Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore 64-08-08-คู่มื่อครู ภาษาไทย ป.5.-3

64-08-08-คู่มื่อครู ภาษาไทย ป.5.-3

Published by elibraryraja33, 2021-08-08 08:54:45

Description: 64-08-08-คู่มื่อครู ภาษาไทย ป.5.-3

Search

Read the Text Version

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๖ เร่ือง นิทานอา่ นสนกุ 913 แบบประเมินการสรปุ เรือ่ งจากวรรณคดีและวรรณกรรมท่ีอ่าน คาชแ้ี จง ให้ครูผสู้ อนประเมนิ ผลการทากิจกรรม/ใบงาน โดยเขยี นคะแนน ลงในชอ่ งที่กาหนดให้ถกู ตอ้ ง ลาดับ ชือ่ - สกุล คะแนน คดิ เป็น สรปุ ผล ท่ี ทไี่ ด้ ร้อยละ การประเมนิ ๒๐ คะแนน ๑๐๐ ผ่าน ไมผ่ ่าน ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ รวม (คน) คดิ เป็นร้อยละ ผลการประเมนิ  ดีมาก ..........คน คดิ เปน็ ร้อยละ...............  ดี ..........คน คิดเป็นรอ้ ยละ................  พอใช้ ..........คน คดิ เปน็ ร้อยละ...............  ปรบั ปรงุ .........คน คดิ เปน็ ร้อยละ............... สรุปผลการประเมินรายชน้ั เรียน  นกั เรียนผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ จานวน......................... คน คิดเปน็ รอ้ ยละ.........................  นกั เรยี นไมผ่ ่านเกณฑ์การประเมนิ จานวน......................... คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ......................... ลงชอื่ .................................................ผปู้ ระเมนิ (..............................................) ........../..................../..........

914 คมู่ ือครแู ละแผนการจัดการเรียนรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรียนท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.๕) 10. บนั ทึกผลหลังสอน ผลการจดั การเรียนการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ความสาเรจ็ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ปญั หาและอปุ สรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ขอ้ จากัดการใช้แผนการจดั การเรียนรู้ และข้อเสนอแนะ/แนวทางการปรับปรงุ แกไ้ ข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชอ่ื ......................................................ผสู้ อน (..........................................................) วนั ที่ .......... เดือน ..................... พ.ศ. ............. 11. ความคดิ เห็น/ขอ้ เสนอแนะของผู้บริหารหรอื ผทู้ ไี่ ด้รับมอบหมาย .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ ...................................................... ผตู้ รวจ (..........................................................) วนั ที่ .......... เดือน ..................... พ.ศ. .............

หน่วยการเรียนรู้ที่ ๖ เรือ่ ง นทิ านอ่านสนกุ 915 ใบความรู้ท่ี 4 เรอื่ ง การสรปุ เร่ืองจากวรรณคดีและวรรณกรรมทอี่ า่ น หน่วยการเรยี นรู้ที่ 6 เรือ่ ง นิทานอา่ นสนุก แผนการจดั การเรียนร้ทู ี่ 4 เรอื่ ง การสรปุ เรื่องจากวรรณคดแี ละวรรณกรรมท่อี า่ น รายวิชา ภาษาไทย รหสั วิชา ท๑๕๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชัน้ ประถมศึกษาปีที่ ๕ ประเภทเรอื่ งวรรณคดีและวรรณกรรม วรรณคดี เป็นวัฒนธรรมทางภาษาที่แสดงถึงความเจริญรุ่งเรืองในอดีต บอกเร่อื งราวชีวิต ความคิด ความเช่อื และความเป็นไปต่าง ๆ นานาของคนในสงั คม จนมผี ้กู ล่าววา่ “ถ้าอยากรูว้ ่าคนชาติใดมีนิสัยอย่างไร ให้ศกึ ษาวรรณคดขี องคนในชาตินัน้ กจ็ ะเข้าใจคนชาตินน้ั อย่างถอ่ งแท้” วรรณคดีแบ่งเป็น ๓ กลุม่ ดังนี้ ๑. วรรณคดมี รดก เช่น เรือ่ งขนุ ช้างขนุ แผน พระอภัยมณี ราชาธิราช ๒. วรรณคดที ้องถ่ิน เช่น เรอ่ื งตากะยาย นิทานเกาะหนเู กาะแมว ๓. วรรณกรรมเบด็ เตล็ด เช่น นทิ านอีสป เพลงกล่อมเดก็ เพลงร้องเล่น ในระดับประถมศกึ ษา กาหนดให้เรียนวรรณคดแี ละวรรณกรรม ได้แก่ บทดอกสร้อยสภุ าษติ เพลง กลอ่ มเด็ก บทรอ้ งเล่นของเด็ก นิทานอสี ป นทิ านชาดก นทิ านสาหรบั เดก็ การเขยี นสรปุ เร่ือง การเขยี นสรปุ เร่ือง หรือสรปุ ความ เปน็ การสรปุ แนวคดิ หลกั หรือประเด็นสาคญั ของเร่ือง จากการฟัง หรือการอา่ น แล้วถา่ ยทอดให้ผอู้ ื่นเข้าใจ จึงต้องเก็บสาคญั ของเร่ือง แล้วนามาเขยี นใหมเ่ พอื่ ให้งา่ ยในการเขา้ ใจ เทคนิคการสรุปความ เนอื้ หาและงานเขียนแต่ละประเภทมีวิธีการที่แตกต่างกันไปในรายละเอยี ดปลีกย่อยแต่หลักการและ ข้นั ตอนในภาพรวมมีความคล้ายคลึงกัน ดังน้ี 1. อ่านหรือฟังเรื่องราวให้เข้าใจทั้งหมดอย่างน้อย ๒ เที่ยว เพ่ือให้เข้าใจวา่ เรือ่ งที่อ่านเกี่ยวของกับ “ใคร อะไร ที่ไหน เมือ่ ไหร่ อย่างไร ผลเป็นอยา่ งไร” 2. พิจารณาประเภทของสาร/ประเภทของงานเขยี น 3. พิจารณาวัตถุประสงค์ของเรอ่ื ง/งานเขียน เพอื่ สร้างกรอบประเด็นเนือ้ หา 4. ค้นหาประเด็นเรือ่ งจากชื่อเร่อื ง หรือจากย่อหน้า 5. คน้ หาหัวข้อย่อยจากแตล่ ะยอ่ หน้า 6. คน้ หาใจความสาคญั ตามหัวข้อยอ่ ยให้ถกู ต้องและครบถว้ น 7. หากใจความสาคญั ยังไมช่ ดั เจน อาจจาเปน็ ตอ้ งสรปุ ประเดน็ จากเน้อื เร่ืองย่อย 8. จดั เรียงประเดน็ ความคิด และลาดับเรอ่ื งราว ด้วยภาษาของตนเอง 9. เรยี บเรียงเขียนด้วยเป็นภาษาเขยี น ใชค้ าทีส่ น้ั เขา้ ใจงา่ ย และได้ใจความ ไม่ควรใชค้ าย่อ 10. อ่านทบทวนและขดั เกลาภาษาใหส้ ละสลวย

916 คมู่ อื ครูและแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.๕) ตัวอย่างท่ี ๑ หลงั ฤดูเก็บเกี่ยว เกษตรกรมักปลูกพืชอายุสน้ั และทนแล้ง พืชท่ีเหมาะสมได้แก่ ถ่ัวเขียว ถ้าปลูก ถัว่ เขยี วโดยวธิ หี วา่ นจะมปี ญั หามาก เพราะมหี ญา้ ขึน้ แข่งกบั ตน้ ถว่ั เขียว จึงยากต่อการกาจัดต้นหญ้า ทาให้ ไดผ้ ลผลติ ต่า วธิ กี ารสรปุ ความ ใคร - เกษตรกร ทาอะไร - ปลกู ถัว่ เขยี ว เมอ่ื ไร - หลังฤดเู ก็บเกีย่ ว อยา่ งไร - ใชว้ ธิ ีหวา่ น ผลเป็นอยา่ งไร - หญ้าข้ึนแข่ง ไดผ้ ลผลติ ต่า สรปุ ความไดว้ ่า เกษตรกรปลูกถ่วั เขยี ว หลงั ฤดูเกบ็ เก่ยี ว ถา้ ใช้วิธีหว่านทาใหห้ ญ้าข้นึ แข่ง ได้ผลผลติ ตา่ ตัวอย่างท่ี ๒ นทิ านเรอ่ื ง ปูอวดเก่ง คร้ังหน่ึงที่บึงแห่งหนึ่งมีปูตัวหนึ่งอาศัยอยู่ในรู อยู่มาวันหนึ่งมีช้างป่าเดินผ่านมา ปูรู้สึกว่าแผ่นดิน สะเทอื นจึงออกมาจากรู บังเอิญชา้ งเหยยี บลงไปในรูปูซ่ึงเป็นดนิ เหลว ปูจึงจมลงไปในดิน เมื่อช้างถอนเท้า ออกจากดิน ปูก็วง่ิ ไปหาช้างและพูดว่า “หยุดก่อน” ชา้ งได้ยินจึงหยุดและหันมาดปู ู เหน็ ปูเอาก้ามชูขึ้น จึง ถามวา่ “เจ้ามีธุระอะไรกบั ข้าหรอื ” ปูตอบว่า “ท่านบังอาจเหยียบเราจมดิน” ช้างจึงตอบวา่ “เราไม่บังอาจ เหยยี บเจ้าหรอก เราไมเ่ หน็ จรงิ ๆ เราขอโทษดว้ ย” ปไู ด้ยินชา้ งพูดเช่นนนั้ ก็ยงิ่ โกรธเปน็ กาลัง ตรงเข้าใชก้ า้ ม หนีบขาชา้ ง ช้างจึงยกขาสลดั ปอู อกไป ปูกระเดน็ ไปกระทบหนิ กระดองแตกตาย นิทานเร่ืองนช้ี ้ีให้เหน็ ว่า ความโกรธมโี ทษมาก อาจเป็นอันตรายต่อตวั เองได้ วธิ ีสรปุ การสรุปความ ใคร - ปู ทาอะไร - โกรธช้าง ทไี่ หน - บงึ เม่ือไร - ช้างเหยียบรู อยา่ งไร - ปูใช้กา้ มหนบี ขาช้าง ผลเปน็ อย่างไร - ช้างสลดั ปูไปกระทบกอ้ นหินตาย สรปุ ความได้ว่า ท่บี ึงปูโกรธช้างที่เหยยี บรู จงึ ใชก้ า้ มหนีบขาช้าง ชา้ งสลัดปูไปกระทบกอ้ นหินตาย

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๖ เร่อื ง นิทานอ่านสนกุ 917 ข้อเสนอแนะ เรอื่ งวรรณคดแี ละวรรณกรรมท่นี กั เรยี นชั้นประถมศกึ ษาปีที่ ๕ ควรอ่าน ไดแ้ ก่ วรรณคดีและวรรณกรรมเรอื่ ง ๑. สงั ขท์ อง ตอน กาเนดิ พระสงั ข์ ๒. กระเชา้ สดี า ๓. มะกะโท พ่อคา้ จากเมอื งเมาะตะมะ ๔. วรรณกรรมเรอื่ ง มา้ กา้ นกล้วย ๕. วรรณกรรมเร่ือง ความสขุ ของกะทิ ๖. นทิ านวรรณคดเี รอื่ ง แกว้ หน้ามา้ ไกรทอง โคบุตร หลวชิ ัยคาวี เป็นตน้

918 คมู่ ือครแู ละแผนการจัดการเรียนรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) ใบงานที่ 4 เรอ่ื ง การสรปุ เรือ่ งจากวรรณคดแี ละวรรณกรรมทอ่ี ่าน หน่วยการเรียนร้ทู ี่ 6 เรอื่ ง นทิ านอ่านสนกุ แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 4 เร่อื ง การสรุปเรือ่ งจากวรรณคดีและวรรณกรรมทอี่ ่าน รายวิชา ภาษาไทย รหัสวชิ า ท๑๕๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี ๕ คาช้แี จง ใหน้ ักเรียนสรปุ เรื่องจากวรรณคดีหรอื วรรณกรรมทีเ่ ลือกอ่าน ๑ เรื่อง เร่อื ง.............................................................................................. สรุปเรอ่ื ง วาดภาพประกอบเรื่อง ขอ้ คดิ ท่ีได้จากเรอื่ ง การนาข้อคดิ ไปใช้ในชีวิตประจาวัน ช่ือ....................................................นามสกลุ ..............................................ชั้น.................เลขท.่ี ..............

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๖ เรื่อง นิทานอ่านสนกุ 919 แนวคาตอบใบงานท่ี 4 เรือ่ ง การสรปุ เรื่องจากวรรณคดแี ละวรรณกรรมทอ่ี า่ น หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี 6 เรอื่ ง นิทานอา่ นสนกุ แผนการจัดการเรียนรู้ที่ 4 เร่อื ง การสรุปเรือ่ งจากวรรณคดแี ละวรรณกรรมท่ีอา่ น รายวชิ า ภาษาไทย รหัสวชิ า ท๑๕๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๕ คาชี้แจง ใหน้ ักเรยี นสรปุ เรอ่ื งจากวรรณคดหี รือวรรณกรรมทเี่ ลือกอ่าน ๑ เร่ือง เรื่อง สังข์ทอง ตอน กาเนดิ พระสังข์ สรุปเรือ่ ง วาดภาพประกอบเรอ่ื ง วรรณคดีเรื่อง สังข์ทอง ตอน กาเนิด พระสังข์ เป็นเร่ืองราวที่กล่าวถึงการ ผจญภัยของพระสังข์ ที่ซ่อนตัวอยู่ใน หอยสังข์ ตอนโตต้องซ่อนตัวอยู่ในรูป เงาะ ในวัยเด็กมีความลาบาก ต้องฟันฝ่า อุปสรรคต่าง ๆ ในที่สุดได้พบกับบิดา และมารดา ขอ้ คดิ ทไ่ี ดจ้ ากเรอื่ ง การนาข้อคดิ ไปใช้ในชวี ิตประจาวนั 1. ความรักของแม่ที่มีต่อลูก เป็นความ 1. เป็นคนดี กตญั ญรู คู้ ุณตอ่ บิดามารดา รักท่ีบริสุทธิ์ ยากแท้หาส่ิงใดมาเปรียบ 2. เคารพผูท้ ่อี าวโุ สกว่า พระคุณของแมน่ ้ันมคี ่ามากกว่าสง่ิ ใด ดัง 3. ต่อสกู้ ับปญั หาต่าง ๆ ด้วยปัญญาและสติ จะเห็นได้จากความรักของพระมารดาท่ี 4. ช่วยเหลืองานการตา่ ง ๆ ของครอบครวั มตี อ่ สงั ข์ทอง 5. เปน็ คนซ่ือสัตย์ มวี ินัยในการดาเนินชวี ติ 2. ความดีสามารถเอาชนะทุกสิ่ง 3. สอนใหต้ ่อสูก้ บั ปัญหาและอปุ สรรค

๙๒๐ ค่มู อื ครแู ละแผนการจัดการเรียนรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.๕) แผนการจัดการเรยี นรูท้ ี่ 5 เรือ่ ง การเขยี นย่อความจากเรอ่ื งทอี่ า่ น (1) หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ 6 เรื่อง นทิ านอ่านสนกุ เวลา 1 ช่ัวโมง กลมุ่ สาระการเรียนรู้ภาษาไทย รายวิชา ภาษาไทย ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ 5 1. มาตรฐานการเรยี นรู้/ตวั ช้วี ดั สาระท่ี 2 การเขยี น มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี นเขยี นสอ่ื สาร เขยี นเรียงความ ยอ่ ความ และเขยี นเรื่องราวในรปู แบบ ตา่ ง ๆ เขียนรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นควา้ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ตัวชีว้ ดั ป.๕/๔ เขยี นยอ่ ความจากเร่ืองทีอ่ า่ น ป.๕/๙ มีมารยาทในการเขยี น ๒. สาระสาคัญ/ความคดิ รวบยอด การเขียนย่อความเป็นการนาใจความสาคญั ของเรอ่ื งมาสรปุ ใหม่ โดยใชส้ านวนของผู้เขียน ใหม้ ีความส้นั กระชับ และเข้าใจง่าย เขียนให้ถูกต้องตามรูปแบบของการย่อความ และมีสาระสาคัญของเร่ืองไว้อย่าง สมบูรณ์ครบถว้ น ๓. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ 3.1 ดา้ นความรู้ ความเข้าใจ (K) บอกหลกั การเขยี นยอ่ ความได้ 3.2 ดา้ นทักษะ/กระบวนการ (P) สรุปหลกั การเขียนยอ่ ความได้ 3.3 ด้านคณุ ลกั ษณะ เจตคติ คา่ นยิ ม (A) มีมารยาทในการเขียน ๔. สาระการเรยี นรู้ หลักการเขยี นย่อความ ๕. สมรรถนะสาคัญของผเู้ รยี น 51 ความสามารถในการสอื่ สาร 5.2 ความสามารถในการคดิ ๖. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 6.1 ใฝเ่ รยี นรู้ 6.2 มงุ่ มนั่ ในการทางาน 7. กจิ กรรมการเรยี นรู้

หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ ๖ เรอ่ื ง นิทานอา่ นสนกุ การจัดกิจกรรมการเรียน รายวิชา ภาษาไทย หนว่ ยการเรยี นรูท้ ่ี 6 เ แผนการจดั การเรยี นรู้ที่ 5 เร่ือง การเขียนย่อค ลาดับ ขอบเขตเนอ้ื หา/ ขั้นตอนการจัด เวลา แ ที่ จุดประสงค์การเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ที่ใช้ กิจกรรมครู 1 ขอบเขตเนอ้ื หา ขน้ั นา 5 1. ครใู หน้ กั เรยี นอา่ นขอ้ ค - หลักการเขียนย่อ นาที พาดหวั ข่าว 1 เร่ือง ประม บรรทดั แลว้ ครูต้ังคาถาม ความ ครู : ข้อความทน่ี ักเรียนอ ขา่ วอะไร ครู : ผู้เขียนขา่ วมีจุดประส ครู : ขอ้ ความพาดหวั ใชค้ า กล่าวถงึ เรื่องใด ครู : ถา้ นกั เรยี นตอ้ งเลา่ ข เพื่อน ๆ ฟังโดยไมต่ อ้ งอ่าน ทงั้ หมด นักเรยี นจะมวี ธิ กี า อยา่ งไร 2. ครูแสดงความคดิ เหน็ ส แล้วเช่ือมโยงเขา้ สเู่ นื้อหาใ บทเรียน

๙๒๑ นรู้ ชน้ั ประถมศึกษาปที ี่ 5 เรือ่ ง นิทานอา่ นสนกุ จานวน 10 ชั่วโมง ความจากเรอื่ งทอ่ี า่ น (1) จานวน 1 ชว่ั โมง แนวการจัดการเรยี นรู้ สอ่ื การเรียนรู้ การประเมิน การเรียนรู้ กิจกรรมนักเรียน ความ 1. นกั เรยี นอา่ นขอ้ ความทเี่ ปน็ - หัวขา่ ว มาณ 5 ส่วนพาดหัวข่าว 1 เร่ือง แลว้ ตอบ ดังนี้ ถามคาถาม ดงั น้ี อ่านเปน็ นักเรียน : ตอบคาถามเกยี่ วกับ - คาถาม - สังเกต การอ่านขอ้ ความพาดหวั ขอ้ การตอบคาถาม ของนกั เรียน สงคใ์ ด าวา่ อะไร ข่าวให้ น ารเลา่ สรุปท้าย 2. นกั เรียนแสดงความคดิ เห็น ใน ร่วมกัน แล้วเข้าสเู่ นอื้ หาใน บทเรียน

๙๒๒ ค่มู อื ลาดับ ขอบเขตเน้ือหา/ ข้นั ตอนการจดั เวลา แ ท่ี จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ทใ่ี ช้ กจิ กรรมครู 2. ขน้ั สอน 25 1. ครูอธบิ ายความรู้ ดงั น นาที การย่อความและหลักการ ความ จากการอ่านนิทาน สารคดี เนือ้ หาในบทเรียน บทความ ดังน้ี - หลักการเขียนยอ่ ความ - รูปแบบการเขียนย่อควา - ตัวอยา่ งการเขียนยอ่ ควา - ความสาคญั /ประโยชน์ข การเขียนย่อความ จุดประสงค์ 2. จากน้ันครูตง้ั คาถามเก การสรปุ หลกั การเขียนยอ่ การเรียนรู้ ดังน้ี ครู : นกั เรยี นจะมหี ลกั กา 1. บอกหลักการ ความอย่างไร เขียนย่อความได้

อครูและแผนการจัดการเรยี นรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.๕) แนวการจดั การเรียนรู้ สื่อการเรยี นรู้ การประเมนิ การเรยี นรู้ กิจกรรมนกั เรียน - สังเกตการ ตอบคาถามของ น้ี 1. นักเรียนตอบคาถามและ - คาถามสอ่ื นักเรยี น รเขียนยอ่ สนทนาเกีย่ วกับการเขยี นยอ่ ความ PPT เรอื่ ง น เรอ่ื งส้ัน หลกั การเขยี น น หรอื ย่อความ าม าม ของ กีย่ วกับ 2. นักเรียนจับคสู่ นทนาหา - ใบความรูท้ ่ี 1. ประเมนิ อความ คาตอบและชว่ ยกนั อธิบาย 5 เรื่อง หลกั การ การตอบคาถาม หลักการย่อความจากใบความรทู้ ี่ เขียนยอ่ ความ ารย่อ 5 โดยส่งตวั แทนออกมาพูดหน้า ช้นั เรยี น นกั เรียน : หลักการเขยี นย่อความ - สอ่ื PPT เรอ่ื ง ดงั น้ี หลกั การเขียน - อ่านเนือ้ เรอื่ งเพอ่ื ให้รวู้ า่ “อะไร ย่อความ ใครทาอะไร กบั ใคร ที่ ไหน เมื่อไร และ ผลเปน็ อย่างไร”

หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๖ เร่อื ง นิทานอา่ นสนกุ แ กิจกรรมครู ลาดับ ขอบเขตเนือ้ หา/ ขน้ั ตอนการจัด เวลา ที่ จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ท่ีใช้ 3. ครใู ห้นกั เรยี นพูดสรปุ ห เขยี นยอ่ ความจากการจบั สนทนาหาคาตอบ

๙๒๓ แนวการจัดการเรียนรู้ ส่ือการเรียนรู้ การประเมนิ การเรยี นรู้ กจิ กรรมนกั เรยี น - แยกเนอ้ื หาท่ีเป็นข้อเท็จจรงิ ขอ้ คิดเหน็ หรอื แสดงอารมณ์ - บนั ทึกใจความสาคัญเปน็ ถ้อยคาตนเอง - ตัดเนอ้ื หาทไี่ มจ่ าเปน็ ออก เช่น การยกตัวอย่าง รายละเอียด - ถา้ มเี นือ้ หาเกี่ยวกบั คาพดู ต้อง เปลย่ี นสรรพนามบรุ ุษท่ี ๑ และ ๒ เปน็ สรรพนามบุรษุ ที่ ๓ - ไมใ่ ชอ้ กั ษรย่อในการเขยี นคา ราชาศพั ท์ - เมือ่ เขียนยกรา่ งย่อความแลว้ ควรอา่ นอีกคร้งั หน่ึงและแก้ไขให้ สมบรู ณ์ - เขยี นขน้ึ ต้นตามรูปแบบของยอ่ ความกอ่ น เพือ่ ใหร้ ้ทู ม่ี าของเรอ่ื งที่ นามายอ่ แลว้ จงึ เขียนย่อความให้ สมบรู ณ์ หลักการ 3. นักเรยี นพูดสรปุ หลักการเขียน - กระดาษ บคู่ ย่อความจากการจับคสู่ นทนาหา คาตอบ

๙๒๔ คมู่ ือ ลาดบั ขอบเขตเนือ้ หา/ ขนั้ ตอนการจัด เวลา แ ท่ี จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ การเรยี นรู้ ทใี่ ช้ กิจกรรมครู 3. 2. เขียนสรปุ ขน้ั ปฏบิ ตั ิ 15 4. ครชู ้ีแจงการทากจิ กรร หลักการเขียน นาที กาหนดใหน้ ักเรยี นทาใบงา การสรุปหลักการเขียนย่อ ยอ่ ความได้ 3. มมี ารยาทใน (ครูขน้ึ กิจกรรมในจอ PPT การเขยี น นกั เรียนทาใบงานที่ 5 กา หลักการยอ่ ความ) 5. - ครสู รุปการทากจิ กรร - ประเมนิ การทางาน 4. ขน้ั สรุป 5 1. ครกู าหนดใหน้ กั เรียนช นาที สรปุ ความร้เู รือ่ ง หลกั การ 2. ครูมอบหมายใหก้ ลบั ไป ทบทวนหลกั การเขยี นยอ่ ค จาขึน้ ใจ เพราะชัว่ โมงต่อไปจะปฏิบ การเขยี นยอ่ ความจากเรอ่ื 3. ครูใหน้ ักเรียนไปเลอื กเ ตอ้ งการอ่านและเขยี นย่อ จากเร่อื งนัน้ คนละ 1-4 เร

อครูและแผนการจัดการเรียนรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) แนวการจัดการเรียนรู้ ส่อื การเรียนรู้ การประเมนิ กจิ กรรมนักเรยี น การเรียนรู้ รมและ 4. นักเรียนทากจิ กรรมในใบงานท่ี - ใบงานที่ 5 2. ตรวจใบงาน 3. สงั เกต านที่ 5 5 การสรุปหลกั การเขียนยอ่ ความ การสรปุ การตอบคาถาม ของนกั เรียน อความ หลักการเขยี น ยอ่ ความ T ว่า : (นักเรยี นท้งั ต้นทาง/ปลายทาง ทา ารสรุป ใบงานที่ 5 การสรปุ หลักการยอ่ ความ) รม 5. - นกั เรยี นสรปุ การทากจิ กรรม - ประเมนิ การทางาน ชว่ ยกนั 1. นักเรยี นทัง้ หอ้ งชว่ ยกนั สรปุ - ส่ือ PPT รยอ่ ความ ความรู้ เรอ่ื ง หลกั การย่อความ หลักการเขียน ป 2. นักเรียนกลบั บา้ นไปทบทวน ยอ่ ความ ความให้ หลกั การเขียนย่อความ บตั ิ องท่ีอ่าน เรือ่ งที่ อความ ร่ือง

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๖ เร่ือง นิทานอ่านสนกุ 925 8. สอ่ื การเรียนร/ู้ แหลง่ เรยี นรู้ 1. ใบความรู้ที่ 5 เร่อื ง การเขียนย่อความจากเร่อื งท่ีอา่ น 2. ใบงานท่ี 5 เร่ือง การสรปุ หลกั การเขียนย่อความ 3. สื่อ PPT เรอ่ื ง การเขยี นย่อความจากเรือ่ งทอี่ ่าน 4. พาดหัวขา่ ว 9. การประเมนิ ผลรวบยอด ชิ้นงานหรอื ภาระงาน - ใบงานที่ 5 เรอ่ื ง การสรุปหลกั การเขียนย่อความ ส่งิ ทตี่ อ้ งการวดั / ประเมิน วธิ กี าร เคร่ืองมือทใี่ ช้ เกณฑ์ ดา้ นความรู้ ความเข้าใจ (K) ร้อยละ ๖๐ - บอกหลกั การเขียนยอ่ ความ - พจิ ารณาจากการตอบ - คาถาม ข้ึนไป คาถามของนักเรยี น ดา้ นทักษะและกระบวนการ (P) - สรปุ หลกั การเขียนย่อความ - ตรวจใบงานที่ 5 เรอื่ ง - แบบประเมินการสรุป ร้อยละ ๖๐ การสรุปหลักการเขียน หลักการเขยี นยอ่ ความ ข้นึ ไป ยอ่ ความ ด้านคุณลักษณะ เจตคติ คา่ นิยม (A) - มมี ารยาทในการเขยี น - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ร้อยละ ๖๐ นกั เรยี น ขึน้ ไป ด้านคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ 1. ใฝเ่ รียนรู้ - สังเกตพฤติกรรม - แบบประเมนิ คุณลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ 2. มุ่งม่นั ในการทางาน นักเรียน อันพึงประสงค์ ผา่ น สมรรถนะสาคญั ของผเู้ รียน - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบประเมินสมรรถนะ ระดับคุณภาพ 1. ความสามารถในการส่อื สาร นกั เรยี น สาคัญของผ้เู รียน ผา่ น 2. ความสามารถในการคิด

926 คู่มือครแู ละแผนการจัดการเรยี นรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) เกณฑป์ ระเมนิ : การทาใบงานที่ 5 เรอ่ื ง การสรปุ หลกั การเขียนยอ่ ความ ประเด็น ระดบั คุณภาพ การประเมนิ ๔ (ดีมาก) ๓ (ดี) ๒ (พอใช้) ๑ (ปรับปรงุ ) 1. ความถกู ตอ้ ง สรุปความรู้ สรปุ ความร้เู ก่ยี วกับ สรปุ ความรเู้ กย่ี วกับ สรปุ ความรู้ เกย่ี วกบั รูปแบบ รูปแบบการยอ่ รูปแบบการย่อ เกยี่ วกบั รูปแบบ การย่อความได้ ความไดถ้ ูกตอ้ งเปน็ ความไดถ้ กู ต้องเป็น การย่อความได้ ถกู ต้องทง้ั หมด ส่วนใหญ่ บางส่วน เพยี งเลก็ นอ้ ย ลาดบั ความคดิ ได้ ลาดบั ความคิดได้ ลาดบั ความคิดไม่ 2. การลาดบั ลาดบั ความคิดตาม ถูกตอ้ ง 3 ขัน้ ตอน ถกู ตอ้ งเพียง 2 ถกู ต้องตาม ความคิดใน หลักการเขยี นยอ่ ข้นั ตอน หลักการเขียนย่อ การสรปุ หลักการ ความไดค้ รบทกุ ความ เขยี นย่อความ ขน้ั ตอน 3. สรปุ ความรูไ้ ด้ สรปุ ความรไู้ ด้เขา้ ใจ สรปุ ความรู้ไดเ้ ข้าใจ สรปุ ความรู้ไดเ้ ขา้ ใจ สรปุ ความร้ไู ม่ เข้าใจ ชัดเจน ชัดเจน ครบถว้ น ครบถ้วนตาม แต่ยงั ไม่ชดั เจน เข้าใจและไม่ ตามหลกั การยอ่ หลักการย่อความ ครบถว้ นเท่าท่คี วร ชดั เจน ความ หมายเหตุ : คา่ นา้ หนักขอ้ ละ ๕ คะแนน (คะแนนรวม 60 คะแนน หาร 3 จะได้ 20 คะแนน) เกณฑก์ ารประเมินคุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ ๑8-๒๐ ดีมาก 15-๑7 ดี ๑2-๑4 พอใช้ ตา่ กวา่ 12 ปรับปรงุ เกณฑ์การตัดสิน : ผ่านเกณฑก์ ารประเมนิ ร้อยละ ๖๐ ขึน้ ไป (ตอ้ งไดร้ ะดับพอใชข้ ึน้ ไป)

หน่วยการเรียนรทู้ ่ี ๖ เรือ่ ง นิทานอ่านสนกุ 927 แบบประเมินการทาใบงานท่ี 5 เรอื่ ง การสรปุ หลกั การเขยี นยอ่ ความ คาชีแ้ จง ให้ครูผูส้ อนประเมนิ ผลการทากจิ กรรม/ใบงาน โดยเขยี นคะแนน ลงในช่องท่ีกาหนดใหถ้ กู ตอ้ ง ลาดบั ชือ่ - สกลุ คะแนน คิดเป็น สรปุ ผล ที่ ที่ได้ ร้อยละ การประเมิน ๒๐ คะแนน ๑๐๐ ผ่าน ไมผ่ ่าน ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ดมี าก ดี พอใช้ ปรับปรงุ รวม (คน) คิดเป็นร้อยละ ผลการประเมิน  ดีมาก ..........คน คิดเป็นร้อยละ...............  ดี ..........คน คดิ เป็นรอ้ ยละ................  พอใช้ ..........คน คิดเป็นร้อยละ...............  ปรับปรงุ .........คน คดิ เป็นรอ้ ยละ............... สรุปผลการประเมินรายชนั้ เรยี น  นักเรยี นผา่ นเกณฑก์ ารประเมิน จานวน......................... คน คดิ เป็นร้อยละ.........................  นกั เรยี นไม่ผา่ นเกณฑก์ ารประเมิน จานวน......................... คน คิดเป็นร้อยละ........................ . ลงช่ือ.................................................ผปู้ ระเมนิ (..............................................) ........../..................../..........

928 คูม่ อื ครูและแผนการจัดการเรียนรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) 10. บันทกึ ผลหลังสอน ผลการจัดการเรียนการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ความสาเร็จ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ปญั หาและอุปสรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ขอ้ จากดั การใช้แผนการจัดการเรียนรู้ และขอ้ เสนอแนะ/แนวทางการปรับปรงุ แก้ไข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ......................................................ผสู้ อน (..........................................................) วนั ท่ี .......... เดอื น ..................... พ.ศ. ............. 11. ความคดิ เหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารหรือผทู้ ่ีไดร้ ับมอบหมาย .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่อื ...................................................... ผู้ตรวจ (..........................................................) วนั ท่ี .......... เดือน ..................... พ.ศ. .............

หน่วยการเรียนรู้ท่ี ๖ เรอื่ ง นิทานอา่ นสนกุ 929 ใบความรทู้ ่ี 5 เรอื่ ง การยอ่ ความเรอื่ งท่ีอ่าน หน่วยการเรียนร้ทู ่ี 6 เรือ่ ง นิทานอา่ นสนุก แผนการจัดการเรียนร้ทู ี่ 5 เรื่อง การยอ่ ความเร่ืองทอี่ า่ น รายวชิ า ภาษาไทย รหสั วิชา ท๑๕๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชน้ั ประถมศึกษาปีท่ี ๕ การเขยี นย่อความ เป็นการเขยี นจากการอา่ นเก็บใจความสาคญั เรอื่ งใดเรื่องหน่ึง แลว้ นามาเรียบเรยี งใหม่เป็น ถ้อยคาสานวนของผู้เขยี นเอง และเขียนให้ถูกต้องตามรปู แบบของยอ่ ความ การเขียนย่อความที่ดี ผู้เขียนจะต้องอ่านเรื่องให้เข้าใจ ควรอ่านเรื่องโดยละเอียด และ ทาความเข้าใจเรอ่ื งนน้ั ๆ แล้วนามาเรยี บเรยี งใหม่เปน็ ถอ้ ยคาทส่ี ละสลวย หลักการเขยี นย่อความ ๑. อ่านเนื้อเรอื่ งท่จี ะย่อให้ตลอดโดยละเอยี ดอย่างน้อย ๒ คร้ัง ครั้งแรกอ่านสารวจอย่าง คร่าว ๆ อ่านเร็ว ๆ เพื่อให้ร้วู ่าเรือ่ งน้ันกลา่ วถึง “ใคร ทาอะไร กับใคร ท่ีไหน อย่างไร เม่อื ไร และ ผลเป็นอย่างไร” จากนน้ั จงึ อา่ นอยา่ งละเอียดอีกครง้ั เพอื่ หาใจความสาคญั ของเรอ่ื ง ๒. แยกว่า เน้ือหาท่ีนาเสนอเป็นงานเขียนแบบใด ข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น หรือแสดง อารมณ์ ๓. บันทกึ ใจความสาคญั เปน็ ถอ้ ยคาของผู้เขียนยอ่ ความ ใช้คาสัน้ ทส่ี ุดและเขา้ ใจงา่ ย ๔. ตัดเนอ้ื หาทีไ่ ม่จาเป็นออก เชน่ การยกตัวอยา่ ง รายละเอยี ด สว่ นผสม การเปรียบเทยี บ ๕. ถ้ามีเน้ือหาเก่ยี วกับคาพดู ต้องเปล่ียนสรรพนามบุรุษที่ ๑ และ ๒ เปน็ สรรพนามบุรุษ ท่ี ๓ ๖. ไม่ใช้อักษรย่อ หากมคี าราชาศพั ท์ต้องเขยี นใหถ้ กู ต้อง ๗. การเลอื กใช้คา - ใช้คาทคี่ รอบคลมุ เชน่ ชาวสวน ชาวนา ชาวไร่ ใหใ้ ชค้ าวา่ เกษตรกร แทน - คาบางคาที่ต้องแปลความหมายควรเปลี่ยนเป็นคาท่ีอ่านง่าย เช่น มวล บปุ ผาชาตสิ ุมาลสี ง่ กลิ่นขจรอบอวล ในไพรสณฑ์ ควรเขียนใหม่วา่ เหลา่ ดอกไม้ในป่าสง่ กลนิ่ หอม ๘. เม่ือเขยี นรา่ งย่อความแลว้ ควรอา่ นอีกครั้งหนึ่งและแก้ไขให้สมบูรณ์ โดยตัดข้อความที่ ซา้ ซ้อนออก เพื่อใหเ้ นือ้ หากระชับ รดั กุมและเขยี นข้อความให้สัมพันธ์กันตัง้ แตต่ น้ จนจบ ๙. เขียนขึ้นต้นตามรูปแบบของย่อความก่อน เพ่ือให้รู้ที่มาของเร่ืองท่ีนามาย่อ แล้วจึง เขยี นย่อความใหส้ มบรู ณ์

930 คู่มอื ครแู ละแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรียนที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) รปู แบบของยอ่ ความ ยอ่ เรอ่ื ง.....................................................ผู้แตง่ ................................................................... จากหนงั สอื ..........................................................................ความวา่ (เนอ้ื เรอ่ื งทีย่ ่อ)...................................................................................................................... รูปแบบขึน้ ยอ่ ความ ๑. ย่อความเรยี งรอ้ ยแกว้ ธรรมดาข้นึ ต้นดงั นี้ ยอ่ เร่ือง.............................ของ (ช่ือผแู้ ตง่ )......................จากหนังสือ ..................................หน้า............ ความว่า…………………..… ๒. ย่อจดหมาย ขึ้นต้นดังนี้ จดหมายของ.............................ถึง...........................ลงวันท.่ี ...........เดือน .....................พ.ศ. .............. ความวา่ .......................... ๓. ย่อคาประกาศ แถลงการณ์ คาสั่ง ระเบียบ ขน้ึ ต้นดังนี้ คาประกาศของ.......................................แก่..................................ลงวันท่ี ........................................ ความวา่ ............................ ๔. ยอ่ คาปราศรัย สุนทรพจน์ พระราชดารสั ขน้ึ ต้นดังน้ี คาปราศรยั ของ...................................แก่................................เนอื่ งใน .............................................. ทาง (สถานทสี่ ื่อทก่ี ล่าว).......................................... ณ วันท.่ี ...................................ความว่า ๕. ยอ่ ปาฐกถา คาบรรยาย คาสอน ข้ึนต้นดังน้ี คาบรรยายของ...........................เรื่อง.................................................แก.่ ..................ที่ .................... ณ..........................วันท.ี่ ......................เวลา..............................................ความวา่ ............... ๖. ยอ่ คาประพนั ธ์ ข้ึนต้นดังนี้ คาประพันธป์ ระเภท.......................เร่ือง.....................ของ ................................... ตอน..................... ความว่า................................

หนว่ ยการเรยี นรู้ท่ี ๖ เรอ่ื ง นทิ านอ่านสนกุ 931 ใบงานที่ 5 เร่อื ง การสรุปหลกั การเขียนยอ่ ความ หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 6 เร่ือง นทิ านอ่านสนกุ แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 5 เรอื่ ง การย่อความเรื่องทอ่ี ่าน รายวชิ า ภาษาไทย รหสั วิชา ท๑๕๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชนั้ ประถมศึกษาปีที่ ๕ คาชแ้ี จง ให้นักเรียนสรุปความรู้เกี่ยวกับการเขียนย่อความ เพือ่ ใช้เป็นแนวทางในการเขยี นย่อความลาดับ ต่อไป การเขียนยอ่ ความ ชื่อ....................................................นามสกลุ ...............................................ช้ัน.................เลขท.ี่ ..............

932 คมู่ ือครูและแผนการจัดการเรยี นรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรียนท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.๕) แนวคาตอบใบงานท่ี 5 เรื่อง การสรปุ หลกั การเขยี นยอ่ ความ ชอื่ .............................แ..ผ..น...ก..า.ห.ร..นจ..่วัด..ยก...กา..รา..เรนรเยีรายีมนนสรทู้รกู้ท.่ีุล.5.่ี...6....เ..ร..เ..ื่อร....ื่อง....ง...ก..นา..ร.ทิ .ย.า..อ่ น..ค.อ.ว.า่.า.น.ม..ส.เ.นร..่อืุก..ง..ท...่อี ..่า..น.....ชนั้ .................เลขที่ รายวิชา ภาษาไทย รหัสวิชา ท๑๕๑๐๑ ภาคเรยี นท่ี ๑ ช้ันประถมศึกษาปีท่ี ๕ คาชแ้ี จง ให้นักเรียนสรุปความรู้เกี่ยวกับการเขียนยอ่ ความ เพือ่ ใช้เป็นแนวทางในการเขียนยอ่ ความลาดับ ต่อไป อ่านเนอื้ เรื่องท้งั หมดโดยละเอียด ตัดเนื้อหาท่ีไมจ่ าเปน็ ออก เชน่ อย่างน้อย ๒ รอบ เพื่อทาความ การยกตัวอย่าง รายละเอียด เข้าใจเน้อื หาวา่ ใครทาอะไร ทีไ่ หน ส่วนผสม ถ้ามีเนอื้ หาเกยี่ วกบั คาพูด เมื่อไร อย่างไร ผลเปน็ อยา่ งไร และ ตอ้ งเปลยี่ นสรรพนามบุรุษท่ี ๑ และ วิเคราะห์ข้อเทจ็ จริง ข้อคิดเหน็ ๒ กลายเป็นสรรพนามบรุ ุษท่ี ๓ การเขียนยอ่ ความ คาบางคาท่ีต้องแปลความหมาย ใชค้ าที่ครอบคลุม เช่น ชาวสวน ไม่ควรยอ่ ความเป็นอกั ษรยอ่ ควรเปลีย่ นเปน็ คาท่อี า่ นง่าย ชาวนา ให้ใช้คาว่า เกษตรกร แทน ยกเว้นคาทเ่ี ขา้ ใจดี เชน่ พ.ศ. เชน่ “มวลบุปผาชาติสุมาลสี ง่ กลน่ิ ในกรณที เ่ี ป็นคาราชาศัพทก์ ต็ อ้ ง และเดือน เช่น ม.ค. ก.พ. หรือเวลา ขจรอบอวลในไพรสณฑ์” ควรเขยี น เช่น ชม. น. ควรใช้คาส้นั ทสี่ ดุ ใหมว่ า่ “เหลา่ ดอกไมใ้ นป่าส่ง เขยี นให้ถูกตอ้ ง หา้ มยอ่ ความ และเขา้ ใจงา่ ย ชัดเจน ถูกตอ้ ง กลน่ิ หอมไปท่ัว”

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๖ เรอ่ื ง นิทานอ่านสนกุ ๙๓๓ แผนการจดั การเรยี นรู้ท่ี ๖ เรอื่ ง การเขียนยอ่ ความจากเรอ่ื งท่ีอ่าน (2) เวลา 1 ชว่ั โมง หน่วยการเรียนรทู้ ี่ 6 เร่ือง นิทานอา่ นสนกุ กล่มุ สาระการเรยี นรภู้ าษาไทย รายวิชา ภาษาไทย ชัน้ ประถมศึกษาปีท่ี 5 1. มาตรฐานการเรียนรู้/ตวั ช้ีวัด สาระที่ 2 การเขยี น มาตรฐาน ท ๒.๑ ใชก้ ระบวนการเขียนเขยี นส่อื สาร เขียนเรียงความ ย่อความ และเขียนเรื่องราวในรูปแบบ ต่าง ๆ เขยี นรายงานข้อมูลสารสนเทศและรายงานการศึกษาค้นคว้าอย่างมีประสิทธภิ าพ ตัวชี้วัด ป.๕/๔ เขียนยอ่ ความจากเรอื่ งที่อา่ น ป.๕/๙ มีมารยาทในการเขยี น ๒. สาระสาคัญ/ความคิดรวบยอด การเขียนย่อความเป็นการนาใจความสาคัญของเรื่องมาสรุปใหม่ โดยใช้สานวนของผู้เขียนให้มี ความส้นั กระชบั และเข้าใจง่าย เขียนให้ถกู ตอ้ งตามรปู แบบของการยอ่ ความ และมีสาระสาคญั ของเรอ่ื งไว้ อยา่ งสมบรู ณ์ครบถว้ น ๓. จุดประสงคก์ ารเรียนรู้ 3.1 ด้านความรู้ ความเขา้ ใจ (K) บอกหลักการเขยี นย่อความได้ 3.2 ด้านทกั ษะ/กระบวนการ (P) เขยี นยอ่ ความจากเร่ืองทีอ่ ่านได้ 3.3 ดา้ นคณุ ลักษณะ เจตคติ ค่านิยม (A) มีมารยาทในการเขยี น ๔. สาระการเรยี นรู้ - การเขียนย่อความจากเรอื่ งที่อา่ น ๕. สมรรถนะสาคัญของผู้เรยี น 5.1 ความสามารถในการส่อื สาร 5.2 ความสามารถในการคดิ ๖. คณุ ลกั ษณะอันพงึ ประสงค์ 6.1 ใฝ่เรียนรู้ 6.2 มงุ่ มน่ั ในการทางาน 7. กิจกรรมการเรยี นรู้

๙๓๔ คมู่ ลาํ ดบั การจดั กิจกรรมการเรยี น ท่ี รายวชิ า ภาษาไทย หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี 6 เ 1 แผนการจดั การเรยี นรทู้ ่ี 6 เรอื่ ง การเขยี นย่อค ขอบเขตเนือ้ หา/ ข้นั ตอนการจดั เวลา แ จุดประสงคก์ ารเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ท่ใี ช้ กจิ กรรมคร ขอบเขตเนอ้ื หา ขั้นนาํ 5 ๑. ครูนาํ ตวั อยา่ งงานเ - การเขยี นยอ่ ความ นาที ยอ่ ความ ๒ รปู แบบ ม จากเรือ่ งท่อี า่ น นักเรียนพจิ ารณาและใ เพอื่ ทบทวนความรู้ขอ นกั เรียน เช่น ครู : ยอ่ ความทั้ง ๒ แ แตกตา่ งกนั หรือไม่ อย ครู : แบบที่ ๑ คือยอ่ เ แบบที่ ๒ ย่อเรือ่ งอะไ ครู : เมือ่ อ่านยอ่ ความ เข้าใจเรือ่ งราวหรอื ไม 2. ครถู ามความคิดเห นักเรียน ครู : นกั เรียนมขี อ้ เสน ในการเขียนยอ่ ความห อยา่ งไร

ือครแู ละแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) นรู้ ชน้ั ประถมศกึ ษาปที ่ี 5 เรื่อง นทิ านอา่ นสนกุ จาํ นวน 10 ชั่วโมง ความจากเรื่องที่อา่ น (1) จาํ นวน 1 ชวั่ โมง แนวการจดั การเรยี นรู้ สอ่ื การเรียนรู้ การประเมนิ - ตัวอย่างงาน การเรยี นรู้ รู กิจกรรมนกั เรยี น เขียนย่อความ เขยี น 1. นักเรยี นรว่ มกันดูงานเขยี น มาให้ ย่อความ 2 รูปแบบท่คี รนู ํามา ใชค้ ําถาม ให้ อง แบบ นกั เรียน : ตอบคําถามเกย่ี วกบั - คาํ ถาม - สงั เกตการตอบ ยา่ งไร การอ่านขอ้ ความพาดหวั ขอ้ คําถามของ เร่อื งอะไร 2. นักเรียนร่วมกนั แสดง นักเรยี น ไร ความคดิ เห็นของงานเขียนย่อ มน้ีแล้ว ความ ม่ อยา่ งไร หน็ ของ นอแนะ หรือไม่

หน่วยการเรยี นรทู้ ่ี ๖ เร่อื ง นทิ านอา่ นสนกุ ลาดับ ขอบเขตเน้อื หา/ ขั้นตอนการจดั เวลา แ ท่ี จดุ ประสงคก์ ารเรยี นรู้ การเรียนรู้ ท่ีใช้ กจิ กรรมคร 3. ครูกล่าวแสดงควา เกย่ี วกบั การเขียนยอ่ ค จากน้ันเขา้ สบู่ ทเรยี น 2. จุดประสงค์การเรยี นรู้ ข้นั สอน 10 1. ครูทบทวนหลักกา 1. บอกหลกั การเขยี น นาที ย่อความ ดงั นี้ ย่อความได้ - รูปแบบการเขียนยอ่ แบบต่าง ๆ - ตวั อย่างการเขียนยอ่ - ความสาคญั ของการ ความ 3. 2. เขยี นย่อความจาก ขน้ั ปฏิบตั ิ 25 2. ครูแจกใบงานนกั เร เร่ืองท่ีอา่ นได้ นาที อธิบายการทาใบงานท 3. มมี ารยาทใน การเขยี นยอ่ ความจาก การเขยี น อา่ น (ครูขนึ้ กิจกรรมในจอ ว่า : นักเรยี นทาใบงาน การเขียนย่อความ)

๙๓๕ แนวการจัดการเรยี นรู้ ส่ือการเรียนรู้ การประเมนิ การเรียนรู้ รู กิจกรรมนกั เรยี น 1. ประเมนิ การ ตอบคาถาม ามคิดเห็น 3. นกั เรียนแสดงความคิดเหน็ ความ รว่ มกัน แล้วเขา้ สเู่ นื้อหาใน 2. ตรวจใบงาน 3. สังเกต บทเรียน การตอบคาถาม ของนกั เรียน ารเขียน 1. นกั เรยี นตอบคาถามและ - ส่อื PPT เรอื่ ง สนทนาเกีย่ วกับการเขยี น หลักการเขียน อความ ยอ่ ความ ยอ่ ความ - นกั เรียนรว่ มกนั ดรู ปู แบบ อความ การยอ่ ความแบบต่าง ๆ รเขยี นย่อ - นักเรยี นดตู วั อยา่ งการย่อความ - นักเรยี นช่วยกันอธบิ าย ความสาคัญของการเขยี น ยอ่ ความ รยี นและ 2. นกั เรยี นฟงั ครอู ธบิ าย - ใบความรทู้ ่ี 6 ที่ 6 การทางานแล้วลงมือเขียนยอ่ เรอื่ ง หลกั การ กเรื่องที่ ความจากเรือ่ งทีอ่ า่ น โดยศึกษา เขยี นย่อความ จากใบความรูท้ ่ี 6 หลักการ เขียนยอ่ ความประกอบ (นักเรียนทัง้ ต้นทาง/ปลายทาง - ใบงานที่ 6 PPT ทาใบงานที่ 6 การเขียน เรือ่ ง การเขยี น นท่ี 6 ย่อความ) ยอ่ ความจาก เรอื่ งทอี่ ่าน

๙๓๖ คมู่ ือ ลาดบั ขอบเขตเนื้อหา/ ขนั้ ตอนการจัด เวลา แ ที่ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ การเรียนรู้ ท่ใี ช้ กิจกรรมคร 3. - ครสู รุปการทากจิ - ประเมนิ การทาง 4. ครูใหน้ ักเรียนตวั แท นาเสนอผลงานของตัว 4. ข้ันสรุป 5 ๑. ครูตงั้ คาถามเพ่อื ส นาที บทเรยี นเรอื่ ง การเขยี น ดงั นี้ ครู : นักเรยี นมีวธิ ีการ การเขียนยอ่ ความของ ใหด้ ขี น้ึ อยา่ งไร ครู : การเขยี นยอ่ ควา ช่วยในการทบทวนคว หรอื ไม่ เพราะเหตุใด 2. ครูสรปุ ประโยชน์ข การย่อความอีกคร้ัง แ นักเรียนร่วมกนั สรปุ ต

อครแู ละแผนการจดั การเรียนรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรียนท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.๕) แนวการจัดการเรยี นรู้ สื่อการเรยี นรู้ การประเมิน รู กจิ กรรมนักเรยี น การเรียนรู้ จกรรม 3. - นกั เรยี นสรปุ การทา งาน กิจกรรม - ประเมินการทางาน ทนออกมา 4. นกั เรยี นตัวแทนออกมา - ใบงานที่ 6 วเอง นาเสนอผลงานของตัวเอง สรปุ 1. นักเรียนร่วมกนั ตอบคาถาม - สื่อ PPT เร่ือง นยอ่ ความ หลกั การเขียนย่อ ความ รพฒั นา นักเรยี น : เขียนใหถ้ กู ตอ้ งตาม งตนเอง หลกั การเขยี นยอ่ ความ าม มีส่วน นกั เรยี น : ได้ เพราะเป็น วามรไู้ ด้ การทบทวนความรูด้ ้วย ของ การอา่ นเฉพาะใจความสาคญั และให้ ของเรอ่ื งน้ัน ๆ ในเวลาท่ี ตามด้วย รวดเรว็

หน่วยการเรียนร้ทู ่ี ๖ เร่ือง นิทานอ่านสนกุ 937 8. สื่อการเรยี นร/ู้ แหล่งเรยี นรู้ 1. ใบความรู้ที่ 6 เร่ือง การเขียนย่อความจากเร่อื งท่อี า่ น 2. ใบงานที่ 6 เรือ่ ง การเขยี นยอ่ ความจากเรอ่ื งทอ่ี า่ น 3. สอื่ PPT เร่อื ง การเขียนย่อความจากเร่อื งทีอ่ ่าน 4. ตัวอยา่ งงานเขียนยอ่ ความ 9. การประเมินผลรวบยอด ชิ้นงานหรือภาระงาน - ใบงานที่ 6 เรือ่ ง การเขียนยอ่ ความจากเรอ่ื งทอี่ ่าน สิง่ ท่ตี อ้ งการวัด / ประเมนิ วธิ กี าร เครอื่ งมอื ท่ีใช้ เกณฑ์ - คาถาม รอ้ ยละ ๖๐ ด้านความรู้ ความเข้าใจ (K) ขน้ึ ไป - บอกหลกั การเขียนย่อความ - พจิ ารณาจากการตอบ - แบบประเมินการยอ่ ร้อยละ ๖๐ คาถามของนกั เรยี น ความจากเร่อื งทอี่ า่ น ขน้ึ ไป ด้านทักษะและกระบวนการ (P) - เขียนย่อความจากเรื่องท่ีอา่ น - ตรวจใบงานที่ 6 เรื่อง การเขยี นย่อความ จากเร่ืองทอ่ี ่าน ดา้ นคุณลกั ษณะ เจตคติ ค่านิยม - แบบสงั เกตพฤตกิ รรม ร้อยละ ๖๐ (A) - สังเกตพฤติกรรม ขน้ึ ไป - มีมารยาทในการเขยี น นกั เรียน ดา้ นคุณลกั ษณะอันพึงประสงค์ - สังเกตพฤติกรรม - แบบประเมนิ คณุ ลกั ษณะ ระดบั คุณภาพ 1. ใฝ่เรียนรู้ 2. มุง่ ม่นั ในการทางาน นกั เรยี น อนั พงึ ประสงค์ ผา่ น สมรรถนะสาคัญของผ้เู รียน - สังเกตพฤตกิ รรม - แบบประเมนิ สมรรถนะ ระดบั คุณภาพ 1. ความสามารถในการสือ่ สาร นักเรียน สาคัญของผู้เรียน ผา่ น 2. ความสามารถในการคิด

938 คูม่ ือครูและแผนการจัดการเรยี นรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.๕) เกณฑป์ ระเมิน : การทาใบงานท่ี 6 เร่ือง การเขียนย่อความจากเร่อื งทีอ่ า่ น ประเด็น ๔ (ดีมาก) ระดับคุณภาพ ๑ (ปรับปรงุ ) การประเมิน ๓ (ดี) ๒ (พอใช้) 1. การเขยี นสว่ น เขียนสว่ นนาได้ เขียนส่วนนาได้ - เขียนสว่ นนาไม่ นา ถูกต้องตามรปู แบบ ถกู ต้องเปน็ บางสว่ น ถูกต้อง ท่กี าหนด 2. ความถกู ตอ้ ง เขียนยอ่ ความได้ ขาด 1 ขาด 2 ขาด 3 ตามรูปแบบของ ถูกตอ้ งตามรปู แบบ องคป์ ระกอบ องค์ประกอบ องค์ประกอบ การเขียนย่อ ของการเขียนยอ่ ความ ความ 3. การจบั จับใจความสาคัญ จบั ใจความสาคัญ จบั ใจความสาคัญ จบั ใจความสาคัญ ใจความสาคัญ ของเรอ่ื งทอี่ ่านได้ ของเรอ่ื งมีข้อความ ของเรอ่ื งได้ แตไ่ ม่ ไม่ถูกต้อง ไมไ่ ด้ ของเรอ่ื ง ตรงประเดน็ มี หลักและมีขอ้ ความ ครบถ้วน มขี อ้ ความ ประเด็นสาคัญของ เฉพาะข้อความหลัก รองปะปนเลก็ นอ้ ย รองปะปนมาก ขอ้ ความหลัก 4. การใช้สรรพนาม ใช้คาสรรพนามได้ - - ใช้คาสรรพนามไม่ ถูกตอ้ งตามหลกั การ ถกู ตอ้ งของหลกั การ เขยี นยอ่ ความ เขียนยอ่ ความ 5. เขยี นสะกด เขียนสะกดคา เขยี นสะกดคา เขยี นสะกดคา เขยี นสะกดคาผดิ คา ไดถ้ กู ต้องตาม ผดิ 1-2 คา ผิด 3-4 คา มากกวา่ 4 คาข้ึนไป พจนานกุ รม เกณฑ์การประเมนิ คุณภาพ ชว่ งคะแนน ระดับคุณภาพ ๑8-๒๐ ดีมาก 15-๑7 ดี ๑2-๑4 พอใช้ ต่ากว่า 12 ปรับปรงุ เกณฑก์ ารตดั สนิ : ผา่ นเกณฑก์ ารประเมนิ รอ้ ยละ ๖๐ ข้ึนไป (ตอ้ งไดร้ ะดบั พอใช้ขนึ้ ไป)

หนว่ ยการเรียนรทู้ ่ี ๖ เรือ่ ง นิทานอา่ นสนกุ 939 แบบประเมนิ การทาใบงานที่ 6 เรือ่ ง การเขียนย่อความจากเรอื่ งท่ีอา่ น คาชี้แจง ให้ครูผ้สู อนประเมินผลการทากิจกรรม/ใบงาน โดยเขยี นคะแนน ลงในช่องท่ีกาหนดให้ถูกตอ้ ง ลาดบั ช่อื - สกุล คะแนน คิดเปน็ สรปุ ผล ท่ี ท่ไี ด้ ร้อยละ การประเมิน ๒๐ คะแนน ๑๐๐ ผ่าน ไมผ่ ่าน ๑ ๒ ๓ ๔ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ๑๐ ดีมาก ดี พอใช้ ปรับปรงุ รวม (คน) คิดเป็นรอ้ ยละ ผลการประเมิน  ดีมาก ..........คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ...............  ดี ..........คน คิดเปน็ รอ้ ยละ................  พอใช้ ..........คน คดิ เป็นรอ้ ยละ...............  ปรับปรงุ .........คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ................ สรุปผลการประเมนิ รายชน้ั เรียน  นกั เรียนผ่านเกณฑ์การประเมิน จานวน......................... คน คดิ เปน็ ร้อยละ.........................  นกั เรียนไมผ่ ่านเกณฑก์ ารประเมิน จานวน......................... คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ........................ . ลงชอ่ื .................................................ผปู้ ระเมิน (..............................................) ........../..................../..........

940 คูม่ อื ครูและแผนการจัดการเรียนรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) 10. บันทกึ ผลหลังสอน ผลการจัดการเรียนการสอน .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ความสาเร็จ .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ปญั หาและอุปสรรค .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ขอ้ จากดั การใช้แผนการจัดการเรียนรู้ และขอ้ เสนอแนะ/แนวทางการปรับปรงุ แก้ไข .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงชื่อ......................................................ผสู้ อน (..........................................................) วนั ท่ี .......... เดอื น ..................... พ.ศ. ............. 11. ความคดิ เหน็ /ขอ้ เสนอแนะของผู้บรหิ ารหรือผทู้ ่ีไดร้ ับมอบหมาย .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. .............................................................................................................................................................................. ลงช่อื ...................................................... ผู้ตรวจ (..........................................................) วนั ท่ี .......... เดือน ..................... พ.ศ. .............

หนว่ ยการเรยี นรู้ที่ ๖ เรื่อง นิทานอ่านสนกุ 941 ใบความรูท้ ่ี 5 เรอ่ื ง การย่อความเรอ่ื งท่ีอ่าน หนว่ ยการเรยี นร้ทู ี่ 6 เรือ่ ง นทิ านอา่ นสนุก แผนการจัดการเรียนรูท้ ่ี 5 เร่อื ง การย่อความเรื่องทอ่ี ่าน (2) รายวชิ า ภาษาไทย รหสั วชิ า ท๑๕๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ช้นั ประถมศึกษาปีที่ ๕ การเขยี นย่อความ เป็นการเขยี นจากการอ่านเกบ็ ใจความสาคัญเรือ่ งใดเร่ืองหนึ่ง แลว้ นามาเรยี บเรยี งใหม่เป็น ถ้อยคาสานวนของผเู้ ขยี นเอง และเขยี นให้ถกู ตอ้ งตามรปู แบบของย่อความ การเขียนย่อความท่ีดี ผู้เขียนจะต้องอ่านเร่ืองให้เข้าใจ ควรอ่านเรื่องโดยละเอียด และ ทาความเขา้ ใจเรอ่ื งนนั้ ๆ แลว้ นามาเรียบเรียงใหมเ่ ป็นถอ้ ยคาที่สละสลวย หลักการเขยี นยอ่ ความ ๑. อ่านเน้ือเร่อื งทีจ่ ะย่อให้ตลอดโดยละเอียดอย่างน้อย ๒ ครั้ง คร้ังแรกอา่ นสารวจอย่าง คร่าว ๆ อ่านเร็ว ๆ เพ่ือให้รู้ว่าเร่ืองน้ันกลา่ วถึง “ใคร ทาอะไร กับใคร ที่ไหน อย่างไร เมอ่ื ไร และ ผลเปน็ อยา่ งไร” จากนั้นจงึ อา่ นอย่างละเอยี ดอกี ครงั้ เพือ่ หาใจความสาคัญของเรื่อง ๒. แยกว่า เนื้อหาที่นาเสนอเป็นงานเขียนแบบใด ข้อเท็จจริง ข้อคิดเห็น หรือแสดง อารมณ์ ๓. บนั ทกึ ใจความสาคัญเป็นถอ้ ยคาของผู้เขยี นยอ่ ความ ใช้คาสั้นที่สุดและเขา้ ใจง่าย ๔. ตดั เนอ้ื หาทไ่ี ม่จาเปน็ ออก เชน่ การยกตวั อยา่ ง รายละเอยี ด สว่ นผสม การเปรียบเทียบ ๕. ถ้ามีเน้ือหาเก่ียวกับคาพูด ต้องเปล่ียนสรรพนามบุรุษที่ ๑ และ ๒ เป็นสรรพนามบุรุษ ที่ ๓ ๖. ไมใ่ ช้อกั ษรยอ่ หากมีคาราชาศัพท์ต้องเขยี นให้ถกู ตอ้ ง ๗. การเลือกใช้คา - ใชค้ าทคี่ รอบคลมุ เชน่ ชาวสวน ชาวนา ชาวไร่ ให้ใช้คาว่า เกษตรกร แทน - คาบางคาที่ต้องแปลความหมายควรเปล่ียนเป็นคาที่อ่านง่าย เช่น มวล บปุ ผาชาตสิ มุ าลีส่งกลิ่นขจรอบอวล ในไพรสณฑ์ ควรเขียนใหม่วา่ เหล่าดอกไมใ้ นป่าส่งกลิน่ หอม ๘. เม่ือเขียนร่างย่อความแล้ว ควรอ่านอีกครั้งหน่ึงและแก้ไขใหส้ มบูรณ์ โดยตัดข้อความที่ ซา้ ซ้อนออก เพือ่ ใหเ้ นือ้ หากระชับ รดั กมุ และเขียนขอ้ ความให้สัมพนั ธ์กนั ตัง้ แต่ตน้ จนจบ ๙. เขียนขึ้นต้นตามรูปแบบของย่อความก่อน เพื่อให้รู้ท่ีมาของเร่ืองที่นามาย่อ แล้วจึง เขยี นยอ่ ความใหส้ มบูรณ์

942 คมู่ อื ครแู ละแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดบั ประถมศกึ ษา ภาคเรยี นที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) รปู แบบของยอ่ ความทั่วไป ยอ่ เรอื่ ง.....................................................ผ้แู ตง่ ................................................................... จากหนงั สอื ..........................................................................ความวา่ (เนื้อเรื่องทีย่ ่อ)...................................................................................................................... รปู แบบการขน้ึ ย่อความ (สว่ นนา) ๑. ยอ่ ความเรียงร้อยแกว้ ธรรมดาขึน้ ต้นดังน้ี ย่อเรอื่ ง.............................ของ (ชื่อผู้แตง่ )......................จากหนงั สือ ..................................หนา้ ............ ความว่า…………………..… ๒. ย่อจดหมาย ขนึ้ ต้นดังน้ี จดหมายของ.............................ถึง...........................ลงวันท.่ี ...........เดอื น .....................พ.ศ. .............. ความวา่ .......................... ๓. ย่อคาประกาศ แถลงการณ์ คาสัง่ ระเบยี บ ข้ึนต้นดังนี้ คาประกาศของ.......................................แก่..................................ลงวันที่ ......................................... ความว่า............................ ๔. ยอ่ คาปราศรัย สุนทรพจน์ พระราชดารสั ขน้ึ ตน้ ดังน้ี คาปราศรัยของ...................................แก่................................เนอื่ งใน ............................................... ทาง (สถานทส่ี อ่ื ทกี่ ลา่ ว).......................................... ณ วันท่.ี ...................................ความว่า ๕. ยอ่ ปาฐกถา คาบรรยาย คาสอน ข้นึ ต้นดงั นี้ คาบรรยายของ...........................เร่ือง.................................................แก.่ ..................ที่ ..................... ณ..........................วันที.่ ......................เวลา..............................................ความวา่ ............... ๖. ย่อคาประพันธ์ ขน้ึ ต้นดังนี้ คาประพนั ธป์ ระเภท.......................เร่อื ง.....................ของ ................................... ตอน..................... ความวา่ ................................

หนว่ ยการเรยี นรทู้ ี่ ๖ เรอ่ื ง นิทานอ่านสนกุ 943 ตวั อยา่ งการยอ่ ความ ระวงั อันตรายจากแอลกอฮอลเ์ ช็ดแผล ตามท้องตลาดในขณะน้ี มีการขายแอลกอฮอล์กันโดยเสรี ทงั้ เมทิลแอลกอฮอล์และเอทิลแอลกอฮอล์ เม่ือมีผู้บรโิ ภคไปซ้ือแอลกอฮอล์เช็ดแผลจากร้านขายยา ผู้ขายมักจะหยิบแอลกอฮอล์มาให้เลือกท้ัง ๒ ชนิด ราคาเอทิลแอลกอฮอล์จะสูงกว่าเมทิลแอลกอฮอลเ์ ลก็ นอ้ ย เพราะฉะน้ันผู้บรโิ ภคส่วนใหญแ่ ละ โดยเฉพาะผู้ที่ ไม่รู้คุณสมบัติท่ีแท้จริง ของแอลกอฮอลท์ ้ัง ๒ ชนิด มักจะเลือกชนิดที่ราคาถกู กว่า เพราะประหยัดเงิน และ เขา้ ใจวา่ มคี ณุ สมบตั เิ ช็ดแผลได้เหมอื นกัน แตอ่ ันที่จริงแลว้ คณุ สมบัติของเอทิลแอลกอฮอล์ตา่ งกันมาก คอื เอทิลแอลกอฮอล์ เป็นแอลกอฮอล์ที่ใช้กับร่างกายมนุษย์ได้ เช่น ผสมในยารับประทาน ผสมในสุรา หรอื เคร่อื งดื่มประเภทของมึนเมา หรือใช้ทาภายนอกรา่ งกาย เช่น ล้างแผล ผ้าเย็น กระดาษเช็ดหนา้ สเปรย์ เป็นต้น เมทลิ แอลกอฮอล์ เปน็ แอลกอฮอลช์ นดิ มพี ษิ ใชส้ าหรบั อตุ สาหกรรมต่าง ๆ เชน่ ใช้เป็นเชอื้ เพลิงจดุ ให้ แสงสวา่ ง หรือปนกับทนิ เนอร์ สาหรับผสมแลคเกอร์ แตห่ ้ามใชก้ ับร่างกาย จากคณุ สมบัติของเมทิลแอลกอฮอลด์ ังกล่าว จะเห็นไดว้ า่ ผ้ผู ลิตหรือผู้ขายไมค่ วรนาเอาแอลกอฮอลท์ ้งั ๒ ชนิด มาใช้แทนกัน เพราะจะทาให้ผู้บริโภคได้รับอันตรายได้ เนื่องจากเมทิลแอลกอฮอล์หากนามาใช้ล้าง แผล แอลกอฮอล์จะซมึ เขา้ ไปมาก ๆ อาจทาใหผ้ ดู้ ื่มตาบอดหรือถึงตายได้ ถงึ แม้วา่ ทางราชการและหน่วยงานที่เก่ียวขอ้ งจะควบคุม และตกั เตือนผู้ผลิต และผู้ขายให้ระมดั ระวัง การนาเมทิลแอลกอฮอล์มาใช้ไม่ให้ ผิดจากคุณลักษณะประจาของตัวมันแล้ว แต่ยังมีการใช้ หรือขายผิด ประเภทอยบู่ า้ ง ทางสานักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค จึงใคร่ขอเตือนผู้ผลิตและผู้ขาย ขอให้ใช้ความ ระมัดระวังในการขายเมทิลแอลกอฮอล์ ซึ่งจะเป็นพิษต่อผู้บริโภคได้ และขอให้แนะนาผู้บริโภคว่า ก่อนซื้อ แอลกอฮอล์เช็ดแผล ทุกคร้งั ควรตรวจดูฉลาก ให้ละเอยี ดและเลอื กชนิดทเ่ี ปน็ เอทลิ แอลกอฮอล์เท่านั้น และ ทางทดี่ ถี า้ ทา่ นไม่ แน่ใจกค็ วรซ้ือแอลกอฮอล์สาหรับฆ่าเชอื้ ท่ีกระทรวงสาธารณสุขรับรอง หรอื ซื้อ จากรา้ นค้าท่ี เชื่อถือได้ ทงั้ นเี้ พื่อความปลอดภัยของทา่ นและครอบครวั (ไทยรฐั ฉบบั วันท่ี ๗ มนี าคม ๒๕๔๖ หน้า ๖) ยอ่ เรื่อง ระวังอนั ตรายจากแอลกอฮอล์เช็ดแผล จากหนงั สอื พมิ พไ์ ทยรัฐ ฉบบั วนั จนั ทร์ท่ี ๗ มนี าคม ๒๕๔๖ หน้า ๖ ความว่า ตามท้องตลาดในขณะน้ีมีการขายแอลกอฮอล์กัน โดยเสรี ทั้งเมทิลแอลกอฮอล์และเอทิล แอลกอฮอล์ เอทิลแอลกอฮอล์นั้นเป็นแอลกอฮอล์ท่ีใช้กับร่างกายมนุษย์ได้ ส่วนเมทิลแอลกอฮอล์เป็น แอลกอฮอล์ชนิดมีพิษ ใช้สาหรบั อุตสาหกรรมตา่ ง ๆ ซ่งึ ผผู้ ลิตและผขู้ ายไมค่ วรนาแอลกอฮอล์ท้ัง 2 ชนิด มาใช้แทนกนั เพราะจะทาให้ผู้บรโิ ภคได้รับอันตรายได้ ถงึ แมว้ า่ ทางราชการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะ ควบคุม แตก่ ย็ งั มีการใช้หรอื ขายผดิ

944 คมู่ ือครูและแผนการจดั การเรียนรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) ใบงานท่ี 6 เรื่อง การเขียนยอ่ ความเรอ่ื งทอี่ า่ น หน่วยการเรยี นร้ทู ี่ 6 เรือ่ ง นวิทนั าทนี่ อ..่า...น..ส...นเุกดือน ..................... พ.ศ. ............. แผนการจัดการเรยี นรทู้ ่ี 6 เรือ่ ง การเขียนยอ่ ความเร่อื งทอ่ี ่าน รายวิชา ภาษาไทย รหสั วิชา ท๑๕๑๐๑ ภาคเรียนท่ี ๑ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๕ คาชแี้ จง ให้อา่ นเรือ่ งส้นั ตอ่ ไปนี้ แลว้ เขยี นย่อความจากเรอ่ื งท่อี า่ น อยากใหบ้ า้ นน้มี แี ตร่ กั อรวีเป็นสาวน้อยร่างโปร่งผิวขาวและเป็นลูกสาวคนเดียวของนักธุรกิจชื่อดัง เธอเกิดใน ครอบครัวที่มีฐานะความเป็นอยู่ดีแตเ่ ธอไม่มีความสขุ สบายดังฐานะของเธอเลย ชีวิตของอรวจี ึงเป็น ชีวิตแบบหน่งึ ในสังคมปัจจบุ ัน ตอนนี้อรวเี รียนอยชู่ ั้นมธั ยมศกึ ษาปที ่ี 4 เขาน้อยอกนอ้ ยใจตลอดเวลา ถ้าคิดถึงเรื่องภายในครอบครัวของเขาเพราะพ่อแม่ของอรวีไม่เคยมีเวลาให้เขาเลย แม้แต่วันหยุด เรียนกย็ ังตอ้ งออกไปพบปะสงั คมภายนอก ปลอ่ ยใหเ้ ธออยู่บา้ นตามลาพังคนเดียวไมม่ ีคนทจี่ ะปรกึ ษา ไมม่ ีคนคอยถามขา่ วการเรยี นของเขาเลย อรวตี นื่ แตเ่ ช้าออกจากบา้ นเพื่อจะไปเรียนหนังสอื โดยท่ีแม่ กบั พ่อของเขายังไม่ตื่นนอนเลย พอกลบั มาถงึ บ้านก็ไม่มใี ครอยู่ มแี ต่คนใช้เพราะพอ่ กบั แมไ่ ปทางาน กว่าจะกลับอรวีก็เขานอนแลว้ ชีวิตของอรวีเป็นอยา่ งนี้ทกุ วันจนบางคร้ังทาให้อรวีไม่อยากกลับบ้าน เลย เขาไมเ่ คยมคี วามสขุ เขาอยากมีชวี ิตเหมือนคนปกติ ถงึ แม้จะมีฐานะไม่ร่ารวยแตเ่ ขาขอแค่พอ่ แม่ ลกู อยู่พร้อมหน้ากินข้าวด้วยกัน แค่นี้ก็พอใจแล้ว วันหน่ึงเขาไปเรียนตามปกตกิ ็มีเพ่ือนของเขาคน หนึ่งมาคุยกับอรวีบอกวา่ เขาเสียตัวให้กบั ผู้ชายท่พี ่ึงรู้จักจากการไปเท่ียวผับกลางคืน อรวีตกใจมาก จากเรื่องท่ีไดฟ้ ังทาให้อรวีคิดได้ว่าไม่มีท่ีไหนจะปลอดภยั และอบอุ่นเท่าบ้านของเขาเอง ไม่มใี ครที่จะ ใหค้ วามรักกบั เราเท่าพอ่ กบั แม่ ชื่อผูแ้ ตง่ ประภาศรี เทยี นประเสริฐ ท่ีมา แหลง่ รวมเร่ืองสั้น ชอ่ื ....................................................นามสกลุ ...............................................ชน้ั .................เลขท.ี่ ..............

หนว่ ยการเรียนรู้ท่ี ๖ เรอ่ื ง นทิ านอ่านสนกุ 945 แนวคาตอบใบงานท่ี 6 เรอ่ื ง การเขียนยอ่ ความเรอื่ งทอ่ี ่าน หนว่ ยการเรียนรทู้ ี่ 6 เรอ่ื ง นทิวนัานทอ่ี .่า..น...ส..น..กุ เดือน ..................... พ.ศ. ............. แผนการจัดการเรยี นรทู้ ี่ 6 เรอื่ ง การเขียนย่อความเรอ่ื งทอี่ า่ น รายวิชา ภาษาไทย รหัสวชิ า ท๑๕๑๐๑ ภาคเรียนที่ ๑ ชน้ั ประถมศึกษาปีที่ ๕ คาชี้แจง ให้อ่านเรอ่ื งส้ันตอ่ ไปนี้ แล้วเขยี นยอ่ ความจากเรือ่ งท่อี ่าน อยากใหบ้ า้ นนีม้ แี ตร่ กั อรวีเป็นสาวน้อยร่างโปร่งผิวขาวและเป็นลูกสาวคนเดียวของนักธุรกิจชื่อดัง เธอเกิดใน ครอบครัวท่ีมีฐานะความเป็นอยู่ดีแต่เธอไม่มคี วามสุขสบายดังฐานะของเธอเลย ชีวิตของอรวีจึงเป็น ชวี ิตแบบหน่งึ ในสังคมปจั จบุ ัน ตอนนอี้ รวีเรยี นอยู่ชน้ั มธั ยมศึกษาปีที่ 4 เขาน้อยอกนอ้ ยใจตลอดเวลา ถา้ คิดถงึ เรื่องภายในครอบครัวของเขาเพราะพ่อแม่ของอรวีไม่เคยมีเวลาใหเ้ ขาเลย แม้แต่วนั หยดุ เรียน ก็ยังตอ้ งออกไปพบปะสังคมภายนอก ปล่อยให้เธออยู่บ้านตามลาพังคนเดียวไม่มีคนท่ีจะปรกึ ษาไม่มี คนคอยถามขา่ วการเรียนของเขาเลย อรวีต่ืนแต่เช้าออกจากบ้านเพ่อื จะไปเรียนหนังสอื โดยทแ่ี ม่กับ พอ่ ของเขายงั ไมต่ ่ืนนอนเลย พอกลับมาถงึ บา้ นก็ไม่มใี ครอยู่ มแี ต่คนใช้เพราะพอ่ กับแมไ่ ปทางาน กว่า จะกลับอรวีก็เขานอนแล้ว ชีวิตของอรวีเป็นอย่างน้ีทุกวันจนบางครัง้ ทาให้อรวีไม่อยากกลับบา้ นเลย เขาไม่เคยมีความสุข เขาอยากมีชีวิตเหมือนคนปกติ ถึงแม้จะมีฐานะไมร่ ่ารวยแต่เขาขอแค่พ่อแม่ลูก อยพู่ ร้อมหนา้ กนิ ข้าวดว้ ยกนั แค่นกี้ ็พอใจแลว้ วนั หนง่ึ เขาไปเรียนตามปกตกิ ็มีเพื่อนของเขาคนหนง่ึ มา คุยกบั อรวีบอกว่าเขาเสยี ตัวใหก้ บั ผู้ชายท่พี ึง่ ร้จู กั จากการไปเท่ียวผบั กลางคืน อรวตี กใจมากจากเร่ืองท่ี ไดฟ้ งั ทาให้อรวีคดิ ได้ว่าไม่มที ่ีไหนจะปลอดภยั และอบอ่นุ เท่าบ้านของเขาเอง ไม่มีใครที่จะให้ความรัก กบั เราเท่าพอ่ กบั แม่ ชอื่ ผแู้ ต่ง ประภาศรี เทียนประเสริฐ ทมี่ า แหลง่ รวมเร่ืองสนั้ ย่อความเร่ือง อยากใหบ้ ้านนี้มรี ัก ผแู้ ตง่ ประภาศรี เทียนประเสริฐ จากหนงั สอื แหล่งรวมเร่อื งสน้ั ความวา่ อรวีเกิดในครอบครัวรา่ รวย แต่เธอไม่มีความสุข เพราะพ่อกับแม่ทาแตง่ าน ไม่มีเวลาให้เธอแม้แต่ วนั หยุด เธอนอ้ ยใจพ่อกับแมม่ ากที่ไม่มีเวลาให้ วนั หน่ึงเธอไดฟ้ ังปญั หาของเพ่ือนที่เสียตัวใหก้ ับผชู้ ายทพี่ ่ึงรจู้ ัก ไดไ้ ม่นาน เธอจึงคิดได้วา่ ไมม่ ที ไี่ หนปลอดภัยเท่าบา้ นและไม่มใี ครรักเราเทา่ พอ่ แม่อีกแล้ว

946 คมู่ ือครูและแผนการจดั การเรียนรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรียนท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.๕) เรอ่ื งสั้นสาหรับเลือกอ่าน และย่อความ เรอื่ งท่ี 1 ชื่อหนังสอื สายลมแหง่ การให้อภัยและกอ้ นหินแห่งความทรงจา ผู้แตง่ happy day ท่มี า http://www.kwamru.com/276 มคี น 2 คนเป็นเพ่ือนรักกันมาก ร่วมเดินทางไปในทะเลทราย ระหว่างทางเกิดมปี ากเสยี งกันรุนแรง ทะเลาะกัน เพ่ือนคนหนึ่งระงับอารมณ์ไม่อยู่ ตบหน้าอีกฝ่าย เพ่ือนท่ีถูกทาร้ายเจ็บปวด แต่ไม่เอย่ วาจากลับ เขียนข้อความลงบนผืนทรายว่า “วันนี้ฉันถูกเพ่ือนรักตบหน้า” พวกเขายังคงเดินทางต่อไปจนกระทั่งถึง แหล่งน้า พวกเขาก็อาบน้าเพ่อื นคนท่ีเคยถูกตบหน้า ได้พลัดตกแหล่งน้าจมนา้ เพอ่ื นอีกคนไม่รอช้า รีบลงไป ชว่ ยทนั ที คนรอดตายยังคงไม่เอ่ยวาจา กลับสลกั ข้อความลงไปบนก้อนหินใหญ่ “วนั น้ีเพอื่ นรกั ชว่ ยชวี ติ ฉนั ไว้” อีกคนไม่เข้าใจเลยถามว่า “เมื่อเธอถกู ฉันตบหน้า เธอเขียนเรอื่ งราวลงพ้ืนทราย แล้วเรอ่ื งท่ฉี ันได้ช่วยเธอจาก การจมน้า ทาไมจงึ ตอ้ งสลกั บนกอ้ นหิน” อีกคนยมิ้ พรายกล่าวตอบ เมื่อถูกคนทร่ี ักทาร้าย เราควรเขียนมันไว้ บนพนื้ ทราย ซ่ึง “สายลมแห่งการ ให้อภัย” จะทาหน้าท่ีพัดผ่าน ลบล้างไม่เหลือ” แต่เม่ือมีสิ่งที่ดีมากมาย เกิดขึ้น เราควรสลักไว้บน “ก้อนหินแห่งความทรงจาในหัวใจ” ซ่ึงต่อให้มีสายลมพัดแรงเพียงใด ก็ไม่อาจ ลบลา้ ง ทาลาย ข้อคดิ ทไ่ี ด้จากการอ่าน บางทีที่เราทะเลาะกันทาใหม้ องข้ามเรอ่ื งดี ๆ ทีเ่ คยทาให้กันและกันไป เร่อื งรา้ ยไม่อาจสาคัญและมี อิทธิพลไดห้ ากเราจดจาและให้ความสาคัญแกเ่ รอื่ งดี ๆ

หน่วยการเรียนร้ทู ี่ ๖ เรือ่ ง นทิ านอา่ นสนกุ 947 เร่ืองที่ 2 ชื่อหนงั สอื นก ววั และแมว ชอ่ื ผู้แต่ง happy day ทมี่ า www.kwamru.com เช้าวันนัน้ อากาศหนาวเยน็ จดั เสียงลมพัดแรงข้ามท้องทุ่งโลง่ กวา้ ง พดั เอาเปลือกและใบข้าวโพด หมุน เคว้งคว้างไปมา ในขณะท่ีลมพัดแรงกระแทกประตโู รงนาดังกึงกังกึงกัง นกน้อยตวั หนึ่งกาลังตอ่ สู้อยา่ งส้ินหวัง ท่ีจะบินข้ามทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ และหมดแรงตกลงใกล้ ๆ โรงนาน้ัน ตัวนกน้อยตัวเปียกปอนสกปรก แต่ จดุ มุ่งหมายสาคัญ มันจะตอ้ งข้ามทงุ่ หญ้าไปยังรงั ของมันให้ได้ จงึ พยายามบินข้ึนและตกลงมาแล้วหลายครา นกน้อยเหน็บหนาวและหมดแรง… รู้สึกเหมือนกาลงั จะขาดใจตาย แม่วัวตัวหนึ่งอยู่ใกล้ ๆ จ้องมองท่นี กน้อย และเคล่อื นตวั หนั ก้นของมันมาทางนก ในขณะท่ปี ากเคี้ยวเออ้ื งอยู่ ในขณะท่นี กกาลงั หวาดกลัวอยา่ งมาก กลัว วา่ จะถูกวัวเหยียบ แม่วัวกถ็ ่ายมูลกองใหญล่ งบนตวั นก ในตอนแรก นกน้อยสุดจะ “เซ็ง” หดห่แู ละสน้ิ หวัง มัน โกรธแม่วัวอย่างมากทเ่ี หมอื นซา้ เตมิ ใหย้ งิ่ ทกุ ขย์ าก มันพยายามดนิ้ รนท่จี ะให้หลดุ ออกมาจากกองขี้ววั แตส่ กั ครู่ เดียวมันก็เร่ิมรู้สึกว่าไม่หนาวอีกต่อไปแล้ว ขี้ที่เพิ่งออกจากตัวแม่วัว มีความร้อนพอจะทาให้ร่างกายของ เจ้านกน้อยอบอุน่ ข้นึ นกนอ้ ยที่คิดว่าตัวเองกาลงั จะตายไปแลว้ ดว้ ยสภาพอากาศอันย่าแย่ กาลังจะรอดชีวิต… ด้วยข้ีวัวโสโครก ท่ียังไม่อาจทราบเลยว่าตกลงบนตัวของมันด้วยความต้ังใจของวัวหรือไม่ เจ้านกน้อยรู้สึก เหมือนตายแลว้ เกิดใหม่ เม่ือกระแสลมสงบลง มันจึงโผลห่ วั ออกมาจากกองข้ีววั และร้องเพลงดว้ ยความลิงโลด ใจ แต่โชคร้ายทแ่ี มวซ่าในโรงนานัน้ ได้ยนิ เสียงเพลง จงึ คาบเอานกจากกองขี้วัวและกนิ เสยี ข้อคิดทไ่ี ดจ้ ากการอ่าน ผ้ทู ่นี าความยากลาบากมาให้ อาจไม่ใช่เพ่ือทาร้ายเรา ส่วนผู้ที่นาเราออกจากความยากลาบาก ก็อาจ ไมใ่ ชเ่ พอ่ื ทจ่ี ะชว่ ยเราและเมื่อไดล้ ้มิ รสความสุขสมหวัง กอ็ ยา่ ดว่ นดีใจจนเกนิ ไป

948 คูม่ ือครแู ละแผนการจดั การเรียนรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนที่ ๑ (ภาษาไทย ป.๕) เรอ่ื งที่ 3 ชอ่ื หนงั สอื คดิ แบบผงึ้ หรอื แมลงวนั ชื่อผแู้ ต่ง happy day สมมุติว่าเราจับผึ้งจานวน 6 ตวั ใส่ในขวด และจับแมลงวนั 6 ตัว ใส่ในอีกขวด จากนนั้ วางขวดนอน ลง โดยหันก้นขวดไปยังหน้าต่างที่มีแสงสว่างกว่า เราจะพบว่า… กลุ่มผึ้งจะพยายามบินออกทางก้นขวด จนกระท่งั มันตายจากการขาดอาหารหรือว่าหมดแรง ในขณะทแี่ มลงวัน จะบินวนอยใู่ นขวดชนไปชนมา แต่ก็ จะค่อย ๆ ทยอยบินหาทางออกมาจากขวดได้ จากฝงั่ คอขวด ทีอ่ ยตู่ รงกันข้ามกับกน้ ขวดซึง่ หันไปทางหนา้ ต่าง ทาไมผลการทดลองจึงออกมาแบบน้ี นกั วทิ ยาศาสตร์เช่ือว่า ผ้งึ เป็นสัตวท์ ีฉ่ ลาด มอี งคค์ วามรู้ พวกมันรู้วา่ หาก บนิ ไปในทิศทางที่มีแสงสว่างจะเป็นทางออกจากรงั แตเ่ มื่อมันต้องมาอยู่ในขวด ซ่งึ เป็นสถานการณ์ทผี่ ้ึงไมเ่ คย ประสบมากอ่ น มันกย็ งั คงเช่ือในความคดิ แบบเดมิ ๆ ไมเ่ ปลยี่ นแปลง คอื ตอ้ งบินออกทางแสงสว่างเทา่ นั้น แต่ สาหรบั แมลงวนั เป็นสตั ว์ที่ไม่มีความคิดเป็นตรรกะอะไร ดังนั้นเมื่อมันถูกจับไว้ในขวด มันจงึ บินชนผนังขวด แกะทางไปเรอื่ ย ๆ จนในทีส่ ดุ กพ็ บกับทางออก ข้อคดิ ท่ไี ดจ้ ากการอา่ น คนฉลาดกส็ ามารถที่จะพลาดพลง้ั ล้มเหลวได้ หากมคี วามรแู้ ตย่ ดึ ติดกรอบเดิม ๆ ในขณะที่ผไู้ มร่ ู้ หาก ทาในสิ่งที่แตกตา่ ง ก็อาจประสบความสาเร็จได้เชน่ กนั

หนว่ ยการเรียนรู้ที่ ๖ เร่อื ง นทิ านอา่ นสนกุ 949 เรือ่ งท่ี 4 ชือ่ หนงั สอื กานา้ ชาสอนใจ (เร่อื งส้นั ) ชอ่ื ผูแ้ ต่ง - ทม่ี า http://winne.ws/n6859 มีบ้านหลังหนึ่งที่บ้านมีกาน้าชาสูงค่า เพราะเป็นกาท่ีปั้นมาจากดินชนิดพิเศษสุดของประเทศจีน เลยวางไว้หัวเตียงอย่างทะนุถนอม มีอยู่คืนหน่ึง ด้วยความไม่ระวงั มือไปปัดโดนฝากาน้าชากระเด็นตกสูพ่ ้ืน ทั้งโกรธท้งั เจ็บใจ เมอ่ื คิดวา่ ทาฝาแตกแลว้ จะเก็บกาไว้ใหด้ ูเจ็บใจเลน่ ทาไม คดิ ไดด้ งั น้ันเลยหยิบกานา้ ชาขวา้ ง ออกไปนอกหน้าต่าง รุ่งเช้าต่ืนมาลุกลงจากเตียง เห็นฝากาน้าชาหล่นอยูบ่ นรองเท้านุ่นทขี่ ้างเตียง ไม่มีอะไร แตกเสียหาย กาน้าชาก็ขว้างท้ิงไปแล้ว ยิ่งเจบ็ ใจ เลยกระทบื ฝาจนแตกละเอียด พอตอนสายเดนิ ออกไปนอก บ้าน ปรากฏว่ากาน้าชาท่ขี วา้ งออกไปเมื่อคืนนนั้ ยงั คาอย่บู นต้นไม้ไม่มอี ะไรบุบสลาย ขอ้ คิดทไี่ ด้จากการอ่าน เรื่องบางเรอ่ื งรอสกั นิด ดูสักหนอ่ ย ตรองสักพัก เพราะเรอ่ื งบางเรอ่ื งอาจจะไม่ได้เปน็ อยา่ งทเี่ ราเห็นเรา เข้าใจ ความววู่ ามเปรียบเหมือนปศี าจรา้ ย ฝึกใหใ้ จเย็นไวห้ นอ่ ย นัน่ คอื วถิ ขี องคนฉลาด

950 คู่มือครูและแผนการจัดการเรยี นรู้ ระดับประถมศึกษา ภาคเรียนท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.๕) เรอ่ื งที่ 5 ชื่อเรอ่ื ง ครอบครัวอบอุ่น ชอื่ ผแู้ ต่ง ทองดี สรุ เตโช สานักพิมพ์ สานักงานกจิ กรรมสตรีและสถานบนั ครอบครวั ปีท่พี มิ พ์ 2552 คาว่า ครอบครัว เป็น คาที่มคี วามหมายมาก คือ หมายถงึ ความรักความอบอุน่ ความเป็นอันเดยี วกัน สมยั ลกู เปน็ เด็ก ๆ เราอยรู่ วมกนั เปน็ ครอบครวั มเี สียงหัวเราะสนกุ สนาน มี เสียงวิ่งเลน่ วง่ิ ไลก่ นั ได้ทานอาหาร รวมกัน ได้อะไรด้วยกัน ดูมันมีชีวิตชีวา แม้พ่อแม่จะทางานเหน็ดเหน่ือยกันมา พอเห็นหน้าลูก ๆ มาคอย ตอ้ นรบั หน้าประตู ถามวา่ เหน่ือยไหมแล้วช่วยถือกระเป๋าถือของให้ เทา่ น้ีกห็ ายเหนื่อยแลว้ เห็นลูกกนิ ได้นอน หลบั พ่อกับแมก่ ็สบายใจ นีแ่ หละลูกเอ๋ยท่เี ขาว่าครอบครัวท่อี บอุน่ ตอนนี้ลูกก็โตกันแล้ว หากสามารถเสกเป่า ได้ พอ่ กับแม่ก็อยากจะเสกเป่าใหค้ รอบครัวเราเป็นครอบครวั ท่ีอบอนุ่ พร้อมหนา้ พร้อมตากัน เหมอื นตอนเป็น เดก็ ทานขา้ วดว้ ยกัน ถามไถส่ ุขของกันและกัน ได้อมุ้ หลานตัวน้อย ๆ เท่านี้กย็ ืนอายุให้พ่อกับแมไ่ ด้อีกหลายปี แลว้ ลูกเอ๋ย ข้อคิดท่ไี ด้จากการอ่าน 1. ร้จู ักชว่ ยเหลือซงึ่ กนั และกัน 2. รู้จักความเป็นอยู่ของครอบครัวว่าเวลาพ่อแม่ทางานหาเงินมาซื้อกับข้าว พ่อกับแม่ต้องทน เหน็ดเหนอื่ ยมากขนาดไหน เพือ่ จะใหล้ กู ๆ อย่กู ินมคี วามสุข

หนว่ ยการเรยี นร้ทู ่ี ๖ เรือ่ ง นิทานอา่ นสนกุ 951 เร่อื งท่ี 6 ชอื่ เรือ่ ง เกอื บสายไปแล้ว ชื่อผูแ้ ตง่ ถวัลย์ มาสจรสั สานกั พมิ พ์ ครุ สุ ภาลาดพรา้ ว ปที ีพมิ พ์ 2539 ช่วงวยั ของชีวิตไม่มีใครปฏิเสธได้เลยวา่ วัยรุ่นวยั เรียนน้ันน่าสนกุ ทส่ี ุด เพราะเม่ือเราจากไกลบ้านแล้ว นั้นเท่ากับว่าไม่มีผู้ใหญ่คอยขีดขวางอีกแล้ว กับการมีชีวิตตามลาพังมีบททดสอบมากมายให้ลองผิดลองถูก ทกุ อย่างขึ้นอยูก่ ับ เราตัดสินเลือกหนทางเดินเองทั้งส้ินด้ังนนั้ คนคนหน่ึงที่เรารจู้ ักโดยบังเอิญ ชีวิตวัยเด็กเขา เป็นเดก็ ดมี ากถูกเล้ียงมาอย่างดีเขาเป็นลูกคนเดียวจึงถูกตามใจในทุก ๆ เรื่องหลังจบชั้นประถมก็ตอ่ ช้ันมัธยม เมอื่ ออกสโู่ ลกภายนอกทาให้ เขาหลงระเริงกับสภาพบรรยากาศใหม่ ๆ เรียนได้ไม่กี่ปีชีวิตเขากเ็ ปลี่ยนไป ทุก อยา่ งทางท่ีไมด่ ไี มใ่ ส่ใจการเรียนติดยานานวันก็ยิง่ หนักขน้ึ เปน็ ตัวปัญหา ท่ีว่าสังคมไมต่ อ้ งการทางบ้านจึงไดส้ ่ง ตวั ไปเมืองนอกเผ่ือว่าจะดีขนึ้ แตก่ ลบั รุนแรงเขา้ ไปอกี เมื่อทางบ้านทราบขา่ วสิ่งท่ีหวังจึงหมดหนทางสุดท้าย เขาถูกส่งตัวกลับบ้านหลังจากน้ันเขาทาอะไรก็ไม่มีใครสนใจจนเขาเองก็รู้สึกแปลกใจ วันหนึ่งเขาประสบ อบุ ตั ิเหตทุ างรถยนต์ อุบตั เิ หตุครงั้ นน้ั ทาให้เขาเกือบตาย ในขณะท่ีเขาอาการโคม่าเขาไดส้ านกึ ถึงการกระทาอัน เลวรา้ ยท่ีผา่ นมา เขาไดส้ ญั ญากับตัวเองว่าหากเขาหายจากอาการแลว้ คนแรกท่ีจะขอโทษคอื พ่อแม่และจะเป็น คนดตี ลอดชวี ติ ถ้ามชี ีวิตกลับมาเปน็ ปกตอิ ีกครงั้ ข้อคดิ ที่ได้จากการอ่าน ชีวิตของเรามีค่ามหาศาล ก่อนที่เราจะทาส่ิงไม่ดีให้นึกถึงพ่อแม่เสียก่อน ในยามท่ีเราไม่สบายและ ท้อแทค้ นท่อี ยเู่ คียงคา้ งเราคือพ่อแม่

๙๕๒ คมู่ ือครูและแผนการจดั การเรยี นรู้ ระดับประถมศกึ ษา ภาคเรยี นท่ี ๑ (ภาษาไทย ป.๕) แผนการจดั การเรียนรู้ท่ี 7 เรือ่ ง การเขยี นเรอื่ งตามจินตนาการ หน่วยการเรยี นรูท้ ี่ 6 เรือ่ ง นิทานอ่านสนุก เวลา 1 ชวั่ โมง กลมุ่ สาระการเรียนร้ภู าษาไทย รายวิชา ภาษาไทย ชนั้ ประถมศึกษาปีท่ี 5 1. มาตรฐานการเรียนร/ู้ ตวั ชว้ี ัด สาระท่ี 2 การเขียน มาตรฐาน ท ๒.๑ ใช้กระบวนการเขยี นเขยี นส่ือสาร เขยี นเรียงความ ยอ่ ความ และเขียนเร่ืองราวในรปู แบบ ตา่ ง ๆ เขยี นรายงานขอ้ มูลสารสนเทศและรายงานการศกึ ษาคน้ ควา้ อยา่ งมปี ระสทิ ธภิ าพ ตัวชีว้ ัด ป.๕/๘ เขียนเร่ืองตามจินตนาการ ๒. สาระสาคญั /ความคดิ รวบยอด การเขียนเรื่องตามจินตนาการ เป็นการเขียนเร่ืองราวท่ีเกิดจากความคิด ความรู้สกึ จากจินตนาการ สร้างภาพรายละเอียดตา่ ง ๆ เปน็ งานเขยี นอิสระที่ผูเ้ ขียนตอ้ งหม่นั ฝกึ คิด สงั เกต คิดสร้างสรรค์ สามารถลาดับ ความคดิ และถา่ ยทอดออกมาเป็นงานเขียนทนี่ า่ สนใจได้ ๓. จุดประสงค์การเรยี นรู้ 3.1 ดา้ นความรู้ ความเขา้ ใจ (K) บอกหลกั การเขียนเรือ่ งตามจนิ ตนาการได้ 3.2 ดา้ นทกั ษะ/กระบวนการ (P) เขยี นเรอ่ื งตามจนิ ตนาการได้ 3.3 ดา้ นคุณลักษณะ เจตคติ ค่านยิ ม (A) มีความคดิ สร้างสรรคใ์ นการเขยี น ๔. สาระการเรยี นรู้ - การเขยี นเร่ืองตามจินตนาการ ๕. สมรรถนะสาคัญของผู้เรียน 5.1 ความสามารถในการสอื่ สาร 5.2 ความสามารถในการคดิ ๖. คุณลักษณะอันพงึ ประสงค์ 6.1 ใฝ่เรียนรู้ 6.2 ม่งุ ม่ันในการทางาน 7. กิจกรรมการเรียนรู้

หน่วยการเรียนรูท้ ่ี ๖ เรอ่ื ง นทิ านอา่ นสนกุ การจัดกจิ กรรมการเรียน รายวชิ า ภาษาไทย หน่วยการเรยี นรทู้ ี่ 6 เ แผนการจดั การเรียนรทู้ ่ี 7 เรอ่ื ง การเขียน ลาดบั ขอบเขตเนอ้ื หา/ ข้นั ตอนการจัด เวลา แ ที่ จดุ ประสงค์การเรียนรู้ การเรียนรู้ ทีใ่ ช้ กิจกรรมคร 1 ขอบเขตเนื้อหา ขัน้ นา 5 ๑. ครูนารูปภาพอวกา - การเขียนเรอื่ งตาม นาที นกั เรียนดแู ละแสดง จนิ ตนาการ ความคดิ เห็นเกีย่ วกบั ก เร่ืองตามจนิ ตนาการ 2. ครตู งั้ คาถามชวนค ครู : นกั เรยี นเห็นอะไ บ้าง ครู : ถ้าวนั หน่ึงนกั เรีย โอกาสได้ไปอวกาศ น ทาอะไรเป็นสิง่ แรก ครู : สง่ิ ท่นี กั เรยี นคิด ทราบไหมว่าน่นั คอื การจินตนาการ ครู : แลว้ รไู้ หมวา่ จินต คอื อะไร 3. ครูพดู แสดงความค

๙๕๓ นรู้ ชั้นประถมศกึ ษาปที ่ี 5 เร่ือง นทิ านอ่านสนุก จานวน 10 ช่วั โมง นเรือ่ งตามจนิ ตนาการ จานวน 1 ชวั่ โมง แนวการจัดการเรียนรู้ สือ่ การเรยี นรู้ การประเมิน - รูปภาพอวกาศ การเรยี นรู้ รู กจิ กรรมนกั เรยี น าศมาให้ 1. นักเรียนดรู ูปภาพอวกาศ และแสดงความคดิ เห็น การเขยี น เกยี่ วกบั การเขยี นเรือ่ งตาม จินตนาการ คดิ ว่า 2. นกั เรยี นตอบคาถามชวนคิด - คาถาม - สงั เกตการตอบ ไรในภาพ ดงั น้ี คาถามของ นักเรียน นักเรยี น : อาจตอบจากความรู้ ยนมี เดิมหรอื ประสบการณ์เดมิ ท่ี นกั เรียนจะ นกั เรยี นมีอยู่ นกั เรียน ตนาการ คิดเห็นว่า 3. นกั เรียนทาความเข้าใจและ

๙๕๔ คู่มอื ครูและแผนการจดั การเรียนรู้ ระดบั ประถมศึกษา ภาคเ ลาดับ ขอบเขตเนือ้ หา/ ขั้นตอนการจดั เวลา แ ท่ี จดุ ประสงค์การเรยี นรู้ การเรยี นรู้ ท่ใี ช้ กิจกรรมคร การเขยี นเรือ่ งตามจนิ น้นั ไม่ยาก เพยี งแต่ตอ้ ความคดิ สรา้ งสรรคป์ ร ด้วย และเช่ือมโยงเข บทเรียน 2. จดุ ประสงคก์ ารเรียนรู้ ข้นั สอน 20 1. ครูถามนักเรียนเพ 1. บอกหลกั การเขียน นาที ตอ่ จากข้ันนาเข้าสบู่ ท เรือ่ งตามจนิ ตนาการ “การเขยี นเรอื่ งตาม ได้ จินตนาการคอื อะไรก ครู : สรปุ แล้ว การเขีย ตามจินตนาการคืออะ 2. ครูกาหนดใหน้ กั เร รว่ มกันศึกษาใบความ เร่อื ง การเขยี นเรื่องต จนิ ตนาการ 3. ครถู ามนกั เรียนอีก ครู : การเขยี นเรอ่ื งตา จนิ ตนาการคืออะไร แ หลกั การเขียนเรอ่ื งอย


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook