ข. ค. ง. ถกู ทกุ ขอ (เฉลย ก) 14 ทาไมถึงใชถาดสขี าวในการผสมสี ก. หาซื้อไดง าย ข. ราคาถกู ค. มีความทนทาน ง. ทาใหเหน็ สีชัดเจน (เฉลย ง) 15 หากใชพูกันถูกระดาษที่เดิมซ้าๆ แรงๆ จะสงผล อยางไร ก. กระดาษเป็นขุย ข. ทาใหส ีกลมกลืนกนั ค. ทาใหส เี รยี บ ง. สีเดน ชัดขึน้ (เฉลย ก) 16 จากภาพเป็นคานา้ หนกั สีทผ่ี สมดวยสีอะไรบา ง ก. สชี มพูและสดี า ข. สีแดงและสสี ม ค. สขี าวและสดี า ง. สีดาและสีแดง (เฉลย ค)
17 ขอ ใดกลาวถกู ตอ ง ก. สโี ปสเตอร์ไมน ิยมผสมสีขาวและสดี า ข. สีโปสเตอรล์ า งออกยากทสี่ ดุ ค. สีโปสเตอรไ์ มสามารถระบายซา้ ท่เี ดมิ ได ง. สโี ปสเตอรส์ ามารถระบายซา้ ที่เดมิ ได (เฉลย ง) 18 การระบายสใี หเรียบทาอยา งไร ก. ใชผ า ระบายแทนพูก ัน ข. ตวัดพูกันซาย-ขวา ไปมา ค. รอใหสีแหงแลวตวัดพูกันตัดกันไปมา ง. ขอ ก และ ข ถูก (เฉลย ข) 19 ขณะทีส่ บี นกระดาษยังไมแหง เมื่อลงสีอื่นทับลงไป จะสงผลอยา งไร ก. สีเขม ข้ึนจากเดิม ข. สีสดใสขึน้ ค. สีเปล่ียนเป็นสีใหม ง. ไมส งผลใดๆ (เฉลย ค) 20 เพราะเหตุใดจึงไมควรนาพูกันจุมน้าขณะระบายสี เดิมอยู ก. เพราะจะทาใหน ้าหนักสีไมเ ทา เดมิ ข. เพราะจะทาใหพกู ันหมดคณุ ภาพ ค. เพราะจะทาใหนา้ เปล่ียนสี ง. ผิดทุกขอ (เฉลย ก)
ขอ เสนอแนะ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……..………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (ลงชอื่ )................................................................ผูประเมิน (.......................................................) ตาแหนง…………………………………………………………………..
แบบประเมินความเหมาะสมสอดคล้องที่มีต่อแบบทดสอบหลงั เรียน การพัฒนาทักษะการเขียนภาพระบายสโี ปสเตอร์ โดยการจัดกิจกรรมการเรยี นรแู้ บบซปิ ปา สาหรับนกั เรียนชนั้ ประถมศกึ ษาปที ่ี 4 คาชี้แจง : โปรดพิจารณาวาขอสอบแตละขอมีความสอดคลอง (IOC) กับการเรียนรูการพัฒนาทักษะ การวาดภาพระบายสีโปสเตอร์ โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรูแบบซิปปา สาหรับนักเรียนชั้น ประถมศกึ ษา ปที ่ี 4 ขอใหทานผูเชี่ยวชาญกรุณาแสดงความคิดเห็น โดยเขียนเคร่ืองหมาย ลง ในชอง “ระดับความคิดเห็น” ตามความคิดเหน็ ของทา น ดังนี้ +1 หมายถึง มีความเหมาะสมสอดคลอง 0 หมายถงึ ไมแ นใจวามคี วามเหมาะสมสอดคลอ ง - 1 หมายถึง ไมมีความเหมาะสมสอดคลอง ขอ รายการประเมิน ความคิดเหน็ ผเู ชยี่ วชาญ ขอ เสนอแนะ +1 0 - 1 1 สใี นขอใดอยใู นสขี น้ั ที่ 2 ก. สเี ขียว ข. สีเหลอื ง ค. สสี มเหลอื ง ง. สีเขียวเหลอื ง (เฉลย ก) 2 ในวงจรสมี ีท้งั หมดกส่ี ี ก. 6 สี ข. 10 สี ค. 12 สี ง. 12 สี (เฉลย ค) 3 สแี ท (Hue) หมายความวา อยา งไร ก. สีทีถ่ ูกผสมกบั สีดา ข. สที ถ่ี ูกผสมกับสขี าว ค. สีทย่ี ังไมถกู ผสมกับสีดาและสีขาว ง. สที ถ่ี ูกผสมกบั สีดาและสขี าว (เฉลย ค)
4 ขอใดกลาวผิด ก. คุณลักษณะของสีโปสเตอรค์ อื ทึบแสง ข. ภาพเขียนสโี ปสเตอรม์ ีความทนทานกวา สปี ระเภทอ่นื ค. จดั เตรยี มวัสดุและอุปกรณ์ ง. ผิดทุกขอ (เฉลย ข) 5 จากภาพเป็นคาน้าหนักสีท่ีผสมดวยสีใด ก. สีเขียว ข. สขี าว ค. สีเหลือง ง. สีดา (เฉลย ง) 6 หากตอ งการใหส ใี หออนลง ควรใชสใี ดเป็นสวน ประสม ก. สีขาว ข. สเี ขยี ว ค. สีสม ง. สเี หลอื ง (เฉลย ก) 7 ในภาพแสดงคาน้าหนกั สอี ยา งไร ก. เขม ข. ออน ค. เขม-ออน ง. ผดิ ทกุ ขอ (เฉลย ค)
8 ภาพในวงจรสคี ือคา น้าหนักสีทถี่ กู ผสมดวยสีใด ก. สีขาว ข. สเี หลอื ง ค. สีเหลอื ง ง. สีดา (เฉลย ง) 9 จากภาพเป็นคา น้าหนักสีทีผ่ สมดว ยสีใด ก. สีดา ข. สขี าว ค. สีชมพู ง. สีเหลือง (เฉลย ข) 10 คสู ีใดมีความกลมกลืนมากที่สุด ก. เหลืองกบั น้าเงิน ข. เขยี วกับแดง ค. มวงกบั เหลอื ง ง. น้าเงนิ กับเขียว (เฉลย ง) 11 การระบายสีใหเรยี บทาอยา งไร ก. ใชผ าระบายแทนพูกนั ข. ตวัดพูกนั ซาย-ขวา ไปมา ค. รอใหสีแหงแลวคอ ยตวัดพกู นั ตดั กันไปมา ง. ขอ ก และ ข ถูก (เฉลย ค) 12 หากตอ งการเกลย่ี สใี หเ หน็ ความแตกตางของสีควร ใช กีส่ ขี น้ึ ไป ก. 1 สี ข. 2 สี
ค. 3 สี ง. 4 สี (เฉลย ข) 13 ภาพสโี ปสเตอรท์ แี่ หงแลวหากโดนนา้ จะสงผล อยา งไร ก. ภาพเสยี หาย ข. ภาพสวยขึน้ ค. ภาพเขม ข้นึ ง. ไมส งผลใดๆ (เฉลย ก) 14 จากภาพเปน็ คาน้าหนักสีที่ผสมดว ยสีอะไรบาง ก. สดี าและสแี ดง ข. สแี ดงและสสี ม ค. สีขาวและสีดา ง. สีชมพแู ละสีดา (เฉลย ก) 15 ขั้นตอนแรกของการเขียนภาพสีโปสเตอร์ คอื อะไร ก. กาหนดสี ข. การรางภาพโดยรวม ค. จัดเตรียมวสั ดุและอปุ กรณ์ ง. ผดิ ทุกขอ (เฉลย ข) 16 ห า ก ผ ส ม น้ า ล ง ใ น สี โ ป ส เ ต อ ร์ ม า ก เ กิ น ไ ป จะสงผลอยางไร ก. สีระบายงา ย ข. สีสดใสขึ้น ค. สีเขมขึน้ ง. สีออนหรอื จาง เกนิ ไป (เฉลย ง)
17 “สโี ปสเตอร์” ในคาศัพท์ภาษาองั กฤษคือขอ ใด ก. Watercolor ข. Oil pastel ค. Poster pastel ง. Poster color (เฉลย ง) 18 ขั้นตอนสุดทายของการวาดภาพระบายสีโปสเตอร์ คอื ขอใด ก. การรางภาพโดยรวม ข. กาหนดสี ค. เกบ็ รายละเอียดงาน ง. ผิดทกุ ขอ (เฉลย ค) 19 หากใชพูกันถูกระดาษท่ีเดิมซ้าๆ แรงๆ จะสงผล อยางไร ก. กระดาษเป็นขยุ ข. ทาใหส ีกลมกลนื กนั ค. ทาใหส ีเรียบ ง. สีเดน ชดั ข้นึ (เฉลย ก) 20 ขณะท่สี บี นกระดาษยังไมแหง เมือ่ ลงสอี น่ื ทับลงไป จะสง ผลอยา งไร ก. สีเขม ขน้ึ จากเดมิ ข. สเี ปลีย่ นเปน็ สีใหม ค. สีสดใสข้ึน ง. ไมส งผลใดๆ (เฉลย ข)
ขอ เสนอแนะ……………………………………………………………………………………………………………………………… ……..………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… (ลงชอื่ )................................................................ผปู ระเมิน (.......................................................) ตาแหนง…………………………………………………………………..
ภาคผนวก ค เครือ่ งมือทใ่ี ช้ในการวิจยั 1. แผนการจัดการเรยี นรู้ เรื่อง การวาดภาพระบายสโี ปสเตอร์ 2. แบบประเมินเกฑร์ ูบคิ สกอร์ (Rubric Score)
แผนการจัดการเรยี นรู้ที่ 1 รหัสวิชา 14101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ศิลปะ สาระ ทศั นศลิ ป์ หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี 1 การเขยี นภาพระบายสโี ปสเตอร์ เรอ่ื ง วงจรสี จานวน 2 คาบ ช้นั ประถมศกึ ษาปีที่ 4 เวลา 1 ช่ัวโมง สอนเม่ือ วนั ท…่ี ……….เดือน………………….พุทธศกั ราช………….คาบท่ี 1 ครผู ู้สอน วภิ าพร ทิพราช 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ศ 1.1 สรางสรรค์งานทัศนศิลปตามจินตนาการ และความคิดสรางสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์คุณคางานทัศนศิลป ถายทอดความรูสึก ความคิดตองานศิลปะอยาง อิสระ ชื่นชม และประยกุ ตใ์ ชในชีวิตประจาวัน 2. ตวั ชี้วดั ศ 1.1 ป. 4/5 มีทกั ษะพ้นื ฐานในการใชว ัสดุ อปุ กรณส์ รางสรรค์งานวาดภาพระบายสี 3. สาระสาคญั เพ่ือใหเขาใจขบวนการการผสมสีจากแมสี 3 สี ไดแก สีเหลือง สีน้าเงินและสีแดง จนเกิด เปน็ สใี หมไ ดถ กู ตองตามขน้ั ตอนวงจรสี สามารถผสมสีโปสเตอร์จากแมสี 3 สี ใหเกิดเป็นสีใหม แมสีถูกนามาใชงานกันอยาง กวา งขวางในวงการศิลปะ แมสี 3 สี เม่ือนามาผสมกันตามหลักเกณฑ์ จะทาใหเกิดวงจรสี ซึ่งมี 12 สี ซง่ึ เป็นวงสธี รรมชาติเกดิ จากการผสมกันของแมส วี ัตถุธาตุ เป็นสหี ลกั ทใ่ี ชงานกนั ทว่ั ไป 4. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 4.1 ด้านความรู้ (K) เพอ่ื ใหนกั เรยี นสามรถอธิบายวงจรสี สีข้ันท่ี 1สีข้นั ที่ 2 และสีขัน้ ที่ 3 ได 4.2 ดา้ นทกั ษะ (P) เพ่ือใหนกั เรยี นสามารถผสมสีจากแมสี 3 สี ใหเ กิดวงจรสี ซ่ึงมี 12 สี 4.3 ดา้ นคุณลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ (A) 1) มีวินยั (เขาชน้ั เรยี น, มคี วามรบั ผดิ ชอบตองานท่ไี ดรับมอบหมาย)
2) มงุ มน่ั ในการทางาน (เอาใจใสต อการปฏิบัติหนา ท่ีที่ไดรับมอบหมาย, พยายาม แกป ัญหาและอุปสรรคในการทางานใหส าเรจ็ ) 5. สาระการเรียนรู้ ผสมสีจากแมส ี 3 สี จนเกิดเป็นสใี หมตามวงจรสี ซ่ึงมี 12 สี 6. สมรรถนะท่ีสาคัญ 6.1 ความสามารถในการคิดอยางสรางสรรค์ 6.2 ความสามารถในการใชเหตผุ ลในการคิดดว ยตนเอง 6.3 ความสามารถในการแกป ัญหาเฉพาะหนา ไดดว ยตนเอง 7. คณุ ลกั ษณะอนั พึงประสงค์ 7.1 มีวินยั 7.2 ใฝเุ รยี นรู 7.3 มุงมั่นในการทางาน 7.4 มจี ติ สาธารณะ 8. กระบวนการการจัดกจิ กรรมการเรียนร้แู บบซิปปา ขัน้ นา (35 นาที) 8.1 ครกู ลาวทกั ทายนักเรยี น 8.2 ครูอธิบายสิ่งท่ีตองเรียนควรรูในสัปดาห์น้ีใหนักเรียนทราบเกี่ยวกับวัตถุประสงค์การเรียน การสอน ขนั้ ที่ 1 การทบทวนความรู้เดมิ 8.3 ครูสอบถามนกั เรียน “ในวงจรสมี กี ี่สี แมส มี กี ่ีสอี ะไรบาง” (พิจารณาตามคาตอบของนักเรียน โดยใหอ ยใู นดุลยพินิจของครูผูสอน) เพ่ือกระตุนใหผูเรียนรูจักคิดและเป็นการทบทวนความรูเดิมท่ี เคยไดเ รียนมา เพอื่ เช่ือมโยงเขาสเู นือ้ หาความรูการวาดภาพระบายสโี ปสเตอรเ์ กีย่ วกบั วงจรสี 8.4 ครูใหนักเรียนทาแบบทดสอบกอนเรียนจานวน 20 ขอ แบบ 4 ตัวเลือก กอนเขาสูเน้ือหา ในการเรียนการสอน ขั้นสอน (20 นาที) ขัน้ ที่ 2 การแสวงหาความรใู้ หม่ 8.5 ครูแบงกลุมนักเรียนออกเป็น 5 กลุม จานวนกลุมละ 3 คน สมาชิกในกลุมประกอบดวย นักเรยี น ทจี่ ดั อยูในกลุมเกง ปานกลาง และกลุมออ น
8.6 ครใู หนักเรียนดูวงจรสีและใหนักเรียนสังเกตเหตุใดในวงจรสีถึงมี 12 สีจากน้ันใหนักเรียน หาขอ มลู ในหนงั สือเรยี น ภาพท่ี 1 : วงจรสี ทม่ี า : วิภาพร ทพิ ราช ขน้ั ที่ 3 การศกึ ษาทาความเข้าใจข้อมูล/ความรู้ใหม่ และเช่อื มโยงความร้ใู หมก่ บั ความรู้เดมิ 8.7 ครูใหนกั เรียนตอบคาถามเก่ยี วกบั วงจรสี ตามทนี่ ักเรียนหาขอ มูลมาได 8.8 วงจรสี มที ั้งหมด 12 สี คอื เกิดจากการผสมกันเป็นคู เริ่มจากแมสี 3 สี แลวเกิดเป็นสีใหม ขึ้นมา จนครบวงจรสี ขัน้ ท่ี 4 การแลกเปลยี่ นความรคู้ วามเข้าใจกบั กล่มุ 8.9 จากนั้นครูใหนักเรียนหาขอมูลจากหนังสือเรียนแมสี 3 สี มีสีอะไรบาง โดยใหจดลงใน กระดาษ 8.10 สมาชิกแตล ะคนในกลมุ ผลัดกนั เสนอคาตอบของตนเองใหเพ่ือนในกลุมฟัง แลวซักถามขอ สงสัย จนทุกคนในกลุม มีความรคู วามเขาใจทถี่ ูกตอ งตรงกนั 8.11 ครูใหตวั แทนนกั เรียนแตล ะกลุมนาเสนอคาตอบและแสดงความคิดเหน็ รว มกัน ขนั้ ท่ี 5 การสรปุ และจดั ระเบียบความรู้ 8.12 ครูแจกใบความรใู หน ักเรียน และอธิบาย “แมสีมี 3 สี ไดแก สีเหลือง สีแดง และสีน้าเงิน ในวงจรสีใหล งแมสีในชองใดชอ งหนึ่งแลวเวน 3 ชอ ง จากนนั้ นาแมสผี สมกนั ในแตละคูกจ็ ะเกิดเป็นสี ใหม จนครบ 12 สี ในวงจรสี การผสมสีไมควรเตมิ น้ามากเกินไปหรือนอยเกนิ ไป” ขนั้ ตอนการผสมสี ท่ีมา : https://sites.google.com/site/punpundddd/wngcr
ขน้ั ท่ี 6 การปฏบิ ัติ และ/หรือการแสดงผลงาน 8.13 คาบที่ 1 ครูใหนักเรียนทากิจกรรมใบงานท่ี 1.1 เร่ือง วงจรสี ใหนักเรียนลงเพียงแมสีใน ชอ งวา ง แลว เวน 3 ชอง จนครบ 3 สี ในใบงานทก่ี าหนดให สวนการผสมสีในขัน้ ตางๆ ใหทาในคาบที่ 2 8.14 ครูเปิดโอกาสใหนักเรียนซักถาม จากน้ันใหนักเรียนทากิจกรรมและครูคอยเดินดูและให คาแนะนา 8.15 ครสู มุ นกั เรยี นออกมานาเสนอผลงานหนาชน้ั เรยี น พรอมบอกปญั หาทพ่ี บขณะปฏบิ ตั ิงาน ขั้นที่ 7 การประยุกต์ใช้ความรู้ 8.16 ครใู หน กั เรียนเลือกแมสีคูสีใดคูหน่ึงจากนั้นผสมกันแลวระบายลงในเศษกระดาษจากนั้น ใหน ักเรยี นอธบิ ายผลลพั ธท์ ่ีปรากฏตามสิ่งทีน่ ักเรยี นเห็น (พิจารณาตามคาตอบของนักเรียน โดยให อยใู นดลุ ยพนิ ิจของครูผูส อน) ขน้ั สรปุ (5 นาที) 8.17 ครูและนักเรียนสรุปเนื้อหาเร่ือง “วงจรสี” รวมกัน “วงจรสีมีทั้งหมด 12 สี เกิดจากการ ผสมกันของแมสเี พยี ง 3 สี ไดแก สีเหลือง สีแดง และสีน้าเงิน” จากน้ันใหนักเรียนเก็บอุปกรณ์ให เรียบรอย 9. ส่อื อปุ กรณ์และแหลง่ การเรยี นรู้ ส่ือการเรียนรู้ 1. วงจรสี 2. ใบความรู อุปกรณ์ - ใบงาน - สโี ปสเตอร์/พกู ัน/ถาดสี/กระบอกเติมนา้ /ผากันเป้ือน - ดินสอ/ยางลบ แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ทัศนศิลป กลุมสาระการเรียนรูศิลปะ ระดับชั้น ประถมศกึ ษาปีท่ี 4 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศกึ ษาขน้ั พน้ื ฐาน พ.ศ. 2551 2. เวบ็ Pinteres
รายวชิ า ศ14101 แบบทดสอบก่อนเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 เร่อื ง การเขียนภาพระบายสีโปสเตอร์ กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ศลิ ปะ คาชี้แจง : ขอ้ สอบเป็นปรนัย 20 ข้อ ให้นกั เรียนเลือกคาตอบทถี่ ูกกตอ้ งทีส่ ดุ เพียงคาตอบเดยี ว 1. สโี ปสเตอรม์ คี ณุ ลักษณะอยางไร 7.“สโี ปสเตอร์” ในคาศพั ทภ์ าษาอังกฤษคอื ขอ ใด ก. ทบึ แสง ข. โปรง แสง ก. Watercolor ค. ทึบแสงและโปรงแสง ง. ผิดทกุ ขอ ข. Poster color 2. สีแท (Hue) หมายความวาอยางไร ค. Oil pastel ก. สที ถ่ี ูกผสมกบั สดี า ง. Draw ข. สีทถ่ี กู ผสมกับสขี าว 8. หากตอ งการใหสีใหอ อ นลง ควรใชสใี ดเปน็ ค. สีทยี่ ังไมถ กู ผสมกบั สดี าและสีขาว สว นประสม ง. สีท่ถี ูกผสมกบั สีดาและสีขาว ก. สีเหลือง ข. สเี ขยี ว 3. คูสใี ดมคี วามกลมกลืนมากท่ีสุด ค. สสี ม ง. สขี าว ก. แดงกบั เขยี ว ข. ดากบั ขาว 9. ค. สมกบั เหลอื ง ง. มว งกับเขียว 4. ขน้ั ตอนแรกของการเขียนภาพสโี ปสเตอร์ คอื อะไร จากภาพเป็นคาน้าหนักสีท่ีผสมดวยสีใด ก. การรา งภาพโดยรวม ข. กาหนดสี ก. สดี า ข. สเี หลือง ค. จดั เตรียมวสั ดุและอปุ กรณ์ ง. ผิดทุกขอ ค. สีชมพู ง. สขี าว 5. หากตอ งการเขียนสีโปสเตอร์ใหม ีกรอบท่ีคมชัด 10. ควรทาอยางไร ก. ติดเทปใส จากภาพเป็นคาน้าหนักสีท่ีผสมดว ยสใี ด ข. ตกี รอบดวยดนิ สอ ก. สเี ขยี ว ข. สีดา ค. ตีกรอบดวยดนิ สอสี ค. สนี า้ ตาล ง. สีขาว ง. ติดกระดาษกาวสาหรบั กนั สี 11. ขอ ใดกลา วผดิ 6. หากผสมนา้ ลงในสโี ปสเตอรม์ ากเกินไป จะสง ผล ก. คณุ ลักษณะของสีโปสเตอร์คือทึบแสง อยา งไร ข. สีโปสเตอร์ใชแ ปงู เปน็ สว นผสม ก. สีออนหรอื จางเกินไป ข. สีสดใสขึน้ ค. ภาพเขยี นสโี ปสเตอร์มีความทนทานกวา ค. สเี ขม ขึน้ ง. สีระบายงา ย สปี ระเภทอน่ื ง. ผดิ ทกุ ขอ
12. ภาพสโี ปสเตอร์ท่แี หง แลวหากโดนน้าจะสงผล 16 . อยางไร ก. ภาพเขมข้นึ ข. ภาพสวยข้นึ จากภาพเป็นคานา้ หนกั สีทีผ่ สมดว ยสีอะไรบา ง ค. ภาพเสยี หาย ง. ไมสงผลใดๆ ก. สีชมพูและสีดา ข. สีแดงและสีสม ค. สขี าวและสีดา ง. สีดาและสีแดง 13. ภาพใดตอไปนี้คอื ภาพเขยี นสโี ปสเตอร์ ก. 17. ขอ ใดกลาวถูกตอ ง ก. สีโปสเตอรไ์ มน ยิ มผสมสีขาวและสดี า ข. ข. สีโปสเตอรล์ างออกยากที่สดุ ค. สโี ปสเตอร์ไมส ามารถระบายซ้าท่เี ดิมได ค. ง. สโี ปสเตอร์สามารถระบายซ้าที่เดมิ ได ง. ถกู ทกุ ขอ 18. การระบายสใี หเรียบทาอยา งไร 14. ทาไมถงึ ใชถ าดสีขาวในการผสมสี ก. ใชผาระบายแทนพูก ัน ข. ตวัดพูก ันซาย-ขวา ไปมา ก. หาซือ้ ไดงา ย ค. รอใหสีแหง แลวคอ ยตวดั พูกันตัดกันไปมา ข. ราคาถกู ง. ขอ ก และ ข ถกู ค. มคี วามทนทาน ง. ทาใหเหน็ สีชดั เจน 19. ขณะท่สี ีบนกระดาษยังไมแหง เมอ่ื ลงสีอ่นื ทับลงไป 15. หากใชพ ูกันถูกระดาษท่เี ดมิ ซ้าๆ แรงๆ จะสงผล จะสงผลอยางไร อยางไร ก. กระดาษเป็นขุย ก. สีเขม ข้นึ จากเดมิ ข. ทาใหสกี ลมกลนื กนั ข. สีสดใสขนึ้ ค. ทาใหส ีเรียบ ค. สเี ปลี่ยนเป็นสีใหม ง. สเี ดนชัดขน้ึ ง. ไมส งผลใดๆ 20. เพราะเหตุใดจึงไมควรนาพกู นั จุม น้าขณะระบายสี เดิมอยู ก. เพราะจะทาใหน้าหนกั สไี มเ ทา กนั ข. เพราะจะทาใหพ กู ันหมดคณุ ภาพ ค. เพราะจะทาใหน า้ เปล่ยี นสี ง. ผิดทุกขอ ชื่อ………………………………………………นามสกุล………………………………….เลขท…่ี …………ชนั้ …………..
วงจรสี มีทง้ั หมด 12 สี มี 3 ขัน้ ดังน้ี สขี นั้ ที่ 1 (Primary Color) แมสีเป็นสที ่มี ีเน้อื สแี ทอยใู นตวั ซ่ึงมี 3 สี ไดแก สีเหลือง สีแดงและสีน้าเงิน ซึ่งจะไมสามารถจะ นาสอี ื่นๆ มาผสม เพือ่ ทาใหเกดิ สที ั้งสามขน้ึ ได บางคร้งั กเ็ รียกสีขน้ั ท่ี 1 น้วี า “แมสี” สขี ้ันที่ 2 (Secondary Color) สี่เกิดจากการผสมกันของสีข้ันท่ี 1 แตละสีในอัตราสวนท่ีเทากัน ทาใหเกสีผมเพ่ิมข้ึนมาอีก 3 สามสี ไดแก สสี ม สเี ขยี วและสมี วง += += += สขี ั้นท่ี 3 (Tertiary Color) เป็นสีที่เกดิ จากเปน็ สีท่ีเกดิ จากผสมกนั ของสขี ้นั ที่ 1 กบั ข้ันท่ี 2 ในอตั ราสวนท่เี ทากนั ทาใหเกดิ สผี สมเพมิ่ ขน้ึ มาอกี 6 สี ไดแ ก สสี มเหลือง สีสม แดง สีมว งแดง สมี ว งน้าเงิน สีน้าเงินเขยี วและสเี ขียว เหลอื ง += += += += += +=
แบบประเมินใบงาน เครื่องมอื หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่………….เรอ่ื ง……………….…………………………………………………ชั้น……………….. คาชแ้ี จง : ใหค รผู ูสอนประเมินใบงานของนักเรยี นแลว ใหท าเครื่องหมาย ลงในชอ งท่ตี รงกบั ระดับคะแนน เพ่ือให้ ลาดับ ลาดบั ท่ี นักเรยี นสาม เพ่อื ให้นกั เรยี น ความ รวม ท่ี ชอ่ื – สกลุ รถอธิบาย สามารถผสมสีจากแม่ มงุ่ มัน่ ใน 10 วงจรสี สขี น้ั ท่ี สี 3 สี ให้เกดิ 12 สี คะแนน 1 สขี ้นั ที่ 2 การ และสีข้นั ท่ี 3 ตามวงจรสีได้ ทางาน ได้ 3210543210210 1 ด.ญ. พชี ญา แกวบวั ดี 2 ด.ช. ธัญเทพ ฐานวิริยฐากุล 3 ด.ญ. จริ วรรณ์ อัศวเดชานุกร 4 ด.ญ. ทิพภาภรณ์ แขกแปลก 5 ด.ช. รชั ชานนท์ เจรญิ ทรพั ย์ 6 ด.ญ. ญาณภทั ร พันตวิ งค์ 7 ด.ช. ศิรชิ ัย คามา 8 ด.ช. อนสุ รณ์ แชม สนทิ 9 ด.ญ. จันทรท์ มิ า เมฆกระจาย 10 ด.ญ. สุภานิชา เรอื งกลัน่ 11 ด.ช. ศึกษา แกวมศี รี 12 ด.ช. ภานุวัชร์ ศาลา 13 ด.ญ. รินรดา ตรงกลาง 14 ด.ช. ธนกฤต จนั ทรร์ ักษา 15 ด.ญ. ปลายฟาู กลุ เจรญิ สนิ ชล ลงชอ่ื ...................................................ผ้ปู ระเมิน (…………………..…………………………..) ................../................./................
แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 2 รหัสวิชา 14101 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ศิลปะ สาระ ทศั นศิลป์ หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 1 การเขยี นภาพระบายสโี ปสเตอร์ เรื่อง วงจรสี จานวน 2 คาบ ช้ันประถมศกึ ษาปีท่ี 4 เวลา 1 ชั่วโมง สอนเมื่อ วันท…่ี …….เดือน………………….พุทธศักราช………….คาบท่ี 2 ครผู ้สู อน วิภาพร ทพิ ราช 1. มาตรฐานการเรียนรู้ มาตรฐาน ศ 1.1 สรางสรรค์งานทัศนศิลปตามจินตนาการ และความคิดสรางสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์คุณคางานทัศนศิลป ถายทอดความรูสึก ความคิดตองานศิลปะอยาง อสิ ระ ชน่ื ชม และประยกุ ตใ์ ชในชวี ิตประจาวัน 2. ตวั ชวี้ ัด ศ 1.1 ป. 4/5 มีทักษะพืน้ ฐานในการใชว ัสดุ อปุ กรณส์ รา งสรรคง์ านวาดภาพระบายสี 3. สาระสาคัญ เพื่อใหเขาใจขบวนการการผสมสีจากแมสี 3 สี ไดแก สีเหลือง สีน้าเงินและสีแดง จนเกิด เปน็ สใี หมไ ดถูกตอ งตามขั้นตอนวงจรสี สามารถผสมสีโปสเตอร์จากแมสี 3 สี ใหเกิดเป็นสีใหม แมสีถูกนามาใชงานกันอยาง กวางขวาง ในวงการศิลปะ แมส ี 3 สี เมื่อนามาผสมกันตามหลักเกณฑ์ จะทาใหเกิดวงจรสี ซึ่งมี 12 สี ซงึ่ เปน็ วงสีธรรมชาตเิ กดิ จากการผสมกันของแมสีวัตถุธาตุ เป็นสีหลกั ที่ใชงานกันทวั่ ไป 4. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 4.1 ด้านความรู้ (K) เพ่อื ใหน กั เรียนสามรถอธิบายวงจรสี สขี ้นั ท่ี 1สขี ้นั ท่ี 2 และสีข้นั ที่ 3 ได 4.2 ด้านทกั ษะ (P) เพอ่ื ใหน ักเรยี นสามารถผสมสีจากแมส ี 3 สี ใหเกดิ วงจรสี ซึง่ มี 12 สี 4.3 ดา้ นคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ (A)
1) มีวนิ ัย (เขาช้นั เรยี น, มคี วามรับผดิ ชอบตองานทไ่ี ดรับมอบหมาย) 2) มุงมั่นในการทางาน (เอาใจใสตอการปฏบิ ตั หิ นาทท่ี ไี่ ดรับมอบหมาย, พยายาม แกปญั หาและอุปสรรคในการทางานใหส าเรจ็ ) 5. สาระการเรียนรู้ ผสมสีจากแมส ี 3 สี จนเกดิ เปน็ สีใหมตามวงจรสี ซ่งึ มี 12 สี 6. สมรรถนะทสี่ าคัญ 6.1 ความสามารถในการคิดอยางสรา งสรรค์ 6.2 ความสามารถในการใชเหตุผลในการคิดดว ยตนเอง 6.3 ความสามารถในการแกปญั หาเฉพาะหนา ไดด วยตนเอง 7. คุณลักษณะอนั พึงประสงค์ 7.1 มีวนิ ัย 7.2 ใฝุเรยี นรู 7.3 มงุ มน่ั ในการทางาน 7.4 มีจิตสาธารณะ 8. กระบวนการการจัดกิจกรรมการเรียนร้แู บบซปิ ปา ขน้ั นา (5 นาที) 8.1 ครูกลาวทักทายนักเรียน 8.2 ครูอธบิ ายสง่ิ ทตี่ อ งเรียนในสปั ดาหน์ ้ใี หนกั เรยี นทราบเก่ียวกบั วงจรสี 8.3 ครูใหนักเรียนนั่งเป็นกลมุ โดยใหน่ังตามกลมุ เดิมเหมอื นกับกจิ กรรมในครั้งแรก มีท้ังหมด 5 กลุม จานวนกลุมละ 3 คน สมาชิกในกลุมประกอบดวยนักเรียนท่ีจัดอยูในกลุมเกง ปานกลาง และกลมุ ออ น ข้ันท่ี 1 การทบทวนความรเู้ ดิม 8.4 ครูสอบถามนักเรียน “ในวงจรสีมี 12 สี เกิดจากการผสมกันของแมสีกี่สี มีสีอะไรบาง” (พิจารณาตามคาตอบของนักเรยี น โดยใหอยใู นดลุ ยพินิจของครผู ูส อน) เพอื่ กระตุนใหผูเรียนรูจักคิด และเปน็ การทบทวนความรเู ดมิ ทเ่ี คยไดเ รียนมา เพ่อื เช่ือมโยงเขา สูเนอื้ หาความรูเ ก่ียวกับการวงจรสี
ขน้ั สอน (50 นาที) ขน้ั ท่ี 2 การแสวงหาความรู้ใหม่ 8.5 ครใู หนักเรยี นหาขอ มลู ในหนงั สือเรยี นเก่ยี วกบั ขนั้ ตอนการผสมสี ซึ่งการผสมสีน้ันแบงเป็น กข่ี น้ั ขนั้ ท่ี 3 การศกึ ษาทาความเข้าใจข้อมูล/ความรู้ใหม่ และเช่ือมโยงความรูใ้ หม่กบั ความรูเ้ ดมิ 8.6 ครูใหนักเรียนตอบคาถามเก่ียวกับขอมูลท่ีนักเรียนหาได สีขั้นที่ 1 สีข้ันท่ี 2 และสีข้ันที่ 3 เมอ่ื นารวมกันจะครบ 12 สี พอดซี งึ่ ตามกบั วงจรสีที่มี 12 สี ขัน้ ท่ี 4 การแลกเปลีย่ นความร้คู วามเขา้ ใจกับกลุม่ 8.7 จากนัน้ ครใู หน ักเรียนหาขอมูล 12 สีท่ีปรากฏในวงจรสี เกดิ จากการผสมกันทีละขั้นอยางไร โดยใหจ ดลงในกระดาษ 8.8 สมาชกิ แตละคนในกลุมผลัดกันเสนอคาตอบของตนเองใหเพื่อนในกลุมฟัง แลวซักถามขอ สงสัย จนทุกคนในกลมุ มคี วามรคู วามเขา ใจท่ถี ูกตอ งตรงกนั 8.9 ครใู หต ัวแทนนกั เรยี นแตล ะกลุมนาเสนอคาตอบหนา ช้ันเรียนและแสดงความคิดเห็นรวมกัน ขัน้ ท่ี 5 การสรปุ และจดั ระเบียบความรู้ 8.10 ครแู จกใบความรใู หน ักเรยี นพรอ มเปิดคลปิ วิดีโอขัน้ ตอนการผสมสีตามวงจรสีใหนักเรียน ดเู ปน็ การทบทวนความรทู ี่ไดเรยี นไปในคาบท่ี 1 คลิปวดิ โี อขนั้ ตอนการผสมสี (วงจรส)ี ท่ีมา : https://www.youtube.com/watch?v=AWmW6xZZkKw&t=130s - สีขน้ั ท่ี 1 หรอื แมสี ไดแก สเี หลอื ง สแี ดง สีนา้ เงนิ - สีข้ันที่ 2 เกิดจากการนาแมสีหรือสีขั้นท่ี 1 มาผสมกัน ดังนี้ สีน้าเงิน + สีเหลือง = สีเขียว, สีแดง + สีน้าเงนิ = สีมว ง, สีเหลอื ง + สแี ดง = สีสม - สขี ้ันที่ 3 เกิดจากการนาสีขั้นที่ 2 มาผสมกับแมสีหรือขั้นท่ี 1 ดังนี้ สีเหลือง + สีสม = สเี หลืองสม, สีสม + สีแดง = สสี ม แดง, สแี ดง + สีมว ง = สมี วงแดง, สมี ว ง + สี น้ า เ งิ น = สมี วงนา้ เงนิ ,
- สีข้ันที่ 3 เกิดจากการนาสีขั้นที่ 2 มาผสมกับแมสีหรือขั้นที่ 1 ดังนี้ สีเหลือง + สีสม = สเี หลอื งสม, สสี ม + สีแดง = สีสมแดง, สีแดง + สีมวง = สีมวงแดง, สีมวง + สีน้าเงิน = สีมวง นา้ เงิน, สีน้าเงิน + สเี ขียว = สเี ขียวน้าเงิน, สเี ขยี ว + สีเหลอื ง = สเี ขียวเหลอื ง สีขัน้ ท่ี 1 สีข้ันท่ี 2 สีขน้ั ท่ี 3 ท่ีมา : https://cities.trueid.net/article/สีวรรณะอนุ -สีวรรณะสเี ยน็ -trueidintrend_85947 ข้ันตอนการผสมสี ทม่ี า : https://sites.google.com/site/punpundddd/wngcr ข้นั ที่ 6 การปฏบิ ตั ิ และ/หรอื การแสดงผลงาน 8.11 คาบที่ 2 ครูใหนักเรียนทากิจกรรมใบงานที่ 1.1 เร่ือง วงจรสี ตอจากคาบที่ 1 โดยให นักเรยี นผสมสีข้ันที่ 1 สขี นั้ ที่ 2 และสีขน้ั ท่ี 3 ใหเ สร็จสมบรู ณ์และอธบิ ายตอบคาถาม 8.12 ครูเปิดโอกาสใหนักเรียนซักถาม จากน้ันใหนักเรียนทากิจกรรมและครูคอยเดินดูและให คาแนะนา 8.13 ครูใหสุมนักเรียนออกมานาเสนอผลงานหนาชั้นเรียน พรอมบอกปัญหาที่พบขณะ ปฏบิ ัตงิ าน ข้ันที่ 7 การประยกุ ต์ใช้ความรู้ 8.14 ครูใหนักเรียนหาขอมูลวงจรสีสามารถทาอะไรไดบางในทางศิลปะ พรอมยกตัวอยาง ประกอบ (พจิ ารณาตามคาตอบของนกั เรยี น โดยใหอ ยูในดุลยพนิ ิจของครผู ูสอน) ขั้นสรปุ (5 นาที) 8.15 ครูและนักเรียนสรุปเน้ือหาเรื่อง “วงจรสี” รวมกัน “วงจรสีมีท้ังหมด 12 สีเกิดจากการ ผสมกันของแมสีสีข้ันท่ี 1 สขี นั้ ที่ 2 และสขี ้นั ท่ี 3” จากนัน้ ใหน กั เรียนเก็บอุปกรณ์ใหเ รยี บรอ ย
9. การวัดและประเมินผล 9.1 เรื่อง วงจรสี” (10 คะแนน) ประเด็นการ เกณฑ์การให้คะแนน ประเมนิ 5 4 3 2 10 ดา้ นความรู้ - - -นักเรียนอธิบาย -นักเรียนอธิบาย -นักเรียนอธิบาย -ไม (K) วงจรสี สีข้ันที่ 1 วงจรสี สีขั้นท่ี 1 วงจรสี สีข้ันท่ี 1 อธิบาย -เ พื่ อ ใ ห สีขั้นที่ 2 และสี สีข้ันที่ 2 และสี สีขั้นท่ี 2 และสี -ไมม า นั ก เ รี ย น ส า ม ข้ั น ที่ 3 ไ ด ขั้ น ท่ี 3 ไ ด ขั้ น ท่ี 3 ไ ด เรยี น ร ถ อ ธิ บ า ย ถูกตองท้ังหมด ถูกตอง 2 ช้ัน ถูกตอง 1 ชั้น วงจรสี สีข้ันท่ี ทงั้ 3 ขนั้ จาก 3 ขัน้ จาก 3 ขน้ั 1 สี ข้ั น ท่ี 2 และสีขั้นท่ี 3 ได ด้านทกั ษะ -สามารถผสมสี -สามารถผสมสี -สามารถผสมสี -สามารถผสมสี -สามารถผสมสี -ไมสง (P) จากแมสีข้ันท่ี 1 จากแมสีข้ันที่ 1 จากแมสีข้ันที่ 1 จากแมสีข้ันที่ 1 จากแมสีขั้นท่ี 1 งาน -เ พื่ อ ใ ห ใหเกิดเปน็ สขี ั้นท่ี ใหเ กิดเป็นสีขน้ั ท่ี ใหเกิดเปน็ สขี ั้นที่ ใหเ กิดเป็นสีข้ันที่ ใหเกดิ เปน็ สขี น้ั ที่ -ไมมา นั ก เ รี ย น 2 ไดถูกตองและ 2 ไดถูกตองและ 2 ไดถูกตองและ 2 ไดถูกตองและ 2 ไดถูกตองและ เรยี น สามารถผสมสี เกดิ เป็นสีใหม เกิดเปน็ สใี หม เกดิ เป็นสีใหม เกดิ เป็นสีใหม เกิดเป็นสใี หม จากแมสี 3 สี -น า สี ข้ั น ท่ี 2 -น า สี ขั้ น ท่ี 2 -น า สี ขั้ น ท่ี 2 -น า สี ขั้ น ท่ี 2 -น า สี ข้ั น ที่ 2 ใหเกิด 12 สี ผสมกับขั้นท่ี 1 ผสมกับข้ันท่ี 1 ผสมกับขั้นท่ี 1 ผสมกับขั้นท่ี 1 ผสมกับขั้นที่ 1 ตามวงจรสไี ด ใหเกิดเป็นสีขนั้ ท่ี ใหเกิดเป็นสีขั้นที่ ใหเกิดเปน็ สขี น้ั ที่ ใหเกิดเปน็ สขี ้นั ท่ี ใหเ กดิ เป็นสีขั้นที่ 3 ไดถูกตองและ 3 ไดถูกตอง แต 3 ไดถูกตอง แต 3 ไดถูกตอง แต 3 ไดถูกตอง แต สี มี ค ว า ม สี มี ค ว า ม สี มี ค ว า ม สี มี ค ว า ม สี มี ค ว า ม แ ต ก ต า ง กั น แตกตา งกันเพียง แตกตางกนั เพียง แตกตางกนั เพียง แตกตา งกันเพียง ชดั เจนทง้ั 12 สี 10-11 สีจาก 12 7-9 สีจาก 12 สี 4-6 สีจาก 12 สี 1-3 สีจาก 12 สี -รูปแบบผลงาน สี -รูปแบบผลงาน -รูปแบบผลงาน -รูปแบบผลงาน ส ะ อ า ด -รูปแบบผลงาน ส ะ อ า ด ส ะ อ า ด ส ะ อ า ด เ รี ย บ ร อ ย ส ะ อ า ด เ รี ย บ ร อ ย เรียบรอยแตไม เรียบรอยแตไม สมบรู ณ์ เ รี ย บ ร อ ย สมบรู ณ์ สมบรู ณ์ สมบรู ณ์ สมบูรณ์ ด้ า น จิ ต พิ สั ย - - - เ ข า ช้ั น เ รี ย น เขาชั้นเรียน แต ไมเขา (A) แ ล ะ มี ค ว า ม ไมมีความมุงม่ัน ช้นั -มีวินัย มุ ง ม่ั น ใ น ก า ร ในการทางาน เรียน -มุงมั่นในการ ทางาน ทางาน
เกณฑก์ ารประเมิน คะแนน ประเมิน 9 - 10 ดี 7 - 8 ปานกลาง 5 – 6 นอย 10. สอ่ื อปุ กรณ์และแหลง่ การเรยี นรู้ ส่ือการเรยี นรู้ 1. วงจรสี 2. ใบความรู อุปกรณ์ - ใบงาน - สีโปสเตอร์/พกู นั /ถาดสี/กระบอกเติมน้า/ผากนั เปือ้ น - ดินสอ/ยางลบ แหลง่ การเรียนรู้ 1. หนังสือเรียน รายวิชาพื้นฐาน ทัศนศิลป กลุมสาระการเรียนรูศิลปะ ระดับช้ัน ประถมศึกษาปีที่ 4 ตามหลกั สตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพ้นื ฐาน พ.ศ. 2551 2. เวบ็ Pinteres 3. Youtube
ใบงานชดุ ที่ 1 เรอ่ื ง วงจรสี ตอนที่ 1 คาช้แี จง : ให้นักเรยี นผสมสตี ามวงจรสีให้ถกู ตอ้ ง วงจรสี ชื่อ……………………………………………..นามสกุล………………………………….เลขท…ี่ …………ช้นั ……………
ตอนที่ 2 คาชี้แจง : ให้นักเรียนอธิบายสขี ้นั ท่ี 1 สขี ้ันที่ 2 สีข้นั ท่ี 3 ใหถ้ กู ตอ้ ง สขี น้ั ท่ี 1 ไดแ ก………………………………………………………………………………………………………………………….. ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… สขี ัน้ ที่ 2 ไดแ ก………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… สีข้ันท่ี 3 ไดแก………………….……………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ………………………………………………………………………………………………………………………………………………… ชื่อ……………………………………………..นามสกลุ ………………………………….เลขท…ี่ …………ชั้น……………
วงจรสี มีทง้ั หมด 12 สี มี 3 ขัน้ ดังน้ี สขี ้ันที่ 1 (Primary Color) แมสีเป็นสที ่มี ีเน้อื สแี ทอยใู นตวั ซ่ึงมี 3 สี ไดแก สีเหลือง สีแดงและสีน้าเงิน ซึ่งจะไมสามารถจะ นาสอี ื่นๆ มาผสม เพือ่ ทาใหเกดิ สที ั้งสามขน้ึ ได บางคร้งั กเ็ รียกสีขน้ั ท่ี 1 น้วี า “แมสี” สขี ้ันที่ 2 (Secondary Color) สี่เกิดจากการผสมกันของสีข้ันท่ี 1 แตละสีในอัตราสวนท่ีเทากัน ทาใหเกสีผมเพ่ิมข้ึนมาอีก 3 สามสี ไดแก สสี ม สเี ขยี วและสมี วง += += += สขี ั้นท่ี 3 (Tertiary Color) เป็นสีที่เกดิ จากเปน็ สีท่ีเกดิ จากผสมกนั ของสขี ้นั ที่ 1 กบั ข้ันท่ี 2 ในอตั ราสวนท่เี ทากนั ทาใหเกดิ สผี สมเพมิ่ ขน้ึ มาอกี 6 สี ไดแ ก สสี มเหลือง สีสม แดง สีมว งแดง สมี ว งน้าเงิน สีน้าเงินเขยี วและสเี ขียว เหลอื ง += += += += += +=
แบบประเมินใบงาน เครื่องมอื หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่………….เรอ่ื ง……………….…………………………………………………ชั้น……………….. คาชแ้ี จง : ใหค รผู ูสอนประเมินใบงานของนักเรยี นแลว ใหท าเครื่องหมาย ลงในชอ งท่ีตรงกบั ระดับคะแนน เพ่ือให้ ลาดับ ลาดบั ท่ี นักเรยี นสาม เพ่อื ให้นกั เรยี น ความ รวม ที่ ชอ่ื – สกลุ รถอธิบาย สามารถผสมสีจากแม่ มงุ่ มัน่ ใน 10 วงจรสี สขี น้ั ท่ี สี 3 สี ให้เกดิ 12 สี คะแนน 1 สขี ้นั ที่ 2 การ และสีข้นั ท่ี 3 ตามวงจรสีได้ ทางาน ได้ 3210543210210 1 ด.ญ. พชี ญา แกวบวั ดี 2 ด.ช. ธัญเทพ ฐานวิริยฐากุล 3 ด.ญ. จริ วรรณ์ อัศวเดชานุกร 4 ด.ญ. ทิพภาภรณ์ แขกแปลก 5 ด.ช. รชั ชานนท์ เจรญิ ทรพั ย์ 6 ด.ญ. ญาณภทั ร พันตวิ งค์ 7 ด.ช. ศิรชิ ัย คามา 8 ด.ช. อนสุ รณ์ แชม สนทิ 9 ด.ญ. จันทรท์ มิ า เมฆกระจาย 10 ด.ญ. สุภานชิ า เรอื งกลัน่ 11 ด.ช. ศึกษา แกวมศี รี 12 ด.ช. ภานุวัชร์ ศาลา 13 ด.ญ. รินรดา ตรงกลาง 14 ด.ช. ธนกฤต จนั ทรร์ ักษา 15 ด.ญ. ปลายฟาู กลุ เจรญิ สนิ ชล ลงชอ่ื ...................................................ผ้ปู ระเมิน (…………………..…………………………..) ................../................./................
แผนการจดั การเรียนร้ทู ่ี 3 รหัสวชิ า 14101 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ศลิ ปะ สาระ ทัศนศลิ ป์ หน่วยการเรยี นรู้ท่ี 1 การเขียนภาพระบายสีโปสเตอร์ เรือ่ ง การไลค่ ่านา้ หนกั สีผสมดา จานวน 1 คาบ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 4 เวลา 1 ชัว่ โมง สอนเมอ่ื วนั ท…่ี ……….เดอื น………………….พทุ ธศกั ราช…………. ครูผ้สู อน วภิ าพร ทิพราช 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ศ 1.1 สรางสรรค์งานทัศนศิลปตามจินตนาการ และความคิดสรางสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์คุณคางานทัศนศิลป ถายทอดความรูสึก ความคิดตองานศิลปะอยางอิสระ ช่ืนชม และประยกุ ตใ์ ชใ นชีวติ ประจาวนั 2. ตวั ชีว้ ดั ศ 1.1 ป. 4/5 มีทักษะพนื้ ฐานในการใชว ัสดุ อปุ กรณ์สรางสรรคง์ านวาดภาพระบายสี 3. สาระสาคญั เพื่อใหเ ขาใจขบวนการการระบายสีดวยคาน้าหนักสีผสมดา และสามารถบอกคาน้าหนักสีผสม ดาไดถ ูกตองตามหลักการการไลสี ซึง่ เฉดสีการผสมขาวจะมคี วามออน – เขม แตกตางกัน ทาใหเกิดเฉด สหี ลายสี สามารถผสมสี คาน้าหนักสีผสมขาวและไลคาน้าหนักผสมดามีความแตกตางกันชัดเจนใน แตระดับสี ซ่ึงจะไลคาน้าหนักจากออนไปเขม เพราะคาน้าหนักสีผสมดาเป็นการเติมสีดาในอัตราสวน 20 % ลงในสีแท (Hue) จากน้ันผสมกันแลวใหระบายลงในกระดาษ จากนั้นใหเติมสีดาในอัตราสวน 20 % ลงในสเี ดิมอกี ครั้ง ผสมใหเขากันจากน้ันนาไประบายลงในกระดาษเพ่ือไลระดับสี สามารถเติมสี ดาและระบายเชนนไ้ี ปเรอ่ื ยๆ ได โดยระดับนา้ หนักความเขมท่ีเหน็ ความเปล่ียนแปลงไดชัดอยูในระดับท่ี 3 - 6 ระดบั และจะปรากฏคา น้าหนักความออน-เขม 4. จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ 4.1 ด้านความรู้ (K) เพอ่ื ใหน กั เรียนสามารถบอกคา นา้ หนักสีผสมดาได
4.2 ดา้ นทักษะ (P) เพอ่ื ใหน กั เรียนสามารถผสมสีไลคา น้าหนกั สผี สมสดี าได 4.3 ดา้ นคุณลกั ษณะอนั พึงประสงค์ (A) 1) มีวินยั (เขาช้นั เรยี น, มคี วามรบั ผิดชอบตอ งานท่ีไดรับมอบหมาย) 2) มงุ มัน่ ในการทางาน (เอาใจใสตอการปฏิบตั หิ นาท่ีทไี่ ดรบั มอบหมาย, พยายาม แกปญั หาและ อุปสรรคในการทางานใหสาเรจ็ ) 5. สาระการเรียนรู้ การผสมสี คาน้าหนักสผี สมดาจนเกิดเป็นเฉดสหี ลายสี 6. สมรรถนะท่สี าคัญ 6.1 ความสามารถในการคิดอยา งสรางสรรค์ 6.2 ความสามารถในการใชเหตุผลในการคิดดวยตนเอง 6.3 ความสามารถในการแกป ัญหาเฉพาะหนา ไดด วยตนเอง 7. คุณลักษณะอนั พงึ ประสงค์ 7.1 มีวินยั 7.2 ใฝุเรียนรู 7.3 มงุ ม่ันในการทางาน 7.4 มีจิตสาธารณะ 8. กระบวนการการจัดกจิ กรรมการเรียนร้แู บบซปิ ปา ขน้ั นา (5 นาที) 8.1 ครูกลา วทักทายนักเรียน 8.2 ครูอธิบายส่งิ ทตี่ องเรียนในสปั ดาหน์ ใี้ หน กั เรยี นทราบเกี่ยวกับการไลคานา้ หนักสผี สมดา 8.3 ครใู หนกั เรยี นน่ังเป็นกลมุ โดยใหน่งั ตามกลมุ เดมิ เหมือนกบั กจิ กรรมในคร้ังแรก มีทั้งหมด 5 กลุม จานวนกลุมละ 3 คน สมาชิกในกลุมประกอบดวยนักเรียนท่ีจัดอยูในกลุมเกง ปานกลาง และกลมุ ออ น ข้ันท่ี 1 การทบทวนความรู้เดมิ 8.4 ครูสอบถามนักเรียน “หากนาสีดามาผสมกับสีใดสีหน่ึง จะทาใหสีนั้นมีลักษณะอยางไร” (พิจารณาตามคาตอบของนักเรยี น โดยใหอยูใ นดลุ ยพินจิ ของครผู ูสอน) เพ่อื กระตุนใหผูเรียนรูจักคิดและ เป็นการทบทวนความรเู ดมิ ทีเ่ คยไดเรียนมา เพอื่ เชอ่ื มโยงเขาสูเน้ือหาความรูเกี่ยวกับการเขียนการไลคา นา้ หนักสผี สมดา
ข้ันสอน (50 นาที) ขั้นท่ี 2 การแสวงหาความรู้ใหม่ 8.5 ครูใหน กั เรียนดวู งจรสีทไ่ี ลคา นา้ หนักสีผสมดาแสดงเฉดสีหลายเฉดสี 8.6 ครูแจกใบความรูแลวใหนักเรียนอานเพ่ือทาความเขาใจในสวนของคาน้าหนักสีผสมดา คืออะไร ภาพที่ 1 : วงจรสี ไลค านา้ หนกั สีผสมดา ทม่ี า : วิภาพร ทิพราช ขั้นท่ี 3 การศึกษาทาความเข้าใจข้อมูล/ความร้ใู หม่ และเชอ่ื มโยงความร้ใู หม่กบั ความรู้เดิม 8.7 ครใู หนักเรยี นตอบคาถามเมอ่ื นาสีดามาผสมกับสีใดสีหน่ึงสีนั้นจะเปลี่ยนคาสีใหเขมข้ึนจาก เดิม เน่อื งจากเป็นสีท่เี ขม ท่ีสดุ ขัน้ ท่ี 4 การแลกเปลยี่ นความรคู้ วามเข้าใจกับกล่มุ 8.8 จากนนั้ ครใู หน กั เรียนแตล ะกลุมทดลองใชส ชี อร์ก โดยเลือกสีใดสีหน่ึงระบายลงในกระดาษ แลว ใชสีดาทาทบั ลงไปโดยคอยๆ ออกแรงกดสีไลร ะดับสีขน้ึ ไป จากนั้นใหน ักเรียนสังเกตคา นา้ หนักสี 8.9 สมาชกิ แตละคนในกลุมผลัดกันเสนอคาตอบของตนเองใหเพ่ือนในกลุมฟัง แลวซักถามขอ สงสัย จนทกุ คนในกลมุ มีความรคู วามเขา ใจท่ีถกู ตอ งตรงกนั 8.8 ครูใหตวั แทนนักเรียนแตละกลมุ นาเสนอคาตอบหนาชั้นเรียนและแสดงความคดิ เห็นรวมกนั ขั้นท่ี 5 การสรุปและจัดระเบยี บความรู้ 8.9 ครูอธิบาย สดี า เปน็ สที ม่ี คี วามเขม ท่สี ดุ สแี ท (Hue) คือ สีทม่ี คี วามเขมในตัวของมันอยูแลว โดยที่ยงั ไมถกู ผสมกบั สดี าหรือสขี าว เม่อื นาสดี ามาผสมกบั สแี ทจ ะทาใหส แี ทเขม ขึ้น 8.10 ครูเปิดคลิปวิดีโอการไลคาน้าหนักสีผสมดาใหนักเรียนดูและอธิบายสีดาจะเพิ่มความสด ของสใี หเขมมากกวา สหี ลกั
การไลค่ ่านา้ หนกั สผี สมดา ที่มา : https://www.youtube.com/watch?v=8floF4MmAGc 8.11 ครูสาธติ และอธิบายการไลคา น้าหนกั สีผสมดา ยกตวั อยางสีสม ใหนักเรียนดู วัสดุ อปุ กรณ์ - สโี ปสเตอรแ์ มส ี 3 สี - สดี า - พูกัน - ถาดสี - กระบอกเติมน้า - กระดาษ - เศษผา - ผากนั เปื้อน - เทปกาวกันนา้ การระบายสคี วรระบายสีใหระบายไปในทศิ ทางเดียวกันหรือปาดซา ย-ขวา ไปมา ไมควรนาพูกัน จุมน้าขณะระบายสีเดิมอยูเพราะจะทาใหสีเพ้ียนสีสีดาง ไมควรปวดสีตัดกันไปมาเพราะจะทาใหสีเกิด เสนตดั กันและสีไมส มา่ เสมอกัน ข้นั ตอนการไลค่ ่าน้าหนกั สีผสมดา ยกตัวอยา งสีสม 1. ใหน าเทปกาวกนั น้าตดิ ขอบรอบนอกส่เี หลย่ี ม 2. ผสมสสี ม และระบายลงในชองสี่เหล่ยี มชอ งที่ 1 3. เติมสดี าอตั ราสว น 20 % ลงในถาดสสี ม คนใหเ ขากนั 4. นาสีท่ผี สมแลวมาระบายลงในชองส่ีเหล่ียมชองท่ี 2 5. ใหท าเชนนี้จนครบทุกชอ ง ใหนักเรียนสังเกตความแตกตางของสีในแตละระดับ สีดาจะเพ่ิมความสดของสีให มากกวาสีหลัก ระดับนา้ หนักความเขม ที่เหน็ ความเปล่ียนแปลงไดชัดอยูในต้งั แต 3 - 6 ระดบั คา่ น้าหนักสีผสมดา ท่มี า : วิภาพร ทพิ ราช
ขนั้ ท่ี 6 การปฏบิ ัติ และ/หรือการแสดงผลงาน 8.12 ครูใหนักเรียนทากิจกรรมใบงานที่ 1.2 เรื่อง การไลคาน้าหนักสีผสมดา โดยใหนักเรียน เลือกสเี พยี ง 1 สี จากน้ันผสมสี ไลค านา้ หนกั สีผสมดาลงในชอ งสเี หลี่ยมทก่ี าหนดให 8.13 ครเู ปิดโอกาสใหน กั เรยี นซกั ถามขอ สงสยั จากน้นั ใหนักเรียนทากิจกรรมและครูคอยเดินดู และใหค าแนะนา 8.14 ครูใหสุมนักเรียนออกมานาเสนอผลงานหนาชั้นเรียน พรอมบอกปัญหาที่พบขณะ ปฏบิ ตั งิ าน ขั้นที่ 7 การประยกุ ตใ์ ชค้ วามรู้ 8.15 ครูใหนักเรียนหาขอมูลการไลคาน้าหนักสีผสมดาสามารถนามาสรางงานทัศนศิลปได หรือไม พรอมยกตัวอยางประกอบ (พิจารณาตามคาตอบของนักเรียน โดยใหอยูในดุลยพินิจของ ครูผูสอน) ข้นั สรปุ (5 นาท)ี 8.16 ครูและนักเรยี นรวมกนั สรปุ เนอ้ื หาเร่อื ง “การไลคาน้าหนักสีผสมดา” รวมกัน “การไลคา น้าหนักสีผสมดา เป็นการผสมสีดากับสีแท (Hue) สีดาจะเพิ่มความสดของสีใหเขมมากกวาสีหลัก” จากนั้นใหน ักเรียนเก็บอปุ กรณ์ใหเ รียบรอย 9. การวัดและประเมนิ ผล 9.1 เรอ่ื ง การไลค า นา้ หนักสผี สมดา (10 คะแนน) ประเดน็ การ เกณฑก์ ารใหค้ ะแนน ประเมิน 5 4 3 2 10 ดา้ นความรู้ - - -นกั เรียนบอกคา -นกั เรียนบอกคา -นกั เรียนบอกคา -ไม (K) น้าหนกั สีผสมดา นา้ หนักสผี สมดา นา้ หนักสีผสมดา สามารถ -เ พ่ื อ ใ ห ถูกตอง ทุกขอ ถู ก ต อ ง 2 ข อ ถู ก ต อ ง 1 ข อ บอกได นั ก เ รี ย น จาก 3 ขอ จาก 3 ขอ จาก 3 ขอ -ไมมา สามารถบอก เรยี น คาน้า ห นัก สี ผสมดาได ด้านทกั ษะ -สามารถไลคา -สามารถไลคา -สามารถไลคา -สามารถไลคา -สามารถไลคา -ไมส ง (P) น้าหนักสีผสมดา น้าหนกั สีผสมดา น้าหนักสีผสมดา นา้ หนกั สผี สมดา นา้ หนักสีผสมดา งาน -เ พื่ อ ใ ห เ ห็ น ร ะ ดั บ เ ห็ น ร ะ ดั บ เ ห็ น ร ะ ดั บ เ ห็ น ร ะ ดั บ เ ห็ น ร ะ ดั บ -ไมม า นั ก เ รี ย น น้า ห นั ก ค ว า ม น้า ห นั กค ว า ม น้า ห นั ก ค ว า ม น้า ห นั กค ว า ม น้า ห นั ก ค ว า ม เรยี น สามารถผสมสี เขมเปล่ยี นแปลง เขม เปลย่ี นแปลง เขม เปลีย่ นแปลง เขมเปล่ยี นแปลง เขม เปล่ียนแปลง ไลค าน้าหนักสี ทุกระดับ จาก 5 ร ะ ดั บ จ า ก 4 ร ะ ดั บ จ า ก 3 ร ะ ดั บ จ า ก 1-2 ระดับ จาก ผสมสดี าได 6 ระดบั 6 ระดับ 6 ระดบั 6 ระดับ 6 ระดับ -ก ร ะ ด า ษ ไ ม -ก ร ะ ด า ษ ไ ม -กระดาษเป็นขุย -กระดาษเป็นขยุ -กระดาษเป็นขุย
เ ป็ น ขุ ย แ ล ะ สี เ ป็ น ขุ ย แ ล ะ สี เ ล็ ก น อ ย แ ต สี เลก็ นอยและสี จานวนมากและ ไมช า้ ไมช ้า ไมช้า ช้าเลก็ นอย สีชา้ มาก -สีไมกระจายใน -สีไมกระจายใน -สีไมกระจายใน -สีกระจายลงใน -สีกระจายลงใน ชอ งระดบั สีอน่ื ชอ งระดบั สีอ่นื ชอ งระดับสีอืน่ ชอ งระดับสีอ่นื ชองระดับสีอ่ืน -รูปแบบผลงาน -รูปแบบผลงาน -รูปแบบผลงาน -รูปแบบผลงาน จานวนมาก ส ะ อ า ด ส ะ อ า ด ส ะ อ า ด ส ะ อ า ด -รูปแบบผลงาน เ รี ย บ ร อ ย เ รี ย บ ร อ ย เ รี ย บ ร อ ย เรียบรอย แตไม สะอาด แตไม สมบูรณ์ สมบรู ณ์ สมบรู ณ์ สมบูรณ์ สมบรู ณ์ ด้ า น จิ ต พิ สั ย - - - เ ข า ชั้ น เ รี ย น เขาช้ันเรียน แต ไมเ ขา (A) แ ล ะ มี ค ว า ม ไมมีความมุงมั่น ชัน้ -มวี ินยั มุ ง มั่ น ใ น ก า ร ในการทางาน เรยี น -มุงม่ันในการ ทางาน ทางาน เกณฑก์ ารประเมิน คะแนน ประเมนิ 9 - 10 ดี 7 - 8 ปานกลาง 5 – 6 นอ ย 10. สื่อ อุปกรณแ์ ละแหลง่ การเรียนรู้ สื่อการเรียนรู้ 1. วงจรสี คานา้ หนกั สผี สมดา 2. ใบความรู อุปกรณ์ - ใบงาน - สีโปสเตอร์/พูก ัน/ถาดสี/กระบอกเติมนา้ /ผากันเป้ือน - ดนิ สอ/ยางลบ แหลง่ การเรยี นรู้ 1. หนังสือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ทัศนศิลป กลุมสาระการเรียนรูศิลปะ ระดับชั้น ประถมศกึ ษาปีที่ 4 ตามหลักสตู รแกนกลางการศกึ ษาขั้นพนื้ ฐาน พ.ศ. 2551 2. เวบ็ Pinteres 3. Youtube
ใบงานชุดที่ 2 เรอื่ ง การไลค่ า่ น้าหนักสีผสมดา ตอนท่ี 1 คาช้แี จง : ให้นกั เรียนเตมิ เครอ่ื งหมาย หรอื ลงใน ใหถ้ ูกตอ้ ง 1. การไลค านา้ หนักสีผสมดาใหเ ติมสีดาอัตราสว น 30 % 2. ระดับน้าหนกั ความเขมทเ่ี หน็ ความเปลยี่ นแปลงไดชัดอยใู นระดบั 3 - 6 ระดับ 3. จากภาพเป็นการไลคาน้าหนักสี ผสมดา ตอนท่ี 2 คาชแ้ี จง : ให้นกั เรียนเลอื กสแี ท้ (Hue) 1 สี จากนั้นไลค่ ่าน้าหนักสี ผสมดา ให้มีน้าหนักความ เขม้ ข้นึ เหน็ ความเปล่ยี นแปลงทกุ ระดับ ชือ่ ……………………………………………..นามสกลุ ………………………………….เลขท…่ี …………ชนั้ ……………
ลั ก ษ ณ ะ สี จ า แ น ก ไ ด เ ป็ น 3 ประเภท ไดแก สีเขม (Shade) สี แ ท (Hue) แ ล ะ สี อ อ น (Tint) ยกตวั อยา งสีสม ดงั นี้ 1. สเี ขม้ (Shade) ไดแ ก สีท่ีผสมกบั สีดาหรอื สที เี่ ขม กวา สีแท สีดาจะเพิ่มน้าหนกั ของสีที่ถูกผสมใหเ ขมข้ึน 2. สีแท้ (Hue) ไดแ ก สีที่มคี วามเขม ซ่ึงเปน็ คุณสมบตั ิ แทๆ โดยตวั ของมันเอง ไมถูกผสมดว ยสดี าหรือขาว 3. สีอ่อน (Tint) ไดแก สที ผ่ี สมกับสีขาวเพื่อลดความเขม ของสี ทาใหน า้ หนกั ของสีแทท ถี่ ูกผสมออนลง
แบบประเมนิ ใบงาน เครื่องมือ หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี………….เรอ่ื ง……………….…………………………………………………ชัน้ ……………….. คาชแ้ี จง : ใหค รูผูสอนประเมนิ ใบงานของนกั เรียนแลวใหท าเครื่องหมาย ลงในชอ งที่ตรงกบั ระดับคะแนน ลาดับ ลาดบั ท่ี เพือ่ ให้ เพื่อใหน้ ักเรยี น ความ รวม ท่ี ชอ่ื – สกลุ นักเรียน สามารถผสมสีไล่ค่า มุง่ มน่ั ใน 10 สามารถบอก นา้ หนักสผี สมสีดาได้ คะแนน ค่านา้ หนักสี การ ผสมดาได้ ทางาน 3210543210210 1 ด.ญ. พชี ญา แกวบัวดี 2 ด.ช. ธัญเทพ ฐานวิริยฐากุล 3 ด.ญ. จริ วรรณ์ อัศวเดชานุกร 4 ด.ญ. ทิพภาภรณ์ แขกแปลก 5 ด.ช. รชั ชานนท์ เจรญิ ทรพั ย์ 6 ด.ญ. ญาณภทั ร พันติวงค์ 7 ด.ช. ศิรชิ ัย คามา 8 ด.ช. อนสุ รณ์ แชม สนทิ 9 ด.ญ. จันทรท์ มิ า เมฆกระจาย 10 ด.ญ. สุภานชิ า เรืองกลั่น 11 ด.ช. ศึกษา แกวมศี รี 12 ด.ช. ภานุวัชร์ ศาลา 13 ด.ญ. รินรดา ตรงกลาง 14 ด.ช. ธนกฤต จนั ทร์รกั ษา 15 ด.ญ. ปลายฟูา กุลเจริญสินชล ลงชื่อ...................................................ผู้ประเมิน (…………………..…………………………..) ................../................./................
แผนการจดั การเรียนรทู้ ี่ 4 รหัสวชิ า 14101 กลุ่มสาระการเรียนรู้ ศิลปะ สาระ ทศั นศลิ ป์ หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 1 การเขียนภาพระบายสโี ปสเตอร์ เร่ือง การไลค่ า่ นา้ หนักสีผสมขาว จานวน 1 คาบ ช้นั ประถมศึกษาปที ี่ 4 เวลา 1 ชั่วโมง สอนเม่ือ วนั ท…่ี ……….เดอื น……………………….พทุ ธศกั ราช…………. ครผู สู้ อน วิภาพร ทิพราช 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ศ 1.1 สรางสรรค์งานทัศนศิลปตามจินตนาการ และความคิดสรางสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์คุณคางานทัศนศิลป ถายทอดความรูสึก ความคิดตองานศิลปะอยาง อสิ ระ ชนื่ ชม และประยุกต์ใชใ นชวี ติ ประจาวนั 2. ตวั ชว้ี ัด ศ 1.1 ป. 4/5 มีทักษะพน้ื ฐานในการใชว ัสดุ อปุ กรณส์ รา งสรรคง์ านวาดภาพระบายสี 3. สาระสาคัญ เพื่อใหเ ขาใจขบวนการการระบายสีดวยคาน้าหนักสีผสมขาว และสามารถบอกคาน้าหนักสี ผสมขาวไดถ กู ตองตามหลักการการไลส ี ซงึ่ เฉดสกี ารผสมขาวจะมีความเขม – ออน แตกตางกัน ทา ใหเกิดเฉดสีหลายสี สามารถผสมสี คา น้าหนักสีผสมขาวและไลคาน้าหนักผสมขาวมีความแตกตางกันชัดเจนใน แตระดับสี ซ่ึงจะไลคาน้าหนักจากอเขมไปออน เพราะคาน้าหนักสีผสมขาวเป็นการเติมสีขาวใน อตั ราสวน 20 % ลงในสแี ท (Hue) จากน้ันผสมกันแลวใหร ะบายลงในกระดาษ จากน้ันใหเติมสีขาว ในอัตราสวน 20 % ลงในสีเดิมอีกครั้ง ผสมใหเขากันจากน้ันนาไประบายลงในกระดาษเพ่ือไล ระดับสี สามารถเติมสีขาวและระบายเชนนี้ไปเรื่อยๆ ได โดยระดับน้าหนักความออนท่ีเห็นความ เปลี่ยนแปลงไดช ดั อยใู นระดับท่ี 3 - 6 ระดับและจะปรากฏคานา้ หนกั ความเขม-ออน จุดประสงค์การเรยี นรู้ 4.1 ดา้ นความรู้ (K) เพอ่ื ใหน ักเรยี นสามารถบอกคา นา้ หนกั สีผสมขาวได
4.2 ด้านทักษะ (P) เพอ่ื ใหนักเรียนสามารถผสมสไี ลค า น้าหนกั สผี สมสีขาวได 4.3 ด้านคณุ ลกั ษณะอนั พงึ ประสงค์ (A) 1) มวี ินยั (เขาชนั้ เรยี น, มีความรบั ผดิ ชอบตอ งานท่ไี ดรบั มอบหมาย) 2) มุงมั่นในการทางาน (เอาใจใสต อ การปฏิบัตหิ นา ที่ทไี่ ดร ับมอบหมาย, พยายาม แกปัญหาและอุปสรรคในการทางานใหส าเรจ็ ) 5. สาระการเรียนรู้ การผสมสี คาน้าหนักสีผสมขาวจนเกิดเปน็ เฉดสหี ลายสี 6. สมรรถนะท่สี าคัญ 6.1 ความสามารถในการคดิ อยา งสรา งสรรค์ 6.2 ความสามารถในการใชเ หตผุ ลในการคดิ ดว ยตนเอง 6.3 ความสามารถในการแกป ัญหาเฉพาะหนา ไดด ว ยตนเอง 7. คุณลักษณะอันพึงประสงค์ 7.1 มวี ินัย 7.2 ใฝุเรยี นรู 7.3 มุงม่นั ในการทางาน 7.4 มีจิตสาธารณะ 8. กระบวนการการจดั กิจกรรมการเรยี นรแู้ บบซิปปา ขั้นนา (5 นาที) 8.1 ครูกลา วทักทายนกั เรียน 8.2 ครอู ธบิ ายสงิ่ ที่ตองเรียนในสัปดาห์นใี้ หนกั เรยี นทราบเกย่ี วกับการไลค า นา้ หนักสีผสมขาว 8.3 ครูใหน กั เรียนนงั่ เป็นกลมุ โดยใหน่ังตามกลมุ เดมิ เหมือนกับกจิ กรรมในครั้งแรก มีท้ังหมด 5 กลุม จานวนกลุมละ 3 คน สมาชิกในกลุมประกอบดวยนักเรียนท่ีจัดอยูในกลุมเกง ปานกลาง และกลุม ออน ข้นั ที่ 1 การทบทวนความรูเ้ ดิม 8.4 ครูสอบถามนักเรียน “หากนาสีขาวมาผสมกับสีใดสีหนึ่ง จะทาใหสีนั้นมีลักษณะอยางไร” (พิจารณาตามคาตอบของนกั เรียน โดยใหอยใู นดลุ ยพินิจของครูผูสอน) เพอื่ กระตุนใหผูเรียนรูจักคิด
และเป็นการทบทวนความรเู ดิมทเี่ คยไดเรียนมา เพ่ือเชื่อมโยงเขาสูเนื้อหาความรูเก่ียวกับการเขียน การไลคาน้าหนักสีผสมขาว ข้นั สอน (50 นาที) ขน้ั ท่ี 2 การแสวงหาความรใู้ หม่ 8.5 ครูใหนักเรียนดูวงจรสที ไ่ี ลคานา้ หนักสีผสมขาวแสดงเฉดสีหลายเฉดสี 8.6 ครูแจกใบความรูแ ลวใหน ักเรียนอา นเพ่อื ทาความเขา ใจในสวนของคา น้าหนักสีผสมขาว คือ อะไร ภาพท่ี 1 : วงจรสี ไลค านา้ หนักสผี สมขาว ท่มี า : วิภาพร ทพิ ราช ขั้นท่ี 3 การศึกษาทาความเขา้ ใจข้อมูล/ความรู้ใหม่ และเช่ือมโยงความรู้ใหม่กับความรเู้ ดิม 8.7 ครูใหนักเรียนตอบคาถามเม่ือนาสีขาวมาผสมกับสีใดสีหนึ่งสีน้ันจะเปลี่ยนคาสีใหออนลง จากเดมิ เนื่องจากเปน็ สีทีม่ ีความสวางและออนทส่ี ดุ ขัน้ ท่ี 4 การแลกเปลย่ี นความรู้ความเขา้ ใจกับกล่มุ 8.8 จากน้ันครใู หนักเรยี นแตล ะกลมุ ทดลองใชส ชี อร์ก โดยเลือกสีใดสีหน่ึงระบายลงในกระดาษ แลว ใชส ขี าวทาทบั ลงไปโดยคอยๆ ออกแรงกดสีไลร ะดบั สขี น้ึ ไป จากน้นั ใหนกั เรยี นสังเกตคาน้าหนัก สี 8.9 สมาชิกแตละคนในกลุมผลัดกันเสนอคาตอบของตนเองใหเพื่อนในกลุมฟัง แลวซักถามขอ สงสยั จนทกุ คนในกลุม มีความรคู วามเขาใจทถี่ กู ตองตรงกัน 8.10 ครูใหตัวแทนนักเรียนแตละกลุมนาเสนอคาตอบหนาชั้นเรียนและแสดงความคิดเห็น รว มกนั ขนั้ ที่ 5 การสรุปและจดั ระเบยี บความรู้ 8.11 ครอู ธบิ าย สีขาว เป็นสีท่ีมีเนื้อสีออนและสวาง สวนสีแท (Hue) คือ สีท่ีมีความเขมในตัว ของมนั อยแู ลว โดยทีย่ ังไมถกู ผสมกบั สดี าหรือสีขาว เมอื่ นาสขี าวมาผสมกับสแี ทจะทาใหส ีแทอ อนลง
8.12 ครเู ปิดคลปิ วดิ โี อการไลคาน้าหนักสีผสมขาวใหนักเรียนดูและอธิบายสีขาวจะลดความสด ของสลี งมากกวา สีหลัก คลปิ วดิ โี อขนั้ ตอนการไล่คา่ นา้ หนักสีผสมขาว ท่มี า : https://www.youtube.com/watch?v=dyNDAOA0MZ4&t=203s 8.13 ครสู าธติ และอธิบายการไลค า น้าหนักสผี สมขาว ยกตัวอยางสมี วงใหนกั เรยี นดู วัสดุ อปุ กรณ์ - ถาดสี - กระบอกเติมน้า - สีโปสเตอร์แมส ี 3 สี - สีขาว - พูกัน - กระดาษ - เศษผา - ผา กันเป้ือน - เทปกาวกันนา้ การระบายสีควรระบายสใี หระบายไปในทิศทางเดียวกนั หรอื ปาดซาย-ขวา ไปมา ไมควรนาพูกัน จมุ น้าขณะระบายสีเดิมอยูเพราะจะทาใหสีเพี้ยนสีสีดาง ไมควรปวดสีตัดกันไปมาเพราะจะทาใหสี เกดิ เสนตัดกนั และสีไมสมา่ เสมอกนั ขน้ั ตอนการไลค านา้ หนักสผี สมขาว ยกตัวอยางสีมว ง 1. ใหน าเทปกาวกนั น้าตดิ ขอบรอบนอกสเ่ี หลี่ยม 2. ผสมสมี ว ง และระบายลงในชองสีเ่ หล่ยี มชอ งท่ี 1 3. เตมิ สีขาวอัตราสวน 20 % ลงในถาดสีมวง คนใหเขากนั 4. นาสีทผี่ สมแลว มาระบายลงในชอ งสเ่ี หลีย่ มชอ งที่ 2 5. ใหท าเชนน้จี นครบทกุ ชอ ง ใหนักเรียนสังเกตความแตกตางของสีในแตละระดับ สีขาวจะลดความเขมของสีลง มากกวา สหี ลัก ระดับนา้ หนักความออนที่เห็นความเปลี่ยนแปลงไดชัดอยูในตั้งแต 3 - 6 ระดบั ค่านา้ หนกั สผี สมขาว ท่ีมา : วภิ าพร ทพิ ราช
ขน้ั ท่ี 6 การปฏิบตั ิ และ/หรือการแสดงผลงาน 8.14 ครูใหน กั เรียนทากิจกรรมใบงานท่ี 1.3 เร่ือง การไลคาน้าหนักสีผสมขาว โดยใหนักเรียน เลอื กสี 1 สี จากนัน้ ผสมสี ไลค านา้ หนกั สีผสมขาวลงในชอ งสเี หลยี่ มที่กาหนดให 8.15 ครูเปิดโอกาสใหนักเรียนซักถาม จากน้ันใหนักเรียนทากิจกรรมและครูคอยเดินดูและให คาแนะนา 8.16 ครูใหสุมนักเรียนออกมานาเสนอผลงานหนาช้ันเรียน พรอมบอกปัญหาท่ีพบขณะ ปฏิบตั งิ าน ขัน้ ท่ี 7 การประยุกตใ์ ชค้ วามรู้ 8.17 ครูใหนักเรียนหาขอมูลการไลคาน้าหนักสีผสมขาวสามารถนามาสรางงานทัศนศิลปได หรือไม พรอมยกตัวอยางประกอบ (พิจารณาตามคาตอบของนักเรียน โดยใหอยูในดุลยพินิจของ ครผู สู อน) ขั้นสรุป (5 นาท)ี 8.18 ครูสรุปเนื้อหาเร่ือง “การไลคาน้าหนักสีผสมขาว” รวมกับนักเรียนและใหนักเรียนเก็บ อปุ กรณใ์ หเ รียบรอ ย 9. การวดั และประเมนิ ผล 9.1 เร่อื ง การไลค าน้าหนักสผี สมขาว (10 คะแนน) ประเด็นการ เกณฑ์การใหค้ ะแนน ประเมนิ 5 4 3 2 10 ด้านความรู้ - - -นักเรยี นบอกคา -นกั เรียนบอกคา -นกั เรยี นบอกคา -ไม (K) น้าห นักสีผ ส ม น้าห นักสีผ ส ม น้าห นักสีผ ส ม สามารถ -เ พ่ื อ ใ ห ขาวถูกตอง ทุก ขาวถูกตอง 2 ขาวถูกตอง 1 บอกได นั ก เ รี ย น ขอจาก 3 ขอ ขอจาก 3 ขอ ขอจาก 3 ขอ -ไมม า สามารถบอก เรียน คาน้า ห นัก สี ผสมขาวได ด้านทกั ษะ -สามารถไลคา -สามารถไลคา -สามารถไลคา -สามารถไลคา -สามารถไลคา -ไมสง (P) น้าห นักสีผ ส ม น้าห นักสีผ ส ม น้าห นักสีผ ส ม น้าห นักสีผ ส ม น้าห นักสีผ ส ม งาน -เ พ่ื อ ใ ห ขาวเห็นระดับ ขาว เห็นระดับ ขาว เห็นระดับ ขาว เห็นระดับ ขาว เห็นระดับ -ไมม า นั ก เ รี ย น น้า ห นั ก ค ว า ม น้า ห นั กค ว า ม น้า ห นั ก ค ว า ม น้า ห นั กค ว า ม น้า ห นั ก ค ว า ม เรยี น สามารถผสมสี อ อ น เ ป ล่ี ย น อ อ น เ ป ลี่ ย น อ อ น เ ป ล่ี ย น อ อ น เ ป ล่ี ย น อ อ น เ ป ลี่ ย น ไลคาน้าหนักสี แปลงทุกระดับ แปลง 5 ระดับ แปลง 4 ระดับ แปลง 3 ระดับ แ ป ล ง 1-2 ผสมสขี าวได จาก 6 ระดับ จาก 6 ระดับ จาก 6 ระดับ จาก 6 ระดับ ร ะดั บ จ าก 5 -ก ร ะ ด า ษ ไ ม -ก ร ะ ด า ษ ไ ม -กระดาษเป็นขุย -กระดาษเป็นขุย ระดบั เ ป็ น ขุ ย แ ล ะ สี เ ป็ น ขุ ย แ ล ะ สี เ ล็ ก น อ ย แ ต สี เล็กนอยและสี -กระดาษเป็นขุย
ไมช้า ไมช ้า ไมช ้า ช้าเลก็ นอ ย จานวนมากและ -สีไมกระจายใน -สีไมกระจายใน -สีไมกระจายใน -สีกระจายลงใน สีช้ามาก ชองระดบั สอี ื่น ชองระดับสอี ื่น ชองระดบั สอี น่ื ชอ งระดับสอี นื่ -สีกระจายลงใน -รูปแบบผลงาน -รูปแบบผลงาน -รูปแบบผลงาน -รูปแบบผลงาน ชองระดับสีอื่น ส ะ อ า ด ส ะ อ า ด ส ะ อ า ด ส ะ อ า ด จานวนมาก เ รี ย บ ร อ ย เ รี ย บ ร อ ย เ รี ย บ ร อ ย เรียบรอย แตไม -รูปแบบผลงาน สมบูรณ์ สมบูรณ์ สมบรู ณ์ สมบรู ณ์ สะอาด แตไม สมบูรณ์ ด้ า น จิ ต พิ สั ย - - - เ ข า ช้ั น เ รี ย น เขาชั้นเรียน แต ไมเ ขา (A) แ ล ะ มี ค ว า ม ไมมีความมุงมั่น ชน้ั -มีวินยั มุ ง ม่ั น ใ น ก า ร ในการทางาน เรียน -มุงมั่นในการ ทางาน ทางาน เกณฑก์ ารประเมนิ คะแนน ประเมนิ 9 - 10 ดี 7 - 8 ปานกลาง 5 – 6 นอย 10. ส่อื อปุ กรณ์และแหลง่ การเรียนรู้ ส่ือการเรยี นรู้ 1. วงจรสี คานา้ หนักสีผสมขาว 2. ใบความรู อปุ กรณ์ - ใบงาน - สโี ปสเตอร์/พกู ัน/ถาดสี/กระบอกเตมิ น้า/ผา กันเปือ้ น - ดนิ สอ/ยางลบ แหล่งการเรียนรู้ 1. หนังสือเรียน รายวิชาพ้ืนฐาน ทัศนศิลป กลุมสาระการเรียนรูศิลปะ ระดับช้ัน ประถมศกึ ษาปีที่ 4 ตามหลกั สูตรแกนกลางการศึกษาข้นั พื้นฐาน พ.ศ. 2551 2. เวบ็ Pinteres 3. Youtube
ใบงานชดุ ที่ 3 เร่ือง การไล่คา่ น้าหนกั สีผสมขาว ตอนที่ 1 คาช้ีแจง : ให้นกั เรียนเติมเครื่องหมาย หรอื ลงใน ใหถ้ ูกตอ้ ง 1. การไลค า นา้ หนกั สผี สมขางใหเติมสีขาวอตั ราสว น 20 % 2. ระดับนา้ หนักความออนที่เห็นความเปลย่ี นแปลงไดชดั อยูใ นระดบั ที่ 1 ระดับ เทานัน้ 3. จากภาพวงจรสีเปน็ การไลคาน้าหนักสี ผสมดา ตอนที่ 2 คาชี้แจง : ให้นักเรียนเลือกสีแท้ (Hue) 1 สี จากนั้นไล่ค่าน้าหนักสี ผสมขาว ให้มีน้าหนัก ความ ออ่ นลงเห็นความเปล่ยี นแปลงทกุ ระดบั ช่ือ…………………………………………..นามสกุล………………………………….เลขท…ี่ …………ช้นั ……………
ลั ก ษ ณ ะ สี จ า แ น ก ไ ด เ ป็ น 3 ประเภท ไดแก สีเขม (Shade) สี แ ท (Hue) แ ล ะ สี อ อ น (Tint) ยกตวั อยา งสีสม ดงั นี้ 1. สเี ขม้ (Shade) ไดแ ก สีท่ีผสมกบั สีดาหรอื สที เี่ ขม กวา สีแท สีดาจะเพิ่มน้าหนกั ของสีที่ถกู ผสมใหเ ขมข้ึน 2. สีแท้ (Hue) ไดแ ก สีที่มคี วามเขม ซ่ึงเปน็ คุณสมบตั ิ แทๆ โดยตวั ของมันเอง ไมถูกผสมดว ยสดี าหรือขาว 3. สีอ่อน (Tint) ไดแ ก สที ผ่ี สมกับสขี าวเพื่อลดความเขม ของสี ทาใหน า้ หนกั ของสีแททถี่ ูกผสมออนลง
แบบประเมนิ ใบงาน เครื่องมือ หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่………….เรอ่ื ง……………….…………………………………………………ช้นั ……………….. คาชแ้ี จง : ใหค รผู ูสอนประเมนิ ใบงานของนกั เรียนแลวใหทาเคร่อื งหมาย ลงในชองที่ตรงกบั ระดับคะแนน ลาดับ ลาดบั ท่ี เพื่อให้ เพื่อให้นกั เรยี น ความ รวม ท่ี ชอ่ื – สกลุ นกั เรยี น สามารถผสมสไี ล่คา่ มงุ่ มน่ั ใน 10 สามารถบอก นา้ หนักสีผสมสดี าได้ คะแนน ค่านา้ หนักสี การ ผสมดาได้ ทางาน 3210543210210 1 ด.ญ. พชี ญา แกวบัวดี 2 ด.ช. ธัญเทพ ฐานวิริยฐากุล 3 ด.ญ. จริ วรรณ์ อัศวเดชานุกร 4 ด.ญ. ทิพภาภรณ์ แขกแปลก 5 ด.ช. รชั ชานนท์ เจรญิ ทรพั ย์ 6 ด.ญ. ญาณภทั ร พันติวงค์ 7 ด.ช. ศิรชิ ัย คามา 8 ด.ช. อนสุ รณ์ แชม สนทิ 9 ด.ญ. จันทรท์ มิ า เมฆกระจาย 10 ด.ญ. สุภานชิ า เรอื งกลั่น 11 ด.ช. ศึกษา แกวมศี รี 12 ด.ช. ภานุวัชร์ ศาลา 13 ด.ญ. รินรดา ตรงกลาง 14 ด.ช. ธนกฤต จนั ทร์รกั ษา 15 ด.ญ. ปลายฟาู กลุ เจริญสินชล ลงชอื่ ...................................................ผูป้ ระเมิน (…………………..…………………………..) ................../................./................
แผนการจดั การเรยี นรูท้ ี่ 5 รหัสวชิ า 14101 กลุ่มสาระการเรยี นรู้ ศลิ ปะ สาระ ทัศนศลิ ป์ หนว่ ยการเรยี นรทู้ ่ี 1 การเขียนภาพระบายสโี ปสเตอร์ เรอ่ื ง การเกลย่ี สีโปสเตอรโ์ ทนเดียวกันให้มคี วามกลมกลนื กนั จานวน 1 คาบ ช้ันประถมศกึ ษาปีที่ 4 เวลา 1 ช่วั โมง สอนเม่ือ วนั ท…ี่ ……….เดอื น……………………….พทุ ธศักราช…………. ครูผูส้ อน วภิ าพร ทพิ ราช 1. มาตรฐานการเรยี นรู้ มาตรฐาน ศ 1.1 สรางสรรค์งานทัศนศิลปตามจินตนาการ และความคิดสรางสรรค์ วิเคราะห์ วิพากษ์ วิจารณ์คุณคางานทัศนศิลป ถายทอดความรูสึก ความคิดตองานศิลปะอยาง อสิ ระ ช่ืนชม และประยุกตใ์ ชใ นชวี ติ ประจาวนั 2. ตวั ชวี้ ัด ศ 1.1 ป. 4/5 มีทกั ษะพืน้ ฐานในการใชว สั ดุ อปุ กรณ์สรา งสรรค์งานวาดภาพระบายสี 3. สาระสาคญั เพือ่ ใหเ ขา ใจขบวนการการเกลย่ี สโี ปสเตอรโ์ ทนเดยี วกันใหมีความกลมกลืนกัน และสามารถ บอกคานา้ หนักความเขม ความออนจากการไลสีทนเดียวกันมีความกลมกลืนกัน เกิดจากการเกล่ียสี ถกู ตอ งตามหลกั การการเกลย่ี สี สามารถเกลี่ยสีโปสเตอร์โทนเดียวกันใหมีความกลมกลืนกัน คือ การใชสีเดียวแตมีการใชสี ขาวเป็นสวนผสมเพ่ือไลคาความเขมของสี ซึ่งจะแสดงคาน้าหนักเฉดสีเดียวแตมีความกลมกลืนกัน ซง่ึ คลายกบั การไลร ะดบั คานา้ หนกั สผี สมขาวและคานา้ หนกั สีผสมดา ในความแตกตางกัน คือ เกลี่ย สีใหเปน็ เนือ้ เดยี วกันกลมกลนื กันนัน่ เอง 4. จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ 4.1 ด้านความรู้ (K) เพ่อื ใหนกั เรยี นสามารถอธิบายการเกลย่ี สโี ปสเตอร์โทนเดียวกันใหม ีความกลมกลืนกันได 4.2 ดา้ นทักษะ (P) เพอื่ ใหนักเรยี นสามารถเกลี่ยสโี ปสเตอรโ์ ทนเดียวกันใหมคี วามกลมกลนื กนั ได
4.3 ด้านคณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ (A) 1) มีวนิ ัย (เขา ชน้ั เรยี น, มีความรับผิดชอบตอ งานที่ไดรบั มอบหมาย) 2) มุงมน่ั ในการทางาน (เอาใจใสตอการปฏบิ ตั ิหนาทีท่ ไี่ ดรับมอบหมาย, พยายามแกปัญหาและ อุปสรรคในการทางานใหสาเร็จ) 5. สาระการเรียนรู้ การเกลี่ยสโี ปสเตอรโ์ ทนเดียวกนั ใหมีความกลมกลืนกนั 6. สมรรถนะท่ีสาคัญ 6.1 ความสามารถในการคดิ อยางสรางสรรค์ 6.2 ความสามารถในการใชเ หตุผลในการคดิ ดวยตนเอง 6.3 ความสามารถในการแกป ญั หาเฉพาะหนา ไดด ว ยตนเอง 7. คณุ ลักษณะอันพึงประสงค์ 7.1 มวี ินยั 7.2 ใฝุเรยี นรู 7.3 มุง ม่ันในการทางาน 7.4 มีจิตสาธารณะ 8. กระบวนการการจัดกิจกรรมการเรยี นรู้แบบซปิ ปา ขนั้ นา (5 นาที) 8.1 ครกู ลาวทกั ทายนักเรยี น 8.2 ครูอธิบายส่ิงที่ตองเรียนในสัปดาห์นี้ใหนักเรียนทราบเกี่ยวกับการเกลี่ยสีโปสเตอร์โทน เดยี วกันใหม ีความกลมกลนื กัน 8.3 ครใู หนกั เรยี นนงั่ เปน็ กลมุ โดยใหน่ังตามกลุม เดิมเหมอื นกบั กิจกรรมในครั้งแรก มีท้ังหมด 5 กลุม จานวนกลุมละ 3 คน สมาชิกในกลุมประกอบดวยนักเรียนท่ีจัดอยูในกลุมเกง ปานกลาง และกลมุ ออ น ขน้ั ท่ี 1 การทบทวนความรเู้ ดมิ 8.4 ครูสอบถามนักเรียน “หากตองการเกลี่ยสีโทนเดียวกันใหกลมกลืนกันนักเรียนจะทา อยางไร” (พิจารณาตามคาตอบของนักเรียน โดยใหอยูในดุลยพินิจของครูผูสอน) เพื่อกระตุนให ผูเรียนรูจักคิดและเป็นการทบทวนความรูเดิมที่เคยไดเรียนมา เพื่อเช่ือมโยงเขาสูเน้ือหาความรู เกีย่ วกับการเกลีย่ สีโปสเตอรโ์ ทนเดยี วกนั ใหมีความกลมกลนื กัน
ขั้นสอน (50 นาที) ขน้ั ที่ 2 การแสวงหาความรู้ใหม่ 8.5 ครูใหนักเรียนดูภาพการไลสีสโี ปสเตอร์โทนเดยี วกัน ภาพที่ 1 การไลคา นา้ หนักสที ย่ี งั ไมมีการเกล่ยี สีใหกลมกลนื ภาพท่ี 2 การไลค าน้าหนักสที ี่มกี ารเกลย่ี สใี หม คี วามกลมกลืน 8.6 ใหนกั เรยี นสงั เกตภาพท้ัง 2 ภาพ มีความแตกตางกันอยางไร ภาพท่ี 1 : การไลคา น้าหนักสีท่ียงั ไมม ี ภาพที่ 2 : การไลค านา้ หนักสที ี่มีการเกล่ียสี การเกล่ียสใี หกลมกลนื ใหมีความกลมกลนื ที่มา : วิภาพร ทิพราช ขั้นท่ี 3 การศกึ ษาทาความเข้าใจขอ้ มูล/ความรใู้ หม่ และเช่อื มโยงความรูใ้ หม่กับความร้เู ดมิ 8.7 ครูใหน ักเรยี นตอบคาถาม เหตุใดภาพท่ี 1 สีไมกลมกลืนกัน และเหตุใด ภาพท่ี 2 สีมีความ กลมกลนื กนั ข้ันที่ 4 การแลกเปลี่ยนความรู้ความเขา้ ใจกบั กลุม่ 8.8 ครใู หนกั เรยี นแตละกลุมผลัดกันแสดงความคิดเห็นถึงวิธีการเกล่ียสีโทนเดียวกันใหมีความ กลมกลนื กันอยางไร โดยใหจดลงในกระดาษ 8.9 สมาชกิ แตละคนในกลุมผลัดกันเสนอคาตอบของตนเองใหเพ่ือนในกลุมฟัง แลวซักถามขอ สงสยั จนทุกคนในกลมุ มคี วามรูความเขาใจทถ่ี ูกตองตรงกัน 8.10 ครูใหตัวแทนนักเรียนแตละกลุมนาเสนอคาตอบหนาชั้นเรียนและแสดงความคิดเห็น รวมกัน ข้นั ที่ 5 การสรปุ และจดั ระเบียบความรู้ 8.11 ครูอธบิ าย การเกล่ียสีโปสเตอร์โทนเดียวกันใหมีความกลมกลืน เป็นการระบายจากสีแก ไปหา สีออ น เปน็ การระบายสโี ดยคอยๆ ลดน้าหนักสีใหออนจางลงดวยการผสมสีขาว ซ่ึงคลายกับ การไลคาน้าหนักสีผสมขาว แตการเกล่ียสีโปสเตอร์โทนเดียวกันใหมีความกลมกลืนกัน ณ ที่นี้คือ การใชพ ูกันเกลย่ี สขี ณะท่ีสยี งั ไมแ หงใหเป็นเนอ้ื เดยี วกนั จนเกดิ ความกลมกลนื นน่ั เอง
การเกล่ียสีโปสเตอร์โทนเดียวกันใหมีความกลมกลืนกัน ใหปาดสีไปในทิศทางเดียวกัน อาจใหปาดซา ย-ขวาสลับกับไปมา ไมควรนาพูกันจุมน้าขณะระบายสีเดิมอยูเพราะจะทาใหสีเพ้ียน และสดี าง ไมค วรปาดสีตดั กันไปมาเพราะจะทาใหสไี มม คี วามกลมกลืนกนั ได 8.12 ครูเปิดคลิปวิดีโอข้ันตอนการเกลี่ยสีโปสเตอร์โทนเดียวกันใหมีความกลมกลืนกันให นกั เรียนดูพรอมสาธติ ขน้ั ตอนการเกลย่ี สที ีละขัน้ ใหน ักเรยี นดู คลิปวิดีโอขั้นตอนการเกลยี่ สีโปสเตอรโ์ ทนเดยี วกันใหม้ คี วามกลมกลนื กัน ทมี่ า : https://www.youtube.com/watch?v=FOh1GSX7Urc&t=20s วัสดุ อปุ กรณ์ - สโี ปสเตอร์ - พูกัน - ถาดสี - กระบอกเติมน้า - กระดาษ - เศษผา - ผากนั เปอื้ น - เทปกาวกนั น้า ขั้นตอนการเกลี่ยสีโปสเตอร์โทนเดียวกันให้มีความกลมกลืนกัน ยกตัวอย่างสีม่วง 1. ใหน าเทปกาวกนั น้าตดิ ขอบรอบนอกส่เี หลย่ี ม 2. ผสมสมี ว งที่ตอ งการไลส ใี สถาดสี เตมิ นา้ ใหพอเหมาะไมนอยและไมม ากเกนิ ไป 3. นาพูกนั จมุ สมี วงแลว ปาดสไี ปมาไปทาง ซา ย-ขวา ไลระดับลงมา 4. ใหน าสีขาวเติมลงในถาดสมี ว งในอัตราสว น 20 % คนสีใหเ ขากนั 5. นาพูกันจมุ สแี ลว ระบายตอ ในสว นถัดไป โดยปาดสไี ปมาไปทาง ซา ย-ขวา ขึ้น-ลง จน เน้ือผสมเป็นเนื้อเดียวกันและกลมกลืนกัน ขณะปาดสีไมควรใหสีท่ีลงกอนหนาน้ันแหง เพราะจะทาใหสไี มกลมกลนื กนั จนเหน็ เป็นชนั้ สีชดั เจน 6. ใหเติมสีขาวในอัตราสวน 20 % ไปเรื่อยๆ แลวเกล่ียสีเชนน้ีจนเห็นความเขมออน ของสี ใหน กั เรยี นสงั เกตระดบั สีและสังเกตความกลมกลืนกนั ของสีในโทนเดยี วกัน ระดับน้าหนักความ ออ นทีเ่ ห็นความเปลย่ี นแปลงไดชัดอยูในตง้ั แต 3 - 6 ระดบั
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 563
Pages: