พระวินยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 251ซึ่งลอื ชื่อในมหาชนในกาลกอน ภายหลังละโจรกรรมเสยี สมาทานศลี ๕. ถาหากชาวบานรูจักเขาอยางนนั้ ควรใหบวช. ฝา ยชนเหลาใด เปน ผลู กั ของเล็กนอยมีมะมวงและขนนุ เปนตน หรือเปน โจรผูตัดทตี่ อเปนตน ทเี ดยี วแตแ อบแฝงทําการลกั ทงั้ ภายหลังก็ไมป รากฏวา กรรมน้ี อนั ชนช่อื นท้ี าํ จะใหช นเหลา นน้ั บวช ก็ควร. สองบทวา การ ภินทฺ ิตวฺ า มคี วามวา ทาํ ลายเครอื่ งจําคอื ช่ือเปน ตน. ในบทวา อภยูวรา น้ี มีวนิ ิจฉัยวา ชนเหลา ใดยอ มหลบทลกี เพราะความกลวั เหตุนนั้ ชอ่ื เหลาน้นั ช่อื ภยูวรา ผูห ลบหลีกเพราะความกลวัฝายสมณะเหลานี้ มิใชผ ูห ลบหลีกเพราะความกลัว เพราะเปน ผูไดรบั อภัยเพราะฉะนั้น จงึ ช่อื อถยูวรา มใิ ชผ หู ลบหนีเพราะความกลัว. กแ็ ลในบทวา อภยูวรา น้ีพงึ ทราบวา อาเทส ป อักษรใหเปน ว อักษร. ในคําวา น ภกิ ขฺ เว การเภทโก น้ี มีวินิจฉัยวา เรือนจาํ เรียกวา การะ แตในอธกิ ารนี้ เครื่องจําคอื ชื่อก็ดี เคร่ืองจาํ คอื ตรวนก็ดี เครื่องจําคอื เชือกกด็ ี ทจ่ี ําคือบา นก็ดี ท่จี ําคอื นคิ มกด็ ี ท่จี ําคอื เมอื ง การควบคุมดว ยบรุ ุษก็ดี ท่ีจําคอื ชนบทก็ดี ท่จี าํ คือทวปี ก็ดี จงยกไว. ผูใดทําลาย หรือตดั หรอื แก หรือเปด เคร่ืองจําชนิดใดชนิดหนึ่ง ในบรรดาเคร่อื งจําท่ที ่จี ําเหลา นี้ หนไี ปซึง่ หนา หรือไมมีคนเห็น ผนู น้ั ถงึ ความนับวา การเภทก ผูแหกเรือนจํา. เพราะเหตุนนั้ การเภทกโจรเหลา น้ี ทําลายทจ่ี ําคอื ทวปี ไปยังทวีปอ่ืนแลว ก็ดี ไมควรใหบ วช. ฝา ยผใู ดทมี่ ใิ ชโ จร แตไ มยอมทาํ หัตกรรมอยางเดยี ว ถกู อสิ รชนทัง้หลายมชี ุนสวยของพระราชาเปนตน จองจําเองไว ดวยหมายใจ เมือ่ มีการจอง
พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 252จาํ ไวอ ยางน้ี ผนู ้จี ะหนีไมได จักทําการของเรา ดงั นี้ ก็ดี ผนู ้นั แมพําลายเคร่ืองจาํ หนีไป ก็ควรใหบวช. ฝา ยผูใดรบั ผูกขาดบาน นิคม และทา เปน ตน ดวยสวย ไมสงสว ยนั้นใหครบ ถูกสง ไปยงั เรือนจาํ ผูนั้นหนีมาแลว ไมค วรใหบวช. แมผใู ดรวมเกบ็ ทรพั ยไ ว เลย้ี งชวี ติ ดว ยกสิกรรมเปน ตน ถูกใคร ๆสอ เสียดใสโทษเอาวา ผูน ไ้ี ดขุมทรพั ย แลวถูกจองจาํ จะใหผ ูนนั้ บวชในถน่ิ นั้นเอง ไมค วร. แตจะใหเขาซึ่งหนีไปแลวบวชในท่ซี ่งึ ไปแลวทุกตาํ บล ควรอยู. ในขอน้วี า น ภิกขฺ เว ลขิ ิตโก เปน ตน นี้ มีวินิจฉัยวา บคุ คลท่ีชอื่ วา ผูร า ยซง่ึ ถกู เขยี นไว จะไดแกผ รู า ยซ่ึงถกู เขียนไววา พบเขา ในท่ใี ด ใหฆาเสยี ในที่นนั้ ดงั น้ี อยา งเดียวหามไิ ด โดยท่ีแทผใู ดผูห น่งึ ซง่ึ กระทําโจรกรรมหรอื ความผิดในพระราชาอยา งหนกั ชนดิ อ่ืนแลว หนไี ป และพระราชารับสัง่ ใหเขยี นผนู ัน้ ลงในหนังสือหรอื ใบลานวา ผมู ีช่ือน้ี ใครพบเขาในทีใ่ ด พงึ จบั ฆาเสยี ในท่นี น้ั หรอื วา พึงตัดอวยั วะมีมอื และเทาเปนตน ของมันเสีย หรือวา พึงใหนาํ มาซึง่ สนิ ไหมมีประมาณเทานี้ ผนู ี้ชื่อผูร า ยซ่ึงถูกเขียนไว. ผูน ้ันไมควรใหบวช. ในคาํ วา กสาหโต กตทณฑฺ กมโฺ ม นี้ มีวนิ ิจฉัยวา ผูใดไมยอมทาํ การมีใหก ารและยอมรับใชเ ปนตน จึงถกู ลงอาชญา ผนู น้ั ไมน ับวา ผูถกู ลงทณั ฑกรรม. ฝายผใู ดรับเก็บทรัพยบางอยา ง โดยเปนสว น หรือโดยประการอ่นื แลว กินเสยี เมอ่ื ไมสามารถจะใชคนื ให จึงถกู เฆ่ยี นดวยหวายวา นแี้ ล จงเปนสน ไหมของเจา ผนู ชี้ ื่อ ผูถกู เฆย่ี นดวยหวาย ถกู ลงทัณฑกรรม. กแ็ ลเขาจะถกู เฆยี นดวยหวายหรือถูกดวยไมคอ นเปนตน อยา งใดอยางหนึง่ กต็ าม จงยกไว แผลยงั สดอยูเพยี งใด ไมควรใหบ วชเพียงนนั้ . ตอ กระทาํ แผลท้ังหลายใหกลับเปน ปกตแิ ลวจึงควรใหบวช.
พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 253 อนึง่ ถาผูใดถูกเขาทาํ รายดวยเขา หรอื ดว ยศอก หรือดว ยผลมะพรา วและกอ นหนิ เปนตนแลวปลอ ยไป และบวนโนในรางกายของผูน้ันยังปรากฏอยูไมค วรใหบ วช. ผูนั้นกระทําใหห ายแลว เม่ือบวมโนอยา งน้นั ยบุ ราบไปแลวควรใหบวช. ในคําวา ลกขฺ ณาหโต กตทณฺฑกมฺโม นี้ มีวนิ จิ ฉยั วา ขอ ที่เปนผลู งทณั ฑกรรม พึงทราบโดยนัยกอนน่ันเเล. กร็ อยแผลเปนซงึ่ ถกู นาบดวยเหล็กแดงมที ่ีหนาผาก หรอื ท่อี วยั วะ ทั้งหลาย มอี กเปนตน ของบุรษุ ใด ถาบรุ ุษน้นั เปนไท แผลยงั สดอยูเ พยี งใด ไมค วรใหบ วชเพยี งนัน้ . ถา แมแ ผลของเขาเปน ของงอกข้นึ เรียบเสมอกับผิวหนังแลว แตร อยแผลเปน ยังปรากฏอยู เมือ่เขานุง แลว หมผาเฉวยี งบา ปกปดเรียบรอ ยครบ ๓ ประการ ถา รอยแผลเปน น้ันอยใู นโอกาสท่มี ิไดป กปด ไมส มควรใหบ วช. อรรถกถาโจรวัตถุ จบ
พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 254 หา มบวชคนมหี นี้ [๑๐๘] ก็โดยสมัยน้นั แล ลกู หนค้ี นหนึ่งหนีบวชในสํานกั ภิกษุ พวกเจา ทรพั ยพบแลว กลาวอยา งนี้วา ภิกษรุ ูปน้ีคือลูกหน้ีของพวกเราคนน้ัน ถากะไรพวกเราจงจบั มนั . เจาทรพั ยบางพวกพดู ทัดทานอยา งน้ีวา ทานทั้งหลายอยาไดพดู เชนนี้เพราะพระเจาพิมพิสารจอมเสนามาคธราช. ไดม ีพระบรมราชานญุ าตไวว ากลุ บตุ รเหลา ใดบวชในสาํ นกั พระสมณะเชื้อสายพระศากยบตุ ร กลุ บุตรเหลานัน้ใคร ๆ จะทําอะไรไมไ ด เพราะธรรมอนั พระผมู พี ระภาคเจา ตรัสไวด แี ลว จงประพฤตพิ รหมจรรยเ พ่อื ทําท่สี ดุ ทกุ ขโ ดยชอบเถดิ . ประชาชนจึงเพง โทษ ตเิ ตียน โพนทะนาวา พระสมณะเชือ้ สายพระ-ศากยบตุ รเหลา น้ี มิใชผหู ลบหลกี ภัย ใคร ๆ จะทําอะไรไมไ ด แตไ ฉนจงึ ใหคนมีหนบ้ี วชเลา ภกิ ษุท้งั หลายกราบทลู ความเร่อื งนน้ั แดพ ระผูพระภาคเจา . พระผมู พี ระภาคเจา รับ สงั่ กะภิกษทุ ัง้ หลายวา ดกู อนภิกษทุ ง้ั หลาย คนมีหนภ้ี กิ ษุไมพงึ ใหบวช รปู ใดใหบ วชตองอาบัตทิ ุกกฏ. อรรถกถาอณิ ายกิ วตั ถุกถา ในคําวา น ภิกขฺ เว อณิ ายิโก เปนตน มวี นิ ิจฉัยวา หนที้ ี่บดิ าและปขู องบรุ ษุ ใด กเู อาไปก็ดี หนท้ี บ่ี รุ ษุ ใดกูเองก็ดี ทรัพยบ างอยาง ท่ีมารดาบิดามอบบุตรใดไวเปน ประกนั แลว ลืมเอาไปก็ดี บุรษุ นัน้ ชือ่ วา ลกู หนี้บรุ ุษน้นั ตอ งรบั หนน้ี ั้นของชนเหลา อืน่ เพราะฉะน้ัน จงึ ช่ือวา ลกู หน แตญ าติ
พระวินยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 255อน่ื ๆ มอบบุตรใดไวเ ปน ประกัน แลวยมื ทรพั ยบ างอยา งไป บุรษุ นั้นไมจดัวา เปน ลกู หน้ี. เพราะวาญาติอนื่ ๆ น้นั ไมเปน ใหญท ่ีจะอบบรุ ษุ น้นั ไวเปนประกนั ได, เพราะเหตุน้นั จะใหบ ุรษุ นัน้ บวช สมควรอยู. จะใหบุรุษนอกจากนบี้ วช. ไมควร. แตถาญาตสิ ายโลหิตทง้ั หลายของเขารบั ใชห นีแ้ ทนวา พวกขา พเจาIจักรับใช ขอทานโปรดใหบ วชเถดิ หรอื วาชนอ่นื บางคนเห็นอาจาร-สมบัตขิ องเขาแลวกลาววา ขอทา นจงใหเขาบวชเถดิ ขา พเจา จะใชห น้แี ทนดงั นี้ สมควรใหบ วชได. เมอื่ เขาในท่ีใด ใหฆ า เสยี ในที่น้ัน ดงั น้ี อยางเดยี วหามไิ ด โดยท่ีแทผใู ดผหู นึ่งกระทาํ โจรกรรมหรือความผิดในพระราชาอยา งหนกั ชนิดอน่ื แลว หนไี ป และพระราชารบั สัง่ ใหเขยี นผนู ้นั ลงในหนังสือหรอื ใบลานวา ผมู ชี ื่อน้ี ใครพบเขาในทีใด พึงจบั เสยี ในท่ีนัน้ หรอื วา พงึ ตดั อวยั วะมมี อื และเทา เปน ตน ของมันเสีย หรือวาพงึ ใหน าํ มาซ่งึ สินไหมมีประมาณเทานี้ผูนชี้ ่อื ผรู ายซึง่ ถูกเขยี นไว. ผูน้นั ไมควรใหบ วช. ในคําวา กสาทโต กตทณฑฺ กมฺโม นี้ มวี ินิจฉัยวา ผใู ดไมยอมทําการมใี หการและยอมรบั ใชเปนตน จึงถกู ลงอาชญา, ผนู ้ันไมนบั วา ผูถกู ลงทณั ฑกรรม. ฝายผูใดรบั เกบ็ ทรัพยบางอยา ง โดยเปน สวย หรือโดยประการอืน่ แลวกินเสีย เม่ือไมส ามารถจะใชค นื ให จงึ ถกู เฆ่ยี นดวยหวายวา นีแ้ ล จงเปนสนิ ไหมของเจา ผูน ช้ี อ่ื ผูถูกเฆ่ียนดว ยหวาย ถูกลงทณั ฑกรรม. ก็แลเขาจะถูกเฆยี่ นดว ยหวายหรือถูกดัวยไมคอ นเปน ตน อยางใดอยา งหนึ่งกต็ าม จงยกไว, แผลยงั สดอยูเพียงใด ไมค วรใหบวชเพยี งนน้ั . ตอกระทําแผลทั้งหลายใหกลับเปน ปกติแลว จึงควรใหบวช. อน่ึง ถา ผใู ดถูกเขาทาํ รา ยดวยเขา หรอื ดวยศอก หรอื ดวยผลมะพรา วและกอ นหนิ เปนตนแลวปลอยไป และบวมโนในรางกายของผนู นั้ ยงั ปรากฏอยู
พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 256ไมควรใหบ วช. ผนู ัน้ กระทาํ ใหหายแลว เม่ือบวมโนอยา งนัน้ ยบุ ราบไปแลวควรใหบวช. ในคําวา ลกณฺ าหโต ตทณฺฑกมโฺ ม น้ี มวี นิ จิ ฉัยวา ขอ ท่ีญาติสายโลหติ เหลานั้นไมมี ภกิ ษุพงึ บอกแกอ ุปฏ ฐากเหน็ ปานนน้ั กไ็ ดวา ผูน้ีเปน บุคคลมกี ศุ ลกรรมเปน เหตุ แตบวชไมไดเพราะกังวลดวยหนี้. ถาเขารับจดัการ พึงใหบ วช. ถา แมก ปั ปยภณั ฑข องตนมี พงึ ต้ังใจวา เราจักเอากปั ปย-ภณั ฑน น้ั ใชให แลวใหบ วช. แตถา ชนทั้งหลายมีญาตเิ ปน ตน ไมร บั จดั การทรัพยของตนกไ็ มม ี ไมสมควรใหบวช ดวยทําโนใจวา เราจกั ใหบ วชแลวจกัเที่ยวภกิ ษาเปลื้องหน้ใี ห. ถา ใหบวช ตองทุกกฏ. แมบ ุรษุ นน้ั หนีไป ภิกษนุ น้ักต็ อ งนํามาคืนให. ถา ไมคนื ให หน้ที ง้ั หมดยอมเปนสินใช. เมอ่ื ภิกษุไมทราบใหบ วชไมเปน อาบตั .ิ แตเมอื่ พบปะเขาตองนาํ มาคนื ใหแ กพ วกเจาหนี้. ไมเปนสนิ ใชแกภ กิ ษผุ ูไมพบปะ. หากบุรษุ ผูเปน ลูกหน้ีไปประเทศอืน่ แลว แมเ มือ่ ภิกษุไดถามก็ตอบวา ผมไมตอ งรับหน้ี ไร ๆ ของใคร ๆ แลว บวช ฝายเจา หน้เี ม่อืสบื เสาะหาตัวเขา จงึ ไปโนประเทศน้นั . ภกิ ษหุ นุม เห็นเจา หน้ีนั้นเขา จึงหนไี ปเสียเขาเขาไปหาพระเถระ รอ งเรยี นวา ทา นขอรบั ภกิ ษรุ ปู นีใ้ ครใหบ วช ? เธอยืมทรัพยมปี ระมาณเทานี้ ของผมแลวหนีไป พระเถระพงึ ตอบวา อบุ ายสก เธอบอกวา ผมไมม ีหน้สี นิ ฉันจงึ ใหบ วช. บดั น้ีฉนั จะทําอยางไรเลา ? ทานจงเหน็ สิง่ ของมาตรวา บาตรจีวรของฉันเถอะ นเี้ ปนสามจี ิกรรมในขอน้ัน. และเม่อื ภกิ ษุน้ันหนีไป สินใชย อมไมม.ี แตถา เจาหน้ีพบภิกษนุ นั้ ตอหนา พระเถระเทยี วแลว กลาววา ภิกษุนี้เปน ลกู หนีข้ องผม พระเถระพึงตอบวา ทานจงรลู ูกหนี้ของทา นเอาเองเถิด แมอยา งนีย้ อ มไมเปนสนิ ใช ถาแมเ ขากลาววา บดั นี้ภกิ ษนุ ี้บวชแลว จักไปไหนเสยี พระเถระจงึ ตอบวา ทา นจงรูเองเถดิ แมอ ยาง
พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 257นี้ เมอ่ื ภกิ ษนุ ั้นหนไี ป ยอมไมเปนสนิ ใชแกพระเถระน้นั . แตถา พระเถระกลาววา บัดน้ี ภกิ ษนุ ี้จกั ไปไหนเสยี เธอจงอยูทน่ี ี้แหละ ถาภิกษุน้นั หนไี ปตองเปนสินใช. ถาเธอเปน ผมู กี ศุ ลกรรมเปนเหตุถงึ พรอ มดวยวตั ร. พระเถระพึงกลาววา ภกิ ษุนี้ เปน เชนน้.ี ถาเจา หนยี้ อมสละวา ดีละ ขอน้เี ปนอยางนี้ไดเปนการดี. กถ็ า เขาตอบวา ขอทานจงใชใหเลก็ นอยเถดิ พระเถระพงึ ใชให.ตอ สมัยอื่น ภกิ ษุนน้ั เปนผูยังพระเถระใหพ อใจยิ่งขนึ้ แมเมอ่ื เจาหนเ้ี ขาทวงวา ทา นจงใชท ง้ั หมด พระเถระควรใชใ หแ ท. และถา เธอเปนผฉู ลาดในอทุ เทสแลปรปิ จุ ฉาเปนตน มีอุปการะมากแกภกิ ษทุ ั้งหลาย พระเถระจะพึงแสวงหาดวยภกิ ษาจารวัตรก็ได ใชห นี้ เสียเถดิ ฉะนแ้ี ล. อรรถกถาอณิ ายกิ วัตถุกถา จบ
พระวินยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 258 หา มบวชทาส [๑๐๙] ก็โดยสมัยน่นั แล ทาสดนหน่งึ หนีไปบวชในสํานกั ภิกษุ พวกเจา นายพบเขา จึงกลาวอยา งนว้ี า ภิกษุรปู นี้คอื ทาสของพวกเราคนน้นั ถากระไรพวกเราจงจบั มนั . เจา นายบางพวกพดู ทัดทานอยางนี้วา ทา นทง้ั หลายอยา ไดพ ูดเชนนี้เพราะพระเจาพมิ พสิ ารจอมเสนามาคธราช ไดทรงมพี ระบรมราชานุญาตไววากลุ บุตรเหลา ใดบวชในสาํ นักพระสมณะเช้อื สายพระศากยบตุ ร กลุ บุตรเหลา นั้นใคร ๆ จะทาํ อะไรไมได เพราะธรรมอนั พระผมู ีพระภาคเจา ตรัสดแี ลว จงประพฤตพิ รหมจรรยเพ่ือทาํ ที่สดุ ทกุ ขโดยชอบเถิด. ประชาชนจึงเพงโทษ ตเิ ตยี น โพนทะนาวา พระสมณะเชือ้ สายพระ-ศากยบตุ รเหลาน้ี มใิ ชผหู ลบหลกี ภัย ใคร ๆ จะทําอะไรไมไ ด แตไฉนจึงใหทาสบวชเลา ภิกษทุ งั้ หลายกราบทูลเร่ืองน้นั แดพ ระผมู พี ระภาคเจา . พระผูมีพระภาคเจา รบั ส่ังกะภกิ ษุทั้งหลายวา ดูกอนภกิ ษทุ งั้ หลาย คนเปนทาส ภิกษไุ มพึงบวช รูปใดใหบ วช ตอ งอาบัติทุกกฎ. ทรงอนุญาตการปลงผม [๑๑๐] กโ็ ดยสมัยน้ันแล บตุ รชางทองศีรษะโลน คนหนง่ึ ทะเลาะกับมารดาบิดา แลว ไปอารามบวชในสํานกั ภกิ ษุ ครัง้ นน้ั มารดาบดิ าของเขาสบื หาเขาอยู ไดไปอารามถามภิกษทุ ัง้ หลายวา ทา นเจาขา ทานทัง้ หลายเห็นเดก็ ชายมรี ปู รางเชน น้ีบางไหม ? บรรดาภิกษพุ วกท่ีไมร ูเ ลยตอบวา พวกอาตมาไมร ู พวกทไ่ี มเห็นเลยตอบวา พวกอาตมาไมเ หน็ .
พระวนิ ัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 259 คร้ันมารดาบดิ าของเขาสบื หาอยู ไดเหน็ เขาบวชแลว ในสาํ นักภกิ ษุจงึ เพง โทษ ติเตียน โพนทะนาวา พระสมณะเชอื้ สายพระศากยบตุ รเหลาน้นัชา งไมล ะอาย เปน คนทุศลี พดู เท็จ รอู ยแู ท ๆ บอกวา ไมรู เห็นอยชู ดั ๆบอกวา ไมเห็น เด็กคนนี้บวชแลว ในสาํ นกั ภิกษุ ภิกษทุ ัง้ หลายไดยนิ มารดาบิดาของบตุ รชา งทองศีรษะโลน นั้น เพงโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู จึงกราบทูลเรื่องน้ันแดพระผูมพี ระภาคเจา . พระผมู พี ระภาคเจา รับส่ังกะภกิ ษุทัง้ หลายวา ดูกอ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย เราอนญุ าตใหอปโลกนตอ สงฆ เพ่ือการปลงผม. พวกเด็กชายสตั ตรสวัคคียบ วช [๑๑๑] กส็ มยั นัน้ แล ในพระนครราชคฤหมีเด็กชายพวกหนึ่ง ๑๗ คนเปนเพ่ือนกัน เดก็ ชายอุบาลเี ปน หัวหนาของเด็กพวกนน้ั คร้ังน้ัน มารดาบดิ าของเดก็ ชายอบุ าลีไดหารือกันวา ดว ยวิธอี ะไรหนอ เม่ือเราทง้ั สองลวงลับไปแลว เจาอบุ าลจี ะอยูเปน สุข และจะไมตอ งลาํ บาก ครัน้ แลว หารอื กนั ตอ ไปวา ถาเจาอุบาลจี ะพงึ เรียนหนงั สอื ดวยวิธอี ยา งน้แี หละ เม่อื เราท้ังสองลว งลับไปแลวเจาอบุ าลีจะพงึ อยเู ปนสขุ และจะไมต อ งลําบาก แลว หารอื กนั ตอ ไปอีกวา ถา เจา อุบาลจี กั เรยี นหนงั สอื น้วิ มอื กจ็ ักระบม ถา เจาอุบาลเี รยี นวชิ าคํานวณดวยอุบายอยางนี้แหละ เม่ือเราทงั้ สองลว งลับไปแลว เจา อบุ าลีจะพึงอยูเปนสขุ และไมต อ งลาํ บาก ครัน้ ตอ มาจึงหารอื กันอีกวา ถา เจาอบุ าลจี ักเรียนวิชาคาํ นวณเขาจักหนักอก ถาจะพงึ เรียนวิชาดูรปู ภาพ ดวยอบุ ายอยางนี้แหละเมื่อเราทงั้ สองลวงลับไปแลว เจา อบุ าลกี จ็ ะพงึ อยูเปน สขุ และจะไมตองลาํ บากครนั้ ตอ มา จึงหารอื กันอกี วา ถา เจา อบุ าลีจักเรียนวิชาดรู ูปภาพ นัยนตาทัง้ สอง
พระวินัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 260ของเขาจกั ชอกช้ํา พระสมณะเชอื้ สายพระศากยบตุ รเหลา น้ีแล มปี รกตเิ ปน สุขมีความพระพฤตเิ รยี บรอย ฉนั อาหารท่ดี ี นอนในหอ งนอนอนั มิดชดิ ถาเจาอุบาลีจะพึงบวชในสํานกั พระสมณะเชอื้ สายพระศากยบุตร ดว ยวิธนี แี้ หละ เม่ือเราทงั้ สองลว งลบั ไปแลว เจา อุบาลกี จ็ ะอยูเ ปนสขุ และจะไมตองลาํ บาก. เดก็ ชายอบุ าลีไดยินถอยคําที่มารดาบิดาสนทนาหารือกนั ดงั น้ี จงึ เขาไปหาเพื่อนเด็กเหลา นัน้ คร้ันแลวไดพดู ชวนวา มาเถิดพวกเจา พวกเราจกัพากนั ไปบวชในสํานกั พระสมณะเช้อื สายพระศากยบุตร. เดก็ ชายเหลา น้นั พดู วา ถา เจา บวช แมพ วกเรากจ็ กั บวชเหมอื นกัน. เดก็ ชายเหลา น้ันไมรอชา ตางคนตางก็เขา ไปหามารดาบดิ าของตน ๆแลว ขออนุญาตวา ขอทา นทั้งหลายจงอนุญาตใหข า พเจา ออกจากเรือนบวชเปน บรรพชิตเถดิ . มารดาบดิ าของเด็กชายเหลา นัน้ กอ นญุ าตทนั ที ดวยติดเห็นวา เดก็เหลา น้นั ตา งกม็ ีฉนั ทะรวมกนั มคี วามมุงหมายดดี ว ยกนั ทุกคน. เด็กพวกน้ันเขา ไปหาภกิ ษุทง้ั หลายแลว ขอบรรพชา ภกิ ษุทงั้ หลายใหพวกเขาบรรพชาอปุ สมบท. ครั้นปจจุสมัยแหง ราตรี ภกิ ษุใหมเ หลานั้น ลกุ ขน้ึ รอ งไห วิงวอนวาขอทานทง้ั หลายจงใหขา วตม จงใหข าวสวย จงใหข องเคี้ยว. ภกิ ษุทงั้ หลายพูดอยางน้ีวา อาวโุ สทง้ั หลาย จงขอใหราตรีสวางกอนถา ขาวตม มี จักไดด่มื , ถา ขา วสวยมี จกั ไดฉ ัน, ถา ของเค้ยี วมี จักไดเค้ียว.ถาขา วตม ขา วสวย หรอื ของเดียวไมม ี ตองเทยี่ วบิณฑบาตฉนั ภิกษุใหมเหลา น้ันอนั ภิกษุทง้ั หลาย แมกลา วอยอู ยางนี้แล ก็ยงั รองไหวิงวอนอยอู ยา งนั้นแลวา จงใหขาวตม จงใหข าวสวย จงใหข องเค้ียว ถายอจุ จาระรดบา งถายปสสาวะรดบาง ซ่ึงเสนาสนะ.
พระวนิ ยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 261 พระผมู พี ระภาคเจา ทรงดืม่ บรรทมในปจ จุสสมัยแหงราตรี ทรงไดย นิเสยี งเด็ก ครั้นแลว ตรสั เรียกทานพระอานนทมาตรัสถามวา ดูกอ นอานนท นน่ัเสยี งเดก็ หรอื ? จึงทานพระอานนทกราบทูลเรื่องนัน้ แดพระผมู ีพระภาคเจา . พระผูมพี ระภาคเจาทรงสอบถามภกิ ษทุ ้งั หลายวา ดกู อนภกิ ษุทง้ั หลายขาววาภกิ ษุทั้งหลายรูอ ยู ใหบคุ คลผูมอี ายหุ ยอน ๒๐ ป อุปสมบท จรงิ หรอื ? ภิกษทุ ั้งหลายกราบทลู วา จริง พระพุทธเจาขา. พระผมู พี ระภาคพุทธเจา ทรงติเตียนวา ดกู อนภกิ ษุทงั้ หลาย ไฉนโมฆบุรษุ พวกนั้นรอู ยู จงึ ไดใ หบ คุ คลมีอายุหยอ น ๒๐ ป อปุ สมบทเลา . ดกู อนภิกษุทงั้ หลายบคุ คลมีอายุหยอ น ๒๐ ป เปนผไู มอ ดทนตอ เยน็ รอน หิวระหาย เปน ผูมีปรกติไมอ ดกล้นั ตอสมั ผสั แหงเหลือบ ยุง ลม แดด สัตวเลื้อยคลาน ตอคลองแหงถอ ยคําท่เี ขากลาวรา ย อันมาแลวไมด ี ตอทกุ ขเวทนาทางกายทีเ่ กิดขึน้ แลว อันกลาแข็ง เผด็ รอ น ไมเ ปนทยี่ ินดี ไมเ ปน ทช่ี อบใจอนั อาจนาํ ชวี ติ เสยี ได สว นบคุ คลมีอายุ ๒๐ ป ยอ มเปนผูอดทนตอ เย็นรอ นหิว ระหาย เปน ผูมีปรกตอิ ดกล้นั ตอสัมผัสแหงเหลือบ ยุง ลม แด สตั วเล้อื ยคลาน ตอคลองแหงถอ ยคาํ ท่ีเขากลาวรา ย อันมาแลว ไมด ี ตอทกุ ขเวทนาทางกายทีเ่ กิดขึ้นแลว อนั กลา แขง็ เผ็ดรอ น ไมเ ปน ท่ยี ินดี ไมเ ปนทชี่ อบใจอนั อาจนาํ ชีวิตเสียได. ดูกอนภิกษทุ ง้ั หลาย การกระทําของโมฆบรุ ุษเหลา นั้นน่นั ไมเ ปนไปเพื่อความเลื่อมใสของชุมชนทยี่ งั ไมเ ลอ่ื มใส หรือเพอื่ ความเล่อื มใสย ง่ิ ของชมุ ชนท่ีเล่อื มใสแลว . . . คร้ันแลวทรงทาํ ธรรมกี ถารับส่ังกะภกิ ษุท้ังหลายวา ดูกอนภิกษทุ ้งั หลาย ภกิ ษุรูอ ยู ไมพ ึงใหบ คุ คลมีอายุหยอน ๒๐ ปอปุ สมบท รปู ใดใหอ ุปสมบท ตองปรบั ธรรม.
พระวนิ ัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 262 อรรถกถาทาสวตั ถกุ ถา วินจิ ฉยั ในขอวา น ภิกขฺ เว ทาโส น้วี า ทาสมี ๔ จาํ พวกคอืทาสเกดิ ภายใน ๑ ทาสท่ชี วยมาดวยทรพั ย ๑ ทาสท่ีเขานํามาเปน เชลย ๑บคุ คลทย่ี อมเปนทาสเอง ๑ ในทาส ๔ จําพวกน้นั ลกุ นางะทาสีในเรือนเปนทาสโดยกาํ เนิด ช่ือวาทาสเกดิ ภายใน. บตุ รท่ีเขาชว ยมาจากสาํ นกัมารดากด็ ี ทาสทเ่ี ขาชว ยมาจากสํานกั นายเงินก็ดี บคุ คลที่เขาใชท รพั ยแ ทนแลวยกขนึ้ สจู ารีตแหงทาสถา ยเอาไปก็ดี ชื่อวาทาสทชี วยมาดวยทรพั ย. ทาสทง้ั สองจาํ พวกนีไ้ มค วรใหบวช เมือ่ จะใหบ วช ตอ งทาํ ใหเ ปน ผูมใิ ชท าสดว ยอาํ นาจจารีสตในท่ชี นบทนน้ั ๆ แลว จึงควรใหบ วช. ทาสทช่ี ่ือวา เขานํามาเปนเชลย คอื พระราชาทง้ั หลายทรงทาํ การรบนอกแวนแควน หรอื รบั สัง่ ใหเกลี้ยกลอมกวาดตอ นเอาทงั้ หมมู นษุ ยซ ่งึ เปน ไททง้ั หลาย มาจากภายนอกแวน แควนก็ดี พระราชารบั สัง่ ใหริบบานบางตาํ บล ซึ่งกระทาํ ผิดภายในแวนแควน น่ันเองราชบุรษุ ทั้งหลายกวาดตอ นทั้งหมูมนษุ ยมาจากบานตาํ บลนนั้ ก็ดี ในหมมู นษุ ยเหลา นน้ั ผูช ายทั้งหมดเปน ทาส ผูหญงิ ทัง้ หมดเปนทาสี บุคคลเหน็ ปานนี้จดั เปนทาสซ่ึงเจานาํ มาเปน เชลย. ทาสนี้ เมือ่ อยใู นสํานกั ชนทั้งหลายผนู ําตนมา หรือถูกขงั ไวไ นเรือนจาํ หรอื อันบรุ ุษท้ังหลายควบคมุ อยู ไมความใหบวช.แตข าหนไี ปแลว พงึ ใหบวชในทีซ่ ึง่ เขาไปได. ครั้นเม่อื พระราชาทรงพอพระหฤทยั ทรงทาํ การปลดจากจําโดยตรัสวา จงปลอยพวกทาสทน่ี ํามาเปนเชลย หรือโดยนยั เปน สรรพสาธารณ พงึ ใหบ วชเถดิ . บคุ คลทีย่ อมตัวเปนทาสเองทเี ดียววา ขา พเจาเปนทาสของทาน ดงั นี้ เพราะเหตุแหง ชีวติ กต็ ามเพราะเหตแุ หง ความคมุ ครองก็ตาม ช่อื วาผูยอมเปน ทาสเองเหมือนคนเล้ยี งชา ง
พระวนิ ยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 263มา โค และกระบือเปน ตน ของพระราชาท้งั หลาย ทาสเชน น้นั ไมควรใหบวช. บตุ รทั้งหลายของเหลา นางวัณณทาสขี องพระราชา เปนเชน ดง่ั บุตรอํามาตย. ถงึ บตุ รเหลา นั้นกไ็ มค วรใหบวชเหมอื นกัน. เหลา หญงิ ซึ่งเปน ไทแตไมม ีใครคุมหาม จึงเทยี่ วไปกับพวกนางวัณณทาสี จะใหบ ตุ รท้ังหลายของหญงิ เหลา นัน้ บวชก็ควร. หากพวกหญิงเหลาน้นั ขึ้นทะเบยี นเสยี เอง ไมส มควรใหบ ตุ รท้งั หลายของหญิงเหลานั้นบวช ถงึ พวกทาสของคณะทั้งหลายมีคณะภัททิปตุ ตกะเปนตน ซึ่งคณะชนเหลาน้นั ไมยอมใหกไ็ มค วรใหบ วช. ข้ึนช่ือวา ทาสสําหรับอาราม ซ่ึงพระราชาพระราชทานไวใ นวัดทั้งหลาย บรรดามี จะใหทาสแมเหลานั้นบวช ยอมไมส มควร แตช ว ยใหเปน ไทแลว ใหบ วช สมควรอยู. ในมหาปจจรีอรรถกถาแกวา ชนท้ังหลายนาํ ทาสเกิดภายในและทาสท่ีชวยมาดวยทรพั ย มาถวายแกภ กิ ษสุ งฆวา ขาพเจา ถวายอารามิกทาส ทาสเหลา นน้ั ยอ มเปน เชนกบั ทาสทเ่ี ขาราดเปรียงบนศรี ษะน่ันแหละ จะใหบ วชก็ควร. สวนอรรถกถากุรุนทีแกว า เขาถวายดวยกัปปย โวหารวา ขาพเจา ท้ังหลายถวายอารามกิ ทาส ทาสนน้ั อันเขาถวายแลว ดวยโวหารอยา งใดอยางหน่งึ กต็ ามที ไมค วรใหบวชแท พวกคนเขญ็ ใจ คิดวา จักอาศัยพระสงฆเ ล้ยี งชีพ จึงเปน กปั ปยการกอยใู นวดั ท่ีอยู จะใหคนเข็ญใจเหลา นั้นบวช ควรอย.ู บดิ ามารดาของบุตรใดเปนทาส หรอื มารดาเทานน้ั เปนทาสี บดิ าไมเปนทาส ไมควรใหบุรษุ นัน้ บวช. ญาตหิ รืออปุ ฐากของภิกษถุ วายทาสวา ขอทานจงใหบุรษุ นีบ้ วช เขาจักทําความขวนขวายแกท า น หรือวา ทาสสวนตวั ของภิกษุนน้ัมอี ยู ทาสน้ภี กิ ษทุ าํ ใหเปน ไทเสยี กอนแลว จงึ ควรใหบวช. ในอรรถกถากรุ ุนทีแกว า พวกนายถวายทาสวา ขอทา นจงใหบ ุรุษนบ้ี วช ถา เขาจักยินดียง่ิ ในในศาสนา, เขาจักไมเปนทาส ถา เขาจกั สกึ เขาจกั คงเปน ทาสของพวกขา พเจา
พระวินยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 264ดังนี้ ช่อื วา ทาสยืมไมควรใหเขาบวช. บุรุษใดเปน ทาสไมมีนาย บรุ ษุ แมน้ันอนั ภกิ ษใุ หเปนไทกอนจงึ ควรใหบ วช. ภิกษุไมทราบใหบรรพชาหรอื อปุ -สมบทแลว จึงทราบภายหลงั ควรทําใหเ ปน ไทเหมอื นกัน. และเพือ่ ประกาศเนอ้ื ความขอน้ี พระโบราณาจารยท ้ังหลาย จงึ กลาวเร่ืองนว้ี า:- ดังไดยินมา นางกุลทาสคี นหนึง่ กบั บุรุษคนหนึง่ หนีจากอนุราธบรุ ีไปอยใู นโรหนชนบท มีบตุ รคนหนงึ่ . บุตรนั้นในเวลาทบี่ รรพชาอุปสมบทแลว เปนภิกษุลชั ชีมกั รงั เกียจ. ภายหลังวันหนง่ึ เธอถามมารดาวา อุบายสกิ าพนี่ องชายหรอื พีน่ องหญงิ ของทานไมมหี รอกหรอื ? ฉนั จึงไมเ ห็นญาตไิ ร ๆ เลยมารดาตอบวา พอคุณ ฉนั เปน กลุ ทาสิ ในอนรุ าธบุรี หนีมาอยทู ่ีนก่ี ับบดิ าของคุณ ภิกษผุ ูมศี ลี ไดค วามสังเวชวา ไดยนิ วาบรรพชาของเราไมบริสทุ ธิ์ จึงถามมารดาถงึ ชอ่ื และโคตรของสกุลนนั้ แลวมายงั อนรุ าธบรุ ี ได ยนื ท่ปี ระตเู รือนของสกลุ น้นั . เธอถึงเขาบอกวา นมิ นตโปรดขา งหนา เถิดเจา ขา ?. กย็ ังไมเ ลยไป. พวกเขาจงึ พากันมาถามวา มธี รุ ะอะไรขอรบั ? เธอจงึ ถามวา นางทาสีชอ่ื นข้ี องพวกทา นซ่งึ หนีไปมไี หม ? มีขอรับ ฉนั เปน บุตรนางทาสี นนั้ ถาพวกทานอนญุ าตใหฉ นั ฉันจะบวช พวกทา นเปน นายของฉนั . พวกเขาเปน ผูรื่นเริงยนิ ดี ยกเธอเปนไทวา บรรพชาของทานบริสุทธิ์ขอรับ แลว นมิ นตใหอ ยูใ นมหาวิหารบาํ รงุ ดวยปจจยั ๔ พระเถระอาศัยสกุลนั้นอยเู ทานัน้ ไดบรรลุพระอรหตั . อรรถกถาทาสวัตถกุ ถา จบ
พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 265 เร่อื งตายเพราะอหวิ าตกโรค สามเณรบรรพชา [๑๑๒] กโ็ ดยสมยั นน้ั แล ตระกลู หน่งึ ไดต ายลง เพราะอหิวาตกโรคตระกูลนัน้ เหลอื อยแู ตพ อกับลกู คนทงั้ สองน้นั บวชในสํานักภิกษุแลว เทีย่ วบณิ ฑบาตดว ยกนั ครัน้ เมื่อเขาถวายภิกษาแกภ ิกษผุ เู ปน บิดา สามเณรนอยก็ไดว่งิ เขา ไปกลาววา ขา แตพ อ ขอพอ จงใหแกลกู บาง จงใหแกล กู บาง. ประชาชนจึงเพงโทษ ตเิ ตยี น โพนทะนาวา พระสมณะเช้อื สายศากยบตุ รเหลาน้ีมใิ ชผ พู ระพฤตพิ รหมจรรย สามเณรนอยรปู น้ีชะรอยเถดิแตภ ิกษุณี ภกิ ษทุ ัง้ หลายไดย นิ ประชาชนพวกน้นั เพงโทษ ตเิ ตยี น โพนทะนาอยู จึงกราบทูลเรือ่ งนน้ั แดพระผูมีพระภาคเจา . พระผูมีพระภาคเจา รบั ส่งั กะภิกษทุ งั้ หลายวา ดูกอ นภิกษทุ ้ังหลาย เดก็ชายมอี ายุหยอ น ๑๕ ป ภกิ ษไุ มพ งึ ใหบวช รูปใดใหบวช ตอ งอาบัตทิ กุ กฏ. เด็กชายตระกูลอุปฏ ฐากบรรพชา [๑๑๓] ก็โดยสมยั นั้นแล ตระกลู อปุ ฏฐากของทา นพระอานนทมีศรัทธาเล่ือมใส ไดต ายลงเพราะอหิวาตกโรค เหลอื อยแู ตเ ด็กชายสองคน เดก็ชายทั้งสองเห็นภิกษุทั้งหลาย จึงว่ิงเขาไปหาดว ยกริ ยิ าที คนุ เคยแตก อ นมา ภิกษุทง้ั หลายไลไปเสยี เดก็ ชายทงั้ สองนน้ั เมื่อถกู ภกิ ษุทั้งหลายไลก ร็ องไห จงึ ทานพระอานนทไดม คี วามดาํ ริวา พระผมู พี ระภาคเจา ทรงบญั ญัติ มใิ หบวชเดก็ ชายมีอายหุ ยอน ๑๕ ป ก็เดก็ ชายทง้ั สองคนนมี้ ีอายหุ ยอน ๑๕ ป ดวยวิธีอะไรหนอเด็กชายสองคนนจ้ี งึ จะไมเส่อื มเสยี ดังน้ี จงึ กราบทูลเรื่องนั้นแดพระผมู ีพระภาคเจา. พระผมู ีพระภาคเจา ตรัสถานวา ดกู อ นอานนท เด็กชายสองคนนั้นอาจไลก าไดไ หม ?. ทา นพระอานนทกราบทลู วา อาจ พระพทุ ธเจาขา .
พระวินยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 266 ลําคับน้ัน พระผมู ีพระภาคเจาทรงทําธรรมีกถา ในเพราะเหตุเปนเคา มลู นั้น ในเพราะเหตแุ รกเกิดน้นั แลว รบั ส่งั กะภิกษุทง้ั หลายวา ดูกอนภกิ ษุท้งั หลาย เราอนญุ าตใหบวชเดก็ ชายมีอายุหยอ น ๑๕ ป แตสามารถไลก าได. เรือ่ งสามเณรของทานพระอุปนนท [๑๑๔] กโ็ ดยสมัยน้ันแล ทานพระอุปนนทศากยบตุ รมสี ามเณรอยู ๒รูปคอื สามเณรกัณฏกะ ๑ สามเณรมหกะ ๑ เธอทัง้ สองประทษุ รายกนั และกนัภิกษทุ ัง้ หลายจึงเพงโทษ ติเตียน โพนทะนาวา ไฉนสามเณรทั้งสองจึงไดประพฤติอนาจารเห็นปานนน้ั เลา แลว กราบทลู เร่ืองนั้นแดพระผูมพี ระภาคเจา พระผูมีพระภาคเจา รบั ส่งั กะภกิ ษทุ ้ังหลายวา ดูกอ นภกิ ษุทัง้ หลาย ภิกษุรูปเดยี วไมพึงใหสามเณร ๒ รูปอุปฏฐาก รูปใดใหอ ุปฏฐาก ตอ งอาบัตทิ กุ กฏ. อรรถกถาภณั ฑกุ ัมมกถา บทวา กมมฺ ากณฑฺ ุ ไดแ กลกู ชางทอง ซง่ึ มีศีรษะโลน ไวแ หยมมีคาํ อธิบายวา เด็นรนุ มผี ม ๕ แหยม.๑ ขอ วา สงฺฆ อปโลเกตุ ภณฺฑิกมมฺ าย มีความวา เราอนญุ าตใหภิกษบุ อกเลาสงฆเ พอ่ื ประโยชนแกภ ณั ฑุกรรม. อาปุจฉนวิธี ในภัณฑ-ุกรรมาธิการน้ัน ดงั น้ี . พึงนิมนตภกิ ษทุ ้ังหลายผนู ับเนอื งในสมี าใหป ระชุมกันแลว นาํ บรรพชาเปกขะไปในสมี านน้ั แลว บอก ๓ ครง้ั หรือ ๒ คร้ัง หรอืคร้งั เดยี ว วา ทา นเจา ขา ขาพเจาบอกภณั ฑุกรรมของเด็กนีก้ ะสงฆ. อน่ึงในอธิการวาดวยการปลงผมนี้ จะบอกวา ขา พเจาบอกภณั ฑกุ รรมของเด็กน้ีดงั น้ีกด็ ี วา ขาพเจาบอกสมณกรณข องทารกน้ี ดังน้ีกด็ ี วา ทารกนอ้ี ยากบวช๑. ตามนัยโยชนา ภาค ๒ หนา ๒๐๒ ควรจะแปลวา บทวา กมมารภณฺฑุ ไดแกช ายศีรษะโลนลูกนายชา งทอง มคี าํ อธิบายวา เดก็ รุนบุตรนายชา งทอง มผี มอยู ๕ แหยม. (ตุลาธาโร ก็คอืสวุ ณณฺ กาโร). สว นปาฐะวา กมฺมารภณฺฑุ ในพระบาลีนนั้ แปลเอาความวา บุตรนายชางทองศรี ษะโลน (วนิ ัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ หนา ๑๕๖).
พระวินัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 267ดงั น้กี ็ดี ควรท้งั นนั้ . ถาสถานแหง ภิกษุผเู ปน สภาคกนั มอี ยู คอื โอกาสเปน ท่ีกาํ หนดปรากฏวา ภกิ ษุ ๑๐ รูปหรือ ๒๐ หรอื ๓๐ รปู อยูดวยกัน จะไปสูโอกาสที่ภิกษุเหลา นั้นยนื แลว หรือโอกาสที่นง่ั แลว บอกเลาโดยนยั กอ นน้นั เองก็ได. แมจะวานพวกภกิ ษหุ นุมหรอื เหลา สามเณรแตเวนบรรพชาเปกขะเสียใหบอกโดยนยั เปนตน วา ทานเจา ขา มีบรรพชาเปกขะอยคู นหนงึ่ พวกผมบอกภัณฑุกรรมของเขา ดงั น้ี ก็ควร ถาภิกษบุ างพวกเขาสเู สนาสนะ หรอื พุมไมเ ปนตน หลับอยกู ด็ ี ทําสมณธรรมอยูก็ดี ฝา ยภิกษุสามเณรผูบอกเลา แมเทีย่ วตามหากไ็ มพบ จึงมีความสําคญั วา เราบอกหมดทุกรปู แลว ข้ึนชือ่ วาบรรพชาเปนกรรมเบา เพราะเหตุน้นั บรรพชาเปกขะนั้นบวชแลว เปน อนับวชดว ยดแี ท ไมเปนอาบัติแมเกอ ุปช ฌยผ ูใหบวช. แตถ า วัดท่อี ยูใหญเปนทอ่ี ยูของภกิ ษุหลายพัน ถึงจะนิมนตกภ็ กิ ษุทั้งหมดใหประชมุ กท็ าํ ไดย าก ไมจาํตองกลาวถงึ บอกเลา ตามลําดับ ตอ งอยใู นขณั ฑสีมา หรอื ไปสแู มน ้าํ หรอืทะเลเปนตนแลวจึงใหบวช. ฝา ยผูใดเปนคนโกนผมใหม หรอื สึกออกไปหรือเปนคนใดคนหนึ่ง ในพวกนักบวชมนี ิสครนถเ ปนตน มผี มเพยี ง ๒ องคุลีหรอื หยอ นกวา ๓ องคลุ ี กจิ ท่จี ะตอ งปลงผมของผนู ัน้ ไมม ี เพราะเหตุนัน้แมจ ะไมบ อกภณั ฑกุ รรม ใหบ คุ คลเชนนัน้ บวช ก็ควร. ฝายผูใดมผี มยาวเกิน๒ องคุลี โดยทีส่ ุดแมไ วผ มเพยี งแหยมเดยี ว ผนู ั้น ภกิ ษุตอ งบอกภณั ฑกรรมกอ นจงึ ใหบ วชได อบุ าลวิ ตั ถมุ ีนัยกลาวแลว ในมหาวิภงั คน่นั แล. อรรถกถาภัณฑกุ ัมกถา จบ อรรถกถากากุฑเฑปกวัตถุ บทวา อหวิ าตกโรเคน ไดแ ก มารพยาธ.ิ จรึงอยูโ รคน้ันเกดิ ข้นึในสกลุ ใด สกุลนัน้ พรอมทง้ั สัตว ๒ เทา ๔ เทายอมวอควายหมด. ผใู ดทาํ ลายฝาเรอื นหรือหลังคาหนีไป หรือไปอยูภายนอกบานเปน ตน ผนู ้ันจงึ พน. ฝา ย
พระวินัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 268บดิ ากับบุตรในสกลุ น้ี ก็พน แลวดวยประการอยา งน้ี เพราะเหตนุ ้ัน พระธรรมสังคาหกาจารยจงึ กลา วคาํ วา บิดากบั บุตรยงั เหลอื อยู ดงั น้ี . บทวา กากุฑฑฺ ปก มีความวา เดก็ ใดถอื กอนดินดว ยมอื ซา ยนั่งแลวอาจเพื่อจะไลก าทงั้ หลายซ่งึ พากนั มาใหบินหนีไปแลว บรโิ ภคอาหารซึง่ วางไวข างหนาได เดก็ นี้จัดวาผูไลก าไป จะใหเ ด็กนน้ั บวช ก็ควร. อรรถกถากากฑุ เฑปกวตั ถุ จบ เรอื่ งถอื นิสยั [๑๑๕] กโ็ ดยสมยั น้ันแล พระผูมีพระภาคเจาเสด็จอยูในพระนครราช-คฤหน นั้ แล ตลอดฤดฝู น ฤดูหนาว ฤดรู อน คนทั้งหลายพากนั เพง โทษติเตยี นโพนทะนาวา ทิศทง้ั หลาย คับแคบมืดมนแกพ ระสมณะเชอื้ สายศากยบุตรทิศท้ังหลายไมปรากฏแกพ ระสมณะพวกนี้ ภิกษทุ งั้ หลายไดย นิ คนพวกน้นั เพงโทษ ตเิ ตยี น โพนทะนาอยู จงึ กราบทลู เรือ่ งนนั้ แดพ ระผมู ีพระภาคเจา. ครง้ั นน้ั พระผูมีพระภาคเจา ตรัสเรียกทานพระอานนทมารบั สง่ั วา ดูกอนอานนทเ ธอจงไปไขดาลบอกภิกษทุ ้งั หลายในบริเวณวิหารวา อาวโุ สท้ังหลาย พระผูมพี ระภาคเจาทรงปรารถนาจะเสดจ็ จารกิ ทักขณิ าครี ีชนบท ทานผใู ดมคี วามประสงคท า นผูน ั้นจงมา. ทา นพระอานนทร ับสนองพระพทุ ธบัญชาแลว ไขดาลแจง แกภิกษทุ งั้หลายในบรเิ วณวหิ ารวา อาวโุ สทงั้ หลาย พระผูม พี ระภาคเจาทรงปรารถนาจะเสดจ็ จาริกทกั ขิณาครี ีชนบท ทา นผใู ดมคี วามประสงค ทา นผูน น้ั จงมา. ภกิ ษุทั้งหลายกลา วอยา งนี้วา อาวุโส อานนท พระผมู ีพระภาคเจาทรงบญั ญัตใิ หภิกษถุ ือนิสยั อยตู ลอด ๑๐ พรรษา และใหภ กิ ษุมีพรรษาได ๑๐ใหน ิสัย พวกผมจกั ตอ งไปในทักขณิ าครี นี ั้น จกั ตองถอื นิสยั ดว ย จักพกั อยูเพียงเลก็ นอ ยก็ตอ งกลับมาอีก และจกั ตองกลบั ถอื นิสัยอกี ถา พระอาจารย ของพวกผมไป แมพ วกผมกจ็ กั ไป หากทา นไมไป แมพวกผมก็จักไมไป อาวโุ สอานนท ความท่พี วกผมมีใจเบาจักปรากฏ.
พระวินัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 269 ครั้งนั้น พระผูม ีพระภาคเจา เสด็จจารกิ ทกั ขณิ าครี ีชนบท กบั ภิกษสุ งฆมีจาํ นวนนอย ครั้นพระองคเสดจ็ อยู ณ ทกั ขณิ าครี ีชนบทตามพระพทุ ธาภริ มยแลว เสด็จกลบั มาสพู ระนครราชคฤหอ กี ตามเตมิ และพระองคต รัสเรียกทานพระอานนทมาสอบถามวา ดกู อนอานนท ตถาคตจารกิ ทักขณิ าครี ชี นบท กับภิกษสุ งฆมีจํานวนนอย เพราะเหตไุ ร จึงทานพระอานนทก ราบทลู ความเรอ่ื งนัน้ ใหพ ระผูมพี ระภาคเจา ทรงทราบ. พระพุทธานญุ าตใหถ อื สยั ลําดับนัน้ พระผมู พี ระภาคเจา ทรงทําธรรมีกถา ในเพราะเหตเุ ปน เคามูลนัน้ ในเพราะเหตุแรกเกดิ นั้น แลว ตรัสเรียกภิกษทุ ั้งหลายมารบั สงั่ วา ดูกอนภกิ ษุท้งั หลาย เราอนญุ าตใหภิกษผุ ูฉ ลาด ผูสามารถ ถอื นสิ ัยอยู ๕ พรรษาและใหภ กิ ษผุ ไู มฉลาดถอื นสิ ัยอยูตลอดชวี ติ . องค ๕ แหง ภกิ ษผุ ูตองถอื นสิ ัย [๑๑๖] ดกู อ นภิกษุทั้งหลาย ภกิ ษุผูป ระกอบดว ยองค ๕ จะไมถือนสิ ยัอยู ไมได คือ:- ๑. ไมประกอบดว ยกองศลี อนั เปนของพระอเสขะ. ๒. ไมประกอบดว ยกองสมาธิ อันเปน ของพระอเสขะ. ๓. ไมป ระกอบดวยกองปญญา อนั เปนของพระอะเสขะ. ๔. ไมป ระกอบดว ยกองวิมุตติ อนั เปน ของพระอเสขะ และ ๕. ไมป ระกอบดวยกองวิมุตตญิ าณทัสสนะ อนั เปนของพระอเสขะ. ดกู อ นภกิ ษุทงั้ หลาย ภกิ ษผุ ปู ระกอบดวยองค ๕ นี้แล จะไมถอื นิสยัอยู ไมได.
พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 270 องค ๕ แหง ภกิ ษผุ ูไมต องถอื นิสัย ดกู อนภกิ ษุทง้ั หลาย ภกิ ษผุ ปู ระกอบดว ยองค ๕ ไมต อ งถือนสิ ัยอยู คอื :- ๑. ประกอบดวยกองศีล อนั เปนของพระอเสขะ. ๒. ประกอบดวยกองสมาธิ อันเปน ของพระอเสขะ. ๓. ประกอบดวยกองปญญา อนั เปนของพระอเสขะ. ๔. ประกอบดว ยกองวิมตุ ติ อนั เปน ของพระอเสขะ และ ๕. ประกอบดว ยกองวมิ ุตติญาณทสั สนะ อันเปนของพระอเสขะ. ดูกอนภกิ ษทุ ้งั หลาย ภิกษผุ ปู ระกอบดว ยองค ๕ นแ้ี ล ไมต อ งถือนสิ ยั อย.ู องค ๕ แหง ภกิ ษุตอ งถอื นสิ ัย ดูกอนภิกษทุ ง้ั หลาย ภกิ ษุผปู ระกอบดว ยองค ๕ แมอ ่นื อกี จะไมถ ือนสิ ยั อยู ไมไ ด คอื :- ๑. เปน ผูไมมศี รทั ธา. ๒. เปน ผไู มมหี ิริ. ๓. เปนผไู มม ีโอตตปั ปะ. ๔. เปนผูเกียจครา น และ ๕. เปนผูมีสติฟนเฟอน. ดูกอ นภกิ ษทุ งั้ หลาย ภกิ ษุผปู ระกอบดวยองค ๕ นแ้ี ล จะไมถือนิสัยอยูไมไ ด.
พระวินยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 271 องค ๕ แหงภกิ ษผุ ตู อ งถอื นสิ ยั ดูกอนภกิ ษุทงั้ หลาย ภกิ ษุผูป ระกอบดว ยองค ๕ ไมตองถอื นิสยั อยู คอื :- ๑. เปนผูมีศรัทธา. ๒. เปนผมู หี ริ .ิ ๓. เปนผมู โี อตตัปปะ. ๔. เปน ผูป รารภความเพยี ร และ ๕. เปน ผมู ีสติตัง้ มนั่ . ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย ภกิ ษผุ ูประกอบไมดวยองค ๕ น้ีแล ไมต องถือนสิ ยั อยู. องค ๕ แหงภิกษผุ ูตอ งถือนสิ ยั ดูกอนภิกษุทงั้ หลาย ภิกษผุ ปู ระกอบดว ยองค ๕ แมอ น่ื อกี จะไมถอืนิสยั อยู ไมได คอื :- ๑. เปน ผวู บิ ตั ดิ ว ยศีล ในอธิศลี . ๒. เปนผวู บิ ตั ดิ วยอาจาระ ในอัธยาจาระ. ๓. เปน ผูว ิบัติดว ยทิฏฐิ ในทฏิ ฐยิ ่ิง. ๔. เปนผไู ดยนิ ไดฟงนอ ย และ ๕. เปนผูมีปญ ญาทราม. ดูกอ นภิกษทุ ้งั หลาย ภกิ ษุผูป ระกอบดวยองค ๕ นแี้ ล จะไมถอื นิสัยอยู ไมได.
พระวินยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 272 องค ๕ แหงภิกษุไมต อ งถอื นสิ ยั ดูกอนภกิ ษุท้งั หลาย ภิกษุผปู ระกอบดวยองค ๕ ไมต องถอื นิสยั อยู ๑. เปน ผูไมว ิบัติดวยศลี ในอธิศีล. ๒. เปนผูไมวิบตั ดิ วยอาจาระ ในอัธยาจาระ. ๓. เปนผูไมว บิ ัติดว ยทิฏฐิ ในทฏิ ฐิยง่ิ . ๔. เปน ผูไ ดยนิ ไดฟ ง มาก และ ๕. เปน ผมู ีปญ ญา. ดกู อนภกิ ษทุ ้งั หลาย ภกิ ษผุ ูประกอบดว ยองค ๕ นี้แล ไมต อ งถอื นิสยัอย.ู องค ๕ แหงภิกษุผูต องถือนสิ ัย ดูกอ นภิกษทุ ้ังหลาย ภิกษุผูประกอบดว ยองค ๕ แมอ น่ื อกี จะไมถือนสิ ัยอยู ไมไ ด คือ:- ๑. ไมร ูจักอาบัติ. ๒. ไมร จู ักอนาบตั ิ. ๓. ไมรจู ักอาบตั ิเบา. ๔. ไมร จู ักอาบตั ิหนกั และ ๕. เธอจําปาติโมกขทัง้ สองไมไ ดดี โดยพสิ ดาร จําแนกไมไดดว ยดี ไมค ลอ งแคลว ดี วนิ จิ ฉยั ไมเรียบรอย โดยสุตตะ โดยอนพุ ยญั ชนะ. ดกู อนภกิ ษุทั้งหลาย ภกิ ษุผูป ระกอบดวยองค ๕ นแ้ี ล จะไมถ อื นิสัยอยู ไมได.
พระวนิ ัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 273 องค ๕ แหง ภกิ ษผุ ไู มต อ งถือนสิ ัย ดูกอ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย ภิกษผุ ปู ระกอบดวยองค ๕ ไมตอ งถือนิสัยอยู ๑. รจู กั อาบัต.ิ ๒. รจู กั อนาบตั ิ. ๓. รจู กั อาบัติเบา. ๔. รูจ กั อาบตั ิหนัก และ ๕. เธอจําปาตโิ มกขท ง้ั สองไดด ี โดยพิสดาร จําแนกดี คลอ งแคลวดี วนิ จิ ฉัยเรยี บรอย โดยสุตตะ โดยอนุพยญั ชนะ. ดกู อนภิกษทุ ้งั หลาย ภิกษผุ ปู ระกอบดว ยองค ๕ นี้แล ไมตองถอื นสิ ยัอยู. ห องค ๕ แหง ภิกษุตอ งถือนิสัย ดูกอ นภกิ ษทุ งั้ หลาย ภกิ ษุผูประกอบดว ยองค ๕ แมอ ื่นอกี จะไมถอืนิสยั อยู ไมไ ด คอื :- ๑. ไมรูจ ักอาบัต.ิ ๒. ไมรจู ักอนาบตั ิ. ๓. ไมร จู ักอาบตั ิเบา. ๔. ไมร ูจ ักอาบัติหนัก และ ๕. มีพรรษาหยอน ๕. ดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย ภิกษุประกอบดว ยองค ๕ น้ีแล จะไมถ อื นสิ ยั อยูไมไ ด.
พระวินยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 274 องค ๕ แหง ภกิ ษุผไู มต อ งถือนิสยั ดูกอนภกิ ษทุ งั้ หลาย ภกิ ษุผปู ระกอบดวยองค ๕ ไมตองถือนิสัยอยู ๑. รจู ักอาบตั .ิ ๒. รจู กั อนาบัต.ิ ๓. รูจ ักอาบัติเบา. ๙. รูจ ักอาบตั ิหนกั และ ๕. มีพรรษาได ๕ หรอื มพี รรษาเกิน ๕. ดกู อนภกิ ษุท้ังหลาย ภกิ ษุผปู ระกอบดว ยองค ๕ น้แี ล ไมต องถอื นสิ ยัอย.ู องค ๖ แหง ภกิ ษุผตู อ งถอื นสิ ยั [๑๑๗] ดกู อ นภิกษทุ งั้ หลาย ภิกษผุ ปู ระกอบดวยองค ๖ จะไมถ ือนิสยั อยู ไมได คอื :- ๑. ไมประกอบดวยกองศีล อนั เปน ของพระอเสขะ. ๒. ไมป ระกอบดวยกองสมาธิ อนั เปนของพระอเสขะ. ๓. ไมป ระกอบดวยกองปญญา อันเปนของพระอเสขะ. ๔. ไมประกอบดว ยกองวมิ ุตติ อนั เปน ของพระอเสขะ. ๕. ไมป ระกอบดวยกองวิมตุ ตญิ าณทสั สนะ อันเปน ของพระอเสขะ และ ๖. มพี รรษาหยอ น ๕. ดกู อ นภิกษุทัง้ หลาย ภกิ ษผุ ปู ระกอบดว ยองค ๖ นแ้ี ล จะไมถอื นิสยัอยู ไมได.
พระวนิ ัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 275 องค ๖ แหงภกิ ษุผไู มตอ งถือนสิ ยั ดูกอนภิกษุท้ังหลาย ภกิ ษุผูประกอบดวยองค ๖ ไมตอ งถอื นสิ ัยอยูคือ:- ๑. ประกอบดว ยกองศีล อันเปน ของพระอเสขะ. ๒. ประกอบดว ยกองสมาธิ อันเปน ของพระอเสขะ. ๓. ประกอบดวยกองปญ ญา อันเปนของพระอเสขะ. ๔. ประกอบดวยกองวิมุตติ อันเปน ของพระอเสขะ. ๕. ประกอบดวยกองวมิ ุตติญาณทัสสนะ อนั เปน ของพระอเสขะ และ ๖. มีพรรษาได ๕ หรอื มีพรรษาเกนิ ๕. ดูกอนภิกษุทั้งหลาย ภกิ ษผุ ปู ระกอบดว ยองค ๖ นี้แล ไมต อ งถือนิสยัอย.ู องค ๖ แหงภกิ ษุผูตองถอื นิสยั ดูกอนภิกษทุ ัง้ หลาย ภิกษผุ ปู ระกอบดวยองค ๖ แมอ น่ื อกี จะไมถือนสิ ัยอยู ไมไ ด คอื :- ๑. เปน ผูไมม ีศรัทธา. ๒. เปน ผไู มมีหิริ. ๓. เปน ผูไมม ีโอตตปั ปะ. ๔. เปนผูเ กียจคราน. ๕. เปน ผมู ีสตฟิ น เฟอ น และ ๖. มีพรรษาหยอน ๕. ดูกอ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย ภิกษผุ ูประกอบดว ยองค ๖ น้แี ล จะไมถือนิสัยอยู ไมได.
พระวนิ ัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 276 องค ๖ แหง ภกิ ษุผูไมต อ งถอื นิสยั ดกู อ นภกิ ษุทั้งหลาย ภิกษุผูประกอบดว ยองค ๖ ไมตองถอื นิสัยอยู ๑. เปนผูมีศรัทธา. ๒. เปน ผมู หี ิริ. ๓. เปน ผูมโี อตตปั ปะ ๔. เปนผปู รารภความเพียร. ๕. เปนผมู ีสตติ ง้ั มนั่ และ ๖. มีพรรษาได ๕ หรอื มีพรรษาเกิน ๕. ดูกอ นภิกษุท้งั หลาย ภิกษุประกอบดว ยองค ๖ นแี้ ล ไมต องถือนิสยัอย.ู องค ๖ แหง ภิกษุผตู องถอื นสิ ัย ดูกอ นภิกษทุ ง้ั หลาย ภิกษปุ ระกอบดวยองค ๖ แมอ นื่ อกี จะไมถอืนสิ ัยอยู ไมได คือ:- ๑. เปน ผวู บิ ตั ดิ วยศลี ในอธิศีล. ๒. เปน ผวู ิบตั ิดวยอาจาระ ในอธั ยาจาระ. ๓. เปนผูวิบัติดวยทิฏฐิ ในทฏิ ฐิย่งิ . ๔. เปน ผูไดยนิ ไดฟ ง นอ ย. ๕. เปน ผูมีปญ ญาทราม และ ๖. มีพรรษาหยอ น ๕. ดกู อนภิกษทุ ้งั หลาย ภิกษผุ ปู ระกอบดวยองค ๖ นแี้ ล จะไมถือนสิ ัยอยู ไมไ ด.
พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 277 องค ๖ แหง ภิกษุผไู มต องถอื นสิ ัย ดกู อนภิกษุท้ังหลาย ภิกษผุ ูประกอบดวยองค ๖ ไมต องถอื นิสยั อยูคอื :- ๑. เปนผไู มว ิบตั ดิ วยศลี ในอธศิ ลี . ๒. เปน ผูไมวิบตั ดิ วยอาจาระ ในอัธยาจาระ. ๓. เปนผูไมว บิ ตั ดิ ว ยทฏิ ฐิ. ในทฏิ ฐยิ ง่ิ . ๔. เปนผูไดย ินไดฟ งมาก. ๕. เปนผูมีปญญา และ ๖. มพี รรษาได ๕ หรอื มีพรรษาเกนิ ๕. ดูกอนภิกษทุ ั้งหลาย ภกิ ษผุ ปู ระกอบดวยองค ๖ น้ีแล ไมตอ งถือนสิ ัยอยู. องค ๖ แหง ภกิ ษุตองถือนสิ ัย ดูกอนภกิ ษทุ ง้ั หลาย ภกิ ษุผปู ระกอบดว ยองค ๖ แมอ ืน่ อกี จะไมถือนสิ ยั อยูไ มไ ด คือ:- ๑. ไมร ูจกั อาบัติ. ๒. ไมรูจักอนาบัติ. ๓. ไมร จู ักอาบตั ิเบา. ๔. ไมร จู กั อาบตั ิหนัก. ๕. เธอจาปาติโมกขท ง้ั สองไมไ ดด ี โดยพสิ ดาร จาํ แนกไมไดดวยดี ไมค ลอ งแคลว ดี วนิ ิจฉัยไมเ รยี บรอ ย โดยสุ คะ โดยอนพุ ยญั ชนะ และ
พระวินยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 278 ๖. มีพรรษาหยอ น ๕. ดกู อนภิกษทุ ั้งหลาย ภกิ ษุผูประกอบดว ยองค ๖ น้แี ล จะไมถือนสิ ยัอยู ไมไ ด. องค ๖ แหง ภกิ ษุผูไมตองถือนิสยั ดกู อ นภิกษทุ งั้ หลาย ภกิ ษุผูประกอบดวยองค ๖ ไมตอ งถือนิสัยอยู ๑. รจู กั อาบทะ ๒. รูจ ักอนาบัติ. ๓. รูจกั อาบัตเิ บา. ๔. รูจักอาบตั ิหนกั . ๕ เธอจาํ ปาตโิ มกขทง้ั สองไดด ีโดยพิสดาร จาํ แนกดี คลองแคลวดี วินิจฉยั เรียบรอ ย โดยสตุ ตะ โดยอนุพยญั ชนะ และ ๖. มีพรรษาได ๕ หรือมีพรรษาเกนิ ๕. ดกู อ นภกิ ษทุ ้ังหลาย ภกิ ษผุ ปู ระกอบดว ยองค ๖ นีแ้ ล ไวตองถอื นสิ ัยอย.ู เร่ืองถือนสิ ัย จบ อภยวู รภาณวาร จบ
พระวนิ ยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 279 อรรมกถาเรื่องใหภ กิ ษุถือนสิ ยั บทวา อิตตฺ โร มคี วามวา การอยูประมาณนอ ย คือ ๒-๓ วันเทา นนั้ จักมี. บทวา โอคเณน ไดแ กม ีพวกลดไป, อธิบายวา ภิกษุสงฆมปี ระมาณ ในขอ วา อพฺยตเฺ ตน ยาวชีว นี้ มวี นิ จิ ฉัยวา ถาภิกษุผไู มฉ ลาดนีจ้ ะไมไดอ าจารยท แ่ี กกวาไซร, เธอจะเปน ผูม ีพรรษา ๖๐ หรอื มีพรรษา ๗๐ดว ยอปุ สมบท เธอพงึ นง่ั กระโหยง ประณมมือกลา ว ๓ คร้งั อยางนวี้ า ผูม อี ายุขอทา นจงเปนอาจารยข องขาพเจา ๆ จกั อาศัยทานอยู ดังนี้ ถอื นิสัยในสํานกัของภกิ ษแุ มอ อ นกวา แตเปนผูฉลาด ภกิ ษนุ ้นั แมเ มื่อจะลาเขา บา น พึงจะน่งักระโหยง ประณมมอื กลาววา ทานอาจารย ผมลาเขาบา น ในการอําลาทกุ อยางก็นัยนี้ กใ็ นหมวด ๕ และหมวด ๖ ในอธกิ ารนี้ สตู รเทาทีภ่ ิกษุผูพนนิสัยแลวพงึ ปรารถนา ขา พเจา กลา วแลวในวรรณนาแหง ภกิ ขุโนวาทกสกิ ขาบท บัณฑติพงึ ทราบวา เปน อัปปสุตบคุ คล เพราะขอ ทสี่ ูตรนัน้ ไมมี และเปน พหสุ ุตบคุ คลเพราะขอ ท่ีสตู รนนั้ มี คาํ ทเี่ หลือมีนยั ดังกลาวแลว นัน่ แล. อรรถกถาเร่อื งใหภกิ ษถุ ือนิสยั จบ
พระวินยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 280 ทายชั ชภาณวาร พระราหลุ กุมารทรงผนวชเปนสามเณร [๑๑๘] ครัง้ น้ัน พระผูมีพระภาคเจา ประทับอยใู นพระนครราชคฤหตามพระพทุ ธาภริ มยแลว เสดจ็ จารกิ ไปทางพระนครกบิลพัสดุ เสด็จเท่ียวจารกิโคยลาํ ดบั ถึงพระนครกบลิ พัสดุแ ลว ทราบวา พระองคประทบั อยู ณ นิโคร-ธาราม เขตพระนครกบลิ พัสดุ สกั กชนบทน้นั ครน้ั เวลาเชา พระผมู ีพระภาคเจาทรงอนั ตรวาสกแลว ทรงถอื บาตรจวี ร เสดจ็ พระพทุ ธดาํ เนินไปสพู ระราชนิเวศนของพระเจา สุทโธทนศากยะ ครั้นแลวประทับนงั่ เหนอื พระพุทธอาสนทเ่ี ขาปลู าดถวาย ครั้งนนั้ พระเทวีราหุลมารดาไดมีพระเสาวนีแกร าหุลกุมารวาดูกอนราหลุ พระสมณะน้นั เปน บิดาของเจา เจาจงไปทลู ขอทรพั ยม รดกตอพระองค จงึ ราหลุ กมุ ารเขาไปเฝาพระผมู พี ระภาคเจา ครัน้ ถงึ แลวไดประทับยนื เบ้อื งพระพักตรพระผมู พี ระภาคเจา พลางกราบทลู วา ขา แตพระสมณะพระฉายาของพระองคเ ปน สขุ ทันใดนั้น พระผมู พี ระภาคเจา เสดจ็ อุฏฐาการจากพระพุทธอาสนแ ลว กลับไป จงึ ราหลุ กุมารไดต ามเสดจ็ พระผูมีพระภาคเจาไปเบอื้ งหลงั ๆ พลางทูลขอวา ขา แตพระสมณะ ขอไดโ ปรดประทานทรัพยมรดกแกหมอ มฉนั ขาแดพ ระสมณะ ขอไดโ ปรดประทานทรัพยมรดกแกหมอ มฉัน . ลําดับนัน้ พระผมู ีพระภาคเจา ตรัส เรยี กทา นพระสารีบตุ รมารบั สั่งวาดกู อ นสารีบุตร ถา เชนนนั้ เธอจงใหราหุลกุมารบวช. ทานพระสารบี ตุ รทูลถามวา ขาพระพทุ ธเจาจะใหร าหุลกุมารทรงผนวชอยา งไร พระพุทธเจา ขา ?
พระวินยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 281 ลําดับน้นั พระผมู พี ระภาคเจา ทรงทาํ ธรรมกี ถา ในเพราะเหตุเปนเคามูลน้ัน ในเพราะเหตแุ รกเกดิ นน้ั แลวรบั สัง่ กะภกิ ษทุ ้งั หลายวา ดูกอนภิกษุทั้งหลาย เราอนญุ าตการบวชกลุ บตุ รเปน สามเณรดว ยไตรสรณคมน. วิธีใหบ รรพชา ดกู อนภกิ ษทุ ั้งหลาย ก็แลภกิ ษุพงึ ใหก ลุ บุตรบวชอยางนี้:- ชน้ั ตน พงึ ใหโ กนผมและหนวด แลว ใหค รองผา ยอ มฝาค ใหห มผาเฉวยี งบา ใหกราบเทาภิกษุทั้งหลาย ใหน ่งั กระโหยง ใหป ระคองอัญชลี แลวส่งั วา จงวาอยา งน้ี แลว สอนใหว าสรณคมนด งั น้ี:- ไตรสรณคมน พทุ ธ สรณ คจฺฉามิ ขา พเจา ถงึ พระพุทธเจา เปน ทพี่ ่งึ ธมมฺ สรณ คจฺฉามิ ขาพเจา ถึงพระธรรม เปนท่ีพงึ่ สงฺฆ สรณ คจจฺ ามิ ขาพเจาถงึ พระสงฆ เปน ทพี่ ่งึ ทตุ ิยมฺป พทุ ฺธ สรณ คจฉฺ ามิ ขา พเจาถึงพระพทุ ธเจา เปน ที่พ่งึ แมครงั้ ท่ี ๒ ทุตยิ มฺป ธมฺม สรณ คจฺฉามิ ขาพเจา ถงึ พระธรรม เปน ท่ีพ่ึง แมคร้ังที่ ๒ ทุตยิ มฺป สงฆฺ สรณ คจฺฉามิ
พระวินัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 282 ขาพเจา ถงึ พระสงฆ เปน ท่ีพ่ึง แมค ร้งั ที่ ๒ ตติยมปฺ พทุ ธฺ สรณ คจฺฉามิ ขาพเจาถึงพระพทุ ธเจา เปนที่พี่ง แมคร้งั ที่ ๓ ตติยมป ธมมฺ สรณ คจฺฉามิ ขาพเจาถงึ พระธรรม เปน ท่พี ึ่ง แมค รงั้ ที่ ๓ ตติยมปฺ สงฺฆ สรณ คจฉฺ ามิ ขา พเจา ถึงพระสงฆ เปนที่พงึ่ แมค รง้ั ท่ี ๓ ดกู อ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย เราอนญุ าตการบวชกลุ บุตรเปนสามเณรดวยไตรสรณคมนน ี้. คราวน้ัน ทา นพระสารีบตุ ร ใหร าหุลกุมารบรรพชาแลว . พระเจา สทุ โธทนศากยะทูลขอพระพร ตอมา พระเจา สุทโธทนศากยะเขา ไปเปาพระผมู พี ระภาคเจา ครั้นถึงแลวถวายบังคมพระผมู ีพระภาคเจา แลวประทับนั่ง ณ ทค่ี วรสวนขา งหนึง่ครน้ั ทา วเธอประทับน่ัง ณ ท่ีควรสว นขางหน่ึงแลว ไดกราบทลู ขอพระพรตอพระผมู ีพระภาคเจาวาหมอ มฉนั ขอประทานพรตอ พระผมู พี ระภาคเจาสักอยางหนึ่ง พระพทุ ธเจา ขา. พระผมู ีพระภาคเจา ถวายพระพรวา ดกู อนพระองคผูโคตมะ ตถาคตทัง้ หลายมีพรลว งเลยเสยี แลว. สุท. หมอ มฉันทูลขอพรท่ีสมควรและไมมโี ทษ พระพุทธเจาขา. ภ. พระองคโ ปรดตรสั บอกพรน้ันเถิด โคตมะ. สทุ . เมื่อพระผูมีพระภาคเจา ทรงผนวชแลว ความทกุ ขล น พนไดบังเกิดแกหมอ มฉัน เมื่อพอ นนั ทะบวชก็เชน เดียวกัน เมื่อพอ ราหลุ บรรพชา
พระวนิ ยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 283ทกุ ขย งิ่ มากลน พระพุทธเจาขา ความรกั บตุ รยอ มตดั ผวิ คร้นั แลว ตัดหนังตัดเน้ือ ตดั เอ็น ตัดกระดูก แลว ดังอยจู รดเย่อื ในกระดูก หมอมฉันขอประทานพระวโรกาสพระคุณเจาทั้งหลายไมพ ึงบวชบุตรท่บี ิดามารดายังมไิ คอนญุ าตพระพทุ ธเจา ขา . ครง้ั นน้ั พระผมู พี ระภาคเจา ทรงชี้แจงใหพ ระเจาสุทโธทนศากยะทรงเห็นแจง ทรงสมาทาน ทรงอาจหาญ ทรงรา เริง ดวยธรรมกี ถา เมอื่ พระเจาสุทโธทนะศากยะ อนั พระผูมีพระภาคเจาทรงชแี้ จงใหเ หน็ แจง สมาทานอาจหาญ ราเรงิ ดวยธรรมกี ถาแลว เสดจ็ ลุกจากพระท่ี ถวายบงั คมพระผูมีพระภาคเจา ทรงทําประทักษณิ แลวเสดจ็ กลับ. ลาํ ดับนั้นพระผูมพี ระภาคเจาทรงทาํ ธรรมีกถา ในเหตเุ พราะเปนเคามลู น้นั ไนเพราะเหตแุ รกเกิดนน้ั แลวรับสง่ั กะภิกษทุ ั้งหลายวา ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย บุตรทมี่ ารดาบิดาไมอนุญาต ภิกษุไมพ งึ ใหบวช รูปใดใหบวชตองอาบัตทิ กุ กฏ. คร้งั นัน้ พระผมู พี ระภาคเจาประทับอยใู นพระนครกบลิ พสั ดตุ ามพระพุทธาภริ มยแลว เสด็จจารกิ ไปทางพระนครสาวตั ถี เสด็จเท่ยี วจารกิ โดยลําดบัถงึ พระนครสาวตั ถีแลว ทราบวา พระองคประทับอยูใ นพระวหิ ารเชตวันอารามของอนาถบิณฑิกคหบดี เขตพระนครสาวัตถนี ั้น. เรื่องทรงอนญุ าตใหภ กิ ษผุ ฉู ลาดมีสามเณรมากรูปได [๑๑๙] กโ็ ดยสมยั นั้นแล ตระกลู อปุ ฏฐากของทานพระสารีบตุ ร สงเดก็ ชายไปในสํานกั ทานพระสารีบตุ ร ดว ยมอบหมายวา ขอพระเถระโปรดบรรพชาเดก็ คนนี้ ทนี ้นั ทานพระสารีบุตรไดมีความดาํ รวิ า พระผูมีพระภาคเจา
พระวนิ ัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 284ทรงบญั ญตั ไิ มใ หภ กิ ษุรปู เดียวรบั สามเณร ๒ รปู ไวอปุ ฏ ฐาก ก็เรามสี ามาเณรราหุลน้อี ยูแลว ทีนีเ้ ราจะปฏบิ ตั อิ ยางไร ดงั นี้ จึงกราบทูลเรอื่ งนนั้ แดพระผมู ี-พระภาคเจา . พระผูทีพระภาคเจา รบั สัง่ กะภิกษทุ ั้งหลายวา ดูกอนภิกษุทง้ั หลาย เราอนญุ าตใหภกิ ษุผฉู ลาด ผูสามารถรปู เดยี ว รบั สามเณรสองรปู ไวอ ุปฏ ฐากไดก็หรือเธออาจจะโอวาทอนุศาสนส ามเณรมีจาํ นวนเทา ใดก็ใหรับไวอ ปุ ฏ ฐาก มีจาํ นวนเทาน้ัน. สกิ ขาบทของสามเณร [๑๒๐] ครง้ั นัน้ สามเณรทั้งหลาย ไดมคี วามดําริวา สกิ ขาบทของพวกเรามีเทาไรหนอแล และพวกเราจะตอ งศกึ ษาในอะไร ภิกษทุ ง้ั หลายกราบทลู เร่อื งน้นั แดพระผูมพี ระภาคเจา. พระผูม พี ระภาคเจา รับสงั่ กะภิกษุทัง้ หลายวา ดูกอ นภกิ ษทุ ้ังหลาย เราอนญุ าตสกิ ขาบท ๑๐ แกสามเณรทั้งหลาย และใหสามเณรทงั้ หลายศกึ ษาในสิกขาบท ๑๐ นนั้ คอื :- ๑. เวนจากการทาํ สตั วทม่ี ชี ีวติ ใหตกลว งไป. ๒. เวน จากถือเอาพสั ดุอนั เจา ของมไิ ดให. ๓. เวน จากกรรมอนั เปนขาศึกแกพ รหมจรรย. ๔. เวน จากการกลา วเทจ็ . ๕. เวนจากการด่มื น้าํ เมา คอื สุราและเมรัย อันเปนที่ตงั้ แหงความประมาท. ๖. เวนจากบริโภคอาหารในเวลาวิกาล.
พระวินยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 285 ๗. เวนจากฟอนราํ ขับรอง ประโคมดนตรี และดกู ารเลน ทีเ่ ปนขา ศกึ . ๘ เวนจากการทดั ทรงตกแตงดวยดอกไมข องหอม และเคร่อื งลูบไลอนั เปนฐานแหง การแตง ตวั . ๙. เวนจากท่ีน่งั และท่นี อนอันสูงและใหญ. ๑๐. เวน จากการรบั ทองและเงนิ . ดูกอนภิกษทุ ัง้ หลาย เราอนุญาตสิกขาบท ๑๐ น้ี แกส ามเณรทั้งหลายและใหสามเณรท้งั หลายศึกษาในสิกขาบท ๑๐ น.ี้ อรรถกถาราหลุ วัตถกุ ถา ในคาํ วา เยน กปลวตถฺ ุ เตน จาริก ปกกฺ ามิ น้ี พงึ ทราบอนปุ พุ พีกถา ดังตอ ไปน้:ี - ไดยนิ วา จาํ เดมิ แตว ันท่พี ระโพธสิ ัตวเสด็จออกอภิเนษกรมณพระเจาสทุ โธทนมหาราชทรงเงีย่ พระโสตคอยสดับขาวอยเู ทย่ี ววา ลกู เราออกไปดวยหมายใจวา จกั เปน พระพุทธเจา เปน พระพุทธเจา แลว หรอื ยงั หนอ ? ทาวเธอทรงสดับการบําเพญ็ เพียร ความตรัสรเู องและ พทุ ธกิจทง้ั หลายมยี งั ธรรมจักรใหเปนไปเปนตน ของพระผมู พี ระภาคเจา ไดท รงสดบั วา ไดยินวา บัดนี้ ลูกเราอาศัยกรุงราชคฤหอยู จึงดาํ รสั สั่งอํามาตยค นหน่ึงวา เราแกเฒาแลว นะพอดลี ะ เจา จงแสดงบุตรแกเราท้ังทย่ี ังเปนอยู เขารับสาธแุ ลว มบี ุรุษพนั คนเปนบรวิ าร ไปสูก รุงราชคฤห ถวายบังคมพระบาทพระผูมีพระภาคเจาแลว นงั่ .ลาํ ดับนั้น พระผมู พี ระภาคเจาตรัสธรรมกถาแกเ ขา เขาเลือ่ มใสทูลขอบรรพชา
พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 286และอปุ สมบทท่ีนัน้ พระผูมีพระภาคเจาใหเ ขาอปุ สมบทดวยเอหิภกิ ขุอปุ สมั ปทาภิกษนุ ้นั กบั ทัง้ บรษิ ัทบรรลพุ ระอรหตั แลว ไดอยูเสวยสุขเกดิ แกผลาสมาบัติในท่ีนน้ั เอง. พระราชาทรงสงทตู แมอ น่ื ไปอีก ๘ คนโดยอุบายน้ันแล. แมท ูตเหลานน้ั ทง้ั หมดกบั ทัง้ บรษิ ทั ไดเสดจ็ ออกจากกรุงราชคฤหห ลีกจารกิ ไปอยางไมรบี เรง ดว ยทรงทําในพระหฤทัยวา เราเมื่อเดนิ ทางวันละโยชน ๒ เดือนจกั ถึงกรงุ กบิลพสั ดุ ซง่ึ มีระยะทาง ๖๐ โยชนจากกรุงราชคฤห. เพราะเหตุนนั้ พระธรรมสังคาหกาจารยจ ึงกลาววา เยน กปลวตถฺ ุเตน จาริก ปกฺกามิ ดังนี.้ ก็แลคร้ันเมือ่ พระผมู พี ระภาคเจาเสดจ็ หลีกไปแลวอยางน้ัน พระอทุ ายเี ถระกระทาํ ภตั กจิ ในพระนิเวศนของพระเจา สทุ โธทน-มหาราช จําเดมิ แตวันพระผูม ีพระภาคเจา เสดจ็ ออก. พระราชาทรงอังคาสพระเถระแลวทรงเจิมบาตรดว ยกระแจะบรรจุพระกระยาหารอยา งสงู สดุ จนเต็ม มอบถวายในมอื พระเถระวา ทา นจักถวายแดพ ระผูมีพระภาคเจา แมพระเถระยอมทาํ ตามรบั สั่งท้ังนน้ั . พระผมู ีพระภาคเจาเสวยบณิ ฑบาตของพระราชาเทาน้ันในระหวา งมรรคา ดว ยประการฉะนี.้ ฝา ยพระเถระในเวลาเสรจ็ ภตั กจิ ทกุ วนั ไดทูลพระราชาวา วนั น้พี ระผูมีพระภาคเจา เสด็จมาเทา น้ี และไดป ลกู ความเช่ือในพระผูมพี ระภาคเจา ใหเ กิดข้ึนแกเ จาศากยะท้งั หลาย ดวยกถาปฏสิ ังยตุ ดวยพุทธคณุ . เพราะเหตุนนั้ แล พระผูมพี ระภาคเจาทรงต้งั ทา นไวในเอตทคั คสถานวา ภิกษทุ ั้งหลาย บรรดาภกิ ษุทงั้ หลายผูย ังสกลุ ใหเ ลอื่ มใส ซึ่งเปน สาวกของเรา กาฬทุ ายีเปนเยยี่ ม ดงั นี้๑ ฝา ยเจาศากยะเลา เมอ่ื พระผูมพี ระภาคเจา ยังไมเสดจ็ ถงึ จงึ มงุ พระ-หฤทยั วา เราท้ังหลายจักเฝาพระญาติอันประเสรฐิ ของพวกเรา จงึ ประชุมกัน๑. อง.ฺ เอก. ๒๐/๑๔๙.
พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 287เมือ่ เลือกหาท่เี สดจ็ อยูสําหรบั พระผูมีพระภาคเจา ทรงกําหนดวา อารามของสกั กะชอื่ น้โี ครธ นาร่นื รมย จงึ ใหท ําปฏิชคั คนวธิ ที งั้ ปวงในอารามนน้ั มีของหอมและดอกไมในมอื เมื่อจะทาํ การตอ นรับ ไดสง เด็กชายและเดก็ หญิงชาวพระนครรุน หนมุ รนุ สาว ประดบั ดว ยอลงั การทุกอยา งไปกอ น ถัดจากนัน้ สงราชกมุ ารและราชกมุ ารที ้ังหลายไป แลว ไปเองในลําดบั แหงเหลา ราชกุมารและราชกมุ ารเี หลานั้น บชู าดว ยสกั การะมีดอกไมและจุณเปนตน ไดเชญิ เสดจ็พระผมู พี ระภาคเจาไปสนู ิโครธารามทเี ดยี ว. พระผมู พี ระภาคเจามีพระขณี าสพ ๒ หม่นื แวดลอ ม ประทับบนบวรพุทธอาสนท เี่ ขาทั้งเตรียมไวในนิโครธารามนนั้ . พวกศากยราชเปน คนเจามานะถอื ตัวจัดนัก. พวกศากยราชเหลา นั้น ทรงดําริวาสทิ ธัตถกมุ าร ยงั หนมุ เด็กกวา พวกเรา เปน พระกนฏิ ฐะ เปนพระภาคไิ นย เปน พระโอรส เปนพระนัดดาแหง พวกเรา จงึ รบั ส่ังกะราชกุมารหนมุ ๆ วา พวกเธอจงบงั คบั พวกฉนั จักนั่งขางหลังพวกเธอ. คร้ันเมอื่ ศากยราชเหลา นั้น ประทับนัง่ อยางน้นั แลวพระผูมีพระภาคเจาทรงเล็งดอู ธั ยาศัยของพวกเธอ แลว ทรงคํานึงวา พวกพระญาตไิ มยอมไหวเ รา เอาเถดิ บัดน้ี เราจกั ใหพระญาติเหลา น้นั ไหว ดังนี้แลวทรงเขา จตตุ ถฌานเปนบาทแหงอภิญญา ออกแลวเหาะขนึ้ สอู ากาศดวยพระฤทธิ์ไดท รงทาํ ปาฏหิ าริยค ลา ยยมกปาฏหิ าริยท ่คี วงแหง คัณฑามพฤกษ ราวกะวา ทรงโปรยธุลที ่พี ระบาทลงบนเศยี รแหง พระญาตเิ หลานน้ั . พระราชาทรงเหน็ อศั จรรยน ้ัน จึงตรสั วา ขาแตพ ระผมู ีพระภาคเจาเมือพระองคซึง่ พระพเี่ ลี้ยงนําเขา ไปเพื่อไหวพราหมณในวันมงคล หมอ มฉนัแมไดเหน็ พระบาทของพระองค ไพลไปประดิษฐานบนกระหมอมของพราหมณจงึ บงั คมพระองค นีเ้ ปนปฐมวันทนาของหมอ มฉนั . ในวนั วปั มงคล เมอื่
พระวินยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 288พระองคบรรทมบนพระท่ีอันมีสริ ิที่เงาไมหวา หมอมฉนั เหน็ เงาไมห วามไิ ดคลอยตามไป จึงบงั คมพระบาท นเ้ี ปนทุตยิ วนั ทนาของหมอมฉัน บัดนี้ หมอมฉัน แมไดเ ห็นปาฏิหารยิ ซ งึ่ ยงั ไมเคยเหน็ น้ี ขอถวายบังคมพระบาทของพระองคนเ้ี ปน ตตยิ วันทนาของหมอ มฉนั . ก็แลเมอื่ พระผูมพี ระภาคเจาอันพระเจาสทุ โธทนมหาราช ถวายบังคมแลว แมศ ากยะองคห นงึ่ ซง่ึ ชือ่ ไมถ วายบังคม มิไดม ี, ไดถ วายบงั คมหมดท้ังนน้ั . พระผมู พี ระภาคเจา ทรงยงั พระญาตทิ ัง้ หลายใหถวายบังคมแลว เสดจ็ลงจากอากาศ ประทับบนพระอาสนท เ่ี ขาแตง ต้ังไว. ครั้นพระผมู ีพระภาคเจาประทบั นัง่ แลว พระญาติสมาคม ไดเปนผถู ึงที่สุด คือหมดมานะ พระญาติทง้ั ปวงมีพระหฤทยั แนวแน น่งั ประชมุ กันแลว . ลําดับน้ัน มหาเมฆหล่ังฝนโบกขรพรรษใหต กลงมา. นา้ํ มีสีแดงหลง่ั ๑ไหลไปภายใต น้ําแมหยาดหนงึ่ จะตกลงบนสรีระของใคร ๆ ก็หาไม. พระญาตทิ ้งั ปวงทรงเหน็ เหตนุ ้ันแลว ไดเ ปน ผเู กิดความอัศจรรยหลากใจ. พระผูม ีพระภาคเจาตรสั วา ฝนโบกขรพรรษตกในญาติสมาคมของเราในกาลนี้เทา น้ันหามไิ ด ถึงในอดีตกาล กไ็ ดตกแลวดังนี้ แลวตรสั เวสสันตร-ชาดก๒ เพราะเกดิ เหตุน้ีข้ึน. พระญาติทัง้ ปวง สดบั พระธรรมเทศนาแลว เสด็จลกุ ข้นึ ถวายบงั คมทําประทักษิณแลวหลกี ไป. แมบ คุ คลผูห นึง่ คอื พระราชาหรอื ราชมหาอาํ มาตยทีจ่ ะทลู วา พรงุ น้ี ขอพระองคทรงรบั ภกิ ษาของขาพเจา แลว จงึ ไป มไิ ดม ี.๑. วริ วนตฺ คจฺฉต.ิ๑. ข.ุ ชา. ๒๘/๑๐๔๕
พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 289 ในวนั ท่ี ๒ พระผูมพี ระภาคเจา มภี กิ ษุ ๒ หมืน่ เปน บรวิ าร เสด็จเขา ไปบิณฑบาตยังกรุงกบลิ พสั ดุ. ใคร ๆ จะลกุ รับแลว นมิ นต หรือไดรบั บาตรหามิได. พระผูมีพระภาคเจา ประทบั ยืนอยทู ่เี สาอนิ ทขลี ๒ ทรงนกึ วา พระพุทธเจาท้งั หลายในกาลกอน เสด็จเท่ยี วบิณฑบาตในนครแหงสกลุ อยา งไรหนอ ?ไดเสดจ็ ไปสเู รอื นของเหลาอสิ รชนโดยผิดลําดับหรือ หรอื วา เสดจ็ เทย่ี วจาริกไปตามลาํ ดบั ตรอก. ลําดบั น้ัน ไมไดท รงเหน็ การไปผดิ ลําดบั แมแ หง พระพทุ ธเจาองคหน่ึงจึงทรงราํ พึงวา บัดนี้ วงศน ้แี ละประเพณนี ้ี แมเราก็ควรยกยอง และตอไปถึงสาวกทงั้ หลายของเรา เม่ือสําเหนียกตามเราจกั ยงั บณิ ฑจาริยวัตรใหเตม็ ไดแลว เสด็จเที่ยวบิณฑบาตตามลาํ ดับตรอกจําเติมแตเรอื นท่ีเสด็จเขา ไปคร้งัสุดทาย. มหาชนไดฟ ง ขาววา ไดย นิ วา พระเจา สิทธตั ถกุมาร เสดจ็ เทีย่ วบิณฑบาต จงึ เปด หนาตา งในปราสาทสีช่ นั้ เปนตน ไดเ ปนผกู ุลีกุจอเพอ่ื จะเห็น. ฝา ยพระเทวี ผูม ารดาพระราหลุ ทรงจนิ ตนาวา ไดยนิ วา พระลูกเจาเสด็จเทยี่ วไปดว ยพระยานมสี ุวรรณสีวิกาเปนตน ดวยพระราชานภุ าพใหญ ในพระนครนนน้ี แ่ี ล บัดนี้ ทรงปลงพระเกสา และพระมัสสุเสีย ทรงผากาสาวพัสตรมีกระเบอ้ื งในพระหัตถ เสด็จเท่ยี วบิณฑบาต. พระองคจ ะทรงงดงามไหมหนอหรอื วา ไมท รงงดงาม. จึงทรงเปด พระสีหบญั ชรทอดพระเนตร ทรงเหน็ พระผูมีพระภาคเจา ซงึ่ งามสงาดวยพระพุทธสริ ิ ทรงยงั นครวิถที ้ังหลายใหโ อภาสดว ยพระสรีระรัศมอี ันรุง เรอ่ื งดว ยรัศมนี านา จงึ ทรงชมพระโฉม จาํ เดิมแตพระอณุ หสิ จนถึงฝา พระบาทดว ย ๘ คาถา อนั มีนามวา นรสีหคาถา แลว๒. หลักทปี่ กไวก ลางประตู สําหรับกันบานประทัง้ สองขา งในเวลาปด .
พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 290เสดจ็ ไปเฝา พระราชา กราบบังคมทูลแดพ ระราชาวา พระลูกเจา ของฝาพระบาทเสดจ็ เที่ยวบิณฑบาต. พระราชาทรงสดบั ขาวนัน้ ทรงสลดพระหฤทยั พลางทรงจดั พระภษู าใหรดั กมุ ดว ยพระหัตถ รีบดวนเสด็จออกไปโดยเร็ว ประทับเบ้อื งพระพักตรพระผูม ีพระภาคเจา ทูลวา พระเจาขา ทําไมจึงทรงยงั หมอ มฉนัใหไ ดอายเลา พระองคเสดจ็ เท่ยี วบิณฑบาตเพอ่ื ประโยชนอะไร ? พระองคไ ดเปนผูมคี วามสําคญั อยา งน้ีวา ภกิ ษุมีประมาณเทาน้ี ไมอ าจไดภตั หรอื ? พระผมู พี ระภาคเจาตรัสวา มหาบพติ ร การเท่ยี วบิณฑบาตนีเ้ ปนจารีตสําหรับวงศข องอาตมภาพ. พระราชาทลู ถามวา พระเจา ขา ขน้ึ ช่อื วามหาสมมตขิ ัตตยิ วงศ เปนวงศของพวกเรามิใชหรอื ? ก็แลในขตั ติยวงศนั้น แมกษัตริยองคห นึ่ง ช่ือผูเทยี่ วภกิ ษายอมไมมี. พระผมู พี ระภาคเจาตรสั สนองวา มหาบพติ ร ชือ่ วา ราชวงศ เปน วงศของมหาบพติ ร แตข นึ้ ชือ่ วา พุทธวงศ เปน วงศข องอาตมภาพ พระพทุ ธเจาทกุ ๆ พระองคเ ทียว ไดเปนผเู สด็จเท่ยี วบิณฑบาตดังนี้ คงประทบั ยืนในทอ งถนนเทยี ว ไดตรสั พระคาถานว้ี า :- บคุ คลไมพ ึงประมาทในบิณฑบาต อนั คนพึงลกุ ยืนรบั พงึ ประพฤติธรรมใหเปน สุจริต ดวยวา ผูมปี กติประพฤติธรรม ยอ ม อยูเปน สุข ต้ังในโลกนีแ้ ละโลกอืน่ .๑พระราชาไดท รงทําใหแ จงซ่ึงโสดาปต ตผิ ล ในกาลทีจ่ บแหง พระคาถาและไดทรงสดบั พระคาถานีว้ า :-๑. ข.ุ ธ. ๒๕/๒๓.
พระวินยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 291 บุคคลพึงประพฤติธรรมใหเปนสุจริต ไมพ งึ ประพฤตธิ รรมนนั้ ใหเ ปนทจุ ริต ดวยวา ผูประพฤตธิ รรม ยอ มอยเู ปนสขุ ทั้งในโลก นแ้ี ละโลกอืน่ .๑ดงั นแี้ ลว ทรงประดิษฐานในสกทาคามผิ ล ไดท รงสดับธรรมปาลชาดก๒ แลวทรงประดิษฐานในอนาคามผิ ล ในมรณสมัย เสดจ็ บรรทมบนพระทีอ่ นั มีสิริภายใตแ หง เศวตฉัตรน่นั แล จงึ ทรงบรรลพุ ระอรหัต. กจิ ทจี่ ะตองหมน่ั ประกอบความเพียรในอรญั วาสมิไดม ีแกพระราชา. ก็แลทา วเธอทรงทําใหแ จงซงึ่ โสดาปตตผิ ลน่นั แล จึงทรงรับบาตรของพระผูม ีพระภาคเจาแลว เชิญเสดจ็ พระผูมีพระภาคเจา กบั ท้ังบรษิ ัทข้นึ สพู ระมหาปราสาท ทรงองั คาสดวยขาทนียโภชนียะอันประณีต. ในเวลาเสร็จภัตกิจ นางสนมกํานัลท้งั ปวง เวน พระมารดาพระราหลุไดม าถวายบังคมพระผมู ีพระภาคเจา สว นพระนางนัน้ แมอ นั ชนบรวิ ารทูลวาขอพระแมเจา จงเสด็จไปถวายบังคมพระลูกเจา ไดร ับสั่งวา ถาความดีของเรามอี ยู พระลกู เจา จักเสดจ็ มาเองทีเดียว เราจักถวายบังคมพระองคผเู สดจ็ มาแลวดังนี้ มไิ ดเ สดจ็ ไป. พระผมู พี ระภาคเจา ทรงยงั พระราชาใหถ อื บาตรแลว พรอมดวยพระอคั คสาวกทัง้ ๒ เสดจ็ ไปสหู อ งอันมีสิริของพระราชธิดา ตรสั วา พระราชธดิ าจงไหวตามชอบ อยาพึงวากลา วอยางไรเลย แลว ประทบั บนพระท่นี ่งั อันเขาแตง ต้งั ไว. พระนางเสด็จมาโดยเรว็ ทรงจบั ท่ีขอพระบาทกล้งิ เกลอื กพระเศียรบนหลงั พระบาทถวายบังคมตามพระอธั ยาศัย.๑. ข.ุ ธ. ๒๕/๒๓. ๒. ขุ. ชา. ทสก. ๒๗/๑๔๑๐.
พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 292 พระราชาทลู ถงึ คณุ สมบตั ิ มีพระสเิ นหาและความนับถอื มากในพระผมู ีพระภาคเจา ของพระราชธิดา. พระผูมีพระภาคเจา ตรัสวา มหาบพติ ร ยงั ไมอ ศั จรรย ขอทีพ่ ระราชธิดาซึง่ พระบรมบพิตรทรงปกครองอยู จงึ รักษาพระองคไวไ ดใ นเมอ่ื พระญาณแกก ลา แลวในบดั น้ี แตก อ น เธอหาผูปกครองมิได เทย่ี วไปแทบเชงิบรรพต รักษาพระองคไวไ ดใ นเมอ่ื พระญาณยงั ไมแ กก ลา ดังน้แี ลว ตรสัจันทกินรีชาดก๑. วันน้ันเอง พระนันทราชกมุ าร มีมหามงคล ๕ อยา ง คือ แกพ ระเกศา๒ ผกู พระสุพรรณบัฏ๓ ฆรมงคล๔ อาวาหมงคล ฉัทรมงคล. พระผมู พี ระภาคเจา ทรงยงั พระนนั ทกมุ ารใหถือบาตรแลว ตรัส มงคลเสด็จลุกจากพระทน่ี ง่ั หลีกไป. คร้ังนัน้ นางชนบทกัลยาณี เห็นพระกมุ ารกาํ ลงั เสดจ็ ไป จึงทลู วาขา แตพระลูกเจา พระองคร ีบเรงเสด็จกลบั มา แลว ชะเงอคอแลดู. แมพระ-นนั ทกุมารนัน้ เมอ่ื ไมอาจทลู พระผูมพี ระภาคเจาวา ขอพระองคท รงรับบาตรเถิด จงึ ตองเสด็จไปถงึ วัดทอี่ ยทู ีเดียว. พระผูมีพระภาคเจา ทรงยงั พระนนั ทกมุ ารนน้ั ผูไ มท รงปรารถนาเลยใหผ นวช. พระผมู พี ระภาคเจาเสด็จมาสูกบลิ บุรี ยังพระนันทกมุ ารใหผ นวชในวนั ท่ี ๒ ดวยประการฉะน้.ี๑. ขุ. ชา. ๒๗/๑๘๘๓. ในทอ่ี ่นื เรียกวา จนั ทกนิ นรชาดก.๒. เกสวิสชฺชนนฺติ กุลมรยิ าทวเสน เกโสโรปนนตฺ ิ สารตถฺ ทีปน.ี ราชโมลพิ นฺธนตถฺ กุมารกาเลพนฺธติ สิขาเวณโิ มจน ต กริ กโรนตฺ า มงคฺ ล กโรนตฺ ีติ วิมตวิ ิโนทน.ี ๓.ปฏฏพนโฺ ธติยุวราชปฏฏพนโฺ ธติ สารตฺถ. อสกุ ราชาติ นลาเฎ สุวณณฺ ปฏฎพนธฺ นนฺต.ิ วิมติ ๔. อภินวฆรปเวสนมโห ฆรมงคฺ ลนตฺ ิ สารตฺถ. อภนิ วปาสาทปปฺ เวสมงฺคล ฆรมงคฺ ลนฺติ วมิ ติ.
พระวนิ ัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 293 ในวันท่ี ๗ พระราหุลมารดา ทรงแตงพระกมุ ารสง ไปสสู ํานัก พระผูมีพระภาคเจา ดวยทรงสั่งวา นแ่ี นะพอ เจาจงเหน็ สมณะนัน่ ผูม พี รรณด่งั ทองคํามพี ระรปู พรรณค่ังพรหม มีสมณะสองหม่นื แวดลอม พระสมณะน้ี เปน พระ-บดิ าของเจา พระสมณะนั้นไดม ีขุมทรัพยใหญ จําเดมิ แตเวลาท่ีทา นเสดจ็ ออกไปแมม ไิ ดเ ห็น ไปเถิดเจาจงทลู ขอเปนทายาทกับทานวา ขาแดพ ระบิดาเจาหมอมฉันเปนกุมาร จักยกฉัตรแลว เปน พระเจาจักรพรรดิ. หมอ มฉนั ตองการทรพั ย โปรดประทานทรพั ยแ กหมอมฉันเถดิ เพราะวาบตุ รยอ มเปน เจาของทรัพยข องบิดา. พระกุมารพอเสด็จไปสูสํานกั พระผูมีพระภาคเจา ก็กลบั ไดความรกัพระบดิ า มีพระหฤทัยร่ืนเรงิ ยินดที ลู วา พระสมณเจา พระฉายาของพระองคนาํ สขุ มา แลวไดยืนรบั สัง่ ถอ ยคาํ ซึง่ สมควรแกตนเปนอันมาก แมอืน่ . พระผมู ีพระภาคเจาทรงเสรจ็ ภัตกิจแลว กระทาํ อนุโมทนา เสด็จลกุจากพระที่น่ังหลกี ไป. ฝายพระกุมารไดท รงติดตามทูลพระผูมีพระภาคเจาวา พระสมณเจาขอพระองคประทานทรัพยมฤดกแกห มอมฉนั เถิด, พระสมณเจา ขอพระองคประทานทรพั ยม ฤดกแกหมอ มฉันเถิด. เพราะเหตุน้นั พระธรรมสังคาหกาจารยจ ึงกลาวคาํ วา อนุปุพฺเพนจารกิ จฺ รมาโน เยน กปล วตถฺ ุ ฯ เป ฯ ทายชชฺ เม สมณ เทหิดังน.้ี ขอวา อถโข ภควา อายสฺมนต สารปี ตุ ฺต อามนเฺ ตสิ มคี วามวา พระผมู พี ระภาคเจาไมทรงยงั พระกุมารใหก ลับแลว ทั้งบริวารชนก็ไมสามารถเพ่อื จะยงั พระกมุ ารผูเสด็จไปกบั พระผูมีพระภาคเจาใหเสดจ็ กลับได.
พระวนิ ยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 294 ครงั้ นัน้ พระผมู ีพระภาคเจาเสดจ็ ไปพระอาราม แลว ทรงดาํ ริวาราหุลนีป้ รารถนาทรัพยข องบดิ าอนั ใด ทรัพยอนั นนั้ เนอื่ งดวยวฏั ฎะเปน ไปกับดว ยความคบั แคน เอาเถดิ เราจะใหอ รยิ ทรัพย ๗ ประการซึ่งเราไดแ ลวที่โพธมิ ณั ฑแ กเธอ จักทาํ เธอใหเ ปนเจาของมฤดก อนั เปนโลกตุ ตระ ดังน้ีแลวรบั สงั่ หาทา นพระสารบี ุตรมา. กแ็ ลครนั้ รบั สัง่ หาแลว ตรสั วา สารบี ุตร ถา กระน้ัน ทา นจงยังราหุลกมุ ารใหบ วชเถิด. อธบิ ายวา ราหุลกมุ ารน้ขี อทรพั ยม ฤดก เพราะเหตุน้ันทานจงยงั ราหลุ กุมารนนั้ ใหบวช เพอ่ื ไดเฉพาะซึง่ ทรัพยม ฤดกอนั เปน โลกุต-ตระ. บรรพชาและอปุ สมบทดว ยไตรสรณคมนนั้นใด อันพระผมู ีพระภาคเจาทรงอนญุ าตที่กรุงพาราณสี บรรดาบรรพชาและอุปสมบทดว ยไตรสรณคมนน ้ันทรงหามอปุ สมบท ทรงยกไวในความเปน ของหนกั คอื เปนกจิ สลักสาํ คัญ แลวจึงทรงอนุญาตอปุ สมบทดวยญตั ตจิ ตุตถกรรม. สว นบรรพชามไิ ดทรงหา มเลยแตก ม็ ไิ ดทรงอนุญาตอกี เพราะเหตนุ ัน้ ความสงสัยจักเกิดขึน้ แกภิกษทุ ้ังหลายในอนาคตวา ชอื่ วา บรรพชาน้ี เชน กบั ดวยอุปสมบทในกาลกอ น. แมในบดั น้ีบรรพชาอนั เราทัง้ หลายพงึ กระทาํ ดว ยกรรมวาจานั่นเอง เหมอื นอปุ สมบทหรอืหนอแล หรือวา พึงทาํ ดว ยไตรสรณคมน ดงั นี.้ กแ็ ลพระผูม พี ระภาคเจาทรงทราบความนี้แลวใครจ ะทรงอนุญาตสามเณรบรรพชาดว ยไตรสรณคมนอ กีเพราะเหตุนัน้ พระธรรมเสนาบดที ราบพระอธั ยาศัยของพระผมู ีพระภาคเจา ใครจะยงั พระผูม ีพระภาคเจาใหทรงอนญุ าตบรรพชาอีก จึงทลู วา ขา พระองคจ ะยงั พระราหุลกุมารใหผนวชอยางไร พระเจาขา ? ขอ วา อถโข อายสฺมา สารปุตโฺ ต ราหุลกมุ าร. ปพฺพาเชสิ มีความวา พระมหาโมคคลั ลานเถระปลงพระเกศาของพระกุมารแลว ถวายผากาสายะ พระสารีบตุ รไดถวายสรณะ. พระมหากสั สปเถระไดเ ปน โอวาทาจารย
พระวินยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 295ก็บรรพชาและอุปสมบทมอี ุปช ฌายเ ปนมูล อปุ ช ฌายเทา น้ันเปนใหญ ในบรรพชาและอปุ สมบทนน้ั อาจารยไมเ ปนใหญ เพราะเหตนุ น้ั พระธรรมสงั คาหกาจารยจ ึงกลา ววา ครงั้ น้นั แล พระสารบี ุตรผมู ีอายุ ยังพระราหลุกมุ ารใหผนวชแลว ดังนี.้ ดวยประการอยางนี้ คาํ ท้งั ปวงอนั ผูศกึ ษาพึงกลาววาครงั้ น้นั แล พระเจา สทุ โธทนผศู ากยราช ทรงเกดิ ความสลดพระหฤทัย เพราะทรงสดบั วา พระกุมารผนวชแลว ในเมือ่ เขากลา ววา ขา พเจาขอพร ดงั นี้โดยไมระบุอยาง คาํ วา จงขอ เปน คําไมส มควรแกบ รรพชิตผูเล้ยี งชีวิตดว ยอุญฉาจริยา๑ ทั้งพระพทุ ธเจา ทงั้ หลายกไ็ มท รงประพฤติ เพราะเหตนุ ้ัน พระผมู ีพระภาคเจา จึงตรสั ไวใ นพระบาลนี ้นั วา มหาบพติ รผโู คตมะ พระตถาคตท้งั หลาย ทรงเลิกพรเสียแลวแล. ขอ วา ยจฺ ภนเฺ ต กปปฺ ติ ยฺจ อนวชฺช มีความวาพรใดสมควรทพี่ ระองคจะประทานไดดวย เปน พรหาโทษมไิ ดดวย คือเปน พรอันวิญูชนทง้ั หลายไมพ ึงครหา เพราะกิรยิ าท่รี ับของหมอมฉัน เปน ปจ จยั ดว ยหมอ มฉันขอพรนั้น. ขอ วา ตถา นนเฺ ท อธิมตตฺ ราทุเล มีความวา ไดย ินวาโหรทั้งหลายไดท ํานายพระโพธิสัตวใ นวันมงคลวา จกั เปนพระเจาจกั รพรรดิ ฉนั ใดเลา ไดทาํ นายท้ังพระนนั ทะทั้งพระราหลุ ในวันมงคลวา จักเปนพระเจาจกั ร-พรรดิ ฉนั นนั้ . คร้งั นนั้ พระราชาทรงเกิดพระอุตสาหะวา เราจกั ชมจกั รพรรดิ-สิรขิ องบตุ ร ไดท รงถึงความหมดหวังอยา งใหญห ลวง เพราะพระผูม พี ระภาค-เจา ทรงผนวชเสีย. จงึ ทรงยงั พระอุตสาหะใหเ กิดวา เราจกั ชมจกั รพรรดติ ิสริ ิของพอ นันทะ. พระผมู ีพระภาคเจา ทรงยงั พระนันทะแมน นั้ ใหผ นวชแลว . ทาวเธอทรงอดกล้นั ทุกขแ มน นั้ เสยี ได ทรงยังพระอตุ สาหะใหเ กิดวา บดั น้เี ราจกัไดชมจักรพรรดิสริ ิของพอราหุล ดว ยประการฉะน้ี พระผูมพี ระภาคเจาทรงยงั๑. ขอทานเลี้ยงชีพ
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 646
Pages: