27. คำ� วา่ “ปฏภิ าณ” ในทนี่ ถ้ี กู ใชเ้ ปน็ คำ� คลา้ ย มากนัก เพราะทง้ั ช่างทำ� รองเทา้ และช่างไม้ ของ “ปญั ญา” (ดเู ลม่ 1 เชงิ อรรถที่ 58) ตา่ งเปน็ สมาชกิ ในชว่ งชนั้ เดยี วกนั คอื ชว่ งชนั้ คนท�ำงานหาเงิน หรอื ชว่ งช้นั ที่ 3 น่ันเอง 28. คอนเซ็ปตข์ อง “เกียรติยศ” หรอื τιμή (/timē/) ในสมยั กรกี โบราณนนั้ แตกตา่ งจาก 30. จาก 368d – 369a ปัจจุบันอยู่ค่อนข้างมาก กล่าวคือในสมัย โบราณ “เกียรติยศ” ถือเป็นรูปธรรม และ 31. เป็นความเช่ือท่ีมีมาต้ังแต่สมัยโบราณ สามารถหยงั่ วดั ไดด้ ว้ ยสงิ่ ของตา่ งๆ อนั เปน็ ว่าความช้ืนในอากาศน้ันส่งผลต่ออุปนิสัย ตวั แทนเกยี รตยิ ศ เช่น หลังการรบ ฝา่ ยชนะ ของมนษุ ย์ ผคู้ นทอ่ี ยทู่ างตอนเหนอื ของกรกี จะท�ำการแบ่งทรัพย์สมบัติซ่ึงยึดมาได้กัน ซ่ึงเป็นพื้นท่ีท่ีมีอากาศแห้ง มักจะมีความ ผู้ท่ีได้สมบัติอันมีค่า หรือได้มากกว่าคนอ่ืน คกึ คะนองและโมโหงา่ ย สว่ นผคู้ นที่อยทู่ าง จะได้รับค�ำสรรเสริญว่ามี “เกียรติยศ” กว่า ตอนใตซ้ งึ่ มคี วามชน้ื สงู มกั จะฉลาดเปน็ กรด คนอืน่ ดงั นัน้ “เกียรติยศ” จงึ เปน็ สง่ิ ท่ีน�ำมา รจู้ กั คา้ ขาย และรกั ในวตั ถุ สว่ นผคู้ นทางตอน แลกเปลี่ยนได้ ต่างจากปัจจุบันที่เกียรติยศ กลางๆ อยา่ งเอเธนสน์ น้ั ความชน้ื กำ� ลงั พอดี นั้นมักถูกมองว่าเป็นนามธรรม และอยู่ จึงท�ำให้มีความรักในการเรียนรู้และมีสติ ภายในแทนที่จะเป็นส่ิงภายนอกต่างๆ ปญั ญามากกวา่ ทอ่ี นื่ ๆ ทฤษฎลี กั ษณะนเี้ ปน็ เชน่ ในมหากาพย์ Iliad เลม่ 1 ทอ่ี ากาเมมนอน หนึ่งในทัศนะท่ีใช้อธิบายว่า ‘เพราะเหตุใด แมท่ พั ใหญย่ ดึ เอาเชลยหญงิ ของอาคลิ ลสี ไป ปรชั ญาจึงเรมิ่ ตน้ ขนึ้ ท่เี อเธนส์ไมใ่ ช่ทอ่ี ่ืน?’ น่ันท�ำให้อาคิลลีสโกรธมาก จนประกาศ ถอนตัวจากการรบ หากเรามองผ่าน 32. เชน่ เราไมส่ ามารถขบั รถไปขา้ งหนา้ และ คอนเซป็ ตเ์ รอื่ ง “เกยี รตยิ ศ” ของกรกี โบราณ ถอยหลงั พรอ้ มๆ กนั ไดใ้ นเวลาเดยี วกนั หรอื การกระท�ำของอาคิลลีสนั้น นับว่าสมเหตุ วัตถุชิ้นหนึ่งย่อมไม่สามารถลอยน�้ำหรือจม สมผลอยู่ เพราะอากาเมมนอนไม่เพียง น้�ำไดพ้ ร้อมๆ กนั ในเวลาเดียวกัน “ฉีกหน้า” เขาเท่านั้น หากแต่ยังริบเอา “เกียรติยศ” อันเป็นเป้าหมายส�ำคัญของ 33. ส่ิงท่ีโสคราตีสต้องการน�ำเสนอก็คือ เหล่านกั รบไปด้วย “ส่งิ ส่ิงหนงึ่ ” กบั “คุณสมบัติ” ของส่ิงสงิ่ นัน้ เปน็ สองสิ่งทีแ่ ยกขาดจากกัน เช่น เวลาเรา 29. ชว่ งชน้ั ทั้ง 3 นีก้ ค็ ือ 1) ผ้พู ทิ กั ษ์ซึง่ ถือ พดู วา่ “ปากกาดา้ มสนั้ ” เรามกั พดู ราวกบั วา่ อ�ำนาจปกครอง 2) ผู้พิทักษ์ฝ่ายสนับสนุน “ปากกา” กบั “ความสนั้ ” อยรู่ วมกนั ไมไ่ ดแ้ ยก และ 3) อาชีพอ่ืนๆ ซึ่งต้องท�ำงานหาเงิน ขาดจากกนั แตเ่ ขาเสนอวา่ ไมใ่ ช่ “ปากกา” กบั เมอื งของโสคราตสี ประกอบขนึ้ จาก 3 ชว่ งชนั้ “ความสนั้ ” เปน็ สง่ิ ทแี่ ยกขาดจากกนั น้ี ใน 343a หากชา่ งทำ� รองเทา้ กบั ชา่ งไมแ้ ลก เปลยี่ นตำ� แหนง่ กนั กจ็ ะไมส่ ง่ ผลรา้ ยตอ่ เมอื ง เพลโต : 551
34. จาก 437d – 438d โสคราตีสได้ มันก็ต้องมีทั้งสองตัว เช่น “อันแรกเป็น อธบิ ายวา่ “สง่ิ สงิ่ หนง่ึ ” กบั “คณุ สมบตั ”ิ ของ องคค์ วามรดู้ า้ นการทำ� รองเทา้ อนั ทสี่ องเปน็ สง่ิ สงิ่ นนั้ เปน็ สองสงิ่ ซง่ึ แยกขาดออกจากกนั องค์ความรู้ด้านการทำ� นา” เปน็ ตน้ (ดเู ชงิ อรรถที่33)เพราะฉะนนั้ หากตวั แปรA สมั พนั ธก์ บั ตวั แปร B แลว้ กย็ อ่ มหมายความ 35. โสคราตสี เคยยกวรรคนข้ี นึ้ มาแลว้ รอบ ได้ทัง้ 2 กรณี กรณีแรกคือ “A ตอ้ งเหมือน หนง่ึ ในหนา้ 390d เลม่ 3 กบั B ทกุ ประการ” และกรณที ส่ี องคอื “ทง้ั A และ B จะตอ้ งมีคุณสมบัติบางประการเพม่ิ 36. ตรรกะตรงน้ีคล้ายๆ กับตรรกะเร่ือง เติมเข้าไปเสมอ” ยกตัวอย่างเช่น สมมติว่า “แบบสะทอ้ นของความลวง” และ “ความลวง เรามปี ากกาอยู่ 2 ดา้ ม ถา้ เราตอ้ งการจะนำ� อันจริงแท้” ในเล่ม 2 (382a – c) และดู ปากกาท้ัง 2 ด้ามน้ีมาเปรียบเทียบหา เชิงอรรถที่ 65 ประกอบ ความสมั พนั ธร์ ะหวา่ งกนั เรากอ็ าจจะทำ� ได้ ด้วยการใส่ “คุณสมบัติบางประการ” ให้ 37. “ความสอดประสาน” กบั “บนั ไดเสยี ง” ปากกาแต่ละดา้ ม เชน่ “ยาวกวา่ ” “สน้ั กวา่ ” แปลจากค�ำเดยี วกนั คือ ἁρμονία “ดา้ มแรก” “ด้ามท่สี อง” “มีสีแดง” มีสีเขียว” เป็นต้น และผลที่ได้ก็อาจจะเป็น “ปากกา 38. โสคราตีสกำ� ลงั ใช้ค�ำวา่ “ทศั นคติ” ใน ด้ามแรกเป็นสีแดง ปากกาด้ามท่ีสองเป็น ฐานะคู่ตรงขา้ มกับ “องคค์ วามร้”ู (ดเู ล่ม 2 สเี ขยี ว” เปน็ ตน้ (นค่ี อื ความหมายของ “ทง้ั A เชิงอรรถที่ 3 ประกอบ) และ B จะต้องมคี ุณสมบัติบางประการเพม่ิ เตมิ เขา้ ไป”) อยา่ งไรกต็ าม ถา้ ปากกาทงั้ สอง 39. “ราชอาณาจกั ร” ในความหมายว่าเป็น ดา้ มไมถ่ กู เพม่ิ เตมิ คณุ สมบตั ใิ ดๆ เขา้ ไปเลย ดนิ แดนซง่ึ ไดร้ บั การปกครองจากราชาเพยี ง ปากกาทง้ั สองดา้ มกจ็ ะเปน็ “ปากกา” เฉยๆ องคเ์ ดยี ว แปลจาก βασιλεία(/basileia/) ซง่ึ โดยไม่มีค�ำคุณศัพท์ใดๆ ต่อท้ายกล่าวคือ มาจากคำ� กรยิ าวา่ βασιλεύω (/basileuō/) หากไม่เติมคุณสมบัติใดๆ ปากกาทั้งสองก็ แปลวา่ “ขน้ึ เปน็ กษตั รยิ ”์ อยา่ งไรกต็ าม ยงั มี จะเปน็ เพยี ง “ปากกา” เหมอื นกนั ทกุ ประการ อีกค�ำหนึ่งที่คล้ายคลึงกัน คือ μοναρχία (น่ีคือความหมายของ “A ต้องเหมือนกับ (/monarchia/) ซึ่งเป็นรากของค�ำว่า B ทกุ ประการ”) นอกจากนนั้ โสคราตสี ยงั ใช้ monarchy หรือ “ราชาธิปไตย” ตรรกะเดียวกันนี้กับเร่ืองขององค์ความรู้ ด้านต่างๆ ด้วย กล่าวคือ ถ้าองค์ความรู้ 40. “อภิชนาธิปไตย” ในทีนี้มาจากค�ำว่า สองด้านไม่มี “คุณสมบตั ”ิ ใดๆ เปน็ เคร่ือง ἀριστοκρατία (/aristokratia/) ซึ่งกลาย บง่ ชวี้ า่ มนั เปน็ องคค์ วามรดู้ า้ นใด องคค์ วามรู้ เป็นภาษาอังกฤษว่า aristocracy อย่างไร ทง้ั สองดา้ นกจ็ ะเปน็ “องคค์ วามร”ู้ เฉยๆ โดย ก็ตาม ἀριστοκρατία นี้มาจากค�ำว่า ไม่มคี ณุ สมบัติตอ่ ท้าย แต่ถ้าจะมคี ณุ สมบตั ิ ἄριστος (/aristos/; “เปน็ เลิศ”) + κράτος 552 : รพี บั ลกิ
(/kratos/; “อำ� นาจปกครอง”) แปลตรงตวั วา่ “อำ� นาจอยใู่ นมอื ของเหลา่ ผมู้ คี วามเปน็ เลศิ ” ท�ำให้ความหมายของอภิชนาธิปไตยส่อ ความไปในทางบวกมากกว่าทางลบ (บิดา ของเพลโตกช็ ่อื “อริสตอน” (Ἀρίστων) อนั แปลวา่ “ผมู้ ีความเปน็ เลศิ ”) เพลโต : 553
เชงิ อรรถ เล่ม 5 1. เรมิ่ มีการอธบิ ายจรงิ ๆ ในเลม่ 8 4. มาจากสำ� นวนเตม็ ๆ วา่ “แคไ่ ดก้ ลน่ิ แรก่ ็ ออกไปขุดทอง” หมายความว่า ยอมละท้ิง 2. ในย่อหน้าแรกของเล่มท่ี 1 (327b) ภาระหนา้ ทที่ งั้ หลาย เพยี งเพอื่ จะไปกอบโกย โครงสร้างเหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันก็ สง่ิ ล�้ำคา่ โดยไมไ่ ดพ้ ิจารณาเลยวา่ เป็นเรอื่ ง ปรากฏขน้ึ เชน่ เดยี วกนั ตอนนน้ั โพเลมารค์ สั จรงิ หรอื เทจ็ กลา่ วคอื ธราซมิ าคสั กำ� ลงั จะบอก สั่งใหท้ าสไปตามโสคราตีส และทาสผนู้ ้ันก็ เราวา่ “โสคราตสี ถา้ ทา่ นไมย่ อมตอบคำ� ถาม จับเสื้อคลุมของโสคราตีสไว้จากด้านหลัง พวกน้ี ท่านกจ็ ะเปน็ แค่คนจอมปลอม มแี ค่ จึงก่อให้เกิดห่วงโซ่ของเหตุการณ์ต่อเน่ือง ชอ่ื เสยี งปลอมๆ เหมอื นบอ่ ทองปลอมๆ ใน กนั มาเรอ่ื ยๆ จนเม่ือจบเลม่ 4 ภารกิจของ สำ� นวนนนั่ ไง” ถา้ สงั เกต จะเหน็ วา่ ธราซมิ าคสั โสคราตีสก็ดเู หมือนจะเสร็จสิ้นลง ทวา่ เม่ือ ใชส้ ไตลก์ ารพดู ลกั ษณะนม้ี าตงั้ แตเ่ ลม่ 1ทเี่ ปน็ เปดิ ฉากเลม่ 5 โพเลมารค์ สั กจ็ บั เสอื้ คลมุ ของ การเล่นส�ำบัดส�ำนวนเยอะๆ เพื่อให้ตนดูมี อเดมันทัสเอาไว้อีกจากทางด้านหลัง และ ปัญญาสูงสง่ ตามแบบฉบับของโซฟสิ ท์ เหตกุ ารณต์ า่ งๆ กค็ งดำ� เนนิ ตอ่ เนอ่ื งไปเปน็ ลูกโซจ่ นจบ 10 เลม่ – นีเ่ ปน็ กลไกทางการ 5. “ก้มกราบเทพีอดรัสเทอา” มาจากบท ประพนั ธอ์ กี ชดุ หนง่ึ ซงึ่ เพลโตจงใจซอ่ นไวใ้ น ละครเรื่อง Prometheus ของกวีเอสคิลัส Republic ขอใหผ้ อู้ า่ นทกุ ทา่ นลองสงั เกตวา่ เทพีอดรัสเทอาเป็นเทพีแห่งการลงทัณฑ์ การจับเสื้อคลุมทั้งสองคร้ังเกิดขึ้นโดยที่ โดยเฉพาะผู้ท่ีมีความหย่ิงจองหอง การก้ม ไมม่ ีการปลดปลอ่ ยคลีค่ ลายเลย ดังนนั้ การ กราบนางจงึ หมายถงึ การสาบานตนวา่ จะไม่ จับเส้ือคลุมทั้งสองครั้ง นอกจากจะใช้เป็น จองหอง ไม่หลงตัวเอง ขอเทพีอย่าได้มา “หมุดหมาย” ซึ่งบ่งบอกถึงการเร่ิมต้นขึ้น แผว้ พาน ของเนอ้ื หาใหมแ่ ลว้ มนั ยงั สอ่ ความหมายถงึ “ความจรงิ แทอ้ นั ถกู ปดิ คลมุ เอาไว”้ และกำ� ลงั 6. มกี ารถกเถยี งกนั ตา่ งๆ นานาวา่ ประโยค รอใหเ้ ราพจิ ารณาและพสิ จู น์ตอ่ ไปอกี ดว้ ย นเี้ พลโตตอ้ งการจะสอ่ื ถงึ อะไร ขอ้ เสนอหนง่ึ ท่ีน่าสนใจมาจากสารานุกรมของศตวรรษ 3. จากเล่ม 4 (423e) ท่ี 10 ทเี่ รยี กวา่ “โซวดา” (Souda;Σοῦδα) ใน สารานกุ รมเลม่ นไ้ี ดม้ กี ารระบเุ อาไวว้ า่ เพลโต เป็นสหายกับนักเขียนบทละครคนหน่ึงแห่ง 554 : รีพบั ลกิ
เกาะซซิ ิลีช่อื โซฟรอน (Sophron) โซฟรอน 9. ในหนงั สอื เรอ่ื ง Histories ของเฮโรโดตสั เขยี นบทละครชนดิ หน่งึ ซงึ่ พบมากบนเกาะ เลม่ 1 ย่อหนา้ ท่ี 24 นนั้ มกี ารกล่าวถงึ ชาว ซิซิลี เรยี กกวา่ “ละครเลยี นแบบชวี ิต” หรือ โครินธ์คนหน่ึงชื่อ อาริออน ซ่ึงได้รับการ mime (ในทีน้ีไม่ได้แปลว่าละครใบ้เหมือน ช่วยเหลือจากปลาโลมาหลังจากโดน เชน่ ในปจั จบุ นั เนอื่ งจากมบี ทพดู และเขยี น โจรสลัดปล้นเรือ จนต้องกระโดดลงทะเล เปน็ รอ้ ยแกว้ ไมใ่ ชร่ อ้ ยกรองเหมอื นละครกรกี ) เพ่ือเอาตวั รอด ละครเลยี นแบบชวี ติ จะแบง่ ออกเปน็ “ละคร ของฝา่ ยชาย” กบั “ละครของฝา่ ยหญงิ ” ดงั นน้ั 10. คำ� วา่ “วภิ าษวธิ ”ี ในความหมายดงั้ เดมิ จึงมีความเป็นไปได้ท่ีประโยคน้ี เพลโตเอง ทส่ี ดุ ไมใ่ ชค่ ำ� ศพั ทเ์ ทคนคิ ทางปรชั ญาเหมอื น ต้องการจะส่ือความถึงละครเลียนแบบชีวิต ทกุ วนั นเ้ี ลย มนั เปน็ คำ� ทมี่ รี ากศพั ทเ์ ดยี วกนั ของโซฟรอน กับค�ำว่า “การสนทนาแลกเปล่ียน” หรือ διαλεγειν (/dialegein/; มาจาก διά 7. โสคราตสี พดู อยา่ งนเี้ พราะในวฒั นธรรม [ระหว่างกัน] + λέγειν [พูด]) เพียงแต่ผัน กรกี โบราณ คำ� วา่ “ผู้ชาย” หรอื “บรุ ษุ ” หรอื คนละรูปกันเท่านั้น “วิภาษวิธี” ก็คือการ ἀνήρ(/anēr/)นน้ั เปน็ คำ� ตรงขา้ มกบั “มนษุ ย”์ สนทนาแลกเปลี่ยนชนิดหนึ่ง ซ่ึงด�ำเนินไป และ “ผหู้ ญงิ ” กลา่ วคือมเี พียงผชู้ ายเท่านัน้ เพอ่ื แสวงความจรงิ ตามทเ่ี ปน็ หรอื ความจรงิ นับว่าเป็นคน ไม่ได้เป็นสัตว์ ด้วยเหตุน้ี แทน้ นั่ เอง ตา่ งจาก “การแยง้ ” หรอื “การเถยี ง เมอ่ื จะกอ่ ตงั้ เมอื ง เมอื งนน้ั ๆ กย็ อ่ มตอ้ งเปน็ เพอ่ื เอาชยั ” (eristic) ซึง่ มจี ดุ หมายอยทู่ ่กี าร “เมืองของบุรุษ” เพราะส�ำหรับเพลโต สิ่งท่ี เอาชนะให้ได้ก็พอ หรือพูดให้สั้นกว่าน้ัน ท�ำให้ผู้ชายเป็นผู้ชายน้ัน ไม่ใช่อวัยวะเพศ “วิภาษวิธี” ก็คือการสนทนาแลกเปล่ียน แต่เป็นการศึกษาอันถูกต้อง ดังน้ัน “บุรุษ” เหมือนในผลงานของเพลโตทุกชิ้นน่นั เอง ก็คือ “มนุษย์” และ “ผู้หญิง” ที่ได้รับการ ศึกษาอย่างถูกต้องในเมืองของเพลโต 11. จาก 453c นั่นเอง โดยเราจะสังเกตเห็นว่า หลังจาก โสคราตีสพูดถึงเรื่องการศกึ ษาของชายและ 12. ข้อความน้ีมาจากบทกวีท่ีสาบสูญไป หญิงในเล่ม 5 จบแล้ว ค�ำว่า “บุรุษ” หรือ แล้วของกวีพินดารัส แต่เพลโตปรับแก้มัน “ผู้ชาย” จะถูกน�ำมาเรียกรวมทั้งผู้ชายและ เสียใหม่ ข้อความเดิมคือ “ปลิดผลไม้แห่ง ผูห้ ญิง ปญั ญาทยี่ งั ไมส่ กุ ด”ี ขอ้ ความนพ้ี นิ ดารสั กำ� ลงั แขวะนกั ปรชั ญาวา่ เปน็ พวกอวดรหู้ ลงคดิ วา่ 8. ชาวกรีกเริ่มมีกฎหมายให้ผู้ชายสวมใส่ ตวั เองมปี ญั ญาถอ่ งแท้ เขา้ ใจความจรงิ แท้ แต่ เสื้อผ้า เมือ่ อยู่ในโรงฝึก ในชว่ งประมาณตน้ จริงๆ “ผลไม้แห่งปัญญา” ที่ตัวเองปลิดมา ศตวรรษท่ี 5 กอ่ นครสิ ตกาล ยังไม่สุกงอมเลยด้วยซ้�ำ จะมาอวดอ้างว่า ปัญญาของตนเป็นปัญญาแท้ๆ ได้อย่างไร เพลโต : 555
การท่ีเพลโตน�ำเอาวรรคน้ีในบทกวีของ ไปแล้ว (เพราะที่ผ่านมาโสคราตีสเปรียบ พินดารัสมาแก้ เช่นนี้ย่อมแสดงถึงความไม่ เปรยพวกเขากับสัตว์มาตลอด เช่น การใช้ เหน็ ดว้ ยอยา่ งชดั เจน กลา่ วคอื เพลโตตอ้ งการ ค�ำว่า ‘คอก’ เรียกสถานอนุบาลเด็กอ่อน บอกพวกกวีว่าพวกเจ้าน่ันแหละที่ไม่รู้เร่ือง เปน็ ตน้ ) กระนนั้ นไ่ี มใ่ ชก่ ารตคี วามทตี่ ายตวั รรู้ าวอะไร ปญั ญาของตัวเองยังไม่สุกงอมดี ผอู้ า่ นเองสามารถเสนอการตคี วามใหมๆ่ ได้ แทๆ้ กป็ ลดิ ผลของมนั ลงมาเสยี แลว้ หนำ� ซำ้� ด้วยเชน่ กนั ยังท�ำตัวเหมือนคนรู้ดี แต่เท่ียวไปหัวเราะ เยาะเขา 19. ไม่เที่ยงธรรมเพราะไม่ได้ “สนใจแต่ ธุระของตนเอง” และไม่มีสุทธิธรรมเพราะ 13. “ระบบอยกู่ นิ รวมกนั ” หรอื συσσιτία สบื พนั ธุ์กนั โดยไม่ผา่ นพธิ ี ซง่ึ ตอ้ งมีเทพเจ้า (/syssitia/) ดเู ลม่ 3 (416e) เชงิ อรรถท่ี 100 เปน็ ผู้รับรอง 14. กล่าวคือมันไม่สามารถค�ำนวณโดย 20. เดอื นในทน่ี น้ี บั ตามจนั ทรคตแิ บบกรกี ใช้หลักการทางคณิตศาสตร์ได้ มันเป็นของ โบราณ ราคะล้วนๆ 21. “พิเธีย” (Pythia) เป็นชือ่ ตำ� แหนง่ ของ 15. ไดพ้ ดู กนั ไปแลว้ ในเลม่ 2 (382c – d) นกั บวชหญงิ ทวี่ หิ ารของเทพอพอลโลทเ่ี ดลฟี และเลม่ 3 (414b – c) คำ� พยากรณข์ องนางถอื ว่าศักดส์ิ ทิ ธม์ิ าก 16. ค�ำว่า “คนดี” อย่างสมบูรณ์แบบนั้น 22. ดูเล่ม 1 (343c) เชิงอรรถท่ี 49 หมายถึง “คนดีที่เข้าใกล้ความเป็นคนมาก ที่สดุ ” (ดเู ล่ม 1 เชงิ อรรถที่ 29) 23. ดูเล่ม 3 เชงิ อรรถที่ 96 17. การน�ำทารกท่ีพิการหรือมีความผิด 24. ผชู้ นะในการแขง่ โอลมิ ปกิ จะไดร้ บั การ ปกติไปท้ิง หลังจากได้รับการเห็นชอบจาก สวมมงกฎุ โสคราตสี พูดลอ้ ไปกับขนบน้ี ผูถ้ ืออำ� นาจปกครอง เปน็ ธรรมเนยี มปฏิบัติ ของพวกสปาร์ตา แนน่ อนวา่ ชาวเอเธนสใ์ น 25. จากมหากาพย์ Works and Days สมัยนั้น เมื่อได้อ่านย่อหน้าน้ีก็คงจะรู้สึก บรรทดั ท่ี 40 – ควรทราบวา่ มหากาพยช์ นิ้ น้ี ตกใจไมต่ ่างจากเราเทา่ ไรเช่นกนั กวีเฮซิออดเขียนข้ึนเพ่ือน�ำเสนอค�ำสอน เก่ียวกับการด�ำรงชีวิตด้านต่างๆ เช่นการ 18. เข้าใจว่าโสคราตีสก�ำลังน�ำผู้ชายไป ทำ� นา การแตง่ งาน การหาเงนิ ฯลฯ โดยระบุ เปรยี บมา้ แขง่ ซงึ่ มกั จะเอาไปใชเ้ ปน็ พอ่ พนั ธุ์ ไว้ในเน้ือหาว่าเขียนข้ึนเพื่อสอนเพร์ซีส หลังผ่านพ้นวัยของการเป็นม้าแข่งอาชีพ (Perses) พีช่ ายของตน 556 : รีพับลกิ
26. “ครูฝึกสอน” หรือ παιδαγωγούς 33. สองส่ิงท่ีเพลโตดูเหมือนจะกลัวที่สุด (/paidagōgous/) ในเอเธนส์จะมอบหมาย ก็คือการที่ชาวกรีกด้วยกันแตกแยกกันเอง ใหท้ าสเปน็ ผกู้ ระทำ� โดยหนา้ ทห่ี ลกั ของ “ครู อันน�ำไปสู่สงครามกลางเมืองขึ้น และการ ฝกึ สอน” คอื การพาเดก็ ๆ ไปสง่ โรงเรยี นและ ต้องตกอยู่ภายใต้เงื้อมมือของพวกสปาร์ตา รบั ตัวกลับบา้ น เพราะในชีวิตของเพลโตเขามีประสบการณ์ มาแลว้ ทงั้ สองเรอื่ ง ดว้ ยเหตนุ เี้ มอื งในอดุ มคติ 27. “มงกุฎ” ในทีนก้ี ็คือมงกฎุ ดอกไม้ และ ของเพลโตจึงต้องปลอดความแตกแยก การสวมมงกฎุ เชน่ นก้ี เ็ ปน็ ไปตามธรรมเนยี ม ชาวเมืองทุกคนต้องเป็นหน่ึงเดียว ในขณะ ของผชู้ นะในสมัยน้ัน เดยี วกนั เพลโตกไ็ ดอ้ ธบิ ายตอ่ ไปวา่ ชาวกรกี สมควรท�ำอย่างไรจึงจะไม่ต้องตกไปอยู่ใน 28. จากมหากาพย์ Iliad เล่ม 7 บรรทัด เงอื้ มมอื ของ “พวกคนเถอื่ น” ซง่ึ ไมต่ อ้ งสงสยั ท่ี 321 อาแจค็ ส์ (Ajax;Αἴας; /ajas/) เปน็ เลยว่าตอนเพลโตเขียนค�ำน้ี เขาต้องคิดถึง แมท่ ัพคนสำ� คัญของฝ่ายกรีก แข็งแกร่งเป็น “พวกสปาร์ตา” อย่างแนน่ อน รองเพียงอาคิลลีสเท่าน้ัน ฉากน้ีเป็นฉากที่ อาแจ็คสไ์ ดส้ ูต้ วั ตอ่ ตวั กับเฮคเตอร์ องคช์ าย 34. ดเู ลม่ 3 เชงิ อรรถที่ 92 และแม่ทัพของฝ่ายทรอย อาแจ็คส์ได้รับ ชยั ชนะ เกอื บจะฆา่ เฮคเตอรไ์ ด้ แตเ่ ฮคเตอร์ 35. “ความจรงิ ตามทเ่ี ปน็ ”หรอื “ความจรงิ แท”้ ถอนตวั ทนั กอ่ น (เกยี่ วกบั “เกยี รตยิ ศ” ดเู ลม่ (หรอื บางบรบิ ทแปลเปน็ “ความจรงิ ”) แปล 4 เชงิ อรรถที่ 28 ประกอบ) จากค�ำเดียวกันคือ ἀλήθεια (/alētheia/) ส�ำหรับเพลโต สิ่งต่างๆ ซ่ึงเรารับรู้ได้ด้วย 29. จากมหากาพย์ Iliad เล่ม 8 บรรทัด ผัสสะน้ันเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา เช่น ที่ 162 ความงามน้ันมีอย่อู ย่างหลากหลาย เปลยี่ น แปรไปตาม “ทศั นะ” ของผคู้ น อยา่ งไรกต็ าม 30. “ยุคทองค�ำ” เป็นยุคท่ีมนุษย์มีความ “ความจริงตามที่เป็น” ของความงามนั้น สมบูรณอ์ ยา่ งทส่ี ดุ ตามมหากาพย์ Works มอี ยเู่ พยี งหนงึ่ เดยี ว ความงามอนั หลากหลาย and Days ของกวีเฮซอิ อด ดงั กลา่ วนน้ั เพยี งมสี ว่ นรว่ มกบั ความงามอนั จรงิ แทเ้ ทา่ นนั้ ดว้ ยเหตนุ ้ี นกั ปรชั ญาจงึ ไมใ่ ช่ 31. จากมหากาพย์ Works and Days “ผรู้ กั ในการมองเหน็ ดว้ ยผสั สะ” หากแตเ่ ปน็ บรรทดั ที่ 122 – 123 “ผรู้ กั ในการมองความจรงิ ตามทเ่ี ปน็ ” กลา่ ว คอื ไม่ไดม้ องโดยใช้ “ดวงตาแห่งผสั สะ” แต่ 32. เทพผ้นู ยี้ ่อมหมายถงึ เทพอพอลโล มองด้วย “ดวงตาแห่งจติ วิญญาณ” เพลโต : 557
36. สำ� หรบั เพลโต ความงดงามอนั แรก ซง่ึ มี 39. สมัยนั้นมีโซฟิสท์คู่ปรับกับเพลโตอยู่ จ�ำนวนมากย่อมรบั รู้ได้ผา่ นผสั สะ แตค่ วาม คนหนง่ึ ชอื่ กอเกยี ส (Gorgias) เขาเสนอไวว้ า่ งดงามอันหลัง ซึ่งเป็นความงามโดยตัวมัน เองนนั้ มอี ยเู่ พยี งหนงึ่ เดยี ว และรบั รไู้ ดผ้ า่ น 1) ไมม่ ีสิง่ ใดด�ำรงอยเู่ ลย ความคิดค�ำนวณและความเข้าใจภายใน 2) หรอื ถ้ามบี างสิ่งด�ำรงอยู่ เราก็ไมม่ ที างรู้ จิตวญิ ญาณ เรอื่ งใดๆ เก่ยี วกบั มันได้ 3) หรือถ้าเรารู้บางสิ่งเกี่ยวกับมันได้ เรา 37. น่ันย่อมส่อความว่า ความงดงาม ก็ไม่มีทางน�ำเอาความรู้น้ีไปสื่อสารกับ จ�ำนวนมาก ซ่ึงมองเห็นได้ผ่านผัสสะน้ัน คนอนื่ ได้ ล้วนแล้วแต่มีส่วนร่วมอยู่กับความงดงาม 4) หรือถ้าความรู้นี้น�ำไปส่ือสารกับคนอ่ืน โดยตัวมันเอง ซึ่งมีเพียงหน่ึงเดียวทั้งส้ิน – ได้ มนั กไ็ ม่มีวันท่ีจะมคี นเข้าใจ หากนึกภาพไม่ออก ให้ลองจินตนาการถึง วงกลมวงหนึ่ง และสมมติว่าวงกลมนนั้ เป็น แน่นอน เพลโตอยู่ฝั่งตรงข้ามกับข้อเสนอ “ความงดงามโดยตัวมันเอง” ซ่ึงมีอยู่เพียง เหลา่ น้ี และประโยคนข้ี องโสคราตสี กแ็ ฝงนยั หนึ่งเดียว จากน้ันลองวาดวงกลมเพ่ิมอีก ของการตอบโตก้ บั กอเกยี สดว้ ย ขอ้ เสนอของ หลายๆ วง โดยใหแ้ ตล่ ะวงมบี างสว่ นซอ้ นทบั กอเกียสอาจฟังดูแปลกๆ และไม่ค่อยมีคน กับวงกลมวงแรกเสมอ แต่ไม่มีวงใดทับจน สนใจ กระนั้นนักปรัชญาฝรั่งเศส ฌาคส์ สนทิ – วงกลมหลายๆ วงดงั กลา่ วกเ็ หมอื น แดร์รดิ า (Jacques Derrida) ในบันทึกการ “ความงดงามอนั หลากหลาย” ซ่ึงเพยี งแตม่ ี สอนปี 1966 ของเขาช่ือ Structure, สว่ นรว่ มอยบู่ น “ความงดงามโดยตวั มนั เอง” Sign and Play in the Discourse of the Hu- เทา่ นน้ั บางวงมสี ว่ นรว่ มมาก กจ็ ะงดงามมาก man Sciences เขาไดห้ ยบิ เอาขอ้ เสนอของ บางวงมสี ว่ นรว่ มนอ้ ยกจ็ ะงามนอ้ ย แตถ่ า้ วงใด กอเกยี สมา“ลม้ ”เพลโตกลา่ วคอื เขาพยายาม ไมม่ สี ว่ นรว่ มกบั ความงดงามโดยตวั มนั เองเลย เสนอว่า สรรพส่ิงด�ำรงอยู่ในระดับของ วงกลมวงน้ันก็จะเป็น “ความอัปลักษณ์” ความหมายเทา่ นนั้ การ เปน็ อนั จรงิ แทอ้ ยา่ ง เพราะไมม่ สี ว่ นใดทบั ลงบนความงดงามเลย เพลโตว่ามันไม่มีหรอก เราทุกคนติดอยู่ใน โลกของความหมาย หรอื ทแ่ี ดรร์ ดิ าเรยี กเปน็ 38. “เป็น” ในความหมายของ “ความจริง ภาษากรกี วา่ “อะโพรา” (apora) ซึง่ แปลวา่ ตามทเ่ี ปน็ ” (ดู เชงิ อรรถท่ี 35) – อยา่ งไรกด็ ี “ไร้หนทาง” นั่นก็คือ ทุกคร้ังที่เราพยายาม เวลาเราพดู คำ� วา่ “เปน็ ”ในชวี ติ ประจำ� วนั นน้ั – จะหาความหมาย หรอื หานยิ ามอนั เปน็ สากล นอกจากการดำ� รงอยขู่ องตวั ตนของเราแลว้ – ของอะไรสกั อยา่ งหนงึ่ (เหมอื นเพลโต) เมอื่ เรากำ� ลงั หมายถงึ อะไรอกี บา้ ง? (เชน่ ฉนั เปน็ เราคิดว่าเราคว้าความหมายอันสมบูรณ์ มนษุ ย์ คุณเป็นไข้ ปลาเปน็ -ปลาตาย ฯลฯ) ของมันได้แล้ว เราก็จะตระหนักได้ในทันที นี่เป็นคำ� ถามทีช่ วนใหเ้ ราขบคดิ ว่ามันยังไม่สมบูรณ์ และขาดอะไรไปเสมอ 558 : รีพบั ลิก
ดงั นน้ั ความหมายจงึ เปน็ สงิ่ ท่ี “หลดุ เลอื่ นไป 45. คำ� วา่ “รปู แบบ”เปน็ อกี วธิ หี นงึ่ ซง่ึ เพลโต แลว้ เสมอ”(alwaysalreadydeferred)ฉะนน้ั ใช้เรียก “ความจริงตามท่ีเป็นของส่ิงต่างๆ” สำ� หรับแดร์ริดา – และกอเกยี ส – จงึ “ไม่มี เช่น รูปแบบของความงาม รูปแบบของ สง่ิ ใดด�ำรงอยเู่ ลย” ความดี รูปแบบของความเท่ียงธรรม ฯลฯ ซึ่งมีความเป็นนิรันดร์ มีอยู่เพียงหน่ึงเดียว 40. เพ่ือให้ง่ายต่อการเข้าใจ ลองลากเส้น ไม่หลากหลาย และรับรู้ได้ผ่าน “ดวงตา ตรงเสน้ หนงึ่ จากนน้ั ใหป้ ลายดา้ นหนงึ่ เปน็ ของจิตวิญญาณ” เท่าน้ัน อย่างไรก็ตาม “การเป็น” อันสมบูรณ์ ซึ่งสัมพันธ์กับการรู้ อย่างท่ีเราเห็นอยู่อย่างประปรายมาต้ังแต่ และให้ปลายอีกด้านเป็น “การไม่เป็น” อัน เล่ม 1 ค�ำว่า “รูปแบบ” น้ัน ยังถูกใช้เป็น สมบรู ณ์ ซงึ่ สมั พนั ธก์ บั การไมร่ ู้ – คำ� ถามของ ศัพท์ทั่วๆ ไปด้วย เช่นมีการใช้ครั้งแรกใน เพลโตก็คือ ส่ิงซึ่งอยู่ระหว่างกลางของสุด เล่ม 2 (357c) ดังน้ัน ปัญหาที่ว่าเพลโต ปลายสองขา้ งคอื อะไร และมอี ยจู่ รงิ ไหม? – ต้องการน�ำค�ำว่า “รูปแบบ” มาใช้ในฐานะ สำ� หรบั เพลโตแลว้ สงิ่ ซงึ่ อยกู่ ง่ึ กลางระหวา่ ง ศัพท์ทางปรัชญาของตนหรือไม่นั้นยังเป็น การรกู้ บั การไมร่ กู้ ค็ อื “ทศั นะ” ตอ้ งไมล่ มื วา่ ปญั หาทางวชิ าการ ซงึ่ ยงั ถกเถยี งไดอ้ ยจู่ นถงึ ค�ำว่า “ทัศนะ” ในภาษากรีกนั้น มีราก ทกุ วนั นี้ นอกจากนน้ั ผอู้ า่ นควรทราบวา่ คำ� เดียวกันกับค�ำว่า “ดูเหมือน” (ดูเล่ม 2 วา่ “รปู แบบ” ในทน่ี ี้ มอี ยู่ 2 คำ� ดว้ ยกนั นนั่ คอื เชิงอรรถท่ี 3) ดังน้ัน ส่ิงซ่ึงอยู่ก่ึงกลาง εἶδος (/eidos/) กับ ἰδέα (/idea/) ใน ระหวา่ ง “การเป็น” และ “การไมเ่ ปน็ ” ก็คอื ความหมายทั่วๆ ไปน้ัน คำ� สองค�ำนี้แปลว่า “การดูเหมือนว่าเป็น” ซ่ึงสัมพันธ์กับทัศนะ “รปู แบบ” ไดเ้ หมือนกัน เพียงแต่ค�ำหลงั จะ นน่ั เอง มีความหมายไปในทางรูปแบบอันมองเห็น ดว้ ยตาไดม้ ากกวา่ อนั แรก เพลโตใชท้ ง้ั 2 คำ� 41. ดเู ล่ม 1 เชงิ อรรถท่ี 54 ประกอบ สลับกันไปมาอยู่บ่อยๆ ดังน้ัน เพื่อให้เกิด ความชดั เจน ผแู้ ปลจึงเลอื กแปล εἶδος วา่ 42. กลา่ วคอื เราใชส้ สี นั รปู ลกั ษณ์เสยี งฯลฯ “รูปแบบ” และแปล ἰδέα เปน็ “รปู แบบ” ในการจำ� แนกสิ่งตา่ งๆออกจากกัน กระนน้ั พลงั อำ� นาจในการมองเหน็ หรอื ในการไดย้ นิ 46. ดูตัวอย่างในเชงิ อรรถที่ 37 กไ็ ม่ใชท่ งั้ สสี นั รูปลกั ษณ์ เสยี ง ฯลฯ 47. เชน่ เลข 4 นนั้ เปน็ สองเทา่ ของ 2 (2x2) 43. จากหน้า 477a ดา้ นบน และก็เปน็ ท้งั ครงึ่ หนึ่งของ 8 (8/2) 44. จากหน้า 476c – “คนคนนั้น” ในที่นี้ 48. ส่ิงสิ่งหนึ่งอาจจะหนัก ตาม “ทัศนะ” คอื “คนทไี่ มเ่ คยมองเหน็ ถงึ การดำ� รงอยขู่ อง ของเรา แตอ่ าจจะเบา ตาม “ทศั นะ” ของผอู้ นื่ ความงามโดยตวั มนั เองเลย” ดงั นนั้ สง่ิ ตา่ งๆ ซงึ่ สมั ผสั ไดด้ ว้ ยผสั สะทงั้ หา้ เพลโต : 559
จงึ มคี ณุ สมบตั สิ องดา้ นตรงขา้ มกนั ในตวั เอง เสมอ ขนึ้ อยกู่ บั “ทศั นะ” กระนน้ั “ความหนกั โดยตวั มนั เอง” หรอื “รปู แบบของความหนกั ” ย่อมต่างออกไป เพราะมันมีแต่ความหนัก เทา่ นนั้ ไมม่ คี วามเบาเจอื ปน (หรอื กลา่ วไดว้ า่ มนั คอื “การเป็น” อนั เรียบง่ายและบรสิ ทุ ธ)์ิ นอกจากนี้ “ความหนกั โดยตวั มนั เอง” ยงั เปน็ สิ่งซึ่งสัมผัสไม่ได้ด้วยผัสสะทั้งห้า มันต้อง อาศัยความคิด หรือส่ิงที่เพลโตบอกว่าเป็น “ดวงตาของจิตวิญญาณ” เทา่ นั้น 49. คำ� ปรศิ นานม้ี อี ยวู่ า่ ประโยคดงั ตอ่ ไปนี้ มคี วามหมายวา่ อะไร “ผชู้ ายซง่ึ ไมใ่ ชผ่ ชู้ ายเหน็ และไม่เห็นนกซ่ึงไม่ใช่นกเกาะบนคาคบซ่ึง ไมใ่ ชค่ าคบ เขาจงึ เขวย้ี งและไมเ่ ขวยี้ งมนั ดว้ ย กอ้ นหนิ ซง่ึ ไมใ่ ชก่ อ้ นหนิ ” วธิ กี ารหาคำ� ตอบคอื ต้องหาส่ิงซ่ึงอยู่ก่ึงกลาง ระหว่างคู่ตรงข้าม เชน่ “ผชู้ ายซงึ่ ไมใ่ ชผ่ ชู้ าย” กค็ อื ขนั ที “เหน็ และ ไมเ่ หน็ ”กค็ อื สายตาไมด่ ี“นกซงึ่ ไมใ่ ชน่ ก”กค็ อื คา้ งคาว “คาคบซงึ่ ไมใ่ ชค่ าคบ” กค็ อื ไมล้ ม้ ลกุ “เขวยี้ งและไมเ่ ขวย้ี ง” กค็ อื เขวย้ี งพลาด และ “ก้อนหินซ่ึงไม่ใช่ก้อนหิน” ก็คือหินภูเขาไฟ (หนิ ภเู ขาไฟมรี พู รนุ และเบาเหมอื นฟองนำ้� ) 50. นัน่ คอื เห็นพ้องกันไปใน 478e 560 : รพี บั ลิก
เชงิ อรรถ เลม่ 6 1. โสคราตสี อ้างอิงถงึ เลม่ 5 (474b – c) 8. ดู 485a – 487a 2. เล่ม 5 (474c – 475c) 9. ค�ำพูดของโสคราตีสน้ัน ล้อไปกับการ 3. ดเู ล่ม 5 (479a) เชงิ อรรถท่ี 45 คลอดลกู – จติ วญิ ญาณไดก้ บั สง่ิ ทเี่ ปน็ คลอด ออกมาเปน็ ความเข้าใจกบั ความจรงิ แท้ 4. โมมสั (Momus) เปน็ เทพของการถากถาง 10. สมัยน้ันนักร้องประสานเสียงเป็นของ การเยาะเยย้ การจบั ผดิ และชอ่ื ของเขายงั ใช้ สาธารณะ การแสดงละครจำ� เปน็ ตอ้ งยมื ตวั เปน็ บคุ ลาธษิ ฐานของสง่ิ เหลา่ น้ี ในมหากาพย์ นกั รอ้ งประสานเสยี งจากเจา้ เมอื ง โสคราตสี Theogony ของเฮซอิ อด โมมสั เปน็ บตุ รของ น่าจะก�ำลงั เปรยี บจิตวญิ ญาณเป็นนักแสดง เทพนี กิ ส์ (Nyx) ซง่ึ เปน็ บคุ ลาธษิ ฐานของยาม บนเวที ส่วน “นักร้องประสานเสียงแห่ง ราตรี ความชวั่ ร้าย” ก็คือคนหมู่มาก 5. อเดมันทัสก�ำลังส่อความถึง “วิภาษ 11. อา้ งถงึ 487b – d ดา้ นบน วิธี” ในความหมายด้ังเดิมที่สุด – ดูเล่ม 5 เชิงอรรถที่ 10 (454a) ประกอบ 12. โสคราตสี หมายถึง “คนหมูม่ าก” 6. εἰκών (/eikon/) ดเู ลม่ 2 เชงิ อรรถที่ 45 13. ดเู ล่ม 3 เชิงอรรถที่ 96 (412e) (375d) 14. ยงั ไมร่ ูว้ ่าสำ� นวนน้มี ีทีม่ าจากทใี่ ด 7. ประโยคนมี้ คี วามกำ� กวมในตวั เองทเี่ ปน็ ไปไดว้ า่ โสคราตสี กำ� ลงั บอกวา่ มศี ลิ ปะอยสู่ อง 15. การ “เป็น” ในความหมายของ “ความ แขนง 1) ศลิ ปะของการขน้ึ เปน็ ผปู้ กครองเรอื จรงิ ตามที่เปน็ ” (ดูเล่ม 5 เชงิ อรรถท่ี 35) 2) ศลิ ปะการเดนิ เรอื ดงั นนั้ การเปน็ ตน้ หนจงึ จ�ำเป็นต้องเชี่ยวชาญศลิ ปะแขนงหนง่ึ ส่วน 16. เพลโตใชค้ ำ� วา่ “ชา่ งเหลก็ สมั ฤทธ”ิ์ และ การทำ� ใหต้ วั เองไดร้ บั เลอื กเปน็ ผปู้ กครองเรอื “พอมเี งนิ ” เพอ่ื เลน่ คำ� กบั ชว่ งชนั้ ธาตสุ มั ฤทธ์ิ ย่อมตอ้ งอาศัยศิลปะอกี แขนงหนงึ่ กบั ช่วงชัน้ ธาตุเงิน และข้อหา้ มการแตง่ งาน เพลโต : 561
กับการท�ำหน้าท่ีข้ามกันระหว่างสองชนช้ัน 23. เฮราเคลตัส (Heracleitus) เป็น ดงั กลา่ วในเมอื งของเขา (415a – c) นักปรัชญาก่อนหน้าเพลโตที่เสนอว่า ไม่มี การเป็น อันบริสุทธ์ิ ไม่มีอะไรด�ำรงอยู่ 17. “ช้ันต่ำ� ” เพราะเปน็ การสมรสระหวา่ ง ถาวรหรือเป็นนิรันดร์ ทุกสิ่งอย่างล้วน ชว่ งชน้ั และ “นอกกฎหมาย” เพราะยอ่ มไมไ่ ด้ เปลี่ยนแปลงไปตลอดเวลา ไม่เคยหยุดน่ิง รับการเห็นชอบจากสาธารณะ กบั ที่ เพราะฉะนนั้ เราจงึ “ไมส่ ามารถเหยยี บ สายน้�ำสายเดียวกันสองหนได้” เพราะเมื่อ 18. “ปัญญาโซฟิสต์” แปลจาก σόφισμα เหยยี บหนทสี่ อง สายนำ้� สายนน้ั ยอ่ มเปลยี่ น (/sophisma/) แปลตรงตัวว่า “การน�ำเอา แปลงไปจนไม่เหมือนกับสายน�้ำสายเดิมท่ี ปญั ญาไปพลกิ แพลงเปน็ ลกู ไมต้ า่ งๆ” ชดั เจน เคยเหยยี บครง้ั แรก ดงั นนั้ คำ� วา่ “ดวงตะวนั วา่ ในทน่ี โ้ี สคราตสี กำ� ลงั พาดพงิ ถงึ โซฟสิ ท์ ซงึ่ ของเฮราเคลตัส” ในที่นี้ของโสคราตีสจึง แปลตรงตวั วา่ “ผมู้ ปี ญั ญา” – ในความหมายนี้ หมายถึงดวงตะวันที่ลุกโชนและมอดดับได้ พวกโซฟิสท์ หรือ “ผู้มีปัญญา” จึงต่างจาก เพียงหนเดียว เม่ือดวงตะวันขึ้นอีกคร้ังใน นกั ปรชั ญา ซึ่งเปน็ “ผู้รักในปัญญา” วนั พรงุ่ นนั่ ยอ่ มไมใ่ ชด่ วงตะวนั ดวงเดมิ แลว้ 19. “เธอากสี ” (Theages) ยงั เปน็ ตวั ละคร 24. เพลโตเลน่ สมั ผสั คำ� ตรงคำ� วา่ “สงิ่ ทเี่ รา หลกั ในบทสนทนาชอ่ื Theages ของเพลโต เพิ่งพูดไป” (λεγόμενον; /เลโกเมนอน/) อีกด้วย อย่างไรก็ตามมีการถกเถียงกัน กับ “สิ่งท่ีเกิดข้ึนในชีวิตจริง” (γενόμενον; อย่างกว้างขวางว่าเพลโตเป็นผู้เขียนบท /เกโนเมนอน/) สนทนาเล่มนี้หรือไม่ หรือท่ีจริงเป็นคนอ่ืน เขยี นแต่อทุ ศิ ให้เพลโตกนั แน่ 25. จากบทละคร Hippolytus ของยรู พิ ดิ สี บรรทดั ท่ี 102 20. ดเู ลม่ 2(382e)เชงิ อรรถที่67นอกจากนี้ โสคราตสี ยงั เคยอธบิ ายเอาไวใ้ นคำ� แกค้ ดใี น 26. เพลโตกำ� ลงั ยำ�้ ใหเ้ ราเหน็ อกี ครง้ั หนง่ึ – Apologia วา่ ภตู ขิ องเขานน้ั ชว่ ยทำ� ใหเ้ ขาอยู่ หลงั จากเลม่ 5 – วา่ “การร”ู้ นน้ั สมั พนั ธก์ บั ห่างจากการเมอื งได้ (31c – 32a) “การแสวงหาความจริงแท้” (วิภาษวิธี) ขณะเดียวกันมันก็ตรงข้ามกับ “ทัศนะ” ซึ่ง 21. แม้ว่าธุระเหล่าน้ันอาจไม่ใช่ด้านท่ี สมั พันธก์ บั “การเถียงเพ่ือเอาชัย” (eristic) เหมาะกับตัวเองเลยก็ตาม ผ่านไป 2,500 ปีมนษุ ย์กย็ ังเป็นเช่นนอี้ ยู่ 27. สังเกตการใช้ค�ำว่า “บุรุษ” ในที่น้ีให้ดี เพลโตเรยี กพลเมอื งภายในเมอื งอนั สมบรู ณ์ 22. เลม่ 3 (412a – b) แบบที่มีนักปรัชญาปกครองว่า “บุรุษ” โดย ไม่จ�ำแนกชายหญงิ – ดเู ลม่ 5 เชิงอรรถท่ี 7 562 : รพี บั ลกิ
28. ในบทสนทนาช่ือ Ion เพลโตเสนอว่า 32. จากเล่ม 4 ท้ังสามส่วนดังกล่าวคือ ความสามารถของกวีเกิดจากทิพยบันดาล สว่ นซง่ึ สมั พนั ธก์ บั ตรรกะ (logos) กบั ราคะ ของเทพศี ลิ ป์ (Muse) เมอ่ื กวไี ดร้ บั แรงดลใจ (erōs) และกบั ความคกึ คะนอง (thymos) กจ็ ะสง่ ทอดมนั ตอ่ ไปยงั ผฟู้ งั สง่ ผลใหพ้ วกเขา มคี วามรสู้ กึ ดใี จ หรอื เสยี ใจตามเนอื้ ความใน 33. ไม่ว่าจะเป็นความเท่ียงธรรม ความ บทกวีไปด้วย ตรงนี้เองเพลโตก�ำลังเปรียบ กล้าหาญ หรือแม้กระท่ังความมีประโยชน์ นักปรัชญาเป็นกวีท่ีได้รับทิพยบันดาลจาก ความแจม่ ใสของสขุ ภาพ ทกุ อยา่ งลว้ นจดั ไว้ เทพศี ิลป์ทางปรัชญาเช่นกัน (ดู 499c) ในหมวดหมู่ใหญ่ท่ีสุดเดียวกันได้ น่ันคือ “ส่ิงท่ีดี” ดังนั้น เมื่อมองด้วยความหมายน้ี 29. หรือที่ในวิชาตรรกศาสตร์เรียกว่า ad การตามหา “รูปแบบของความเท่ียงธรรม” hominem เปน็ ตรรกวบิ ตั ชิ นดิ หนง่ึ ซง่ึ มงุ่ โจมตี หรอื “ความเท่ียงธรรมโดยตัวมนั เอง” เพียง บคุ ลกิ ลกั ษณะสว่ นตวั ของคสู่ นทนามากกวา่ อย่างเดยี ว ก็จะไม่เพียงพออกี ตอ่ ไป มันยงั จะใชเ้ หตผุ ล เชน่ มนี กั ศกึ ษาขา้ มเพศคนหนงึ่ จำ� เปน็ ตอ้ งตามหา “รปู แบบของความด”ี หรอื ออกมาชวนสนทนาถงึ ขอ้ เสยี ของการสวมชดุ “ความดีโดยตัวมันเอง” ซ่ึงเป็นหมวดหมู่ที่ นกั ศกึ ษา แตแ่ ทนทฝ่ี า่ ยตรงขา้ มจะใชเ้ หตผุ ล ใหญก่ วา่ อีกดว้ ย โต้แย้งด้วย กลับมุ่งเป้าโจมตีไปยังบุคลิก ลกั ษณะของนกั ศกึ ษาคนนน้ั เพยี งอยา่ งเดยี ว 34. “ปฏิภาณ” หรือ φρόνησις (/phro- อาทิ “หน้าตาก็อุบาทว์แล้วยังจะมาเรียก nēsis/) ดเู ล่ม 1 (348d) เชงิ อรรถที่ 58 – รอ้ งอกี ” ฯลฯ ในทน่ี เี้ พลโตใชม้ นั ในความหมายของ “ปญั ญา ทางโลก ซ่ึงยงั ไปไมถ่ งึ ปญั ญาอนั จรงิ แท้” 30. θεοειδές (/theoeides/; มาจาก theo [เทพ] + eidos [รปู แบบ]) เปน็ คำ� ทโี่ ฮเมอร์ 35. วธิ คี ดิ ของเพลโตคอ่ นไปทาง “ทวนิ ยิ ม” มกั ใชเ้ รยี กพวกวรี บรุ ษุ ผมู้ กี ำ� ลงั เหนอื มนษุ ย์ (dualism) คือมองทุกอย่างเป็นคู่ตรงข้าม ถา้ วา่ กนั ตามลำ� ดบั ขนั้ ทางเทววทิ ยากรกี แลว้ เสมอ ดงั นนั้ การบอกวา่ สง่ิ สง่ิ เดยี วกนั ดแี ละ วรี บรุ ษุ ผกู้ อปรดว้ ยทพิ ยลกั ษณเ์ หลา่ นี้ จะถกู เลวในเวลาเดียวกัน จึงเป็นการให้ตรรกะท่ี จัดเป็นเทพเจ้าในล�ำดับล่างสุด ซึ่งใกล้ชิด ขดั กันในตวั เอง มนษุ ยท์ สี่ ดุ กลา่ วคอื อยใู่ นลำ� ดบั ขนั้ เดยี วกบั พวกเทพทอ้ งถนิ่ ตา่ งๆ เชน่ เทพประจำ� บอ่ นำ�้ 36. ดเู ลม่ 5 เชงิ อรรถท่ี 7 (451c) ของหมบู่ า้ น หรอื เทพประจำ� ตระกลู เปน็ ตน้ 37. แปลจาก “οἴομαι” (/oiomai/) หรือ 31. จากหนา้ 474a “สิ่งทเี่ ราเช่อื หรือคะเนวา่ เปน็ จรงิ ” มีความ หมายหนกั แนน่ ทางตรรกะมากกวา่ “ทศั นะ” หรือ δόξα (/doxa/) อยู่เลก็ น้อย เพลโต : 563
38. ค�ำว่า “ดอกเบี้ย” กับ “ลูกหลาน” ใน 47. เทพอพอลโล มกั ถกู นำ� มาสมั พนั ธก์ ับ ภาษากรกี ใชค้ ำ� เดยี วกนั คอื τόκος (/tokos/) ดวงอาทิตย์ ถึงแม้จะไม่ใช่เทพแห่งดวง โสคราตีสตงั้ ใจเลน่ คำ� สองความหมายน้ี อาทิตย์ก็ตาม กลาวคอนยกเทพอพอลโล 39. จากหน้า 476a ข้ึนมาเพราะต้องการกล่าวล้อไปกับวิธีการ อธิบายข้างต้นของโสคราตสี 40. ดเู ล่ม 5 เชงิ อรรถที่ 45 ประกอบ 48. ต้นฉบับใช้ค�ำว่า δαιμονίας (/dai- 41. หรอื “ชนดิ ดงั กลา่ ว” – คำ� วา่ “รปู แบบ” monias/) ซ่ึงหมายถึง “เก่ียวกับภูติ” – ดู หรือ ἰδέα (/idea/) ในที่นี้ไม่ได้ถูกใช้ใน เล่ม 2 เชงิ อรรถที่ 67 ประกอบ ลักษณะของศัพทเ์ ฉพาะ แต่ผแู้ ปลคงมนั ไว้ ไมแ่ ปลตามบรบิ ท เชน่ เดยี วกบั คำ� วา่ “รปู แบบ” 49. คำ� วา่ “สวรรค”์ ในภาษากรกี คอื οὐρανός ทุกค�ำในหนังสือเล่มนี้ เพราะเห็นว่ามันมี (/ouranos/) แตเ่ มอื่ ผนั มนั ในรปู สมั พนั ธการก ส่วนส�ำคัญในการใช้ท�ำความเข้าใจทฤษฎี (genitive)แลว้ จะเปน็ οὐρανοῦ(/ouranou/) เรือ่ ง “รปู แบบ” ของเพลโต ซึ่งจะออกเสียงคลา้ ย ὁρατοῦ (/horatou/) ซึ่งแปลว่า “มองเห็นได้” (ซ่ึงอยู่ในรูป 42. ชาวกรีกโบราณมองดวงดาวต่างๆ สัมพันธการกเหมือนกัน) นอกจากน้ี เสียง เป็นเทพเจ้า “เฮลอิ อส” (Ἥλιος;/Helios/) /nou/ ท้ายค�ำว่า οὐρανοῦ (/ouranou/) คอื เทพผู้เปน็ บคุ ลาธษิ ฐานของดวงอาทิตย์ ยงั พอ้ งเสยี งกบั คำ� วา่ νοῦς (/nous/) ซง่ึ แปล วา่ “ความเขา้ ใจ” และ νοητόν (/noēton/) 43. “ἡλιοειδής” (/helioeidēs/) มาจาก ซง่ึ แปลวา่ “ส่ิงซ่ึงเข้าใจได”้ อกี ดว้ ย ดงั นัน้ helios (ดวงอาทติ ย)์ + eidos (รูปแบบ) หากโสคราตสี เอาคำ� วา่ “สวรรค”์ มาใชก้ อ็ าจ เกิดความก�ำกวมในความหมายขึ้นมาได้ว่า 44. ดเู ล่ม 4 (431c) เชงิ อรรถท่ี 25 แท้จริงแล้ว “ดินแดนแห่งดวงอาทิตย์” กับ “ดนิ แดนแหง่ ความด”ี นนั้ มคี วามสมั พนั ธก์ นั 45. ดูเลม่ 3 เชิงอรรถท่ี 20 ประกอบ หรอื ว่าแยกขาดจากกันกนั แน่ 46. นี่เป็นหนึ่งในย่อหน้าท่ีท�ำความเข้าใจ 50. กลา่ วคอื สงิ่ ตา่ งๆ สว่ นใหญใ่ นสว่ นแรก ได้ยากที่สุดใน Republic “ความดี” และ ทเ่ี ป็นส่วนของส่ิงซ่ึงมองเห็นได้น้ัน ล้วนแต่ “รูปแบบ ของความดี” ของเพลโตหมายถึง ถอดแบบออกมาจากรูปแบบของตัวมันเอง อะไรกันแน่? ค�ำว่า “อยู่เหนือการ เป็น” ซึง่ มีความสมบรู ณก์ วา่ ทัง้ สน้ิ ดงั น้ันหากจติ หมายความว่าอะไร? ถ้าความดีไม่ใช่การ วิญญาณจะตรวจสอบสิ่งซ่ึงมองเห็นได้ มัน เป็น แล้วมนั คอื อะไรกัน? ประเด็นนี้ยงั เปน็ ก็ย่อมต้องตรวจสอบบนฐานของการสมมติ สงิ่ ทเ่ี ชอื้ ชวนใหค้ ดิ และถกเถยี งกนั ไดอ้ กี มาก เพราะสิ่งเหล่าน้ันย่อมไม่ใช่สิ่งซึ่งมีความ 564 : รพี ับลกิ
จรงิ แท้ มนั เปน็ เพยี งภาพสะทอ้ นของรปู แบบ ทางคณติ ศาสตรซ์ งึ่ วาดลงบนพน้ื ยอ่ มจดั อยู่ ตา่ งๆ อีกทอดหนง่ึ เทา่ นั้น ในสว่ นของ “ส่ิงตา่ งๆ รอบตวั ” ด้วยเช่นกัน 51. หรือแปลอีกอย่างได้ว่า “และจะตรง 55. กล่าวคือ วิชาคณิตศาสตร์มักได้รับ เขา้ หาผล ไมใ่ ชเ่ ขา้ หาเหต”ุ การแสดงทัศนะวา่ มีเกยี รติ เน่อื งจากมนั ให้ ความชัดเจนได้ 52. นี่คือลักษณะเฉพาะของคณิตศาสตร์ เชน่ สเี่ หลยี่ มจตั รุ สั ทคี่ นหนงึ่ วาดกบั สเี่ หลยี่ ม 56. ดู เล่ม 5 (454a) เชงิ อรรถท่ี 10 จตั รุ สั ทอ่ี กี คนหนงึ่ วาด อาจมขี นาดทเี่ หมอื น กันหรือแตกต่างกันก็ได้ กระน้ันเราก็ยัง 57. สำ� หรบั ผแู้ ปลยอ่ หนา้ นถี้ อื เปน็ ยอ่ หนา้ ท่ี เรยี กมนั ดว้ ยคำ� เดยี วกนั วา่ “สเ่ี หลย่ี มจตั รุ สั ” ทำ� ความเขา้ ใจไดย้ ากทสี่ ดุ อา่ น 100 ครงั้ ก็ เพราะมันเป็น “รูปสี่เหล่ียม ซึ่งมีด้านท้ัง 4 ตคี วามได้ใหม่ 100 ครง้ั ด้านยาวเท่ากัน” กล่าวคือ เราเรียกมันว่า สเ่ี หลย่ี มจตั รุ สั จากนยิ าม หรอื “รปู แบบของ 58. เพราะ “ศลิ ปะเฉพาะทาง” หรอื τέχνη สเ่ี หลยี่ มจตั รุ สั ” ไมใ่ ชจ่ ากรปู ทเ่ี ราวาดบนพน้ื (/tekhnē/) เป็นชุดขององค์ความรู้และการ หรือบนกระดาษ ซึ่งมีความหลากหลาย ไม่ ปฏิบัติ ในหมวดของ “ส่ิงต่างๆรอบตัว” แน่นอน และเปลย่ี นแปลงได้อยู่ตลอดเวลา เช่น การแพทย์ การขับรถ การเลี้ยงสัตว์ หรอื อยา่ งตัวเลขต่างๆ หรือเสน้ ตา่ งๆ กเ็ ข้า ฯลฯ ซ่ึงเป็นส่ิง “ภายนอก” ดังน้ัน มันจึง ท�ำนองนี้ เรารู้ว่าปากกาบนโต๊ะมี 2 ด้าม แตกตา่ งจาก “วภิ าษวธิ ”ี อนั เปน็ องคค์ วามรู้ ไม่ใช่เพราะว่ามันมีเลข 2 ก�ำกับ เราบอก “ภายใน” ซ่งึ ไม่ได้ขอ้ งแวะกบั ส่ิงตา่ งๆ รอบ วา่ มนั มี 2 ดา้ ม เพราะนยิ ามเรอื่ งจำ� นวนนบั ตัวโดยตรง หากแต่สนใจความจริงแท้ของ กล่าวคือ เรานับสิ่งของชนิดเดียวกัน ซึ่งอยู่ สรรพสิ่งเป็นหลกั ในเซต็ เดยี วกนั ได้ 2 ครงั้ เราจงึ บอกวา่ ปากกา บนโตะ๊ มสี องดา้ ม ดว้ ยเหตนุ วี้ ชิ าคณติ ศาสตร์ 59. หรือแปลได้อีกอย่างว่า “และเหตุของ จงึ เปน็ วชิ าซง่ึ ตอ้ งใชท้ ง้ั สงิ่ ซงึ่ มองเหน็ ไดแ้ ละ ศลิ ปะเหลา่ น้ีกค็ ือการสมมติ” สงิ่ ซึ่งเขา้ ใจได้ควบคู่กนั 60. เพราะต่อให้คุณเป็นคนเลี้ยงวัว คุณก็ 53. กล่าวคือ ยังต้องใช้การวาดรูปทรง ยังต้องรู้จักการค�ำนวณจ�ำนวนวัว จ�ำนวน ทางคณิตศาสตร์ออกมาบนพื้นหรือบน อาหารววั ฯลฯ นยี่ อ่ มหมายความวา่ พวกนกั กระดาษอยู่ คณติ ศาสตร์ หรอื นกั เรขาคณติ จงึ เปน็ อาชพี ที่ต้องใช้การคดิ ค�ำนวณมากทีส่ ุด 54. กลา่ วคอื ยงั ตอ้ งนำ� เอา “สงิ่ ตา่ งๆ รอบ ตวั ” มาใชเ้ พอื่ ศกึ ษารปู แบบอยู่ เพราะรปู ทรง เพลโต : 565
61. เพราะทัศนะน้ันสัมพันธ์กับสิ่งซ่ึงมอง เห็นได้ ส่วนความเข้าใจย่อมสัมพันธ์กับส่ิง ซงึ่ ไมอ่ าจมองเหน็ ไดด้ ว้ ยตา การคดิ คำ� นวณ นน้ั ตอ้ งใชท้ ้งั สิ่งมองเห็นได้ และสิง่ ซึ่งเขา้ ใจ ได้ (ดูเชิงอรรถท่ี 52 ด้านบนประกอบ) มนั จะอยกู่ ง่ึ กลางระหวา่ งทศั นะกบั ความเขา้ ใจ 566 : รพี ับลิก
เชงิ อรรถ เลม่ 7 1. ดูเหมือนประโยคน้ีจะมีความไม่ชัดเจน เปล่ยี นแปลง ดังนนั้ “การกลายเปน็ ” จงึ อยู่ และมรี ายละเอยี ดแตกตา่ งไปในหลายฉบบั กง่ึ กลางระหวา่ ง “การเปน็ ” โดยสมบรู ณ์ กบั ซ่งึ ต้นฉบบั ท่ผี ู้แปลใช้ (Burnet, ed. 1903) “การไมเ่ ปน็ ” โดยสมบรู ณ์ นอกจากนน้ั หาก ใชค้ ำ� วา่ “τὰ ὄντα” (/ta onta/) อนั หมายถงึ การเป็น สมั พนั ธก์ บั การรู้ (จากเลม่ 5) การ “สง่ิ ตา่ งๆ ตามทีเ่ ป็น” กลายเป็น ก็จะตอ้ งสมั พนั ธ์กับ ทศั นะ ส่วน การไมเ่ ปน็ ย่อมสัมพนั ธก์ ับ การไมร่ ู้ 2. εἴδωλον (/eidōlon/) ดเู ลม่ 2 เชงิ อรรถ ท่ี 65 7. “ความดีงามอื่นๆ” ที่ว่าน้ี ก็คือความ กลา้ หาญ ความสงบใจ และความเทย่ี งธรรม 3. ดูเล่ม 3 (386c) เชิงอรรถที่ 1 ความดีงามท้ังสามนี้ต้องถูกพัฒนาข้ึน ภายหลงั ตา่ งจาก ปญั ญา อนั เปน็ ความดงี าม 4. ดูแผนภาพท้ายเลม่ 6 ซึ่งมีติดตัวอยู่ภายในจิตวิญญาณอยู่แล้ว (ความดีงามส�ำคัญของเพลโตมี 4 อยา่ งคือ 5. จรงิ ๆ แลว้ เพลโตมองวา่ ปญั ญาเปน็ สง่ิ ซงึ่ ความกลา้ หาญ ความสงบใจ ความเทยี่ งธรรม มอี ยแู่ ล้วในจติ วญิ ญาณของมนษุ ย์ ไมไ่ ดม้ า และปัญญา) จากการเตมิ ในสง่ิ ทข่ี าด ในบทสนทนา Meno โสคราตสี ทำ� การพิสจู น์เร่ืองน้ี โดยการเรยี ก 8. ในมหากาพย์ Theogony ของเฮซิออด ทาสคนหนงึ่ มาพสิ จู นห์ ลกั คณติ ศาสตรเ์ รอื่ ง วรี บรุ ษุ ผเู้ ปย่ี มดว้ ยความดงี ามจะไดเ้ ดนิ ทาง พนื้ ทส่ี เี่ หลยี่ ม จนทาสผนู้ น้ั เขา้ ใจ ทงั้ ทไี่ มเ่ คย ไปทน่ี ั่นหลงั จากตาย เรยี นคณติ ศาสตรม์ ากอ่ น โสคราตสี จงึ สรปุ วา่ ความรู้ต่างๆ เป็นเรื่องของ “การระลึกได้” 9. จากเล่ม 6 (504e – 505a) ไม่ใชก่ ารเตมิ เต็มสิง่ ที่ขาด 10. เทียบได้กับการโยนเหรียญหัวก้อย 6. γίγνομαι (/gignomai/) แปลได้ทั้ง ทกุ วนั นี้ “เกดิ ” “ปรากฏขน้ึ ” หรอื “กลายเปน็ ” คำ� นจ้ี งึ สอ่ ความถงึ การเปลยี่ นแปลง ไมค่ งที่ ตา่ งจาก 11. ประโยคนแ้ี ฝงนยั บางอย่าง ซ่ึงยากจะ ค�ำว่า “เปน็ ” อันส่อความถึงความถาวร ไม่ ถอดเป็นภาษาไทยได้ ค�ำว่า “คู่เหมือน เพลโต : 567
คนละด้าน” แปลจากค�ำว่า ἀντίστροφος หรือนิ้ว “ช้ี” ก็ด้วยการท�ำความเข้าใจมัน (/antistrophos/) ซึ่งถ้าเป็นในบริบทของ เท่าน้ัน – เป็นข้อสังเกตว่า เพลโตจับเอา การละครโบราณ มนั ยงั หมายถงึ การใหเ้ สยี ง “คนหมมู่ าก” มาเชอ่ื มโยงกบั การรบั รโู้ ดยไม่ คอรัสลักษณะหน่ึงได้ด้วย หรือท่ีเรียกเป็น ตอ้ งอาศยั ความเขา้ ใจในลกั ษณะนี้ นอกจาก ภาษาองั กฤษวา่ antisrophe ซง่ึ เปน็ การรอ้ ง นนั้ ยงั เปน็ ทน่ี า่ สงั เกตวา่ ตรรกะตรงนมี้ คี วาม คอรสั ตอนนกั เตน้ เคลอื่ นจากดา้ นขวาไปซา้ ย เชอ่ื มโยงกบั ตรรกะในเลม่ 4(437d)เปน็ ตน้ ไป ของเวที ตรงกนั ขา้ มกบั strophe ซง่ึ เปน็ การ อีกดว้ ย (ดูคำ� อธบิ ายในเชงิ อรรถท่ี 34 เลม่ รอ้ งคอรสั ตอนเคลอ่ื นจากซา้ ยไปขวา กลา่ วคอื เดยี วกันนั้นประกอบ) – คอื เพลโตได้แยก กลาวคอนกำ� ลงั เปรยี บเทยี บวา่ ถา้ การศกึ ษา “สง่ิ สิ่งหนง่ึ ” กับ “คณุ สมบัต”ิ ของส่ิงสิง่ นั้น เปน็ ละครหนง่ึ เรอ่ื ง ถา้ กายบรหิ ารเปน็ strophe ออกจากกัน และในเล่ม 7 นี้ดูเหมือนว่า ดนตรศี ิลป์ก็ตอ้ งเปน็ antisrophe น่ันเอง เพลโตต้องการจะจ�ำแนกให้ละเอียดลงไป อกี วา่ ถา้ “สงิ่ สง่ิ นน้ั ” รบั รไู้ ดผ้ า่ นผสั สะเทา่ นนั้ 12. ดเู ล่ม 6 (495d – e) การจะรู้ “คณุ สมบตั ”ิ ของมนั ไดก้ ต็ อ้ งนำ� เอา ความเข้าใจมาใช้เพมิ่ เติม 13. พาลาเมดสี (Palamedes) เปน็ แมท่ พั คนหน่ึงในสงครามทรอยก็จริง แต่เขาไม่ได้ 17. ลองเปรยี บเทยี บกบั ตรรกะคลา้ ยๆ กนั ปรากฏตัวในบทกวีของโฮเมอร์ สันนิษฐาน ในเล่ม 5 (479b) เชิงอรรถท่ี 48 ว่าเขาน่าจะปรากฏตัวในบทละครอ่ืนๆ ซึ่ง สาบสูญไปหมดแล้ว ในกรณีน้ี โสคราตีส 18. เราใชช้ วี ติ อยใู่ นโลกของผสั สะ เราเหน็ ยกเรื่องของพาลาเมดีสข้ึนมา เพื่อช้ีให้เห็น ส่ิงต่างๆ นับไม่ถ้วนอยู่ท้ังวัน และปฏิเสธ ว่าจ�ำนวนนับและการค�ำนวณน้ัน เป็นองค์ ไมไ่ ดว้ า่ เราเองกไ็ มไ่ ดส้ นใจในทกุ สง่ิ หากแต่ ความร้พู นื้ ฐานมากแคไ่ หน เลือกสนใจเพียงบางสงิ่ เทา่ นน้ั 14. ดูแผนภาพในหน้าสุดท้ายของเล่ม 6 19. ลองเปรียบเทียบกับแผนภาพหน้า ประกอบ สดุ ทา้ ยของเลม่ 6 15. เพราะภาพเขียนแรเงา คือการวาด 20. ในทน่ี เี้ พลโตใช้ คำ� วา่ ‘การคดิ คำ� นวณ’ ภาพโดยใชเ้ งาทำ� ใหภ้ าพมคี วามลกึ การรบั รู้ เป็นคำ� คลา้ ยกบั ค�ำว่า ‘การท�ำความเข้าใจ’ ดว้ ยผสั สะจงึ มกั คลาดเคลอื่ นไป ทำ� ใหเ้ ขา้ ใจ ผดิ พลาดวา่ รปู วาดน้นั ลกึ จรงิ ๆ 21. ควรทราบว่า ในสมัยกรีกโบราณ “1” ไม่นับเป็นตัวเลข แต่มันคือ “ส่ิงศักดิ์สิทธ์ิ” 16. เพราะถา้ ใชผ้ สั สะอยา่ งเดยี ว นว้ิ กค็ อื นวิ้ ซงึ่ ใหก้ �ำเนิดตัวเลขทัง้ ปวง (ชาวกรีกโบราณ ไมต่ า่ งกัน เราจะรวู้ า่ นว้ิ นว้ิ นี้เป็นน้วิ “ก้อย” ไมร่ จู้ กั เลข 0 เลขศนู ยเ์ ปน็ นวตั กรรมของชาว 568 : รีพบั ลิก
อนิ เดยี ) เพราะ 1 นน้ั นำ� ไปคณู หรอื หารอะไร เราจะหมายความถงึ “รปู สเ่ี หลย่ี มซงึ่ ดา้ นยาว ก็ย่อมได้จ�ำนวนน้ันเสมอ นอกจากน้ัน กบั ดา้ นกวา้ งนนั้ ขนานกนั แตม่ ขี นาดไมเ่ ทา่ กนั ” 1 รวมกบั 1 ยงั เปน็ 2 อีกด้วย 1 จึงถือเปน็ ไมใ่ ชร่ ปู สเ่ี หลย่ี มผนื ผา้ รปู ใดๆ ซง่ึ ถกู วาดออก ตน้ กำ� เนดิ ของตวั เลขทง้ั ปวง ฉะนน้ั ในความคดิ มาบนพืน้ โลก ของเพลโต1(ซง่ึ จะแปลเปน็ “จำ� นวนนบั หนง่ึ ”) ในดินแดนของคณิตศาสตร์ จึงเทียบได้กับ 25. เพราะจำ� นวนนบั หนง่ึ ตา่ งจากตวั เลข 1 “ความดี” ในดินแดนของรปู แบบ เพราะมัน ตอ่ ใหเ้ ราแยกมนั ออกเปน็ ½ + ½ ได้ แต่ ½ เป็นตน้ กำ� เนิดของสรรพส่งิ น่นั เอง แตล่ ะตวั กย็ งั ตอ้ งนบั เปน็ หนง่ึ อยดู่ ี กลา่ วคอื “½ + ½” นนั้ สามารถอา่ นวา่ “เศษหนงึ่ สว่ น 22. ศิลปะทั้งสองแขนงเป็นส่วนหนึ่งของ สองหน่ึงตัวบวกเศษหนึ่งส่วนสองหน่ึงตัว” คณิตศาสตร์ในสมัยกรีกโบราณ ศิลปะการ ดังน้นั “จำ� นวนนบั หนึ่ง” จึงไมส่ ามารถแบ่ง ค�ำนวณก็คือองค์ความรู้ด้านการค�ำนวณ แยกได้ น่คี อื ความมหัศจรรย์ของจ�ำนวนนับ จ�ำนวนนบั เชน่ 2 + 3 = 5 ฯลฯ สว่ นศลิ ปะ หนึง่ ต้ังแต่อดีตมาจนถงึ ปัจจุบนั ของจ�ำนวนนับก็คือวิชา “เลขคณิต” หรือ arithmetic นน่ั เอง เชน่ เรยี นวา่ เพราะเหตใุ ด 26. ดแู ผนภาพหนา้ สดุ ทา้ ยเลม่ 6 ประกอบ เลข 2 จงึ ไม่เทา่ กับเลข 3 เป็นตน้ 27. ขออนญุ าตทบั ศพั ทเ์ ฉพาะตรงน้ี คำ� วา่ 23. คณิตศาสตร์ย่อมน�ำพาไปสู่ความจริง “καλλίπολις” (/kallipolis/) เป็นชื่อที่ ตามทเ่ี ป็นไดใ้ นระดบั หน่งึ ดูเลม่ 6 (510d) โสคราตสี ตงั้ ใหแ้ กเ่ มอื งอนั เทยี่ งธรรมของตน เชงิ อรรถที่ 52 ประกอบ คำ� นม้ี าจาก καλὸς (/kalos/) แปลวา่ “สงู สง่ ” หรอื “งดงาม”รวมกบั πόλις(/polis/)ทแ่ี ปลวา่ 24. กล่าวคือ หากจะสนทนาแลกเปล่ียน “เมือง” อยา่ งไรกต็ าม ผแู้ ปลทบั ศพั ทต์ รงนี้ (หรอื นำ� “วภิ าษวธิ ”ี มาใช้ ดเู ลม่ 5 เชงิ อรรถ เพอื่ สอื่ ถงึ ทมี่ าของคำ� กรกี หากในครง้ั ตอ่ ๆมา ที่ 10) โดยยกเอาจำ� นวนนบั หรอื รปู ทรงทาง ผู้แปลได้ใช้ค�ำว่า “เมืองอันงดงาม” (อนึ่ง คณติ ศาสตรใ์ ดๆ ขน้ึ มาเปน็ ประเดน็ สนทนา ในทุกวนั นมี้ ีเมืองชอื่ Gallipoli ต้ังอยทู่ างใต้ มนั กจ็ ะตอ้ งไมใ่ ชก่ ารเถยี งโดยวางอยบู่ นเลข ของอติ าล)ี และในเลม่ 2 โสคราตสี เองกเ็ รยี ก 2 หรอื รปู สเ่ี หลยี่ ม ซง่ึ วาดบนกระดาษ แตจ่ ะ เหล่าผู้พิทักษ์ว่า καλὸς κἀγαθός (/kalos ต้องถกเถียงกันบนฐานของนิยามของสิ่ง kagathos/ -สังเกตค�ำว่า καλὸς) เช่นกัน เหลา่ นนั้ ลองคดิ ดดู ๆี เวลาเราถกเถยี งเรอ่ื ง ซ่ึงตรงนั้นแปลว่า “สุภาพบุรุษ” ดูเล่ม 2 รปู สเ่ี หลยี่ มผนื ผา้ กบั เพอื่ น เราจะไมเ่ ถยี งกนั (376c) เชงิ อรรถที่ 47 ประกอบ ดว้ ยรปู สเ่ี หลย่ี มทต่ี ามองเหน็ แตจ่ ะถกเถยี ง ด้วยนิยามของรูปส่ีเหลี่ยมผืนผ้าอันเป็น 28. เพราะวชิ าดาราศาสตรส์ มยั โบราณนนั้ สากล ทกุ ครง้ั ทเี่ ราพดู คำ� วา่ “สเ่ี หลยี่ มผนื ผา้ ” ต้องใช้ความรู้เร่ืองของเรขาคณิตเยอะมาก เพลโต : 569
หากขาดความรู้เรื่องรูปสามมิติ แต่ข้ามไป 34. ค�ำว่า “νόμος” (/nomos/) ในที่นี้ พูดถึงดาราศาสตร์เลยทันทีนั้น ย่อมก่อให้ นอกจากจะแปลว่า “บทเพลง” (โดยเฉพาะ เกิดความผิดพลาดได้ง่าย บทเพลงสรรเสริญทางศาสนา) ได้แล้ว มัน ยงั แปลวา่ “กฎหมาย” ไดอ้ กี ด้วย 29. เดดาลัส (Daedalus) เปน็ ประตมิ ากร และสถาปนกิ ผ้สู ร้างเขาวงกต 35. มาจากคำ� วา่ “βορβόρῳ βαρβαρικῷ” (/borboroibarbarikoi/- แปลตรงๆ วา่ “บงึ 30. “คู่เหมือนซ่ึงอยู่คนละด้าน” แปลจาก ปฏิกูลในแดนเถื่อน”) กล่าวคือ เป็นการ ἀντίστροφος (/antistrophos/) ดเู ชงิ อรรถ เล่นเสียงให้ฟังมีจังหวะของเสียง /b/ และ ท่ี 11 เสียง /r/ ด้วยเหตุน้ีผมจึงแปลเป็น “กอง อาจมอันอุจาด” เพ่ือเล่นจังหวะเสียง /อ/ 31. “พวกพิธากอเรียน” หมายถึงส�ำนัก กบั เสียง /จ/ ปรชั ญาของพธิ ากอรสั ผคู้ ดิ สตู รสามเหลย่ี ม มมุ ฉาก เขาเชอ่ื วา่ ตวั เลขกบั ดนตรเี ปน็ สองสงิ่ 36. ดู 511d และแผนภาพทา้ ยเล่ม 6 ซ่ึงมีความสัมพันธ์กัน หากท�ำสองส่ิงนี้ให้ สอดประสานกนั อยา่ งกลมกลนื ได้ กจ็ ะเขา้ ถงึ 37. ต้นฉบับของย่อหน้าต่อจากนี้ขาดวิ่น “จ�ำนวนนับหนึง่ ” ได้ (ดเู ชิงอรรถที่ 21 ด้าน ไป 2 ยอ่ หนา้ เน้ือความไมป่ ะติดปะต่อ ย่อ บนประกอบ) ดังน้ัน ขณะดวงตามองการ หน้าแรกโสคราตีสเป็นผู้พูด ย่อหน้าต่อมา เปล่ียนกลายของดาราจักร หูทั้งสองก็ต้อง กลาวคอนกต็ อบรับ ฟังการเคลื่อนไหวอันสอดประสานของ ดนตรไี ปด้วย เพลโตเองก็ไดร้ ับอทิ ธิพลทาง 38. ลองเปรยี บเทยี บกับ แผนภาพในหน้า ความคิดจากพธิ ากอรสั อยไู่ มน่ อ้ ยทีเดียว สุดท้ายของเลม่ 6 32. “ความถ”ี่ ในทน่ี คี้ อื “ความถ”่ี ในความ 39. นั่นก็คือ สิ่งต่างๆ ทางฝั่งซ้ายของ หมายของการทอผ้า กล่าวคือ ด้ายบนผืน แผนภาพในเลม่ 6 หนา้ สดุ ทา้ ย ผ้าทอนั้นอยู่ชิดกันมากนั่นเอง อย่างไรก็ดี ผู้แปลเห็นว่าค�ำน้ีมันคล้องกับวิชาทาง 40.“เส้นตรงอตรรกยะ” ก็คือด้านใดด้าน สทั ศาสตร์พอดี จึงแปลอยา่ งน้ี หน่ึงของสามเหล่ียมมุมฉากในทฤษฎี พธี ากอรสั (a2=b2+c2)ซงึ่ ไมส่ ามารถเขยี นให้ 33. หรอื “ปก๊ิ กตี าร”์ อยา่ งทเี่ รยี กกนั ทกุ วนั นี้– อยู่ในรปู ของเศษสว่ นได้ (จ�ำนวนอตรรกยะ โสคราตีสก�ำลังล้อเลียนนักดนตรีด้วยภาพ คอื จำ� นวนทไี่ มส่ ามารถเขยี นเปน็ เศษสว่ นได)้ การทรมานทาสในศาล กลา่ วคอื ในดา้ นทง้ั สามดา้ นของสามเหลย่ี ม มมุ ฉากจะตอ้ งมดี า้ นใดดา้ นหนง่ึ เปน็ จำ� นวน 570 : รพี บั ลกิ
อตรรกยะ (หรอื “ไรต้ รรกะ”) เสมอ เสน้ ตรง คำ� นเี้ ปน็ คำ� คลา้ ยกบั ความ “สงบใจ” อนั เปน็ เส้นน้ีจึงเป็นตัวแทนของข้อจ�ำกัดในการน�ำ หน่ึงในสีค่ วามดีงามสำ� คัญ เอาเรขาคณติ ไปประยกุ ตใ์ ชก้ บั ความจรงิ แท้ (ซึ่งจ�ำเป็นต้อง “มีตรรกะ”) หรือถ้าจะ 49. “ผ้บู ญั ญัตกิ ฎหมาย” ในทนี่ อ้ี าจหมาย กลา่ วใหส้ ูงส่งกว่านัน้ – โดยเฉพาะกบั พวก ถงึ บรรพบรุ ษุ หรอื หมายถงึ ผบู้ ญั ญตั กิ ฎหมาย พธี ากอเรยี น – กค็ งตอ้ งพดู วา่ หากเราทำ� ให้ ตัวจริงของเมืองเมืองน้ัน หรืออาจหมายถึง ด้านท้ังสามของสามเหล่ียมมุมฉากเป็น ผู้บัญญัติกฎหมายคนแรกเริ่มในเมืองของ จำ� นวนตรรกยะไดท้ ง้ั หมดเมอื่ ใด (นน่ั คอื ตดั โสคราตสี (นนั่ กค็ อื กลาวคอนกบั อเดมนั ทสั ) ความไรต้ รรกะทง้ิ ไป คงเหลอื ไวเ้ พยี งความมี ตรรกะ) เรขาคณติ กบั ความจรงิ แท้กจ็ ะเป็น 50. โสคราตสี ตอ้ งการเปรยี บเปรย “วภิ าษวธิ ”ี เนื้อเดียวกัน และน่ันย่อมหมายถึง “การ วา่ เปน็ “คเู่ หมอื นคนละดา้ นของกายบรหิ าร” หลดุ พน้ ” ทางจติ วญิ ญาณผ่านคณติ ศาสตร์ หรอื อาจกลา่ วไดว้ า่ มนั เปน็ “กายบรหิ ารของ นน่ั เอง จติ วญิ ญาณ” นน่ั เอง – “คเู่ หมอื นคนละดา้ น” แปลจาก ἀντίστροφος (/antistrophos/) 41. ตั้งแต่ 412b เป็นตน้ ไป 51. ดเู ชงิ อรรถท่ี8เขา้ ใจวา่ โสคราตสี ตอ้ งการ 42. ค�ำว่า “ขาดการเรียนรู้” (ἀμαθαίνω) ทิ้งไว้ให้ก�ำกวมว่า พวกเขาตายหรือยังไม่ ในที่น้ี ใช้ในฐานะค�ำคล้ายของ “อวิชชา” ตายกันแน่ หรือ “ความไม่รู้” (ἀνεπιστημοσύνη) 52. ดูเลม่ 5 เชิงอรรถท่ี 21 (461e) 43. เพือ่ ความเขา้ ใจ ดเู ลม่ 2 (382a – d) 53. โสคราตีสก�ำลังเล่นค�ำ ระหว่างค�ำว่า 44. ดเู ล่ม 3 (412c) δαίμων (/daimōn/ - ภตู ิ) กบั εὐδαίμων (/eudaimōn/ - ผมู้ คี วามสขุ สมบรู ณ)์ – คำ� วา่ 45. นักการเมืองและกวีผู้มีชื่อเสียงแห่ง eudaimōn นั้น ถ้าแปลตามตัวอักษรก็จะ เอเธนส์ ชว่ งราว 640 – 560 กอ่ นครสิ ตกาล แปลว่า “ภูติท่ดี ”ี 46. จาก 467e 54. “ἔθνος” (/ethnos/) เปน็ รากของคำ� วา่ “ethnic” หรอื “กลมุ่ ชาตพิ นั ธ”์ุ ในปจั จบุ นั แต่ 47. ดเู ลม่ 3 เชิงอรรถท่ี 96 (412e) ความหมายด้ังเดิมน้ันหมายถึงกลุ่มคนซึ่งมี ลักษณะเดียวกัน หรือระดับช้ันเดียวกันที่ 48. “μέτριος” (/metrios/) มักแปลเป็น อาศยั อยูร่ ่วมกัน “ถอ่ มตน”หรอื “พอประมาณ”เพลโตมกั ใชค้ ำ� เพลโต : 571
เชิงอรรถ เล่ม 8 1. จากท้ายเล่ม 4 (445c – e) และเลม่ 5 8. “วรี ชนาธิปไตย” แปลจาก τιμοκρατία (449a) (/timokratia/) มาจากค�ำวา่ τιμή (/timē/; “เกียรติยศ”) รวมกับ κράτος (/kratos/; 2. เล่ม 5 (449b) “อ�ำนาจปกครอง”) ส่วนคำ� วา่ “วีรชนาจักร” แปลจาก τιμαρχία (/timarkhia/) มาจาก 3. “คณาธิปไตย” หรือ oligarchy หรือ ค�ำว่า τιμή รวมกับ ἄρχω (/arkhō/; ὀλιγαρχία (/oligarkhia/; มาจาก ὀλίγος; “ปกครอง”) [/oligos/; จำ� นวนนอ้ ย] + ἄρχω [/arkho/; ปกครอง]) หมายถงึ ระบอบการปกครองซง่ึ 9. จาก Iliad เลม่ 16 บรรทัดท่ี 112 โดย คนจำ� นวนนอ้ ยถอื อำ� นาจปกครองเบด็ เสรจ็ มกี ารดัดแปลงเลก็ นอ้ ย 4. หมายถึงระบอบซึ่งปกครองโดยทรราช 10. หรอื “สรรพส่งิ ซึ่งกลายเปน็ ” (tyrant) หรือ τύραννος (/tyrannos/) – คำ� คำ� นย้ี งั ถกู นำ� ไปใชต้ ง้ั ชอื่ ไดโนเสารก์ นิ เนอื้ 11. จ�ำนวนสมบูรณ์ คือ จ�ำนวนเต็มท่ีมี แห่งยุคจูแรสสิกคือ ไทแรนนอซอรัส เร็กส์ ผลบวกของตัวหารแท้ เท่ากับตัวมันเอง (TyrannosaurusRex)ซง่ึ คำ� วา่ Rexทต่ี อ่ ทา้ ย (ตัวหารแท้หมายถึงตัวหาร ซงึ่ นำ� มาหารได้ เป็นค�ำละตินแปลว่าราชา ลงตัวพอดีไม่เหลือเศษ) เช่น เลข 6 เป็น จำ� นวนสมบรู ณ์ เพราะตวั หารแทข้ องมนั มี 3 5. “ระบอบราชอาณาจักรชนิดท่ีซ้ือขาย ตวั คอื 1, 2, และ 3 (กลา่ วคอื ทงั้ สามตวั นนี้ ำ� แลกเปลยี่ นกนั ได”้ เปน็ การแปลตรงตวั ตาม ไปหาร 6 ไดล้ งตวั ทง้ั สิ้น) และเมอื่ น�ำ 1 + ความหมาย เพราะปจั จบุ นั ยงั ไมแ่ นช่ ดั วา่ คำ� 2 + 3 ก็จะเทา่ กบั 6 พอดี ดงั นน้ั 6 จงึ เปน็ คำ� นหี้ มายถงึ อะไร จ�ำนวนสมบูรณ์ ด้วยเหตุนี้จ�ำนวนสมบูรณ์ จึงมีอยู่น้อย และหายาก อย่างไรก็ตาม 6. จากมหากาพย์ Iliad เล่ม 22 บรรทัด ยูคลิด (Euclid) นักคณิตศาสตร์ชื่อดังใน ที่ 126 สมัยกรีกโบราณ ได้พิสูจน์ไว้ว่า จ�ำนวน สมบูรณ์นั้นหาได้จากสูตร 2p-1(2p-1) จาก 7. ดูเลม่ 4 (445d) สูตรนี้ เราจะเห็นว่าจ�ำนวนสมบูรณ์นั้นจะ 572 : รพี ับลกิ
เริ่มจาก 6 ต่อมาคือ 28 ต่อมาคือ 496 มีค่าเท่ากับ รากท่ีสองของ 50 เม่ือน�ำมา ต่อมาคือ 8128 ดังนั้น ข้อความนี้ของ ยกก�ำลงั สอง ลบสอง คูณหน่งึ ร้อย ก็จะได้ โสคราตีสจึงส่อความถึงการก�ำเนิดซ่ึง 4,800 ส่วนอีกด้านหนึ่งมีค่าเท่ากับ “สาม “นานๆ ทมี หี น” แตท่ กุ ครง้ั กม็ คี วามสมบรู ณ์ ยกกำ� ลงั สามคณู ดว้ ยหนงึ่ รอ้ ย” กค็ อื 2,700 แบบในตวั เอง และนอกจากน้นั เม่ือนำ� 4,800 x 2,700 ยังได้เท่ากับ 12,960,000 หรือ 3,6002 12. ย่อหน้าน้ีเป็นหน่ึงในย่อหน้าท่ี อีกด้วย ส่วนค่า “ความสอดคล้อง” ทาง ท�ำความเข้าใจได้ยากท่ีสุด โดยสาเหตุ เรขาคณติ ทงั้ สองประเภทนสี้ มั พนั ธก์ บั ระยะ หลักมาจากการท่ีทุกวันนี้เรายังมีความรู้ เจรญิ พนั ธข์ุ องมนษุ ยอ์ ยา่ งไร ตอ้ งไปตคี วาม ทางคณิตศาสตร์กรีกโบราณไม่มากพอ กันต่อ เพราะในปัจจุบันข้อมูลทางวิชาการ ย่อหน้านี้จึงเปิดกว้างต่อการโต้เถียงได้ ยังมีไม่มากพอจะ “ชี้ชัดลงไป” ได้ อย่างไร ตลอดเวลา อยา่ งไรกต็ าม เรายงั พอคาดเดา ก็ตาม สิ่งท่ีเรารู้ได้แน่ๆ จากสูตรค�ำนวณ และทำ� ความเขา้ ใจมนั ครา่ วๆ ไดด้ งั น้ี – เมอ่ื อันซับซ้อนเหล่าน้ีก็คือ โสคราตีสต้องการ นำ� เอาวลที วี่ า่ “สามารถกระจายเปน็ สามจดุ จะบอกว่า ธรรมชาติของมนุษย์นั้นมีการ กับสพ่ี จนไ์ ด้” กบั “จบั คู่สาม ส่ี และห้าเข้า เปล่ียนแปลงอยู่ตลอด และเส่ือมสลายได้ ด้วยกัน จากน้ันเพิ่มจ�ำนวนมันสามครั้ง” นอกจากนน้ั มนั ยงั บอกถงึ ความพยายามของ มาคิดรวมกนั มนั ก็น่าหมายถงึ (3x4x5) x มนุษย์ในการเข้าใจธรรมชาติของตนผ่าน (3x4x5) x (3x4x5) x (3x4x5) – นค่ี อื ความ คณิตศาสตร์ แต่สุดท้ายก็ต้องล้มเหลว หมายของ “สามจดุ กบั สพี่ จน”์ – เขยี นไดใ้ หม่ เหล่าผู้พิทักษ์ไม่สามารถค�ำนวณธรรมชาติ เป็น (3x4x5)4 – นี่คือความหมายของ ของมนุษย์ออกมาได้อย่างสมบูรณ์แบบ “เพ่ิมจ�ำนวนมันสามครั้ง” กล่าวคือ จาก ทุกครั้ง จนเป็นผลให้เมืองในอุดมคติ ซ่ึง (3x4x5)1 กลายเปน็ (3x4x5)2 กลายเป็น โสคราตสี สรา้ งขน้ึ ต้องลม่ สลายลง (3x4x5)4 – ผลลัพธ์คือ 12,960,000 หรอื 3,6002 ต่อมา โสคราตสี กลา่ ววา่ มัน 13. จากมหากาพย์ Iliad เล่ม 6 บรรทัด สามารถเขียนให้อยู่ในรูปส่ีเหล่ียมมุมฉาก ที่ 211 ได้ 2 ประเภท ประเภทแรกเป็นจัตุรัส ซ่ึง “ดา้ นแตล่ ะดา้ นคณู ดว้ ยหนง่ึ รอ้ ยหลายครงั้ ” 14. ชว่ งชนั้ เหลก็ กบั สมั ฤทธนิ์ นั้ เปน็ ชว่ งชนั้ นนั่ กค็ อื 1002 คณู ดว้ ย 362นน่ั เอง (มาจาก ของช่างฝีมือและคนท�ำงานหาเงินภายใน 36002) ส่วนอีกประเภทหน่ึงเป็นสี่เหล่ียม เมอื งของโสคราตีส ผนื ผา้ ซง่ึ ดา้ นหนงึ่ มคี า่ เทา่ กบั “กำ� ลงั สองของ เส้นทแยงมุมอตรรกยะของส่ีเหล่ียมจัตุรัส 15. เพราะฝา่ ยหนงึ่ มาจากธาตทุ องและเงนิ ห้าคูณห้า ลบด้วยสอง คูณด้วยหนึ่งร้อย” (ฝา่ ยอภชิ นาธปิ ไตย) สว่ นอกี ฝา่ ยมาจากธาตุ เส้นทแยงมุมของสี่เหลี่ยมจัตุรัสห้าคูณห้า เหล็กและสมั ฤทธ์ิ (ฝา่ ยคณาธิปไตย) เพลโต : 573
16. ดูเลม่ 3 เชงิ อรรถท่ี 100 (416e) 23. นคี่ อื เครอื่ งแตง่ กายของจกั รพรรดแิ หง่ เปอร์เซีย ซึ่งมีภาพลักษณ์อันหรูหราเย่ียง 17. เพลโตกำ� ลงั พดู ถงึ สว่ นประกอบทงั้ สาม สมมติเทพ ของจติ วิญญาณ เล่ม 4 (439d – 441e) 24. เทพเจ้าแหง่ ความม่งั มี นามว่า พลตู สั 18. อนั ดบั หนึ่งคอื “อภิชนาธิปไตย” (Plutus) มักถูกน�ำเสนอในรูปของชาย ตาบอด – นั่นคือ กลาวคอนก�ำลังบอกว่า 19. จากบทละครของกวีเอสคิลัสเรื่อง “เขาให้เงนิ เปน็ นาย ผจู้ ัดการทุกส่งิ ไมไ่ ด้ใช้ Seven Against Thebes บรรทดั ที่ 451 จา่ ยอยา่ งฟมุ่ เฟอื ย พดู งา่ ยๆ คอื เขาไมไ่ ดโ้ ง”่ 20. “การตคี า่ ทรพั ยส์ นิ ” แปลจาก “τίμημα” 25. แนน่ อนวา่ ความเทา่ เทยี มในทนี่ ไี้ มร่ วม (/timēma/) ซง่ึ ออกเสยี งพอ้ งกบั คำ� วา่ τιμή ผู้หญงิ เดก็ ทาส และคนต่างเมอื งอีกหลาย (/timē/; “เกียรติยศ”) กล่าวคือ โสคราตีส จำ� พวก ซึง่ ไม่ได้รบั อนญุ าตใหเ้ ขา้ ออกเสียง ตอ้ งการจะเลน่ คำ� ใหส้ อดคลอ้ งไปกบั ระบอบ ในการประชุมสาธารณะต่างๆ ในสมัยน้ัน วีรชนาธิปไตยก่อนหน้า เพ่ือให้ดูราวกับว่า เอาเข้าให้จริง ผู้ออกเสียงได้ก็มีเพียงผู้ชาย คณาธิปไตยนัน้ อยู่ใกล้ชิดกับมนั จรงิ ๆ กระจกุ เดียวจากชาวเมอื งท้ังหมด 21 พดู ถึง 548a 26. ประชาธิปไตยแบบเอเธนส์ใช้วิธีการ เช่นนี้คัดเลือกคนข้ึนมารับต�ำแหน่งบริหาร 22. โดยท่ัวไปแลว้ ผึ้งหน่ึงรวงจะประกอบ ประชาธิปไตยจึงเป็น “การปกครองโดยคน ดว้ ยผง้ึ 3 จำ� พวก คอื นางพญา ผงึ้ ตวั ผู้ และ หมู่มาก” เพราะมันสุ่มคนข้ึนมาปกครอง ผึ้งงาน ผ้ึงตัวผู้เป็นผึ้งที่มีหน้าท่ีรอสืบพันธุ์ โดยคนทกุ คนมโี อกาสเทา่ ๆ กนั แมว้ า่ จำ� นวน อย่างเดยี ว ไม่ตอ้ งทำ� งาน ไม่ต้องออกไปหา ทนี่ ง่ั จะมพี อๆ กบั คณาธปิ ไตย แตด่ ว้ ยโอกาส กินเอง อาหารได้จากผ้ึงงานและน้�ำหวาน ในการออกเสยี งและการเขา้ ถงึ การปกครอง สะสมภายในรวง ผ้ึงตัวผู้มีขนาดใหญ่กว่า กระจายอย่อู ยา่ ง “เทา่ เทยี ม” ในคนหมมู่ าก นางพญาเลก็ นอ้ ย ไมม่ เี หลก็ ใน แตโ่ สคราตสี ประชาธปิ ไตยจงึ ตา่ งจากคณาธปิ ไตย บอกวา่ บางสว่ นมเี หลก็ ใน แถมยงั เปน็ เหลก็ ใน “อนั นา่ สะพรงึ ” (552c) อกี ดว้ ย และมจี ำ� นวน 27. วีรบรุ ุษ มกั เปน็ พวกครึ่งเทพ มแี ต่คน ไมแ่ นน่ อนภายในรวงหนงึ่ รวง อยา่ งไรกต็ าม พดู ถึงกนั แต่ไม่มีใครเคยเหน็ ตัวเป็นๆ เมื่อผ้ึงตัวผู้ได้ผสมพันธุ์แล้วก็จะตายทันที หรอื หากเลยฤดแู ลว้ ยงั ไมไ่ ดผ้ สมกจ็ ะโดนขบั 28. เช่นการแปรงฟัน เราจะไม่แปรงก็ได้ ออกจากรงั หรอื ไมไ่ ดอ้ าหารจากผง้ึ งานและ แต่ประโยชน์ซ่ึงได้จากมันบีบบังคับให้เรา แห้งตายไปในทสี่ ดุ จำ� เป็นตอ้ งแปรง 574 : รพี ับลกิ
29. เชน่ การเขยี นหนงั สอื ดว้ ยมอื ซา้ ย หากได้ คบไฟกันไปจนถึงเมืองเอลิวซิสเป็นระยะ รบั การฝกึ ตงั้ แตเ่ ดก็ ๆ กจ็ ะเปลยี่ นไปเขยี นดว้ ย ทางราว 18 กิโลเมตร มอื ขวาได้ 33. ดเู ลม่ 3 (399d) เชิงอรรถที่ 58 30. ดยู อ่ หนา้ สุดท้ายของ 556e 34. หมายถงึ คนตา่ งถนิ่ ซงึ่ เขา้ มาอยอู่ าศยั 31. “มนุษยก์ ินดอกบัว” หรอื λωτοφάγοι ในเมือง คนเหล่าน้ีปกติจะไม่มีสิทธิ์ออก (/lōtophagoi/) หมายถงึ ชนเผา่ ซงึ่ อาศยั อยู่ เสยี ง และจะตอ้ งเสยี เงนิ คา่ อยูอ่ าศยั ดว้ ย ตอนเหนือของแอฟริกาในสมัยกรีกโบราณ โดยบรเิ วณนนั้ มดี อกบวั ขน้ึ อยมู่ าก ชนเผา่ น้ี 35. “ผอู้ ยอู่ าศยั ของเมอื ง” แปลจาก ἀστός จึงมักน�ำมากิน และน�ำมาใช้เป็นยากล่อม (/astos/) หมายถึงพลเมืองโดยทั่วไป ซ่ึงมี ประสาท โสคราตีสน่าจะยกชนเผ่าน้ีมา สทิ ธพิ ลเมอื งภายในเมอื งนนั้ ๆ แตจ่ ะมหี รอื เปรียบเทียบกับผู้คนซ่ึงเปี่ยมด้วยอิสรภาพ ไม่มีสิทธิทางการเมืองก็ได้ ส่วนพลเมือง (แต่ก็คุ้มดีคุ้มร้ายเพราะคิดจะท�ำอะไรก็ ซึ่งมีท้ังสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง ทำ� ได้) ในระบอบประชาธปิ ไตย จะใช้ค�ำว่า πολίτης (/politēs/) เช่น ใน เอเธนส์ ผู้หญิงจะเป็นเพียง ἀστός ไม่ใช่ 32. สอ่ ความถงึ พธิ ขี องพวกรหสั ยกิ – คำ� วา่ πολίτης เป็นตน้ “รหัสยกิ ” (Mysteries) น้ันหมายถึงลัทธพิ ิธี ซ่ึงแตกออกมาจากความเชื่อกระแสหลัก 36. ดเู ล่ม 5 (467d) เชิงอรรถท่ี 26 ทว่ั ๆ ไป พวกรหสั ยกิ จะมรี ปู แบบของพธิ แี ละ “ความชำ� นาญ” อนั ลกึ ลบั เฉพาะตนมากกวา่ 37. จากบทกวีซ่งึ ต้นฉบบั สาบสญู เช่นความเช่ือว่า หากบูชาเทพบางองค์ด้วย วิธีการอันถูกต้องแล้ว (แม้บางครั้ง “วิธีอัน 38. เหมือนอยา่ งไรตอ้ งลองพจิ ารณาดู ถกู ตอ้ ง” นน้ั อาจวติ ถาร จนคนหมมู่ ากยอมรบั ไมไ่ ดก้ ต็ าม) กจ็ ะทำ� ใหช้ วี ติ หลงั ความตายได้ 39. ตามหลกั การแพทยโ์ บราณนนั้ สขุ ภาพ พบกับความสุขสมบูรณ์จริงๆ ได้ ดังน้ัน ของมนษุ ยถ์ กู กำ� หนดดว้ ยของเหลว 4 ชนดิ – พิธีกรรมส่วนมากจึงมักประกอบกันแบบ เลือด น�้ำเหลือง น้�ำดี และเสมหะ – หาก ลับๆ โดยพวกรหัสยิกซึ่งแพร่หลายมาก ของเหลวในรา่ งกายขาดสมดลุ รา่ งกายกจ็ ะ ในเอเธนส์ และโสคราตสี กก็ ำ� ลงั สอ่ ความถงึ ปว่ ย นำ้� เหลอื งนน้ั จดั เปน็ ธาตไุ ฟ สว่ นเสมหะ พธิ เี อลวิ ซเิ นยี น หรอื “Eleusinian Mysteries” เป็นธาตุน้ำ� หรอื Ἐλευσίνια Μυστήρια (/Eleusinia Mystēria/) ซ่งึ จดั ขึน้ ที่เมอื งเอลิวซสิ (Eleu- 40. การตอ่ สรู้ ะหวา่ งเผดจ็ การคณาธปิ ไตย sis) แตพ่ ธิ จี ะเรม่ิ จากเมอื งเอเธนส์ และจะแห่ กับประชาธิปไตยเกิดจริงในช่วงชีวิตของ เพลโต : 575
เพลโต คอื หลงั เอเธนสแ์ พส้ งครามแกส่ ปารต์ า 48. จากบทกวีของพินดารัส ดูเล่ม 1 ในปี 404 กอ่ นครสิ ตกาล พวกสปารต์ ากต็ งั้ (331a) ตนเปน็ เผดจ็ การคณาธปิ ไตย 30 คน กระนน้ั การปกครองแบบเผด็จการด�ำรงอยู่ได้ เพยี งปเี ดยี วกถ็ กู แมท่ พั เอเธนส์ ธราสบิ วิ ลสั (Thrasybulus) ยกก�ำลังเข้าโค่นล้มและ สถาปนาประชาธิปไตยขึ้นมาใหม่อีกครั้งใน ปี 403 ก่อนคริสตกาล 41. ตวั เอกมนี ามวา่ “ลวิ เคออน” (Lykaon) เขากอ่ ตงั้ วหิ ารบชู าซสุ ไวท้ อี่ ารเ์ คเดยี แตเ่ ขา กลบั เอาเดก็ คนหนงึ่ ไปเปน็ เครอื่ งสงั เวย จงึ ถกู เทพเจ้าลงโทษ โดยการสาปให้เป็นหมาป่า (lykos) 42. จาก Histories ของเฮโรโดตัส (1. 55) ครอยซสั (Croesus) เป็นกษัตริยแ์ หง่ อาณาจักรลิเดีย ตอนถูกโค่นอ�ำนาจ เขา หลบหนีไปทางแมน่ �ำ้ เฮร์มัส 43. เป็นวลีซึ่งพบได้บ่อยๆในมหากาพย์ ของโฮเมอร์ เช่น ใน Odyssey เล่ม 24 บรรทัดที่ 40 เป็นต้น 44. ดูเล่ม 3 (399e) เชิงอรรถท่ี 61 45. จากบทละครซง่ึ สาบสญู ไปแลว้ 46. จากบทละครของยูริพิดีส เร่ือง The Trojan Women บรรทัดท่ี 1169 47. เพราะเหล่าผู้คุ้มกันของทรราชผู้น้ีมา จากทาสของประชาชน จาก 567e 576 : รีพบั ลิก
เชงิ อรรถ เลม่ 9 1. อีก 2,000 กว่าปีต่อมา จิตแพทย์ชาว 2. “รูปแบบ” ในท่ีน้ีใช้เป็นค�ำสามัญท่ัวไป ออสเตรยี ซกิ มนั ฟรอยด์ (Sigmund Freud) ไมไ่ ดใ้ ชเ้ ปน็ ศพั ทเ์ ฉพาะ กลา่ วคอื พดู ใหมไ่ ด้ กไ็ ดเ้ อาขอ้ สมมตฐิ านในยอ่ หนา้ นไ้ี ปประยกุ ต์ วา่ “เมอ่ื ใดกต็ ามเขาระงบั สองสว่ นหลงั นไ้ี ด”้ ใช้ในหนังสือชื่อ The Interpretation of Dreams หรอื “การตคี วามความฝนั ” ฟรอยด์ 3. นน่ั ก็คือ “คนแบบประชาธปิ ไตย” เสนอเอาไวว้ า่ ความฝนั ของมนษุ ยน์ นั้ มหี นา้ ที่ หลกั อยู่ 2 อยา่ ง อยา่ งแรกคอื “การพยายาม 4. ตามปกรณัมกรีก เทพ “เอรอส” (หรือ เตมิ เตม็ ความปรารถนา” (wish-fulfillment) “คิวปิด” ตามปกรณัมโรมัน) มักถูกใช้เป็น ฟรอยดอ์ ธบิ ายวา่ เมอื่ เราหลบั เสน้ บางๆ ซงึ่ บคุ ลาธษิ ฐานของราคะ และมกั นำ� เสนอในรปู กน้ั ขวางระหวา่ งจติ รสู้ ำ� นกึ กบั จติ ไรส้ ำ� นกึ – ของเดก็ ผชู้ ายมปี กี ดงั นนั้ คำ� วา่ “ผง้ึ ตวั ผตู้ ดิ ปกี ” ซง่ึ เสน้ ๆ นก้ี ค็ อื วฒั นธรรมมนษุ ย์ – จะคลาย ของโสคราตสี จงึ เปน็ การจงใจลอ้ ลกั ษณะของ ตวั ลง เปน็ เหตใุ หค้ วามปรารถนาซงึ่ ซอ่ นเรน้ เทพเอรอส หรือเทพแหง่ ราคะน่นั เอง อยู่ในส่วนลึกของจิตใจ ข้ึนมาลิงโลดบน จิตรู้ส�ำนึก และพยายามเติมเต็มตัวมันเอง 5. “ผนู้ ำ� แหง่ จติ วญิ ญาณคนใหม”่ ในทน่ี ก้ี ค็ อื นเ่ี ปน็ ตน้ เหตขุ องความฝนั สว่ นหนา้ ทอี่ ยา่ ง ราคะ น่นั เอง; ในบทสนทนาชือ่ Phaedrus ท่ีสองของความฝันก็คือ “ท�ำหน้าท่ีเป็น เพลโตกลา่ วไวว้ า่ “ความบา้ ” ของจติ วญิ ญาณ ผู้พิทักษ์การนอนหลับ” ฟรอยด์อธิบายว่า นน้ั จะเกดิ ขน้ึ เมอ่ื จติ วญิ ญาณถกู บางสงิ่ จาก ความฝันเปน็ กลไกหน่งึ ของจติ ใจ ซ่งึ ช่วยให้ ภายนอกเขา้ มากระทบ จนทำ� ใหไ้ มส่ ามารถ การนอนหลับด�ำเนินต่อไปได้ โดยผู้หลับ ควบคมุ ตนเองได้ “สงิ่ กระทบ” ดงั กลา่ วนม้ี อี ยู่ ไม่ตื่นเสียก่อน สังเกตได้จากเวลามีส่ิงเร้า 4อยา่ งคอื 1)แรงดลใจของเทพศี ลิ ป์(ความบา้ เยอะๆ ขณะเราหลบั (เชน่ เสยี งดงั เปดิ ไฟจา้ แบบกว)ี 2)อำ� นาจของเทพดโิ อนซิ สั (ความบา้ เกนิ ไป หรอื นอนผดิ ทา่ ฯลฯ) เรามกั จะฝนั รา้ ย แบบรหัสยิก) 3) อ�ำนาจของเทพอพอลโล และน่ันก็หมายถึงจิตใจของเราต้องท�ำงาน (ความบา้ แบบนกั เทพยากรณ)์ และ4)ความรกั หนักจนตึงเครียด ความฝันจึงเครียดมาก (ความบ้าในราคะ) หรือท่ีเราเรยี กวา่ ฝันรา้ ยน่ันละ่ ความฝนั จึง เปน็ เสมอื น “ผพู้ ทิ กั ษ”์ (Guardian) ของการ 6. ตามหลกั การแพทยส์ มยั กรกี โบราณ ผทู้ ม่ี ี นอนหลับในความหมายน้ี “น�้ำดีดำ� ” มกั เป็นผมู้ อี ารมณ์ไมป่ กติ เดยี๋ วดี เพลโต : 577
เดี๋ยวร้าย ค�ำว่า “น้�ำดีด�ำ” ในภาษากรีกคือ 15. จาก เล่ม 8 (553c – d) μελαγχολία (/melancholia/) อนั เปน็ ทมี่ า ของภาษาอังกฤษค�ำว่า “melancholy” ซึ่ง 16. ถา้ จำ� ไมไ่ ดว้ า่ “ปฏภิ าณ” หมายถงึ อะไร หมายถึงอาการเศร้าซึม อย่างหาสาเหตุไม่ โปรดดูเล่ม 1 เชิงอรรถที่ 58 (348d) ไดน้ ั่นเอง 17. ดู 580d 7. ดเู ล่ม 3 (414b) เชงิ อรรถท่ี 98 18. ในการดมื่ ถวายเทพเจา้ ในสมยั โบราณ 8. น่นั คือ ในเล่ม 4 (445d) นนั้ จะด่มื 3 ครงั้ ครงั้ แรกถวายแด่ เทพเจ้า บนยอดเขาโอลิมเปียนท้ังหลาย คร้ังท่ีสอง 9. ดูเหมือนโสคราตีสก�ำลังเปรียบความ แด่วีรบุรุษท้ังหลาย และคร้ังที่สามแก่เทพ ปรารถนาท้งั หลายเป็นตัวเหลือบ ซุสแห่งโอลิมเปียน เทพผู้ปกปักษ์มวล มนษุ ย์ – นอกจากนนั้ โสคราตสี ยงั สอ่ ความ 10. เพราะคนหมู่มากนิยมคนรวยและมี ถงึ การแขง่ มวยปลำ�้ ในกฬี าโอลมิ ปกิ ดว้ ย ซงึ่ อำ� นาจ จะเป็นการแขง่ สามยก 11. การตัดสินการประกวดละครเวทีใน 19. เร่ืองการ “แรเงา” นี้ ลองนำ� ไปเปรยี บ สมยั โบราณจะมกี ารจา้ งคนกลางมาประกาศ เทยี บกับเล่ม 2 (365c) ซึ่งพดู ถึงเร่ืองการ รางวัล เพ่ือความเป็นกลาง “แรเงาความดีงาม” เอาไวเ้ หมือนกนั 12. “อรสิ ตอน” เปน็ ชอ่ื บดิ าของกลาวคอน 20. ดเู ลม่ 3 (389d) เชงิ อรรถท่ี 20 อเดมนั ทสั และเพลโต นอกจากนนั้ ค�ำค�ำน้ี ยังแปลวา่ “ผ้มู ีความเปน็ เลศิ ” ดว้ ย 21. เพื่อความเข้าใจ ลองลากเสน้ ตรงหน่ึง เส้นให้ปลายด้านหน่ึงเป็นความสุขส�ำราญ 13. หมายความว่า “การแข่งขันยกแรกได้ อันสมบูรณ์ และปลายด้านขวาเป็นความ ขอ้ ส้ินสดุ แล้ว มาดูข้อสองกนั ต่อเถอะ” เจบ็ ปวดอนั สมบรู ณ์ ความรสู้ กึ โดยทวั่ ไปของ มนษุ ยย์ อ่ มเคลอ่ื นไปมาบนเสน้ ตรงระหวา่ ง 14. จากเล่ม 4 (439d) – เพลโตแบ่ง ความรู้สึกทั้งสองด้าน หากเราเร่ิมต้นจาก จิตวิญญาณมนุษย์เป็น 3 ส่วน คือส่วนซึ่ง ความเจ็บปวดอันสมบูรณ์ ความผ่อนคลาย ค�ำนวณด้วยตรรกะ (สัมพันธ์กับการเรียนรู้ จากความเจ็บปวดย่อมหมายถึงการได้รับ และปญั ญา) สว่ นซงึ่ คกึ คะนอง (สมั พนั ธก์ บั ความสุขส�ำราญเพิ่มเข้ามาจากความเจ็บ เกยี รตยิ ศ) และส่วนซึง่ ปรารถนา (สมั พันธ์ ปวดน้นั กบั ราคะ) 578 : รพี ับลกิ
22. นั่นคือ “ความผ่อนคลายลักษณะ เล่าว่า อันท่ีจริงเทพเจ้าได้ส่งนางเฮเลนตัว ดังกล่าวน้นั ยังสามารถเกิดขึ้นจากสง่ิ อื่นๆ จรงิ ไปไวท้ อี่ ยี ปิ ตแ์ ตแ่ รกแลว้ สว่ นนางเฮเลน ซ่ึงไม่ใช่ท้ังความส�ำราญหรือความเจ็บปวด ซงึ่ ถกู ปารสี ลกั พาตวั มานนั้ แทจ้ รงิ เปน็ เพยี ง ได้อีกไหม?” – โสคราตีสต้องการบีบความ แบบสะท้อนของนาง (ตามปกรณัมกรีก เปน็ ไปไดท้ างตรรกะใหแ้ คบลงและรดั กมุ ขน้ึ นางเฮเลนคอื ผหู้ ญงิ ทส่ี วยทสี่ ดุ ในหมมู่ นษุ ย)์ 23. แปลจากคำ� วา่ κίνησις (/kinēsis/) คำ� 28. การนบั เลขแบบกรกี โบราณ จะนบั รวม คำ� นยี้ งั กนิ ความกวา้ งไปถงึ “การเคลอื่ นไหว” เลขตวั แรกเขา้ ไปดว้ ย เชน่ วนั มะรืนนีห้ มาย ทกุ ประเภท และสอ่ ความถงึ การเปลยี่ นแปลง ถึง 3 วนั นบั จากวันน้ี (น่ันคือ นบั วนั นี้รวม ไม่คงที่ และเปน็ รากของค�ำวา่ kinesis หรือ เขา้ ไปดว้ ย ไมเ่ หมอื นการนบั ในปจั จบุ นั ทจ่ี ะ kinetic ในภาษาอังกฤษ เป็นท่ีน่าสนใจว่า ไมน่ บั รวมตวั แรก) ดงั นนั้ ถา้ วา่ ตามลำ� ดบั การ เพลโตน�ำเอา “ความสุขส�ำราญ” อันเป็น อธบิ ายในเลม่ 8 ทชุ นาธปิ ไตยจงึ อยหู่ า่ งจาก ความสขุ ทมี่ กั ยดึ โยงกบั ผสั สะทง้ั 5มาสมั พนั ธ์ คณาธปิ ไตยอยู่ 3 ลำ� ดบั สว่ นประชาธปิ ไตยอยู่ กบั ค�ำว่า κίνησις แทนจะเปน็ ค�ำอืน่ ๆ ตรงกลาง 24. มันก็คือคุณความดีชนิดที่หนึ่ง จาก 29. ลองเทียบดูกับตารางท้ายเล่ม 6 – เลม่ 2 (357b) “ความจริงแท้” ในยอ่ หนา้ นห้ี มายถึง “สง่ิ ซง่ึ เขา้ ใจได”้ ทง้ั หมด ดงั นน้ั ทรราชและความสขุ 25. การเติมเต็มด้วยส่ิงอันเหมาะสมกับ ส�ำราญของทรราชจึงห่างจากความจริงแท้ ธรรมชาตขิ องเราคอื ความสขุ สำ� ราญ และสงิ่ อยู่ 3 ลำ� ดบั กลา่ วคอื เขาอาศยั อยทู่ า่ มกลาง ซ่ึงเหมาะสมกับธรรมชาติของจิตวิญญาณ ภาพสะท้อนและการสร้างภาพสะท้อน คือการ เป็น อันเป็นนิรันดร์ การเติมเต็ม เท่านัน้ จติ วญิ ญาณดว้ ยการ เปน็ จงึ กอ่ ใหเ้ กดิ ความ สุขสำ� ราญ และยง่ิ เติมการเป็นมากเท่าไร ก็ 30. ดเู ลม่ 4 (445d) ยงิ่ ได้รบั ความสุขสำ� ราญมากขึ้นเท่านัน้ 31. “จำ� นวนสองมติ ”ิ คอื ตวั เลขยกกำ� ลงั สอง 26. กล่าวคือ ความสุขส�ำราญของพวก ซึ่งในกรณีน้ีก็คือ 3 x 3 และด้วยความท่ี เขาเหล่าน้ัน ต้ังอยู่ในบรรทัดล่างสุดของ มันเขียนให้อยู่ในรูปของสี่เหล่ียมจัตุรัสได้ แผนภาพในเล่ม 6 (ภาพสะท้อน/การสรา้ ง โสคราตสี จึงให้ “คิดบนฐานของขนาดความ ภาพสะทอ้ น) ยาวของด้านแต่ละด้านของมนั ” 27. สเตซิโครสั (Stesichorus) เป็นกวีคน 32. การท�ำให้เป็นลูกบาศก์ก็คือการคูณ หนงึ่ ในชว่ งศตวรรษท่ี 6 กอ่ นครสิ ตกาล เขา ความลกึ ของรปู สเ่ี หลยี่ มจตั รุ สั เขา้ ไป ฉะนน้ั เพลโต : 579
จากย่อหน้าที่แล้ว เราตั้งต้นด้วย 3x3 ใน 37. หรือ “ส่วนแห่งความเป็นเลิศ” ค�ำว่า ย่อหน้าน้ีโสคราตีสบอกว่า ให้ยกก�ำลังสอง “รูปแบบ” ในท่ีนี้ใช้เป็นค�ำธรรมดา ไม่ใช่ มันอีกที ก็จะได้ (3x3)2 จากนั้นจึงท�ำให้ ศพั ท์เฉพาะ เป็นลูกบาศก์ ก็หมายถึงน�ำเอาขนาดของ ด้านมาคณู เข้าไปเพอื่ สร้างความลึก กจ็ ะได้ 38. เล่ม 1 (343c) (3x3)2x (3x3)2 = 729 นนั่ เอง สว่ นคำ� ถามวา่ ท�ำไมต้องเป็น 729 ผู้แปลยังคงไม่มีข้อมูล แนช่ ดั ในค�ำอธบิ ายน้ี 33. จากเลม่ 2 (360c – d) 34. “คไิ มรา” คอื สตั วป์ ระหลาด ลำ� ตวั เปน็ แพะตัวเมีย หัวเป็นสิงโตตัวผู้ หางเป็นหัวงู โผลง่ อกออกมา; “สคลิ ลา” เปน็ สตั วป์ ระหลาด อาศัยตามหินโสโครก ตามช่องทะเลแคบๆ ระหวา่ งหนา้ ผา มหี นา้ อกและหนา้ ตาเหมอื น ผหู้ ญงิ แตส่ ว่ นหางยาวเหมอื นพวกมงั กรทะเล ชว่ งตำ�่ กวา่ สะดอื มหี วั สนุ ขั งออกมา6ตวั ดว้ ย; “เครเ์ บรสั ” เป็นหมาหลายหวั (แตส่ ว่ นมาก จะวาดออกมาแค่ 3 หัว) เฝา้ ทางเข้านรก 35. สัตว์ประหลาดตัวน้ีมีลักษณะเหมือน กบั “ไฮดรา” (Hydra) ตามปกรณมั กรกี ซงึ่ มี หลายหวั เมอ่ื หวั หนงึ่ ถกู ตดั อกี หลายๆ หวั ก็ งอกเพ่ิมออกมาได้ วีรบุรุษเฮราคลีส (หรือ เฮอร์ควิ ลีส) เคยตอ้ งสูก้ ับมัน 36. จากมหากาพย์ Odyssey เล่ม 11 บรรทัดท่ี 326 – 327 นางรับสินบนเป็น สร้อยคอทองคำ� โดยแลกกับการโน้มน้าวให้ สามีออกรบ และตายที่นั่น จนสุดท้ายต้อง ถูกลูกชายตนเองกลับมาฆา่ ลา้ งแคน้ 580 : รีพับลกิ
เชิงอรรถ เลม่ 10 1. ดเู ลม่ 2 (377b) เชงิ อรรถท่ี 51 ประกอบ 5. เพราะเกา้ อบ้ี นุ วม 2 ตวั ไมว่ า่ จะตา่ งกนั แคไ่ หน มนั กย็ งั อยภู่ ายใต้ “ชอ่ื ” หรอื “นยิ าม” 2. ดเู ลม่ 2 (373b) เชงิ อรรถท่ี 42 ประกอบ หรอื “รปู แบบ” เดียวกนั อยู่ดี (นัน่ คือยงั ต้อง เรียกมันว่า “เก้าอ้ีบุนวม”) นอกจากนั้น 3. เช่น “หมวก” ในโลกนี้มีมากมายหลาย ยอ่ หนา้ นยี้ งั สอ่ ความตอ่ ไปอกี วา่ สง่ิ ทเี่ ทพเจา้ ประเภท แตเ่ วลาเราคยุ กนั เรอ่ื งหมวก เราจะ สร้างขึ้น (และเทพเจ้าท้ังหลายโดยตัวของ ใชค้ ำ� ว่า “หมวก” เพียงคำ� เดียว เปน็ ตวั แทน พระองคเ์ องนน้ั ) เปน็ สงิ่ ทผ่ี สั สะทง้ั หา้ มอิ าจ ของหมวกทุกๆ ใบบนโลกน้ี ลักษณะการใช้ สมั ผสั ได้ และจะเขา้ ถงึ ไดก้ ด็ ว้ ยทางเดยี วคอื ภาษาในชีวิตประจ�ำวันเช่นนี้ สอดคล้องไป “ดวงตาแหง่ จติ วญิ ญาณ” เทา่ นนั้ ผสั สะเปน็ กบั ทฤษฎเี รอ่ื ง“รปู แบบ”ของเพลโตกลา่ วคอื เพียงตัวกลาง อันท�ำให้รู้ว่ามีสิ่งใดด�ำรงอยู่ “รูปแบบของหมวก” (หรือนยิ ามของหมวก) บ้างบนโลกมนุษย์ แต่ถ้าจะเข้าถึงการเป็น มีเพียงหน่ึงเดียว หรือกล่าวคือ “หมวกอัน ของส่ิงเหล่านั้น จ�ำเป็นต้องกระท�ำผ่าน สมบรู ณแ์ บบ” มอี ยเู่ พยี งลกั ษณะเดยี วเทา่ นนั้ จิตวิญญาณเทา่ น้นั สว่ นหมวกใบอน่ื ๆ อกี หลากหลายใบบนโลก ล้วนแต่ “ถอดแบบ” ออกมาจาก “รูปแบบ 6. ดเู ลม่ 9 (587c) เชงิ อรรถท่ี 28 ของหมวก” ทั้งส้ิน 7. “ราชา” ในทีนี้อาจจะหมายถึงเทพเจ้าผู้ 4. การ “มอง” ในที่น้ี ย่อมมิได้ใช้ดวงตา สรา้ งสรรพสง่ิ กไ็ ด้ หรอื อาจจะหมายถงึ ราชา อันเป็นส่วนประกอบของร่างกาย หากแต่ นกั ปรัชญาของโสคราตีสก็ได้ เปน็ “ดวงตาแหง่ จติ วิญญาณ” ชา่ งทำ� โต๊ะผู้ เกง่ กาจยอ่ มตอ้ งมตี น้ แบบหรอื “รปู แบบ”ของ 8. ดเู ล่ม 1 เชงิ อรรถท่ี 57 โตะ๊ อยกู่ อ่ นแลว้ ในหวั จงึ จะสรา้ งมนั ออกมาได้ กระนนั้ โตะ๊ ทสี่ รา้ งขนึ้ บนโลกมนษุ ยก์ จ็ ะไมม่ ี 9. เอสคลีพิอัส (Asclepius) เป็นแพทย์ วันเหมือนกับ “รูปแบบของโต๊ะ” ได้อย่าง ในต�ำนาน หลังจากตายไปก็ได้รับการบูชา สมบรู ณ์มนั ยอ่ มมผี ดิ บา้ งเพยี้ นบา้ งดว้ ยเหตนุ ้ี เป็นเทพเจ้าแห่งการรักษา ลูกหลานของ โตะ๊ บนโลกมนษุ ยจ์ งึ มอี ยจู่ ำ� นวนมาก ในขณะ เอสคลิพอิ ัสย่อมหมายถึงแพทย์นัน่ เอง ที่ “รปู แบบ” ของโต๊ะนั้นมีหนง่ึ เดียว เพลโต : 581
10. “ไลเคอร์กัส” (Lycurgus) เป็นบุคคล 17. ดูเลม่ 1 (352e – 353a) ในต�ำนาน ซึ่งว่ากันว่าเป็นผู้วางรากฐานให้ แก่การปกครองแบบเน้นการสงครามของ 18. ดเู ลม่ 3 (399d) เชิงอรรถท่ี 58 สปารต์ า 19. และนี่คือสาเหตุหนึ่งที่ท�ำให้ “การ 11. “ลูกหลานของโฮเมอร์” หมายถึงพวก วางใจ” น้นั สัมพนั ธก์ ับ “สิ่งตา่ งๆ รอบตวั ” นกั รา่ ยกลอน (rhapsode) ทง้ั หลาย ซง่ึ หยบิ ในตารางหน้าสดุ ทา้ ยของเลม่ 6 เอาบทกวแี ละมหากาพยข์ องโฮเมอรม์ ารา่ ย ให้ผู้คนได้ฟัง เพลโตเคยจับโสคราตีสมา 20. ดูเล่ม 5 (479b) เชงิ อรรถที่ 48 สนทนากบั นกั รา่ ยกลอนคนหนงึ่ เพอ่ื วจิ ารณ์ ถึงประเด็นนี้ในบทสนทนาช่อื Ion 21. กลา่ วแล้วในเลม่ 4 (436b – c) 12. ธาลีส (Thales) เป็นนักปรัชญาคน 22. กลา่ วแล้วในเลม่ 3 หน้า (387d – e) แรกของกรีก ว่ากันว่าเขาสามารถค�ำนวณ การเกิดสุริยคราสในปี 585 ก่อนคริสกาล 23. ตรรกะเดยี วกบั หนา้ เลม่ 4 (436b – c) ได้ สว่ นอานาคารซ์ ิส (Anacharsis) เปน็ ผู้ ประดษิ ฐส์ มอเรอื มชี วี ติ ชว่ งราวปี 600 กอ่ น 24. ในท่ีน้ีโสคราตีสน่าจะหมายถึงการ คริสตกาล ทั้งสองคนนี้ต่างก็เป็นหน่ึงใน ปรึกษาหารือกับส่วนต่างๆ ภายในตนเอง “เจ็ดผมู้ ปี ญั ญา” แห่งยคุ กรีกโบราณ อย่างไรก็ตาม เพลโตเคยใช้ค�ำค�ำน้ีกับการ ปกครองภายในเมอื งมากอ่ นหนา้ ในเล่ม 4 13. ชอ่ื ของเครโอฟลิ อส (Creophylos) มา (428b) เป็นต้นไป เม่ือน�ำมาเปรียบเทียบ จากค�ำว่า “เนื้อ” บวกกบั “เผา่ พนั ธ”์ุ กับย่อหน้าน้ี เราก็จะเห็น “คู่เหมือน” ระหว่างการปกครองภายในเมืองกับการ 14. ทง้ั สองคนเปน็ โซฟสิ ตช์ อ่ื ดงั ในศตวรรษ ปกครองภายในจิตวิญญาณของปัจเจกชน ท่ี 5 ก่อนคริสตกาล เพลโตเคยจับเอา ภายในเมอื งมากยงิ่ ขึน้ โพรทากอรัสมาประคารมกับโสคราตีสใน บทสนทนาชอ่ื Protagoras 25. ดเู ลม่ 7 (522a) เชงิ อรรถท่ี 11 15. เหลก็ ขวางปากมา้ เปน็ อปุ กรณก์ ารขม่ี า้ 26. นัน่ ก็คือ “ละครข�ำขนั ” ซงึ่ เชื่อมตอ่ กับสายบงั เหียน ใชค้ วบคมุ มา้ 27. เพราะพูดถึงครั้งแรกกันไปแล้วใน 16. ดเู ลม่ 1 เชงิ อรรถที่ 29 ประกอบ เลม่ 2 582 : รีพบั ลกิ
28 ข้อความเหล่านี้เป็นข้อความท่ีกวีใช้ 33. “หมวกของฮาดสี ” เมอ่ื ใสแ่ ลว้ กล็ อ่ งหน โจมตีนักปรัชญา (แต่แหล่งท่ีมาเรายังไม่รู้ ไดเ้ ชน่ กนั ในมหากาพย์Iliadเลม่ 5เทพอี าธนี า แน่ชัด) ข้อความแรกด่าว่านักปรัชญาเป็น เคยเอามาสวม เพยี งนกั พลา่ มถอ้ ยคำ� ของผมู้ ปี ญั ญา เหมอื น สนุ ขั ออ้ นเจา้ ของ อกี 2 ขอ้ ความถดั มาดา่ เรอื่ ง 34. จากเล่ม 2 (360e)– ค�ำพูดของ ความจองหอง ส่วนข้อความสุดท้ายด่าว่า กลาวคอน และ (367b)–สว่ นของอเดมนั ทสั ไม่เคยประสบความส�ำเร็จทางโลก เพราะ นักปรัชญามักไม่แสวงหาทรัพย์สิน และ 35. เพราะคนยืมของแล้วไม่ยอมคืนย่อม ปรัชญากไ็ มใ่ ชว่ ิชา “ทำ� เงนิ ” เปน็ คนไม่เที่ยงธรรม 29. เพราะความเลวร้ายของอาหาร (เช่น 36. จากเล่ม 1 (352b) ความเน่าเสีย ฯลฯ) ย่อมเป็นความเลวร้าย เฉพาะตวั ของอาหาร (ทำ� ใหอ้ าหารนน้ั เสอ่ื ม 37. จากการพิสูจน์ในช่วงท้ายเล่ม 2 สภาพ) ไมใ่ ชข่ องรา่ งกาย ดงั นน้ั การทเ่ี รากนิ (379b) “เทพเจ้านน้ั ยอ่ มดีเสมอ” อาหารเนา่ แล้วปว่ ย ย่อมมไิ ดเ้ กดิ จากความ เลวรา้ ยเฉพาะตวั ของอาหาร หากแตเ่ กดิ จาก 38. ยอ่ หนา้ นนี้ า่ มคี วามสนใจ เพราะเพลโต การท่ีความเลวร้ายของอาหารนั้นๆ ชักน�ำ ก�ำลังเสนอว่าความชั่วร้ายอันเกิดกับคน ความเจ็บป่วยเข้าสู่ร่างกายอีกทอดหน่ึง เทยี่ งธรรมนนั้ ไมไ่ ดม้ าจากการทเี่ ขาเปน็ คน ตา่ งหาก เทย่ี งธรรม แตม่ าจากการความผดิ พลาด ซง่ึ เขาเคยไดท้ ำ� มากอ่ นหนา้ ตา่ งหาก – กลา่ วคอื 30. กลาวคัส (Glaucus) เคยเป็นชาว โสคราตสี กอ็ าจจะถกู ประหา เพราะความผดิ ประมง แตไ่ ปๆ มาๆ กก็ ระโดดลงไปในทะเล พลาดซ่ึงเขาเคยได้ก่อไว้ก่อนหน้าจะกลาย และไดเ้ ปน็ เทพ ตามรา่ งกายของกลาวคสั จะ มาเป็นคนเที่ยงธรรมก็ได้ – ตรรกะตรงนี้ มสี งิ่ ตา่ งในทะเล (เชน่ เปลอื กหอย สาหรา่ ย สามารถนำ� ไปเชอื่ มโยงกบั 608d เปน็ ตน้ มา ฯลฯ) ติดอยู่ตามตัวเต็มไปหมด จนมองไม่ เหน็ ตวั จรงิ ข้างใน 39. เหมือนหมาตอนซมึ ๆ 31. หมายถึงข้อโต้แย้งของกลาวคอนและ 40. นัน่ คอื 361d – 362c โสคราตสี พูด อเดมันทสั ในเลม่ 2 (357a – 367e) ล้อไปค�ำพูดของกลาวคอนในหนา้ ดังกลา่ ว 32. นิทาน “แหวนของไกกีส” ดูเล่ม 2 41. “อลั คนิ อส” (Alcinous) เปน็ กษตั รยิ แ์ หง่ (359d – 360a) ชาวฟายอาเคยี น ซง่ึ เปน็ ดนิ แดนทโี่ อดสิ ซอิ สั เดินทางไปถึงเป็นแห่งสุดท้ายในมหากาพย์ เพลโต : 583
Odyssey โอดสิ ซอิ สั เลา่ เรอื่ งราวการเดนิ ทาง อยา่ งทสี่ อง ลำ� แสงนนั้ อาจมลี กั ษณะเชน่ นน้ั ของตนเองให้อลั คนิ อสฟงั ในเลม่ ที่ 9 – 11 จรงิ ๆ คอื เหมอื นเกลยี วเชอื กบดิ มว้ นเปน็ ทรง ของมหากาพย์ ดงั นนั้ ทง้ั 3 เลม่ นจ้ี งึ มกั เรยี ก กลมหลายๆ วงจนเหมอื นหว่ งหลายๆ หว่ ง รวมกันวา่ “เร่ืองของอัลคินอส” และค�ำคำ� นี้ ซ้อนกัน ด้วยเหตุนี้ค�ำว่า “ห่วงเชือก” จึง ยงั ใช้เรียกเร่ืองราวยาวๆ ทนี่ ่าเบ่ืออีกด้วย เป็นพหูพจน์ 42. ดเู ล่ม 2 (382e) เชิงอรรถท่ี 67 49. เรอื รบแบบเอเธนส์ (trireme) จะมี “สาย ยดึ ตวั เรอื ” หรอื hypzōmata อยดู่ า้ นใน จาก 43. หรอื “ดา้ นหน้าของคนเหล่าน้นั ” หวั เรอื ถึงท้ายเรอื สายยดึ น้ีถือเปน็ เคล็ดลบั ส�ำคัญในการสร้างเรือรบสมัยนั้น ถึงข้ันมี 44. กรกี โบราณมองดา้ นซา้ ยเปน็ สญั ลกั ษณ์ กฎหมายวา่ การนำ� วตั ถดุ บิ ชนิ้ นอ้ี อกจากเมอื ง ของความชวั่ รา้ ย สว่ นดา้ นขวาเปน็ สญั ลกั ษณ์ จะถอื ว่ามีโทษหนัก ของความดี 50. “เทพแี หง่ ความจำ� เปน็ ” หรอื “Ananke” 45. เพราะการเดนิ ทางแตล่ ะรอบยาวนาน เป็นเทพีผู้ให้ก�ำเนิดจักรวาล ภาพวาดของ ถงึ 1,000 ปี นางมกั ปรากฏกระสวยปน่ั ดา้ ยตดิ ตวั อยดู่ ว้ ย เสมอ ช่ือของนางถูกใช้เป็นบุคลาธิษฐาน 46. เข้าใจว่าโสคราตีสน่าจะตั้งช่ือน้ีขึ้น ของความจ�ำเป็นและสิ่งซ่ึงหลีกเล่ียงไม่ได้ มาเอง นอกจากน้ัน นางยังเป็นมารดาของ Fates เทพีแหง่ โชคชะตา 3 นาง ซงึ่ จะคอยทอผืน 47. “ทาร์ทารสั ” เป็นช่อื ของไททนั ตนหนง่ึ ผ้าแห่งดวงชะตาออกมา เพ่ือก�ำหนดชะตา (หมายถงึ ยกั ษซ์ ง่ึ เปน็ บดิ าของเทพยคุ แรกๆ) ของเทพและมนษุ ยอ์ กี ดว้ ย โดยชอ่ื ของไททนั ตนนถี้ กู ใชเ้ ปน็ บคุ ลาธษิ ฐาน ของความตาย ในมหากาพย์ Theogony ของ 51. “อาดามนั ” เปน็ แรใ่ นตำ� นานทม่ี คี วาม เฮซอิ อด “ทารท์ ารสั ” เปน็ คกุ มดื ซงึ่ ใชค้ มุ ขงั แข็งยิ่งกว่าเพชร ใครเคยดูภาพยนตร์เร่ือง โครนอสและพวก Wolverine คงจำ� ไดว้ า่ กระดกู และกงเลบ็ ของ ตวั เอกไดร้ บั การผสมกบั ธาตุ “อาดามนั เทยี่ ม” 48. ประโยคนม้ี คี วามคลมุ เครอื อยใู่ นตวั ของ มนั ดว้ ยความทค่ี ำ� วา่ “หว่ งเชอื ก”เปน็ พหพู จน์ 52. ลักษณะของกระสวยจะประกอบด้วย ประโยคน้ีจึงตีความได้อย่างน้อย 2 อย่าง เพลาเปน็ แกน สว่ นปลายของเพลาตดิ ตะขอ อย่างแรกคือการเล่นอุปมา เพลโตอาจ (น่าจะเอาไว้เก่ียวกับสวรรค์) ส่วนล่างของ ก�ำลังพูดถึงล�ำแสงนั้นโดยอุปมากับเชือก เพลาสอดลงในกรวย ซ่งึ เอาไวถ้ ว่ งน�ำ้ หนกั หรือห่วงโซ่ซึ่งยึดโยงกับสวรรค์ไว้ และหรือ 584 : รีพบั ลกิ
53. นี่คือโครงสร้างจักรวาลในทัศนะของ 57. ออรเ์ ฟอสั (Orpheus) เปน็ นกั ดนตรใี น เพลโต (ผ่านสายตาของเออร์ ซ่ึงถึงตรงนี้ ต�ำนาน ครง้ั หนง่ึ ภรรยาของเขาตาย เขาจงึ ขนึ้ ไปจนถงึ ยอดไดแ้ ลว้ แตด่ ว้ ยวธิ ใี ดไมร่ ไู้ ด)้ พยายามลงไปช่วยนางในนรก แต่สุดท้ายก็ เส้นรอบวงของกรวยแต่ละใบแทนวิถีโคจร ล้มเหลว ในบ้ันปลายของชีวิต เขาถูกสตรี ของดวงดาวและของเทพบนสวรรค์องค์ ชาวธราเคียนฉกี ร่างเปน็ ชนิ้ ๆ ต่างๆ เพลโตเขียนไว้ละเอียดกว่าน้ี (และ ยากกวา่ น)้ี ในบทสนทนาชอื่ Timaeus หรอื 58. ธามริ สิ (Thamyris) เปน็ กวีในต�ำนาน “วา่ ดว้ ยจกั รวาลและการกำ� เนดิ ” อนั เปน็ บท เคยอวดอ้างว่าเอาชนะเหล่าเทพีศิลป์ได้จึง สนทนาตอ่ เนื่องจาก Republic โดนพวกนางลงโทษใหก้ ลายเปน็ คนตาบอด และมเี สยี งรอ้ งแหบแหง้ เขาเลอื กนกไนตงิ เกล 54. นางไซเรน เป็นสัตว์ประหลาดอัน ก็นา่ จะเป็นเพราะสาเหตหุ ลงั น้ี งดงามและอันตราย ตามต�ำนานนางมัก ปรากฏในท้องทะเล และใช้เสียงของนาง 59. ในสงครามทรอย อาแจค็ ส์ เปน็ แมท่ พั ล่อลวงกะลาสีเรือลงไปฆา่ เสยี คนสำ� คญั ของฝา่ ยกรกี แขง็ แกรง่ เปน็ รองเพยี ง อาคลิ ลสี เทา่ นนั้ เมอื่ อาคลิ ลสี ตาย เขากค็ ดิ วา่ 55. นน่ั คอื หากวาดรปู สามเหลย่ี มดา้ นเทา่ ตนเองเหมาะจะไดร้ บั ชดุ เกราะของอาคลิ ลสี ลอ้ มวงกลมชน้ั นอกสดุ ไว้ เทพที ง้ั สามกจ็ ะนง่ั ที่สุด แต่สุดท้ายกลายเป็นว่าโอดิสซิอัสได้ อยู่ตรงมมุ แต่ละมุมของรปู สามเหลี่ยมพอดี ไปแทน เขาโกรธแค้นมากถึงกับฆ่าตัวตาย นอกจากนั้น หมายเลข 20 ของอาแจ็คส์ยัง 56. ท้ังสามนางเป็นผู้ดูแลจัดการกับโชค สมั พนั ธก์ บั มหากาพย์ Odyssey เขาเปน็ จติ กับมนุษย์ด้วยการทอเส้นใยแห่งโชคชะตา วิญญาณดวงท่ี 20 ซ่ึงโอดิสซิอัสลงไปพบ ขน้ึ มาและตดั มนั ทงิ้ เสยี โคลโธ (Clotho) เปน็ ในนรก นอ้ งเลก็ สดุ ทำ� หนา้ ทเี่ ปน็ คนทอเสน้ ใยออกมา (ชอ่ื ของนางแปลวา่ “ผา้ ”) ลาเคสสิ (Lachesis) 60. หลงั สงครามทรอย อากาเมมนอนกลบั พคี่ นรองทำ� หนา้ ทวี่ ดั ขนาดเสน้ ใยของโคลโธ ถงึ บา้ นเพอ่ื พบวา่ เมยี มชี ู้ และสดุ ทา้ ยกถ็ กู เมยี อกี ที กล่าวคือทำ� หน้าบอกวา่ ใครควรมอี ายุ ตวั เองฆา่ ตาย (ตน้ ฉบบั บางเลม่ กลา่ ววา่ ชเู้ ปน็ ยนื ยาวแคไ่ หน (ชอื่ ของนางแปลวา่ “การจบั คนฆ่า บางเลม่ กว็ ่าชว่ ยกันฆ่าท้ังสองคน) สลาก”) และอาโทรพสั (Atropos) เปน็ พใี่ หญ่ ท�ำหน้าท่ีตัดเส้นใย เป็นผู้ก�ำหนดเวลาตาย 61. อาตาลนั ตา (Atalanta) เปน็ พรานสาว (ชอ่ื ของนางแปลวา่ “มอิ าจยอ้ นคนื ”) ทง้ั สาม ในตำ� นาน นางกลา่ วไวว้ า่ จะแตง่ งานกบั ใคร นางรวมกนั เรยี กวา่ “โชคชะตา” หรอื “Fates” ก็ตามที่ว่ิงแขง่ ชนะนางได้ หรอื “Moirai” (Μοῖραι) เพลโต : 585
62. ผสู้ รา้ งม้าไมเ้ มืองทรอย 67. “εὖ πράττωμεν” นค่ี อื ค�ำอวยพรเมอ่ื ขน้ึ ตน้ และลงท้ายจดหมายของเพลโต แปล 63. เธรซ์ ติ สี (Thersites)เปน็ ทหารธรรมดาๆ ตามตวั ไดว้ า่ “ขอใหเ้ ปน็ สขุ และประสบความ ท่ีเคยวิพากษ์วิจารณ์แม่ทัพอากาเมมนอน สำ� เรจ็ ” – การลงทา้ ยดว้ ยถอ้ ยคำ� นยี้ อ่ มเสรมิ ต่อหน้าธารก�ำนัล สุดท้ายโดนโอดิสซิอัส เติมความงามทางวรรณศิลป์ของหนังสือ เถียงกลับ โดยน�ำตรรกะของเขามาย้อนใส่ Republic ใหม้ ากย่ิงขึน้ ไปอกี ฉะน้ันผูแ้ ปล ตัวเอง เขาจึงกลายเป็นตวั ตลกในหมู่ทหาร ในฐานะผู้ตีความก็อยากจะกล่าวแก่ผู้อ่าน ท่เี พยี รอา่ นมาจนถึงตรงน้ีว่า “ขอบพระคณุ 64. “ชีวิตของปัจเจกบุรุษสักคนหน่ึงซ่ึง สำ� หรบั การตดิ ตาม และขอใหผ้ อู้ า่ นทกุ ทา่ น สนใจแตธ่ รุ ะของตนเทา่ นน้ั ” แปลจาก “βίον จงประสบความสุขสวสั ดี” ἀνδρὸςἰδιώτουἀπράγμονος”–นา่ สนใจวา่ เพลโตเลอื กใชค้ ำ� วา่ “ปจั เจกบรุ ษุ ” (ἀνδρὸς ἰδιώτου) ค�ำว่า “ปัจเจก” ในท่นี ีส้ ่อความวา่ เขาตอ้ งเปน็ “พลเมอื ง” ของเมอื งใดเมอื งหนงึ่ ดูเลม่ 3 (389b) และเชิงอรรถท่ี 17 และ ค�ำว่า “บุรุษ” ในนี้ที่ส่อความว่าเขาจะต้อง เป็นมากกว่ามนุษย์ แต่จะต้องเป็นคนมี การศึกษา และมีความเป็นคนโดยสมบูรณ์ ดูเล่ม 5 (451c) เชิงอรรถที่ 7 ประกอบ นอกจากนน้ั คำ� วา่ “สนใจเพยี งธรุ ะของตน” ยงั ส่อความถึง “ชีวิตอันเทยี่ งธรรม” อีกด้วย ดเู ล่ม 4 (433a – b) 65. ดูเชิงอรรถท่ี 51 ชื่อของนางแปลว่า “มอิ าจยอ้ นคนื ” 66. เลเธ (Lēthē; หรอื ภาษาปจั จบุ นั อา่ นวา่ /ลิธ/ี ) แปลวา่ “การลืม” เลเธยงั เปน็ ช่ือของ แมน่ ำ�้ สายหนงึ่ ในนรกอกี ดว้ ย โดยเมอ่ื ดม่ื นำ้� จากแม่น้�ำนี้แล้ว จิตวิญญาณก็จะลืมทุกส่ิง ซึง่ เคยได้ท�ำในชีวิตทผ่ี ่านมา 586 : รีพบั ลิก
ดัชนี ก. กฎหมาย หรือ กฎเกณฑ์ (nomos): 338e, กว:ี 328e, 329b, 330c, 331a, 332b, 364a, 339c, 359a – c, 364a, 365e, 380c, 364c, 365e, 366b, 366e, 368a, 373b, 383c, 406c, 409e, 415e, 417b, 421a, 377d, 378d – 379a, 379d, 380b, 424c – 427b, 429c – 430a, 451a – b, 381d, 382d, 383a, 387b, 388a, 390a, 456b – 458c, 461b – 465b, 484b – d, 391d, 392a, 392d – e, 393a, 393c – d, 497d, 501a, 502b – c, 519e, 543d – e, 394b – d, 397c, 398a – b, 401b, 414c, 537d – 539a, 548b, 551a, 555c, 424c,460a,466c,493d,568b,595a–c, 556a, 563d, 571b – 572a, 587a – c, 598e – 599c, 601a – b, 603b – 608b 589c, 590e, 604a – b, 607a; ผู้บัญญตั ิ กรีก: 389e, 390e, 393a, 393d, 394a, กฎหมาย (nomothetēs): 427a, 429c, 423b, 452c, 469b – 471b, 494c, 458c, 462a, 497d, 502c, 530c, 538d, 544d, 606e 564a, 599e แก้คดี (apologia): 419a, 420b, 420d, กล้าหาญ (andreia): 357a, 361b, 366d, 453c, 488a, 490a, 607b, 607d, 608a 375a, 381a, 386a – b, 395c, 399c, ไกกสี : 359b – 360d, 612b 399e, 402c, 410d – e, 411c, 416e, เกยี รตยิ ศ (timē): 347a – b, 361c, 366e, 426d,427e,428a–430c,431e–432a, 386a,414a,415a,415c,426c,434a – b, 433b, 433d, 435b, 441d, 442b, 468c – e, 475b, 485b, 489a, 494c, 445b, 459c, 468d, 487a, 490c, 491b, 508a,509a,511a,516c–d,519d,521b, 494b, 504a, 535a, 536a, 549d, 560d, 528b – c, 537b – 540e, 547d – 564d, 561a, 564b, 567b, 582c, 582e 568c – d, 581d – 582e, 586d, การศกึ ษา (paideia): 376c – 383c, 414d, 592a, 595c, 600c, 620c; รกั ในเกยี รตยิ ศ: 416b – c, 423e – 424a, 425c, 429c – 336c, 347b, 475a, 485b, 454a – b, 430b, 450c, 451e, 455c – d, 467a, 548c – 551a, 553c – d, 555a, 581b – 487a, 487c, 492b – 493c, 498b, 583a, 586c, 620c 514a, 518b – 540b, 548b, 554b, 559b, 600a – e, 606a, 606e ค. กายบรหิ าร: 357c, 376e – 377a, 403c – คนหมู่มาก หรือ คนจ�ำนวนมาก (hoi polloi): 404e, 406a, 407b, 410b, 410d, 411c, 329e, 330d, 334d, 358a, 366b, 379c, 412b, 424b, 430a, 441e, 452a – c, 387b, 417a, 426d, 431c – d, 441b, 456a – b, 456e, 457b, 458c, 498b, 452c, 471b, 479d, 489b – 500e, 503e, 504d, 521d – 522b, 526b, 505b, 507b, 520c, 523d, 525e, 535b, 535d, 537b, 539d, 546d, 547d, 527d, 528c, 544c, 559b, 567d, 576c, 548c, 549a, 561d, 564d 586b, 591d, 596a – b, 599a, 602b, เพลโต : 589
605a, 608a จ. คณาธปิ ไตย: 544c, 545a, 545c, 547c – d, จังหวะ หรือ ท่วงท�ำนอง: 392b – 401e, 548a, 549c – d, 551a – b, 551d – e, 404e, 411e, 413e, 442a, 522a, 601a, 552b, 552d – 553a, 553e, 555a – b, จิตวญิ ญาณ (psychē): 330e, 345b, 353d 556e, 558d, 559d – 560a, 562d, – 354a, 358b, 366e, 375d – 377c, 563e, 564b, 564d, 565b – c, 572d, 382c, 386d – 387a, 400d – 403d, 580b, 587c 408e – 412a, 416e, 431a, 435c – ความเข้าใจ (nous; ดูเล่ม 4 เชิงอรรถ 25): 445d, 454d, 462c, 484c – 486e, 431c, 490b, 494d, 506c, 508c – d, 491a – e, 495e, 496b, 498b, 505d, 511d, 517c, 531b, 534b, 549d, 585b, 508d, 510b – 511d, 517b – 519b, 586d, 591c, 619b 521c – 536e, 544e, 550b, 553c, ค่าแรง หรอื ค่าตอบแทน (misthos): 345e – 554e, 560a – e, 571c, 573b – d, 347b, 357d – 358b, 363d, 367d, 577d – 579e, 580d – 591d, 595a, 371e, 416e, 420a, 463b, 464c, 475d, 602d – 606d, 608d – 621d 493a, 543c, 567d, 568c, 575b, 612b, จรงิ แท้ หรอื จรงิ ตามทเ่ี ปน็ (alētheia): 330e, 613e, 615c 331c – d, 335e, 337c, 349a, 357a – คไิ มรา: 588c b, 362a, 365c, 372e, 376e – 377a, คดิ ค�ำนวณ (หรอื ความคดิ ) (dianoia; ดเู ลม่ 382a – e, 389b – c, 413a, 450d – 2 เชิงอรรถ 36): 359c, 371e, 395d, 451a, 472e – 473a, 475e, 484c – 400e, 403d, 412e, 455b, 469d, 470e, 490d, 499a – c, 501d, 506c, 508d – 476b, 476d, 511a – e, 522c, 524d, 511e, 515c – 520c, 525b – 530b, 526a, 529d, 533d – 534a, 577a, 533a – 539c, 572a, 576c, 579e, 595b, 603c 581b – 587c, 595c, 596e – 608a, เคร์เบรสั : 588c 611b – 612a คึกคะนอง (thymos; ดูเลม่ 2 เชงิ อรรถ 44): 375a – e, 376c, 410b, 410d, 411a – ช. e, 435e – 436a, 439e – 441c, 441e, ชาวนา หรือ กสกิ ร (geōrgos): 333a, 369d, 442c, 456a, 465a, 467e, 536c, 547e, 369e, 370c – e, 371a, 371c, 374b – c, 548c, 550b,553c – d, 572a, 580d, 397e, 412c, 415a, 415c, 417a, 420e, 581a, 586c – d, 590b, 606d 421b, 428c, 466b, 468a, 527d, 547d, โครนอส: 378a 552a, 589b โคลโธ: 617c, 620e ชาย หรือ บุรุษ: 331b – c, 335b, 335e, คำ� นวณ หรอื คำ� นวณดว้ ยตรรกะ (logismos): 336a, 337e, 343d, 359b, 360c, 361d, 340d, 366a, 431c, 439d, 440b, 440e – 362d, 368a, 368e, 369d, 376d, 386c, 441a, 441e, 442c, 496d, 510c, 522c – 386d, 387b, 387d – 388c, 390d, e, 524b, 525a – d, 526b, 526d, 395d – 396a, 396c, 397e, 398a, 536d, 546b, 550b, 553d, 571c – d, 398e, 399a, 403e, 404d, 408a – b, 586d, 587d – e, 602d – 603a, 604d, 412d, 413e, 416d, 471a, 576c, 576e, 605b, 611c 577a, 577c, 577d, 578a, 578b, 578d, 590 : รีพบั ลกิ
578e, 579c, 580a, 582a, 582d, 588a, 445b – c, 457a, 484d, 492a, 492e, 589e, 590a, 595c, 596c, 600a, 603e, 498e, 500d, 504d, 518d, 536a, 547b, 605e, 606b, 613a, 614b, 615e, 618a, 549b, 550e -551a, 554e, 556a, 556c, 620b, 620c 576c – d, 580b, 585c, 586a, 588a, ช่างฝีมือ (dēmiourgos): 340e, 342e, 598e, 599d, 600d – e, 601d, 608b – 346c – d, 360e, 370d, 371a, 371c, c, 612c, 613b, 617e, 618b – c, 619d 373b, 374d, 389d, 395b – c, 396b, เดดาลสั : 529e 399d, 401a – c, 401e, 406c, 414e, เดลฟี: 427b 415a, 415c, 421c – e, 433d, 434a, ดวงจนั ทร:์ 364e 466b, 466e, 468a, 476b, 493d, 495d, 500d, 507c, 529e – 530a, 552a, ต. 552d, 596b – 599d ตน้ หน (หรอื กปั ตนั เรอื ): 332e, 333c, 341c – d, 342d – e, 346a – b, 360e, 389c, ซ. 397e, 488b, 488d – e, 489b – c, ซโิ มนดิ สี : 331d – 332c, 334b, 334e, 335e 551c, 573d, 590d, 591e ซซิ ิล:ี 404d, 599e ซสุ : 379d – 380a, 383a, 390b – c, 391c, ถ. 391e, 565d, 583b ถำ�้ (spēlaion): 514a – 517b, 532b, 539e โซโฟคลีส: 329b – c ถอดแบบ (mimēsis): 373b, 382b, 388c, 392d, 393c – 398d, 399a – d, 400a, ด. 401a, 458c, 491a, 500c, 510b, 532a, ดนตรี หรอื ดนตรศี ลิ ป์ (ดูเลม่ 2 เชงิ อรรถ 49): 539b – c, 547d, 563a, 595a – 607c 333d, 335c, 349e, 373b, 376e – 377a, 398b – 403c, 404b, 404e, 410a – 412a, 413e, 424b – b, 425a, 430a, ท. 441e, 452a, 452c, 455e, 456b, 456e, ทัศนะ (doxa; ดูเล่ม 2 เชิงอรรถ 3): 350e, 486d, 493d, 521d, 522a – b, 546d, 358a, 362a – 364a, 367d, 377b, 412e 548c, 548e, 549b, 591d, 601b, 620a – 413c, 429c – 433c, 444a, 476d – ดาราศาสตร์: 527d, 528d – 531a, 531c 480a, 493c, 496a, 499a – 500a, 505d ดี หรือ คุณความดี (agathos; ดูเล่ม 1 – 511d, 516d, 533b – 534c, 574d, เชงิ อรรถ 29): 357b – 358a, 359c, 366e 581b, 585b, 602a – 603d, 607a, 619a – 367d, 379b – 380c, 505a – 509d, ทารท์ ารัส: 616a 517c – 521a, 526e, 532b, 534b – c, ทาส: 344b, 351b, 351d, 386b, 387b, 540a, 555b, 609b 395e, 430b, 433d, 442b, 444b, 463b, ดีงาม (aretē; ดเู ลม่ 1 เชงิ อรรถ 29): 335b 469b – c, 494d, 536e, 547c, 549a, – d, 342a, 348c – 349a, 350d, 351a, 553d, 554a, 561c, 562d, 563b, 563d – 353b – 354c, 363d, 364b – d, 365a, 564b, 567e, 569a, 569c, 574c – d, 365c, 378e, 381c, 402e, 403d, 407a – 575b, 575d, 576a, 577c – d, 578d – c, 409d, 432b, 433d, 441d, 444d – e, e , เพลโต : 591
579a, 579d, 587c, 589d – e, 590c – d, ธรรมชาต:ิ 341d, 347d, 352a, 358e, 359b – 615b c, 365a, 366c, 367d, 367e, 370b – ทรราช หรือ ทชุ นาธปิ ไตย: 338d – e, 344a, c, 372e, 374e – 376c, 381b, 392c, 544c, 545a, 545c, 562a – c, 563e – 395b, 395d, 396c, 401a, 401e, 564a, 565d – 569c, 571a, 572e, 407c, 408b – 411b, 415c, 421c, 573b – 580c, 587b – e, 615c – d, 423d, 424a, 428e, 429d, 430a, 618a, 619a – b 431a, 431c, 432a, 433a, 434b, ทรอย หรือ โทรจัน: 380a, 393b, 393e, 435b, 437e, 439a, 439e, 441a, 405e, 408a, 522d, 586c 442a, 442e, 443c, 444b, 444d, เทพศี ลิ ป:์ 364e, 411d, 499d, 545d, 547a – 445a, 451c, 453a – 456d, 458c, b, 548b, 607a 466d, 470c, 473a, 473d – e, 476b, เทพีแหง่ ความจ�ำเปน็ : 616c – 617d, 621a 477b, 478a, 475a, 485c, 486a – เท่ียงธรรม (หรือ ชอบธรรม) (dikaiosynē): b, 486d, 487a, 489b, 489e – 492a, 330d – 354c, 357b – 369a, 371e, 493c, 494a – b, 494d, 495a – b, 372e, 376d, 380b, 391a, 392b – c, 495d, 496b, 497b – c, 500a, 501b, 405b – c, 409a – c, 420b, 427d – e, 501d, 502a, 503b, 507e – 508a, 430c – e, 432b, 433a – 435b, 440c, 514a, 515c, 519a – c, 520b, 523a, 441d – e, 442d – 445b, 451a, 455a, 525b – c, 526b – c, 530c, 535a – c, 458e, 461a, 463d, 464e, 466b, 468e, 537a, 537c, 538c, 539b, 539d, 540c, 469b, 472b – c, 476a, 478e, 479a, 546b, 547d, 547e, 548e, 549b, 550b, 479e, 484b, 484d, 486b, 487a, 490c, 558b – e, 562c, 563e, 564b, 564e, 491e, 493c, 496b, 496d, 497a, 499c, 572c, 573c, 576a – b, 579b, 582b, 500c, 500d, 501b, 504a, 504d, 505a, 584b, 584d, 585d, 588c – d, 589b, 505d, 506a – d, 517d – e, 519d, 589d, 590c, 591b, 596c, 597b – 520a – c, 520e, 536d, 538c, 538e, 598a, 601b, 601d, 602d, 605a, 606a, 540e, 544e – 545b, 548d, 549e, 609b, 610a, 610d, 611b, 611d, 612a, 554c, 558d, 559a, 565c, 565e, 568e, 616d, 618d, 620c, 621a 574d, 576a – b, 580a – c, 583b, 586e, 588a – b, 588e – 589d, 591a – b, น. 597d, 599d, 605a – b, 607d, 608b, นรก: ดู ฮาดสี 608d, 609c – d, 610b – e, 611c, นทิ าน หรือ ตำ� นาน (mythos): 330d, 350e, 612b – 614a, 614c, 615a – b, 618e, 359d, 376d, 377a – 382d, 386b – 620d, 621c 391e, 392d, 394c, 398b, 415a, 415c, เท่าเทียม (isotēs): 359c, 558c, 561b – 442a, 501e, 522a, 565d, 588c, 621b c, 561e บ. ธ. บันไดเสยี ง: ดู เสยี งประสาน ธาลสี : 600a เบนดสิ : 354a เธอากีส: 496b – c แบบสะทอ้ น (eidōlon; ดเู ลม่ 2 เชงิ อรรถ 65): 592 : รีพบั ลิก
382b, 443c, 516a, 520c, 532c – d, ประกาศิต (dogma; ดูเล่ม 3 เชิงอรรถ 96): 534c, 586b – c, 587c – d, 598b, 412e, 413c, 414b, 464a, 464d, 493a – 599a, 599d, 600e, 601b, 605c b, 503a, 506b, 538c ประชาธิปไตย: 338d – e, 463a, 544c, ป. 545a, 545c, 555b, 556e – 557b, ประชาชน (dēmos): 463a – b, 500d, 565a – 557d, 558c, 559d, 560a, 562a – d, 566e, 568e – 569b, 572b, 572d, 563e – 565a, 568c, 569c, 571a, 575c, 576c, 587c 574e, 576c, 580a ประสบการณ์ (empeiria): 409c, 422c, ปรารถนา (epithymia): 328d, 329c, 338a, 467a, 467d, 484d, 487b, 519b, 527a, 351a, 358b, 359c, 367b, 390c, 420e, 529e, 533a, 539e, 582a – e, 584e – 429d, 430b, 430e, 431b – d, 436a, 585a, 586a, 601d 437b – 438a, 439d – 440b, 440e – ปฏภิ าณ (phronēsis; ดเู ลม่ 1 เชงิ อรรถ 58): 441a, 442a, 458a – b, 475b – c, 348d, 349d – e, 381a, 396d, 412c, 485d, 493b, 494a, 516d, 517b, 533b, 431d, 432a, 433b, 433d, 450d, 544b, 548a – b, 550b, 553c, 554a – 461a, 496a, 505b – c, 517c, 518e, 555a, 557e, 558d – 560a, 560d, 521a – b, 530c, 559b, 567c, 571c, 561a, 561c, 565b, 571a, 571e, 572b – 582a – 583b, 585b, 586a, 586d, 573e, 575d, 578a, 579b, 579e, 590d, 591b, 603b, 604e, 621a, 621c 580d – 581a, 586d, 606a, 606d ปกครอง (archē): 338d – 347d, 353d – e, 360b, 362b, 389b – 390a, 409a, ผ. 412b – 415b, 428d – e, 431b – 432a, ผงึ้ ตวั ผ:ู้ 552c, 554b, 554d, 555d – 556a, 441e – 444d, 458b – 460a, 462c – 559c – d, 564b – 565c, 567d, 572e – 463b 474b, 487e – 489c, 502d – 573a 503a, 520c – 521b, 534d – 540c, 545d – 567c, 578d – 580a, 590c – ฝ. 591a, 602d, 606d, 613d ฝ่ายสนับสนุน (epikouros): 414b, 415a, ปจั เจกชน: ดู สว่ นตัว 415c, 416a – b, 420a, 421b, 434c, ปัญญา (sophia): 331e, 335e, 337a, 440d, 441a, 458c, 463b, 464b, 466a, 338b, 339e, 340e, 348e – 349a, 350b 545d, 575b – d, 351a, 351c, 365c, 365d, 390a, 391c, 398a, 406b, 409c – e, 426c, พ. 427e, 428b – 429a, 431e – 432a, พลเมอื ง หรือ ชาวเมอื ง (politēs): 344b – c, 433d, 435b, 441c, 441e, 442c, 443e, 370c, 375b, 378c, 389a, 409e, 414e, 457b, 466c, 475b, 485c, 489b, 493a 416b – c, 416e, 417b, 423d, 426c, – b, 493d, 502d, 504a, 516c, 519a, 428c, 431e, 456e, 462b, 462d, 463a, 530d, 546a, 547e, 564c, 568a – 464a, 466a, 466c, 471b, 494b, 502b, b, 582c, 583b, 598d, 600a, 600d, 519e, 555d, 556a, 563d, 567b, 567d – 602a, 605a, 607c 568a, 579c เพลโต : 593
พาโทรคลสั : 388d, 391b 412b, 413d, 452c, 459b, 467e, 537a, พิธากอรสั : 530d, 600b 563c, 601c พเิ ธีย: 461e, 540c มนุษย:์ 329d, 331b, 334c – e, 335b – c พินดารัส: 331a, 365b, 408b , 349e, 359d, 360c, 362c, 364d – พนั ธสญั ญา: 359e – 359b 365a, 365d, 366b – 366e, 367e, พทิ กั ษ์ (phylax): 334a, 367a, 374d – 376c, 376b, 377d, 379c, 381c, 382a, 382c, 383c, 395b, 401c, 403e, 410e, 412c – 383c, 388d, 388e, 389b, 391c, 391d, 417b, 419a – 424d, 428d – e, 434b – 392a – c, 395b, 399b, 402d, 407d, c, 442b, 451c – d, 456a – 457c, 411e, 413a, 415d, 416e, 424b, 427c, 461e, 463b – 467a, 469a, 484b – d, 427d, 431a, 434d, 436c, 451c, 453a, 503b, 506a, 520a, 521b, 525b, 537d, 455c, 459b, 462c – d, 463d, 464e, 540b, 546d, 547c, 560b, 591a, 591e, 466d, 469a, 472d, 473d, 486a, 491b, 606a, 620d 492e, 495c, 496d, 497c, 500b – d, เพเรอัส: 327a, 328c, 439e 501a – c, 514a – b, 516a, 517c – d, แพทย:์ 332c – e, 333e, 340d – e, 341c – 519b, 522e, 533b, 544d, 546b, 555d, 342d, 346a – d, 349e – 350a, 360e, 557c, 563c, 565d, 566a, 571b, 571d, 373d, 389b – d, 405a, 405c – 408e, 573c, 580c – d, 581c, 583d, 588d – 409e, 410b, 426a – b, 438e, 454d, 589d, 598c – e, 599d, 600c – d, 455e, 459c, 489c, 515c, 564c, 567c, 602c, 603c, 604b – c, 604e, 606e, 599c, 604d 607d, 609c, 612a, 612c – d, 613b – โพเซดอน: 391c c, 613e, 614d, 615b, 618a – b, 619b, โพรทากอรัส: 600c 620a – b, 620d มหากาพย์: 379a, 394c ภ. เมือง: 330a, 338d – 339c, 343b, 345e, ภาพสะทอ้ น หรือ ภาพเหมอื น (eikōn; ดูเล่ม 348d, 351b – e, 362b, 364e, 366b, 2 เชงิ อรรถ 45): 375d, 401b, 402b – c, 368e – 383c, 388c – 417a, 419a – 487e – 488a, 489a, 509a, 509e, 445e, 449a – 474c, 484b – 506a, 510b, 510e – 511a, 514a, 515a, 517a, 519c – 521b, 528b – e, 534d, 536a – 531b, 533a, 538c, 563a, 588b – d; b, 540a – 541b, 543a – 569c, 575a – การสร้างภาพสะท้อน (eikasia): 511e, 580d, 590e, 592a, 595a, 599c – e, 534a 600d, 605b, 607a – c, 613d, 615b ภูติ (daimonion; ดูเล่ม 2 เชิงอรรถ 67): 382e, 391e, 392a, 427b, 469a, ย. 496c, 509c, 531c, 540c, 614c, 617e, ยอ้ นแย้ง (erōneia): 337a 619c, 620d ยา: 382c, 389b, 496d, 407d, 408a, 426a – b, 459c – d, 595b ม. ยูเรนัส: 377e ม้า หรือ อาชา: 328a, 333c, 335b – c, ยรู พิ ิดีส: 568a 342c, 352d – e, 359d, 375a, 396b, 594 : รีพับลกิ
ร. 409a, 410a, 410c, 411c, 411e, 425b, ระบอบปกครอง (politeia): 397e, 412a, 442a – b, 443e, 444c – d, 445a – b, 424a, 424e, 427a, 445c – d, 449a, 459c, 461a, 462c, 464b, 464d – e, 449d – 450a, 461e, 471c, 471e, 472b, 476a, 485d, 491c, 494b, 495d, 496c, 473b, 473e, 493a, 497a – d, 499b, 498b, 518c, 521e, 525d, 530b, 532c, 499d, 501a, 501c, 501e, 502d, 506a, 535b – d, 536e, 539d, 546a, 556c, 520b, 536b, 540d, 541a, 544b – 556e, 559b, 564a – b, 566b, 567c, 545d, 547c – d, 548a, 548c, 549a, 579c – d, 584c, 585b, 585d, 591b – 550c – d, 551a – b, 552a, 552e, d, 609a – 610b, 611c – d, 621b 553a, 553e, 554b, 557a – d, 558a, เรขาคณติ : 436b – e, 458d, 510c – 511b, 558c, 561e – 562a, 562c, 564a – b, 511d, 526c – 527c, 528a, 528d, 564e, 568b – d, 590e, 591e, 605b, 529e – 530b, 533b, 534d, 536d, 607d – e, 608b, 619c 546c – d, 587d รักในการเรียนรู้ (philomathia; ดูเล่ม 2 รปู แบบ (eidos; ดเู ลม่ 5 เชงิ อรรถ 45): 357c, เชิงอรรถ 46): 376b – 376c, 411d, 358a, 363e, 376e, 380d, 389b, 392a, 435e, 475c, 485d, 490a, 499e; ขาด 396b – c, 397b – c, 400a, 402c – d, การเรียนรู้ (amathia): 350b – 351a, 406c, 413d, 424c, 427a, 432b, 433a, 382b, 409d, 411e, 444a – b, 467d, 434b, 434d, 435b – e, 437c – d, 535e 439e, 440e, 445c – d, 449a, 449c, รักในปัญญา หรือ ปรัชญา: 375e – 376c, 454a – c, 459d, 475b, 476a, 477c, 407c, 410e, 411c, 411e, 456a, 473c – 477e, 504a, 509d, 510b – d, 511a, 503b, 520a, 521b – c, 525b, 527b, 511c, 530c, 532e, 544a, 544c, 559e, 535c, 536b – c, 539c, 540b, 540d, 572a, 572c, 580d, 581c, 581e, 584c, 543a, 548c, 561d, 581b – 582e, 585d, 590a, 590c, 595a, 596a, 597a – 586e – 587a, 607b, 611e, 619d – e c, 612a, 618a ราคะ (หรอื ความรักทางเพศ) (erōs): 368a, รูปแบบ (idea; ดูเลม่ 5 เชงิ อรรถ 45): 369a, 395e, 396d, 402d – 403c, 439d, 380d – e, 479a, 486d, 505a, 507b, 458d, 468c, 474d – 475a, 485d – c, 508a, 508e, 517c, 526e, 534b, 544c, 490b, 499c, 501d, 521b, 555e, 572e – 568c – d, 596b 573e, 574d – 575a, 578a, 579b, 586c, 587b, 607e – 608a ล. ราชา หรอื กษตั รยิ ์ (basileus): 445d, 473c – ลาเคสสิ : 617c – d, 620d d, 474d, 499c, 502a, 509d, 520b, เลเธ: 621a, 621c 543a, 544d, 553c, 560c, 576d – e, 580b – c, 587b – e, 597e, 607a ว. รา่ งกาย (sōma): 328d, 332c, 338d, 341e, วางใจ (pistis): 511e, 534a, 601e, 603a – b 342c – d, 366c, 369d, 371c, 371e, วภิ าษวธิ ี: ดู สนทนาแลกเปลี่ยน 375b, 376e, 377c, 380a, 389c, 395d, วรี ชนาธิปไตย: 545b, 549b, 550d, 553a, 401a, 402d, 403d, 404c – e, 406e – 580b เพลโต : 595
ศ. 333a – d, 335e, 343d, 346a, 351e, ศลิ ปะ (tekhnē; ดเู ลม่ 1 เชงิ อรรถ 24): 332c 352c, 362b, 369c – 371c, 416e, – 334b, 341d – 342e, 346a – 347a, 424a, 442c, 449c – d, 450a, 450c, 360e, 370b, 374a – c, 374e, 381b, 451d – e, 453a, 457a – d, 460b, 383b, 402b – c, 406b, 407b, 408b, 461a, 461e, 462b – c, 464a – d, 408d, 411e, 421d – e, 438d, 452a, 466c – e, 470e, 486b, 492b, 520a, 454a, 454d, 455a, 467a, 475e, 476a, 556c, 589b, 607a, 611c 488b – e, 493a – b, 495d, 496b, สัญญา (symbolē): 333a, 343d, 362b, 511b – c, 518d, 522b – c, 532c, 424d, 425c – d, 426e, 443e, 554c, 533b, 533d, 598c, 598e, 599c, 600a, 556b 601a, 601d, 620c สนทนาแลกเปลย่ี น (หรอื วภิ าษวธิ )ี (dialogein; ดูเล่ม 5 เชิงอรรถ 10): 328a, 328d, ส. 336b, 354b, 454a, 511b – c, 515b, สคลิ ลา: 588c 525d, 526a, 528a, 531d – 534e, ส่วนตัว (หรือ ปัจเจกชน) (idion; ดูเล่ม 3 536d, 537c – 539d, 558d, 588b เชงิ อรรถ 17): 333d, 344a, 345e, 346a, สุขภาพ (hygieia): 332d, 346a – d, 360c – d, 389b – c, 416d – 417b, 357c, 372d – 373b, 380e, 401c, 419a – 420a, 435e, 441c – 442d, 404a – 410a, 425e – 426b, 444c – d, 457d, 462b, 464b – d, 473e, 492a – 490c, 496c, 559a, 583d, 591b – c, 495b, 497a, 501a, 519c, 521a, 525c, 609a – 610d 535b, 540a, 544e, 547c, 548a, 555a, สุภาพบุรุษ (kalos kagathos; ดูเล่ม 2 557b, 562d – e, 564a, 575e, 578c – เชงิ อรรถ 47): 376c, 396b, 402a, 409a, 579c, 592a, 599d – 600c, 605b, 425d, 489e, 505b, 569a 606c, 620c สขุ สมบรู ณ์(eudaimonia;ดเู ลม่ 1เชงิ อรรถ67): สงบใจ (sōphrosynē; ดเู ล่ม 2 เชิงอรรถ 15): 343c, 344a – b, 352d, 354a – c, 364a,389d–390a,391c,395c,399b– 361d, 364a, 365c – d, 392b, 395e, c, 399e, 401a, 402c, 402e – 403a, 406c, 419a – 421c, 427d, 458e, 404e, 410a, 410e, 416d, 423a, 427e, 456d – 466b, 472c, 473e, 498c, 430d – 432a, 433b, 433d, 435b, 500e, 516c, 518b, 521a, 526e, 442c – d, 443e, 471a, 485e, 487a, 540c, 541a, 544a, 545a, 566d, 567c, 490c, 491b, 500d, 501b – c, 504a, 576c – 577b, 580b, 606d, 612a, 506d, 536a, 555c, 559b, 560d, 571d, 619b, 619e 573b, 578b, 591b, 591d สุขส�ำราญ หรือ ส�ำราญ (hēdonē; ดูเล่ม 3 สงบเสง่ียม หรือ เช่ือง (hēmeros; ดูเล่ม 3 เชงิ อรรถ 20): 328d, 329a, 357b, 389e, เชิงอรรถ 92): 410d – e, 416c, 470e, 402e – 403b, 412c – d, 429d – 431d, 486b, 493b, 549a, 571c, 588c, 589b, 439d, 442a – c, 462b – 464d, 485d, 589d, 591b, 620d 493d, 505b – 506b, 509a, 519b, สปาร์ตา: 452c, 544c, 545a, 599d 538d, 548b, 558d – 561c, 571b, สว่ นรวม หรอื รว่ มกนั (หรอื หนุ้ สว่ น) (koinon): 574a, 574d, 580d – 588a, 606b – 607e 596 : รีพบั ลกิ
สุทธิธรรม (hosios; ดูเล่ม 1 เชิงอรรถ 18): อาธีนา: 379a 331a, 363a – d, 368b, 378c, 380c, อาคลิ ลสี : 388a, 390e, 391a, 391c 391a, 391e, 395c, 416e, 427e, 458e, อาร์คีโลคัส: 365c 461a, 463d, 479a, 496d, 565e, 580a, ออรเ์ ฟอสั : 364e, 620a 607c, 610b, 615b, 615d องคค์ วามรู้ หรือ ความรู้ (epistēmē): 340e, เสียงประสาน หรือ สอดประสาน (หรือ บนั ได 342c, 350a – b, 366d, 371b, 409b – e, เสียง) (harmonia): 397b – 401d, 428b – 429a, 438c – e, 442c, 443e, 404d, 410e – 412a, 430e – 432a, 477b, 477d – 478b, 478d, 505a – 443d – e, 519e, 522a, 530d – 531c, 511c, 518c, 522a, 522c, 529c, 533c – 546c, 547a, 591d, 601a, 617b – c 534d, 540a, 585b – c, 598c – d, 602a, 618c; การรู้ หรอื การรบั รู้ (gnōsis): ห. 476c – d, 477a, 478c, 480a, หมา หรอื สนุ ขั : 335b, 375a, 375e – 376b, 484c, 527b; ความไม่รู้ หรือ อวิชชา 389e, 397b, 404a, 416a, 422d, 440d, (anepistēmosynē): 344e, 350a, 560, 451d, 459a – b, 466d, 469e, 537a, 598d; การไมร่ ู้ หรือ การไมร่ บั รู้ (agnoia); 539b, 563c, 607b 376b, 382b, 405c, 406c, 477a – b, หมากรุก (petteia; ดูเล่ม 1 เชิงอรรถ 25): 478c – d, 585b 333b, 374c, 487b – c อภชิ นาธปิ ไตย: 338d, 445d, 544e, 545c, หมู: 372d, 373c, 378a, 535e 547c, 587d หญิง หรือ สตรี: 329c, 360b, 373a – c, อลิ เลยี ด: 392e 387e, 395d – 396a, 398e, 404d, 420a, อิสระ (eleutheria): 329d, 344c, 351d, 423e, 431c, 449c – 451c, 451e – 391c, 395c, 400b, 401b, 402c, 405a, 452b, 453b, 453d – e, 454d – 457d, 422a, 431c, 433d, 461b, 469d, 486a – 458c, 460b – 471d, 502d – e, 540c, b, 499a, 536e, 549d, 547c, 549a, 548b, 549d – e, 557c, 563b, 574b, 557b, 560d, 560e, 540d, 547c, 549a, 578e, 579b, 605e, 618b, 620a – c 557b, 560d, 560e, 561a, 562c – หุน้ สว่ น: ดู สว่ นรวม 563d, 564a, 566e, 567a, 567e, 569a, 569c, 572d, 572e, 575a, 576a, 577c – อ. d, 578e, 579a – b, 590e – 591b อะโฟรไดตี: 390c อติ าลี: 599e อมตะ(athanatos):608c–d,610c,611a–b, อยี ิปต์: 436a 611e, 621c อปุ นสิ ัย หรอื สันดาน (ēthos): 348b, 375c, อาแจค็ ส์: 468d, 620b 375e, 400d – 401b, 409a, 409d, 435e, อพอลโล: 383b, 391a, 394a, 399e, 408b, 492e, 500d – 501c, 541a, 544e, 545b, 427b, 509c 557c, 561e, 571c, 577a, 604e – 605a อรสิ ตอน: 327a, 368a, 427c, 580b เอสคิลสั : 361b, 362a, 380a, 383b, 550c, อากาเมมนอน: 383a, 390e, 392e, 393e, 563c 522d, 620b เอสคลีพิอัส: 405d, 406a, 406c, 407c, อารสี : 390c 407e, 408b, 599c เพลโต : 597
เอเธนส์: 330a เออร:์ 614b – 621b โอดสิ ซิอสั : 334b, 620c โอดสิ ซ:ี 393b ฮ. ฮาดีส (หรือ นรก): 330d, 363c, 363d, 366a, 386b – 387a, 392a, 521c, 534d, 596c, 612b, 619a เฮซิออด: 363b, 377d – e, 466c, 468e, 546e, 600d, 612b เฮเฟสตัส: 378d, 389a, 390c เฮรา: 378d, 381d, 390c เฮราคลสี : 337a เฮราเคลตัส: 498b เฮเลน: 586c เฮคเตอร:์ 391b ไฮดรา: 426e โฮเมอร์: 334a – b, 363b, 364d, 377d, 378d, 379c, 383a, 387b, 388a – b, 389a, 389e, 391a, 393b, 393d, 396e, 404b – c, 441b, 468c – d, 501b, 516d, 545d, 595b, 598d, 599c – 600e, 605c, 606e – 607a, 607d, 612b 598 : รพี บั ลกิ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 624
Pages: