Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_06

tripitaka_06

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:31

Description: tripitaka_06

Search

Read the Text Version

พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 163 ดกู อ นภิกษุท้ังหลาย อุปช ฌายะไมพ งึ ประณามสทั ธวิ หิ าริกผปู ระกอบดวยองค ๕ นแี้ ล. ดกู อ นภิกษทุ ัง้ หลาย สทั ธวิ ิหารกิ ผูป ระกอบดว ยองค ๕ ควรประณาม ๑. หาความรักใครอ ยางยง่ิ ในอปุ ช ฌายะมไิ ด. ๒. หาความเลื่อมใสอยางยิ่งมิได. ๓.. หาความละอายอยางยิง่ มไิ ด. ๔. หาความเคารพอยางย่ิงมิได และ ๕. หาความหวังดีตออยา งยงิ่ มไิ ด. ดูกอนภิกษุทง้ั หลาย สัทธิวหิ ารกิ ผูป ระกอบดวยองค ๕ นแ้ี ล ควรประณาม. ดูกอนภกิ ษุท้ังหลายสทั ธวิ หิ ารกิ ผปู ระกอบดวยองค ๕ ไมค วรประณามคอื :- ๑. มีความรกั ใครอ ยา งย่ิงในอปุ ช ฌายะ. ๒. มคี วามเลื่อมใสอยางยิ่ง. ๓. ความละอายอยา งยงิ่ . ๔. มีความเคารพอยา งย่งิ และ ๕. มีความหวังดีตอ อยา งยิง่ . ดกู อนภกิ ษทุ ้ังหลาย สทั ธวิ หิ ารกิ ผูประกอบดวยองค ๕ นี้แล ไมควรประณาม. ดูกอ นภกิ ษทุ ้ังหลาย สัทธวิ หิ าริกผปู ระกอบดว ยองค ๕ อุปชฌายะเมอ่ืไมประณาม มโี ทษ เม่ือประณาม ไมมีโทษ คือ:- ๑. หาความรักใครอยางย่ิงในอุปชฌายะมไิ ด. ๒. หาความเลอ่ื มใสอยา งยง่ิ มไิ ด.

พระวนิ ัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 164 ๓. หาความละอายอยา งยงิ่ มไิ ด. ๔. หาความเคารพอยา งยง่ิ มิได และ ๕. หาความหวังดีตอ อยางยิง่ มไิ ด. ดูกอ นภิกษทุ ้งั หลาย สทั ธิวิหาริกผปู ระกอบดว ยองค ๕ น้ีแล อปุ ชฌายะเม่ือไมป ระณาม มีโทษ เมอื่ ประณาม ไมม โี ทษ. ดูกอ นภิกษุทงั้ หลาย สทั ธวิ หิ ารกิ ผูประกอบดว ยองค ๕ อุปช ฌายะเมอ่ืประณาม มโี ทษ เม่อื ไมประณามไมม ีโทษ คอื :- ๑. มคี วามรักใครอยา งย่งิ ในอปุ ช ฌายะ. ๒. มคี วามเล่อื มใสอยา งยิง่ . ๓. มคี วามละอายอยา งยง่ิ . ๔. มีความเคารพอยา งยิ่ง และ ๕. มคี วามหวังดีตอ อยางย่ิง. ดกู อ นภิกษุทง้ั หลาย สทั ธิวิหาริกผูประกอบดวยองค ๕ นแ้ี ล อุปชฌายะเมอ่ื ประณาม มีโทษ เมอ่ื ไมป ระณาม ไมมโี ทษ. อรรถกถาสัมมาวัตตนาทิกถา ขอวา น สมมฺ า วตฺตนตฺ ิ มคี วามวา ไมท าํ อปุ ช ฌายวัตรตามที่ทรงบญั ญตั ิไวใ หเ ต็ม. ขอ วา โย น สมฺมา วตฺเตยยฺ มีความวา สทั ธิวิหารกิ ใด ไมท ําวตั รตามท่ที รงบัญญัติไวใหเต็ม สัทธวิ ิหารกิ นน้ั ตองทุกกฏ. บทวา ปณาเมตพฺโพ ไดแ ก พงึ รกุ ราน.

พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 165 ขอ วา นาธมิ ตฺต เปม โหติ มีความวา ไมมคี วามรักฉันบตุ รกับธิดายงิ่ นกั ในอุปช ฌาย. ขอวา นาธมิ ตฺตา ภาวนา โหติ มีความวา ไมป ลกู ไมต รียิ่งนัก.ฝายดีพึงทราบโดยปฏปิ กขนยั กบั ท่ีกลาวแลว . ขอวา อล ปณาเมตุ มีความวา สมควรประณาม. ขอวา อปปฺ ณาเมนโฺ ต อปุ ชฺฌาโย สาติสาโร โหติ มีความวาเมอื่ อุปช ฌายไมป ระณาม ยอมเปนผมู ีโทษ คือยอ มตอ งอาบตั ิ. เพราะเหตุฉะนน้ั เมอ่ื สทั ธวิ ิหารกิ ไมประพฤติชอบ ควรตอ งประณามแท. กใ็ นการไมประพฤติชอบ มีวนิ จิ ฉัยดงั นี้:- เม่ือสัทธวิ ิหารกิ ไมทําวัตรเพียงยอ มจวี ร ความเสอ่ื มยอ มมีแกอ ุปช ฌาย.เพราะเหตุน้ัน เมือ่ สทั ธิวิหารกิ ผูพนนิสัยแลว กด็ ี ยังไมพน กด็ ี ไมท ําวัตรนน้ัเปนอาบตั เิ หมือนกัน. ตั้งแตใหบาตรแกค นบางคนไป เปนอาบตั ิแกผูยงั ไมพนนสิ ยั เทา นัน้ . เหลาสัทธวิ หิ าริกประพฤตชิ อบ อุปช ฌายไ มพ ระพฤติชอบ เปนอาบัติแกอ ปุ ชฌาย. อุปชฌายประพฤตชิ อบ พวกสทั ธิวิหาริกไมประพฤติชอบเปน อาบตั แิ กพวกเธอ. เมอ่ื อุปช ฌายยินดีวตั ร พวกสัทธวิ ิหาริกถึงมอี ยมู ากเปน อาบัติทกุ รปู . ถา อปุ ช ฌายก ลาววา อุปฏฐากของฉนั มี พวกเธอจงทําความเพยี รในสาธยายและมนสกิ ารเปน ตน ของตนเถิด ไมเปนอาบตั ิแกพวกสัทธ-ิวิหาริก. ถา อุปชฌายไมร ูจักความยินดีหรอื ไมยินดี เปนผูเขลา สัทธิวหิ าริกมีมากรปู ในพวกเธอถา ภกิ ษถุ ึงพรอมดว ยวัตรรปู หน่ึง ปลอ ยภกิ ษุนอกน้นั เสยีรับ เปนภาระของตนอยางน้ีวา ผมจกั ทํากจิ ของอุปช ฌายแ ทน พวกทา นจงเปนผมู ีความขวนขวายนอ ยอยเู ถดิ ดงั น้ี ไมเปน อาบัติแกเธอทงั้ หลายจาํ เดมิ แตไ วภาระแกภ กิ ษนุ น้ั ไป. อรรถกถาสมั มาวตั ตนาทิกถา จบ

พระวินยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 166 มูลเหตุอุปสมบทดว ยญตั ตจิ ตุตกรรม เรื่องพราหมณค นหนึง่ [๘๕] ก็โดยสมยั นน้ั แล พราหมณค นหน่ึงเขา ไปหาภิกษทุ ั้งหลายแลว ขอบรรพชา ภิกษุท้ังหลายไมป รารถนาจะใหเธอบรรพชา เมือ่ เธอไมไ ดบรรพชาในสํานกั ภกิ ษุ จงึ ไดซูบผอม เศราหมอง มผี วิ พรรณคลา้ํ มผี ิวเหลืองข้นึ ๆ มเี นอ้ื ตวั สะพร่ังดวยเอน็ พระผูมพี ระภาคเจาทอดพระเนตรเหน็พราหมณน ัน้ ซูบผอม เศรา หมอง มีผวิ พรรณคลา้ํ มีผวิ เหลืองข้นึ ๆ มเี นื้อตวั สะพร่งั ดว ยเอน็ คร้ันแลว รับส่ังถามภิกษุทงั้ หลายวา ดกู อ นภกิ ษุท้งั หลายเหตไุ ฉนพราหมณน้ันจงึ ไดซูบผอม เศรา หมอง มีผิวพรรณคลาํ้ มีผวิ เหลืองขึ้น ๆ มีเนอ้ื ตัวสะพร่ังดว ยเอน็ เลา ? ภกิ ษุทง้ั หลายทูลวา เพราะพราหมณน่ันเขา ไปหาภิกษุทงั้ หลาย แลวขอบรรพชา ภิกษทุ ัง้ หลายไมป รารถนาจะใหเ ธอบรรพชา เม่ือเธอไมไดบรรพชาในสาํ นักภิกษุ จึงไดซูบผอม เศราหมอง มผี วิ พรรณคลํ้า มผี วิ เหลอื งขึ้น ๆ มเี นื้อตวั สะพรงั่ ดว ยเอ็น พระพทุ ธเจา ขา . ทนี ้ัน พระผมู ีพระภาคเจา รับส่ังถามภกิ ษุท้งั หลายวา ดกู อนภิกษุทง้ัหลาย ใครระลกึ ถงึ บญุ คุณของพราหมณน ้ันไดบ าง ? เมอ่ื ตรสั ถามอยางนแ้ี ลวทา นพระสารีบตุ รไดท ูลคาํ นตี้ อพระผมู พี ระภาคเจาวา ขาพระพุทธเจาระลกึ ถงึบญุ คณุ ของพราหมณน้ันไดอ ยู พระพุทธเจา ขา. ภ. ดกู อนสารีบตุ ร กเ็ ธอระลึกถึงบญุ คุณของพราหมณน้นั ไดอ ยา งไรบา ง ?

พระวินัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 167 สา. พระพทุ ธเจาขา เมอ่ื ขา พระพทุ ธเจาเทยี่ วบณิ ฑบาตอยู ณ พระ-นครราชคฤหนี้ พราหมณผนู ้นั ไดสงั่ ใหถ วายภกิ ษา ๑ ทพั พี ขาพระพุทธเจาระลกึ ถึงบุญคณุ ของพราหมณน ้ันไดเทา น้แี ล พระพทุ ธเจา ขา. ภ. ดลี ะ ๆ สารีบุตร ความจริงสัตบรุ ษุ ท้ังหลาย เปน ผกู ตญั ูกตเวทีสารีบุตร ถา เชน นัน้ เธอจงใหพราหมณนนั้ บรรพชาอุปสมบทเถิด. สา. ขาพระพุทธเจา จะใหพราหมณนน้ั บรรพชาอุปสมบทอยางไรพระพุทธเจา ขา ? อปุ สมบทดวยญัตตจิ ตุตถกรรม ลาํ ดับนั้น พระผูมีพระภาคเจาทรงทาํ ธรรมกี ถา ในเพราะเหตเุ ปนเคามลู น้นั ในเพราะเหตแุ รกเกิดนนั้ แลว รบั สั่งกะภกิ ษุทัง้ หลายวา ตงั้ แตวันนีเ้ ปนตนไป เราหามการอุปสมบท ดวยไตรสรณคมน ซ่ึงเราไดอนุญาตไวดูกอนภกิ ษุทั้งหลาย เราอนญุ าตการอุปสมบทดวยญตั ติจตตุ ถกรรม. วธิ ใี หอปุ สมบท ดกู อนภิกษุทงั้ หลาย กแ็ ล พวกเธอพึงใหอ ปุ สมบทอยางน้ี ภกิ ษผุ ูฉลาดผสู ามารถ พึงประกาศใหส งฆทราบ ดวยญัตตจิ ตตุ ถกรรมวาจา วา ดังนี:้ - กรรมวาจาใหอ ุปสมบท ทา นเจา ขา ขอสงฆจงฟงขา พเจา ผูมีชือ่ น้ี ผูน้ี เปนอปุ -สัมปทาเปกขะของทา นผมู ีชอ่ื น้ี ถาความพรอ มพรงั่ ของสงฆถ ึงที่แลว สงฆพึงอปุ สมบทผูม ชี ่อื น้ี มที า นผมู ีชื่อน้ีเปน อุปช ฌายะ นี่เปนญัตติ.

พระวนิ ัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 168 ทา นเจาขา ขอสงฆจงฟง ขาพเจา ผมู ีชื่อน้ีผูน้ี เปนอุปสัม-ปทาเปกขะของทา นผูม ชี ่อื น้ี สงฆอปุ สมบทผูม ีชื่อน้ี มีทา นผมู ีชอ่ื น้ีเปนอุปชฌายะ การอุปสมบทผมู ชี อื่ น้ี มีทา นผูชือ่ นเี้ ปนอุปช ฌายะชอบแกท า นผใู ด ทา นผูน้นั พึงเปน ผนู ิ่ง ไมช อบแกทานผูใด ทานผูนนั้ พงึ พดู . ขา พเจากลาวความนี้เปนคร้งั ท่ีสอง ทานเจาขา ขอสงฆจ งฟง ขา พเจา ผูมชี ือ่ ผนู ี้ เปน อปุ สัมปทาเปกขะของทานผูม ชี ่อื น้ี สงฆอุปสมบทผมู ีชื่อนี้ มที านผูนเ้ี ปนอุปช ฌายะ การอุปสมบทผมู ชี ื่อนี้มีทา นผมู ชี ่ือนเี้ ปน อปุ ช ฌายะ ชอบแกท านผูใด ทานผนู ั้นพึงเปนผูน่ิง ไมช อบแกทา นผใู ด ทานผนู นั้ พึงพูด. ขา พเจากลา วความน้ีเปน คร้ังท่ีสาม ทานเจา ขา ขอสงฆจงฟงขา พเจา ผมู ชี อ่ื นผ้ี ูนี้ เปนอุปสมั ปทาเปกขะของทา นผูมีชือ่ น้ี สงฆอปุ สมบทผูนี้ มที านผมู ชี ่อื นเ้ี ปน อปุ ชฌายะ การอุปสมบทผูมีชือ่ นี้ มที า นผูมีชอ่ื น้เี ปนอปุ ช ฌายะ ชอบแกทานผใู ดทานผูนน้ั พึงเปน ผนู ิง่ ไมช อบแกท า นผูใด ทา นผูนัน้ พึงดูด. ผมู ชี อ่ื นี้ สงฆอ ุปสมบทแลว มีทานผมู ชี ื่อนี้เปน อุปช ฌายะชอบ แกสงฆ เหตุน้นั จึงนง่ิ ขาพเจา ทรงความนี้ไวดวยอยา งนี้. ภิกษปุ ระพฤตอิ นาจาร [๘๖] ก็โดยสมยั นั้นแล ภิกษรุ ูปหนงึ่ พออปุ สมบทแลว ไดป ระพฤติอนาจาร ภิกษทุ ้งั หลายพากันกลาวหา มาอยางน้วี า อาวุโส คุณอยา ไดทําอยา งนั้น เพราะนนั่ ไมควร เธอกลาวอยา งน้ีวา กระผมมิไดข อรองทา นท้งั หลายวา

พระวินยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 169ขอจงใหก ระผมอปุ สมบท ทานท้ังหลายมไิ ดถกู ขอรอ งแลว ใหก ระผมอปุ สมบทเพือ่ อะไร ภกิ ษุทัง้ หลายกราบทูลเรื่องน้ันแดพระผมู ีพระภาคเจา ๆ ตรัสวาดูกอ นภิกษทุ ้ังหลาย ภิกษุมิไดข อรอง ไมพงึ อุปสมบทให รูปใดอุปสมบทใหตอ งอาบัติทุกกฏ ดูกอนภิกษุทงั้ หลาย เราอนุญาตใหภ กิ ษผุ ูถ ูกขอรอ งอปุ สมบทให. วธิ ขี ออุปสมบท ดกู อนภกิ ษทุ ั้งหลาย กแ็ ลอปุ สมั ปทาเปกขะพงึ ขออยา งน้ี:- อุปสมั ปทาเปกขะน้นั พงึ เขาไปหาสงฆ หม ผาเฉวยี งบา ไหวเทาภิกษทุ ้งั หลาย นัง่ กระโหยง ประคองอัญชลี แลว กลา วคําขออปุ สมบทอยา งนวี้ า:- ขาพเจา ขออุปสมบทตอสงฆ เจาขา ขอสงฆโปรดเอ็นดูยกขาพเจาขึน้เถิดเจาขา พึงขอแมครั้งท่สี อง . . . พึงขอแมครงั้ ทสี่ าม. . . ภิกษุผูฉลาด ผูส ามารถ พึงประกาศใหสงฆทราบดวยญตั ติจตุตถกรรมวาจา วา ดังน้ี:- กรรมวาจาใหอ ปุ สมบท ทา นเจาขา ขอสงฆจ งพึงขาพเจา ผมู ชี อ่ื น้ผี นู ัน้ เปนอปุ สมั -ปทาเปกขะของทานผมู ีชื่อนี้ ผมู ชี อื่ นี้ขออุปสมบทตอสงฆ มที า นผูมชี ื่อนเี้ ปนอุปช ฌายะ ถา ความพรอมพรงั่ ของสงฆถงึ ทีแ่ ลว สงฆพงึ อุปสมบทผมู ชี ื่อน้ี มที านผูมีชอื่ นเี้ ปนอุปช ฌายะ นี่เปน ญัตติ. ทา นเจา ขา ขอสงฆจงฟงขา พเจา ผูม ชี ่อื น้ผี ูนี้ เปนอปุ สัม-ปทาเปกขะของทา นผมู ชี ่ือน้ี ผมู ชี อื่ นขี้ ออุปสมบทตอสงฆ มีทานผู

พระวินยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 170มชี ือ่ น้ี เปนอุปช ฌายะ สงฆอปุ สมบทผมู ชี ื่อนี้ มีทานผูม ชี ือ่ น้ีเปนอปุ ชฌายะ การอปุ สมบทผมู ีชือ่ นี้ มที านผมู ชี อ่ื นเี้ ปนอุปช ฌายะชอบแกทา นผใู ด ทา นผูน ้ันพงึ เปน ผนู ิง่ ไมช อบแกท า นผูใด ทานผนู นั้ พึงพดู . ขา พเจา กลาวความน้ีเปนครัง้ ทส่ี อง... ขา พเจากลา วความนเ้ี ปน คร้งั ทีส่ าม... ผูมีช่ือน้ี สงฆอุปสมบทแลว มีทา นผมู ีชือ่ น้ีเปน อปุ ช ฌายะชอบแกส งฆ เหตุนัน้ จึงนงิ่ ขาพเจา ทรงความนีไ้ วด ว ยอยางน.้ี พราหมณขออุปสมบท [๘๗] ก็โดยสมัยน้นั แล ประชาชนท้ังหลายไดจ ดั ตงั้ ลาํ ดับภตั ตาหารอันประณีตไวท ใ่ี นพระนครราชคฤห ครั้งน้นั พราหมณค นหน่ึงไดมคี วามดาํ ริวา พระสมณะเชือ้ สายพระศากยบุตรเหลา นี้ มปี รกติเปน สุข มคี วามพระพฤติสบายฉนั โภชนะที่ดี นอนบนทน่ี อนที่เงยี บสงดั ถา กระไร เราพงึ บวชในพระสมณะเชอ้ื สายพระศากยบตุ รเถดิ ดงั นี้ แลวไดเขาไปหาภกิ ษทุ ้งั หลาย แลวขอบรรพชา ภิกษทุ ้ังหลายใหเขาบรรพชาอุปสมบทแลว ครั้นเขาบวชแลวประชาชนใหเ ลกิ ลาํ ดบั ภตั ตาหารเสีย ภกิ ษุทง้ั หลายกลา วอยา งนี้วา คุณจงมาเดีย๋ วนี้ พวกเราจกั ไปบณิ ฑบาต เธอพูดอยางนว้ี า กระผมมิไดบวชเพราะเหตุน้ีวา จกั เทีย่ วบิณฑบาต ถา ทานทั้งหลายใหกระผม กระผมจักฉัน ถา ไมไหกระผม กระผมจะสกึ ขอรบั . พวกภิกษถุ ามวา อาวโุ ส กค็ ุณบวชเพราะเหตแุ หงทอ งหรือ ? เธอตอบวา อยางน้นั ขอรับ.

พระวินยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 171 บรรดาภิกษทุ ่เี ปน ผมู ักนอย . . . ตางก็เพงโทษ ติเตยี น โพนทะนาวาไฉนภกิ ษจุ ึงไดบ วชในพระธรรมวนิ ยั อนั พระผมู พี ระภาคเจาตรสั ดแี ลว อยา งน้ีเพราะเหตุแหงทอ งเลา แลว กราบทูลเรอ่ื งนน้ั แดพระผูม พี ระภาคเจา. ทรงสอบถาม พระผูม พี ระภาคเจาทรงสอบถามภกิ ษุนั้นวา จรงิ หรือ ภกิ ษุ ขา ววาเธอบวชเพราะเหตุแหงทอง. ภกิ ษุนน้ั ทูลรบั วา จริง พระพทุ ธเจา ขา. ทรงติเตยี น พระผูมีพระภายพทุ ธเจาทรงติเตียนวา ดกู อนโมฆบรุ ุษ ไฉนเธอจงึไดบวชในธรรมวินัยท่เี รากลาวดแี ลวอยา งนี้ เพราะเหตุแหง ทอ งเลา ดกู อนโมฆบุรุษ การกระทาํ ของเธอนนั่ ไมเ ปน ไปเพื่อความเลือ่ มใสของชุมชนทย่ี งัไมเ ลื่อมใส หรอื เพ่ือความเล่ือมใสแลว . . . คร้นั แลว ทรงทาํ ธรรมกี ถารับสง่ักะภกิ ษุทง้ั หลายวา ดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย เราอนญุ าตใหภกิ ษผุ ูใหอุปสมบทบอกนิสัย ๔ วา ดังน:ี้ - นสิ สยั ๔ ๑. บรรพชาอาศยั โภชนะคือคําขาวอนั หาไดด ว ยกําลงั ปลีแขง เธอพึงทําอุทสาหะในสิ่งนั้นตลอดชวี ติ อดิเรกลาภ คอื ภคั ถวายสงฆ ภตั เฉพาะสงฆการนิมนต ภตั ถวายตามสลาก ภัตถวายในปก ษ ภัตถวายในวันอุโบสถ ภตั -ถวายในวันปาฏบิ ท. ๒. บรรพชาอาศัยบังสุกุลจวี ร เธอพึงทาํ อตุ สาหะในสิง่ น้ันตลอดชีวิตอติเรกลาภ คือ ผาเปลือกไม ผา ฝาย ผา ไหม ผา ขนสตั ว ผาปาน ผาเจือกนั เชนผา ดา ยแกมไหม.

พระวินยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 172 ๓. บรรพชาอาศัยโคนไมเปนเสนาสนะ เธอพึงทําอุตสาหะในสิ่งนน้ัตลอดชวี ติ อาดเิ รกลาภ คอื วหิ าร เรอื นมุงแถบเดยี ว เรือนชัน้ เรือนโลนถา. ๔. บรรพชาอาศยั มตู รเนา เปน ยา เธอพงึ ทาํ อตุ สาหะในสงิ่ นน้ั ตลอดชวี ติ อดเิ รกลาภ คอื เนยใส เนยข้ึน นํ้ามนั นํา้ ผ้งึ นํา้ ออ ย. อุปชฌายวตั รภาณวาร จบ อรรถกถาญัตตจิ ตตุ ถกัมมอุปสมั ปทา วนิ ิจฉัยในเรือ่ งราธพราหมณต อไป. พระสารบี ตุ รผูมีอายุยอ มทราบบรรพชาและอปุ สมบท ซึง่ พระผมู ีพระภาคเจา ทรงอนญุ าตดว ยไตรสรณคมนทีก่ รุงพาราณสี แมโดยแท ถึงกระน้ัน พระผูมพี ระภาคเจา ทรงประสงคจะหา มอุปสมบทอนั เพลาน้นั แลว ทรงอนุญาตอุปสมบททําใหกวดขนั ดวยญตั ตจิ ตตุ ถกรรม คราวนน้ั พระเถระทราบพระอธั ยาศัยของพระองค จึงกราบทูลวา พระเจาขา ขา พระองคจ ะใหพราหมณนัน้ บรรพชาอุปสมบทอยางไร ? จรงิ อยู บริษัทของพระพุทธเจา ท้ังหลาย ยอมเปน ผฉู ลาดในอธั ยาศยัและพระผมู อี ายสุ ารีบุตรนี้ เปนผปู ระเสรฐิ เปนยอดของพทุ ธบริษัท. ในคําวา พยฺ ตเฺ ตน ภิกขฺ ุนา ปฏิพเลน น้ี มีวนิ จิ ฉัยวา วนิ ยั ปฎ กพรอ มท้งั อรรถกถาของภกิ ษใุ ด ชา่ํ ชองคลอ งปาก ภกิ ษนุ ้ัน จดั วาผูฉลาด เมือ่ภกิ ษุเชน นัน้ ไมม ี พทุ ธวจนะ โดยที่สดุ แมเ พยี งญัตติจตตุ ถกมั มวาจาน้ี ของภกิ ษุใด เปน ของทจ่ี ําไดถูกตอ งชํ่าของคลองปาก แมภิกษุนี้ ก็จดั วา เปนผูฉลาดในอรรถน้ไี ด. ฝา ยภกิ ษใุ ดไมส ามารถสวดกัมมวาจาดวยบทและพยัญชนะอัน

พระวนิ ัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 173เรยี บรอย คอื วา พยัญชนะหรือบทใหเสีย หรือควรจะวาอยางอ่นื วา เปนอยา งอ่ืนไปเสีย เพราะความเจบ็ ไข มีไอ หืด และเสมหะ เปน ตน หรือเพราะอวัยวะมีรมิ ผปี าก ฟน และลิ้น เปน ตน ใชก ารไมได หรอื เพราะไมไ ดท ําความส่งั สมไวในพระปริยตั ิ ภิกษนุ ้จี ดั วา เปน ผไู มสามารถ ภกิ ษผุ ูแ ผกจากนนั้พงึ ทราบวาเปนผูสามารถในอรรถน.้ี ขอ วา สงฺโฆ าปตพฺโพ มีความวา สงฆอันภิกษุนน้ั พึงใหท ราบ. เบ้ืองหนาแตน ี้ พระผมู พี ระภาคเจา ตรสั ดาํ วา สณุ าตุ เม ภนเฺ ตเปน ตน เพื่อแสดงขอ ท่ีภิกษุนนั้ ควรใหส งฆท ราบ. ขอวา อปุ สมปฺ ปนนฺ สมนนตฺ รา มีความวา เปนผพู ออปุ สมบทแลวยอ มประพฤตอิ นาจาร๑ ในกาลเปน ลําดบั ตอติดกนั ไป. ขอ วา อนาจาร อาจรติ มีความวา ยอ มทําความละเมดิ พระบัญญตั ิ. บทวา อุลฺลมุ ปฺ ตุ ม มีความวา ขอจงยกขาพเจา ขน้ึ เถดิ อธบิ ายวา ขอใหขาพเจาออกจากอกศุ ล ใหต ้ังเฉพาะในกุศลเถิด หรอื วา ขอจงยกขน้ึ จากความเปน สามเณร ใหตงั้ เฉพาะในความเปนภกิ ษุเถิด. สองบทวา อนกุ มปฺ  อปุ าทาย ไดแ ก อาศัยความสงสาร อธบิ ายวากระทําความเอ็นดใู นขาพเจา . สองบทวา อฏ ติ า โหติ มคี วามวา เปน ของเปน ไปเปนนติ ย. สองบทวา จตฺตาโร นิสสฺ เย ไดแก ปจ จยั ส่ี พระผูมีพระภาคเจาตรสั เรยี กวา นสิ ัย เพราะเหตวุ า เปน ท่อี าศยั เปนไปของอัตภาพ. อรรถกถาญตั ตจิ ตตุ ถกัมมอุปสมั ปทา จบ๑. ถา อปุ สมฺปนโฺ น หุตฺวาว . . . อาจรติ เปนประโยคเดยี วกนั กจ็ ะงาน เพราะเม่อื แปลเสรจ็แลว เอา อนาจาร อาจรติ มาเปน บทตั้งแกอรรถอกี ครง้ั .

พระวินัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 174 มาณพคนหนง่ึ [๘๘] กโ็ ดยสมัยนน้ั แล มาณพคนหน่งึ เขาไปหาภิกษุทัง้ หลาย แลวขอบรรพชา พวกภกิ ษุไดบ อกนิสยั แกเ ธอกอ นบวช เธอจึงพดู อยางนีว้ า ถาเมอื่ กระผมบวชแลว พระคณุ เจาท้ังหลายพงึ บอกนิสัยแกกระผม กระผมกจ็ ะยินดยี ่ิงบดั น้ี กระผมจกั ไมบ วชละ เพราะนสิ ัยเปน ส่งิ ที่นาเกลยี ด เปน ปฏกิ ูลแกกระผม ภิกษทุ ้ังหลายกราบทลู เรือ่ งนนั้ แดพระผูม ีพระภาคเจา พระผมู -ีพระภาคเจาตรัสวา ดกู อ นภิกษทุ ้งั หลาย ภกิ ษไุ มพงึ บอกนิสัยกอ นบวช รูปใดบอก ตองอาบัติทุกกฏ ดกู อ นภิกษทุ ง้ั หลาย พออปุ สมบทแลว เราอนญุ าตใหบ อกนสิ ัย. อุปสมบทดวยคณะ [๘๙] กโ็ ดยสมัยนนั้ แล ภกิ ษุทั้งหลายใหอปุ สมบทดวยคณะมีพวก๒ บา ง มีพวก ๓ มีพวก มพี วก ๔ บา ง ภิกษทุ ้ังหลายจึงกราบทลู เรอื่ งนน้ั แดพระผมู ีพระภาคเจา พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสวา ดกู อนภิกษุทง้ั หลาย ภกิ ษไุ มพึงใหอ ุปสมบทดวยคณะ ซ่ึงมีพวกหยอ น ๑๐ รปู ใดใหอ ุปสมบท ตอ งอาบัติทกุ กฏ ดูกอนภกิ ษทุ ั้งหลาย เราอนญุ าตใหอปุ สมบทดวยคณะมพี วก ๑ . . พระอุปเสนวงั คันตบตุ รอุปสมบทสัทธิวิหารกิ [๙๐] ก็โดยสมัยนน้ั แล ภกิ ษทุ งั้ หลายมพี รรษาหนง่ึ บา ง มพี รรษาสองบาง อุปสมบทสทั ธิวิหารกิ แมท า นพระอปุ เสนวงั คันตบุตร มพี รรษาเดยี วอุปสมบทสทั ธิวหิ าริก ทา นออกพรรษาแลว มพี รรษาสอง ไดพาสัทธิวิหาริก

พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 175มีพรรษาหน่ึงเขาไปเฝา พระผูมีพระภาคเจา คร้นั แลว ถวายบังคมพระผูมีพระภาคเจาแลวน่ัง ณ ทีค่ วรสว นขางหน่ึง ก็การท่พี ระผูม พี ระภาคพทุ ธเจา ท้ังหลาย ทรงปราศรัยกบั พระอาคัน-ตุกะทง้ั หลาย นน่ั เปน พทุ ธประเพณี ครัง้ นน้ั พระผูมพี ระภาคเจา ตรัสถามทา นพระอุปเสนวังคนั ตบุตรวา ดกู อนภกิ ษทุ ้งั หลาย รา งกายของพวกเธอยงั พอทนได ยงั พอใหเ ปน ไปไดหรือ พวกเธอเดนิ ทางมามคี วามลาํ บากนอ ยหรอื ? ทานพระอปุ เสนวงั คันตบุตรกราบทลู วา ยงั พอทนได พระพุทธเจา ขายังพอใหเปน ไปได พระพทุ ธเจา และพวกขา พระพุทธเจาเดนิ ทางมากม็ คี วามลาํ บากนอ ย พระพทุ ธเจา ขา. พุทธประเพณี พระตถาคตทั้งหลายทรงทราบอยู ยอมตรัสถามกม็ ี ทรงทราบอยูยอมไมตรสั ถามก็มี ทรงทราบกาลแลว ตรสั ถาม ทรงทราบกาลแลว ไมต รัสถามพระตถาคตทง้ั หลายยอมตรสั ถามส่งิ ท่ีประกอบดวยประโยชน ไมต รัสถามสิ่งท่ีไมประกอบดว ยประโยชน ในสงิ่ ทไี่ มประกอบดวยประโยชน พระองคท รงกําจดัเสียดวยขอ ปฏบิ ตั ิ พระผูม พี ระภาคพทุ ธเจา ท้ังหลายยอมทรงสอบถามภิกษุทง้ั หลายดว ยอาการ ๒ อยาง คอื จักทรงแสดงธรรมอยา งหนง่ึ จักทรงบัญญตั ิสิกขาบทแก พระสาวกท้ังหลายอยา งหนง่ึ . ครัง้ นั้น พระผูม ีพระภาคเจา ตรัสถามทา นพระอปุ เสนวังคนั ตบตุ รวาเธอมีพรรษาไดเ ทา ไร ภกิ ษุ ? อปุ . ขา พระพุทธเจามพี รรษาไดสอง พระพุทธเจาขา. ภ. ภกิ ษรุ ปู นเี้ ลามพี รรษาไดเทา ไร ?

พระวินยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 176 อปุ . มพี รรษาเดยี ว พระพุทธเจา ขา. ภ. ภกิ ษรุ ูปนเ้ี ปนอะไรกับเธอ ? อุป. เปน สทั ธวิ หิ าริกของขาพระพุทธเจา พระพุทธเจา ขา . ทรงตเิ ตยี น พระผมู พี ระภาคพทุ ธเจาทรงตเิ ตยี นวา ดูกอ นโมฆบรุ ษุ การกระทาํ ของเธอน้นั ไมเ หมาะ ไมสม ไมควร ไมใชก ิจของสมณะ ใชไ มไ ด ไมควรทํา ดูกอนโมฆบรุ ษุ เธอยงั เปนผูอนั ผูอื่นพงึ โอวาทอนศุ าสนอยู ไฉนจงึสําคัญคนเพ่ือโอวาทอนศุ าสนผอู ่ืนเลา เธอเวยี นมาเพอื่ ความเปน ผูมกั มาก ซง่ึมีความพวั พันดว ยหมเู ร็วเกนิ นัก การกระทาํ ของเธอนั่น ไมเปนไปเพื่อความเลอ่ื มใสของชมุ ชนท่ยี ิ่งไมเลอื่ มใส หรือเพอื่ ความเลื่อมใสยง่ิ ของชมุ ชนทเี่ ลื่อมใสแลว . . . ครั้นแลวทรงทาํ ธรรมกี ถารบั ส่งั กะภิกษุทัง้ หลายวา ดกู อ นภิกษทุ ง้ัหลาย ภิกษมุ ีพรรษาหยอ น ๑๐ ไมพ งึ ใหอุปสมบท รูปใดใหอุปสมบท ตอ งอาบตั ิทุกกฏ ดกู อ นภกิ ษทุ งั้ หลาย เราอนญุ าตใหภ ิกษมุ ีพรรษาได ๑๐ หรอื มีพรรษาเกิน ๑๐ ใหอ ุปสมบท. พระอปุ ชฌายะและสัทธิวหิ ารกิ [๙๑] กโ็ ดยสมยั น้นั แล ภกิ ษุทง้ั หลายคดิ วา เรามีพรรษาได ๑๐ แลวเรามีพรรษาได ๑๐ แลว ดงั น้ี แตย งั เปนผเู ขลา ไมเฉยี บแหลม ยอ มใหอปุ สมบท ปรากฏวา พระอุปช ฌายะเปนผูเขลา สทั ธวิ หิ าริกเปน ผฉู ลาด ปรากฏวา พระอุปช ฌายะเปนผไู มเฉียบแหลม สทั ธิวิหารกิ เปนผูเฉยี บแหลม, ปรากฏวาพระอปุ ชฌายะ เปน ผมู สี ุตะนอ ย สทั ธวิ ิหาริกเปน ผูมสี ตุ ะมาก ปรากฏวา พระ-

พระวินัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 177พระอุปช ฌายะเปนผมู ีปญ ญาทราม สทั ธิวหิ าริกเปน ผูมีปญญา. แมภกิ ษรุ ูปหน่งึเคยเปนอญั ญเดยี รถีย เมือ่ พระอุปชฌายะวากลา วอยโู ดยชอบธรรม ไดยกวาทะข้ึนโตเ ถียงแกพ ระอุปชฌายะ แลวหลีกไปสลู ทั ธิเดียรถียน ้นั ตามเดมิ . บรรดาภกิ ษทุ เี่ ปนผมู กั นอย . . . ตางก็เพง โทษ ติเตยี น โพนทะนาวาไฉน ภิกษุทงั้ หลายจงึ ไดอ า งวา เรามพี รรษาได ๑๐ แลว เรามพี รรษาได ๑๐แลว ดงั นี้แตย ังเปนผูเ ขลา ไมเ ฉยี บแหลม ใหอ ปุ สมบท ปรากฏวาพระ-อปุ ชฌายะเปนผแู หลมสัทธิวิหารกิ เปน ผฉู ลาด ปรากฏวาพระอปุ ช ฌายะเปน ผูไมเฉยี บแหลมสทั ธวิ หิ าริกเปน ผูเฉียดแหลม, ปรากฏวาพระอปุ ชฌายะเปน ผมู ีสุตะนอ ย สทั ธวิ ิหาริกเปนผมู ีสตุ ะมาก, ปรากฏวา พระอปุ ชฌายะเปนผมู ปี ญ ญาทราม สัทธิวิหารกิ เปน ผูม ีปญญาเลา แลว กราบทลู เรื่องนัน้ แดพ ระผูม-ีพระภาคเจา. ทรงสอบถาม พระผมู พี ระภาคเจา ทรงสอบถามภิกษทุ ง้ั หลายวา ดกู อ นภิกษทุ ั้งหลาย ขาววา ภิกษุทัง้ หลายอา งวา เรามีพรรษาได ๑๐ แลว เรามพี รรษาได๑๐ แลว ดังน้ี แตยงั เปน ผูเขลา ไมเฉียบแหลม ใหอ ปุ สมบท ปรากฏวาอุปชฌายะเปน ผูเขลา สัทธวิ หิ ารกิ เปนผฉู ลาด, ปรากฏวา อปุ ช ฌายะเปนผไู มเฉียบแหลมสัทธิวิหาริกเปนผเู ฉยี บแหลม, ปรากฏวา อปุ ชฌายะเปนผูมีสุตะนอ ยสทั ธวิ ิหารกิ เปน ผูมีสุตะมาก, ปรากฏวาอปุ ช ฌายะเปน ผูม ปี ญญาทราม สัทธ-ิวิหารกิ เปนผมู ีปญ ญา จรงิ หรอื ? ภกิ ษทุ ง้ั หลายทูลรบั วา จริง พระพุทธเจาขา .

พระวินัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 178 ทรงตเิ ตยี น พระผูมีพระภาคพุทธเจาทรงติเตยี นวา ดกู อนภกิ ษุทงั้ หลาย ไฉนโมฆบุรษุ เหลา น้นั จึงไดอ างวา เรามพี รรษาได ๑๐ แลว เรามพี รรษาได ๑๐แลว ดงั น้ี แตย งั เปนผูเขลา ไมเฉยี บแหลม ไหอ ุปสมบท ปรากฏวา อปุ ช ฌายะเปนผเู ขลาสทั ธิวหิ าริกเปนผฉู ลาด ปรากฏวาอุปชฌายะเปนผไู มเ ฉยี บแหลมสัทธิวหิ าริกเปนผเู ฉยี บแหลม ปรากฏวาอุปชฌายะเปน ผมู สี ตุ ะนอ ย สทั ธิวหิ าริกเปนผูมสี ุตะมาก ปรากฏวาอปุ ชาฌายะเปนผูมปี ญ ญาทราม สัทธวิ หิ าริกเปน ผูมีปญญาเลา ดูกอ นภกิ ษุท้งั หลาย การกระทาํ ของพวกโมฆบุรุษนั้น ไมเปนไปเพอื่ ความเลอื่ มใส ของชมุ ชนท่ียังไมเลอ่ื มใส หรอื เพ่ือความเลอื่ มใสย่ิงของชมุ ชนทีเ่ ล่ือมใสแลว . . . คร้ันแลว ทรงทําธรรมกี ถารบั สงั่ กะภิกษทุ ั้งหลายวา ดูกอ นภิกษุทง้ั หลาย ภกิ ษุผเู ขลาไมเฉยี บแหลมไมพ งึ ใหอ ุปสมบท รูปใดใหอุปสมบทตองอาบตั ิทุกกฏ ดูกอนภิกษทุ ั้งหลาย เราอนญุ าตใหภิกษผุ สู ามารถมีพรรษาได ๑๐ หรือมีพรรษาเกนิ ๑๐ ใหอุปสมบท. อาจารยแ ละอนั เตวาสิก [๙๒] ก็โดยสมัยน้ันแล เมอ่ื พระอุปชาฌายะทงั้ หลายหลกี ไปเสียก็ดีสึกเสียกด็ ี ถงึ มรณภาพก็ดี ไปเขา รีดเดยี รถียเสียกด็ ี ภิกษุท้ังหลายไมม อี าจารยไมม ใี ครตกั เตอื น ไมม ใี ครพร่าํ สอน ยอมนุงหม ไมเ รียบรอย มีมรรยาทไมสมควรเทย่ี วบณิ ฑบาต เมื่อประชาชนกําลังบรโิ ภค ยอมนอมบาตรสาํ หรับเทยี่ วบิณฑบาต เขา ไปขา งบนของควรบรโิ ภคบาง ขา งบนของควรเคี้ยวบา ง ขางบนของควรล้มิ บาง ขา งบนของควรด่มื บาง ขอแกงบาง ขาวสุกบา ง ดวยตนเองมาฉนั แมใ นโรงอาหาร ก็เปน ผูมีเสียงอ้ือองึ มีเสียงดังอยู.

พระวินยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 179 ประชาชนจงึ เพงโทษ ติเตยี น โพนทะนาวา ไฉนพระสมณะเชื้อสายพระศากยบุตรจึงไดนุงหมไมเรียบรอ ย มมี รรยาทไมส มควร เทยี วบิณฑบาตเลา เมอ่ื ประชาชนกําลังบริโภค ไดนอมบาตรสําหรบั เที่ยวบิณฑบาตเขา ไป ขา งบนของควรบริโภคบา ง ขางบนของควรเคีย้ วบา ง ขา งบนของควรล้มิ บา ง ขา งบนของควรดม่ื บาง ขอแกงบา ง ขา วสุกบาง ดว ยตนเองมาฉนั แมในโรงอาหาร กเ็ ปน ผูมเี สยี งออื้ องึ มีเสียงดงั อยู เหมือนพวกพราหมณในสถานท่ีเลยี้ งพราหมณ ฉะนั้น. ภิกษุท้ังหลายไดยินคนพวกน้ันเพงโทษ ตเิ ตยี น โพนทะนาอยู บรรดาท่ีเปน ผูมกั นอย . . . ตา งกเ็ พง โทษ ตเิ ตยี น โพนทะนาวา ไฉนภิกษุท้งั หลายจงึ ไดน งุ หมไมเ รยี บรอย มมี รรยาทไมส มควร . . . แลว กราบทลู เรอ่ื งนน้ั แดพระผูมพี ระภาคเจา. ทรงสอบถาม คร้ังนน้ั พระผมู ีพระภาคเจา . . . ทรงสอบถามภิกษทุ ั้งหลายวา ดูกอนภกิ ษุทั้งหลาย ขาววา ภิกษุท้งั หลายนุงหม ไมเรียบรอย มมี รรยาทไมสมควร . . . จริงหรอื ? ภิกษุท้ังหลายทูลรบั วา จริง พระพุทธเจา ขา . ทรงตเิ ตยี น พระผมู พี ระภาคพุทธเจา ทรงตเิ ตยี น. . . คร้ัน แลวทรงทําธรรมกี ถารบั สัง่ กะภิกษุทั้งหลายวา ดูกอ นภกิ ษุทัง้ หลาย เราอนญุ าตอาจารย อาจารยจกั ต้ังจิตสนทิ สนมในอนั เทวาสกิ ฉันบตุ ร อันเตวาสิกจกั ตงั้ จิตสนิทสนมใน

พระวนิ ยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 180อาจารยฉ นั บิดา เม่อื เปนเชน น้ี อาจารยและอันเตวาสิกน้ันตา งจักมีความเคารพยาํ เกรงประพฤติกลมเกลียวกันอยู จักถึงความเจรญิ งอกงามไพบูลยในธรรมวนิ ัยนี้ ดกู อนภิกษทุ ้ังหลาย เราอนญุ าตใหอ าศัยภิกษุมพี รรษา ๑๐ อยู อนญุ าตใหภิกษุมีพรรษาได ๑๐ ใหน สิ ยั . วิธถี อื นิสัยอาจารย ดกู อนภิกษทุ ั้งหลาย ก็แลอันเตวาสิกพงึ ถอื อาจารยอยา งนี้ ;- อนั เตวาสิกนนั้นพงึ หม ผาอตุ ราสงคเ ฉวยี งบา ไหวเ ทา นงั่ กระโหยงประคองอญั ชลี แลว กลา วอยา งน้ี ๓ หน. ทานเจา ขา ขอทานจงเปน อาจารยของขา พเจา ขาพเจาจักอาศัยทา นอยู ทานเจา ขา ขอทา นจงเปน อาจารยของขา พเจา ขา พเจา จักอาศัยทา นอยูทานเจา ขา ขอทานจงเปนอาจารยข องขา พเจา ขา พเจา จกั อาศัยทา นอย.ู อาจารยร บั วา ดลี ะ เบาใจละ ชอบแกอ ุบายละ สมควรละ หรือรบั วา จงยงั ความปฏบิ ัตใิ หถ งึ พรอ มดวย อาการอนั นาเล่อื มใสเถดิ ดังนก้ี ็ได รับดว ยกาย รบั ดว ยวาจา รบั ดวยทงั้ กายและวาจาก็ได เปนอันวาอันเตวาสิกถอือาจารยแ ลว ไมร ับดว ยกาย ไมรับดว ยวาจา ไมร ับดว ยทง้ั กายและวาจา ไมเ ปนอันวา อนั เทวาสกิ ถอื อาจารยแลว. อาจรยิ วตั ร [๙๓] ดกู อนภกิ ษุท้งั หลาย อนั เตวาสกิ พงึ พระพฤติชอบในอาจารย วธิ ีประพฤตชิ อบในอาจารยน ้นั ดงั ตอ ไปน:ี้ - อนั เตวาสกิ พงึ ลกุ แตเ ชา ตรู ถอดรองเทา หมผา เฉวียงบา แลวถวายไมชาํ ระฟน ถวายนาํ้ ลา งหนา ปูอาสนะไว.

พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 181 ถา ยาคมู ี พงึ ลางภาชนะแลวนอมยาคูเขาไปถวาย เมอื่ อาจารยดื่มยาคูแลว พึงถวายนา้ํ รับภาชนะมาถอื ต่าํ ๆ อยา ใหกระทบกัน ลางใหสะอาดแลวเก็บไว เมื่ออาจารยลุกแลว พึงเกบ็ ผาอาสนะ. ถาท่นี น้ั รก พึงกวาดเสยี . ถา อาจารยป ระสงคจ ะเขาบา น พึงถวายผา นงุ พงึ รบั ผานุงผลดั มา พงึถวายประคตเอว พงึ พับผาสงั ฆาฏิใหเปน ช้นั ถวาย พงึ ลา งบาตรแลว ถวายพรอมทงั้ น้าํ ดว ย. ถาอาจารยป รารถนาใหเ ปน ปจ ฉาสมณะ พึงปกปดมณฑลสาม นงุ ใหเปน ปรมิ ณฑลแลว คาดประคตเอว หม สงั ฆาฏทิ าํ เปนชั้นกลัดคมุ ลา งบาตรแลวถอื ไป เปนปจ ฉาสมณะของอาจารย ไมพ ึงเดนิ ใหห า งนัก ไมพ งึ เดนิ ใหชดิ นกัพงึ รบั วัตถทุ ่ีเนอ่ื งในบาตร. เมือ่ อาจารยกาํ ลงั พดู ไมพงึ พดู สอดข้ึนในระหวาง อาจารยกลาวถอ ยคาํ ใกลตอ อาบตั ิ พึงหา มเสยี . เม่อื กลับ พงึ มากอ นแลวปูอาสนะทนี่ ่ังฉันไว พึงเตรยี มนาํ้ ลา งเทา ตั่งรองเทา กระเบื้องเช็ดเทาไว พึงลุกขึ้นรบั บาตรและจวี ร พงึ ถวายผา นุงผลัดพึงรับผา นุง. ถาจีวรชุม เหงือ่ พงึ ผึง่ แดดไวครูหน่งึ แตไ มพ ึงผ่ึงทิง้ ไวท แี่ ดด. พงึ พบั จวี ร เมื่อพบั จีวรใหเ หล่อื มมมุ กัน ๔ น้วิ ดวยต้งั ใจมิใหม ีรอยพบั ตรงกลาง พงึ ทําประคดเอวไวใ นขนดอันตรวาสก. ถาบณิ ฑบาตมี และอาจารยประสงคจ ะฉนั พึงถวายนาํ้ แลว นอมบิณฑบาตเขาไปถวาย พึงถามอาจารยด ว ยนํ้าฉนั เมอื่ อาจารยฉ นั แลว พงึ ถวาย

พระวินัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 182น้ํา รับบาตรมาถือตา่ํ ๆ อยาใหก ระทบ ลางใหสะอาด เช็ดใหแหง แลว ผ่งึไวท ่แี ดดครหู นง่ึ แตไมพ งึ ผึง่ ทิ้งไวท ่ีแดด. พึงเก็บบาตร จีวร เมือ่ เกบ็ บาตร พงึ เอามือชางหนึง่ จับบาตร เอามือขา งหนงึ่ ลบู คลําใตเ ตียงหรือใตต ั่ง แลว จงึ เกบ็ บาตร แตไมพึงเก็บบาตรไวบ นฟน ท่ีไมมสี ิ่งใดรอง. เมือ่ เก็บจีวร พงึ เอามือขางหนง่ึ ถอื จีวร เอามอื ขา งหน่ึงลูบราวจวี รหรอื สายระเดียง แลว ทาํ ชายไวข างนอก ทําขนดไวขา งใน แลว จงึ เกบ็ จวี ร. เมอ่ื อาจารยลุกแลว พงึ เกบ็ อาสนะ เกบ็ น้าํ ลา งเทา ต่งั รองเทากระเบื้องเชด็ เทา ถาท่ีน้ันรก พึงกวาดที่น้นั เสีย. ถาอาจารยใ ครจะสรงน้าํ พงึ จัดนํ้าสรงถวาย ถาตอ งการน้าํ เยน็ พงึจัดนาํ้ เย็นถวาย ถาตอ งการน้ํารอ น พงึ จดั นํ้ารอนถวาย. ถา อาจารยป ระสงคจ ะเขา เรือนไฟ พึงบดจุณ แชด นิ หรือถือตัง่ สําหรบัเรือนไฟ แลว เดนิ ทานหลังอาจารยไป ถวายท้ังสาํ หรับเรือนไฟแลว รับจีวรมาวางไว ณ ทคี่ วรสวนขา งหนง่ึ พึงถวายจณุ ถวายดนิ . ถาอตุ สาหะอยู พงึ เขา เรอื นไฟ เมือ่ เขา เรอื นไฟ พงึ เอาดินทาหนาปด ท้ังขางหนาขา งหลงั แลว เขาเรอื นไฟ ไมพ ึงนั่งเบียดภกิ ษุผูเถระ ไมพ งึหามกัน อาสนะภกิ ษใุ หม พึงทาํ บรกิ รรมแกอ าจารยใ นเรือนไฟ. เมอ่ื ออกจากเรือนไฟ พึงถือตัง่ สาํ หรับเรอื นไฟ แลวปด ท้ังขางหนาทง้ั ขา งหลงั ออกจากเรือนไฟ. พงึ ทาํ บรกิ รรมแกอ าจารยแ มใ นนํา้ อาบเสรจ็ แลว พงึ ขน้ึ มากอ น ทําตัวของตนใหแหง น้าํ นงุ ผาแลว พงึ เช็ดนํ้าจากตวั ของอาจารย พงึ ถวายผานุงพึงถวายผาสังฆาฏิ ถือเอาตง่ั สําหรับเรือนไฟมากอ น แลวปูอาสนะไว เตรียมนํา้ ลา งเทา ตัง่ รองเทา กระเบ้อื งเชด็ เทาไว พึงถามอาจารยดว ยนํา้ ฉนั

พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 183 ถาประสงคจ ะเรียนบาลี พึงขอใหอ าจารยแ สดงบาลขี ึน้ ถา ประสงคจะสอบถามอรรถกถา พงึ สอบถาม. อาจารยอ ยูใ นวิหารแหงใด ถาวหิ ารแหง นน้ั รก ถา อตุ สาหะอยู พงึปดกวาดเสยี เม่ือปดกวาดวิหาร พงึ ขนบาตรจีวรออกกอ นแลว วางไว ณ ที่ควรสว นขา งหนึ่ง พึงขนผา ปูน่ัง และผาปนู อน ฟกู หมอน ออกวางไว ณ ท่ีควรสว นขางหนง่ึ . เตยี งตัง่ อนั เตวาสกิ พงึ ยกตํ่า ๆ อยาใหครดู สี อยาไหกระทบกระแทกบานและกรอบประตู ขนออกใหเรยี บรอ ย แลวตัง่ ไว ณ ที่ควรสวนขางหนึ่งเขียงรองเตยี ง กระโถน พนกั องิ พึงขนออกทง้ั ไว ณ ทค่ี วรสว นขางหนง่ึเครือ่ งปพู ้นื พึงสังเกตที่ปไู วเดิม แลวขนออกวางไว ณ ท่คี วรสวนขา งหนง่ึ . ถาในวหิ ารมหี ยากเยื่อ พงึ กวาดแตเ พดานลงมากอน กรอบหนาตา งและมุมหอ ง พึงเชค็ เสยี ถา ฝาเขาทําบรกิ รรมดว ยนํา้ มนั หรือพน้ื เขาทาสีดาํขึ้นรา พึงเอาผาเชด็ นํา้ ปด แลวเชด็ เสีย ถา พืน้ เขามิไดท ํา พึงเอาน้าํ ประพรมแลวเช็ดเสยี ระวงั อยา ใหวหิ ารฟงุ ดวยธลุ ี พงึ กวาดหยากเยอ่ื ท้ิงเสยี ณ ทค่ี วรสว นขา งหนึง่ . เคร่อื งลาดพ้นื พงึ ผงึ่ แดด ชําระ เคาะ ปด แลวขนกลบั ปูไวต ามเดิม เขยี งรองเตยี ง พึงผงึ่ แดดขดั เชด็ แลวขนกลบั ตั้งไวทเ่ี ดิม เตยี งตั้งพงึ ผึ่งแดดขดั สเี คาะเสีย ยกตาํ่ ๆ อยาใหค รูดสี กระทบกระแทกบานและกรอบประตูขนกลบั ไปใหดี ๆ แลวตงั้ ไวต ามเดมิ ฟกู หมอน ผา ปนู อน พงึ ผงึ่ แดดทําใหส ะอาดตบเสยี แลว นาํ กลับวางปูไวต ามเดิม กระโถน พนกั องิ พึงผงึ่ แดดเช็ดถูเสยี แลวขนกลบั ต้ังไวต ามเดิม.

พระวินยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 184 พึงเกบ็ บาตรจีวร เม่อื เก็บบาตร พงึ เอามอื ขา งหนึ่งจบั บาตร เอามอืขางหนง่ึ ลบู คลาํ ใตเ ตยี งหรอื ใตตัง่ แลวจึงเกบ็ บาตร แตไ มพ ึงเกบ็ บาตร บนพืน้ ทไ่ี มมีสิ่งใดรอง. เม่ือเกบ็ จีวร พึงเอามอื ขางหนง่ึ ถือจวี ร เอามอื ขา งหนงึ่ ลบู ราวจีวรหรอืสายละเดียงแลว ทําชายไวข างนอก ทาํ ชายไวขางใน แลวเกบ็ จวี ร. ถา ลมเจือดวยผงคลี พดั มาแตท ศิ ตะวันออก พึงปดหนา ตา งคา นาตะวัน-ออก ถาพัดมาแตทิศตะวนั ตก พงึ ปดหนาตา งดานตะวนั ตก ถา พัดมาแตทศิ เหนือ พึงปดหนา ตางดานเหนอื ถาพดั มาแตทิศใต พึงปดหนาตางดา นใตถาฤดหู นาวพงึ เปดหนาตา งกลางวัน ปด กลางคืน ถา ฤดรู อ น พึงปดหนา ตางกลางวนั เปด กลางคนื . ถาบริเวณ ซมุ นา้ํ โรงฉัน เรือนไฟ วจั จกฏุ ี รก พงึ ปดกวาดเสยีถา น้าํ ฉนั นา้ํ ใชไมม ี พึงจดั ต้งั ไว ถา นํา้ ในหมอ ชาํ ระไมมี พึงตักนาํ้ มาไวใ นหมอชาํ ระ. ถา ความกะสนั บงั เกิดแกอาจารย อันเตวาสิกพึงชว ยงับ หรอื พึงวานภกิ ษุอน่ื ใหชว ยระงับ หรือพึงทาํ ธรรมกถาแกอ าจารยน นั้ ถาความรําคาญบังเกิดแกอ าจารย อนั เตวาสกิ พงึ ชว ยบรรเทา หรือพึงวานภกิ ษอุ นื่ ใหช ว ยบรรเทา หรือพงึ ทําธรรมกถาแกอ าจารยน นั้ ถาความเห็นผิดบงั เกดิ แกอ าจารยอันเตวาสกิ พึงใหส ละเสีย หรือพงึ วานภกิ ษอุ ื่นใหช ว ย หรอื พงึ ทําธรรมกถาแกอาจารยนัน้ ถา อาจารยตอ งอาบตั ิหนกั ควรปริวาส อันเตวาสิกพึงทําความขวนขวายวา ดวยอบุ ายอยางไรหนอ สงฆพงึ ใหปรวิ าสแกอ าจารย ถา อาจารยควรชักเขาหาอาบตั เิ ดิม อนั เตวาสกิ พึงทาํ ความขวนขวายวา ดวยอุบายอยางไรหนอ สงฆพ งึ ชกั อาจารยเ ขาหาอาบตั เิ ดมิ ถาอาจารยค วรมานตั อันเตวาสิกกพงึ

พระวนิ ัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 185ทําความขวนขวายวา ดวยอบุ ายอยางไรหนอ สงฆพึงใหมานัตแกอ าจารย ถาอาจารยควรอัพภาน อนั เตวาสกิ พึงทําความขวนขวายวา ดวยอบุ ายอยางไรหนอสงฆพ งึ อพั ภานอาจารย. ถาสงฆป รารถนาจะทาํ กรรมแกอ าจารย คือ ตชั ชนียกรรม นยิ สกรรมปพ พาชยนีกรรม ปฏสิ ารณียกรรม หรอื อุกเขปนียกรรม อนั เตวาสกิ พงึ ทาํ ความขวนขวายวา ดวยอบุ ายอยางไรหนอ สงฆไมพ งึ ทํากรรมแกอาจารย หรือสงฆพงึ นอ มไปเพ่ือกรรมสถานเบา หรอื อาจารยน ั้นถกู สงฆล งตชั ชนียกรรม นิยส-กรรม ปพพาชนียกรรม ปฏสิ ารณยี กรรม หรอื อุกเขปณยี กรรมแลว อันเตวาสกิพึงทาํ ความขวนขวายวา ดวยอุบายอยางไรหนอ อาจารยพ งึ ประพฤตชิ อบ พงึหายเยอหย่ิง พงึ พระพฤติแกตัว สงฆพ งึ ระงบั กรรมน้นั เสยี . ถา จวี รของอาจารยจ ะตองซัก อันเตวาสกิ พึงซัก หรือพงึ ทาํ ความขวนขวายวา ดว ยอบุ ายอยางไรหนอ ใคร ๆ พึงซกั ชวี รของอาจารย ถาจีวรของอาจารยจะตอ งทาํ อันเตวาสิกพงึ ทํา หรือพึงทาํ ความขวนขวายวา ดวยอบุ ายอยางไรหนอใคร ๆ พงึ ทาํ จวี รของอาจารย ถา นาํ้ ยอมของอาจารยจะตอ งตม อันเตวา-สิกพงึ ตม หรอื พงึ ทาํ ความขวนขวายวา ดวยอุบายอยางไรหนอ ใคร ๆ พึงตม นาํ้ยอมของอาจารย ถาจีวรของอาจารยจ ะตอ งยอ ม อนั เตวาสิกพงึ ยอมหรอื พึงทาํความขวนขวายวา ดว ยอุบายอยา งไรหนอ ใคร ๆ พงึ ยอมจวี รของอาจารยเมอ่ื ยอ มจวี ร พึงยอมพลิกกลับไปกลบั มาใหดี ๆ เมอ่ื หยาดนํ้ายอ มยังหยดไมขาดสาย ไมพึงหลีกไปเสีย. อนั เตวาสกิ ไมบอกอาจารยกอน ไมพงึ ใหบ าตรแกภ ิกษุบางรูป ไมพ ึงรับบาตรของภิกษุบางรูป ไมพ งึ ใหจวี รแกภกิ ษบุ างรปู ไมพงึ รับจวี รของภกิ ษุบางรปู ไมพ งึ ใหบ รขิ ารแกภ กิ ษุบางรูป ไมพงึ รับบรขิ ารของภกิ ษุบางรูป ไม

พระวนิ ัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 186พึงปลงผมใหภ กิ ษุบางรูป ไมพงึ ใหภิกษุบางรูปปลงผมให ไมพงึ ทาํ บริกรรมแกภิกษบุ างรูป ไมพงึ ใหภกิ ษุบางรูปทาํ บริกรรมให ไมพึงทาํ ความขวนขวายแกภิกษุบางรูป ไมพ งึ ส่ังใหภ ิกษบุ างรูปทําความขวนขวาย ไมพ ึงเปน ปจ ฉาสมณะของภิกษุบางรปู ไมพึงพาภกิ ษุบางรปู ไปเปนปจฉาสมณะ ไมพึงนําบิณฑบาตไปใหภิกษุบางรูป ไมพ ึงใหภ กิ ษุบางรูปนําบิณฑบาตมาให ไมล าอาจารยกอ น ไมพ งึ เขา บาน ไมพงึ ไปปาชา ไมพงึ หลกี ไปสูทิศ ถา อาจารยอาพาธ พึงพยาบาลจนตลอดชวี ิต พงึ รอจนกวา จะหาย. อาจริยวัตร จบ อนั เตวาสิกวัตร [๙๔] ดูกอ นภิกษุท้งั หลาย อาจารยพ งึ ประพฤติชอบในอนั เตวาสกิ . วธิ พี ระพฤติชอบในอันเตวาสกิ นน้ั ดังตอ ไปน้:ี - ดูกอนภกิ ษุทงั้ หลาย อาจารยพึงสงเคราะห อนเุ คราะหอนั เตวาสิกดวยสอนบาลแี ละอรรถกถา ดวยใหโอวาทและอนศุ าสน. ถา อาจารยม ีบาตร อันเตวาสิกไมม บี าตร อาจารยพ ึงใหบาตรแกอ นั -เตวาสิก หรือพึงทําความขวนขวายวา ดว ยอบุ ายอยางไรหนอ บาตรพึงบังเกดิแกอ นั เตวาสิก. ถา อาจารยมีจวี ร อันเตวาสิกไมมีจีวร อาจารยพึงใหจีวรแกอ นั เตวาสิกหรอื พงึ ทําความขวนขวายวา ดว ยอบุ ายอยา งไรหนอ จวี รพงึ บงั เกดิ แกอ นั เตวาสกิ ถาอาจารยมบี ริขาร อันเตวาสกิ ไมม ีบริขาร อาจารยพงึ ใหบรขิ ารแกอนั เตวาสกิ หรือพึงทําความขวนขวายวา ดวยอบุ ายอยางไรหนอ บริขารพึงบังเกิดแกอนั เตวาสกิ .

พระวนิ ัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 187 ถา อนั เตวาสิกอาพาธ อาจารยล กุ แตเ ขา ตรู แลวพึงใหไ มช ําระฟน ใหนํา้ ลา งหนา ปูอาสนะไว. ถายาคูมี พึงลางภาชนะ แลวนาํ ยาคูเขาไปให เม่ืออันเตวาสิกด่มื ยาคูแลวพงึ ใหน้าํ รับภาชนะมาถือต่าํ ๆ อยา ใหกระทบกนั ลา งใหส ะอาดแลวเกบ็ไว เมอ่ื อันเตวาสิกลกุ แลว พงึ เกบ็ อาสนะ ถาทีน่ ้ันรก พึงกวาดท่นี ้นั เสีย. ถา อนั เตวาสิกประสงคจะเขา บา น พงึ ใหผา นุง พึงรับผานงุ ผลดั มาพงึ ใหป ระคตเอว พึงพับผาสังฆาฏิเปน ชัน้ ให พึงลางบาตรแลว ใหพ รอ มทัง้ นํ้าดว ยพงึ ปผู าอาสนะทนี่ ง่ั ฉนั ไว ดวยกําหนดในใจวา เพยี งเวลาเทานอ้ี นั เตวาสิกจกั กลับมา น้าํ ลา งเทา ตง่ั รองเทา กระเบ้ืองเชด็ เทา พงึ เตรียมตั้งไว พึงลุกข้นึ รบั บาตรและจีวร พึงรบั ผา นุงมา. ถาจวี รชมุ เหงอ่ื พึงผึ่งแดดไวครูหนง่ึ แตไมพึงผง่ึ ทง้ิ ไวทแี่ ดด. พงึ พับจีวร เม่ือพับจีวร พงึ พบั ใหเ หลอ่ื มมุมกัน ๔ นว้ิ ดว ยตง้ั ใจมใิ หมรี อยพับตรงกลาง พึงทําประคตเอวไวใ นขนดอนั ตรวาสก. ถาบิณฑบาตมี และอนั เตวาสิกประสงคจ ะฉนั พึงใหน า้ํ แลว นาํบณิ ฑบาตรเขา ไปให พึงถามอนั เตวาสิกดว ยนํ้าฉนั เมือ่ อนั เตวาสกิ ฉันแลว พึงใหน ํ้า รบั บาตรมาถอื ตาํ่ ๆ อยาใหก ระทบ ลา งใหสะอาด เช็ดใหแ หง แลว ผง่ึไวท่ีแดดครหู นง่ึ แตไ มพึงผึง่ ท้งิ ไวท่แี ดด. พึงเกบ็ บาตรจีวร เมื่อเก็บบาตร พึงเอามอื ขางหนึ่งจับบาตร เอามือขา งหนง่ึ ลบู คลาํ ใตเ ตียงหรือใตต ง่ั แลว เก็บบาตร แตไ มพงึ เก็บบาตรไวบนพ้ืนท่ไี มมสี งิ่ ใดรอง. เม่อื เกบ็ จวี ร เอามือขา งหน่ึงถือจีวร เอามือขา งหน่ึงลูบราวจีวรหรอืสายระเดียง แลวทําชายไวข างนอก ทาํ ขนดไวขา งใน แลว จงึ เกบ็ จวี ร.

พระวินยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 188 เมอื่ อันเตวาสิกลกุ แลว พึงเกบ็ อาสนะ เกบ็ นํ้าลา งเทา ต่งั รองเทากระเบ้อื งเชด็ เทา ถา ที่น้ันรก พงึ กวาดท่ีน้นั เสีย. ถา อันเตวาสิกใครจ ะสรงนาํ้ พึงจดั น้ําสรงให ถาตอ งการนํา้ เยน็ พงึจัดน้ําเย็นให ถาตองการน้ํารอน พึงจดั น้าํ รอนให. ถาอันเตวาสิกประสงคจะเขาเรอื นไฟ พงึ บดจณุ แชด ิน ถอื ต่งั สาํ รบัเรือนไฟไป ใหตงั่ สําหรับเรอื นไฟ แลวรบั จีวรมาวางไว ณ ทคี่ วรสวนขา งหนง่ึ พึงใหจุณ ใหดิน. ถา อตุ สาหะอยู พึงเขาเรือนไฟ เม่อื เขา เรือนไฟ พงึ เอาดินทาหนาท้ังขา งหนา ทั้งขา งหลงั แลวเขาเรือนไฟ ไมพ ึงน่งั เบียดภกิ ษผุ เู ถระ ไมพ ึงหามกนั อาสนะภกิ ษใุ หม พงึ ทําบรกิ รรมแกอันเตวาสิกในเรอื นไฟ. เม่อื ออกจากเรอื นไฟ พึงถือต่ังสําหรับเรือนไฟ แลวปด ทั้งขา งหนาทง้ั ขา งหลัง ออกจากเรอื นไฟ. พึงทาํ บรกิ รรมแกอ ันเตวาสิกแมในน้ํา อาบเสรจ็ แลว พงึ ขนึ้ มากอนทําตัวของตนใหแ หง นํา้ นุงผา แลว พงึ เช็ดนํา้ จากตวั ของอนั เตวาสกิ พึงใหผา นงุพงึ ใหผา สังฆาฏิ พึงถือตั่งสาํ หรบั เรอื นไฟมากอ น แลว ปอู าสนะไว เตรียมนา้ํลา งเทา ตง่ั รองเทา กระเบ้อื งเช็ดเทาไว พึงถามอันเตวาสกิ าดวยน้ําฉนั . อนั เตวาสิกอยูในวิหารแหงใด ถาวิหารแหง นนั้ รก ถาอุตสาหะอยูพงึ ปด กวาดเสยี เมือ่ ปด กวาดวหิ าร พึงขนบาตรจวี รออกกอ น แลววางไว ณทค่ี วรสวนขา งหนงึ่ พงึ ขนผาปูนงั่ และผา ปนู อน ฟกู หมอน ออกวางไว ณทคี่ วรสว นขางหนง่ึ . เตียงตั่งอาจารยพ ึงยกต่ํา ๆ อยาใหค รูดสี อยาใหก ระทบกระแทกบานและกรอบประตู ขนออกใหเ รียบรอ ย แลว ต้งั ไว ณ ทีควรสว นขางหนึ่ง เขียงรองเตยี ง กระโถน พนักองิ พึงขนออกวางไว ณ ท่คี วรสว นขา งหนงึ่ เครือ่ งปูพ้ืนพงึ สังเกตทป่ี ูไวเดมิ แลว ขนออกวางไว ณ ทคี่ วรสว นขางหนึ่ง.

พระวนิ ยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 189 ถา ในวหิ ารมหี ยากเยอ่ื พงึ กวาดแตเ พดานลงมากอ น กรอบหนาตางและมุมหอ งพงึ เช็ดเสีย ถาฝาเขาทาํ บริกรรมดวยนา้ํ มัน พน้ื เขาทาสดี ําขนึ้ ราพงึ เอาผาชบุ น้ําบิดแลว เชด็ เสีย ถาพ้นื เขามิไดทํา พึงเอานาํ้ ประพรมแลว เช็ดระวังอยาใหวิหารฟุงดว ยธลุ ี พึงกวาดหยากเยือ่ ทงิ้ เสยี ณ ท่ีควรสว นขา งหนงึ่เครอ่ื งลาดพื้นพงึ ผง่ึ แดดชําระเคาะปด เสีย ขนกลับปไู วต ามเดิม เขยี งรองเตียงพงึ ผง่ึ แดดขดั เช็ดเสีย ขนกลบั ต้งั ไวท เี่ ดมิ เตยี งตั่งพึงผงึ่ แดดขดั สีเคาะเสีย ยกตํ่า ๆ อยาใหค รูดสี อยา ใหกระทบกระแทกบานและกรอบประ ขน้ึ กลบั ไปใหด ี ๆ แลวตง้ั ไวต ามเดมิ ฟูก หมอน ผาปนู ่งั ผาปูนอน พึงผงึ่ แดดทาํ ใหสะอาดตบเสียแลวนํากลับวางปูไวต ามเติม กระโถน พนักพงิ พงึ ผึ่งแดดเชด็ ถูเสยี แลวขนกลับต้งั ไวต ามเดิม. พึงเกบ็ บาตรจวี ร เมอื่ เก็บบาตร พึงเอามอื ขางหนึ่งจับบาตร เอามือขางหน่ึงลูบคลาํ ใตเตียงหรอื ใตต่งั แลวจงึ เกบ็ บาตร แตไมพึงวางบาตรบนพนื้ที่ไมสง่ิ ใดรอง. เม่อื เก็บจวี ร พงึ เอามือขางหนึง่ ถือจวี ร เอามอื ขา งหนง่ึ ลูบราวจวี รหรือสายระเดียงแลว ทําชายไวข างนอก ทาํ ขนดไวข างใน แลวจงึ เกบ็ จวี ร. ถา ลมเจอื ดว ยผงคลพี ัดมาแตท ศิ ตะวันออก พงึ ปด หนาตา งดานตะวนั ออก ถาพดั มาแตท ศิ ตะวันตก พึงปดหนา ตา งดา นตะวันตก ถาพัดมาแตท ศิ เหนือ พงึ ปดหนาตา งดา นเหนือ ถา พัดมาแตทิศใต พงึ ปด หนา ตางดานใตถาฤดหู นาวพึงเปดหนา ตา งกลางวัน ปด กลางคนื ถา ฤดูรอนพงึ ปด หนาตางกลางวนั เปด กลางคืน. ถาบริเวณ ซุมนํา้ โรงฉัน เรือนไฟ วัจจกุฎี รก พงึ ปด กวาดเสยีถา น้ําฉัน นาํ้ ใชไ มม ี พงึ จดั ตั้งไว ถา น้ําในหมอชําระไมม ี พึงตกั นํา้ ไวใ นหมอชาํ ระ.

พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 190 ถาความกระสันบงั เกดิ แกอ นั เตวาสกิ อาจารยพึงชวยระงับ หรอื พึงวานภกิ ษอุ นื่ ใหช ว ยระงบั หรือพงึ ทาํ ธรรมกถาแกอ ันเตวาสกิ นัน้ ถา ความราํ คาญบังเกิดแกอ นั เตวาสกิ อาจารยพึงบรรเทาหรอื พงึ วานภิกษุอืน่ ใหช ว ยบรรเทาหรอื พงึ ทาํ ธรรมกถาแกอ ันเตวาสิกนน้ั ถา ความเหน็ ผดิ บงั เกดิ แกอันเตวาสิกอาจารยพ ึงใหส ละเสยี หรอื พึงวานภกิ ษุอน่ื ใหช วย หรือพึงทาํ ธรรมกถาแกอ ันเตวาสกิ น้นั ถาอนั เตวาสิกตอ งอาบัติหนกั ควรปรวิ าส อาจารยพ งึ ทาํ ความขวนขวายวา ดวยอบุ ายอยางไรหนอ สงฆพึงใหป ริวาสแกอ ันเตวาสกิ ถาอันเตวาสิกควรชกั เขา หาอาบตั ิเดิม อาจารยพ ึงทําความขวนขวายวา ดวยอุบายอยางไรหนอ สงฆพ ึงชกั อันเตวาสิกเขาหาอาบตั เิ ดิม ถาอนั เตวาสิกควรมานัตอาจารยพ ึงทาํ ความขวนขวายวา ดวยอุบายอยา งไรหนอ สงฆพ ึงใหมานัตแกอนั เตวาสกิ ถาอนั เตวาสิกควรอพั ภาน อาจารยพ ึงทาํ ความขวนขวายวา ดวยอุบายอยางไรหนอ สงฆพึงอพั ภานอันเตวาสิก. ถาสงฆป รารถนาจะทาํ กรรมแกอ นั เตวาสิก คือ ตชั ชนยี กรรม นิยส-กรรม ปพ พาชนียกรรม ปฏสิ ารนยี กรรม หรอื อุกเขปนียกรรม อาจารยพึงทาํความขวนขวายวา ดว ยอบุ ายอยา งไรหนอ สงฆไมพ ึงทาํ กรรมแกอ นั เตวาสิกหรอื สงฆพ ึงนอมไปเพอื่ กรรมสถานเบา หรอื อันเตวาสกิ นน้ั ถูกสงฆล งตชั ชนีย-กรรม นิยสกรรม ปพพาชนยี กรรม ปฏิสารณียกรรม หรอื อกุ เขปนียกรรมแลว อาจารยพ ึงทาํ ความขวนขวายวา ดวยอุบายอยา งไรหนอ อนั เตวาสกิ พึงประพฤตชิ อบ พงึ หายเยอหยง่ิ พงึ พระพฤติแกตัว สงฆพ ึงระงบั กรรมน้ันเสยี . ถาจีวรของอนั เตวาสิกจะตองซกั อาจารยพงึ บอกวา เธอพึงซักอยา งน้ีหรือพึงทาํ ความขวนขวายวา ดวยอบุ ายอยา งไรหนอ ใคร ๆ พึงซักจวี รของอนัเตวาสกิ ถา จีวรของอันเตวาสกิ จะตองทาํ อาจารยพ งึ บอกวา เธอพึงทําอยางนี้

พระวนิ ัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 191หรือพึงทําความขวนขวายวา ดว ยอบุ ายอยางไรหนอ ใคร ๆ พึงทาํ จีวรของอนัเตวาสิก ถา นาํ้ ยอ มของอนั เตวาสิกจะตองตม อาจารยพึงบอกวา เธอพงึ ตมอยา งนี้ หรอื พึงทําความขวนขวายวา ดว ยอบุ ายอยางไรหนอ ใคร ๆ พงึ ตม นาํ้ยอ มของอันเตวาสกิ ถา จวี รของอนั เตวาสิกจะตองยอ ม อาจารยพ ึงบอกวา เธอพงึ ยอ มอยา งน้ี หรอื พงึ ทาํ ความขวนขวายวา ดวยอบุ ายอยางไรหนอ ใคร ๆพึงยอ มจีวรของอันเตวาสกิ เมื่อยอมจีวร พึงยอ มพลกิ กลับไปกลับมาใหด ี ๆเมือ่ หยาดน้ํายอ มยังหยดไมขาดสาย ไมพ งึ หลกี ไปเสยี ถาอันเตวาสกิ อาพาธพึงพยาบาลจนตลอดชีวติ พึงรอจนกวา จะหาย อนั เตวาสิกวัตร จบ วา ดวยการประณาม [๙๕] ก็โดยสมัยน้ันแล อนั เทวาสิกทง้ั หลายไมป ระพฤตชิ อบในอาจารยท้งั หลาย ภกิ ษทุ ั้งหลายกราบทูลเร่ืองนั้นแดพระผมู พี ระภาคเจา พระผูม ีพระภาคเจา ตรัสวา ดูกอ นภกิ ษทุ ้งั หลาย อันเตวาสิกจะไมป ระพฤติชอบในอาจารยไมได รปู ใดไมป ระพฤตชิ อบ ตองอาบตั ิทุกกฏ พวกอันเตวาสกิ ยงั ไมพระพฤตชิ อบตามเดิม ภิกษุทัง้ หลายจึงกราบทูลเรื่องนั้นแดพระผมู ีพระภาคเจา พระผมู ีพระภาคเจา ตรัสวา ดูกอ นภิกษุทัง้ หลายเราอนญุ าตใหประณามอนั เตวาสกิ ผูไมป ระพฤติชอบ. วธิ ปี ระณาม ดกู อนภิกษุทั้งหลาย กอ็ าจารยพ ึงประณามอันเตวาสิกอยางนี้วา ฉนัประณามเธอ เธออยา เขา มา ณ ที่น้ี เธอจงขนบาตรจีวรของเธอออกไปเสีย

พระวินยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 192หรอื พึงประณามวา เธอไมตองวอุปฐากฉัน ดงั นี้ กไ็ ด อาจารยยอมยังอนั เตวาสกิใหร ูดว ยกายกไ็ ด ใหร ูดวยวาจากไ็ ด ใหรูดว ยทัง้ กายเละวาจาก็ได อนั เตวาสิกชือ่ วาเปนอันถูกประณามแลว ถามใิ หรูดว ยกาย มใิ หรดู วยวาจา มิใหร ดู วยท้งั กายและวาจา อันเตวาสิกไมชือ่ วาถูกประณาม. สมยั ตอมา พวกอนั เตวาสิกถูกประณามแลว ไมขอใหอาจารยอ ดโทษภกิ ษุทงั้ หลายจงึ กราบทลู เรอ่ื งน้ันแดพระผมู ีพระภาคเจา พระผูมพี ระภาคเจาตรัสวา ดกู อ นภกิ ษทุ ั้งหลาย เราอนญุ าตใหอันเตวาสิกขอใหอาจารยอดโทษพวกอันเตวาสิกไมยอมขอใหอ าจารยอ ดโทษอยา งเดิม ภกิ ษทุ ัง้ หลายจงึ กราบทลูเรอ่ื งนน้ั แดพ ระผูมีพระภาคเจา พระผมู ีพระภาคเจา ตรัสวา ดูกอนภิกษทุ งั้ หลายอันเตวาสิกถกู ประณามแลวจะไมข อใหอาจารยอ ดโทษไมได รปู ใดไมขอใหอาจารยอดโทษตองอาบัติทกุ กฏ. สมัยตอ มา อาจารยท ั้งหลายอันเหลาอันเตวาสกิ ขอไหอดโทษอยูก็ไมย อมอดโทษ ภิกษุทั้งหลายกราบทลู เรอ่ื งนั้นแดพระผูม พี ระภาคเจา พระผูมีพระ-ภาคเจาตรัสวา ดกู อนภิกษุทง้ั หลาย เราอนญุ าตใหอ าจารยอดโทษ. อาจารยท้ังหลายยงั ไมยอมอดโทษอยา งเดิม พวกอนั เตวาสิกหลีกไปเสียบา สึกเสียบาง ไปเขา รดี เดยี รถยี เสียบา ง ภกิ ษทุ งั้ หลายจึงกราบทุกเรอ่ื งน้ันแดพระผมู ีพระภาคเจา พระผมู พี ระภาคเจาตรสั วา ดกู อ นภิกษทุ งั้ หลายอาจารยอ นั พวกอนั เตวาสิกขอใหอดโทษอยู จะไมยอมอดโทษไมไ ด รูปใดไมยอมอดโทษ ตองอาบัตทิ ุกกฏ. สมัยตอ มา อาจารยทง้ั หลายประณามอนั เตวาสิกผปู ระพฤตชิ อบ ไมประณามอนั เตวาสกิ ผูพระพฤตมิ ชิ อบ ดกู อนภิกษุทง้ั หลาย อันเตวาสกิ ผูประพฤติชอบ อาจารยไ มพ ึงประณาม รปู ใดประณาณ ตองอาบัติทุกกฏ แต

พระวนิ ัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 193อนั เตวาสิกผพู ระพฤติมิชอบ อาจารยจะไมป ระณามไมไ ด รูปใดไมป ระณามตอ งอาบตั ทิ ุกกฏ. องคแ หงการประณาม ดูกอนภิกษุทง้ั หลาย อาจารยพงึ ประณามอันเตวาสกิ ผูประกอบดว ยองค ๑. หาความรกั ใครอยา งย่งิ ในอาจารยมิได. ๒. หาความเลอื่ มใสอยา งย่ิงมิได. ๓. หาความละอายอยา งยงิ่ มไิ ด. ๔ หาความเคารพอยา งยงิ่ มิได และ ๕. หาความหวงั ดตี อ อยา งย่ิงมิได. ดกู อ นภิกษุทั้งหลาย อาจารยพึงประณามอันเตวาสกิ ผปู ระกอบดว ยองค๕ น้ีแล. ดกู อนภกิ ษทุ ัง้ หลาย อาจารยไ มพ ึงประณามอันเตวาสิก ผูประกอบดว ยองค ๕ คือ:- ๑. มีความรกั ใครอยา งยง่ิ ในอาจารย. ๒. มีความเลอ่ื มใสอยางย่งิ . ๓. มีความละอายอยางย่ิง. ๔. มีความเคารพอยางยง่ิ และ ๕. มคี วามหวงั ดีตออยา งยงิ่ . ดูกอนภกิ ษทุ งั้ หลาย อาจารยไ มพ งึ ประณามอันเตวาสิก ผปู ระกอบดวยองค ๕ น้ีแล.

พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 194 ดกู อ นภิกษุท้งั หลาย อันเตวาสกิ ผูประกอบดว ยองค ๕ ควรประณาม ๑. หาความรักใครอยา งย่ิงในอาจารยมไิ ด. ๒. หาความเล่อื มใสอยา งยง่ิ มไิ ด. ๓. หาความละอายอยางย่งิ มไิ ด. ๔. หาความเคารพอยางยิ่งมไิ ด และ ๕. หาความหวังดตี อ อยางย่งิ มไิ ด. ดกู อนภกิ ษทุ ้ังหลาย อนั เตวาสิกผูประกอบดว ยองค ๕ นแ้ี ล ควรประณาม. ดูกอ นภิกษุทง้ั หลาย อันเตวาสกิ ผูประกอบดวยองค ๕ ไมค วรประณาม ๑. มีความรักใครอ ยางยงิ่ ในอาจารย. ๒. มีความเลื่อมใสอยางย่ิง. ๓. มคี วามละอายอยา งยิ่ง. ๔. มคี วามเคารพอยา งยิ่ง และ ๕ มคี วามหวังดตี อ อยางยิ่ง. ดูกอ นภกิ ษุท้ังหลาย อันเตวาสิกผูประกอบดวยองค ๕ น้แี ล ไมควรประณาม. ดกู อ นภกิ ษุทัง้ หลาย อนั เตวาสกิ ผูประกอบดว ยองค ๕ อาจารยเม่อื ไมประณาม มโี ทษ เม่อื ประณาม ไมม ีโทษ คือ:- ๑. หาความรกั ใครอยางย่งิ ในอาจารยม ไิ ด ๒. หาความเล่ือมใสอยา งยง่ิ มิได.

พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 195 ๓. หาความละอายอยา งยง่ิ มิได. ๔. หาความเคารพอยางยงิ่ มิได และ ๕. หาความหวังดีตอ อยางยิง่ มไิ ด. ดูกอ นภิกษทุ ้งั หลาย อันเตวาสิกผปู ระกอบดว ยองค ๕ น้ีแล อาจารยเมือ่ ไมประณาม มีโทษ เมื่อประณาม ไมม โี ทษ. ดูกอ นภิกษทุ ้งั หลาย อนั เตวาสกิ ผูป ระกอบดว ยองค ๕ อาจารยเมื่อประณาม มโี ทษ เมื่อไมประณาม ไมมโี ทษ คือ:- ๑. มคี วามรกั ใครอยา งย่งิ ในอาจารย. ๒. มคี วามเล่ือมใสอยางย่งิ . ๓. มีความละอายอยา งยิ่ง. ๔. มีความเคารพอยางยง่ิ และ ๕. มีความหวังดตี อ อยา งยง่ิ ดูกอนภิกษุทัง้ หลาย อันเตวาสกิ ผปู ระกอบดว ยองค ๕ นี้แล อาจารยเมื่อประณาม มโี ทษ เมือ่ ไมประณาม ไมมโี ทษ. การใหน สิ ัย [๙๖] กโ็ ดยสมัยนั้นแล ภิกษุท้งั หลายคิดวา เรามีพรรษาได ๑๐ แลวเรามีพรรษาได ๑๐ แลว ดังน้ี แตยังเปนผูเขลา ไมเ ฉียบแหลม ยอมใหน ิสยัปรากฏวา พวกอาจารยเปน ผเู ขลา พวกอนั เตวาสกิ เปนผูฉลาด ปรากฏวา พวกอาจารยเ ปน ผูไ มเฉียบแหลม พวกอนั เตวาสิกเปนผเู ฉยี บแหลม ปรากฏวา พวกอาจารยเ ปนผไู ดยินไดฟ งนอย พวกอนั เตวาสกิ เปนผูไดย ินไดฟงมาก, ปรากฏวาพวกอาจารยเ ปน ผูมปี ญญาทราม พวกอนั เตวาสิกเปน ผมู ปี ญ ญา.

พระวินัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 196 บรรดาภกิ ษุทเี่ ปนผูมักนอ ย . . . ตางก็เพง โทษ ตเิ ตยี น โพนทะนาวาไฉนภิกษุทงั้ หลายจึงไดอา งวา เรามพี รรษาได ๑๐ แลว เรามพี รรษาได ๑๐แลว ดังน้ี แตยังเปน ผเู ขลา ไมเฉียบแหลม ใหนสิ ยั ปรากฏวา พวกอาจารยเปน ผเู ขลา พวกอันเตวาสิกเปน ผูฉลาด ปรากฏวา พวกอาจารยเ ปน ผไู มเฉยี บแหลม พวกอนั เตวาสกิ เปน ผเู ฉยี บแหลม ปรากฏวา พวกอาจารยเ ปน ผูไดย ินไดฟงนอย พวกอนั เตวาสกิ เปน ผไู ดยนิ ไดฟ ง มาก, ปรากฏวาพวกอาจารยเปนผูมปี ญญาทราม พวกอันเตวาสิกเปนผูมปี ญญา แลว กราบทูลเร่ืองนนั้ แดพระผมู พี ระภาคเจา. ทรงสอบถาม พระผมู พี ระภาคะเจาทรงสอบถามวา ดกู อ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย ขา ววา ภิกษุท้งั หลายอา งวา เรามีพรรษาได ๑๐ แลว เรามีพรรษาได ๑๐ แลว ดงั นี้ แตยังเปนผูเ ขลาไมเฉยี บแหลม ใหน สิ ัย ปรากฏวาพวกอาจารยเปน ผเู ขลา . . .พวกอนั เตวาสกิ เปนผูม ปี ญ ญา จริงหรือ ? ภิกษทุ ้งั หลายทูลรับวา จริง พระพุทธเจา ขา . ทรงตเิ ตียน พระผมู พี ระภาคพทุ ธเจาทรงตเิ ตยี น. . . ครน้ั แลว ทรงทาํ ธรรมีกถารบั ส่งั กะภิกษุทงั้ หลายวา ดูกอ นภกิ ษทุ งั้ หลาย ภิกษผุ เู ขลา ไมเฉียบแหลมไมพงึ ใหนิสัย รูปใดให ตองอาบตั ิทกุ กฏ. ดูกอนภิกษุทงั้ หลาย เราอนุญาตใหภ กิ ษผุ ูฉลาด ผูส ามารถมพี รรษาได๑๐ หรือมพี รรษาเกิน ๑๐ ใหน สิ ยั .

พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 197 นสิ ยั ระงบั จากอุปช ฌายและอาจารย [๙๗] กโ็ ดยสมัยนั้นแล เมื่ออาจารยและอุปชฌายห ลกี ไปเสยี ก็ดี สึกเสียกด็ ี ถึงมรณภาพกด็ ี ไปเขารีดเดียรถียก ็ดี ภกิ ษทุ ง้ั หลายไมรวู านสิ ยั ระงับพวกเธอจึงกราบทลู เรอื่ งนน้ั แดพ ระผมู ีพระภาคเจา พระผมู ีพระภาคเจา ตรสั วาดูกอนภกิ ษทุ งั้ หลาย นิสัยระงับจากอปุ ช ฌายะ ๕ อยา ง ดังนี้ คอื :- ๑. อปุ ชฌายะหลกี ไป ๒. สกึ เสีย ๓. ถงึ มรณภาพ ๔. ไปเขา รีดเดียรถีย และ ๕. ส่ังบังคบั . ดกู อ นภิกษุทง้ั หลาย นสิ ยั ระงบั จากอปุ ชฌายะ ๕ อยา งน้ีแล. ดกู อนภกิ ษทุ งั้ หลาย นิสัยระงบั จากอาจารย ๖ อยาง ดงั นี้ คอื :- ๑. อาจารยห ลีกไป. ๒. สกึ เสยี . ๓. ถึงมรณภาพ. ๔. ไปเขา รีดเดียรถยี . ๕. ส่งั บงั คับ และ ๖. ไปรว มเขากบั อปุ ช ฌายะ. ดูกอ นภกิ ษุทงั้ หลาย นสิ ยั ระงับจากอาจารย ๖ อยางนี้ แล. การใหนิสัย จบ

พระวินยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 198 องค ๕ แหง ภกิ ษุผูใ หอปุ สมบท ๑๖ หมวด กณั หปกษ ๑ [๙๘] ดูกอนภิกษุทง้ั หลาย ภิกษุผูประกอบดว ยองค ๕ ไมพ ึงใหอปุ สมบท ไมพ งึ ใหนสิ ัย ไมพ งึ ใหส ามเณรอปุ ฏฐาก คอื ๑. ไมป ระกอบดว ยกองศลี อนั เปน ของพระอเสขะ. ๒. ไมประกอบดว ยกองสมาธิ อนั เปนของพระอเสขะ. ๓. ไมประกอบดว ยกองปญญา อันเปน ของพระอเสขะ. ๔. ไมป ระกอบดว ยกองวิมุตติ อนั เปนของพระอเสชะ และ ๕. ไมป ระกอบดว ยกองวมิ ตุ ตญิ าณทัสสนะ อนั เปน ของพระอเสขะ. ดกู อนภิกษทุ ้งั หลาย ภกิ ษุผปู ระกอบดว ยองค ๕ น้ีแล ไมพึงใหอปุ สมบท ไมพ งึ ใหนิสยั ไมพึงใหส ามเณรอปุ ฏ ฐาก. ศุกลปก ษ ๑ ดกู อ นภกิ ษุท้ังหลาย ภกิ ษผุ ูประกอบดว ยองค ๕ พึงใหอ ุปสมบท พงึใหน สิ ัย พึงใหส ามเณรอุปฏฐาก คอื :- ๑. ประกอบดวยกองศลี อนั เปน ของพระอเสขะ. ๒. ประกอบดว ยกองสมาธิ อันเปน ของพระอเสขะ. ๓. ประกอบดวยกองปญญา อนั เปนของพระอเสขะ. ๔. ประกอบดว ยกองวิมุตติ อันเปน ของพระอเสขะ และ ๕. ประกอบดวยกองวมิ ตุ ตญิ าณทัสสนะ อนั เปน ของพระอเสขะ. ดูกอนภิกษุท้ังหลาย ภิกษุผปู ระกอบดว ยองค นแ้ี ล พึงใหอุปสมบทพงึ ใหน ิสัย พึงใหส ามเณรอุปฏฐาก.

พระวินยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 199 กัณหปกษ ๒ ดกู อนภกิ ษุทง้ั หลาย ภกิ ษผุ ปู ระกอบดวยองค ๕ แมอ ืน่ อกี ไมพ ึงใหอปุ สมบท ไมพ งึ ใหน ิสัย ไมพงึ ใหส ามเณรอปุ ฏ ฐาก คือ:- ๑. ตนเองไมป ระกอบดว ยกองศีล อันเปนของพระอเสขะ และไมชกั ชวนผูอนื่ ในกองศลี อันเปน ของพระอเสขะ. ๒. ตนเองไมประกอบดว ยกองสมาธิ อันเปน ของพระอเสขะ และไมชกั ชวนผอู ่ืนในกองสมาธิ อนั เปน ของพระอเสขะ. ๓. ตนเองไมประกอบดว ยกองปญญา อนั เปน ของพระอเสขะ และไมช กั ชวนผอู นื่ ในกองปญ ญา อนั เปนของพระอเสขะ. ๔. ตนเองไมประกอบดวยกองวิมตุ ติ อันเปน ของพระอเสขะ และไมช ักชวนผูอนื่ ในกองวิมตุ ติ อันเปน ของพระอเสขะ และ ๕. ตนเองไมประกอบดว ยกองวมิ ตุ ติญาณทัสสนะ อนั เปน ของพระอเสขะ และไมชกั ชวนผอู นื่ ในกองวิมุตติญาณทัสสนะ อันเปน ของพระอเสขะ. ดกู อ นภกิ ษุทงั้ หลาย ภกิ ษผุ ูป ระกอบดวยองค ๕ นีแ้ ล ไมพ งึ ใหอุปสมบท ไมพึงใหนสิ ัย ไมพึงใหสามเณรอปุ ฏ ฐาก. ศุกลปกษ ๒ ดูกอ นภกิ ษทุ ั้งหลาย ภกิ ษุผปู ระกอบดวยองค ๕ พึงใหอปุ สมบท พึงใหนิสยั พึงใหส ามเณรอุปฏ ฐาก คือ:- ๑. ตนเองประกอบดว ยกองศีล อนั เปนของพระอเสขะ และชกั ชวนผอู ่ืนในกองศลี อันเปน ของพระอเสขะ. ๒. ตนเองประกอบดวยกองสมาธิ อนั เปนของพระอเสขะ และชักชวนผูอื่นในกองสมาธิ อนั เปน ของพระอเสขะ.

พระวนิ ัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 200 ๓. ตนเองประกอบดว ยกองปญ ญา อนั เปนของพระอเสขะ และชกัชวนผูอื่นในกองปญ ญา อันเปนของพระอเสขะ. ๔. ตนเองประกอบดว ยกองวิมตุ ติ อันเปนของพระอเสขะ และชักชวนผูอ น่ื ในกองวมิ ุตติ อันเปน ของพระอเสขะ และ ๕. ตนเองประกอบดวยกองวิมุตติญาณทสั สนะ อนั เปน ของพระอเสขะและชักชวนผอู ่ืนในกองวมิ ตุ ตญิ าณทสั สนะ อันเปน ของพระอเสขะ. ดูกอนภกิ ษทุ ้ังหลาย ภกิ ษผุ ูประกอบดวยองค ๕ นีแ้ ล พงึ ใหอุปสมบทพงึ ใหน ิสยั พงึ ใหสามเณรอุปฏ ฐาก. กัณหปก ษ ๓ ดูกอนภกิ ษุท้ังหลาย ภกิ ษผุ ูประกอบดวยองค ๕ แมอ ืน่ อีก ไมพ ึงใหอุปสมบท ไมพ ึงใหนสิ ยั ไมพ ึงใหส ามเณรอปุ ฏ ฐาก คือ:- ๑. เปนผไู มม ีศรทั ธา. ๒. เปน ผไู มม ีหิร.ิ ๓. เปนผไู มมีโอตตปั ปะ. ๔. เปน ผูเกียจครา น และ ๕. เปน ผมู ีสติฟนเฟอน. ดูกอนภกิ ษุท้งั หลาย ภิกษผุ ูประกอบดวยองค ๕ น้แี ล ไมพ ึงใหอุปสมบท ไมพ ึงใหนสิ ัย ไมพ ึงไหส ามเณรอปุ ฏฐาก. ศกุ ลปกษ ๓ ดูกอ นภกิ ษุท้งั หลาย ภิกษผุ ูประกอบดว ยองค ๕ พึงใหอ ปุ สมบท พงึใหนิสัย พงึ ใหสามเณรอปุ ฏฐาก คอื :-


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook