พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ท่ี 1 พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ท่ี ๑ ภาคที่ ๒ ตอนท่ี ๔ ขอนอบนอมแดพระผมู ีพระภาคอรหนั ตสัมมาสัมพุทธเจา พระองคน ้นั คาถาธรรมบท มลวรรคท่ี ๑๘๑ วา ดวยมลทิน[๒๘] ๑. บัดน้ี ทา นเปนดจุ ใบไมเหลือง อนง่ึ บุรษุ แหง พระยายม (คอื ความตาย) ปรากฏแกท านแลว ทา น ต้ังอยใู กลปากแหงความเสือ่ ม อนึง่ แมเ สบยี งทาง ของทา นก็ยังไมม ี ทานนน้ั จงทาํ ที่พ่งึ แกตน จงรีบ พยายาม จงเปน บณั ฑติ ทา นกําจดั มลทินไดแลว ไมมีกเิ ลสเพียงดังเนนิ จกั ถึงอรยิ ภูมอิ ันเปน ทิพย. บัดนี้ ทา นเปนผมู วี ัยอันชรานาํ เขาไปแลว เปน ผู เตรยี มพรอ ม (เพ่อื จะไป) สํานักของพระยายม อนึ่ง แมทพ่ี ักในระหวา ง (ทาง) ของทานกย็ ังไมมี อนงึ่๑. วรรคน้ี มอี รรถกถา ๑๒ เรือ่ ง.
พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ท่ี 2ถงึ เสบยี งทางของทานกห็ ามีไม ทา นน้นั จงทําทีพ่ ่ึงแกตน จงรีบพยายาม จงเปน บณั ฑิต ทานเปนผูมีมลทินอนั กาํ จัดไดแ ลว ไมมกี เิ ลสเพียงดาํ เนิน จกั ไมเขา ถึงชาติชราอกี . ๒. ผูม ีปญญาทาํ กุศลอยูค ราวละนอ ย ๆ ทกุ ๆขณะโดยลาํ ดบั พึงกําจัดมลทินของตนได เหมือนชางทองปดเปา สนมิ ของฉะนน้ั . ๓. สนิมตงั้ ขนึ้ แตเหล็ก คร้ันต้งั ขนึ้ แตเหลก็ แลวยอมกัดเหลก็ นนั่ เอง ฉนั ใด กรรมทงั้ หลายของตนยอมนําบคุ คลผมู กั ประพฤติลว งปญญาช่อื วา โธนา ไปสทู ุคติ ฉันนั้น. ๔. มนตท ง้ั หลาย มีอันไมท องบน เปน มลทินเรอื นมคี วามในหมั่นเปน มลทิน ความเกยี จครา นเปนมลทนิ ของผวิ พรรณ ความประมาทเปน มลทนิ ของผรู ักษา. ๕. ความประพฤตชิ ่วั เปนมลทินของสตรี ความตระหนี่เปนมลทนิ ของผูให ธรรมอนั ลามกท้ังหลายเปนมลทนิ แล ทัง้ ในโลกนี้ ท้งั ในโลกหนา เราจะบอกมลทินอันยงิ่ กวา มลทินนนั้ อวชิ ชาเปน มลทนิ อยา งยิ่งภิกษุท้ังหลาย ทา นทั้งหลายละมลทินน่นั ไดแ ลว ยอ มเปน ผหู มดมลทนิ .
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนาท่ี 3 ๖. อันบคุ คลผูไมม คี วามละอาย กลา เพยี งดงั กามีปกติกาํ จดั (คุณผอู ่ืน) มักแลนไป (เอาหนา) ผูคะนอง ผเู ศรา หมอง เปน อยูงาย สว นบคุ คลผูมีความละอาย ผแู สวงหากรรมอนั สะอาดเปน นิตย ไมหดหู ไมค ะนอง มอี าชวี ะหมดจด เหน็ อยู เปน อยูย าก. ๗. นระใด ยอ มยังสตั วม ชี วี ิตใหตกลวงไป ๑กลาวมสุ าวาท ๑ ถือเอาทรพั ยท่ีบคุ คลอ่ืนไมใ หใ นโลก ๑ ถงึ ภริยาของผูอ่นื ๆ อนง่ึ นระใดยอมประกอบเนือง ฯ ซงึ่ การดืม่ สุราและเมรยั นระนี้ (ชอ่ื วา) ยอ มขุดซ่งึ รากเหงา ของตนในโลกน้ที ีเดียว. บรุ ุษผูเจริญทา นจงทราบอยา งน้วี า บุคคลผมู บี าปธรรมท้งั หลายยอ มเปน ผไู มส าํ รวมแลว ความโลภและสภาพมใิ ชธรรม จงอยารบกวนทาน เพอ่ื ความทกุ ข ตลอดกาล นานเลย. ๘. ชนยอมให (ทาน) ตามศรทั ธา ตามความเลื่อมใส แลชนใดยอมเปน ผูเกอเขนิ ในเพราะนา้ํ และขาวของชนเหลา อืน่ นน้ั ชนนน้ั ยอมไมบรรลสุ มาธิในกลางวนั หรือในกลางคืน กอ็ กศุ ลกรรมอันบุคคลใดตัดขาดแลว ถอนขึ้นทาํ ใหม ีรากขาดแลว บคุ คลนน้ั แลยอมบรรลุสมาธิ ในกลางวันหรือในกลางคนื . ๙. ไฟเสมอดว ยราคะไมมี ผูจักเสมอดว ยโทสะไมมี ขายเสมอดวยโมหะไมมี แมน ้ําเสมอดวยตณั หาไมม.ี
พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ท่ี 4 ๑๐. โทษของบคุ คลเหลาอน่ื เหน็ ไดง าย ฝา ยโทษของตนเห็นไดย าก เพราะวาบคุ คลนน้ั ยอมโปรยโทษของบุคคลอนั เหมอื นบคุ คลโปรยแกลบ แตว ายอมปกปด โทษของตน เหมือนพรานนกปกปดอัตภาพดวยเคร่อื งปกปด ฉะนนั้ . ๑๑. อาสวะทงั้ หลายยอ มเจรญิ แกบ ุคคลนัน้ ผูคอยดโู ทษของบุคคลอ่นื ผูมคี วามมงุ หมายในอันยกโทษเปนนติ ย บุคคลนั้นเปน ผไู กลจากความสน้ิ ไปแหงอาสวะ. ๑๒. รอยเทาในอากาศนน่ั เทยี วไมมี สมณะภายนอกไมมี หมูสตั วเปนผยู ินดยี ิ่งแลวในธรรมเคร่ืองเนน่ิ ชา พระตถาคตทงั้ หลายไมม ีธรรมเครอื่ งเนิ่นชา รอยเทาในอากาศนน่ั เทยี วไมมี สมณะภายนอกไมมี สังขารทง้ั หลายชื่อวาเท่ยี งไมมี กเิ ลส-ชาตเคร่ืองหวนั่ ไหว ไมม แี กพระพุทธเจาท้ังหลาย. จบมลวรรคที่ ๑๘
พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ที่ 5 ๑๘. มลวรรควรรณนา ๑. เรอื่ งบตุ รของนายโคฆาตก [๑๘๒] ขอความเบื้องตน พระศาสดา เมอ่ื ประทบั อยใู นพระเชตวัน ทรงปรารภบุตรของนายโคฆาตกคนหนง่ึ ตรัสพระธรรมเทศนานี้วา ปณฑฺ ุปลาโสว ทานิสเปน ตน . นายโคฆาตกส ่งั ใหภรรยาปง เนอื้ ดังไดสดับมา นายโคฆาตกคนหนึง่ ในพระนครสาวตั ถี ฆา โคแลวถือเอาเน้ือล่ําใหปง แลว นั่งพรอ มดวยบุตรและภริยาเค้ยี วกนิ เน้ือ และขายดว ยราคา. เขาทาํ การงานของคนฆา โคอยอู ยางน้นั ตลอด ๕๕ ป มิไดถวายยาคหู รือภตั แมม าตรวาทัพพีหนึ่งในวันหนึ่งแดพระศาสดา ซ่งึประทับอยใู นวิหารใกล. เขาเวนจากเนอื้ เสยี ยอมไมบริโภคภตั . วนั หนึง่เขาขายเนอื้ ในตอนกลางวันแลว ใหก อนเนือ้ กอนหนึง่ แกภ รยิ า เพื่อปงเพอื่ ประโยชนแกต น แลว ไดไปอาบนํา้ . ลําดับนน้ั สหายของเขามาสูเ รอื นแลว พูดกะภรยิ าวา \" หลอ นจงใหเ นื้อที่จะพงึ ขายแกฉันหนอยหน่ึง, (เพราะ) แขกมาที่เรือนฉนั .\" ภรยิ านายโคฆาตก. เนื้อท่จี ะพงึ ขายไมม ี, สหายของทานขายเนือ้ แลวบัดน้ไี ปอาบนํ้า. สหาย. อยา ทําอยางน้ีเลย, ถากอ นเนอื้ ม;ี ขอจงใหเ ถดิ . ภริยานายโคฆาตก. เวน กอ นเนื้อท่ฉี ันเก็บไวเพ่ือสหายของทานแลวเนอื้ อื่นไมม ี.
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนาท่ี 6 เขาคดิ วา \" เน้ืออื่นจากเน้ือทหี่ ญิงน้ีเกบ็ ไวเพ่อื ประโยชนแ กสหายของเราไมมี, อน่ึง สหายของเราน้นั เวนจากเนื้อยอ มไมบ รโิ ภค, หญงิ นี้จักไมให \" จึงถือเอาเนอื้ น้ันเองหลกี ไป. ฝา ยนายโคฆาตกอาบน้ําแลวกลบั มา, เมอ่ื ภรยิ านัน้ คดภตั นาํ เขาไปพรอมกับผักตมเพื่อตน, จึงพดู วา \" เน้อื อยทู ่ีไหน ?\" ภริยา. นาย เนื้อไมมี. นายโคฆาตก. เราใหเน้อื ไวเพอ่ื ตองการปง แลวจงึ ไป มิใชหรือ ? ภริยา. สหายของทานมาบอกวา \" แขกของฉันมา, หลอ นจงใหเนอ้ื ที่จะพงึ ขายแกฉ ัน,\" เม่ือฉันแมตอบวา \" เนือ้ อ่นื จากเนือ้ ท่ฉี นั เกบ็ ไวเพ่ือสหายของทา นไมม ,ี อน่งึ สหายของทานน้นั เวน จากเน้ือยอมไมบรโิ ภค,\" กถ็ อื เอาเน้อื น้นั โดยพลการเองทเี ดียวไปแลว . นายโคฆาตก. เราเวน จากเน้อื ไมบ ริโภคภัต, หลอ นจงนาํ ภตัน้นั ไป. ภริยา. ฉันอาจทําอยางไรได, ขอจงบริโภคเถิด นาย. นายโคฆาตกต ัดลน้ิ โคมาปงบริโภค นายโคฆาตกน ั้นตอบวา \" เราไมบ ริโภคภตั \" ใหภริยานาํ ภตั น้ันไปแลว , ถือมีดไปสูส ํานักโคตัวยืนอยูทีห่ ลงั เรอื น แลวสอดมือเขา ไปในปากดงึ ล้นิ ออกมาเอามดี ตดั ท่โี คน (ลิ้น) แลวถือไปใหปง บนถา นเพลงิแลว วางไวบ นภัต นั่งบรโิ ภคกอ นภัตกอ นหนง่ึ วางกอ นเน้ือกอนหนึ่งไวใ นปาก. ในขณะนัน้ เอง ลน้ิ ของเขาขาดตกลงในถาดสาํ หรับใสภ ัต.
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ที่ 7ในขณะน้ันแล เขาไดวบิ ากทเี่ หน็ สมดวยกรรม. แมเขาแลเปนเหมอื นโคมีสายเลือดไหลออกจากปากเขาไปในเรอื น เทย่ี วคลานรองไป.๑ บุตรนายโคฆาตกหนี สมัยนน้ั บตุ รของนายโคฆาตกย นื แลดูบิดาอยใู นท่ีใกล. ลาํ ดบั น้นัมารดาพูดกะเขาวา \" ลูก เจา จงดูบดิ าน้เี ที่ยวคลานรอ งไปในทามกลางเรือนเหมือนโค ความทกุ ขน้จี กั ตกบนกระหมอ มของเจา , เจา ไมตอ งหวง๒แมซ งึ่ แม จงทําความสวสั ดแี กต นหนีไปเถดิ .\" บตุ รนายโคฆาตกน ้นัถกู มรณภยั คุกคาม ไหวม ารดาแลว หนีไป, กแ็ ลครั้นหนีไปแลว ไดไ ปยังนครตกั กสลิ า. แมนายโคฆาตกเปนเหมอื นโค เทย่ี วรอ งไปในทา มกลางเรอื น ทํากาละแลวเกิดในอเวจี. แมโคกไ็ ดท าํ กาละแลว . ฝายบตุ รของนายโคฆาตกไปนครตกั กสลิ า เรียนการงานของนายชา งทอง. ลาํ ดบั นนั้อาจารยของเขา เมอ่ื จะไปบา นสง่ั ไวว า \" เธอพึงทําเครือ่ งประดับช่อื เห็นปานน\"้ี แลว หลกี ไป. แมเขากไ็ ดท าํ เคร่อื งประดบั เห็นปานน้ันแลว .ลําดับน้ัน อาจารยข องเขามาเหน็ เครื่องประดบั แลว ดาํ ริวา \"ชายผูนี้ไปในทใ่ี ดทีห่ นึ่ง เปน ผูส ามารถจะเล้ียงชีพได\" จึงไดใ หธ ิดาผูเ จรญิ วัยของตน (แกเขา). เขาเจริญดวยบุตรธดิ าแลว. ลกู ทาํ บุญใหพอ ลาํ ดบั นน้ั บุตรท้งั หลายของเขาเจริญวยั แลว เรียนศลิ ปะ, ในกาลตอมาไปพระนครสาวตั ถี ดํารงฆราวาสอยูในพระนครน้นั ไดเ ปน ผูม ีศรทั ธาเลอื่ มใส. ฝา ยบิดาของพวกเขาไมทํากศุ ลอะไร ๆ เลย ถงึ ความชรา๑. ชนนฺ เุ กหิ วิจรนโฺ ต เทย่ี วไปอยูดวยเขา. ๒. อโนโลเกตวฺ า ไมแ ลดูแลว .
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนาที่ 8ในนครตักกสิลาแลว . ลาํ ดบั นั้น พวกบุตรของเขาปรึกษากนั วา \" บิดาของพวกเราแก\" แลว ใหเ รียกมายังสํานกั ของตน พูดวา \" พวกฉันจะถวายทานเพ่ือประโยชนแ กบ ิดา \" แลว นมิ นตภิกษุสงฆ มีพระพทุ ธเจาเปนประธาน. วันรุงขึน้ พวกเขานิมนตภ กิ ษุสงฆม ีพระพุทธเจาเปนประธานใหน่ังภายในเรือนแลว องั คาสโดยเคารพ, ในเวลาเสร็จภัตกิจกราบทูลพระศาสดาวา \" พระเจาขา พวกขาพระองค ถวายภตั นใ้ี หเปนชวี ภตั (ภตั เพ่ือบคุ คลผูเปน อยู) เพื่อบิดา. ขอพระองคจ งทรงทําอนโุ มทนา แกบ ิดาของพวกขา พระองคเถดิ .\" พระศาสดาทรงแสดงธรรม พระศาสดา ตรสั เรียกบดิ าของพวกเขามาแลว ตรัสวา \" อุบาสกทานเปนคนแก มสี รรี ะแกห งอ มเชนกับใบไมเหลือง, เสบียงทางคอื กุศลเพอ่ื จะไปยงั ปรโลกของทา นยงั ไมมี, ทา นจงทําท่พี ึง่ แกตน, จงเปนบณั ฑิตอยาเปนพาล\" ดังนี้แลว เมือ่ จะทรงทาํ อนุโมทนา จงึ ไดตรัสพระคาถาเหลานี้วา:- ๑. ปณฺฑปุ ลาโสว ทานสิ ิ ยมปรุ สิ าป จ ต ๑ อปุ ฏิตา อยุ ฺโยคมเุ ข จ ติฏส๒ิ ปาเถยฺยมปฺ จ เต น วิชชฺ ต.ิ โส กโรหิ ทีปมตฺตโน ขิปฺป วายม ปณฑฺ โิ ต ภว นิทธฺ นฺตมโล อนคฺ โณ ทพิ ฺพ อริยภูมิเมหิส.ิ๑. อรรถกถา เปน เต. ๒. ปตฏิ สิ.
พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ท่ี 9 \"บดั นี้ ทา นเปน ดุจใบไมเ หลือง, อนงึ่ บรุ ษุ แหง พระยายม (คอื ความตาย) ปรากฏแกท า นแลว. ทาน ตั้งอยใู กลป ากแหง ความเส่อื ม, อนึ่ง แมเสบียงทาง ของทา น กย็ งั ไมมี. ทา นนน้ั จงทาํ ทพ่ี ึง่ แกตน, จงรีบ พยายาม จงเปน บัณฑิต ทา นกาํ จัดมลทินไดแ ลว ไมม ีกิเลสเพียงดังเนิน จักถงึ อรยิ ภูมิอนั เปนทพิ ย. \" แกอรรถ บรรดาบทเหลา น้ัน บาทพระคาถาวา ปณฑฺ ุปลาโสว ทานสิ ิความวา อบุ าสก บดั น้ที า นไดเปน เหมอื นใบไมทเ่ี หลอื งอันขาดตกลงบนแผนดิน. ทูตของพระยายม พระผมู ีพระภาคเจาตรัสเรยี กวา ยมปิ รุ สิ า. แตคําน้ี พระองคต รัสหมายถึงความตายน่ันเอง. อธิบายวา ความตายปรากฏแกท า นแลว . บทวา อยุ โฺ ยคมเุ ข ความวา กท็ านเปนผตู ้ังอยูแ ลวใกลป ากแหงความเสื่อม คือใกลป ากแหงความไมเ จรญิ . บทวา ปาเถยฺย ความวา แมเสบยี งทางคอื กศุ ลของทานผูจ ะไปสูปรโลก ก็ยังไมมี เหมอื นเสบียงทางมขี าวสารเปน ตน ของบคุ คลผเู ตรยี มจะไป ยังไมมฉี ะนนั้ . สองบทวา โส กโรหิ ความวา ทานนนั้ จงทําทพ่ี ง่ึ คอื กุศลแกตนเหมอื นบุคคลเม่ือเรอื อับปางในสมุทร ทาํ ทีพ่ งึ่ กลา วคือเกาะ (แกต น)ฉะน้นั , และทา นเม่อื ทาํ จึงรบี พยายาม คือจงปรารภความเพยี รเรว็ ๆจงเปน บณั ฑติ ดวยกายทําท่พี ง่ึ กลาวคอื กศุ ลกรรมแกต น. ดว ยวา ผูใ ดทํากุศลในเวลาทต่ี นยงั ไมถ งึ ปากแหงความตาย สามารถจะทําไดนั่นแล,
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ท่ี 10ผนู น้ั ชอ่ื วาเปน บัณฑติ . อธบิ ายวา ทา นจงเปน ผเู ชน น้นั อยาเปนอันธพาล. สองบทวา ทิพพฺ อรยิ ภมู ึ ความวา ทานทําความเพียรอยูอยางนี้ชือ่ วาผกู ําจัดมลทนิ ไดแ ลว เพราะความเปน ผูน ํามลทินมีราคะเปนตน ออกเสียได, ชือ่ วา ไมม กี เิ ลสเพียงดงั เนนิ คือหมดกเิ ลส เพราะไมม ีกิเลสเพยี งดังเนิน จักถึงชั้นสทุ ธาวาสภูมเิ ปน ท่ีอยูแหง พระอรยิ บุคคลผหู มดจดแลว๕ ภูมิ.๑ ในกาลจบเทศนา อบุ าสกตัง้ อยใู นโสดาปตติผลแลว . เทศนาไดม ีประโยชน แมแ กห มูชนผูป ระชุมกนั แลว ดงั นแ้ี ล. พวกบุตรถวายทานอีก บตุ รเหลานน้ั ทูลนมิ นตพ ระศาสดา แมเ พอ่ื ประโยชนในวันรงุ ข้ึนถวายทานแลว ไดก ราบทลู พระศาสดาผทู รงทาํ ภตั กจิ แลว ในเวลาทรงอนุโมทนาวา พระเจาขา แมภ ตั นพี้ วกขาพระองคถวายใหเ ปน ชวี ภตั เพือ่บดิ าของปวงขาพระองคเหมอื นกัน, ขอพระองคจงทรงทําอนุโมทนาแกบิดานนี้ ่แี ล.\" พระศาสดา เมื่อจะทรงทําอนโุ มทนาแกเขา ไดต รสั ๒ พระคาถาน้ีวา :- อุปนตี วโยว ทานิสิ สมฺปยาโตสิ ยมสสฺ สนตฺ ิก วาโสป จ เต นตถฺ ิ อนตฺ รา ปาเถยยฺ มฺป จ เต น วชิ ชฺ ติ.๑. ๕ ภมู คิ ือ อวหิ า ๑ อตปั ปา ๑ สุทสั สา ๑ สทุ สั สี ๑ อกนิฏฐา ๑ ภมู ทิ ัง้ ๕ น้อี ยใู นพรหมโลกชน้ั สุทธาวาส เปน ทเี่ กิดแหง พระอนาคามี.
พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ท่ี 11 โส กโรหิ ทปี มตตฺ โน ขปิ ฺป วายม ปณฑฺ ิโต ภว นทิ ฺธนฺตมโล อนงคฺ โณ น ปนุ ชาติชร อุเปหิส.ิ \"บัดน้ี ทา นเปน ผูม ีวัยอันชรานําเขา ไปแลว , เปนผเู ตรยี มพรอม เพ่ือจะไป สํานกั ของพระยายม, อนง่ึ แมท พ่ี กั ในระหวา งหาง ของทาน ก็ยงั ไมม,ี อนึง่ ถงึ เสบยี งทางของทา น ก็หามไี ม, ทา นนนั้ จงทาํ ทพี่ ่งึ แกตน, จงรบี พยายาม จงเปนบณั ฑติ ทา นเปน ผมู มี ลทินอันกาํ จดั ไดแ ลว ไมมกี เิ ลสเพยี งดงั เนิน จักไมเขา ถึงชาตชิ ราอีก.\" แกอ รรถ ศพั ทวา อปุ ในบทวา อุปนตี วโย ในพระคาถานัน้ เปนเพยี งนบิ าต. ทา นมวี ัยอันชรานําไปแลว คือมีวัยผา นไปแลว ไดแ กม วี ัยลว งไปแลว . อธิบายวา บัดน้ี ทานลว งวัยทัง้ สามแลว ดงั อยูใกลป ากของความตาย. บาทพระคาถาวา สนปฺ ยาโตสิ ยมสฺส สนฺตกิ ความวา ทานตระเตรียมจะไปสปู ากของความตายตั้งอยูแลว. บาทพระคาถาวา วาโสป จ เต นตถฺ ิ อนฺตรา ความวา พวกคนเดนิ ทาง ยอ มพักทํากจิ นนั้ ๆ ในระหวางทางไดฉ นั ใด; คนไปสปู รโลกยอมพักอยูฉนั นน้ั ไมไ ด. เพราะคนไปสปู รโลกไมอ าจเพ่อื จะกลาวคาํ เปนตน
พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนาท่ี 12วา \" ทา นจงรอสัก ๒-๓ วัน, ขาพเจา จะใหท านกอน จะฟงธรรมกอ น.\"ก็บคุ คลเคลือ่ นจากโลกนี้แลว ยอมเกิดในปรโลกทีเดียว, คาํ น่ันพระศาสดาตรัสหมายเอาเน้อื ความนี้. บทวา ปเถยยฺ น้ี พระผูม พี ระภาคเจา ตรัสไวใ นหนหลังแลวกจ็ ริงแล ถงึ อยางนนั้ พระศาสดาทรงถือเอาในพระคาถาแมนี้ ก็เพอื่ ทรงทาํใหม ั่นบอย ๆ แกอ ุบาสก. แมพ ยาธิและมรณะ ก็เปน อันทรงถอื เอาในบทวา ชาติชร นีเ้ หมือนกนั . ก็ พระผมู ีพระภาคเจา ตรสั อนาคามมิ รรค ดว ยพระคาถาในหนหลงั ,ตรัสอรหตั มรรคในพระคาถานี.้ แมเม่อื เปน เชน น้ันอุบาสก เมอื่ พระศาสดาแมทรงแสดงธรรมดว ยสามารถแหงมรรคเบอ้ื งบน กบ็ รรลุโสดาปต ติผลเบือ้ งตา่ํ แลวจึงบรรลุอนาคามผิ ลในเวลาจบอนุโมทนาน้ี ตามกําลังอุปนิสยัของตน เหมอื นเมื่อพระราชาทรงปน พระกระยาหารขนาดเทา พระโอษฐของพระองค แลว ทรงนําเขา ไปแกพ ระโอรส, พระกมุ ารทรงรบั โดยประ-มาณพระโอษฐของพระกมุ ารเทา น้นั ฉะนั้น. พระธรรมเทศนาไดม ีประโยชนแมแ กบ ริษทั ท่ีเหลอื ดังน้ีแล. เรือ่ งบุตรของนายโคฆาตก จบ.
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ที่ 13 ๒. เร่ืองพราหมณคนใดคนหนง่ึ [๑๘๓] ขอความเบ้อื งตน พระศาสดา เมอื่ ประทับอยูใ นพระเชตวนั ทรงปรารภพราหมณคนใดคนหน่งึ ตรัสพระธรรมเทศนานีว้ า \"อนุปุพเฺ พน เมธาว\"ีเปนตน. พราหมณทําความเกอื้ กูลแกภ กิ ษุ ดังไดส ดบั มา วนั หนง่ึ พราหมณนัน้ ออกไปแตเชา ตรู, ไดยนื แลดูพวกภิกษุหม จวี ร ในทีเ่ ปนทีห่ มจีวรของพวกภกิ ษุ. กท็ ่ีนนั้ มีหญา งอกขนึ้แลว. ตอ มาภิกษรุ ูปหนึ่งหม จีวรอย,ู ชายจวี รเกลือกกล้ัวท่ีหญา เปย กดว ยหยาดน้าํ คางแลว . พราหมณเห็นเหตนุ น้ันแลวคดิ วา \" เราควรทาํ ทนี่ ีใ้ หปราศจากหญา\" ในวนั รงุ ขึน้ ถอื จอบไปถากที่นนั้ ไดท ําใหเปนท่เี ชนมณฑลลาน. แมใ นวนั รงุ ขนึ้ เม่ือภกิ ษุมายังท่นี น้ั หมจวี รอยู, พราหมณเห็นชายจวี รของภกิ ษุรปู หนง่ึ ตกไปบนพนื้ ดินเกลือกกลว้ั อยูทฝ่ี นุ จงึ คิดวา\" เราเกลีย่ ทรายลงในที่น้คี วร\" แลว ขนทรายมาเกลี่ยลง. พราหมณส รา งมณฑปและศาลา ภายหลงั วนั หนึ่ง ในเวลากอนภัตไดม แี ดดกลา . แมในกาลนั้นพราหมณเ ห็นเหง่ือไหลออกจากกายของพวกภิกษุผกู าํ ลงั หม จีวรอยู จงึ คดิวา \"เราใหส รางมณฑปในท่นี ค้ี วร\" จงึ ใหส รางมณฑปแลว. รุง ข้นึ อกี วนั หน่ึง ไดมีฝนพรําแตเ ชาตร.ู แมในกาลนัน้ พราหมณแลดูพวกภกิ ษุอยู, เหน็ พวกภิกษุมีจวี รเปย ก จึงคิดวา \" เราใหสรางศาลา
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ที่ 14ในท่นี ้ีควร\" จงึ ใหส รางศาลาแลว คิดวา \"บดั นี้ เราจกั ทําการฉลองศาลา,\"จึงนมิ นตภกิ ษุสงฆม ีพระพุทธเจา เปน ประมขุ ใหภกิ ษุทัง้ หลายนัง่ ทง้ั ภายในทั้งภายนอก ถวายทาน, ในเวลาเสร็จภตั กจิ รับบาตรพระศาสดา เพ่อืประโยชนแ กการทรงอนุโมทนา แลวกราบทลู เรอ่ื งน้ันท้ังหมด จําเดิมตั้งแตตนวา \" พระเจา ขา ขาพระองคย นื แลดอู ยูใ นที่นี้ ในเวลาทพี่ วกภกิ ษุหมจีวร, เห็นเหตกุ ารณอยางน้ี ๆ จงึ ใหสรางสงิ่ น้ี ๆ ขึน้ .\" พระศาสดาทรงแสดงธรรม พระศาสดาทรงสดบั คําของเขาแลว ตรสั วา \" พราหมณ ธรรมดาบณั ฑติ ทั้งหลายทาํ กุศลอยูคราวละนอ ย ๆ ทกุ ๆ ขณะ, ยอ มนาํ มลทินคอื อกศุ ลของตน ออกโดยลาํ ดบั ทีเดียว\" ดงั นี้แลว จงึ ตรสั พระคาถานี้วา :- ๒. อนุปุพฺเพน เมธาวี โถก โถก ขเณ ขเณ กมมฺ าโร รชตสฺเสว นิทฺธเม มลมตตฺ โน. \"ผมู ีปญ ญา (ทาํ กศุ ลอยู) คราวละนอย ๆ ทุก ๆ ขณะ โดยลําดับ พึงกาํ จัดมลทนิ ของตนได เหมอื น ชา งทอดปดเปาสนิมทองฉะน้ัน.\" แกอ รรถ บรรดาบทเหลานน้ั บทวา อนปุ ุพฺเพน คือ โดยลาํ ดับ, ผปู ระกอบดวยปญ ญาอนั รุง เรืองในธรรม ชอื่ วา เมธาว.ี สองบทวา ขเณ ขเณ ความวา ทาํ กศุ ลอยทู กุ ๆ โอกาส. บาทพระคาถาวา กมมฺ าโร รชตสฺเสว ความวา บณั ฑติ ทาํ กุศลอยบู อย ๆ ชือ่ วาพึงกําจดั มลทิน คือกเิ ลสมรี าคะเปนตน ของตน, ดวยวา
พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ท่ี 15เม่อื เปน อยางน้ัน บัณฑติ ยอ มเปนผูช่ือวามีมลทินอันขจดั แลว คอื ไมม ีกิเลสเหมอื นชา งทองหลอมแลวทุบทองครงั้ เดียวเทา นนั้ ยอมไมอ าจไลสนมิ ออกแลว ทาํ เครอื่ งประดับตาง ๆ ได. แตเ มอื่ หลอมทบุ บอ ย ๆ ยอ มไลส นมิออกได, ภายหลงั ยอมทาํ ใหเ ปนเครอ่ื งประดับตาง ๆ หลายอยา งไดฉะน้ัน. ในกาลจบเทศนา พราหมณดํารงอยูใ นโสดาปต ตผิ ลแลว. เทศนาไดม ปี ระโยชนแ มแ กมหาชนแลว ดังนแ้ี ล. เรอ่ื งพราหมณค นใดคนหนงึ่ จบ.
พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ท่ี 16 ๓. เรื่องพระติสสเถระ [๑๘๔] ขอ ความเบื้องตน พระศาสดา เมอ่ื ประทับอยใู นพระเชตวนั ทรงปรารภภกิ ษรุ ูปหนึ่งช่ือติสสเถระ ตรัสพระธรรมเทศนานีว้ า \"อยสาว มล สมฏุ ิต \"เปนตน . พระติสสะมอบผา สาฎกเนื้อหยาบใหพ่สี าว ดังไดสดบั มา กุลบุตรชาวเมืองสาวตั ถีคนหนงึ่ ไดบ รรพชาอปุ สมบทแลว ปรากฏชื่อวา \" พระตสิ สเถระ.\" ในกาลตอ มา พระติสสเถระนนั้ เขาจาํ พรรษา ณ วหิ ารในชนบท,ไดผา สาฎกเนือ้ หยาบประมาณ ๘ ศอก จาํ พรรษา ปวารณาแลว, ถือผานั้นไปวางไวใกลม อื พี่สาว. พ่สี าวนน้ั ดําริวา \" ผาสาฎกผนื นไ้ี มส มควรแกน องชายเรา\" แลวตัดผา น้ันดวยมีดอันคม ทําใหเ ปนชน้ิ นอ ยชน้ิ ใหญ,โขลกในครก แลว สาง ดีด กรอ ปน ใหเปน ดา ยละเอียด ใหทอเปนผาสาฎกแลว. พระเถระเตรยี มจะตดั จวี ร ฝายพระเถระ ก็จดั แจงดายและเขม็ , นิมนตภกิ ษหุ นมุ และสามเณรผทู ําจวี รใหประชมุ กนั แลว ไปยังสาํ นักพีส่ าว พดู วา \" พจ่ี งใหผ าสาฎกผนื น้ันแกฉ ัน, ฉนั จกั ใหทาํ จวี ร.\" พส่ี าวนน้ั นําผา สาฎกประมาณ ๙ ศอกออกมาวางไวใกลมือของพระผนู องชาย. ทานรับผา สาฎกนั้นมาพิจารณาแลว พดู วา \" ผาสาฎกของฉันเน้ือหยาบ ประมาณ ๘ ศอก, ผนื นเ้ี นอ้ื ละเอียด ประมาณ ๙ ศอก,
พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ท่ี 17ผา มใิ ชผ า สาฎกของฉัน, นีเ่ ปนผา สาฎกของพี่, ฉันไมต อ งการผา ผืนนี้พ่ีจงใหผา สาฎกผนื น้ันแหละแกฉัน.\" พส่ี าวตอบวา \" ทา นผูเจริญ น่ีเปนผาของทานทีเดียว, ขอทานจงรับผานั้นเถิด.\" ทานไมป รารถนาเลย. ลําดับนนั้ พสี่ าวจงึ บอกกจิ ท่ตี นทาํ ทกุ อยา งแกพระเถระน้ันแลวไดถ วายวา \" ทานผเู จริญ นน่ั เปนผา ของทา นทีเดยี ว, ขอทานจงรับผานัน้ เถดิ .\" ทา นถอื ผา นนั้ ไปวิหาร เริม่ จวี รกรรม. พระเถระหว งใยในจวี ร ตายแลว เกิดเปนเล็น ลาํ ดบั นัน้ พีส่ าวของทานจัดแจงวตั ถมุ ียาคแู ละภตั เปน ตน เพอื่ประโยชนแกภ ิกษสุ ามเณรผูทําจีวรของพระติสสะนนั้ . ก็ในวนั ท่จี วี รเสรจ็พส่ี าวใหทาํ สักการะมากมาย. ทานแลดจู วี รแลว เกดิ ความเยอื่ ใยในจวี รนนั้คิดวา \"ในวันพรุงนี้ เราจักหม จวี รนั้น\" แลว พบั พาดไวที่สายระเดียง,ในราตรีน้ัน ไมสามารถใหอ าหารที่ฉนั แลว ยอยไปได มรณภาพแลว เกิดเปนเล็นทจ่ี ีวรน้ันน่นั เอง. พระศาสดารบั สั่งไมใ หแจกจีวร ฝา ยพสี่ าว สดับการมรณภาพของทา นแลว รองไหกลิง้ เกลือกใกลเทา ของพวกภกิ ษ.ุ พวกภกิ ษทุ ําสรรี กิจ (เผาศพ) ของทานแลวพดู กนั วา\" จวี รนนั้ ถงึ แกส งฆท เี ดยี ว เพราะไมมคี ิลานปุ ฏฐาก, พวกเราจกั แบงจวี รนนั้ \" แลวใหน าํ จวี รนั้นออกมา. เลนว่งิ รอ งไปขา งโนนและขางนีว้ า\" ภกิ ษุพวกนี้แยง จวี รอนั เปน ของเรา.\" พระศาสดาประทับนงั่ ในพระคันธกฎุ ีเทยี ว ทรงสดบั เสยี งนั้นดว ย
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนาที่ 18โสตธาตเุ พียงดงั ทพิ ย ตรสั วา \" อานนท เธอจงบอก อยา ใหพวกภกิ ษุแบงจีวรของติสสะ แลว เกบ็ ไว ๗ วัน.\" พระเถระใหท าํ อยางน้นั แลว. พระศาสดารับส่งั ใหแจกจวี รของพระติสสเถระ แมเลน็ นน้ั ทาํ กาละในวนั ท่ี ๗ เกดิ ในวิมานช้นั ดุสิตแลว, ในวนั ที่ ๘ พระศาสดารบั สง่ั วา \" ภิกษุทัง้ หลาย จงแบง จวี รของตสิ สะแลวถือเอา.\" พวกภกิ ษุทาํ อยางนัน้ แลว. พวกภิกษสุ นทนากันในธรรมสภาวา \" เหตไุ รหนอแล พระศาสดาจงึ ใหเก็บจีวรของพระติสสะไวสิน้ ๗ วนั แลว ทรงอนญุ าตเพือ่ ถอื เอาในวันท่ี ๘.\" ตณั หาทําใหส ัตวถ งึ ความพินาศ พระศาสดาเสด็จมาแลว ตรสั ถามวา \"ภิกษทุ ั้งหลาย บดั น้ีพวกเธอนัง่ ประชุมสนทนากนั ดวยเร่ืองอะไรหนอ ?\" เมอ่ื ภิกษเุ หลา นน้ั กราบทลูวา \"ดว ยเร่อื งช่อื นี้,\" ตรัสวา \"ภิกษทุ ั้งหลาย ติสสะเกดิ เปน เลน็ ทจ่ี ีวรของตน, เมอ่ื พวกเธอจะแบงจีวรนัน้ วิง่ รองไปขา งโนน และขางนี้วา' ภกิ ษพุ วกนแ้ี ยงจีวรอันเปนของเรา,' เม่อื พวกเธอถือเอาจีวรอย.ู เขาขดั ใจในพวกเธอแลว พึงเกดิ ในนรก, เพราะเหตนุ ้นั เราจงึ ใหเ ก็บจีวรไว;ก็บัดนเี้ ขาเกิดในวมิ านช้นั ดสุ ติ แลว. เพราะเหตนุ ้นั เราจึงอนุญาตการถือเอาจีวรแกพวกเธอ,\" เมอ่ื ภกิ ษุพวกน้นั กราบทูลอกี วา \"พระเจาขา ขึ้นชอ่ื วาตณั หานห้ี ยาบหนอ\" จึงตรสั วา \" อยา งนั้นภิกษุทั้งหลาย ขึ้นชื่อวาตัณหาของสัตวเหลา นห้ี ยาบ; สนิมตงั้ ข้นึ แตเ หลก็ ยอมกัดเหลก็ นัน่ เองยอ มใหเ หล็กพนิ าศไป ทําใหเ ปนของใชสอยไมไ ด ฉนั ใด; ตัณหานี้ (ก็)
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนาที่ 19ฉนั นนั้ เหมอื นกัน เกดิ ข้ึนภายในของสัตวเหลา นีแ้ ลว ยอ มใหสตั วเ หลานน้ัเกดิ ในอบายมนี รกเปนตน ใหถึงความพนิ าศ ' ดงั นี้แลว จึงตรัสพระ-คาถานว้ี า :- ๓. อยสา ว มล สมฏุ ิต ตหฏุ าย ตเมว ขาทติ เอว อติโธนจาริน สานิ กมมฺ านิ นยนตฺ ิ ทคุ คฺ ต.ึ \"สนิมต้ังขน้ึ แตเหลก็ ครนั้ ตัง้ ขน้ึ แตเหล็กแลว ยอมกดั เหล็กน่นั เอง ฉันใด; กรรมทงั้ หลายของตน ยอ มนําบคุ คลผมู กั ประพฤตลิ วงปญ ญาชอื่ วาโธนา ไป สูทุคติ ฉันนั้น.\" แกอ รรถ บรรดาบทเหลานน้ั บทวา อยสา คอื แตเ หล็ก. บทวา สมุฏ ิตคอื ตั้งข้ึนแลว . บทวา ตทฏุ าย คือครนั้ ตง้ั ขน้ึ แตเ หลก็ นัน้ . ในบทวา อตโิ ธนจาริน บณั ฑติ พงึ ทราบวนิ ิจฉัยดงั น้.ี ปญ ญาเปนเครื่องพิจารณาปจจัย ๔ วา \" การบริโภคนี้ เปน ประ-โยชนด วยปจจยั เหลา นี\"้ แลว บรโิ ภค พระผมู ีพระภาคเจา ตรสั วา โธนา,บคุ คลประพฤติกา วลว งปญ ญาช่อื วา โธนานนั่ ชอื่ วา อติโธนจารี. พระผูมพี ระภาคเจา ตรสั เปนคําอธิบายไวด งั นวี้ า \" สนิมเกิดข้นึ แตเหลก็ ตัง้ ขน้ึ แตเ หลก็ ยอ มกดั เหล็กนนั่ เอง ฉันใด; กรรมทั้งหลายของตน คอื กรรมเหลานัน้ ช่อื วา เปน ของตนนั่นแหละ เพราะต้ังขน้ึ ในตน
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ท่ี 20ยอ มนาํ บคุ คลผไู มพจิ ารณาปจ จยั ๔ แลว บรโิ ภค ช่ือวาผปู ระพฤติกาวลวงปญญาชือ่ วา โธนา ไปสูทคุ ติ ฉันนน้ั เหมือนกัน. ในกาลจบเทศนา ชนเปน อนั มากบรรลอุ ริยผลท้งั หลาย มีโสดา-ปต ตผิ ลเปนตน ดงั นี้แล. เรอื่ งพระติสสเถระ จบ.
พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ท่ี 21 ๔. เร่ืองพระโลฬุทายีเถระ [๑๘๕] ขอ ความเบ้อื งตน พระศาสดา เมือ่ ประทับอยูในพระเชตวนั ทรงปรารภพระโลฬทุ าย-ีเถระ ตรสั พระธรรมเทศนาน้วี า \"อสชฺฌายมลา มนตฺ า\" เปนตน . พระโลฬุทายีอวดดีอยากแสดงธรรม ดังไดสดบั มา พวกอริยสาวกประมาณ ๕ โกฏิในพระนครสาวัตถีถวายทานในเวลากอ นภัตแลว ในเวลาหลงั ภัตจงึ ถอื วตั ถทุ ั้งหลายมเี นยใสนา้ํ มนั นํ้าผ้งึ นาํ้ ออ ย และผาเปน ตน ไปวิหารแลวฟงธรรมกถาอยู,กใ็ นเวลาฟง ธรรมแลว เดนิ ไป ยอ มกลาวคุณของพระสารบี ุตรและพระ-โมคคลั ลานะ. พระอทุ ายีเถระ สดบั ถอ ยคําของอรยิ สาวกเหลา นัน้ แลว จึงพูดวา\" พวกทานฟงธรรมกถาของพระเถระทงั้ สองน้นั ยังกลาวถึงอยา งนัน้ กอ น,ฟง ธรรมกถาของฉนั แลว จกั กลาวอยา งไรหนอแล ?\" พวกมนุษย ฟง ถอยคาํ ของทานแลวคิดวา \" พระเถระแมน้ี จกัเปน พระธรรมกถกึ องคหนงึ่ , พวกเราฟง ธรรมกถาของพระเถระแมน ้ีควร.\" วนั หนึง่ พวกเขาอาราธนาพระเถระวา๑ \" ทานขอรบั วันนีเ้ ปนวนั ฟง ธรรมของพวกกระผม,\" ถวายทานแกพ ระสงฆแลว พูดวา \" ทา นขอรับ ขอทา นพงึ กลาวธรรมกถาในกลางวันเถดิ .\" ฝา ยพระเถระน้ันรบั นมิ นตข องพวกมนษุ ยน น้ั แลว. พระเถระไมส ามารถแสดงธรรมได เมอ่ื พวกมนษุ ยน ั้นมาในเวลาฟง ธรรมแลว พูดวา \"ทา นขอรบั๑. ยาจิตวฺ า=ขอหรอื วิงวอน.
พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนาที่ 22ขอทา นจงกลาวธรรมแกพ วกกระผมเถิด,\" พระโลฬุทายีเถระนง่ั บนอาสนะแลว จับพดั อนั วจิ ิตรสัน่ อยู, ไมเห็นบทธรรม แมบทหนงึ่ พดู วา \" ฉันจักสวดสรภัญญะ, ขอภิกษุรูปอ่ืนจงกลาวธรรมกถา\" ดังนแ้ี ลว กล็ ง (จากอาสนะ). มนษุ ยพ วกนัน้ นมิ นตภ ิกษุรปู อน่ื ใหกลาวธรรมกถาแลว นมิ นตพระโลฬุทายีขึ้นอาสนะอกี เพอ่ื ตอ งการสวดสรภัญญะ. พระโลฬุทายีนนั้ไมเ หน็ บทธรรมอะไร ๆ แมอีก จงึ พูดวา \" ฉนั จักกลา วในกลางคืน, ขอภิกษรุ ูปอนื่ จงสวดสรภญั ญะ\" แลวกล็ ง มนุษยพ วกนน้ั นมิ นตภ ิกษรุ ปูอนื่ ใหสวดสรภญั ญะแลว นําพระเถระมาในกลางคนื อกี . พระเถระนน้ั ก็ยงัไมเห็นบทธรรมอะไร ๆ แมใ นกลางคืน พูดวา \" ฉกั จักกลาวในเวลาใกลร ุงเทียว, ขอภิกษุรปู อ่ืนจงกลา วในเวลากลางคืน\" แลว ก็ลง. มนษุ ยพวกน้นั นมิ นตภ กิ ษุรูปอ่ืนใหกลาวแลวในเวลาใกลรงุ กน็ าํ พระเถระนน้ัมาอกี . พระเถระนนั้ แมใ นเวลาใกลร งุ ก็มไิ ดเ ห็นบทธรรมอะไร ๆ. พระเถระถูกมหาชนไลไปตกหลมุ คูถ มหาชน ถือวัตถทุ ง้ั หลายมีกอนดนิ และทอ นไมเ ปน ตน คุกคามวา\"พระอันธพาล เม่อื พวกขา พเจากลาวสรรเสริญพระสารบี ตุ รและพระโมค-คัลลานะ ทานพดู อยา งน้นั และอยางนั้น, บัดนี้ เหตไุ รจงึ ไมพ ูด ?\" ดังน้แี ลวกต็ ดิ ตามพระเถระผหู นไี ป. พระเถระนน้ั หนีไปตกลงในเวจกฎุ แี หงหน่ึง. มหาชนสนทนากันวา \"พระโลฬทุ ายี เมือ่ ถอ ยคาํ สรรเสรญิ คุณพระสารบี ุตรและพระโมคคัลลานะเปนไปอยู อวดอา งประกาศความที่ตนเปนธรรมกถึก, เม่ือพวกมนุษยท ําสักการะแลว พูดวา ' พวกกระผมจะฟง ธรรม,' นง่ั บนอาสนะถงึ ๔ ครงั้ ไมเ หน็ บทธรรมอะไร ๆ ทีส่ มควรจะพึงกลา ว ถกู พวกมนษุ ยถ ือวัตถทุ ัง้ หลายมกี อ นดินและทอ นไมเ ปนตน
พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ท่ี 23คุกคามวา ' ทานถอื ตวั เทา เทียม๑กบั พระสารีบตุ รและพระโมคคลั ลานเถระผูเปนเจา ของพวกเรา' ไลใ หหนีไปตกลงในเวจกฎุ แี ลว. บรุ พกรรมของพระโลฬทุ ายี พระศาสดาเสดจ็ มาแลว ตรัสถามวา \" ภกิ ษทุ ้ังหลาย บัดนี้ พวกเธอนัง่ ประชุมกนั ดว ยเร่อื งอะไร ?\" เมือ่ พวกภกิ ษุกราบทูลวา \" ดวยเรือ่ งช่อื นี้,\" จงึ ตรสั วา \" ภิกษทุ งั้ หลาย มิใชแ ตใ นบัดน้ีเทา น้ัน, แมในกาลกอน โลฬทุ ายีน้ี กจ็ มลงในหลุมคูถเหมอื นกัน \" ดังน้แี ลว ทรงนําอดีตนิทานมา ตรัสชาดก๒นี้ใหพสิ ดารวา :- \"สหาย เรามี ๔ เทา, สหาย แมท า นกม็ ี ๔ เทา. มาเถดิ สีหะ ทา นจงกลับ, เพราะเหตไุ รหนอ ทา น จึงกลัวแลว หนีไป ? สกุ ร ทา นเปนผไู มส ะอาด มีขน เปอ นดวยของเนา มีกลิ่นเหม็นฟงุ ไป; ถา ทานประสงค ตอ ส,ู เราจะใหค วามชนะแกท า น นะสหาย\"ดังน้ีแลว ตรัสวา \" ราชสหี ใ นกาลน้นั ไดเปน สารีบตุ ร, สุกรไดเปนโลฬุทาย.ี \" พระศาสดา คร้นั ทรงนําพระธรรมเทศนานีม้ าแลว ตรัสวา \" ภิกษุทัง้ หลาย โสฬทุ ายเี รียนธรรมมีประมาณนอ ยแท, อนึ่ง มไิ ดท าํ การทอ งเลย; การเรยี นปรยิ ัติอยา งใดอยางหน่งึ แลว ไมทาํ การทอ งปรยิ ตั นิ ั้น เปนมลทนิ แท\" ดังนแี้ ลว จงึ ตรสั พระคาถาน้วี า:-๑. ยคคคฺ าห คณหฺ สิ=ถือความเปนคู. ๒. ข.ุ ชา. ทกุ . ๒๗/๕๑. อรรถกถา. ๓/๑๑.
พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ท่ี 24 ๔. อสชฺฌายมลา มนฺตา อนฏุ านมลา ฆรา มล วณณฺ สฺส โกสชฺช ปมาโท รกขฺ โต มล . \"มนตทั้งหลาย มีอนั ไมท องบนเปน มลทนิ , เรอื น มคี วามไมหมน่ั เปน มลทนิ , ความเกียจครา น เปน มลทนิ ของผิวพรรณ, ความประมาท เปนมลทินของ ผรู กั ษา.\" แกอ รรถ บรรดาบทเหลานั้น บทวา อสชฌฺ ายมลา เปน ตน ความวาเพราะปริยตั หิ รือศลิ ปะอยา งใดอยางหนงึ่ เมอ่ื บุคคลไมท อ ง ไมประกอบเนือง ๆ ยอ มเสอ่ื มสญู หรอื ไมปรากฏตดิ ตอกนั ; ฉะนั้น พระผมู พี ระ-ภาคเจา จงึ ตรสั วา \"อสชฺฌายมลา มนฺตา.\" อนง่ึ เพราะช่ือวาเรือนของบุคคลผอู ยคู รองเรอื น ลุกข้นึ เสร็จสรรพแลว ไมทํากิจ มกี ารซอ มแซมเรือนทชี่ าํ รุดเปน ตน ยอ มพินาศ ฉะนั้นพระผูมพี ระภาคเจาจึงตรัสวา \"อนฏุ านมลา ฆรา.\" เพราะกายของคฤหสั ถห รอื บรรพชิต ผูไ มท าํ การชําระสรรี ะ หรือการชาํ ระบริขาร ดว ยอาํ นาจความเกียจคราน ยอ มมผี วิ พรรณมัวหมอง;ฉะน้นั พระผมู พี ระภาคเจา จงึ ตรัสวา \"มล วณฺณสสฺ โกสชฺช .\" อนง่ึ เพราะเมื่อบุคคลรักษาโคอยู หลบั หรอื เลน เพลนิ ดวยอํานาจความประมาท, โคเหลา น้ันยอ มถงึ ความพินาศ ดวยเหตมุ วี งิ่ ไปสทู ม่ี ิใชทาเปน ตน บาง ดวยอนั ตรายมีพาลมฤค๑ และโจรเปน ตนบา ง ดว ยอาํ นาจการ๑. พาลมิค-เน้ือรา ย
พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ท่ี 25กาวลงสูท ที่ ัง้ หลาย มีนาขาวสาลีเปนตน ของชนพวกอนื่ แลวเคี้ยวกนิ บา ง,แมตนเอง ยอ มถงึ อาชญาบา ง การบรภิ าษบาง. ก็อกี อยางหนึ่ง กเิ ลสทั้งหลายลวงลาํ้ เขาไปดว ยอาํ นาจความประมาทยอ มยังบรรพชิตผไู มร ักษาทวาร ๖ ใหเ คลอ่ื นจากศาสนา; ฉะนน้ั พระ-ผมู ีพระภาคเจาจึงตรสั วา \"ปมาโท รกฺขโต มล .\" อธบิ ายวา ก็ความประมาทน้ัน ชอื่ วาเปนมลทนิ เพราะความประมาทเปนที่ตัง้ ของมลทนิดว ยการนําความพินาศมา. ในกาลจบเทศนา ชนเปนอนั มากบรรลุอริยผลทั้งหลาย มโี สดา-ปตติผลเปนตน ดังนี้แล. เรอ่ื งพระโลฬุทายเี ถระ จบ.
พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ท่ี 26 ๕. เรื่องกุลบตุ รคนใดคนหนงึ่ [๑๘๖] ขอ ความเบือ้ งตน พระศาสดา เม่ือประทบั อยูในพระเวฬุวัน ทรงปรารภกลุ บตุ รคนใดคนหน่ึง ตรัสพระธรรมเทศนานวี้ า \"มลติ ถฺ ิยา ทจุ จฺ รติ \" เปน ตน . สามีละอายเพราะภริยาประพฤตนิ อกใจ ดงั ไดส ดบั มา มารดาและบิดานาํ กุลสตรผี มู ชี าตเิ สมอกนั มาเพอื่กุลบุตรนนั้ . นางไดเปนหญิงมกั ประพฤตนิ อกใจ๑ ( สามี) จาํ เดิมแตวนั ที่นํามาแลว. กลุ บุตรน้นั ละอาย เพราะการประพฤตินอกใจของนาง ไมอาจเขา ถงึ ความเปนผเู ผชญิ หนาของใครได เลกิ กศุ ลกรรมทง้ั หลาย มกี ารบํารงุ พระพุทธเจาเปนตน โดยกาลลว งไป ๒-๓วนั เขาไปเฝา พระศาสดาถวายบงั คมแลว น่ัง ณ ที่สมควรขางหน่งึ เมื่อพระศาสดาตรัสวา \" อุบาสกเพราะเหตไุ ร เราจงึ ไม (ใคร) เหน็ ทาน ?\" จึงกราบทูลความนัน้ แลว. สตรเี ปรยี บเหมอื นของ ๕ อยาง ลําดับนั้น พระศาสดาตรัสกะกลุ บตุ รน้ันวา \" อุบาสก แมใ นกาลกอน เรากไ็ ดก ลา วแลววา ' ข้ึนชอ่ื วา สตรที ้ังหลาย เปนเชนกับแมน้ําเปน ตน. บณั ฑิตไมค วรทาํ ความโกรธในสตรเี หลานั้น,' แตทา นจําไมได เพราะความเปนผอู ันภพปกปด ไว\" อันกุลบตุ รนัน้ ทูลอาราธนาแลวตรัสชาดก๒ ใหพสิ ดารวา :-๑. อติจารนิ ี ผมู ักประพฤติลว ง. ๒. ขุ. ช.ุ ๒๗/๒๑ อรรถกถา. ๓/๙๘.
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ท่ี 27\"ธรรมดาสตรีในโลก เปน เหมอื นแมน ํ้า หนทางโรงดม่ื (สุรา) ท่ีพกั และบอ นา้ํ , เวลายอ มไมม ีแกส ตรีเหลา นั้น.\"ดังนี้แลว ตรัสวา \" กอ็ ุบาสก ความเปนผมู ักประพฤตนิ อกใจ เปนมลทนิ ของสตร,ี ความตระหนี่ เปน มลทนิ ของผูใหท าน, อกุศลกรรมเปนมลทนิ ของสตั วท ั้งหลายในโลกนแ้ี ละโลกหนา เพราะอรรถวา เปนเครอ่ื งยังสัตวใหฉบิ หาย, แตอ วชิ ชา เปน มลทินอยา งยอดยิง่ กวามลทนิท้ังปวง\" ดงั น้ีแลว ไดทรงภาษติ พระคาถาเหลานวี้ า :-๕. มลติ ฺถิยา ทจุ จฺ รติ มจฺเฉร ททโต มลมลา เว ปาปกา ธมมฺ า อสฺมึ โลเก ปรมหฺ ิ จตโต มลา มลตร อวชิ ชฺ า ปรม มลเอต มล ปหนตฺ วฺ าน นมิ ฺมลา โหถ ภกิ ฺขโว.\" ความประพฤตชิ ่วั เปน มลทินของสตรี, ความตระหน่ี เปนมลทนิ ของผูใ ห, ธรรมอันลามกท้งั หลายเปนมลทินแล ทัง้ ในโลกนี้ ทั้งในโลกหนา , เราจะบอกมลทินอันย่งิ กวามลทินนนั้ , อวชิ ชาเปนมลทนิอยา งย่งิ ภกิ ษทุ ้งั หลาย ทา นทง้ั หลาย ละมลทนิ นนั่ไดแลว ยอ มเปน ผูหมดมลทนิ .\" แกอ รรถความประพฤตนิ อกใจ ช่อื วา ความประพฤตชิ ั่วในพระคาถานัน้ .๑. ไดแ ก กาํ หนด, เขตแดน, ความจํากดั .
พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนาท่ี 28กแ็ มสามี ยอมขบั ไลส ตรีผูมกั ประพฤตนิ อกใจออกไปเสยี จากเรือน, สตรีนน้ั ไปสูส ํานักของมารดาบดิ า (กถ็ ูก) มารดาบิดาขบั ไลดวยคําวา \"เอ็งไมมีความเคารพตระกูล เราไมอ ยากเห็นแมด ว ยนยั นต าทงั้ สอง\" สตรีนนั้ หมดทพี่ ่ึง เทยี วไปยอ มถงึ ความลาํ บากมาก; เพราะเหตุนั้น พระศาสดาจงึ ตรสั ความประพฤติช่วั ของสตรนี น้ั วา \" เปน มลทนิ .\" บทวา ททโต แปลวา ของผูใ ห. ก็เมื่อบุคคลใดในเวลาไถนา คดิอยูว า \" เมื่อนาน้ีสมบรู ณแ ลว , เราจักถวายภัตทงั้ หลาย มสี ลากภัตเปน ตน,\" เมือ่ ขา วกลา เผลด็ ผลแลว, ความตระหน่เี กดิ ข้ึน หา มจติ อันสัมปยตุ ดว ยจาคะ, บุคคลนน้ั เม่อื จติ สมั ปยุตดวยจาคะ ไมง อกงามข้นึ ไดดว ยอาํ นาจความตระหน่ี ยอ มไมไ ดส มบตั ิสามอยาง คอื มนุษยส มบตั ิทิพยสมบัติ (และ) นพิ พานสมบตั ;ิ เพราะฉะนน้ั พระศาสดาจงึ ตรสั วา\" ความตระหนเี่ ปน มลทนิ ของผูให.\" แมในบทอ่นื ๆ ซ่ึงมีรูปอยางนี้ ก็มีนยั เชนน้เี หมือนกนั . สองบทวา ปาปกา ธมฺมา ความวา ก็อกศุ ลธรรมทัง้ หลายเปนมลทินทง้ั น้นั ทงั้ ในโลกน้ี ทั้งในโลกหนา. บทวา ตโต ความวา กวามลทนิ ท่ตี รสั แลว ในหนหลงั . บทวา มลตร ความวา เราจะบอกมลทินอันยิง่ แกท านทัง้ หลาย. บทวา อวิชชฺ า ความวา ความไมรู อนั มีวัตถ๑ุ ๘ น่นั แล เปนมลทนิ อยางยงิ่ .๑. พึงดู อวิชชา ๘ ในธรรมวิภาคปริเฉทที่ ๒ หมวด ๘.
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ท่ี 29 บทวา ปหนตฺ ฺวาน ความวา ภิกษุทงั้ หลาย ทานทง้ั หลายละมลทินน่ันไดแลว ยอมเปน ผหู ามลทนิ มไิ ด. ในกาลจบเทศนา ชนเปนอนั มากบรรลอุ รยิ ผลทั้งหลาย มีโสดา-ปต ตผิ ลเปนตน ดงั นแี้ ล. เรือ่ งกุลบุตรคนใดคนหน่ึง จบ.
พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนาท่ี 30๖. เร่อื งภิกษชุ อ่ื จฬู สารี [๑๘๗] ขอความเบ้อื งตนพระศาสดา เมื่อประทบั อยูในพระเชตวนั ทรงปรารภสัทธิวหิ าริกของพระสารีบตุ รเถระ ช่ือจูฬสารี จงึ ตรสั พระธรรมเทศนานว้ี า \"สีชวี อหริ เิ กน\" เปน ตน.พระจูฬสารีไดโภชนะเพระทาํ เวชกรรมดงั ไดส ดบั มา วันหนึ่ง พระจูฬสารนี น้ั ทาํ เวชกรรมแลว ไดโภชนะอนั ประณีตแลว ถือออกไปอยู พบพระเถระในระหวา งทาง จงึ เรยี นวา\" ทานขอรับ โภชนะน้ี กระผมทาํ เวชกรรมไดแลว, ใตเทา จกั ไมไดโภชนะเหน็ ปานน้ีในท่ีอืน่ , ขอใตเ ทาจงฉันโภชนะน,้ี กระผมจักทําเวชกรรม นําอาหารเหน็ ปานนี้มาเพ่อื ใตเ ทาตลอดกาลเปน นติ ย.\" พระเถระฟง คําของพระจฬู สารนี นั้ แลว กน็ ง่ิ เฉย หลีกไปแลว . ภกิ ษทุ ั้งหลายมาสูวิหารแลว กราบทูลความนน้ั แดพระศาสดา.ผูตง้ั อยูใ นอเนสนกรรมเปนอยงู ายพระศาสดาตรสั วา \" ภกิ ษทุ ้ังหลาย ธรรมดาบุคคลผไู มมคี วามละอาย ผูค ะนอง เปน ผูเ ชนกบั กา ตง้ั อยใู นอเนสนา ๒๑ อยาง ยอมเปนอยงู า ย, สว นบุคคลผสู มบรู ณดวยหริ แิ ละโอตตัปปะ ยอมเปน อยูยาก\"ดังนีแ้ ลว ไดท รงภาษติ พระคาถาเหลา นี้วา:-๖. สชุ วี อหริ ิเกน กากสเู รน ธ สินาปกฺขนทฺ ินา ปคพเฺ ภน สงฺกิลฏิ เน ชวี ิต .
พระสุตตันตปฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนาที่ 31หิรีมตา จ ทชุ ฺชีว นิจฺจ สุจคิ เวสนิ าอลเี นนาปคพฺเภน สทุ ธฺ าชเี วน ปสสฺ ตา.\"อันบุคคลผูไมมีความละอาย กลา เพยี งดังกามปี กตกิ าํ จัด (คุณผอู น่ื ) มักแลนไป (เอาหนา ) ผูคะนอง ผูเ ศราหมอง เปนอยูงาย. สวนบุคคลผูมีความละอาย ผูแสวงหากรรมอันสะอาดเปน นติ ย ไมหดหู ไมค ะนอง มอี าชีวะหมดจดเห็นอยู เปน อยูยาก.\" แกอ รรถบรรดาบทเหลาน้ัน บทวา อหริ เิ กน คอื ผูขาดหริ แิ ละโอตตัปปะ.อธิบายวา อันบุคคลผูเหน็ ปานนน้ั อาจเรยี กหญิงผมู ิใชมารดานนั่ แลวา\" มารดาของเรา\" เรียกชายท้งั หลายผูม ใิ ชบ ิดาเปน ตน นัน่ แล โดยนัยเปน ตนวา \"บดิ าของเรา\" ต้งั อยใู นอเนสนา ๒๑ อยา ง เปน อยูโดยงา ย.บทวา กากสูเรน ไดแก เชน กาตัวกลา . อธบิ ายวา เหมือนอยา งวา กาตวั กลา ใครจะคาบวตั ถทุ ้ังหลายมยี าคเู ปน ตน ในเรอื นแหงตระกลู ท้ังหลาย จับ ณ ทที่ ั้งหลายมฝี าเรือนเปน ตน แลว รูวาเขาแลดตู นจงึ ทําเปน เหมอื นไมแลดู เหมอื นสง ใจไปในทอี่ ่ืน และทาํ เปน เหมอื นหลบัอยู กําหนดความเผอเรอของพวกมนุษยไ ดแลว ก็โผลง, เม่ือพวกมนษุ ยไลว า \" สุ สุ \" อยูน่นั แล กค็ าบเอาอาหารเต็มปากแตภ าชนะแลว บินหนีไปฉนั ใด; แมบ ุคคลผไู มม คี วามละอายกฉ็ นั น้ันเหมือนกัน เขา ไปบานกับภิกษุทั้งหลายแลว ยอมกาํ หนดทที่ ง้ั หลาย มีทต่ี ั้งแหงยาคูแลภัตเปน ตน, ภิกษุท้งั หลายเทยี่ วไปบณิ ฑบาตในบานนัน้ รบั เอาอาหารสักวา
พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ที่ 32ยงั อตั ภาพใหเ ปน ไป ไปสูโรงฉนั พจิ ารณาอยู ด่มื ยาคแู ลว ทาํ กัมมฏั ฐานไวใ นใจ สาธยายอยู ปดกวาดโรงฉันอยู; สว นบคุ คลน้ไี มทาํ อะไร ๆเปน ผบู า ยหนา ตรงไปยงั บา น, เขาแมถ ูกภกิ ษุทง้ั หลายบอกวา \" จงดูบุคคลนี้ \" แลว จองดอู ยู ทาํ เปนเหมือนไมแลดู เหมือนสงใจไปในท่ีอน่ื เหมอื นหลับอยู ดุจกลัดลูกดมุ ทําทีเ่ ปน ดจุ จดั จวี ร พดู วา \" การงานของเราชอ่ื โนนมอี ยู \" ลกุ จากอาสะเขาไปบาน เขา ไปสูเรอื นหลังโคหลังหน่ึงบรรดาเรอื นทกี่ าํ หนดไวแ ลวแตเชา, เมอ่ื หมมู นษุ ยใ นเรือน แมแ งมประต๑ู แลว นั่งกรอดา ยอยูริมประตู, เอามอื ขา งหนง่ึ ผลักประตแู ลวเขา ไปภายใน. ลาํ ดบั น้นั มนษุ ยเหลานัน้ เหน็ บคุ คลน้ันแลว แมไมป รารถนาก็นิมนตใหน ง่ั บนอาสนะ แลวถวายของมียาคเู ปนตนที่มอี ยู, เขาบรโิ ภคตามตอ งการแลว ถอื เอาของสวนทีเ่ หลือดวยบาตรหลกี ไป, บคุ คลนีช้ ่อื วาผูกลาเพียงดงั กา, อันบคุ คลผูหาหริ มิ ิไดเ หน็ ปานนี้ เปนอยูง าย. บทวา ธ สินา ความวา ชอ่ื วา ผูมีปกตกิ าํ จดั เพราะเมอื่ คนทั้งหลายกลา วคาํ เปนตน วา \" พระเถระชอ่ื โนน เปน ผูม ีความปรารถนานอย,\"กําจดั คณุ ของคนเหลา อนื่ เสยี ดวยคําเปน ตนวา \" กแ็ มพ วกเราไมเ ปน ผมู ีความปรารถนานอ ยดอกหรอื ?\" กม็ นษุ ยท ัง้ หลายฟง คาํ ของคนเห็นปานน้นั แลว เมอ่ื สําคัญวา \" แมผ ูน ้กี เ็ ปน ผูป ระกอบดวยคณุ มคี วามเปนผูปรารถนานอ ยเปน ตน \" ยอมสาํ คญั ของทตี่ นควรให. แตว าจาํ เดิมแตน ้นัไป เขาเม่อื ไมอาจเพอื่ ยงั จิตของบุรษุ ผูร ูท ง้ั หลายใหย ินดี ยอ มเสอื่ มจากลาภแมนัน้ . บุคคลผูมปี กตกิ ําจดั อยา งน้ี ยอ มยังลาภทงั้ ของตนทงั้ ชองผอู ่ืนใหฉบิ หายแท.๑. โถก กวาฏ ปธ าย ปดบานประตูหนอ ยหนึ่ง.
พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ท่ี 33 บทวา ปกฺขนทฺ ินา ความวา ผมู ักประพฤติแลน ไป คือผแู สดงกจิของคนเหลา อื่นใหเ ปน ดุจกจิ ของตน. เมื่อภิกษุทัง้ หลายทาํ วตั รทลี่ านพระ-เจดยี เ ปน ตน แตเชา ตรู น่ังดวยกระทําไวในใจซง่ึ กัมมัฏฐานหนอ ยหน่ึงแลวลกุ ขึ้น เขา ไปบา นเพ่ือบณิ ฑบาต, บุคคลนน้ั ลา งหนา แลว ตกแตงอัตภาพ ดวยอันหม ผากาสาวะมีสีเหลอื ง หยอดนยั นตาและทาศีรษะเปนตน ใหประหารดว ยไมก วาด ๒-๓ ทีเปนดจุ วากวาดอยู เปน ผูบา ยหนาไปสูซุม ประต,ู พวกมนษุ ยมาแตเ ชา ตรู ดวยคดิ วา \"จกั ไหวพระเจดยี จักกระทาํ บชู าดวยระเบียบดอกไม\" เหน็ เขาแลว พูดกันวา \"วิหารน\"้ีอาศยั ภิกษหุ นุมนี้ จึงไดการปฏิบัติบํารุง, ทา นทง้ั หลายอยา ละเลยภิกษุนี\"้ ดงั น้แี ลว ยอ มสาํ คัญของท่ตี นพึงใหแ กเ ขา. อันบุคคลผมู ักแลนไปเชน น้ี เปน อยงู าย. บทวา ปคพฺเภน ความวา ผปู ระกอบดว ยความคะนองกายเปนตน .สองบทวา สงกฺ ลิ ฏิ เ น ชวี ิต ความวา กอ็ ันบุคคลผเู ลี้ยงชวี ิตเปนอยูอยางน้ี ชอ่ื วาเปนผูเศราหมองแลว เปน อย.ู การเปนอยนู ั้น ชอื่ วา เปนอยูช ่ัว คอื เปนอยูล ามกแท. บทวา หิริมตา จ ความวา อันบุคคลผสู มบรู ณด วยหริ ิและโอต-ตปั ปะ เปน อยยู าก. เพราะเขาไมก ลาวคาํ วา \"มารดาของเรา\" เปน ตนกะหญิงผูมใิ ชม ารดาเปนตน เกลียดปจ จัยที่เกิดข้ึนโดยไมชอบธรรมดุจคถูแสวงหา (ปจ จัย) โดยธรรมโดยเสมอ เทย่ี วบณิ ฑบาตตามลําดับตรอกสาํ เร็จชวี ติ เปน อยูเ ศราหมอง. บทวา สจุ ิคเวสนิ า ความวา แสวงหากรรมทั้งหลาย มีกายกรรม
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนา ท่ี 34เปนตน อนั สะอาด. บทวา อลเี นน ความวา ไมห ดหูดวยความเปน ไปแหงชวี ติ . สองบทวา สุทธฺ าชเี วน ปสสฺ ตา ความวา กบ็ ุคคลเหน็ ปานน้ยี อ มเปน ผชู ื่อวา มีอาชวี ะหมดจด, อนั บุคคลผูมีอาชวี ะหมดจดแลวอยา งนนี้ ั้นเหน็ อาชีวะหมดจดนั้นแลโดยความเปน สาระ ยอ มเปน อยูไดย าก ดวยอํานาจแหงความเปน อยเู ศรา หมอง. ในเวลาจบเทศนา ชนเปนอันมากบรรลอุ ริยผลทง้ั หลาย มโี สดา-ปต ตผิ ลเปน ตน ดงั นแ้ี ล. เร่ืองภิกษุชอื่ จฬู สารี จบ
พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย คาถาธรรมบท เลม ๑ ภาค ๒ ตอน ๔ - หนาท่ี 35 ๗. เรอ่ื งอุบาสก ๕ คน [๑๘๘] ขอ ความเบื้องตน พระศาสดา เมอื่ ประทับอยูในพระเชตวัน ทรงปรารภอุบาสก ๕ คนตรัสพระธรรมเทศนานี้วา \"โย ปาณมติมาเปต\"ิ เปน ตน . อบุ าสกเถยี งกนั ในเรอ่ื งศลี ความพสิ ดารวา บรรดาอบุ าสกเหลานน้ั อบุ าสกคนหนึ่งยอ มรักษาสกิ ขาบท คือเจตนาเครอ่ื งงดเวน จากการยังชวี ติ สัตวใ หตกลวงไปอยางเดยี ว. (สว น) อุบาสกทัง้ หลายนอกนี้ ยอมรกั ษาสิกขาบททั้งหลายนอกน.ี้วันหนึง่ อบุ าสกเหลาน้ันเกดิ ทมุ เถยี งกนั วา \" เรายอ มทาํ กรรมทีท่ าํ ไดโดยยาก. เรายอ มรักษาส่ิงท่รี ักษาไดโดยยาก\" ไปสสู ํานกั ของพระศาสดาถวายบังคมแลวกราบทูลความน้ัน. พระศาสดาทรงตดั สนิ พระศาสดา ทรงสดบั ถอ ยคาํ ของอุบาสกเหลา นัน้ แลว มไิ ดทรงกระทําศีลแมขอ หนึ่งใหต่าํ ตอย ตรัสวา \"มีศลี ท้งั หมดเปน ของรกั ษาไวโดยยากท้ังนน้ั \" ดงั นแ้ี ลว ไดทรงภาษติ พระคาถาเหลาน้วี า :- ๗. โย ปาณมติมาเปติ มุสาวาทฺจ ภาสติ โลเก อทินฺน อาทิยติ ปรทารฺจ คจฉฺ ติ สรุ าเมรยปานจฺ โย นโร อนยุ ุ ชฺ ติ อิเธวเมโส โลกสมฺ ึ มลู ขนติ อตตฺ โน. เอว โภ ปุรสิ ชานาหิ ปาปธมฺมา อสฺ ตา มา ต โลโภ อธมฺโม จ จริ ทุกฺขาย รนธฺ ยุ .
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 573
Pages: