ กน ทอง บ้านเชียง 8 ด.ช. นฤรงค์ ปรกี มล 9 ด.ญ. อภัชญา บุง ทอง 3 2 1 0543210210 10 ด.ญ. เกศรินทร์ เช้ือลน้ิ ฟาู 11 ด.ญ. อัญมรี ผาสขุ 12 ด.ญ. วราลักษณ์ ทาลา 13 ด.ญ. เปนี่ มรกั หาญประโคน 14 ด.ช. ชัยปกรณ์ กรานแกว 15 ด.ช. ณัฐธดิ า จนั ทรักษา 16 ด.ญ. สุภาพร นจิ ศรวี งษ์ 17 ด.ช. กายสิทธ์ สงวนประเสรฐิ 18 ด.ญ. ทกั ษอร โคจร 19 ด.ญ. ปลายฟาู มานก 20 ด.ญ. ธัญญานันท์ จนั ทรประภาพ
21 ด.ญ. ณัชชา เจรญิ ยงิ่ 22 ด.ญ. ชญานนท์ ไชยวงค์ 23 ด.ช. จติ ราคปุ ต์ ยนิ ดีรมณ์ 24 ด.ญ. พรหมพร เรอื งตระกูล 25 ด.ช. ทนิ ภัทร ดีแกว ลงชื่อ...................................................ผูป้ ระเมิน (…………………..…………………………..) .................../................./...............
บันทึกผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 1. ผลการจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ปญั หา/อปุ สรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ขอ้ เสนอแนะและแนวทางการแกไ้ ข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ …………………………………………..ครูผู้สอน (นางสาววิภาพร ทพิ ราช) นกั ศกึ ษาฝึกประสบการณว์ ิชาชีพครู ความคิดเห็นของครพู ีเ่ ลีย้ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื …………………………………………..ครูพ่เี ล้ียง (นายพันศกั ด์ิ เส็งสุวรรณ) ครูวิทยาฐานะครชู านาญการพเิ ศษ ความคดิ เห็นของรองผู้อานวยการสถานศึกษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ…………………………………………..ผู้ตรวจ (นางทพิ มาศ ดวงจันทราศิร)ิ รองผู้อานวยการสถานศึกษาโรงเรยี นวัดมะลิ ความคิดเหน็ ของผอู้ านวยการสถานศกึ ษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ…………………………………………..ผู้บริหารสถานศึกษา (นางสาวดรณุ ี เทพา) ผ้อู านวยการสถานศึกษาโรงเรียนวัดมะลิ
แผนการจัดการเรยี นรู้ท่ี 15 รหสั วชิ า 13101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ศลิ ปะ สาระ ทัศนศลิ ป์ หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี 5 สรา้ งสรรคง์ านทัศนศิลป์ในท้องถ่ิน ภาคเรียนท่ี 2 เรือ่ ง สร้างสรรค์ธงุ ใยแมงมมุ 4 ทศิ หรรษา จานวน 1 คาบ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี 3 เวลา 1 ชวั่ โมง สอนเม่อื วนั ท…่ี ….…เดือน……………………พุทธศกั ราช………….. ครูผสู้ อน วภิ าพร ทิพราช 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ศ 1.2 เขาใจความสัมพันธร์ ะหวา งทศั นศิลป ประวตั ศิ าสตร์ และวฒั นธรรม เหน็ คณุ คา งานทศั นศิลปท เ่ี ป็นมรดกทางวฒั นธรรม ภมู ิปญั ญาทอ งถน่ิ ภูมปิ ัญญาไทย และสากล 2. ตวั ช้ีวัด ศ 1.2 ป.3/1 เลาถึงท่ีมาของงานทัศนศิลปในทอ งถ่ิน ศ 1.2 ป.3/2 อธิบายเกยี่ วกับวัสดอุ ปุ กรณแ์ ละวธิ ีการสรางงานทศั นศิลปในทองถนิ่ 3. สาระสาคญั เพ่ือใหสามารถอธิบายที่มาของการสรางธุงหรือตุง ซ่ึงเป็นงานทัศนศิลปในทองถ่ินมีเอกลักษณ์ เฉพาะตัว เพราะถูกสรางสรรค์โดยศลิ ปนิ หรือผูคนในทองถิ่นเอง อีกทัง้ มกี ารสรา งสรรค์ โดยอาศยั ความเช่ือ ทางศาสนาหรือความเชือ่ สว นบคุ คลเขามาถายทอดลงบนผลงานธุง รวมถึงการสรางธุงเพื่อใชประกอบพิธี ตา งๆ ท้งั ทางดานศาสนาหรอื เพือ่ ความเปน็ ศิรมิ งคล เปน็ ตน เขาใจกระบวนการการสรางสรรค์งานธุง ที่มีลาดับข้ันตอน โดยตองอาศัยการใชวัสดุ อุปกรณ์ ไดแ ก เชอื ก ใยฝาู ย ไหมพรม และไม เปน็ หลัก เพอื่ นามาประกอบเขาดวยกันตามกระบวนการการสรางธุง จนเกดิ เปน็ ธุงใยแมงมุมทม่ี ลี ักษณะ 4 ทศิ อีกทั้งรูจักนาเชือก ใยฝูาย หรือไหมพรม ที่มีสีหลากสีมาตอเติม ประกอบเขาดว ยกนั ทาใหธุงใยแมงมุมสลับสแี ละมสี ีสนั ท่สี วยงามตามความตองการของผูสรางสรรค์ ซ่ึงธุง เป็นงานทัศนศิลปในทองถิ่น ที่สามารถประยุกต์สรางสรรค์จนเกิดความงามตามรูปแบบของตนเอง ตน ซงึ่ เป็นผลงานท่ีมคี ณุ คาตอคนไทยมาตงั้ แตอดีตจนถงึ ปจั จบุ นั
4. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 4.1 ดา้ นความรู้ (K) - เพ่อื ใหน กั เรียนสามารถอธบิ ายทมี่ าของการสรางธงุ ได 4.2 ด้านทกั ษะ (P) - เพอ่ื ใหนักเรยี นสามารถสรางธงุ ใยแมงมมุ 4 ทิศ ได 4.3 ด้านคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A) 1) มีวินัย (เขาช้นั เรยี น, มคี วามรบั ผดิ ชอบตองานที่ไดร ับมอบหมาย) 2) มุงมน่ั ในการทางาน (เอาใจใสตอ การปฏิบัตหิ นา ท่ที ่ไี ดร บั มอบหมาย, พยายาม แกป ัญหาและอปุ สรรคในการทางานใหส าเร็จ) 3) รกั ความเปน็ ไทย (ภาคภมู ใิ จในขนบธรรมเนยี มประเพณี ศิลปะ วฒั นธรรมไทย) 5. สาระการเรียนรู้ การใชวัสดุ อุปกรณ์สรางธุงใยแมงมุม 4 ทิศ เป็นผลงานที่มีคุณคาตอคนไทยมาต้ังแตอดีตจนถึง ปจั จุบัน 6. สมรรถนะท่ีสาคญั 6.1 ความสามารถในการคิดอยา งสรางสรรค์ 6.2 ความสามารถในการใชเหตผุ ลในการคิดดวยตนเอง 6.3 ความสามารถในการแกปัญหาเฉพาะหนา ไดดวยตนเอง 7. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 7.1 มีวินัย 7.2 ใฝุเรียนรู 7.3 มุงมั่นในการทางาน 7.4 มจี ิตสาธารณะ 8. กระบวนการจดั การเรียนรู้ ข้นั นา (5 นาที) 8.1 ครกู ลาวทกั ทายนักเรียน 8.2 ครูอธิบายสงิ่ ทีต่ องเรียนในสปั ดาหน์ ้ีใหนกั เรียนทราบ “สรางสรรคธ์ ุงใยแมงมุม 4 ทิศหรรษา”
8.3 ครูสอบถามนักเรียน “หากนักเรียนไปงานนมัสการองค์พระธาตุหรืองานศิริมงคลตางๆ นกั เรียนจะเห็นทศั นศิลปอ ะไรปรากฏอยใู นเทศงานเหลา น้นั ” (พิจารณาตามคาตอบของนักเรยี น โดยใหอยู ในดุลยพินิจของครูผูสอน) เพ่ือกระตุนใหผูเรียนรูจักคิดและเป็นการเชื่อโยงเขาสูบทเรียนเก่ียวกับความรู เบือ้ งตน เกี่ยวกบั ลักษณะของธุง ข้นั สอน (50 นาที) 8.4 ครอู ธิบายท่มี าของธงุ ใหน กั เรียนฟัง “ธงุ ” มาจากคาวา “ธง” ของภาคกลาง สวนคาวา “ตงุ ” เปน็ ภาษาถ่ินของภาคเหนือ มาจาก คาวา “ธง” ของภาคกลาง เชน กัน ธงุ เปน็ งานทัศนศิลปท ่ีใชในการประดบั หรือใชใ นการประกอบพิธีกรรมตางๆ เป็นสิ่งหน่ึงท่ีมี สวนรว มอยใู นประเพณีเกี่ยวกับความเช่ือที่ทาขึ้นเพ่ือถวายเป็นพุทธบูชา ใชในงานพิธีทางศาสนา หรือใน งานมงคลและอวมงคล โดยจะมีขนาดรูปทรงและรายละเอียดแตกตางกันไป รวมถึงความเชื่อ พิธีกรรม ตลอดจนความนิยมในแตล ะทองถน่ิ ดวย วตั ถุประสงค์ในการสรา งธงุ 1. เพ่อื ใหเป็นสัญลกั ษณ์ เชน สรางเป็นเครอ่ื งหมายพวกหรอื เผา ตางๆ 2. เพ่ือใชเปน็ เครื่องพิธีบชู า เซน บวงสรวง หากไมมชี อ ธงุ จะทาใหพ ิธีเสยี หรือไมส มบรู ณ์ 3. เพื่อเป็นศกั ดศิ์ รแี กเ ทพเจา เชน พระอินทร์ พระนารายณ์ มชี อ ธงเป็นเครอื่ งหมาย เชน พระอนิ ทรม์ ีธงสีเขยี ว เปน็ ตน 3. เพ่อื เป็นเกียรตแิ กบุคคล เชน เหลา กองทหารตางมีธงชัยเฉลมิ พลอันเปน็ เครื่องหมาย แหง เกยี รติยศของกองทหาร ธุงใยแมงมุม เป็นเคร่ืองประกอบพิธีกรรมสาคัญของชาวอีสานมาอยางยาวนาน เชื่อกันวา สามารถใชปูองกันสิ่งนิสัยไมดีรายหรือส่ิงไมดีท่ีมองไมเห็นหรือภูตผีวิญญาณที่จะมารบกวนงานบุญ หาก ภูตผีวิญญาณเห็นธุงแลวจะกลัวและจะถอยออกไป อีกท้ังยังเป็นการบอกกลาวบวงสรวงเทพยดาในพ้ืนท่ี วามกี ารทาบุญและมีพิธีการสาคัญ เพ่ือใหเทพยดามาชวยปกปูองคุมครอง ธุงใยแมงมุม มีลักษณะสาคัญ คือ ทาดว ยเสนดายหรอื เสน ไหมผูกคลา ยใยแมงมมุ โดยใชเ สนดายหรือเสน ไหมหลากหลายสีสันมัดกับไมไผ เหลาแลวมดั มว นจนเป็นวงรอบคลายใยแมงมุมที่โยงไปโยงมา มีทั้งแบบสีด่ า นหรือหกดา น
ทีม่ า : วภิ าพร ทพิ ราช 8.5 ครแู จกใบความรูขัน้ ตอนการสรางสรรค์ธุงใยแมงมุม 4 ทิศ และสาธิตข้ันตอนการสรางสรรค์ ธุง 4 ทิศ ใหนักเรยี นดูพรอ มอธิบายข้ันตอนการสรา งสรรค์ วัสดุ อุปกรณ์ - ไมต ะเกียบ 2 อัน - ไหมพรม - กรรไกร ขั้นตอนการการสรา งสรรค์ธุงใยแมงมมุ 4 ทิศ ขน้ั ที่ ขนั้ ตอนการสร้างสรรค์ธุงใยแมงมุม 4 ทศิ 1 ขึ้นโครงดว ยไมตะเกยี บ โดยนาไม ตะเกียบวางชิดกัน จากนั้นพัน ไหมพรมใหอยูก่ึงกลางของไม ตะเกยี บ 3-4 รอบ แลวมดั 2 แยกไมตะเกียบออกจากกันเป็น เครือ่ งหมายกากบาท (x) 3 พั น ไ หม พ ร ม ตัด กับแ น ว เดิ ม จนมีความหนาเทากันและแนน โ ด ย ว น ไ ห ม พ ร ม จ า ก ล า ง แ ล ว หมนุ รอบไมข นึ้ ขา งบน
4 พันเสนไหมพรมรอบไมแตละ ดาน โดยวนเสนไหมพรมจากลาง แลวหมุนรอบไม วนไหมพรมข้ึน ขา งบน วนไหมพรมลงดา นลางและวน เสนไหมข้นึ ขางบนอีกครง้ั 5 ทาซ้าแบบเดิมกับไมถัดๆ ไป จนมีความหนาตามตองการ 6 ตอไหมพ รมเพ่ือเปลี่ยน สี ใหมัดไหมพรมเปน็ เงือ่ นพิรอด จากน้ันตัดเศษไหมพรมสีเกา ตรงปมเสน ไหมทง้ั 2 เสน ออก 7 พั น ว น ร อ บ ไ ม ไ ป เ ร่ื อ ย ๆ ทมี่ าภาพ : ทาเหมือนขอ 4 สามารถเปล่ียน สีไหมพรม และพันวนรอบไม https://www.facebook.com/ ไ ป เ รื่ อ ย ๆ จ น เ กื อ บ สุ ด ความยาวไม ThaiPBSFan/photos
8 เมือ่ สุดความยาวไม ใหทาบวง แ บ บ เ งื่ อ น ต ะ ก รุ ด เ บ็ ด คลองเขา ไมแลวดึงใหตึง โดยดงึ ไหมพรมใหอยูดานหลัง ของธงุ ทาซา้ 2 รอบ ทมี่ าภาพ : https://miro.medium.com/max/ 1394/1* ภาพสมบูรณ์ : การสรา้ งสรรคธ์ งุ ใยแมงมมุ 4 ทศิ รูปแบบภาชนะแตกร้ าว ทม่ี า : วภิ าพร ทพิ ราช 8.5 ครใู หกิจกรรมใบงานที่ 4.5 เรื่อง สรางสรรค์ธุงใยแมงมุม 4 ทิศหรรษา ตอนที่ 1 ใหนักเรียน อธิบายท่ีมาของการสรา งธงุ และวัสดุอุปกรณ์ที่ใชในการสรา งงาน ตอนท่ี 2 ใหนักเรียนสรางสรรค์ธุงใยแมง มมุ 4 ทิศ โดยครจู ดั เตรยี มวสั ดุ อุปกรณไ์ วให หรอื ใชวัสดุ อปุ กรณท์ ่ีนกั เรียนจดั เตรียมมาโดยครูสั่งลวงหนา จากคาบทแ่ี ลว 8.6 ครูเปิดโอกาสใหนักเรียนซักถามขอสงสัย จากนั้นลงมือปฏิบัติกิจกรรมและครูคอยเดินดู ใหค าแนะนา ขั้นสรปุ (5 นาที) 8.7 ครูสุมใหนักเรียนออกมานาผลงานหนาชั้นเรียน และแลกเปล่ียนความคิดเห็น พรอมบอก ปญั หาท่พี บขณะปฏบิ ัตงิ าน
8.8 ครูและนักเรียนรวมกันสรุปเนื้อหา เร่ือง ท่ีมาของการสรางธุง รวมกันกัน “ธุงสรางข้ึนตาม ความเช่ือเพอ่ื ใชประกอบพธิ กี รรมตา งๆ ทงั้ ดานทางพทุ ธศาสนาหรืองานมงคล อุปกรณ์ที่ใชในการสรางธุง โดยหลกั ๆ คือ ไม ดา นและไหมพรม เป็นตน ” จากน้นั ใหน กั เรียนเกบ็ อปุ กรณใ์ หเ รียบรอย 9. การวัดและประเมินผล 9.1 สรางสรรค์ธุงใยแมงมุม 4 ทิศหรรษา (10 คะแนน) ประเด็นการ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ประเมนิ 5 4 3 2 1 0 -นั ก เ รี ย น -ไม ดา้ นความรู้ - - -นั ก เ รี ย น -นั ก เ รี ย น อธบิ ายท่ีมาของ อธิบาย ก า ร ส ร า ง ธุ ง ไ ด -ไมมา (K) สามารถอธิบาย สามารถอธิบาย ผิดถูกบางและ เรียน -เพ่ือใหนักเรียน ที่ ม า ข อ ง ก า ร ท่ี ม า ข อ ง ก า ร ไ ม เ ช่ื อ ม โ ย ง สามารถอธิบาย ส ร า ง ธุ ง ไ ด ส ร า ง ธุ ง ไ ด ขอมลู เน้ือหา -ไมสง ท่ี ม า ข อ ง ก า ร ถู ก ต อ ง ถูกตอง แตไม งาน สรางธงุ ได เชื่อมโยงขอมูล ส า ม า ร ถ -นั ก เ รี ย น -ไมม า สรางธุงใยแมง เรยี น เนื้อหาครบถวน เช่ือมโยงขอมูล มุม 4 ทิศมีโครง ข อ ง ธุ ง ไ ม ต ร ง ป ร ะ เ ด็ น เนอื้ หาได สม่าเสมอกนั -สี สั น ข อ ง ธุ ง คาถาม สวยงาม -ไ ห ม พ ร ม ไ ม ด้านทักษะ -นั ก เ รี ย น -นั ก เ รี ย น -นั ก เ รี ย น -นั ก เ รี ย น เ รี ย ง ชิ ด ติ ด กั น ไมสม่าเสมอกัน (P) สามารถสรางธุง สามารถสรางธุง สามารถสรางธุง สรางธุงใยแมง -มีเศษไหมพรม กระจายออก -เพื่อใหนักเรียน ใยแมงมุม 4 ทิศ ใยแมงมมุ 4 ทิศ ใยแมงมุม 4 ทิศ มุม 4 ทิศมีโครง จ า ก กั น จานวนมาก สามารถสรางธุง มีโ ค ร ง ของ ธุง มีโครง ของธุง มีโ ค ร ง ของ ธุง ข อ ง ธุ ง ไ ม -เห็นปลายไหม พรมตรงขอตอ ใยแมงมุม 4 ทิศ สม่าเสมอกันท้ัง สม่าเสมอกันท้ัง สม่าเสมอกันท้ัง สม่าเสมอกนั อ ยู ด า น ห น า ของธงุ ชดั เจน ได 4 ดาน 4 ดาน 4 ดาน -สี สั น ข อ ง ธุ ง -สี สั น ข อ ง ธุ ง -สี สั น ข อ ง ธุ ง -สี สั น ข อ ง ธุ ง สวยงาม สวยงาม สวยงาม สวยงาม -ไ ห ม พ ร ม ไ ม -ไหมพรมเรียง -ไ ห ม พ ร ม ไ ม -ไ ห ม พ ร ม ไ ม เรียงชิดติดกัน ชิ ด ติ ด กั น เรียงชิดติดกัน เรียงชิดติดกันไม ไมสม่าเสมอกนั สม่าเสมอกัน ไมสม่าเสมอกัน สม่าเสมอกนั -มีเศษไหมพรม -ไม มีเ ศ ษ ไ ห ม -ไมมีเศ ษ ไห ม -มีเศษไหมพรม ก ร ะ จ า ย อ อ ก พรมไมกระจาย พรมไมกระจาย ก ร ะ จ า ย อ อ ก จ า ก กั น อ อ ก จ า ก กั น อ อ ก จ า ก กั น จ า ก กั น ปานกลาง -ไมเ ห็ นป ล า ย -ไมเห็ นปล าย เล็กนอ ย -เห็นปลายไหม ไหมพรมตรงขอ ไหมพรมตรงขอ -ไมเ ห็ นป ล า ย พรมตรงขอตอ ตออยูดานหนา ตออยูดานหนา ไหมพรมตรงขอ อ ยู ด า น ห น า ของธงุ ของธงุ ต อ ด า น ห น า ของธงุ เลก็ นอย
-ธุ ง แ ข็ ง แ ร ง -ธุ ง แ ข็ ง แ ร ง ของธุง -ธุ ง แ ข็ ง แ ร ง -ธงุ ไมแขง็ แรง ไ ม เ อี ย ง ไ ม เ อี ย ง -รูปแบบผลงาน ไมบ ิดเบ้ียว ไ ม เ อี ย ง -ธุ ง แ ข็ ง แ ร ง ไมบดิ เบ้ยี ว สะอาด -รูปแบบผลงาน -รูปแบบผลงาน เรยี บรอ ย สะอาด ไมบิดเบี้ยว ไ ม เ อี ย ง สะอาด เ รี ย บ ร อ ย เรียบรอย -เ ข า ช้ั น เ รี ย น สมบรู ณ์ -รูปแบบผลงาน ไมบิดเบ้ยี ว แ ต ไ ม มี ค ว า ม -เ ข า ช้ั น เ รี ย น มุ ง ม่ั น ใ น ก า ร - ส ะ อ า ด -รูปแบบผลงาน แ ล ะ มี ค ว า ม ทางาน มุ ง มั่ น ใ น ก า ร -ไ ม เ ห็ น คุ ณ ค า เ รี ย บ ร อ ย ส ะ อ า ด ทางาน ของศลิ ปะไทย -เห็นคุณคาของ สมบรู ณ์ เ รี ย บ ร อ ย ศลิ ปะไทย สมบรู ณ์ ดา้ นจิตพิสัย -- ไมเ ขา (A) ชน้ั -มวี นิ ยั เรียน -มุงม่นั ในการ ทางาน -รักความเปน็ ไทย เกณฑก์ ารประเมิน คะแนน ประเมนิ 9 - 10 ดี 7 - 8 ปานกลาง 5 – 6 นอย 10. สอื่ อปุ กรณ์และแหล่งการเรยี นรู้ - กรรไกร สอื่ การเรยี นรู้ 1. ภาพธุงใยแมงมุม 4 ทศิ 2. ข้ันตอนการสรางสรรคธ์ งุ ใยแมงมมุ 4 ทิศ อุปกรณ์ - ใบงาน - ไมไ อศกรมี - ไหมพรม แหลง่ การเรียนรู้ 1. หนงั สอื เรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ทศั นศลิ ป กลุม สาระการเรียนรศู ลิ ปะ ระดับชั้น ประถมศกึ ษาปที ่ี 3 ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขัน้ พน้ื ฐาน พ.ศ. 2551 2. เว็บ Pinterest
ใบงาน 4.5 เรือ่ ง สรา้ งสรรค์ธงุ ใยแมงมมุ 4 ทิศหรรษา ตอนท่ี 1 คาชี้แจง : ใหน ักเรยี นตอบคาถามดงั น้ี 1. อธิบายที่มาของการสรา งธุง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. วสั ดุ อุปกรณ์ ทส่ี ามารถนามาสรางสรรคธ์ งุ ได มีอะไรบา ง …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… …………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ตอนท่ี 2 กจิ กรรมปฏบิ ตั ิ ชอื่ ………………………………………………………………………………….เลขท่ี…………………….ช้นั ……………………
หนา 1 ใบความรู้ ข้นั ท่ี ขัน้ ตอนการสร้างสรรคธ์ ุงใยแมงมุม 4 ทศิ 1 ข้นึ โครงดว ยไมต ะเกียบ โดยนาไม ตะเกียบวางชิดกัน จากนั้นพัน ไหมพรมใหอยูกึ่งกลางของไม ตะเกยี บ 3-4 รอบ แลวมดั 2 แยกไมตะเกียบออกจากกันเป็น เครอ่ื งหมายกากบาท (x) 3 พั น ไ หม พ ร ม ตัด กับแ น ว เดิ ม จนมีความหนาเทากันและแนน โดยวนดายจากลางแลวหมุดรอบ ไมขึน้ ขางบน 4 พันไหมพรมรอบไมแตละดาน โ ด ย ว น เ ส น ไ ห ม จ า ก ล า ง แลวหมุนรอบไม วนไหมพรมขึ้น ขา งบน วนไหมพรมลงดา นลางและวน ไหมพรมขน้ึ ขา งบนอกี คร้งั 5 ทาซ้าแบบเดิมกับไมถัดๆ ไป จนมคี วามหนาตามตอ งการ
หนา 2 6 ตอไหมพ รมเพื่อเปล่ียน สี ใหม ัดไหมพรมเป็นเงื่อนพิรอด จากน้ันตัดเศษไหมพรมสีเกา ตรงปมเสน ไหมท้ัง 2 เสนออก 7 พั น ว น ร อ บ ไ ม ไ ป เ ร่ื อ ย ๆ ทมี่ าภาพ : ทาเหมือนขอ 4 สามารถเปล่ียน สีไหมพรม และพันวนรอบไม https://www.facebook.com/ ไ ป เ ร่ื อ ย ๆ จ น เ กื อ บ สุ ด ความยาวไม ThaiPBSFan/photos 8 เม่อื สุดความยาวไม ใหทาบวง ทม่ี าภาพ : https://miro.medium.com/max/ 1394/1* แ บ บ เ งื่ อ น ต ะ ก รุ ด เ บ็ ด คลอ งเขาไมแลว ดงึ ใหต งึ โดยดงึ ไหมพรมใหอยูดานหลัง ของธงุ ทาซ้า 2 รอบ ภาพสมบูรณ์ : การสรา้ งสรรคธ์ ุงใยแมงมุม 4 ทิศ รูปแบบภาชนะแตกร้ าว ทีม่ า : วภิ าพร ทิพราช
สอ่ื เพมิ่ เตมิ ท่มี า : วิภาพร ทิพราช
แบบประเมินใบงาน เครือ่ งมือ หน่วยการเรยี นรทู้ ี่………….เรือ่ ง…………………………………………………………………ชั้น………………….. คาชีแ้ จง : ใหครูผูสอนประเมนิ ใบงานของนักเรยี นแลวใหท าเครือ่ งหมาย ลงในชอ งท่ตี รงกับ ระดับคะแนน เพอ่ื ให้ ลาดบั ลาดับท่ี นักเรียน เพ่อื ใหน้ กั เรียน ความ รวม ท่ี ชอ่ื – สกลุ สามารถ สามารถสรา้ งธุงใยแมง มุ่งมน่ั ใน 10 อธบิ ายท่ีมา คะแนน 1 ด.ช. มงคลชยั วทั โล ของการ มมุ 4 ทศิ ได้ การ 2 ด.ญ. พรรตั นะ ขาประดิษฐ ทางาน 3 ด.ญ. กาญเกลา มลู ปะหัส 4 ด.ญ. ปณุ ยาพร อภธิ รรม สรา้ งธงุ ได้ 5 ด.ช. วฒุ ชิ ัย สขุ ประสงค์ 6 ด.ช. วรี ะศกั ดิ์ ฉตั รทอง 3210543210210 7 ด.ช. จิรายุ วงศ์แกนทอง 8 ด.ช. นฤรงค์ ปรกี มล 9 ด.ญ. อภัชญา บุง ทอง 10 ด.ญ. เกศรินทร์ เช้อื ลน้ิ ฟาู 11 ด.ญ. อัญมรี ผาสุข 12 ด.ญ. วราลกั ษณ์ ทาลา 13 ด.ญ. เป่ีนมรกั หาญประโคน 14 ด.ช. ชัยปกรณ์ กรานแกว 15 ด.ช. ณัฐธดิ า จันทรกั ษา 16 ด.ญ. สภุ าพร นิจศรีวงษ์ 17 ด.ช. กายสทิ ธ์ สงวนประเสริฐ 18 ด.ญ. ทกั ษอร โคจร 19 ด.ญ. ปลายฟูา มานก 20 ด.ญ. ธญั ญานันท์ จันทรประภาพ 21 ด.ญ. ณชั ชา เจรญิ ยิ่ง 22 ด.ญ. ชญานนท์ ไชยวงค์ 23 ด.ช. จิตราคุปต์ ยนิ ดีรมณ์
24 ด.ญ. พรหมพร เรอื งตระกูล 25 ด.ช. ทินภทั ร ดแี กว ลงช่อื ...................................................ผปู้ ระเมนิ (…………………..…………………………..) .................../................./...............
บันทึกผลหลงั การจัดการเรยี นรู้ 1. ผลการจัดการเรยี นรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ปัญหา/อปุ สรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ขอ้ เสนอแนะและแนวทางการแก้ไข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ…………………………………………..ครูผ้สู อน (นางสาววิภาพร ทพิ ราช) นกั ศกึ ษาฝึกประสบการณว์ ชิ าชีพครู ความคดิ เห็นของครพู เ่ี ลยี้ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื …………………………………………..ครูพ่เี ลย้ี ง (นายพนั ศกั ดิ์ เสง็ สุวรรณ) ครูวทิ ยาฐานะครูชานาญการพิเศษ ความคิดเหน็ ของรองผ้อู านวยการสถานศึกษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื …………………………………………..ผตู้ รวจ (นางทพิ มาศ ดวงจนั ทราศิริ) รองผู้อานวยการสถานศึกษาโรงเรียนวัดมะลิ ความคดิ เห็นของผู้อานวยการสถานศกึ ษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ…………………………………………..ผบู้ รหิ ารสถานศึกษา (นางสาวดรุณี เทพา) ผู้อานวยการสถานศกึ ษาโรงเรียนวัดมะลิ
แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 3 รหัสวิชา 14101 กลมุ่ สาระการเรียนรู้ ศิลปะ สาระ ทัศนศลิ ป์ หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 2 นา้ หนกั ออ่ น-แก่ ภาคเรยี นที่ 2 เรือ่ ง ไลน่ า้ หนกั สเี พอื่ จดั ระยะภาพ จานวน 1 คาบ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 4 เวลา 1 ช่วั โมง สอนเม่ือ วันท…ี่ …….เดอื น………………..พุทธศักราช…………… ครูผสู้ อน วิภาพร ทิพราช 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ศ 1.1 สรางสรรค์งานทัศนศิลปตามจินตนาการ และความคิดสรางสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์คุณคางานทัศนศิลป ถายทอดความรูสึก ความคิดตองานศิลปะอยาง อิสระ ช่ืนชม และประยุกต์ใชในชีวิตประจาวัน 2. ตัวชีว้ ดั ศ 1.1 ป.4/6 บรรยายลักษณะของภาพโดยเนนเร่ืองการจดั ระยะ ความลึก น้าหนกั และ แสงเงาในภาพ 3. สาระสาคัญ เพื่อใหเขาใจและสามารถอธิบายเกี่ยวกับการจัดระภาพดวยการสรางน้าหนักสีลงใน กระดาษพ้ืนระนาบจาก ภาพ 2 มิติ ใหเป็นภาพ 3 มิติแสดงระยะใกล-ไกล ดวยการลงน้าหนักสี ความออน-แก ของภาพไดถ กู ตอ งตามหลักการจดั ระยะภาพและการลงน้าหนกั สี น้าหนัก แสง-เงา ที่ปรากฏในงานทัศนศิลปและในสิ่งแวดลอมมีลักษณะที่แตกตางกัน น้าหนัก แสง-เงา ท่ปี รากฏในสิ่งแวดลอ มเกดิ จากแสงธรรมชาตหิ รอื แสงไฟทพี่ บเจอไดทั่วไปเมื่อตก กระทบลงวตั ถจุ ะใหคา น้าหนักตา งๆ คณุ คาของแสงและเงา น้าหนักออน-แก หากนาไปสรา งสรรค์ งานทัศนศลิ ปบ นพนื้ ผวิ ระนาบเดียวกัน เมื่อใชน้าหนักที่ตางกันของสีและแสงเงาจะทาใหเกิดเป็น รูปลักษณะตา งๆ บนระนาบนัน้ เชน เหน็ เปน็ ภาพระยะใกล-ไกลซอ นทับกนั มีความกลมกลืนหรือ ตัดกนั ทาใหเกิดภาพ 3 มติ ิ มีความเหมือนจรงิ และงดงามสมบรู ณย์ ง่ิ ขนึ้ เป็นตน
4. จุดประสงค์การเรียนรู้ 4.1 ดา้ นความรู้ (K) - เพ่อื ใหน กั เรยี นสามารถบอกการจัดระยะภาพจากการไลคาน้าหนักสีได 4.2 ดา้ นทักษะ (P) - เพือ่ ใหนักเรียนสามารถไลคา น้าหนกั สคี วามออน-แก แสดงระยะใกล-ไกล ไดถูกตอ ง 4.3 ดา้ นคณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A) 1) มีวินัย (เขาชนั้ เรียน, มีความรับผิดชอบตองานท่ีไดร บั มอบหมาย) 2) มงุ ม่นั ในการทางาน (เอาใจใสตอการปฏิบัตหิ นา ท่ีท่ีไดรบั มอบหมาย, พยายาม แกปญั หาและ อุปสรรคในการทางานใหสาเรจ็ ) 5. สาระการเรียนรู้ การไลคาน้าหนักสีความออน-แก แสดงระยะใกลไ กลของภาพ 6. สมรรถนะที่สาคญั 6.1 ความสามารถในการคดิ อยางสรา งสรรค์ 6.2 ความสามารถในการใชเหตุผลในการคดิ และแกปญั หาดว ยตนเอง 7. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 7.1 มวี นิ ยั 7.2 ใฝุเรียนรู 7.3 มุงมั่นในการทางาน 7.4 มจี ิตสาธารณะ 8. กระบวนการจดั การเรียนรู้ ขนั้ นา (5 นาที) 8.1 ครกู ลา วทกั ทายนกั เรยี น 8.2 ครอู ธิบายส่ิงท่ีตอ งเรียนในสัปดาห์น้ใี หนกั เรียนทราบ “ไลน้าหนกั สีเพือ่ จัดระยะภาพ” 8.3 ครูสอบถามทบทวนความรู “การไลคาน้าหนักสีความออน-แก สามารถทาใหภาพเกิด ระยะใกล-ไกลไดหรือไม” เพื่อกระตุนใหผูเรียนรูจักคิดและเป็นการเช่ือโยงเขาสูบทเรียนเกี่ยวกับไล น้าหนกั สีเพ่ือจัดระยะภาพ
ขนั้ สอน (50 นาที) 8.4 ครูอธิบายพรอมยกตัวอยา งภาพใหน กั เรยี นดู - นา้ หนกั ออ น-แก ในสงิ่ แวดลอ ม หมายถงึ จานวนความเขมความออนของสีตางๆ หาก วตั ถุ สว นที่ถกู แสงสวางมากจะเป็นสีออ นหรอื ใส สว นทถ่ี ูกแสงนอยหรือเป็นเงากจ็ ะมีสีเขมหรอื มืด - น้าหนกั ออน-แก เมือ่ นาไปสรางงานทศั นศลิ ป ทาใหภาพดูมีมิติและเหมือนจริงมากขึ้น เกิดจากการไลคาน้าหนักความออน-ความแกของสี จนเกิดเป็นรูปลักษณะตางๆ บนระนาบนั้น เชน เห็นเป็นภาพระยะใกล-ไกล ซอ นทบั กัน มีความเหมือนจรงิ และงดงามสมบรู ณย์ งิ่ ขึ้น เป็นตน ที่มา : วภิ าพร ทพิ ราช 8.5 เปิดคลปิ วิดโี อการไลค าน้าหนกั สเี บื้องตนใหนักเรียนดแู ละอธบิ าย การไลคานา้ หนักเปน็ การไลระดบั ความเขม ท่แี ตกตา งกนั ของสหี รือคาความออนแกของสี ไลระดบั กันไป เชน ดา – เทาเขม – เทากลาง – เทาออ น – ขาว ท่มี าคลิปที่ 1 : https://www.youtube.com/watch?v=DxSCIgspZGs ทม่ี าคลิปที่ 2 : https://www.youtube.com/watch?v=afsAgvPVJOk
8.6 ครูใหน ักเรียนทากจิ กรรมใบงานท่ี 2.1 เรือ่ ง น้าหนกั สเี พ่อื จัดระยะภาพ 8.7 ครูเปิดโอกาสใหนักเรียนซักถามขอสงสัย จากนั้นนักเรียนลงมือปฏิบัติครูคอยเดินดูและให คาแนะนา ขัน้ สรปุ (5 นาที) ครูสุมนักเรียนออกมานาเสนอผลงานหนาชั้นเรียนพรอมบอกปัญหาและอุปสรรค์ในการทางาน พรอ มบอกวธิ แี กป ญั หารวมกัน ครแู ละนักเรียนสรุปเน้อื หารวมกัน “การไลคา นา้ หนักความออ น-เขม สามารถทาใหภาพท่ีระนาบ อยูกับพ้ืนมีมติ แิ สดงระยะใกล-ไกล” จากน้ันใหนักเรียนเกบ็ อุปกรณ์ใหเ รยี บรอ ย 3. การวดั และประเมินผล 9.1 ไลน า้ หนักสีเพอ่ื จดั ระยะภาพ (5 คะแนน) ประเด็นการประเมนิ 2 เกณฑ์การใหค้ ะแนน 0 1 ดา้ นความรู้ (K) -สามารถไลคาน้าหนักสี -สามารถไลคาน้าหนักสี -ไมสามารถไลคาน้าหนัก -เพื่อใหนกั เรียนสามารถ ความเขม-ออน ได เฉดสี ความเขม-ออน ได เฉดสี สไี ด บอกการจัดระยะภาพ ดา – เทาเขม – เทากลาง ดา – เทาเขม – เทากลาง -ไมมาเรียน จากการไลคา น้าหนกั สี – เทาออน – ขาว – เทาออน – ขาว ไม ได แตกตา งกนั ชัดเจน แตกตางกนั ด้านทกั ษะ (P) -สรา งสรรค์งานที่แสดง -สรา งสรรค์งานที่แสดง -ไมสามารถสรางสรรค์ -เพือ่ ใหนักเรียนสามารถ ระยะใกล- ไกล โดยการไล ระยะใกล- ไกล โดยการไล งานโดยการใชคาน้าหนัก ไลคาน้าหนกั สคี วาม ระดบั ความออน-ความแก ระดับความออ น-ความแก แสง-เงาได ออน-แก แสดง ของสีได ของสไี ดเลก็ นอ ย -ไมมาเรียน ระยะใกล- ไกล ได -ไลน ้าหนักความออน- -ไลนา้ หนกั ความออน- ถูกตอ ง ความแก ไดถกู ตอ งชัดเจน ความแก ไดเ ลก็ นอย -รูปแบบช้นิ งานสะอาด -รปู แบบชนิ้ งานสะอาด สวยงามมีความสมบรู ณ์ สวยงาม ด้านจติ พิสยั (A) -เขา ช้ันเรียนมีมงุ มน่ั ในการ -ไมส งงาน -มวี นิ ยั - ทางาน -มงุ ม่นั ในการทางาน -สง งานตามเวลาท่กี าหนด
เกณฑ์การประเมนิ ประเมิน คะแนน ดมี าก 5 ดี 4 พอใช 2-3 10. สื่อ อปุ กรณ์และแหลง่ การเรยี นรู้ สื่อการเรยี นรู้ 1. ภาพการไลคา น้าหนกั สีความออ น-แก อปุ กรณ์ - ใบงาน - สไี ม - ดินสอ/ยางลบ แหล่งการเรยี นรู้ 1. หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ทัศนศิลป กลุมสาระการเรียนรูศิลปะ ระดับช้ัน ประถมศกึ ษาปที ี่ 4 ตามหลักสตู รแกนกลางการศึกษาข้ันพื้นฐาน พ.ศ. 2551 2. Youtube
ใบงาน 2.1 เร่ือง ไลน่ ้าหนกั สเี พอ่ื จดั ระยะภาพ 1. ให้นักเรยี นไลน่ า้ หนักความแก่ – ความอ่อน ของสดี าในชอ่ งทกี่ าหนดให้ 2. ใหน้ กั เรียนสร้างภาพ “ภูเขา” ที่แสดงระยะใกล้ไกล โดยไล่นา้ หนักความแก่ – ความอ่อน 4 - 6 ระดับ ชอื่ ……………………………………………………………………………….เลขท่ี…………………..ชัน้ …………………
แบบประเมินใบงาน เครอื่ งมือ หน่วยการเรียนรู้ที่………….เรื่อง……………………………………………………………………ชนั้ ……………….. คาช้แี จง : ใหค รูผูสอนประเมินใบงานของนักเรยี นแลว ใหท าเครอื่ งหมาย ลงในชอ งทตี่ รงกับ ระดบั คะแนน ลาดบั ท่ี ลาดบั ท่ี เพือ่ ให้นกั เรียน เพ่ือใหน้ กั เรียน ความม่งุ มนั่ รวม 10 ชอ่ื – สกุล สามารถบอกการ สามารถไล่คา่ ในการ คะแนน จดั ระยะภาพจาก น้าหนักสีความ ทางาน การไล่ค่านา้ หนักสี อ่อน-แก่ แสดง ระยะใกล้-ไกล ได้ 10 ได้ ถกู ต้อง 2 10 210 1 ด.ญ. วรสรณ์ ขาวจิ ติ ราภรณ์ 2 ด.ญ. ปิยนชุ แสงทวปี 3 ด.ญ. พีรดา ชาญเช่ยี ว 4 ด.ช. พชรพล สืบสาย 5 ด.ช. ธัญเทพ ฐานวิรยิ ฐากลุ 6 ด.ญ. จิรวรรณ์ อศั วเดชานุกร 7 ด.ญ. ทิพภาภรณ์ แขกแปลก 8 ด.ญ. ทพิ านันท์ ไชยนัด 9 ด.ช. อคั รเดช มว งทวี 10 ด.ช. สหรฐั อม่ิ สมโภชน์ 11 ด.ช. รชั ชานนท์ เจรญิ ทรพั ย์ 12 ด.ช. กษดิ ์ิดษิ ฎ์ กนั แกว 13 ด.ช. กองภพ กอ นแกว 14 ด.ช. ณฐั วุธ มจี าด 15 ด.ญ. โฮซันนา มัน่ หมาย 16 ด.ช. เหรยี ญชยั เฉนิ 17 ด.ญ. ลลดา ทองเรอื ง ลงชอ่ื ............................................ผู้ประเมิน (…………………..…………………………..) .................../................../................
แบบประเมินใบงาน เครอื่ งมอื หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี………….เร่ือง………………………………………………………………………ชน้ั ……………….. คาช้ีแจง : ใหครผู ูสอนประเมนิ ใบงานของนกั เรยี นแลว ใหทาเคร่อื งหมาย ลงในชอ งทต่ี รงกับ ระดับคะแนน ลาดบั ที่ ลาดับท่ี เพ่อื ใหน้ ักเรียน เพ่ือให้นักเรยี น ความมุ่งม่นั รวม 10 ชอ่ื – สกุล สามารถบอกการ สามารถไล่คา่ ในการ คะแนน จัดระยะภาพจาก น้าหนกั สีความ ทางาน การไลค่ ่าน้าหนกั สี อ่อน-แก่ แสดง ระยะใกล้-ไกล ได้ 10 ได้ ถูกต้อง 2 10 210 1 ด.ช. ชวนิ ทร์ จันทรเ์ จริญ 2 ด.ช. กติ ติภพ พรมสอน 3 ด.ญ. ชญั ญานชุ ศรตี ัสสะ 4 ด.ช. อนุสรณ์ แชม สนิท 5 ด.ญ. จันทร์ทมิ า เมฆกระจาย 6 ด.ญ. สภุ านิชา เรอื งกล่นั 7 ด.ญ. ธนวรรณ ธนกุลทินวัฒน์ 8 ด.ช. ธีรภทั ร ธูปเทยี นรัตน์ 9 ด.ช. ศกึ ษา แกว มีศรี 10 ด.ช. ภานวุ ัชร์ ศาลา 11 ด.ญ. พชี ญา แกวบวั ดี 12 ด.ญ. รินรดา ตรงกลาง 13 ด.ช. ธนกฤต จนั ทรักษา 14 ด.ช. ธนกฤต จันทรกั ษา 15 ด.ช. ชโยทิต สขุ พศิ ิษฐ์ 16 ด.ช. พีระพฒั น์ สนั สะกดิ ลงชอ่ื ............................................ผู้ประเมิน (…………………..…………………………..) .................../................../................
บนั ทกึ ผลหลงั การจดั การเรยี นรู้ 1. ผลการจดั การเรียนรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ปญั หา/อปุ สรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ขอ้ เสนอแนะและแนวทางการแกไ้ ข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ…………………………………………..ครูผูส้ อน (นางสาววิภาพร ทิพราช) นักศกึ ษาฝกึ ประสบการณ์วิชาชีพครู ความคิดเห็นของครพู ่ีเลยี้ ง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ …………………………………………..ครูพ่ีเลยี้ ง (นายพันศกั ดิ์ เสง็ สุวรรณ) ครูวิทยาฐานะครูชานาญการพเิ ศษ ความคดิ เห็นของรองผอู้ านวยการสถานศึกษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอื่ …………………………………………..ผตู้ รวจ (นางทิพมาศ ดวงจนั ทราศิริ) รองผอู้ านวยการสถานศกึ ษาโรงเรยี นวัดมะลิ ความคิดเหน็ ของผู้อานวยการสถานศึกษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื …………………………………………..ผู้บริหารสถานศกึ ษา (นางสาวดรณุ ี เทพา) ผอู้ านวยการสถานศกึ ษาโรงเรียนวดั มะลิ
แผนการจัดการเรียนรทู้ ่ี 5 รหสั วิชา 14101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ศลิ ปะ สาระ ทศั นศลิ ป์ หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 3 การเขยี นภาพระบายสีโปสเตอร์ ภาคเรยี นท่ี 2 เรอื่ ง วงจรสี จานวน 1 คาบ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ 4 เวลา 1 ชั่วโมง สอนเมือ่ วันท…่ี ……….เดือน……………………….พทุ ธศกั ราช…………. ครผู สู้ อน วิภาพร ทิพราช 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ศ 1.1 สรางสรรค์งานทัศนศิลปตามจินตนาการ และความคิดสรางสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์คุณคางานทัศนศิลป ถายทอดความรูสึก ความคิดตองานศิลปะอยางอิสระ ช่ืนชม และประยกุ ต์ใชในชีวติ ประจาวัน 2. ตัวชี้วัด ศ 1.1 ป. 4/5 มที กั ษะพน้ื ฐานในการใชว ัสดุ อุปกรณ์สรางสรรค์งานวาดภาพระบายสี 3. สาระสาคญั เพอ่ื ใหเ ขา ใจขบวนการการผสมสจี ากแมสี 3 สี ไดแก สีเหลือง สีน้าเงินและสีแดง จนเกิดเป็นสี ใหมไ ดถกู ตอ งตามขน้ั ตอนวงจรสี สามารถผสมสโี ปสเตอรจ์ ากแมสี 3 สี ใหเกิดเป็นสีใหม แมสีถูกนามาใชงานกันอยางกวางขวาง ในวงการศิลปะ แมส ี 3 สี เมือ่ นามาผสมกนั ตามหลักเกณฑ์ จะทาใหเกิดวงจรสี ซ่ึงมี 12 สี ซึ่งเป็นวง สธี รรมชาติเกดิ จากการผสมกันของแมส วี ตั ถุธาตุ เป็นสีหลกั ทใ่ี ชง านกันท่วั ไป 4. จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ 4.1 ดา้ นความรู้ (K) เพ่อื ใหนกั เรียนสามรถอธบิ ายวงจรสี สีข้ันที่ 1สีขน้ั ท่ี 2 และสีขนั้ ท่ี 3 ได 4.2 ดา้ นทักษะ (P) เพ่อื ใหน ักเรียนสามารถผสมสจี ากแมส ี 3 สี ใหเ กิดวงจรสี ซง่ึ มี 12 สี 4.3 ด้านคุณลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1) มวี ินัย (เขาชน้ั เรยี น, มีความรบั ผดิ ชอบตองานที่ไดร ับมอบหมาย)
2) มุง มัน่ ในการทางาน (เอาใจใสต อการปฏิบัตหิ นา ที่ทีไ่ ดรบั มอบหมาย, พยายามแกป ญั หาและ อุปสรรคในการทางานใหสาเรจ็ ) 5. สาระการเรียนรู้ ผสมสีจากแมส ี 3 สี จนเกิดเปน็ สีใหมตามวงจรสี ซงึ่ มี 12 สี 6. สมรรถนะที่สาคัญ 6.1 ความสามารถในการคดิ อยางสรางสรรค์ 6.2 ความสามารถในการใชเ หตผุ ลในการคิดดวยตนเอง 6.3 ความสามารถในการแกป ัญหาเฉพาะหนาไดดวยตนเอง 7. คุณลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ 7.1 มวี นิ ัย 7.2 ใฝเุ รยี นรู 7.3 มุง มน่ั ในการทางาน 7.4 มจี ิตสาธารณะ 8. กระบวนการการจดั กจิ กรรมการเรยี นรู้แบบซิปปา ขั้นนา (5 นาที) 8.1 ครูกลาวทักทายนักเรียน 8.2 ครูอธิบายสงิ่ ที่ตองเรียนในสัปดาห์นใ้ี หน กั เรยี นทราบเกี่ยวกับวงจรสี 8.3 ครูใหนักเรียนนั่งเปน็ กลมุ โดยใหน่ังตามกลมุ เดิมเหมอื นกบั กิจกรรมในครั้งแรก มีทั้งหมด 5 กลุม จานวนกลุมละ 3 คน สมาชิกในกลุมประกอบดวยนักเรียนท่ีจัดอยูในกลุมเกง ปานกลาง และกลมุ ออ น 8.4 ครูสอบถามนักเรียน “ในวงจรสีมี 12 สี เกิดจากการผสมกันของแมสีก่ีสี มีสีอะไรบาง” (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรียน โดยใหอ ยใู นดุลยพนิ ิจของครผู สู อน) เพ่ือกระตุนใหผูเรียนรูจักคิดและ เปน็ การทบทวนความรูเดิมทเี่ คยไดเ รียนมา เพื่อเชอ่ื มโยงเขาสูเนือ้ หาความรูเก่ยี วกับการวงจรสี ขัน้ สอน (50 นาที) 8.5 ครูใหนักเรียนหาขอมูลในหนังสือเรียนเก่ียวกับขั้นตอนการผสมสี ซึ่งการผสมสีนั้น แบงเปน็ กี่ข้ัน
8.6 ครูใหนักเรียนตอบคาถามเกี่ยวกับขอมูลที่นักเรียนหาได สีขั้นท่ี 1 สีขั้นท่ี 2 และสีข้ันท่ี 3 เม่อื นารวมกนั จะครบ 12 สี พอดซี งึ่ ตามกบั วงจรสีที่มี 12 สี 8.7 จากนัน้ ครใู หนกั เรยี นหาขอมลู 12 สที ี่ปรากฏในวงจรสี เกิดจากการผสมกันทีละขั้นอยางไร โดยใหจ ดลงในกระดาษ 8.8 สมาชกิ แตละคนในกลุมผลัดกันเสนอคาตอบของตนเองใหเพื่อนในกลุมฟัง แลวซักถามขอ สงสัย จนทุกคนในกลุมมคี วามรคู วามเขา ใจทีถ่ ูกตอ งตรงกัน 8.9 ครูใหตัวแทนนักเรียนแตล ะกลมุ นาเสนอคาตอบหนาชน้ั เรยี นและแสดงความคิดเหน็ รวมกัน 8.10 ครูแจกใบความรูใหนักเรียนพรอมเปิดคลิปวิดีโอข้ันตอนการผสมสีตามวงจรสีให นักเรยี นดู คลิปวิดโี อขั้นตอนการผสมสี (วงจรสี) ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=AWmW6xZZkKw&t=130s - สขี ้นั ที่ 1 หรือแมสี ไดแ ก สเี หลอื ง สีแดง สนี า้ เงิน - สีขน้ั ที่ 2 เกิดจากการนาแมสีหรอื สขี ัน้ ท่ี 1 มาผสมกนั ดงั น้ี สนี า้ เงนิ + สเี หลอื ง = สีเขยี ว, สแี ดง + สีน้าเงิน = สมี วง สีเหลือง + สแี ดง = สีสม - สีขนั้ ที่ 3 เกดิ จากการนาสขี น้ั ที่ 2 มาผสมกบั แมสีหรือขั้นที่ 1 ดังน้ี สีเหลือง + สสี ม = สีเหลืองสม , สีสม + สีแดง = สีสมแดง, สีแดง + สีมวง = สีมวง แดง, สีมวง + สนี า้ เงนิ = สมี วงน้าเงิน,
สีข้ันท่ี 1 สีข้นั ที่ 2 สีข้นั ท่ี 3 ทมี่ า : https://cities.trueid.net/article/สีวรรณะอุน-สวี รรณะสีเยน็ -trueidintrend_85947 ขนั้ ตอนการผสมสี ที่มา : https://sites.google.com/site/punpundddd/wngcr 8.11 ครใู หน กั เรยี นทากิจกรรมใบงานท่ี 3.1 เร่อื ง วงจรสี โดยใหนกั เรียนผสมสีข้ันท่ี 1 สีขั้นท่ี 2 และสขี น้ั ท่ี 3 ใหเ สรจ็ สมบรู ณ์ 8.12 ครูเปิดโอกาสใหนักเรียนซักถาม จากนั้นใหนักเรียนทากิจกรรมและครูคอยเดินดูและให คาแนะนา 8.13 ครูใหสุมนักเรียนออกมานาเสนอผลงานหนาชั้นเรียน พรอมบอกปัญหาท่ีพบขณะ ปฏบิ ัติงาน 8.14 ครูใหนักเรียนหาขอมูลวงจรสีสามารถทาอะไรไดบางในทางศิลปะ พรอมยกตัวอยาง ประกอบ (พิจารณาตามคาตอบของนักเรยี น โดยใหอ ยใู นดุลยพินจิ ของครผู สู อน) ข้นั สรุป (5 นาท)ี ครูและนกั เรยี นสรปุ เนื้อหาเร่อื ง “วงจรสี” รวมกัน “วงจรสีมีทั้งหมด 12 สีเกิดจากการผสมกัน ของแมสีสีข้ันท่ี 1 สขี ้ันท่ี 2 และสีข้ันที่ 3” จากน้นั ใหนกั เรียนเก็บอปุ กรณใ์ หเ รียบรอย
9. การวัดและประเมนิ ผล 9.1 เรอ่ื ง วงจรสี (10 คะแนน) ประเดน็ การ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ประเมนิ 5 4 3 2 10 ด้านความรู้ - - -นักเรียนอธิบาย -นกั เรียนอธิบาย -นั ก เ รี ย น -ไม (K) วงจรสี สีขั้นที่ 1 วงจรสี สีขั้นที่ 1 อธิบายวงจรสี สามารถ -เพื่อใหนักเรียน สีข้ันที่ 2 และสี สีข้ันท่ี 2 และสี สีขั้นที่ 1สีข้ันท่ี บอกได ส า ม ร ถ อ ธิ บ า ย วงจรสี สีข้ันท่ี 1 ขั้ น ท่ี 3 ไ ด ข้ั น ท่ี 3 ไ ด 2 และสีข้ันที่ 3 -ไมมา สีขั้นท่ี 2 และสี ถูกตองทั้งหมด ถูกตอง 2 ชั้น ไ ด ถู ก ต อ ง 1 เรยี น ท้งั 3 ขั้น จาก 3 ขน้ั ชนั้ จาก 3 ขนั้ ข้ันที่ 3 ได ด้านทกั ษะ -สามารถผสมสี -สามารถผสมสี -สามารถผสมสี -สามารถผสมสี -สามารถผสมสี -ไมส ง (P) จากแมสีขั้นท่ี 1 จากแมสีข้ันท่ี 1 จากแมสีขั้นที่ 1 จากแมสีขั้นที่ 1 จากแมส ขี ้นั ที่ 1 งาน -เพื่อใหนักเรียน ใหเกิดเป็นสีขั้น ใหเกิดเป็นสีขั้น ใหเกิดเป็นสีข้ัน ใหเกิดเป็นสีขั้น ใหเกิดเป็นสีขั้น -ไมม า สามารถผสมสี ท่ี 2 ไดถูกตอง ที่ 2 ไดถูกตอง ที่ 2 ไดถูกตอง ท่ี 2 ไดถูกตอง ท่ี 2 ไดถูกตอง เรยี น จากแมสี 3 สี และเกิดเป็นสี และเกิดเป็นสี และเกิดเป็นสี และเกิดเป็นสี และเกิดเป็นสี ใหเกิด 12 สี ใหม ใหม ใหม ใหม ใหม ตามวงจรสีได -น า สี ขั้ น ท่ี 2 -น า สี ขั้ น ท่ี 2 -น า สี ข้ั น ที่ 2 -น า สี ขั้ น ที่ 2 -น า สี ข้ั น ท่ี 2 ผสมกับข้ันท่ี 1 ผสมกับข้ันท่ี 1 ผสมกับขั้นท่ี 1 ผสมกับข้ันที่ 1 ผสมกับข้ันท่ี 1 ใหเกิดเป็นสีขั้น ใหเกิดเป็นสีข้ัน ใหเกิดเป็นสีขั้น ใหเกิดเป็นสีขั้น ใหเกิดเป็นสีขั้น ที่ 3 ไดถูกตอง ที่ 3 ไดถูกตอง ท่ี 3 ไดถูกตอง ที่ 3 ไดถูกตอง ที่ 3 ไดถูกตอง แล ะ สี มี ค ว า ม แ ต สี มี ค ว า ม แ ต สี มี ค ว า ม แ ต สี มี ค ว า ม แ ต สี มี ค ว า ม แ ต ก ต า ง กั น แ ต ก ต า ง กั น แ ต ก ต า ง กั น แ ต ก ต า ง กั น แ ต ก ต า ง กั น ชัดเจนทั้ง 12 สี เพียง 10-11 สี เพียง 7-9 สีจาก เพียง 4-6 สีจาก เพียง 1-3 สี -รูปแบบผลงาน จาก 12 สี 12 สี 12 สี จาก 12 สี ส ะ อ า ด -รูปแบบผลงาน -รูปแบบผลงาน -รูปแบบผลงาน -รปู แบบผลงาน เ รี ย บ ร อ ย ส ะ อ า ด ส ะ อ า ด ส ะ อ า ด ส ะ อ า ด สมบูรณ์ เ รี ย บ ร อ ย เ รี ย บ ร อ ย เรียบรอยแตไม เรียบรอยแตไม สมบรู ณ์ สมบรู ณ์ สมบูรณ์ สมบูรณ์ ด้านจิตพิสัย - - - -เ ข า ช้ั น เ รี ย น -เขาช้ั นเรีย น ไมเขา (A) แ ล ะ มี ค ว า ม แตไมมีค วาม ช้นั -มีวินยั มุ ง มั่ น ใ น ก า ร มุง มั่ นใน กา ร เรยี น -มุงมั่นในการ ทางาน ทางาน ทางาน
เกณฑก์ ารประเมนิ คะแนน ประเมนิ 9 - 10 ดี 7-8 5–6 ปานกลาง นอย 10. ส่อื อปุ กรณ์และแหล่งการเรยี นรู้ สือ่ การเรียนรู้ 1. วงจรสี 2. ใบความรู อปุ กรณ์ - ใบงาน - สโี ปสเตอร์/พูก นั /ถาดสี/กระบอกเติมนา้ /ผากนั เปื้อน - ดินสอ/ยางลบ แหล่งการเรยี นรู้ 1. หนังสือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ทัศนศิลป กลุมสาระการเรียนรูศิลปะ ระดับช้ัน ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พืน้ ฐาน พ.ศ. 2551 2. เว็บ Pinteres 3. Youtube
ใบงานท่ี 3.1 เรือ่ ง วงจรสี คาชแี้ จง : ใหน้ กั เรยี นผสมสตี ามวงจรสีใหถ้ ูกต้อง วงจรสี ชือ่ ……………………………………………..นามสกุล………………………………….เลขท…ี่ …………ชัน้ ……………
วงจรสี มีทง้ั หมด 12 สี มี 3 ขัน้ ดังน้ี สขี ้ันที่ 1 (Primary Color) แมสีเป็นสที ่มี ีเน้อื สีแทอยใู นตวั ซ่ึงมี 3 สี ไดแก สีเหลือง สีแดงและสีน้าเงิน ซึ่งจะไมสามารถจะ นาสอี ื่นๆ มาผสม เพือ่ ทาใหเกดิ สที ั้งสามขน้ึ ได บางคร้งั กเ็ รียกสีขน้ั ท่ี 1 นี้วา “แมสี” สขี ้ันที่ 2 (Secondary Color) สี่เกิดจากการผสมกันของสีข้ันท่ี 1 แตละสีในอัตราสวนท่ีเทากัน ทาใหเกสีผมเพ่ิมขึ้นมาอีก 3 สามสี ไดแก สสี ม สเี ขยี วและสมี วง += += += สขี ั้นท่ี 3 (Tertiary Color) เป็นสีที่เกดิ จากเปน็ สีท่ีเกดิ จากผสมกนั ของสขี ้นั ที่ 1 กบั ข้ันที่ 2 ในอตั ราสว นท่เี ทากนั ทาใหเกดิ สผี สมเพมิ่ ขน้ึ มาอกี 6 สี ไดแ ก สสี มเหลือง สีสม แดง สีมว งแดง สมี ว งน้าเงนิ สีน้าเงินเขยี วและสเี ขียว เหลอื ง += += += += += +=
แบบประเมนิ ใบงาน เครื่องมอื หน่วยการเรียนรูท้ ่ี………….เร่อื ง……………………………………………………………………ชน้ั ……………….. คาช้ีแจง : ใหค รูผูสอนประเมนิ ใบงานของนักเรยี นแลว ใหท าเคร่อื งหมาย ลงในชองทีต่ รงกบั ระดบั คะแนน ลาดบั ท่ี ลาดับท่ี เพอื่ ใหน้ ักเรยี น เพื่อใหน้ กั เรียน ความมุ่งมนั่ รวม 10 ชอ่ื – สกุล สามรถอธบิ าย สามารถผสมสี ในการ คะแนน วงจรสี สขี ้ันท่ี 1สี จากแม่สี 3 สี ให้ ทางาน ขน้ั ท่ี 2 และสขี ้ันที่ เกิด 12 สีตาม 10 3 ได้ วงจรสีได้ 2 10 210 1 ด.ญ. วรสรณ์ ขาวิจิตราภรณ์ 2 ด.ญ. ปิยนุช แสงทวีป 3 ด.ญ. พรี ดา ชาญเช่ยี ว 4 ด.ช. พชรพล สืบสาย 5 ด.ช. ธัญเทพ ฐานวริ ิยฐากลุ 6 ด.ญ. จิรวรรณ์ อศั วเดชานุกร 7 ด.ญ. ทพิ ภาภรณ์ แขกแปลก 8 ด.ญ. ทิพานันท์ ไชยนัด 9 ด.ช. อัครเดช มว งทวี 10 ด.ช. สหรัฐ อ่มิ สมโภชน์ 11 ด.ช. รัชชานนท์ เจรญิ ทรพั ย์ 12 ด.ช. กษิดด์ิ ิษฎ์ กันแกว 13 ด.ช. กองภพ กอนแกว 14 ด.ช. ณฐั วุธ มีจาด 15 ด.ญ. โฮซันนา ม่ันหมาย 16 ด.ช. เหรยี ญชัย เฉนิ 17 ด.ญ. ลลดา ทองเรอื ง ลงช่อื ...................................................ผู้ประเมนิ (…………………..…………………………..) . ................../................../................
แบบประเมนิ ใบงาน เครื่องมือ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี………….เร่ือง……………………………………………………………………ชน้ั ……………….. คาชีแ้ จง : ใหครูผูสอนประเมินใบงานของนักเรียนแลวใหทาเคร่อื งหมาย ลงในชอ งทต่ี รงกับ ระดับคะแนน ลาดบั ที่ ลาดบั ท่ี เพื่อใหน้ ักเรยี น เพอ่ื ใหน้ ักเรยี น ความมงุ่ มน่ั รวม 10 ชอ่ื – สกลุ สามรถอธิบาย สามารถผสมสี ในการ คะแนน วงจรสี สีขนั้ ท่ี 1สี จากแม่สี 3 สี ให้ ทางาน ขั้นที่ 2 และสีขน้ั ท่ี เกดิ 12 สตี าม 10 3 ได้ วงจรสีได้ 2 10 210 1 ด.ช. ชวนิ ทร์ จันทร์เจริญ 2 ด.ช. กติ ติภพ พรมสอน 3 ด.ญ. ชญั ญานุช ศรตี ัสสะ 4 ด.ช. อนุสรณ์ แชม สนทิ 5 ด.ญ. จันทร์ทมิ า เมฆกระจาย 6 ด.ญ. สภุ านชิ า เรืองกล่ัน 7 ด.ญ. ธนวรรณ ธนกุลทินวฒั น์ 8 ด.ช. ธีรภทั ร ธูปเทียนรตั น์ 9 ด.ช. ศกึ ษา แกวมีศรี 10 ด.ช. ภานุวชั ร์ ศาลา 11 ด.ญ. พชี ญา แกวบวั ดี 12 ด.ญ. รนิ รดา ตรงกลาง 13 ด.ช. ธนกฤต จนั ทรักษา 14 ด.ช. ธนกฤต จันทรกั ษา 15 ด.ช. ชโยทิต สขุ พศิ ษิ ฐ์ 16 ด.ช. พรี ะพฒั น์ สันสะกิด ลงช่อื ...................................................ผ้ปู ระเมนิ (…………………..…………………………..) .................../................../................
บันทกึ ผลหลงั การจัดการเรียนรู้ 1. ผลการจัดการเรียนรู้ ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 2. ปัญหา/อุปสรรค ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… 3. ขอ้ เสนอแนะและแนวทางการแก้ไข ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่ือ…………………………………………..ครูผสู้ อน (นางสาววภิ าพร ทพิ ราช) นกั ศึกษาฝึกประสบการณ์วชิ าชีพครู ความคดิ เห็นของครพู เี่ ลี้ยง ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงช่อื …………………………………………..ครูพี่เล้ียง (นายพันศกั ดิ์ เสง็ สวุ รรณ) ครูวทิ ยาฐานะครูชานาญการพิเศษ ความคิดเหน็ ของรองผู้อานวยการสถานศกึ ษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชอ่ื …………………………………………..ผตู้ รวจ (นางทพิ มาศ ดวงจนั ทราศิร)ิ รองผอู้ านวยการสถานศึกษาโรงเรียนวัดมะลิ ความคดิ เหน็ ของผู้อานวยการสถานศึกษา ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ลงชื่อ…………………………………………..ผบู้ ริหารสถานศกึ ษา (นางสาวดรุณี เทพา) ผอู้ านวยการสถานศกึ ษาโรงเรียนวดั มะลิ
แผนการจัดการเรียนรู้ท่ี 6 รหสั วชิ า 14101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ศลิ ปะ สาระ ทศั นศลิ ป์ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 3 การเขียนภาพระบายสโี ปสเตอร์ ภาคเรียนท่ี 2 เร่อื ง การไล่คา่ นา้ หนกั สีผสมดา จานวน 1 คาบ ช้นั ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 เวลา 1 ช่วั โมง สอนเมื่อ วันท…ี่ ……….เดือน……………………….พทุ ธศกั ราช…………. ครผู ู้สอน วิภาพร ทพิ ราช 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ศ 1.1 สรางสรรค์งานทัศนศิลปตามจินตนาการ และความคิดสรางสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์คุณคางานทัศนศิลป ถายทอดความรูสึก ความคิดตองานศิลปะอยางอิสระ ช่ืนชม และประยุกตใ์ ชในชีวติ ประจาวัน 2. ตวั ชว้ี ัด ศ 1.1 ป. 4/5 มที ักษะพื้นฐานในการใชวสั ดุ อปุ กรณ์สรางสรรค์งานวาดภาพระบายสี 3. สาระสาคัญ เพอื่ ใหเ ขา ใจขบวนการการระบายสีดวยคาน้าหนักสีผสมดา และสามารถบอกคาน้าหนักสีผสม ดาไดถ ูกตอ งตามหลกั การการไลส ี ซงึ่ เฉดสีการผสมขาวจะมีความออน – เขม แตกตางกัน ทาใหเกิด เฉดสหี ลายสี สามารถผสมสี คาน้าหนักสีผสมขาวและไลคาน้าหนักผสมดามีความแตกตางกันชัดเจนใน แตร ะดับสี ซ่ึงจะไลคานา้ หนักจากออนไปเขม เพราะคา นา้ หนักสีผสมดาเปน็ การเติมสีดาในอัตราสวน 20 % ลงในสแี ท (Hue) จากนัน้ ผสมกนั แลว ใหร ะบายลงในกระดาษ จากน้ันใหเติมสีดาในอัตราสวน 20 % ลงในสเี ดิมอีกครัง้ ผสมใหเขากันจากน้ันนาไประบายลงในกระดาษเพ่ือไลระดับสี สามารถเติม สีดาและระบายเชนน้ีไปเรื่อยๆ ได โดยระดับน้าหนักความเขมที่เห็นความเปลี่ยนแปลงไดชัดอยูใน ระดบั 3 - 6 ระดบั และจะปรากฏคาน้าหนักความออน-เขม 4. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 4.1 ด้านความรู้ (K) เพอ่ื ใหนกั เรยี นสามารถบอกคาน้าหนักสผี สมดาได
4.2 ดา้ นทกั ษะ (P) เพือ่ ใหนักเรยี นสามารถผสมสีไลค า นา้ หนกั สผี สมสีดาได 4.3 ด้านคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A) 1) มีวินัย (เขาชนั้ เรียน, มคี วามรบั ผิดชอบตองานท่ไี ดรบั มอบหมาย) 2) มุง ม่ันในการทางาน (เอาใจใสตอการปฏบิ ตั ิหนา ทท่ี ไ่ี ดร บั มอบหมาย, พยายาม แกปญั หาและอปุ สรรคในการทางานใหส าเรจ็ ) 5. สาระการเรียนรู้ การผสมสี คา น้าหนักสผี สมดาจนเกิดเปน็ เฉดสหี ลายสี 6. สมรรถนะท่สี าคัญ 6.1 ความสามารถในการคิดอยางสรางสรรค์ 6.2 ความสามารถในการใชเหตผุ ลในการคิดดว ยตนเอง 6.3 ความสามารถในการแกปญั หาเฉพาะหนาไดด ว ยตนเอง 7. คณุ ลักษณะอนั พึงประสงค์ 7.1 มวี นิ ัย 7.2 ใฝุเรียนรู 7.3 มุง ม่นั ในการทางาน 7.4 มีจิตสาธารณะ 8. กระบวนการการจัดกจิ กรรมการเรียนรู้แบบซิปปา ข้นั นา (5 นาที) 8.1 ครูกลา วทักทายนกั เรยี น 8.2 ครูอธิบายส่งิ ที่ตอ งเรียนในสัปดาห์น้ีใหนักเรยี นทราบเกยี่ วกับการไลคา นา้ หนกั สีผสมดา 8.3 ครใู หน ักเรียนนั่งเปน็ กลุม โดยใหนั่งตามกลุม เดิมเหมอื นกบั กิจกรรมในครั้งแรก มีท้ังหมด 5 กลุม จานวนกลุมละ 3 คน สมาชิกในกลุมประกอบดวยนักเรียนที่จัดอยูในกลุมเกง ปานกลาง และกลมุ ออน ขัน้ ที่ 1 การทบทวนความรเู้ ดมิ 8.4 ครูสอบถามนักเรียน “หากนาสีดามาผสมกับสีใดสีหนึ่ง จะทาใหสีน้ันมีลักษณะอยางไร” (พิจารณาตามคาตอบของนักเรียน โดยใหอยูใ นดุลยพนิ จิ ของครผู ูสอน) เพ่ือกระตุนใหผูเรียนรูจักคิดและ เปน็ การทบทวนความรเู ดมิ ที่เคยไดเรยี นมา เพ่ือเชื่อมโยงเขาสูเน้ือหาความรูเก่ียวกับการเขียนการไลคา นา้ หนกั สีผสมดา
ขนั้ สอน (50 นาที) ขั้นที่ 2 การแสวงหาความร้ใู หม่ 8.5 ครูใหน กั เรียนดูวงจรสีที่ไลค านา้ หนกั สีผสมดาแสดงเฉดสีหลายเฉดสี 8.6 ครูแจกใบความรแู ลว ใหน ักเรยี นอา นเพ่ือทาความเขาใจในสวนของคาน้าหนักสีผสมดา คือ อะไร ภาพที่ 1 : วงจรสี ไลค านา้ หนักสีผสมดา ท่มี า : วภิ าพร ทิพราช ข้ันที่ 3 การศึกษาทาความเข้าใจข้อมลู /ความรู้ใหม่ และเชือ่ มโยงความรู้ใหมก่ บั ความรู้เดิม 8.7 ครใู หนกั เรียนตอบคาถามเมือ่ นาสีดามาผสมกับสีใดสีหน่ึงสีน้ันจะเปล่ียนคาสีใหเขมขึ้นจาก เดมิ เน่อื งจากเป็นสที ี่เขมทีส่ ุด ข้นั ที่ 4 การแลกเปลี่ยนความรู้ความเข้าใจกบั กลุ่ม 8.8 จากน้นั ครใู หน ักเรียนแตละกลมุ ทดลองใชสีชอรก์ โดยเลือกสีใดสีหนึ่งระบายลงในกระดาษ แลว ใชส ีดาทาทบั ลงไปโดยคอยๆ ออกแรงกดสไี ลร ะดับสขี ้นึ ไป จากนัน้ ใหน ักเรียนสังเกตคา นา้ หนกั สี 8.9 สมาชิกแตละคนในกลุมผลัดกันเสนอคาตอบของตนเองใหเพ่ือนในกลุมฟัง แลวซักถามขอ สงสัย จนทุกคนในกลุมมีความรูความเขาใจท่ีถูกตอ งตรงกัน 8.8 ครใู หตัวแทนนกั เรยี นแตล ะกลุมนาเสนอคาตอบหนาช้นั เรยี นและแสดงความคดิ เหน็ รว มกนั ขั้นท่ี 5 การสรปุ และจัดระเบยี บความรู้ 8.9 ครอู ธบิ าย สดี า เปน็ สที ี่มคี วามเขม ที่สดุ สแี ท (Hue) คอื สีท่ีมีความเขมในตัวของมันอยูแลว โดยท่ยี งั ไมถ กู ผสมกบั สดี าหรอื สขี าว เมอื่ นาสดี ามาผสมกบั สีแทจ ะทาใหสแี ทเ ขม ข้นึ 8.10 ครูเปิดคลิปวิดีโอการไลคาน้าหนักสีผสมดาใหนักเรียนดูและอธิบายสีดาจะเพ่ิมความสด ของสีใหเ ขมมากกวา สีหลกั
การไล่คา่ น้าหนกั สีผสมดา ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=8floF4MmAGc 8.11 ครูสาธิตและอธิบายการไลคานา้ หนักสผี สมดา ยกตัวอยา งสสี มใหน ักเรยี นดู วัสดุ อปุ กรณ์ - ถาดสี - กระบอกเติมน้า - สีโปสเตอร์แมส ี 3 สี - สดี า - พูกัน - กระดาษ - เศษผา - ผากนั เปือ้ น - เทปกาวกันนา้ การระบายสีควรระบายสีใหระบายไปในทศิ ทางเดียวกนั หรือปาดซา ย-ขวา ไปมา ไมควรนาพูกัน จุมน้าขณะระบายสีเดิมอยูเพราะจะทาใหสีเพี้ยนสีสีดาง ไมควรปวดสีตัดกันไปมาเพราะจะทาใหสีเกิด เสน ตัดกันและสีไมสม่าเสมอกัน ขัน้ ตอนการไลค่ ่านา้ หนกั สผี สมดา ยกตัวอยา งสีสม 1. ใหนาเทปกาวกันนา้ ตดิ ขอบรอบนอกส่เี หลย่ี ม 2. ผสมสีสม และระบายลงในชอ งส่เี หล่ียมชองที่ 1 3. เติมสีดาอตั ราสวน 20 % ลงในถาดสสี ม คนใหเขากนั 4. นาสที ่ีผสมแลวมาระบายลงในชอ งสีเ่ หล่ยี มชอ งที่ 2 5. ใหทาเชนน้ีจนครบทกุ ชอ ง ใหนักเรียนสังเกตความแตกตางของสีในแตละระดับ สีดาจะเพิ่มความสดของสีให มากกวาสีหลัก ระดับน้าหนักความเขมที่เห็นความเปลี่ยนแปลงไดชัดอยูในต้ังแต 3 - 6 ระดับ ค่านา้ หนักสผี สมดา ท่ีมา : วภิ าพร ทิพราช
ขน้ั ท่ี 6 การปฏบิ ตั ิ และ/หรือการแสดงผลงาน 8.12 ครูใหนักเรียนทากิจกรรมใบงานที่ 3.2 เรื่อง การไลคาน้าหนักสีผสมดา โดยใหนักเรียน เลอื กสีเพยี ง 1 สี จากนนั้ ผสมสี ไลค า น้าหนักสีผสมดาลงในชอ งสเี หลี่ยมท่ีกาหนดให 8.13 ครเู ปิดโอกาสใหนักเรยี นซกั ถามขอ สงสัย จากนนั้ ใหนักเรียนทากิจกรรมและครูคอยเดินดู และใหคาแนะนา 8.14 ครูใหสุมนักเรียนออกมานาเสนอผลงานหนาช้ันเรียน พรอมบอกปัญหาท่ีพบขณะ ปฏิบัติงาน ขั้นที่ 7 การประยุกต์ใชค้ วามรู้ 8.15 ครูใหนักเรียนหาขอมูลการไลคาน้าหนักสีผสมดาสามารถนามาสรางงานทัศนศิลปได หรือไม พรอมยกตัวอยางประกอบ (พิจารณาตามคาตอบของนักเรียน โดยใหอยูในดุลยพินิจของ ครผู สู อน) ขนั้ สรุป (5 นาท)ี 8.16 ครูและนกั เรยี นรวมกันสรุปเนอ้ื หาเรอ่ื ง “การไลคาน้าหนักสีผสมดา” รวมกัน “การไลคา น้าหนักสีผสมดา เป็นการผสมสีดากับสีแท (Hue) สีดาจะเพ่ิมความสดของสีใหเขมมากกวาสีหลัก” จากนั้นใหน ักเรียนเก็บอปุ กรณ์ใหเรียบรอย 9. การวดั และประเมินผล 9.1 เร่อื ง การไลคา น้าหนกั สผี สมดา (10 คะแนน ประเด็นการ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ประเมิน 5 4 3 2 10 ด้านความรู้ - - -นักเรียนบอก -นักเรียนบอก -นักเรียนบอก -ไม (K) คานา้ หนกั สผี สม คา นา้ หนกั สีผสม ค า น้ า ห นั ก สี สามารถ -เพื่อใหนักเรียน ดาถูกตอง ทุก ดาถูกตอง 2 ขอ ผสมดาถูกตอง บอกได สามารถบอกคา ขอ จาก 3 ขอ จาก 3 ขอ 1 ขอ จาก 3 ขอ -ไมมา น้าหนักสีผสมดา ได เรยี น ดา้ นทกั ษะ -สามารถไลคา -สามารถไลคา -สามารถไลคา -สามารถไลคา -สามารถไลคา -ไมสง งาน (P) นา้ หนกั สผี สมดา นา้ หนกั สผี สมดา นา้ หนักสผี สมดา นา้ หนกั สผี สมดา น้าหนักสีผสม -ไมมา เรยี น -เพ่ือใหนักเรียน เ ห็ น ร ะ ดั บ เ ห็ น ร ะ ดั บ เ ห็ น ร ะ ดั บ เ ห็ น ร ะ ดั บ ดา เห็นระดับ สามารถผสมสี น้าห นักค วา ม น้าห นักค วา ม น้าห นักค วา ม น้าห นักค วา ม น้าหนักความ ไลคาน้าหนักสี เ ข ม เ ข ม เ ข ม เ ข ม เ ข ม ผสมสีดาได เปล่ียนแปลงทุก เปลี่ยนแปลง 5 เปลี่ยนแปลง 4 เปลี่ยนแปลง 3 เปลี่ยนแปล ง ร ะ ดั บ จ า ก ร ะ ดั บ จ า ก ร ะ ดั บ จ า ก ร ะ ดั บ จ า ก 1-2 ระดับ จาก 6 ระดบั 6 ระดบั 6 ระดบั 6 ระดบั 6 ระดับ
-ก ร ะ ด า ษ ไ ม -ก ร ะ ด า ษ ไ ม -กระดาษเป็นขุย -กระดาษเปน็ ขุย -ก ร ะ ด า ษ เ ป็ น ขุ ย แ ล ะ เ ป็ น ขุ ย แ ล ะ เ ล็ ก น อ ย แ ต เลก็ นอยและ เป็นขุยจานวน สีไมชา้ สีไมช ้า สีไมช ้า สชี า้ เล็กนอ ย มากและสีช้า -สีไมกระจายใน -สีไมกระจายใน -สีไมกระจายใน -สีกระจายลงใน มาก ชองระดับสีอ่ืน ชอ งระดบั สอี นื่ ชองระดบั สอี ่นื ชองระดับสอี ่นื -สีกระจายลง -รูปแบบผลงาน -รูปแบบผลงาน -รูปแบบผลงาน -รูปแบบผลงาน ในชองระดับสี ส ะ อ า ด ส ะ อ า ด ส ะ อ า ด ส ะ อ า ด อืน่ จานวนมาก เ รี ย บ ร อ ย เ รี ย บ ร อ ย เ รี ย บ ร อ ย เรียบรอย แตไม -รปู แบบผลงาน สมบูรณ์ สมบรู ณ์ สมบรู ณ์ สมบูรณ์ สะอาด แตไม สมบรู ณ์ ดา้ นจติ พิสยั - - - -เ ข า ช้ั น เ รี ย น -เขาชั้ นเรีย น ไมเ ขา (A) ชน้ั -มวี ินัย แ ล ะ มี ค ว า ม แตไมมีค วาม เรยี น -มงุ มนั่ ในการ ทางาน มุ ง มั่ น ใ น ก า ร มุง มั่ นใน กา ร ทางาน ทางาน เกณฑก์ ารประเมิน คะแนน ประเมิน 9 - 10 ดี 7-8 5–6 ปานกลาง นอย 10. สื่อ อปุ กรณ์และแหลง่ การเรียนรู้ สอ่ื การเรยี นรู้ 1. วงจรสี คา นา้ หนกั สผี สมดา 2. ใบความรู อปุ กรณ์ - ใบงาน - สีโปสเตอร์/พกู ัน/ถาดสี/กระบอกเตมิ น้า/ผากันเปือ้ น - ดินสอ/ยางลบ แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนังสือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ทัศนศิลป กลุมสาระการเรียนรูศิลปะ ระดับช้ัน ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้ันพน้ื ฐาน พ.ศ. 2551
2. เวบ็ Pinteres 3. Youtube
ใบงานท่ี 3.2 เรอ่ื ง การไล่คา่ นา้ หนักสีผสมดา ตอนท่ี 1 คาชแ้ี จง : ใหน้ ักเรยี นเติมเคร่อื งหมาย หรือ ลงใน ใหถ้ กู ตอ้ ง 1. การไลคา นา้ หนักสผี สมดาใหเติมสีดาอตั ราสวน 30 % 2. ระดบั น้าหนกั ความเขมท่เี ห็นความเปล่ยี นแปลงไดช ดั อยูในระดบั 3 - 6 ระดับ 3. จากภาพเปน็ การไลคานา้ หนกั สี ผสมดา ตอนที่ 2 คาช้แี จง : ให้นกั เรยี นเลือกสแี ท้ (Hue) 1 สี จากนน้ั ไล่ค่านา้ หนกั สี ผสมดา ให้มีน้าหนักความ เข้มขึน้ เห็นความเปลยี่ นแปลงทุกระดบั ช่อื ……………………………………………..นามสกลุ ………………………………….เลขท…่ี …………ชั้น……………
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 563
Pages: