Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_06

tripitaka_06

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:31

Description: tripitaka_06

Search

Read the Text Version

พระวนิ ัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 501 . . .สูถ่นิ ที่มิใชอาวาส ซง่ึ มภี ิกษุไมค รบจํานวน. . . . . .สูอาวาสหรือถ่นิ ท่ีมิใชอ าวาส ซ่งึ มีภกิ ษุไมค รบจาํ นวน เวนแตไปกบั สงฆ เวน แตมีอันตราย. ดกู อนภกิ ษทุ ้งั หลาย เมื่อถึงวันอุโบสถ ไมพึงไปจากอาวาสท่มี ีภิกษุครบจาํ นวน สูอาวาสทมี่ ีภิกษุครบจํานวน ซ่งึ เปน ที่อยูของพวกภกิ ษผุ มู สี ังวาสตางกัน เวนแตไ ปกบั สงฆ เวนแตม อี ันตราย. ดูกอนภิกษทุ ง้ั หลาย เม่ือถงึ วันอโุ บสถ ไมพึงไปจากอาวาสที่มภี กิ ษุครบจาํ นวน สถู น่ิ ท่มี ใิ ชอ าวาส ซ่ึงมภี กิ ษคุ รบจาํ นวน อนั เปน ท่ีอยขู องพวกภิกษุผมู สี ังวาสตา งกนั เวน แตไปกับสงฆ เวนแตมอี นั ตราย. ดูกอ นภกิ ษุท้ังหลาย เมอื่ ถงึ วันอโุ บสถ ไมพึงไปจากอาวาสท่ีมภี ิกษุครบจาํ นวน สูอาวาส หรอื ถิน่ ท่มี ิใชอาวาส ซึ่งมภี ิกษคุ รบจํานวน อนั เปนทอี่ ยขู องพวกภิกษุผูมสี ังวาสตา งกนั เวนแตไ ปกบั สงม เวนแตมีอนั ตราย. ดกู อนภกิ ษุท้ังหลาย เม่ือถงึ วนั อุโบสถ ไมพึงไปจากถิ่นท่มี ใิ ชอาวาสซ่งึ มภี กิ ษุครบจํานวน สอู าวาสท่มี ภี ิกษุครบจํานวน . . . . . . สถู ่นิ ทีม่ ใิ ชอาวาส ซึ่งมภี กิ ษุครบจาํ นวน. . . . . . สูอาวาสหรอื ถนิ่ ทม่ี ิใชอ าวาส ซึง่ มีภิกษุครบจาํ นวน อนั เปน ที่อยูของพวกภิกษผุ มู ีสังวาสตางกนั เวน แตไปกบั สงฆ เวนแตมอี นั ตราย. ดกู อ นภกิ ษุทั้งหลาย เมอื่ ถงึ วันอุโบสถ ไมพ งึ ไปจากอาวาส หรอื ถ่ินท่ีมิใชอ าวาส ซึ่งมีภกิ ษคุ รบจํานวน สูอ าวาสท่มี ีภิกษุครบจาํ นวน. . . . . . สูถ น่ิ ทม่ี ใิ ชอ าวาส ซง่ึ มีภิกษคุ รบจํานวน. . . . . . สูอาวาสหรอื ถน่ิ ทมี่ ใิ ชอาวาส ซึง่ มีภกิ ษุครบจํานวน อนั เปน ที่อยูของพวกภกิ ษุผมู ีสังวาสตา งกัน เวนไปกบั สงฆ เวนแตม ีอันตราย.

พระวนิ ยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 502 ดกู อนภกิ ษทุ ั้งหลาย เมอ่ื ถงึ วันอโุ บสถ พงึ ไปจากอาวาสที่มภี ิกษุครบจาํ นวน สูอาวาสซงึ่ มภี ิกษุครบจาํ นวน อันเปนท่อี ยูของพวกภกิ ษุทม่ี สี งั วาสเสมอกนั ทร่ี วู า เราสามารถจะไปถึงในวันนีท้ ีเดียว. ดกู อนภกิ ษุทงั้ หลาย เม่ือถงึ วันอุโบสถ พงึ ไปจากอาวาสที่มีภิกษคุ รบจํานวนสถู นิ่ ที่มิใชอาวาส ซงึ่ มีภกิ ษคุ รบจํานวน. . . .สูอาวาสหรือถิน่ ทม่ี ใิ ชอาวาส ซ่งึ มภี ิกษคุ รบจํานวน อันเปน ท่ีอยูข องพวกภิกษผุ มู ีสังวาสเสมอกัน ทร่ี ูวา เราสามารถจะไปถึงในวันนท้ี เี ดยี ว. ดูกอนภิกษุทงั้ หลาย เม่ือถึงวันอุโบสถ พงึ ไปจากถิ่นทมี่ ิใชอ าวาสซึง่ มภี กิ ษคุ รบจาํ นวน สอู าวาสท่มี ภี ิกษคุ รบจาํ นวน... . . .สูถน่ิ ทมี ใิ ชอ าวาส. ซงึ่ มีภิกษคุ รบจํานวน... . . .สูอาวาสหรือถ่ินทมี่ ใิ ชอ าวาส ซงึ่ มภี กิ ษคุ รบจาํ นวน อันเปน ทอ่ี ยูของพวกภกิ ษทุ ่มี สี ังวาสเสมอกนั ทีร่ ูว า เราสามารถจะไปถงึ ในวนั นี้ทเี ดียว. ดกู อนภกิ ษทุ ้งั หลาย เมอื่ ถงึ วันอโุ บสถ พึงไปจากอาวาสหรือถิ่นที่มใิ ชอ าวาส ซง่ึ มีภกิ ษคุ รบจาํ นวน สอู าวาสท่มี ีภกิ ษุครบจํานวน. . . . สถู ่นิ ทีม่ ใิ ชอ าวาส ซ่งึ มีภกิ ษุครบจํานวน. . . . สูอาวาสหรือถิน่ ท่ีมิใชอาวาส ซ่ึงมภี กิ ษุครบจาํ นวน อันเปนทอี่ ยูของพวกภกิ ษุผูม ีสงั วาสเสมอกนั ท่รี วู า เราสามารถจะไปถงึ ในวันนีท้ เี ดียว. วชั ชนยี บคุ คล ในอุโบสถ [๒๐๑] ดูกอนภิกษทุ ั้งหลาย ภิกษุไมพงึ สวดปาตโิ มกขในบริษทั ที่ภิกษุณีนัง่ อยูด วย รูปใดสวด ตองอาบัตทิ กุ กฏ. ดกู อ นภกิ ษทุ ้ังหลาย ภกิ ษไุ มพึงสวดปาตโิ มกขในบริษัทที่มสี ิกขมานานง่ั อยดู วย...

พระวนิ ยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 503 . . .ที่สามเณรนัง่ อยูดว ย. . . . . .ทส่ี ามเณรีนง่ั อยดู ว ย. . .ิ . . .ทีภ่ ิกษผุ ูบอกลาสกิ ขานง่ั อยูดวย. . . ไมพ งึ สวดปาติโมกขใ นบริษัททภี่ ิกษุผตู อ งอนั ตมิ วัตถุ นั่งอยูด ว ย รูปใดสวด ตอ งอาบัตทิ กุ กฏ. ไมพ งึ สวดปาตโิ มกข ในบรษิ ัททีภ่ ิกษุผูถ ูกสงฆยกเสียฐานไมเห็นอาบัตินัง่ อยูดวย รปู ใดสวด พงึ ปรบั อาบัตติ ามธรรม. . . .ในบริษัททภี่ ิกษุผถู ูกสงฆยกเสยี ฐานไมก ระทาํ คนื อาบตั ิ นัง่ อยูดว ย... ไมพึงสวดปาติโมกข ในบริษทั ทภ่ี ิกษผุ ูถ กู สงฆยกเสียฐานไมส ละคืนทฏิ ฐอิ ันลามกนั่งอยดู ว ย รูปใดสวด พงึ ปรับอาบัตติ ามธรรม. ไมพ งึ สวดปาติโมกขโ นบริษทั ทบี่ ณั เฑาะกน ง่ั อยดู วย รปู ใดสวด ตองอาบัติทุกกฏ. ไมพงึ สวดปาตโิ มกขในบรษิ ทั ที่คนลกั เพศน่งั อยูดวย... . . .ท่ภี กิ ษเุ ขา รตี เดยี รถยี น ัง่ อยดู ว ย. . . . . .ทค่ี นคลายสตั วดิรจั ฉานนงั่ อยดู ว ย. . . . . .ทค่ี นฆามารดานง่ั อยูดวย. . . . . .ที่คนฆาบิดานัง่ อยูดวย. . . . . .ทคี่ นฆาพระอรหันตน ่งั อยดู วย. . . . . .ทค่ี นประทษุ รายภิกษุณนี ง่ั อยูดวย. . . . . .ทภี่ ิกษุผูทําลายสงฆนั่งอยูดวย. . . . . .ทีค่ นผูทํารา ยพระศาสดาจนถงึ หอ พระโลหิตนงั่ อยูด วย. . .

พระวนิ ัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 504 ไมพงึ สวดปาติโมกข ในบรษิ ัทท่ีอุภโตพยัญชนกนง่ั อยูดว ย รูปใดสวดตอ งอาบัตทิ กุ กฏ. [๒๐๒] ดูกอนภกิ ษทุ ้งั หลาย ไมพึงทาํ อโุ บสถ ดวยการใหปารสิ ุทธิคางคราว เวนแตบริษัทยงั ไมลกุ ไป. [๒๐๓] ดูกอ นภกิ ษุทง้ั หลาย อนงึ่ ไมพ งึ ทําอโุ บสถ ในกาลมใิ ชวันอโุ บสถ เวนแตวันสงั ฆสามคั ด.ี อุโบสถขนั ธกะ จบ ภาณวารท่ี ๓ จบ เร่ืองในขนั กะนมี้ ี ๘๖ เรอ่ื ง หวั ขอ ประจําขันธกะ [๒๐๔] ๑. เรือ่ งพวกเดยี รถีย ๒. เรื่องพระเจา พมิ พิสาร ๓. เรือ่ งประชุมกันนง่ั นิง่ ๔. เรื่องประชุมกลาวธรรม ๕. เรื่องประทับในทส่ี งัด๖. เรือ่ งสวดปาติโมกขค รงั้ นน้ั ทกุ วนั ๗. เร่อื งทรงอนญุ าตใหส วดปาติโมกขปก ษล ะครง้ั ๘. เร่ืองสวดปาติโมกขในบริษทั เทาท่มี อี ยู ๙. เรื่องสวดปาติ-โมกขแกภ ิกษุผพู รอมเพรยี งกนั ๑๐. เร่ืองทรงอนุญาตสามัคคี ๑๑. เร่อื งมัททกุจฉิมฤคทายวัน ๑๒. เร่อื งสมมติสมี า ๑๓. เรื่องสมมตสิ ีมาใหญเ กินขนาด ๑๔. เรื่องสมมตทิ ีปารสมี า ๑๕. เร่อื งสวดปาติโมกขท่ีอนบุ ริเวณ๑๖. เรื่องสมมติโรงอโุ บสถ ๒ โรง ๑๗. เรอ่ื งสมมตโิ รงอุโบสถเล็กเกินขนาด๑๘. เรอื่ งพวกนวกะภกิ ษุ ๑๙. เร่อื งพระนครราชคฤห ๒๐. เรือ่ งสมมตสิ ีมาใหเปน แดนไมอ ยูปราศจากไตรจวี ร ๒๑. เร่อื งสมมตสิ มานสังวาสสมี ากอน๒๒. เร่ืองถอนสมานสงั วาสสีมาทหี ลงั ๒๓. เรอ่ื งคามสมี าทไี่ มไ ดส มมติ

พระวนิ ัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 505๒๔. เร่อี งอุทกุกเขปในแมนา้ํ ๒๕. เรื่องอุทกุกเขปในสมุทร ๒๖. เร่อื งอทุ กุกเขปในชาตสระ ๒๗. เรอ่ื งสีมาคาบเกีย่ ว ๒๘. เรือ่ งสมมติสมี าทบั สีมา๒๙. เรือ่ งวันอโุ บสถมีเทาไร ๓๐. เร่ืองอาการทท่ี าํ อุโบสถมเี ทาไร ๓๑. เรื่องปาตโิ มกขทุ เทสมเี ทา ไร ๓๒. เรือ่ งคนชาวดงมาพลุกพลา น ๓๓. เรอ่ื งไมม ีอนั ตราย ๓๔. เร่อื งแสดงธรรม ๓๕. เรอื่ งถามวนิ ยั ๓๖. เรือ่ งกลาวคกุ -คาม ๓๗. เร่อื งวสิ ัชนาวินัย ๓๘. เรือ่ งกลาวคกุ คามอีกเรอื่ งหน่งึ ๓๙. เรื่องโจทดวยอาบตั ิ ๔๐. เรือ่ งทาํ โอกาส ๔๑. เร่ืองคานกรรมท่ไี มเปน ธรรม๔๒. เรอ่ื งภกิ ษุ ๔-๕ รูปทําความเห็นแยง ๔๓. เรื่องแกลง สวดปาตโิ มกขไ มใหไ ดยนิ ๔๔. เร่ืองทรงอนญุ าตใหพ ยายามสวด ๔๕. เรอ่ื งสวดปาตโิ มกขในบริษทั ที่มคี ฤหสั ถป นอยดู ว ย ๔๖. เร่ืองไมไดรับ อาราธนาสวดปาตโิ มกข๔๗. เร่ืองภกิ ษไุ มรูใ นโจทนาวัตถนุ คร ๔๘. เรื่องภกิ ษมุ ากรูปดวยกันไมร ูจักอุโบสถเปน ตน ๔๙. เรื่องสงไปพอจะกลับนาทนั ในวนั นน้ั ๕๐. เรือ่ งไมยอมไป ๕๑. เรือ่ งดถิ ีท่เี ทา ไรแหงปก ษ ๕๒. เรื่องภกิ ษมุ เี ทาไร ๕๓. เรอื่ งไปบิณฑบาตบา นไกลทรงอนุญาตใหบอก ๕๔. เร่ืองระลกึ ไมไ ด ๕๕. เร่อื งโรงอุโบสถรก ๕๖. เรอื่ งอาสนะและประทีป ๕๗. เร่ืองภิกษุไปสทู ิศ๕๘. เรอ่ื งภกิ ษุรูปอ่นื เปน พหสู ตู ๕๙. เรื่องสง ภิกษไุ ปพอจะกลบั มาทันในวันน้ัน ๖๐. เรือ่ งจาํ พรรษา ๖๑. เรื่องทาํ อโุ บสถ ๖๒. เรอื่ งใหป ารสิ ุทธิ๖๓. เรอ่ื งทาํ กรรม ๖๔. เรื่องพวกญาติ ๖๕. เร่อื งภกิ ษุชอ่ื คัคคะ. ๖๖. เรือ่ งภิกษุ ๕ รปู ๓ รูป ๒ รปู และรูปเดยี ว ๖๗. เร่ืองตองอาบัติ ๖๘. เร่อื งแสดงสภาคาบตั ิ ๖๙. เร่อื งภิกษุรูป ๑ ระลกึ อาบตั ไิ ด ๗๐. เรอื่ งสงฆทั้งหมดตองสภาคาบตั ิและสงสยั ๗๑. เรือ่ งไมร ูชื่อและโคตรอาบตั ิ ๗๒. เรอ่ื งภกิ ษุพหูสตู ๗๓. เรอ่ื งภิกษุมามากกวา มาเทากนั และมานอยกวา ๗๔. เรอ่ื ง

พระวินยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 506บรษิ ทั ยังไมท ันลุกไปและบางพวกลุกไปแลว ๗๕. เรือ่ งบริษัทลุกไปหมดแลว๗๖. เร่อื งภิกษรุ ู ๗๗. เรอ่ื งภกิ ษุสงสัย ๗๘. เร่อื งภิกษฝุ นใจทาํ ดว ยเขา ใจวาควร ๗๙. เรอื่ งภิกษรุ ู ไดเห็นและไดยิน ๘๐. เร่ืองภกิ ษุอาคันตุกะกับภิกษุเจา ถน่ิ ๘๑. เรอื่ งวันจาตุททสี วันปณ ณรสี ๘๒. เรือ่ งวนั ปาฏิบทกับวนั ปณณรสี ๘๓. เรอื่ งลงิ ค ๘๔. เร่อื งสังวาส ๘๕. เรื่องใหป าริสทุ ธิคางคราว ๘๖. เรือ่ งทาํ อุโบสถในกาลมิใชว นั อโุ บสถ นอกจากวนั สังฆสามัคคีอทุ านท่ีจาํ แนกแลว เหลา น้ี เปน หัวขอบอกเรอ่ื ง. หวั ขอ ประจาํ ขนั ธกะ จบ อรรถกถาในวัคคาสมัคคสญั ญโิ นปณ ณรสกาทิกถา วินจิ ฉัยในวคั คาสมคั คสญั ญิโนปณ ณรสกะ พงึ ทราบดงั น้ี:- ขอ วา เต ชานนตฺ ิ มคี วามวา พวกภกิ ษุผูเจา ถนิ่ สถิตอยบู นภเู ขาหรือบนบก เหน็ ภิกษุเหลา อ่นื ลว งล้าํ สีมาเขามาแลว หรือกาํ ลงั ลว งลํ้าเขา มาแคพวกเธอผมู คี วามสําคัญวา พรอ มเพรยี งเพราะไมร ู หรือเพราะสาํ คญั วา จักเปน ผูม ากนั แลว เวมติกปณณรสกะ มอี รรถตืน้ ท้งั นั้น. วนิ ิจฉยั ในกกุ กจุ จปกตปณ ณรสกะ พงึ ทราบดังน้ี. บุคคลผถู กู ความอยากครอบงําแลว ทานกลา ววา ผอู นั ความอยากตรงึไวแลว ฉนั ใด ภกิ ษทุ ้งั หลายเหลานนั้ แมท าํ ความสนั นษิ ฐานในชน้ั ตนแลวยงั ถูกความรังเกยี จกลา วคือ ความเปนผูม คี วามสาํ คญั ในการไมค วรวาเปนการควร ครอบงาํ โนขณะกระทาํ พึงทราบวา ผอู ันความรงั เกยี จตรึงไวแลว ฉนันน้ั .

พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 507 ในเภทปเุ รกขารปณณรสกะ ทา นปรบั ถลุ ลัจจัย เพราะเหตุท่อี กศุ ลจิตแรงกลา . ใน อาวาสิเกนะ อาคนั ตุกเปยยาละ พงึ ทราบคําเปน ตน วา เต นชานนุติ อตถฺ ฺเ อาคนตฺ ุกา เหมือนคาํ ทีไ่ ดกลาวแลวใน อาวาสเิ กนะอาวาสกิ เปยยาละ อันมีมากอนวา เต น ชานนตฺ ิ อตฺถฺเ อาวาสกิ าเปน อาท.ิ สวนใน อาคันตุเกนะ อาวาสกิ เปยยาละ พงึ เตมิ คําวา อาคนฺตกุ าภิกฺขู สนฺนิปตนฺติ เหมอื นคําท่ีมาใน ปุรมิ เปยยาละ วา อาวาสิกา ภิกขฺ ูสนฺนิปตนตฺ ิ แตใน อาคนั ตุเกนะ อาคันตุกเปยยาละ พึงประกอบดว ยอํานาจภกิ ษุอาคันตกุ ะ ในบททัง้ ๒ ฉะน้ีแล. วินจิ ฉัย ในขอวา อาวาสกิ าน ภกิ ขฺ นู  จาตุทฺทโส โหติ,อาคนฺตกุ าน ปณณฺ รโส น้ี พงึ ทราบดงั น้:ี - อุโบสถของอาคันตกุ ะเหลาใด เปนวัน ๑๕ คํ่า พึงทราบวา อาคัน-ตกุ ะเหลานัน้ มาแลว จากนอกแวน แควน หรอื ไดทาํ อุโบสถทีล่ ว งไปแลว เปน-วนั ๑๔ คํา่ . ขอวา อาวาสกิ าน อนวุ ตฺตติ พฺพ มคี วามวา เมือ่ พวกภิกษผุ ูเ จา ถนิ่ทําบุพกจิ อยวู า อชชฺ ุโปสโถ จาตทุ ทฺ โส อุโบสถวนั นี้ ๑๔ ค่าํ พวกภิกษุอาคนั ตกุ ะพงึ คลอยตาม คอื ไมพ งึ คัดคา น. ขอวา นากามา ทาตพพฺ า มีความวา สามัคคี อันพวกภกิ ษผุ ูเจาถิ่น ไมพ งึ ใหแกพ วกภกิ ษุอาคันตุกะ ดวยความไมเตม็ ใจ. บทวา อาวาสิกาการ ไดแก อาการ อธิบายวา อาจาระของภกิ ษุผเู จา ถ่ิน. ในบททัง้ ปวงกน็ ยั น.้ี

พระวินยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 508 สภาพเปนเครอื่ งจบั อาจารสัณาน ของภกิ ษผุ เู จา ถ่นิ เหลาน้ันวาภกิ ษุเหลา น้ี เปนผถู งึ พรอมดว ยวตั รหรอื ไม ? ช่อื วา อาการ. ธรรมชาตซิ ่ึงสอ ๑ ภิกษผุ ูเจาถนิ่ เหลานั้น ผูเรน อยใู นทีน่ ้ัน ๆ อธบิ ายวา ซง่ึ ใหร ไู ด แมมองไมเ ห็น. ชื่อวา ลิงค. ธรรมชาติเปน ทีเ่ หน็ แลว รซู ง่ึ ภิกษผุ ูเจาถิ่นเหลาน้ันวา มี ชื่อวา นมิ ติ . สภาพเปน เคร่อื งใช ภกิ ษผุ ูเจา ถนิ่ เหลานั้นวา เปนผูม บี ริขารเชน นี้อธิบายวา เปนเหตไุ ดขออา งเชน นัน้ ช่อื วา อุทเทส. คําวา อาการนั้นเปน ตน ท้ังหมด เปนชอ่ื ของเสนาสนบรขิ ารตา ง ๆ มีเตยี งและตง่ั ทจี่ ดั ตัง้ ไวเ ปน อันดีเปนตน และเปน ชื่อของเสยี งฝเทาเปน ตน กแ็ ลคําวา อาการเปน ตนนน้ั พึงประกอบตามท่คี วรประกอบ แมใ นอาการของภิกษุอาคันตุกะเปน ตน ก็นยั นแ้ี ล. บรรดาบทเหลานนั้ บทวา อฺาตก ไดแก เปนของ ๆ ภิกกเหลา อน่ื . สามบทวา ปาทาน โธต อุทกนิสฺเสก ไดแก สถานท่รี ดน้ําแหงเทาทั้งหลายทล่ี างแลว . เอกพจนในบทวา โธต พงึ ทราบในอรรถแหงพหูพจน. อีกอยา งหนง่ึ ปาฐะวา ปาทาน โธตอุทกนิสฺเสก . ความวา สถานเปนทีร่ ดนํา้ สําหรับลางเทาท้งั หลาย. วนิ จิ ฉัยในนานาสังวาสกาทิวตั ถุ พึงทราบดังนัน้ :- บทวา สมานส วาสกทฎิ  ึ ไดแก ความเหน็ วา ภิกษุผูเ จา ถ่ินเหลานน้ั มีสังวาสเสมอกนั . บทวา น ปุจฉฺ นตฺ ิ ไดแ ก ไมถามถึงลทั ธิของภิกษผุ ูเจา ถิน่ เหลา น้ันคือ ไมถ ามกอ น ทาํ วัตรและวตั รอาศยั คือวัตรใหญนอ ยแลว ทําอโุ บสถรว มกัน.๑. ฎีกาและโยชนา แก คมยติ วา โพเธติ โดยนัยนกี้ ็แปลวา ธรรมชาตซิ ึง่ ใหร.ู . .

พระวินัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 509 บทวา นาภิวิตรนฺติ ไดแก ไมส ามารถจะยา่ํ ยี คือ ปราบปรามขอ ท่ีเปนนานาสงั วาสกันได อธบิ ายวา ใหภิกษผุ ูเขา ถนิ่ เหลานั้นสละทิฏฐินน้ั ไมไ ด. ขอวา สภกิ ฺขุกา อาวาสา มคี วามวา ภิกษุทัง้ หลายผทู าํ อโุ บสถมีอยูใ นอาวาสใด ภิกษไุ มอาจ ออกจากอาวาสนัน้ ไปสอู าวาสใดในวนั น้นั เที่ยวอาวาสนนั้ ยงั ไมไดท าํ อุโบสถ ไมค วรไป. สองบทวา อฺ ตฺร สงเฺ ฆน ไดแ ก เวนจากภกิ ษุทง้ั หลายซึง่ครบจํานวนเปนสงฆ. สองบทวา อฺ ตฺร อนฺตรายา ไดแ ก เวนอันตราย ๑๐ อยา งที่กลาวแลวในหนหลังเสีย. แตว า เมื่อมีอันตราย ก็ควรจะไปกับสงฆ. มตี นเปนที่ ๔ หรอื มีตนเปนที่ ๕ โดยกาํ หนดอยางตาํ่ ที่สุด. ประเทศแหงใดแหงหน่ึง มีศาลานวกรรมเปน ตน ชอ่ื อนาวาส. เหมือนอยางวา อาวาสเปน ตนภิกษุไมค วรไป ฉนั ใด ถา ภกิ ษุท้ังหลายทําอุโบสถกันในวัด สีมาก็ดี แมนาํ้ กด็ ี อันภกิ ษไุ มควรไปเพอ่ื อธิษฐานอโุ บสถ กฉ็ ะน้ันแตถามภี กิ ษุบางรูปอยทู ี่สมี าและแมน้ํานี้ไซร จะไปสูส าํ นกั ภิกษุนั้น ควรอยู.จะไปเสียจากอาวาส แมท่ีเลกิ อุโบสถเสยี แลว ควรอย.ู ภกิ ษผุ ใู ดไปแลวอยา งนนั้ ยอ มไดแมเพ่อื อธษิ ฐาน อันภกิ ษุแมผ อู ยูปา ในวันอุโบสถ เท่ียวบิณฑ-บาตในบา นแลว ตอ งกลับไปวดั ของตนเทานั้น. ถา เขา ไปสวู ดั อ่ืน ตองทาํอุโบสถในวัดน้ันกอ น จงึ คอ ยไป ไมทาํ กอนแลว ไปเสยี ไมควร. ขอ วา ย ชฺา สกฺโกมิ อชฺเชว คนฺตุ มคี วามวา ภกิ ษุพงึทราบซ่ึงอาวาสใดวา เราสามารถไปท่ีนน่ั ไดใ นวันนท้ี ีเดยี ว อาวาสเห็นปานนนั้ควรไป. จริงอยู ภิกษนุ ้แี มทําอุโบสถกับภกิ ษุท้ังหลายในอาวาสนัน้ จกั เปน ผูไมท ําอันตรายแกอุโบสถเลยทเี ดยี ว ฉะนี้แล.

พระวินยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 510 การเขา สหู ตั ถบาสเทานนั้ เปน ประมาณ ในขอ วา ภกิ ฺขุนยิ า นิสินฺน-ปรสิ าย เปน อาท.ิ ขอวา อฺตฺร อวฏุ  ติ าย ปรสิ าย มีความวา จริงอยู ข้นึ ช่อืวา การใหปารวิ าสิยปารสิ ุทธิ ปารสิ ทุ ธทิ ่ีแรมวนั นี้ยอ มไมควร จําเดมิ แคการทบ่ี ริษัทลุกออกไป แตเ มื่อบรษิ ัทยงั ไมล ุกออกไป ยอมควร เพราะเหตุน้ัน พระผูมพี ระภาคเจาจึงตรสั วา เวน แคบริษัทยังไมล กุ ออกไป. ลกั ษณะแหงปารวิ าสยิ ปารสิ ทุ ธินนั้ พงึ ถอื เอาจากวรรณนาแหงปารวิ าสิยฉันททานสกิ -ขาบทในภกิ ขนุ วี ภิ งั ค. ๑ วนั ที่ไมใ ชว ันอุโบสถนั้น ไดแกวนั อ่นื นอกจากวนั อโุ บสถ ๒ วันน้ี คอื วนั อุโบสถ ๑๔ คา่ํ ๑ วันอโุ บสถ ๑๕ คํ่า ๑ ขอวา อฺตฺร สงฆฺ สามคคฺ ียา มคี วามวา เมอ่ื สงฆแ ตกกนั แลวสังฆสามคั ดอี นั ใด อันสงฆกลับทาํ ไดอ กี เหมอื นสงั ฆสามคั คีของภิกษชุ าวโกสัมพี เวนสังฆสามคั ดเี หน็ ปานนั้น เสีย. ก็แลโนกาลนน้ั สงฆพ ึงทําอุโบสถสวดวา สุณาตุ เม ภนเฺ ต สงฺโฆ อชฺชโุ ปสโถ สามคคฺ .ี อน่ึง ภกิ ษุเหลาใด เมอื่ มีภกิ ษผุ ูท าํ การทะเลาะวิวาทกันเลก็ นอยไมสูสําคัญ จึงงดอโุ บสถไวแ ลว กลับเปนผูพ รอ มเพรียงกันอีก อันภกิ ษุเหลา นนั้ตอ งทําอโุ บสถแท ฉะนแ้ี ล. อรรถกถาในวัคคสมัคคสัญญิโนปณ ณรสกาทิกถา จบ อุโบสถกขันธกวรรณนา จบ๑. สมนตฺ . ทุตยิ .

พระวนิ ัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 511 วัสสปู นายกิ ขนั ธกะ เรื่องภิกษหุ ลายรูป [๒๐๕] โดยสมยั น้ัน พระผมู พี ระภาคพุทธเจา ประทับอยู ณ พระเวพุวนั อนั เปน สถานท่ีพระราชทานเหย่อื แกก ระแต เขตพระนครราชคฤหครง้ั นัน้ พระผูมพี ระภาคเจายังมไิ ดทรงบญั ญัติการจาํ พรรษาแกภกิ ษุท้งั หลายภิกษเุ หลานั้น เที่ยวจาริกไปตลอดฤดูหนาว ฤดรู อน และฤดูฝน คนทั้งหลายจึงเพงโทษ ตเิ ตยี น โพนทะนาวา ไฉนพระสมณะเช้อื สายพระศากยบุตร จงึไดเทียวจาริกไปตลอดฤดูหนาว ฤดรู อ น และฤดฝู น เหยยี บย่าํ ตณิ ชาติอนัเขียวสด เบยี ดเบียนอนิ ทรยี อยา ง ๑ ซงึ่ มชี ีวะ ยงั สตั วเ ล็ก ๆ จาํ นวนมากใหถึงความวอดวายเลา กพ็ วกปริพาชกอญั ญเดียรถียเ หลา นัน้ เปน ผกู ลา วธรรมอันตํา่ ทราม ยงั พกั ยงั อาศยั อยูประจาํ ตลอดฤดฝู น อน่ึง ฝงู นกเหลา นีเ้ ลา กย็ ังทาํ รงั บนยอดไม และพกั อาศยั อยูประจาํ ตลอดฤดฝู น สวนพระสมณะเช้อื สายศากยบุตรเหลา น้ัน เทีย่ วจารกิ ไปตลอดฤดหู นาว ฤดูรอ น และฤดูฝน เหยยี บยา ตณิ ชาตอิ นั เขียวสด เบียดเบียน อินทรยี อยา ง ๑ ซึง่ ชีวะ ยงั สตั วเ ลก็ ๆจํานวนมากใหถงึ ความวอดวาย ภิกษทุ ้ังหลายไดย ินคนพวกน้ัน เพงโทษ ติเตียนโพนทะนา จงึ กราบทลู เร่อื งน้ัน แดพ ระผมู ีพระภาคเจา ลาํ ดบั นน้ั พระผูมีพระภาคเจาทรงทําธรรมีกถาในเพราะเหตุเปน เคา มลูนัน้ ในเพราะเหตุแรกเกิดนั้น แลวรบั สง่ั กะภิกษุทั้งหลายวา ดูกอ นภิกษุท้งั -หลาย เราอนญุ าต ใหจาํ พรรษา.

พระวนิ ยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 512 การจําพรรษา ๒ อยา ง [๒๐๖] ครง้ั น้ัน ภิกษทุ ้ังหลายคดิ กันวา พวกเราพึงจาํ พรรษาเมื่อไรหนอ แลวกราบทลู เรือ่ งน้นั แดพระผมู ีพระภาคเจา พระผมู พี ระภาคเจารับสัง่ วาดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลาย เราอนญุ าตใหจ ําพรรษาในฤดฝู น. ครั้งนน้ั ภกิ ษุทง้ั หลายตดิ กันวา วนั เขา พรรษามกี ีว่ นั หนอ จงึ กราบทูลเรอ่ื งนนั้ แดพ ระผมู พี ระภาคเจา พระผูม พี ระภาคเจารบั สง่ั วา ดูกอ นภิกษุทง้ั หลายวันเขาพรรษานม้ี ี ๒ คอื ปุรมิ กิ า วันเขา พรรษาตน ๑ ปจฉมิ ิกา วนั เขาพรรษาหลัง เมอ่ื พระจนั ทรเ พ็ญเสวยฤกษอ าสาฬหะลว งไปแลว วนั ๑ พึงเขา พรรษาตน ๑ เมื่อพระจนั ทรเพ็ญเสวยฤกษอ าสาฬหะลว งไปแลว เดือน ๑พึงเขา พรรษาหลงั ดกู อนภกิ ษทุ ั้งหลาย วนั เขา พรรษามี ๒ วนั เทา นี้แล. พระฉัพพคั คยี เทย่ี วจาริทกุ เวลา [๒๐๗] ก็โดยสมยั นน้ั แล พระฉัพพกั คยี จาํ พรรษาแลว ยงั เท่ียวจารกิในระหวางพรรษา คนท้ังหลายจงึ เพง โทษ ติเตียน โพนทะนาเชน น้นั แหละวา ไฉน พระสมณะเชื้อสายศากยบุตร จงึ ไดเท่ียวจารกิ ตลอดฤดูหนาวฤดรู อน และฤดฝู น เหยียบยา่ํ ตณิ ชาตอิ ันเขียวสด เบยี ดเบียนอินทรยี อยา งหนง่ึ ซึ่งมชี วี ะ ยงั สัตวเลก็ ๆ มจี ํานวนมากใหถ ึงความวอดวายเลา กพ็ วกอัญญเดยี รถยี เหลาน้เี ปนผกู ลาวธรรมอนั คาํ่ ทราม ยังพกั อาศัยอยูป ระจาํ ตลอดฤดูฝนอนง่ึ ฝงู นกเหลา น้ันเลา ก็ยงั ทาํ รงั บนยอดไมแ ลว พักอาศัยอยปู ระจาํ ตลอดฤดฝู นสว นพระสมณะเช้ือสายศากยบุตรเหลานนั้ เทยี่ วจาริกตลอดฤดูหนาว ฤดรู อ นและฤดฝู นเหยียบยา่ํ ตณิ ชาติอนั เขยี วสด เบยี ดเบียนอนิ ทรยี อ ยางหน่งึ ซ่งึ มีชีวะยงั สัตวเลก็ ๆ ซึ่งมจี ํานวนมากใหถึงความวอดวาย ภกิ ษทุ ง้ั หลายไดยนิ คนพวกนน้ั เพงโทษ ติเตยี น โพนทะนา บรรดาทเ่ี ปน ผูมักนอ ยตา งก็เพงโทษ ติเตียน

พระวินัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 513โพนทะนาวา ไฉนพระฉพั พัคคียจ าํ พรรษาแลว จงึ ไดเท่ียวจาริกในระหวา งพรรษาเลา จึงภกิ ษเุ หลา น้ัน กราบทลู เรื่องนัน้ แดพระผูมีพระภาคเจา. ลําดับนนั้ พระผมู พี ระภาคเจาทรงทาํ ธรรมมีกถาในเพราะเหตุเปนเคา มูลนน้ั ในเพราะเหตุแรกเกดิ นั้น แลวรบั สงกะภกิ ษทุ งั้ หลายวา ดูกอ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย ภิกษุจําพรรษา ไมอยใู หต ลอด ๓ เดอื นตน หรอื ๓ เดือนหลงัไมพึงหลีกไปสูจ าริก รปู ใดหลีกไป ตองอาบตั ทิ กุ กฏ. พระฉพั พัคคยี ไ มจาํ พรรษา [๒๐๘] ก็โดยสมัยน้นั แล พระฉัพพคั คยี ไมป ระสงคจ ะจาํ พรรษาภิกษุทัง้ หลายจึงกราบทลู เร่ืองน้นั แดพระผูมีพระภาคเจา พระผูมีพระภาคเจารบัสัง่ หา มวา ดกู อ นภิกษุทง้ั หลาย ภิกษุจะไมจําพรรษาไมได รปู ใดไมจ าํ พรรษาตองอาบัติทุกกฏ. สมยั ตอมา พระฉพั พคั คีย ไมป ระสงคจ ะจาํ พรรษาในวัน เขา พรรษาแกลงลว งเลยอาวาสไปเสีย ภิกษุทัง้ หลายจงึ กราบทูลเรื่องนนั้ แดพระผมู ี-พระภาคเจา พระผูม ีพระภาคเจา รับสง หา มวา ดูกอ นภิกษุทงั้ หลาย ภกิ ษุไมประสงคจ ะจาํ พรรษาในวันเชาพรรษา ไมพงึ แกลง ลวงเลยอาวาสไปเสีย รปู ใดลวงเลยไปเสีย ตอ งอาบัตทิ ุกกฏ. เลอ่ื นกาลฝน [๒๐๙] กโ็ ดยสมยั น้นั แล พระเจาพมิ พิสาร จอมเสนามาคธราชมพี ระราชประสงคจะทรงเลื่อนกาลฝนออกไป จงึ ทรงสง ทตู ไปในสาํ นักภิกษุทั้งหลายวา ถากระไร ขอพระคุณเจา ท้งั หลายพงึ จาํ พรรษาในชุณหปก ษอ ันจะมาถึง ภิกษทุ ั้งหลายจงึ กราบทูลเรอ่ื งน้นั แดพ ระผมู ีพระภาคเจา พระผูมีพระภาคเจารบั ส่งั วา ดกู อนภิกษทุ ้ังหลาย เราอนญุ าตใหคลอ ยตามพระเจาแผนดนิ .

พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 514 อรรถกถาวสั สปู นายิกขันธกะ วินจิ ฉยั ในเร่ืองวสั สูปนายกิ ขันธกะ พงึ ทราบดงั น้ี :- บทวา อปปฺ ฺ ตโฺ ต ไดแก ยังมไิ ดท รงอนุญาต หรอื วา ยงั มไิ ดทรงจัด. สองบทวา เตธ ภกิ ขฺ ู ไดแ ก ภิกษุท้งั หลายนน้ั . อิธ ศัพท เปนเพยี งนบิ าต. สตั วท้ังหลายผอู าจไปในอากาศชือ่ วานก. บทวา สงฺกาสยิสสฺ นฺติ ความวา นกทง้ั หลาย ก็จักขวนขวายนอยอยปู ระจําท.ี่ สองบทวา สงฺฆาต อาปาเทนตฺ า ไดแ ก ใหถ ึงความพินาศ. หลายบทวา วสฺสาเน วสฺส อุปคนฺตุ ความวา เพ่อื เขา จาํ พรรษาตลอด ๓ เตอื นในฤดูฝน. หลายบทวา กติ นุ โข วสสฺ ปู นายกิ า ความวา วนั เขาพรรษามีเทาไรหนอ ? วนิ ิจฉยั ในคําวา อุปรชฺซุคตาย อาสาฬหฺ ิยา พงึ ทราบดังน:้ี - วัน ๑ แหง ดถิ เี พ็ญเดอื นอาสาฬหะนนั้ ซ่งึ ลวงไปแลว เพราะเหตุนนั้ ดถิ ีเพญ็ เดอื นอาสาฬหะนัน้ จึงชอ่ื วา มวี นั ๑ ลว งไปแลว . เม่อื ดถิ ีเพ็ญเดอื นอาสาฬหะนน้ั ลว งไปแลว คือกาวลว งแลว วัน ๑ อธิบายวา ในวนั แรมค่าํ ๑

พระวินยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 515 แมใ นนยั ที่ ๒ กม็ ีความวา เดือน ๑ แหง ดิถีเพญ็ เดอื นอาสาฬหะนนั้ซึ่งลวงไปแลว เพราะเหตุน้นั ดถิ ีเพ็ญเดอื นอาสาฬหะนัน้ จงึ ชือ่ วามเี ดอื น๑ ลวงไปแลว . เมื่อดถิ ีเพญ็ เดอื นอาสาฬหะนนั้ ลว งไปแลว คือกา วลว งแลวเดือน ๑ อธิบายวา เมอื่ เดอื น ๑ เตมิ บริบูรณ. เพราะเหตุน้ัน ในวันแรมค่ํา ๑ ซ่ึงถัดจากวนั กลางเดือน ๘ หรอื ในวันแรมคาํ่ ๑ ซ่ึงถัดจากวัน กลางเดือน๙ จากเพ็ญเดือน ๘ นนั่ แล อันภกิ ษุผจู ะจาํ พรรษา พงึ จัดแจงวิหารแลวทงั้ นํา้ฉันน้าํ ใชไว พึงทาํ สามีจกิ รรมมกี ราบไหวพ ระเจดยี เปนตนทงั้ ปวงใหเ สรจ็ แลวพงึ เปลง วาจาวา อิมสมฺ ึ วิหาเร อมิ  เตมาส วสสฺ  อุเปมิ ดงั นี้ คร้งั๑ หรือ ๒ ครง้ั แลว จําพรรษาเถิด. วินิจฉัยในคาํ วา โย ปกถฺ เมยฺย น้ี พึงทราบดงั น:ี้ - พงึ ทราบวา ตองอาบัติ เพราะไมมีอาลยั หรือเพราะใหอ รุณข้ึนในทอ่ี ่ืน. วนิ ิจฉัยในคาํ วา โย อติกฺกเมยยฺ นี้ พงึ ทราบดงั น้:ี - พึงทราบวา เปน อาบัติหลายตวั ดวยนับวดั . กถ็ าวา ในวนั นั้น เธอเขา ไปยงั อุปจารวัด ๑๐๐ ตําบลแลวเลยไปเสียพงึ ทราบวา เปนอาบตั ิ ๑๐๐ ตัว แตถ าวา เลยอปุ จารวัดไปแลว แคยงั ไมทนัเขา อุปจารวดั อืน่ กลบั มาเสยี พงึ ทราบวา ตอ งอาบัติตวั เดียวเทานี้นนั้ . ภกิ ษผุ ูไมจ ําพรรษาตน เพราะอันตรายบางอยา งตองจําพรรษาหลงั . สองบทวา วสฺส อุถคฺ ฑฒฺ ติ ุกาโม ความวา มพี ระประสงคจะเล่อื นเดอื นตน ฤดูฝนออกไป อธิบายวา มีพระประสงคจ ะไมน ับ เดอื น ๙ จะใหน ับ เปน เดอื น ๘ อกี .

พระวินยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 516 สองบทวา อาคเม ชณุ เฺ ห มีอธิบายวา ในเดอื นอธิกมาส. วินจิ ฉยั ในขอวา อนซุ านามิ ภกิ ฺขเว ราซูน อนุวตฺตติ ุ นี้พึงทราบดังน้:ี - พระผูมพี ระภาคเจาทรงอนญุ าตเพื่ออนวุ ัตรตาม ดวยทรงทําในพระหฤทัยวา ชอื่ วา ความเส่ือมเสียสกั นิดหนอ ย ยอ มไมม แี กภ ิกษุทัง้ หลาย เพราะเล่ือนกาลฝนออกไป. เพราะฉะน้ัน ภกิ ษคุ วรอนุวัตรตาม ในกรรมทเ่ี ปนธรรมอยา งอน่ื ได แตไมค วรอนวุ ัตรตามแกใคร ๆ ในกรรมอันไมเปน ธรรมฉะน้ีแล.

พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 517 เร่อื งทรงอนะญาตสัตตหกรณยี ะ ทายกสรางวิหารเปน ตนถวาย [๒๑๐] คร้ังนั้น พระผูมพี ระภาคเจา ประทบั อยูในพระนครราชคฤหตามพระพทุ ธาภิรมยแ ลว. เสดจ็ จารกิ ไปทางพระนครสาวตั ถี เสด็จจาริกไปโดยลาํ ดบั ลถุ ึงพระนครสาวัตถี ทราบวา พระองคประทบั อยู ณ พระเชตวนัอารามของอนาถบณิ ฑิกคหบดี เขตพระนครสาวตั ถุนน้ั ก็โดยสมยั น้ันแล อบุ าสกชอ่ื อเุ ทนไดใหส รา งวหิ ารอุทศิ ตอ สงฆไวใ นโกศลชนบท เขาไดสงทตู ไปในสาํ นกั ภกิ ษทุ ้ังหลายวา ขออาราธนาพระคณุ เจาทั้งหลายจงมา ขา พเจา ปรารถนาจะถวายทาน ฟง ธรรม และพบเหน็ ภิกษุท้งั หลาย. ภกิ ษทุ ้ังหลายตอบไปอยางนีว้ า ทา นอุบาสก พระผูมีพระภาคเจาทรงบญั ญัตไิ ววา ภกิ ษจุ ําพรรษา ไมอยใู หตลอด ๓ เดือนตน หรอื ๓ เดอื นหลงัไมพ ึงหลีกไปสจู าริก ขออุบาสกอเุ ทนจงรออยชู ่วั ระยะเวลาทภี่ ิกษุทง้ั หลายจาํ .พรรษา ออกพรรษาแลวจึงจกั ไปได แคถาทานจะมีกรณยี กจิ รีบดว น จงใหประดษิ ฐานวิหารไวใ นสํานักภกิ ษุเจาถ่นิ ในโกศลชนบทนนั้ น่นั แหละ อุบาสกอุเทนจึงเพงโทษ ตเิ ตียน โพนทะนาวา ไฉนเมอ่ื เราสง ทูตไปแลว พระคุณเจา ทัง้ หลายจงึ ไดไมม าเลา เราก็เปนทายก เปนผูกอ สรา ง เปนผูบาํ รุงสงฆ ภกิ ษทุ ง้ั หลายไดย นิ อุบาสกอุเทนเพงโทษ ติเตยี น โพนทะนาอยู จงึกราบทลู เรือ่ งนัน้ แดพระผูมีพระภาคเจา.

พระวินัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 518 ลาํ ดับนัน้ พระผมู พี ระภาคเจา ทรงทําธรรมีกถาในเพราะเหตุเปนเคา มูลนนั้ แลว รบั สง่ั กะภกิ ษุท้ังหลายวา ดูกอ นภกิ ษทุ ั้งหลาย เม่ือบคุ คล ๗ จําพวกสงทูตมา เราอนญุ าตใหไ ปดว ยสตั ตาหกรณยี ะได แมเม่ือเขาไมสงมา เราไมอนุญาต บุคคล ๗ จาํ พวก คอื ภิกษุ ภิกษุณี สกิ ขมานา สามเณร สามเณรีอบุ าสก อุบาสิกา ดูกอนภกิ ษทุ ง้ั หลาย เมอ่ื บคุ คล ๗ จาํ พวกนส้ี งทูตมา เราอนุญาตใหไ ปดว ยสตั ตาหกรณยี ะได แตเมอื่ เขาไมสง มา เราไมอ นุญาต พึงกลับใน ๗ วนั . ดูกอ นภกิ ษทุ งั้ หลาย ก็อุบาสกในศาสนาน้ไี ดใ หสรางวหิ ารอุทิศสงฆถา เขาสง ทตู ไปในสาํ นกั ภิกษทุ ั้งหลายวา ขออาราธนาพระคณุ เจา ทั้งหลายมาขาพเจาปรารถนาจะถวายทาน ฟง ธรรม และพบเห็นภกิ ษุท้ังหลาย เมอ่ื เขาสง ทูตมา พงึ ไปดว ยสัตตาหกรณยี ะได แตเ ม่ือเขาไมส งมา ก็ไมพึงไป พึงกลับใน ๗ วนั . ดกู อ นภิกษุทงั้ หลาย อน่งึ อบุ าสกในศาสนานี้ ไดใ หสรา งเรอื นมุงแถบเดยี วอทุ ศิ สงฆ. .. . . .ไดใ หส รางเรือนชนั้ . . . . . .ไดใหส รา งเรอื นโลน. . . . . .ไดใหส รางถา้ํ . . . . . .ไดใหส รา งบริเวณ. . . . . .ไดใหสรา งซมุ . . . . . .ไดใหส รางโรงฉนั . . . . . .ไดใ หสรา งโรงไฟ. . . . . .ไดใ หสรา งกัปปย กฎุ .ี . . . . .ไดใ หสรางวัจจกุฏ.ี . .

พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 519 . . .ไดใ หส รางท่จี งกรม. . . . . .ไดใหส รา งโรงจงกรม. . . . . .ไดใหสรางบอ นํ้า. . . . . .ไดใ หสรางโรงนา้ํ . . . . . .ไดใ หสรา งเรอื นไฟ. . . . . .ไดใ หส รา งโรงเรอื นไฟ. . . . . .ไดใ หส รางสระโบกขรณ.ี . . . . .ไดใ หสรา งมณฑป. . . . . .ไดใหสรา งอาราม. . . . . .ไดใ หส รา งอารามวัตถุ. . . ถาเขาสง ทตู ไปในสํานักภิกษุทง้ั หลายวา ขออาราธนาพระคณุ เจาท้ังหลายมา ขา พเจา ปรารถนาจะถวายทาน ฟงธรรม และพบเหน็ ภกิ ษทุ ้งั หลายเมื่อเขาสงทูตมา พึงไปดวยสตั ตาหกรณียะได แตเมื่อเขาไมส งมา กไ็ มพ งึ ไปพึงกลับใน ๗ วนั . ดกู อนภกิ ษุทั้งหลาย อนึ่ง อบุ าสกในศาสนาน้ไี ดไหสรางวิหารอุทศิภกิ ษุมากรูปดว ยกัน. . . . . .ไดใหสรางวหิ ารอทุ ศิ ภิกษรุ ปู ๑. . . . . .ไดใหสรา งเรือนมุงแถบเดียว. . . . . .ไดใหสรางเรือนช้นั . . . . . .ไดใ หส รา งเรือนโลน. . . . . .ไดใ หสรางถา้ํ . . . . . .ไดใหส รา งบรเิ วณ. . .

พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 520 . . .ไดใหสรางซมุ . . . . . .ไดใหสรางโรงฉัน . . . . . .ไดใ หสรา งโรงไฟ . . . . . .ไดใ หส รางกปั ปยกฎุ ี . . . . . .ไดใ หสรา งวจั จกฎุ ี . . . . . .ไดใ หสรา งทจี่ งกรม . . . . . .ไดใ หสรางโรงจงกรม . . . . . .ไดใหสรา งบอ น้าํ . . . .ไดใ หสรา งโรงบอ นาํ้ . . . . . .ไดใ หส รา งเรือนไฟ . . . . . .ไดใ หส รางโรงเรือนไฟ . . . . . .ไดใหส รา งสระโบกขรณ.ี . . . . .ไดใ หสรา งมณฑป . . . . . .ไดใหส รางอาราม . . . . . .ไดใหสรางอารามวตั ถุ . . . ถาเขาสง ทตู ไปในสํานักภกิ ษทุ ั้งหลายวา ขออาราธนาพระคณุ เจา ทัง้หลายมา ขา พเจาปรารถนาจะถวายทาน ฟง ธรรม และพบเหน็ ภกิ ษทุ ัง้ หลายเมื่อเขาสงทูตมา พึงไปดว ยสตั ตาหกรณยี ะได แตเมอ่ื เขาไมสง มา กไ็ มพึงไป พงึ กลบั ใน ๗ วัน. ดูกอ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย ก็อบุ าสกในศาสนานไี้ ดใหส รา งวิหารอทุ ศิ ภกิ ษณุ ีสงฆ . . . . . .อุทศิ ภกิ ษณุ ีมากรปู ดวยกัน. . . . . .อุทิศภิกษุณรี ปู ๑. . .

พระวินยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 521. . .อทุ ิศสิกขมานามากรปู ดว ยกนั . . .. . .อุทศิ สิกขมานารปู หน่ึง. . .. . .อุทิศสามเณรมากรปู ดว ยกนั . . .. . .อทุ ศิ สามเณรรูปหนึ่ง. . .. . .อุทศิ สามเณรมี ากรูปดวยกัน. . .. . .อทุ ิศสามเณรีรปู หนึ่ง. . .. . .ไดใ หสรา งเรอื นมงุ แถบเดยี ว. . .. . .ไดใ หส รา งเรอื นช้นั . . .. . .ไดใ หสรางเรือนโลน . . .. . .ไดใหส รางถาํ้ . . .. . .ไดใ หสรางบริเวณ . . .. . .ไดใ หส รางซมุ . . .. . .ไดใ หส รางโรงฉนั . . .. . . ไดใ หส รางโรงไฟ . . .. . .ไดใ หส รางกปั ปย กฎุ ี . . .. . . ไดใ หส รางวัจจกุฎี . . .. . . ไดใ หส รา งท่ีจงกรม. . .. . .ไดใ หส รา งโรงจงกรม. . .. . .ไดใ หส รางบอนํา้ . . .. . . ไดใ หสรางโรงบอน้าํ . . .. . .ไดใหส รางสระโบกขรณี. . .. . .ไดใหสรางมณฑป. . .. . .ไดใหส รางอาราม. . .

พระวนิ ัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 522 . . .ไดใ หสรางอารามวัตถุ ถา เขาสงทูตไปในสาํ นกั ภิกษุทง้ั หลายวา ขออาราธนาพระคณุ เจา ทั้งหลายมา ขาพเจา ปรารถนาจะถวายทาน ฟง ธรรม และพบภิกษุท้ังหลาย เมื่อเขาสงทูตมา พึงไปดว ยสตั ตาหกรณียะได แตเ มือ่ เขาไมสง มากไ็ มพึงไป พึงกลับใน ๗ วนั . ดูกอนภิกษุท้ังหลาย อน่งึ อุบาสกในศาสนาน้ี ไดไหสรา งนิเวศนเ พอื่ประโยชนค น... . . .ไดใ หส รางเรือนนอน . . . . . .ไดใหส รางโรงเกบ็ ของ. . . . . .ไดใหส รางราน. . . . . .ไดใหส รา งโรงกลม. . . . . .ไดใ หส รางรา นคา. . . . . .ไดใ หส รางโรงรานคา. . . . . .ไดใหสรางเรอื นชนั้ . . . . . .ไดใ หส รา งเรอื นโลน . . . . . .ไดใหสรา งถ้ํา. . . . . .ไดใ หสรางบรเิ วณ. . . . . .ไดใ หส รา งซุม. . . . . .ไดใ หส รางโรงฉัน. . . . . .ไดใ หสรางโรงไฟ. . . . . .ไดใหสรา งโรงครัว. . . . . .ไดใหสรางวจั จกุฎ.ี . . . . .ไดใหสรางทีจ่ งกรม. . .

พระวินยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 523 . . ไดใหสรางโรงจงกรม. . . . . .ไดใหส รางบอ น้าํ . . . . . .ไดใหสรางโรงบอนํ้า. . . . . .ไดใ หสรางเรอื นไฟ. . . . . .ไดใหส รางโรงเรอื นไฟ. . . . . .ไดใ หส รา งสระโบกขรณ.ี . . . . .ไดใหส รางมณฑป. . . . . .ไดใหสรา งอาราม . . . . . .ไดใ หส รางอารามวัตถุ อนงึ่ จะมกี ารมงคลแกบตุ รกด็ ี จะมีการมงคลแกธดิ าก็ดี เขาเจบ็ ไขกด็ ี จะกลาวพระสตุ ตันตะท่ีรูเ ฉพาะกด็ ี ถาเขาสงทูตไปในสาํ นักภกิ ษุทั้งหลายวา ขออาราธนาพระคณุ เจา ท้งั หลายมา จกั ไดเ รยี นพระสุตตนั ตะนไี้ ว โดยวิธีที่พระสุตตนั ตะนี้ จะไมเ สือ่ มสญู ไปเสีย หรอื วาเขามกี ิจหรอื กรณียะอยา งโคอยางหน่งึ กด็ ี ถา เขาสง ทตู ไปในสาํ นักภกิ ษทุ ัง้ หลายวาขออาราธนาพระคุณเจา ทงั้ หลายมา ขาพเจาปรารถนาจะถวายทาน ฟง ธรรมและพบเห็นภกิ ษุทง้ั หลาย เม่ือเขาสง ทตู มา พงึ ไปดวยสตั ตาหะกรณยี ะได แตเมือ่ เขาไมส งมากไ็ มพงึ ไป พงึ กลบั ใน ๗ วนั . ดูกอ นภกิ ษุทง้ั หลาย อนึ่ง อบุ าสกิ าในศาสนาน้ีไดใหส รางวิหารอทุ ิศสงฆ ถาเขาสงทตู ไปในสาํ นกั ภิกษทุ ั้งหลายวา ขออาราธนาพระผเู ปนเจา ทั้งหลายมา ดิฉันปรารถนาจะถวายทาน ฟง ธรรม และพบเหน็ ภกิ ษุทง้ั หลาย เม่ือนางสงทตู มา พงึ ไปดวยสตั ตาหกรณยี ะได แตเ ม่ือนางไมสงมา กไ็ มพ ึงไปพึงกลบั ใน ๗ วัน. ดูกอนภกิ ษุทัง้ หลาย อน่งึ อบุ าสกิ าในศาสนาน้ไี ดใหสรางเรอื นมงุ แถบเดียว อุทิศสงฆ. . .

พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 524 . . .ไดใหส รางเรอื นช้ัน . . . . . .ไดใหส รา งเรือนโลน . . . . . .ไดใหสรา งถํ้า. . . . . .ไดใ หสรางบริเวณ. . . . . .ไดใหสรา งซมุ ... . . .ไดใหส รางโรงฉนั . . . . . .ไดใหส รางโรงไฟ . . . . . .ไดใ หสรางกปั ปยกุฎี . . . . . .ไดใหสรางวัจจกุฎี . . . . . .ไดใ หส รา งทจี่ งกรม . . . . . .ไดไ หสรา งโรงจงกรม . . . . . .ไดใหสรางบอ นาํ้ . . . . . .ไดใหส รา งโรงบอ นาํ้ . . . . . .ไดใหสรา งเรอื นไฟ . . . . . .ไดใ หสรา งโรงเรือนไฟ . . . . . .ไดใหส รา งสระโบกขรณี . . . . . .ไดใหส รางมณฑป... . . .ไดใ หส รา งอาราม . . . . . .ไดใหสรา งอารามวัตถุ ถาเขาสงทตู ไปในสาํ นักภกิ ษุทัง้ หลาย ขออาราธนาพระคณุ เจา ท้งั หลายมา ดิฉันปรารถนาจะถวายทาน ฟงธรรม และพบเห็นภิกษุทงั้ หลาย เม่ือนางสง ทตู มา พึงไปดว ยสัตตาหกรณียะได แตเ มื่อนางไมสง มา ก็ไมพึงไป พึงกลบั โน ๗ วัน.

พระวนิ ัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 525 ดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย อนงึ่ อบุ าสิกาในศาสนาน้ไี ดใ หส รางวิหารอทุ ิศภกิ ษมุ ากรูปดวยกัน. . . . . .อุทศิ ภกิ ษุรูปหนึ่ง. . . . . .อุทศิ ภกิ ษณุ สี งฆ. . . . . .อุทศิ ภกิ ษณุ ีมากรูปดวยกนั . . . . . .อทุ ิศภิกษณุ รี ปู หนงึ่ . . . . . .อทุ ศิ สิกขมานามากรปู ดว ยกนั . . . . . .อทุ ศิ สกิ ขมานารูปหนงึ่ . . . . . .อทุ ิศสามเณรมากรูปดวยกนั . . . . . .อทุ ศิ สามเณรรูปหนงึ่ . . . . . .อุทิศสามเณรีมากรปู ดวยกนั . . . . . .อทุ ิศสามเณรรี ปู หนึ่ง. . . . . .ไดใ หสรา งเรอื นมงุ แถบเดียว. . . . . .ไดใ หส รา งเรือนชนั้ . . . . . .ไดใหสรางเรือนโลน. . . . . .ไดใ หส รา งถํา้ . . . . . .ไดใ หสรา งบรเิ วณ. . . . . .ไดใ หส รา งซมุ . . . . . .ไดใ หส รางโรงฉัน. . . . . .ไดใหส รางโรงไฟ. . . . . .ไดใหส รา งกปั ปย กุฎ.ี . . . . .ไดใหสรา งวจั จกฎุ ี. . .

พระวินยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 526 . . .ไดใ หสรา งที่จงกรม. . . . . .ไดใ หส รางโรงจงกรม. . . . . .ไดใ หสรางบอ น้ํา. . . . . .ไดใหส รางโรงบอนา้ํ . . . . . .ไดใ หส รางเรือนไฟ. . . . . .ไดใหส รา งโรงเรือนไฟ. . . . . .ไดใหส รางสระโบกขรณี. . . . . .ไดใหส รา งมณฑป. . . . . .ไดใหส รางอาราม. . . . . .ไดใ หส รางอารามวัตถุ ถา นางสง ทตู ไปในสาํ นักภิกษุทัง้ หลายวาขออาราธนาพระคุณเจา ทงั้ หลายมา ดฉิ ันปรารถนาจะถวายทาน ฟง ธรรม และพบเห็น ภกิ ษุท้ังหลาย เม่ือนางสงทตู มา พงึ ไปดวยสตั ตาหกรณยี ะได แคเมอ่ื นางไมสง มากไ็ มพงึ ไป พึงกลบั ใน ๗ วนั . ดูกอนภิกษทุ ั้งหลาย อน่งึ อบุ ายสกิ าในศาสนานี้ไดใ หสรางนิเวศน เพื่อประโยชนค น. . . . . .ไดใ หส รา งเรอื นนอน . . . . . .ไดใหสรางโรงเก็บของ. . . . . .ไดใ หส รา งราน. . . . . .ไดใ หสรา งโรงกลม. . . . . .ไดใ หสรา งรา นคา. . . . . .ไดใหส รางโรงรานคา . . . . . .ไดใหสรางเรอื นชั้น. . .

พระวินัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 527 . . .ไดใ หส รา งเรอื นโลน . . . . . .ไดใหส รา งถ้ํา . . . . . .ไดใหส รางบรเิ วณ . . . . . .ไดใหส รางซมุ . . . . . .ไดใ หส รา งโรงฉัน. . . . . .ไดใ หส รางโรงไฟ. . . . . .ไดใ หสรางโรงครวั . . . . . .ไดใ หสรางวัจจกุฎี . . . . . .ไดใ หส รา งท่ีจงกรม. . . . . .ไดใหส รา งโรงจงกรม. . . . . .ไดใ หสรา งบอ น้าํ . . . . . .ไดใ หสรา งโรงบอน้ํา. . . . . .ไดใ หส รางสระโบกขรณี. . . . . .ไดใ หส รางมณฑป. . . . . .ไดใหส รา งอาราม. . . . . .ไดใ หสรางอารามวตั ถุ อนงึ่ จะมีการมงคลแกบ ุตรก็ดี จะมกี ารมงคลแกธดิ ากด็ ี เขาเจ็บไขก็ดี จะกลา วพระสตุ ตันตะทร่ี เู ฉพาะก็ดี ถา เขาสงทตู ไปในสาํ นักภิกษุทัง้ หลายวา ขออาราธนาพระคุณเจา ทงั้ หลายมา จักไดเ รยี นพระสุตตันตะน้ีไว โดยวธิ ีที่พระสุตตนั ตะนจี้ ะไมเสอื่ มสญู ไปเสีย หรอื วา เขามกี จิ หรือกรณยี ะอยางหนง่ึ อยางใดกด็ ี ถา เขาสง ทูตไปในสาํ นักภกิ ษทุ ้ังหลายวาขออาราธนาพระคุณเจา ทั้งหลายมา ดิฉนั ปรารถนาจะถวายทาน ฟงธรรม และพบเห็นภกิ ษทุ ัง้ หลาย เม่ือนางสงทตู มา พึงไปดว ยสัตตาหกรณยี ะได แตเมอื่นางไมสง มากไ็ มพงึ ไป พึงกลับใน ๗ วนั .

พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 528 ดูกอนภิกษทุ งั้ หลาย กภ็ กิ ษุในศาสนานี้ไดใหสรา งวหิ ารอุทิศสงฆ . . .ภิกษุณีไดใหส รา งวิหารอทุ ิศสงฆ. . . . . .สิกขมานไดใหส รา งวหิ ารอุทิศสงฆ. . . . . .สามเณรไดไ หสรา งวหิ ารอทุ ิศสงฆ. . . . . .สามเณรีไดใ หสรางวิหารอุทิศสงฆ. . . . . .อทุ ิศภกิ ษุมากรูปดว ยกัน. . . . . .อุทศิ ภิกษรุ ูปหนงึ่ . . . . . .อุทิศภกิ ษุณสี งฆ. . . . . .อุทศิ ภิกษุณมี ากรปู ดวยกัน. . . . . .อุทศิ ภกิ ษุณรี ปู หน่งึ . . . . . .อุทศิ สิกขมานามากรูปดวยกัน. . . . . .อทุ ศิ สกิ ขมานารูปหน่งึ . . . . . .อทุ ศิ สามเณรมากรปู ดวยกนั . . . . . .อทุ ศิ สามเณรรูปหนง่ึ . . . . . .อุทศิ สามเณรมี ากรปู ดว ยกัน. . . . . .อุทิศสามเณรีรปู หนึง่ . . . ดกู อ นภิกษทุ ั้งหลาย อนึง่ สามเณรีในศาสนานี้ไดสรางวหิ ารเพื่อประโยชนต น. . . . . .ไดใหสรางเรอื นมงุ แถบเดียว. . . . . .ไดใ หส รางเรือนชัน้ . . . . . .ไดใหสรา งเรอื นโลน. . . . . .ไดใ หสรา งถํ้า. . . . . .ไดใ หสรางบริเวณ . . .

พระวนิ ัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 529 . . .ไดใหสรา งซุม. . . . . .ไดใ หส รางโรงฉนั . . . . . .ไดใ หส รางโรงไฟ. . . . . .ไดใหส รางกปั ปย กฎุ .ี . . . . .ไดใ หสรางวัจจกุฎี. . . . . .ไดใ หส รา งที่จงกรม. . . . . .ไดใ หสรา งโรงจงกรม. . . . . .ไดใ หสรา งบอนํา้ . . . . . .ไดใหส รา งโรงบอนาํ้ . . . . . .ไดใหสรา งสระโบกขรณ.ี . . . . .ไดไหส รางมณฑป. . . . . .ไดใหส รางอาราม. . . ไดใ หสรางอารามวตั ถุ ถานางสง ทูตไปในสํานกั ภิกษุทัง้ หลายวา ขออาราธนาพระคณุ เจาท้ังหลายมา ดฉิ นั ปรารถนาจะถวายทาน ฟงธรรม และพบเห็นภกิ ษุทัง้ หลาย เมอ่ื นางสงทูตมา พงึ ไปดว ยสตั ตาหกรณียะได แตเมอื่นางไมส ง มา ก็ไมพ ึงไป พึงกลบั ใน ๗ วัน. ทรงอนุญาตสัตตาหกรณยี ะเพราะสหธรรมิก ๕ [๒๑๑] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษรุ ูป ๑ อาพาธ เธอไดสง ทตู ไปในสํานักภกิ ษทุ งั้ หลายวา กระผมเองอาพาธ ขออาราธนาภิกษุท้งั หลายมา กระผมปรารถนาการมาของภิกษุทง้ั หลาย ภกิ ษุท้งั หลายกราบทูลเรือ่ งนน้ั แดพ ระผมู -ีพระภาคเจา ๆ ตรสั อนุญาตแกภ ิกษุทงั้ หลายวา ดูกอ นภิกษุท้งั หลาย เมอ่ื

พระวินัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 530สหธรรมิก ๕ แมมไิ ดสง ทูตมาเราอนุญาตใหไ ปดว ยสัตตาหกรณียะได จะตอ งกลา วไปไยเมอ่ื เขาสง ทตู มา สหธรรมกิ ๕ คือ ภิกษุ ภิกษุณี สิกขมานา สามเณรสามเณรี ดูกอนภิกษุท้ังหลาย เม่อื สหธรรมิก ๕ นี้ แมมไิ ดสง ทตู มา เราอน-ุญาตใหไ ปดว ยสัตตาหกรณยี ะได จะตอ งกลาวไปไยเมอ่ื เขาสง ทตู มา แตตองกลับใน ๗ วัน. สัตตาหกรณยี ะเน่ืองดวยภิกษุ ๑. ดกู อ นภิกษุทงั้ หลาย ภิกษุในศาสนาน้ี อาพาธ ถา เธอจะพงึ สงทตู ไปในสาํ นกั ภิกษุทั้งหลายวา กระผมเองอาพาธ ขออาราธนาภกิ ษุทง้ั หลายมากระผมปรารถนาการมาของภกิ ษุทงั้ หลาย. ดกู อ นภกิ ษุทง้ั หลาย แมเ ม่อื เธอมไิ ดสง ทตู มา กพ็ ึงไปดวยสตั ตาหกรณียะได จะตองกลา วไปไยเมอื่ เธอสง ทูตมาพงึ ไปดว ยตั้งใจวา จกั แสวงหาคลิ านภตั คลิ านุปฏ ฐากภัต คลิ านเภสชัจักถามอาการ หรอื จกั พยาบาล แตต อ งกลับใน ๗ วัน. ดูกอ นภิกษทุ ้ังหลาย อน่ึง ความกระสันบังเกิดแกภกิ ษใุ นศาสนาน้ี ถาเธอจะพงึ สงทตู ไปในสํานักภกิ ษุทั้งหลายวา ความกระสนั บังเกดิ แกก ระผมแลวขออาราธนาภกิ ษทุ ้งั หลาย ดูกอนภิกษทุ ง้ั หลาย แมเมื่อเธอมไิ ดส ง ทตู มา ก็พึงไปดว ยสัตตาหกรณียะได จะตองกลาวไปไยเมอื่ เธอสงทูตมา พึงไปดว ยตั้งใจวา จักระงบั ความกระสนั หรอื จักวานภกิ ษุอื่นใหชวยระงับ หรือจกั ทาํ ธรรม.กถาแกภ กิ ษนุ ัน้ แตต องกลบั ใน ๗ วัน. ดูกอ นภิกษุทงั้ หลาย อนงึ่ ความราํ คาญบงั เกดิ ข้ึนแกภิกษใุ นศาสนาน้ีถา เธอจะพึงสง ทูตไปในสํานกั ของภกิ ษุท้ังหลายวา ความรําคาญบังเกิดแกกระผมขออาราธนาภิกษทุ ง้ั หลายมา กระผมปรารถนาการมาของภิกษุท้ังหลาย แมเ ม่อืเธอมไิ ดสงทตู มา กพ็ ึงไปดว ยสัตตาหกรณียะได จะตองกลาวไปไยเม่อื เธอสง ทูต

พระวินยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 531มา พึงไปดวยตง้ั ใจวา จักบรรเทาความราํ คาญ หรอื จักวานภกิ ษอุ ่ืนใหช วยบรรเทา หรอื จักทาํ ธรรมกถาแกภ ิกษนุ ั้น แตตองกลบั ใน ๗ วัน. ดกู อ นภกิ ษทุ ั้งหลาย อนึ่ง ความเหน็ ผดิ บงั เกดิ แกภ ิกษใุ นศาสนาน้ี ถาเธอจะพงึ สง ทูตไปในสาํ นกั ภิกษทุ ้ังหลายวา ความเหน็ ผดิ บังเกดิ แกก ระผม ขออาราธนาภิกษทุ ั้งหลายมา กระผมปรารถนาการมาของภกิ ษทุ ัง้ หลาย ดกู อ นภิกษุทง้ั หลาย แมเ ม่อื เธอมิไดสง ทตู มา ก็พงึ ไปดว ยสัตตาหกณยี ะไดจะตอ ง ๆ กลาวไปไยเมอ่ื เธอสงทตู มา พงึ ไปดวยตัง้ ใจวา จักเปลื้องความเห็นผดิ จกั วานภกิ ษุอนื่ ใหชว ยเปลอื้ ง หรอื จกั ทาํ ธรรมกถาแกภ กิ ษนุ ้ัน แตตองกลบั ใน ๗ วนั . ดูกอ นภิกษทุ ง้ั หลาย อนึ่ง ภิกษุในศาสนานเี้ ปน ผตู องครุกาบัติควรอยูปรวิ าส ถาเธอพึงสง ทตู ไปในสํานักภกิ ษุทง้ั หลายวา กระผมเองตอ งครุกาบตั ิควรอยปู รวิ าส ขออาราธนาภกิ ษทุ ้ังหลายมา กระผมปรารถนาการมา องภกิ ษทุ งั้ หลายดูกอ นภิกษุทง้ั หลาย แมเ ม่ือเธอมไิ ดส งทตู มา กพ็ งึ ไปดวยสัตตาหกรณยี ะไดจะตองกลา วไปไยเมอ่ื เธอสง ทตู มา พึงไปดวยทัง้ ใจวา จกั ทําการขวนขวายใหปริวาส จกั ชว ยสวดหรอื จักเปนคณะปรู กะ แตตองกลบั ใน ๗ วนั . ดูกอ นภกิ ษุทั้งหลาย อนง่ึ ภิกษุในศาสนานี้ เปนผูควรชักเขา หาอาบัติเดมิ ถาเธอจะพงึ สง ทตู ไปในสาํ นักภกิ ษทุ ัง้ หลายวา กระผมเองเปนผคู วรชักเขาหาอาบัติเดิม ขออาราธนาภกิ ษทุ ง้ั หลายมา กระผมปรารถนาการมาของภกิ ษทุ ้งัหลาย ดูกอ นภกิ ษทุ ้งั หลาย แมเ มือ่ เธอมิไดสง ทูตมา กพ็ ึ่งไปดวยสัตตาหกรณยี ะได จะตองกลาวไปไยเมือ่ เธอสงทตู มา พงึ ไปดวยตั้งใจวา จกั ทาํ การขวนขวายชกั เขา หาอาบัติเดมิ จักชวยสวดหรือจกั เปนคณะปรู กะ แตต อ งกลับใน ๗ วัน. ดูกอนภิกษุทงั้ หลาย อน่ึง ภกิ ษุในศาสนานี้เปน ผคู วรมานตั ถาเธอจะพงึ สง ทูตไปในสํานักภกิ ษทุ ัง้ หลายวา กระผมเองเปนผคู วรมานัต ขออาราธนา

พระวนิ ัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 532ภิกษุท้ังหลายมา กระผมปรารถนาการมาของภกิ ษุทงั้ หลาย ดกู อ นภิกษุท้งั หลายแมเ ม่ือเธอมไิ ดสงทูตมา ก็พงึ ไปดว ยสตั ตาหกรณียะได จะตองกลาวไปไยเมื่อเธอสง ทตู มาพงึ ไปดว ยต้งั ใจวา จักทําการขวนขวายใหม านตั จักชวยสวด หรือจักเปนคณะปูรกะ แตต อ งกลบั ภายใน ๗ วัน. ดูกอ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย อนง่ึ ภกิ ษุในศาสนาน้ี เปน ผคู วรอพั ภาน ถา เธอจะพึงสงทตู ไปในสํานกั ภิกษทุ ั้งหลายวา กระผมเองเปน ผคู วรอพั ภาน ขออาราธนาภกิ ษุทั้งหลายมา กระผมปรารถนาการมาของภิกษทุ ัง้ หลาย แมเ มื่อเธอมิไดส ง ทูตมา กพ็ งึ ไปดว ยสตั ตาหกรณียะได จะตอ งกลาวไปไยเมอ่ื เธอสงทูตมาพึงไปดว ยตง้ั ใจวา จักทาํ การขวนขวายใหอ ัพภาน จักชว ยสวด หรอื จักเปนคณะปรู กะ แตต อ งกลบั ใน ๗ วนั . ดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย อนงึ่ สงฆเปน ผูใครเพือ่ ทาํ กรรม คอื ตัชชนยี -กรรม นิยสกรรม ปพ พาชนียกรรม ปฏสิ ารณียกรรม หรืออกุ เขปนยี กรรมแกภกิ ษุในศาสนาน้ี ถา เธอจะพงึ สงทตู ไปในสาํ นกั ภิกษทุ ้ังหลายวา สงฆเ ปนผูใครเ พ่ือทํากรรมแกกระผม ขออาราธนาภกิ ษทุ ้ังหลายมา กระผมปรารถนาการมาของภิกษทุ ้งั หลาย ดกู อนภกิ ษทุ งั้ หลาย แมเ ม่อื เธอมิไดสง ทูตมา กพ็ ึงไปดว ยสตั ตาหกรณยี ะได จะตองกลา วไปไยเม่อื เธอสงทตู มา พึงไปดวยต้งั ใจวา ดวยวธิ ีอยางไรหนอ สงฆจ ึงจะไมทํากรรม หรอื พึงนอมไปเพอ่ื กรรมสถานเบาแตตองกลับใน ๗ วัน. อนง่ึ ภกิ ษุนน้ั ไดถูกสงฆท ํากรรม คือ ตัชชนียกรรมนยิ สกรรม ปพพาชนียกรรม ปฏิสารณียกรรม หรอื อุกเขปนยี กรรมแลว ถาเธอจะพึงสงทตู ไปในสํานักภิกษุทั้งหลายวา สงฆไดท ํากรรมแกก ระผมแลว ขออาราธนาภิกษทุ ้งั หลายมา กระผมปรารถนาการมาของภกิ ษุท้งั หลาย ดกู อนภิกษุทง้ั หลาย แมเ มือ่ เธอมไิ ดส ง ทูตมา ก็พงึ ไปดวยสตั ตาหกรณียะได จะตองกลาว

พระวินัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 533ไปไยเมือ่ เธอสงทูตมา พงึ ไปดวยตงั้ ใจวา ดว ยวิธอี ยางไรหนอ ภกิ ษนุ น้ั พึงพระพฤติชอบ หายเยอ หยง่ิ ประพฤตแิ กตัวได สงฆจ ะไดระงับกรรมน้นั เสยีแตตอ งกลบั ใน ๗ วนั . สตั ตาหกรณียะเนอ่ื งดว ยภิกษณุ ี ๒. ดกู อ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย กภ็ ิกษณุ ใี นศาสนานีอ้ าพาธ ถาเธอจะพึงสงทตู ไปในสํานักภกิ ษุท้ังหลายวา ดฉิ นั เองอาพาธ ขออาราธนาพระคณุ เจาทั้งหลายมา ดฉิ นั ปรารถนาการมาของพระคุณเจา. ดกู อ นภิกษุทง้ั หลาย แมเมอื่เธอมไิ ดส งทูตมา พงึ ไปดว ยสัตตาหกรณยี ะได จะตอ งกลาวไปไยเม่ือเธอสงทตู มา พงึ ไปดวยต้ังใจวา จกั แสวงหาคิลานภตั คิลานปุ ฏฐากภตั คลิ านเภลชัจักถามอาการ หรือจักพยาบาล แตตอ งกลบั ใน ๗ วนั . ดกู อ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย อนึง่ ความกระสนั บังเกิดแกภ ิกษณุ ใี นศาสนาน้ี ถาเธอจะพงึ สงทตู ไปในสาํ นกั ภกิ ษทุ ัง้ หลายวา ความกระสนั บงั เกดิ แกดฉิ ันแลวขออาราธนาพระคณุ เจา ทัง้ หลายมา ดฉิ ันปรารถนาการมาของพระคณุ เจา. ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย แมเม่ือเธอมไิ ดสงทตู มา กพ็ ึงไปดวยสตั ตาหกรณียะได จะตองกลาวไปไยเมอื่ เธอสงทตู มา พึงไปดวยทงั้ ใจวา จักระงบั ความกระสนั หรอืจักวานภกิ ษอุ น่ื ใหชวยระงบั หรือจักทาํ ธรรมกถาแกภ กิ ษุณีนัน้ แตต องกลบั ใน๗ วนั . ดกู อนภกิ ษทุ งั้ หลาย อนงึ่ ความรําคาญบงั เกิดแกภ ิกษณุ ใี นศาสนาน้ีถา เธอจะพึงสงทตู ไปในสาํ นักภิกษทุ งั้ หลายวา ความรําคาญบังเกดิ แกดฉิ นั แลวขออาราธนาพระคณุ เจาทง้ั หลายมาดิฉันปารถนาการมาของพระคณุ เจา. ดูกอน

พระวินัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 534ภิกษทุ ้ังหลาย แมเ ม่ือเธอมิไดสงทตู มา พึงไปดว ยสัตตาหกรณียะได จะตอ งกลา วไปไย เมือเธอสงทูตมา พงึ ไปดวยตั้งใจวา จกั บรรเทาความรําคาญจกั วานภิกษุอนื่ ใหช วยบรรเทา หรือจกั ทาํ ธรรมกถาแกภ กิ ษณุ นี ัน้ แคตองกลบัใน ๗ วนั . ดกู อ นภิกษทุ ง้ั หลาย อน่งึ ความเห็นผดิ บงั เกิดแกภ กิ ษณุ ใี นศาสนานี้ถาเธอจะสงทูตไปในสํานักภิกษทุ งั้ หลายวา ความเหน็ ผดิ เกดิ แลวแกดิฉนั ขออาราธนาพระคณุ เจาท้ังหลายมา ดฉิ ันปรารถนาการมาของพระคณุ เจา . ดูกอ นภกิ ษุท้ังหลายแมเ ม่อื เธอมิไดส ง ทูตมา กพ็ งึ ไปดว ยสตั ตาหกรณยี ะได จะตองกลา วไปไยเมื่อเธอสง ทตู มา พ่ึงไปดว ยตงั้ ใจวา จกั เปล้อื งความเห็นผิด จกั วานภิกษุอนื่ ใหช วยเปลือ้ ง หรอื จักทาํ ธรรมกถาแกภิกษุณนี ั้น แตต อ งกลับใน ๗ วัน. ดูกอ นภกิ ษุทั้งหลาย อนึ่ง ภกิ ษณุ ใี นศาสนานีเ้ ปน ผูต อ งครุกาบัติ ควรมานตั ถาเธอจะพึงสง ทตู ไปในสาํ นักภกิ ษทุ ง้ั หลายวา ดิฉันเองตอ งครกุ าบตั ิ ควรมานัต ขออาราธนาพระคุณเจา ทงั้ หลายมา ดิฉันปรารถนาการมาของพระคุณเจา.ดกู อนภิกษุท้ังหลาย แมเมอ่ื เธอมิไดสงทตู มา ก็พงึ ไปดว ย สัตตาหกรณียะไดจะตอ งกลา วไปไยเม่ือเธอสงทูตมา พึงไปดว ยตง้ั ใจวา จกั ทําการขวนขวายใหมานัต แตตองกลบั โน ๗ วัน. ดกู อ นภกิ ษทุ ้งั หลาย อนงึ่ ภกิ ษณุ ีในศาสนาน้เี ปนผคู วรชกั เขาหาอาบัติเดมิ ถา เธอจะพึงสงทตู ไปในสํานกั ภกิ ษุท้งั หลายวา ดิฉนั เองเปนผูควรชกั เขาหาอาบัตเิ ดมิ ขออาราธนาพระคุณเจา ทัง้ หลายมา ดิฉันปรารถนาการมาของพระคุณเจา . ดกู อนภิกษุท้ังหลาย แมเ มื่อเธอมิไดสงทูตมา กพ็ ึงไปดว ยสัตตาหกรณยี ะได จะตองกลา วไปไยเมื่อเธอสง ทูตมา พึงไปดว ยตงั่ ใจวา จักทําการขวนขวายชกั เขาหาอาบัตเิ ดิม แตต อ งสง กลบั ใน ๗ วนั .

พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 535 ดูกอนภกิ ษทุ ้ังหลาย อนึ่ง ภิกษณุ ใี นศาสนานี้ เปน ผคู วรอัพภาน ถา เธอจะพึงสงทตู ไปในสาํ นกั ภิกษุทั้งหลายวา ดิฉนั เองเปนผูควรอพั ภาน ขออาราธนาพระคณุ เจาทง้ั หลายมา ดิฉนั ปรารถนาการมาของพระคณุ เจา . ดูกอนภิกษทุ ัง้หลาย แมเ ม่ือเธอมิไดส ง ทตู มา ก็พึงไปดวย สัตตหกรณยี ะได จะตองกลาวไปไยเมอื่ เธอสงทูตมาพงึ ไปดว ยตั้งใจวา จักทาํ การขวนขวายในอัพภาน แตตอ งกลบัใน ๗ วัน. ดูกอนภกิ ษุท้งั หลาย อนง่ึ สงฆเ ปน ผใู ครเพอื่ ทํากรรม คือ ตชั ชนียกรรมนยิ สกรรม ปพพาชนยี กรรม ปฏสิ ารณยี กรรม หรอื อุกเขปนยี กรรม แกภ กิ ษุในศาสนานี้ ถา เธอจะพึงสง ทตู ไปในสํานักภกิ ษทุ งั้ หลายวา สงฆเปน ผูใครเพ่ือทํากรรมแกด ฉิ ัน ขออาราธนาพระคุณเจา ท้งั หลายมา ดฉิ นั ปรารถนาการมาของพระคณุ เจา. ดกู อ นภกิ ษทุ ้งั หลาย แมเ ม่ือเธอมิไดส งทตู มา ก็พงึ ไปดวยสตั ตา-หกรณยี ะได จะตองกลาวไปไย เมื่อเธอสง ทูตมา พึงไปดว ยตั้งใจวา ดวยวธิ ีอยางไรหนอ สงฆจ งึ จะไมทาํ กรรม หรือพงึ นอมไปเพ่ือกรรมสถานเบา แตตอ งกลับใน ๗ วนั . อนง่ึ ภกิ ษุณนี ้นั ถกู สงฆทํากรรมคอื ตชั ชนยี กรรมนิยสกรรมปพ พาชนียกรรม ปฏิสารณยี กรรม หรอื อุกเชปนียกรรมแลว ถาเธอจะพึงสงทูตไปในสํานักภกิ ษทุ ั้งหลายวา สงฆไ ดทํากรรมแกดฉิ นั แลว ขออาราธนาพระคณุ เจา ทัง้ หลายมา ดิฉนั ปรารถนาการมาของพระคุณเจา ดกู อนภิกษทุ ้ัง-หลาย แมเม่ือเธอมไิ ดส งทตู มา ก็พงึ ไปดว ยสัตตหกรณยี ะได จะตอ งกลา วไปไยเมอื่ เธอสงทตู มา พงึ ไปดวยตัง้ ใจวา ดว ยวิธีอยา งไรหนอ ภกิ ษุณนี ัน้ พึงประพฤตชิ อบ หายเยอหย่งิ พระพฤตแิ กต ัวได สงฆจ ะไดร ะงบั กรรมนน้ั เสยีแตตองกลบั ใน ๗ วนั .

พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 536 สัตตหกรณียะเนือ่ งดว ยสิกขมานา ๓. ดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย ก็สิกขมานาในศาสนานอ้ี าพาธ ถา เธอจะพึงสงทูตไปในสาํ นกั ภิกษุทง้ั หลายวา ดิฉันเองอาพาธ ขออาราธนาพระคุณเจาทงั้ หลายมา ดฉิ นั ปรารถนาการมาของพระคุณเจา . ดกู อ นภกิ ษทุ ้งั หลาย แมเมอ่ืเธอมไิ ดส ง ทูตมา กพ็ งึ ไปดวยสัตตาหกรณียะได จะตอ งกลา วไปไยเมอื่ เธอสงทตู มา พงึ ไปดวยต้งั ใจวา จกั แสวงหาคลิ านภตั คิลานุปฏฐากภัต คลิ านเภสัชจักถามอาการ หรือจกั พยาบาล แตต องกลบั ใน ๗ วนั . ดูกอนภกิ ษทุ ้งั หลาย อน่ึง ความกระสันบงั เกดิ แกสิกขมานาในคาสนานี.้ . . . . .ความรําคาญบงั เกดิ . . . . . .ความเหน็ ผิดบงั เกดิ . . . . . .สกิ ขาของสกิ ขมานาในศาสนานี้กาํ เริบ ถาเธอจะพึงสงทตู ไปในสาํ นกั ภิกษทุ งั้ หลายวา สกิ ขาของดฉิ ันกําเริบแลว ขออาราธนาพระคณุ เจาทัง้หลายมา ดฉิ นั ปรารถนาการมาของพระคุณเจา. ดูกอนภกิ ษทุ ้ังหลาย แมเมื่อเธอมิไดสง ทูตมา ก็พึงไปดวยสัตตตหกรณยี ะได จะตองกลา วไปไยเมื่อเธอสงทตู มา พึงไปดวยตงั้ ใจวา จักทําการขวนขวายใหสมาทานสิกขา แตต อ งกลับใน ๗ วัน. ดกู อนภกิ ษุทง้ั หลาย อนึ่ง สิกขมานาในศาสนานี้ เปน ผใู ครจ ะอุปสมบทถา เธอจะพึงสงทตู ไปในสํานกั ภกิ ษุทัง้ หลายวา ดฉิ นั เองใครจะอปุ สมบท ขออาราธนาพระคณุ เจาทั้งหลายมา ดฉิ นั ปรารถนาการมาของพระคณุ เจา. ดกู อ นภิกษุทัง้ หลาย แมเ มอื่ เธอมไิ ดสง ทูตมา ก็พงึ ไปดวยสัตตาหกรณยี ะได จะตอ งกลา วไปไยเมอ่ื เธอสง ทตู มา พงึ ไปดว ยตั้งใจวา จักทําการขวนขวายใหอ ุปสมบทจกั ชวยสวดหรือจักคณะปูรกะ แตต อ งกลบั ใน ๗ วนั .




























Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook