พระวินยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 406 ทานเจา ขา ขอสงฆจงฟงขา พเจา สมี านนั้ ใดอนั สงฆสมมติไวแ ลว ใหมสี ังวาสเสมอกนั ใหมีอุโบสถเดยี วกนั สงฆถอนอยู บดัน้ีซงึ่ สีมานัน้ การถอนสมามีสงั วาสเสมอกนั มอี ุโบสถเดยี วกันน้ีชอบแกทา นผูใ ด ทา นผูน้นั พึงเปนผนู ่งิ ไมชอบแกทา นผใู ด ทา นผนู ้ันพึงพูด. สีมามสี ังวาสเสมอกนั มีอโุ บสถเดียวกันนัน้ อันสงฆถอนแลว ชอบแกส งฆ เหตนุ ั้นจึงน่ิง ขา พเจาทรงความนไ้ี วดว ยอยางนี้. อพทั ธสมี า [๑๖๔] ดูกอ นภิกษทุ ้ังหลาย เมือ่ สงฆย ังไมไ ดสมมติ ยงั ไมไดกาํ หนดสีมา ภิกขุเขา อาศยั บานหรือนิคมใดอยู เขตของบา นน้นั เปน คามสมี าบา ง เขตของนิคมนั้น เปน นิคมสมี าบาง สมี านีม้ ีสังวาสเสมอกัน มีอุโบสถเดียวกันในบา นหรอื นคิ มน้นั . ดูกอ นภิกษทุ ง้ั หลาย ถาในปา หาคนต้งั บานเรือนเมอ่ื ได ชั่ว ๗ อัพภนั ดรโดยรอบ เปนสตั ตัพภนั ตรสมี า สมี าน้ีมสี งั วาสเสมอกัน มอี โุ บสถเดียวกนั ในปา นั้น. ดูกอ นภกิ ษุทัง้ หลาย แมน ้ําทั้งหมด สมมติเปน สมี าไมไ ด สมุทรทง้ัหมด สมมตเิ ปนสีมาไมไ ด ชาตสระทงั้ หมด สมมติเปน สนี าไมได. ดูกอนภิกษทุ ั้งหลาย ในแมน้ํา ในสมุทร หรือในชาตสระ ช่วั วักน้าํ สาด โดยรอบแหง บรุ ษุ ผมู กี าํ ลังปานกลาง เปน อทุ กุกเขปสีมา สมี าน้มี ีสงั วาสเสมอกัน มอี โุ บสถเดียวกัน ในนา นนา้ํ นน้ั .
พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 407 สมี าสงั กระ สีมาคาบเก่ยี ว [๑๖๕] กโ็ ดยสมยั นั้นแล พระฉัพพัคคียส มมตสิ ีมาคาบเกย่ี วสมี า ภิกษุทั้งหลายกราบทลู เรื่องนนั้ แดพระผมู ีพระภาคเจา พระผมู พี ระภาคเจา รับส่ังกะ-ภิกษุท้ังหลายวา ดกู อ นภกิ ษุทั้งหลาย สมี าอันภกิ ษเุ หลาใดสมมตไิ วกอนแลวกรรมน้ันของภิกษเุ หลา นน้ั เปน ธรรม ไมกาํ เรบิ ควรแกฐานะ สีมาอันภกิ ษุเหลา ใดสมมตแิ ลว ในภายหลัง กรรมนั้นของภกิ ษเุ หลา นน้ั ไมเ ปน ธรรม กําเรบิไมควรแกฐานะ. ดูกอ นภิกษุท้ังหลาย ภิกษุไมพึงสมมตสิ ีมาคาบเกย่ี วสีมา รปู ใดสมมติคาบเกย่ี ว ตองอาบตั ทิ ุกกฏ. สมี าสงั กระ สมี าทับสมี า สมัยตอมา พระฉัพพัคคยี สมมติสีมาทบั สีมา ภิกษทุ ัง้ หลายกราบทลูเรื่องนน้ั แดพ ระผูมพี ระภาคเจา พระผูม ีพระภาคเจา รบั สงั่ กะภิกษทุ ัง้ หลายวาดกู อ นภกิ ษทุ ้งั หลาย สมี าอันภิกษุเหลา ใดสมมตไิ วกอ นแลว กรรมนั้น ของภกิ ษุเหลา นัน้ เปนธรรม ไมกําเรบิ ควรแกฐานะ สมี าอนั ภกิ ษุเหลาใดสมมติแลวในภายหลัง กรรมน้นั ของภิกษเุ หลานัน้ ไมเปนธรรม กาํ เริบ ไมควรแกฐ านะ. ดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลาย ภิกษไุ มพงึ สมมตสิ มี าทบั สีมา รปู ใดสมมตทิ ับตองอาบตั ทิ กุ กฏ. ดกู อ นภกิ ษุทงั้ หลาย เราอนุญาตใหภ ิกษุผจู ะสมมตสิ ีมา เวน สมี นั ตริกไวแ ลว สมมติสมี า.
พระวินยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 408 อรรถกถาวธิ ีผูกมหาสมี า ก็แลสงฆจะสมมตสิ ีมา ดวยนมิ ิต ๘ อยา งนี้ ไมค ละกันกด็ ี คละสลับกนั กด็ ี ควรทั้งนั้น. สีมาน้นั ทส่ี มมติผูกอยางนนั้ ไมเ ปน อันผกู ดวยนมิ ติ เดยี วหรือ ๒ นมิ ิต. สว นสีมาทผี่ กู ดวยนิมิตมปี ระการดงั กลาวแลว ตั้งแต ๓ ข้นึ ไปถงึ ๑๑๐ นิมติ ยอ มเปน อันผกู , สมี าน้นั ทีผ่ ูกดวยนมิ ติ ๓ มสี ัณฐานดังกระจับ, ที่ผูกดวยนิมติ ๔ เปน ส่ีเหลีย่ มจตรุ ัสบา ง มีสณั ฐานดังกระจบั , พระจันทรค รึ่งดวงและตะโพนเปน ตน บาง ทีผ่ กู ดวยนิมิตมากกวานน้ั มีสณั ฐานตา ง ๆ กนั บา ง. พระมหาสุมัตเถระกลาววา อันภกิ ษทุ ั้งหลายผูป ระสงคจ ะผกู สมี าน้ันพึงถามภกิ ษุท้งั หลายในวดั ทอ่ี ยใู กลเ คยี งกันทัง้ หลาย ถึงเขตกําหนดสมี าแหงวดัท่ีอยูนนั้ ๆ เวนสมี นั ตริกแหงสมี าของวัดท่อี ยูท ้งั หลายทผ่ี กู สีมา เวนอปุ จารแหงสมี าของวัคทีอ่ ยทู ง้ั หลายที่ไมไดผ ูกสีมาเสีย จวบสมัยไมเ ปนทที่ องเท่ยี วของภกิ ษุท้ังหลายผจู าริกไปในทศิ , ถาประสงคจ ะผกู สมี าในคามเขตตําบลหนง่ึ . วดัทอี่ ยเู หลาใด ในคามเขตนน้ั ผกู สมี าแลว พงึ สงขาวแกภ ิกษุทัง้ หลายในวดั ที่อยูเ หลาน้นั วา เราทงั้ หลายจักผูกสีมา ในวนั นี้ ทา นทง้ั หลายอยา ออกจากเขตกําหนดสีมาของตน ๆ. วัดทีอ่ ยเู หลา ใดในคามเขตน้นั ไมไ ดผูกสีมา พงึ นมิ นตภ กิ ษุท้ังหลายในวดั ที่อยเู หลา นั้นใหป ระชมุ รวมเปนหมูเดียวกนั พึงไหน ําฉนั ทะของภกิ ษุทงั้หลายผคู วรแกฉนั ทะมา. ถา ปรารถนาจะกันคามเขต แมเ หลาอ่นื ไวภายในสมี าไซร ภิกษุเหลาใดอยใู นคามเขตเหลา นน้ั แมภ ิกษุเหลานั้นตอ งมา เมื่อไมมาตอ งนําฉนั ทะมา.
พระวนิ ยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 409 ฝายพระมหาปทมุ เถระกลาววา ขน้ึ ชอื่ วาคามเขตตาง ๆ ยอมเปนเชนกับสีมาทผ่ี กู ตา งแผนกกัน. ฉันทะและปาริสุทธิยอมไมม าจากคามเขตนน้ั ๆ, แตภกิ ษุทั้งหลายผูอยูภายในนมิ ติ องมา ดงั นี.้ แลว กลาวเสริมอีกวา ในเวลาสมมติสมานสงั วาสกสีมา การมากต็ าม ไมม าก็ตาม ของภิกษเุ หลาน้นั ยอมควร.แตในเวลาสมมตอิ วปิ ปวาสสมี า ภิกษุทงั้ หลายผูอยูภายในนิมติ ตองมา. เมอื่ ไมมา ตอ งนาํ ฉนั ทะมา. กแ็ ลเม่อื ภกิ ษุทงั้ หลายประชมุ กันแลว ฉันทะของภิกษุผูควรแกฉ นั ทะไดน าํ มาแลว อยางนนั้ พงึ วางอารามกิ บุรษุ และสามเณรเขอื่ ง ๆไวในทางเหลาน้ัน และในท่ที ัง้ หลายมที านํา้ และประตูบานเปน ตน เพ่ือนําภิกษุอาคันตุกะมาเขาหัตถบาสเรว็ ๆ และเพ่อื กันไวภ ายนอกสมี า แลวพงึ ตีกลองสัญญา หรือปาสังขสญั ญา แลวผูกสมี าดว ยกรรมวาจาวา สุณาตุ เม ภนฺเตสงโฺ ฆ เปน ตน ทพี่ ระผูมพี ระภาคเจาตรสั ไวในลาํ ดบั แหงการกําหนดนิมิต.ในเวลาทีจ่ บกรรมวาจาน่นั เอง กนั นิมิตท้ังหลายไวภายนอก สมี ายอ มหยงลงไปในเบอ้ื งลางลึกถึงนํา้ รองแผนดนิ เปน ทส่ี ดุ . อรรถกถาวธิ ีผุกมหาสีมา จบ อรรถกกถาวธิ ีผกู ขณั ฑสมี า ภกิ ษุท้ังหลายผูจ ะสมมตสิ งั วาสกสีมาน้ี ควรผกู ขณั ฑสีมากอน เพ่อื ทาํสงั ฆกรรมท้งั หลายมบี รรพชาและอุปสมบทเปน ตน ไดส ะดวก, กแ็ ลเมือ่ จะผูกขัณฑสมี านัน้ ตอ งรจู กั วตั ร. ก็ถาจะผกู ในวดั ที่อยูท่ที ายกสรางใหป ระดิษฐานวัตถทุ ั้งปวง มีตน โพธิ์ เจดียแ ละหอฉันเปนตนเสรจ็ แลว อยา ผูกตรงกลางวดั .ทอ่ี ยูอนั เปน สถานทป่ี ระชมุ ของชนมาก พงึ ผกู ในโอกาสอนั สงดั ที่สุดทายวดั ที่อยู. เมอ่ื จะผูกในวดั ท่ีอยทู ่ที ายกไมไ ดส รา ง พึงกะที่ไวสาํ หรับวตั ถทุ ัง้ ปวง มีตน โพธิ์และเจดียเ ปน ตนไวแลว เมื่อประดษิ ฐานวัตถุทัง้ หลายเสร็จแลว ขณั ฑ-
พระวนิ ัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 410สีมาจะอยใู นโอกาสอันสงดั สดุ ทายวัดท่อี ยูด ว ยประการใด พงึ ผูกดวยประการน้นัเถดิ . ขัณฑสมี าน้ันโดยกาํ หนดอยางต่ําทีส่ ดุ ถาจภุ ิกษไุ ด ๒๑ รูป ใชไ ด. ยอมกวานัน้ ใชไมได, ทีใ่ หญแมจ ภุ ิกษุจาํ นวนพนั ก็ใชไ ด. เม่อื จะผูกขณั ฑสมี านัน้ พงึ วางศิลาทีค่ วรเปน นมิ ิตไดไ วโดยรอบโรงท่จี ะผูกสีมา. อยายนื อยูในขัณฑสมี า ผกู มหาสีมา, อยายืนอยูใ นมหาสมี า ผกู ขัณฑสมี า. แตต องยนื อยูเฉพาะในขณั ฑสีมา ผูกขณั ฑสมี า, ตอ งยนื อยเู ฉพาะในมหาสมี า ผกู มหาสีมา. อรรถกถาวิธีผูกมหาสีมา จบ อรรถกถาวิธผี กู สีมา ๒ ช้นั ในสีมา ๓ ชนิดนน้ั มีวธิ ีผูก ดังตอไป:- พึงกําหนดนมิ ิตท้ังหลายโดยรอบอยา งน้ีวา ศิลานัน่ เปนนิมติ แลวผกู สีมาดวยกรรมวาจา. ลาํ ดับนนั้ พึงทําอวิปปวาสกรรมวาจาซ้ําลง เพ่ือทาํขัณฑสีมานัน้ แลใหมน่ั คง. จริงอยู เม่ือทําอยา งนน้ั แลว ภิกษทุ ัง้ หลายผมู าดวยคดิ วา เราทง้ั หลาย จกั ถอนสีมา จักไมอ าจถอน. ครั้นสมมติสีมาแลวพงึ วางศลิ าหมาย สีมันตรกิ ไวภ ายนอก. สมี ันตริก วา โดยสวนแคบที่สดุประมาณศอก ๑ จงึ ควร. ในกรุ ุนทแี กวา แมประมาณคืบ ๑ ก็ควร ในมหาปจจรีแกวา แมประมาณ ๔ น้ิวก็ควร. ก็ถาวัดทีอ่ ยใู หญ ควรผูกขณั ฑสีมาไว ๒ แหง กไ็ ด ๓ แหง กไ็ ด เกนิ กวา นน้ั กไ็ ด. คร้ันสมมติขณั ฑสีมาอยางนัน้ แลวในเวลาจะสมมติมหาสีมา พึงออกจากขัณฑสมี า ยนื อยูในมหาสมี า กําหนดศลิ าหมายสมี นั ตรกิ เดนิ วนไปโดยรอบ, ลาํ ดับนนั้ พงึ กาํ หนดนมิ ิตทงั้ หลายที่เหลือแลวอยาละหตั ถบาสกัน พงึ สมมตสิ มานสงั วาสกสีมาดว ยกรรมวาจาแลวทาํ อวิปปวาสกรรมวาจาดว ย เพ่อื ทาํ สมานสงั วาสกสมี านัน้ ใหม่ันคง.
พระวนิ ัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 411 จรงิ อยู เมอื่ ทาํ อยางนัน้ แลว ภิกษทุ ้ังหลายผูม าดว ยคิดวาเราทั้งหลายจักถอนสมี า จกั ไมสามารถถอนได. แตถ ากําหนดนิมติ แหงขัณฑสมี าแลวลําดบั นัน้ จงึ กําหนดนมิ ติ ทส่ี ีมนั ตริกแลว กําหนดนิมติ แหง มหาสมี า. คร้ันกําหนดนิมิตใน ๓ สถานอยา งนแ้ี ลว, ปรารถนาจะผูกสมี าใด. จะผกู สีมานั้น.กอนกค็ วร. แมเมอ่ื เปน เชนนน้ั . ก็ควรผกู ตั้งตน ขัณฑสีมาไปโดยนยั ตามที่กลาวแลว . ก็บรรดาสีมาทั้งหลายทีส่ งฆผ ูกอยางนนั้ ภิกษุทัง้ หลาย ผูสถิตอยใู นขัณฑสีมา ยอมไมทําใหเ สยี กรรมของเหลา ภิกษผุ ูทาํ กรรมในมหาสีมา, หรอื ผูสถติ อยูใ นมหาสมี า ยอ มไมท ําใหเ สยี กรรมของเหลา ภิกษผุ ทู ํากรรมในขัณฑสมี าอน่งึ ภิกษุผสู ถติ อยใู นสมี นั ตรกิ ยอมไมทําใหเ สียกรรมของเหลา ภิกษทุ งั้ ๒ พวกแตภกิ ษุผูสถิตในสมี ันตรกิ ยอมทําใหเ สยี กรรมของเหลาภกิ ษุผูสถติ ในคามเขตกระทาํ กรรม, จรงิ อยสู ีมันตริกยอมควบถงึ คามเขต.๑ อรรถกถาวธิ ผี ูกสมี า ๒ ชนั้ จบ อรรถกถาวิธีผูกสมี าบนศิลาดาดเปนตน อนั ทจ่ี ริง ธรรมดาสีมานนั้ ซง่ึ ภกิ ษสุ งฆผ กู แลว บนพื้นแผนดินอยางเดียวเทานน้ั จงึ จดั วาเปน อนั ผูก หามไิ ด. โดยทแี่ ท สมี าที่ภกิ ษุสงฆผ ูกไวบนศลิ าดาดก็ดี ในเรือนคอื กุฎกี ด็ ี ในกุฎที ่เี รนก็ดี ในปราสาทกด็ ี บนยอดเขากด็ ีจดั วาเปน อันผูกแลวเหมอื นกันท้ังน้นั . ในสถานทเี่ หลา นั้น เมือ่ ภกิ ษทุ ง้ั หลายจะผูกบนศลิ าดาด อยา สกัดรอยหรือขุดหลมุ ดงั ครก บนหลงั ศิลาทาํ ใหเปน นมิ ิต. ควรวางศลิ าท่ไี ดข นาดเปน๑. ตามนัยโยชนาแปลวา . . . ยอมถึงความเปน คามเขต.
พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 412นมิ ติ แลวกาํ หนดใหเปน นมิ ติ , สมมตดิ วยกรรมวาจา. ในเวลาจบกรรมวาจาสีมายอมหยั่งลงไปถงึ น้ํารองแผน ดินเปนที่สุด. ศิลาท่เี ปนนมิ ิตจะไมต ัง้ อยูใ นท่ีเดมิ เพราะฉะนั้น ควรทาํ รอยใหป รากฏโดยรอบ หรือสกดั เจาะศลิ าทมี่ มุ ทงั้ ๔หรอื จารกึ อกั ษรไววา ตรงนเ้ี ปนแดนกาํ หนดสมี า ก็ได. ภกิ ษบุ างพวกริษยาจดุ ไฟข้ึน ดว ยคิดวา จกั เผาสมี าเสีย ยอมไหมแตศ ลิ า สีมาหาไหมไม. เม่ือจะผูกในเรอื นคอื กฎุ เี ลา อยา กําหนดฝาเปน นิมิต ควรวางศิลาเปนนมิ ิต กะสถานที่วางพอจภุ ิกษุ ๒๑ รูปไวขา งในแลว สมมตสิ ีมาเถิด. รวมในฝาเทาน้ัน ยอมเปนสมี า. ถาในรวมในฝาไมม ีท่วี า งพอจุภิกษุได ๒๑ รปู ควรวางศลิ านมิ ติ ทหี่ นามุขกไ็ ด แลว สมมตสิ ีมา. ถา แมห นา มุขนัน้ ไมพอ ควรวางนมิ ติ ทง้ั หลายในทีซ่ งึ่ น้ําตกจากชายคาภายนอก แลว จึงสมมตสิ มี า. ก็เมอื่ สมมติสีมาอยางน้ัน เรอื นคอื กุฎีทง้ั หมด เปน อนั ตัง้ อยูในสีมาแท. เมื่อจะผกู ในกุฎที ่เี รน ซึ่งมีฝา ๔ ดานเลา อยากาํ หนดฝาเปน นิมติ ควรกําหนดแตศ ลิ า. เมอ่ื ขา งในไมม ที ว่ี าง ควรวางนิมิตท้งั หลายไวท ีห่ นามขุ กไ็ ด.ถาหนามขุ ยงั ไมพ อ ควรวางศลิ านิมิตทง้ั หลายไวในทซี่ ึ่งน้ําตกจากชายคาในภายนอก แลวกาํ หนดนมิ ติ สมมตสิ ีมา. เมอื่ ผูกอยางน้ี ยอ มเปนสีมาทงั้ ภายในทัง้ภายนอกกฎุ ที ี่เรน. เมือ่ จะผกู บนปราสาทเลา อยา กาํ หนดฝาเปน นมิ ติ พึงวางศลิ าท้งั หลายไวภ ายในแลว สมมตสิ ีมาเถิด. ถาภายในปราสาทไมพอ พงึ วางศิลาทัง้ หลายที่หนามุขแลวสมมติเถดิ . สมี าที่สมมตอิ ยา งนี้ยอ มอยูเ ฉพาะบนปราสาทเทา นัน้ . ไมหยัง่ ลงไปถงึ ขางลา ง แตถ า ปราสาททีท่ าํ บนรอดทร่ี อ ยในเสามากตน ฝาช้นั ลา งสงู ข้นึ ไปเนอื่ งเปนอนั เดยี วกับไมรอดท้งั หลาย โดยประการท่ีมรี วมในแหงนมิ ิตทั้งหลาย สีมายอ มหยงั่ ถงึ ภายใต. สว นสมี าที่ผูกบนพนื้ ปราสาทเสาเดยี ว ถา บน
พระวินัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 413ปลายเสา มีโอกาสพอจุภิกษุได ๒๑ รปู ยอมหย่งั ถึงภายใต. ถาวางศิลาท้งัหลายในท่เี ปน ตน วา กระดานเรียบอันยน่ื ออกไปจากฝาปราสาทแลวผูกสมี า ฝาปราสาทยอมอยูภายในสมี า, สว นการที่สมี านัน้ จะหยง่ั ถงึ ภายใตห รือไมหยั่งลงไปพงึ ทราบตามนยั ท่กี ลา วแลวน่ันแล. เมอื่ จะกาํ หนดนมิ ติ ภายใตปราสาทเลา อยากาํ หนดฝาและเสาไมเ ปน นมิ ติ แตจ ะกาํ หนดเสาศลิ าซง่ึ ยึดฝาไวควรอย.ู สีมาท่ีกําหนดอยางน้ี ยอ มมเี ฉพาะรวมในแหงเสาริมโดยรอบของภายใตป ราสาท. แตถา ฝาภายไตป ราสาทเปนของเน่อื งถึงพนื้ ช้ันบน สมี ายอมขน้ึ ไปถึงชน้ั บนปรา-สาทดว ย ถาทา นมิ ติ ในที่ซ่งึ น้าํ ตกจากชายคานอกปราสาท ปราสาททง้ั หมดตั้งอยใู นสีมา. ถา พน้ื บนยอดเขาเปน ท่ีควรแกโ อกาส พอจภุ ิกษุได ๒๑ รูป ผกู สมี าบนพน้ื นั้น อยา งที่ผกู บนศลิ าดาด, แมภ ายใตภเู ขาสีมายอ มหย่งั ลงไปถึง. โดยกาํ หนดน้ันเหมอื นกัน. แมบ นภูเขาทมี่ สี ณั ฐานดงั โคนตนตาลเลา สีมาทีผ่ กู ไวขางบน ยอมหยงั่ ลงไปถงึ ขา งลางเหมอื นกนั . สว นภูเขาใดมีสณั ฐานดงั ดอกเห็ดขา งบนมีโอกาสพอจุภิกษุได ๒๑ รปู ขางลางไมมี สมี าท่ีผกู บนภเู ขาน้ัน ไมหยัง่ ลงไปขา งลา ง. ดวยประการอยางน้ี ภเู ขามสี ัณฐานดังตะโพนหรือมสี ณั ฐานดังบัณเฑาะกกต็ ามที ขางลา งหรือทรงกลางแหงภูเขาใด ไมมพี ื้นทเ่ี ทา ตัวสมี าสีมาท่ผี กู บนภูเขาน้ัน ไมห ยั่งลงขา งลา ง สว นภูเขาใดมี ๒ ยอดตง้ั อยูใกลก นับนยอดแมอันหนงึ่ ไมพ อเปน ประมาณแหง สมี า ควรกอหรือถมตรงระหวางยอดแหง ภเู ขาน้นั ใหเตม็ ทาํ ใหเ นอื่ งเปน พืน้ เดยี วกันแลวจึงสมมตสิ ีมาขางบน,ภเู ขาลกู ๑ คลา ยพงั พานงู เบือ้ งบนภเู ขาน้ัน ผูกสมี าได เพราะมีโอกาสไดป ระมาณเปน สีมา; ถา ภายใตภ ูเขานนั้ มเี งือ้ มอากาศสมี าไมห ยงั่ ลงไป. แตถาตรงกลางเงื้อมอากาศนน้ั มศี ิลาโพรงเทาขนาดสีมา สีมายอมหยัง่ ลงไปถงึ . และศลิ านนั้ เปนของทงั้ อยใู นสมี าแท. ถาแมฝ าแหงทเ่ี รนภายใตภ ูเขานน้ั ตง้ั จดถงึ
พระวนิ ัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 414สว นยอด สมี ายอ มหยง่ั ถงึ ทัง้ ขางลา ง ทัง้ ขางบน ยอมเปน สมี าหมด. แตวาดา นในทเ่ี รน ในภายโต อยูขางนอกแนวแหง แดนเปนที่กําหนดสีมาท่อี ยขู า งบนสีมาไมหยงั ไปถงึ ภายนอก (แหงทีเ่ รน ) ถา แมดา นนอกท่เี รน อยขู า งในแถวแหงแดนเปน ท่กี าํ หนดสีมาที่อยูขางบนนัน้ สมี าไมห ยั่งไปถึงในภายใน (แหงท่ีเรน ) ถา แมขางบนภูเขานนั้ มีโอกาสเปน ท่ีกําหนดสีมาเลก็ ขา งใตมที เ่ี รนใหญเ กนิ โอกาสกําหนดสีมา สีมายอมมีเฉพาะขางบนเทานัน้ ไมห ยง่ั ลงไปถงึภายใต แตถ า ท่ีเรนเล็กขนาดเทา สมี าขนาดเลก็ ทส่ี ดุ สีมาขางบนใหญ. สมี าท่ีตงั้ ครอบท่ีเรน ไวนัน้ ยอมหยั่งลงไปถงึ . ถา ที่เรน เล็กเกินไป ไมไดข นาดกับสมี า สมี ายอ มมีเฉพาะขา งบนเทาน้นั ไมห ยงั่ ลงในภายใต ถา ภูเขามีสณั ฐานดงัพงั พานงนู ้นั พังตกสงไปเองครั้งหนง่ึ แมถา ไดป ระมาณสมี า สวนท่ตี กลงไปภายนอก ไมเปน สีมา. สวนทีไ่ มตกลงไป ถา ไดประมาณสมี า ยังคงเปน สมี า. ขัณฑสีมาเปนพืน้ ทีล่ มุ พนู ถมขัณฑสีมานัน้ ทําใหมีพ้ืนทีส่ ูงขึน้ คงเปน สีมาตามเดมิ . ชนทง้ั หลายทาํ เรอื นในสีมา เรือนนนั้ เปนอันน้ันอยใู นสีมาดว ย. ขุดสระโบกขรณใี นสีมา สีมาน้ัน ก็คงเปน สมี าอยูนั่นเอง. หว งนาํ้ ไหลทวมมณฑลสมี าไป จะผูกแครทาํ สังฆกรรมในยา นสมี า ก็ควร. แมนา้ํ มอี ุโมงคอยภู ายใตส มี า. ภกิ ษุผมู ฤี ทธิ์นงั่ อยูในแมน าํ้ มอี โุ มงคนัน้ ถา แมนาํ้ นน้ั ผา นไปกอ น สมี าผกู ทหี ลัง, ไมยงั กรรมใหเ สยี . ถาผูกสีมากอ น, แมนาํ้ ผา นไปทหี ลัง, ภกิ ษุน้ันยงั กรรมใหเสีย. อน่ึง ภิกษุผูสถิตอยู ณ ภายใตพ ้นื แผนดนิยอมยงั กรรมใหเ สียเหมอื นกนั . กต็ น ไทรมีอยูในลานขัณฑสมี า. ก่ิงแหงตน ไทรน้ัน หรอื ยา นไทรทย่ี ่นื ออกจากตน ไทรนั้น จดพ้นื แผนดนิ แหง มหา-สมี ากด็ ี จดตนไมเปนตนทเ่ี กดิ ในมหาสีมานั้นก็ด,ี พงึ ชําระมหาสมี าใหห มดจดแลวจึงทํากรรม หรือตดั ก่ิงและยา นไทรเหลานน้ั เสยี กระทาํ ใหตง้ั อยูภายนอกกไ็ ด. ภิกษผุ ขู ้ึนไปบนกงิ่ ไมเปน ตน ทไ่ี มจดกนั ควรนํามาเขาหัตถบาส. ดว ยประการอยางนนั้ กง่ิ แหง ตนไมท เ่ี กดิ ในมหาสมี ากด็ ี ยานไทรกด็ ี ยอมทั้งอยู
พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 415ในลานแหง ขณั ฑสีมา ตามนยั ท่ีกลาวแลว น่ันแล. พงึ ชําระสีมาใหห มดจดแลวจึงทาํ กรรม หรือตัดกง่ิ และยานโทรเหลา นนั้ เสยี กระทาํ ใหต ้ังอยูภายนอกก็ไดตามนยั ทีก่ ลาวแลวนนั่ แล. หากวา เมอ่ื สงฆก ําลงั ทํากรรมในยานขณั ฑสีมา ภกิ ษุบางรปู น่งั อยูบ นกง่ิ ไมท ที่ อดอยบู นอากาศย่ืนเขาไปในยานสีมา เทา ของเธอถึงภาคพ้นื ก็ดี สบงจวี รของเธอถูกภาคพนื้ ก็ด,ี ไมส มควรทาํ กรรม. แตใ หเธอยกเทาทั้ง ๒ และสบงจวี รขึน้ เสยี แลวทํากรรม ควรอยู. อันลักษณะน้ี บัณฑติพงึ ทราบแมต ามนยั กอ น. สว นเนอื้ ความที่แปลกกัน มดี ังตอ ไปนี้:- ใหเ ธอยกข้ึนแลว ทํากรรมในขัณฑสมี านั้น ไมค วร ตอ งนํามาเขา หัตถ-บาสแท. ถาภูเขาซ่งึ ตั้งอยูภายในสีมาสงู ตรงขนึ้ ไป ภิกษุผสู ถติ อยบู นภูเขานั้นตองนาํ มาเขา หัตถบาส. แมในภิกษผุ ูเขาไปขางในภเู ขาดว ยฤทธ์ึ กม็ ีนัยเหมอื นกนั . แทจ ริง สมี าที่สงฆผูกเทา นัน้ ไมค รอบถึงประเทศทีไมไ ดประมาณ วตั ถุไมเลอื กวา ชนิดไรท่ีเกดิ ในพัทธสมี า ถึงกนั เขา ดวยความเกยี่ วพนั เปน อันเดียวกนั ในทใ่ี ดทีห่ น่งึ ยอ มนับวาเปน สีมาทัง้ นน้ั . วนิ จิ ฉยั ในบทวา ตโิ ยชนปรม น้วี า สีมาชอ่ื วา มี ๓ โยชนเปนอยางยิ่ง เพราะมี ๓ โยชนเ ปนประมาณอยา งสูง. ซ่งึ สมี ามี ๓ โยชนเ ปน อยา งยง่ิ น้ัน.สมี าน้ัน ภิกษผุ จู ะสมมตติ อ งสถิตอยตู รงกลาง สมมตใิ หม โี ยชนก ่ึงในทศิท้งั ๔ คือวดั จากทีซ่ ่ึงตนสถิตนั้นออกไป. แตถาสถิตอยตู รงกลางแลว วัดออกไปทิศละ ๓ โยชน. ยอมรวมเปน ๖ โยชน. เชน นี้ ใชไมไ ด. ภกิ ษุจะสมมติสมี า ๔ เหลย่ี มเทากนั หรอื ๓ เหลยี่ ม พึงสมมติใหว ดั จากมมุ หน่งึ ไปหามุมหนึ่งไดร ะยะ ๓ โยชน. ก็ถา ใหท ่สี ดุ รอบแหง ใดแหงหน่งึ เกิน ๓ โยชนไปแมเ พียงปลายเสนผมเดียว ตองอาบตั ดิ วย ท้ังสีมาไมเปน สีมาดวย. อรรถกถาวธิ ผี ูกสมี าบนศิลาดาด จบ
พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 416 อรรถกถทปี ารสีมา วนิ ิจฉัยในบทวา นทปี าร นต้ี อ ไป:- ท่วี า ฝง เพราะเหตุวา กั้นไว, ถามวา กนั้ อะไร ? ตอบวา ก้นั แมน ้าํฝง แหงแมน ้าํ ชือ่ นทปี ารา ความวา ซ่ึงสมี าตรอบฝง แมน ํ้าน้นั .๑ กล็ กั ษณะแหงแมน ํ้า ในบทวา นทปี าร น้ี มีนัยดังกลาวแลว ในนทีนิมิตนั่น เอง. ขอ วา ยตฺถสสฺ ธวุ นาวา วา มีความวา ในแมน้ําใด มเี รอื สญั จร้ืไปมาเปน นจิ ท่ที า ทั้งหลายอันยังเปนสถานท่ีผูกสมี า, เรอื ใด โดยกําหนดอยา งเล็กทีส่ ุด พอพาคนไปได ๓ คนทง้ั คนพาย กถ็ า เรอื นน้ั เขานาํ ไปขา งเหนือหรือขา งใต ดวยกรณยี กิจเฉพาะบางอยา งเพื่อตอ งการจะกลบั มาอกี กด็ ีถูกพวกขโมยลักไป แตพึงไดคืนเปน แนกด็ ี อนึง่ เรือใด ถูกพายุเชือกขาดคลืน่ ซดั ออกไปกลางแมน ้าํ พึงนาํ กลับคนื มาไดแนนอนก็ดี เรอื น้นั ยอ มเปนธวุ นาวาอกี เทยี ว. เรือเขาเข็นขึน้ บกไวในเม่อื นํ้าลงงวดกด็ ี เรือทเี่ ขาเอาส่งิ ของเปน ตน วา ปูนขาวและนาํ้ เชอ้ื บรรทุกเตม็ จอดไวก ด็ ี จัดเปนธุวนาวาได. ถาเปน เรอื แตก หรือมีแนวกระดานครากออก ยอมไมควร. แตพระมหาปทุมตัเถระกลา ววา แมหากวา ภิกษุทั้งหลายยมื เรือมาชว่ั คราว จอดไวใ นที่ผูกสีมาแลว กําหนดนิมติ เรือน้ันจดั เปน ธวุ นาวาเหมือนกนั .๑. ฎกี าและโยชนา แกปารยติวา อชโฺ ฌตถฺ รติ และวา ทเ่ี ปนปารา มใิ ชป าร เอาฝงโนน กเ็ พราะเพงเอาสมี าศพั ท ดังนัน้ นาจะแปลวา สมี าช่ือวา ครอม กเ็ พราะยอ มครอ ม ถามวายอ มครอ มอะไร ? ตอบวา ยอมครอมแมน า้ํ . สีมาครอ มแมนา้ํ ชอื่ นทีปารสมี า. ซึ่งนทีปารสมี าน้ัน.อธิบายวา ซง่ึ สีมาอนั ครอมแมน า้ํ อยู. อนงึ่ บาลตี รงน้ีเปน นทีปารสมี แต ย.ุ และสี. เปนนทีปาร สีม อยางในอรรถกถา.
พระวนิ ัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 417 ในบทวา ธุวนาวา น้นั พระมหาสมุ ัตเถระแกว า นิมิตกด็ สี ีมาก็ดียอ มไปดว ยกรรมวาจา หาไดไปดวยเรอื ไม, แตพระผูมีพระภาคเจาทรงอนุญาตธวุ นาวาไว, เพราะฉะนน้ั ตอ งเปน เรือประจาํ แท ๆ จงึ จะสมควร. ขอวา ธุวเสตุ วา มคี วามวา แมน ํา้ ใด มสี ะพานสาํ หรบั พวกคนเดนิ เทา ซ่ึงทาํ เสร็จดวยไมขนานกนั หรอื เรียบดว ยแผนกระดานกด็ ี มีสะพานใหญค วรแกก ารสญั จรแหงสัตวพ าหนะ มีชา งและมาเปน ตน กด็ ี ชัน้ ท่สี ุด แมสะพานทพี่ อเดนิ ไปไดคนเดียว ซ่งึ เขาตดั ไมป ระกอบพอเปน ทางสญั จรของมนุษยทงั้ หลาย ในขณะน้นั เองยอมนับวา สะพานถาวร เหมอื นกนั . แตถาแมเอามือยืดหวายและเถาวัลยเปนตน ทีผ่ ูกไวขา งบนแลว ยงั ไมอาจไดข า มไปโดยสะพานนั้นได, เราควร. ขอวา เอวรปู นทีปารสีม สมมฺ นฺนติ ุ มคี วามวา ในแมนํ้าไดมีเรอื ประจําหรือสะพานถาวรมีประการดงั กลาวแลวนี้ ทีท่ า ตรงกนั นัน้ เอง เราอนุญาตใหส มมตนิ ทปี ารสีมาเหน็ ปานนัน้ ในแมน า้ํ น้นั ได. ถา เรอื ประจาํ ก็ดีสะพานถาวรก็ดี ไมมีทที่ า ตรงกนั ขนึ้ ไปขา งบนหรือลงไปขา งลางหนอ ยหน่งึจงึ มี แมอ ยา งนี้ ก็ควร. แตพ ระกรวกิ ตสิ สเถระกลา ววา แมใ นระยะเพียงคาวตุ หนง่ึ มเี รือประจําหรอื สะพานถาวร กค็ วร. ก็แล เมอื่ ภิกษุจะสมมตินทีปารสีมานี้ พงึ ยนื ทีฝ่ งหนง่ึ กาํ หนดนิมิตทฝ่ี ง แมน ํา้ ทางเหนือน้ํา แลว วนไปรอบตัวตัง้ แตน มิ ิตน้ัน พงึ กําหนดนมิ ติ ท่ีฝงแมน้าํ ทางใตน้าํ ในท่ีสุดแหงแดนกาํ หนดเทาท่ตี อ งการแลว กําหนดนิมิตที่ฝง แมน ้าํ ในท่ีซ่ึงตรงขา มกบั ฝง โนน . ต้งั แตน ้ันไป พึงกาํ หนดเรื่อยไปจนถึงนิมิตที่ฝง แมน าํ้ ซ่ึงตรงกบั นิมิตท่กี าํ หนดไวเ ปนทีห่ น่ึงทางเหนอื นํ้า ดวยอาํ นาจแดนกําหนดเทาท่ีตอ งการ แลว กลบั มาเช่อื มกับนิมติ ที่กําหนดไวเปนท่ี
พระวินัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 418หน่งึ . ลาํ ดับน้ันพึงใหภกิ ษุทงั้ หลายซ่งึ สถิตอยูภ ายในนมิ ิตทัง้ ปวงเขาหตั ถบาสแลว สมมตสิ ีมาดว ยกรรมวาจา ภกิ ษผุ ูสถิตอยูในแมน้ํา แมไมม า กไ็ มท าํ ใหเสยี กรรม. ในขณะทส่ี มมตเิ สร็จ เวนแมน าํ้ เสีย รวมในแหงนมิ ิตท้ังหลายยอ มเปนสมี าอันเดยี วกัน ทง้ั ฝง นอกและฝง ใน. สวนแมน าํ้ ไมน ับวาเปนพทั ธสีมา เพราะวา แมน าํ้ นนั่ เปนนทีสมี าแผนกหนึ่งแลว. หากวา ภายในแมนํ้า มีเกาะ ปรารถนาจะทําเกาะน้นั ไวภายในสีมา พงึ กาํ หนดนิมิตท้งั หลายทฝี่ งซึง่ ตนสถิตอยูตามนยั กอ นน่ันแล แลว กําหนดนมิ ติ ที่ทา ยเกาะทง้ั ฝง นแ้ี ละฝง โนน ลําดับน้ัน พงึ กาํ หนดนิมิตทฝี่ งโนน ในทีซ่ ง่ึ ตรงกันขา มกบั นิมติ ทฝี่ งน้แี หงแมนํ้า ตั้งแตน ้ันไป พงึ กําหนดเร่ือยไปจนถงึ นมิ ติ ซ่งึ ตรงกบั นิมติ ที่กาํ หนดไวเปนที่หนึ่งทางเหนอื นํ้า ตามนยั กอนนั่นแล ลาํ ดับนั้นพึงกําหนดนิมติท่ีทา ยเกาะทัง้ ฝงโนน และฝง นี้ แลว กลบั มาเช่ือมกบั นมิ ติ ท่กี ําหนดไวเ ปน ทห่ี นงึ่ลาํ ดับนนั้ พึงใหภ กิ ษุท้งั หลายทฝี่ ง ท้งั ๒ และทเี่ กาะเขา หัตถบาสกนั ท้ังหมดแลวสมมตสิ ีมาดว ยกรรมวาจา. ภิกษุผสู ถิตอยูในแมนํ้า แมไ มมา กไ็ มทาํ ใหเ สยี กรรม. ในขณะท่ีสมมตเิ สรจ็ เวนแมนาํ้ เสยี รวมในแหงนมิ ติ ทงั้ หลาย ท้งั ๒ ฝง แมน ้ํา ทั้งเกาะ ยอมเปน สมี าอันเดียวกนั . สว นแมนํา้ คงเปนนทีสีมา. ก็แล ถา เกาะยาวเกินกวาแดนกาํ หนดสมี าแหงวดั ท่อี ยไู ปทางเหนือนา้ํ หรอื ทางใตน้ํา เมอื่ เปนเชน นนั้ พงึ กาํ หนดนิมติ ทา ยเกาะฝง ใน ซึ่งตรงกนั กบั นิมติ แหงแดนกําหนดสมี าตง้ั แตน ัน้ ไป เมือ่ จะโอบรอบหวั เกาะ ตอ งกาํ หนดนิมิตทา ยเกาะฝง นอก ซึ่งตรงกันขามกบั นมิ ิตทายเกาะฝงในอีก. ตอจากนัน้ ไป พึงเริ่มตนแตน มิ ิตท่ตี รงกนั ขามท่ีฝง โนน กําหนดนมิ ิตทฝ่ี ง โนน และนิมติ ทายเกาะทัง้ ฝงนอกและฝง ในเสรจ็ ตามนัยกอนนั่นแล แลว จึงทําการเชอ่ื มกับนมิ ิตที่กําหนดไวเ ปนทหี่ นงึ่ .
พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 419สมี าทีก่ าํ หนดนิมิตสมมติอยา งนี้ยอ มมีสัณฐานดังภเู ขา. แตถ า เกาะยาวเกนิ กวาแดนกําหนดสีมาแหงวิหาร ท้ังเหนือนาํ้ ทัง้ ใตน า้ํ ไซร, เม่ือกาํ หนดนิมติ โอบรอบหัวเกาะทง้ั ๒ ตามนัยกอนนน่ั แล แลว จึงทาํ การเช่ือมนิมติ . สมี าทก่ี าํ หนดสมมตอิ ยา งนี้ ยอ มมสี ณั ฐานดงั ตะโพน. ถาเปน เกาะเล็กอยภู ายในแหง แดนกาํ หนดสมี าวหิ าร พงึ กําหนดนิมิตทง้ั หลายตาม นัยแรกแหงนัยทงั้ ปวง. สมี าท่ีกาํ หนดสมมตอิ ยา งน้ัน ยอมมสี ณั ฐานดังบัณเฑาะว. บทวา อนุปรเิ วณิย ไดแ ก บริเวณนนั้ ๆ ในวดั ท่ีอยแู หง หนงึ่ . บทวา อสงเฺ ถเตน ไดแ ก ไมทาํ ทสี่ งั เกตไว. สองบทวา เอก สมูหนติ ฺวา ไดแ ก ถอนเสียดว ยกรรมวาจา. ขอวา ยโต ปาฏโิ มกฺข สณุ าติ มคี วามวา ภกิ ษุนงั่ ในหตั ถบาสของภิกษุทงั้ หลายฟงปาติโมกขอ ยู เพราะเหตุใด เพราะเหตุนั้น อุโบสถเปนอันเธอกระทําแลว แท. ก็คําวา ยโต ปาฏิโมกขฺ สุณาติ น้ี พระผมู ีพระภาคเจาตรัสไวเน่อื งกับเร่อื ง. ถึงเมือ่ ภกิ ษนุ ัง่ แลวในหตั ถบาส แมไ มฟ ง อุโบสถกเ็ ปน อนัทําแลว . ขอวา นิมิตตฺ กิตฺเตตพฺพา มคี วามวา จะกาํ หนดนมิ ติ ชนดิ ใดชนดิ หนึง่ มีศลิ า อฐิ ทอนไมแ ละหลักเปน ตน เลก็ กด็ ี ใหญก ็ดี ทําใหเปนเครือ่ งหมายแหงหนา มุขอุโบสถ ไวก ลางแจง หรอื ในทใ่ี ดทีห่ นง่ึ มโี รงกลมเปนตน ยอ มควร. อกี อยางหน่ึง ขอ วา นมิ ติ ตฺ า กิตเฺ ตตพพฺ า มีความวา พงึ กาํ หนดวตั ถุทง้ั หลายท่ีใชเปน นิมิตไดก็ตาม ท่ใี ชเปนนมิ ติ ไมไ ดก ็ตาม เปนนมิ ติ เพ่อื รูแดนกําหนด.
พระวินยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 420 ในขอ วา เถเรหิ ภกิ ขฺ หู ิ ปมตร สนนฺ ปิ ตติ ุ น้ี มีวินจิ ฉยั วาหากวา พระมหาเถระไมม ากอน ทานกต็ องทุกกฏ. ในขอ วา สพฺเพเหว เอกชฌฺ สนนฺ ปิ ติตวฺ า อุโปสโถ กาตพโฺ พน้ี มีวินจิ ฉยั วา ถา อาวาสเกา มีอยูท ามกลางวดั ทีอ่ ยู. และในอาวาสเกานี้ มีท่ีนง่ั พอแกภิกษทุ งั้ หลาย พึงประชมุ กันทาํ อุโบสถในอาวาสนั้น. ถา อาวาสเกาท้ังทรดุ โทรมทัง้ คบั แคบ อาวาสอื่นท่สี รา งทหี ลังไมค ับแคบ พงึ ทําอโุ บสถในอาวาสน้นั . แมใ นขอ วา ยตฺถ วา ปน เถโร ภิกฺขุ วหิ รติ น้ี มวี ินิจฉยัวา ถา วดั ท่อี ยขู องพระเถระพอแกภ กิ ษทุ งั้ ปวงเปนท่สี ําราญ สะดวก พึงทาํ อุโบสถในวัดท่ีอยนู ้ัน. แตถ าวัดท่อี ยูนนั้ อยูในประเทศอันไมราบเรยี บปลายแด, พึงบอกแกพ ระเถระวา ทา นผูเจริญวดั ท่ีอยขู องทานเปนถ่นิ ท่ีไมสาํ ราญ ไมสะดวกท่ีนี่ไมม ีโอกาสสาํ หรบั ภิกษทุ งั้ หมด ท่ีอาวาสโนน มโี อกาส ทา นสมควรจะไปที่อาวาสน้ัน. หากวา พระเถระไมม า พงึ นาํ ฉันทะและปารสิ ทุ ธิของทานมาแลว ทาํ อุโบสถในสถานทผี่ าสุกเพียงพอแกภ ิกษุท้งั ปวง. บทวา อนธฺ กวนิ ทฺ า มีความวา วดั ชอ่ื อนั ธกวนิ ทะ หา งจากกรุงราชคฤหประมาณคาวจุ ๑ เทา นน้ั พระเถระอาศัยวัดนน้ั อยูมาจากอันธกวิน-ทวิหารนน้ั สูก รุงราชคฤห เพื่อทําอโุ บสถ. อธิบายวา จริงอยู มหาวหิ าร๑๘ ตําบล รอบกรงุ ราชคฤหม สี ีมา อันเดียวกันท้ังหมด สมี าแหง มหาวิหารเหลานน้ั พระธรรมเสนาบดผี กู เพราะเหตุฉะนัน้ พระมหากัสสปเถระจงึ ตองมา เพือ่ ใหส ามัคคแี กส งฆใ นเวฬวุ นั . สองบทวา นทึ ตรนฺโต ไดแก ขา มแมนา้ํ ชือ่ สิปปนยิ ะ.
พระวนิ ัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 421 ขอ วา มน วฬุ ฺโห อโหสิ มคี วามวา ไดเ ปนผูม ีภาวะอนั นาํ้ พดัไปไมถงึ นดิ หนอย. ไดยนิ วา แมน ้ําน้นั ไหลลงจากภเู ขาคชิ ฌกูฏ พดั ไปดว ยกระแสอันเชีย่ วพระเถระไมทนั ใสใ จถึงนํา้ ในแมนาํ้ นั้น ซง่ึ กําลงั ไหลเชีย่ วจึงไดเ ปน ผูถูกนา้ํ พดัไปหนอ ยหน่ึง แตไ มถึงกับลอย จีวรท้ังหลายของทา นถกู นํา้ ซัด จึงเปย ก. กรรมวาจากอน ยอมไมควรแกภิกษทุ ้งั หลาย จาํ เดิมแตก าลทเ่ี กิดกรรมวาจานีว้ า สมมฺ ตา สมี า สงเฺ ฆน ตจิ วี เรน อวิปปฺ วาโสเปตฺวา คามฺจ คามูปจารจฺ . กรรมวาจาหลังนเ้ี ทา นัน้ ยอมเปน ของถาวร. แตกรรมวาจาหลงั น้ี หาควรแกนางภิกษณุ ีทั้งหลายไม กรรมวาจากอนเทานั้น จึงควร. เพราะเหตไุ ร ?. เพราะวาภกิ ษุณีสงฆยอมอยูภ ายในบา น. หากวา พงึ เปนเชนน้นั ไซร, ภิกษุณสี งฆนน้ั ไมพ งึ ไดความบรหิ ารไตรจวี ร ดว ยกรรมวาจาหลงั นนั้ , แตก ารบริหารของภกิ ษสุ งฆน้ันมอี ยู เพราะเหตุน้นั กรรมวาจากอนนน่ั แล ยอมควร. จริงอยู สีมาทง้ั ๒ ยอ มไดแ กภกิ ษณุ ีสงฆ. ในสมี าแหงภกิ ษณุ ีสงฆน น้ั นางภิกษุณที ้งั หลายจะสมมตสิ ีมาครอบสีมาแหงภิกษุสงฆท้ังหลายกด็ ี จะสมมตไิ วภายในสมี าของภิกษทุ ้ังหลายนัน้ ก็ดี ยอ มควร.แมในการทภ่ี กิ ษทุ ้ังหลาย สมมตสิ ีมาครอบสมี าแหงนางภิกษุณีกม็ ีนยั เหมอื นกนั .เพราะวา ภิกษุและภิกษุณี ๒ ฝายนน้ั เปนคณปูรกะ ในกรรมของกนั และกันไมไ ด ไมท ํากรรมวาจาใหเปน วรรค. กใ็ นคําวา เปตฺวา คามฺจคามูปจารจฺ น้ี บณั ฑิตพงึ ทราบวาสงเคราะหแมซงึ่ นิคมและนครดว ยตามศพั ทน น่ั แล. อุปจารบานน้นั ไดแ กเครือ่ งลอ มแหง บานทลี่ อม. โอกาสแหง เครอ่ื งลอ มของบานทไ่ี มไ ดล อ ม. ภกิ ษุผทู รงไตรจวี รอธษิ ฐานยอ มไมไ ดบ ริหารในอุปจารบานเหลานั้น. อวิปปวาสสีมาของภกิ ษุท้ังหลาย ยอมไมครอบบานและ
พระวินยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 422อุปจารบา น ดวยประการฉะนี้. สมานสังวาสกสมี าเทา นน้ั ยอมครอบถึง. ก็บรรดาสีมา ๒ อยางน้สี มานสังวาสกสมี ายอมไปตามธรรมดาของตน. สว นอวิปปวาสสีมา ยอ มไปเฉพาะในท่ีซงึ่ สมานสงั วาสกสมี าไปถงึ . ทั้งการกาํ หนดนิมติ ของอวิปปวาสสีมานั้น จะมีแผนกหนึง่ กห็ ามิได. ในสีมา ๒ ชนดิ น้นัถาในเวลาสมมตอิ วิปปวาสสมี ามบี า นอย.ู อวปิ ปวาสสมี านน้ั ยอ มไมค รอบถึงบา นนน้ั . อนง่ึ ถาสมมตสิ ีมาแลว บานจึงตัง้ ลงภายหลัง, แมบานน้ันยอมนบัเปน สีมาดว ย. เหมือนอยา งวา บานที่ต้ังลงภายหลัง ยอมนบั เปนสมี าดวยฉนัใด แมป ระเทศแหงบา นทท่ี ง้ั ลงกอ น ขยายกวางออกไปในภายหลัง ยอ มนับเปนสีมาดว ย กฉ็ ันนั้น. แมถาในเวลาสมมตสิ ีมา เรือนท้ังหลายเขาทําไวเสรจ็ แลว ท้งั ความผูกใจวา เราท้งั หลายจักเขาไบ ก็มี แตมนษุ ยทัง้ หลายไมเ ขาไปกด็ ี ทง้ิ บานเกา พรอมทงั้ เรอื นดว ย ไปในท่ีอ่นื เสียกด็ .ี บา นนน้ั ไมจดั เปน บานเลย สมี ายอ มครอบถึง. แตถ า แมส กุลหน่ึง ที่เขา ไปแลว กด็ ี ท่ีมาแลวก็ดี มอี ยู บานนน้ั คงเปนบาน สมี ายอ มไมค รอบถงึ . อรรถกถา นทีปารสมี า จบ อรรถกถาวธิ ถี อนสมี า วนิ จิ ฉยั ในขอวา เอวจฺ ปน ภกิ ขฺ เว ติจีวเรน อวิปปฺ วาโสลมหู นตฺ พฺโพ น้ีตอ ไป:- อันภิกษุผจู ะถอนพึงรูจ กั วตั ร. วัตรในการถอนน้นั ดงั นี้ อันภิกษุผูยืนอยูใ นขัณฑสีมา ไมพ งึ ถอนอวปิ ปวาสสีมา, ยืนอยใู นอวปิ ปวาสสีมา ไมพ ึงถอนแมซ ึง่ ขณั ฑสีมาเหมือนกัน. แตต องยนื อยูในขณั ฑสีมา ถอนขนั ฑสีมาเทยี ว.ตองยืนอยใู นสีมา นอกจากน้ีถอนสีมานอกจากน้ีเหมือนกนั .
พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 423 ภกิ ษุทัง้ หลายยอมถอนสีมาดวยเหตุ ๒ ประการ คอื เพือ่ จะทาํ สีมาท่ีเลก็ ตามปกตใิ หใ หญขน้ึ อีก เพ่ือประโยชนแกก ารขยายอาวาสออกไปบา ง. เพอ่ืจะรนสีมาทใ่ี หญโดยปกติใหเลก็ ลงอกี เพื่อประโยชนแกก ารใหโ อกาสแหง วหิ ารแกภิกษุเหลาอืน่ บา ง. บรรดาสมี า ๒ ชนิดน้นั ถา ภกิ ษทุ ั้งหลายรูจักทง้ั ขัณฑสมี าและอวปิ -ปวาสสมี าไซร เธอจกั อาจเพอ่ื จะถอน และเพอ่ื จะผูก. อนึง่ รูจ ักขัณฑสีมา แมไมรูจ ักอวปิ ปวาสสมี า จกั อาจเพ่ือจะถอน และเพ่ือจะผูก. ไมร จู ักขัณฑสีมารจู ักแตอวิปปวาสสมี าเทานั้น จกั ยืนอยใู นท่ีซึ่งปราศจากความรังเกยี จ มีลานเจดีย ลานโพธิ์ และโรงอุโบสถเปน ตน แลว บางที่กอ็ าจเพ่ือจะถอนได. แตจักไมอาจเพอื่ จะผูกคนื ไดเ ลย. หากจะพึงผกู ไซร. จะพงึ กระทําความคาบเกยี่ วแหง สมี า กระทําวัดที่อยใู หใ ชไ มได เพราะเหตนุ น้ั ภกิ ษุผูไ มร จู กั ไมพึงถอน.ฝา ยภิกษุเหลา ใดไมรจู กั ท้ัง ๒ สีมา, ภิกษเุ หลา นนั้ จกั ไมอ าจเพื่อจะถอน จกัไมอ าจเพอ่ื จะผูกเปนแท. จรงิ อยู ข้ึนชอ่ื วาสีมาน้ี ยอ มไมเ ปน สีมาดวยกรรม-วาจาบา ง ดว ยความสาบสูญแหงศาสนาบา ง และภิกษุท้งั หลายผไู มร ูจักสีมา. ไมสามารถทํากรรมวาจา เพราะฉะนั้นภิกษผุ ูไ มร ูจักสมี า ไมพ ึงถอนสีมา. อนัสมี านัน้ อันภิกษผุ ูรูจ ักดเี ทา นน้ั พงึ ถอนดวย พงึ ผกู ดวย. อรรถกถาวธิ ถี อนสีมา จบ อรรถกถาอพัทธสมี า พระผูมีพระภาคเจา คร้นั ทรงแสดงสมานสังวาสและความเปน ผมู ีอโุ บสถอันเดียวกนั เน่ืองดว ยพัทธสมี าอยางนี้แลว บดั น้ีจะทรงแสดงสมานสงั วาส และความเปนผูมีอุโบสถอนั เดยี วกันนัน้ ในโอกาสทั้งหลาย แมทีม่ ิไดผูกสมี า จึงตรสั ดําวา อสมมฺ ตาย ภกิ ขฺ เว สีมาย อฏปต าย เปนอาที.
พระวนิ ัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 424 วนิ จิ ฉยั ในคํานนั้ บทวา อฏปต าย ไดแก ไมไ ดกาํ หนด. ก็แมน ครยอมเปนอนั ทรงถอื เอาแลว ทีเดยี ว ดว ย คาม ศัพท ในคําวา คาม วา นคิ มวา น้.ี บรรดาคามสมี าและนคิ มสมี านัน้ ทา นผูครองบานน้ัน ยอมไดพ ลใี นประเทศเทา ใด ประเทศเทา นน้ั จะเล็กหรือใหญก ็ตามที ยอ มถึงความนับวาคามสีมา ท้ังน้ัน. แมในนครสีมาและนคิ มสีมา กน็ ยั น้ีแล. พระราชาทรงกําหนดประเทศอันหน่ึงแมใ ด ในคามเขตอันหนึง่ เทานัน้วา นจี้ งเปน วสิ งุ คาม พระราชทานแกบ ุคคลบางคน ประเทศแมน้ัน ยอ มเปนวสิ ุงคามสมี าแท. เพราะเหตนุ นั้ วสิ ุงคามสีมาน้ันดวย คามสมี า นครสมี าและนิคมสมี าตามปกตินอกนี้ดว ย ยอมเปน เชน กับพทั ธสนี าเหมอื นกนั . แตสีมาเหลา น้ีไมไดค วามคุม ครองการอยูปราศจากไตรจวี รอยางเดียว. อรรถกถาอพทั ธสีมา จบ อรรถกถาสตั ตพั ภนั ตรสีมา พระผูมพี ระภาคเจา ครั้นทรงแสดงกาํ หนดสิมาแกภ กิ ษุผมู ักอยใู นละ-แวกบานอยางผูแลว บัดนี้จะทรงแสดงแมแ กภิกษผุ ูมักอยปู า จึงตรสั คําวาอคามเก เจ เปน อาท.ิ วนิ จิ ฉยั ในคํานน้ั บทวา อาคามเก เจ ไดแ ก ประเทศแหงคงทีไ่ มไดก ําหนดดวยคามสีมา นิคมสีมา และนครสีมา. อกี ประการหนึ่ง บทวา อคามเก เจ มีความวา ภิกษยุ อมอยใู นปาเชนดังดงชื่อวิชฌาฏว,ี ครัง้ นน้ั ๗ อพั ภนั ตรโดยรอบจากโอกาสท่ภี กิ ษนุ น้ั ยนืเปนสมานสงั วาสกสมี า. สีมานยี้ อ มไดค วามคมุ การอยูป ราศจากไตรจีวรดว ย.
พระวินัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 425 บรรดา ๗ สต ตพั ภนั ตรนั้น อพั ภันตร ๑ ประมาณ ๒๘ ศอก. ๗อัพภันตรโดยรอบ แหง สงฆผูตั้งอยตู รงกลาง ยอมเปน ๑๔ อพั ภนั ตรโดยทะแยง. ถาสงฆ ๒ หมแู ยกกันทําวินยั กรรม ตองเวน ๗ อพั ภนั ตรอกี ระยะหนงึ่ ไวใ นระหวา งแหง ๗ อพั ภนั ตรท้ัง ๒ เพอื่ ประโยชนแ กอ ปุ จาร. สตั ตพั ภันตรสีมากถาท่เี หลือ พงึ ถอื เอาตามนัยที่กลาวแลว ในวรรณนาแหงอุทโทสิตสกิ ขาบท ในมหาวิภังค๑ . อรรถกถาสตั ตพั ภันตรสมี า จบ อรรถกถาอุทกกุ เขปสมี า ขอวา สพพฺ า ภกิ ขฺ เว นที อสมี า มคี วามวา แมน ํา้ ชนิดใดชนดิหนง่ึ ทีไดลักษณะแหงแมน า้ํ แมภิกษกุ ําหนดนิมิตกระทําแลว ดว ยต้ังใจวาเราท้งั หลายทาํ แมนํา้ นี้ใหเ ปนพทั ธสมี าดังน้ี ยอ มไมเ ปน สีมาเลย. แตแ มนํ้านั้นยอมเปนเชนกับพทั ธสีมาโดยสภาพของตนเทานนั้ จะทําสังฆกรรมทง้ั ปวงในแมนํา้ น้ี ยอมควร แมใ นทะเลและชาตสระ กม็ ีนัยเหมือนกนั . กบ็ รรดาทะเลและชาตสระนี้ ท่ีชือ่ ชาตสระ เปนชลาสัย ที่ผใู ดผูหน่งึมิไดข ดุ ทาํ ไว เปน บึงทเ่ี กดิ เอง เตม็ ดวยน้ําซึ่งมาไดร อบดาน. พระผูมีพระภาคเจา ครัน้ ทรงหา มขอ ท่ีแมน ํ้าทะเลและชาตสระเปนพทั ธสีมา อยางนนั้ แลว เมอ่ื จะทรงแสดงกําหนดแหง อพทั ธสีมาในแมน้าํ ทะเลและชาตสระเหลานน้ั อีก จงึ ตรัสคําวา นทิยา วา ภิกฺขเว เปน อาทิ. วินิจฉัยในคาํ นน้ั . ขอวา ย มชฌฺ ิมสสฺ ปุรสิ สฺส สมนตฺ า อทุ -กุกฺเขปา มีความวา สถานทใ่ี ดกาํ หนดดว ยวกั นํา้ ลาดโดยรอบแหงบรุ ษุ ผูม ีกําลัง๑. สมนฺต. ทุติย. ๑๗๙.
พระวินยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 426ปานกลาง คอื บุรุษผมู ีกาํ ลงั ปานกลาง กน็ า้ํ อนั ภิกษุจะพึงวกั สาดอยางไร ? นกั เลงสบา ซดั ลูกสบาไมฉันใด บุรษุ ผูมกี ําลงั ปานกลาง พงึ เอามอื วกั นา้ํ หรอื กาํ ทรายซดัไป ดวยกาํ ลังทัง้ หมด ฉันนน้ั . น้าํ หรือทรายทซี ดั ไปอยา งนัน้ ตกลงในโอกาสใดโอกาสนี้เปน อทุ กกุ เขป ๑. ภกิ ษผุ ลู ะหัตถบาสตงั้ อยูภ ายในอทุ กุกเขปนั้น ยอ มทํากรรมใหเ สยี . บริษทั ขยายออกเพียงใด แมส มี ายอมขยายออกไปเพยี งนน้ั .เฉพาะอุทกกุ เขป ๑ จากทส่ี ดุ โดยรอบแหง บริษัทเปน ประมาณ. แมในชาตสระและทะเล ก็นัยน้แี ล ก็แลบรรดาแมนาํ้ ชาตสระ และทะเลเหลาน้ี ถาแมน า้ํ ไมยาวเกนิ ไป สงฆน ่งั อยูในที่ทง้ั ปวง ตงั้ แตต น นา้ํ จนถงึ ปากนา้ํ ขึ้นชอ่ื วา การทาํ สีมาดว ยอุทกุกเขป ยอ มไมม.ี แมน้าํ แมทงั้ ส้นิ ยอ มพอดแี กภ ิกษเุ หลา น้ันเสียแลว. กค็ าํ ใดทพี่ ระมหาสุมัตเถระกลา ววา แมน ้าํ เฉพาะที่ไหลเพยี งโยชน ๑.ในแมน า้ํ นัน้ ตองละกึง่ โยชนตอนบนเสยี ทํากรรมในกึ่งโยชนต อนลา ง จงึควร ดงั นี้ . คาํ นนั้ พระมหาปทุมตั เถระคานเสียแลว . ในมหาอรรถกถากลาววา อันประมาณแหงแมน าํ้ พระผมู พี ระภาคเจาตรสั ไวฉ ะนี้วา ภิกษุณีนงุ หมไดม ณฑล ๓ ขามอยู ณ เอกเทสเเหง ใดแหง หน่งึอนั ตรวาสกเปย ก แตโยชน ๑ หรือกง่ึ โยชน หาไดต รสั ไวไม เพราะเหตุนั้นแนน ํา้ ใด มลี ักษณะดงั กลา วแลว ในหนหลงั ดวยอาํ นาจแหง สตู รนี้ จะทาํ สังฆ-กรรมตั้งแตต น นํ้าแหง แมนํา้ นน้ั ยอ มควร. แตถ า ภิกษุมากหลายจะแยก ๆ กันทํากรรมในแมนาํ้ นี้ไซร. เธอทั้งปวงพงึ เวนอุทกกุ เขปอ่นื ไวในระหวางแดนกําหนดแหง อุทกุกเขปของตน และของภิกษพุ วกอื่น เพื่อประโยชนแกส มี นั ตรกิเวน ไวเ กนิ กวา อทุ กุกเขป ๑ น้นั ควรแท. แตหยอนกวา น้ัน ไมควร.
พระวนิ ัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 427 ในชาตสระและทะเล กน็ ัยน้แี ล กแ็ ลภกิ ษุท้งั หลายพากันไปดว ยคดิ วาเราจกั ทําสงั ฆกรรมในแมนํ้า ถา แมนาํ้ เตม็ เสมอฝง จะตอ งนุงผา อาบนา้ํ ก็ไดพงึ ทาํ กรรมในแมน ้ํานน่ั แล ถาไมอ าจ เพยี งสถิตอยใู นเรือก็ได กระทาํ เถดิแตไ มค วรทําในเรือซงึ่ กําลงั เดิน. เพราะเหตไุ ร เพราะวา ชวั่ อทุ กุกเขป๑ เทา น้ันเปน ประมาณแหงสีมา เรือยอ มพาสงฆนน่ั แลใหล ว งเลยสีมานนั้ ไป;เมือ่ เปน เชน นนั้ ญตั ตจิ ะอยูใ นสมี า ๑ อนุสาวนาจะอยูในอีกสีมา ๑ เพราะเหตนุ ั้น พงึ จอดเรอื ไวกบั หลกั หรอื ทอดสมอ หรอื ผกู ทตี่ น ไมทเี่ กิดภายในแมน ้ํากระทํากรรม. สถิตอยูบนรา นทผี่ กู ข้นึ ในภายในแมน ํ้าก็ดี บนตนไมท ี่เกิดในภายในแมน ํา้ ก็ดี กระทํากรรมกค็ วร. แตถากงิ่ แหง ตนไมก ด็ ี ยานที่ออกจากตนไมนน้ั กด็ ี. จดอยูทวี่ หิ ารสีมา หรอื ทต่ี ามสีมา นอกฝงแมน ้าํ ตอ งชําระสีมาใหเรียบรอ ย หรอื ทดั กิง่ ไมเ สยี แลว จงึ ทํากรรม. จะผูกเรอื ทีก่ ง่ิ แหง ตน ไมท ี่ขึน้ อยูบนตลิ่ง ซึ่งยืน่ ลงไปในแมน าํ้ หรอื ทยี่ านไทรแลว กระทาํ กรรมไมควร.เมอ่ื จะทํา ตองชําระสมี าใหเ รยี บรอย หรือตอ งตดั เสีย ใหก ารท่กี ิง่ ไมหรือยา นไทรนั้น ซึง่ จดในภายนอกขาดจากกนั . อน่งึ จะปก หลกั ท่ีฝง แมน้ําแลว ทํากรรมในเรือซงึ่ ผกู ท่หี ลกั นน้ั กไ็ มค วรเหมอื นกนั . ชนท้งั หลายทาํ สะพานไวในแมน ํา้ ,ถาตัวสะพาน หรือเชงิ สะพานอยูในภายในแมนาํ้ เทา น้ัน, จะสถิตอยูบนสะพานทาํ กรรมกค็ วร. แตถ าตวั สะพาน หรือเชงิ สะพานตั้งอยบู นฝง . จะสถิตอยบู นสะพานนั้นทาํ กรรม ไมควร. ตอ งชําระสีมาใหเ รียบรอยแลว จงึ ทาํ กรรม.ถา เชงิ สะพานทัง้ อยูในแมน้ํา สว นตวั สะพานเชิดอยูใ นอากาศบนฝง ทง้ั ๒ ยอมควร. แกง ศิลาหรือเกาะ มีอยภู ายในแมน ํ้า, ใน ๔ เดือนแหง ฤดฝู นเฉพาะกาลฝนตามปกตมิ ปี ระการดงั กลาวแลว ในหนหลงั นํา้ ทวมประเทศเทาใดแหง แกง ศิลาหรอื เกาะนัน้ , ประเทศเทา นั้น นับเปนแมนาํ้ เหมือนกนั แตไม
พระวินัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 428ควรถือเอาโอกาสท่ีหวงน้ําทว ม ในคราวฝนชุกเกนิ ไป. เพราะวาโอกาสนั้นยอมถงึ ความนับวาเปน คามสมี าดว ย. ชนท้ังหลายเมือ่ จะไขนํ้าเขา ลาํ ราง ยอมทาํ ทา นบในแมน ้าํ , และนํา้ ทวมหรอื เซาะแทงทาํ นบนั้นไหลไป จะทํากรรมในท่ซี ง่ึ น้ําไหลทกุ แหง ยอมควรแตถากระแสนํา้ ขาดสายทํานบกน้ั กด็ ี ดว ยถกู ถมทาํ สะพานก็ด๑ี น้าํ ยอ มไมไหลจะทํากรรมในที่ซึ่งนาํ้ ไมไหลไมควร. จะทําแมบนยอดทาํ นบ ก็ไมค วร. ถาประเทศแหง ทํานบบางแหง น้ําทวมนํา้ เหมอื นประเทศแหง แกง ศลิ าและเกาะซ่ึงกลา วแลวในหนหลัง, จะทาํ กรรม ณ ประเทศแหง ทาํ นบทน่ี ํา้ ทว มถงึ นน้ัยอ มควร. เพราะวา ประเทศแหง ทํานบน้นั ยอ มถึงความนบั วา แมน ้ําเหมือนกัน.ชนทงั้ หลายจะก้ันแมน ้ําเสีย ทําใหเปน บงึ กอ คันไวท ป่ี ลายน้าํ น้าํ ไหลมาขังอยูเตม็ บึง จะทาํ กรรมในบงึ น้ี ไมควร. นํา้ ทีเ่ ขาทง้ิ เสียในทซ่ี ่ึงไหลตอนบนและตอนลา ง แหงบึงนนั้ ยอมควร จาํ เติมแตท่ซี ึ่งลนแลว ไหลบา ลงสแู มน ้ํา. ในเมื่อฝนไมต ก ในคราวฝนแลง หรือในฤดรู อนและในฤดหู นาว จะทํากรรมแมในแมนา้ํ ที่แหง ยอ มควร. ในลํารางทเี่ ขาชักออกจากแมน้ํา ไมค วร. ถาลํารางนั้นพังกลายเปนแมน้าํ ในกาลอื่น ยอ มควร. แมน ้ําบางสายขนึ้ ทวมคามสีมาและนคิ มสีมาไหลไปตามฤดูกาล, แมน าํ้ นัน้ ยอมเปนแมน้าํ เหมือนกนัสมควรทํากรรมได. แตถ าทว มวิหารสมี า ยอมถึงความนบั วา วหิ ารสมี า ดวยอนั ภิกษุทั้งหลายผจู ะทํากรรมแมในทะเลเลา นา้ํ ทีข่ ้ึนอยา งสูง ยอ มทวมประเทศ๑. ปาฐะในอรรถกถาวา อาวรเณน วา โกฏ กพนธฺ เนน วา. โยชนาหนา ๒๔๖ แกว า อาวรเณนวาติ ทารอุ าทึ นกิ ฺขนิตฺวา อทุ กนวี ารเณน. โกฏลสมฺพทฺเธน วาติ มตฺติกาทีหิ ปเู รตฺวา กต-เสตุพทฺเธน แมอักษรจะเพี้ยนไปบา งกต็ าม เสตพุ นธฺ หมายความวาทาํ สะพานตามความนิยมของภาษา เชนในมงคฺ ลตถฺ ทปี นี ภาก ๒ ตอน อนวชชฺ กมฺมกถา หนา ๑๒๔ มีกลาวถงึ อบาสกคนหนง่ึ . . . อุทกกาเล มาติกาสุ เสตุ พนธฺ ต.ิ ดงั นั้นอาศยั นยั โยชนา จึงไดแ ปลเชนน้ี ใหไดความชัดลงไป.
พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 429ใดหรอื คลืน่ คามปกตมิ าดว ยกําลังลม ยอ มทวมประเทศใด ไมควรทาํ กรรมในประเทศน้นั แตค ล่นื ตามปกตเิ กิดข้นึ แลว หยดุ อยูแ คป ระเทศใดประเทศน้นัจาํ เตมิ แตช ายนา้ํ ลงไป จัดเปน ภายในทะเล ภิกษทุ ้งั หลายพึงตัง้ อยูในประเทศนนั้ ทาํ กรรมเถดิ ถากาํ ลงั คลื่นรบกิน พึงสถติ อยูบ นเรอื หรือรานกระทาํ -กรรม. วนิ ิจฉยั ในเรือและรานเหลานนั้ พงึ ทราบตามนัยทก่ี ลาวแลว ในแมน า้ํน่นั แล. ศิลาดาดมีอยใู นทะเล. บางคราว คลน่ื มาทว มศลิ าดาดน้นั บางคราวไมทว ม ไมค วรทาํ กรรมบนศลิ าดาดน้ัน. เพราะวาศิลาดาดน้นั ยอ มนับเปนคามสีมาดวย. แตถ า เม่ือคล่ืนมากด็ ี ไมม ากด็ ี ศลิ าดาดนน้ั อันน้าํ ตามปกติน่นัเองทว มอยู ยอ มควร. เกาะหรอื ภูเขา มอี ยู ถาเกาะหรอื ภเู ขานน้ั อยใู นยานไกลไมเปน ทางไปของพวกชาวประมง เกาะหรือภูเขานั้น ยอ มนับเขา เปน อรญั ญสีมาน่ันแล.สว นรว มในแหง ปลายทางเปน ทเ่ี ปนไปของพวกชาวประมงเหลา นั้น นบั เปนคามสีมา. . . ไมช ําระคามสมี าใหเ รยี บรอยแลว ทํากรรมท่ีเกาะภูเขานน้ั ไมควร.ทะเลทวมคามสีมาหรือนคิ มสมี าทง้ั อยู คงเปน ทะเล, จะทาํ กรรมในทะเลนั้นยอมควร. แตถา ทวมวิหารสมี า ยอ มถงึ ความนับวา วหิ ารสมี า ดว ย. อนั ภิกษุทง้ั หลายผูจะทาํ กรรมในชาตสระเลา ในพรรษกาลมปี ระการดงั กลาวแลวในหนหลงั พอฝนขาด นํ้าในสระใดไมพ อเพ่ือจะด่มื หรืออาบหรอื ลา งมือและเทา แหง หมด; สระนไ้ี มจัดเปนชาตสระ ถงึ ความนบั วาเปนคามเขตนนั่ เอง; ไมควรทาํ กรรมในสระนนั้ . แตในพรรษกาลมีประการดังกลาวแลว น้าํ ขังอยูใ นสระใด สระน้ีแลจัดเปน ชาตสระ. ตลอด ๔ เดือนฤดฝู นนํ้าขงั อยใู นประเทศเทาใดแหง ชาตสระนั้น สมควรทาํ กรรมในประเทศเทา นนั้ ได.
พระวนิ ัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 430ถานาํ้ ลกึ จะผกู รานแลวตง้ั อยบู นรานนน้ั กด็ ี ตง้ั อยูบ นรา นท่ีผกู ไวบนตน ไมท ี่เกดิ ภายในชาตสระกด็ ี กระทาํ กรรมยอ มควร. สว นวินิจฉัยในศลิ าดาดและเกาะ ในชาตสระนี้ เปน เชน กับทกี่ ลา วแลว ในแมนํา้ นั่นเอง. อนง่ึ ชาตสระทม่ี นี าํ้ พอใช ในกาลท่ฝี นตกเสมอ. แมหากวา ในคราวฝนแลง หรือฤดูรอนและฤดหู นาวจะแหง ไมม นี ํา้ , จะทาํ สงั ฆ-กรรมในชาตสระนนั่ กค็ วร. ไมควรเชอื่ ถอื คาํ ทท่ี านกลา วไวในอันธกอรรถกถาวา ชาตสระทัง้ ปวงทีแ่ หงไมม ีนํา้ ยอ มจดั เขา เปนคามเขตไป แตถาชนทัง้ หลาย ขดุ บอ หรอื สระโบกขรณเี ปนตน เพ่ือตองการนาํ้ ในชาตสระนี้ สถานนน้ั ไมเ ปนชาตสระ.นบั เปน คามสีมา แมใ นการปลูกน้ําเตาและแตงโมเปนตน ทีเ่ ขาทาํ ในชาตสระนนั้ ก็มีนัยเหมือนกัน. อนึง่ ถา ชนทง้ั หลายถมชาตสระนน้ั ใหเต็น ทาํ ใหเ ปนบกก็ดี กอ คนัในทสิ าภาคอนั หน่งึ ทําชาตสระน้นั ทั้งหมดทเี ดยี วใหเ ปน บึงใหญก ด็ ี ไมเปนชาตสระแมท ง้ั หมด, นบั เปนคามสีมานน่ั เอง. ถงึ ทะเลสาบ ก็จัดเปนชาตสระเหมอื นกนั . จะทํากรรมในโอกาสเปนท่ขี งั นาํ้ ตลอด ๔ เดอื นฤดฝู น ควรอยูฉะนแ้ี ล, อรรถกถาอทุ กกุ เขปสมี า จบ อรรถกถาสีมาสมั เภท ขอ วา สมี าย สีม สมฺภนิ ฺทนฺติ มคี วามวา พวกภกิ ษฉุ ัพพคั คยี ผกู สมี าของตนคาบเก่ียวพทั ธสีมาของภิกษุเหลาอื่น. ก็ถา วาในทศิ ตะวนั ออกแหงวดั ทอี่ ยเู กา มตี นไม ๒ ตน คอื มะมว งตน ๑ หวา ตน ๑ มคี า คบพาด
พระวินยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 431เกยี่ วกนั , ในตน มะมวงและตน หวา นั้น ตนหวาอยูท างทศิ ตะวนั ตกของตนมะมว งและวัดทีอ่ ยูมสี ีมา เปนแดนท่ภี กิ ษกุ นั เอาตน หวาไวขางใน กาํ หนดตนมะมวงเปน นิมติ ผกู ไว หากวาภายหลงั ภิกษุทง้ั หลายจะผกู สีมาทาํ วัดที่อยใู นทิศตะวนั ออกแหงวัดที่อยูน้ัน จงึ กันเอาตนมะมว งไวภายในกาํ หนด ตนหวา เปน นมิ ิตผูกไซร,สมี ากับสีมา ยอ มคาบเกีย่ วกัน. พวกภิกษฉุ ัพพัคคยี ไดกระทําอยา งนี้. เพราะเหตนุ ี้ พระอบุ าลเี ถระจงึ กลา ววา สีมาย สีม สมภฺ ินฺทนตฺ ิ แปลวา เจอื สีมาดว ยสีมา. ขอ วา สีมาย สีม อชฺโฌตถฺ รนตฺ ิ มคี วามวา พวกภกิ ษุฉพั พัคคยี ทบั พทั ธสมี าของภิกษุเหลา อ่ืน ดว ยสีมาของตน คือผูกสีมาของตน เอาพัทธ-สีมาของภิกษุเหลา อ่ืน ทงั้ หมด หรอื บางตอนแหง พัทธสีมานัน้ ไวภ ายไม สมี าของตน. ในขอวา สีมนตฺ รกิ เปตวฺ า สมี สมฺมนฺนิตุ นี้ มีวินิจฉยั วา หากสีมาแหง วหิ ารที่ทาํ ไวกอ นแดนท่ีมิไดสมมติ พงึ เวนอปุ จารแหง สีมาไว. หากเปน แดนท่ีสมมติ พงึ เวน สมี ันตรกิ ไวประมาณศอก ๑ โดยกําหนดอยา งต่ําท่ีสดุ . ในกุรนุ ทีแกว า แมเพยี งคืบเดียวกค็ วร. ในมหาปจจรแี กว า แมเ พียง๘ นว้ิ ก็ควร. อน่งึ แมตน ไมต น เดียวเปนนมิ ิตแหง ๒ สีมา และตนไมน ้ัน เมือ่ โตข้นึ ยอมทาํ สมี าใหสังกระกนั ; เพราะเหตนุ ั้น ไมควรทาํ . อรรกถาสมี าสัมเภท จบ
พระวินัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 432 วันอุโบสถมี ๒ [๑๖๖] ครัง้ นัน้ ภกิ ษทุ ง้ั หลายไดมีความปรวิ ติ กวา วนั อุโบสถมีเทา ไรหนอ แลวกราบทลู เรื่องนัน้ แดพ ระผมู พี ระภาคเจา พระผูมีพระภาคเจารับส่ังกะภิกษทุ ั้งหลายวา ดกู อ นภกิ ษุทัง้ หลาย วนั อโุ บสถน้มี ี ๒ คอื อุโบสถมีในวัน ๑๔ คาํ่ อุโบสถมใี นวัน ๑๕ ค่าํ ดูกอ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย วนั อุโบสถ ๒ น้ีแล. การทาํ อุโบสถมี ๔ อยา ง ครั้งนัน้ ภกิ ษทุ ้ังหลายไดม คี วามปริวติ กวา การทําอโุ บสถมีเทาไรหนอแล แลวกราบทูลเร่ืองน้นั แดพระผมู พี ระภาคเจา พระผมู ีพระภาคเจารับสั่งกะภกิ ษทุ ั้งหลายวา ดกู อนภกิ ษทุ ้งั หลาย การทาํ อุโบสถนม้ี ี ๔ คือ การทําอุโบสถเปน วรรคโดยไมเ ปนธรรม ๑ การทาํ อโุ บสถพรอ มเพยี งโดยไมเ ปนธรรม๑ การทาํ อุโบสถเปน วรรคโดยธรรม ๑ การทาํ อโุ บสถพรอ มเพยี งโดยธรรม ๑ กอ นภกิ ษทุ ้ังหลาย ในการทําอุโบสถ ๔ อยา งนน้ั การทาํ อุโบสถน้ีใดเปนวรรคโดยไมเ ปน ธรรม การทาํ อโุ บสถเห็นปานนนั้ ไมควรทํา และเรากไ็ มอนุญาต. ในการทาํ อโุ บสถ ๔ น้นั การทําอุโบสถน้ีใด ที่พรอมเพรียงโดยไมเปนธรรม การทาํ อุโบสถเห็นปานน้นั ไมค วรทาํ และเราก็ไมอ นญุ าต. ในการทาํ อโุ บสถ ๔ น้นั การทําอุโบสถน้ใี ด เปน วรรคโดยธรรมการทาํ อุโบสถเหน็ ปานนน้ั ไมค วรทํา และเรากไ็ มอนญุ าต. ในการทาํ อุโบสถ ๔ นน้ั การทาํ อุโบสถน้ใี ดที่พรอ มเพรียงโดยธรรมการทาํ อุโบสถเห็นปานนน้ั ควรทาํ และเรากอ็ นญุ าต.
พระวินยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 433 ดูกอ นภกิ ษุทง้ั หลาย เพราะเหตนุ ั้น แหละพวกเธอพงึ ทาํ ในใจวา จักทาํอุโบสถกรรมชนิดท่พี รอ มเพรยี งโดยธรรม ดงั นี้ ดูกอ นภิกษุทั้งหลาย พวกเธอพงึ ศึกษาอยา งนแ้ี ล. อรรถกถาอโุ บสถและอโุ บสถกรรม ในอุโบสถสอง๑ นี้ คอื อโุ บสถวนั ท่ี ๑๔ และอุโบสถวนั ท่ี ๑๕ เมอื่ ทําบพุ กิจแหง อโุ บสถวนั ท่ี ๑๔ แลวพงึ บอกวา อชฺขโุ ปสโถ จาตุททฺ โสแปลวา อโุ บสถวันนีท้ ่ี ๑๔. วินจิ ฉยั ในอุโบสถกรรม ๔ มีขอ วา อธมเฺ มน วคฺค เปน อาท.ิ หากวาในวดั ทอี่ ยูเดยี วกัน เมื่อภิกษอุ ยูดว ยกัน ๔ รูป ๓ รปู นําฉันทะและปาริสุทธิของรูปหนงึ่ มาแลว ทําปาริสุทธิอุโบสถ หรอื เมอื่ อยูด วยกนั ๓ รูป ๒ รปู นาํฉนั ทะและปาริสทุ ธขิ องรปู หนึ่งมา แลว สวดปาตโิ มกข อโุ บสถกรรมยอมเปนวรรคโดยอธรรม, แตถ า ทงั้ ๔ รปู ประชมุ กนั ทําปาริสทุ ธอิ ุโบสถ, ๓ รปู หรอื ๒รปู สวดปาตโิ มกข อุโบสถกรรมชอื่ พรอมเพรยี งโดยธรรม. ถา อยูด วยกัน ๔ รูป๓ รปู นาํ ปารสิ ุทธขิ องรปู หน่งึ มาแลวทาํ ปาริสทุ ธอิ โุ บสถ, หรอื อยดู ว ยกนั ๓ รูป๒ รปู นําปารสิ ทุ ธิของรูปหน่ึงมาแลว ทาํ ปารสิ ทุ ธอิ โุ บสถ, อโุ บสถกรรมชอ่ื เปนวรรคโดยธรรม. แตถาภกิ ษุ ๔ รูปอยใู นวดั ทีอ่ ยูเดียวกัน ประชมุ กนั ท้งั หมดสวดปาติโมกข, ๓ รปู ทาํ ปาริสทุ ธิอโุ บสถ, ๒ รปู ทําปารสิ ทุ ธกิ ะกันและกนั ,อโุ บสถกรรมชอื่ พรอมเพรยี งโดยธรรม. อรรถกถาอโุ บสถและอโุ บสถกรรม จบ๑. แตในโยชนา เอตฺถ โยควจเน และเปนอาธารในวตฺตพฺพ .
พระวนิ ัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 434 ปาตโิ มกขทุ เทส ๕ [๑๖๗] ครัง้ น้นั ภกิ ษุทงั้ หลาย ไดม คี วามปร ิวิตกวา ปาตโิ มกขทุ เทสมีเทา ไรหนอ แลวกราบทลู เรื่องน้นั แดพ ระผมู ีพระภาคเจา พระผูม ีพระภาคเจารบั สง่ั กะภิกษทุ ั้งหลายวา ดูกอ นภิกษทุ ้งั หลาย ปาตโิ มกขุทเทสน้มี ี ๕ คือ ภิกษุสวดนทิ านจบแลว พงึ สวดอุทเทสท่ีเหลือดวยสุตบท น้ีเปนปาติโมกขทุ เทสท่ี ๑. สวดนิทาน สวดปาราชิก ๔ จบแลว พงึ สวดอทุ เทสท่ีเหลือดวยสุตบทนเี้ ปน ปาติโมกขทุ เทสที่ ๒. สวดนทิ าน สวดปาราชิก สวดสงั ฆาทเิ สส ๑๓ จบแลว พึงสวดอทุ เทสที่เหลือดว ยสุตบท นเี้ ปน ปาตโิ มกขุทเทสที่ ๓. สวดนิทาน สวดปาราชกิ ๔ สวดสังฆาทเิ สส ๑๓ สวดอนิยต ๒ จบแลว พงึ สวดอุทเทสท่ีเหลือดวยสุตบท น้เี ปนปาติโมกขทเทสที่ ๔. สวดโดยพสิ ดารหมด เปน ปาตโิ มกขุทเทสที่ ๕. ดูกอนภิกษุทงั้ หลาย ปาติโมกขทุ เทสท่ี ๕ นีแ้ ล. ทรงหา มสวดปาตโิ มกขย อ สมัยตอ มา ภิกษุทงั้ หลายทราบวา พระผูมพี ระภาคเจา ทรงอนุญาตการสวดปาติโมกขย อ ดังนี้ จงึ สวดปาตโิ มกขย อ ทกุ ครั้ง ภิกษทุ งั้ หลายกราบทูลเรือ่ งน้ันแดพ ระผูมพี ระภาคเจา พระผูม พี ระภาคเจา รับส่ังหา มภิกษุท้ังหลายวาดูกอ นภกิ ษุทงั้ หลายภกิ ษไุ มพงึ สวดปาติโมกขยอ รปู ใดสวด ตองอาบัติทุกกฏ.
พระวินัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 435 พระพทุ ธานญุ าตใหส วดปาตโิ มกขยอเมอ่ื มีอันตราย สมยั ตอ มา ณ อาวาสแหงหนึ่งในโกศลชนบท คนชาวดงไดมาพลุกพลานในวันอุโบสถ ภกิ ษุทง้ั หลายไมอาจสวดปาติโมกขโ ดยพสิ ดาร จงึ กราบทลูเรอ่ื งน้นั แดพระผมู ีพระภาคเจา พระผมู ีพระภาคเจา ทรงอนุญาตแกภกิ ษุท้ังหลายวา ดูกอนภิกษทุ ั้งหลาย เม่ือมอี นั ตรายเราอนญุ าตใหสวดปกตโิ มกขย อ . อันตราย ๑๐ ประการ สมัยตอ มา พระฉพั พัคคีย แมเ มื่ออันตรายไมมี กส็ วดปาติโมกขย อภกิ ษุท้งั หลายจงึ กราบทูลเรอ่ื งนั้นแดพระผูม พี ระภาคเจา พระผมู ีพระภาคเจา รบัสัง่ หา มภกิ ษุท้ังหลายวา ดกู อ นภกิ ษทุ ้ังหลาย เม่อื ไมม ีอันตราย ภกิ ษไุ มพ ึงสวดปาติโมกขย อ รูปใดสวด ตองอาบัตทิ กุ กฏ. เมือ่ มีอันตราย เราอนญุ าตใหส วดปาตโิ มกขย อ อันตรายในเรื่องนเี้ หลานั้น คอื :- ๑. พระราชาเสดจ็ มา. ๒. โจรมาปลน . ๓. ไฟไหม. ๔. น้ําหลากมา. ๕. คนมามาก. ๖. ผีเขา ภิกษุ ๗. สตั วรา ยเขามา. ๘. งรู า ยเลอ่ื ยเขามา.
พระวนิ ยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 436 ๙. ภิกษุอาพาธหนกั จะถึงเสยี ชีวิต. ๑๐. มอี นั ตรายแกพ รหมจรรย. ดูกอนภกิ ษทุ งั้ หลาย เราอนญุ าตไหสวดปาติโมกขยอ ในเพราะอันตรายเหน็ ปานน้ี เม่ือไมมีอนั ตราย ใหสวดโดยพสิ ดาร. อรรถกถาปาตโิ มกขทุ เทส ขอวา นทิ าน อุทฺทสิ ิตวฺ า อวเสส สุเตน สาเวตพฺพ มีความวาคร้นั สวดนทิ านนว้ี า สณุ าตุ เม ภนฺเต สงโฺ ฆ ฯปฯ อาวิกตา หิสสฺผาสุ โหติ แลว พงึ กลา ววา อทุ ทฺ ฏิ โข อายสมฺ นโฺ ต นิทาน . ตตฺถา-ยสมฺ นฺเต ปจุ ฉฺ าม.ิ กจจฺ ติ ถฺ ปริสทุ ฺธา ? ทุติยมปฺ ปุจฉฺ ามิ ฯปฯเอวเมต ธารยาม๑ิ แลว พึงสวด ๔ อุทเทสที่เหลอื ดวยสตุ บท อยางนวี้ า สุตาโขุ ปนายสุ ฺมนเฺ ตหิ จตตฺ าโร ปาราชิกา ธมฺมา ฯปฯ อวิวทมา-เนหิ สกิ ขติ พพฺ . ปาฏโิ มกขทุ เทส ๔ ท่เี หลือ พึงทราบตามนยั นี้. สญั จรภัยนน้ั ไดแก ภยั เกดิ แกมนุษยผ ูทอ งเทยี่ วไปในดง. วินจิ ฉยั ในอันตราย ๑๐ คอื ราชนั ตรายเปนอาท.ิ ถา เม่อื ภิกษทุ ้งั หลายคิดวา เราจกั ทาํ อโุ บสถ นง่ั ประชุมกันแลว พระราชาเสด็จมา นีช้ อ่ื วาราชนั -ตราย. พวกโจรพากันมา นช้ี อื่ โจรนั ตราย. ไฟปาลามมา หรอื ไฟเกดิ ขึน้ ในอาวาส นี้ชือ่ อคั คยันตราย. ฝนตกหรือน้ําหลากมา นีช้ ่ืออุทกนั ตราย. มนษุ ยมากันมาก นชี้ อ่ื มนสุ สันตราย. ผีเขาภกิ ษุ น้ีช่อื อมนสุ สนั คราย. สัตวร ายมีเสือเปนตน เขามา น้ีชื่อวาฬันคราย. สัตวพ ิษมีงูเปน ตน กดั ภกิ ษุ น้ชี ่อื สิรสึ -ปน ตราย. ภกิ ษุอาพาธ หรือทาํ กาลกริ ยิ า หรือพวกคนมเี วรกัน ปองจะฆา๑. นทิ านุทเทส ไมนาจะตอ งถาม ดูอธบิ ายในวินัยมุขเลม ๒ กัณฑที่ ๑๗.
พระวินยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 437จับภิกษนุ ้นั นีช้ ื่อชวี ติ นั ตราย. มนษุ ยประสงค ใหภกิ ษุรูปเดยี วหรอื หลายรูปเคลอ่ื นจากพรหมจรรย จบั เอาไป นีช้ ่ือพรหมจริยนั ตราย. ในอนั ตรายเห็นปานนี้ พึงสวดปาตโิ มกขยอ ได. จะพึงสวดอุทเทสท่ี๑ หรอื สวด ๒ อทุ เทส. ๓ อุทเทส ๔ อทุ เทส เบอื้ งตนก็ตาม. ในอุทเทสเหลานน้ั มอี ุทเทสที่ ๒ เปนตน เมอื่ อุทเทสโดยังสวดไมจ บ มีอนั ตราย อทุ เทสแมน นั้ พงึ สวดดว ยสุตบททเี ดียว. อรรถกถาปาตโิ มกขทุ เทส จบ
พระวินัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 438 จะแสดงธรรมตอ งไดรบั อาราธนากอ น [๑๖๘] ก็โดยสมัยน้นั แล พระฉัพพัคคยี ไมไดร ับอาราธนา แสดงธรรมในทามกลางสงฆ ภิกษทุ ั้งหลายกราบทลู เรอ่ื งนั้นแดพ ระผูม ีพระภาคเจาพระผูมพี ระภาคเจา รับสัง่ หามภิกษุท้งั หลายวา ดูกอ นภกิ ษุทัง้ หลาย ภกิ ษไุ มไดรับอาราธนา ไมพงึ แสดงธรรมในทามกลางสงฆ รปู ใดแสดง ตองอาบัตทิ กุ กฏ. ดกู อ นภกิ ษุท้งั หลาย เราอนุญาตใหภ กิ ษุผเู ถระแสดงธรรมเอง หรอืใหอาราธนาผอู ่นื แสดง ถามพระวินยั ตองไดรบั สมมติกอน [๑๖๙] ก็โดยสมยั นัน้ แล พระฉพั พคั คียย งั ไมไดร ับสมมติ ถามพระวินยั ในทามกลางสงฆ ภกิ ษทุ ้งั หลายกราบทลู เร่ืองนนั้ แดพ ระผมู ีพระภาคเจาพระผมู พี ระภาคเจารบั ส่งั กะภิกษุทัง้ หลายวา ดกู อนภกิ ษุท้งั หลาย ภิกษยุ งั ไมไดรบั สมมติ ไมพงึ ถามวนิ ัยในทามกลางสงฆ รูปใดถามตองอาบตั ทิ กุ กฏ. ดกู อนภกิ ษุทัง้ หลาย เราอนุญาตใหภิกษผุ ไู ดร ับสมมตแิ ลว ถามวินยัในทามกลางสงฆไ ด. วิธีสมมติเปนผถู าม ดูกอนภิกษุทง้ั หลาย กแ็ ลภิกษพุ งึ สมมติอยางน้ี ตนเองสมมตติ นกไ็ ดภกิ ษุอื่นสมมติภกิ ษอุ นื่ ก็ได. อยา งไรเลา ชื่อวา ตนเองสมมตติ น. ภกิ ษุผูฉ ลาด ผูสามารถ พงึ ประกาศใหส งฆทราบดว ยญัตติกรรมวาจาวา ดงั น้:ี -
พระวนิ ยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 439 กรรมวาจาสมมตติ น พระสงฆเจาขา ขอจงฟง ขาพเจา ถา ความพรอ มพร่ังของสงฆถ ึงท่แี ลว ขาพเจาขอถามพระวนิ ยั ตอ ผูมีช่ือน.้ี พระสงฆเ จาขา ขอจงฟงขา พเจา ถาความพรอมพรงั่ ของสงฆถงึ ทแี่ ลว ขา พเจา ขอถามพระวนิ ยั ตอผูมีชอื่ น้ี. อยางนี้ ชื่อวาตนเองสมมติตน. อยา งไรเลา ชื่อวา ภิกษุอืน่ สมมติภิกษอุ ่นื ? ภิกษุผฉู ลาด ผูสามารถ พึงประกาศใหสงฆทราบดว ยญัตติกรรมวาจาวา ดงั น้ี:- กรรมวาจาสมมติผอู ่นื พระสงฆเจา ขา ขอจงฟงขาพเจา ถาความพรอ มพรง่ั ของสงฆถ งึ ทีแ่ ลว ขอผูม ีชอื่ นี้ถามพระวินัยตอ ผูมีชือ่ นี้. อยา งน้ี ช่อื วาภิกษุอื่นสมมตภิ กิ ษุอนื่ . ถามพระวนิ ัยตองตรวจดบู ริษทั กอ น สมยั ตอ มา ภิกษทุ ั้งหลายผูม ีศลี เปนท่ีรกั ไดรบั สมมติแลว ถามพระ-วนิ ยั ในทา มกลางสงฆ พระฉัพพัคคยี ไ ดอาฆาต เคืองแคน คุกคามจะฆาเสียภกิ ษทุ ้ังหลายจงึ กราบทูลเรือ่ งนน้ั แดพระผูม พี ระภาคเจา พระผูม พี ระภาคเจา รบัสง่ั กะภกิ ษทุ ง้ั หลายวา ดกู อนภิกษุทงั้ หลาย เราอนญุ าตใหภ กิ ษแุ มท ่ีไดร ับสมมติแลว ตรวจดบู ริษัท พิจารณาดูบคุ คลแลว จงึ ถามวนิ ยั ในทา มกลางสงฆ.
พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 440 สมัยตอมา พระฉพั พคั คยี ย ังไมไดรับสมมติ วสิ ัชนาพระวินยั ในทามกลางสงฆ ภิกษทุ ้งั หลายจงึ กราบทูลเรอ่ื งนนั้ แดพ ระผูมพี ระภาคเจา พระผูมีพระภาคเจา รับส่ังกะภกิ ษทุ ั้งหลายวา ดกู อนภิกษทุ ัง้ หลาย ภิกษุผูยงั ไมไดรับสมมติไมพงึ วิสัชนาวนิ ยั ในทา มกลางสงฆ รูปใดวิสชั นา ตองอาบัติทกุ กฏ. ดูกอนภิกษทุ ัง้ หลาย เราอนุญาตใหภิกษไุ ดร ับสมมตแิ ลว วิสัชนาวินัยในทา มกลางสงฆ. วิธสี มมตเิ ปนผวู ิสัชนา ดกู อนภกิ ษทุ ั้งหลาย กแ็ ล ภกิ ษพุ งึ สมมติอยา งนี้ ตนเองสมมตกิ ไ็ ดภิกษอุ น่ื สมมติภิกษอุ ่ืนก็ได. อยา งไรเลา ช่ือวา ตนเองสมมติตน ภกิ ษผุ ฉู ลาด ผสู ามารถ พงึ ประกาศใหส งฆทราบดวยญตั ติกรรมวาจาวา ดงั น้:ี - กรรมวาจาสมมตติ น พระสงฆเ จา ขา ขอจงฟงขา พเจา ถาความพรอมพรั่งของสงฆถ ึงท่ีแลว ขา พเจา อันผูมชี อ่ื นี้ถามถงึ พระวินยั แลว ขอวสิ ชั นา. อยางนี้ ช่อื วา ตนเองสมมติตน. อยา งไรเลา ช่ือวาภิกษุอ่ืนสมมตภิ ิกษอุ นื่ ? ภิกษผุ ฉู ลาด ผูสามารถ พงึ ประกาศใหส งฆท ราบดวยญัตตกิ รรมวาจาวาดังน:้ี -
พระวินัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 441 กรรมวาจาสมมติผูอ่นื พระสงฆเจา ขา ขอจงฟงขา พเจา ถาความพรอมพรั่งของสงฆถงึ ท่ีแลว ผมู ชี ื่อน้ี อนั ผูมีช่ือน้ถี ามถงึ พระวนิ ยั แลว ขอวสิ ัชนา. อยางนี้ ชื่อวาภิกษอุ ืน่ สมมตภิ กิ ษอุ น่ื . วิสชั นาพระวนิ ัยตองตรวจดบู รษิ ัทกอ น สมัยตอมา ภิกษทุ งั้ หลายผมู ีศีลเปน ท่รี ัก ไดรบั สมมตแิ ลว วิสชั นาพระวนิ ัยในทามกลางสงฆ พระฉัพพคั คยี ไ ดอ าฆาต เคืองแคน คุกคามจะฆาเสยี ภกิ ษทุ ้ังหลายจึงกราบทูลเรื่องนนั้ แดพ ระผมู พี ระภาคเจา พระผมู พี ระ-ภาคเจารับสงั่ กะภกิ ษุทั้งหลายวา ดูกอนภิกษุทง้ั หลาย เราอนญุ าตใหภ กิ ษแุ มทีไดร ับสมมติแลว ตรวจดบู รษิ ทั พิจารณาดบู ุคคลกอ น จงึ วสิ ัชนาวิสยั ในทามกลางสงฆ. โจทกต องขอโอกาสตอจําเลย [๑๗๐] ก็โดยสมยั น้ันแล พระฉัพพคั คยี โ จทภกิ ษุผูมไี ดท ําโอกาสดว ยอาบตั ิ ภกิ ษทุ ง้ั หลายกราบทูลเร่อื งน้นั แดพระผูมพี ระภาคเจา พระผูม ีพระ-ภาคเจารับส่งั กะภกิ ษุทงั้ หลายวา ดกู อ นภิกษุทงั้ หลาย ภกิ ษุไมพงึ โจทภกิ ษุผมู ิไดทาํ โอกาสดวยอาบัติ รปู ใดโจท ตองอาบตั ิทกุ กฏ. ดูกอ นภกิ ษุทง้ั หลาย เราอนญุ าตใหโ จทขอใหจําเลยทําโอกาส ดว ยคาํวา ขอทา นจงทาํ โอกาส ผมใครจะกลา วกะทา น ดงั นี้ แลวจงึ โจทดว ยอาบตั ิ. กอ นโจทตองพจิ ารณาบุคคล สมัยตอ มา ภิกษุทงั้ หลายผมู ีศลี เปน ทรี่ กั ขอใหพระฉัพพคั คยี ท าํ โอกาสแลวโจทดว ยอาบัติ พระฉพั พคั คยี ไดอ าฆาต เคืองแคน คุกคามจะฆาเสยี
พระวนิ ัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 442ภิกษุท้งั หลายกราบทลู เรื่องน้นั แดพ ระผูมพี ระภาคเจา พระผมู ีพระภาคเจา รบั ส่งักะภิกษุทง้ั หลายวา ดูกอ นภิกษุทัง้ หลาย เราอนุญาตใหโจทแมเ มอ่ื จําเลยทําโอกาสแลว พจิ ารณาดูบุคคลกอน จึงโจทดวยอาบัต.ิ กอ นขอโอกาสตองพจิ ารณาดบู ุคคล สมยั ตอมา พระฉัพพคั คียค ิดวา ภิกษุทั้งหลายผมู ีศีลเปนทรี่ กั ขอใหพวกเราทาํ โอกาสกอ นดังน้ี จงึ รีบขอใหภกิ ษุทัง้ หลายท่บี ริสทุ ธ์ิ ไมมีอาบัติ ทําโอกาสในอธิกรณท ีไ่ มเปน เร่อื ง ไมมีเหตุ ภกิ ษุทง้ั หลายกราบทูลเร่อื งนนั้ แดพระผูพระภาคเจา พระผมู พี ระภาคเจารบั สงั่ กะภิกษุท้งั หลายวา ดกู อนภิกษุทง้ั หลาย ภิกษไุ มพ ึงขอใหภกิ ษุทง้ั หลายผบู รสิ ทุ ธ์ิ ไมมีอาบตั ิ ทําโอกาส ในอธิกรณที่ไมเ ปนเรื่อง ไมม เี หตุ รปู ใดขอใหทาํ ตองอาบัติทุกกฏ. ดูกอ นภกิ ษุท้งั หลาย เราอนุญาตใหพิจารณาดบู ุคคลกอ น จงึ ขอใหท าํโอกาส. เรือ่ งหา มทาํ กรรมไมเปน ธรรม [๑๗๑] ก็โดยสมยั นน้ั แล พระฉพั พคั คยี ท าํ กรรมไมเ ปนธรรมในทามกลางสงฆ ภิกษทุ ้งั หลายกราบทูลเรอ่ื งนน้ั แดพระผูมีพระภาคเจา พระผูม ีพระภาคเจารบั สัง่ วา ดกู อนภกิ ษทุ ั้งหลาย ภิกษุไมพ งึ ทาํ กรรมไมเ ปน ธรรมในทา มกลางสงฆ รปู ใดทําตองอาบตั ทิ กุ กฏ. พระฉัพพคั คียยังขืนทํากรรมไมเ ปน ธรรมอยูตามเดมิ ภิกษุทง้ั หลายกราบทูลเรอ่ื งนั้นแดพ ระผูมพี ระภาคเจา พระผมู ีพระภาคเจา รับส่ังกะภกิ ษทุ ัง้หลายวา ดูกอ นภกิ ษทุ ้งั หลาย เราอนุญาตใหคัดคา นในเมอ่ื ภกิ ษุทาํ กรรมไมเปนธรรม.
พระวินยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 443 สมัยตอมา ภิกษทุ ้งั หลายผมู ีศลี เปน ทรี่ กั พากนั คัดคา นในเม่อื พระ-ฉัพพัคคยี ท ํากรรมไมเ ปนธรรม พระฉพั พคั คียไ ดอ าฆาต เคอื งแคน คกุ คามจะฆา เสีย ภกิ ษทุ ั้งหลายจงึ กราบทูลเรื่องนั้นแดพระผูม พี ระภาคเจา พระผูม ีพระ-ภาคเจา รับสัง่ กะภกิ ษทุ ้งั หลายวา ดูกอนภิกษุทงั้ หลาย เราอนญุ าตใหท าํ ความเห็นแยง ได. ภกิ ษทุ ัง้ หลายทําความเหน็ แยงในสาํ นกั พระฉพั พคั คยี เหลานั้นนั่นแหละพระฉัพพคั คยี ไดอ าฆาต เคืองแคน คุกคามจะฆาเสีย ภกิ ษุทัง้ หลายกราบทูลเรอ่ื งนนั้ แดพระผูมพี ระภาคเจา พระผมู ีพระภาคเจา รบั สง่ั กะภิกษทุ ง้ั หลายวา ดูกอนภิกษทุ งั้ หลายเราอนญุ าตใหภกิ ษุ ๔ - ๕ รูปคัดคาน ใหภกิ ษุ ๒ - ๓ รปู ทาํความเห็นแยง ใหภ ิกษุรปู เดียวนึกในใจวา กรรมนน้ั ไมค วรแกเรา. แกลง สวดปาติโมกขไมใหไ ดยนิ [๑๗๒] กโ็ ดยสมัยนัน้ แล พระฉัพพคั คียแกลงสวดปาติโมกขในทามกลางสงฆไมใ หไ ดยิน ภกิ ษทุ งั้ หลายกราบทลู เรอื่ งนั้นแดพ ระผูม ีพระภาคเจาพระผมู พี ระภาคเจารับสัง่ หา มภกิ ษทุ ง้ั หลายวา ดกู อ นภิกษุท้ังหลาย อันภกิ ษผุ ูสวดปาติโมกขไมพ ึงแกลงสวดไมใหไดยิน รูปใดสวดไมใหไ ดย ิน ตองอาบัต.ิทุกกฏ. สมัยตอมา ทานพระอทุ ายีเปน ผสู วดปาตโิ มกขแกส งฆ แตมีเสียงเครือดจุ เสียงกา คร้ังนั้นทานพระยุทายไี ดมีความปรวิ ิตกวา พระผมู พี ระภาคทรงญตั ตไิ วแลว วา ภิกษุสวดปาตโิ มกขตอ งสวดใหไ ดย นิ ทวั่ กัน ก็อาตมามีเสียงเครือดุจเสียงกา อาตมาจะพึงปฏบิ ัติอยา งไรหนอ จงึ แจงเร่ืองนั้นแกภกิ ษุทง้ั หลาย ๆ กราบทูลเรือ่ งนัน้ แดพ ระผูมพี ระภาคเจา จึงแจง เรื่องนั้นแกภกิ ษุกะภกิ ษุท้ังหลายวา ดกู อ นภกิ ษทุ ้งั หลาย เราอนุญาตใหภกิ ษทุ ี่สวดปาติโมกข
พระวินยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 444พยายามสวดดวยต้งั ใจวา จะสวดใหไดยนิ ถอ ยคําท่ัวกัน เมือ่ พยายาม ไมต องอาบตั .ิ หา มสวดปาตโิ มกขในบริษัทที่มีคฤหัสถ [๑๗๓] กโ็ ดยสมยั น้ันแล พระเทวทตั ตสวดปาติโมกขใ นบริษัททมี่ ีคฤหัสถป นอยูดวย ภิกษุทัง้ หลายจงึ กราบทลู เร่ืองน้นั แดพ ระผมู ีพระภาคเจาพระผมู ีพระภาคเจา รบั สง่ั หามภิกษุท้ังหลายวา ดูกอ นภิกษทุ ้งั หลาย ภิกษไุ มพึงสวดปาตโิ มกขใ นบริษัทที่มีคฤหสั ถปนอยดู ว ย รปู ใดสวด ตอ งอาบตั ิทุกกฏ. ตอ งไดร บั อาราธนาจงึ สวดปาติโมกขได [๑๗๔] กโ็ ดยสมยั นน้ั แล พระฉัพพคั คยี ไ มไดรับอาราธนาสวดปาติ-โมกขใ นทามกลางสงฆ ภกิ ษุทัง้ หลายกราบทูลความเรือ่ งน้นั แดพ ระผูมีพระภาคเจา พระผูม ภี าคเจารับส่งั หา มภิกษทุ ง้ั หลายวา ดูกอนภกิ ษุท้งั หลาย ภกิ ษไุ มไดรบั อาราธนา ไมพึงสวดปาติโมกขใ นทามกลางสงฆ รูปใดสวด ตอ งอาบตั ิทุกกฏ. ดกู อนภิกษทุ ้ังหลาย เราอนญุ าตปาตโิ มกขใ หเ ปน หนา ท่ขี องพระเถระ. อญั ญตติ ถิยภาณวารที่ ๑๑ จบ
พระวนิ ัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 445 อรรถกถาอชั เฌสนา บทวา อนชฺฌิฏ า ไดแ ก ไมไดรับบญั ชา หรอื ไมไดร ับเชญิ . ก็ในอชั เฌสนาธกิ ารนี้ การเชญิ เน่อื งดวยภกิ ษุผเู ชญิ แสดงธรรมซึ่งสงฆส มมติกม็ ี เน่อื งดวยพระสงั ฆเถระกม็ .ี เมื่อภกิ ษผุ เู ชิญแสดงธรรมน้ันไมม ีภิกษเุ รียนพระสังฆเถระแลว หรืออันพระสงั ฆเถระอัญเชิญแลว ยอ มไดเพื่อกลา วธรรม. พระสังฆเถระเลา ถา ในวดั ทอี่ ยูมีพระธรรมถึกมาก, พึงสั่งตามลําดบัวาระ. ภิกษผุ ูซ ึง่ ทานส่งั วาเธอจงสวดธรรม กด็ ี วา เธอจงแสดงธรรม กด็ ี วาเธอจงใหธ รรมทาน กีดี พงึ กลาวธรรมไดทั้ง ๓ วิธี แตภ ิกษผุ ไู ดรับคาํ สัง่ วา จงสวด ยอมไดเพ่ือสวดเทานน้ั ผไู ดรับคําสง่ั วา จงแสดง ยอ มไดเพือ่ แสดงเทานน้ั ผูไดรบั คาํ สั่งวา จงสวดสรภัญญะ ยอมไดเ พือ่ สวดสรภญั ญะเทา น้นั . ฝา ยพระเถระเลา ผูนง่ั บนอาสนะสูงกวา ยอมไมไดเ พื่ออญั เชิญ. ถาพระสังฆเถระเปน อปุ ชฌาย และพระธรรมกถึกเปนสัทธิวิหาริก และพระ-อุปชฌายน ั่งบนอาสนะสูง ส่ังสัทธวิ หิ ารกิ นั้นวาเธอจงสวด. พึงตง้ั ใจสาธยาย.แลวสวดเถดิ . แตถ าในสํานักอุปช ฌายน ี้ มภี ิกษุหนุมมาก, พงึ ตั้งใจวา เราสวดแกภ ิกษเุ หลา น้ัน แลวสวดเถิด. ถาพระสงั ฆเถระในวัดที่อยใู หส วดแตนสิ ติ ของตนเทา น้นั ไมอ ัญเชิญภิกษเุ หลาอืน่ ที่สวดไพเราะบาง ภกิ ษุเหลา อ่นื พึงเรยี นทานวา ทา นผเู จริญพวกผมขอใหภ ิกษุชือ่ โนนสวด. ถาทา นตอบ สวดเถิด หรือทา นนงิ่ เสีย สมควรใหส วดได. แตถา ทา หา ม ไมค วรใหส วด. หากวา เรม่ิ ธรรมสวนะ แตเม่อื พระสังฆเถระยังมิไดม า. เม่ือทา นมากลางคนั กจิ ทจี่ ะตองหยุดขอโอกาส ไมมี.
พระวินัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 446 อนงึ่ เม่ือสวดแลวจะอธบิ ายเนอื้ ความ พึงขอโอกาสทานแลว จงึอธิบายกไ็ ด. ไมห ยุดเลยอธิบายทีเดยี วก็ได แมในพระสังฆเถระผูม ากลางคันเมอื่ กําลังอธิบายกม็ นี ัยเหมอื นกัน. ถึงในอุปนิสินนกถาพระสังฆเถระเปนเจา ของ,เพราะฉะน้นั พระสงั ฆเถระนั้นพงึ กลาวเอง, หรือสง่ั ภกิ ษุอื่นวา เธอจงกลา วก็แลพระเถระน่ังสูงกวา ไมค วรสั่ง. แตวา จะสั่งแกม นุษยท ั้งหลายวา ทา นจงกลาว ควรอยูชนท้ังหลายถามภกิ ษผุ รู จู กั ตน ภกิ ษุน้นั พงึ ขอโอกาสพระเถระกอนจึงคอยตอบ. ถา พระเถระไดร บั ตอบวา ทา นผูเจริญ ชนเหลาน้ี ถามปญ หากะผม ดังนี้แลว สัง่ วา ตอบเถิดกด็ ี นง่ิ เสียกด็ ี จะตอบกค็ วร. แมในการอนโุ มทนาเปน ตน ในละแวกบาน ก็นัยน้แี ล ถา วา พระสังฆเถระอนญุ าตวาเธอพงึ กลาวในวัดที่อยูหรือในละแวกบานเถิด ไมต องบอกเลา ฉนัละ เปน อนั ไดขออาง, สมควรกลาวไดใ นท่ที ัง้ ปวง. แมเ มื่อจะทําการสาธยายเลา กต็ อ งขอโอกาสพระเถระเหมือนกัน. เมอ่ื ขอโอกาสองค ๑ แลวกําลงัสาธยาย องคอน่ื มาอีก กจิ ทจ่ี ะตองขอโอกาสอีก ยอ มไมม ี. หากวา เม่อื ผูกใจวา เราจกั พัก แลว หยดุ อยู พระเถระมา, เมอ่ื เริม่ อกี ตอ งขอโอกาส แมเมือ่กําลงั สาธยายธรรมทีต่ นเร่ิมไวแลว แตเม่อื พระสงั ฆเถระยงั มิไดม า ก็นยั นีแ้ ล.พระสงั ฆเถระองค ๑ อนญุ าตแลววา ไมตองขอโอกาสฉนั ละ ทอ งตามสบายเถดิ ดงั นี้ สมควรสาธยายตามสบาย แตเม่อื พระสงั ฆเถระองคอน่ื มา ตองขอโอกาสทานกอ นจงึ สาธยาย. ขอ วา อตตฺ นา วา๑ อตฺตาน สมฺมนฺนติ พฺพ มีความวา พึงสมมตติ นดว ยตนเองกไ็ ด. แตเมื่อจะถาม ตองแลดบู รษิ ัท ถาอปุ ท วะไมม แี กตน, พงึ ถามวนิ ยั๑. พระบาลวี นิ ัยเปน อตตฺ นา ว. แตอ ตฺตนา วา นาจะถกู กวา.
พระวนิ ัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 447 ขอ วา กเตป โอกาเส ปุคฺคล ตลุ ยิตฺวา มคี วามวา เราตถาคตอนญุ าตใหภ ิกษุ แมเ ม่ือตนขอโอกาสแลว ตองพจิ ารณาอยางนี้วา อุปท วะจากบคุ คลนี้ จะมีแกเ รา หรอื ไมมีหนอ ? ดงั นี้ แลวจงึ โจทดว ยอาบัต.ิ ขอวา ปคุ คฺ ล ตลฺ ยิตวฺ า โอกาส กาตุ มคี วามวา เราตถาคตอนุญาตใหภิกษุพิจารณาอยา งนี้วา ผูนจี้ ะกลา วอาบัตเิ ฉพาะทเ่ี ปน จรงิ เทานั้นหรือจะกลา วท่ไี มเ ปน จริงหนอ ดงั นีแ้ ลว จงึ ตอยใหโอกาส. บทวา ปรุ มฺหาก ไดแ กเ ราทัง้ หลาย . . . กอ น. บทวา ปฏกิ จเฺ จว ไดแ ก กอ นกวา ทีเดยี ว. กรรมไมเปนธรรมมีนัยดงั กลาวแลวนัน่ แล. บทวา ปฏกิ ฺโกสิตุ ไคแก เพอื่ หา ม. ขอ วา ทิฏิมฺป อาวกิ าตุ มคี วามวา เราตถาคตอนญุ าตใหภกิ ษุประกาศความเห็นของตน ในสาํ นกั ภกิ ษุอืน่ อยา งนี้วา กรรมนี้ ไมเปน ธรรมนัน่ ไมชอบใจขา พเจา . คาํ วา ๔ รปู ๕ รูป เปน ตน พระผมู ีพระภาคเจา ตรสั เพื่อตอ งการมิใหมอี นั ตรายแกภกิ ษุเหลานนั้ . ขอวา สฺจิจจฺ น สาเวนฺติ มีความวา แกลง สวดคอย ๆ ดวยต้งั ใจวา ภิกษเุ หลาอนื่ จะไมไดยินดว ยประการใด เราจกั สวดดว ยประการน้ัน. บทวา เถราธิก มคี วามวา เราตถาคตอนุญาตปาตโิ มกข ใหมพี ระเถระเปน ใหญ อธิบายวา เพอื่ เปนกิจ เน่อื งดวยพระเถระ. บาลีวา เถราเธยยฺ กม็ ี แปลวา ใหมีพระเถระเปนเจาหนาท.ี่ เพราะเหตุน้นั พระเถระพงึ สวดเองกไ็ ด พึงเชญิ ภกิ ษุอนื่ ก็ได. ในอธกิ ารวาดว ยการอญั เชญิ ปาตโิ มกขน้ี วิธเี ชญิ มนี ยั ดงั กลาวแลวในการอญั เชญิ ธรรมนน่ั แล.
พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 448 หนาทส่ี วดปาติโมกข [๑๗๕] ครงั้ นน้ั พระผูมพี ระภาคเจาประทบั อยู ณ พระนครราชคฤหตามพระพทุ ธาภริ มยแลว เสดจ็ จารกิ โดยมรรคาอันจะไปเมอื งโจทนาวตั ถุ เสดจ็จารกิ โดยลําดบั ลถุ ึงเมืองโจทนาวัตถแุ ลว กโ็ ดยสมัยนั้นแล ในอาวาสแหงหน่ึงมภี ิกษอุ ยดู ว ยกันมากรูป บรรดาภิกษเุ หลานน้ั พระเถระเปน ผูเขลา ไมฉลาด ทา นไมร ูอ โุ บสถ หรือวิธีทาํ อโุ บสถ ไมร ูป าติโมกข หรือวิธสี วดปาติโมกข จึงภกิ ษุเหลาน้นั ติดกันวา พระผมู ีพระภาคเจา ทรงบญั ญตั ไิ วแลว วาปาติโมกขเ ปน หนาท่ีของพระเถระ ก็พระเถระของพวกเรารูปนี้เปนผูเขลา ไมฉลาด ไมร อู โุ บสถ หรอื วิธที าํ อโุ บสถไมร ูป าติโมกขห รอื วิธสี วดปาตโิ มกขพวกเราจะพึงปฏบิ ัตอิ ยา งไรหนอ ? แลวกราบทลู เรือ่ งนนั้ แดพ ระผูมพี ระภาคเจาพระผมู ีพระภาคเจารบั สั่งกะภิกษุท้ังหลายวา ดูกอ นภิกษทุ ั้งหลาย บรรดาภกิ ษุเหลา นนั้ ภิกษุรปู ใดเปน ผฉู ลาด สามารถ เราอนุญาตปาติโมกขใหเ ปน หนาที่ของภิกษุรปู นัน้ . สงภกิ ษุไปศึกษาปาตโิ มกข [๑๗๖] ก็โดยสมยั นน้ั แล ในอาวาสแหง หน่งึ ถึงวันอโุ บสถ มีภิกษุอยูดว ยกันมากรูป ลวนเปน ผเู ขลา ไมฉ ลาด พวกเธอไมรอู โุ บสถ หรอื วิธีทาํ อุโบสถไมร ูปาตโิ มกขหรือวิธีสวดปาติโมกข พวกเธอจงึ อาราธนาพระเถระวาขอพระเถระจงสวดปาติโมกขขอรับ ทา นตอบอยางนีว้ า อาวุโสท้งั หลาย เราสวดปาตโิ มกขไ มไ ด ภกิ ษทุ ั้งหลายจงึ อาราธนาพระเถระรปู ท่ี ๒ วา ขอพระ-เถระจงสวดปาติโมกขข อรบั แมทา นกต็ อบอยา งน้ีวา อาวุโสทัง้ หลาย เราสวด
พระวนิ ัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 449ปาติโมกขไ มไ ด ภกิ ษุทง้ั หลายจึงอาราธนาพระเถระรปู ท่ี ๓ วา ขอพระเถระจงสวดปาติโมกขขอรบั แมทา นก็ตอบอยา งน้ีวา อาวุโสทัง้ หลาย เราสวดปาต-ิโมกขไมไ ด ภิกษุเหลานนั้ ไดอาราธนาจนถึงพระสังฆนวกะ โดยวิธีนแี้ หละวาขอคุณจงสวดปาติโมกข แมเธอก็ตอบอยา งนวี้ า ผมสวดปาติโมกขไ มไดข อรับภิกษุท้งั หลายกราบทูลเรื่องนน้ั แตพ ระผมู ีพระภาคเจา. พระผมู พี ระภาคเจา รบั ส่ังกะภกิ ษทุ ้งั หลายวา ดูกอ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย ก็ในอาวาสแหงหน่งึ ถึงวนั อุโบสถ ภกิ ษุในศาสนานอี้ ยดู วยกนั มาก ลว นเปนผูเขลา ไมฉ ลาดพวกเธอไมร ูอโุ บสถ หรอื วธิ ีทาํ อุโบสถ ไมรูปาติโมกข หรอืวธิ ีสวดปาตโิ มกข พวกเธอจึงอาราธนาพระเถระวา ขอพระเถระจงสวดปาติโมกขข อรบั ทา นตอบอยา งนี้วา อาวโุ สทง้ั หลาย เราสวดปาติโมกขไมไดพวกเธอจงึ อาราธนาพระเถระรปู ท่ี ๒ วา ขอพระเถระจงสวดปาตโิ มกขข อรบัแมท า นกต็ อบอยางน้วี า อาวุโสทงั้ หลาย เราสวดปาติโมกขไมได พวกเธอจงึอาราธนาพระเถระรปู ท่ี ๓ วา ขอพระเถระจงสวดปาติโมกข ขอรับ แมท า นก็ตอบอยางน้วี า อาวโุ สท้ังหลาย เราสวดปาติโมกขไ มได พวกเธอไดอ าราธนาจนถงึ พระสังฆนวกะ โดยวิธนี ี้แหละวา ขอคุณจงสวดปาติโมกข แมเธอรูปนัน้ กต็ อบอยา งนวี้ า ผมสวดปาตโิ มกขไมไดข อรับ. ดูกอ นภิกษุท้ังหลาย ภิกษเุ หลาน้ันพงึ สง ภิกษรุ ูปหน่ึงไปสูอาวาสใกล-เคยี ง พอจะกลับมาทนั ในวนั นน้ั ดว ยส่ังวาดูกอ นอาวุโส เธอจงไปเรียนปา-ติโมกขโ ดดยอ หรือโดยพิสดารมา. ครั้งน้ัน ภิกษุท้ังหลายไดม ีความปริวติ กวา จะพึงสง ภกิ ษรุ ูปไหนหนอไป แลวกราบทูลเร่ืองน้นั แดพ ระผูมพี ระภาคเจา พระผูมีพระภาคเจารบั สง่ั กะภกิ ษทุ ง้ั หลายวา ดูกอนภิกษุทั้งหลาย เราอนญุ าตใหภ กิ ษุผูเ ถระใชภิกษผุ ูนวกะไป.
พระวนิ ัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 450 ภิกษุนวกะทัง้ หลายอนั พระเถระบัญชาแลว ไมยอมไป ภกิ ษุทงั้ หลายกราบทลู เร่อื งน้ันแดพระผมู ีพระภาคเจา พระผมู ีพระภาคเจารบั สัง่ กะภกิ ษุทัง้หลายวา ดูกอ นภกิ ษุทง้ั หลาย ภกิ ษุไมอาพาธ อนั พระเถระบัญชาแลวจะไมยอมไปไมได รูปใดไมยอมไป ตอ งอาบตั ิทุกกฏ. พระพทุ ธานุญาตใหเรยี นปก คณนา [๑๗๗] ครง้ั นน้ั พระผมู ีพระภาคเจา ประทบั อยูทเ่ี มอื งโจทนาวตั ถุตามพระพุทธาภริ มยแลว เสด็จกลับมายงั พระนครราชคฤหอ กี ก็โดยสมยั นน้ัแล ชาวบานถามภกิ ษทุ ง้ั หลายทกี่ ําลังเทย่ี วบิณฑบาตวา ดิถที เี่ ทาไรแหงปกษเจาขา ภกิ ษทุ ้งั หลายตอบอยางน้ีวา อาวุโสทั้งหลาย พวกอาตมาไมร เู ลย ชาวบา นจึงเพงโทษ ติเตยี น โพนทะนาวา แมเพียงนบั ปกษ พระสมณะเชื้อสายศากยบตุ รเหลา น้นั กย็ ังไมรู ไฉนจะรคู ุณความดอี ะไรอยา งอน่ื เลา ภกิ ษุทัง้ หลายกราบทลู เร่อื งน้นั แดพ ระผมู ีพระภาคเจา พระผมู ีพระภาคเจาตรสั อนุญาตแกภ กิ ษุท้งั หลายวา ดกู อ นภิกษทุ ้งั หลาย เราอนุญาตใหเ รียนปกขคณนา ครง้ั นั้น ภิกษุทัง้ หลายไดม คี วามปริวติ กวา ภิกษุรูปไหนหนอพงึ เรียนปก ชคณนา แลวกราบทูลเรือ่ งนนั้ แดพระผมู พี ระภาคเจา พระผูมพี ระภาคเจาตรัสอนุญาตแกภกิ ษุทง้ั หลายวา ดกู อนภิกษุทั้งหลาย เราอนญุ าตใหภิกษทุ กุ ๆรูปเรียนปกขคณนา. ก็โดยสมยั น้ันแล ชาวบา นถามภิกษุทัง้ หลายท่ีกาํ ลงั เที่ยวบิณฑบาตวาภิกษุมีจาํ นวนเทา ไร เจาขา ภกิ ษทุ ง้ั หลายตอบอยา งน้ีวา อาวุโสทั้งหลาย พวกอาตมาไมรูเ ลย ชาวบานจึงเพง โทษ ติเตียน โพนทะนาวา แมพ วกกันเองพระสมณะเชื้อสายศากยบุตรเหลา น้กี ็ยังไมร ู ไฉนจกั รูค วามดีอะไรอยา งอื่น
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 646
Pages: