Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore รีพับลิก (Republic)

รีพับลิก (Republic)

Description: รีพับลิก (Republic) -เพลโต หนังสือปรัชญาการเมืองแปลไทยจากยุคกรีกโบราณอายุกว่า2000ปี

Keywords: รีพับลิก (Republic),รีพับลิก,Republic,ธันรบ,พระครูปลัดธันรบ,เพลโต,ปรัชญาการเมือง,ปรัชญา

Search

Read the Text Version

“แล้วเขาจะไดอ้ ะไรจากมนษุ ยด์ ว้ ยกนั บ้าง?” ขา้ ฯ กล่าว “หากจะพูดตาม [613c] สงิ่ ท่ี เปน็ เรากจ็ ะตอ้ งพดู ทำ� นองนใ้ี ชไ่ หม? คนไมเ่ ทยี่ งธรรมอนั เกง่ กาจนนั้ ยอ่ ม [613d] ไมต่ า่ งอะไรกบั นกั วงิ่ บนลแู่ ขง่ ขนั ซงึ่ วง่ิ ไดด้ ตี อนขาไป แตไ่ มด่ เี ทา่ ไรตอนขากลบั [613e] ใช่ไหม? ตอนเร่มิ วิ่งพวกเขาก็ถีบตัวอยา่ งคลอ่ งแคลว่ แต่พอตอนท้ายก็ชักน่า หวั เราะเยาะ เรมิ่ หตู กถงึ บา่ 39 ไมม่ สี งา่ ราศอี ะไรเหลอื อกี อยา่ งไรกต็ าม นกั วง่ิ อนั จรงิ แทย้ อ่ มวง่ิ ไปถงึ เสน้ ชยั ไดร้ บั รางวลั และยงั คงไวซ้ งึ่ สงา่ ราศี คนเทยี่ งธรรม สว่ นใหญก่ เ็ ปน็ เชน่ เดยี วกนั ใชไ่ หม? ณ ปลายทางแหง่ ชวี ติ ความสมั พนั ธ์ หรอื การกระท�ำทุกอย่าง ย่อมมีช่ือเสียงอันดีและรางวัลตอบแทนจากมวลมนุษย์ รอคอยพวกเขาอยเู่ สมอ” “ถูกทเี ดียว” “ง้ันเจ้าจะอนุญาตให้ข้าฯ น�ำเอาส่ิงต่างๆ ซึ่งเจ้าเคยได้พูดไว้เกี่ยวกับคน ไมเ่ ทย่ี งธรรม40มาใชพ้ ดู กบั คนเหลา่ นแี้ ทนไดไ้ หม? เพราะขา้ ฯ ยอ่ มตอ้ งกลา่ ววา่ คนเที่ยงธรรมต่างหากจะได้ปกครองเมืองยามแก่ตัวลง (หากพวกเขายัง ต้องการต�ำแหน่งปกครองใด) พวกเขาจะได้แต่งงาน ณ สถานท่ีแห่งใดก็ได้ ตามใจ และจะแตง่ งานกบั ใครกไ็ ดต้ ามตอ้ งการ ทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ งซง่ึ เจา้ เคยพดู ไว้ กับคนไม่เที่ยงธรรม ตอนน้ีข้าฯ น�ำมาพูดกับคนเหล่าน้ีแทน และในท�ำนอง เดยี วกนั ขา้ ฯ กย็ อ่ มตอ้ งกลา่ ววา่ คนไมเ่ ทยี่ งธรรมสว่ นใหญน่ นั้ ตอ่ ใหพ้ วกเขาทำ� อะไรแลว้ ไมถ่ กู จบั ไดใ้ นวยั เยาว์ สดุ ทา้ ยพวกเขากจ็ ะโดนจบั ไดแ้ ละหวั เราะเยาะ ณ ปลายทางแห่งการแข่งขันอยู่ดี และเมื่อพวกเขาแก่ตัวลง พวกเขาก็จะถูก สบประมาทจากทงั้ ผอู้ ยอู่ าศยั ของเมอื งและจากคนตา่ งถนิ่ อยรู่ ำ�่ ไป ดว้ ยสภาพ ความทกุ ขท์ รมานโดยสมบรู ณข์ องตนนนั่ เอง สว่ นเรอ่ื งของทณั ฑท์ รมาน ซง่ึ เจา้ เคยกลา่ ววา่ จรงิ ๆ มนั เปน็ สงิ่ โหดรา้ ย – ไมว่ า่ จะเปน็ การถกู เฆยี่ นตี การถกู ขงึ บนเครอ่ื งทรมาน หรอื การถกู ไฟจดี้ วงตา – กข็ อใหเ้ จา้ เขา้ ใจวา่ เจา้ จะไดย้ นิ ขา้ ฯ พดู ถงึ สง่ิ เหลา่ นก้ี บั คนไมเ่ ทย่ี งธรรมแทน พวกเขาจะตอ้ งทนทกุ ขก์ บั สง่ิ เหลา่ นี้ เป็นอยา่ งไรละ่ เจ้าจะยอมอนญุ าตใหข้ า้ ฯ พดู อยา่ งน้หี รือเปลา่ ?” “เอาเลย” เขาพดู “เพราะสิง่ ท่ที า่ นพูดมันเทีย่ งธรรมอยู่แลว้ ” เพลโต : 501

[614a] “ถา้ อยา่ งนน้ั ” ขา้ ฯ พดู “นอกจากสงิ่ ดๆี ทง้ั หลายซงึ่ เทพแี หง่ ความเทยี่ งธรรม นำ� ลงมาใหด้ ว้ ยตวั เองแลว้ คนเทยี่ งธรรมกย็ งั จะไดร้ บั รางวลั คา่ ตอบแทน และ ของกำ� นลั อกี มากมาย ไหลมาเทมาอยเู่ สมอตอนยงั มชี วี ติ ทงั้ จากมนษุ ยด์ ว้ ยกนั และจากเทพเจ้าอกี ด้วย” “และสิง่ เหล่าน้นั ยอ่ มงดงามและมัน่ คง” เขาพูด “อยา่ งไรกต็ าม” ขา้ ฯ พดู “สง่ิ เหลา่ นนั้ กไ็ มไ่ ดม้ ากมายหรอื ยงิ่ ใหญอ่ ะไรเลย หากเปรยี บกบั สง่ิ ซงึ่ กำ� ลงั รอพวกเขาอยหู่ ลงั ความตาย และพวกเจา้ กส็ มควรจะ ตอ้ งฟงั เรอื่ งตอ่ ไปนด้ี ว้ ย เพอื่ วา่ การถกเถยี งของพวกเรานนั้ จะไดจ้ า่ ยคนื สงิ่ ที่ ยังติดคา้ งใหแ้ กแ่ ต่ละฝ่ายได้อย่างเตม็ จ�ำนวน” [614b] “งั้นก็เล่าให้พวกเราฟังสิ” เขาพูด “เพราะคงไม่มีส่ิงอื่นใดสราญใจน่าฟัง ยิง่ ไปกว่านี้อีกแลว้ ” “อยา่ งไรเสยี ขา้ ฯ กค็ งไมเ่ ลา่ เรอื่ งของอลั คนิ อส41ใหเ้ จา้ ฟงั หรอก” ขา้ ฯ พดู “แตข่ า้ ฯ จะเลา่ เรอื่ งราวอนั เขม้ ขน้ ของชายชาตแิ พมฟเิ ลยี อนั เขม้ แขง็ คนหนง่ึ ให้ เจา้ ฟงั บรุ ษุ ผนู้ น้ั ชอ่ื เออร์ บตุ รแหง่ อารเ์ มนอิ สั กาลครงั้ หนงึ่ นานมาแลว้ เขาตาย ในสนามรบ หลงั จากนนั้ สบิ วนั – เมอื่ ศพคนตายทงั้ หลายกำ� ลงั เนา่ เสยี และจะ ถกู เกบ็ ไปฝงั – รา่ งของเขากลบั ยงั คงสภาพดมี าก เขาถกู พาตวั กลบั บา้ น มกี าร ตัดสินใจจะฝังร่างของเขาในวันที่ย่ีสิบ แต่พอถึงวันนั้น ขณะนอนนิ่งอยู่บน เชิงตะกอน เขากลับคืนชีพข้นึ มาอีกครง้ั และหลังจากกลบั เป็นข้ึนมาได้ เขาก็ เล่าส่ิงต่างๆ ซ่ึงได้พบในอีกโลกหนึ่งให้คนรอบข้างฟัง เขากล่าวว่าหลังจาก [614c] จติ วญิ ญาณของเขาหลดุ ออกไปแลว้ มนั กเ็ ดนิ ทางไปพรอ้ มกบั คนจำ� นวนมาก จนมาถงึ ดนิ แดนของภตู แิ หง่ หนงึ่ 42 บนผนื ดนิ ของทแ่ี หง่ นน้ั มชี อ่ งเปดิ กวา้ งอยู่ สองชอ่ งตดิ กนั และบนทอ้ งฟา้ ของทแี่ หง่ นนั้ กม็ อี กี สองชอ่ ง โดยชอ่ งดา้ นบนกบั ดา้ นลา่ งอยตู่ รงกนั ขา้ มกนั พอดี กงึ่ กลางระหวา่ งชอ่ งเปดิ เหลา่ นนี้ งั่ ไวด้ ว้ ยเหลา่ ผตู้ ดั สนิ ความ คอยทำ� หนา้ ทใ่ี หค้ ำ� ตดั สนิ พวกเขาบอกใหค้ นเทยี่ งธรรมเดนิ ทาง ตอ่ ไปยังช่องเปิดทางขวาบน ทะลสุ วรรคข์ น้ึ ไป ท้งั ยงั แปะเคร่อื งหมายแหง่ ค�ำ ตดั สนิ เอาไวบ้ นอกของคนเหลา่ นน้ั 43จากนน้ั เหลา่ ผตู้ ดั สนิ ความกบ็ อกแกค่ น 502 : รีพับลิก

ไมเ่ ทยี่ งธรรมใหเ้ ดนิ ทางตอ่ ไปยงั ชอ่ งเปดิ ซา้ ยลา่ ง44 พรอ้ มกบั ตดิ เครอื่ งหมายอนั [614d] เปน็ ตวั แทนแหง่ ทกุ สงิ่ ซงึ่ คนเหลา่ นนั้ เคยไดก้ ระทำ� เอาไวด้ า้ นหลงั ของพวกเขา เมอ่ื ถึงคราวของเออร์ เขากก็ า้ วออกมาขา้ งหนา้ และผู้ตดั สินความเหล่านัน้ ก็ [614e] กลา่ วกบั เขาวา่ เขาจะไดร้ บั หนา้ ทเี่ ปน็ ผถู้ อื สาร นำ� เรอ่ื งราวทกุ อยา่ ง ณ ทแี่ หง่ นนั้ [615a] ลงไปบอกแก่มวลมนุษย์ พวกเขาบอกให้เออร์ต้ังใจฟัง และจับตามองทุกสิ่ง ทกุ อย่างเอาไวใ้ หด้ ี... “จากช่องเปิดทางหนึ่งของท้ังผืนดินและสวรรค์ เขามองเห็นจิตวิญญาณ หลายดวงเดินทางจากไปยังช่องใดช่องหนึ่งน้ัน ทุกครั้งที่เหล่าผู้ตัดสินความ ออกค�ำตัดสิน ส่วนทางช่องเปิดอีกสองทางที่เหลือ จิตวิญญาณจ�ำนวนหนึ่ง จะเดนิ ทางขึ้นมาจากช่องเปดิ บนผืนดิน – ตวั เปื้อนคราบโคลนและฝนุ่ ดนิ – สว่ นจติ วิญญาณอีกจ�ำนวนหน่งึ ซึง่ บริสทุ ธ์ผิ ดุ ผ่องยงิ่ กว่า ก็จะเดินทางลงมา จากชอ่ งเปดิ บนสวรรค์ จติ วญิ ญาณทกุ ดวงซงึ่ เพงิ่ เดนิ ทางมาถงึ ตา่ งกด็ รู าวกบั เพงิ่ ผา่ นการเดนิ ทางอนั ยาวนานมา – พวกเขาตรงไปยงั ทงุ่ หญา้ บรเิ วณนน้ั ดว้ ย ความยินดี ราวกับกำ� ลังเดนิ ทางไปเท่ยี วงานเทศกาล แล้วก็ต้ังค่ายพกั กนั อยู่ ตรงนนั้ พวกเขาทกั ทายกนั และกนั เหมอื นเคยรจู้ กั กนั มากอ่ น จากนนั้ จติ วญิ ญาณ ซ่ึงมาจากผืนดินก็ถามอีกฝ่ายถึงเรื่องราวด้านบนนั้น ส่วนพวกท่ีลงมาจาก สวรรคก์ ถ็ ามถงึ เรอื่ งราวใตพ้ ภิ พ แลว้ ทกุ ๆ คนกเ็ ลา่ เรอื่ งราวของตนใหก้ นั และ กนั ฟงั บางคนถึงกบั รอ้ งไหค้ ร่�ำครวญ ดว้ ยนึกถึงความทุกขท์ รมานนานปั การ ซงึ่ พวกเขาไดป้ ระสบจากการเดนิ ทางใตพ้ ภิ พ มที งั้ ทกุ ขม์ ากทกุ ขน์ อ้ ยปนกนั ไป โดยการเดนิ ทางครง้ั นนั้ กนิ เวลาทง้ั สน้ิ หนงึ่ พนั ปี ขณะเดยี วกนั ฝา่ ยทล่ี งมาจาก สวรรคก์ เ็ ลา่ ถงึ ความงามอนั ยากจะพรรณนาของประสบการณแ์ ละทศั นาการ ของที่แหง่ นนั้ อืม ถา้ จะให้บรรยายทกุ อยา่ งใหห้ มดมนั ก็คงตอ้ งใช้เวลานานที เดยี วนะกลาวคอน เอาเปน็ วา่ กลา่ วโดยสรปุ เขาเลา่ วา่ อยา่ งน้ี สำ� หรบั ทกุ ๆ การ กระท�ำไมเ่ ท่ียงธรรม ซึ่งพวกเขาเคยก่อเอาไว้ และส�ำหรบั ทุกๆ คนซึ่งเคยถูก พวกเขาปฏิบัติไม่เท่ียงธรรมด้วย พวกเขาต้องชดใช้เป็นโทษทัณฑ์จนกว่าจะ ครบจ�ำนวนดงั กลา่ ว โดยมีอตั ราสว่ นเป็นสบิ เท่าตอ่ หน่งึ การกระท�ำ กลา่ วคอื เพลโต : 503

พวกเขาจะได้รับโทษแห่งความไม่เท่ียงธรรมของตนทุกๆ รอบหน่ึงร้อยปี – [615b] หรอื ราวหนึง่ ชวั่ อายขุ องมนุษย์ – เม่อื เป็นเชน่ นี้ ความไมเ่ ท่ยี งธรรมหนึ่งครง้ั กจ็ ะไดร้ บั โทษเปน็ สบิ เทา่ พอด4ี 5ยกตวั อยา่ งเชน่ หากมใี ครบางคนเคยเปน็ เหตุ แห่งการตายของผู้คนจ�ำนวนมาก – ไม่ว่าจะด้วยการเป็นกบฏต่อเมืองหรือ ตอ่ กองทพั และกดคนเหลา่ นนั้ ลงไปเปน็ ทาส หรอื จะดว้ ยการรว่ มกอ่ อาชญากรรม อ่ืนๆ – คนคนน้ันก็จะต้องได้รับความทุกข์ทรมานเป็นสิบเท่าของแต่ละสิ่ง เหลา่ นห้ี รอื ในทางกลบั กนั หากมใี ครบางคนเคยทำ� ความดใี ดๆเอาไว้ และเคย ได้พิสูจน์ตนแล้วว่ากอปรด้วยความเท่ียงธรรมและสุทธิธรรม คนคนนั้นก็จะ [615c] ได้รับผลตอบแทนในอัตราส่วนเดียวกัน เออร์ยังได้เล่าถึงพวกท่ีตายทันที หลงั จากเกดิ และพวกทม่ี ชี วี ติ ไดไ้ มน่ านเอาไวด้ ว้ ย แตน่ นั่ กไ็ มค่ คู่ วรแกก่ ารยก ข้นึ มาพูดถึงเสยี เท่าไร นอกจากนี้ เขายงั เล่าถงึ ความกตัญญแู ละอกตัญญูตอ่ พ่อแม่และต่อเทพเจ้า รวมไปถึงการฆาตกรรมเอาไว้อีกด้วย ซ�้ำยังบอกด้วย ว่าส่ิงเหล่าน้ันน�ำมาซึ่งค่าตอบแทนอันมากมายเพียงใด เขาเล่าว่าตนก็ยืน อยตู่ รงนน้ั ดว้ ย ตอนมใี ครบางคนถามคนขา้ งๆ วา่ ‘อารด์ อี าส46ผยู้ งิ่ ใหญไ่ ปอยู่ ท่ีไหนเสียแล้ว?’ – หนึ่งพันปีก่อนหน้าน้ัน อาร์ดีอาสผู้นี้เคยเป็นทรราชใน เมอื งหนง่ึ แถบแพมฟเิ ลยี มากอ่ น วา่ กนั วา่ เขาไดส้ งั หารบดิ าชราและพช่ี ายของ [615d] ตนเอง และยังได้กระทำ� เร่อื งไร้สทุ ธิธรรมอนื่ ๆ อกี มาก – เออร์เล่าต่อไปว่า เขาไดย้ นิ คนทถ่ี กู ถามตอบกลบั ไปวา่ ‘เขาไมไ่ ดม้ าดว้ ย และจะไมม่ าทน่ี อ่ี กี แลว้ ’ และกล่าวต่อไปอีกวา่ ‘แน่ล่ะ นกี่ ็เป็นหนึง่ ในความน่าสะพรงึ ทั้งหลายทเี่ ราได้ เหน็ มา ตอนเราขนึ้ มาจนใกลถ้ งึ ปากทาง และไดท้ นทกุ ขม์ าครบทกุ ประการแลว้ จๆู่ พวกเรากเ็ หน็ อารด์ อี าสอยกู่ บั คนอน่ื ๆ โดยเกอื บทกุ คนในจำ� นวนนน้ั ลว้ นแต่ เคยเปน็ ทรราชทง้ั สนิ้ (อยา่ งไรกต็ าม ในจำ� นวนนน้ั กย็ งั มปี จั เจกชนธรรมดาปน อยดู่ ว้ ย และคนเหลา่ นกี้ ล็ ว้ นแตเ่ คยกอ่ อาชญากรรมรา้ ยแรงมากอ่ น) พวกเขา [615e] ตา่ งกค็ ดิ วา่ ตนกำ� ลงั จะไดอ้ อกไปสปู่ ากทางดา้ นบนแลว้ ทวา่ ปากทางดงั กลา่ ว กลับไม่ยอมให้พวกเขาผ่านไปได้ มันกลับขู่ค�ำรามใส่ เม่ือใครบางคนใน จำ� นวนนน้ั – บา้ งกก็ อปรดว้ ยความเลวรา้ ยอนั เกนิ เยยี วยา บา้ งกย็ งั รบั โทษทณั ฑ์ 504 : รีพับลิก

ไมค่ รบ – พยายามจะฝา่ ออกไป’ เขาพดู ตอ่ ไปอกี วา่ ‘ทตี่ รงนน้ั มชี ายหลายคน [616a] ตา่ งกเ็ ปน็ คนโฉดกนั ทง้ั นนั้ ทา่ ทางกำ� ลงั โมโหจดั กนั ทกุ คน พวกเขายนื ออกนั อยู่ ตรงน้ัน เฝ้าระวังเจ้าเสียงน่ัน และเม่ือมันขู่ค�ำรามออกมา พวกเขาก็ฉุดร้ัง [616b] คนขา้ งๆ ใหถ้ อยออกหา่ ง ทวา่ พวกเขากลบั จบั อารด์ อี าสกบั คนอนื่ ๆ อกี จำ� นวน [616c] หนง่ึ มัดไว้ ทงั้ ศรี ษะ เท้า และแขน โยนพวกเขาลง จากนนั้ ก็จับถลกหนงั เสีย พวกเขาลากอารด์ อี าสกบั พวกไปตามขา้ งทาง กรดี รา่ งพวกเขาราวกบั ขนสตั ว์ ถกู หวดี ว้ ยคมหนาม และเมอื่ มผี ใู้ ดบงั เอญิ ผา่ นมาเหน็ เขา้ พวกเขากจ็ ะอธบิ าย ถึงเหตุท่ตี อ้ งทำ� เช่นน้นั และกล่าวตอ่ ไปวา่ คนเหลา่ นจ้ี ะตอ้ งถูกดงึ ตวั ออกไป ทิ้งยังทาร์ทารัส’47 เขายังกล่าวอีกว่า พวกตนล้วนได้รับประสบการณ์อัน นา่ สะพรงึ กลวั มาแลว้ ทกุ ชนดิ แตค่ วามนา่ กลวั ทส่ี ดุ ทแ่ี ตล่ ะคนไดป้ ระสบกค็ ง หนไี มพ่ น้ เจา้ เสยี งขคู่ ำ� รามนน่ั ซง่ึ ไดย้ นิ กอ่ นจะขน้ึ มาบนน้ี และเมอ่ื เจา้ เสยี งนน่ั เงยี บหายไป ทกุ ๆ คนกข็ นึ้ มาถงึ บนนไี้ ดด้ ว้ ยความโลง่ อก เอาละ่ ทง้ั หมดทก่ี ลา่ วมา คอื เรอ่ื งของการลงโทษและโทษทณั ฑต์ า่ งๆ คราวนเ้ี รามาพดู ถงึ รางวลั ตอบแทน อันเป็นคูเ่ หมือนคนละดา้ นกบั มันกนั บา้ ง... “แตล่ ะกลมุ่ ใชเ้ วลาอยบู่ นทงุ่ หญา้ แหง่ นน้ั เปน็ เวลาเจด็ วนั แลว้ พอถงึ วนั ทแ่ี ปด พวกเขาก็ถูกผลักดันให้ต้องออกจากที่น่ัน เพื่อเดินทางต่อไป ส่ีวันวันต่อมา พวกเขามาถึงสถานท่ีแห่งหน่ึง จากจุดน้ันมองเห็นท่อนแสงเป็นล�ำยาว เหมือนเสาหิน ทอดลงมาจากเบ้ืองบน พุ่งผ่านทั้งสวรรค์และผืนดินคล้าย รุ้งกินน�้ำมากกว่าส่ิงใด หากแจ่มกระจ่างกว่า และบริสุทธิ์ยิ่งกว่าหลังการ เดินทางมุ่งหน้าต่อไปอีกหน่ึงวันเต็ม พวกเขาก็มาถึงล�ำแสงท่อนน้ัน และ ตรงนัน้ เอง ณ แกนกลางของลำ� แสง พวกเขามองเหน็ สดุ ปลายของห่วงเชอื ก เหล่านั้นยืดตรงลงมาจากท้องสวรรค์48 ผูกยึดสรวงสวรรค์ไว้ ล�ำแสงนั้นจึง ยึดการโคจรของท้ังจักรวาลเข้าไว้ด้วยกัน ราวสายยึดรอบโครงเรือรบ49 และ กระสวยปน่ั ดา้ ยของเทพแี หง่ ความจำ� เปน็ 50กย็ ดื ตวั ออกจากสดุ ปลายเหลา่ นน้ั สรรพส่ิงในจักรวาลล้วนโคจรรอบกระสวยน้ี ส่วนท่อนเพลาและปลายตะขอ ดา้ นบนท�ำมาจากแร่อาดามัน51 ส่วนกรวยถ่วงน้ำ� หนักด้านล่างเป็นสว่ นผสม เพลโต : 505

ระหวา่ งแรช่ นดิ เดยี วกนั นกี้ บั วสั ดอุ น่ื 52 โดยกรวยดงั กลา่ วมลี กั ษณะดงั ตอ่ ไปนี้ – [616d] ธรรมชาตขิ องมนั คลา้ ยกบั กรวยถว่ งนำ�้ หนกั ทวั่ ๆ ไปของเรา แตห่ ากพจิ ารณา จากคำ� บอกเลา่ ของเออร์ กรวยชนิ้ นน้ั นา่ จะมสี ว่ นกลวงตรงกลางกวา้ งใหญม่ าก ด้านในถูกคว้านออกอย่างหมดจด นอกจากนั้นยังมีกรวยลักษณะเดียวกัน แต่ขนาดเล็กกว่าซ้อนทับลงด้านบน เข้าร่องเข้ารอยพอดิบพอดี เหมือนถ้วย หลายๆ ใบวางซ้อนกันอย่างไรอย่างน้นั เหนอื กรวยสองชัน้ ดงั กล่าว ยังซอ้ น ดว้ ยกรวยลกั ษณะเดยี วกนั ใบทส่ี าม ใบทสี่ ่ี และตามดว้ ยกรวยอกี สใ่ี บ รวมทงั้ สน้ิ เปน็ กรวยแปดใบวางซอ้ นกนั เมอ่ื มองจากดา้ นบน จะเหน็ วงกลมหลายๆ วง [616e] ขยายตวั ออกจากกนั ตามเสน้ ขอบของกรวยแตล่ ะใบ แตห่ ากมองจากดา้ นขา้ ง ก็จะเหน็ เปน็ กรวยสูงต่อเน่อื งกันรอบๆ ท่อนเพลา ซ่งึ สงู พ้นจากกง่ึ กลางของ กรวยใบทแี่ ปดขน้ึ ไป ขอบวงกลมของกรวยชน้ั นอกสดุ และแรกสดุ นนั้ มขี นาด กว้างท่ีสุด วงที่หกกว้างเป็นอันดับสอง วงท่ีส่ีเป็นอันดับสาม วงที่แปดเป็น อันดับสี่ วงที่เจ็ดเป็นอันดับห้า วงที่ห้าเป็นอันดับหก วงที่สามเป็นอันดับ เจด็ และวงท่ีสองกวา้ งเปน็ อนั ดับแปด53 ขอบวงกลมของกรวยใบทใ่ี หญ่ท่ีสดุ มีหลากหลายสีสัน ส่วนขอบวงกลมของใบท่ีเจ็ดนั้นมีความสุกสว่างสูงสุด [617a] ขอบของกรวยใบทแ่ี ปดไดร้ บั สสี นั จากแสงเรอื งรองของใบทเ่ี จด็ สอ่ งมากระทบ ส่วนขอบของกรวยใบที่สองและใบท่ีห้านั้นเหมือนกัน คือมีสีเหลืองนวลกว่า ใบอ่ืนๆ ขอบกรวยใบท่ีสามมีสีขาวชัดท่ีสุด ใบที่สี่เป็นสีแดง ส่วนใบที่หกนั้น ขาวท่ีสุดเป็นอันดับสองรองจากใบท่ีสาม เพลาทั้งท่อนน้ันหมุนเป็นวงกลม ดว้ ยความเรว็ เทา่ กนั ตลอด แตใ่ นวงโคจรของท้ังหมดนั้น วงกลมชนั้ ในท้งั เจด็ วงจะหมุนอย่างนิ่มนวลในทิศทางตรงข้ามกับส่วนอ่ืนท้ังหมด นอกจากนั้น [617b] ในบรรดาวงโคจรทง้ั แปด วงทแี่ ปดหมนุ เรว็ ทส่ี ดุ สว่ นอนั ดบั ทสี่ องเปน็ ของวงทเ่ี จด็ หก และห้า ท้ังหมดน้ีหมุนด้วยความเร็วเท่ากัน ตามมาด้วยอันดับสามด้าน ความเรว็ – จากคำ� บอกเลา่ ของพวกเขา – เปน็ วงโคจรของวงทส่ี ี่ ส่วนอันดบั สเี่ ปน็ ของวงทส่ี าม และอนั ดับห้าเป็นของวงทสี่ อง กระสวยปัน่ ดา้ ยชน้ิ น้ีหมนุ ไปบนตักขององคเ์ ทพแี หง่ ความจ�ำเปน็ และดา้ นบนของขอบวงกลมแตล่ ะวง 506 : รพี บั ลิก

เหล่าน้ันก็น่ังคอนไว้ด้วยนางไซเรน54 เคียงคู่การโคจร แต่ละนางเปล่งเพียง [617c] เสียงเดียว โน้ตเดียว เสียงของแปดนางรวมกันย่อมเกิดเป็นเสียงประสาน [617d] หน่ึงเดียวอันลงตัว นอกจากน้ันยังปรากฏเทพีอีกสามนางน่ังอยู่รอบนอก [617e] ของวงโคจรด้วยระยะหา่ งเท่ากนั 55 บนบลั ลงั ก์ของตนด้วย พวกนางเปน็ บตุ รี ของเทพีแห่งความจ�ำเป็น หรอื สามเทพีแห่งโชคชะตา – ลาเคสสิ โคลโธ และ อาโทรพัส56 – สวมชุดขาว กับมงกุฎดอกไม้บนศีรษะ ท้ังสามนางจะคอย ขับล�ำน�ำควบคู่ไปกับเสียงประสานของนางไซเรน โดยลาเคสิสขับล�ำน�ำ แห่งอดีตกาล โคลโธขับล�ำน�ำแห่งปัจจุบันกาล และอาโทรพัสขับล�ำน�ำแห่ง อนาคตกาล โคลโธจะยน่ื หตั ถข์ วาของนางไปแตะวงโคจรชนั้ นอกของกระสวย อยเู่ สมอ เพอ่ื ชว่ ยหมนุ มนั อกี แรง โดยจะหยดุ บา้ งเปน็ บางครง้ั สว่ นอาโทรพสั กจ็ ะใช้หตั ถ์ซ้ายท�ำเชน่ เดียวกนั กบั วงโคจรชน้ั ใน และส�ำหรบั ลาเคสสิ นางจะ คอยชว่ ยเหลอื พน่ี อ้ งทงั้ สองผลดั กนั ไปมา โดยหตั ถข์ า้ งหนง่ึ วางอยบู่ นวงโคจร ชน้ั นอก สว่ นหัตถ์อกี ข้างวางอยู่บนวงโคจรชั้นใน... “เอาละ่ เมอ่ื เดนิ ทางมาถงึ พวกเขากม็ งุ่ ตรงไปยงั เทพลี าเคสสิ ทนั ที ทตี่ รงนน้ั มปี าฐกอยคู่ นหนงึ่ เขาตรงเขา้ มาจดั กระบวนคนเหลา่ นน้ั ใหย้ นื หา่ งกนั ในระยะ เทา่ กนั ตอ่ มาเขากไ็ ปหยบิ สลากและโครงรา่ งวถิ ชี วี ติ จำ� นวนหนง่ึ ออกมาจากตกั ของลาเคสิส จากน้ันจึงเดินข้ึนไปยืนบนแท่นสูง กล่าวว่า ‘ต่อไปน้ีคือวาจา แห่งลาเคสสิ บุตรีอันผดุ ผ่องของเทพแี หง่ ความจ�ำเป็น – จิตวิญญาณผมู้ ีอายุ สน้ั ทงั้ หลาย นค่ี อื การเรม่ิ ตน้ ใหมอ่ กี ครงั้ ของวฏั จกั รการตายของพวกเจา้ พงศ์ พนั ธอ์ุ นั ไมอ่ มตะ พวกเจา้ จะไดเ้ ลอื กภตู ขิ องตน ภตู เิ หลา่ นนั้ จะไมม่ สี ทิ ธเิ์ ลอื ก พวกเจา้ พวกเจา้ จะไดจ้ บั สลาก ผไู้ ดส้ ลากหมายเลขแรกจะไดเ้ ลอื กวถิ ชี วี ติ กอ่ น และเขากจ็ ะไดใ้ ชช้ วี ติ ตามแรงผลกั ดนั แหง่ ความจำ� เปน็ ของวถิ ชี วี ติ นนั้ ๆ เทพแี หง่ ความดีงามน้ันไม่เคยอยู่ใต้อาณัติของผู้ใด คนผู้นั้นจะได้ครอบครองตัวนาง มากแค่ไหน ย่อมข้ึนอยู่กับว่าเขาเชิดชูหรือหลู่เกียรติของนาง เขาเลือกเอง กต็ อ้ งรับคำ� ประณามน้ันไวเ้ อง เทพเจา้ ไมม่ สี ว่ นรบั ค�ำประณามน้นั ไวด้ ว้ ย’... “เมอื่ ปาฐกผ้นู ัน้ กลา่ วจบ เขาก็โปรยสลากทั้งหมดให้กบั คนทุกคนตรงนั้น เพลโต : 507

และแตล่ ะคนกก็ ม้ ลงเกบ็ ใบทต่ี กอยใู่ กลก้ บั ตวั – ยกเวน้ เออร์ เขาไมไ่ ดร้ บั อนญุ าต ใหเ้ กบ็ มนั ขนึ้ มา – เลขลำ� ดบั บนฉลากบง่ บอกความหมายของมนั อยา่ งชดั เจน แก่ผู้ท่ีจับมันขึ้นมาได้ จากนั้นโครงร่างวิถีชีวิตต่างๆ ก็ถูกน�ำมาวางไว้บนพื้น [618a] เบอื้ งหนา้ ของแตล่ ะคนตามลำ� ดบั บนสลาก โดยโครงรา่ งเหลา่ นน้ั มจี ำ� นวนมาก กว่าจิตวญิ ญาณซึ่งยืนกนั อยตู่ รงน้ันมาก และนนั่ ก็เปน็ เพราะวา่ มีโครงรา่ งอยู่ ทกุ ประเภท ตงั้ แตช่ วี ติ ของสตั วแ์ ตล่ ะชนดิ ไปจนถงึ วถิ ชี วี ติ มนษุ ยอ์ นั หลากหลาย และในจ�ำนวนนั้นก็มีชีวิตของทรราชอยู่หลายประเภท บ้างก็เป็นประเภทที่ เปน็ ทรราชไปจนบ้ันปลาย บ้างกพ็ งั ครืนลงมาตั้งแต่กลางทาง ต้องจมจอ่ มใน ความยากไร้ ถกู เนรเทศ จนตอ้ งเปน็ ขอทาน นอกจากนน้ั กย็ งั มชี วี ติ ของบรุ ษุ ผู้ มชี อ่ื เสยี ง บา้ งกม็ ชี อื่ เสยี งเพราะรปู แบบภายนอกและความงาม บา้ งกเ็ ปน็ เรอ่ื ง [618b] ของพละก�ำลังหรือขีดความสามารถในการแข่งขันกับคนอ่ืน และบ้างก็มีชื่อ ดว้ ยชาตกิ �ำเนดิ ด้วยความดงี ามของบรรพชน อย่างไรก็ตาม วิถีชวี ติ ซึง่ ไมไ่ ด้ มีชื่อเสียงด้วยส่ิงเหล่านี้ก็มี เช่นเดียวกันกับวิถีชีวิตของผู้หญิง ซึ่งมีให้เลือก เหมอื นกนั กระนนั้ ตวั เลอื กเหลา่ นก้ี ไ็ มไ่ ดร้ วมเรอื่ งของการบรหิ ารจดั การภายใน จติ วิญญาณเข้าไปดว้ ย เพราะถงึ อยา่ งไรความจ�ำเป็นของวถิ ีชวี ิตนั้นๆ กย็ อ่ ม ตอ้ งผลกั ดนั จติ วญิ ญาณแตล่ ะดวงใหม้ คี วามแตกตา่ งกนั ตามแตต่ วั เลอื กของ มนั อยแู่ ลว้ ตัวเลอื กเหล่านี้จะให้ส่งิ อื่นๆ นอกเหนอื จากนี้เท่านน้ั ผสมปนเป กนั ไป บา้ งรวยบ้างจน บา้ งป่วยไขบ้ ้างสุขภาพแจ่มใส แล้วก็ยงั มีสถานะอน่ื ๆ ซ่งึ อยู่กึง่ กลางระหว่างคูต่ รงข้ามเหลา่ นดี้ ว้ ยเชน่ กัน... “กลาวคอนทร่ี กั ดเู หมอื นความเสยี่ งทง้ั มวลในชวี ติ มนษุ ยน์ น้ั จะเกดิ ขน้ึ ที่ ตรงนี้นี่เอง และด้วยเหตุน้ี พวกเราแต่ละคนจึงควรต้องละท้ิงการเรียนใน สงิ่ อนื่ ๆ ไปเสยี ใหห้ มด และจะตอ้ งตระหนกั ใหไ้ ดว้ า่ เขาเกดิ มาเพอื่ เปน็ นกั แสวงหา [618c] และเปน็ นกั เรยี น ผจู้ ะรำ�่ เรยี นแตเ่ พยี งวชิ าซงึ่ สอนใหแ้ ยกแยะชวี ติ ทดี่ อี อกจาก ชวี ติ ทเ่ี ลวไดเ้ ทา่ นนั้ เพราะหากเขามอี งคค์ วามรแู้ ละความสามารถเชน่ นนั้ แลว้ เขายอ่ มสามารถเลอื กแตส่ งิ่ ทดี่ ที ส่ี ดุ ไดเ้ สมอ ไมว่ า่ สถานการณไ์ หนๆ เขาจะนำ� เอาสง่ิ ทงั้ หลายซงึ่ เราเพง่ิ พดู กนั ไปมาครนุ่ คดิ เขาจะพจิ ารณาวา่ สงิ่ เหลา่ นนั้ – 508 : รพี บั ลิก

ทงั้ แยกกนั และรวมกนั – สง่ ผลกระทบอยา่ งไรตอ่ ความดงี ามของชวี ติ บา้ ง ดงั นนั้ [618d] เขายอ่ มรไู้ ดถ้ งึ ขอ้ ดแี ละขอ้ เสยี ตา่ งๆ ของความงาม ยามมนั เจอื ดว้ ยความยากไร้ [618e] ความมง่ั คงั่ หรอื ความเคยชนิ อกี หลายๆ ลกั ษณะของจติ วญิ ญาณ นอกจากนน้ั [619a] เขายงั จะรไู้ ดถ้ งึ ผลกระทบตา่ งๆ จากการผสมปนเปกนั ของชาตกิ ำ� เนดิ – ทงั้ ดแี ละ เลว – วถิ ชี วี ติ สว่ นตวั และตำ� แหนง่ ปกครองตา่ งๆ ความแขง็ แกรง่ ความออ่ นแอ [619b] ความง่ายดายและความยากล�ำบากด้านการเรียนรู้ และอีกหลายส่ิงอย่าง ซ่ึงยึดโยงอยู่กับจิตวิญญาณ ไม่ว่าได้มาโดยธรรมชาติ หรือได้รับมาภายหลัง กต็ าม ทุกส่ิงทกุ อยา่ งดงั กล่าวน้ยี อ่ มทำ� ใหเ้ ขาสามารถหาขอ้ สรุป – ดว้ ยการ พิจารณาธรรมชาติของจิตวิญญาณโดยละเอียด – และเลือกได้ว่า อยากใช้ ชีวิตท่ีดีกว่าหรือเลวกว่ามากกว่ากัน เขาจะเรียกวิถีชีวิตอันน�ำไปสู่ความไม่ เที่ยงธรรมว่าชีวิตอันเลวร้าย และจะเรียกวิถีชีวิตอันนำ� ไปสู่ความเที่ยงธรรม ยงิ่ ขน้ึ วา่ เปน็ ชวี ติ ทดี่ กี วา่ และจะปลอ่ ยทกุ อยา่ งนอกเหนอื จากนใี้ หไ้ ปตามทาง ของมนั พวกเราเองก็ไดเ้ ห็นไปแลว้ ใช่ไหมล่ะว่า การเลือกดังกล่าวน้นั มีความ ส�ำคัญอย่างใหญ่หลวง ท้ังตอนยังมีชีวิตและหลังจากตายไปแล้ว เขาจะต้อง เดนิ ทางไปยงั ฮาดสี ดว้ ยความแนว่ แน่ มนั่ คงดจุ หนิ อาดามนั และตอ้ งหนกั แนน่ ในทศั นะดังกล่าวเสมอ จะมัวพะวงถงึ ความมัง่ มหี รือความช่ัวร้ายอนื่ ๆ ณ ท่ี แห่งนั้นไม่ได้ หาไม่แล้ว เขาอาจหลวมตัวเข้าหาทุชนาธิปไตย หรือเข้าหาวิถี ปฏิบัติอ่ืนๆ ในท�ำนองเดียวกัน ซึ่งเต็มไปด้วยความช่ัวร้ายอันมิอาจเยียวยา และจะส่งผลให้ตัวเขาเองต้องทนทุกข์ทรมานมากยิ่งข้ึนไปอีก เพื่อไม่ให้สิ่ง เหล่าน้เี กิดขน้ึ เขาจะต้องรู้วา่ จะเลือกวิถชี วี ติ หน่งึ ขนึ้ มาจากวถิ ีทางอันสดุ โตง่ เหลา่ นนั้ ไดอ้ ยา่ งไร และจะหนพี น้ จากความสดุ โตง่ ดงั กลา่ วไดอ้ ยา่ งไร เอาใหไ้ ด้ มากท่ีสดุ เทา่ ท่ีจะทำ� ได้ ทงั้ ในชีวิตน้ี และอกี ต่อๆ ไปในชวี ิตหน้า น่ีแหละคอื วิถที างที่มนุษย์จะไดพ้ บกับความสุขสมบรู ณ์อย่างเปย่ี มล้นทสี่ ุด... “ผูถ้ ือสารจากอีกโลกหนึ่งของพวกเรายังรายงานอีกด้วยว่า ปาฐกผ้นู ้ันยัง ได้กล่าวต่อไปอีก ‘ถึงแม้จะก้าวออกมาเป็นคนสุดท้าย แต่หากเขารู้จักเลือก โดยใช้ความเข้าใจ และดำ� รงชวี ติ ตอ่ ไปอย่างสตั ย์จริง ชีวติ อนั นา่ พอใจกย็ ังรอ เพลโต : 509

เขาอยู่เช่นเดียวกัน และแน่นอนว่านั่นย่อมไม่ใช่ชีวิตอันเลวร้าย ดังน้ันต่อให้ เปน็ คนแรกกอ็ ยา่ ไดเ้ ลอื กอยา่ งประมาท และคนสดุ ทา้ ยกอ็ ยา่ เพง่ิ หมดกำ� ลงั ใจ’... “เออรก์ ลา่ ววา่ เมอื่ ปาฐกผนู้ น้ั พดู จบ คนจบั สลากไดอ้ นั ดบั แรกกก็ า้ วออกมา ขา้ งหนา้ แลว้ กเ็ ลอื กวถิ ชี วี ติ ของทรราชไปในทนั ที ดว้ ยความสะเพรา่ และเปย่ี ม ด้วยความละโมบ เขาเลอื กโดยไม่ได้พิจารณาถงึ สิง่ ใดใหร้ อบคอบเลยด้วยซ้ำ� [619c] เขาจึงไม่ทันสังเกตว่า ส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตนั้น ท่ามกลางความชั่วร้ายอื่นๆ มากมาย เขาถกู โชคชะตากำ� หนดใหต้ อ้ งกลนื กนิ ลกู ๆ ของตวั เอง อยา่ งไรกต็ าม ขณะเขากำ� ลงั พจิ ารณาตวั เลอื กของตนดว้ ยความสบายใจอยนู่ นั้ เอง จๆู่ เขาก็ คอ้ นแขนทบุ อก รอ้ งไหค้ รำ�่ ครวญกบั สงิ่ ทต่ี นเพง่ิ เลอื กไป เพราะละเลยคำ� เตอื น ของปาฐกผู้น้ันแท้ๆ กระน้ันเขากลับไม่เห็นว่าความชั่วร้ายดังกล่าวเกิดจาก ความผดิ ของตวั เอง เขาโทษดวงชะตา โทษภตู ทิ ง้ั หลาย และโทษนนั่ โทษนอี่ กี มากมาย แตไ่ มเ่ คยโทษตวั เอง เขาคนนเ้ี ปน็ สมาชกิ ในกลมุ่ ทเี่ พง่ิ ลงมาจากสวรรค์ และเคยไดใ้ ชช้ วี ติ ในระบอบปกครองอนั เรยี บรอ้ ยมากอ่ น ในชวี ติ ทแี่ ลว้ เขาเคย เข้าไปมีสว่ นรว่ มกบั สงิ่ ดีงามอยู่เสมอ แตน่ ั่นก็เกดิ จากความเคยชิน ไม่ไดเ้ กิด [619d] จากความรกั ในปญั ญา อาจกลา่ วไดว้ า่ สว่ นใหญแ่ ลว้ ผทู้ ตี่ กอยใู่ นสถานการณ์ เดยี วกนั กบั คนคนนกี้ ล็ ว้ นแตเ่ ปน็ ผทู้ เ่ี พง่ิ ลงมาจากสวรรคท์ ง้ั นน้ั และดว้ ยเหตนุ ี้ พวกเขาจงึ ไมเ่ คยเผชญิ กบั ความลำ� บากลำ� บนใดๆ มากอ่ น แตส่ ำ� หรบั คนสว่ นมาก ท่ีข้ึนมาจากผืนดิน ด้วยความที่พวกเขาเคยได้พบกับความล�ำบากมาแล้ว ทั้งของตนเองและคนอื่น เม่ือถึงเวลาต้องเลือก พวกเขาจึงไม่รีบเลือกอย่าง ววู่ าม ดว้ ยเหตดุ งั กลา่ วนี้ บวกกบั โชคจากผลสลาก จติ วญิ ญาณทง้ั หลายจงึ มกั มกี ารสลบั สบั เปลย่ี นความดแี ละความชวั่ รา้ ยกนั ไปมาอยเู่ สมอ อยา่ งไรกต็ าม หากคนคนหน่ึงฝึกฝนปรัชญาอย่างถูกวิธี และบังเอิญเลขสลากของเขามิได้ [619e] รง้ั ทา้ ย เมอื่ เขาไดล้ งมาใชช้ วี ติ บนโลกกบั เราเมอ่ื ไร – หากวา่ กนั ตามขา่ วสารซงึ่ เราได้รบั มาจากโลกนัน้ – มันกเ็ ปน็ ไปได้อยา่ งมากวา่ เขาจะไมเ่ พียงไดพ้ บกับ ความสขุ สมบรู ณท์ นี่ เี่ ทา่ นน้ั แตเ่ ขายงั จะไดเ้ ดนิ ทางจากโลกนไ้ี ปยงั อกี โลกผา่ น ทางสรวงสวรรค์ ไม่ใชใ่ ต้พภิ พ ไมใ่ ชบ่ นหนทางอนั ขรขุ ระ หากแต่เปน็ หนทาง 510 : รพี บั ลกิ

อันราบเรยี บเสมอ... [620a] “เออรก์ ลา่ ววา่ ภาพของจติ วญิ ญาณหลายๆ ดวงผลดั กนั เลอื กวถิ ชี วี ติ ของ [620b] [620c] ตนน้ัน ช่างเป็นภาพอันควรค่าแก่การทัศนาเป็นอย่างยิ่ง เพราะมันช่าง น่าสงสาร น่าหัวเราะ น่าอัศจรรย์ใจ และก็น่าดูชม ส่วนใหญ่แล้ว การเลือก แต่ละคร้ังก็มักจะสอดคล้องไปกับความเคยชินของตนในชีวิตก่อนหน้า เขากล่าวว่าเขาเห็นจิตวิญญาณดวงหน่ึง ซึ่งคร้ังนึงเคยเป็นของออร์เฟอัส57 แต่ดว้ ยความเกลยี ดชังสตรีเพศ – เพราะเคยถูกพวกนางสงั หารกับมือ เขาจงึ ไมต่ อ้ งการจะเกดิ ในครรภข์ องสตรนี างใดอกี – เขาจงึ เลอื กชวี ติ ของพญาหงส์ เออรย์ งั เห็นจติ วญิ ญาณของธามิรสิ 58เลอื กชวี ิตของเจ้านกไนติงเกล และเหน็ หงสต์ วั หนงึ่ เลอื กเปลยี่ นชวี ติ ไปเปน็ มนษุ ย์ รวมถงึ สตั วอ์ น่ื ๆ ซง่ึ มดี นตรใี นหวั ใจ ก็ล้วนแต่เลือกเช่นเดียวกันน้ี จิตวิญญาณหมายเลขยี่สิบเลือกชีวิตของสิงโต และนั่นก็คือจิตวิญญาณของอาแจ็คส์ บุตรแห่งเทลามอน เขาหลีกเล่ียงการ ต้องกลับไปเป็นมนุษย์ ด้วยเหตุที่ยังจดจ�ำค�ำตัดสินแห่งชุดเกราะเหล่าน้ันได้ เสมอ59 ถดั จากเขา เปน็ จติ วญิ ญาณของอากาเมมนอน ผเู้ กลยี ดชงั มวลมนษุ ย์ ไม่แพ้กัน เพราะเคยต้องรับความทรมานอย่างสาหัสมาก่อน60 ด้วยเหตุนี้ เขาจงึ เลอื กเปลยี่ นชวี ติ ของตนไปเปน็ พญาอนิ ทรี จติ วญิ ญาณของอาตาลนั ตา61 จบั สลากไดห้ มายเลขชว่ งกลางๆ นางเหน็ เกยี รตยิ ศอนั ยงิ่ ใหญภ่ ายในชวี ติ ของ บุรษุ นกั กรีฑาคนหน่งึ เข้า จงึ มิอาจปลอ่ ยมันผา่ นไปได้ และสุดทา้ ยกเ็ ลอื กวถิ ี ชีวติ นน้ั ตอ่ จากจิตวิญญาณของนาง เออร์กไ็ ดเ้ ห็นจติ วิญญาณของเอเพอัส62 บตุ รแห่งพาโนเพอัส เลือกรับเอาธรรมชาติของสตรชี ่างศิลปน์ างหนงึ่ และใน จ�ำนวนสลากล�ำดับท้ายๆ เขาเห็นจิตวิญญาณของเธร์ซิตีส ตัวตลก แต่งตัว เป็นวานร63 ทว่าโชคชะตาก็บันดาลให้สลากหมายเลขสุดท้ายตกเป็นของจิต วญิ ญาณของโอดสิ ซอิ สั เขาไดเ้ ลอื กเปน็ คนสดุ ทา้ ย และยงั จำ� ความลำ� บากชว่ ง กอ่ นหนา้ นน้ั ของตวั เองได้ ดว้ ยเหตนุ ี้ เขาจงึ หายขาดจากความรกั ในเกยี รตยิ ศไป เสยี สน้ิ เขาเดนิ วนไปมาอยพู่ กั ใหญ่ เพอื่ มองหาชวี ติ ของปจั เจกบรุ ษุ สกั คนหนงึ่ ซงึ่ สนใจแตธ่ รุ ะของตนเทา่ นน้ั 64 และดว้ ยความยากเยน็ เขากพ็ บเขา้ กบั ชวี ติ หนง่ึ เพลโต : 511

[620d] วางทง้ิ ไวเ้ ดยี วดาย คนอนื่ ๆ ไมเ่ คยหนั ไปสนใจมนั เมอ่ื ไดพ้ บชวี ติ นนั้ เขากก็ ลา่ ว วา่ ตอ่ ใหเ้ ขาจบั สลากไดเ้ ลอื กเปน็ คนแรก เขากย็ งั จะทำ� เชน่ เดมิ เขายนิ ดเี หลอื เกนิ ทไี่ ดเ้ ลอื กชวี ติ นน้ั สตั วอ์ นื่ ๆ อกี หลายตวั บา้ งกเ็ ลอื กเปลย่ี นชวี ติ เปน็ มนษุ ย์ บา้ งกเ็ ปลยี่ นเปน็ สตั วช์ นดิ อน่ื ๆ คลา้ ยกนั กบั มนษุ ย์ คนไมเ่ ทย่ี งธรรมบางคนก็ เปลย่ี นเปน็ สตั วอ์ นั ดรุ า้ ย และคนเทย่ี งธรรมบางคนกเ็ ปลยี่ นเปน็ สตั วอ์ นั เชอ่ื งเชอ่ื ผสมปนเปกันไปมาอยทู่ กุ ประเภท... “เมอ่ื จติ วญิ ญาณทกุ ดวงไดเ้ ลอื กชวี ติ ของตนตามลำ� ดบั ในสลากทจ่ี บั ไดแ้ ลว้ พวกเขาก็เดนิ ตรงตอ่ ไปยงั เทพีลาเคสสิ แตล่ ะคนจะได้รบั ภูตผิ ้พู ทิ กั ษช์ ีวิตคน [620e] ละหนง่ึ ตนจากนาง โดยภตู เิ หลา่ นจ้ี ะทำ� หนา้ ทเี่ ตมิ เตม็ วถิ ชี วี ติ ซงึ่ คนแตล่ ะคน ไดเ้ ลือกไว้ อนั ดบั แรก ภตู ิจะนำ� พาจิตวิญญาณไปยงั เทพโี คลโธ ไปอย่ใู ตห้ ัตถ์ ของนาง–ขณะนางกำ� ลงั หมนุ กระสวยโคจร–เพอ่ื ยนื ยนั โชคชะตาทท่ี ง้ั สลากและ ตวั เลอื กของตนกำ� ลงั จะนำ� มาให้ ตอ่ มา หลงั จากไดร้ บั สมั ผสั จากนางแลว้ ภตู กิ ็ จะน�ำทางต่อไปยังการหมุนในฝั่งของเทพีอาโทรพัส เพ่ือบันดาลให้เส้นใย แห่งโชคชะตาเหล่าน้ันมิอาจย้อนคืนได้อีก65จากจุดนั้น โดยไม่หันหลังกลับ [621a] พวกเขาเดินทางต่อไป และลอดใต้บัลลังก์ของเทพีแห่งความจ�ำเป็น กระท่ัง ผ่านมาได้จนครบจ�ำนวนคนแล้ว พวกเขาจึงเดินทางต่อไปจนผ่านพ้นท่ีราบ แหง่ เลเธ66 ซง่ึ ร้อนอบอา้ วอย่างนา่ สะพรึง ไมป่ รากฏตน้ ไมห้ รือพชื บนผนื ดนิ ชนดิ ใดเตบิ โตขนึ้ ไดท้ นี่ นั่ ยามสนธยาใกลม้ าเยอื น พวกเขาจงึ ตงั้ คา่ ยพกั แรมขนึ้ รมิ แม่น้�ำแหง่ ความประมาท โดยน้ำ� ในแม่น�ำ้ สายนนั้ ไมม่ ีภาชนะใดรองรบั นำ้� จากมนั ได้ อยา่ งไรเสยี ความจำ� เปน็ ก็ผลักดันใหพ้ วกเขาตอ้ งดืม่ น�้ำจากแม่น�ำ้ โดยต้องดื่มกันแต่ในปริมาณพอควรเท่านั้น ทว่าบรรดาผู้ไร้ปฏิภาณหาได้ท�ำ เชน่ นนั้ ไม่ พวกเขากลบั ดมื่ เขา้ ไปมากจนเกนิ ขนาด และนนั่ กท็ ำ� ใหพ้ วกเขาลมื [621b] ทกุ สงิ่ ทกุ อยา่ งไปเสยี สนิ้ และผลอ็ ยหลบั ไปจนเทย่ี งคนื อสนุ บี าตเกดิ ฟาดเปรยี้ ง ตามมาด้วยแผน่ ดนิ ไหว และในบดั ดล ทุกๆ คนลว้ นถูกกวาดไปจากตรงน้ัน หายไปคนละทศิ ละทาง – ดจุ ฝนดาวตก – เพอ่ื ไปจตุ ติ ามวถิ ที างของตน และถงึ แมว้ า่ ตวั เขาเองจะไมไ่ ดร้ บั อนญุ าตใหด้ มื่ นำ้� จากแมน่ ำ้� นน่ั แตเ่ ออรก์ ลบั จำ� ไมไ่ ด้ 512 : รพี บั ลกิ

วา่ เขากลบั คนื สรู่ า่ งของเขาไดอ้ ยา่ งไรและมาทางไหน จๆู่ การมองเหน็ ของเขา [621c] ก็ฟนื้ คืนมา เขามองเห็นว่านั่นเปน็ ยามอรณุ รุ่ง และเขาก็กำ� ลังนอนอยู่บนเชิง [621d] ตะกอน... “ดว้ ยเหตนุ ล้ี ะ่ กลาวคอน ตำ� นานของเขาถงึ ยงั ถกู เกบ็ รกั ษาไวไ้ ด้ ไมส่ ญู หาย ไปไหน และหากมันโน้มน้าวให้เราเห็นตามได้ มันก็ย่อมคุ้มครองพวกเราได้ ดว้ ยเชน่ กนั เราจะตอ้ งขา้ มแมน่ ำ้� แหง่ เลเธกนั ใหด้ ๆี และอยา่ ไดส้ รา้ งมลทนิ ให้ แกจ่ ติ วญิ ญาณเปน็ อนั ขาด แตถ่ า้ พวกเราในทน่ี ยี้ งั ไมย่ อมใหข้ า้ ฯ โนม้ นา้ วใหเ้ หน็ ตามได้ – วา่ จติ วญิ ญาณนน้ั เปน็ อมตะ และสามารถพอจะรองรบั ทกุ ความดแี ละ ความชว่ั รา้ ยเอาไว้ได้ – ก็ขอใหพ้ วกเราทุกคนยดึ ม่ันในหนทางเบ้ืองบนเอาไว้ และปฏบิ ตั ติ นเทย่ี งธรรมดว้ ยปฏภิ าณเสมอ ไมว่ า่ ในสถานการณใ์ ดกต็ าม เพอื่ วา่ เราจะไดเ้ ปน็ มติ รกบั ตวั ของเราเอง และกบั ทวยเทพเจา้ ขณะเรายงั ดำ� รงชพี อยู่ ตรงน้ี และหลงั จากนนั้ – เชน่ เดยี วกบั เหลา่ ผมู้ ชี ยั ในการแขง่ ขนั เดนิ ทางไปทว่ั เพอ่ื รบั รางวลั พวกเรากจ็ ะไดเ้ กบ็ เกยี่ วรางวลั ตอบแทนของเราเองดว้ ยเชน่ กนั ดงั นั้น ทั้งในทตี่ รงนี้ และในการเดินทางอีกพนั ปที เี่ ราไดพ้ รรณนาไว้ ขา้ ฯ ขอ ให้พวกเราจงสขุ สวสั ดี”67 เพลโต : 513



เชิงอรรถ เลม่ 1 1.  ในปจั จบุ นั เราแบง่ Republic ของเพลโต ตามตวั อกั ษรไดว้ า่ “ระบอบการปกครอง”) จงึ (Plato) เปน็ 10 “เลม่ ” เพราะตน้ ฉบบั ทเ่ี หลอื นับว่าเป็นหลักฐานช้ินส�ำคัญท่ีช่วยให้เรา มาถงึ ทกุ วนั น้ี เขยี นบนกระดาษปาปริ สั แยก สามารถศึกษาโลกทัศน์ของโสคราตีสผ่าน เปน็ มว้ นๆ10มว้ นกระนน้ั ยงั ไมม่ ขี อ้ มลู แนช่ ดั ความคดิ ของเพลโต หรอื แมแ้ ตใ่ นทางกลบั กนั วา่ เพลโตตอ้ งการแบง่ ออกเปน็ 10 เลม่ อยา่ งที่ เปน็ ในปจั จบุ นั หรอื ไม่ เพราะเปน็ ไปไดว้ า่ การ 3.  เพเรอสั (Piraeus) เปน็ เมอื งทา่ สำ� คญั ของ แบง่ เปน็ 10 มว้ น/เลม่ อาจเกดิ โดยการลำ� ดบั เอเธนส์ ในชว่ งปี 410 กอ่ นครสิ ตกาล เมอื งนี้ ข้ึนใหมข่ องผ้เู รียบเรียงบางคนในภายหลัง ถือเป็นฐานท่ีมั่นของระบอบการเมืองแบบ ประชาธปิ ไตยในหว้ งเวลาทกี่ รงุ เอเธนสถ์ กู ยดึ 2.  โดยทวั่ ไปเพลโตจะเขยี นงานของเขาในรปู ครองโดยเผดจ็ การของสปารต์ า ดงั นนั้ การที่ บทสนทนา (dialogue) ระหว่างโสคราตีส เพลโตเลือกเมืองน้ีเป็นฉากหลัง จึงส่อนัย (ผเู้ ปน็ อาจารยข์ องเพลโต) กบั ตวั ละครอน่ื ๆ ถงึ คำ� ถามซอ่ นเรน้ ภายในบทสนทนาชนิ้ นวี้ า่ หากมงี านเพยี งบางชน้ิ ทก่ี ำ� หนดใหโ้ สคราตสี “ประชาธิปไตยท่ีแท้นั้นมีคุณค่าแค่ไหน?” เป็นทั้งสรรพนามบุรุษท่ีหนึ่งและผู้เล่าเร่ือง เพราะชาวเพเรอสั ตา่ งกไ็ ดต้ อ่ สู้ และลม้ ตายไป โดยหนึ่งในน้ันได้แก่บทสนทนา Republic เพื่อปกป้องมันจากการรุกรานของสปาร์ตา ซงึ่ เรยี กวธิ กี ารดงั กลา่ ววา่ internal narrative นอกจากน้ี เพเรอัสยังเป็นเมืองท่าส�ำคัญ หรอื “การเลา่ เรอื่ งจากภายใน” อนั หมายถงึ ประชากรในเมอื งจงึ มคี วามหลากหลายทาง การที่ผู้เล่าเป็นหนึ่งในตัวละครของเร่ืองท่ี เชื้อชาต-ิ ชนชาติ ตัวละครในบทสนทนาโดย ตนเล่า วิธีการนี้ท�ำให้เราได้เห็นกระบวน มากมกั เปน็ คนตา่ งถนิ่ ทเี่ ดนิ ทางผา่ น หรอื มา การคดิ บคุ ลกิ ภาพ และการมองโลกของผเู้ ลา่ ตงั้ รกรากในเมอื งนที้ ง้ั สน้ิ การเลือกเพเรอสั ในปจั จบุ นั เรอ่ื งราวเกยี่ วกบั ตวั ของโสคราตสี เปน็ ฉากหลงั จงึ สอ่ ความถงึ คำ� ถามอกี ขอ้ ทว่ี า่ โดยมากอ้างอิงมาจากงานเขียนของเพลโต “ความหลากหลายนนั้ จำ� เปน็ ตอ่ การเปน็ เมอื ง เกือบทง้ั ส้นิ เพราะโสคราตีสไม่ได้ประพนั ธ์ ทดี่ ีใช่หรือไม่?” หนงั สอื ใดๆ เอาไวเ้ ลย (หรอื หากเคยกน็ า่ จะ สาบสญู ไปหมดแลว้ ) ผลงานขนาดยาวเร่ือง 4.  กลาวคอน (Glaucon) เปน็ พช่ี ายแทๆ้ ของ Republic หรอื Πολιτεία (/Politeia/; แปล เพลโตมอี ายมุ ากกวา่ 15–20ปีทง้ั คเู่ ปน็ บตุ ร เพลโต : 515

ของอรสิ ตอน (Ariston) กบั นางเพรคิ ทโิ อเน ชมุ นมุ ของประชาชนไดใ้ นกรณใี ดบา้ ง เปน็ ตน้ (Periktione) นอกจากนี้เพลโตยังมีพ่ีชาย นอกจากน้ี คำ� หยอกลอ้ นข้ี องโพเลมารค์ สั ยงั อีกคนชอ่ื อเดมนั ทสั (Adeimantus) ซ่ึงอยู่ มคี วามยอ้ นแยง้ ในตวั ของมนั เอง เนอื่ งเพราะ ในบทสนทนาเลม่ นดี้ ้วยเช่นกนั ในปี 404 กอ่ นครสิ ตกาล โพเลมารค์ สั ไดถ้ กู รฐั บาลสปารต์ าใชก้ ำ� ลงั เขา้ จบั กมุ และตดั สนิ 5.  เราร้จู าก 354a ว่า เทพอี งค์น้มี ีนามวา่ โทษประหารชีวิต เบนดสิ (Bendis) ซงึ่ เปน็ เทพที ชี่ าวธราเคยี น นำ� เข้ามายงั เมอื งเพเรอสั 9.  ลสิ อิ สั (Lysias) เปน็ นกั พดู คนหนง่ึ ทม่ี สี ว่ น ในการล้มล้างระบบเผด็จการของสปาร์ตา 6.  ธราเคียน (Thracian) เปน็ ชอื่ ทชี่ าวกรีก และสถาปนาประชาธิปไตยขน้ึ มาอกี คร้ัง โบราณใชเ้ รยี กดนิ แดนทใี่ นปจั จบุ นั เปน็ ยโุ รป ตอนกลางและตอนใต้ท่ีเป็นที่อยู่อาศัยของ 10.  ธราซมิ าคสั (Thrasymachus) เปน็ หนง่ึ ชาวธราเคยี นทม่ี ภี าษาสอ่ื สารเปน็ ของตวั เอง ในอาจารย์สอนกลยุทธ์การพูดโน้มน้าว ทางการเมืองและทางกฎหมาย หรือที่เรา 7.  โพเลมารค์ สั (Polemarchus) ชาวเพเรอสั เรียกกันวา่ พวก “โซฟสิ ท”์ (sophist) ผู้เกดิ ในตระกลู มั่งคั่งร่ำ� รวย ที่มีประวตั ชิ วี ติ น่าสนใจวา่ เขาไดต้ อ้ งโทษประหารชีวติ โดย 11.  เคฟาลสั (Cephalus) เศรษฐีผรู้ ำ�่ รวย คณะปกครองแบบเผดจ็ การคณาธปิ ไตยเมอื่ จากการค้าอาวุธแถบเอเธนส์ เดิมเป็นชาว ปี 404 กอ่ นครสิ ตกาล ซงึ่ เปน็ ปที เี่ อเธนสเ์ พงิ่ ซูราโคซาย (Syrakousai ปัจจบุ นั ออกเสียง พา่ ยแพส้ งคราม และทหารสปารต์ าไดเ้ ขา้ มา เป็นภาษาอิตาเลียนว่า ‘ซิราคูซ่า’) ซ่ึงเป็น ปกครองแทนทร่ี ะบอบประชาธปิ ไตย การน�ำ เมอื งท่าเลก็ ๆ ทางตะวันออกของเกาะซซิ ลิ ี ตัวละครโพเลมาร์คัสมาใช้ในบทสนทนานี้ (Sicily) เขามีบุตรชาย 3 คน และบุตรสาว จึงเป็นการตอกย้�ำค�ำถามส�ำคัญในใจของ 1 คน โดยบตุ รชายทง้ั สามคนคอื โพเลมารค์ สั เพลโตที่ว่าประชาธิปไตยน้ันมีคุณค่าเพียง ลสิ อิ สั และยธู เิ ดมสั ตา่ งกเ็ วยี นมาปรากฏตวั พอให้เราต่อสเู้ พือ่ มันหรือไม่? ในบทสนทนาเลม่ นีด้ ้วยกันทง้ั ส้ิน 8.  แมโ้ พเลมารค์ สั จะกลา่ วในเชงิ ลอ้ เลน่ กบั 12.  เป็นส�ำนวนท่ีพบในงานของโฮเมอร์ โสคราตีส แต่ค�ำพูดของเขาก็ส่อความถึง การก้าวพ้น “ธรณปี ระตูแห่งความชรา” คือ ค�ำถามทางการเมืองอย่างหนึ่งที่ปรากฏอยู่ การกา้ วเทา้ สปู่ ระตแู หง่ ความตาย คำ� ถามนี้ เนอื งๆ ในบทสนทนาเลม่ นก้ี ค็ อื “การใชก้ ำ� ลงั ของโสคราตสี มลี กั ษณะไปในทาง “หยาบคาย” ของคนกลมุ่ หนงึ่ เขา้ บงั คบั คนอกี กลมุ่ หนง่ึ นน้ั และทา้ ทายตอ่ ขนบทางสงั คม ใน Apologia เปน็ สงิ่ ทมี่ คี วามถกู ตอ้ งมากนอ้ ยแคไ่ หน” เชน่ ซึ่งเป็นวาทะแก้คดีของโสคราตีส เขาได้ รฐั บาลควรใช้กำ� ลังเข้าจบั กมุ หรอื สลายการ เปรียบตวั เองว่าเป็นเสมือน “ตวั เหลอื บ” ท่ี 516 : รีพบั ลิก

คอยตอมไต่ไปรอบๆ ม้า ม้าจึงต้องต่ืนอยู่ 17.  พนิ ดารสั (Pindarus) หรอื ทเี่ รารจู้ กั กนั ตลอด พยายามปดั ปา่ ยสา่ ยหางไมใ่ หถ้ กู ดดู ในชื่อ พินดาร์ (Pindar) กวีผู้โด่งดังจาก เลอื ดไดง้ า่ ยๆ (Apologia, 30e) โสคราตสี เมืองธีบส์ เป็นหนึ่งในเก้ามหากวีท่ีมีชีวิต มองว่านกั ปรชั ญากเ็ ปน็ เชน่ นี้ เขามหี นา้ ทตี่ ง้ั อยใู่ นชว่ งปี 522 – 443 กอ่ นครสิ ตกาล คำ� ถามตอ่ สงิ่ ทงั้ หลาย เพอ่ื คอยกระตนุ้ ไมใ่ ห้ คนตกอยู่ในสภาพเฉื่อยชาทางความคิด 18.  “สทุ ธธิ รรม” ถอดความจากคำ� วา่ ὅσιος ไม่ปล่อยตัวไปกับกระแสสังคมเพียงเพราะ (/hosios/) สุทธิธรรมเป็นความดีงามชนิด เปน็ ความเหน็ ของคนหมมู่ าก มนษุ ยจ์ ำ� ตอ้ ง หน่ึงในสมัยกรีกโบราณ โดยท่ัวไปหมายถึง ส�ำรวจตรวจสอบความคิดตนเองอยู่เสมอ หน้าท่ีรับผิดชอบที่มนุษย์มีต่อส่ิงศักด์ิสิทธ์ิ เพราะ “ชวี ติ ทไ่ี รก้ ารตรวจสอบ ยอ่ มเปน็ ชวี ติ ทงั้ หลาย เพลโตเขยี นถงึ หวั ขอ้ นโี้ ดยละเอยี ด ท่หี าคุณคา่ มไิ ด”้ (Apologia, 38a) ในบทสนทนาช่อื Euthyphro 13.  โซโฟคลสี (Sophocles;ราวปี496–406 19.  กวีบทน้ีหลงเหลือมาถึงปัจจุบันเพียง กอ่ นครสิ ตกาล)ผปู้ ระพนั ธบ์ ทละคร Oedipus บางส่วนเทา่ นัน้ the King หรอื “อดิ ปิ สุ จอมราชนั ย”์ 20.   “ความเทยี่ งธรรม” และ “ความไมเ่ ทย่ี ง 14.  เธมิสโทคลีส (Themistocles) แม่ทพั ธรรม” เปน็ ประเดน็ หลกั ในเลม่ นี้ และนเี่ ปน็ และผู้น�ำทางการเมืองของชาวเอเธนส์ยุค ครง้ั แรกทม่ี กี ารกล่าวถึง “ความเทยี่ งธรรม” ประชาธปิ ไตย มชี วี ติ อยใู่ นชว่ งปี 524 – 459 โดยเราจะเห็นว่าเคฟาลัสเอ่ยถึงค�ำว่า “ผู้ไร้ กอ่ นคริสตกาล ความเท่ียงธรรม” ข้ึนมาโดยบังเอิญเท่าน้ัน แต่ความบงั เอญิ ครง้ั นกี้ ส็ ง่ ผลเปน็ หว่ งโซข่ อง 15.  ในสมยั โบราณ เอเธนสเ์ ปน็ เมอื งทม่ี ชี อื่ เหตกุ ารณต์ อ่ ๆ มาทที่ ำ� ให้ “ความเทยี่ งธรรม” ด้านศิลปะแทบทุกแขนง ใครได้เดินทางมา กลายมาเป็นแกนเร่ืองหลักในท่ีสุด ค�ำว่า ศกึ ษาทน่ี กี่ จ็ ะดดู มี หี นา้ ตามตี าในสงั คม สว่ น “ความเท่ียงธรรม” ในหนังสือเล่มนี้แปลมา เซรฟิ ัสเป็นเพยี งแคเ่ กาะเล็กๆ เกาะหนึ่งใน จากค�ำวา่ δικαιοσύνη (/dikaiosynē/) ซึ่ง ทะเลอีเจยี นเทา่ นั้น ภาษาองั กฤษมกั แปลวา่ justice กระนน้ั คำ� วา่ δικαιοσύνη นน้ั มคี วามหมายทคี่ อ่ นไปทาง 16. ฮาดสี (Άδης; /Hadēs/) หรอื Hades ของจริยธรรมมากกว่าด้านท่ีเป็นกฎหมาย เทพผดู้ แู ลปรภพ เปน็ บตุ รคนโตของโครนอส กลา่ วคอื เปน็ เครอ่ื งบง่ ชี้ “การกระทำ� ในสงิ่ ท่ี (Kronos) กบั เรอา (Rhea) ชาวกรกี ใชช้ อ่ื ของ ถูกตอ้ ง” หรือ “การใชช้ ีวิตอยา่ งถกู ตอ้ ง” ท้ัง ฮาดสี เปน็ บคุ ลาธษิ ฐานของนรก ในเลม่ นจี้ ะ ในระดบั บคุ คลและระดบั สงั คม การกลา่ วถงึ ใชท้ งั้ คำ� วา่ “นรก” กบั “ฮาดสี ” ไปตามบรบิ ท “คนเที่ยงธรรม” จึงหมายถึงผู้ที่รู้จักใช้ชีวิต อย่างถูกต้องท�ำนองครองธรรม และกอปร เพลโต : 517

ดว้ ยความดงี ามตา่ งๆ อยา่ งครบถว้ น ในเลม่ น้ี 22.  ซโิ มนดิ สี (Simonides; 556 – 468 ปี เพลโตพยายามอธิบายว่าความเที่ยงธรรม กอ่ นครสิ ตกาล) หนง่ึ ในเกา้ ของมหากวผี เู้ ปน็ นั้นส�ำคัญต่อนักปรัชญาอย่างไร และมันจะ คู่แขง่ คนส�ำคัญของพนิ ดารัส น�ำเราไปสู่ความสำ� เร็จของชวี ิตได้อยา่ งไร 23.  เน่ืองจากผลงานของซิโมนิดีสหลง 21.  คำ� ถามทเ่ี ปน็ แกนสำ� คญั ในปรชั ญาของ เหลือมาถึงมือเราน้อยมาก เราจึงไม่ทราบ เพลโตกค็ อื “สงิ่ นคี้ อื อะไร” เชน่ ความรกั คอื แนช่ ดั วา่ ขอ้ ความนป้ี รากฏอยใู่ นบทกวบี ทใด อะไร ความเทยี่ งธรรมคอื อะไร ฯลฯ การทเี่ รา จะถามใครสักคนอย่างจริงจังว่า “ส่ิงน้ีคือ 24.  คำ� วา่ “ศลิ ปะเฉพาะทาง” หรอื “ศลิ ปะ” อะไร” เรายอ่ มถามมนั โดยวางอยบู่ นพนื้ ฐาน แปลมาจากค�ำกรีกว่า τέχνη (/tekhnē/; ที่ว่าสิ่งส่ิงน้ันด�ำรงอยู่จริง และเม่ือสิ่งน้ันๆ /เทคเน/่ ) เปน็ รากศพั ทข์ องคำ� วา่ technique ดำ� รงอยจู่ รงิ คำ� ตอบทถี่ กู ตอ้ งทสี่ ดุ ของคำ� ถาม หรือ technology อย่างไรก็ตาม ค�ำว่า วา่ “สงิ่ นคี้ อื อะไร”กย็ อ่ มตอ้ งเปน็ “นยิ าม”หรอื “เทคเน่” นี้มีความหมายคล้ายคลึงกับคำ� “ค�ำจ�ำกัดความ” อันเป็นสากลของส่ิงนั้นๆ ที่เราใช้เรียกสถาบันการศึกษาสายวิชาชีพ กล่าวคือ สำ� หรับเพลโตแลว้ คำ� จ�ำกัดความ วา่ “โรงเรียนเทคนิค” อนั เป็นสถานทฝี่ กึ หดั ของส่ิงหนึง่ ๆ ย่อมมีเพยี งหน่งึ เดียว แต่ต้อง “อาชพี ” และ “ความชำ� นาญเฉพาะทาง” แม้ สามารถครอบคลุมถึงความหลากหลาย กระนน้ั ค�ำวา่ τέχνη กก็ นิ ความหมายไปไกล ในรูปลักษณ์ของสิ่งนั้นๆ ได้หมด เช่น กวา่ “เทคนคิ ฯ” ทเ่ี รารจู้ กั เพราะมนั ไดห้ มาย ค�ำจ�ำกัดความอันเป็นสากลของเก้าอ้ีย่อม รวมไปถึง “ชุดของหลักการและวิธีการ” มีอยู่หนึ่งเดียว แต่ค�ำจ�ำกัดความนี้ต้อง อนั จะนำ� พาเราไปสเู่ ปา้ หมายทตี่ งั้ ไว้ ผา่ นการ ครอบคลมุ ถงึ ลกั ษณะทแ่ี ตกตา่ งหลากหลาย เรยี นและการปฏิบัติ เชน่ การจะเป็นแพทย์ ของเกา้ อที้ กุ ตวั ในโลกไดห้ มด เปน็ ตน้ การจะ ไดน้ น้ั เราตอ้ งเรยี นรหู้ ลกั การและฝกึ ปฏบิ ตั ิ หาค�ำจ�ำกัดความของสิ่งสิ่งหนึ่งจึงไม่ใช่ “เทคเน่” ของแพทย์ เพอื่ ไปถึงเป้าหมายใน เร่ืองง่าย มันจ�ำเป็นผา่ นการตง้ั คำ� ถาม การ การเปน็ แพทย์ ดงั นนั้ คำ� วา่ “เทคเน”่ จงึ อาจ สนทนาแลกเปล่ียน การเสนอและหักล้าง นำ� มาผสมรวมกบั คำ� อนื่ ๆอกี หลายคำ� เพอ่ื สอ่ื ตรรกะของกนั และกนั ฯลฯ เพ่อื ใหไ้ ดม้ าซ่งึ ความหมายในท�ำนองน้ี เช่น “ศลิ ปะการรบั ค�ำจ�ำกัดความอันเป็นสากลของสิ่งสิ่งหนึ่ง ค่าแรง” อันเป็นค�ำที่เข้าใจว่าโสคราตีส โดยทวั่ ไปแลว้ ในบทสนทนาของเพลโต มกั มี ประดิษฐ์ข้ึนใหม่ใน 346b ในท่ีนี้ผู้แปล การสืบหาค�ำจ�ำกัดความของส่ิงต่างๆ ท่ีมี เลอื กแปลคำ� วา่ “เทคเน”่ เปน็ “ศลิ ปะ” แทน ความแตกตา่ งกนั ไป เชน่ ในบทสนทนาเลม่ นี้ คำ� ว่า “อาชีพ” เพราะ “ศลิ ปะ” นนั้ สามารถ ประเด็นใหญ่ของเรื่องก็คือการสืบหาค�ำ สอ่ื ถงึ “ชดุ ของหลกั การและการปฏบิ ตั ”ิ ทตี่ า่ ง จำ� กดั ความของความเท่ียงธรรม จากค�ำว่า “อาชีพ” ซ่ึงส่ือไปในทางของ “สถานะทางสังคม” มากกว่า 518 : รีพบั ลิก

25.  “หมากรกุ ”ในทนี ้ีแปลจากคำ� วา่ πεττεία ของสงั คม ซง่ึ ตรงขา้ มกบั คนสว่ นนอ้ ย เพลโต (/petteia/) ซึ่งวิธีการเล่นของมันจริงๆ ไม่ชอบทัศนะของคนหมู่มาก เพราะทัศนะ เหมอื นกบั หมากฮอสบวกกบั หมากลอ้ มหรอื ของคนหมมู่ ากมกั เปน็ สง่ิ ทย่ี ดึ ถอื ตามๆ กนั มา โกะมากกว่า คือเล่นบนกระดานส่ีเหลี่ยม โดยไมผ่ า่ นการตรวจสอบ กลา่ วคอื คนหมมู่ าก ตีตาราง 8x8 แต่ละฝ่ายจะมีเบ้ียวางเรียง มักมองแต่เปลือกนอกเท่านั้น ไม่ใช้ตรรกะ กันคนละ 8 ตวั ฝา่ ยหนงึ่ สขี าว อกี ฝ่ายสีด�ำ ครนุ่ คิดพจิ ารณาลงไปขา้ งใน ดังนัน้ ส�ำหรบั ผลัดกันเดินหมากเพ่ือกินเบ้ียของอีกฝ่าย เพลโต ทศั นะของคนจำ� นวนนอ้ ย (ทรี่ จู้ กั คดิ ) โดยการขนาบ 2 ดา้ นของเบย้ี ผแู้ ปลใชค้ ำ� วา่ ยอ่ มส�ำคญั กวา่ ทศั นะของคนหมู่มาก (ท่ีมัก “หมากรุก” เพื่อให้เข้ากับบริบทในปัจจุบัน ไมร่ จู้ กั คดิ ) และนกั ปรชั ญากเ็ ปน็ คนสว่ นนอ้ ย นอกจากนน้ั เพลโตยงั ใชล้ กั ษณะการผลดั กนั เสมอ เพราะนักปรัชญาพิจารณาความจริง เดินหมากเป็นสัญลักษณ์แทนการสนทนา ตามท่ีเป็น แมว้ า่ จะสร้างเจ็บปวดให้กต็ าม แลกเปล่ียน หรือ วิภาษวธิ ี อีกดว้ ย 29.  ค�ำท่ีเก่ียวกับ “ความดี” ในเล่มน้ีมีอยู่ 26.  ไลร์ (lyre) เป็นเครื่องดนตรีประเภท ดว้ ยกนั 2 คำ� หลกั คอื ἀγαθός (/agathos/) เครอ่ื งสายชนดิ หนงึ่ ในยคุ กรกี โบราณ มแี ขน กบั ἀρετή (/aretē/) เพอื่ ความเขา้ ใจ ลอง สองข้างยึดกับกล่องเสียง ระหว่างแขนทั้ง พจิ ารณาประโยคค�ำถาม 2 ประโยคน้:ี สองขึงสายสำ� หรบั ดีด 1) มนั เปน็ มีดทดี่ ไี หม? 27.  มาจากมหากาพย์ Odyssey เล่ม 19 2) มดี เล่มน้ใี ช้ยังไงด?ี อาวโทลิคัส (Autolycus) เป็นคนร้อยเล่ห์ ช่ือของเขาแปลตามตัวอักษรได้ว่า “ตัวตน คำ� วา่ “ด”ี จากทง้ั 2 ประโยคน้ี มคี วามหมาย แหง่ หมาปา่ ”อนงึ่ ควรทราบดว้ ยวา่ โอดสิ ซอิ สั ตา่ งกนั เลก็ นอ้ ย คำ� วา่ “ด”ี ในประโยคแรกมี ตวั เอกของมหากาพย์ Odysseus มกั ถกู นำ� ความหมายบ่งช้ีไปทาง “คุณภาพ” ของมีด มาเป็นตัวแทนของบุรุษผมู้ ปี ญั ญา ตรงขา้ ม กลา่ วคอื มนั บง่ ชวี้ า่ มดี แตล่ ะเลม่ นนั้ มคี วามดี กับอาคิลลีส ตวั เอกจากมหากาพย์ Iliad ที่ โดยตัวของมนั เอง มีดทีด่ ีท่สี ุดย่อมหมายถึง เปน็ ตวั แทนของผใู้ ชอ้ ารมณ์ (เพราะเรอ่ื งราว มดี ทเ่ี ขา้ ใกลค้ วามดขี องมดี มากทสี่ ดุ คำ� วา่ ดี ในมหากาพย์Iliadนนั้ เรม่ิ ตน้ จาก“ความพโิ รธ ในความหมายแรกนี้ เมอื่ นำ� มาใช้กบั มนษุ ย์ ของอาคลิ ลสี ” และจบลงเมอ่ื ความพโิ รธของ ย่อมกินความหมายกว้างกว่านัยยะด้าน เขาหมดส้ินลง) จรยิ ธรรมมาก เพราะ “คนดี” สมบรู ณ์แบบ ย่อมหมายถึง “คนดีที่เข้าใกล้ความเป็นคน 28.  “คนหมมู่ าก”หรอื “คนจำ� นวนมาก”แปล มากทสี่ ดุ ” คำ� วา่ ἀγαθός (/agathos/) แปล จาก οἱ πολλοί (/hoi polloi/) สำ� หรบั เพลโต เปน็ “คณุ ความด”ี และ “ความด”ี (เชน่ คำ� ถาม “คนหมมู่ าก” เปน็ เหมอื น “ชว่ งชน้ั ” แบบหนงึ่ ของโสคราตสี ใน 330d เปน็ ตน้ ) สว่ นคำ� วา่ เพลโต : 519

ดี ในประโยคที่ 2 มีความหมายบ่งช้ีไปถึง ความดีงามแบบหนึ่ง ดังนั้นโสคราตีสจึง “หน้าที่” ของสิ่งส่ิงหน่ึง หรือคนคนหนึ่ง อาจเรยี กได้วา่ ก�ำลงั “ลักไก่” โดยการเลือก กลา่ วคอื คำ� ถามทส่ี องนน้ั เขยี นใหมไ่ ดว้ า่ “มดี ตีความแบบท่ีสองแทนที่จะเป็นแบบท่ีหนึ่ง เล่มนี้ใช้งานอย่างไรจึงจะท�ำให้หน้าที่ของ (เพราะถา้ ความเทย่ี งธรรม = ความดงี าม และ มันแสดงผลออกมาได้อย่างเป็นเลิศท่ีสุด?” ถ้าความดีงามของมนุษย์ลดลงจากการถกู หรือ “มีดเล่มน้ีใช้อย่างไรจึงจะดี” ดังน้ัน ทำ� รา้ ย ความเทยี่ งธรรมกจ็ ะตอ้ งลดลงดว้ ย) คำ� วา่ ดี หรอื ἀρετή(/aretē/) ในความหมาย ที่สอง เมื่อน�ำมาใช้กับมนุษย์ก็จะส่ือไปใน 31.  ท้ังบิอัส (Bias) และพิททาคัส ทางจรยิ ธรรมมากกวา่ ดี ในความหมายแรก (Pittacus) ตา่ งกเ็ ปน็ หนง่ึ ใน “เจด็ ผมู้ ปี ญั ญา” ทบ่ี ง่ ชถ้ี งึ “วถิ ปี ฏบิ ตั ”ิ อนั จะดงึ เอาความเปน็ (Seven Wise Men) แห่งยุคกรีกโบราณ คนออกมาไดม้ ากทส่ี ดุ ในกรกี โบราณ ความ เที่ยงธรรม การมีปัญญา การรู้จักสงบใจ 32.  ทงั้ โพเลมารค์ สั และโสคราตสี ตา่ งกถ็ กู ตนเอง และความกล้าหาญ ทั้งสี่อย่างล้วน ประหารชีวิตในเวลาต่อมาด้วยการให้ดื่ม เป็น ἀρετή ทั้งส้ิน ดังน้ันเพื่อให้ต่างจาก ยาพษิ โพเลมารค์ สั “ตอ่ ส”ู้ เพอื่ ประชาธปิ ไตย ความดแี บบแรกจงึ ตอ้ งแปล ἀρετή ทกุ คำ� ใน ส่วนโสคราตีส “ต่อสู”้ เพอื่ ปรชั ญาของตน เลม่ วา่ “ความดงี าม” โดยผอู้ า่ นตอ้ งพงึ ระลกึ ไวเ้ สมอวา่ “ความดงี าม” ในความหมายของ 33.  เพรอิ ันดรสั (Periandrus) เปน็ ทรราช กรกี โบราณนน้ั กนิ ความกวา้ งไปถงึ ทกุ สง่ิ ทม่ี ี แหง่ คอรนิ ธ์ และเปน็ หนงึ่ ใน “เจด็ ผมู้ ปี ญั ญา” “หนา้ ท”่ี เฉพาะตวั ของมนั ตง้ั แตส่ ตั ว์ สง่ิ ของ ทโ่ี สคราตสี ไมย่ อมรบั (Protagoras, 343a) ไปจนถึงมนษุ ย์ เพร์ดิคคัส ในท่ีน้ีหมายถึง เพร์ดิคคัสท่ี 2 (Perdiccas II) กษัตริย์แห่งมาซิโดเนีย 30.  ตรรกะของโสคราตีสนี้มีความก�ำกวม เซอรคซ์ สี (Xerxes) เปน็ กษตั รยิ เ์ ปอรเ์ ซยี ทย่ี ก และสมควรอยา่ งยงิ่ ทจ่ี ะกงั ขา สบื เนอื่ งจาก ทัพมารุกรานกรีก (ดังปรากฏในภาพยนตร์ คำ� ถามวา่ “ความเทยี่ งธรรมเปน็ ความดงี าม เร่อื ง 300) ส่วนอิสเมนอิ สั (Ismenias) นน้ั ของมนษุ ยใ์ ชไ่ หม?” สามารถตคี วามคำ� ถามได้ คือนักการเมืองชาวธีปส์ ผู้มีอ�ำนาจข้ึนมา อยา่ งนอ้ ย2นยั นยั ยะแรกคอื “ความเทย่ี งธรรม จากสงคราม Peloponnesian เปน็ หมวดหมหู่ นง่ึ ของความดงี าม” และนยั ยะ ทส่ี องคอื “ความเทย่ี งธรรมกบั ความดงี ามนนั้ 34.  สมยั โบราณมคี วามเชอื่ กนั วา่ ถา้ ปลอ่ ย เปน็ สง่ิ ทเ่ี หมอื นกนั ทกุ ประการเหมอื น1=1” ให้สัตว์ร้ายหันมาจ้องเราก่อน เราก็จะตัว ในความหมายโดยท่ัวไป ไมว่ า่ จะในยคุ กรกี แข็งทือ่ และพดู อะไรไมอ่ อก โบราณหรอื ในปจั จบุ นั เรายอ่ มเหน็ ความเทย่ี ง ธรรมตรงกบั นยั ยะแรกมากกวา่ นยั ยะทส่ี อง 35.  การใชถ้ อ้ ยคำ� ยอ้ นแยง้ หรอื irony เปน็ ซง่ึ เพลโตเองกย็ งั จดั ความเทยี่ งธรรมวา่ เปน็ เทคนิคทางการพูด และการเขียนชนิดหนึ่ง 520 : รพี ับลิก

ซึ่งจะน�ำเอาถ้อยค�ำ หรือสิ่งท่ีมีความหมาย ที่ขึ้นเสียงใส่พนักงานที่มาท�ำงานสายว่า ขัดแย้ง/ตรงข้ามมาวางไว้ด้วยกัน โดยไม่ “รู้ไหมว่านี่ก่ีโมงแล้ว?” แต่ก่อนที่พนักงาน จ�ำเป็นต้องใช้การเสียดสีหรือถากถาง ซ่ึง ดงั กลา่ วจะมโี อกาสไดต้ อบ เจา้ นายกต็ ะคอก วิธีการใช้วาจาย้อนแย้งของโสคราตีส หรือ ซ้�ำต่อไปอีกว่า “คุณจะบอกว่าวันนี้รถติด ทเี่ รยี กวา่ Socratic irony คอื การหยบิ เอาขอ้ ใชไ่ หม? ฟังไมข่ ึน้ หรอก! ผมจะหกั เงนิ คุณ!” เสนอ นิยาม หรือตรรกะของฝ่ายตรงข้าม ในกรณนี ้ี ถงึ พนกั งานคนนนั้ จะมาสายเพราะ มาพิสูจน์ให้เห็นว่ามันมีความขัดกันหรือ รถตดิ จรงิ ๆ แตเ่ ขากไ็ มอ่ าจตอบเชน่ นน้ั ไดอ้ กี ยอ้ นแยง้ ในตวั เอง โดยทตี่ วั ของโสคราตสี เอง เพราะคำ� วา่ “รถตดิ ” จะฟงั เปน็ สง่ิ โงเ่ งา่ ไปโดย ไม่จ�ำเป็นต้องรู้ค�ำตอบท่ีถูกต้อง ดังนั้น ปรยิ าย ถงึ จะแมจ้ ะเปน็ ความจริงก็ตาม เรา ค�ำถามเร่ิมต้นของโสคราตีสจึงมักจะเป็น จะเห็นว่าธราซิมาคัสเลือกใช้เทคนิคสกัดคู่ “ส่งิ น้คี อื อะไร” (ดูเชงิ อรรถท่ี 21) และเม่อื เจรจาตอ่ หนา้ ธารกำ� นลั อยา่ งถกู จงั หวะและ ฝา่ ยตรงขา้ มเสนอคำ� จำ� กดั ความใดๆ ขนึ้ มา มปี ระสทิ ธภิ าพ เพราะสงิ่ ทธ่ี ราซมิ าคสั โจมตี โสคราตีสกจ็ ะตอบโตโ้ ดยการตง้ั คำ� ถามเพื่อ ไม่ใช่เพียงแค่ค�ำตอบของโสคราตีส หากคง ทำ� ใหอ้ กี ฝา่ ยเหน็ วา่ คำ� จำ� กดั ความนนั้ ๆ มนั มี รวมไปถึงแก่นของวิธีต้ังค�ำถามอันเป็น ตรรกะทข่ี ดั กนั เองอยู่ นอกจากวาจายอ้ นแยง้ ลักษณะเฉพาะตัวของโสคราตีสอีกด้วย จะเป็นเทคนิคอันเล่ืองช่ือของเขาแล้ว การ ไม่ว่าจะเป็นค�ำพูด การท�ำทีเป็นโมโห และ แสดงออกของโสคราตีสในหลายครั้ง เปลี่ยนเป็นการหัวเราะเยาะ ท้ังหมดล้วน หลายคราถอื วา่ มคี วามยอกยอ้ นยยี วนอยา่ ง สนับสนุนเทคนิคการพูดให้มีพลังท�ำลาย แนบเนียนแยบคาย เช่น ใน 331e เราจะ อีกฝ่ายอย่างแม่นย�ำมีประสิทธิภาพ จุดนี้ เห็นว่าโสคราตีสกล่าวยกย่องซโิ มนดิ สี กอ่ น แสดงใหเ้ หน็ วา่ ธราซมิ าคสั ไมไ่ ดเ้ ปน็ ตวั ละคร เลยว่าเป็นผู้มี “ปัญญาทัดเทียมเทพเจ้า” ทอี่ อ่ นดอ้ ยกวา่ โสคราตสี แตอ่ ยา่ งใด ทวา่ การ แต่ให้หลังจากนั้นเขาก็ค่อยๆ ยิงค�ำถามใส่ ที่โสคราตีสสามารถอ่านเกมออกและแก้ล�ำ โพเลมาร์คัสจนสามารถพิสูจน์ให้เห็นได้ว่า ได้อย่างแยบคายก็บ่งบอกถึงความสามารถ นิยามของเขามีความขัดแย้งกันในตัวเอง ทางการพูดในระดับสูงทัดเทียมกัน (ถึงแม้ แล้วจึงลงท้ายด้วยการบอกว่าคนอย่างกวี โสคราตีสและเพลโตจะประกาศตัวว่าไม่ ซิโมนิดสี นั้น “ไม่ใชผ่ มู้ ีปัญญาเสียเทา่ ไร” ชอบเทคนิคของพวกโซฟิสท์เท่าไรก็ตาม) จนทำ� ใหอ้ กี ฝา่ ยตอ้ งลา่ ถอยไป เหมอื นดงั ชอื่ 36.  โสคราตสี พดู เชน่ นเี้ พอ่ื เปดิ โปงเทคนคิ บทหนึ่งใน Plato’s Republic ของอแล็ง การพดู ของธราซมิ าคสั พรอ้ มๆ กบั ดกั ทาง ซง่ึ บาดู (Alain Badiou) บาดูได้เรียกบท ส่งผลให้กลยุทธ์ของฝ่ายหลังซ่ึงมุ่งเน้นไปท่ี ปะทะคารมระหวา่ งโสคราตสี กบั ธราซมิ าคสั การท�ำให้คู่เจรจาดูโง่เง่าเสียก่อนจะทันได้ ว่า “Reducing the sophist to silence” ตอบค�ำถาม มีอันต้องตกไป (เทคนิคของ ธราซิมาคัสเปรียบได้กับค�ำพูดของเจ้านาย เพลโต : 521

37.  หมายถงึ ตวั อยา่ งของโสคราตสี กบั คำ� พดู 42.  โพลดิ ามสั (Polydamus)เปน็ นกั มวยปลำ�้ ของธราซมิ าคสั ใน 336c – d ผชู้ นะเลศิ ในกฬี าโอลมิ ปกิ ครง้ั ท่ี93ในปี408 กอ่ นคริสตกาล 38.  “ไอค้ นทถ่ี กู ถาม” หมายถงึ โสคราตสี เอง 43.  คำ� วา่ πόλις (/polis/) ในหนงั สอื เลม่ น้ี 39.  หมายถึงค�ำตอบที่ธราซิมาคัสห้ามไว้ จะแปลเป็น “เมือง” (ไม่ใช่ “รัฐ”) ในกรีก ในหน้า 336d โบราณ กรีกเป็นดินแดนท่ีประกอบข้ึนจาก เมอื งหลายๆ เมอื งรวมกนั (บางตำ� รากเ็ รยี ก 40.  ในระบบไตส่ วนคดขี องเอเธนส์ หากพบ เป็น “นครรัฐ” หรือ “รฐั ”) ไมไ่ ดเ้ ปน็ ประเทศ ว่าจ�ำเลยมคี วามผดิ จริง เขาจะไดร้ บั โอกาส เด่ยี วๆ เหมือนเช่นทุกวันนี้ ใหเ้ สนอบทลงโทษแกต่ วั เอง ซงึ่ ต่างออกไป จากท่ีฝ่ายโจทก์เรียกร้องมาได้ ค�ำพูดของ 44.  นิยามความเที่ยงธรรมท่ีคเลโตฟอน ธราซมิ าคัสนนั้ ลอ้ ไปกบั ระบบน้ี เสนอนั้นเป็นสัมพัทธนิยมแบบสุดโต่ง ท่ีไม่ เหมือนของธราซิมาคัส (ดูเชิงอรรถที่ 41) 41.  ค�ำตอบของธราซิมาคัสเป็นรูปแบบ นิยามของธราซิมาคัสนั้นเป็นสัมพัทธนิยม เฉพาะตวั ของพวกโซฟสิ ท์ ซงึ่ มกั ถกู ทำ� มาใช้ กจ็ รงิ แต่ก็ยงั อยู่ในระดบั ท่นี ำ� มาถกเถียงได้ โตเ้ ถยี งกนั ในทางการเมอื ง คำ� ตอบเชน่ นวี้ าง แตน่ ยิ ามของคเลโตฟอนนน้ั ไปไกลจนสดุ โตง่ อยบู่ นฐานความคดิ ทวี่ า่ ไมม่ นี ยิ ามใดในโลก จนไม่สามารถถกเถียงกันได้อีก มันเหมือน ที่เป็นสากล หรือเรียกว่าเป็นสัมพัทธนิยม กบั การพดู วา่ “เธอชอบกนิ ขา้ ว แตฉ่ นั ชอบกนิ (relativism) อันเป็นคนละข้ัวกับนกั ปรชั ญา กว๋ ยเตยี๋ ว คนแตล่ ะคนยอ่ มมรี สนยิ มการกนิ อยา่ งโสคราตสี ทแี่ สวงหานยิ ามอนั เปน็ สากล ทต่ี า่ งกนั ใครจะทำ� ไมเหรอ?” สว่ นนยิ ามของ เพราะเม่ือความเท่ียงธรรมคือผลประโยชน์ ธราซมิ าคสั นน้ั คอื การพดู วา่ “รสนยิ มการกนิ ของฝา่ ยทแี่ ขง็ แกรง่ กวา่ นน่ั กห็ มายความวา่ ของแตล่ ะคนนน้ั ถกู กำ� หนดจากการปลกู ฝงั ความเที่ยงธรรมในเมืองหนึ่งโดยผู้ปกครอง ของพอ่ แม่” มันจึงยังพอถกเถียงกันต่อได้ ชุดหนึ่ง ย่อมแตกต่างจากความเที่ยงธรรม ในอีกเมือง ซึ่งปกครองโดยคนอีกพวกหนึ่ง 45.  เชน่ ความรทู้ างการคำ� นวณไมเ่ คยสอน เมอื่ เปน็ เชน่ นี้ นยิ ามของความเทย่ี งธรรมจงึ วา่ “2+2 = 5” ถา้ นกั คำ� นวณบงั เอญิ ไปบวก เปล่ียนแปลงไปตามช่วงเวลาและสถานท่ี เลขผดิ พลาดให้ 2+2 = 5 ความผดิ พลาดน้ี หรอื มคี วามสมั พทั ธ์ (relative) กบั ปจั จยั ตา่ งๆ กไ็ มไ่ ดม้ าจากความรทู้ างการคำ� นวณ เพราะ แน่นอนว่านยิ ามเชน่ น้ียอ่ มเปน็ สง่ิ ทร่ี บั ไมไ่ ด้ การคำ� นวณไมเ่ คยสอนวา่ “2+2 = 5” ฉะนนั้ สำ� หรบั โสคราตสี ตอ่ ใหน้ กั คำ� นวณคดิ เลขผดิ กไ็ มไ่ ดแ้ ปลวา่ เขา กำ� ลงั ทำ� พลาดในฐานของนกั คำ� นวณ แตม่ า จากความผดิ พลาดอนั เปน็ สามญั ของมนษุ ย์ 522 : รพี ับลิก

กลา่ วคือ ธราซิมาคสั กำ� ลังจะอา้ งเหตุผลวา่ 49.  “คนทตี่ า่ งจากพวก”หรอื “คนไมเ่ ขา้ พวก” การออกกฎหมายผดิ พลาดไมไ่ ดเ้ กดิ จากการ แปลมาจาก ἀλλότριον (/allotrion/)ซง่ึ เปน็ เป็นนักปกครอง เพราะศิลปะการปกครอง คำ� ตรงกนั ขา้ มกบั οικείον(/oikeion/)ทแ่ี ปล ย่อมไม่สอนให้ออกกฎหมายพลาด แต่มัน วา่ “สมาชกิ ในครอบครวั ”หรอื “พวกเดยี วกนั ” เปน็ ความผดิ พลาดอนั เปน็ สามญั ของมนษุ ย์ ท่ีมาจากคำ� วา่ οἶκος (/oikos/) ซง่ึ แปลว่า “บา้ น” หรอื “ครอบครัว” คำ� น้ีเป็นค�ำสำ� คัญ 46.  เช่น ศิลปะเฉพาะทางการแพทย์ย่อม ของปรชั ญาสโตอิก (stoicism) ในยุคตอ่ มา เกดิ ขนึ้ เพอ่ื ใหป้ ระโยชนแ์ กค่ นเจบ็ ปว่ ย ไมใ่ ช่ ดังน้ันค�ำว่า “คนท่ีต่างจากพวก” ในที่นี้จึง ประโยชน์แกต่ ัวแพทยเ์ อง หมายถงึ “คนทแ่ี ขง็ แกรง่ กวา่ คนอนื่ ๆ ทง้ั หมด ไม่เป็นพวกเดียวกับใคร” กลา่ วคือเป็นผ้นู ำ� 47.  คำ� วา่ “องคค์ วามร”ู้ หรอื “วชิ ชา”แปลจาก แบบเผดจ็ การเบ็ดเสรจ็ นน่ั เอง คำ� วา่ ἐπιστήμη (/epistēmē/) หมายถงึ ชดุ ของความรู้ ซงึ่ มรี ะบบสมบรู ณอ์ ยใู่ นตวั คำ� น้ี 50.  ตำ� แหนง่ ราชการในกรงุ เอเธนสโ์ บราณ คลา้ ยคลงึ กบั คำ� วา่ “ศลิ ปะเฉพาะทาง” ในแง่ มักถูกเลือกขึ้นมาโดยประชาชน เพื่อให้ทำ� ที่ไม่ไดแ้ บง่ แยกระหวา่ ง “ความร้”ู กับ “การ งานสาธารณะ พวกเขามกั จะไดค้ า่ ตอบแทน ปฏิบตั ิ” อยา่ งชดั เจนเหมือนทกุ วนั น้ี โดยจะ ตำ่� มาก หรอื บางครัง้ ก็ไมไ่ ด้อะไรเลย เห็นว่าในงานของเพลโตนั้น ค�ำว่า “ศิลปะ เฉพาะทาง” กับ “องค์ความรู้” เปน็ สองคำ� 51.  เขา้ ใจวา่ พนกั งานในโรงอาบนำ้� สาธารณะ ที่เพลโตน�ำมาใช้ร่วมกันอยู่บ่อยๆ เช่น ใน ของเอเธนส์สมัยน้ันน่าจะเป็นคนพูดมาก บทสนทนา Ion ที่โสคราตีสกล่าวว่าการ และหยาบคาย รา่ ยกลอนนน้ั “ไมไ่ ดอ้ าศยั ศลิ ปะเฉพาะทาง หรอื องค์ความร้อู ะไรเลย” (Ion, 532c) 52.  ตน้ ฉบบั ใชค้ ำ� วา่ φέρωซง่ึ ในทน่ี หี้ มายถงึ การอุ้มประคองเหมือนเวลาอุ้มเด็กทารก 48. กลา่ วคอื ถ้ามแี พทยค์ นใดรักษาคนไข้ เพอื่ จะใหน้ ม ธราซมิ าคสั พดู ลอ้ ไปกบั 343a เพื่อหาก�ำไร การหาก�ำไรนั้นย่อมเกิดข้ึน โดยจะบอกตัวเองเปน็ แม่นมของโสคราตีส จากศลิ ปะการหาเงนิ ไมใ่ ชศ่ ลิ ปะการแพทย์ เพราะศลิ ปะการแพทยไ์ มไ่ ดส้ อนการหาเงนิ 53.  หมายถึง 342a – c แต่สอนการรักษาคนไข้ น่ีเป็นตรรกะแบบ เดียวกับทธ่ี ราซมิ าคัสใชใ้ น 340d – 341a 54.  “อำ� นาจ” หรอื “พลงั อำ� นาจ” (และบาง โสคราตีสก�ำลังใช้ตรรกะของธราซิมาคัส ครงั้ กแ็ ปลเปน็ “ความสามารถ”) แปลมาจาก ยอ้ นกลบั มาเลน่ งานธราซิมาคัสเอง δύναμις (/dynamis/) ซึ่งกินความกว้าง กวา่ “อำ� นาจ”ในความหมายปจั จบุ นั กลา่ วคอื กนิ ความถงึ ความสามารถในการใชง้ านของ เพลโต : 523

สง่ิ ต่างๆ ดว้ ย เช่น “อ�ำนาจของดวงตา” คอื 58.  “ปฏภิ าณ” แปลมาจากคำ� φρόνησις การมองเห็น เป็นต้น (/phronēsis/) คำ� นเี้ ปน็ คำ� คลา้ ยกบั “ปญั ญา” หรอื “σοφία” (/sophia/; /โซเฟยี /)ตา่ งกนั 55.  “ศลิ ปะการรบั คา่ แรง”หรอื “μισθωτικὴ” เล็กน้อยตรงท่ี “ปฏิภาณ” น้ันเป็นเหมือน เป็นค�ำศัพท์ท่ีโสคราตีสร้างข้ึนมาเอง โดย ปัญญาปฏิบัติ ซ่ึงน�ำมาใช้ในชีวิตประจ�ำวัน เอา μισθόν (คา่ แรง, คา่ ตอบแทน) + τέχνη แต่ “ปญั ญา” เปน็ ปญั ญาทใ่ี ชใ้ นการทำ� ความ (ศิลปะ) คิดว่าค�ำนี้แม้แต่คนในสมัยของ เข้าใจความจริงแท้ ถ้าจะเปรียบเทียบเป็น โสคราตีสเองได้ยินก็คงรู้สึกปร่าแปร่งเช่น ภาษาไทยงา่ ยๆ กอ็ าจกล่าวว่า ค�ำแรกเป็น เดยี วกนั “ปญั ญาทางโลก” สว่ นคำ� หลงั เปน็ “ปัญญา ทางธรรม” นัน่ เอง 56.  ในงานเขยี นเรอ่ื ง Apologia โสคราตสี แพค้ ดี เพราะไมส่ ามารถสกู้ บั ความเหน็ ของ 59.  ถ้าพูดกันแบบ “ละเอียด” ที่สุดตาม คนหมู่มากได้ วิธีการโต้เถียงท่ีโสคราตีส ตรรกะของธราซิมาคัส นักดนตรยี อ่ มหมาย เสนอตรงนี้จึงเป็นวิธีหนึ่งท่ีสามารถการันตี ถึงผู้ฝึกปรือศิลปะเฉพาะทางดนตรีและมี ชยั ชนะของตนเองในศาล หากฝา่ ยตรงขา้ มไม่ องคค์ วามรทู้ างดนตรคี รบถว้ น ดงั นนั้ ทกุ คน สามารถเอาชนะ “ความยอ้ นแยง้ ” ของเขาได้ ทเี่ คยฝกึ ฝนศลิ ปะแขนงนยี้ อ่ มตอ้ งกลายเปน็ นักดนตรีที่มีความสามารถเท่ากัน แต่ถ้ามี 57.  ค�ำว่า “ความใสซ่ือ” ท่ีธราซิมาคัสพูด นักดนตรีคนใดเล่นดนตรีได้แย่กว่าคนอน่ื ๆ คอื คำ� วา่ εὐήθεια (/euētheia/) แปลตาม มนั กย็ อ่ มมไิ ดเ้ กดิ จากความผดิ พลาดขององค์ รากศัพทว์ ่า “สันดานดี” (εὐ + ἦθος) ส่วน ความรทู้ างดนตรี เพราะองคค์ วามรทู้ างดนตรี “สนั ดานชวั่ ” ท่ี โสคราตสี พดู คอื κακοήθεια ยอ่ มไมส่ อนใหใ้ ครเลน่ เพย้ี น แตอ่ าจเกดิ จาก (/kakoētheia/; κακία + ἦθος) กล่าวคอื ความสามารถในการเรยี นรู้หรอื ความสามารถ ถ้าความเที่ยงธรรมส�ำหรับธราซิมาคัสคือ ทางกายภาพทม่ี ไี มเ่ ทา่ กนั ไมใ่ ชค่ วามผดิ ของ “สนั ดานด”ี (εὐήθεια) ความไมเ่ ทย่ี งธรรมก็ องค์ความรู้ทางดนตรี ด้วยเหตุน้ี นักดนตรี ต้องเป็นสันดานชั่ว (κακοήθεια) ใช่ไหม? คนหน่ึงจึงไม่ต้องการและไม่จ�ำเป็นต้องมี นเี่ ปน็ อกี ครง้ั ทโี่ สคราตสี แสดงบคุ ลกิ อนั ยอ้ น ความสามารถเชงิ ดนตรที เี่ หนอื กวา่ นกั ดนตรี แยง้ ตามแบบฉบบั ของตนออกมาอยา่ งชดั เจน คนอนื่ ๆ เพราะการเลน่ ไดแ้ ย่ ไมม่ อี ยใู่ นหลกั น่ันก็คือเขาก�ำลัง “ตีหน้าซื่อ” ท�ำราวกับว่า สูตรดนตรนี ่ันเอง (ดู 340e – 341a) ไม่เข้าใจการเล่นส�ำนวนของธราซิมาคัส และแปลค�ำว่า εὐήθεια ของธราซิมาคัส 60.  “ผู้มีความรู้” ในท่ีนี้คือ ἐπιστήμων ตามรากศพั ท์ แทนทจี่ ะแปลตามความหมาย (/epistēmōn/) ซึ่งหมายถึงองค์ความรู้ที่ ปกตนิ น่ั เอง ยดึ โยงกบั ศลิ ปะเฉพาะทาง (ดเู ชงิ อรรถที่ 47) สว่ นการ “มปี ญั ญา” หรอื σοφός (/sophos/) 524 : รพี ับลิก

เป็นความดีงามตามทัศนะของกรีกโบราณ ต่างก็วางตัวเป็นปฏิปักษ์กับโซฟิสท์มาโดย การไขว่คว้า “ปัญญา” มาไว้กับตัวถือเป็น ตลอด (หรอื ถงึ จะออกปากวา่ ไมช่ อบโซฟสิ ท์ เป้าหมายอยา่ งหนงึ่ ของปรชั ญากรีก เพราะ แต่โสคราตีสก็ยังน�ำเอาเทคนิคของโซฟิสท์ มนั จะนำ� ไปสกู่ ารประสบความสำ� เรจ็ ในชวี ติ มาใช้ได้อย่างดีเลิศ จนเรียกได้ว่าถ้าไม่รู้จัก โสคราตสี ในฐานะนักปรชั ญา เรากค็ งคดิ วา่ 61.  ข้อสรุปบรรทัดน้ีเกิดจากการคิดตาม เขาตอ้ งเปน็ โซฟสิ ทอ์ กี คนหนง่ึ อยา่ งแนน่ อน) ตรรกะดังต่อไปน้ี – 1) คนมีความรู้ย่อม เปา้ หมายของเพลโต ในดา้ นหนง่ึ นอกจากจะ ไม่ต้องการอยู่เหนือกว่าคนที่เหมือนกับตน ตอบโตพ้ วกโซฟสิ ทแ์ ลว้ เขายงั ตอ้ งการ“สอน” (349e – 350a) และ 2) คนมีความรู้มี พวกน้ันด้วยว่าการเอาเทคนิคการพูดมาใช้ ปญั ญาและเป็นคนดี (350b) เพราะฉะนนั้ “ในทางทถี่ กู ” เปน็ อยา่ งไร (สงั เกตวา่ ใน 338a 3) คนมีปัญญาและคนดีจึงไม่ต้องการอยู่ โสคราตีสใช้ค�ำว่า “ค�ำสอน” กับนิยามของ เหนอื กว่าคนท่เี หมอื นกับตน (350b) และ ธราซมิ าคสั ) 4) ในเมอื่ คนเทยี่ งธรรมไมต่ อ้ งการอยเู่ หนอื กว่าคนทเ่ี หมือนกับตน (349b – c) ฉะน้ัน 65.  ธราซิมาคัสผู้น่าสงสาร ถ้าเขาตอบว่า จึงสรุปได้ว่าคนเท่ียงธรรมย่อมเหมือนกับ เทพเจ้าไม่เท่ียงธรรม หรืออะไรท�ำนองนั้น คนมีปัญญาและคนดี และคนไมเ่ ทย่ี งธรรม เขาจะไมเ่ พยี งเปน็ ศตั รกู บั โสคราตสี หากแต่ กเ็ ปน็ คนทอี่ ยตู่ รงกนั ขา้ มทกุ ประการ จะเปน็ ศัตรูกับเมอื งทงั้ เมอื งเลยล่ะ 62.  จาก 349d 66.  หมายถงึ 347e 63.  หมายถงึ 344c 67.  ในปรัชญากรีกโบราณหลายส�ำนัก เปา้ หมายสงู สดุ ในชวี ติ มนษุ ย์ คอื การไขวค่ วา้ 64.  ถ้ายังจ�ำได้ ธราซิมาคัสปรากฏตัวข้ึน “ความสุขสมบูรณ์” หรือ εὐδαιμονία พรอ้ มกบั ใชเ้ ทคนคิ ของตน “หา้ ม” โสคราตสี (/eudaimonia/; /ยไู ดโมเนยี /) “ยไู ดโมเนยี ” ไม่ให้พูด (336b – 337c) และตอนน้ัน นน้ั เปน็ มากกวา่ ความสขุ ทางกาย เพราะมนั โสคราตีสเองก็พูดในท�ำนองเดียวกันว่า หมายถงึ “การประสบความสำ� เรจ็ ” ของชวี ติ ตนถูกห้ามไม่ให้พูดในสิ่งท่ีต้องการจะพูด มนษุ ยด์ ว้ ย (ดงั นนั้ ผู้ศึกษาเพลโตบางคนจึง (337e) ตอนนี้สถานการณ์กลับตาลปัตร แปลมันว่า “การประสบความส�ำเร็จ” แต่ ธราซิมาคัสมาอยู่ในต�ำแหน่งที่โสคราตีส ส่วนใหญ่มักจะแปลว่า “Happiness” หรือ เคยอยู่ และต้องเป็นฝ่ายต้องพดู อยา่ งเดยี ว “ความสขุ ”) การจะไปถงึ “ยไู ดโมเนยี ” ไดน้ น้ั กับที่โสคราตีสเคยพูด เขาไม่ได้แพ้แค่การ จำ� เปน็ จะตอ้ งไขวค่ วา้ “ปญั ญา” (wisdom) อภปิ รายเทา่ น้นั หากเขายงั แพ้ในฐานะของ บางชุดมาไว้กับตัว เพ่ือว่าเราจะได้น�ำมา โซฟสิ ทด์ ว้ ย จรงิ อยู่ ทงั้ เพลโตและโสคราตสี ปฏบิ ตั ิ และสำ� นกั ปรชั ญาแตล่ ะสำ� นกั ในสมยั เพลโต : 525

นนั้ กม็ กั จะมแี นวทางในการคน้ หาทแ่ี ตกตา่ ง 71.  น่นั คอื 350c กันไป เช่น บางส�ำนักกล่าวว่าความสุข สมบรู ณน์ นั้ เกดิ จากการใชช้ วี ติ อยา่ งมคี วาม 72.  ธราซมิ าคสั พดู ลอ้ ไปกบั คำ� พดู แดกดนั สุขทางกายให้ได้มากท่ีสุดก็เพียงพอแล้ว ของตนใน 352b เพราะพวกเขาไมเ่ ชอื่ วา่ มโี ลกหลงั ความตาย เป็นตน้ ใน Republic เพลโตเองก็พยายาม 73.  ดู 327a และเชิงอรรถท่ี 5 ประกอบ จะนำ� “ความเทย่ี งธรรม” เขา้ มาเชอ่ื มโยงกบั “ยไู ดโมเนยี ” เชน่ เดยี วกนั การตอบคำ� ถามวา่ “คนเทย่ี งธรรมมชี วี ติ ทด่ี กี วา่ และสขุ สมบรู ณ์ ย่ิงกว่าคนไม่เท่ียงธรรมหรอื ไม”่ จงึ เปน็ สงิ่ ท่ี สำ� คญั และเกย่ี วพนั กบั “การดำ� รงชวี ติ อยา่ ง เหมาะสม” อยา่ งหลีกเลยี่ งไม่ได้ 68.  ดเู ชงิ อรรถที่ 29 – โดยเฉพาะในสว่ นท่ี อธิบายว่า “ความดีงาม” น้ัน สัมพันธ์กับ “หน้าท”ี่ อยา่ งไร 69.  กลา่ วคอื ตอ้ งมคี วามดงี ามของดวงตา “ซึ่งหน้าทีข่ องดวงตาจะต้องบรรลถุ งึ ให้ได”้ 70. คำ� วา่ “จติ วญิ ญาณ” แปลจาก “ψυχή” (/psychē/; /ซเู ค/่ ) นอกจากคำ� นจี้ ะหมายถงึ “วิญญาณ” (soul) และ “จิตใจ” (mind) ตามความหมายทางศาสนาและความหมาย ทางจิตวิทยาแล้ว ในสมัยกรีกโบราณยัง หมายถงึ “ทกุ สง่ิ ทกุ อยา่ งของเราทตี่ อ้ งอาศยั การคดิ ” เชน่ หลกั ในการดำ� เนนิ ชวี ติ วถิ ชี วี ติ การปกครอง ฯลฯ ด้วยเหตุนี้ การเป็นคน เทย่ี งธรรมหรอื ไมน่ นั้ จงึ เปน็ เรอื่ งทเ่ี กยี่ วขอ้ ง กับจิตวิญญาณโดยตรง เพราะมันเป็นเรื่อง การใชช้ ีวิตด้วยความถกู ต้อง 526 : รีพบั ลิก

เชงิ อรรถ เลม่ 2 1.  การพูดจาโน้มน้าวให้คนหลงเช่ือแต่ เพราะชอ่ื เสยี งนนั้ มกั เกดิ จากการมองเพยี ง เพยี งอยา่ งเดยี วโดยไมส่ นใจความจรงิ แทน้ นั้ มุมเดียวของคนหมู่มาก และด้วยเหตุน้ีเอง เป็นงานของโซฟิสท์ ไม่ใช่ของนักปรัชญา คำ� วา่ δόξα จงึ มรี ปู คลา้ ยๆ กบั อกี คำ� หนงึ่ คอื กล่าวคือ กลาวคอนก�ำลังถามโสคราตีสว่า δοκέω (/dokeō/) ซ่งึ แปลว่า “ดเู หมือนวา่ ” “ที่แท้ท่านเป็นใครกันแน่? เป็นโซฟิสท์ อยา่ งไรกต็ าม โดยทว่ั ไปแลว้ คำ� วา่ “ทศั นะ” หรือเป็นนักปรัชญาผู้น�ำความจริงแท้มาสู่ เปน็ คำ� กลางๆ ทไี่ มด่ แี ละไมเ่ ลวในตวั ของมนั มนษุ ย?์ ” คำ� ถามนขี้ องกลาวคอนสอ่ ความถงึ ดงั เราจะเหน็ วา่ ตวั ละครทกุ ตวั ในบทสนทนา (foreshadow) นิทานที่โสคราตีสจะเล่า เลม่ น้ีตา่ งก็อา้ งว่า “ตามทศั นะของขา้ ฯ” อยู่ บ่อยๆ ทว่าด้วยเหตุที่ค�ำค�ำน้ีผูกติดอยู่กับ ในเลม่ ท่ี 7 “คนหมู่มาก” อย่างเล่ียงไม่ได้ เพลโตจึงไม่ 2.  เช่น กลิ่นหอมรวยรินจากดอกมะลิใน ชอบมนั เทา่ ไร เพราะอยา่ ลมื วา่ โสคราตสี เอง กถ็ กู ประหารดว้ ย“กระแสนยิ ม”หรอื “ทศั นะ” กระถางริมร้ัว เป็นตน้ ของคนหมมู่ ากในลกั ษณะเดยี วกนั นเ้ี ชน่ กนั 3.  “ทศั นะ”หรอื “ทศั นคต”ิ แปลมาจาก(และ (ดู Apologia) ในเลม่ ตอ่ ๆ ไป เราจะไดเ้ หน็ วา่ ยงั มรี ากศพั ทเ์ ดยี วกนั กบั ) คำ� วา่ δόξα (/dok- เพลโตพยายามเสนอให้ “ทัศนะ” เป็นองค์ sa/; /doxa/) ด้วยความที่มันเป็น “ทัศนะ” ประกอบหนึ่งของจิตวิญญาณ ซ่ึงก้ันขวาง มนั จงึ สมั พนั ธก์ บั รปู ลกั ษณภ์ ายนอกทเ่ี รารบั เราไว้จากการเข้าถึง “ความจริงตามที่เป็น” รู้ได้ ไม่ได้ลงรายละเอียดลึกลงไปถึงข้างใน อยู่เสมอ นักมานุษยวิทยาคนส�ำคัญแห่ง “ทัศนะ” จึงไม่จ�ำเป็นต้องถูกต้องเสมอไป ศตวรรษที่ 20 ปิแยร์ บูร์ดิเยอ (Pierre เปลยี่ นแปลงไดต้ ลอด และยงั อยตู่ รงขา้ มกนั Bourdieu) ในหนังสือช่ือ Outline of a กับ “องค์ความรู้” หรือ “วิชชา” ἐπιστήμη Theory of Practice กเ็ อาแนวคดิ เรอื่ ง Doxa (/epistēmē/) ซง่ึ เกิดขน้ึ จากการคดิ คำ� นวณ ไปประยุกต์ใช้ โดยมองว่า Doxa น้ันเป็น อยา่ งเปน็ ระบบ และมคี วามสมบรู ณใ์ นตวั เอง ประสบการณ์บางอย่างในชีวิตประจ�ำวัน อกี ด้วย นอกจากน้นั แลว้ ค�ำวา่ δόξα ยังกนิ ของมนุษย์ท่ีเราเห็นว่าเป็นเร่ืองธรรมชาติ ความถงึ “กระแสนยิ ม”หรอื “ชอ่ื เสยี ง”อกี ดว้ ย และชัดเจนอยูแ่ ล้วในตัวมนั (self-evident) (ดงั คำ� วา่ “ช่อื เสียงอนั ดี” หรือ εὐδοκιμέω [/eudokimeō/] ในประโยคเดียวกัน) เพลโต : 527

4.  เรื่องราวของไกกีส (Gyges of Lydia) 10.  เนอื่ งจากโฮเมอร์ (Homer) กบั เฮซอิ อด ปรากฏในหนงั สอื Histories ของเฮโรโดดสั (Hesiod) เปน็ กวที รี่ จนาเรอื่ งราวของทวยเทพ (Herodotus) เล่มท่ี 1 ย่อหน้าท่ี 8 – 14 เอาไว้มากที่สดุ ดังนน้ั สองคนน้ีจงึ มกั ถูกยก ใหเ้ ปน็ ผเู้ ชย่ี วชาญทางเทววทิ ยาอยบู่ อ่ ยครงั้ 5.  เอสคิลัส (Aeschylus) มหากวีผู้มีชีวิต ในสังคมกรีกโบราณ อยู่ในช่วงปี 525 - 456 ก่อนคริสตกาล ขอ้ ความขา้ งตน้ มาจากบทละครเรอื่ ง Seven 11.  จากมหากาพยเ์ รื่อง Work and Days against Thebes บรรทัดท่ี 592 ใน บรรทดั ท่ี 232 – 234 บทละครไม่ได้ใช้ค�ำว่า “ดี” หากเขาเลือก ใชค้ �ำวา่ “ดีท่สี ุด” 12.  อเดมันทัสตัดแต่งจากตอนหนึ่งใน มหากาพย์ Odysseus ของโฮเมอร์ เลม่ 19 6.  เพราะการ “ดเู หมอื น” คนเทยี่ งธรรมยอ่ ม บรรทดั ท่ี 109 – 113 หมายความว่าเป็นคนเท่ียงธรรมเพียงแต่ เปลือกนอก หากภายในนั้นต้องมีความไม่ 13.  มวิ เซอสั (Musaeus) เปน็ กวแี ละพหสู ตู เที่ยงธรรมเจอื อยู่ ในตำ� นาน เชอ่ื กนั วา่ เขาเปน็ ผวู้ างรากฐานการ แต่งกาพยส์ รรเสรญิ เทพเจ้าในดินแดนกรกี 7.  ค�ำว่า “เสียบประจาน” แปลจากค�ำว่า ἀνασχινδυλεύω ค�ำน้ีมีความหมายตาม 14.  สำ� นวนวา่ “แบกน้ำ� ด้วยภาชนะก้นร่วั ” ตัวอักษรว่าการใช้แท่งไม้เสียบ หรือตรึง มาจากตำ� นานเรอื่ งบตุ รี 50 นางแหง่ กษตั รยิ ์ กับร่าง ดังน้ันโดยทั่วไปมันจึงแปลได้สอง ดาไนดสี (Danaides หรอื Danaus) ทเ่ี ลา่ กนั อยา่ งคอื “การเสยี บประจาน” กบั “การตรงึ วา่ กษตั รยิ ด์ าไนดสี มพี ชี่ ายฝาแฝดคนหนงึ่ ชอื่ กางเขน” ขนึ้ อยกู่ บั วา่ ใชล้ งทณั ฑใ์ นทอ้ งทไี่ หน อยิ ปิ ตสั ผเู้ ปน็ กษตั รยิ ข์ องอยี ปิ ตท์ ม่ี บี ตุ รชาย อยา่ งไรกต็ าม การทรมานตา่ งๆ ทกี่ ลาวคอน อยู่ 50 นายเชน่ กนั กษตั รยิ อ์ ยิ ปิ ตสั ปรารถนา ยกขน้ึ มานั้นไมม่ ีอยใู่ นมาตรการการลงโทษ ใหบ้ ตุ รทง้ั 50 ของตนไดเ้ ขา้ พธิ วี วิ าหก์ บั บตุ รี ในกรงุ เอเธนส์ ทงั้ 50 ของกษตั รยิ ด์ าไนดสี แตด่ าไนดสี กห็ า ยนิ ยอมไม่ อยิ ปิ ตสั จงึ ขม่ ขวู่ า่ จะยกทพั มาทำ� 8.  เขากำ� ลงั ลอ้ เลยี นถอ้ ยคำ� ของกวเี อสคลิ สั สงครามดว้ ย ดาไนดสี แคน้ เคอื งใจจงึ ทำ� ทยี ก ใน 361b บตุ รที งั้ 50 นางใหโ้ ดยกำ� ชบั พวกนางทกุ คน ให้ลอบสงั หารสามขี องตวั เองเสียในคืนแรก 9.  จากบทละครเรื่อง Seven against ของการแตง่ งาน ปรากฏวา่ บตุ รี 49 นางปลดิ Thebes ของเอสคลิ สั บรรทดั ท่ี 593 - 594 ชพี สามตี วั เองหมด ยกเวน้ คนเดยี วทไี่ มล่ งมอื เพราะใจออ่ น ตอ่ มาเมอ่ื บตุ รที งั้ 49 นางสนิ้ อายขุ ยั พวกนางกต็ กนรกและตอ้ งชดใชด้ ว้ ย 528 : รพี ับลกิ

การขนนำ�้ ดว้ ยภาชนะกน้ รวั่ เพอ่ื นำ� ไปเตมิ ใน ออร์เฟอัส” (Orphism) กาพย์สรรเสริญ อา่ งซงึ่ ไมม่ วี ันเติมได้เต็มและกลายเป็นท่ีมา เหลา่ นี้จ�ำนวนมากเขียนโดยกวมี วิ เซอัส ของสำ� นวนวา่ “แบกนำ้� ดว้ ยภาชนะกน้ รวั่ ” ที่ หมายถงึ การกระทำ� อนั ไรป้ ระโยชนแ์ ละไมม่ ี 19.  ตน้ ฉบบั ใชค้ ำ� วา่ Σελήνη(/Selēnē/)หรอื วนั ส�ำเร็จลุลว่ งได้ “เซเลเน”่ เซเลเนเ่ ปน็ เทพอี งคห์ นง่ึ ซงึ่ ชาวกรกี โบราณใช้เป็นบุคลาธิษฐานของดวงจันทร์ 15.  “การสงบใจ” แปลจาก σωφροσύνη เหมือนกับท่ีช่ือของเทพฮาดีสถูกใช้เป็น (/sōphrosynē/; /โซโฟรซเู น/่ ) เปน็ หนง่ึ ในส่ี บคุ ลาธษิ ฐานของนรก ความดีงามส�ำคัญในทัศนะของเพลโต (ซึ่ง จะได้เห็นต่อไปในเล่มที่ 4) อย่างไรก็ตาม 20.  เทพีศิลป์ หรือ Muse หรือออกเสียง ควรทราบวา่ ในปรชั ญากรกี โบราณนน้ั การใช้ ตามส�ำเนียงกรีกโบราณได้ว่า “โมวซ่า” ตรรกะถือว่าเป็นกิจกรรมที่ท�ำให้มนุษย์มี (Μοῦσα; /Mousa/) เปน็ เหลา่ เทพที ค่ี อยสง่ ความเปน็ มนษุ ย์ และแตกตา่ งจากสตั ว์ ดงั นน้ั “แรงดลใจ” (inspiration) ทางกวมี าใหม้ นษุ ย์ การปล่อยให้อารมณ์ (passion) เข้ามา เชน่ ในมหากาพย์ Iliad โฮเมอรจ์ ะเรม่ิ เปดิ ฉาก กระทบนนั้ จงึ เปน็ เรอื่ งรา้ ยแรง เพราะมนั ทำ� ด้วยการร่ายกลอนอัญเชิญเทพีศิลป์ลงมา ให้มนุษย์เป็นผู้ถูกกระท�ำ (passive) จาก สถิตก่อน เพลโตเขียนบทสนทนาเก่ียวกับ อารมณข์ องตนเอง และสญู เสยี ความสามารถ เรอื่ งแรงดลใจจากเทพศี ิลปเ์ อาไวใ้ น Ion ในการใช้ตรรกะอันเป็นคุณลักษณะส�ำคัญ ของมนษุ ย์ ลดตนเองลงไปอยกู่ บั สตั ว์ ฉะนน้ั 21.  แปลจากค�ำวา่ τελετή (/teletē/) มีอกี “โซโฟรซูเน่” หรือ “การสงบใจ” จึงถือเป็น ความหมายหนง่ึ วา่ การเดนิ ทางไปสเู่ ปา้ หมาย จริยธรรมและความดงี ามส�ำคัญอยา่ งหน่งึ ทจี่ ะทำ� ใหต้ วั มนั เองสมบรู ณ์ เชน่ ในวชิ าฟสิ กิ ส์ สมยั โบราณ เปลวไฟนนั้ มเี ปา้ หมาย (τέλος; 16.  จากบรรทดั ที่287–289ของมหากาพย์ /telos/) อย่บู นท้องฟ้า ทิศทางของเปลวไฟ Work and Days โสคราตสี ปรบั แกเ้ ลก็ นอ้ ย จึงพุ่งขึ้นไปสู่ท้องฟ้าอยู่ตลอด เพ่ือแสวง ความสมบูรณ์แก่ตนเอง 17.  จากมหากาพย์ Iliad ของโฮเมอร์ เลม่ 9 บรรทัดที่ 497 – 501 โดยอเดมันทัส 22.  จากบทละครเรอื่ ง Orestes ของยรู พิ ดิ สี ปรบั แกม้ นั เลก็ น้อย บรรทัดท่ี 236 18.  ออรเ์ ฟอสั (Orpheus) เปน็ กวใี นตำ� นาน 23.  เมอื่ แรเงารอบภาพวตั ถบุ นหนา้ กระดาษ ที่จนวันน้ีก็ยังไม่รู้ว่ามีตัวตนไหม เรื่องราว ภาพวตั ถนุ นั้ จะถกู ขบั เนน้ ใหเ้ ดน่ ขน้ึ ของเขานนั้ เรารจู้ ากกาพยส์ รรเสรญิ ทแ่ี ตง่ ขน้ึ เพื่อบชู าตวั เขา หรือท่รี จู้ ักกนั ในนาม “ลัทธิ เพลโต : 529

24.  อารค์ โี ลคสั (Archilochus) เปน็ มหากวี เวอรจ์ ลิ กจ็ ะเหน็ ว่า อิเนยี ส ตวั เอกของเรือ่ ง ผมู้ ชี วี ติ ในชว่ งปี 756 – 716 กอ่ นครสิ ตกาล ผเู้ ปน็ บรรพบรุ ษุ ของชาวโรมนั นนั้ มเี ทพวี นี สั นิทานซึ่งเขียนด้วยบทกวีเร่ือง “นางจิ้งจอก เปน็ มารดา นนั่ กย็ อ่ มหมายความวา่ ชาวโรมนั กบั เมน่ ”ของเขานน้ั มแี กนเรอื่ งทเี่ ทยี บเคยี งได้ ทกุ คนลว้ นสบื เชอื้ สายมาจากเทพเจา้ นนั่ เอง กบั นทิ านเรอ่ื ง“สนุ ขั จง้ิ จอกกบั แมว”ของอสี ป เรื่องมีอยู่ว่านางจ้ิงจอกเป็นเพื่อนกับเม่น 26.  ข้อเสนอของอเดมันทัสตรงนี้น่าสนใจ วันหนึ่งนางจิ้งจอกชวนเม่นไปขโมยองุ่นใน และควรค่าแก่การน�ำมาใคร่ครวญคิด ส่ิงท่ี สวนกิน ตอนแรกเม่นไม่ยอม เพราะกลัว อเดมนั ทสั เสนอกค็ อื การปฏบิ ตั ติ วั ของมนษุ ย์ กบั ดกั ของชาวนา แตน่ างจงิ้ จอกกบ็ อกเมน่ วา่ นน้ั อยทู่ กี่ ารปลกู ฝงั จากสงั คม เพราะฉะนน้ั ไมต่ อ้ งกลวั ตนนน้ั มลี กู ไมส้ ารพดั ทง้ั สองจงึ ค�ำถามต่อมาก็คือ ถ้าเรามีความรู้เก่ียวกับ ไปขโมยองนุ่ กนิ กนั ไปๆมาๆนางจง้ิ จอกโดน ความดีอันสมบูรณ์แบบอยู่ชุดหน่ึง และเรา กบั ดกั ของชาวนาเขา้ จงึ รอ้ งใหเ้ มน่ ชว่ ย เมน่ ก็ สามารถน�ำเอาความรชู้ ดุ นมี้ าอบรมสง่ั สอน บอกนางจ้ิงจอกให้ใช้ลูกไม้ที่เคยโอ้อวดไว้ ปลูกฝังผู้คนในสังคมทุกคนตั้งแต่เด็กจนแก่ ในการเอาตัวรอดสิ แต่นางจ้ิงจอกย่อมท�ำ โดยไมม่ คี วามรชู้ ดุ อนื่ ๆ แทรกเลย คนทง้ั สงั คม ไมไ่ ดต้ ามทคี่ ยุ เจา้ เมน่ จงึ บอกนางจงิ้ จอกวา่ จะเป็นคนดีทุกคนจริงหรือไม่? สังคมนั้นๆ เวลาชาวนามาถงึ กใ็ หน้ างจง้ิ จอกแกลง้ ตาย จะเป็นสังคมในอุดมคติท่ีมีแต่คนดีเสมอไป แล้วผายลมออกมาให้ร่างกายเหม็นอย่างท่ี หรอื ไม?่ สงั คมนน้ั ๆ จะไมม่ คี วามชวั่ ปรากฏ เจ้าเมน่ เองเคยทำ� มาก่อน เมอ่ื ชาวนามาถงึ อยเู่ ลยจรงิ หรอื ไม?่ ถา้ จรงิ จรงิ เพราะอะไร? นางจ้ิงจอกก็ท�ำตามแนะน�ำของเม่น มัน และถ้าไม่จริง เพราะเหตใุ ดจึงเปน็ เชน่ นน้ั ? แกล้งตายแล้วผายลม ชาวนาเห็นเข้าก็คิด วา่ นางจง้ิ จอกตายจรงิ ๆ เพราะตวั เหมน็ เนา่ 27.  ดูเล่ม 1 เชงิ อรรถที่ 49 ของ 343c จงึ ปลดกับดกั และโยนมนั ทง้ิ ไป นางจิ้งจอก รอดมาได้ด้วยปัญญาอันเรียบง่ายของเม่น 28.  หมายถงึ 358a นั่นเอง ดว้ ยเหตนุ ้ี วาทะเดด็ (ท่ีเหลอื มาถงึ เราทกุ วนั น)้ี ของกวอี ารค์ โี ลคสั จงึ เปน็ “นาง 29.  ยงั ไมแ่ นน่ อนวา่ การตอ่ สดู้ งั กลา่ วทเี่ มอื ง จ้งิ จอกรู้เรือ่ งราวมากมาย แตเ่ จา้ เม่นรู้เร่ือง เมการา (Megara) เกดิ ขน้ึ เมอ่ื ไร และคนรกั ยง่ิ ใหญ่เพียงเรื่องเดยี ว” ของกลาวคอนเปน็ ใครก็ยงั ไมท่ ราบเช่นกัน 25.  วีรบุรุษแห่งบรรพกาลคือบรรพบุรุษ 30.  บทกวีบรรทัดน้ีต้องการจะเล่นค�ำกับ ผสู้ บื วงศม์ าจากเทพ ในภาพยนตรเ์ รอ่ื ง 300 คำ� วา่ “อรสิ ตอน” (Ἀρίστων) ซงึ่ นอกจากจะ กม็ ตี วั ละครผเู้ ลา่ เรอื่ งทพ่ี ดู วา่ “ชาวสปารต์ า เป็นช่ือบิดาของกลาวคอนและอเดมันทัส นนั้ สบื เชอ้ื สายมาจากเทพเฮราคลสี ” หรอื ถา้ (และเพลโต) แลว้ มันยังแปลว่า “ผมู้ ีความ ใครเคยอ่านมหากาพย์ Aeneid ของกวี เป็นเลิศ” ไดอ้ กี ดว้ ย 530 : รีพบั ลกิ

31.  เฮอร์มสี (Hermes) เป็นเทพแห่งการ เช่น คำ� วา่ “λογισμός” (/logismos/) แปล สง่ สาร เมอื่ เทพเจา้ ตอ้ งการจะสง่ สง่ิ ใดลงมา เป็นสองค�ำ คือ “ค�ำนวณด้วยตรรกะ” กับ ให้มนุษย์ ก็จะฝากให้เทพเฮอร์มีสเป็นผู้น�ำ “ค�ำนวณ” (340d) เปน็ ต้น ลงมา โดยที่มนุษย์ผู้นั้นก็มักจะไม่รู้ตัวก่อน ล่วงหน้า ดังนั้นจึงเกิดเป็นค�ำว่า “พรของ 34.  เช่นการเกี่ยวข้าวย่อมต้องมีช่วงเวลา เทพเฮอร์มสี ” (ἕρμαιον; /hermaion/) ขน้ึ สำ� คญั ของมนั ถา้ เลยชว่ งเวลานน้ั ไปกอ็ าจจะ ซงึ่ หมายถงึ การพบพานกบั เรอ่ื งทโ่ี ชคดโี ดย ไม่ได้ผลผลิตทดี่ เี พยี งพอ ไมค่ าดฝนั นั่นเอง 35. หากลองเปรียบเทียบค�ำว่า “หุ้นส่วน” 32.  ประโยคนจ้ี ะกลายเปน็ แกนเรอ่ื งสำ� คญั ของโพเลมารค์ สั ในเลม่ 1 ตง้ั แต่ 333a เปน็ ไปจนถึงเล่ม 10 กล่าวคือ เพลโตก�ำลังจะ ตน้ มา เราจะเหน็ วา่ ความหมายของมนั คอ่ ยๆ เสนอวา่ โครงสรา้ งหรอื ระบอบการปกครอง เปล่ยี นไป กล่าวคือจากความหมายซ่ึงเก่ียว เมอื งเมอื งหนง่ึ จะมลี กั ษณะสอดคลอ้ งไปกบั ขอ้ งกบั การทำ� สญั ญาทางการเงนิ เทา่ นนั้ มนั โครงสรา้ งของจติ วญิ ญาณมนษุ ย์ เชน่ เมอื งซง่ึ เร่ิมมีความหมายของ “ส่วนรวม” มากข้ึน ปกครองดว้ ยประชาธปิ ไตย ยอ่ มตอ้ งใหก้ ำ� เนดิ (อนั ทจ่ี รงิ ทงั้ คำ� วา่ “หนุ้ สว่ น” และ “สว่ นรวม” ชาวเมอื งซงึ่ มจี ติ วญิ ญาณแบบประชาธปิ ไตย นนั้ ใชค้ ำ� คำ� เดยี วกนั คอื κοινόν [/koinon/]) เปน็ ตน้ จนในตอนทา้ ย–นนั่ กค็ อื เมอ่ื เมอื งจากตรรกะ สรา้ งเสรจ็ สมบรู ณแ์ ลว้ – คำ� คำ� นจี้ ะถกู ใชใ้ น 33.  ค�ำว่า “λόγος” (/logos/; /โลกอส/) ความหมายของ “ส่วนรวม” โดยสมบรู ณ์ เป็นค�ำท่ีกินความหมายกว้างถึง ความคิด ทกุ อยา่ งซงึ่ ถกู สอื่ ออกมาผา่ นคำ� พดู รวมไป 36.  “คิดค�ำนวณ” (หรือบางคร้ังแปลเป็น ถงึ ตวั คำ� พดู เอง และรปู แบบของการพดู ดว้ ย “ความคดิ ”) แปลจากคำ� วา่ διάνοια (/dia- ดงั นน้ั มนั จงึ แปลไดต้ งั้ แต่ คำ� พดู ตรรกะ วาจา noia/) สำ� หรบั เพลโต “การคดิ คำ� นวณ” เปน็ สุนทรพจน์ การสนทนา การถกเถียง ฯลฯ องคป์ ระกอบหนงึ่ ของจติ วญิ ญาณมนษุ ย์ ซงึ่ อย่างไรก็ตาม ผู้แปลได้เลือกแปลค�ำนี้เป็น ใชใ้ นการท�ำความเข้าใจส่งิ ซึง่ เป็นนามธรรม “ตรรกะ” “การถกเถียง” และ “การถกเถยี ง เชน่ รูปเรขาคณิต หรือคณติ ศาสตร์ โดยยงั ดว้ ยตรรกะ” เปน็ หลกั นอกจากนนั้ กจ็ ะแปล ตอ้ งอาศยั ผสั สะชว่ ยอยู่ โดยเพลโตจะพดู ถงึ เปน็ “คำ� พดู ”หรอื “วาจา”หรอื อาจพลกิ แพลง อยา่ งละเอียดย่งิ ขน้ึ ในเล่ม 6 อยา่ งไรก็ตาม เปน็ ค�ำอื่นบา้ งในบางโอกาส (เช่น 361e ท่ี ค�ำน้ตี ่างจาก λογισμός (/logismos/) หรือ แปลเป็น “สนุ ทรพจน์” เปน็ ต้น) ท้งั นี้ ตาม “การค�ำนวณดว้ ยตรรกะ” รากศพั ทแ์ ลว้ มนั คอื “ตรรกะ” ดงั นนั้ คำ� ศพั ท์ อนื่ ๆ ซง่ึ มรี ากจาก “λόγος” ก็จะใช้วธิ แี ปล 37.  ลองเปรยี บเทียบกบั เลม่ 1 ใน 346b โดยเพ่ิมค�ำว่า “ตรรกะ” เข้าไปเท่าที่ท�ำได้ โสคราตีสจัด “การรับค่าแรง” เป็นศิลปะ เพลโต : 531

เฉพาะทางท่ีส่ือความได้ว่าเขาไม่ต้องการ และมกั แปลเปน็ ภาษาองั กฤษวา่ “spirit” (แต่ ใหใ้ ครกต็ ามในเมอื งของเขา ไมม่ งี านทำ� หรอื ไม่ใช่สปิริทในความหมายว่า “วิญญาณ”) ไม่มีศิลปะซึ่งเหมาะกับธรรมชาติของตน ค�ำวา่ ธูมอส ในทีน่ ีม้ รี ากศัพทม์ าจากคำ� วา่ แม้ว่าคนคนน้ันจะเป็นคนที่มีแต่เรี่ยวแรง thuein (/ธเู อยี น/) ซงึ่ หมายถงึ การกระแทก ไมม่ ีสมองก็ตาม หรอื การสนั่ ไหวอยา่ งรนุ แรง คำ� นมี้ รี ากเดยี ว กันกับค�ำว่า ธู (dhu) ในภาษาสันสกฤต 38.  “ตน้ กก” ในทน่ี ภ้ี าษากรกี คอื κάλαμος ซ่ึงหมายถึงการส่ันไหว เช่นในค�ำว่า ธุลี (/kalamos/) ภาษาองั กฤษคอื reed มนั เปน็ หรือ ธูป และมีรากเดียวกับค�ำว่า fumus พชื ทคี่ นโบราณนำ� ไปใชท้ �ำกระดาษปาปิรสั ในภาษาละตินที่แปลว่า “ควัน” ไม่แน่ใจว่า คำ� คำ� นเี้ ปน็ รากของคำ� วา่ “เถอื่ น” ดว้ ยหรอื ไม่ 39.  ต้นยู (Yew) เป็นไมใ้ หญช่ นิดหนึง่ มใี บ เน่ืองจากเพลโตดูจะตั้งใจน�ำเอาค�ำนี้มาใช้ แหลมเรียว สว่ นเมอรเ์ ทิล (myrtle) เปน็ พืช กบั มนุษย์โดยเฉพาะ (ถึงแม้จะเป็นสิ่งทพี่ บ ดอกลม้ ลุกขนาดเล็ก ในสัตว์ด้วยก็ตาม) ผู้แปลจึงตัดสินใจแปล เป็น “ความคึกคะนอง” แทนท่ีจะแปลว่า 40.  น่ันก็คือชีวิตแบบมีอันจะกินตามแบบ “ความดบิ เถอื่ น” (ขอขอบคณุ คณุ ซะการยี ย์ า ฉบบั ชาวเมอื งเอเธนสน์ ่ะเอง อมตยา ทีใ่ หข้ ้อเสนอแนะว่า “ธูมอส” นา่ จะ มีความสัมพันธ์กับค�ำว่า “เถื่อน”) ส�ำหรับ 41.  หรือ “เมืองซ่ึงเป็นเมืองจริงๆ ตามที่ เพลโต ความคึกคะนอง หรือ “ธูมอส” เปน็ มนั เปน็ ” สว่ นหนง่ึ ของจิตวญิ ญาณมนุษย์ (และสัตว)์ ที่คอยบันดาลให้เราเกิดอารมณ์พลุ่งพล่าน 42.  “นักถอดแบบ” หรือ “นักเลียนแบบ” รนุ แรง“ธมู อส”แตกตา่ งจาก“ความกลา้ หาญ” หรอื μιμητής (/mimētēs/) เปน็ คำ� ทเ่ี พลโต เพราะมนั เปน็ อารมณช์ นดิ หนงึ่ ซงึ่ ไมม่ คี วาม ใชเ้ รยี กพวกกวี จติ รกรรม และอน่ื ๆ เพราะ สงู สง่ (nobility) กลา่ วคอื เปน็ สงิ่ ทกี่ ระตนุ้ ให้ เพลโตมองว่ากวีนิพนธ์หรืองานศิลป์นั้น นักรบบ้าระห�่ำไม่กลัวตาย ฆ่าโดยไม่สนใจ เปน็ เพยี งการถอดแบบจากสงิ่ ตา่ งๆ รอบตวั อะไร ต่างกับความกล้าหาญ ซ่ึงความตาย ซ่งึ เกดิ จากการรบั รผู้ า่ นผัสสะเทา่ นั้น ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ การเลือกท่ีจะตายอย่าง ทรงเกยี รตคิ อื ความกลา้ หาญ การตอ่ สอู้ ยา่ ง 43.  หรือ “เกินอ�ำนาจ” ดเู ลม่ 1 เชิงอรรถ สมศกั ดศ์ิ รคี อื ความกลา้ หาญ กระนน้ั อยา่ งที่ ที่ 54 โสคราตสี ชีใ้ ห้เราเห็นวา่ ถ้าขาด “ธมู อส” ไป ความกล้าหาญก็ยากที่จะเกิดข้ึนได้ “ความ 44. “ความคึกคะนอง” เป็นคอนเซ็ปต์ที่ คึกคะนอง” เปน็ แรงผลกั ดนั ใหเ้ ราออกไปสู้ ส�ำคัญตัวหนึ่งในความคิดของเพลโต ค�ำน้ี ในสนามรบ เพราะมันท�ำให้เราไม่กลัวตาย ภาษากรกี คอื \"θυμός\" (/thymos/; /ธมู อส/) และรู้สึกมีพลัง แต่เม่ือไปถึงสนามรบแล้ว 532 : รพี ับลิก

เราต้องเลือกเองว่าจะต่อสู้แบบไหน ตรงนี้ ใหด้ ี คำ� วา่ “φιλομαθης” (/philomathēs/) ความกล้าหาญจึงเกิดขึ้นได้ เมื่อเป็นเช่นน้ี ประกอบดว้ ยคำ� วา่ philo (รกั ) และ mathēs “ความคกึ คะนอง” จงึ นำ� เราไปสกู่ ารกระท�ำ (การเรยี นร)ู้ คำ� วา่ “mathēs” ตวั นี้ มรี ากมา อน่ื ๆ อกี มากในชวี ติ ประจำ� วนั เชน่ ทำ� ใหเ้ รา จากค�ำว่า μάθημα (/mathēma/) หรือ รสู้ กึ อยากดา่ ตำ� รวจทเ่ี รยี กจบั รถมอเตอรไ์ ซค์ “คณิตศาสตร์” ดังน้ัน ส�ำหรับเพลโต และ ตามสีแ่ ยก ท้ังๆ ทใ่ี นบางคร้งั ถ้าใช้เหตุผล สำ� หรบั บรรดานกั ปรชั ญากรกี โบราณอกี มาก พจิ ารณาดๆี แลว้ ตำ� รวจคนนนั้ อาจจะกำ� ลงั คณติ ศาสตรจ์ งึ เปน็ องคค์ วามรชู้ นดิ หนง่ึ ทใ่ี ช้ ปฏิบัติหน้าท่ีถูกต้องตามวินัยทุกประการ ส�ำหรับท�ำความเข้าใจธรรมชาติและความ กไ็ ด้ แต่ “ธูมอส” บันดาลให้เราอยากกล่าว จรงิ แทข้ องโลก “ปรชั ญา” กบั “คณติ ศาสตร”์ คำ� สบถ อยากกลา่ วคำ� ดา่ จากตวั อยา่ งน้ี เรา จึงเป็นองค์ความรู้ที่มีความสัมพันธ์กันมา จะเห็นว่า “ธูมอส” น้ันเป็นส่วนหนึ่งของ อย่างเหนียวแน่น สมมติว่าเราต้องการจะ จติ วญิ ญาณทเ่ี ปน็ คอู่ รกิ บั “ตรรกะ” เราจงึ ตอ้ ง ศกึ ษาแก้วนำ�้ ใบหน่งึ ปรัชญาแบบเพลโตจะ รู้จักเรียนร้ทู ี่จะควบคมุ มันใหไ้ ด้ เรม่ิ จากการถามวา่ “แกว้ นำ�้ คอื อะไร?” สว่ น คณิตศาสตร์จะถามว่า “ลักษณะอันเป็น 45.  εἰκών(/eikon/) เปน็ รากของคำ� วา่ icon มาตรฐานของแก้วน้�ำควรเป็นอย่างไร?” ในภาษาองั กฤษ แตใ่ นภาษากรกี โบราณ คำ� นี้ (กลา่ วคอื แกว้ นำ้� ทกุ ใบควรปรมิ าตรเทา่ ไหร?่ มีความหมายใกล้เคียงกับค�ำว่า image ใน มีความสูงความยาวเท่าไหร่? เป็นต้น) เม่อื ภาษาอังกฤษ กล่าวคือ มันกินความหมาย เป็นเช่นนี้ วิชาปรัชญาแบบเพลโตและวิชา กวา้ งถงึ ทกุ สง่ิ ซง่ึ มลี กั ษณะเปน็ “ภาพสะทอ้ น” คณิตศาสตร์จึงมีเป้าหมายอยู่ท่ีการตามหา ไมว่ า่ จะเปน็ “จนิ ตภาพ” ซงึ่ เปน็ ภาพสะทอ้ น “ความเปน็ สากล” ของสิ่งตา่ งๆ เหมือนกัน ภายในจติ ใจหรอื ภาพสะทอ้ นจรงิ ๆบนผวิ นำ้� เพียงแต่อาจใช้วิธีการท่ีแตกต่างกันบ้าง หรือบนผิววัตถุ หรอื “ภาพเหมอื น” บนผืน เล็กน้อยเท่าน้ัน และนี่ก็คือสาเหตุท่ีท�ำให้ ผา้ ใบกใ็ ช้คำ� นไี้ ด้เหมือนกัน โสคราตีสกล่าวว่า “ความรักในการเรียนรู้ (philomathēs) ย่อมเป็นส่ิงเดียวกันกับ 46.  ค�ำว่า “ความรักในการเรียนรู้” นั้นมา ความรกั ในปญั ญา (philosophia)” จากค�ำว่า “φιλομαθης” (/philomathēs/) สว่ นคำ� วา่ “ปรชั ญา” และ“ความรกั ในปญั ญา” 47.  “สภุ าพบรุ ษุ ” แปลจากκαλὸςκἀγαθός มีทีม่ าจากคำ� คำ� เดยี วกันคือ “φιλοσοφία” (/kalos kagathos/) καλὸς แปลวา่ “สงู สง่ ” (/philosophia/) สำ� หรบั เพลโต “ปญั ญา” กบั หรือ “งดงาม” ส่วน κἀγαθός แปลว่า “ดี” “ความรู้อันเกิดจากการเรียนรู้” เป็นสิ่งซึ่ง ทงั้ สองคำ� นเ้ี ปน็ คำ� ทม่ี กั นำ� มาใชร้ ว่ มกนั เพอ่ื ใกล้เคียงกัน ด้วยเหตุนี้ “ความรักในการ พรรณนาคณุ สมบตั ขิ อง “นกั รบผกู้ ลา้ ” กลา่ ว เรยี นร”ู้ จงึ สอดประสานไปกบั “ความรักใน คือเป็นทงั้ ผูม้ จี ริยธรรมต่อคนในสงั คม แต่ก็ ปัญญา” หรือ “ปรัชญา” เสมอ เม่ือสังเกต มีทั้งความกล้าหาญและความคึกคะนอง เพลโต : 533

ยามตอ้ งตอ่ สกู้ บั ขา้ ศกึ คำ� นม้ี กั แปลรวบเปน็ 50.  ดเู ชิงอรรถที่ 33 gentleman ซงึ่ เป็นการแปลโดยน�ำไปเทียบ เคียงกับภาพลักษณ์ของอัศวินในยุคกลาง 51.  ค�ำว่า “สร้าง” ในทีนี้คือค�ำว่า ποιέω ที่มคี วามเปน็ “สภุ าพบุรุษ” เป็นเลิศ ผู้แปล (/poieō/) ซงึ่ เปน็ คำ� ทเี่ ปน็ ตน้ กำ� เนดิ ของคำ� วา่ ได้เลือกที่จะแปลโดยยึดจากขนบข้างต้นน้ี ποιητής (/poiētēs/) อนั แปลวา่ “กว”ี ดงั นน้ั ในจรยิ ธรรมของอรสิ โตเตล้ิ (Aristotle) ศษิ ย์ ในทศั นะของเพลโต “กวี” จงึ เป็น “ผู้สร้าง” ของเพลโต คำ� วา่ καλὸς κἀγαθός (/kalos ประเภทหน่งึ แต่ตอ้ งเขา้ ใจวา่ ค�ำวา่ “สร้าง” kagathos/) ยงั ถกู นำ� มาใชใ้ นความหมายของ ในที่นี้ไม่ได้มีความหมายเหมือนกับค�ำว่า ผ้ทู ่ีเพียบพรอ้ มดว้ ยความดงี าม ซงึ่ สามารถ “สร้างสรรค์” กวีไม่ใช่ผู้ท่ีมีความ creative ไขว่คว้าความสุขสมบรู ณไ์ ดส้ ำ� เร็จอีกด้วย กวเี ปน็ เพยี ง maker เท่าน้ัน และดว้ ยเหตุนี้ คำ� วา่ “กว”ี ในความหมายสมยั โบราณจงึ กนิ 4 8.  “กายบริหาร” แปลจากค�ำว่า ความหมายกวา้ งกวา่ คำ� วา่ “กว”ี ในปจั จบุ นั γυμναστική (/gymnastikē/) ซ่ึงเป็นราก กล่าวคอื มันหมายถงึ “นกั สร้างเร่อื ง” ในทุก ศัพท์ของ “กีฬายิมนาสติก” ในปัจจุบัน ประเภท ตงั้ แตน่ กั เลา่ นทิ าน ผเู้ ขยี นบทละคร อย่างไรก็ดี “กายบริหาร” ในที่น้ีหมายถึง ไปจนถึงมหากวีผู้รจนามหากาพย์อย่าง การศึกษาด้านการดูแลและบริหารร่างกาย โฮเมอร์ อย่างไรก็ตาม ด้วยความท่ีกวีเป็น อย่างเป็นระบบชนิดหนึ่ง เพื่อสร้างเสริม “ผู้สร้าง” ดังนั้นหากช่างท�ำรองเท้าสร้าง ความแขง็ แรงทางกายภาพ รองเท้าข้ึนมาตามขนาดเท้าของตน กวีที่ เขียนถึงรองเทา้ ก็สรา้ งรองเทา้ ในบทกวขี อง 49.  “ดนตรศี ลิ ป”์ หรอื μουσική(/mousikē/) ตัวเองขึ้นมา โดยถอดแบบจากรองเท้าของ หมายถงึ ศลิ ปะทกุ แขนงทตี่ อ้ งมกี ารอญั เชญิ ช่างท�ำรองเท้าอีกที เม่ือเป็นเช่นนี้ส�ำหรับ เทพศี ิลป์ หรือ Muse เข้ามาดลบันดาลจติ เพลโตแลว้ กวจี ึงมคี ุณค่านอ้ ยกวา่ ชา่ งฝมี ือ วิญญาณของตน เช่น กวี การขับร้อง การ ดา้ นอนื่ ๆ ดงั ทเี่ ราจะไดเ้ หน็ ตอ่ ไปในเลม่ 10 เลน่ ดนตรี เปน็ ตน้ นอกจากนย้ี งั กนิ ความไป ถึงการศึกษาด้านวรรณกรรมและอักษร 52.  เปน็ เรอ่ื งราวในมหากาพย์ Theogony ศาสตร์ทุกชนิด อันที่จริงค�ำในปัจจุบันท่ีมี ของกวเี ฮซอิ อด เรอ่ื งครา่ วๆ มอี ยวู่ า่ ยเู รนสั ความหมายคอ่ นขา้ งจะใกลเ้ คยี งกบั “ดนตรี (Uranus) หรือเทพแห่งท้องฟ้าแต่งงานกับ ศิลป์” ในยุคโบราณ ก็คือค�ำว่า “สื่อ” หรือ ไกอา (Gaia) เทพีแห่งผืนดิน มีลูกออกมา media เช่น สื่อโทรทัศน์ สื่อหนังสือพิมพ์ เปน็ ยกั ษ์ (titans) หลายตน แตย่ เู รนสั ไมช่ อบ ดงั น้นั “ดนตร”ี ในความหมายน้ี จึงเปน็ การ ลูกๆ ตัวเองเท่าไร เทพีไกอารู้สึกไม่พอใจ ศกึ ษาทม่ี ีผลต่อจิตวิญญาณโดยตรง เพราะ จงึ ใหล้ กู ชายนาม โครนอส (Kronos) ยมื เคยี ว มันจะหล่อหลอมบุคลิกภาพและความ เลม่ หนง่ึ เอาไปสงั หารบดิ า โครนอสไดเ้ คยี ว นึกคิดตา่ งๆ ของมนษุ ยข์ นึ้ มา มาก็เอาไปตัดอวัยวะเพศของยูเรนัสทิ้งแล้ว 534 : รีพับลิก

ฆา่ เสีย จากนน้ั จงึ ครองความเป็นใหญ่แทน 56.  เป็นเหตุการณ์ในมหากาพย์ Iliad ต่อมาโครนอสแต่งงานกับน้องสาวตัวเอง เล่ม 4 เป็นตอนที่กองทัพกรีกกับทรอยท�ำ นาม เรอา (Rhea) มลี กู ดว้ ยกนั เปน็ เทพและ สัญญาสงบศึกกัน เพราะไม่ต้องการเสีย เทพีจ�ำนวนหน่ึง แต่โครนอสกลัวลูกจะมา ไพรพ่ ล โดยใหเ้ มเนลาอสั แมท่ พั กรกี ตอ่ สกู้ บั ฆ่าตวั เองบ้าง จงึ ตั้งใจจะกลืนลกู ๆ ของตน ปารสี องคช์ ายของทรอยตวั ตอ่ ตวั ถา้ ฝา่ ยใด ทง้ั หมดลงไปในทอ้ ง แตเ่ รอากลบั ซอ่ นเอาไว้ ชนะกจ็ ะไดน้ างเฮเลน ไมต่ อ้ งทำ� สงครามกนั ไดค้ นหนึ่ง น่นั ก็คอื เทพซสุ (Zeus) เมอ่ื ซุส อกี ตอ่ ไป ปรากฏวา่ เทพเจา้ ไมย่ นิ ยอม เพราะ เตบิ ใหญข่ น้ึ จงึ ลกุ ขนึ้ ตอ่ ตา้ นโครนอส กระทงั่ ตา่ งฝา่ ยตา่ งกส็ นบั สนนุ มนษุ ยค์ นละฝา่ ย ทสี่ ดุ ปลดปลอ่ ยนอ้ งๆ ของตวั เองออกมาจากทอ้ ง ซสุ จงึ ตดั สนิ ใจใหส้ งครามดำ� เนนิ ตอ่ ไป และ ของโครนอสไดท้ งั้ หมดแตก่ ไ็ มไ่ ดฆ้ า่ ซสุ จองจำ� สง่ เทพอี าธนี าลงมากอ่ ความแยกแตก เพราะ โครนอสเอาไวใ้ นคกุ ใต้พนื้ พิภพตลอดกาล องค์ชายปารีสนั้นสู้เมเนลาอัสไม่ได้และ ก�ำลังจะแพอ้ ยรู่ อมรอ่ แต่ทันทที ี่เมเนลาอัส 53.  ลกู ชายของเทพเี ฮรากค็ อื เทพเฮเฟสตสั เงอื้ ดาบหมายจะปลดิ ชพี อาธนี ากบ็ นั ดาลให้ เฮเฟสตัสเป็นเทพแห่งงานช่าง เขาเกิดมา ดาบนน้ั แตกละเอยี ด และพาองคช์ ายหายตวั อาภัพ พอ่ แมท่ ะเลาะกัน เลยถูกพอ่ จบั โยน ไปในอยู่เมือง เมเนลาอัสรู้ว่าต้องมีเทพเข้า ลงมาจากสวรรค์จนขาพิการ นางเฮราจึง มายงุ่ แนๆ่ แต่ก็ทำ� อะไรไมไ่ ด้ ไดแ้ ตต่ ะโกน ไม่ยอมรับ เมื่อโตข้ึนก็เลยคิดจะแก้แค้นแม่ ก่นด่า แต่เร่ืองน้ีก็ยังไม่พอจะสร้างความ ของตนดว้ ยการสรา้ งกลไกตดิ ตง้ั ไวท้ บ่ี ลั ลงั ก์ แยกแตกได้ อาธีนาจึงไปกระซิบข้างหูนาย ของนางเมอ่ื เฮรามานงั่ กลไกกท็ ำ� งานปรากฏ กองคนหนง่ึ นามวา่ พนั ดารสั บอกพนั ดารสั โซอ่ อกมาลา่ มนางไว้ อยา่ งไรกต็ าม ในเลม่ 1 ใหล้ ะเมดิ สญั ญาสงบศกึ นซี่ ะ แลว้ ยงิ ธนไู ปใส่ ของมหากาพย์ Iliad ของโฮเมอร์ เฮราทะเลาะ เมเนลาอสั เลย เจา้ จะไดม้ ชี อ่ื เสยี ง พนั ดารสั กบั ซสุ ซสุ จงึ คดิ จะใชก้ ำ� ลงั เขา้ ตบตนี างตรงน้ี ไดฟ้ งั กเ็ ชอื่ ควา้ ธนมู ายงิ ใสเ่ มเนลาอสั ทก่ี ำ� ลงั เองทเี่ ฮเฟสตัสเข้ามาชว่ ยปกป้องแม่เอาไว้ ร้องตะโกนด่าเทพเจ้าอยู่ โดยหวังให้ลูกธนู แล่นทะลุหัวใจ ทวา่ อาธนี าไมไ่ ด้ตอ้ งการให้ 54.  วรรคนแ้ี ละอกี สองวรรคตอ่ มา มาจาก เมเนลาอสั ตายจรงิ ๆ หลอ่ นเพยี งตอ้ งการให้ มหากาพย์Iliad เลม่ 24 บรรทดั ท่ี 527 – 532 ทั้งสองกองทัพกลับมาท�ำสงครามกันต่อไป โดยโสคราตีสดัดแต่งมันเลก็ นอ้ ย เทา่ นนั้ องคเ์ ทพจี งึ ปดั ลกู ธนนู น้ั ใหแ้ ลน่ เฉยี ด สขี า้ งของเมเนลาอสั แทน ดว้ ยเหตนุ ฝี้ า่ ยกรกี 55.  ปัจจุบันยังไม่รู้แหล่งท่ีมาท่ีแน่ชัดของ จึงถือว่าฝ่ายทรอยละเมิดค�ำสาบานและ วรรคน้ี ซ่ึงอาจจะอยู่ในมหากาพย์ที่หาย สัญญาสงบศึก จนกลับมาท�ำสงครามกัน สาบสูญไปเลม่ ใดเล่มหน่ึงกเ็ ปน็ ได้ ตอ่ ในทสี่ ดุ เพลโต : 535

57.  ซสุ กบั เธมสิ เปน็ ผวู้ างแผนใหเ้ อรสิ เทพี องค์ใดๆ เทพเจ้าที่ถูกหม่ินจึงท�ำลายลูก แห่งความแตกแยก โยนแอปเปลิ ทองคำ� ลูก หลานของนางนโิ อเบเสยี สนิ้ เปน็ การสงั่ สอน หนึ่งเข้าไปในงานเล้ียง บนแอปเปิลสลักค�ำ และเปน็ ทมี่ าของบทกวีน้ี ว่า ‘แด่ผู้งดงามท่ีสุด’ เทพีผู้มีอ�ำนาจสาม องคใ์ นงานจงึ แยง่ แอปเปลิ้ ลูกน้ีกนั นนั่ กค็ ือ 59.  เพลอบส์ (Pelops) เปน็ ชอื่ กษตั รยิ อ์ งค์ เทพีอาธีนา เทพีเฮรา และเทพีอะโฟรไดตี หน่ึงในดินแดนเพโลพอนนีซัส (Pelopon- เทพีทั้งสามนางนี้ทะเลาะกัน ตกลงกันไม่ nese) ลกู หลานตระกลู น้มี ีแตเ่ รอ่ื งราวนอง ได้ว่าใครสมควรจะ ‘งดงามท่ีสุด’ สุดท้าย เลือดและเร่ืองราวอ้ือฉาว เช่น การเล่นชู้ ทงั้ สามนางจงึ ลงจากสวรรค์ ไปใหน้ ายปารสี การฆ่ากนั เอง การกนิ เนือ้ พนี่ ้อง ฯลฯ พวก คนเลี้ยงแกะช่วยตัดสิน กระนั้นเทพีแต่ละ กวีจึงชอบเอาเรื่องของตระกูลนี้มาเขียน องค์ต่างก็ติดสินบนปารีสกันคนละอย่าง อยู่บอ่ ยๆ เทพีเฮราสัญญาจะให้ปารีสเป็นกษัตริย์ผู้ ยิ่งใหญ่ เทพีอาธีนาสัญญาจะให้สติปัญญา 60.  กล่าวคือเม่ือเทพเจ้าอยู่ในสภาพดี และกำ� ลงั ทหาร สว่ นเทพอี ะโฟรไดตสี ญั ญา ท่ีสุดอยู่แล้ว ย่อมมิอาจดีมากกว่านั้นได้อีก วา่ ถา้ ปารสี เลอื กนาง นางจะใหผ้ หู้ ญงิ ทส่ี วย ถา้ เกดิ การเปลยี่ นแปลงจรงิ การเปลย่ี นแปลง ทสี่ ดุ เปน็ การตอบแทน ปารสี เลอื กหญงิ งาม นั้นยอ่ มส่งผลใหเ้ ลวลงอยา่ งเลี่ยงไมไ่ ด้ โดยต่อมาปารีสผู้น้ีได้ข้ึนเป็นองค์ชายแห่ง เมอื งทรอย เทพอี ะโฟรไดตจี งึ ทำ� ตามสญั ญา 61. จากมหากาพย์ Odyssey เล่ม 27 มอบนางเฮเลนให้ ดว้ ยการทำ� ใหน้ างหลงรกั บรรทดั ท่ี 485 – 486 ปารสี แตป่ ญั หามนั อยทู่ ว่ี า่ นางเฮเลนมสี ามี แลว้ นนั่ กค็ อื กษตั รยิ เ์ มเนลาอสั แหง่ สปารต์ า 62. โพรทิอัส (Proteus) เป็นภูติรับใช้ของ น่ันเอง ด้วยเหตุนี้ องค์ชายปารีสจึงลักพา เทพจ้าวสมุทรโพเซดอน ปรากฏตัวในมหา ตัวนางเฮเลนมาไว้ท่ีเมืองทรอย พอเป็น กาพย์ Odyssey เล่ม 4 มีความสามารถ อยา่ งน้ี เทพเี ฮรากบั เทพอี าธนี าทโ่ี มโหปารสี เปลยี่ นรปู รา่ งของตวั เองไดห้ ลากหลายและ เปน็ ทนุ เดมิ อยแู่ ลว้ (เพราะไมย่ อมเลอื กตน) ไมย่ อมใหใ้ ครจับตวั ได้ ก็เลยยุให้ฝั่งกรีกกับฝั่งทรอยรบกัน เพื่อชิง นางเฮเลน สุดท้ายก็เลยเถิดเกิดเป็นเรื่อง 63. เธทสิ (Thetis) เปน็ มารดาของอาคลิ ลสี ราวสงครามเมืองทรอยขึน้ มา ตัวเอกในมหากาพย์ Iliad เป็นนางพรายผู้ สามารถเปล่ยี นรูปรา่ งตวั เองไดส้ ารพดั 58.  บทละครเรื่องน้ีของเอสคิลัสปัจจุบัน หายสาบสญู ไปแลว้ เนอื้ เรอื่ งครา่ วๆ มอี ยวู่ า่ 64.  มาจากบทละครของกวีเอสคิลัสเร่ือง นางนโิ อเบ (Niobe) ไดไ้ ปอวดอา้ งใหเ้ ทพเจา้ Xantria ซึ่งหายสาบสูญไปแล้ว เราจึงไม่รู้ ไดย้ นิ เข้าวา่ ลกู ๆ ของตวั เองงดงามกว่าเทพี ว่าท�ำไมเทพีเฮรา ภรรยาหลวงของซุสจึง 536 : รพี ับลิก

ตอ้ งไปเรย่ี ไรทานใหแ้ กล่ กู หลานของกษตั รยิ ์ 67.  “ภตู ”ิ แปลจากคำ� วา่ δαιμόνιον (/dai- อินาคัส (Inachus) แห่งนครอาร์กอสด้วย monion/) ซึ่งเป็นรากของค�ำว่า “demon” อินาคสั มลี ูกสาวอยคู่ นหนงึ่ ชอ่ื อโี อ (Io) ซุส ท่ีทุกวันนี้แปลว่า “ปิศาจ” แต่ในสมัยกรีก ไปหลงรักนางเข้า นางอีโอจึงโดนเฮราเล่น โบราณ “ภูติ” เป็นเทพระดับต�่ำ มีความ งานดังน้ัน ถ้าว่ากันตามนี้ เฮราก็น่าจะไม่ สัมพันธ์ใกล้ชิดกับมนุษย์ และอยู่สูงกว่า ถูกกับตระกูลนี้เท่าใดนกั มนุษย์เพียงขั้นเดียวเท่านั้น ในบันทึกเรื่อง ราวของโสคราตีส ซ่ึงเขียนโดนเซโนฟอน 65.  εἴδωλον (/eidōlon/) เป็นรากของ (Xenophon) น้ัน เซโนฟอนก็บอกเราว่า ค�ำว่า idol ในภาษาอังกฤษ และมีรากมา ปัญญาของโสคราตีสล้วนมาจากเสียง จากค�ำว่า εἶδος (/eidos/) หรือ “รูปแบบ” กระซบิ ของ “ภูติ” ท้ังสิน้ และมคี วามหมายใกล้เคียงกับคำ� วา่ εἰκών (/eikōn/) หรอื “ภาพสะทอ้ น” (ดูเชงิ อรรถ 68.  ส่ิงเหล่าน้ีตรงข้ามกับภาพลักษณ์ของ ท่ี 46 ด้านบน) เพื่อให้เกิดความแตก เทพเจา้ ในมหากาพยห์ รอื ในบทกวที ง้ั หลาย ต่างจึงแปลค�ำว่า εἴδωλον (/eidōlon/) ในสมัยน้นั โดยสิ้นเชงิ เปน็ “แบบสะทอ้ น” –– ควรทราบวา่ ในคมั ภรี ์ ไบเบ้ลิ ซึง่ เขยี นขน้ึ ในช่วงตน้ คริสตศ์ ตวรรษ 69.  อยู่ในเล่ม 2 ของมหากาพย์ Iliad ด้วยภาษากรีกนั้น ใช้ค�ำนี้ในความหมาย เทพซุสทนฟังค�ำขอร้องจากนางพรายเธทิส ของ “รูปเคารพ” หรือ “พระเจ้าปลอม” มารดาของอาคิลลีสไม่ไหวจึงดลบันดาล เชน่ ในไบเบลิ้ พนั ธสญั ญาใหม่ เลม่ “กจิ การ” ความฝันหลอกลวงอากาเมมนอนให้ยก (Acts) บทที่ 7 วรรคที่ 41 – “ในคราวน้ัน ทพั ไปโจมตีเมืองทรอยทัง้ ๆ ที่ยงั ไม่พร้อม เขาท้ังหลายได้ท�ำรูปโคหนุ่ม และได้น�ำ เครื่องสัตวบูชามาถวายแก่รูปน้ัน” ค�ำว่า 70.  ยังไม่พบแน่ชัดว่ามาจากบทกวีบท “รูป” ในท่ีน้ีแปลจากค�ำกรีกว่า εἴδωλον ใดของเอสคิลัส แต่หลักใหญ่ใจความก็คือ (/eidōlon/) ในความหมายของ “รปู เคารพ” เทพอพอลโลหลอกลวงนางเธทิส 66.  ด้วยเหตุน้ีส�ำหรับเพลโต การโกหก 71.  ในเอเธนส์ บทละครเป็นของกวี แต่ ด้วยวาจาจึงไม่ใช่เรื่องผิด ตราบใดที่เรายัง นกั รอ้ งคอรสั เปน็ ของสาธารณะ ถา้ เจา้ เมอื ง รักษาความสัตย์จริงในจิตวิญญาณเอาไว้ได้ ไมใ่ หใ้ ช้ บทละครกเ็ อาขนึ้ แสดงบนเวทไี มไ่ ด้ เพลโตให้โสคราตีสจ�ำแนกความลวงออก เพราะขาดนักรอ้ งประสานเสียง มาในลักษณะน้ี ก็เพื่อจะหาทางออกให้แก่ ค�ำถามที่ว่า “ผู้ปกครองท่ีดีโกหกชาวเมือง ของตนไดไ้ หม?” เพลโต : 537

เชิงอรรถ เล่ม 3 1.  อาคลิ ลสี เปน็ ผพู้ ดู ขอ้ ความนใี้ น Odyssey หลับไปริมชายทะเล พาโทรคลัสมาปรากฏ เลม่ ท่ี 11 เปน็ ฉากท่โี อดสิ ซิอสั ตวั เอกของ ในฝัน เพื่อบอกให้เขารีบเผาร่างตนเองเสีย เรอื่ งไดล้ งไปชมนรก และไดพ้ บกบั อาคลิ ลสี ไมเ่ ชน่ นนั้ จติ วญิ ญาณของเขาจะไมส่ ามารถ ผเู้ ปน็ ยอดนกั รบฝา่ ยกรกี ในมหากาพย์ Iliad เข้าไปในดินแดนฮาดีสได้ หลังจากพูดจบ ส่ิงทนี่ ่าสนใจกค็ ือ แม้เราจะเห็นวา่ อาคลิ ลสี เขากจ็ างหายไปเหมือนควัน อาคลิ ลสี จะดึง ไดส้ รา้ งวรี กรรมในสงครามกรงุ ทรอย แตเ่ ขาก็ เข้ามากอดไว้ก็ไม่ทันเสียแล้ว เขาจึงคร�่ำ ตอ้ งตกนรก ทำ� ไมถงึ เปน็ เชน่ นน้ั ? คำ� ตอบหนง่ึ ครวญวรรคนีอ้ อกมา ทเี่ ปน็ ไปไดก้ ค็ อื การกระทำ� ของอาคลิ ลสี ไมใช่ ความกลา้ หาญแตเ่ ปน็ เพยี ง“ความคกึ คะนอง” 4.  จาก Odyssey เลม่ 10บรรทดั ที่495เปน็ ดว้ ยความคกึ คะนองนท้ี ท่ี ำ� ใหอ้ าคลิ ลสี คดิ แต่ ฉากทนี่ างแม่มดเคอรค์ ี (Kirke หรือ Circe) จะฆา่ เขาถกู ครอบงำ� ดว้ ยอารมณ์ (passion) เล่าให้โอดิสซิอัสฟังว่า ในนรกน้ันยังมีนัก จนไม่สามารถสงบใจ การกระทำ� ของเขาจึง พยากรณ์ผู้มีปัญญาแหลมคมอยู่คนหนึ่ง ขาดความสงู สง่ ไมม่ คี วามกลา้ หาญ (ซงึ่ เปน็ ซึ่งยังไม่สูญเสียความนึกคิดอย่างมนุษย์ไป จรยิ ธรรมของชาวกรกี โบราณ) โสคราตสี ตงั้ ใจ เสยี ทเี ดยี ว ยกคำ� กล่าวของอาคลิ ลีสขน้ึ มาเปน็ ตวั อยา่ ง ดว้ ยเหตผุ ลทเี่ ขาตอ้ งการแสดงใหอ้ เดมนั ทสั 5.  จากมหากาพย์ Iliad เล่ม 16 บรรทดั ท่ี เหน็ ถงึ ผลของการไมร่ จู้ กั สงบใจพรอ้ มๆ กับ 856 – 857 “จติ วญิ ญาณดวงนน้ั ” ในทนี คี้ อื ช้ีใหเ้ หน็ ถึงภาพลกั ษณ์อันย่�ำแยข่ องนรก จิตวิญญาณของพาโทรคลัส เพื่อนรักของ อาคิลลีส 2.  จากมหากาพย์ Iliad เลม่ 20 บรรทดั ท่ี 64–65“เขา”ในทนี คี้ อื เทพฮาดสี ผคู้ รองนรก 6.  จากมหากาพย์ Iliad เล่ม 23 บรรทัด และ “บา้ น” ในทีนี้ก็คือนรก ที่ 100 – 101 3.  จากมหากาพย์ Iliad เล่ม 23 บรรทดั ท่ี 7. จากมหากาพย์ Odyssey เลม่ 24 บรรทดั ที่ 103 – 104 ซึ่งเป็นฉากท่ีอาคิลลีสก�ำลัง 6 – 9 เลา่ ถึงวิญญาณของบรรดาผ้มู าสขู่ อ เศร้าโศกเสียใจกับการตายของพาโทรคลัส ภรรยาของโอดิสซิอัส และถูกเขาสังหาร (Patroclus) เมอื่ นำ� ศพกลบั มาทคี่ า่ ยได้ เขาก็ ทัง้ หมด 538 : รีพบั ลกิ

8.  ทง้ั “โคคทิ สั ” และ “สตกิ ส”์ ตา่ งกเ็ ปน็ ชอื่ 12.  จากมหากาพย์Iliadเลม่ 18บรรทดั ท่ี 54 แมน่ ำ้� ในนรกทงั้ สนิ้ คำ� วา่ “โคคทิ สั ” (Kokytos เปน็ คำ� พดู ของนางเธทสิ มารดาของอาคลิ ลสี หรอื Cocytus) แปลตรงตวั วา่ “เสยี งโหยไห”้ เมื่อได้ยินว่าลูกชายของตัวเองก�ำลังร้องไห้ ส่วนค�ำว่า “สติกส์” (Styx) แปลตรงตัวว่า เสยี ใจในความตายของเพ่ือนสนทิ “ความเกลียดชัง” 13.  จากมหากาพย์ Iliad เลม่ 22 บรรทดั ที่ 9.  โสคราตีสดัดแต่งมันเล็กน้อยจาก 168–169เทพซสุ ผเู้ ปน็ บดิ าแหง่ เทพทง้ั มวล มหากาพย์ Iliad เลม่ 24 บรรทดั ท่ี 10 – 12 เป็นผู้กล่าววรรคนี้ เพราะได้เห็นอาคิลลีส ซึ่งเป็นฉากท่ีอาคิลลีสนอนไม่หลับ เพราะ ลากศพของเฮคเตอร์ประจานไปรอบเมือง คดิ ถงึ พาโทรคลสั เพอ่ื นรกั ทเี่ พง่ิ ถกู องคช์ าย ทรอย เฮคเตอร์ฆ่าตายไป 14. จากมหากาพย์ Iliad เล่ม 16 บรรทดั ที่ 10.  จากมหากาพย์ Iliad เลม่ 18 บรรทดั ที่ 433 – 434 ซารเ์ พดอนเปน็ บตุ รมนษุ ยข์ อง 23 – 24 ซงึ่ เปน็ ฉากทีอ่ าคิลลสี กำ� ลังช็อก เทพซุสกับนางยโู รปา (Europa) หลังจากได้รับข่าวการตายของพาโทรคลัส เพอื่ นรัก 15. จากมหากาพย์ Iliad เล่ม 1 บรรทัดท่ี 599 – 600 เฮเฟสตสั เปน็ เทพแหง่ การชา่ ง 11.  จากมหากาพย์ Iliad เลม่ 22 บรรทดั ที่ ขาพิการ หนา้ ตานา่ เกลยี ด 414 – 415 พรแิ อมเปน็ กษตั รยิ เ์ มอื งทรอย บดิ าของเฮคเตอร์ ฉากนเ้ี ปน็ ฉากหลงั จากท่ี 16. หมายถึงหน้า 382c – d เล่ม 2 เฮคเตอรถ์ กู อาคลิ ลสี ฆา่ ตาย และดว้ ยความ แคน้ ทเี่ ฮคเตอรฆ์ า่ เพอ่ื นรกั ของตน อาคลิ ลสี 17. คำ� วา่ “ปัจเจกชน” และ “สว่ นตวั ” น้นั จึงเอาศพของเฮคเตอร์ผูกกับรถม้าลากไป แปลจากคำ� เดยี วกนั คอื ἰδιώτης (/idiōtēs/) รอบๆ เมอื งทรอย เพอ่ื ใหค้ รอบครวั และญาติ คำ� นน้ี อกจากจะหมายถงึ ปจั เจกชนในแงข่ อง พี่น้องเฮคเตอรไ์ ด้เหน็ ชัดๆ กษัตริยพ์ ริแอม คนหนง่ึ คน ซึง่ ตรงขา้ มกบั “ส่วนรวม” แลว้ ทนไม่ไหว แต่ก็รู้ตัวเองว่าไม่สามารถต่อกร (ดเู ชงิ อรรถท่ี35เลม่ 2ประกอบ)ยงั สอ่ ความถงึ กบั อาคลิ ลสี ได้ จงึ ตดั สนิ ใจไปออ้ นวอนขอศพ “คนหนงึ่ คน ซง่ึ ไมม่ คี วามชำ� นาญดา้ นใดเลย” ลูกชายคืนจากอาคิลลีสด้วยตัวเอง แต่ด้วย หรือกล่าวง่ายๆ ว่า “คนหนึ่งคน ซึ่งไม่ได้ ความทตี่ วั เองเปน็ ถงึ กษตั รยิ ์ ประชาชนทรอย เรยี นรสู้ ง่ิ ใดรว่ มกบั ผอู้ น่ื เลย” (มนั จงึ เปน็ ราก จงึ ไมย่ อมใหไ้ ป พรแิ อมจงึ ตอ้ งคกุ เขา่ ขอรอ้ ง ของค�ำว่า idiot ในภาษาอังกฤษ) ดังน้ัน ชาวเมอื ง “แพทย์ผู้มีความช�ำนาญ” ของโสคราตีสใน ประโยคนจ้ี งึ เปน็ อปุ มาของ “ผปู้ กครองเมอื ง” หรือ “ผู้มีองค์ความรู้ด้านการปกครอง” เพลโต : 539

กล่าวคือ การโกหกนั้นน�ำมาใช้ในการ 23. จากมหากาพย์ Iliad เลม่ 1 บรรทดั ที่ 2 ปกครองได้ แต่ผู้ใชต้ ้องเปน็ ผ้เู ชี่ยวชาญด้าน การปกครองเท่านั้น 25. อาคิลลีสด่าอากาเมมนอนด้วยความ โมโห เพราะโดนอากาเมมนอนฉกี หนา้ ดว้ ย 18.  จากมหากาพย์ Odyssey เล่ม 17 การยึดรางวัลจากการศึก ซึ่งได้จากการรบ บรรทดั ท่ี 383 – 384 ควรทราบวา่ บรรทดั กบั กองทพั ทรอย ในสมยั โบราณรางวลั เหลา่ ถัดจากน้ี คือ “กวีผู้ได้รับแรงดลใจจาก น้ี (เช่น ผู้หญิงและทรัพย์สินต่างๆ) ถอื เปน็ เทพเจ้า ผู้สรา้ งความสุขแก่มวลเรา” ไม่รู้วา่ เครอ่ื งบง่ บอกศกั ดศ์ิ รแี ละความเกง่ กลา้ ของ เพลโตจงใจตดั บรรทดั นท้ี ง้ิ หรอื เปลา่ เพราะ แม่ทัพ ถ้าถูกยึดไปก็เท่ากับเป็นการลบหลู่ เขาไม่ค่อยถูกกับพวกกวเี สียเทา่ ไร เกียรติ ด้วยเหตุนี้ อาคิลลีสจึงถอนตัวจาก กองทพั กรกี (ช่วั คราว) 19.  ดูเลม่ 2 เชงิ อรรถที่ 15 24.  จากมหากาพย์ Odyssey เลม่ 9 บรรทดั 20.  “ความสำ� ราญ” หรอื “ความสขุ สำ� ราญ” ท่ี 8 – 10 แปลจาก ἡδονή (/hēdonē/) อันเป็นราก ของค�ำว่า hedonism ในภาษาอังกฤษ 25.  ประโยคนม้ี าจากมหากาพย์ Odyssey ความสขุ สำ� ราญเปน็ ความสขุ อนั เกยี่ วพนั กบั เล่ม 12 บรรทัดท่ี 342 คนพูดประโยคนี้ ผสั สะทงั้ หา้ (ลองเปรยี บเทยี บกบั “ความสขุ คือลูกเรือของโอดิสซิอัสที่ก�ำลังหิวจนหน้า สมบรู ณ์” ในเล่ม 1 เชงิ อรรถที่ 67 ในเล่ม มืดตามัว จะกินสัตว์บูชายัญของเทพดวง 2 (357a) กลาวคอนจัด “ความสขุ สำ� ราญ” อาทติ ย์ ทงั้ ๆ ท่โี อดสิ ซิอัสเพ่งิ จะเตอื นไปวา่ ไวเ้ ปน็ คุณความดชี นดิ แรก ให้สงบใจ 21. จากมหากาพย์ Iliad เลม่ 4 บรรทดั ท่ี 26.  เหตุการณ์ครั้งนี้ระหว่างซุสกับเฮรา 412 ดโิ อเมดสี (Diomedes) แมท่ พั ฝา่ ยกรกี เกิดขึ้นในมหากาพย์ Iliad เล่ม 14 ส่วน ในสงครามเมอื งทรอย พูดประโยคนีเ้ พื่อสั่ง ประโยคสดุ ทา้ ยในเครอื่ งหมายคำ� พดู มาจาก ให้สเธเนลสั (Sthenelus) นายกองคนสนทิ บรรทดั ท่ี296ในเลม่ เดยี วกนั เปน็ คำ� บรรยาย ของตนให้สงบอารมณ์ลง อย่าได้วู่วามใน ของโฮเมอร์ท่ีกล่าวถึงการแต่งงานระหว่าง การรบที่กำ� ลังจะเกิดข้นึ ตามมา ซุสกับเฮรา 22.  บรรทัดแรกมาจากมหากาพย์ Iliad 27.  เปน็ เหตกุ ารณจ์ ากมหากาพย์ Odyssey เลม่ 3 บรรทดั ที่ 8 สว่ นบรรทดั ทส่ี องมาจาก เลม่ 8 เรอ่ื งของเรอื่ งคอื เทพซสุ จบั เฮเฟสตสั มหากาพย์ Iliad เล่ม 4 บรรทัดท่ี 431 ซ่งึ เทพพิการให้แต่งงานกับเทพีอะโฟรไดตี เป็นเหตุการณต์ อ่ เนือ่ งจากวรรคดา้ นบน เทพแี หง่ ความรกั เพอ่ื วา่ เทพหนมุ่ ๆ คนอน่ื ๆ 540 : รพี ับลิก

จะได้ไม่ต้องมาทะเลาะกนั แย่งนางอกี เทพี จะไดม้ พี นั ธะตอ้ งนำ� มนั กลบั ไปถวายคนื แต่ อะโฟรไดตยี อ่ มตอ้ งไมพ่ อใจแนน่ อน จงึ แอบ เม่ือพาโทรคลสั เพื่อนรักตายไป อาคลิ ลสี ก็ สมสกู่ บั อารสี เทพแหง่ สงคราม บนเตยี งของ ลมื พนั ธะทกุ อยา่ ง ปลอ่ ยใจไปกบั ความเศรา้ เฮเฟสตัส เทพเฮเฟสตัสจับทั้งคู่ได้คาหนัง คาเขา เขามัดทั้งคู่ไว้ด้วยตาข่ายกันก่อนจะ 34.  ฉากลากเฮคเตอร์อยู่ในเล่ม 24 ของ นำ� ออกประจานตอ่ หนา้ ทวยเทพอน่ื ๆ มหากาพย์ Iliad สว่ นฉากสงั หารเชลย ซงึ่ เปน็ บุตรหลานชาวโทรจัน 12 คน นั้นอยู่ใน 28.  จากมหากาพย์ Odyssey เล่ม 20 เล่ม 23 บรรทดั ท่ี 17 – 18 โอดสิ ซอิ สั เปน็ คนกลา่ ว ข้อความน้ี เพราะได้ยินสาวใช้ในบ้านตน 35.  ไครอน (Chiron) เป็นเซ็นทอร์ (ครึ่ง พดู จาโปรยเสนห่ ใ์ สห่ นมุ่ ๆ ทเ่ี ดนิ ทางมาสขู่ อ มา้ ครงึ่ คน) ผไู้ ดร้ บั การยกยอ่ งวา่ มสี ตปิ ญั ญา ภรรยาของตน ซึ่งเช้าต่อมาโอดิสซิอัสก็ สงู สดุ ในหมูเ่ ซน็ ทอร์ด้วยกนั สังหารหนมุ่ ๆ พวกนจี้ นเกลี้ยง 36.  ธีซีอัส (Theseus) เป็นกษัตริย์ใน 29.  ไม่รู้แหล่งที่มาชดั เจน ตำ� นานของกรงุ เอเธนส์ เคยรว่ มมอื กบั ญาติ ของตน ไพริโธอัส (Peirithous) ฉุดคร่า 30.  เหตกุ ารณจ์ ากเลม่ 24 ของมหากาพย์ นางเฮเลนมาจากสปาร์ตา เพ่ือเอามาเป็น Iliad “ศพ” ในท่นี ้คี ือศพของเฮคเตอรซ์ ง่ึ ถูก เมียของธีซีอัส จนเกิดเป็นสงครามระหว่าง อาคลิ ลสี ฆา่ ตายและไมย่ อมคนื ใหแ้ กก่ ษตั รยิ ์ เอเธนส์กับสปาร์ตาข้ึน และหลังจากน้ัน พรแิ อมไปท�ำพธิ ี ยังร่วมมือกันฉุดเทพีเพอร์เซโฟเน (Perse- phone) เมียของเทพฮาดีส เพื่อจะเอามา 31.  มาจากมหากาพย์ Iliad เลม่ 22 บรรทดั เปน็ เมียของไพรโิ ธอัสดว้ ย ที่ 15 และบรรทัดที่ 20 “เทพผู้ยิงไกล” เปน็ ฉายาหน่งึ ของเทพอพอลโล 37.  หมายถงึ เลม่ 2 หน้า 379b – c 32.  มาจากเรื่องราวในมหากาพย์ Iliad 38.  ท้งั 4 บรรทัดน้ีมาจากบทละครท่หี าย เล่ม 21 อาคิลลีสท้าสู้กับเทพแห่งสายน�้ำ สาบสญู ไปของเอสคลิ ัส เรอ่ื ง Niobe สคามันดรัส (Scamander หรอื Skaman- dros) 39.  ดเู ลม่ 1 เชงิ อรรถท่ี 49 หน้า 343c 33.  จากมหากาพย์ Iliad เลม่ 23 บรรทัด 40.  โดยทว่ั ไป“การเลา่ เรอ่ื ง”หรอื διήγησις ท่ี151ปอยผมนบี้ ดิ าของอาคลิ ลสี ทำ� พธิ ไี วก้ บั (/diēgēsis/) นั้นหมายถึงการรายงาน เทพแห่งสายน�้ำสเปร์คีอัส เพ่ือว่าอาคิลลีส เหตกุ ารณอ์ ยา่ งตรงไปตรงมา เชน่ งานเขยี น เพลโต : 541

ทางประวัติศาสตร์ เป็นต้น “การเล่าเรื่อง” สงู กวา่ การเลา่ เรอื่ งธรรมดาๆ เพราะมนั เขา้ หรือ diēgēsis จึงเป็นวิธีการเล่าที่ตัวผู้เล่า ใกลก้ บั วชิ าการเรยี นรคู้ วามจรงิ หรอื ปรชั ญา ไม่เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในเรื่องราวท่ีตนเล่า มากกวา่ ศาสตรแ์ ขนงใดๆ นัน่ เอง และมุ่งหวังที่จะน�ำเสนอความจริงอย่าง ตรงไปตรงมา ซ่ึงตรงกันข้ามกับ “การถอด 41.  จากมหากาพย์ Iliad เล่ม 1 บรรทัด แบบ” หรอื μίμησις (/mimēsis/) ซงึ่ หมายถงึ ที่15–16“เขา”ในทนี คี้ อื ไครสสี นกั บวชแหง่ วิธีการเล่าโดยหยิบเหตุการณ์ใดเหตุการณ์ อพอลโล ส่วน “บุตรทั้งสองแหง่ อาเทรอัส” หน่ึงข้ึนมาเพ่ือน�ำเสนอให้ผู้อ่ืนได้ชมหรือ (Atreus) หมายถงึ แมท่ พั อากาเมมนอน และ ไดฟ้ งั “การถอดแบบ” หรอื mimēsis จงึ เปน็ นอ้ งชาย แม่ทัพเมเนลาอัส การเล่าที่มุ่งผลิตผลลัพธ์ทางอารมณ์บาง ประการแกผ่ ชู้ มหรอื ผฟู้ งั เสมอ เชน่ ละครเวที 42.  “คิดค�ำนวณ” หรือ διάνοια (/dia- เปน็ ตน้ ดงั นน้ั “การถอดแบบ” จงึ เปน็ วธิ กี าร noia/) ดเู ลม่ 2 เชิงอรรถที่ 36 เลา่ เรอื่ งทต่ี วั ผเู้ ลา่ จะเขา้ ไปเปน็ สว่ นหนงึ่ ของ ตวั ละครในเรอ่ื งเสมอ ไมม่ ี “ความเปน็ กลาง” 43.  เกาะอธิ ากา (Ithaca) เปน็ บา้ นเกดิ ของ เหมอื นกบั “การเลา่ เรอื่ ง” ดว้ ยเหตนุ ใ้ี นสมยั โอดสิ ซอิ สั ในมหากาพย์ Odyssey โบราณ เราจงึ มกั พบวา่ διήγησις(/diēgēsis/) น้ันถูกน�ำมาอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับ μίμησις 44.  โดยท่ัวไปถ้อยค�ำต่างๆ ท่ีกวีรจนาขึ้น (/mimēsis/)อยบู่ อ่ ยๆอยา่ งไรกต็ ามในขณะที่ จะประกอบดว้ ย 2 สว่ นหลกั ๆ สว่ นแรกคือ เพลโตมองวา่ การเลา่ เรอื่ งนน้ั สงู คา่ กวา่ การ “คำ� พดู ของตวั ละคร” อกี สว่ นหนงึ่ คอื “คำ� พดู ถอดแบบ อรสิ โตเตล้ิ กลบั เหน็ ในทางตรงขา้ ม หรอื คำ� บรรยายของกว”ี เชน่ ขอ้ ความ2บรรทดั เขาเหน็ วา่ การถอดแบบเปน็ ทกั ษะทเ่ี ขา้ ใกล้ จากมหากาพย์ Iliad ทโ่ี สคราตสี ยกตวั อยา่ ง ความจรงิ ตามทเ่ี ปน็ ไดม้ ากกวา่ การเลา่ เรอื่ ง มาเปน็ “ค�ำพูดของกวี” ด้วยเหตุนี้โสคราตสี อยา่ งเรยี บงา่ ย เพราะอรสิ โตเตล้ิ มองวา่ การ จงึ ถามวา่ “คำ� พดู ตา่ งๆ ทเี่ ขาเลา่ ออกมา (คำ� เลยี นแบบเปน็ สง่ิ ทอี่ ยใู่ นธรรมชาตกิ ารเรยี นรู้ บรรยายของกวี) รวมไปถึงข้อความระหว่าง ของมนษุ ยอ์ ยูแ่ ล้ว มนษุ ยเ์ รมิ่ เรยี นรสู้ ง่ิ ตา่ งๆ ค�ำพดู เหลา่ น้นั (คำ� พูดของตัวละคร) ก็ลว้ น จากการเลยี นแบบ เชน่ เดก็ เลยี นแบบผใู้ หญ่ แล้วแต่นับเปน็ การเล่าเร่อื งทง้ั ส้ินใชไ่ หม?” เปน็ ตน้ เมอื่ เปน็ เชน่ นี้ทกั ษะการถอดแบบเพอื่ นำ� เสนอวถิ ที างอนั ถกู ควรจงึ เปน็ สง่ิ สำ� คญั ยง่ิ 45.  อากาเมมนอนเป็นกษัตริย์แห่งเมือง นักถอดแบบจะต้องเรียนรู้พฤติกรรมและ อารก์ อส (Argos) บคุ ลกิ ภาพของมนษุ ยม์ าอยา่ งดี และจะตอ้ ง เรยี นรปู้ รชั ญาจรยิ ธรรมอกี ดว้ ย เพอื่ วา่ ผลงาน 46.  โปรดสงั เกตคำ� วา่ “ชนดิ ตรงขา้ ม” เพลโต ของตน (เชน่ บทละคร) จะไดอ้ อกมาดี ดงั นน้ั กำ� ลงั จบั “การเลา่ เรอ่ื ง” กบั “การถอดแบบ” ในทศั นะของอรสิ โตเตล้ิ การถอดแบบจงึ อยู่ มาเปน็ คูต่ รงขา้ มกนั 542 : รีพับลกิ

47.  เพราะบทละครมักไม่มีการเล่าเรื่อง บทกวี ค�ำน้ียังอาจกินความถึงสัมผัสเสียง ของกวี มีแต่ค�ำพูดของตัวละคร ซ่ึงเพลโต หรอื สัมผัสค�ำดว้ ย เสนอวา่ คำ� พดู ของตวั ละครเหลา่ นจี้ รงิ ๆกค็ อื ถอ้ ยคำ� ของกวี กวที ำ� ใหเ้ ราฟงั ดเู หมอื นวา่ เขา 54.  มดยอบ หรือ μύρον (/myron/) เปน็ ไมไ่ ดเ้ ปน็ ผพู้ ดู แตจ่ รงิ ๆ แลว้ ไมใ่ ช่ กวกี ำ� ลงั เอา สมนุ ไพรชนดิ หนงึ่ ในสมยั โบราณมกั นำ� มาทำ� ตวั เองแฝงเขา้ ไปในตวั ละครเสมอ ดว้ ยเหตนุ ้ี น�้ำมันหอมเพื่อใช้ในพิธีศักด์ิสิทธ์ิ วิธีการ การนำ� เสนอเรอื่ งราวตา่ งๆ ดว้ ยการถอดแบบ “ส่งแขก” ของโสคราตีสในทีน้ี โดยทั่วไปใช้ จงึ เปน็ สง่ิ ทบ่ี ดิ เบอื นความจริง ในพธิ บี ชู ารปู ปน้ั เทพเจา้ แตใ่ นบางพน้ื ทก่ี น็ ำ� มาใช้ไล่คนท่ีถูกตัดสินว่าเป็นกาลกิณีของ 48.  คำ� กรกี คอื διθυράμβους (/dithuram- บา้ นเมอื ง กลา่ วคอื โสคราตสี กำ� ลงั หลอกดา่ bous/) กาพยช์ นดิ นม้ี กั เตม็ ไปดว้ ยการจงใจ พวกกวี (โดยเฉพาะโฮเมอร)์ อยนู่ ัน่ เอง ใช้ศัพท์แสงสูงๆ และการประดิษฐ์ค�ำใหม่ เพ่ือให้บทกวแี ลดูทรงปญั ญาอยตู่ ลอดเวลา 55.  “การขบั รอ้ ง” หรอื “ลำ� นำ� ขบั รอ้ ง” แปล จาก “ᾠδή” (/ōdē/) อันเป็นรากของ ode 49.  “บทกวีชนิดอื่นๆ” ก็อย่างเช่นพวก โดยทั่วไปหมายถึงบทกวีขนาดส้ัน ใช้ร้อง บทกวีส้ันๆ ที่เขียนข้ึนมาเพื่อใช้ขับร้องคู่ ควบคู่กับดนตรี อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบัน กบั เครื่องดนตรโี ดยเฉพาะอะไรทำ� นองนน้ั คำ� นม้ี กั ใชใ้ นความหมายถงึ บทกวซี ง่ึ แตง่ ขน้ึ เพอ่ื รำ� พงึ รำ� พนั ถงึ สงิ่ ใดสง่ิ หนงึ่ เชน่ Ode to 50.  ดูตรรกะของธราซิมาคัสในเล่ม 1 a Nightingale หรือ “บทรำ� พึงถงึ เจ้าไนตงิ (340e) เกล” ของจอหน์ คตี ส์ (John Keats) เปน็ ตน้ 51.  “สุภาพบุรษุ ” ดเู ลม่ 2 เชงิ อรรถที่ 47 56.  ลิเดีย (Lydia) เป็นอาณาจักโบราณ แหง่ หนงึ่ ในอานาโตเลยี ดนตรที เ่ี กดิ ขนึ้ แถบ 52.  “เสียงประสาน” หรือ “ความสอด นนั้ จงึ เรยี กวา่ ลเิ ดยี น บนั ไดเสยี งแบบลเิ ดยี น ประสาน” แปลจาก ἁρμονία (/harmonia/) มคี วามซบั ซอ้ น และสามารถอา่ นเพม่ิ เตมิ ได้ อนั เป็นรากของ harmony ในภาษาอังกฤษ ใน M. L. West, Ancient Greek Music, อย่างไรก็ตาม เมื่อน�ำมาใช้กับดนตรีน่าจะ (Oxford: Oxford University Press, 1992) หมายถึง “บันไดเสียง” ดังนั้นในบางบริบท ค�ำนจี้ ึงแปลว่า “บันไดเสียง” 57.  ลูท (lute) เป็นเคร่ืองดนตรีชนิดหน่ึง มหี ลายสาย คอยาวคล้ายกตี าร์ 53.  “ทว่ งทำ� นอง” หรอื “จงั หวะ” แปลจาก ῥυθμός (/rythmos/) อันเปน็ รากของค�ำวา่ 58.  “ปี”่ ในทนี แี้ ปลจาก αὐλός (/aulos/) rhythm ในภาษาอังกฤษ เมื่อน�ำมาใช้กับ ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีประเภทเคร่ืองเป่าสมัย เพลโต : 543

โบราณชนิดหน่ึง ปัจจุบันจัดอยู่ในประเภท (เสียงยาว 1 พยางค์ มีค่าเท่ากับเสียงสั้น “เครอ่ื งเปา่ ลมไม”้ เพราะมนั มี “ลนิ้ ” สำ� หรบั 2 พยางค์) รูปแบบท่ีสองเรียกว่า 3/2 คือ เปา่ ซงึ่ ท�ำจากไม้ มีเสียงสน้ั และยาวรวมกนั แลว้ ได้ 5 พยางค์ และแบบที่สามคือ 2/1 คือรวมกันแล้วได้ 59. คิธาร่า (kithara หรือ cither) เป็นต้น 3 พยางค์ ยกตวั อยา่ งเชน่ แตล่ ะบรรทดั ของ ก�ำเนดิ ของกีตาร์ในปัจจบุ นั มหากาพย์ Iliad จะประกอบดว้ ยสมั ผสั แบบ 2/2 หกชดุ เป็นต้น 60. เทพอพอลโลเป็นเทพผู้คิดค้นเครื่อง ดนตรปี ระเภทคธิ ารา่ สว่ นมารส์ อิ สั (Marsyas) 64.  ดามอน (Damon) เปน็ ผเู้ ชยี่ วชาญดา้ น เป็นเพียงคนจรที่เป่าปี่พอได้ อยู่มาวันหน่ึง ดนตรใี นศตวรรษท่ี 5 กอ่ นครสิ ตกาล เคยเปน็ มาร์สิอัสเกิดโอหังถึงข้ันไปท้าอพอลโล่แข่ง ท่ีปรึกษาของนักประชาธิปไตยคนส�ำคัญ บรรเลงดนตรี ผลกค็ อื เทพศี ลิ ปเ์ ลอื กใหฝ้ า่ ย อย่าง เพรคิ ลีส (Pericles) ดว้ ย อพอลโลเปน็ ผชู้ นะ เทพอพอลโลกเ็ ลยลงโทษ มารส์ อิ สั ดว้ ยการจบั ถลกหนงั เสยี เลย ในสมยั 65.  “เอนอพเลียน” หรือ ἐνόπλιόν โบราณ ปเ่ี ปน็ เครอื่ งดนตรที ใี่ ชแ้ สดงอารมณ์ (/enoplion/) เปน็ วธิ กี ารใชช้ ดุ สมั ผสั เสยี งใน ไดอ้ ยา่ งหลากหลายทส่ี ดุ และมารส์ อิ สั กเ็ ปน็ บทเพลงปลกุ ใจในสนามรบ คนชั่วช้าที่ไม่มีความยับยั้งช่ังใจทางเพศถึง ขน้ั มีเซ็กสก์ บั สตั ว์ดว้ ย 66. “ดัคทิล” (dactyl) เป็นชุดสัมผัสเสียง แบบ 2/2 ชนดิ หนง่ึ ซง่ึ ประกอบดว้ ยเสยี งสนั้ 61.  “สนุ ขั ” เปน็ หนง่ึ ในคำ� สบถตดิ ปากของ 2 พยางคแ์ ละเสียงยาว1 พยางค์ (เสียงยาว โสคราตีส 1พยางค์มคี า่ เทา่ กบั เสยี งสน้ั 2พยางค์–เชน่ “บาม บมั บัม”) สว่ นสมั ผสั “ฮีโรอิค” เปน็ 62.  “สัมผัสเสียง” ในที่น้ีถูกน�ำมาใช้ใน อีกชื่อหน่ึงของชุดสัมผัสเสียงในมหากาพย์ ฐานะคำ� คลา้ ยกบั “จงั หวะ” (ดเู ชงิ อรรถที่ 53) ของโฮเมอร์ 63.  ในกวนี พิ นธก์ รกี โบราณ “สมั ผสั เสยี ง” 67.  ไอแอมบิค (iambic) ในสมัยโบราณ จะประกอบข้ึนจากชุดของพยางค์เสียงสั้น เป็นสัมผัสเสียงท่ีน�ำมาใช้กับบทกวีส�ำหรับ และเสยี งยาว และเมอื่ นำ� ชดุ ของสมั ผสั เสยี ง เสยี ดสี ดา่ ทอ แตใ่ นปจั จบุ นั นำ� มาใชก้ บั บทกวี เหลา่ นน้ั มาจดั เรยี งกนั กจ็ ะไดเ้ ปน็ บทกลอน ไดท้ กุ ประเภท เชน่ เชคสเปยี รเ์ ปน็ ผเู้ ชย่ี วชาญ 1 บรรทดั โดยทว่ั ไปแลว้ – อยา่ งทกี่ ลาวคอน การเลน่ สมั ผสั แบบไอแอมบคิ สว่ นทรอเคอคิ กลา่ ว–ชดุ สมั ผสั เสยี งพนื้ ฐานนนั้ แบง่ หยาบๆ (trochaic) เปน็ สมั ผสั แบบ 2/1 ชนดิ หนง่ึ คอื ได้ 3 รูปแบบ รูปแบบแรกเรียกว่า 2/2 ประกอบดว้ ยเสยี งยาว 1 พยางคแ์ ละเสยี งสน้ั คือมีเสียงสั้นและยาวรวมกันได้ 4 พยางค์ 1 พยางค์ มกั ใช้ในบทกวีในงานพธิ กี าร 544 : รพี บั ลิก

68.  จาก 398d เสนอตอ่ กษตั รยิ ด์ โิ อนซิ สั ทส่ี อง บนเกาะซซิ ลิ ่ี ไม่แน่ว่าเขาคงได้เห็น “อาหารชาววัง” บน 69.  สรปุ อยา่ งยน่ ยอ่ ไดว้ า่ อปุ นสิ ยั (ēthos) เกาะน้ันมาก็เป็นได้ เป็นตัวก�ำหนดการเลือกใช้ค�ำพูด (logos) และส�ำนวน (lexis) จากน้ัน ค�ำพูดและ 76.  ในกรีกโบราณ มีอาชีพอยู่อาชีพหนึ่ง ส�ำนวนจะเป็นตัวก�ำหนดจังหวะและเสียง เรียกวา่ ἑταῖραι (/hetairai/) หรือ “โสเภณี ประสานตา่ งๆ อกี ทอดหนง่ึ และแนน่ อนสง่ิ ที่ ชนั้ สงู ” นา่ จะเทยี บไดก้ บั “เกอชิ า” ของญปี่ นุ่ จะก�ำหนดอุปนิสัยได้ก็คือ การศึกษา และ แนน่ อนวา่ พวกหลอ่ นยอ่ มตอ้ งมฝี มี อื ในการ ส�ำหรับเพลโตแล้ว ผู้มีอ�ำนาจก�ำหนดการ ท�ำอาหารอยู่ในระดับ “ชาววัง” และเมือง ศกึ ษาไดก้ ็คือ ผู้ปกครองของเมอื งนนั้ ๆ โครินธ์ก็ขนึ้ ชอ่ื ในเร่ืองนีม้ ากเสียด้วย 70.  ดเู ล่ม 1 (348d) เชงิ อรรถที่ 57 77.  “อัตติก” (Attica) เปน็ ดินแดนบรเิ วณ ภาคกลางของกรีซ ซึ่งเมืองเอเธนส์ก็อยู่ใน 71.  “คดิ คำ� นวณ” หรอื διάνοια(/dianoia/) ดนิ แดนส่วนน้ดี ว้ ย ดเู ลม่ 2 เชงิ อรรถที่ 36; กลา่ วคอื โสคราตสี ตอ้ งการกำ� หนดใหก้ ารใชส้ ำ� นวน จงั หวะ และ 78.  โดยทั่วไปหมายถึงคนท่ีไม่ได้เป็นทาส เสยี งประสาน อยา่ งถกู ตอ้ งนนั้ เปน็ สว่ นหนง่ึ แต่ในท่ีน้ียังอาจส่อความถึงคนไม่มีงาน ของการคิดค�ำนวณด้วย ทำ� ไดด้ ้วย 72.  ความแตกต่างระหว่าง “ความดีงาม” 79.  ในการแพทย์ตะวันตกสมัยโบราณนั้น กบั “คุณความดี” ดูเล่ม 1 เชงิ อรรถที่ 29 อาการเจบ็ ปว่ ยตา่ งๆ จะถกู อธบิ ายจากของ เหลว 4 ชนดิ และธาตุ 4 ธาตุ ไดแ้ ก่ นำ�้ เหลอื ง 73.  “สูงสง่ ” หรอื “มคี ุณสมบัตสิ งู สง่ ” แปล (yellow bile) สัมพันธ์กับธาตุไฟ น�้ำดีด�ำ จาก ἐπιεικής (/epieikēs/) เป็นคณุ สมบตั ิ (black bile) สัมพันธ์กับธาตุดิน เลือด ของสภุ าพบรุ ษุ หรอื ผถู้ งึ พรอ้ มดว้ ยคณุ สมบตั ิ (blood) สมั พนั ธก์ บั ธาตอุ ากาศ และนำ้� เมอื ก ของวีรบรุ ุษในสนามรบ (phlegm) สมั พนั ธก์ บั ธาตนุ ำ้� วชิ าการแพทย์ ลักษณะนี้วินิจฉัยตามความแปรปรวนของ 74.  ยงั ไมท่ ราบแนช่ ดั วา่ ทำ� ไมจงึ ไมใ่ หม้ กี าร ของเหลว (humor) ในร่างกาย จึงมักถูก กินปลาขณะเดินทพั ? เรยี กวา่ humorism 75.  ซริ าคซู า่ (Syracuse) เปน็ เมอื งหนง่ึ บน 80.  เอสคลีพิอัส (Asclepius) เป็นแพทย์ เกาะซซิ ลิ ี่ (Sicily) ประเทศอติ าลี เพลโตเคย ในต�ำนาน หลังจากตายไปก็ได้รับการบูชา เอาความคดิ ทางดา้ นการปกครองของตนไป เป็นเทพเจ้าแห่งการรักษา ส่วนลูกหลาน เพลโต : 545

ของเอสคลิพิอัสน้ัน หมายถึงผู้ฝึกวิชาการ ที่ดีย่อมไม่ใช่แพทย์ผู้มีร่างกายดี แต่ต้อง รกั ษาของเอสคลพิ อิ สั ซง่ึ นนั่ กค็ อื พวกแพทย์ เป็นแพทยผ์ ู้มจี ติ วิญญาณดี เพราะการมจี ติ น่นั เอง วญิ ญาณดยี อ่ มหมายถงึ การมอี ปุ นสิ ยั ดดี ว้ ย 81.  ไวนพ์ รามนอส (Pramnian wine) เปน็ 89.  งดงาม + ดี = “สภุ าพบรุ ษุ ” ดเู ลม่ 2 ไวน์แดงชนิดหนึ่งในยุคกรีกโบราณมีฤทธิ์ เชงิ อรรถท่ี 47 รนุ แรงใชเ้ วลาหมกั บม่ นาน 90.  ดูเหมือนโสคราตีสก�ำลังเปรียบเปรย 82.  ฉากนี้ถ้าเพลโตไม่ได้จ�ำมาผิด ผู้แปล กับการสะกดรอยตามสัตว์ โดยให้ “กาย กค็ งเขา้ ใจผดิ นเ่ี ปน็ เหตกุ ารณใ์ นมหากาพย์ บริหาร” เป็นสัตวซ์ ่งึ กำ� ลังถกู ยอ่ งตาม Iliad เล่ม 6 สนมของกษตั รยิ ์เนสเตอร์ นาม เฮคามดิ ผี สมยาสมานแผลใหม้ าคาออนผเู้ ปน็ 91.  ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ ง “ความคกึ คะนอง” แม่ทพั ฝา่ ยทรอยด่มื ยรู ิพิลสั กบั พาโทรคลัส กบั “ความกลา้ หาญ” ดเู ลม่ 2 เชงิ อรรถท่ี 44 ไมไ่ ดอ้ ยใู่ นฉากนด้ี ว้ ย เพลโตเคยอา้ งถงึ วรรคนี้ เอาไวต้ รงตามมหากาพยใ์ น Ion (538c) 92.  “ความสงบเสงยี่ ม” มาจากคำ� วา่ ἥμερος (/hēmeros/) แปลตรงๆ ว่า “เชอื่ ง” แต่เป็น 83.  เฮโรดิคัส (Herodicus) เป็นแพทย์ ความเช่ืองในความหมายของ “การท�ำให้ ผ้มู ชี ่อื เสียงในศตวรรษที่ 5 กอ่ นครสิ ตกาล ความดิบเถื่อนโดยธรรมชาติลดลง” หรือ “ศวิ ไิ ลซ”์ ขนึ้ นน่ั เอง ดงั นนั้ ความรกั ในปญั ญา 84.  โฟคลิ ดิ สี (Phocylides) เปน็ กวใี นชว่ ง และดนตรศี ลิ ปจ์ งึ เปน็ บอ่ เกดิ ของความสงบ กลางศตวรรษที่ 6 ก่อนครสิ ตกาล เสงย่ี มในความหมายน้ี และหากไดร้ บั ดนตรี ศิลป์มากเกินไป จากความสงบเสง่ียมก็จะ 85.  จากมหากาพย์ Iliad เลม่ 4 บรรทดั ท่ี กลายเป็น “ความตงุ้ ตง้ิ ” ไป 218 – 219 สำ� หรับรายละเอียด ดูเลม่ 2 (379e) เชงิ อรรถท่ี 56 93.  ค�ำพูดของเมเนลาอัส ในมหากาพย์ Iliad เล่ม 17 บรรทดั ที่ 588 86.  ดู 405e – 406a 94.  ดูเล่ม 1 เชิงอรรถที่ 54 87.  ไมดสั (Midas) เปน็ กษตั รยิ ใ์ นปกรณมั กล่าวกันว่า เขาแตะสิ่งใด สิ่งนั้นก็จะกลาย 95.  “รัก” ในท่ีน้ีคือ φιλέω (phileō) ซ่ึง เปน็ ทองค�ำ เป็นความรักฉันมิตร ไม่มีเร่ืองเพศเข้ามา เกยี่ วขอ้ ง เปน็ ความรกั ชนดิ เดยี วกบั ในคำ� วา่ 88.  ดเู ลม่ 1เชงิ อรรถท่ี70–กลา่ วคอื แพทย์ “ความรักปัญญา” หรอื “ปรชั ญา” 546 : รพี บั ลิก

96.  “ประกาศติ ” หรอื δόγμα (/dogma/) มี เป็นเหตุให้ชาวสปาร์ตาสถาปนาตนเองข้ึน รากเดยี วกนั กบั δόξα(/doksa/) หรอื “ทศั นะ” เปน็ เจา้ ปกครองเอเธนส์ ฉะนนั้ จงึ ไมใ่ ชเ่ รอ่ื ง (ดเู ลม่ 2เชงิ อรรถที่3ประกอบ)แต่“ประกาศติ ” แปลกท่ีเพลโตจะไม่ชอบวิธีการใช้ชีวิตแบบ เป็นทัศนะซ่ึงเห็นพ้องร่วมกันโดยส่วนรวม “หรหู รา” ของชาวเอเธนส์ แตใ่ นเวลาเดยี วกนั มนั จงึ มสี ทิ ธอิ ำ� นาจในลกั ษณะคลา้ ยคลงึ กบั “ความปา่ เถอ่ื น” ของชาวสปารต์ ากเ็ ปน็ สงิ่ ท่ี กฎหมาย กล่าวคอื ค�ำน้ีมีความหมายอยกู่ ึ่ง ยากจะรับไหว โครงร่างหลักสูตรของเหล่า กลางระหวา่ ง “ทัศนะ” กับ “กฎหมาย” และ ผพู้ ทิ ักษท์ ี่เพลโตเสนอจงึ มีลกั ษณะเปน็ การ ดว้ ยความหมายซงึ่ ยงั ยดึ โยงกบั “ทศั นะ” หรอื เอาวิธีคิดทางปรัชญาไปผสมกับการฝึกฝน “ความเชอ่ื สว่ นบคุ คล” คำ� นใ้ี นความหมายของ แบบสปารต์ าเสยี เปน็ สว่ นใหญ่ กรีกโบราณ จึงต่างจากค�ำว่า dogma ใน คำ� ภาษาองั กฤษปจั จบุ นั ซงึ่ หมายถงึ ชดุ ของ ความเชอ่ื อนั ถกู กำ� หนดโดยผมู้ อี ำ� นาจ และ ไม่สามารถโต้แย้งได้ 97.  นน่ั กค็ อื ผพู้ ทิ กั ษซ์ งึ่ ไมไ่ ดร้ บั คดั เลอื กให้ เป็นผถู้ อื อำ� นาจปกครอง 98. “ฝ่ายสนับสนุน” หรือ ἐπίκουρος (/epikouros/) ในความหมายทางทหารยัง หมายถงึ ทหารรับจ้าง หรอื กองกำ� ลังเสรมิ 99.  หมายถงึ เล่ม 2 (382c – d) 100.  “ระบบอยกู่ นิ รวมกนั ” หรอื συσσιτία (/syssitia/) อันเป็นระบบการชีวิตของชาว สปารต์ า ผชู้ ายจะตอ้ งมานงั่ กนิ อาหารรว่ มกนั และแต่ละคนก็จะต้องน�ำอาหารของตนเอง มารวมกบั อาหารของคนอนื่ ๆอนั ทจ่ี รงิ วธิ กี าร เลยี้ งดูเหลา่ ผู้พทิ ักษแ์ บบ “โหดๆ” ที่เพลโต เสนอมาจนถึงบัดน้ี ก็ค่อนข้างจะมีความ คลา้ ยคลงึ กบั ชาวสปารต์ าอยมู่ าก เราตอ้ งไม่ ลมื วา่ เพลโตเกดิ ทนั ไดเ้ หน็ ชว่ งทเี่ อเธนสก์ บั สปาร์ตาท�ำสงครามกัน และเอเธนส์ก็แพ้ เพลโต : 547

เชงิ อรรถ เลม่ 4 1.  เพลโตไดเ้ จาะจงเลอื กใชค้ ำ� วา่ “พดู แกค้ ด”ี 2.  ดูเล่ม 3 เชิงอรรถที่ 98 (ἀπολογέομαι; /apologeomai/; หรือถ้า เปน็ คำ� นามกค็ อื “การแกค้ ด”ี หรอื ἀπολογία; 3.  โสคราตสี กลบั มาพดู ถงึ ประเดน็ นอี้ กี ครง้ั /apologia/) กับโสคราตีส เพราะอย่างที่ อย่างละเอียดในเลม่ 8 เรารกู้ นั โสคราตสี ตวั จรงิ นนั้ ถกู ประหารดว้ ย ขอ้ หา “ไมใ่ หค้ วามเคารพตอ่ เทพเจา้ ของคน 4.  รูปปั้นต่างๆ ในสมัยโบราณมีการทาสี หมมู่ าก” และ“ใชว้ าจาชกั จงู เดก็ ๆใหป้ ระพฤติ ทกุ รปู รปู ปน้ั ทเี่ ราขดุ พบทกุ วนั นมี้ นั ดเู หมอื น มิชอบ” กลา่ วคือเขาถูกฟ้องในข้อหาใช้ชีวิต ไมไ่ ดท้ าสี แตท่ จี่ รงิ เปน็ เพราะสเี ดมิ ลอกออก ตา่ งจากวถิ ปี ฏบิ ตั ขิ องคนหมมู่ าก ซง่ึ ไมเ่ ปน็ ที่ ไปหมดแลว้ ยอมรบั และในครง้ั นนั้ โสคราตสี เองกต็ อ้ งพดู แก้คดีจริงๆ (เพลโตได้เขียนผลงาน Apo- 5. เพราะการชกมวยเป็นกีฬา สามารถฝึก logia ซ่ึงเป็นค�ำพูดแก้คดีของโสคราตีส) อยกู่ บั บา้ นได้ แตก่ ารสงครามนน้ั ไมใ่ ช่ คนจะ ตัวละครโสคราตีสในหนังสือเล่มน้ีตกอยู่ เกง่ ดา้ นการรบจรงิ ๆ ตอ้ งเคยลงสนามรบ ซง่ึ ในสถานการณค์ ลา้ ยๆ กนั คอื เขากำ� ลงั เสนอ คนรวยน้ันมนี อ้ ยคนจะไปรบดว้ ยตวั เอง ความคิดและวิธีการด�ำเนินชีวิตที่ต่างจาก คนหมู่มากให้แก่คนหนุ่มกลุ่มหน่ึงได้ฟัง 6.  เลม่ 2 หนา้ 376b – c โสคราตสี เปรยี บ และในเวลานี้ เขาก็ก�ำลังจะต้อง “แก้คดี” เทียบเหล่าผพู้ ิทกั ษไ์ ว้วา่ เหมือนกบั สุนขั เหมอื นกบั โสคราตสี ตวั จรงิ เคยทำ� จะเหน็ ได้ ว่าเพลโตก�ำลังวางตัวละครโสคราตีสให้มี 7.  “หมากรุก” โบราณจะเล่นบนกระดาน “โครงสรา้ ง” เหมอื นกบั โสคราตสี ในชวี ติ จรงิ สเ่ี หลย่ี ม ตตี าราง 8x8 แตล่ ะชอ่ งจะเรยี กวา่ ความเหมอื นในเชงิ โครงสรา้ งระหวา่ งตวั จรงิ “กลมุ่ เมอื ง” (ดเู ลม่ 1 เชงิ อรรถท่ี 25) เพลโต กับตัวละครในเรื่องนอกจากจะช่วยขับเน้น มองวา่ ความคดิ ของคนหมนู่ อ้ ยมคี ณุ คา่ มาก ให้เรามองเห็นถึงความงามทางวรรณคดี กว่าคนคิดของคนหมู่มาก การน�ำศัพท์ของ แล้ว ยังช่วยท�ำให้เราได้เห็นถึงอัจฉริยภาพ หมากรกุ มาใชใ้ นทน่ี ี้ จงึ สอ่ ความถงึ ความคดิ ด้านการประพันธ์ของเพลโตอย่างชัดเจน ของเพลโตเรอื่ งคตู่ รงขา้ มระหวา่ ง คนหมมู่ าก/ ข้นึ อกี ด้วย คนหมนู่ อ้ ย หรอื ทศั นะ/องคค์ วามรู้ 548 : รีพบั ลกิ

8.  วิธีการอธิบายของโสคราตสี สอดคลอ้ ง ฝ่ายอ่นื ๆ เพราะพวกมนั ไม่ใชเ่ มอื ง แตเ่ ป็น ไปกับวิธีเล่นหมากรุกในสมัยโบราณ กล่าว “กระจกุ ของสง่ิ แปลกปลอมจากเมอื งรวมกนั คือ ผู้เล่น 2 ฝ่าย “ท�ำสงคราม” กันบน เป็นจำ� นวนมาก” เทา่ นน้ั กระดานหมาก ผเู้ ลน่ แตล่ ะคนตอ้ งวางหมาก ของตนลงบนตารางบนกระดาน เพ่ือแย่ง 10.  จากมหากาพย์ Odyssey เล่ม 1 ชิงเชลยและพ้ืนท่ีกัน โดยแต่ละช่องตาราง บรรทัดท่ี 351 – 352 โดยเพลโตปรับแก้ ก็เรียกว่า “กลุ่มเมือง” การเล่นหมากจึง มนั เลก็ นอ้ ย ประกอบด้วยสองฝ่าย ทว่าแต่ละฝ่ายก็ ประกอบด้วยกลุ่มเมืองจ�ำนวนมาก ดังนั้น 11.  “ดนตรีศิลป์” กินความกว้างกว่าเสียง โสคราตีสจึงบอกว่า “หากเจ้าเข้าหาฝ่ายใด ดนตรี (ดเู ลม่ 2 เชิงอรรถที่ 49) หนึ่งฝ่ายใด โดยมองว่ามันเป็นเพียงเมือง เดียว เจ้ากค็ ดิ ผิดมหันต”์ น่นั เอง 12.  หรอื “ดูสันดานดีไปหน่อย” (ดเู ลม่ 1 เชงิ อรรถท่ี 57) 9.  เราอาจเข้าใจประโยคน้ีได้ด้วยการ เปรยี บเทยี บกบั การทำ� งานของรา่ งกายมนษุ ย์ 13.  เพราะถ้าการศึกษาดี ธรรมชาติซ่ึง ที่แม้ประกอบด้วยอวัยวะหลากหลายส่วน เติบโตตามมาก็ต้องดีตามไปด้วย ดังน้ันจึง และหนา้ ที่ ถา้ อวยั วะทกุ สว่ นทำ� งานไดส้ อด ไมจ่ ำ� เปน็ ตอ้ งบรรจุ “สง่ิ หยมุ หยมิ ” เหลา่ นนั้ ประสานกันดี ร่างกายก็จะดีตามไปด้วย ลงไปในกฎหมาย กล่าวคือ ร่างกายจะเป็น “หนึ่ง” เดียวกัน อย่างไรก็ตาม หากอวัยวะบางส่วนท�ำงาน 14.  ไฮดรา (Hydra) เปน็ สตั วป์ ระหลาดใน ขดั ขอ้ ง หรอื ผดิ ปกติ รา่ งกายทง้ั รา่ งกจ็ ะปว่ ย ตำ� นานของชาวกรกี โบราณคอยาวมหี ลายหวั หรอื พดู ไดว้ า่ อวยั วะนนั้ ๆ ทำ� งานไดเ้ หมอื น เม่ือตัดหัวหน่ึงทิ้งไป ก็จะมีหัวอีกสองสาม เปน็ “ส่ิงแปลกปลอม” ของรา่ งกาย ในกรณี หวั งอกออกมาอีกเร่อื ยๆ เช่นน้ี ร่างกายจะไม่ได้เป็นหนึ่ง แต่จะเป็น “รา่ งกาย + สงิ่ แปลกปลอม” กลา่ วคอื รา่ งกาย 15.  วหิ ารของเทพอพอลโลตงั้ อยู่ทนี่ ั่น จะเป็น มากกว่าหน่ึง เมืองของโสคราตีสก็ เชน่ กนั หากผคู้ นภายในเมอื งทำ� งาน “แปลก 16.  “สะดอื โลก” ในทน่ี กี้ ค็ อื หนิ กอ้ นหนงึ่ ใน ปลอม” – ซ่งึ ในที่น้ีกค็ ือ คนหนง่ึ คนท�ำงาน มหาวิหารแห่งเทพอพอลโลท่ีเดลฟีนั่นเอง จำ� นวนมาก – เมอื งเมอื งนนั้ กจ็ ะเตม็ ไปดว้ ย โดยหินก้อนนี้ยังถือว่าเป็นศูนย์กลางของ “สง่ิ แปลกปลอม” และไมไ่ ดเ้ ปน็ หนง่ึ แตเ่ ปน็ โลกอีกด้วย “เทพเจ้าผู้ประทับอยู่กลาง มากกวา่ หนึ่ง กลา่ วคอื เต็มไปด้วยสงิ่ แปลก สะดือโลก” จงึ หมายถึงอพอลโล ปลอมจำ� นวนมาก และดว้ ยเหตนุ ี้ ใน 422e โสคราตีสจึงไม่ยอมให้ใช้ค�ำว่า “เมือง” กับ เพลโต : 549

17.  เป็นที่น่าสังเกตว่า โสคราตีสไม่พูดถึง รา้ ย) และลกุ ขนึ้ มาปกปกั ษร์ กั ษาความเชอื่ น้ี เรื่อง “สุทธิธรรม” ซ่ึงหมายถึงหน้าท่ีรับ ไมว่ า่ จะดว้ ยวิธกี ารใดกต็ าม ผิดชอบอันมีต่อส่ิงศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเลย เขากลับเลือกจะปฏิบัติตามขนบโบราณ 22.  คาเลสครา (Chalestra) เป็นเมือง และยกเร่ืองเหล่าน้ีให้แก่นักเทพพยากรณ์ เล็กๆ หนึ่งในดนิ แดนมาซโิ ดเนียโบราณ แห่งอพอลโลทั้งหลายในวิหารเดลฟีเป็นผู้ จดั การแทน 23. “συμφωνία” (/sumphōnia/) กับ “ἁρμονία” (/harmonia/) ท้ังสองค�ำน้ีมี 18.  กลาวคอนก�ำลังพาดพิงถึงค�ำพูดของ ความหมายทางดนตรีด้วย กล่าวคือ มัน โสคราตีสในหนา้ 368b – c เล่ม 2 เป็นรากของ symphony และ harmony ตามลำ� ดับ 19.  ท้ัง 4 อย่างที่โสคราตีสพูดมาน้ัน คือ ความดีงามอันส�ำคัญยิ่งของวัฒนธรรมกรีก 24.  “λογισμός” (/logismos/) อันเป็น โบราณ (ดูเล่ม 1 เชิงอรรถท่ี 29 ประกอบ) ค�ำศัพท์ ซ่ึงมีรากจาก “λόγος” (/logos/) ตอ้ งไมล่ มื วา่ ตอนเพลโตเขยี นหนงั สอื เลม่ น้ี ดเู ล่ม 2 เชงิ อรรถที่ 33 ผอู้ า่ นทเ่ี ขาคาดหวงั ยอ่ มเปน็ ชาวกรกี ดงั นนั้ การกล่าวว่า เมืองอันดีโดยสมบูรณ์จะต้อง 25.  “ความเข้าใจ” หรือ “νοῦς” (/nous/) ประกอบด้วยความดีงามทั้ง 4 ประการดัง หรอื ในภาษาละตนิ วา่ intellectus (ดว้ ยเหตนุ ้ี กล่าวนั้น ยอ่ มไม่ใช่เร่อื งแปลกใหมแ่ ต่อยา่ ง ภาษาอังกฤษจึงมักแปลว่า intelligence) ใดในสายตาผู้อ่านร่วมสมัยของเพลโต มัน เป็นองค์ประกอบหนึ่งของจิตวิญญาณอัน ชัดเจนในตัวเองอยู่แล้วส�ำหรับคนสมัยนั้น ช่วยให้เราท�ำเข้าใจความจริงตามท่ีเป็น ถึงแม้ว่ามันอาจจะฟังแปลกหูส�ำหรับคน หรือความจริงแท้ได้ โดยไม่ต้องผ่านผัสสะ สมัยปจั จบุ ัน มันอยู่สูงกว่า διάνοια (/dianoia/) หรือ “ความคดิ ”อยขู่ น้ั หนง่ึ (ดเู ลม่ 2เชงิ อรรถที่36) 20.  จากหนา้ 414b เลม่ 3 เพลโตจะอธบิ ายไวช้ ดั ในเล่ม 6 21.  เช่น พลเมืองทุกคนได้รับการปลูกฝัง 26.  และนก่ี ค็ อื นยิ ามอยา่ งเปน็ ทางการของ จากการศกึ ษาวา่ ‘ยาเสพตดิ เปน็ สง่ิ เลวรา้ ย’ การใช้ชีวิตอย่างเท่ียงธรรมในเมืองอุดมคติ และกฎหมายก็ยังระบุเอาไว้เช่นเดียวกัน ของโสคราตีสท่ีหมายถึง “การกระท�ำในส่ิง หากวันหน่ึงมีพ่อค้ายาเข้ามาในเมือง และ ท่ีถูกต้อง” หรือ “การใช้ชีวิตอย่างถูกต้อง” พยายามจะโฆษณาว่า ‘ยาเสพติดเป็นส่ิงดี’ (ดเู ลม่ 1 เชงิ อรรถที่ 20) พลเมอื งผกู้ ลา้ หาญยอ่ มเปน็ พลเมอื งทย่ี ดึ มนั่ ในทัศนะดังกล่าว (ว่ายาเสพติดเป็นสิ่งเลว 550 : รพี บั ลกิ


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook