Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore ED-APHEIT 2022 ระดับชาติ

ED-APHEIT 2022 ระดับชาติ

Published by ED-APHEIT, 2022-04-04 03:34:12

Description: ED-APHEIT 2022 ระดับชาติ ครั้งที่ 6 การประชุมวิชาการ และเผยแพร่ผลงานวิจัยคัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2565

Search

Read the Text Version

การประชมุ วิชาการและเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดบั ชาติ คร้งั ที่ 6 \"ความท้าทายของการจัดการการศึกษาใหมห่ ลงั วิกฤติ COVID-19” วนั ที่ 26 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี การมสี ่วนรว่ มของผูป้ กครองในการส่งเสรมิ การเรยี นรขู้ องนักเรยี นโรงเรียนสามโคก สงั กดั องค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวดั ปทุมธานี Parental participation in promoting learning of students in Samkhok School under the Pathumthani Provincial Administrative Organization อทุ ัย นิม่ เดช วทิ ยาลยั ทองสุข E-mail [email protected] บทคัดยอ่ การวจิ ยั มวี ัตถุประสงค์เพื่อศกึ ษาและเปรียบเทยี บการมสี ว่ นรว่ มของผู้ปกครองในการสง่ เสรมิ การเรียนรู้ของ นกั เรียนโรงเรียนสามโคก สังกัดองค์การบริหารส่วนจงั หวดั ปทุมธานี จำแนกตามเพศ ระดับการศึกษา และอาชีพ กลุ่ม ตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียนสามโคก สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ปี การศึกษา 2564 จำนวน 354 คน ได้มาโดยกำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่างจากตารางของเครจซ่ีและมอร์แกน และ สุ่มแบบแบง่ ช้นั โดยใช้ระดับชน้ั เรียนเป็นช้นั และสุม่ อย่างง่าย ใชแ้ บบสอบถามในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มลู มีลักษณะเป็น แบบมาตราส่วนประมาณคา่ 5 ระดบั คา่ ดัชนคี วามสอดคล้องตง้ั แต่ 0.80-1.00 มคี ่าความเช่ือมัน่ เท่ากับ 0.97 สถิติท่ี ใชใ้ นการวเิ คราะหข์ อ้ มลู ได้แก่ การแจกแจงความถ่ี ร้อยละ ค่าเฉลย่ี ส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน การทดสอบค่าทีและการ วิเคราะหค์ วามแปรปรวนแบบทางเดียวและทำการทดสอบเปน็ รายคดู่ ้วยวิธกี ารของเชฟเฟ่ คำสำคญั : การมสี ว่ นรว่ มของผปู้ กครอง การส่งเสริมการเรยี นรู้ ABSTRACT The research aims to study and compare the participation of parents in promoting learning of students in Samkhok School the Pathumthani Provincial Administration Organization classified by gender, and occupation. The sample were 354 parents, School Under the Pathum Thani Provincial AdministrationIt was obtained by determining the sample size from Craigsie and Morgan's tables. and randomly stratified using the class level as a class and a simple random The questionnaire was used to collect the data with a 5-level estimation scale, the consistency index ranging from 0.80-1.00 with a confidence value of 0.97. The statistics used in the data analysis are: Frequency Distribution Percentage Mean Standard Deviation T-test and one-way analysis of variance and paired tests using Schefe's method. KEYWORDS : Parents' participation, promoting learning 500

การประชุมวิชาการและเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ คร้ังที่ 6 \"ความท้าทายของการจดั การการศกึ ษาใหมห่ ลังวิกฤติ COVID-19” วนั ท่ี 26 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี บทนำ การพัฒนาประเทศให้คนในสังคมอยู่รวมกนั อย่างสงบสุขเศรษฐกิจเจริญเติบโต อย่างมีคุณภาพและยั่งยนื ภายใต้กระแสการเปลี่ยนแปลงทั้งภายในและภายนอกประเทศ ที่เปลี่ยนแปลงเร็ว คาดการณ์ได้ยากและซบั ซ้อนมาก ยิ่งขึ้น การพัฒนาในระยะแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคม ฉบับที่ 11 ได้กำหนดทิศทางและยุทธศาสตร์การพฒั นาที่ เหมาะสมโดยเรง่ สรา้ งภมู คิ มุ้ กนั เพื่อป้องกนั ปจั จัยเสยี่ งและเสรมิ รากฐานของประเทศด้านตา่ ง ๆ ให้เข้มแข็งควบคู่ไป กับการพัฒนาคนและ สังคมไทยให้มีคุณภาพมีโอกาสเข้าถึงทรัพยากรและได้รับประโยชน์จากการพัฒนาเศรษฐกจิ และ สังคมอย่างเป็นธรรม รวมทั้งสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจด้วยฐานความรู้ และความคิดสร้างสรรคบ์ น พื้นฐานการ ผลติ และบริโภคท่เี ปน็ มติ รต่อส่ิงแวดล้อม นำไปสูก่ ารพัฒนาประเทศทมี่ นั่ คงและยง่ั ยนื ยทุ ธศาสตรก์ ารพัฒนาที่สำคัญ ในระยะแผนพัฒนาเศรษฐกจิ และสงั คม ฉบบั ท่ี 11 (กระทรวงมหาดไทย 2555 :10) แนวทางการปฏิรูปที่สำคัญคือปฏิรูปผู้บริหาร ครูอาจารย์ ปฏิรูปหลักสูตรการเรียน การสอน การ วัดผล และปฏิรูปโครงสร้างการบริหารจดั การให้มีคุณภาพ/ประสิทธิภาพเพ่ิมข้นึ ปฏริ ปู การคัดเลือก คนที่ต้องการ เรียนครูอยา่ งเลือกเฟ้น และปฏิรูปหลักสูตรการสอน การวัดผล นักศึกษาครูและครูต้องรักการอ่าน ใฝ่รู้เรียนรู้ด้วย ตนเอง คดิ วิเคราะห์เปน็ จึงจะสามารถไปสอน นักเรยี นในแนวใหมไ่ ดส้ ำหรับ ครเู กา่ ต้องประเมินผลใหม่ เช่น จัดให้ ครูระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษาทดสอบวิชาพืน้ ฐาน จิตวิทยา การเรียน ความรู้ทักษะการสอน แบบคิดวิเคราะห์ ทำนอง ขอ้ สอบ PISA ของ OECD ครทู ไี่ ดค้ ะแนนต่ำ- ปานกลางควรจัดฝกึ อบรมใหม่แบบเนน้ ภาคปฏิบัติ และติดตาม ผลการฝกึ อบรมอย่างจรงิ จังจัดฝึกอบรมใหม่ สำหรับครูทุกคน ใหค้ รูปรบั เปลี่ยน พฤตกิ รรมเป็นคนท่ีรักการอ่าน รัก การเรียนรู้คิดวิเคราะห์เป็น สามารถ ทำงานและสอนแบบใหม่ได้ ขณะเดียวกันก็ควรเพิ่มผลตอบแทนและการให้ แรงจงู ใจครคู วบคไู่ ปกับการจัดฝึกอบรมเพ่ิมเติม มี การชว่ ยเหลือพัฒนาครู แบบสมั มนาเชิงปฏิบัติการท่ีมีคุณภาพ มีการติดตามประเมินผลอย่าง ต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่จัดการอบรมแบบบรรยายเปลีย่ นวธิ ีการประเมินผลของการทำงาน ของครูและผู้บริหารโดยเน้นผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียนส่วนใหญ่มากกว่าการประกวดแข่งขันระดับชาติ โดยควรใช้ วิธี ประเมินว่าครูสามารถทำให้นกั เรียนของตนทั้งโรงเรียนหรือทั้งช้ันสอบได้คะแนนเฉลี่ยสูงขึ้นหรือทำให้นักเรยี นสอบ ผ่านเกณฑ์ขั้นต่ำเป็นสัดส่วนสูงขึ้นกว่าปีก่อนหรือไม่ อย่างไร แทนที่จะเน้น แต่การสร้างนักเรียนเก่งส่วนน้อยไป แข่งขันกันวา่ นกั เรยี นโรงเรียนจะชนะการแขง่ ขันหรือสอบเข้า มหาวทิ ยาลยั รฐั ได้มาก เปลยี่ นแปลงวิธกี ารประเมิน ความดีความชอบครูอาจารย์ตามสายบังคบั บัญชา ในระบบราชการรวมศนู ย์การสอบ และการส่งผลงานเขียนขอวิทย ฐานะแบบเก่าเป็นการตั้งคณะกรรมการ(ที่มีคุณภาพเป็นธรรม) ติดตามและประเมินผลการทำงานครูโดยเน้นความ ตั้งใจในการพัฒนาตนเอง/ทำงานและผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาของลูกศิษย์ ปฏิรูประบบการบริหาร บุคลากรครูมี เส้นทาง ความก้าวหน้าในการเป็นผู้สอน ผู้วิจัย และช่วยฝึกอบรมครูรุ่นเยาว์กว่าได้โดยไม่ต้องแข่งกันเพื่อเป็น ผู้บรหิ ารทางเดียว (สำนักเลขาธกิ ารสภาการศึกษา 2562 : 3) ความรู้ทักษะสำหรับโลกยุคดิจิทัล ความก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดดในด้านวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีที่นิยม เรยี กรวมๆว่า เทคโนโลยีดิจิทัล ทำใหก้ ารผลิตและการบริหารจัดการเศรษฐกิจเปล่ยี นไป อย่างขนานใหญ่ สามารถใช้ ระบบคอมพิวเตอรห์ นุ่ ยนตร์ ะบบอตั โนมตั ปิ ญั ญาประดษิ ฐ์ (AI) ผลิตและ กระจายสินค้าบริการได้เร็วขึ้น มากขึ้น ต้นทุนต่ำลง ปัญญาประดิษฐ์ทำงานหลายอย่างแทนแรงงาน มนุษย์ได้ระบบเศรษฐกิจยคุ ใหมใ่ ช้แรงงานภาคอุตสาหกรรมแบบเกา่ ลดลง เน้นการใชแ้ รงงานที่มีความรู้ ทักษะแบบ 501

การประชุมวชิ าการและเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดับชาติ ครงั้ ที่ 6 \"ความท้าทายของการจดั การการศึกษาใหมห่ ลงั วกิ ฤติ COVID-19” วนั ท่ี 26 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี คิดวิเคราะห์เป็น มีจินตนาการและเรียนรู้อะไรใหม่ๆ ได้ดี ปรับตัวได้เก่ง เพิ่มขึ้น การจัดการ ศึกษาของไทยต้อง เปลี่ยนแปลงปฏิรูปอย่างขนานใหญ่ เพื่อพัฒนาพลเมืองที่มีความรู้ ทักษะทำงานกับ เทคโนโลยีดิจิทัลได้ฉลาด รับผิดชอบ คิดวิเคราะห์สังเคราะห์ประยุกต์ใช้เป็น มีความสามารถในการ ทำงาน แก้ไขปัญหา และแข่งขันทาง เศรษฐกจิ ไดม้ ากขึน้ ประเทศทไ่ี ม่สามารถปฏิรปู การจัดการศกึ ษา ของตนให้ก้าวตามทันเทคโนโลยีสมัยใหม่ได้จะถูก ทอดทิ้งให้ล้าหลังตกต่ำลง ประชากรจะตกงานและ ยากจนเพิ่มขึ้น ไทยจำเป็นต้องปฏิรูปการจัดการศึกษาและการ ฝึกอบรมแรงงาน ในเชิงโครงสร้างเศรษฐกิจสังคม ทั้งระบบอย่างเข้าใจสภาพปัญหา ตระหนักถึงทรัพยากร ศกั ยภาพและความถนดั ของประชากร รวมทงั้ เลือกเป้าหมาย/แนวทางการพฒั นาเศรษฐกิจสังคม ทเี่ นน้ ประสิทธิภาพ เพอื่ สว่ นรวมกระจายผลการพฒั นาอย่างสมดุล เป็นธรรม ลดการทำลาย และอนุรกั ษฟ์ ืน้ ฟูระบบนเิ วศเพื่อการพัฒนา อย่างยั่งยืน มากกว่า การเน้นการเพิ่มความเจริญเติบโตทางวัตถุ ที่สร้างความเหลื่อมล้ำสูงและปัญหาอื่นตามมา มากมาย อย่างที่เป็นอยู่การปฏิรูปศึกษาควรจะมีเป้าหมายที่กว้างไกลมากกวา่ การสร้างมนุษย์ทางเศรษฐกิจที่ม่งุ แขง่ ขนั หาเงินและบริโภค นนั่ กค็ ือควรพัฒนามนุษย์ทีส่ มบูรณ์ มที ้ังความรู้ ทักษะทสี่ ามารถใชใ้ นการทำมาหากิน เลยี้ ง ตัวเองและครอบครัว และความฉลาด/ทักษะ ด้านอารมณ์และสังคม หรือการใช้ชีวิตที่สัมพันธ์กับผู้อื่นได้อย่างมี มนุษยส์ ัมพนั ธ์ที่ดีเข้าใจเห็นใจเอ้ืออาทร ตอ่ ผูอ้ น่ื มคี วามสขุ ความพอใจในชวี ิตและการงาน รู้สึกว่าชีวิตมีความหมาย รสู้ ึกเป็นสว่ นหน่ึงของสงั คมเป้าหมายน้ีคอื แนวทางพฒั นามนุษย์ที่สำคญั ท่ีสดุ ท่ีจะทำใหม้ นุษย์เราเรยี นร้ไู ด้ดีขึ้น และ รสู้ ึก อยากทำดีต่อผ้อู น่ื หรือต่อสงั คมอยา่ งเขา้ ใจถึงสัจธรรมของชีวิตและโลกตระหนกั ถงึ ความจำเปน็ ของ การร่วมมือ กันเพื่อประโยชน์ของคนทั้งสังคม ช่วยกันแก้ไขและพัฒนาสังคมที่เนน้ ความสันติสุขความสมดุล เป็นธรรม และการ พฒั นาเศรษฐกจิ สงั คมในแนวทางอนุรกั ษ์ระบบนเิ วศไดอ้ ยา่ งยัง่ ยนื (สำนกั เลขาธกิ ารสภาการศกึ ษา 2560 : 5-7) พระราชบญั ญัติการศึกษาแหง่ ชาติพ.ศ. 2542 และท่แี ก้ไขเพิ่มเติม (ฉบบั ที่ 2) พ.ศ. 2545 (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2553 กำหนดกรอบและแนวทางการปฏิรูปการศึกษาทั้งระบบ ทั้งในเรื่องสิทธิและหน้าที่ทางการศึกษา ระบบ การศกึ ษา แนวทางการจัดการศกึ ษาการบรหิ าร และการจัดการศกึ ษา มาตรฐานและการประกนั คุณภาพการศึกษาครู อาจารย์และบุคลากรทางการศึกษาทรัพยากรและการลงทุนเพื่อการศึกษาที่กำหนดให้การศึกษาต้องจัดให้บุคคลมี สิทธิและโอกาสเสมอกัน ในการรับการศึกษาขั้นพื้นฐานไม่น้อยกว่า สิบสองปีที่รัฐจะต้องจัดให้อย่างทั่วถึงและมี คุณภาพหรือบุคคลไม่สามารถพึ่งตนเองได้หรือไม่มีผู้ดูแลหรือต้อยโอกาส ต้องจัดให้อย่างทั่วถึงและมีคุณภาพสิทธิ และโอกาสไดร้ บั การศกึ ษาขั้นพืน้ ฐานเป็นพิเศษ การศึกษาสำหรบั คนพกิ ารใหจ้ ดั ตง้ั แตแ่ รกเกิดหรือพบความพิการโดย ไม่เสียค่าใช้จ่ายและให้บุคคลดังกล่าวมีสิทธิ์รับสิ่งอำนวยความสะดวก สื่อ บริการและความช่วยเหลืออื่นใดทาง การศกึ ษาตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวงการจัดการศึกษาสำหรับบุคคลซง่ึ มีความสามารถพิเศษ ต้องจดั ดว้ ยรปู แบบทเ่ี หมาะสม โดยคำนงึ ถงึ ความสมดลุ ของบุคคลนน้ั (กระทรวงศึกษาธิการ 2555 : 4) การศึกษาเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่มนุษย์ทุกคนพึงได้รับ และพึงมีการศึกษาเป็นเครื่องมือและเป็นกระบวนการที่ สำคญั ยิ่งตอ่ การพัฒนาทรพั ยากรมนษุ ย์เพราะการพัฒนาประเทศให้มี ความเจรญิ กา้ วหน้าน้ัน ต้องอาศยั ปัจจัยหลาย ประการที่จะช่วยพัฒนาให้ประเทศเจริญก้าวหน้า บรรลุเป้าหมายท่ีกำหนดไว้ปจั จัยด้านการศึกษาถือว่ามีบทบาท สำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคมของประเทศ การพัฒนาคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่องทุกด้านให้ตอบสนอง ความตอ้ งการ ของสงั คมและก้าวทันตอ่ ความเจริญก้าวหน้าของโลก มีการพฒั นาหลกั สูตรและการเรยี นการสอน โดย เนน้ ผู้เรยี นเปน็ สำคัญ มกี ารบรู ณาการในการเรียนการสอนสอดแทรกคุณธรรมจริยธรรม ในกจิ กรรมการจัดการเรียน 502

การประชุมวชิ าการและเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ คร้งั ท่ี 6 \"ความทา้ ทายของการจดั การการศกึ ษาใหมห่ ลังวกิ ฤติ COVID-19” วนั ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี การสอน การศึกษาขั้นพื้นฐานในปัจจุบนั เปน็ สิทธิที่เด็กและเยาวชน ทุกคนต้องได้รับอยา่ งต่อเนื่องตลอดชีวิต โดย สอดคล้องกับความสามารถความถนดั และความ สนใจที่แตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล รัฐและสังคมจงึ จัดการศึกษา สำหรับเด็ก และเยาวชนให้พัฒนาตนเองได้อยา่ งเต็มศักยภาพบรรลุถึงขีดสูงสุดในทกุ ดา้ น ไม่ลดทอนหรือสกดั กัน้ ความสามารถด้านใดด้านหน่งึ ของบุคคล โดยมีครอบครวั และสังคมใหก้ ารดูแลสง่ เสรมิ ให้เป็นคนที่สมบูรณ์ท้ังด้าน สติปัญญาร่างกายจิตใจอารมณ์และสังคมเป็นคนดีมีคุณภาพควบคู่ไปกับ ความสามารถที่มีอยู่ ตลอดจนสนับสนุน ส่งเสริมให้นำ ความสามารถพิเศษนั้นๆ ไปพัฒนาองค์ความรูใ้ ห้กับสังคมประเทศชาติในฐานะผู้นำ ทางวิชาการตาม ศักยภาพในด้านที่ตนมีในขณะเดียวกนั ก็ให้สามารถดำเนินชีวิตของตนเองอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข (กาญจนา ลออเลศิ ลักขณา 2560 :91) จากเหตุผลดังกล่าวข้างตน้ ผู้ศึกษา จึงต้องศกึ ษาการมีสว่ นร่วมของผู้ปกครองและทม่ี ีผลต่อนักเรียน จึงต้อง ศึกษาปัจจัย ดังกล่าวได้แก่เพศ ระดับการศึกษา และอาชีพ โดยการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมของผูป้ กครองในการ ส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรยี น โรงเรียนสามโคกสังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี และในอดีตที่ผ่านมามี ผู้ปกครองได้ให้ความร่วมมือในการส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียนเป็นจำนวนมาก แต่ปัจจุบันมีจำนวนลดลงมาก ฉะน้นั ผู้วิจยั ในฐานะเป็นบุคลากรในโรงเรยี นสามโคก สังกดั องคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั ปทุมธานี จึงมีความสนใจท่ีจะ ศึกษาการมีส่วนรว่ มของผู้ปกครองในการส่งเสริมการเรียนรู้ของนกั เรียนโรงเรยี นสามโคกสังกัดองค์การบริหารส่วน จังหวัดปทุมธานี เพื่อเปน็ ข้อมลู สำหรับผู้บริหารโรงเรียน สามารถนำไปประกอบการพิจารณา แก้ไข ปรับปรุง การมี สว่ นรว่ มของผปู้ กครองในการสง่ เสริมการเรยี นรูข้ องนักเรยี นใหม้ ปี ระสิทธภิ าพเพิ่มมากขึ้น วตั ถุประสงคก์ ารวจิ ัย 1. เพ่อื ศึกษาการมสี ว่ นร่วมของผู้ปกครองในการสง่ เสริมการเรียนรูข้ องนักเรียน โรงเรยี นสามโคก สงั กัด องค์การบรหิ ารส่วนจังหวดั ปทมุ ธานี 2. เพ่อื เปรียบเทียบการมสี ่วนร่วมของผ้ปู กครองในการสง่ เสริมการเรียนร้ขู องนกั เรียน โรงเรยี นสามโคกสงั กัด องคก์ ารบริหารส่วนจังหวัดปทมุ ธานี จำแนกตามเพศ ระดับการศกึ ษา และอาชพี วธิ ดี ำเนนิ การวจิ ัย การวจิ ยั เร่ือง การมีสว่ นรว่ มของผปู้ กครองในการส่งเสริมการเรียนรขู้ องนกั เรยี นโรงเรียนสามโคก สงั กัด องค์การบริหารส่วนจงั หวัดปทมุ ธานี เปน็ การศึกษาเชงิ สำรวจ (Survey research) โดยการเก็บรวบรวมข้อมลู นั้น ผู้ ศกึ ษาใช้แบบสอบถาม (Questionnaire) ท่ีผู้ศึกษาสร้างขน้ึ เป็นเครอ่ื งมือในการเก็บรวบรวมข้อมลู โดยรายละเอยี ด เก่ยี วกบั วธิ ีการดำเนินการศึกษามดี งั น้ี 1. ข้ันตอนการดำเนนิ การวจิ ัย 2. ประชากร 3. เคร่อื งมือทีใ่ ช้ในการวิจัย 4. วธิ กี ารเก็บรวบรวมขอ้ มลู 5. การวเิ คราะหข์ อ้ มูล 6. สถิติที่ใช้ในการวเิ คราะหข์ อ้ มลู 503

การประชุมวชิ าการและเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครั้งท่ี 6 \"ความทา้ ทายของการจัดการการศึกษาใหมห่ ลังวิกฤติ COVID-19” วนั ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี ขั้นตอนการดำเนนิ การวจิ ยั การวจิ ยั ครงั้ นผี้ ูว้ ิจยั ไดก้ ำหนดขั้นตอนการดำเนนิ การวจิ ัย โดยทำตามลำดบั ขั้นตอน การวิจยั ไว้ 3 ข้นั ตอน ดงั นี้ ขั้นตอนที่ 1 การจดั เตรียมวางแผนการดำเนนิ งาน ข้นั ตอนนี้ผูว้ ิจยั ไดว้ ิจัยแนวความคิด ทฤษฎีและงานวิจัยทเ่ี กี่ยวข้องกับการมสี ว่ นร่วมของผปู้ กครองในการ สง่ เสริมการเรยี นรู้ โดยกำหนดวัตถุประสงค์ของการวจิ ยั ขอบเขตการวจิ ยั กรอบแนวคิดของการวจิ ยั คำนิยามศัพท์ เฉพาะ ขัน้ ตอนการดำเนินการวจิ ยั ประชากรและเคร่ืองมอื ทีใ่ ชใ้ นการวิจัย ขั้นตอนที่ 2 การดำเนนิ งาน ผูว้ ิจัยสรา้ งเคร่ืองมอื ทีใ่ ชใ้ นการวจิ ัยซง่ึ เปน็ แบบสอบถามนำไปใหผ้ ู้ทรงคณุ วฒุ ิตรวจสอบและใหข้ อ้ คิดเห็น และได้ดำเนนิ การแก้ไขปรับปรงุ แบบสอบถามเพ่อื ใหเ้ กิดความสมบรู ณ์กอ่ นการกำหนดวิธีการเกบ็ รวบรวมข้อมลู การ วิเคราะห์ข้อมลู และการกำหนดสถิติทใี่ ช้ในการวิเคราะหข์ อ้ มูลและการสรปุ ผล ขน้ั ตอนที่ 3 การรายงานผลการวจิ ยั ขัน้ ตอนนเ้ี ป็นขนั้ ตอนการจัดทำการรายผลการวจิ ัย จากการสรุปผลการวิจัย อภปิ รายผลและการจดั ทำ ขอ้ เสนอแนะ การจดั พิมพร์ ปู เลม่ และการนำเสนอบัณฑติ วิทยาลัยเพอ่ื พิจารณาอนุมตั ิ ผลการวเิ คราะห์ข้อมลู การวิจัยเรื่อง การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียน โรงเรียนสามโคก สังกัด องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี มีวัตถุประสงค์ของการวิจัย เพื่อศึกษาการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการ ส่งเสรมิ การเรียนรขู้ องนกั เรียนและเพื่อเปรียบเทยี บการมีส่วนรว่ มของผู้ปกครองในการสง่ เสริมการเรียนรขู้ องนักเรียน โรงเรยี นสามโคก สงั กัดองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวัดปทุมธานี จำแนกตามเพศ ระดับการศกึ ษา และอาชีพ โดยใช้กลุ่ม ตัวอย่างจำนวน 354 คน ผู้ศึกษาสามารถเก็บข้อมูลได้ทั้งหมด คิดเป็นร้อยละ 100 นำมาวิเคราะห์ข้อมูล ผลการ วเิ คราะหข์ อ้ มูลแบง่ ออกเปน็ 3 ตอน คือ ตอนที่ 1 สถานภาพโดยท่ัวไปของผ้ตู อบแบบสอบถาม ตอนท่ี 2 การมสี ่วนรว่ มของผูป้ กครองในการส่งเสรมิ การเรียนรู้ของนกั เรยี น โรงเรียนสามโคก สังกดั องค์การ บริหารสว่ นจังหวัดปทุมธานี ตอนท่ี 3 การเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการส่งเสรมิ การเรยี นรู้ของนกั เรียน โรงเรยี นสาม โคก สงั กดั องค์การบริหารส่วนจงั หวัดปทมุ ธานี สญั ลกั ษณท์ ี่ใชใ้ นการวิเคราะห์ขอ้ มูล x̅ แทน คา่ เฉล่ยี (Mean) S.D. แทน สว่ นเบ่ียงเบนมาตรฐาน (Standard Deviation) n แทน จำนวนคนในกล่มุ ตวั อยา่ ง t แทน คา่ ทใ่ี ช้พิจารณาใน t-distribution SS แทน ผลรวมกำลงั สอง (Sum of Squares) 504

การประชุมวชิ าการและเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ ครง้ั ท่ี 6 \"ความท้าทายของการจดั การการศกึ ษาใหม่หลังวกิ ฤติ COVID-19” วันท่ี 26 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี df แทน ชั้นของความเปน็ อสิ ระ (Degrees of Freedom) MS แทน คา่ เฉล่ยี ของผลรวมกำลงั สอง (Mean Squares) F แทน ค่าทใ่ี ช้ในการพจิ ารณาใน F-distribution p แทน ค่าความน่าจะเปน็ * แทน มนี ยั สำคัญทางสถิติทรี่ ะดับ .05 ตอนที่ 1 สถานภาพโดยท่ัวไปของผู้ตอบแบบสอบถาม ตารางท่ี 2 แสดงจำนวน และรอ้ ยละ ของสถานภาพผ้ปู กครอง จำแนกตาม เพศ ระดบั การศึกษา และอาชีพ การ มสี ว่ นรว่ มของผปู้ กครองในการสง่ เสริมการเรยี นรขู้ องนักเรียน โรงเรียนสามโคก สังกัดองค์การบรหิ ารส่วน จังหวดั ปทมุ ธานี สถานภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม จำนวน (คน) ร้อยละ 1. เพศ ชาย 143 40.40 หญงิ 211 59.60 รวม 354 100.00 2. ระดับการศกึ ษา ต่ำกวา่ ปรญิ ญาตรี 262 74.01 ปรญิ ญาตรี 71 20.06 สูงกว่าปรญิ ญาตรขี ึ้นไป 21 5.93 รวม 354 100.00 3. อาชพี รับราชการ/พนกั งานของรฐั 39 11.02 พนักงานบรษิ ทั /ธุรกิจสว่ นตัว 139 39.26 รบั จ้าง/เกษตรกร 176 49.72 รวม 354 100.00 จากตารางท่ี 2 พบวา่ ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญเ่ ป็นเพศหญิง จำนวน 211 คน คิดเป็นร้อยละ 59.60 ระดบั การศกึ ษาต่ำกว่าปริญญาตรี จำนวน 262 คน คดิ เปน็ รอ้ ยละ 74.01 และอาชพี รบั จา้ ง/เกษตรกร จำนวน 176 คน คดิ เป็นร้อยละ 49.72 505

การประชมุ วชิ าการและเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ คร้งั ท่ี 6 \"ความท้าทายของการจดั การการศกึ ษาใหมห่ ลงั วิกฤติ COVID-19” วันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี ตอนท่ี 2 การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการสง่ เสริมการเรยี นรขู้ องนกั เรียนโรงเรยี นสามโคก สังกัดองคก์ ารบริหาร สว่ นจงั หวัดปทุมธานี ตารางที่ 3 คา่ เฉล่ีย สว่ นเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดบั การมีส่วนร่วมของผ้ปู กครองในการสง่ เสริมการเรียนร้ขู อง นกั เรียนโรงเรยี นสามโคก สงั กัดองคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวัดปทุมธานี โดยรวม และรายดา้ น (n = 354) การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการสง่ เสรมิ การเรียนรู้ x̅ S.D. ระดับ ลำดบั ของนกั เรยี นโรงเรยี นสามโคก 1. ดา้ นความรู้ 3.90 0.90 มาก 3 2. ดา้ นพฤติกรรม 4.22 0.81 มาก 1 3. ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผเู้ รยี น 4.17 0.83 มาก 2 รวม 4.10 0.85 มาก จากตารางที่ 3 พบว่า การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการส่งเสรมิ การเรียนรู้ของนักเรยี นโรงเรียนสามโคก สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี โดยรวมอยู่ในระดับมาก ( X = 4.10, S.D. =0.85) เมื่อพิจารณาเปน็ ราย ด้าน พบว่า อยู่ในระดับมากทุกด้าน โดยเรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อยดังนี้ ด้านพฤติกรรม ( X = 4.22, S.D.= 0.81) ด้านสมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน ( X = 4.17, S.D.= 0.83) และดา้ นความรู้ ( X = 3.90, S.D. = 0.90) ตารางท่ี 4 คา่ เฉลย่ี ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และระดบั การมีสว่ นร่วมของผู้ปกครองในการสง่ เสรมิ การเรียนรู้ของ นกั เรยี นโรงเรยี นสามโคก สงั กัดองคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวดั ปทุมธานี ดา้ นความรู้ โดยรวม และรายข้อ (n = 354) ดา้ นความรู้ ���̅��� S.D. ระดับ ลำดับ 1. ท่านใหค้ วามรู้เพิม่ เตมิ นอกเหนือจากบทเรยี นใหก้ ับ นกั เรียน 3.92 0.90 มาก 5 2. ทา่ นใหค้ วามรู้เก่ยี วกบั สภาพแวดลอ้ มในทอ้ งถิ่นแก่ นกั เรียน 3.94 0.86 มาก 4 3. ทา่ นมสี ว่ นร่วมในการทำการบ้านของนกั เรยี น 3.65 0.99 มาก 10 4. ทา่ นชว่ ยแนะนำและสอนการบ้านเม่ือนกั เรยี นเกิดความ สงสัย 3.80 0.97 มาก 8 5. ทา่ นได้ตรวจสอบ การทำการบา้ นของนกั เรยี นอย่าง สมำ่ เสมอ 3.66 0.96 มาก 9 6. ท่านสามารถใหข้ อ้ มูลนักเรียนในการประเมินผลตามสภาพ จริง 3.86 0.93 มาก 7 506

การประชุมวิชาการและเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดบั ชาติ คร้งั ที่ 6 \"ความทา้ ทายของการจดั การการศกึ ษาใหมห่ ลงั วกิ ฤติ COVID-19” วนั ท่ี 26 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี ด้านความรู้ ���̅��� S.D. ระดบั ลำดบั 7. ทา่ นสามารถใหข้ อ้ มูลยอ้ นกลับเม่อื ไดร้ ับทราบผลการ มาก 6 ประเมนิ ตามสภาพจริง 3.88 0.87 มาก 3 8. ท่านสามารถชว่ ยพัฒนาการเรียนของนักเรียนได้จากการ มาก 1 มาก 2 รับผลการประเมินจากแฟม้ สะสมงาน 3.99 0.87 มาก 9. ทา่ นพรอ้ มที่จะใหค้ ำปรกึ ษาในเร่อื งสว่ นตัวของนักเรยี น เสมอเมอื่ นักเรยี นขอคำปรึกษา 4.20 0.78 10. ทา่ นช่วยแนะนำนกั เรียนถงึ วิธีการเรียนใหม้ ผี ลการเรยี น ใหด้ ขี น้ึ อยู่เสมอ 4.08 0.86 รวม 3.90 0.90 จากตารางที่ 4 พบว่า การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียนโรงเรียนสามโคก สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ด้านความรู้ โดยรวมอยู่ในระดับมาก ( X = 3.90, S.D. = 0.90) เม่ือ พจิ ารณาเป็นรายขอ้ พบวา่ อยู่ในระดับมากทกุ ข้อ โดยเรยี งลำดับคา่ เฉลี่ยจากมากไปหาน้อย 3 ลำดบั แรก ดังนี้ ท่าน พร้อมที่จะให้คำปรึกษาในเรื่องส่วนตวั ของนักเรียนเสมอเมื่อนักเรียนขอคำปรึกษา ( X = 4.20, S.D. = 0.78) ท่าน ช่วยแนะนำนกั เรยี นถึงวิธกี ารเรยี นให้มีผลการเรียนให้ดีขนึ้ อยู่เสมอ ( X = 4.08, S.D. = 0.86) และท่านสามารถช่วย พัฒนาการเรยี นของนกั เรียนได้จากการรบั ผลการประเมินจากแฟ้มสะสมงาน ( X = 3.99, S.D. = 0.87) ส่วนข้อท่ีมี คา่ เฉลีย่ ลำดบั สดุ ทา้ ย ไดแ้ ก่ ท่านมีสว่ นร่วมในการทำการบา้ นของนักเรียน ( X = 3.65, S.D. = 0.99) ตารางที่ 5 ค่าเฉล่ยี ส่วนเบย่ี งเบนมาตรฐาน และระดับการมสี ว่ นร่วมของผู้ปกครองในการสง่ เสริมการเรียนรู้ของ นกั เรียนโรงเรียนสามโคก สังกัดองคก์ ารบรหิ ารสว่ นจังหวดั ปทุมธานี ดา้ นพฤติกรรม โดยรวม และรายขอ้ (n = 354) ดา้ นพฤตกิ รรม ���̅��� S.D. ระดบั ลำดับ 1. ท่านส่งเสรมิ ให้นกั เรยี นมีความรบั ผดิ ชอบในเรือ่ งส่วนตวั 4.29 0.77 มาก 2 2. ท่านฝึกให้นกั เรียนรคู้ ณุ ค่าของสง่ิ ของดแู ลส่งิ ของอยา่ ง สม่ำเสมอ 4.25 0.74 มาก 5 3. ทา่ นฝกึ ความเปน็ ระเบยี บวินัยในการดำเนนิ ชวี ติ ของ นักเรยี น 4.24 0.83 มาก 6 4. ทา่ นเสนอแนะการเลือกรับประทานอาหารท่มี ีคณุ คา่ และ มีประโยชน์ตอ่ รา่ งกายของนักเรยี น 4.09 0.85 มาก 10 5. ทา่ นควบคุมพฤติกรรมของนกั เรยี นให้เป็นคนตรงต่อเวลา 4.13 0.81 มาก 9 6. ทา่ นฝึกใหน้ ักเรยี นมีความซ่อื สัตย์ด้วยการไม่พดู เท็จ 4.25 0.84 มาก 4 7. ทา่ นฝกึ ใหน้ กั เรียนรู้จกั การทำความเคารพผใู้ หญใ่ นโอกาส ตา่ งๆ 4.31 0.73 มาก 1 507

การประชุมวชิ าการและเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครง้ั ที่ 6 \"ความท้าทายของการจดั การการศกึ ษาใหม่หลงั วิกฤติ COVID-19” วนั ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี ดา้ นพฤติกรรม ���̅��� S.D. ระดบั ลำดับ 8. ท่านฝึกให้นักเรยี นรจู้ กั ดูแลรักษาความสะอาดของรา่ งกาย 4.28 0.77 มาก 3 9. ท่านแนะนำให้นกั เรียนไดเ้ ข้าใจความต้องการ การ เปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายทีเ่ ป็นไปตามวัยของนกั เรียน 4.20 0.83 มาก 7 10. ทา่ นแนะนำในการรู้จกั เพอื่ นต่างเพศและดแู ลตนเองให้ ปลอดภัยกับเพอ่ื นต่างเพศ 4.19 0.91 มาก 8 4.22 0.81 มาก รวม จากตารางที่ 5 พบว่า การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียนโรงเรียนสามโคก สงั กดั องค์การบรหิ ารส่วนจงั หวดั ปทมุ ธานี ดา้ นพฤตกิ รรม โดยรวมอยู่ในระดบั มาก ( X = 4.22, S.D. = 0.81) เมื่อ พิจารณาเปน็ รายข้อ พบวา่ อย่ใู นระดบั มากทุกข้อ โดยเรียงลำดับคา่ เฉล่ียจากมากไปหานอ้ ย 3 ลำดับแรก ดังนี้ ท่าน ฝกึ ให้นกั เรียนรูจ้ กั การทำความเคารพผใู้ หญ่ในโอกาสตา่ งๆ ( X = 4.31, S.D. = 0.73) ทา่ นสง่ เสรมิ ให้นกั เรียนมีความ รบั ผิดชอบในเรอ่ื งส่วนตัว ( X = 4.29, S.D. = 0.77) และท่านฝกึ ใหน้ กั เรียนรจู้ กั ดูแลรักษาความสะอาดของร่างกาย ( X = 4.28, S.D. = 0.77) ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยลำดับสุดท้าย ได้แก่ ท่านเสนอแนะการเลือกรับประทานอาหารที่มี คุณค่าและมปี ระโยชน์ตอ่ รา่ งกายของนักเรยี น ( X = 4.09, S.D. = 0.85) ตารางท่ี 6 ค่าเฉลยี่ ส่วนเบยี่ งเบนมาตรฐาน และระดับการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการสง่ เสริมการเรยี นรู้ของ นักเรยี นโรงเรียนสามโคก สงั กัดองค์การบริหารส่วนจงั หวัดปทมุ ธานี ด้านสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รยี น โดยรวม และรายข้อ (n = 354) ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผู้เรียน ���̅��� S.D. ระดบั ลำดบั 1. ทา่ นแนะนำใหน้ กั เรยี นร้จู กั การตดิ ต่อสือ่ สารและทักทาย กบั บุคคลทกุ เพศทกุ วัย 4.21 0.89 มาก 2 2. ท่านส่งเสรมิ ใหน้ ักเรยี นฝกึ การคิดอยู่เสมอ 4.16 0.77 มาก 7 3. ท่านส่งเสรมิ ให้นกั เรียนเขา้ รว่ มโครงการทเ่ี ปน็ ประโยชน์ ตอ่ การพฒั นาตนเองอยเู่ สมอ 4.11 0.86 มาก 8 4. ทา่ นฝกึ นกั เรียนใช้ชวี ติ ประจำวนั อยา่ งสรา้ งสรรค์ 4.20 0.77 มาก 3 5. ท่านเปน็ แบบอยา่ งท่ีดีในการเลือกแก้ไขปญั หาได้อย่าง เหมาะสม 4.06 0.80 มาก 9 6. ท่านอธบิ ายการใช้ทกั ษะชีวติ ในการดำเนนิ ชวี ติ ให้นกั เรยี น เข้าใจและปฏิบัตไิ ด้ 4.19 0.81 มาก 5 7. ทา่ นได้นำทักษะชีวิตของท่านมาเปน็ แบบอยา่ งในการ แนะนำ 4.19 0.76 มาก 4 8. ทา่ นส่งเสรมิ การใชเ้ ทคโนโลยใี หม่ๆ 4.06 0.90 มาก 10 508

การประชมุ วิชาการและเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ คร้งั ท่ี 6 \"ความทา้ ทายของการจัดการการศึกษาใหม่หลังวกิ ฤติ COVID-19” วนั ท่ี 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผ้เู รยี น ���̅��� S.D. ระดบั ลำดับ 9. ท่านอธิบายถงึ ประโยชนแ์ ละโทษของเทคโนโลยีให้ นักเรยี นเข้าใจและปฏิบัติได้ 4.16 0.90 มาก 6 10. ทา่ นฝึกฝนให้นักเรยี นชว่ ยเหลือตนเองเสมอ 4.37 0.80 มาก 1 4.17 0.83 มาก รวม จากตารางที่ 6 พบว่า การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรยี นโรงเรียนสามโคก สังกัดองคก์ ารบริหารส่วนจงั หวัดปทมุ ธานี ด้านสมรรถนะสำคัญของผ้เู รียน โดยรวมอยใู่ นระดับมาก ( X = 4.17, S.D. = 0.83) เม่ือพิจารณาเป็นรายขอ้ พบว่า อยใู่ นระดับมากทุกข้อ โดยเรยี งลำดบั ค่าเฉลยี่ จากมากไปหาน้อย 3 ลำดบั แรก ดังนี้ ท่านฝึกฝนให้นักเรียนช่วยเหลือตนเองเสมอ ( X = 4.37, S.D. =0.80) ท่านแนะนำให้นักเรียนรู้จักการ ติดต่อสื่อสารและทกั ทายกับบุคคลทุกเพศทุกวัย ( X = 4.21, S.D. =0.89) และ ท่านฝึกนักเรียนใช้ชีวิตประจำวนั อย่างสร้างสรรค์ ( X = 4.20, S.D. =0.77) สว่ นข้อทมี่ คี ่าเฉลยี่ ลำดับสุดท้ายได้แก่ ทา่ นเปน็ แบบอยา่ งทดี่ ีในการเลือก แกไ้ ขปัญหาไดอ้ ยา่ งเหมาะสม ( X = 4.06, S.D. = 0.80) ตอนที่ 3 การเปรยี บเทียบการมสี ่วนร่วมของผูป้ กครองในการส่งเสริมการเรยี นรขู้ องนกั เรยี นโรงเรียนสามโคก สังกดั องคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวดั ปทุมธานี ตารางท่ี 7 ผลการเปรียบเทยี บการมีสว่ นร่วมของผู้ปกครองในการสง่ เสรมิ การเรยี นรขู้ องนกั เรยี นโรงเรียนสาม โคก สงั กัดองค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั ปทุมธานี จำแนกตามเพศ (n = 354) การมสี ่วนร่วมของผู้ปกครองในการส่งเสริม เพศ การเรยี นรขู้ องนักเรยี นโรงเรยี นสามโคก สังกัด ชาย (n=143) หญิง (n=211) t p องค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั ปทมุ ธานี ���̅��� S.D. ���̅��� S.D. 1. ดา้ นความรู้ 3.94 0.59 3.87 0.67 1.06 0.14 2. ดา้ นพฤติกรรม 4.26 0.60 4.21 0.57 0.85 0.44 3. ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผูเ้ รียน 4.15 0.56 4.18 0.59 -0.51 0.97 รวม 4.12 0.49 4.09 0.51 0.58 0.71 * มนี ัยสำคัญทางสถิตทิ ่รี ะดบั .05 จากตารางที่ 7 พบวา่ ผู้ปกครองที่มเี พศต่างกนั มีสว่ นรว่ มในการส่งเสรมิ การเรยี นรูข้ องนกั เรียนโรงเรยี น สามโคกสงั กดั องคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวัดปทมุ ธานี โดยรวมและรายด้าน ไม่แตกตา่ งกนั 509

การประชุมวชิ าการและเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครงั้ ที่ 6 \"ความท้าทายของการจดั การการศึกษาใหมห่ ลงั วิกฤติ COVID-19” วนั ที่ 26 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี ตารางที่ 8 ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการสง่ เสริมการเรยี นรู้ของนกั เรียนโรงเรียนสาม โคก สงั กัดองคก์ ารบรหิ ารส่วนจงั หวัดปทุมธานี จำแนกตามระดับการศึกษา (n = 354) การมสี ่วนรว่ มของผปู้ กครองใน แหล่งความ SS df MS F P การส่งเสริมการเรียนรขู้ อง แปรปรวน นักเรียนโรงเรียนสามโคก 1. ดา้ นความรู้ ระหวา่ งกลมุ่ 1.04 2 0.52 1.27 0.28 ภายในกลุ่ม 143.96 351 0.41 รวม 145.00 353 2. ดา้ นพฤติกรรม ระหว่างกล่มุ 1.94 2 0.97 2.92 0.06 ภายในกลุม่ 116.46 351 0.33 รวม 118.39 353 3. ดา้ นสมรรถนะสำคญั ระหวา่ งกลุ่ม 1.76 2 0.88 2.66 0.07 ของผเู้ รียน ภายในกลุ่ม 115.74 351 0.33 รวม 117.49 353 ระหวา่ งกลมุ่ 0.47 2 0.24 0.93 0.40 รวม ภายในกลมุ่ 88.62 351 0.25 รวม 89.09 353 * มีนยั สำคญั ทางสถิติท่รี ะดับ .05 จากตารางที่ 8 พบวา่ ผู้ปกครองทม่ี รี ะดบั การศึกษาต่างกนั มสี ่วนรว่ มในการส่งเสรมิ การเรยี นร้ขู อง นกั เรียนโรงเรยี นสามโคก สังกัดองค์การบรหิ ารสว่ นจงั หวัดปทุมธานี โดยรวมและ รายด้านไม่แตกต่างกนั ตารางที่ 9 ผลการเปรียบเทยี บการมีส่วนรว่ มของผู้ปกครองในการส่งเสรมิ การเรยี นรู้ของนกั เรยี นโรงเรียนสาม โคก สงั กัดองค์การบริหารสว่ นจังหวัดปทมุ ธานี จำแนกตามอาชพี (n = 354) การมสี ่วนรว่ มของผู้ปกครองใน แหลง่ ความ SS df MS F P การสง่ เสรมิ การเรยี นรู้ของ แปรปรวน นกั เรียนโรงเรียนสามโคก 1. ด้านความรู้ ระหวา่ งกลมุ่ 3.82 2 1.91 4.75* 0.01 ภายในกลุม่ 141.18 351 0.40 รวม 145.00 353 2. ดา้ นพฤติกรรม ระหว่างกลมุ่ 0.07 2 0.03 0.10 0.91 ภายในกลุม่ 118.32 351 0.34 510

การประชมุ วชิ าการและเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครง้ั ที่ 6 \"ความทา้ ทายของการจัดการการศกึ ษาใหมห่ ลังวกิ ฤติ COVID-19” วันที่ 26 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี การมีส่วนรว่ มของผู้ปกครองใน แหล่งความ SS df MS F P การส่งเสริมการเรียนรู้ของ แปรปรวน นักเรียนโรงเรียนสามโคก รวม 118.39 353 3. ด้านสมรรถนะสำคัญของ ระหว่างกลมุ่ 0.30 2 0.15 0.44 0.64 ผู้เรียน ภายในกล่มุ 117.20 351 0.33 รวม 117.49 353 ระหวา่ งกลมุ่ 0.62 2 0.31 1.22 0.30 รวม ภายในกลมุ่ 88.47 351 0.25 รวม 89.09 353 * มนี ยั สำคญั ทางสถิติทรี่ ะดับ .05 จากตารางท่ี 9 พบวา่ ผู้ปกครองทม่ี ีอาชีพต่างกนั มีสว่ นร่วมในการส่งเสริมการเรยี นรขู้ องนักเรียนโรงเรยี น สามโคกสังกดั องค์การบริหารส่วนจังหวดั ปทุมธานี โดยรวมไม่แตกตา่ งกนั เมื่อพจิ ารณาเป็นรายด้าน พบวา่ ดา้ น ความรู้ แตกต่างกันอย่างมีนยั สำคญั ทางสถติ ทิ ร่ี ะดับ .05 ส่วนดา้ นอนื่ ๆ ไมแ่ ตกต่างกนั จงึ ทำการเปรยี บเทยี บ ค่าเฉล่ยี ด้วยวธิ ีการของเชฟเฟ่ ผลปรากฏดงั ตารางที่ 10 ตารางที่ 10 การเปรยี บเทยี บค่าเฉล่ยี เปน็ รายคกู่ ารมสี ว่ นร่วมของผูป้ กครองในการสง่ เสรมิ การเรยี นรู้ของ นกั เรียนโรงเรยี นสามโคก สังกัดองคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวัดปทมุ ธานี จำแนกตามอาชพี ด้านความรู้ รบั ราชการ/ พนักงาน รบั จา้ ง/ อาชพี พนกั งานของ บริษทั /ธุรกจิ เกษตรกร รฐั ส่วนตวั 4.16 3.81 3.91 รบั ราชการ/พนักงานของรัฐ 4.16 - 0.35* 0.25 พนกั งานบรษิ ัท/ธรุ กจิ สว่ นตวั 3.81 - 0.10 รบั จ้าง/เกษตรกร 3.91 - จากตารางที1่ 0 เมอื่ เปรียบเทียบความแตกต่างรายคู่ พบวา่ การมสี ว่ นรว่ มของผ้ปู กครองในการสง่ เสริมการ เรียนรูข้ องนกั เรียนโรงเรยี นสามโคก สงั กดั องค์การบริหารส่วนจังหวดั ปทุมธานี ด้านความรู้ จำแนกตามระดบั การศกึ ษา พบวา่ ไมม่ ีความแตกต่างกัน 1 คู่คือ รบั ราชการ/พนกั งานของรฐั กับ พนกั งานบรษิ ัท/ธุรกิจส่วนตัว 511

การประชมุ วิชาการและเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครั้งที่ 6 \"ความทา้ ทายของการจดั การการศกึ ษาใหมห่ ลังวิกฤติ COVID-19” วันที่ 26 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี สรปุ ผลการวจิ ยั การวจิ ัยครั้งนเ้ี ปน็ การศกึ ษา การมีส่วนรว่ มของผู้ปกครองในการส่งเสรมิ การเรยี นรขู้ องนกั เรียนโรงเรียนสาม โคก สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษา การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการ สง่ เสรมิ การเรียนรู้ของนักเรียน โรงเรียนสามโคก สงั กดั องคก์ ารบริหารสว่ นจงั หวัดปทมุ ธานี ตามขอบเขตเนื้อหาใน 3 ด้าน ประกอบด้วย ด้านความรู้ ด้านพฤติกรรม และด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน และเพื่อเปรียบเทียบการมี ส่วนร่วมของผู้ปกครองในการส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียนโรงเรียนสามโคก สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัด ปทุมธานี จำแนกตามเพศ ระดับการศึกษา และอาชีพ ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ผู้ปกครองนักเรียน โรงเรียนสามโคก สังกดั องคก์ ารบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ปีการศกึ ษา 2564 จำนวน 4,254 คน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ผู้ปกครองนกั เรียนโรงเรียนสามโคก สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ปีการศึกษา 2564 จำนวน 354 คน ได้มาโดยกำหนดขนาดของกลุ่มตัวอย่าง จากตารางของเครจซี่และมอร์แกน (Krejcie and Morgan 1970 : 608-610) ที่ระดับความเชื่อมั่น 95% แล้วสุ่มแบบแบ่งชั้น(Stratified Random Sampling) โดยใช้ ระดับชั้นเรียนเป็นชั้น(Shata)และสุ่มอย่างง่าย (simple random sampling) ใช้แบบสอบถามในการเก็บรวบรวม ข้อมูล มีลักษณะเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า มี 5 ระดับค่าดัชนีความสอดคล้องตั้งแต่ 0.80-1.00 มีค่าความ เชื่อมั่นเท่ากับ 0.97 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลได้แก่ การแจกแจงความถี่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบน มาตรฐาน และการทดสอบค่าที (t-test of Independent Samples) และการวเิ คราะห์ความแปรปรวนแบบทางเดียว (One-Way Analysis of Variance: ANOVA) และทำการทดสอบเปน็ รายคู่ดว้ ยดว้ ยวธิ ขี องเชฟเฟ่ (Scheffe) การวจิ ยั ครัง้ นเี้ ป็นการศกึ ษาการมีส่วนรว่ มของผู้ปกครองในการส่งเสรมิ การเรียนรขู้ องนักเรียนโรงเรียนสาม โคก สงั กดั องคก์ ารบริหารส่วนจงั หวดั ปทุมธานี ปรากฏผลดงั นี้ 1. การมสี ่วนรว่ มของผู้ปกครองในการสง่ เสริมการเรียนรู้ของนกั เรียนโรงเรียนสามโคก สังกัดองค์การบริหาร ส่วนจังหวัดปทุมธานี โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า อยู่ในระดับมากทุกด้าน โดย เรียงลำดบั ค่าเฉล่ียจากมากไปหาน้อยดังนี้ ดา้ นพฤตกิ รรม ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผเู้ รียน และดา้ นความรู้ เมื่อ พิจารณาเปน็ รายด้าน ปรากฏผลดังนี้ 1.1 ดา้ นความรู้ โดยรวมอยใู่ นระดบั มาก เม่ือพจิ ารณาเปน็ รายข้อ พบวา่ อยู่ในระดับมากทุกขอ้ โดย เรยี งลำดบั คา่ เฉลีย่ จากมากไปหานอ้ ย 3 ลำดบั แรก ดังนี้ ท่านพร้อมทจ่ี ะใหค้ ำปรึกษาในเร่อื งส่วนตวั ของนักเรียนเสมอ เมื่อนักเรียนขอคำปรึกษา ท่านช่วยแนะนำนักเรียนถึงวิธีการเรียนให้มีผลการเรียนให้ดีขึ้นอยู่เสมอ และท่าน สามารถช่วยพัฒนาการเรยี นของนักเรียนไดจ้ ากการรับผลการประเมนิ จากแฟ้มสะสมงาน ส่วนขอ้ ท่ีมคี ่าเฉลี่ยลำดับ สุดท้าย ไดแ้ ก่ ท่านมีส่วนร่วมในการทำการบ้านของนักเรียน 1.2 ด้านพฤติกรรม โดยรวมอยูใ่ นระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ในระดับมากทุกขอ้ โดยเรียงลำดบั ค่าเฉล่ียจากมากไปหานอ้ ย 3 ลำดับแรก ดังนี้ ท่านฝกึ ใหน้ ักเรยี นรู้จักการทำความเคารพผ้ใู หญ่ในโอกาส ตา่ งๆ ทา่ นสง่ เสรมิ ใหน้ ักเรียนมีความรับผิดชอบในเร่อื งสว่ นตัว และทา่ นฝกึ ใหน้ ักเรยี นรู้จักดแู ลรกั ษาความสะอาด ของร่างกาย ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยลำดับสุดท้าย ได้แก่ ท่านเสนอแนะการเลือกรับประทานอาหารที่มีคุณค่าและมี ประโยชน์ตอ่ ร่างกายของนกั เรยี น 512

การประชุมวิชาการและเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ คร้งั ท่ี 6 \"ความทา้ ทายของการจดั การการศกึ ษาใหม่หลงั วิกฤติ COVID-19” วนั ท่ี 26 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 1.3 ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน โดยรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า อยู่ใน ระดบั มากทกุ ข้อ โดยเรยี งลำดับค่าเฉลีย่ จากมากไปหาน้อย 3 ลำดบั แรกดงั นี้ ท่านฝกึ ฝนใหน้ ักเรียนช่วยเหลือตนเอง เสมอ ท่านแนะนำให้นักเรียนรู้จักการติดต่อสื่อสารและทักทายกับบุคคลทุกเพศทุกวัยและ ท่านฝึกนักเรียนใช้ ชีวิตประจำวันอย่างสร้างสรรค์ ส่วนข้อที่มีค่าเฉลี่ยลำดับสุดท้ายได้แก่ ท่านเป็นแบบอย่างที่ดีในการเลือกแก้ไข ปัญหาได้อย่างเหมาะสม 2. ผลการเปรียบเทียบการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการส่งเสริมการเรียนรูข้ องนักเรียน โรงเรียนสามโคก สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี จำแนกตามเพศ ระดับการศึกษา และอาชีพ ปรากฏผลวิเคราะห์ตาม สมมตฐิ านได้ ดังนี้ 2.1 ผูป้ กครองทีม่ เี พศต่างกนั มสี ่วนร่วมในการสง่ เสรมิ การเรยี นรู้ของนกั เรียนโรงเรียนสามโคก สังกัด องค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั ปทุมธานี โดยรวมและรายดา้ นไมแ่ ตกตา่ งกนั 2.2 ผปู้ กครองทม่ี ีระดับการศึกษาต่างกนั มีสว่ นรว่ มในการสง่ เสริมการเรียนรขู้ องนักเรียนโรงเรียนสาม โคก สังกัดองค์การบรหิ ารส่วนจังหวัดปทุมธานี โดยรวมและรายดา้ น ไม่แตกตา่ งกัน 2.3 ผปู้ กครองทมี่ ีอาชพี ต่างกัน มีสว่ นร่วมในการสง่ เสริมการเรียนรขู้ องนกั เรียนโรงเรียนสามโคกสังกัด องค์การบรหิ ารส่วนจังหวัดปทุมธานี โดยรวมไมแ่ ตกต่างกนั เม่อื พจิ ารณาเป็นรายด้าน พบวา่ ดา้ นความรู้ แตกต่าง กนั อยา่ งมนี ัยสำคญั ทางสถิตทิ รี่ ะดับ .05 ส่วนดา้ นอนื่ ๆ ไม่แตกต่างกนั อภิปรายผล ผลจากการวิจยั เรื่องการมีส่วนร่วมของผปู้ กครองในการสง่ เสริมการเรยี นรู้ของนกั เรยี น โรงเรียนสามโคก สังกดั องคก์ ารบรหิ ารสว่ นจงั หวดั ปทุมธานี ผู้วิจัยมีประเด็นสำคญั ท่นี ำมาอภิปรายผลการวจิ ยั ดังนี้ 1. การมสี ว่ นรว่ มของผปู้ กครองในการส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียน โรงเรยี นสามโคก สงั กัดองค์การบรหิ าร ส่วนจังหวัดปทุมธานี พบว่า โดยรวมอยู่ในระดับมาก ทั้งนี้อาจเปน็ เพราะว่า ผู้ปกครองนักเรียน โรงเรียนสามโคก สงั กัดองค์การบรหิ ารส่วนจังหวัดปทมุ ธานี มีมสี ว่ นร่วมในการส่งเสรมิ การเรยี นรู้ของนกั เรียนเป็นไปในทศิ ทางเดียวกัน ว่า โรงเรียนสามโคก สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี เปิดโอกาสให้ผู้ปกครองของนักเรียนที่เรียนอยู่ใน โรงเรียน ได้มีส่วนเกี่ยวข้องในการปฏิบัติงานทั้งในด้านการแสดงความคิดเห็น การตัดสินใจ ความรับผิดชอบ การ วางแผนปฏิบัติงาน ตลอดจนการประเมินผลโดยใช้ความคิดสร้างสรรค์และความเชี่ยวชาญในการบริหารงานเพื่อให้ บรรลุวัตถุประสงค์หรือแก้ไขปญั หาต่างๆที่อาจเกิดจากการบริหารงานในสถานศึกษา และการให้การสนับสนุน การ แนะนำ การเสนอแนะ รวมทั้งการส่งเสรมิ กจิ กรรมตา่ งๆท่ีส่งผลต่อการเรียนรู้ของนกั เรยี น สอดคล้องกับผลงานวจิ ยั ของ ภัคอาภา สว่างแสง (2559) ได้ทำการศึกษาวิจยั เร่ืองการมีส่วนร่วมของผูป้ กครองในการส่งเสริมการเรยี นรู้ของ นักเรียนโรงเรียนชุมชนวัดเสด็จ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 1 พบว่า การมีส่วน ร่วมของผู้ปกครองในการส่งเสริมการเรียนรู้ของนกั เรียนโรงเรยี นชุมชนวัดเสด็จ สังกัดสำนักงานเขตพ้ืนที่การศึกษา ประถมศึกษาปทุมธานี เขต1 โดยรวมอยู่ในระดับมากโดยเรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย คือ ด้านพฤติกรรม ดา้ นสมรรถนะสำคัญของผ้เู รียนและด้านความรู้ และสอดคล้องกบั ผลงานวิจยั ของ เอมอร รัตนนันท์ (2554)ได้ศึกษา เกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการส่งเสรมิ การเรียนรู้ของนักเรียนโรงเรียนเอกชน สังกัดสำนกั งานเขตพื้นท่ี 513

การประชุมวิชาการและเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ คร้งั ที่ 6 \"ความทา้ ทายของการจัดการการศกึ ษาใหม่หลงั วิกฤติ COVID-19” วนั ที่ 26 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 1 พบว่า การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียน โรงเรยี นเอกชน โดยรวมและรายดา้ นอยู่ในระดบั มาก 2. การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียน โรงเรียนสามโคก สังกัดองค์การ บรหิ ารสว่ นจงั หวดั ปทมุ ธานี เมอ่ื พิจารณาเป็นรายด้านพบว่าอยใู่ นระดับมากทกุ ด้าน ผวู้ ิจยั มีประเด็นสำคัญท่ีนำมา อภปิ รายผลการศึกษาตามลำดบั ดังน้ี 2.1 ด้านความรู้ โดยรวมอยู่ในระดับมาก ทั้งนี้อาจเป็นเพราะ ผู้บริหารโรงเรียนสามโคก สังกัดองค์การ บริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี พร้อมที่จะให้คำปรึกษาในเรื่องส่วนตัวของนักเรียนเสมอเมื่อนักเรียนขอคำปรึกษา ชว่ ยแนะนำนกั เรียนถึงวิธีการเรียนให้มผี ลการเรียนให้ดขี น้ึ อยู่เสมอ และสามารถช่วยพฒั นาการเรียนของนักเรียนได้ จากการรับผลการประเมินจากแฟ้มสะสมงาน สอดคล้องกับผลงานวิจัยของ ไปรยา ศุภจิตร (2551) ได้ทำการวิจัย เรอื่ งการมีส่วนรว่ มของผูป้ กครองในการสง่ เสรมิ การ เรียนรูข้ องนักเรียนในโรงเรียนวดั ชนิ วราราม อำเภอเมือง จังหวัด ปทุมธานี ผลการวิจัยพบว่า ผู้ปกครองส่วนใหญ่ มีระดับการมีส่วนร่วมในการส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียนใน โรงเรียนวัดชนิ วราราม อำเภอเมือง จังหวดั ปทมุ ธานี 2 ด้าน คอื ดา้ นความรู้ กบั ด้าน ความประพฤติ ในภาพรวมของ การส่งเสรมิ การเรยี นรู้ผ้ปู กครองมสี ่วนร่วมในการส่งเสริมการเรียนรู้ด้านความรู้อยใู่ นระดับมาก 2.2 ด้านพฤตกิ รรม โดยรวมอยใู่ นระดับมาก ท้ังนอี้ าจเป็นเพราะว่า ผู้บริหารโรงเรียนสามโคก สงั กัดองค์การ บรหิ ารสว่ นจงั หวดั ปทมุ ธานี ฝกึ ใหน้ กั เรียนรจู้ กั การทำความเคารพผู้ใหญ่ในโอกาสต่างๆ ส่งเสริมให้นักเรียนมีความ รับผิดชอบในเร่อื งสว่ นตวั และฝกึ ใหน้ ักเรยี นร้จู ักดแู ลรกั ษาความสะอาดของร่างกาย สอดคล้องกับผลงานวิจัยของ ภัคอาภา สว่างแสง (2559) ไดท้ ำการศึกษาวิจัยเรอื่ งการมสี ว่ นรว่ มของผปู้ กครองในการสง่ เสรมิ การเรียนรู้ของนกั เรียน โรงเรียนชุมชนวัดเสด็จ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 1 พบว่า การมีส่วนร่วมของ ผู้ปกครองในการส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียนโรงเรียนชุมชนวัดเสด็จ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษาปทุมธานี เขต1 โดยรวมอยู่ในระดับมากโดยเรียงลำดับค่าเฉลี่ยจากมากไปหาน้อย คือ ด้านพฤติกรรม ดา้ นสมรรถนะสำคญั ของผู้เรียนและด้านความรู้ 2.3 ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรยี น โดยรวมอยู่ในระดับมาก ทง้ั นอี้ าจเป็นเพราะว่า ผ้บู ริหารโรงเรียนสาม โคก สงั กดั องคก์ ารบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ฝกึ ฝนใหน้ กั เรยี นชว่ ยเหลือตนเองเสมอ แนะนำให้นักเรียนรู้จักการ ติดต่อสื่อสารและทกั ทายกับบุคคลทุกเพศทกุ วัย และ ทา่ นฝกึ นักเรยี นใช้ชีวิตประจำวนั อย่างสร้างสรรค์ สอดคล้อง กับผลงานวิจัยของ เอมอร รัตนนันท์ (2554)ได้ศึกษาเกี่ยวกบั การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการสง่ เสริมการเรียนรู้ ของนักเรียนโรงเรยี นเอกชน สังกัดสำนักงานเขตพ้นื ท่ีการศกึ ษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 1 พบวา่ การมีส่วนร่วม ของผ้ปู กครองในการสง่ เสริมการเรยี นรขู้ องนกั เรียนโรงเรียนเอกชน โดยรวมและรายดา้ นอยใู่ น ระดบั มาก 3. การวเิ คราะห์เปรยี บเทยี บการมีสว่ นรว่ มของผู้ปกครองในการส่งเสรมิ การเรียนรูข้ องนักเรยี น โรงเรยี นสาม โคก สังกัดองค์การบรหิ ารส่วนจังหวัดปทุมธานี จำแนกตามเพศ ระดับการศึกษา และอาชีพ ผู้วิจัยสามารถนำมา อภิปรายผลตามสมมติฐาน ดงั นี้ 3.1 ผู้ปกครองที่มีเพศต่างกัน มีส่วนร่วมในการส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียนโรงเรียนสามโคกสังกัด องค์การบรหิ ารส่วนจังหวัดปทุมธานี โดยรวมและรายดา้ นไมแ่ ตกตา่ งกนั ซง่ึ ไม่สอดคลอ้ งกบั ผลงานวจิ ยั ของ ภัคอาภา สว่างแสง (2559) ได้ทำการศึกษาวจิ ยั เรอ่ื งการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการสง่ เสริมการเรียนรู้ของนกั เรียนโรงเรียน 514

การประชมุ วชิ าการและเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครงั้ ที่ 6 \"ความท้าทายของการจัดการการศกึ ษาใหม่หลังวกิ ฤติ COVID-19” วนั ที่ 26 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี ชุมชนวัดเสด็จ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 1 พบว่า ผู้ปกครองนักเรียนโรงเรียน ชุมชนวัดเสด็จ สังกัดสำนักงานเขตพื้นการศึกษาประถมศึกษาปทุมธานี เขต 1 ที่มีเพศต่างกัน มีส่วนร่วมในการ สง่ เสริมการเรียนรขู้ องนกั เรยี น โดยรวมและรายด้านแตกตา่ งกันอย่างมนี ยั สำคัญทางสถติ ิทร่ี ะดับ .05 3.2 ผู้ปกครองที่มรี ะดบั การศึกษาต่างกนั มีส่วนร่วมในการสง่ เสริมการเรียนรู้ของนกั เรียนโรงเรียนสาม โคก สังกดั องคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวดั ปทมุ ธานี โดยรวมและ รายดา้ น ไม่แตกต่างกัน ซึ่งไม่สอดคล้องกับผลงานวิจัยของ เอมอร รัตนนันท์ (2554)ได้ศึกษาเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของ ผู้ปกครองในการส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียนโรงเรียนเอกชน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา ปทุมธานี เขต 1 กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ปกครองนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ในโรงเรียนเอกชน จำนวน 286 คน ผล การศึกษาพบว่า การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการส่งเสริมการเรียนรูข้ องนักเรียนโรงเรียนเอกชน จำแนกตามวุฒิ การศึกษา พบวา่ วฒุ กิ ารศึกษาของผู้ปกครองตา่ งกันการมสี ่วนร่วมในการส่งเสริมการเรียนรูข้ องนกั เรียน โดยรวมและ รายด้านมีความแตกตา่ งกันอย่างมนี ยั สำคัญทางสถติ ทิ รี่ ะดับ .05 3.3 ผู้ปกครองท่ีมีอาชพี ต่างกนั มีส่วนรว่ มในการส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียนโรงเรียนสามโคกสงั กัด องค์การบริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี โดยรวมและรายด้านไม่แตกต่างกัน เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้าน ความรู้ แตกตา่ งกนั อยา่ งมีนัยสำคญั ทางสถติ ทิ ีร่ ะดับ .05 สว่ นดา้ นอ่นื ๆ ไม่แตกต่างกนั ซ่งึ ไมส่ อดคล้องกบั ผลงานวิจยั ของ ภัคอาภา สว่างแสง (2559) ได้ทำการศึกษาวิจัยเรื่องการมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการส่งเสริมการเรียนรู้ของ นักเรียนโรงเรียนชุมชนวัดเสด็จ สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศกึ ษาปทุมธานี เขต 1 พบว่า ผู้ปกครอง นักเรียนโรงเรียนชุมชนวัดเสด็จ สังกัดสำนักงานเขตพื้นการศึกษาประถมศกึ ษาปทุมธานี เขต 1 ที่มีอาชีพต่างกัน มี สว่ นร่วมในการสง่ เสริมการเรียนรู้ของนกั เรียน โดยรวมและรายดา้ นแตกต่างกนั อย่างมนี ัยสำคญั ทางสถติ ทิ ่รี ะดบั .05 ขอ้ เสนอแนะ จากผลการวิจัยเร่อื ง การมีสว่ นร่วมของผู้ปกครองในการสง่ เสรมิ การเรยี นรูข้ องนกั เรยี น โรงเรียนสามโคก สังกดั องค์การบรหิ ารสว่ นจังหวดั ปทุมธานี ผู้วิจัยมีข้อเสนอแนะดังนี้ 1. ข้อเสนอแนะในการนำผลการวจิ ยั ไปใช้ 1.1 ดา้ นความรู้ ผบู้ รหิ ารโรงเรียนควรให้ ผปู้ กครองมสี ว่ นร่วมในการทำการบ้านของนกั เรียน และ ควร ใหผ้ ู้ปกครองตรวจสอบการทำการบา้ นของนกั เรียนอย่างสม่ำเสมอ 1.2 ด้านพฤตกิ รรม ผบู้ ริหารโรงเรยี น ควรใหผ้ ปู้ กครองเสนอแนะการเลอื กรับประทานอาหารที่มีคุณค่า และมปี ระโยชน์ตอ่ ร่างกายของนักเรยี น และ ควรให้ผปู้ กครองควบคมุ พฤตกิ รรมของนักเรยี นใหเ้ ปน็ คนตรงต่อเวลา 1.3 ด้านสมรรถนะสำคัญของผู้เรียน ผู้บรหิ ารโรงเรียนควรให้ ผปู้ กครองเป็นแบบอย่างที่ดีในการเลือก แกไ้ ขปัญหาไดอ้ ย่างเหมาะสม และ ควรใหผ้ ู้ปกครองส่งเสรมิ การใชเ้ ทคโนโลยใี หม่ๆ 2. ข้อเสนอแนะในการทำการวจิ ัยครง้ั ต่อไป 2.1 ควรศึกษาการมีส่วนร่วมในการส่งเสริมการเรียนรู้ของนักเรียน โรงเรียนสามโคก สังกัดองค์การ บริหารส่วนจังหวัดปทุมธานี ตามความคิดเห็นของบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องกับสถานศึกษา เช่น คณะกรรมการ สถานศึกษา และผู้นำชมุ ชน 515

การประชุมวชิ าการและเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ คร้ังท่ี 6 \"ความทา้ ทายของการจดั การการศึกษาใหม่หลงั วิกฤติ COVID-19” วันที่ 26 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 2.2 ควรทำการวจิ ยั เชิงคุณภาพ เกี่ยวกับปจั จยั ทีมผี ลต่อการมีส่วนร่วมในการสง่ เสรมิ การเรยี นรู้ของนักเรียน โรงเรียนสามโคก สังกัดองคก์ ารบรหิ ารส่วนจังหวดั ปทมุ ธานี เพอ่ื ใหไ้ ด้ข้อสรปุ ทช่ี ดั เจนยิง่ ข้ึน เอกสารอ้างองิ กมล สดุ ประเสรฐิ . (2540).การวจิ ัยปฏบิ ัตกิ ารแบบมีส่วนร่วมของผปู้ ฏบิ ัติงาน. กรงุ เทพฯ : สำนกั งานโครงการพฒั นา ทรัพยากรมนุษย.์ กระทรวงศกึ ษาธิการ กระทรวงศึกษาธกิ าร.(2550) .แนวทางการกระจายอำนาจการบริหารและการจัดการการศึกษาให้ (2551). แนวทางการบริหารจัดการหลกั สตู ร ตามหลักสูตรแกนกลางการศึกษาข้นึ พน้ื ฐานพทุ ธศักราช 2551. กรงุ เทพมหานคร.กระทรวงศกึ ษาธกิ าร (2553). พระราชบญั ญตั ิการศกึ ษาแหง่ ชาติ พ.ศ.2542 แก้ไขปรับปรงุ (ฉบบั ท่ี 2)พ.ศ.2545 และ (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2553 . กรุงเทพฯ:ครุสภาลาดพร้าว. กรมวิชาการ. (2545). แนวทางการจดั ทำหลักสูตรสถานศกึ ษาตามหลักสตู รสถานศกึ ษาขนั้ พื้นฐาน. กรงุ เทพฯ.โรงพมิ พ์ ครุ สุ ภาลาดพร้าว. เกตุสเุ ดช กำแพงแก้ว.(2547). การศกึ ษากจิ กรรมการมีส่วนรว่ มของผูป้ กครองในการจดั การศึกษาของโรงเรียน: กรณศี ึกษาโรงเรียนอัสสมั ชญั แผนกประถม. ดุษฎีนิพนธก์ ารศกึ ษาดษุ ฎีบัณฑติ สาขาการบรหิ ารการศึกษา มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ. เกศรินทร์ ชมุ่ จิตต์.(2551).บทบาทของผปู้ กครองในการส่งเสริมการอ่านของนักเรยี นระดับปฐมวัยโรงเรยี นอนบุ าล เชยี งใหม.่ เชยี งใหม่ : บัณฑิตวิทยาลัย มหาวทิ ยาลยั เชียงใหม.่ จติ ตินนั ท์ ศนู ย์กลาง. (2556). การมสี ่วนรว่ มของผปู้ กครองในการส่งเสรมิ การเรียนรู้ของนกั เรียน โรงเรยี นชยั สทิ ธาวาส (พัฒนส์ ายบำรุง). สารนิพนธป์ รญิ ญาศึกษาศาสตรมหาบัณฑติ . สาขาวชิ าการบริหารการศกึ ษา.มหาวิทยาลัย ปทมุ ธานี. ชูชาติ พ่วงสมจิตร์. (2540). การวิเคราะหป์ จั จัยที่ส่งเสรมิ และปจั จยั ทเ่ี ป็นอุปสรรคต่อการมีส่วนรว่ มของชุมชนกบั โรงเรยี นประถมศึกษาในเขตปรมิ ณฑลกรงุ เทพมหานคร. วิทยานิพนธ์ครุศาสตรมหาบณั ฑิต.สาขาการบรหิ าร การศกึ ษา.กรุงเทพ:จฬุ าลงกรณ์มหาวทิ ยาลัย. ทวี ศรีนวล. (2547). การมีสว่ นร่วมของผู้ปกครองในการจดั กจิ กรรมการศึกษา สงั กัดสำนักงานประถมศกึ ษาจังหวัด ชมุ พร (วทิ ยานิพนธ์มหาบณั ฑิต). สาขาการบริหารการศกึ ษา มหาวิทยาลัยราชภัฎสรุ าษฎรธ์ านี. ธรี ภทั ร์ เจรญิ ด.ี (2542). การศึกษาการมีส่วนร่วมของผปู้ กครองในโรงเรยี นประถมศกึ ษา สังกัดสำนักงานคณะกรรมการ การประถมศกึ ษาแหง่ ชาติ เขตการศึกาษา 11. วิทยานพิ นธ์ ปรญิ ญาครศุ าสตรมหาบัณฑิต สาขาการบรหิ าร การศึกษา.จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลยั นพรตั น์ โพธิ์ศรที อง.(2550).รปู แบบสมรรถนะของหัวหนา้ ศนู ยพ์ ฒั นาเดก็ เลก็ องค์กรปกครองส่วนท้องถ่ิน กรมสง่ เสรมิ การปกครองทอ้ งถิ่น กระทรวงมหาดไทย กรงุ เทพมหานคร : คณะ วทิ ยาศาสตรแ์ ละเทคโนโลยี มหาวทิ ยาลัยราชภฏั สวนดสุ ิต. นภเนตร ธรรมบวร.(2541). บทบาทของครอบครัวกับการศกึ ษา.กรงุ เทพฯ:สำนกั งานคณะกรรมการการศกึ ษาแหง่ ชาต.ิ นรนิ ทร์ชยั พัฒนพงศา.(2546). การมีส่วนรว่ ม หลกั การพน้ื ฐาน เทคนคิ และกรณี ตัวอยา่ ง.กรงุ เทพมหานคร. 516

การประชุมวชิ าการและเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ คร้งั ที่ 6 \"ความท้าทายของการจดั การการศกึ ษาใหม่หลงั วิกฤติ COVID-19” วันที่ 26 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี นริ ันดร์ จงวุฒิเวศย์. (2527). การมสี ว่ นรว่ มของประชาชนในการพัฒนา.กรุงเทพมหานคร:สำนกั พมิ พ์มหาวิทยาลัยมหิดล เบญจมาศ ทรพั ยม์ ชี ยั .(2548). การมีส่วนรว่ มของผู้ปกครองในการสง่ เสรมิ การเรยี นรู้ของนกั เรียนโรงเรียนประถมศกึ ษา สังกัดสำนกั งานเขตพน้ื ท่กี ารศึกษา ปทมุ ธานี เขต 1 .วิทยานิพนธ์ ศึกษาศาสตรมหาบัณฑติ สาขาบรหิ าร การศกึ ษา มหาวทิ ยาลัยปทุมธานี. บณั ฑิต เดชขนั ธ์. (2548). การมีส่วนรว่ มของผูป้ กครองนกั เรยี นในการจดั การศกึ ษาของโรงเรยี นบ้านดอกไม้ สังกดั สำนกั งานเขตพื้นทก่ี ารศึกษาสกลนคร เขต3. วิทยานิพนธ์ ครศุ าสตรมหาบัณฑิต สาขาบริหารการศกึ ษา : มหาวทิ ยาลยั ราชภฎั สกลนคร. ปฎพิ ันธ์ สวุ รรณศร.(2539).กระบวนการพฒั นาแฟม้ ผลงานนักเรยี น.กรงุ เทพฯ:คุรุสภาลาดพรา้ ว ไปรยา ศภุ จติ ร.(2551).การมีสว่ นร่วมของผปู้ กครองในการสง่ เสริมการเรยี นรขู้ องนกั เรียนในโรงเรียนวดั ชนิ วราราม อำเภอเมือง จงั หวัดปทมุ ธาน.ี ครุศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการบริหารการศึกษา.มหาวิทยาลัยรายภัฏพระนคร. ประเสริฐ ตนั สกุล.(2538) ยทุ ธศาสตรท์ ักษะชวี ิเพอื่ พัฒนาบุคลกิ ภาพเยาวชน. กรงุ เทพฯ :สำนกั งาน ป.ป.ส. พระราชบญั ญัติการศกึ ษาแหง่ ชาติ พุทธศกั ราช 2542 และท่แี กไ้ ขเพม่ิ เตมิ ฉบบั ท2ี่ พุทธศักราช 2545 กรุงเทพมหานคร : โรงพมิ พ์องคก์ ารรับสง่ สนิ คา้ และพัสดภุ ัณฑพ์ มิ ลพรรณ สุทธบิ รู ณ์.(2548). การมสี ว่ นร่วมของ ผปู้ กครองในการจัดการศึกษาสถานศึกษาข้ันพน้ื ฐานจังหวัดชมุ พร.วิทยานิพนธ์ ครุศาสตรมหาบณั ฑติ สาขาการ บรหิ ารการศกึ ษา มหาวิทยาลยั ราชภฏั สุราษฎรธ์ านี. ภัคอาภา สว่างแสง.(2559).การมสี ว่ นร่วมของผปู้ กครองในการสง่ เสรมิ การเรยี นรู้ของนักเรยี นโรงเรยี นชมุ ชนวดั เสดจ็ สังกัดสำนกั งานเขตพื้นที่การศกึ ษาประถมศกึ ษาปทมุ ธานี เขต 1. วิทยานิพนธ์ ศึกษาศาสตร์มหาบัณฑติ สาขา การบรหิ ารการศกึ ษา มหาวิทยาลยั ปทุมธานี. มณั ฑนา เสมอจติ ต.์ (2549). ความร่วมมือของผู้ปกครองในการศกึ ษาสถานศกึ ษาขน้ั พื้นฐานก่งิ อำเภอเวยี ง ยงยทุ ธ วงศภ์ ิรมย์ศานต์.ิ (2534).คยุ กบั ลกู เรื่องเพศ พิมพค์ รงั้ ท่2ี .กรงุ เทพฯ:แปลน พบั ลชิ ชิ่ง. รุง่ เรอื ง สุขาภริ มย์.(2544,กมุ ภาพันธ์). ปจั จัยทม่ี ผี ลต่อความสำเร็จในการนำนโยบายการปฏริ ปู การศึกษาไปปฏิบตั ใิ น ระดับสถานศึกษา : ประสบการณ์จากนานาประเทศ.วารสารวชิ าการ.2(4),11-12 ลกั ขณา สรวิ ฒั น์ .(2544).จิตวทิ ยาในชีวติ ประจำวนั .กรงุ เทพฯ : โอเดยี นสโตว์. วจิ ารณ์ พานชิ .(2555).วถิ ีสร้างการเรยี นรูเ้ พ่ือศษิ ย์ในศพวรรษที่21.กรุงเทพฯ:มลู นิธิสดศรี-สฤษดิว์ งศ.์ วิรวรรณ สารกิจปรีชา (2554).การมสี ว่ นร่วมของผู้ปกครองในการส่งเสริมการจัดการเรยี นรขู้ องนกั เรียนโรงเรียนอนุบาล กกุ๊ ไก่ เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร.สารนพิ นธ์ ปรญิ ญาการศึกษาศาสตมหาบัณฑิต.สาขาวิชาการบริหาร การศกึ ษา.มหาวิทยาลยั ศรีนครินทรวโิ รฒ วิเศษ ชิณวงศ.์ (2544). ปจั จัยที่ผลต่อความสำเร็จในการนำนโยบายการปฏิรูปการศึกษาไปปฎบิ ัติในระดบั สถานศึกษา : ประสบการณ์จากนานาประเทศ.วารสรวชิ าการ,ฉบับที่4: หน้า 37-41 สมศกั ดิ์ ดลประสิทธ์ิ .(2549).สมรรถนะครูและผูบ้ ริหารการศกึ ษา,วารสารการศึกษาไทย.(17);10-21. สวาท ออ่ นเกตพุ ล,สว่างจิต โค้วบุญงาม.(2548). “การมีสว่ นร่วมของผปู้ กครองในการส่งเสรมิ การเรียนรูข้ องนักเรียน ระดบั มัธยมศกึ ษา” วิทยานิพนธศ์ ลิ ปศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวชิ าจิตวทิ ยาชมุ ชน มหาวิทยาลัยศลิ ปากร. 517

การประชมุ วชิ าการและเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครง้ั ที่ 6 \"ความทา้ ทายของการจดั การการศึกษาใหม่หลงั วิกฤติ COVID-19” วันท่ี 26 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี สริ ิพร สุมนดษิ ย.์ (2549).การมสี ่วนร่วมของผปู้ กครองในการพฒั นาการจัดการเรยี นการสอนของโรงเรียนกองทพั บก อปุ ถมั ภ์ส่อื สารสงเคราะห์ สังกดั สำนกั บรหิ ารงานคณะกรรมการสง่ เสริมการศึกษาเอกชน เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร.วทิ ยานิพนธ์ครศุ าสตรมหาบัณฑิต สาขาบริหารการศกึ ษา.มหาวิทยาลยั รามคำแหง. สุกญั ญา รัศมธี รรมโชต.ิ (2548).แนวทางการพฒั นาศักยภาพมนษุ ย์ด้วย Competency.กรุงเทพฯ : ศริ วิ ฒั นา อินเตอร์พ รน้ิ ท์ จำกดั (มหาชน).สนุ ทรี อึ้งอำพรวไิ ล .(2557). การมีส่วนร่วมของผู้ปกครองในการส่งเริมการเรยี นรขู้ องนักเรียน โรงเรียนในสังกดั เทศบาลเมอื งจงั หวัดปทมุ ธาน.ี สารนิพนธ์ ศึกษาศาสตรมหาบัณฑติ .สาขาการบริหาร การศกึ ษา.มหาวิทยาลัยปทมุ ธานี สวุ รยี ์ ศิวะแพทย์.(2549).จิตวิทยาท่ัวไป. กรงุ เทพฯ : โอเดียนสโตว์. สวุ ัช พานชิ วงษ.์ (2546).การมีสว่ นร่วมของผปู้ กครองนกั เรยี นในการส่งเสริมการเรยี นรู้ของนกั เรยี นในเขตอำเภอเมือง สุพรรณบุรี จงั หวัดสุพรรณบุร.ี ปริญญานพิ นธ์ มหาบญั ฑิต,มหาวทิ ยาลัยศรีนครนิ ทรวิโรฒ สุชาติ แสงตะวนั .(2549) การมสี ว่ นร่วมของผปู้ กครองนกั เรียนในการประกนั คุณภาพกาศึกษาดา้ นมาตรฐาน ผูเ้ รียน ของ โรงเรียนเทศบาล 1 (บ้านท่าตะเภา) จังหวัดชุมพร . สาขาการบรหิ ารการศึกษา มหาวิทยาลยั ราชภัฏ สุราษฎร์ธาน.ี สภุ ทั ทา ปิณฑะแพทย.์ (2542).พฤติกรรมมนุษยแ์ ละการพฒั นาคน.กรงุ เทพฯ: สถาบัน มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสนุ ันทา สมใจ กล้าหาญ. (2535). สภาพการสง่ เสริมของผปู้ กครองทางดา้ นการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปที ี่ 6 ใน โรงเรยี นประถมศกึ ษา สงั กัดกรุงเทพมหานคร.วิทยานิพนธ์ มหาบัณฑิต.สาขาประถมศึกษา.กรุงเทพฯ: จฬุ าลงกรณม์ หาวิทยาลยั โสภา มดั ลัง.(2551).การมสี ่วนรว่ มของผู้ปกครองในการส่งเสริมพฒั นาเด็กปฐมวยั ในศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวยั เรยี น ชุมชนเออื้ อารียส์ ังกัดกรุงเทพมหานคร. ครศุ าสตรม์ หาบัณฑิต สาขาวชิ าการบรหิ ารการศึกษา คณะศึกษา ศาสตร มหาวทิ ยาลัยราชภัฏพระนคร. ศิริลักษณ์ วงษ์พรพันธ์ุ.(2558).ความต้องการมสี ่วนรว่ มของผปู้ กครอง ในการจัดการเรยี นการสอนของโรงเรยี นราชนิ ี. สถาบันเทคโนโลยพี ระจอมเกล้าเจา้ คุณทหารลาดกระบัง.กรงุ เทพฯ อภญิ ญา เวชชัย.(2544).รายงานการวจิ ัย เร่อื งการมีสว่ นรว่ มของพ่อแมผ่ ปู้ กครองในการพัฒนาการศกึ ษา. กรงุ เทพมหานคร : สำนักงานคณะกรรมการการศกึ ษาแหง่ ชาติ. อานนท์ ศกั ด์ิวรวิชญ์.(2547).แนวความคดิ เร่ืองสมรรถนะเรือ่ งเกา่ ที่เราหลงทาง.จุฬาลงกรณ์วารสาร ปีท่ี16 เล่มท6่ี 4,57-78 อุษณยี ์ บญุ ชมภ.ู (2550). การศกึ ษาพฤตกิ รรมของผู้ปกครองในการสง่ เสรมิ การเรยี นรขู้ องนกั เรียนในระดบั ช่วงชั้นที่ 1( ประถมศึกษาปที ี่ 1-3) โรงเรยี นเฟือ่ งฟ้าวิทยา อำเภอแม่สาย จงั หวัดเชยี งราย. วทิ ยานิพนธศ์ กึ ษาศาสตร มหาบัณฑติ สาขาวิชาการบรหิ ารการศึกษา บณั ฑติ วิทยาลยั มหาวทิ ยาลัยแม่ฟ้าหลวง. เอมอร รตั นพันธ.์ (2554). การมสี ว่ นรว่ มของผปู้ กครองในการสง่ เสริมการเรียนรขู้ องนักเรยี นโรงเรียนเอกชน. สังกดั สำนกั งานเขตพน้ื ทีก่ ารศึกษาประถมศึกษาปทมุ ธานี เขต 1 . วิทยานพิ นธ์ ปรญิ ญาศกึ ษาศาสตรมหาบัญฑติ , กรงุ เทพมหานคร. Bloom, B.S.(1956). Taxonomy of Educational Objectives,Handbook I : The Cognitive Domain. New York : David McKay. Davenport,T.,& Prusak,L.(1998). Working knowledge: How organizations manage what they know.Boston 518

การประชมุ วิชาการและเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ ครง้ั ท่ี 6 \"ความทา้ ทายของการจัดการการศกึ ษาใหมห่ ลงั วิกฤติ COVID-19” วนั ท่ี 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี : Harvard Business School Press. Gramet. 1997. “Parent participation in shared decision- making : How is it working Parent involvemwmt,school districts)” Dissertation Abstracts International. Participayory Evaluation. Knowleage Shared Particpatory Evaluation in Developmeat Cooperation” Estey Cetre Journal of International Participayory Evaluation. 2,1 : 60-74. 519

การประชุมวชิ าการและเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครัง้ ที่ 6 \"ความท้าทายของการจดั การการศึกษาใหม่หลงั วิกฤติ COVID-19” วนั ที่ 26 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี ปจั จัยการบรหิ ารท่มี ีผลต่อความเปน็ เลิศดา้ นกีฬาของโรงเรยี นในสังกดั สำนกั งาน เขตพ้ืนทีม่ ธั ยมศกึ ษานครศรธี รรมราช เขต 12 Administrative Factors Affecting the Excellence in Sports of Schools in Nakhon Si Thammarat Secondary Education Area Office 12 วลั วิภา ดารารัตน์ พงษ์ภิญโญ แมน้ โกศล ศศธิ ร อนันตโสภณ วทิ ยาลยั ครุศาสตร์ มหาวทิ ยาลยั ธุรกิจบัณฑิตย์ E-mail [email protected] [email protected] บทคัดย่อ การศึกษาปัจจัยการบริหารที่มีผลต่อความเป็นเลิศด้านกีฬาของโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นท่ี มัธยมศึกษานครศรธี รรมราช เขต 12 มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) ศึกษาปัจจัยการบรหิ ารด้านกีฬา 2) ศึกษาความเป็นเลิศ ด้านกีฬา 3) ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยการบริหารด้านกีฬากับความเป็นเลิศด้านกีฬา 4) วิเคราะห์ปัจจัยการ บรหิ ารดา้ นกีฬาทม่ี ผี ลตอ่ ความเปน็ เลศิ ด้านกฬี า กล่มุ ตวั อย่างท่ีใช้ในการเก็บรวบรวมขอ้ มลู คอื ผู้บริหารและครูโรงเรียน ในสงั กัดสำนักงานเขตพน้ื ที่มัธยมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 12 โดยแบง่ เปน็ ผู้บรหิ าร 33 คน ครู 99 คน รวม 132 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูลเป็นแบบสอบถามมาตราส่วนประมาณค่าที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นโดยค่าความเชื่อม่ัน (Reliability) .98 และแบบสัมภาษณ์แบบมีโครงสร้าง สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วน เบ่ยี งเบนมาตรฐาน ค่าสมั ประสทิ ธ์ิสหสัมพนั ธ์แบบเพียร์สันและการวิเคราะห์การถดถอยเชิงพหุ ผลการศกึ ษา พบวา่ 1. ปจั จัยการบริหารด้านกฬี าของโรงเรียนในสงั กัดสำนกั งานเขตพื้นที่มธั ยมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 12 ในภาพรวม มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากทีส่ ุด เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ปัจจัยด้านนักเรียน มีการปฏิบัติสงู สุด เป็นอันดับแรก โดยมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมาคือ ปัจจัยด้านครู ปัจจัยด้านวัสดุอุปกรณ์และเครื่อง อำนวยความสะดวก และปจั จัยด้านผูบ้ ริหาร โดยมกี ารปฏิบัตอิ ยูใ่ นระดับมากที่สดุ ตามลำดับ 2. ความเปน็ เลิศด้านกีฬาของโรงเรียนในสังกัดสำนกั งานเขตพน้ื ที่มธั ยมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 12 ใน ภาพรวม มีการปฏิบตั ิอยู่ในระดับมากทีส่ ดุ เม่อื พิจารณาเป็นรายดา้ น พบวา่ ระดบั ความเป็นเลศิ ด้านกีฬาของโรงเรียน มี การปฏิบัติสูงสุดเป็นอันดับแรก โดยมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมาคือ สุขภาพทางร่างกายและจิตใจที่ แขง็ แรงของนกั กีฬา ชอ่ื เสียงด้านกฬี าของโรงเรียน สวัสดิการและคา่ ตอบแทนของนักกีฬา และความกา้ วหน้าและความ มน่ั คงดา้ นอาชีพของนักกีฬา โดยมกี ารปฏบิ ัตอิ ยใู่ นระดับมากที่สดุ ตามลำดบั 520

การประชมุ วิชาการและเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ ครัง้ ที่ 6 \"ความท้าทายของการจดั การการศึกษาใหม่หลงั วิกฤติ COVID-19” วนั ท่ี 26 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี 3. การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยการบริหารด้านกีฬากับความเป็นเลิศด้านกีฬาของโรงเรียนใน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่มัธยมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 12 พบว่า ปัจจัยการบริหารด้านกีฬา ด้านผู้บริหาร มี ความสัมพันธ์ในทิศทางลบกับความเป็นเลิศด้านกีฬา ด้านความก้าวหน้าและความมั่นคงด้านอาชีพของนักกีฬา นอกจากนั้นยังพบว่า ปัจจัยการบริหารด้านกฬี า ด้านครู มีความสัมพันธ์ในทิศทางบวกกับความเป็นเลศิ ด้านกีฬา ด้าน สวัสดิการและค่าตอบแทนของนกั กีฬา และมคี วามสัมพนั ธ์ในทิศทางลบกบั ชื่อเสยี งด้านกีฬาของโรงเรียน และยังพบว่า ปัจจัยการบริหารด้านกีฬา ด้านวัสดุอุปกรณ์และเคร่ืองอำนวยความสะดวก มีความสัมพันธ์ในทิศทางลบกับความเป็น เลศิ ดา้ นกฬี า ด้านสวสั ดกิ ารและค่าตอบแทนของนกั กฬี า อยา่ งมนี ยั สำคญั ทางสถิตทิ ี่ระดับ .05 4. การศึกษาปจั จยั การบริหารด้านกีฬาทมี่ ีผลต่อความเปน็ เลศิ ด้านกีฬาของโรงเรยี นในสังกัดสำนักงานเขต พื้นที่มัธยมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 12 พบว่า ปัจจัยการบริหารด้านกีฬาด้านครู และด้านวัสดุอุปกรณ์และเครื่อง อำนวยความสะดวกส่งผลในทิศทางลบต่อความเป็นเลิศด้านกีฬาของโรงเรียนในสำนักงานเขตพื้นที่มัธยมศึกษา นครศรีธรรมราชเขต 12 อย่างมีนัยสำคัญทางสถติ ิที่ระดับ .05 คำสำคญั : ปจั จยั การบรหิ าร, ความเปน็ เลศิ ดา้ นกีฬาของโรงเรยี น ABSTRACT This study was conducted to investigate 1) sports management factors, 2) sports excellence, 3) correlation between sports management factors and sports excellence, 4) sports management factors affecting sports excellence. The study involved 132 participants who were school administers 33 people and teachers 99 people in the Secondary Educational Service Area Office 12, Nakhon Si Thammarat. The tools utilized to compile the data that is design in a form of the estimation scale questionnaire which created by the researcher with the reliability at .98 and structure interview. The collected data were analyzed using percentage, mean, standard deviation, Pearson’s correlation coefficient, and multiple regression. The study revealed the following findings. 1. Sports management factors of schools in the Secondary Educational Service Area Office 12, Nakhon Si Thammarat were generally regarded as the most considerable practice. When considering each aspect, the greatest and most common practice was student factors, followed by teacher factors, material, equipment, and facility factors, and administration factors, respectively. 2. Sports excellence of schools in the Secondary Educational Service Area Office 12, Nakhon Si Thammarat was considered the most significant practice as a whole. When looking at each aspect, the highest and most common practice was school’s levels of sports excellence, followed by athlete’s physical and mental health, school’s sports reputation, athlete’s welfare and compensation, as well as athlete’s career advancement and job security, respectively. 521

การประชมุ วิชาการและเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดบั ชาติ คร้ังท่ี 6 \"ความท้าทายของการจดั การการศกึ ษาใหม่หลังวกิ ฤติ COVID-19” วันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 3. The correlation between sports management factors and sports excellence of schools in the Secondary Educational Service Area Office 12, Nakhon Si Thammarat, showed that sports management factors in relation to administration factors had negative correlation with sports excellence in terms of athlete’s career advancement and job security. Additionally, it was found that sports management factors in relation to teacher factors had positive correlation with sports excellence in terms of athlete’s welfare and compensation and negative correlation with school’s sports reputation. It was also found that sports management factors in relation to material, equipment, and facility factors had negative correlation with sports excellence in terms of athlete’s career advancement and job security. The correlation was significant at .05 level. 4. According to the analysis of sports management factors affecting sports excellence of schools in the Secondary Educational Service Area Office 12, Nakhon Si Thammarat, sports management factors in relation to teacher factors and material, equipment, and facility factors had negative impacts on sports excellence of schools in the Secondary Educational Service Area Office 12, Nakhon Si Thammarat. This demonstrated a significance level of .05. KEYWORDS : Administrative Factors, The Excellence in Sports of Schools บทนำ กีฬามีความสำคัญต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ เพราะทำให้มีสุขภาพกายและใจที่แข็งแรงมั่นคงเป็น กิจกรรมที่ชว่ ยพฒั นาใหม้ นษุ ย์เจริญเติบโต มีรูปรา่ งดี มสี ขุ ภาพและสมรรถภาพทางกายที่ดี อกี ทง้ั ยงั เป็นการป้องกัน โรค การรักษาและฟื้นฟูสภาพจากความเจบ็ ป่วยต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ จิตใจและอารมณแ์ จม่ ใส รู้จักอดทน เสยี สละ มีความรกั ใคร่สามัคคีรู้จกั การให้อภัยมีสมาธิในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ทำให้รจู้ กั ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ ดังจะเห็นว่าประเทศที่เจริญแล้ว จะเห็นความสำคญั ของกีฬาและนำเอากจิ กรรมกฬี าเข้ามาเป็นองค์ประกอบในการ พฒั นาคนและพัฒนาชาติ โดยเฉพาะประเทศสหรฐั อเมริกาไดช้ ่ือว่าเปน็ ประเทศอันดับหนง่ึ ของโลกท่ีส่งเสริมสนับสนุน การกีฬาจนเป็นมหาอำนาจในการกีฬาหลายชนิด ซึ่งตัวชี้วัดที่สำคัญคือการเป็นเจ้าเหรียญทองในมหกรรมกีฬา โอลิมปิกหลายสมัย และหากพิจารณาส่วนที่เกี่ยวข้องกับการส่งเสริมและสนับสนุนการกีฬานั้น จะพบว่าประเทศ สหรัฐอเมรกิ ามีสนามกีฬาทัง้ ใหญ่และเล็กกระจายอยูท่ ัว่ ไป ด้วยเหตุนีผ้ ู้นำของประเทศสหรัฐอเมริกาต่างเชื่อว่ากฬี า เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศตลอดจนเป็นธุรกิจขนาดใหญ่และเป็นธุรกิจที่มีความสำคัญของชาติ (รัฐ พงศ์ บุญญานุวตั ร, 2559, ออนไลน์) จากตัวอย่างนี้จะเห็นว่าการพัฒนากฬี าใหม้ ีความเจรญิ ก้าวหน้าจึงเป็นสิ่งสำคัญ และจำเป็นอย่างอยา่ งย่ิง เพราะนอกจากจะทำใหป้ ระชาชนได้ออกกำลงั กายและเลน่ กีฬาเพื่อส่งเสริมสุขภาพทั้งทาง ร่างกายและจิตใจแล้วยังแสดงถึงความเจริญก้าวหน้าของประเทศ ทั้งด้านคุณภาพของคนในสังคมและความ เจริญกา้ วหนา้ ทางเศรษฐกจิ 522

การประชุมวชิ าการและเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ คร้ังท่ี 6 \"ความทา้ ทายของการจัดการการศกึ ษาใหมห่ ลงั วกิ ฤติ COVID-19” วันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี รฐั บาลไทยในปจั จุบนั ก็ได้เล็งเห็นความสำคญั ของการพัฒนาดา้ นการกฬี าทีม่ ีต่อการพัฒนาคุณภาพของ ทรพั ยากรบุคคลของประเทศเช่นเดยี วกันกบั นานาประเทศ จะเห็นได้จากแผนพฒั นาการกีฬาแหง่ ชาติ ตามแผนพฒั นา เศรษฐกิจและสงั คมแหง่ ชาติ ซง่ึ ใช้เป็นกรอบและแนวทางในการพัฒนาดา้ นกฬี าแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ฉบับท่ี 6 (พ.ศ. 2560 – 2564) โดยกำหนดแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติไว้ 6 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ 1) การส่งเสริมให้เกิดความรู้ และความตระหนักดา้ นการออกกำลงั กายและการกีฬาข้ันพนื้ ฐาน 2) การส่งเสริมใหม้ วลชนมกี ารออกกำลังกายและมี ส่วนร่วมในกิจกรรมการกีฬา 3) การพัฒนากีฬาเพื่อความเป็นเลิศและต่อยอดเพือ่ ความสำเร็จในระดับอาชพี 4) การ พัฒนาอุตสาหกรรมการกีฬาเพื่อเป็นส่วนสำคัญในการสร้างมูลค่าเพิ่มทางเศรษฐกิจ 5) การพัฒนาองค์ความรู้และ นวัตกรรมที่เก่ียวขอ้ งกับการกีฬา และ 6) การยกระดับการบริหารจัดการด้านการกฬี าให้มปี ระสิทธิภาพ (สำนักงาน ปลดั กระทรวงการทอ่ งเทีย่ วและกฬี า, 2560, ออนไลน)์ จากยทุ ธศาสตร์ขา้ งตน้ จะเห็นว่ากฬี ามคี วามจำเป็นในกลุ่มคน ทุกอาชีพ ทุกเพศ ทุกวัย และสามารถพัฒนาให้เป็นอาชีพ ที่ทำรายได้ระดับดีอีกอาชีพหนึ่ง และยังเป็นธุรกิจท่ี สามารถยกระดบั เศรษฐกิจของประเทศไดอ้ ีกทางหนึ่ง รัฐบาลจึงได้พยายามพัฒนากฬี าให้มีประสิทธภิ าพสูงสุด โดย มุ่งมั่นพยายามยกระดับมาตรฐานกีฬาของไทยให้เข้าแข่งขันระดับนานาชาติ ในการพัฒนากีฬาของชาติให้ เจรญิ ก้าวหนา้ ทัดเทยี มเท่ากบั นานาประเทศนัน้ จะต้องมกี ารปูพ้นื ฐานทีด่ ี และตอ้ งได้รบั ความร่วมมอื จากหลายฝ่าย ดงั ท่ี Gallien (2006, p. 117) กลา่ วว่า การพฒั นาดา้ นกีฬาถือเปน็ การพัฒนาท่ียง่ั ยืนอยา่ งหนึ่งเพราะส่งผลต่อเนอื่ งให้ เกดิ การพฒั นาคุณคา่ ของคุณธรรมและจริยธรรมในสงั คมไดอ้ ย่างชดั เจน สถาบันการศึกษาจึงเป็นจดุ เรม่ิ ตน้ ท่ีดีท่ีจะนำ กีฬามาใชใ้ นการพัฒนา สถานศึกษานับว่าเป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างหนึ่งในการร่วมส่งเสริมและพัฒนาการกีฬาของชาติให้ บรรลุผลตามนโยบายและแผน Bridges & Roquemore (2004, p. 114) กล่าวว่า การจัดการศึกษาเพื่อผลิตบัณฑติ ออกไปรบั ใชส้ งั คม จงึ ควรพิจารณาจัดให้มีกีฬาเปน็ สว่ นหนง่ึ ของหลักสูตรในระดับต่าง ๆ ใหต้ อ่ เนื่องกนั นำกีฬามาใช้ ในการส่งเสรมิ ใหผ้ ู้เรยี นได้รจู้ กั ช่ืนชมตนเอง (Self-appreciation) ควบคมุ ตนเอง (Self-control) และยอมรับในตนเอง (Self-respect) เพ่อื เนน้ ยำ้ ใหเ้ ป็นคนมีน้ำใจนักกีฬา รแู้ พ้ร้ชู นะ และร้จู กั การทำงานเปน็ ทีม เมื่อจบการศึกษาออกไป ทำงานในสังคมจะช่วยให้อยู่ร่วมกันได้อย่างมีความสุข และสร้างนักกีฬาที่มีความสามารถระดับสูงได้เป็นอย่างดี ดังนั้นแผนพัฒนาการกีฬาแห่งชาติ ฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2565-2570) จึงได้กำหนดองค์กรที่ร่วมรับผิดชอบในการ ดำเนินงานท้งั ภาครัฐและเอกชน รวมท้งั สถานศกึ ษาตา่ ง ๆ เพอ่ื ให้บรรลผุ ลตามเปา้ หมายทกี่ ำหนดไว้ อย่างไรก็ตาม ปจั จยั ท่มี ผี ลต่อการพฒั นากีฬาให้ไปสู่ความสำเร็จตามเป้าหมายข้างต้นได้นั้น สุรชัย ทอง อินทร์ (2552, น.79-81) กล่าวว่า ต้องได้รับแรงสนบั สนุนจากครอบครวั เพอื่ น โรงเรยี น ครูและผู้บริหาร เพ่อื เป็นการ พัฒนาและส่งเสริมความเป็นเลิศด้านกีฬาของนักเรียนในอนาคต จึงกล่าวได้ว่าในการพัฒนากีฬาของชาติให้ เจริญก้าวหน้า ต้องได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่ายต้องมีการพัฒนาและการเตรียมการอย่างเป็นระบบ โดยเร่ิม ปลกู ฝังใหเ้ ป็นนักกฬี า ตง้ั แต่เข้าสวู่ ยั ประถมศกึ ษา และรักษาเขาเหล่านน้ั ไวใ้ นระบบ จนกระท่งั เขา้ สู่มัธยมศึกษาและ ระดับอุดมศึกษาตามลำดับ 523

การประชุมวชิ าการและเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ คร้ังที่ 6 \"ความทา้ ทายของการจัดการการศกึ ษาใหม่หลังวกิ ฤติ COVID-19” วันท่ี 26 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี สำนักงานเขตพื้นที่มัธยมศึกษานครศรีธรรมราชเขต 12 จังหวัดนครศรีธรรมราชเป็นพื้นที่ที่น่าสนใจ ศึกษาเกี่ยวกับการพัฒนาความเป็นเลิศทางกีฬาของโรงเรียน เนื่องจากมีเขตพื้นที่ที่อยู่ในความรับผิดชอบการจัด การศึกษาในระดับมัธยมศึกษาเป็นจำนวนมาก มี 23 อำเภอ 71 โรงเรียน เปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับ มัธยมศึกษาปีที่ 1 จนถึงมัธยมศึกษาปีที่ 6 จากการสำรวจข้อมูลเบื้องต้นพบว่า มีประสิทธิภาพการบริหารงานด้าน กีฬาน้อย เนื่องจากปญั หาการขาดแคลนด้านต่าง ๆ เช่น สนามฝึกซ้อม วัสดุอุปกรณ์ไมเ่ พียงพอและบคุ ลากรยงั ขาด ความร้ปู ระสบการณด์ ้านกฬี า จากเหตุผลที่กล่าวมาทั้งหมดข้างต้น ผู้วิจัยจึงสนใจศึกษาปัจจัยการบริหารที่ส่งผลต่อการพัฒนาความ เป็นเลศิ ด้านกฬี าของโรงเรียนของโรงเรยี นในสงั กดั สำนักงานเขตพืน้ ทม่ี ธั ยมศึกษานครศรธี รรมราช เขต 12 เพ่ือนำผล การศึกษาไปใช้ประโยชน์ในการปรับปรุงและพัฒนาการบริหารสถานศึกษา เพื่อสร้างความเป็นเลิศด้านกีฬาของ โรงเรยี นในสังกัดสำนักงานเขตพนื้ ท่ีมัธยมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 12 ตอ่ ไป วัตถุประสงคก์ ารวิจัย 1. เพื่อศึกษาปัจจัยการบริหารด้านกฬี าของโรงเรียนในสังกดั สำนกั งานเขตพน้ื ที่มัธยมศกึ ษานครศรธี รรมราช เขต 12 2. เพ่ือศกึ ษาความเปน็ เลิศด้านกฬี าของโรงเรยี นในสงั กดั สำนักงานเขตพน้ื ทม่ี ัธยมศกึ ษานครศรีธรรมราช เขต 12 3. เพื่อศึกษาความสัมพนั ธ์ระหว่างปจั จยั การบรหิ ารด้านกฬี ากบั ความเป็นเลิศดา้ นกฬี าของโรงเรียนในสงั กดั สำนกั งานเขตพน้ื ทม่ี ธั ยมศึกษานครศรธี รรมราช เขต 12 4. เพอ่ื วิเคราะห์ปจั จยั การบรหิ ารดา้ นกีฬาทม่ี ีผลต่อความเปน็ เลิศดา้ นกีฬาของโรงเรียนในสงั กดั สำนกั งาน เขตพน้ื ท่มี ัธยมศกึ ษานครศรีธรรมราช เขต 12 สมมุติฐานการวิจยั 1. ปจั จยั การบรหิ ารด้านกฬี ามีความสัมพนั ธใ์ นทางบวกกับความเปน็ เลิศดา้ นกีฬาของโรงเรียนในสงั กดั สำนกั งานเขตพืน้ ทม่ี ธั ยมศกึ ษานครศรีธรรมราช เขต 12 อยา่ งมีนัยสำคญั ทางสถิติ 2. ปัจจัยการบรหิ ารดา้ นกีฬาส่งผลในทางบวกตอ่ ความเป็นเลิศดา้ นกฬี าของโรงเรียนในสังกดั สำนกั งานเขต พื้นทม่ี ธั ยมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 12 อย่างมีนยั สำคญั ทางสถิติ ขอบเขตของการวจิ ัย การวิจยั ครัง้ นี้เปน็ การศึกษา ปัจจยั การบรหิ ารท่ีมีผลต่อความเป็นเลิศด้านกีฬาของโรงเรียนในสำนักงาน เขตพน้ื ท่ีมธั ยมศกึ ษานครศรีธรรมราช เขต 12 ดังนี้ 1. ขอบเขตด้านเนอ้ื หา ปัจจัยการบริหารที่มีผลต่อความเป็นเลิศด้านกีฬาของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่มัธยมศึกษา นครศรีธรรมราช เขต 12 มีเนื้อหาในการศึกษาดังนี้ การบริหารโรงเรียน ประกอบด้วย ตัวแปร 4 ตัวแปร ได้แก่ 1) 524

การประชมุ วชิ าการและเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครัง้ ที่ 6 \"ความท้าทายของการจัดการการศกึ ษาใหมห่ ลงั วกิ ฤติ COVID-19” วันท่ี 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี ปัจจัยด้านผู้บริหาร 2) ปัจจัยด้านครู 3) ปัจจัยด้านนักเรียน และ 4) ปัจจัยด้านวัสดุอุปกรณแ์ ละเครื่องอำนวยความ สะดวก และศกึ ษาความเปน็ เลิศด้านกีฬาในโรงเรียนประกอบด้วยตัวแปรย่อย 5 ตวั แปร ได้แก่ 1) ความกา้ วหน้าและ ความมั่นคงด้านอาชีพของนักกีฬา 2) สวัสดิการและค่าตอบแทนของนักกีฬา 3) ชื่อเสียงด้านกีฬาของโรงเรียน 4) สุขภาพทางรา่ งกายและจติ ใจทีแ่ ข็งแรงของนักกฬี า และ 5) ระดบั ความเปน็ เลิศดา้ นกฬี าของโรงเรยี น 2. ขอบเขตด้านประชากร 2.1 ประชากรท่ีเปน็ ผู้ให้ขอ้ มลู เชงิ ปริมาณ ได้แก่ ผู้บรหิ าร ครู จำนวน 33โรงเรียนที่ใช้ในการวิจัยคร้ังนี้ เป็นโรงเรียนท่ีมผี ลการแข่งขนั ของกลมุ่ สาระวิชาพลศกึ ษา ทม่ี ีคะแนน 80 – 100 คะแนน (รางวัลเหรยี ญทอง) ในงาน ศิลปหัตถกรรมนักเรียน คร้งั ท่ี 69 ปีการศกึ ษา 2562 ระดับเขตพ้ืนท่กี ารศกึ ษานครศรีธรรมราช เขต 12 2.2 ประชากรที่เป็นผู้ให้ข้อมูลเชิงคุณภาพ ได้แก่ ผู้บริหารสถานศึกษา เช่น ผู้อำนวยการโรงเรียน หวั หนา้ หมวดพลศึกษา นกั วชิ าการวทิ ยาศาสตรก์ ารกีฬา นกั กีฬาทมี ชาติ เปน็ ตน้ ครู เช่น หัวหนา้ หมวดพลศกึ ษาหรือ ครูผู้สอนรายวชิ าพลศกึ ษา เป็นต้น 3. ขอบเขตดา้ นพน้ื ทก่ี ารศึกษา การวิจัยครัง้ น้ผี ู้วจิ ัยกำหนดพื้นท่ีศึกษาโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพืน้ ท่ีมธั ยมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 12 เป็นโรงเรียนทีม่ ีผลการแข่งขนั ของกลุ่มสาระวิชาพลศกึ ษา ที่มีคะแนน 80 - 100 คะแนน ( รางวัลเหรยี ญ ทอง ) ในงานศลิ ปหตั ถกรรมนักเรียน ครั้งที่ 69 ปีการศกึ ษา 2562 ระดบั เขตพ้ืนที่การศกึ ษานครศรธี รรมราช เขต 12 4. ตวั แปรทใี่ ช้ในการศึกษา 4.1 ตัวแปรตน้ ไดแ้ ก่ ปัจจยั การบริหารดา้ นกีฬา ประกอบดว้ ย 4.1.1 ปัจจยั ดา้ นผบู้ ริหาร ได้แก่ 1) พฤตกิ รรมผ้นู ำ 2) วิสยั ทศั นผ์ ู้บรหิ าร 3) ความสนใจของผูบ้ ริหารด้านกีฬา 4) การสรา้ งบรรยากาศโรงเรยี น 4.1.2 ปัจจัยด้านครู ได้แก่ 1) คุณภาพการสอนกฬี าของครู 2) ความพึงพอใจในการสอนกีฬาของครู 3) การไดร้ ับการสนบั สนุนทางสงั คมของครู 4) ความสนใจของครูด้านกีฬา 4.1.3 ปัจจยั ดา้ นนักเรียน ได้แก่ 1) พฤติกรรมด้านการเรยี นของนกั เรียนที่เป็นนกั กฬี า 2) เจตคติต่อการ เรยี นของนกั เรยี น 3) พฤติกรรมด้านสงั คมกบั กล่มุ เพื่อน 4.1.4 ปัจจัยดา้ นวัสดุอปุ กรณแ์ ละเคร่ืองอำนวยความสะดวก 1) สนามกฬี า 2) อุปกรณ์กีฬา 4.2 ตัวแปรตาม (Independent variable) ประกอบด้วย 5.2.1 ความก้าวหน้าและความมั่นคงด้าน อาชีพของนักกีฬา 5.2.2 สวัสดิการและค่าตอบแทนของนักกีฬา 5.2.3 ชื่อเสียงด้านกีฬาของโรงเรียน 5.2.4 สุขภาพทางรา่ งกายและจิตใจที่แข็งแรงของนกั กฬี า 5.2.5 ระดบั ความเปน็ เลศิ ดา้ นกีฬาของโรงเรยี น วธิ ีดำเนินการวิจัย 1. ประชากรและกลุม่ ตัวอย่าง ประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ ผู้บริหาร ครู ทั้งหมด 71 โรงเรียน อยู่ใน สำนักงานเขตพื้นท่ี มธั ยมศกึ ษานครศรีธรรมราช เขต 12 525

การประชมุ วชิ าการและเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ คร้งั ท่ี 6 \"ความท้าทายของการจดั การการศกึ ษาใหมห่ ลงั วกิ ฤติ COVID-19” วันที่ 26 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี 1.1 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยในครั้งนี้โดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling ) เป็นการ เลือกโรงเรียนที่มผี ลการแขง่ ขนั ของกลมุ่ สาระวิชาพลศกึ ษา ท่มี คี ะแนน 80 – 100 คะแนน (รางวลั เหรียญทอง) ในงาน ศลิ ปหตั ถกรรมนกั เรียน ครง้ั ท่ี 69 ปีการศกึ ษา 2562 ระดับเขตพ้นื ทกี่ ารศึกษานครศรีธรรมราช เขต 12 โดยมี 1.2 ผู้บริหารโรงเรียน ได้แก่ ผู้บริหารโรงเรยี น หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายจากผู้บริหารโรงเรียนละ 1 คน รวมทงั้ สิ้น 33 คน 1.3 ครู ได้แก่ หัวหน้าหมวดพลศึกษาหรือครูผู้สอนรายวิชาพลศึกษาหรือครูผู้ที่ได้รับมอบหมาย โรงเรียนละ 3 คน รวม 99 คน จำนวนรวมผู้บริหารและครู มที ง้ั ส้นิ 132 คน 2. เครื่องมอื ที่ใช้ในการศึกษาวจิ ัย เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นแบบสอบถาม (Questionnaire) และแบบสัมภาษณ์ (Interview) ซึ่งสอบถามเก่ยี วกับความคดิ เห็นของผู้บริหาร และ ครผู สู้ อน ในปัจจยั การบรหิ ารทีม่ ีผลตอ่ ความเป็น เลศิ ดา้ นกีฬาของโรงเรียนในสำนักงานเขตพนื้ ที่มธั ยมศึกษานครศรีธรรมราชเขต 12 2.2 แบบสอบถาม มี 4 ตอน ดงั น้ี ตอนท่ี 1 ขอ้ มลู สถานะภาพของผู้ตอบแบบสอบถาม ได้แก่ เพศ อายุ ตำแหนง่ งาน ขนาดของโรงเรียน เป็น แบบสอบถามแบบตรวจรายการ ( Check List ) ตอนท่ี 2 แบบสอบถามแบบมาตราสว่ นประมาณค่า (Rating Scale) ชนดิ 4 ระดบั ใชเ้ ก็บข้อมูลเก่ียวกับ ปจั จยั การบรหิ ารโรงเรียนในสังกดั สำนักงานเขตพ้ืนทม่ี ธั ยมศกึ ษานครศรีธรรมราช เขต 12 ตอนท่ี 3 แบบสอบถามแบบมาตราส่วนประมาณคา่ (Rating Scale) ชนิด 4 ระดบั ใชเ้ กบ็ ข้อมูลเก่ียวกับ ความเป็นเลิศดา้ นกีฬาของโรงเรียนในสงั กัดสำนักงานเขตพนื้ ทม่ี ัธยมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 12 ตอนที่ 4 ข้อมูลความคดิ เหน็ และขอ้ เสนอแนะอนื่ ๆ แบบสอบถามแบบเปิด (Open-ended ) 2.2 แบบสมั ภาษณ์ เป็นแบบสมั ภาษณ์แบบมีโครงสรา้ งเพือ่ สอบถามคิดเหน็ ของผู้บรหิ ารโรงเรียนเก่ียวกับ ปจั จัยการบรหิ ารทม่ี ีผลตอ่ ความเป็นเลศิ ด้านกีฬาของโรงเรียนในสำนักงานเขตพนื้ ที่มธั ยมศกึ ษานครศรธี รรมราช เขต 12 3. วิธกี ารเก็บรวบรวมขอ้ มลู ผวู้ จิ ยั ได้ดำเนนิ การเก็บรวบรวมขอ้ มลู ด้วยตนเอง ซง่ึ มขี ้นั ตอนในการดำเนนิ งานดังน้ี 3.1 ส่งหนังสือขออนเุ คราะห์เกบ็ ข้อมูล ถึงผู้อำนวยการโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่มัธยมศึกษา นครศรีธรรมราช เขต 12 เพ่อื ขออนุญาตและขอความรว่ มมอื ในการเกบ็ รวบรวมขอ้ มูล 3.2 ดำเนนิ การเก็บรวบรวมขอ้ มูลโดยนำแบบสอบถามไปสง่ มอบให้ผู้บริหารและครูผู้สอนดว้ ยตนเอง และ ส่งผ่านช่องส่งเอกสารของสำนักงานเขตพื้นที่มธั ยมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 12 และเก็บรวบรวมข้อมลู กลับด้วย ตนเองหรือให้ผู้ตอบแบบสอบถามส่งคืนแบบสอบถามผ่านช่องส่งเอกสารของสำนักงานเขตพื้นที่มัธยมศึกษา นครศรธี รรมราช เขต 12 3.3 ได้ร ับแบบสอบถาม กลับคืนและตรวจสอบความสมบูรณ์ ของแบบสอบถามแล้ว มคี วามสมบูรณ์จำนวน 132 ฉบบั 526

การประชมุ วิชาการและเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ ครง้ั ท่ี 6 \"ความทา้ ทายของการจดั การการศึกษาใหมห่ ลังวิกฤติ COVID-19” วนั ท่ี 26 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี 3.4 นำคะแนนที่ได้จัดพิมพ์ลงเครื่องคอมพิวเตอร์ เพื่อเตรียมการวิเคราะห์ข้อมูล โดยใชโ้ ปรแกรมประมวลผลสำเร็จรปู สรปุ ผลการวิจัย การศึกษาปัจจัยการบริหารที่มีผลต่อความเป็นเลิศด้านกีฬาของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่ มธั ยมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 12 สามารถสรปุ ผลการศึกษาไดด้ งั น้ี 1. ข้อมูลส่วนบุคคลของกลุ่มตัวอย่าง พบว่า ผู้บริหารโรงเรียน และครูโรงเรียนในสงั กดั สำนักงานเขต พน้ื ท่มี ัธยมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 12 ส่วนใหญ่ เปน็ เพศชาย ร้อยละ 81.8 และเป็นเพศหญิง ร้อยละ 18.2 มีอายุ ระหว่าง 41-50 ปี ร้อยละ 37.9 รองลงมาคือ อายุ 50 ปี ขึ้นไป ร้อยละ 26.5 ส่วนใหญ่ดำรงตำแหน่งครูผู้สอนกลุ่ม สาระการเรยี นรู้ ร้อยละ 52.3 รองลงมาคือ หัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ ร้อยละ 22.7 และอยู่ในโรงเรยี นขนาดกลาง (นักเรียน 301-1,000 คน) ร้อยละ 45.5 รองลงมาคือ ขนาดใหญ่พิเศษ (นักเรียน 3,001 คนขึ้นไป) ร้อยละ 31.1 ตามลำดับ 2. ปัจจยั การบริหารดา้ นกฬี าของโรงเรียนในสงั กัดสำนักงานเขตพ้นื ทม่ี ัธยมศึกษานครศรธี รรมราช เขต 12 ในภาพรวม มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สดุ เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ปัจจัยด้านนักเรียน มีการปฏิบตั ิ สูงสุดเป็นอันดับแรก โดยมีการปฏิบตั ิอยู่ในระดบั มากทีส่ ุด รองลงมาคอื ปัจจัยด้านครู ปัจจัยด้านวัสดุอุปกรณ์และ เครื่องอำนวยความสะดวก และปัจจัยด้านผู้บริหาร โดยมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด ตามลำดับ เมื่อวิเคราะห์ ขอ้ มูลรายละเอียดเป็นรายดา้ น สามารถสรุปไดด้ งั นี้ 1) ปัจจัยด้านผูบ้ รหิ าร ในภาพรวม มีการปฏิบัตอิ ยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า ผ้บู ริหารโรงเรียนมกี ารประชมุ ช้ีแจงวิสยั ทัศน์ กลยทุ ธเ์ ปา้ หมาย และ พนั ธกิจของการพฒั นาของโรงเรียนในด้านกีฬา อยา่ งชัดเจนเปน็ ลายลกั ษณ์อกั ษรและสอ่ื สารไปยงั ครู และนักเรียนอย่างท่ัวถึง มกี ารปฏิบัติสงู สดุ เป็นอนั ดับแรก โดย มกี ารปฏบิ ัตอิ ยใู่ นระดบั มากที่สุด รองลงมาคือ ผบู้ ริหารโรงเรียนกำหนดให้ครูและนักเรยี น มีสว่ นรว่ มในการวางแผน และร่วมกำหนดแนวทางการพัฒนาโรงเรียนในด้านกีฬา โดยมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด และมีการปฏิบัติต่ำ ที่สุดเป็นอันดบั สุดท้าย คือ ผู้บริหารโรงเรยี นมีการสนับสนุนให้มีการทำวิจัยทางด้านสุขภาพกีฬาเพื่อความเป็นเลศิ โดยมีการปฏิบัตอิ ยู่ในระดับมาก ตามลำดับ 2) ปัจจยั ด้านครู ในภาพรวม มกี ารปฏิบัตอิ ยู่ในระดับมากที่สุด เมือ่ พิจารณาเปน็ รายข้อ พบว่า ครูได้ นำความรู้ท่ีได้รับมาประยุกตใ์ ช้ในการพฒั นาความสามารถนักกฬี า มกี ารปฏิบตั ิสงู สดุ เปน็ อนั ดบั แรก โดยมกี ารปฏิบัติ อยูใ่ นระดับมากท่ีสุด รองลงมาคือ ครูมใี จรกั ในกีฬา และมอี ดุ มการณ์ทางกีฬา โดยมกี ารปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด และมีการปฏบิ ัตติ ่ำทส่ี ุดเปน็ อนั ดับสุดท้าย คอื ครมู ีการติดตามประเมินผลการฝึกซอ้ มและผลการแข่งขันของนักกีฬา เพอ่ื พฒั นาปรับปรงุ นักกฬี าใหด้ ขี ้นึ โดยมกี ารปฏิบตั ิอยใู่ นระดบั มากที่สุด ตามลำดับ 3) ปัจจัยด้านนักเรยี น ในภาพรวม มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า นกั เรยี นไมย่ ่อท้อตอ่ อปุ สรรคในการฝึกซอ้ มและแข่งขัน มีการปฏิบัตสิ งู สดุ เป็นอนั ดบั แรก โดยมกี ารปฏบิ ัตอิ ยใู่ นระดับ มากที่สุด รองลงมาคือ นักเรียนมีความเข้าใจในทักษะและกระบวนการพัฒนาทักษะกีฬาเพื่อชัยชนะในการแข่งขัน 527

การประชุมวิชาการและเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ คร้ังท่ี 6 \"ความท้าทายของการจัดการการศกึ ษาใหม่หลังวกิ ฤติ COVID-19” วันท่ี 26 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี โดยมีการปฏิบตั ิอยู่ในระดบั มากที่สุด และมกี ารปฏิบัติตำ่ ท่ีสดุ เป็นอนั ดบั สุดท้าย คือ นกั เรยี นได้เป็นตัวแทนเข้าร่วม การแข่งขนั กีฬาระดับประเทศโดยมีการปฏบิ ัตอิ ยู่ในระดบั มาก ตามลำดับ 4) ปัจจยั ด้านวสั ดอุ ปุ กรณแ์ ละเคร่ืองอำนวยความสะดวก ในภาพรวม มีการปฏบิ ัติอยู่ในระดับมากท่ีสุด เมื่อพิจารณาเปน็ รายข้อ พบว่า โรงเรียนมีการดูแลความสะอาดเรียบรอ้ ยของอาคารสถานที่และอุปกรณ์กีฬา มีการ ปฏิบัติสงู สดุ เปน็ อนั ดับแรก โดยมีการปฏิบตั ิอยใู่ นระดับมากที่สดุ รองลงมาคอื โรงเรยี นมกี ารบำรุงรกั ษาและซอ่ มแซม อาคารสถานที่และอุปกรณ์กีฬาอย่างสม่ำเสมอ โดยมีการปฏิบตั ิอยู่ในระดบั มากที่สุด และมีการปฏิบตั ิต่ำทีส่ ุดเป็น อนั ดบั สดุ ท้าย คือ โรงเรยี นไดร้ บั เงินสนับสนนุ จากภาครัฐและเอกชนในด้านการจัดกจิ กรรมกีฬาในโรงเรียน โดยมีการ ปฏบิ ัตอิ ยู่ในระดับมาก ตามลำดบั 3. ความเปน็ เลศิ ดา้ นกฬี าของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพ้นื ท่ีมัธยมศกึ ษานครศรีธรรมราช เขต 12 ในภาพรวม มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ระดับความเป็นเลิศด้านกีฬาของ โรงเรียน มีการปฏิบัติสูงสุดเป็นอนั ดับแรก โดยมีการปฏิบัติอยูใ่ นระดบั มากที่สดุ รองลงมาคือ สุขภาพทางร่างกาย และจิตใจที่แข็งแรงของนักกีฬา ชื่อเสียงด้านกีฬาของโรงเรียน สวัสดิการและค่าตอบแทนของนักกีฬา และ ความก้าวหนา้ และความมน่ั คงด้านอาชีพของนักกีฬา โดยมกี ารปฏบิ ตั ิอยู่ในระดับมากที่สดุ ตามลำดับ เม่ือวิเคราะห์ ข้อมูลรายละเอียดเป็นรายดา้ น สามารถสรปุ ได้ดังนี้ 1) ด้านความกา้ วหนา้ และความม่ันคงด้านอาชพี ของนักกฬี า ในภาพรวม มกี ารปฏบิ ตั อิ ยู่ในระดับมาก ที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า นักกีฬาได้รับการคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยด้วยวิธีการ ความสามารถพิเศษด้านกีฬา มีการปฏิบัติสูงสุดเป็นอันดับแรก โดยมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมาคอื นกั กีฬาได้รับการสนับสนุนด้านการศึกษา เชน่ การจัดหาท่เี รียน หรือการศกึ ษาต่อในระดับที่สงู ข้ึน โดยมีการปฏิบัติ อยู่ในระดับมากที่สดุ และมีการปฏิบัติต่ำทีส่ ุดเป็นอันดับสุดทา้ ย คือ นักกีฬามีโอกาสได้รับคัดเลอื กเป็นนักกฬี าทมี ชาติ โดยมีการปฏบิ ตั อิ ยใู่ นระดบั มาก ตามลำดบั 2) ด้านสวัสดิการและค่าตอบแทนของนักกีฬา ในภาพรวม มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อ พิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า นักกีฬาไดร้ ับสวัสดิการจากโรงเรียน เช่น ค่าอาหารกลางวัน ชุดฝึกซ้อม รถรับส่ง ที่พัก เป็นต้น มีการปฏิบัติสูงสุดเป็นอันดับแรก โดยมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมาคือ นักกีฬาได้รับ ทุนการศึกษาระหว่างเรียน โดยมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด และมีการปฏิบัติต่ำที่สุดเป็นอันดับสุดท้าย คือ นักกีฬาได้รับสวัสดกิ าร ค่าตอบแทน เงินเดอื น จากการเล่นกีฬา หรือ ได้รับความคุ้มครอง กรณีเจ็บป่วย โดยมีการ ปฏิบัติอยใู่ นระดบั มาก ตามลำดับ 3) ด้านชอ่ื เสยี งด้านกฬี าของโรงเรียน ในภาพรวม มีการปฏบิ ัตอิ ยู่ในระดบั มากท่ีสุด เม่อื พิจารณาเป็น รายข้อ พบว่า ผลงานของนักกฬี าได้รับการยอมรับจากบคุ ลากรในโรงเรียนและชุมชน มีการปฏิบัติสงู สุดเป็นอันดบั แรก โดยมกี ารปฏบิ ตั ิอยใู่ นระดับมากที่สดุ รองลงมาคือ มีนักเรียนสมัครเข้าเรียนในโครงการกีฬาของโรงเรียนมากขึ้น โดยมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สุด และมีการปฏิบัติต่ำท่ีสุดเป็นอันดับสุดท้าย คือ การเป็นนักกีฬาของโรงเรียน สามารถสร้างช่ือเสียงให้แก่ประเทศชาติ โดยมกี ารปฏบิ ัตอิ ยู่ในระดบั มากท่ีสดุ ตามลำดบั 528

การประชมุ วิชาการและเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ ครั้งที่ 6 \"ความทา้ ทายของการจัดการการศกึ ษาใหม่หลังวกิ ฤติ COVID-19” วันที่ 26 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี 4) ด้านสุขภาพทางร่างกายและจิตใจที่แข็งแรงของนักกฬี า ในภาพรวม มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก ที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่า การเล่นกีฬามีส่วนช่วยให้พัฒนาบุคลิกภาพตนเองได้ ทำให้ร่างกายสมบูรณ์ แขง็ แรง มีจติ ใจแจ่มใส และเป็นคนอารมณด์ ี มีการปฏบิ ัตสิ งู สดุ เป็นอนั ดับแรก โดยมีการปฏิบัตอิ ยู่ในระดับมากท่ีสุด รองลงมาคอื การเล่นกีฬาทำใหเ้ ด็กและเยาวชนทกุ กลุ่มมสี มรรถภาพทางกายตามเกณฑ์มาตรฐาน โดยมกี ารปฏิบัติอยู่ ในระดบั มากท่สี ดุ และมกี ารปฏิบตั ิตำ่ ท่ีสดุ เป็นอันดับสุดท้าย คือ การเลน่ กีฬาทำให้เปน็ คนทม่ี ีความเช่ือม่ันในตนเอง โดยมีการปฏิบตั ิอย่ใู นระดบั มากที่สุด ตามลำดบั 5) ด้านระดับความเป็นเลิศด้านกีฬาของโรงเรียน ในภาพรวม มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากทีส่ ุด เม่ือ พิจารณาเปน็ รายขอ้ พบวา่ มีนกั กฬี าของโรงเรยี นได้รบั เหรยี ญรางวัลจากการแข่งขันกฬี า ระดบั อำเภอ มีการปฏิบัติ สูงสดุ เป็นอันดับแรก โดยมีการปฏบิ ตั ิอยู่ในระดบั มากท่ีสดุ รองลงมาคือ มนี กั กีฬาของโรงเรียนไดร้ บั เหรียญรางวัลจาก การแขง่ ขันกฬี า ระดับ จังหวัด โดยมกี ารปฏบิ ัตอิ ย่ใู นระดบั มากท่ีสุด และมีการปฏิบัติตำ่ ทีส่ ุดเป็นอันดับสุดท้าย คือ มีนักกีฬาของโรงเรียนได้รับเหรียญรางวัลจากการแข่งขนั กีฬา ระดับประเทศ โดยมีการปฏิบัติอยู่ในระดับมากที่สดุ ตามลำดับ 4. การศึกษาความสมั พนั ธ์ระหว่างปัจจยั การบริหารด้านกฬี ากบั ความเปน็ เลศิ ด้านกีฬาของโรงเรียนใน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่มัธยมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 12 พบว่า ปัจจัยการบริหารด้านกีฬา ด้านผู้บริหาร มี ความสัมพันธ์ในทิศทางลบกับความเป็นเลิศด้านกีฬา ด้านความก้าวหน้าและความมั่นคงด้านอาชีพของนักกีฬา นอกจากนนั้ ยังพบว่า ปจั จัยการบริหารด้านกีฬา ด้านครู มคี วามสัมพันธใ์ นทศิ ทางบวกกับความเป็นเลิศด้านกีฬา ด้าน สวัสดิการและค่าตอบแทนของนักกีฬา และมีความสัมพันธ์ในทิศทางลบกับชื่อเสียงด้านกีฬาของโรงเรียน และยัง พบว่า ปัจจัยการบริหารด้านกีฬา ด้านวัสดุอุปกรณ์และเคร่ืองอำนวยความสะดวก มีความสัมพันธ์ในทิศทางลบกับ ความเปน็ เลิศดา้ นกีฬา ด้านสวสั ดกิ ารและคา่ ตอบแทนของนกั กีฬา อย่างมีนัยสำคัญทางสถิตทิ ่รี ะดบั .05 5. การศกึ ษาปัจจัยการบริหารดา้ นกฬี าทม่ี ีผลต่อความเปน็ เลิศด้านกีฬาของโรงเรยี นในสงั กดั สำนักงาน เขตพื้นที่มัธยมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 12 พบว่า ปัจจัยการบริหารด้านกีฬาด้านครู และด้านวัสดุอุปกรณ์และ เคร่ืองอำนวยความสะดวกส่งผลในทิศทางลบต่อความเป็นเลิศดา้ นกีฬาของโรงเรียนในสำนกั งานเขตพนื้ ท่ีมัธยมศึกษา นครศรีธรรมราชเขต 12 อย่างมีนัยสำคัญทางสถติ ิทีร่ ะดบั .05 โดยเมื่อปัจจยั การบริหารด้านกีฬา ด้านครูเพิ่มข้ึน 1 หน่วย จะส่งผลให้ความเป็นเลิศด้านกีฬาของโรงเรียนในสำนักงานเขตพื้นที่มัธยมศึกษานครศรีธรรมราชเขต 12 เพิ่มข้นึ .574 หนว่ ย โดยตัวแปรอื่นๆ มีคา่ คงที่ และเมอ่ื ปัจจัยการบรหิ ารดา้ นกีฬา ด้านวัสดอุ ปุ กรณแ์ ละเครอ่ื งอำนวย ความสะดวก เพิ่มขึ้น 1 หน่วย จะส่งผลให้ความเป็นเลิศด้านกีฬาของโรงเรียนในสำนักงานเขตพื้นที่มัธยมศึกษา นครศรีธรรมราชเขต 12 เพ่ิมขน้ึ .325 หน่วย โดยตัวแปรอ่ืนๆ มคี า่ คงท่ี 6. ผลการศึกษาปัญหาและขอ้ เสนอแนะเกี่ยวกบั ปจั จัยการบรหิ ารทีม่ ีผลต่อความเปน็ เลิศด้านกีฬาของ โรงเรียนในสงั กัดสำนกั งานเขตพืน้ ทมี่ ธั ยมศึกษานครศรธี รรมราช เขต 12 พบวา่ 1) ปัจจยั ด้านผ้บู รหิ าร พบวา่ ปญั หาสว่ นใหญ่ คือ ผ้บู รหิ ารบางโรงเรยี นยงั ไมม่ คี วามชัดเจนในเรื่องการ ส่งเสริมและสนับสนนุ ใหจ้ ัดบรรยากาศ สภาพแวดล้อม ส่ือ การเรียน และอำนวยความสะดวก เพอื่ ใหน้ ักเรียนเกิดการ เรียนรู้ รองลงมา คือ ผู้บรหิ ารขาดการสนบั สนุนการจดั สวัสดกิ าร เช่น คา่ ตอบแทน เพ่ือเป็นแรงจงู ใจแก่ครผู ู้สอนกีฬา 529

การประชุมวิชาการและเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ คร้ังท่ี 6 \"ความทา้ ทายของการจดั การการศกึ ษาใหมห่ ลังวิกฤติ COVID-19” วนั ที่ 26 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี และนักเรียนที่เป็นนักกีฬา นอกจากนั้น ข้อเสนอแนะส่วนใหญ่ พบว่า ผู้บริหารโรงเรียนควรจะมีการส่งเสริมและ สนับสนุนให้จัดบรรยากาศ สภาพแวดล้อม สื่อ การเรียน และอำนวยความสะดวก เพื่อให้นักเรียนเกิดการเรียนรู้ รองลงมา คอื ผู้บรหิ ารมีการเพิ่มการจัดสวัสดิการ เชน่ ค่าตอบแทน เพอ่ื เป็นแรงจูงใจแกค่ รูผู้สอนกฬี าและนักเรียนที่ เปน็ นักกฬี า 2) ปัจจัยด้านครู พบว่า ปญั หาสว่ นใหญ่ คือ ครูขาดการเขา้ รว่ มการสัมมนาหรืออบรมการเป็นผู้ฝกึ สอน กีฬาเพื่อเพิ่มพูนความรู้ทักษะและประสบการณ์ด้านกีฬาเพื่อความเป็นเลิศอย่างสม่ำเสมอ รองลงมา คือ ครูไม่มี พื้นฐานการเป็นนักกฬี ามาก่อนทำให้ไม่ชำนาญในกีฬาแต่ละชนิด นอกจากน้นั ข้อเสนอแนะส่วนใหญ่ พบว่า ครูควรจะ เข้าร่วมการสมั มนาหรอื อบรมการเปน็ ผู้ฝึกสอนกีฬาเพื่อเพม่ิ พูนความร้ทู กั ษะและประสบการณ์ดา้ นกฬี าเพอ่ื ความเป็น เลิศอยา่ งสม่ำเสมอ รองลงมา คือ ควรจะมคี รู บุคลากร ทม่ี ีพน้ื ฐานการเปน็ นกั กีฬามาก่อน 3) ปัจจัยด้านนักเรียน พบว่า ปัญหาส่วนใหญ่ คือ นักเรียน ขาดการมีระเบียบวินัย ปฏิบัติตาม กฎ กติกา ในการแข่งขันกีฬาและ มีความสามัคคี รองลงมา คือ นักเรียนไม่มีเป้าหมายและมีความเชื่อม่ันในตนเองขณะ แข่งขันกีฬา นอกจากนั้นข้อเสนอแนะส่วนใหญ่ พบว่า มีการฝึกระเบียบวินัย ปฏิบัติตาม กฎ กติกา ในการแข่งขัน กีฬาและ มีความสามัคคีให้กับนักเรียน รองลงมา คือ มีการฝึกให้นักเรียนมีการตั้งเป้าหมายและมีความเชื่อมั่นใน ตนเองขณะแขง่ ขันกีฬา 4) ปัจจยั ดา้ นสถานท่ี วสั ดอุ ุปกรณ์และเครื่องอำนวยความสะดวก พบวา่ ปญั หาสว่ นใหญ่ คอื โรงเรียน ขาดการสนบั สนนุ จากภาครัฐและเอกชนในด้านการจดั กิจกรรมกฬี าในโรงเรยี น รองลงมา คอื โรงเรยี นมีเครอ่ื งอำนวย ความสะดวกไมเ่ พียงพอกับความต้องการของนกั กฬี า นอกจากนนั้ ขอ้ เสนอแนะสว่ นใหญ่ พบว่า โรงเรียนควรจะมีการ เขียนโครงการขอการสนับสนุนจากภาครฐั และเอกชนในดา้ นการจัดกิจกรรมกีฬาในโรงเรียน รองลงมา คือ โรงเรียน ควรจะมเี ครือ่ งอำนวยความสะดวกทีเ่ พยี งพอกบั ความตอ้ งการของนักกฬี า 5) ด้านความก้าวหน้าและความมัน่ คงด้านอาชีพของนักกีฬา พบว่า ปัญหาส่วนใหญ่ คือ นักกีฬาขาด การไดร้ บั การสนับสนุนด้านการศกึ ษา เชน่ การจดั หาที่เรยี น หรือการศึกษาต่อในระดับทีส่ ูงขนึ้ รองลงมา คือ นักกีฬา ขาดโอกาสเดนิ ทางไปศึกษาเรยี นรหู้ รือฝกึ ซ้อมเก่ียวกับการกีฬาท้ังในและตา่ งประเทศ นอกจากน้ันข้อเสนอแนะส่วน ใหญ่ พบว่า นกั กีฬาควรจะไดร้ บั การสนับสนนุ ด้านการศึกษา เชน่ การจดั หาทเ่ี รยี น หรือการศึกษาตอ่ ในระดับท่สี ูงข้ึน รองลงมา คือ นกั กีฬาควรไดร้ ับโอกาสเดินทางไปศึกษาเรยี นรู้หรอื ฝึกซอ้ มเก่ยี วกบั การกฬี าทั้งในและต่างประเทศ 6) ด้านสวัสดิการและค่าตอบแทนของนักกีฬา พบว่า ปัญหาส่วนใหญ่ คือ นักกีฬาขาดทุนการศึกษา ระหว่างเรียน รองลงมา คือ นักกีฬาไม่ได้รับสวัสดิการ ค่าตอบแทน เงินเดือน จากการเล่นกีฬา หรือได้รับความ คุ้มครอง กรณีเจ็บป่วย นอกจากนั้นข้อเสนอแนะส่วนใหญ่ พบว่า นักกีฬาควรได้รับทุนการศึกษาระหว่างเรียน รองลงมา คือ ควรจะมีการเพิ่มสวัสดิการ ค่าตอบแทน เงินเดือน จากการเล่นกีฬา หรือได้รับความคุ้มครอง กรณี เจ็บป่วย ใหก้ บั นักกีฬา 7) ด้านชื่อเสียงด้านกีฬาของโรงเรียน พบว่า ปัญหาส่วนใหญ่ คือ ผลงานของนักกีฬาไม่ได้รับการ ยอมรับเท่าที่ควรจากบคุ ลากรในโรงเรยี นและชุมชน อาจเป็นเพราะระดับการแข่งขันของโรงเรียนไม่พัฒนากา้ วไปสู่ ระดับที่สูงขึ้น รองลงมา คือ นักเรียนสมัครเข้าเรียนในโครงการกีฬาของโรงเรียนน้อยลง นั้นแสดงให้เห็นถึงความ 530

การประชุมวชิ าการและเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ คร้ังที่ 6 \"ความท้าทายของการจัดการการศกึ ษาใหมห่ ลังวกิ ฤติ COVID-19” วันที่ 26 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี เช่ือม่นั ในระดับความมีช่ือเสียงในด้านกีฬาของแต่ละโรงเรยี นที่ไมอ่ าจพฒั นาเพ่ือไปแขง่ ขันกับโรงเรียนระดับจังหวัด หรอื ระดบั ประเทศได้ นอกจากน้ันขอ้ เสนอแนะส่วนใหญ่ พบวา่ มีการประชาสัมพันธ์ผลงานของนักกีฬาให้บคุ ลากรใน โรงเรียนและชุมชนได้ทราบ รองลงมา คือ มีการประชาสัมพันธ์การรับสมัครนักเรียนเข้าเรียนในโครงการกีฬาของ โรงเรยี น 8) ด้านสุขภาพทางร่างกายและจิตใจที่แข็งแรงของนักกีฬา พบว่า ปัญหาส่วนใหญ่ คือ การมีโรค ประจำตัวของนักเรยี นนน้ั ทำให้นักเรียนไม่สามารถการเลน่ กฬี าได้อย่างเตม็ ท่ีตามเกณฑ์มาตรฐาน ทำให้นักเรียนขาด ความความเช่ือมนั่ ในตนเอง 9) ด้านระดับความเป็นเลิศด้านกีฬาของโรงเรยี น พบว่า ปัญหาส่วนใหญ่เกี่ยวกับเวลาในการฝึกซ้อม ของนักกีฬามีไมเ่ ต็มท่ีเนื่องจากมภี ารกจิ ในด้านอ่นื ๆ ทน่ี กั เรยี นและครูฝึกซ้อมตอ้ งทำ อภปิ รายผล 1. ปัจจัยการบริหารด้านกีฬาของโรงเรียนในสงั กัดสำนกั งานเขตพ้ืนท่ีมธั ยมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 12 ปัจจัยการบริหารดา้ นกีฬาของโรงเรยี นในสงั กัดสำนักงานเขตพื้นทม่ี ัธยมศกึ ษานครศรธี รรมราช เขต 12 ในภาพรวม มีการปฏบิ ตั ิอยู่ในระดบั มากทส่ี ุด เมอ่ื พจิ ารณาเป็นรายดา้ น พบวา่ ปจั จัยดา้ นนกั เรียน มีการปฏิบัติสูงสุด เป็นอันดับแรก รองลงมาคือ ปัจจัยด้านครู ปัจจัยด้านวัสดุอุปกรณ์และเครื่องอำนวยความสะดวก และปัจจัยด้าน ผู้บรหิ าร ตามลำดบั ซง่ึ สอดคล้องกับทฤษฎขี อง ไรด์ และคณะ (Reid and others, 1988 , p. 24) โดยเป็นปจั จัยการ บริหารงานของโรงเรียนทีค่ รอบคลมุ การบริหารงานในทุกมิติ เพอ่ื สร้างความเปน็ เลศิ ดา้ นกีฬาของโรงเรยี น ซง่ึ สามารถ อภปิ รายไดด้ ังนี้ 1. ด้านนักเรียน ให้ความสำคัญกับนักเรียนที่ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคในการฝึกซ้อมและแข่งขัน ทั้งนี้ เพราะนกั เรียนท่ีมคี วามมุง่ มั่น ไม่ยอ่ ท้อตอ่ อุปสรรคในการฝกึ ซอ้ มและแขง่ ขนั มีเปา้ หมายทีช่ ดั เจน และมคี วามเชอ่ื ม่ัน ในตนเอง มีความเขา้ ใจในทักษะและกระบวนการพฒั นาทักษะกฬี า จะชว่ ยให้มีชยั ชนะในการแข่งขนั ซง่ึ สอดคลอ้ งกับ งานวิจัยของ Neilson (1979, 14) ได้ทำการวิจัยเรื่อง ผลการวิเคราะห์โปรแกรมการจัดการแข่งขันกีฬา ภายในของ มหาวิทยาลัยระดับสูงของรัฐ ในรัฐเทนเนสซี พบว่า การจัดการแข่งขันกีฬาภายในของทุกมหาวิทยาลัย ล้วนแต่มี เหตผุ ลและจุดมุ่งหมาย เพ่อื เปน็ การสรา้ งชัยชนะใหแ้ ก่ผแู้ ข่งขัน เป็นการสรา้ งความเปน็ เลิศใหแ้ ก่สถาบนั การศึกษาใน การบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ พัฒนาคุณภาพของนักกีฬาไดอ้ ย่างมปี ระสทิ ธิผล ทั้งนี้จะทำให้นักเรียนมี ความมุ่งม่ัน ไม่ย่อทอ้ ต่ออุปสรรคในการฝึกซอ้ มและแข่งขัน โดยมีเป้าหมายท่ีชัดเจน และมีความเชือ่ มัน่ ในตนเอง มี ความเข้าใจในทักษะและกระบวนการพัฒนาทักษะกฬี าเพื่อชยั ชนะในการแข่งขนั 2. ด้านครู ให้ความสำคัญกับการที่ครูประยุกต์ใช้ความรู้เพ่ือพัฒนาความสามารถนักกีฬา ครูจึงต้อง เป็นนักวิชาการอยู่ตลอดเวลา และต้องศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมอยู่เป็นประจำ โดยมีการประยุกต์ใช้ความรู้ใหม่มา พัฒนาสง่ เสริมใหน้ กั กีฬามีความสามารถในการพฒั นาตนเองอย่างต่อเน่ือง หากไม่กระทำเชน่ น้นั จะทำให้ความรู้ท่ีได้ ศึกษาเล่าเรยี นมาน้ันล้าสมยั ไมท่ ันกบั การเปล่ียนแปลงทางวชิ าการใหม่ ๆ ซง่ึ มอี ยา่ งมากมายในปัจจุบัน ซง่ึ สอดคล้อง 531

การประชุมวิชาการและเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครั้งที่ 6 \"ความท้าทายของการจดั การการศึกษาใหม่หลงั วิกฤติ COVID-19” วันท่ี 26 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี กับงานวิจัยของ ณัฐชานิตย์ ธนธรรมพานนท์ (2556, น.89) ได้ทำการวิจัยเรื่อง แนวทางการแก้ปัญหาการบริหาร จัดการศูนย์กฬี าเพื่อความเปน็ เลิศสถาบันการพลศึกษา พบว่า ครูมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาทมี หรือนักกฬี าให้มี ประสิทธิภาพมากย่ิงข้ึน ครูได้นำความรู้ที่ไดร้ ับมาประยกุ ต์ใช้ในการพัฒนาความสามารถนักกีฬา นอกจากน้ันครไู ด้ เขา้ รว่ มการสัมมนาหรืออบรมการเปน็ ผู้ฝกึ สอนกีฬาเพอ่ื เพ่ิมพูนความรทู้ ักษะและประสบการณด์ ้านกีฬาเพ่อื ความเป็น เลศิ อย่างตอ่ เน่อื ง 3. ด้านสถานทว่ี สั ดุอปุ กรณ์และเครื่องอำนวยความสะดวก ให้ความสำคญั กับการท่โี รงเรียนมีการดูแล ความสะอาดเรยี บร้อยของอาคารสถานที่และอุปกรณ์กฬี า ท้ังนีเ้ พราะสถานท่วี ัสดุอปุ กรณ์ เครอื่ งอำนวยความสะดวก ความสะอาดเรียบร้อยของอาคารสถานท่ี อปุ กรณก์ ฬี า ทไี่ ดร้ บั การบำรงุ รกั ษาและซ่อมแซม ใหม้ ีความปลอดภัยและ พร้อมใช้งานอย่างสม่ำเสมอนั้นเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนความเป็นเลิศด้านกีฬา สอดคล้องกับ งานวิจยั ของ วิรัตน์ ไข่มุก (2550, น. 3) ได้ทำการวจิ ัยเร่ือง ความคิดเห็นของสมาชิกท่ีมีต่อการบริหารของ ศูนย์ฝกึ กีฬาในร่มการกีฬาแห่งประเทศไทย ผลการวิจยั พบว่า สมาชกิ ผูม้ าใช้บริการในศูนย์ฝกึ กฬี าในร่มการกีฬาแห่งประเทศ ไทย ให้ความสำคัญด้านสถานที่อุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวก เนื่องจากปัจจัยด้านสถานที่วัสดุอุปกรณ์และ เครอ่ื งอำนวยความสะดวกสำคัญตอ่ การฝกึ ซอ้ มกีฬา 4. ด้านผู้บริหาร ให้ความสำคัญกับการที่ผู้บรหิ ารมีวสิ ัยทัศน์ กลยุทธ์เป้าหมาย และพันธกิจของการ พฒั นาของโรงเรยี นในด้านการส่งเสริมสนับสนุนพฒั นากิจกรรมกีฬา และส่งเสรมิ ผเู้ รียนทม่ี ีความสามารถทางการกีฬา ของมหาวิทยาลัยได้พัฒนาฝีมือให้ทัดเทียมกับนักกีฬาระดับชาติและระดับนานาชาติได้ โดยให้จัดประชุมชี้แจง ตลอดจนชี้แจงเป็นลายลักษณ์อักษรและสื่อสารไปยังครูและนักเรียนอย่างทั่วถึง เพื่อให้ทุกฝ่ายเข้าใจตรงกัน สอดคล้องกับแนวคิดของสุรชัย ทองอินทร์ (2552, น.79-81) ได้กล่าวว่า ปัจจัยที่มีผลต่อการพัฒนากีฬาให้ไปสู่ ความสำเร็จ ต้องมีการสร้างวิสัยทัศน์ เป้าหมายการพัฒนากีฬาให้ไปสู่ความสำเร็จ โดยประชุมชี้แจงทำความเข้าใจ ร่วมกัน และชแ้ี จงเปน็ ลายลักษณอ์ กั ษร เพือ่ ความเข้าใจตรงกนั ในการสนบั สนนุ ส่งเสรมิ และพฒั นาการดำเนินการจัด กิจกรรมกีฬาให้แก่ผู้เรียนมุ่งสู่ความเป็นเลิศด้านกีฬา โดยมีการพัฒนาความสามารถทางการกีฬา ของนักกฬี าและผู้ ฝึกสอน สนบั สนุนการเรยี นการสอนทกั ษะการกีฬา มีความพร้อมดา้ นสถานที่สงิ่ อำนวยความสะดวกทางด้านกีฬาท่ีมี มาตรฐานสากล และสามารถรองรับการจดั การแขง่ ขันในระดบั ตา่ ง ๆ ได้ 2. ความเปน็ เลิศดา้ นกีฬาของโรงเรียนในสังกัดสำนกั งานเขตพ้ืนท่ีมธั ยมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 12 ความเป็นเลศิ ดา้ นกีฬาของโรงเรียนในสงั กัดสำนักงานเขตพื้นที่มัธยมศกึ ษานครศรธี รรมราช เขต 12 ใน ภาพรวม มีการปฏิบัตอิ ยใู่ นระดับมากทีส่ ดุ เม่ือพิจารณาเปน็ รายด้าน พบว่า ระดบั ความเปน็ เลศิ ดา้ นกีฬาของโรงเรียน มกี ารปฏบิ ตั ิสงู สุดเป็นอันดับแรก รองลงมาคอื สขุ ภาพทางรา่ งกายและจิตใจที่แขง็ แรงของนกั กีฬา ชื่อเสียงด้านกีฬา ของโรงเรียน สวัสดิการและค่าตอบแทนของนักกีฬา และความก้าวหน้าและความมั่นคงด้านอาชีพของนักกีฬา ตามลำดับ สอดคล้องกับทฤษฎีของ ไรด์ และคณะ (Reid and others, 1988 , p. 24) ซึ่งกล่าวว่า องค์ประกอบท่ี สำคญั ทีส่ ่งผลต่อความเป็นเลิศด้านกฬี า ประกอบดว้ ย ตัวแปร 4 ตัวแปร ได้แก่ 1) ปจั จัยดา้ นผูบ้ ริหาร 2) ปัจจัยด้าน ครู 3) ปัจจยั ดา้ นนกั เรยี น และ 4) ปจั จัยด้านวัสดุอปุ กรณ์และเคร่ืองอำนวยความสะดวก และความเปน็ เลิศด้านกีฬา ในโรงเรียนประกอบด้วย ตัวแปร 5 ตัวแปร ได้แก่ 1) ความก้าวหน้าและความมั่นคงด้านอาชีพของนักกีฬา 2) 532

การประชุมวิชาการและเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ ครั้งที่ 6 \"ความท้าทายของการจดั การการศกึ ษาใหม่หลงั วิกฤติ COVID-19” วันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี สวัสดิการและค่าตอบแทนของนักกีฬา 3) ชื่อเสียงด้านกีฬาของโรงเรยี น 4) สุขภาพทางร่างกายและจิตใจท่ีแข็งแรง ของนักกฬี า และ 5) ระดับความเป็นเลิศดา้ นกีฬาของโรงเรียน ดงั น้ี 1) ด้านระดับความเป็นเลิศด้านกีฬาของโรงเรียน ให้ความสำคัญในการมีนักกีฬาของโรงเรียนได้รับ เหรียญรางวัลจากการแข่งขันกีฬา ระดับอำเภอ ทั้งนี้จะเห็นได้ว่าการได้รับเหรียญรางวัลจากการแข่งขันกีฬาช่วย พิสูจน์ให้เห็นว่าโรงเรียนมีความเป็นเลิศด้านกีฬา นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นในดา้ นความเป็นเลิศด้าน กีฬาของโรงเรยี นอยา่ งชดั เจน สอดคลอ้ งกับงานวิจยั ของ สมคดิ พรมจุ้ย, เจยี รนยั ทรงชัยกลุ และศกั ดชิ์ ัย พิทักษ์วงศ์ (2539) ได้วิจัยเรือ่ ง “การศึกษาแนวทางการพัฒนาการกีฬา ในแผนพัฒนาการกีฬาแหง่ ชาติ ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2540- 2544)” พบวา่ การได้รบั รางวัลเปน็ การพสิ ูจนใ์ ห้เหน็ วา่ มกี ารพัฒนาการกีฬาได้อย่างเป็นเลิศ ดงั นน้ั การพิจารณาด้าน ระดับความเป็นเลิศด้านกีฬาของโรงเรียน จึงเป็นการได้รับรางวัลจากการแข่งขันในระดับต่าง ๆ ทั้งในระดับชุมชน ระดับภูมิภาค และระดับจงั หวัด 2) ดา้ นสขุ ภาพทางรา่ งกายและจติ ใจท่ีแข็งแรงของนักกีฬา ให้ความสำคัญตอ่ การเล่นกีฬามีสว่ นช่วยให้ พัฒนาบคุ ลิกภาพตนเองได้ ทำให้รา่ งกายสมบรู ณแ์ ขง็ แรง มีจิตใจแจ่มใส และเปน็ คนอารมณ์ดี ทัง้ นี้เน่ืองจากสุขภาพ ทางรา่ งกายและจิตใจทแี่ ข็งแรงของนักกีฬา และการเล่นกฬี าจะส่งเสริมให้นักเรียนมกี ารเสริมสร้างบุคลิกภาพตนเอง ได้ ทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง มีจิตใจแจ่มใส และเป็นคนอารมณ์ดี มีความพร้อมในการเรียนรู้ สอดคล้องกับ งานวจิ ยั เร่ือง “การศึกษาแนวทางการพฒั นาการกีฬา ในแผนพฒั นาการกีฬาแหง่ ชาติ ฉบบั ที่ 2 (พ.ศ. 2540-2544)” ของ สมคิด พรมจุย้ , เจยี รนัย ทรงชัยกลุ และศักด์ชิ ัย พิทักษว์ งศ์ (2539 , 44) พบว่า ความเปน็ เลศิ ดา้ นกฬี าเป็นหัวใจ สำคัญที่จะปรับปรงุ และเตรียมความพร้อม ด้านร่างกาย รู้จักควบคุมตนเอง รวมทั้งความสำเร็จในการแขง่ ขันระดบั เวทีโลก มีการพัฒนาร่างกายให้มีความพร้อม เพื่อให้นักกีฬาประสบผลสำเร็จในการแข่งขนั โดยมีองค์ประกอบด้าน ทุนการศึกษา พรสวรรค์ ความมั่นใจ ความมุ่งมั่น สภาพแวดล้อม การควบคุมตนเอง ความพร้อมด้านจิตใจ ความ พยายาม การมีสว่ นรว่ มและทำงานเปน็ ทีม เพื่อให้มโี อกาสำเร็จอนั เป็นเปา้ หมายสูงสุดในความสำเร็จจากการแข่งขัน โดยเกิดจากการควบคุมตนเอง ความพร้อมทางด้านจิตใจ ความมุ่งม่ันในการฝึกซ้อม และมีการทำงานเปน็ ทีม ดังนัน้ นักกีฬาที่มีสุขภาพทางร่างกายและจิตใจทีแ่ ข็งแรงในการเล่นกีฬาจะส่งเสริมให้นักเรียนมีการเสริมสร้างบุคลิกภาพ ตนเองได้ ทำให้ร่างกายสมบูรณแ์ ข็งแรง มีจิตใจแจ่มใส และเป็นคนอารมณด์ ี มคี วามพรอ้ มในการเรยี นรู้ 3) ด้านชื่อเสียงด้านกีฬาของโรงเรียน ให้ความสำคัญเรื่องนักกีฬาได้รับการยอมรับจากบุคลากรใน โรงเรียนและชุมชน ทั้งนี้อาจเป็นเพราะปัจจัยด้านชื่อเสียงด้านกีฬาของโรงเรียน จะทำให้โรงเรียนมีชื่อเสียงและมี ผู้ปกครองส่งนักเรียนมาสมัครเข้าเรียนในโครงการกฬี าของโรงเรียนมากขึน้ สอดคล้องกับงานวจิ ัยของ ไพโรจน์ สาย แกว้ (2553, 101) ศึกษาแรงจงู ใจในการเลือกเรยี นโรงเรยี นกีฬา ของนักเรียน โรงเรียนกีฬาระดบั ช้นั มธั ยมศึกษาปที ี่ 1 พบว่า การที่โรงเรียนไดร้ ับรางวัลและมีชื่อเสียงที่ดีจากการแข่งขันในระดับต่าง ๆ ทั้งในระดับชุมชน ระดับภูมิภาค และระดบั จงั หวัดเปน็ แรงจูงใจในการเลอื กเรียนในโรงเรยี นนน้ั ๆ 4) ด้านสวัสดกิ ารและค่าตอบแทนของนักกีฬา ใหค้ วามสำคัญเร่ืองนกั กฬี าได้รบั สวัสดกิ ารจากโรงเรียน ทั้งนี้เพราะสวัสดิการและคา่ ตอบแทนของนักกีฬา จะทำให้นักกีฬาเกิดแรงจงู ใจและสามารถทุ่มเทความตั้งใจในการ ฝึกซ้อมกีฬาได้อย่างเต็มท่ี เพราะไม่ต้องกังวลเรื่องสวสั ดิการหรือทนุ การศึกษาระหว่างเรียน สอดคล้องกบั งานวจิ ัย 533

การประชุมวิชาการและเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครั้งท่ี 6 \"ความท้าทายของการจดั การการศึกษาใหม่หลงั วกิ ฤติ COVID-19” วนั ท่ี 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี ของ อษั แสนภักดี (2558, น. 125) ศกึ ษาปัจจยั ด้านการบริหารที่ส่งผลต่อประสิทธิผลของกีฬาเพื่อความเป็นเลิศใน สถาบันอุดมศึกษาของรัฐ พบว่า สถาบันอุดมศึกษาของรัฐที่ประสบผลสำเร็จต้องมีปจั จัยสนบั สนุน ประกอบไปด้วย หลายปัจจัย ปัจจัยหนึ่งที่สำคัญคือมีงบประมาณสนับสนุนชมรมกีฬาต่าง ๆ มีระบบการควบคุม ตรวจสอบการใช้ งบประมาณ มรี ะบบในการชว่ ยเหลอื สนบั สนุนการเรยี นนกั กีฬา และมสี นามและอุปกรณก์ ฬี าใหเ้ พียงพอ 5) ด้านความก้าวหนา้ และความมั่นคงด้านอาชีพของนักกฬี า ให้ความสำคัญด้านนักกีฬาของโรงเรยี น ได้รับการคัดเลือกเข้าศึกษาต่อในระดับมหาวิทยาลัยด้วยการรับโควตาความสามารถพิเศษด้านกีฬา ทั้งนี้เพราะ นกั กีฬาของโรงเรยี นทส่ี ามารถสอบเข้ามหาวิทยาลัยโดยใช้วธิ ีดังกล่าว จะทำใหม้ คี วามกา้ วหนา้ และความมน่ั คงในด้าน อาชพี นกั กฬี า เพราะได้รบั การสนับสนนุ ดา้ นการศึกษา เช่น การจดั หาทีเ่ รียน หรอื การศึกษาตอ่ ในระดับที่สงู ขึ้น รวม ไปถึงการมีโอกาสได้รับบรรจุเข้าทำงานทั้งภาครัฐและเอกชนด้วยความสามารถพิเศษในด้านกีฬา สอดคล้องกับ ยุทธศาสตร์การพัฒนาการกีฬา ในระยะแผนพัฒนาฯ ฉบับที่ 7 (พ.ศ. 2565-2570) ยุทธศาสตร์ที่ 3 กล่าวได้ว่า การ พฒั นากีฬาเพื่อความเปน็ เลิศและตอ่ ยอดเพอ่ื ความสำเร็จในระดับอาชีพ มงุ่ เนน้ ด้านการสร้างและการพัฒนานักกีฬา ของชาติให้ประสบความสำเร็จในการแข่งขันในระดับต่าง ๆ เพื่อสร้าง ชื่อเสียง เกียรติยศ และเกียรติภูมิของ ประเทศชาติให้ทัดเทียมกับนานาชาติ สามารถสร้างความภาคภูมใิ จและเป็นเครื่องมือในการรวมจิตใจซึง่ จะเป็นการ สร้างความรัก ความสามัคคีของคนในชาติอีกทั้งยังส่งเสริมการพัฒนาต่อยอด นักกีฬาที่มีความเป็นเลิศไปสู่การมี อาชีพทางการกีฬาอย่างเต็มตัว สามารถสร้างรายได้จากความรู้ความสามารถ ทักษะ และประสบการณ์โดยจัดให้มี โครงสร้างพ้นื ฐานทพ่ี ร้อมรองรับการพฒั นา ประกอบกบั การจัดให้มีระบบสวัสดิการช่วยเหลือ และส่งเสริมการสร้าง ความรว่ มมือระหวา่ งภาครัฐและเอกชนในการร่วมพัฒนาตลอดเส้นทางอาชีพนกั กีฬา 3. ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งปัจจัยการบริหารด้านกีฬากับความเปน็ เลิศด้านกีฬาของโรงเรียนในสังกัด สำนักงานเขตพ้ืนที่มธั ยมศกึ ษานครศรีธรรมราช เขต 12 จากการศึกษาพบว่าปัจจัยการบริหารด้านกีฬา ด้านผู้บริหาร มีความสัมพันธ์ในทิศทางลบกับด้าน ความกา้ วหน้าและความมัน่ คงดา้ นอาชีพของนักกีฬา ซึ่งไม่เป็นไปตามสมมุติฐานการวจิ ัยทว่ี ่า ปัจจัยการบริหารด้าน กีฬามีความสัมพันธ์ในทางบวกกับความเป็นเลิศด้านกีฬาของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่มัธยมศึกษา นครศรีธรรมราช เขต 12 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะ การบริหารงานของผู้บริหารงานที่เข้มงวด เกนิ ไป หรอื ขาดความยืดหยนุ่ และมเี ป้าหมายที่สงู เกนิ ไปในการบริหารจัดการอาจจะทำใหบ้ ุคลากรเกิดความรู้สึกว่า ตนเองมีมาตรฐานการปฏิบัตงิ านที่ต่ำจนไม่สามารถสร้างความก้าวหน้าในอาชีพของตนเองได้ จนอาจจะทำให้ทอ้ แท้ และไมอ่ ยากประกอบอาชีพนี้ต่อไป จนทำให้รู้สึกขาดความม่ันคงในอาชีพของนกั กีฬาได้ ซ่ึงสอดคลอ้ งกับแนวคิดของ Bridges & Roquemore (2004, p. 30) กลา่ วว่า ในการปฏบิ ตั กิ ารผู้บริหาร หรอื ผู้นำขององค์การจะต้องใช้ศักยภาพ ของตนอย่างเต็มที่ในการที่จะทำให้บรรลุวัตถุประสงค์และเป้าหมายการปฏิบัติการที่จะให้ประสบความสำเร็จ ผู้บรหิ ารต้องมกี จิ กรรมที่หลากหลายทจี่ ะกระตุ้นใหบ้ ุคลากรในองคก์ ารปฏิบัตงิ านให้บรรลเุ ป้าหมายขององค์การ แต่ ในการบริหารองค์การนั้นควรสร้างความยืดหยุน่ ในแต่ละองค์กร เพื่อไมท่ ำให้บคุ ลากรเกดิ ความท้อแท้ หมดกำลังใจ หรอื ขาดแรงจูงใจในการทำงาน นำมาซง่ึ การไม่อยากปฏบิ ตั งิ านตอ่ อาจจะสง่ ผลใหเ้ กดิ การลาออก หรือการทำงานทไี่ ม่ มีประสทิ ธภิ าพได้ 534

การประชมุ วิชาการและเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ คร้งั ที่ 6 \"ความทา้ ทายของการจัดการการศึกษาใหม่หลังวิกฤติ COVID-19” วันที่ 26 กุมภาพนั ธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี ดา้ นครู มคี วามสัมพันธ์ในทิศทางบวกกบั ด้านสวัสดกิ ารและค่าตอบแทนของนกั กีฬา ด้านน้ีเป็นไปตาม สมมตุ ฐิ านการวจิ ยั ท่วี ่า ปัจจัยการบรหิ ารดา้ นกีฬามีความสัมพนั ธ์ในทางบวกกบั ความเปน็ เลิศด้านกีฬาของโรงเรียนใน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่มัธยมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 12 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะการ ปฏบิ ตั งิ านของครทู ไ่ี ดร้ บั การสง่ เสรมิ กระตุน้ สวัสดกิ ารและค่าตอบแทนของนักกฬี าได้น้ันจะสัมพันธใ์ นทิศทางเดียวกัน ความเป็นเลิศด้านกีฬา นอกจากนั้นด้านครู มีความสัมพันธ์ในทิศทางลบกับชื่อเสียงด้านกีฬาของโรงเรียน ซึ่งอาจ เป็นไปได้วา่ การปฏบิ ตั งิ านของครูนนั้ ไดส้ ่งผลต่อชือ่ เสียงของโรงเรียน ทั้งในดา้ นดี และในด้านทไ่ี ม่ดีได้ ดังน้ัน ครูควร มกี ารปฏบิ ตั งิ านท่เี ป็นตวั อย่างทีด่ ี จนนำมาส่ชู ื่อเสยี งที่ดีของโรงเรียนได้ ซง่ึ สอดคลอ้ งกับแนวคิดของ สบื สาย บญุ วีระ บุตร (25 56, น. 192 – 194) กล่าวถึงบทบาทหน้าที่ของครูผู้สอน (Coach) ไว้ดังนี้บทบาทของการเป็นผู้สอน จะมี หลากหลายตามระดบั ของการเรียนรู้ความสามารถ เพศ วัย และจดุ ม่งุ หมายในการฝกึ กฬี า ความตอ้ งการของนักกีฬา และแม้แต่บคุ ลิกภาพนักกีฬาหรือแมแ้ ตบ่ ุคลิกภาพผู้ฝกึ สอน ย่อมทำให้บทบาทและพฤติกรรมผู้ฝึกสอนแตกตา่ งกัน บทบาทของการเป็นผู้ฝกึ สอนจึงไม่ใช่บทบาทใดบทบาทหน่ึงเพียงอย่างเดียว หากต้องมหี ลายบทบาทเพือ่ การพัฒนา นักกีฬาและความสามารถนกั กีฬาไปพรอ้ มกนั เพื่อสรา้ งช่อื เสียงใหโ้ รงเรียน นอกจากนั้นด้านวัสดุอุปกรณ์และเครื่องอำนวยความสะดวก มีความสัมพันธ์ในทิศทางลบกับด้าน สวัสดิการและค่าตอบแทนของนักกีฬา ซึ่งไม่เป็นไปตามสมมุติฐานการวิจัยที่ว่า ปัจจัยการบริหารด้านกีฬามี ความสัมพันธ์ในทางบวกกับความเป็นเลิศด้านกีฬาของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่มัธยมศึกษา นครศรีธรรมราช เขต 12 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะเมื่อโรงเรียนมีงบประมาณที่จำกัด การ สนับสนุนด้านวัสดุอุปกรณ์และเครื่องอำนวยความสะดวก อาจจะต้องลดในส่วนสวัสดิการและค่าตอบแทนของ นกั กีฬาลง สอดคล้องกบั งานวิจยั ของ อษั แสนภักดี (2558, น.171) เรื่องการศกึ ษาปจั จัยด้านการบรหิ ารท่ีส่งผลต่อ ประสทิ ธผิ ลของกีฬาเพือ่ ความเปน็ เลศิ ในสถาบันอดุ มศกึ ษาของรัฐ พบวา่ การสนับสนุนวสั ดอุ ุปกรณแ์ ละเคร่ืองอำนวย ความสะดวกที่มากเกินไป อาจจะส่งผลในทางลบต่อสวัสดิการและค่าตอบแทนของนักกีฬาที่ลดลง ดังนั้นในการ บรหิ ารจัดการควรสนบั สนนุ พัฒนาควบค่กู นั ไปอยา่ งยัง่ ยืน 4. ปัจจัยการบริหารด้านกฬี าทีม่ ีผลต่อความเป็นเลิศด้านกีฬาของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขต พื้นท่ีมธั ยมศึกษานครศรธี รรมราช เขต 12 ปจั จัยการบริหารด้านกีฬาด้านครู และด้านวสั ดอุ ุปกรณ์และเครอ่ื งอำนวยความสะดวกส่งผลในทิศทาง ลบตอ่ ความเป็นเลิศด้านกีฬาของโรงเรยี นในสำนกั งานเขตพื้นท่มี ธั ยมศกึ ษานครศรีธรรมราชเขต 12 ซง่ึ ไม่เป็นไปตาม สมมุติฐานการวิจัยที่ว่า ปัจจัยการบริหารด้านกีฬาส่งผลในทางบวกต่อความเปน็ เลิศด้านกีฬาของโรงเรียนในสังกัด สำนักงานเขตพื้นที่มัธยมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 12 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ทั้งนี้อาจเป็นเพราะครูมีบทบาท สําคัญอย่างยิ่งในการพัฒนาคนให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ทั้งร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม และมี บทบาทเป็นแรงจูงใจเพือ่ ให้นักกีฬามุง่ มั่นในการฝึกซ้อม เพื่อพัฒนาทักษะและความสามารถในการเล่นกีฬา ดังน้ัน เมื่อครูเข้มงวด หรอื คาดหวงั กับผลสำเร็จของนักกีฬามากเกนิ ไป หรอื ขาดความยืดหยุน่ และมีเปา้ หมายท่ีสูงเกินไปใน การฝึกซ้อมนักกีฬา อาจจะทำใหน้ กั กีฬาร้สู ึกวา่ ตนเองไมม่ คี วามสามารถตรงตามเป้าหมายที่ครกู ำหนดไว้ อาจจะทำให้ ท้อแท้และไม่อยากเป็นนักกีฬาต่อไป ซงึ่ สอดคลอ้ งกับแนวคดิ ของ สบื สาย บญุ วรี ะบตุ ร (25 56, น. 192 – 194) กลา่ ว 535

การประชุมวชิ าการและเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ ครงั้ ที่ 6 \"ความท้าทายของการจัดการการศึกษาใหม่หลังวกิ ฤติ COVID-19” วันท่ี 26 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จัดโดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ว่า ครผู ้ฝู ึกสอน เป็นแมแ่ บบ ซงึ่ เป็นผมู้ อี ทิ ธิพลมากที่สุดท้งั ทางตรงและทางอ้อมตอ่ นักกีฬา โค้ชจะถ่ายทอดจัดปรับ และส่งผ่านปรัชญา ค่านิยม ทัศนคติการรับรู้ ตนเองทั้งต่อการแข่งขนั กีฬาและการกฬี าโดยรวมตลอดจนการดำเนิน ชวี ติ ของนักกีฬา ดงั นั้นครูควรเปน็ แรงจงู ใจ เพื่อให้นักกฬี าม่งุ มัน่ ในการฝกึ ซ้อม เพ่อื พฒั นาทักษะ และความสามารถ ในการเลน่ กฬี า บทบาทเปน็ แรงจงู ใจของโคช้ จงึ มีความจำเป็นและมคี วามสำคัญต่อนกั กฬี าอย่างย่ิง นอกจากนั้นด้านวัสดุอุปกรณ์และเครื่องอำนวยความสะดวกส่งผลในทิศทางลบต่อความเป็นเลิศด้าน กฬี าของโรงเรยี นในสำนกั งานเขตพ้นื ทีม่ ัธยมศึกษานครศรธี รรมราช เขต 12 ซ่ึงไม่เปน็ ไปตามสมมุติฐานการวิจัยที่ว่า ปัจจัยการบริหารด้านกีฬาส่งผลในทางบวกต่อความเป็นเลิศด้านกีฬาของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นท่ี มัธยมศึกษานครศรีธรรมราช เขต 12 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ทั้งนี้จะเห็นได้ว่า การสนับสนุนวัสดุอุปกรณ์และ เครื่องอำนวยความสะดวกในด้านเดยี วมากเกินไป จนขาดการสนบั สนุนกีฬาในด้านอืน่ ๆ อาจจะทำให้ขาดความเป็น เลศิ ดา้ นกีฬาของโรงเรียนโดยรวม ดังน้นั ควรมีการสนับสนุนกีฬาให้ทุกมิตเิ พือ่ สรา้ งความเป็นเลศิ ดา้ นกีฬาอย่างย่ังยืน ซ่ึงสอดคล้องกบั แนวคิดของ ซง่ึ สอดคลอ้ งกับงานวิจัยของ อัษ แสนภกั ดี (2558, น.171) การวิจยั คร้ังน้เี ป็นการศึกษา ปจั จัยดา้ นการบริหารท่ีส่งผลต่อประสิทธิผลของกีฬาเพื่อความเปน็ เลิศในสถาบันอุดมศกึ ษาของรัฐ ผลการวิจัยพบว่า การสนบั สนนุ วสั ดุอุปกรณ์และเคร่อื งอำนวยความสะดวกท่ีมากเกินไป อาจจะสง่ ผลในทางลบต่อดา้ นอื่นๆ ดังน้ันเมื่อ ต้องการพัฒนาความเป็นเลิศด้านกีฬาอย่างย่ังยืน ควรมีการพัฒนากีฬาในทุกมิตใิ ห้รอบดา้ น เพื่อสร้างความเป็นเลิศ ด้านกีฬาอย่างยงั่ ยนื ขอ้ เสนอแนะ เพื่อให้ผลการวิจัยในครั้งนี้มีประโยชน์มากยิ่งขึ้นจึงควรมีการนำผลการวิจัย และมีการศึกษา เพิ่มเติมดังขอ้ เสนอแนะต่อไปน้ี 1) ขอ้ เสนอแนะเชิงนโยบาย 1.1) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพืน้ ฐานควรมกี ารนำนโยบายและแผนการจัดกิจกรรมการ สง่ เสรมิ ความเป็นเลศิ ด้านกีฬาของโรงเรยี น โดยผู้บริหารโรงเรยี นควรมีการสนบั สนุนให้จดั บรรยากาศ สภาพแวดล้อม สอ่ื การเรียน และอำนวยความสะดวก เพอ่ื ให้นกั เรียนเกดิ การเรียนรู้มากยิ่งขนึ้ 1.2) สำนกั งานคณะกรรมการการศึกษาข้นั พื้นฐานควรจดั สรรงบประมาณเพอื่ พฒั นาส่งเสรมิ ความเป็น เลิศดา้ นกีฬาใหแ้ ก่โรงเรียนท่ีขาดแคลน เชน่ การสนบั สนนุ คา่ อปุ กรณ์ในการฝึกซ้อมและแข่งขัน การอบรมให้ความรู้ แกค่ รแู ละบุคลากรทางการศกึ ษาผปู้ ฏิบัตงิ าน 2) ข้อเสนอแนะเชิงปฏิบัติ 2.1) ปัจจัยด้านผู้บริหาร ผู้บริหารโรงเรียนควรจะมีการส่งเสริมและสนับสนุนให้จัดบรรยากาศ สภาพแวดลอ้ ม สอื่ การเรยี น และอำนวยความสะดวก เพ่อื ใหน้ กั เรียนเกดิ การเรียนรู้ มกี ารเพ่มิ การจัดสวสั ดกิ าร เช่น คา่ ตอบแทน เพือ่ เป็นแรงจูงใจแก่ครูผ้สู อนกีฬาและนักเรียนท่เี ปน็ นกั กีฬา 2.2) ปัจจัยด้านครู ครูควรจะเข้ารว่ มการสัมมนาหรืออบรมการเป็นผู้ฝึกสอนกฬี าเพือ่ เพิ่มพูนความรู้ ทักษะและประสบการณ์ด้านกีฬาเพื่อความเป็นเลิศอย่างสม่ำเสมอ ควรจะมีครูและบุคลากรที่มีพื้นฐานการเป็น 536

การประชุมวชิ าการและเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครั้งที่ 6 \"ความทา้ ทายของการจดั การการศึกษาใหมห่ ลังวกิ ฤติ COVID-19” วนั ท่ี 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี นักกีฬามาก่อน และควรจัดการอบรมบุคลากรทางด้านกีฬาใหม้ ีความรู้ความเข้าใจในเกี่ยวกับทักษะกีฬาทีโ่ รงเรียน ดำเนนิ การอยู่ เพ่ือเป็นประโยชนต์ อ่ งานดา้ นการบรหิ ารโรงเรยี นสู่ความเปน็ เลศิ ทางด้านกีฬา 2.3) ปัจจัยด้านนกั เรียน ควรฝึกนักเรียนให้มีระเบียบวนิ ัย ปฏิบัติตาม กฎ กติกา ในการแข่งขันกฬี า และ มีความสามัคคีให้กบั นักเรียน มีการต้ังเป้าหมายและมีความเชื่อม่ันในตนเองขณะแข่งขันกีฬา และควรส่งเสริม บุคลากรทางด้านกีฬาให้มีความรคู้ วามเขา้ ใจในการเปน็ ครูพ่ีเลีย้ ง เพ่ือสง่ เสรมิ ระเบียบวินยั ของนักเรยี น 2.4) ปัจจยั ด้านสถานที่ วสั ดุอปุ กรณ์ และเคร่อื งอำนวยความสะดวก โรงเรยี นควรเขยี นโครงการขอรับ การสนับสนุนจากภาครัฐและเอกชนในด้านการจัดกิจกรรมกีฬาในโรงเรียน ควรจะมีเครื่องอำนวยความสะดวกท่ี เพียงพอต่อความต้องการของนักกฬี า และส่งเสริมใหโ้ รงเรยี นสรา้ งเครือขา่ ยการทำงานระหวา่ งภาครัฐและเอกชน เพือ่ เข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารรวมถึงการจัดหาวัสดุอุปกรณ์ที่เป็นประโยชน์และเพียงพอต่อการบริหารกิจกรรม เพิม่ เตมิ 2.5) ด้านความก้าวหน้าและความมั่นคงด้านอาชีพของนักกีฬา ควรสนับสนุนด้านการศึกษาให้แก่ นักกีฬา เช่น การจัดหาทเี่ รียน หรือการศกึ ษาต่อในระดับทสี่ ูงขึ้น หรือควรใหไ้ ด้รับโอกาสเดินทางไปศกึ ษาเรียนรู้หรือ ฝึกซ้อมเกี่ยวกับการกีฬาทั้งในและต่างประเทศ จัดอบรมแนะแนวทางการพฒั นาตนเอง 2.6) ด้านนักกีฬาควรได้รับทุนการศึกษาระหว่างเรียน นักกีฬาควรได้รับทุนการศึกษาระหว่างเรียน ควรจดั สวสั ดิการคา่ ตอบแทนจากการเลน่ กีฬา หรอื ไดร้ บั ความคมุ้ ครองกรณเี จ็บปว่ ย 2.7) ดา้ นช่อื เสยี งด้านกีฬาของโรงเรยี น โรงเรยี นควรประชาสัมพันธผ์ ลงานของนกั กฬี าให้บุคลากรใน โรงเรยี นและชมุ ชนได้ทราบ มีการประชาสัมพันธ์การรับสมัครนักเรียนเข้าเรยี นในโครงการกีฬาของโรงเรียน ส่งเสริม การแนะแนวการเรยี นตอ่ ของโรงเรียนใหแ้ ก่ชุมชนอน่ื และโรงเรียนใกลเ้ คยี ง 2.8) สำนักงานคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัดควรให้ความสำคัญด้านความเป็นเลิศด้านกีฬา โดย ส่งเสริมให้การอบรมเกี่ยวกับความรู้ความสามารถด้านการฝึกสอนกีฬาและการดูแลนักกีฬาให้แก่ครูและบุคลากร ทางการศึกษาผ้ปู ฏิบตั ิงาน 2.9) สำนักงานเขตพนื้ ทก่ี ารศึกษาควรวางแผนและจัดสรรงบประมาณแก่โรงเรียนท่ีสง่ เสริมความเป็น เลิศด้านกีฬาอยา่ งเพียงพอ 2.10) โรงเรยี นควรส่งเสริมและจัดกำลงั ครูท่ีปรึกษาหรอื ครูผู้ดแู ลทำหน้าที่ ดแู ลเอาใจใส่ ติดตามและ ช่วยเหลอื นกั กฬี าอยา่ งเพียงพอ 3) ข้อเสนอแนะสำหรับการวจิ ัยในครง้ั ตอ่ ไป 3.1) ควรศกึ ษาทำการวิจัยเกี่ยวกับปัจจยั ด้านต่าง ๆ ของการบริหารท่ีมีผลต่อความเป็นเลิศด้านกีฬา ของโรงเรยี น เชน่ การจดั สรรงบประมาณหรอื จำนวนบคุ ลากรผู้ดูแลของโรงเรียน 3.2) ควรศกึ ษาทำการวิจยั เกี่ยวกับการเผยแพร่ผลงานการสง่ เสริมการบริหารท่ีมีผลต่อความเป็นเลิศ ดา้ นกีฬาของโรงเรียน เพ่อื เปน็ แนวทางศึกษาวจิ ัย 537

การประชุมวชิ าการและเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครง้ั ท่ี 6 \"ความทา้ ทายของการจดั การการศกึ ษาใหม่หลังวกิ ฤติ COVID-19” วนั ท่ี 26 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี เอกสารอ้างองิ ณัฐชานิตย์ ธนธรรมพานนท์. (2556). แนวทางการแก้ปัญหาการบรหิ ารจดั การศูนยก์ ีฬาเพอื่ ความ เปน็ เลศิ สถาบนั การ พลศกึ ษา. วิทยานิพนธป์ ริญญามหาบณั ฑิต. ชลบรุ ี : มหาวิทยาลัยบรู พา. ไพโรจน์ สายแกว้ . (2553). แรงจูงใจในการเลอื กเรียนโรงเรยี นกีฬาของนักเรยี นโรงเรยี นกฬี า ระดับชนั้ มัธยมศึกษาปี ท่ี 1. วิทยานพิ นธ์ปริญญามหาบณั ฑติ . กรงุ เทพฯ : มหาวิทยาลยั ศรีนครนิ ทร วิโรฒ, รฐั พงศ์ บุญญานุวตั ร. (2559). กีฬากับการสร้างมูลค่าเพิม่ ทางเศรษฐกจิ และสังคม. สืบคน้ เมอื่ เม่ือ 10 มิถนุ ายน 2562, จาก https://www.matichon.co.th/columnists/news_287377 วริ ตั น์ ไขม่ ุก. (2550). ความคดิ เห็นของสมาชกิ ทม่ี ีต่อการบรหิ ารของศูนยฝ์ ึกกีฬาในรม่ การกีฬาแห่งประเทศไทย ปีพ.ศ. 2549. วิทยานิพนธป์ ริญญามหาบณั ฑติ . มหาวิทยาลัยศรีนครนิ ทรวโิ รฒ, กรุงเทพฯ. สมคดิ พรมจ้ยุ , เจียรนยั ทรงชยั กลุ และศกั ด์ิชยั พิทักษว์ งศ์. (2539). การศกึ ษาแนวทาง การพฒั นาการกฬี า ในแผนพฒั นาการกีฬาแหง่ ชาติ ฉบบั ท่ี 2 (พ.ศ.2540-2544) (รายงานผลงานวิจยั ). มหาวทิ ยาลยั สุโขทัยธรรมาธิราช. สำนักงานปลัดกระทรวงการทอ่ งเท่ียวและกฬี า. แผนพฒั นาการกฬี าแห่งชาติ ฉบับท่ี 6 (2560 - 2564). สืบค้นเมอื่ 10 มถิ นุ ายน 2562, จาก https://www.mots.go.th/ewt_dl_link.php?nid=8408 สืบสาย บญุ วรี ะบุตร. (2556). จติ วทิ ยาการกีฬา. กรมพลศึกษา. สุรชัย ทองอินทร.์ (2552). ปจั จัยท่ีมีผลตอ่ การเปน็ และไม่เป็นนกั กีฬาของนักกีฬาวา่ ยน้ำรุ่นเยาวชนตามทศั นะของผู้ ฝึกสอน ผปู้ กครอง และนกั กีฬา สงั กัดสโมสรสมาชกิ สมาคมว่ายน้ำแหง่ ประเทศไทย. วิทยานิพนธ์ปริญญา มหาบณั ฑติ . มหาวทิ ยาลยั ศรีนครินทรวิโรฒ, กรงุ เทพฯ. อษั แสนภักด.ี (2558). รปู แบบของปจั จัยดา้ นการบริหารท่สี ่งผลต่อประสทิ ธผิ ลของกีฬาเพ่ือความ เปน็ เลิศใน สถาบันอดุ มศกึ ษาของรัฐ. ปรญิ ญานพิ นธ์ปรญิ ญาดุษฎบี ัณฑติ . มหาวทิ ยาลยั บูรพา, ชลบรุ .ี Bridges, F. J. & Roquemore, L. L. (2004). Management for athletic/ sport administration: Theory and Practice.n.p Gallien, C. L. (2006). Sport, education and society realities and prospects. In World university presidents summit proceedings and papers, Bangkok. Neilson, R.L. (1979). An Analysis of Intramural Sport Programs in the State Supported Senior in Tennessee. Dissertation Abstracts International. 1951-A. Reid, K., David, H. & Peter, H. (1988). Towards the effective school. Oxford : Basic Blackwell. 538

การประชมุ วิชาการและเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ระดบั ชาติ คร้งั ที่ 6 \"ความท้าทายของการจดั การการศกึ ษาใหมห่ ลงั วกิ ฤติ COVID-19” วนั ที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี การพัฒนารปู แบบการเสริมสรา้ งสมรรถนะครดู า้ นการจัดการเรียนรู้ออนไลน์ ในโรงเรียนกรงุ เทพคริสเตยี นวทิ ยาลัย A Development of Teacher Competency Promoting Model for Online Learning in Bangkok Christian College ยอด วจิ ักษณ์โยธิน รศ. ดร.ชมุ ศักด์ิ อินทร์รกั ษ์ อาจารย์ท่ีปรึกษาหลัก ดร.รมย์รมั ภา ณัฐธัญอตริ จุ อาจารย์ทป่ี รึกษารว่ ม มหาวทิ ยาลยั คริสเตียน E-mail [email protected] บทคัดยอ่ การวิจัยนมี้ ีวตั ถุประสงค์เพอื่ 1) ศึกษาสภาพความต้องการในการเสรมิ สรา้ งสมรรถนะครูดา้ นการจัดการเรียนรู้ ออนไลน์ในโรงเรียนกรงุ เทพคริสเตียนวิทยาลัย 2) ออกแบบและสร้างรูปแบบการเสริมสร้างสมรรถนะครดู ้านการจัดการ เรียนรู้ออนไลน์ในโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย 3) ประเมินรูปแบบการเสริมสร้างสมรรถนะครูด้านการจัดการ เรียนรู้ออนไลนใ์ นโรงเรียนกรงุ เทพคริสเตยี นวิทยาลัย 4) ทดลองการใช้รูปแบบการเสรมิ สร้างสมรรถนะครูดา้ นการจดั การ เรียนรอู้ อนไลนใ์ นโรงเรียนกรงุ เทพครสิ เตยี นวิทยาลัย 5) ประเมินผลการใชร้ ูปแบบการเสรมิ สร้างสมรรถนะครูด้านการ จดั การเรยี นร้อู อนไลน์ในโรงเรียนกรงุ เทพคริสเตียนวิทยาลัยด้านประสิทธิภาพ ประสิทธผิ ล คุณค่า และความพึงพอใจ กลุ่มตัวอยา่ ง โดยการใช้วิธีสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) จำนวน 20 คน ได้แก่ ครูผู้สอนระดับประถม ศกึ ษาปีท่ี 4 – 6 ในกลุ่มสาระการเรยี นรู้ 5กลมุ่ สาระหลกั ไดแ้ ก่ ภาษาไทย ภาษาองั กฤษ คณติ ศาสตร์ วทิ ยาศาสตร์และ เทคโนโลยี สงั คมศึกษาศาสนาและวฒั นธรรม เป็นผ้ใู หข้ ้อมลู และเข้ารว่ มปฏิบัติการทดลอง เคร่อื งมือทีใ่ ชใ้ นงานวิจัย มีจำนวน 5 ชุด คือ 1) แบบประเมินความต้องการการเสริมสร้างสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้ออนไลน์ 2) แบบจำลองเอ็ดดี (ADDIE Model) ใช้ในนำรูปแบบมาใช้ในการพัฒนาเสริมสร้างสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้ ออนไลน์ 3) แบบประเมนิ ค่าความตรงเชิงเนื้อหา (IOC) ของรูปแบบ 4) แผนปฏบิ ตั ิการทดลอง และ 5) แบบประเมิน ประสิทธิภาพ ประสิทธิผล คุณค่าและความพึงพอใจต่อรูปแบบนวัตกรรม การวิเคราะหข์ ้อมูล ได้แก่ ความถี่ ร้อยละ คา่ เฉลยี่ และ ส่วนเบีย่ งเบนมาตรฐาน ผลการวิจัยพบว่า สภาพความต้องการการเสริมสร้างสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้ออนไลน์ในโรงเรียน กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย โดยภาพรวมมีความต้องการอยู่ในระดับมาก โดยออกแบบและพัฒนารูปแบบเรียกชื่อว่า ADDIE Model เป็นรูปแบบที่มีประสิทธิภาพ โดยการหาค่าความสอดคล้องของข้อคำถามกบั วัตถุประสงค์ (IOC: Index of item objective congruence) จากผู้ทรงคุณวุฒิ จำนวน 5 คน ได้ค่าความสอดคล้องเท่ากบั 0.80 - 1.00 สามารถ นำไปทดลองใช้ในการเสริมสร้างสมรรถนะครูได้ การทดลองใช้รูปแบบความร่วมมือระหวา่ งครูเปน็ ไปตามแผนปฏิบัติการ 539

การประชุมวชิ าการและเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ ครงั้ ท่ี 6 \"ความทา้ ทายของการจดั การการศกึ ษาใหมห่ ลงั วิกฤติ COVID-19” วันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี ทกี่ ำหนด ประกอบดว้ ย 5 กิจกรรม ได้แก่ 1) กำหนดแผนและทำกิจกรรมการจัดการเรยี นรู้ออนไลน์ในแต่ละรายวิชา 2) ปฏิบัติกิจกรรมตามที่กำหนดในหลักสูตรรายวิชา 3) เตรียมบทเรียนและดำเนินการผลิตเนื้อหาลงสื่อออนไลน์ 4) ปฐมนิเทศนักเรียนและนำสื่อออนไลน์ไปจัดการเรียนรู้ 5) ออกแบบการประเมินการใช้สื่อออนไลน์ ดำเนินการ ประเมินผลและนำผลไปปรับปรงุ และพัฒนา ผลการใช้รูปแบบด้านประสิทธิภาพ ด้านประสิทธิผล ด้านคุณค่า และด้านความพึงพอใจ โดยภาพรวมอยูใ่ นระดับมาก ข้อเสนอแนะควรพัฒนารูปแบบดา้ นการจัดการเรียนรู้ออนไลน์จาก วิชาแกนหลกั ไปสู่วิชาที่มีการปฏิบัตมิ ากขึ้น เพื่อการพัฒนาที่เกิดประสิทธิภาพครบทุกด้านโดยยึดหลักการเรียนร้ขู อง ผู้เรียนเป็นสำคัญ เพื่อให้มีรูปแบบที่เหมาะสมกับความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี และการจัดการเรียนรู้ให้ทันสมยั ยงิ่ ข้ึน คำสำคัญ: การเสริมสรา้ งสมรรถนะครู การจดั การเรียนรอู้ อนไลน์ โรงเรยี นกรงุ เทพคริสเตยี นวทิ ยาลยั ABSTRACT The purposes of this research were to 1)study the needs in teacher competency promoting model for online learning in Bangkok Christian College, 2) to design and develop the teacher competency promoting model for online learning, 3)evaluate the model for teacher competency promoting model for online learning, 4)experiment for teacher competency promoting model for online learning, and 5)evaluate the usage of the model for teacher competency promoting model for online learning in the efficiency, the effectiveness, the value, and the satisfaction. The sample of the study was 20 teachers from the simple random sampling of primary level in 5 subjects; Thai language, English language, Mathematics, Science and Technology, Social Studies Religion and culture, who participated and key performance in the study. The instruments were 5 sets consisted of 1) questionnaire on need assessment of teacher competency promoting model for online learning, 2) the constructed model on teacher competency promoting model for online learning, 3) questionnaire on content validity of the model, 4) action plan for the experiment, and 5) the questionnaire for implementation of the model in the efficiency, the effectiveness, the value, and the satisfaction. The instruments were validated by using IOC (Index of item objective congruence) from five experts with the IOC value between 0.80 – 1.00. The statistical analysis were frequency, percentage, arithmetic mean and standard deviation. The results were revealed that the teacher’s needs in teacher competency promoting model for online learning as a whole was high level, the constructed model consisted of ADDIE refers to A- Analyze, D-Design, D-Development, I-Implement, and E-Evaluation. The model was validated by using IOC value, showed the effective model and able to implement in the experiment. The participants and key performances were experimented as the action plan. The results of the post experiment found 540

การประชุมวิชาการและเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ คร้ังท่ี 6 \"ความทา้ ทายของการจดั การการศกึ ษาใหมห่ ลังวิกฤติ COVID-19” วนั ท่ี 26 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี was high level. The effects of using model were efficiency, effective, valuable, and satisfy at high levels. The suggestion for improving the model, there should implement to other subjects as practical subjects by student centered online learning, and should implement the model as the innovation in the next generation. KEYWORDS : Teacher Competency Promoting Model, Online learning, Bangkok Christian College บทนำ การศึกษาศตวรรษท่ี 21 กำลังอยูใ่ นช่วงเวลาแห่งการเปลีย่ นแปลงอย่างรวดเร็วในสภาพแวดล้อมที่ประเทศ ต่าง ๆ มีความเชื่อมโยงกันมากขึ้นเรื่อย ๆ และระบบการศึกษาจำเป็นต้องปรับปรุงอยา่ งต่อเนื่อง การศึกษาควรจะ มงุ่ เน้นการเตรียมความพรอ้ มให้ผู้เรียนมีทกั ษะท่จี ำเปน็ ต่อการใช้ชีวิตและสอดคล้องกับสงั คมในอนาคต การปรับปรุง ระบบการศกึ ษาและการพฒั นาทักษะมีส่วนสำคญั ที่จะทำให้ไทยบรรลเุ ป้าหมายตามยทุ ธศาสตร์ชาติ 20 ปี รวมท้ังจะ ช่วยเพม่ิ ศักยภาพ โอกาส และความเทา่ เทียมทางเศรษฐกิจภายในประเทศ แผนยุทธศาสตรช์ าติ (พ.ศ. 2561 – 2580) ประเด็นยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพ ทรัพยากรมนุษย์ โดยการออกแบบกระบวนการเรียนรู้ในทุกระดับชั้นอย่างเป็นระบบ มุ่งเน้นการใช้ฐานความรู้และ ระบบคดิ ในลักษณะสหวทิ ยาการ เชน่ ความรทู้ างวทิ ยาศาสตรแ์ ละการตงั้ คำถาม ความเข้าใจและความสามารถในการ ใชเ้ ทคโนโลยี พัฒนาระบบการเรียนรูเ้ ชิงบรู ณาการท่เี นน้ การลงมอื ปฏิบัติ การเปลย่ี นครูให้เปน็ ครูยุคใหม่ โดยปรับ จากครูผู้สอนเป็นผสู้ นบั สนุนการการเรียนรู้ ทำหนา้ ที่กระต้นุ สร้างแรงบันดาลใจ แนะนำวธิ เี รยี นรู้และจัดระเบยี บการ สรา้ งความรู้ ออกแบบกจิ กรรมและสรา้ งนวตั กรรมการเรยี นรู้ให้ผู้เรียน การพฒั นาระบบการเรียนรเู้ ก่ียวกบั ทักษะการ รู้ดิจิทัลเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้เข้ามามีบทบาทสำคัญในทุก ๆ ด้าน ได้แก่ 1) ด้านสารสนเทศ เน้น ทักษะการเขา้ ถึงและรู้แหลง่ สารสนเทศ ประเมินความนา่ เชอื่ ถือของสารสนเทศ และสามารถนำสารสนเทศไปใช้อย่าง สร้างสรรค์ 2) ด้านสื่อ เน้นทักษะการเข้าถึง วิเคราะห์ประเมินและสรา้ งสื่อในรูปแบบต่าง ๆ และ 3) ด้านเทคโนโลยี สารสนเทศและการส่ือสาร เน้นทกั ษะการใชเ้ ทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เทคโนโลยีสื่อสาร และเทคโนโลยีเครือข่ายในการ จัดการข้อมูล (รสสุคนธ์ มกรมณี, 2556) การผลิต และพัฒนากำลังคน การวิจัย และนวัตกรรมเพื่อสร้างขีด ความสามารถในการแขง่ ขันของประเทศ ยุทธศาสตร์ที่ 3 การพัฒนาศักยภาพคนทุกช่วงวัยและการสร้างสังคมแหง่ การเรียนรู้ ยุทธศาสตร์ที่ 4 การสร้างโอกาสและความเสมอภาคและความเท่าเทียมทางการศึกษา ยุทธศาสตร์ที่ 5 การจดั การศึกษาเพื่อสร้างเสริมคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิง่ แวดลอ้ ม และยทุ ธศาสตร์ท่ี 6 การพัฒนาประสิทธิภาพ ของระบบบริหารจัดการศึกษา (สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน, 2553) ทั้งนี้เพื่อผลลัพธ์สุดท้ายท่ี ต้องการ คือ เด็กไทยในโลกศตวรรษท่ี 21 ต้องมีคุณลักษณะ 3Rs x 8Cs ได้แก่การอ่านออก การเขียนได้ การคิดเลข เป็น การคดิ อย่างมวี จิ ารณญาณ มที กั ษะในการแก้ปญั หา ทักษะการสร้างสรรค์และนวตั กรรม ทักษะการร่วมมือและ ทำงานเป็นทีม ทักษะภาวะผู้นำ ทักษะความเข้าใจความต่างของวฒั นธรรมตา่ งกระบวนทัศน์ ทักษะด้านการสื่อสาร 541

การประชุมวิชาการและเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครง้ั ท่ี 6 \"ความทา้ ทายของการจัดการการศกึ ษาใหมห่ ลังวกิ ฤติ COVID-19” วันที่ 26 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสดุ าฯ สยามบรมราชกมุ ารี สารสนเทศและรู้เท่าทันสื่อ ทักษะด้านคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ทักษะอาชีพและการ เรียนรู้ ดังนั้นจะเห็นว่าครถู ือเป็นบุคคลสำคัญในกระบวนการจัดการเรียนการสอนและในการพัฒนาผู้เรยี นในสภาพ สงั คมท่ีเปล่ียนแปลง (สำนกั งานเลขาธกิ ารสภาการศึกษา, 2561) เมอ่ื วกิ ฤตการณก์ ารแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา เปน็ การระบาดทั่วโลก โดยมีสาเหตุมาจากไวรัสโคโรนาสาย พันธุ์ใหม่ เริ่มต้นขึ้นในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2562 วิกฤตโรคระบาดทำให้เกิดคำถามเกี่ยวกับระบบการศึกษา หลากหลายดา้ น เปน็ ต้นว่าเราจะออกแบบการเรียนร้ใู นยุคโควิด-19 ให้มปี ระสิทธิภาพไดอ้ ยา่ งไร ทักษะและหลักสูตร โลกการศกึ ษารปู แบบใหมห่ ลังจากน้คี วรมหี น้าตาแบบไหน เทคโนโลยจี ะเข้ามามีบทบาทด้านการเรียนรูจ้ รงิ หรือไม่ ท่ี เราสามารถเปลี่ยนวิกฤตครั้งนี้ให้กลายเป็นโอกาสด้านการศึกษา จากความผิดปกติแบบใหม่ที่ไม่เหมือนเดิม (New Abnormal) ส่งผลกระทบต่อการจัดการศึกษา ทำให้สถานศึกษาต้องอยู่ใหร้ อดต้องปรับตัว เพราะวิกฤตโควิด – 19 เปน็ บททดสอบของความจำเป็นคร้งั ใหญใ่ นการบรหิ ารจัดการศกึ ษาท่ีตอ้ งปรับเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ให้สอดคล้องกับความ ปกติใหม่ท่ีเกดิ ข้ึน (พัชราภรณ์ ดวงชื่น, 2563) จากรายงานการประเมนิ ตนเอง (2563) ของโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย และผลจากความผิดปกติ แบบใหม่ทไี่ มเ่ หมือนเดิม (New Abnormal) ท่ีสง่ ผลกระทบต่อการจัดการศึกษา ทำให้สถานศกึ ษาต้องอยู่ให้รอดต้อง ปรับตัว พัฒนาครูใหม้ คี วามรู้และพัฒนาทกั ษะการจดั การเรียนรู้ออนไลน์ในสถานการณ์การเปลี่ยนแปลง เพื่อให้ครู สามารถใช้เทคโนโลยีในการจัดการเรียนการสอน อีกทั้งการปรับตัวอย่างรวดเร็วให้เข้ากับเทคโนโลยีที่สามารถตอบ โจทย์การศึกษาในยุคนี้ ครูผู้สอนควรหากิจกรรมที่เข้ากับเทคโนโลยีและแบบแผนใหม่ที่ไม่เหมือนเดิม เพื่อสร้าง แรงจูงใจที่เหมาะสมกับเนื้อหาในแต่ละกลุ่มสาระการเรียนรู้ให้ผู้เรียนเกิดความสนใจ จากการศึกษาความต้องการ ดงั กล่าวที่พบน้นั ทำใหผ้ ู้วิจยั มีความสนใจท่ีจะศึกษาความต้องการในการพฒั นารูปแบบการจัดการเรียนรู้ออนไลน์ใน โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย โดยจะศึกษาความต้องการของครูผู้สอนในด้านการจัดการเรียนรู้ออนไลนแ์ ละ เสรมิ สรา้ งสมรรถนะครูใหม้ ศี ักยภาพในการจดั การเรยี นการสอน วตั ถปุ ระสงค์การวิจยั 1. เพ่อื ศึกษาสภาพความต้องการในการเสรมิ สรา้ งสมรรถนะครูดา้ นการจัดการเรียนร้อู อนไลน์ในโรงเรยี น กรงุ เทพคริสเตยี นวิทยาลัย 2. เพอ่ื ออกแบบและสร้างรปู แบบการเสรมิ สร้างสมรรถนะครูดา้ นการจดั การเรยี นรูอ้ อนไลน์ในโรงเรียน กรงุ เทพครสิ เตียนวิทยาลัย 3. เพอ่ื ประเมนิ รปู แบบการเสรมิ สรา้ งสมรรถนะครดู า้ นการจัดการเรยี นร้อู อนไลนใ์ นโรงเรียนกรงุ เทพคริส เตียนวทิ ยาลยั 4. เพือ่ ทดลองการใชร้ ปู แบบการเสริมสรา้ งสมรรถนะครูดา้ นการจดั การเรยี นรูอ้ อนไลนใ์ นโรงเรียนกรงุ เทพค ริสเตียนวิทยาลัย 5. เพื่อศึกษาผลการใชร้ ูปแบบการเสริมสร้างสมรรถนะครูด้านการจัดการเรยี นรอู้ อนไลนใ์ นโรงเรยี น กรงุ เทพครสิ เตยี นวิทยาลัยดา้ น ประสทิ ธิภาพ ประสทิ ธผิ ล คณุ ค่า และความพงึ พอใจ 542

การประชมุ วชิ าการและเผยแพร่ผลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดับชาติ คร้ังที่ 6 \"ความทา้ ทายของการจัดการการศึกษาใหม่หลังวกิ ฤติ COVID-19” วนั ท่ี 26 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี กรอบแนวคดิ การวิจยั การพัฒนารูปแบบการเสริมสร้างสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้ออนไลนใ์ นโรงเรียนกรุงเทพครสิ เตียน วิทยาลัย สังกัดมูลนิธิ แห่งสภาคริสตจักร ในประเทศไทย ผู้วิจัยได้กำหนดกรอบแนวคิดแบบจำลอง (ADDIE Model) ของ Kruse, K.(2008) การจัดการเรียนรู้โดย Gagné (1985) ได้นำเอาแนวแนวความคิด 9 ประการ มาใช้ ประกอบการออกแบบบทเรยี นคอมพวิ เตอร์ เพ่อื ใหไ้ ด้บทเรียนทเ่ี กิดจากการออกแบบในลกั ษณะการเรยี นการสอนจริง โดยยึดหลักการนำเสนอเนื้อหาและจัดกิจกรรมการเรียนรู้จากการมีปฏิสัมพันธ์ หลักการสอนทั้ง 9 ประการได้แก่ 1) เร่งเร้าความสนใจ (Gain Attention) 2) บอกวัตถุประสงค์ (Specify Objective) 3) ทบทวนความรู้เดิม (Activate Prior Knowledge) 4) นำเสนอเนื้อหาใหม่ (Present New Information) 5) ชี้แนะแนวทางการเรียนรู้ (Guide Learning) 6) กระตุ้นการตอบสนองบทเรียน (Elicit Response) 7) ให้ข้อมูลย้อนกลับ (Provide Feedback) 8) ทดสอบความรใู้ หม่ (Assess Performance) 9) สรปุ และนำไปใช้ (Review and Transfer)ทำใหส้ ามารถหาแนวทางใน การพัฒนาการจัดการเรียนรู้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีหลายองค์ประกอบที่สอดรับกับการพัฒนาระบบ ได้แก่ เมนู หลักในการเข้าถึงบทเรียนตามอัธยาศัยแล้ว ทำให้ผู้เรียนได้ทราบวัตถุประสงค์ คำอธิบายต่างๆ เนื้อหาบทเรียน แบบทดสอบ และรวมถงึ กิจกรรมต่างๆ ทำให้ผ้เู รยี นมีปฏิสัมพันธ์กับบทเรียน ตามศกั ยภาพของตนเอง แนวคิดของ เดวิด แมคเคิลแลนด์ David C. McClelland (1973) นั้นมีองค์ประกอบของสมรรถนะมี 5 ส่วน ดังนี้ 1) ความรู้ (Knowledge) คอื ความรูเ้ ฉพาะในเรอ่ื งทต่ี อ้ งรู้ เปน็ ความร้ทู เี่ ปน็ สาระสำคัญ 2) ทกั ษะ (Skill) คือสงิ่ ทต่ี อ้ งการให้ทำได้ อยา่ งมปี ระสิทธิภาพ เช่น ทกั ษะทางคอมพิวเตอร์ ทกั ษะท่ีเกดิ ไดน้ น้ั มาจากพืน้ ฐานทางความรู้ และสามารถปฏิบัติได้ อยา่ งแคล่วคลอ่ งวอ่ งไว 3) ความคดิ เหน็ เกี่ยวกบั ตนเอง (Self Concept) คอื เจตคติ ค่านิยม และความคดิ เหน็ เกี่ยวกับ ภาพลักษณข์ องตน 4) บคุ ลกิ ลกั ษณะประจำตัวของบุคคล (Traits) เปน็ ส่ิงที่อธิบายถงึ บุคคลน้ัน เช่น คนที่ไว้วางใจได้ หรือมลี ักษณะเปน็ ผ้นู ำ 5) แรงจูงใจ/เจตคติ (Motives/Attitude) เปน็ แรงจูงใจหรอื แรงขับภายใน ซ่งึ ทำใหบ้ ุคคลแสดง พฤตกิ รรมท่ีมงุ่ ไปส่คู วามสำเร็จ วธิ ดี ำเนินการวิจัย การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) ประกอบด้วย การเสริมสร้าง สมรรถนะครูผสู้ อนด้านการจัดการเรียนรู้ออนไลน์ ใช้เวลาศกึ ษา ตัง้ แต่ เดอื น มี.ค. – ต.ค. พ.ศ. 2564 โดยเลือก กลุ่มตัวอย่างใช้วิธีสุ่มอย่างง่าย (Simple Random Sampling) จำนวน 2 0คน จากกลุ่มสาระการเรียนรู้กลุ่มละ 4 คน รวมทั้งสิ้นจำนวน 20 คน เป็นครูผู้สอนระดับประถมศึกษาปีที่ 4 – 6 ในกลุ่มสาระการเรียนรู้ 5 กลุ่มสาระหลัก ได้แก่ ภาษาไทย ภาษาองั กฤษ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สังคมศึกษาศาสนาและวัฒนธรรม โรงเรียน กรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย การสร้างแบบสอบถาม เพื่อให้ได้ข้อมูลที่มีความครอบคลุมเนื้อหาและเหมาะสม 2) รวบรวมข้อมูลและสร้างเปน็ แบบสอบถาม เสนออาจารย์ที่ปรกึ ษา เพ่อื พจิ ารณาให้ความเหมาะสม ความถูกตอ้ ง และ ความชัดเจน 3) นำแบบสอบถามไปหาความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา (IOC : Index of Item Objective Congruence) 4) ในกรณีที่แบบสอบถาม มีค่า IOC น้อยกว่า 0.60 จะไม่นำขอ้ นั้นมาเปน็ ข้อคำถามและกรณีท่ีมคี ่า IOC 0.60 – 0.80 จะนำข้อนั้นมาปรับปรุงรายข้อให้มีความสมบูรณ์ก่อนนำไปเก็บข้อมูลในสถานที่ที่ใช้ในการวิจัยโดยมีลักษณะ แบบสอบถาม เปน็ แบบมาตราส่วนประเมนิ คา่ (Rating scale) ตามมาตรวดั ของลเิ คริ ท์ (Likert, R. 1967) 543

การประชุมวชิ าการและเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดับชาติ ครัง้ ที่ 6 \"ความทา้ ทายของการจัดการการศกึ ษาใหมห่ ลงั วกิ ฤติ COVID-19” วันที่ 26 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อุดมศกึ ษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เคร่อื งมือทีใ่ ช้ในงานวิจยั ครั้งน้ี มีจำนวน 5 ชุด คือ 1) แบบประเมนิ ความต้องการการเสริมสร้างสมรรถนะ ครูดา้ นการจัดการเรยี นรู้ออนไลน์โรงเรยี นกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย แบบสอบถาม 5 ระดบั ตามแนวคิดของลิเคิร์ท (Likert’s rating scales) 2) รูปแบบนวัตกรรมของการวิจัยที่ผู้วิจัยพฒั นาขึ้น 3) แบบประเมินความตรงเชิงเนือ้ หา ของรูปแบบ (Content Validity) 4) แผนปฏิบัติการทดลอง 5) แบบประเมินประสิทธภิ าพ ประสิทธิผล คุณค่าและ ความพงึ พอใจตอ่ รูปแบบ ผวู้ ิจยั ใชเ้ คร่อื งมือ การหาคา่ IOC (Index of Item Objective Congruence) ตามแนวคิด ของ Rovinelli and Hambleton (1977) ตรวจสอบคุณภาพของเคร่ืองมือการวิจยั โดยใช้ผูเ้ ช่ยี วชาญ จำนวน 5 คน ซง่ึ มคี า่ ความสอดคล้องอยู่ระหวา่ ง 0.80 – 1.00 การวเิ คราะห์ข้อมลู ใช้โปรแกรมคอมพวิ เตอร์ ใชส้ ถิตใิ นการวิเคราะห์ คือ ความถ่ี ร้อยละ มชั ฌมิ เลขคณติ และสว่ นเบยี่ งเบนมาตรฐาน ผลการวิเคราะหข์ อ้ มลู ตอนที่ 1 ศึกษาสภาพความต้องการในการเสริมสร้างสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรอู้ อนไลน์ในโรงเรียน กรุงเทพครสิ เตียนวิทยาลัย พบว่า ระดับความต้องการการเสริมสร้างสมรรถนะครูด้านการจัดการเรยี นรู้ออนไลน์ใน โรงเรยี นกรงุ เทพคริสเตยี นวิทยาลัย โดยภาพรวมสภาพความต้องการอยู่ในระดบั มาก (̅X= 4.22, SD = 0.63) ข้อที่มี สภาพความต้องการรปู แบบของบทเรยี นการจัดการเรียนรู้ออนไลน์ในระดับมากที่สุดจำนวน 4 ข้อ ได้แก่ ใช้รูปแบบ ของแบบฝึกทักษะและปฏบิ ัติ (̅X= 4.60, SD = 0.60) พัฒนาความสามารถในการใช้เทคโนโลยี โดยการจัดการเรียนรู้ ออนไลน์ (̅X= 4.55, SD = 0.61) ใช้รปู แบบเกมทางการศึกษา (̅X = 4.50, SD = 0.83) การใช้ภาษาเพือ่ การสื่อสารท่ี เหมาะสมบนสื่อออนไลน์ (̅X= 4.50, SD = 0.61) ตอนที่ 2 พัฒนารูปแบบการเสริมสร้างสมรรถนะครดู ้านการจัดการเรียนรู้ออนไลน์ในโรงเรียนกรุงเทพครสิ เตยี นวิทยาลยั A – Analyze หมายถงึ การรวมกลมุ่ ครผู ู้สอนในระดบั ชัน้ ประถมศึกษาเพอื่ วิเคราะห์ และระบุปัญหา เรง่ ด่วนความต้องการท่จี ำเปน็ ตอ่ การแกป้ ัญหา D – Design หมายถงึ ออกแบบแผนการทำกิจกรรมเพื่อแก้ปญั หาและ นำสกู่ ารปฏบิ ัติ D – Development หมายถึง ดำเนนิ การพัฒนาหรอื สร้างเพ่ือปรับปรงุ แก้ไขให้ไดร้ ะบบการเรียนการ สอนที่มีประสิทธิภาพ พัฒนาการเรียนการสอน พัฒนาสื่อการเรียนการสอนประเมินผลขณะดำเนินการพัฒนา I – Implement หมายถึง การดำเนินการเรียนการสอนตามที่ได้ออกแบบและพัฒนาไว้แล้วตามสภาพจริง E – Evaluate หมายถึง ประเมนิ ผลของการจดั กจิ กรรมและสะท้อนผลเพ่อื หาแนวทางการพัฒนาตอ่ ไป ตอนที่ 3 ผลการประเมินประสิทธิภาพของรูปแบบการเสริมสร้างสมรรถนะครู ด้านการจัดการเรียนรู้ ออนไลน์ ในโรงเรียนกรุงเทพ คริสเตียนวิทยาลัย โดยผู้ทรงคุณวุฒิจำนวน 5 คน ใช้ค่าความตรงเชิงเนื้อหา (IOC: Index of Item-Objective Congruence) ปรากฏว่ามีค่าความสอดคล้องของรายข้ออยู่ระหว่าง 0.80 – 1.00 โดย จำแนกเป็นรายข้อ 1.00 จำนวน 13 ข้อ และข้อ 0.80 จำนวน 2 ข้อ ได้แก่ รูปแบบการเสรมิ สร้างสมรรถนะครูด้าน การจัดการเรียนรู้ออนไลน์ มีความสอดคลอ้ งกบั จุดประสงคข์ องการนำไปใช้ และรูปแบบการเสริมสร้างสมรรถนะครู ด้านการจดั การเรียนรู้ออนไลน์ สามารถปรับปรุงแก้ไขให้ดีขึน้ อย่างต่อเนื่อง ผู้วิจัยจึงได้ปรับข้อความตามคำแนะนำ ของผู้ทรงคุณวฒุ ิใหม้ คี วามเหมาะสมและตรงกบั เนอื้ หามากทีส่ ุด จงึ นำไปใช้กับกลุ่มตวั อย่างต่อไป 544

การประชมุ วิชาการและเผยแพรผ่ ลงานวจิ ัยคดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ คร้งั ที่ 6 \"ความทา้ ทายของการจัดการการศึกษาใหมห่ ลงั วกิ ฤติ COVID-19” วันที่ 26 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี ตอนท่ี 4 ผลการใช้รปู แบบการเสริมสร้างสมรรถนะครดู ้านการจัดการเรียนรอู้ อนไลนใ์ นโรงเรยี นกรงุ เทพคริส เตียนวิทยาลยั ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการทดลอง และประเมนิ ผลการใช้รูปแบบด้านประสิทธิภาพ ประสิทธิผล คุณคา่ และความพงึ พอใจ ปรากฏผลดงั นี้ 1. ระดับการประเมินด้านประสิทธิภาพ ของครูต่อรูปแบบการเสริมสร้างสมรรถนะครูด้านการจัดการ เรียนร้อู อนไลน์ในโรงเรยี นกรงุ เทพครสิ เตียนวทิ ยาลัย ผลปรากฏโดยภาพรวมทกุ ดา้ นอยใู่ นระดบั มาก (̅X= 4.33, SD = 0.60) ด้านท่มี ีประสิทธิภาพอยู่ในระดับมากทสี่ ดุ ไดแ้ ก่ รปู แบบการจัดการเรียนร้อู อนไลนม์ คี วามเกี่ยวข้องกับงานใน หน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ (̅X= 4.55, SD = 0.69) และ รูปแบบการจัดการเรียนรู้ออนไลน์ที่นำมาทดลองใช้คุ้มค่า เหมาะสมกับงบประมาณที่ต้องใช้ (̅X= 4.65, SD = 0.59) ด้านประสิทธิภาพอยู่ในระดับมากได้แก่ รูปแบบการ จัดการเรียนรู้ออนไลน์ที่นำมาทดลองใช้คุ้มค่าเหมาะสมกับสื่อและอุปกรณ์ที่นำมาปฏิบัติ (̅X= 4.45, SD = 0.69) รูปแบบการจัดการเรียนรู้ออนไลน์ท่ีนำมาทดลองใช้มีการกำหนดวัตถุประสงค์ไว้อย่างชัดเจน(X̅= 4.45, SD = 0.50) รูปแบบการจัดการเรียนรู้ออนไลน์ที่นำมาทดลองใช้คุ้มค่าเหมาะสมกับบุคคลที่เข้าร่วมกิจกรรม (̅X= 4.30, SD = 0.80) รูปแบบการจัดการเรียนรู้ออนไลน์ที่นำมาทดลองใช้มีขั้นตอนชัดเจนและปฏิบัติได้ (X̅= 4.30, SD = 0.66) รูปแบบการจัดการเรียนรู้ออนไลน์ที่นำมาทดลองใช้คุ้มค่าเหมาะสมกับระยะเวลาในการปฏิบัติกิจกรรม (X̅= 4.20, SD = 0.77) รูปแบบการจัดการเรียนรู้ออนไลน์ท่ีนำมาทดลองใช้คุ้มค่าและเป็นประโยชน์ต่อนักเรียน และครู (̅X= 4.20, SD = 0.62) รูปแบบการจดั การเรยี นรู้ออนไลน์ทนี่ ำมาทดลองใชบ้ รรลวุ ตั ถปุ ระสงค์ท่ีกำหนดไว้ (̅X= 4.10, SD = 0.85) และ รูปแบบการจัดการเรียนรูอ้ อนไลนท์ นี่ ำมาทดลองใชค้ มุ้ ค่าเหมาะสมกบั สถานท่ี (X̅= 4.10, SD = 0.55) 2. ดา้ นประสทิ ธผิ ลโดยภาพรวมอย่ใู นระดับมาก (X̅= 4.41, SD = 0.60) สว่ นด้านประสทิ ธิผล อยใู่ นระดับ มากท่ีสุด คือ รปู แบบการจดั การเรียนรอู้ อนไลนท์ ี่นำมาทดลองใช้สามารถปรับปรุงและพัฒนาใหด้ ีขน้ึ ได้อย่างต่อเนื่อง (X̅= 4.60, SD = 0.50) รองลงมาดา้ นประสิทธิผลอยู่ในระดับมากมี 4 ข้อ ไดแ้ ก่ รูปแบบการจดั การเรียนรู้ออนไลน์ที่ นำมาทดลองใช้เกิดประโยชน์ตอ่ นักเรียนและครู (X̅= 4.45, SD = 0.76) รปู แบบ การจดั การเรียนรู้ออนไลน์ที่นำมา ทดลองใชเ้ กิดประโยชนต์ อ่ การพฒั นาคุณภาพการศึกษา (X̅= 4.40, SD = 0.60) รูปแบบการจัดการเรียนรอู้ อนไลน์ท่ี นำมาทดลองใชเ้ กิดประโยชน์ตอ่ การปฏิบัตงิ านของครู (̅X= 4.35, SD= 0.75) และรูปแบบการจดั การเรยี นรู้ออนไลน์ ที่นำมาทดลองใช้ทำให้เกิดการมีส่วนร่วมที่เกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม (̅X= 4.25, SD= 0.64) และมีความคิดเห็นที่ สอดคล้องกนั 3. ด้านคุณค่าโดยภาพรวมอยู่ในระดบั มาก (X̅= 4.36, SD = 0.67) ส่วนด้านคุณค่าอยู่ในระดับมากที่สุด คือ รูปแบบการจัดการเรียนรู้ออนไลน์ที่นำมาทดลองใช้มีคุณประโยชน์ต่อผู้เรียนและครู (X̅= 4.50, SD = 0.76) ดา้ นคณุ คา่ ท่อี ยู่ในระดับมากมี 4 ขอ้ ตามลำดับ ไดแ้ ก่ รูปแบบการจดั การเรียนรูอ้ อนไลน์ทนี่ ำมาทดลองใช้ทำให้เกิด สมรรถนะของครู (̅X= 4.45, SD = 0.83) รูปแบบการจดั การเรียนรู้ออนไลน์ทน่ี ำมาทดลองใช้เปน็ พลังขับเคล่ือนให้ เกิดคุณภาพต่อการจัดการศึกษา (X̅= 4.45, SD= 0.61) รูปแบบการจัดการเรียนรู้ออนไลน์ที่นำมาทดลองใช้ จำเปน็ ต้องกำหนดเปน็ นโยบายส่กู ารปฏบิ ตั ขิ องโรงเรียน (X̅= 4.30, SD = 0.66) รปู แบบการจดั การเรียนรูอ้ อนไลน์ท่ี นำมาทดลองใช้มคี วามสำคญั ต่อการจดั การศึกษา (̅X= 4.10, SD = 0.79) และมคี วามคิดเหน็ ทสี่ อดคล้องและเป็นไป ในทศิ ทางเดยี วกนั 545

การประชุมวิชาการและเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวิชาศึกษาศาสตรร์ ะดับชาติ ครงั้ ท่ี 6 \"ความทา้ ทายของการจัดการการศึกษาใหมห่ ลังวกิ ฤติ COVID-19” วันท่ี 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จดั โดยคณะอนกุ รรมการสาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี 4. ด้านความพึงพอใจโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก (X̅= 4.42, SD = 0.59) ด้านความพึงพอใจอยู่ใน ระดับมากที่สุดมี 2 ข้อ คือ มีความพึงพอใจในรูปแบบการจัดการเรียนรูอ้ อนไลน์ที่ผู้วิจัยใช้ในการปฏิบัติงานครั้งน้ี (X̅= 4.75,SD = 0.44) มคี วามพึงพอใจกับรปู แบบการจัดการเรียนรู้ออนไลน์ในสถานการณ์ปัจจุบัน (̅X = 4.55, SD = 0.69) ด้านที่อยู่ในระดับมากมี 3 ข้อ ได้แก่ มีความพึงพอใจกับเป้าหมายและวัตถุประสงค์ในการเสริมสร้าง สมรรถนะครเู กี่ยวกบั การจดั การเรียนรอู้ อนไลน์ทใี่ ช้ปฏิบัตกิ ารคร้ังน้ี (X̅= 4.40,SD = 0.68) มีความพึงพอใจกับผล การจัดรูปแบบการจัดการเรียนรู้ออนไลน์ปฏิบัติการครั้งนี้ (X̅= 4.30, SD = 0.57 ) และ มีความพึงพอใจกับ กระบวนการหรือวิธีการของนวตั กรรมหรอื รปู แบบท่ีใช้ปฏิบัตกิ ารครง้ั น้ี (̅X= 4.10, SD = 0.55) และมีความคิดเห็นท่ี สอดคล้องไปในทศิ ทางเดียวกัน สรุปผลการวิจัย จากการวิจัยคร้ังน้ี ผลการวจิ ัยสรปุ ตามวัตถุประสงค์ของการวิจยั ตามลำดบั ดงั น้ี 1. สภาพความต้องการในการเสริมสร้างสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้ออนไลน์ในโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน วิทยาลัย ระดบั ความต้องการการเสริมสร้างสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนร้อู อนไลน์ในโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน วทิ ยาลยั โดยภาพรวมสภาพความต้องการอย่ใู นระดบั มาก 2. การพัฒนารปู แบบการเสรมิ สร้างสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรอู้ อนไลนใ์ นโรงเรยี นกรงุ เทพคริสเตียน วิทยาลยั ผู้วิจัยไดก้ ำหนดรปู แบบท้งั 5 องคป์ ระกอบ สรา้ งเปน็ แผนภาพโดยใชช้ อื่ วา่ ADDIE Model ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน ดังรายละเอียด คอื A – Analyze หมายถงึ การรวมกลมุ่ ครผู ู้สอนในระดบั ช้ันประถมศกึ ษาเพื่อวเิ คราะห์ และ ระบุปัญหาเร่งด่วนความต้องการที่จำเป็นต่อการแก้ปัญหา D – Design หมายถึง ออกแบบแผนการทำกิจกรรมเพอื่ แก้ปัญหาและนำสู่การปฏิบตั ิ D – Development หมายถึง ดำเนินการพัฒนาหรือสร้างเพือ่ ปรับปรุง แก้ไขให้ได้ ระบบการเรียนการสอนท่ีมีประสิทธิภาพ พัฒนาการเรียนการสอน พัฒนาสื่อการเรียนการสอน ประเมินผลขณะ ดำเนนิ การพัฒนา I – Implement หมายถงึ การดำเนนิ การเรยี นการสอนตามท่ีได้ออกแบบและสร้างรูปแบบไว้แล้ว ตามสภาพจริง E – Evaluate หมายถึง ประเมินผลของการจัดกิจกรรมและสะท้อนผลเพื่อหาแนวทางการพัฒนา ตอ่ ไป 3. การประเมินประสิทธิภาพของรูปแบบการเสริมสร้างสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้ออนไลน์ใน โรงเรียนกรงุ เทพครสิ เตียนวิทยาลัย ผลการประเมนิ รูปแบบโดยผูท้ รงคุณวุฒิจำนวน 5 คน ใช้ค่าความตรงเชงิ เนื้อหา (IOC: Index of Item-Objective Congruence) ปรากฏวา่ มคี ่าความสอดคลอ้ งของรายขอ้ อยูร่ ะหวา่ ง 0.80 – 1.00 4. ผลการปฏบิ ตั กิ ารทดลองใช้รปู แบบการเสริมสรา้ งสมรรถนะครูดา้ นการจดั การเรยี นรู้ออนไลน์ในโรงเรียน กรุงเทพครสิ เตียนวิทยาลยั มีผลการประเมนิ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก 5. ผลการใช้รูปแบบการเสริมสรา้ งสมรรถนะครูด้านการจัดการเรยี นรู้ออนไลน์ในโรงเรียนกรงุ เทพคริสเตียน วิทยาลัยด้านประสิทธิภาพของครูต่อรูปแบบการเสริมสร้างสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้ออนไลน์ในโรงเรียน กรุงเทพคริสเตยี นวทิ ยาลัย ผลปรากฏโดยภาพรวมทุกด้านอยู่ในระดับมาก ด้านประสิทธผิ ล โดยภาพรวมอยู่ในระดับ มาก ดา้ นคุณค่า โดยภาพรวมอยูใ่ นระดบั มาก และดา้ นความพึงพอใจโดยภาพอยใู่ นระดับมาก 546

การประชุมวิชาการและเผยแพร่ผลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตร์ระดบั ชาติ ครง้ั ที่ 6 \"ความท้าทายของการจัดการการศึกษาใหมห่ ลงั วกิ ฤติ COVID-19” วันที่ 26 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวิชาศึกษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชูปถัมภ์ สมเดจ็ พระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อภปิ รายผล 1. สภาพความต้องการในการเสริมสร้างสมรรถนะครดู ้านการจัดการเรียนรอู้ อนไลนใ์ นโรงเรียนกรุงเทพคริส เตียนวิทยาลยั ระดับความตอ้ งการการเสรมิ สร้างสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรอู้ อนไลน์ในโรงเรยี นกรุงเทพคริส เตยี นวทิ ยาลยั โดยภาพรวมสภาพความต้องการอยู่ในระดับมาก ขอ้ ทมี่ ีสภาพความต้องการรูปแบบของบทเรียนการ จัดการเรียนรู้ออนไลน์ในระดับมากที่สุดจำนวน 4 ข้อ ได้แก่ รูปแบบของแบบฝึกทักษะและปฏิบัติ พัฒนา ความสามารถในการใช้เทคโนโลยี รูปแบบเกมทางการศกึ ษา ใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารที่เหมาะสมบนสื่อออนไลน์ ส่วนขอ้ อ่นื ๆ อยู่ในระดับมาก เช่น พฒั นาการจัดการเรียนรูอ้ อนไลน์ จดั การปฐมนิเทศผู้เรยี น กำหนดโครงสร้าง เนอ้ื หาบทเรยี นให้เหมาะสมกับผ้เู รียน จดั การเรยี นรูด้ ้วยการสร้างความสนใจ ข้อมลู ป้อนกลบั ที่แสดงว่าผู้เรียนทำ กิจกรรมไดถ้ ูกต้อง สรุปทบทวนบทเรียนที่ผ่านมาให้กับผู้เรียน และอยู่ในความต้องการระดบั ปานกลางคอื เขียน บทเรียนเชิงสร้างสรรค์กราฟิก โดยความเห็นของผู้ตอบแบบสอบถามเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้เนื่องจากครูมี ความตอ้ งการในการใช้รูปแบบฝกึ ทกั ษะและปฏิบัติเพ่ือใหเ้ กิดสมรรถนะในการเร่มิ ต้นกับรูปแบบใหม่ อีกท้ังต้องการ พัฒนาความสามารถ การใช้รูปแบบเกมและการใช้ภาษาเพื่อการสื่อสารที่เหมาะสมเพื่อกระตุ้นให้ผู้เรียนเกิดความ สนใจเน้ือหาบทเรยี น สอดคล้องกบั งานวิจัยของ ภิญโญ วงษ์ทอง (2564) ไดศ้ กึ ษาเร่อื งการจดั การเรียนรอู้ อนไลนบ์ น ฐานวิถีชีวิตใหม่สำหรับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาตอนปลาย พบว่า นักเรียนมีความพร้อมของเครื่องมือที่ใช้ สำหรับการเรียนออนไลน์ อยู่ในระดับมาก มีพฤติกรรมการเรียนรู้ออนไลน์ อยู่ในระดับมาก และมีความพึงพอใจต่อ การจัดการเรยี นรูอ้ อนไลน์ อยู่ในระดับมาก ทงั้ นเี้ นื่องมากจากโรงเรยี นมกี ารออกแบบและวางแผนการจดั กิจกรรมการ เรียนรู้ออนไลน์บนฐานวิถีชีวิตใหม่อยา่ งเป็นระบบประกอบด้วย 4 ขั้นตอนได้แก่ 1) ขั้นสำรวจและวิเคราะห์ 2) ขั้น เตรียมการและวางแผน 3) ขั้นดำเนนิ การและกำกับติดตาม และ 4)ขั้นประเมินและสะทอ้ นผล ซึ่งมีจุดเด่นท่ีเนน้ การ วางแผนการทำงานร่วมกันทั้งครู นักเรียนและ ผู้ปกครอง รับฟังผลสะท้อนกลับจากทุกฝ่ายท่ีเกี่ยวข้อง มีระบบการ กำกับติดตามอย่างสม่ำเสมอและต่อเนื่อง เพื่อนำข้อมูลไปพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรูอ้ อนไลน์ให้เหมาะสมกับ บรบิ ทของโรงเรยี น 2. พัฒนารูปแบบการเสริมสร้างสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้ออนไลน์ในโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน วิทยาลัย ประกอบด้วย 5 ขั้นตอน โดยมีชื่อว่า ADDIE Model ดังรายละเอียด คือ A – Analyze หมายถึง การ รวมกลุ่มครูผู้สอนในระดับชั้นประถมศึกษาเพื่อวิเคราะห์ และระบุปัญหาเร่งด่วนความต้องการที่จำเป็นต่อการ แก้ปัญหา D – Design หมายถึง ออกแบบแผนการทำกิจกรรมเพื่อแก้ปัญหาและนำสู่การปฏิบัติ D – Development หมายถึง การดำเนินการพัฒนาหรือสร้างเพื่อปรับปรุง แก้ไขให้ได้ระบบการเรียนการสอนที่มี ประสิทธิภาพ พัฒนาการเรียนการสอน พัฒนาสื่อการเรียนการสอน ประเมินผลขณะดำเนินการพัฒนา I – Implement หมายถึง การดำเนินการเรียนการสอนตามที่ได้ออกแบบและพัฒนาไว้แล้วตามสภาพจริง E – Evaluate หมายถึง การประเมินผลของการจัดกิจกรรมและสะท้อนผลเพื่อหาแนวทางการพัฒนาต่อไป ทั้งนี้ เนื่องจาก การจัดการเรียนรู้ออนไลน์นั้นแตกต่างจากการสอนในห้องเรียนอย่างชัดเจน กระบวนการที่สามารถนำ ครผู สู้ อนส่กู ารปฏิบัติการจัดการเรียนรู้ท่ีเป็นระบบสามารถสรา้ งความเช่ือมนั่ และพัฒนาไปในทิศทางท่ีเหมาะสม อีก ทัง้ การนำเทคโนโลยไี ปใชก้ ับผู้เรียนไดอ้ ย่างมีประสิทธิภาพโดยการพฒั นารปู แบบ 5 ขน้ั ตอนแบบจำลองเอด็ ดี (ADDIE 547

การประชุมวชิ าการและเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คดั สรร สาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ระดับชาติ ครัง้ ท่ี 6 \"ความทา้ ทายของการจดั การการศึกษาใหมห่ ลงั วิกฤติ COVID-19” วันท่ี 26 กมุ ภาพันธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จัดโดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบนั อดุ มศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย ในพระราชปู ถัมภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสุดาฯ สยามบรมราชกมุ ารี Model) ซึ่งสอดคล้องกับงานวิจัยของ วิวรรธน์ จันทร์เทพย์(2554) เรื่อง การพัฒนารูปแบบการฝึกอบรมแบบ ผสมผสานดว้ ยการเรียนรเู้ ปน็ ทีมเพือ่ พฒั นาสมรรถนะการออกแบบการเรยี นการสอนแบบบูรณาการแบบสหวิทยาการ สำหรบั ครผู สู้ อนระดบั ชัน้ ประถมศกึ ษา พบวา่ ผลการวจิ ยั ดา้ น 1) การพัฒนารปู แบบการฝึกอบรมแบบผสมผสานด้วย การเรียนรู้เป็นทีม เพื่อพัฒนาสมรรถนะการออกแบบการเรียนการสอนแบบบูรณาการแบบสหวิทยาการสำหรับ ครผู ู้สอนระดับชัน้ ประถมศึกษา เปน็ นวัตกรรมการฝึกอบรมแบบผสมผสานระหว่างการใช้เทคโนโลยเี ว็บอ-ี เทรนนงิ่ (E- learning) กับการถ่ายทอดเนื้อหาแบบเผชิญหน้า(Face-to-Face) ในห้องฝึกอบรมปกติกระบวนการศึกษาการ ออกแบบการเรียนการสอน (Instructional Design : ID) ในกระบวนการและขัน้ ตอนการฝึกอบรมเป็นสำคญั ดงั ท่ซี ีลส์ และกลาสโกว์ Seels and Glasgow, (1990) กลา่ ววา่ การออกแบบการเรียน ดงั นั้นการพฒั นารูปแบบการฝึกอบรม ในงานวิจัยนี้จึงได้อาศัยแนวคิดการออกแบบการเรียนการสอนเชิงระบบของเควิน ครูสซ์ (Kevin Kruse: ADDIE Model) เป็นพื้นฐานในการออกแบบเบื้องต้นได้แก่ การวิเคราะห์ การออกแบบ การพัฒนา การนำไปใช้ และการ ประเมินผล Kevin Kruse (2008) การสอน เป็นกระบวนการแกป้ ญั หาการเรยี นการสอนโดยการวิเคราะห์สถานการณ์ หรอื เง่ือนไขอยา่ งเปน็ ระบบ 3.การประเมินประสิทธิภาพของรูปแบบการเสริมสร้างสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้ออนไลน์ใน โรงเรยี นกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลยั ผลการประเมนิ รปู แบบโดยผ้ทู รงคุณวุฒจิ ำนวน 5 คน โดยจำแนกเป็นรายข้อ 1.00 จำนวน 13 ข้อ และขอ้ 0.80 จำนวน 2 ข้อ ไดแ้ ก่ รูปแบบการเสรมิ สรา้ งสมรรถนะครดู า้ นการจัดการเรยี นรู้ออนไลน์ มีความสอดคล้องกับจุดประสงค์ของการนำไปใช้ และรูปแบบการเสริมสร้างสมรรถนะครูด้านการจัดการเรียนรู้ ออนไลน์ สามารถปรับปรุงแกไ้ ขให้ดีข้ึนอย่างต่อเนื่อง ผ้วู ิจัยจึงไดป้ รับข้อความตามคำแนะนำของผู้ทรงคุณวุฒิให้มี ความเหมาะสมและตรงกบั เนื้อหามากที่สุด จึงนำไปใช้กับกลุ่มทดลองต่อไป ซึ่งสอดคล้องกับแนวคิดของ Rovinelli และ Hambleton ที่ระบุว่าค่า (IOC) เป็นการหาค่า ความสอดคล้องระหว่างข้อคำถามกับวัตถุประสงค์ใน แบบสอบถามโดยผู้เชี่ยวชาญประเมินความสอดคลอ้ งระหว่างข้อคำถามหนึ่ง ๆ กับวัตถุประสงคท์ ุก ๆ ข้อที่มุ่งวัดใน แบบสอบถาม การลงความเห็นของผู้เชี่ยวชาญในแต่ละขอ้ คำถาม จะใหค้ ะแนนเป็น + 1เมอื่ เหน็ วา่ ข้อคำถามดังกล่าว วัดได้ตรงตามวัตถปุ ระสงคข์ ้อน้นั ใหค้ ะแนนเป็น 0 เมื่อไม่มนั่ ใจวา่ ขอ้ คำถามดังกล่าววัดไดต้ รงตามวตั ถปุ ระสงค์ข้อนั้น และให้คะแนนเป็น -1 เม่ือเหน็ ว่าข้อคำถามดังกล่าววัดได้ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ขอ้ น้นั (พิศษิ ฐ ตณั ฑวณชิ และ พนา จนิ ดาศร, 2561) 4.ผลการปฏิบัติการทดลองใช้รูปแบบการเสรมิ สร้างสมรรถนะครดู ้านการจดั การเรยี นรูอ้ อนไลน์ในโรงเรยี น กรงุ เทพคริสเตยี นวทิ ยาลัย มีผลการประเมนิ โดยภาพรวมอยใู่ นระดับมาก โดยท่ีการปฏิบตั ิตามแผนการทดลองตาม แบบจำลองเอ็ดดี ADDIE Model คือ 1) กำหนดวาระและทำกิจกรรมการจัดการเรียนรู้ออนไลน์ในแต่ละรายวิชา 2) ชี้แจงขั้นตอนการดำเนินงาน และปฏิบัติกิจกรรมตามที่กำหนดในหลักสูตรรายวิชา 3) เตรียมบทเรียนและ ดำเนินการผลิตเนื้อหาลงสื่อออนไลน์ 4) ครูกำหนดตารางเรียน ปฐมนิเทศนักเรียน และนำสื่อออนไลน์ไปจัดการ เรยี นรู้ 5) ออกแบบการประเมินการใช้ส่ือออนไลน์ ดำเนินการประเมินผล และนำผลไปปรบั ปรุงและพฒั นา ผลการ ประเมินอยู่ในระดับมากทีส่ ุดมีจำนวน 1 ข้อ คือผู้ทดลองมคี วามรูแ้ ละเข้าใจในวัตถุประสงคแ์ ละวิเคราะห์กิจกรรมที่ ผู้วจิ ัยนำมาปฏิบตั ิทดลองระหวา่ งครกู ับนักเรียน สว่ นในระดับมากมีทั้งหมด 6 ข้อตามลำดับ ได้แก่ สื่อและอุปกรณ์ 548

การประชุมวชิ าการและเผยแพรผ่ ลงานวจิ ยั คัดสรร สาขาวชิ าศึกษาศาสตรร์ ะดบั ชาติ ครัง้ ท่ี 6 \"ความท้าทายของการจัดการการศึกษาใหม่หลงั วิกฤติ COVID-19” วนั ที่ 26 กมุ ภาพนั ธ์ พ.ศ. 2565 ณ Eco Cozy Beachfront Resort Cha-am, Phetchaburi Province จดั โดยคณะอนุกรรมการสาขาวชิ าศกึ ษาศาสตร์ สมาคมสถาบันอดุ มศึกษาเอกชนแหง่ ประเทศไทย ในพระราชูปถมั ภ์ สมเด็จพระเทพรตั นราชสดุ าฯ สยามบรมราชกุมารี ท่ีนำมาปฏบิ ตั ทิ ดลองมกี ารพัฒนาใหเ้ หมาะสมกบั ผู้เรียน กิจกรรมท่ีนำมาปฏิบัติทดลองมีการออกแบบขั้นตอนชัดเจน และปฏิบัติได้ ครูมีสมรรถนะในการจัดการเรียนรู้ออนไลน์เพิ่มขึ้น ผลจากการปฏิบัติทดลองมีผลดีต่อการสร้าง รูปแบบ ความพร้อมให้ความรว่ มมือกับการปฏิบัติทดลองที่นำมาใช้ในครั้งนี้ และ การปฏิบัติทดลองมีคุณค่า ทั้งนี้ เนือ่ งจาก กลมุ่ ทดลองไดป้ ฏิบัติทดลองอย่างต่อเนื่อง เปดิ โอกาสให้ครไู ด้ทดลองใช้ส่อื และอุปกรณ์ต่างๆที่สนับสนุน การจัดการเรียนรู้ออนไลน์ อีกทั้งกิจกรรมที่นำมาปฏิบัติทดลองมีการออกแบบขั้นตอนและปฏิบัติได้อย่างมี ประสิทธิภาพ ทำใหค้ รูเกิดสมรรถนะในการจดั การเรยี นรู้ออนไลน์เพิม่ ขน้ึ มผี ลดตี อ่ การสรา้ งรูปแบบการจดั การเรียนรู้ ออนไลน์ ความพรอ้ มใหค้ วามร่วมมือกับการปฏบิ ัติ สอดคล้องกับงานวิจยั ของ ววิ รรธน์ จนั ทร์เทพย์ (2554) พบวา่ ผล การศกึ ษาผลสัมฤทธ์กิ ารเรียนรู้ พบวา่ มคี ะแนนเฉล่ียหลังการฝึกอบรมสงู กว่ากอ่ นการฝึกอบรม อธิบายได้ว่า ข้ันการ ฝึกอบรม ช่วงก่อนเข้าสู่บทเรยี น มีกิจกรรมเพื่อเตรียมความพร้อมโดยการแข่งขันเป็นทีมตอบปัญหาการบูรณาการ เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจและการเสริมแรง ผลการศึกษาทักษะการออกแบบการเรียนการสอนแบบบูรณาการ แบบสหวทิ ยาการพบว่า มคี ะแนนเฉลีย่ หลังการฝึกอบรมสงู กวา่ ก่อนการฝึกอบรมทง้ั การออกแบบหนว่ ยและการเขียน แผนการจัด การเรียนรู้ ทั้งนี้เน่ืองมาจากการออกแบบกิจกรรมและข้ันตอนการฝึกอบรมเพื่อพัฒนาทักษะการเรียน การสอนแบบบูรณาการของงานวิจัยน้ี ผลการศึกษาการแสดงออกเกี่ยวกับการเรียนรู้ร่วมกันเป็นทีม พบว่า อยู่ใน ระดบั มาก อธิบายได้ว่า รูปแบบการฝึกอบรม จัดใหม้ กี ารปฐมนิเทศการฝึกอบรมให้ความรู้เรอ่ื งทีมและการปฏิบัติต่อ กันระหว่างการฝึกอบรม ผลการศกึ ษาความพงึ พอใจของผู้เข้ารับการฝกึ อบรมทม่ี ตี ่อรูปแบบการฝึกอบรมพบว่า อยู่ ในระดับมาก และสอดคล้องกับงานวิจัยของ พวงรัตน์ จินพล (2564) เรื่อง การจัดการเรียนออนไลน์ให้เกิดผล สัมฤทธิ์ในยุคของการเปลี่ยนแปลงโลกท่ามกลางวกิ ฤตโควิด-19 :กรณีศึกษา โรงเรียนตันติวัตร อำเภอทุ่งสง จังหวัด นครศรธี รรมราช ผลจากการวจิ ยั พบวา่ การจดั การเรียนการสอนออนไลน์ในระดับประถมศึกษาของโรงเรยี นตันติวัตร เกิดผลสัมฤทธิ์ท่ีดี สามารถส่งเสรมิ และพัฒนาผู้เรยี นใน 4 ด้านคือ1) ด้านปัญญา 2) ด้านอารมณ์ 3) ด้านสังคม 4) ด้านร่างกาย โดยผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเกิดการปรับตวั ในการเรียนรู้และนำเทคโนโลยีสารสนเทศแบบออนไลน์มาใช้งาน มากยงิ่ ขน้ึ ท้ังนีย้ งั ไดใ้ ช้รปู แบบการจัดการเรียนรู้ TTWFORWARD Model เป็นนวตั กรรมการจดั การศึกษาออนไลน์ ภายใต้วัฏจักรคุณภาพ PDCA จากวงจร (Deming Cycle) ภายใต้โมเดลย่อยตาม “บันได 9 ขั้น: รับรู้ จับวาด สรรค์ สร้าง ต่างใช้ เอาใจวัด” ซึ่งประยุกต์หลักการจัดการเรียนการสอนตามกระบวนการ 9 ขั้นตอนของ กาเย่ (Gagné) และสอดคล้องกบั แบบจำลองเอ็ดดี (ADDIE Model) นำมาสรรค์สร้างจนเกิดผลสมั ฤทธิท์ ี่ดีจากการจัดการเรียนการ สอนออนไลน์ 1) ขั้นวางแผน (Plan) วางแผนดำ เนินงานอย่าง รอบคอบ แบบมีส่วนร่วม กำหนดเป้าหมายชัดเจน สื่อสารทั่วถงึ คิดใหม่ ใช้วิกฤติให้เปน็ โอกาสในการสร้างจุดแข็ง ถือเป็นกระบวนการใน การวิเคราะห์ (Analysis) 2) ขั้นดำเนินการ (Do) ทำอย่างมุ่งมั่น เชื่อมั่นว่าทำได้ ค้นหาจุดอ่อนเพื่อนำ ไปสู่การพัฒนาให้เกิดผลงานที่มี ประสิทธิภาพ บรรลุเป้าหมายที่วางไว้ร่วมกัน ร่วมกันแก้ไขปัญหาที่เผชิญอย่างแน่วแน่ เป็นกระบวนการในขั้นการ ออกแบบและพัฒนา (Design & Development) 3) ขน้ั ตรวจสอบ (Check) ประเมินขั้นตอนการดำเนินงานและผลท่ี อาจจะเกดิ ข้นึ และสรรหาความรว่ มมือจากภาคีเครือข่าย เพื่อสรา้ งความเขม้ แข็งให้กบั การดำเนินงานชว่ ยเหลอื กัน ให้ กำลังใจซึ่งกันและกัน และร่วมกันหาแนวทางแก้ไขเมื่อพบเจอปัญหา เป็นกระบวนการในขั้นการนำไปใช้ (Implementation) 4) ขั้นปรับปรุงแก้ไข (Action) เปิดใจยอมรับวิธีการใหม่ ๆ เพื่อการปรับปรุงกระบวนการและ 549


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook