Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_06

tripitaka_06

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:31

Description: tripitaka_06

Search

Read the Text Version

พระวนิ ยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 201 ๑. เปนผมู ีศรทั ธา. ๒. เปนผมู หี ิริ. ๓. เปนผมู ีโอตตปั ปะ. ๔. เปน ผปู รารภความเพยี ร และ ๕. เปนผมู ีสตติ ้ังมนั่ . ดกู อ นภิกษุท้งั หลาย ภิกษุผูป ระกอบดวยองค ๕ น้แี ล พึงใหอ ุปสมบทพงึ ใหน ิสัย พึงใหส ามเณรอปุ ฏ ฐาก. กัณหปก ษ ๔ ดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย ภิกษผุ ูป ระกอบดวยองค ๕ แมอ ่ืนอกี ไมพ ึงใหอปุ สมบท ไมพงึ ใหนสิ ัย ไมพงึ ใหส ามเณรอุปฏราก คอื :- ๑. เปน ผูวิบตั ดิ ว ยศีล ในอธศิ ลี . ๒. เปนผวู บิ ตั ดิ วยอาจาระ ในอัธยาจาระ. ๓. เปนผูวิบัติดวยทฏิ ฐิ ในทิฏฐิยิ่ง. ๔. เปนผูไดยนิ ไดฟ งนอย และ ๕. เปน ผูมีปญ ญาทราม. ดูกอนภกิ ษทุ ้ังหลาย ภิกษุผปู ระกอบดวยองค ๕ น้ีแล ไมพ งึ ใหอุปสมบทไมพ งึ ใหนิสยั ไมพ ึงใหสามเณรอุปฏ ฐาก. ศุกลปกษ ๔ ดกู อ นภกิ ษุทัง้ หลาย ภิกษผุ ปู ระกอบดว ยองค ๕ พึงใหอปุ สมบท พึงใหน สิ ยั พงึ ใหส ามเณรอุปฏ ฐาก คอื :-

พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 202 ๑. เปนผูไ มว บิ ัตดิ ว ยศลี ในอธศิ ลี . ๒. เปนผูไมว ิบตั ดิ วยอาจาระ ในอธั ยาจาระ. ๓. เปนผไู มวิบตั ดิ ว ยทฏิ ฐิ ในทิฏฐยิ ่งิ . ๔. เปนผไู ดย นิ ไดฟง มาก และ ๕. เปน ผมู ีปญญา. ดูกอนภกิ ษุทง้ั หลาย ภิกษุผปู ระกอบดว ยองค ๕ นแ้ี ล พงึ ใหอุปสมบทพึงใหน สิ ัย พึงใหส ามเณรอุปฏฐาก. กณั หปกษ ๕ ดกู อนภิกษทุ ้ังหลาย ภกิ ษุผปู ระกอบดว ยองค ๕ แมอ ่นื อกี ไมพึงใหอุปสมบท ไมพ ึงใหน สิ ัย ไมพ งึ ใหส านเณรอปุ ฏฐาก คอื :- ๑. ไมส ามารถจะพยาบาลเอง หรอื ใหผอู ืน่ พยาบาลอันเตวาสิก หรือสัทธิวิหาริกผอู าพาธ. ๒. ไมสามารถจะระงบั เอง หรอื หาผอู ืน่ ใหชวยระงบั ความกระสนั . ๓. ไมส ามารถจะบรรเทาเอง หรือหาผอู ่นื ใหชว ยบรรเทา ความเบ่ือหนา ยอนั เกดิ ข้ึนแลวโดยธรรม. ๔. ไมรูจักอาบตั ิ และ ๕. ไมร ูจกั วธิ อี อกจากอาบตั ิ. ดูกอนภิกษุท้งั หลาย ภกิ ษุประกอบดว ยองค ๕ นีแ้ ล ไมพงึ ใหอปุ สมบท ไมพ งึ ใหนิสยั ไมพ งึ ใหสามเณรอุปฏฐาก. ศกุ ลปกษ ๕ ดูกอ นภิกษุท้งั หลาย ภกิ ษผุ ปู ระกอบดว ยองค ๕ พึงใหอ ุปสมบท พึงใหนิสยั พึงใหส ามเณรอุปฏฐาก คอื :-

พระวินยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 203 ๑. อาจจะพยาบาลเองหรือใหผอู ่ืนพยาบาลอันเตวาสกิ หรอื สทั ธวิ ิหารกิผอู าพาธ. ๒. อาจจะระงับเอง หรือหาผูอืน่ ใหชวยระงับความกระสนั . ๓. อาจจะบรรเทาเอง หรอื หาผอู ่ืนใหช วยบรรเทาความเบอื่ หนา ยอนั เกิดข้ึนแลว โดยธรรม. ๔. รูจักอาบตั ิ และ ๕. รูจกั วิธีออกจากอาบตั ิ. ดูกอ นภิกษุทงั้ หลาย ภกิ ษผุ ปู ระกอบดวยองค ๕ น้ีแล พงึ ใหอ ุปสมบทพึงใหนิสัย พงึ ใหสามเณรอปุ ฏ ฐาก. กัณหปก ษ ๖ ดูกอ นภิกษุทง้ั หลาย ภกิ ษุผูประกอบดว ยองค ๕ แมอ่ืนอีก ไมพ งึ ใหอุปสมบท ไมพ งึ ใหน สิ ยั ไมพ งึ ใหสามเณรอปุ ฏ ฐาก คือ:- ๑. ไมอาจจะฝกปรอื อนั เตวาสกิ หรอื สทั ธวิ ิหารกิ ในสกิ ขาอันเปนอภสิ มาจาร. ๒. ไมอาจจะแนะนําในสิกขา อนั เปนสว นเบอื้ งตน แหงพรหมจรรย. ๓. ไมอาจจะแนะนําในธรรมอนั ย่งิ ข้นึ ไป. ๔. ไมอ าจจะแนะนําในวินัยอันยงิ่ ขึน้ ไป และ ๕. ไมอาจจะเปลอื้ งความเหน็ ผดิ อันเกิดข้นึ แลว โดยธรรม. ดูกอนภกิ ษุท้ังหลาย ภกิ ษุผูประกอบดวยองค ๕ นี้แล ไมพึงใหอุปสมบท ไมพึงใหน ิสยั ไมพึงใหสามเณรอุปฏฐาก.

พระวนิ ยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 204 ศกุ ลปกษ ๖ ดกู อ นภกิ ษุท้ังหลาย ภกิ ษุผปู ระกอบดว ยองค ๕ พึงใหอุปสมบท พึงใหน สิ ยั พึงใหสามเณรอปุ ฏฐาก คือ:- ๑. อาจจะฝกปรืออนั เตวาสิกหรอื สทั ธวิ หิ าริก ในสกิ ขาอนั เปน อภสิ มาจาร. ๒. อาจจะแนะนําใหส กิ ขา อันเปนสว นเบอื้ งตน แหงพรหมจรรย. ๓. อาจจะแนะนําในธรรมอนั ยิ่งขึ้นไป. ๔. อาจจะแนะนําในวนิ ัยอนั ย่งิ ข้ึนไป และ ๕. อาจจะเปลอ้ื งความเห็นผดิ อันเกิดขึน้ แลวโดยธรรม. ดกู อ นภิกษุท้ังหลาย ภกิ ษุผูประกอบดวยองค ๕ นแี้ ล พงึ ใหอุปสมบท พึงใหนสิ ยั พึงใหส ามเณรอปุ ฏ ฐาก. กณั หปก ษ ๗ ดูกอนภกิ ษทุ งั้ หลาย ภกิ ษุผูประกอบดว ยองค ๕ แมอนื่ อีก ไมพ งึ ใหอุปสมบท ไมพ งึ ใหน ิสยั ไมพงึ ใหส ามเณรอุปฏ ฐาก คอื :- ๑. ไมรูจ ักอาบตั ิ. ๒. ไมร จู กั อนาบตั .ิ ๓. ไมร ูจ ักอาบตั เิ บา. ๔. ไมรจู กั อาบัตหิ นกั และ ๕. เธอจําปาติโมกขท้งั สองไมไ ดดโี ดยพิสดาร จําแนกไมไดดวยดีไมค ลอ งแคลวดี วนิ จิ ฉยั ไมเ รยี บรอ ย โดยสุตตะ โดยอนพุ ยญั ชนะ. ดูกอ นภกิ ษทุ ้ังหลาย ภกิ ษุผูประกอบดว ยองค ๕ นีแ้ ล ไมพึงใหอุปสมบท ไมพงึ ใหนิสัย ไมพงึ ใหสามเณรอุปฏ ฐาก.

พระวินยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 205 ศุกลปก ษ ๗ ดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย ภกิ ษผุ ปู ระกอบองค ๕ พงึ ใหอปุ สมบท พงึ ใหนิสยั พงึ ใหสามเณรอปุ ฏฐาก คอื :- ๑. รจู กั อาบัต.ิ ๒. รจู ักอนาบัต.ิ ๓. รจู ักอาบัตเิ บา. ๔. รจู ักอาบัตหิ นกั และ. ๕. เธอจําปาติโมกขท ัง้ สองไดด โี ดยพสิ ดาร จาํ แนกดี คลอ งแคลวดีวินจิ ฉัยเรียบรอ ย โดยสุตตะ โดยอนพุ ยัญชนะ. ดกู อนภกิ ษทุ ้ังหลาย ภกิ ษผุ ปู ระกอบดว ยองค ๕ นี้แล พึงใหอ ปุ สมบทพงึ ใหน สิ ัย พงึ ใหส ามเณรอปุ ฏฐาก. กัณหปก ษ ๘ ดูกอ นภกิ ษุทงั้ หลาย ภิกษุผปู ระกอบดวยองค ๕ แมอน่ื อีก ไมพึงไหอุปสมบท ไมพงึ ใหน ิสยั ไมพงึ ใหสามเณรอุปฏ ฐาก คอื :- ๑. ไมร ูจักอาบตั ิ. ๒. ไมรูจ กั อนาบัติ. ๓. ไมร จู ักอาบตั ิเบา. ๔. ไมรจู กั อาบัตหิ นกั และ ๕. มพี รรษาหยอ น. ดกู อนภิกษทุ ั้งหลาย ภิกษุผูประกอบดวยองค ๕ นแ้ี ล ไมพงึ ไหอปุ สมบท ไมพ งึ ใหนิสยั ไมพ ึงใหสามเณรอปุ ฏฐาก.

พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 206 ศุกลปก ษ ๘ ดกู อนภกิ ษุทั้งหลาย ภกิ ษผุ ปู ระกอบดว ยองค ๕ พงึ ใหอ ปุ สมบท พึงใหน ิสัย พึงใหสามเถรอุปฏฐาก คือ:- ๑. รูจ กั อาบัต.ิ ๒. รจู ักอนาบตั .ิ ๓. รูจกั อาบตั ิเบา. ๔. รจู ักอาบตั หิ นกั และ ๕. มพี รรษาได ๑๐ หรอื มพี รรษาเกิน ๑. ดูกอ นภกิ ษทุ ้ังหลาย ภกิ ษผุ ูป ระกอบดวยองค ๕ นแ้ี ล พงึ ใหอ ุปสมบทพึงใหนิสัย พงึ ใหสามเณรอุปฏฐาก. องค ๕ แหงภิกษุผูใหอปุ สมบท ๑๖ หมวด จบ องค ๖ แหงภิกษผุ ใู หอ ปุ สนบท ๑๖ หมวด กัณหปก ษ ๑ [๙๙] ดกู อ นภกิ ษทุ งั้ หลาย ภิกษผุ ูป ระกอบดว ยองค ๖ ไมพงึ ใหอุปสมบท ไมพ ึงใหนสิ ยั ไมพ งึ ใหส ามเณรอปุ ฏ ฐาก คือ:- ๑. ไมป ระกอบดวยกองศลี อันเปนของพระอเสขะ. ๒. ไมป ระกอบดว ยกองสมาธิ อนั เปนของพระอเสขุ ะ. ๓. ไมประกอบดวยกองปญ ญา อันเปนของพระอเสขะ. ๔. ไมประกอบดว ยกองวมิ ตุ ติ อนั เปนของพระอเสขะ.

พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 207 ๕. ไมป ระกอบดวยกองวิมตุ ตญิ าณทสั สนะ อันเปนของพระอเสขะ และ ๖. มีพรรษาหยอ น ๑๐ ดูกอนภกิ ษทุ ้งั หลาย ภกิ ษผุ ปู ระกอบดว ยองค ๖ นีแ้ ล ไมพึงใหอุปสมบท ไมพงึ ใหน ิสัย ไมพ งึ ใหส ามเณรอปุ ฏ ฐาก. ศุกลปก ษ ๑ ดูกอนภกิ ษุท้งั หลาย ภิกษผุ ปู ระกอบดว ยองค ๖ พึงใหอุปสมบท พงึใหน สิ ยั พึงใหสามเณรอุปฏ ฐาก คอื :- ๑. ประกอบดว ยกองศลี อนั เปนของพระอเสขะ. ๒. ประกอบดว ยกองสมาธิ อนั เปน ของพระอเสขะ. ๓. ประกอบดวยกองปญ ญา อนั เปน ของพระอเสขะ. ๔. ประกอบดวยกองวิมตุ ติ อันเปน ของพระอเสขะ. ๕. ประกอบดวยกองวมิ ตุ ตญิ าณทสั สนะ อันเปน ของพระอเสขะและ ๖. มพี รรษาได ๑๐ หรอื มพี รรษาเกิน ๑๐. ดูกอนภกิ ษุทงั้ หลาย ภิกษุผูป ระกอบดว ยองค ๖ น้แี ล พงึ ใหอุปสมบทพงึ ใหน ิสยั พงึ ใหสามเณรอปุ ฏฐาก. กณั หปก ษ ๒ ดูกอนภกิ ษทุ ง้ั หลาย ภกิ ษผุ ปู ระกอบดวยองค ๖ แมอ่ืนอกี ไมพึงใหอุปสมบท ไมพึงใหนสิ ยั ไมพงึ ใหสามเณรอุปฏ ฐาก คอื ๑. ตนเองไมป ระกอบดวยกองศลี อนั เปนของพระอเสขะ และไมชักชวนผอู ่ืนในกองศีล อันเปนของพระอเสขะ.

พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 208 ๒. ตนเองไมป ระกอบดวยกองสมาธิ อนั เปน ของพระอเสขะ และไมชกั ชวนผูอ ืน่ ในกองสมาธิ อนั เปน ของพระอเสขะ. ๓. ตนเองไมป ระกอบดวยกองปญ ญา อันเปน ของพระอเสขะ และไมช ักชวนผอู ่นื ในกองปญ ญา อนั เปนของพระอเสขะ. ๔. ตนเองไมป ระกอบดว ยกองวิมตุ ติ อันเปนของพระอเสขะ และไมชักชวนผูอ่ืนในกองวมิ ตุ ติ อนั เปนของพระอเสขะ. ๕. ตนเองไมประกอบดว ยกองวมิ ตุ ติญาณทสั สนะ อันเปน ของพระ-อเสขะ และไมช กั ชวนผอู ่ืนในกองวิมตุ ตญิ าณทสั สนะ อนั เปน ของพระอเสขะและ ๖. มพี รรษาหยอน ๑๐. ดกู อนภิกษทุ ้ังหลาย ภิกษผุ ูประกอบดว ยองค ๖ น้แี ล ไมพ งึ ใหอุปสมบท ไมพ งึ ใหน ิสยั ไมพึงใหสามเณรอปุ ฏฐาก. ศกุ ลปก ษ ๒ ดกู อ นภกิ ษุทงั้ หลาย ภกิ ษผุ ูประกอบดว ยองค ๖ พงึ ใหอ ุปสมบท พึงใหนิสัย พึงใหสานเณรอปุ ฏฐาก คอื :- ๑. ตนเองประกอบดว ยกองศลี อนั เปนของพระอเสขะ และชักชวนผอู ่นื ในกองศลี อันเปน ของพระอเสชะ. ๒. ตนเองประกอบดวยกองสมาธิ อันเปนของพระอเสขะ และชกั ชวนผูอนื่ ในกองสมาธิ อนั เปน ของพระอเสขะ. ๓. ตนเองประกอบดว ยกองปญ ญา อนั เปนของพระอเสขะ และชักชวนผูอืน่ ในกองปญ ญา อันเปน ของพระอเสขะ. ๔. ตนเองประกอบดว ยกองวิมตุ ติ อนั เปน ของพระอเสขะ และชักชวนผอู ่ืนในกองวิมุตติ อนั เปน ของพระอเสขะ.

พระวนิ ัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 209 ๕. ตนเองประกอบดว ยกองวิมุตติญาณทสั สนะอันเปน ของพระอเสขะและชกั ชวนผอู ่ืนในกองวิมตุ ติญาณทัสสนะ อนั เปนของพระอเสขะ และ ๖. มพี รรษาได ๑๐ หรอื มพี รรษาเกิน ๑๐. ดูกอนภิกษุทัง้ หลาย ภกิ ษุผปู ระกอบดว ยองค ๖ น้แี ล พึงใหอ ปุ สมบทพงึ ใหนสิ ัย พึงใหส ามเณรอุปฏ ฐาก. กณั หปก ษ ๓ ดูกอนภกิ ษทุ ั้งหลาย ภิกษุผูประกอบดวยองค ๖ แมอ ่นื อกี ไมพ งึ ใหอปุ สมบท ไมพึงใหนิสยั ไมพ งึ ใหสามเณรอุปฏฐาก คือ:- ๑. เปนผไู มมศี รทั ธา. ๒. เปน ผูไ มมหี ิริ. ๓. เปน ผไู มมีโอตตปั ปะ ๔. เปนผเู กียจคราน. ๕. เปน ผูมสี ติฟนเฟอน และ ๖. เปน ผมู พี รรษาหยอน ๑๐. ดกู อนภิกษทุ งั้ หลาย ภิกษุผูประกอบดว ยองค ๖ นแี้ ล ไมพ งึ ใหอุปสมบท ไมพ งึ ใหน ิสัย ไมพงึ ใหส ามเณรอุปฏฐาก. ศุกลปกษ ๓ ดูกอ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย ภิกษผุ ปู ระกอบดวยองค ๖ พึงใหอ ุปสมบท พงึใหน สิ ยั พึงใหสามเณรอปุ ฏ ฐาก คอื ๑. เปน ผมู ศี รทั ธา. ๒. เปน ผมู ีหริ ิ.

พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 210 ๓. เปน ผูมีโอตตัปปะ. ๔. เปน ผูป รารภความเพยี ร. ๕. เปน ผมู ีสตติ ้งั ม่ันและ ๖. เปนผพู รรษาได ๑๐ หรือมพี รรษาเกิน ๑๐ . ดูกอ นภกิ ษุท้งั หลาย ภกิ ษุผูประกอบดวยองค ๖ นี้แล พงึ ใหอ ปุ สมบทพึงใหนสิ ยั พึงใหสามเณรอุปฏฐาก. กณั หปก ษ ๔ ดกู อนภุ กิ ษุทงั้ หลาย ภิกษุผูประกอบดว ยองค ๖ แมอน่ื อกี ไมพงึ ใหอุปสมบท พึงใหนสิ ยั ไมพ ึงใหส ามเณรอุปฏฐาก คือ:- ๑. เปนผวู ิบัตดิ วยศลี ในอธศิ ลี . ๒. เปนผวู บิ ตั ดิ ว ยอาจาระ ในอัธยาจาระ. ๓. เปนผูวิบัติดว ยทิฏฐิ ในทฏิ ฐยิ ง่ิ . ๔. เปนผูไดย นิ ไดฟง นอย. ๕. เปน ผูมีปญญาทราม และ ๖. เปนผูมีพรรษาหยอน ๑๐. ดกู อ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย ภิกษผุ ปู ระกอบดว ยองค ๖ น้แี ล ไมพงึ ใหอปุ สมบท ไมพงึ ใหนิสัย ไมพงึ ใหส ามเณรอปุ ฏฐาก. ศกุ ลปกษ ๔ ดูกอนภกิ ษทุ ้งั หลาย ภกิ ษุผูป ระกอบดวยองค ๖ พึงใหอ ุปสมบท พึงใหน สิ ัย พงึ ใหส ามเณรอปุ ฏฐาก คอื :- ๑. เปนผไู มมีวบิ ตั ดิ ว ยศลี ในอธิศลี .

พระวนิ ัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 211 ๒. เปน ผไู มวบิ ตั ดิ วยอาจาระ ในอัธยาจาระ. ๓. เปน ผูไ มวบิ ตั ิดว ยทิฏฐิ ในทิฏฐิยง่ิ . ๔. เปนผไู ดยนิ ไดฟง มาก. ๕. เปนผมู ปี ญ ญา และ ๖. เปน ผมู พี รรษาได ๑๐ หรอื มพี รรษาเกิน ๑๐. ดูกอนภกิ ษุทั้งหลาย ภกิ ษุผปู ระกอบดว ยองค ๖ น้ีแล พึงใหอ ุปสมบทพงึ ใหน สิ ยั พงึ ไหส ามเณรอุปฏ ฐาก. กัณหปกษ ๕ ดูกอนภกิ ษุท้ังหลาย ภิกษผุ ปู ระกอบดว ยองค ๖ แมอืน่ อีก ไมพึงใหอุปสมบท ไมพ งึ ใหนิสยั ไมพึงใหสามเณรอุปฏฐาก. คือ:- ๑. ไมส ามารถจะพยาบาลเอง หรือใหผอู ื่นพยาบาลอันเตวาสิกหรือสทั ธวิ หิ าริกผูอ าพาธ. ๒. ไมส ามารถจะระงับเอง หรือหาผอู ื่นใหชวยระงับความกระสนั . ๓. ไมสามารถจะบรรเทาเอง หรอื หาผอู ่ืนใหชวยบรรเทาความเบอ่ืหนา ยอนั เกดิ ข้นึ แลวโดยธรรม. ๔. ไมรูจ กั อาบัต.ิ ๕. ไมรูจกั วธิ ีออกจากอาบัติ และ ๖. มพี รรษาหยอ น ๑๐. ดูกอ นภกิ ษทุ ้ังหลาย ภกิ ษผุ ปู ระกอบดว ยองค ๖ น้ีแล ไมพ งึ ใหอปุ สมบท ไมพ งึ ใหนิสยั ไมพ ึงใหส ามเณรอปุ ฏ ฐาก.

พระวนิ ัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 212 ศกุ ลปก ษ ๕ ดูกอ นภกิ ษุทง้ั หลาย ภิกษุผปู ระกอบดวยองค ๖ พงึ ใหอปุ สมบท พงึใหนิสยั พึงใหส ามเณรอุปฏฐาก คือ:- ๑. อาจจะพยาบาลเอง หรือใหผูอ ื่นพยาบาลอนั เตวาสิกหรือสทั ธิ-วิหาริก ผูอ าพาธ. ๒. อาจจะระงับเอง หรอื หาผอู น่ื ใหช ว ยระงบั ความกระสนั . ๓. อาจจะบรรเทาเอง หรือหาผูอ่นื ใหช วยบรรเทา ความเบ่ือหนายอนั เกิดข้ึนแลว โดยธรรม. ๔. รจู กั อาบตั .ิ ๕. รจู ักวิธีออกจากอาบัติ และ ๖. มพี รรษาได ๑๐ หรอื มีพรรษาเกนิ ๑๐. ดกู อ นภกิ ษุทั้งหลาย ภิกษผุ ปู ระกอบดวยองค ๖ น้แี ล พงึ ใหอ ุปสมบทพงึ ใหน สิ ยั พงึ ใหส ามเณรอปุ ฏฐาก. กณั หปกษ ๖ ดูกอ นภกิ ษทุ ง้ั หลาย ภกิ ษุผปู ระกอบดว ยองค ๖ แมอน่ื อีก ไมพึงใหอปุ สมบท ไมพ ึงใหนิสัย ไมพงึ ใหสามเณรอปุ ฏฐาก คือ:- ๑. ไมอาจฝกปรืออันเตวาสิกหรือสทั ธิวหิ ารกิ ในสกิ ขาอนั เปน อภิ-สมาจาร. ๒. ไมอ าจจะแนะนาํ ในสกิ ขา อันเปน สวนเบื้องตนแหงพรหมจรรย. ๓. ไมอาจจะแนะนําในธรรมอนั ย่งิ ขึ้นไป. ๔. ไมอ าจจะแนะนาํ ในวินยั อนั ยง่ิ ขึ้นไป.

พระวนิ ัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 213 ๕. ไมอาจจะเปลื้องความเหน็ ผิดอนั เกดิ ขึ้นแลว โดยธรรม และ ๖. มพี รรษาหยอ น ๑๐. ดูกอ นภกิ ษทุ ้งั หลาย ภิกษผุ ูประกอบดวยองค ๖ นแ้ี ล ไมพึงใหอุปสมบท ไมพงึ ใหน ิสัย ไมพ ึงใหส ามเณรอปุ ฏฐาก. ศกุ ลปก ษ ๖ ดกู อ นภกิ ษทุ ้ังหลาย ภิกษผุ ปู ระกอบดวยองค ๖ พึงใหอ ุปสมบท พึงใหนิสัย พึงใหส ามเณรอุปฏฐาก คอื :- ๑. อาจจะฝก ปรอื อนั เตวาสกิ หรอื สทั ธิวิหาริก ในสิกขาอันเปน อภสิ มาจาร. ๒. อาจจะแนะนําในสิกขา อันเปนสว นเบ้ืองตนแหง พรหมจรรย. ๓. อาจจะแนะนาํ ในธรรมอนั ยิง่ ขน้ึ ไป. ๔. อาจจะแนะนาํ ในวินัยอนั ยงิ่ ข้ึนไป. ๕. อาจจะเปลือ้ งความเห็นผิดอันเกดิ ข้ึนแลวโดยธรรม และ ๖. มีพรรษาได ๑๐ หรือมพี รรษาเกิน ๑๐. ดกู อ นภกิ ษุทัง้ หลาย ภิกษผุ ูป ระกอบดว ยองค ๖ นี้แล พงึ ใหอปุ สมบทพงึ ใหน สิ ยั พึงใหสามเณรอปุ ฏ ฐาก. กณั หปกษ ๗ ดกู อนภกิ ษุท้ังหลาย ภิกษผุ ปู ระกอบดว ยองค ๖ แมอ ืน่ อกี ไมพงึ ใหอปุ สมบท ไมพ ึงใหนสิ ัย ไมพ งึ ใหส ามเณรอุปฏ ฐาก คอื :- ๑. ไมรจู ักอาบัติ. ๒. ไมร จู กั อนาบตั ิ.

พระวนิ ยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 214 ๓. ไมร จู กั อาบัตเิ บา. ๔. ไมรจู กั อาบัตหิ นกั . ๕. เธอจาํ ปาติโมกขทั้งสองไมไ ดด ีโดยพสิ ดาร จําแนกไมไดดวยดีไมค ลองแคลวดี วินิจฉัยไมเ รยี บรอ ย โดยสตุ ตะ โดยอนพุ ยญั ชนะ และ ๖. มพี รรษาหยอน ๑๐. ดกู อนภกิ ษุท้ังหลาย ภกิ ษผุ ปู ระกอบดว ยองค ๖ น้แี ล ไมพ ึงใหอปุ สมบท ไมพึงใหนิสัย ไมพ ึงใหส ามเณรอุปฏฐาก. ศุกลปก ษ ๗ ดูกอ นภกิ ษทุ ้ังหลาย ภกิ ษผุ ูประกอบดวยองค ๖ พงึ ใหอ ปุ สมบท พงึใหน ิสยั พึงใหส ามเณรอปุ ฏฐาก คอื :- ๑. รูจักอาบัต.ิ ๒. รูจกั อนาบตั ิ. ๓. รจู ักอาบัตเิ บา. ๔. รจู ักอาบัตหิ นัก. ๕. เธอจําปาตโิ มกขทัง้ สองไดด ี โอยพสิ ดาร จําแนกดี คลองแคลว ดีวนิ ิจฉยั เรียบรอย โดยสตุ ตะ โดยอนุพยัญชนะ และ ๖. มพี รรษาได ๑๐ หรอื มพี รรษาเกิน ๑๐. ดกู อ นภกิ ษทุ ้งั หลาย ภิกษผุ ูป ระกอบดวยองค ๖ นแ้ี ล พึงใหอ ุปสมบทพงึ ใหน สิ ัย พงึ ใหส ามเณรอปุ ฏฐาก. องค ๖ แหงภิกษุผูใหอุปสมบท ๑๖ หมวด๑ จบ๑. ตามบาลนี บั ได ๑๔ หมวด

พระวนิ ัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 215 อรรถกถาวาดว ยองคแ หงอปุ ช ฌาย คําวา กินตฺ าย ภกิ ขฺ ุ โหติ มคี วามวา ภิกษุนี้ เปน อะไร กบั ทา น. ขอ วา อเฺ หิ โอวทิโย อนสุ าสโิ ย มีความวา ทา น อนั ภิกษุเหลา อนื่ ตองตักเตือนและตองพร่ําสอน. ขอวา พาหลุ ฺลาย อาวตฺโต อททิ  คณพนฺธกิ  มคี วาม วาความพวั พันดวยหมู ของความเปนผูมกั มากนม้ี ีอยู เหตุนน้ั ความเปนผมู ักมากน้ี ชอื่ วา มีความพัวพนั ดว ยหมู มีคําอธิบายวา ความเปน ผูมักมากท่ีชอ่ื วามีความพวั พันดว ยหมนู ี้อันใด ทานเวยี นมาเพอ่ื ประโยชนแ กค วามเปน ผูมักมากอันน้นั เร็วนัก. บทวา อพฺยตตฺ า ไดแก ผปู ราศจากปญญาเครือ่ งเปนผูฉลาด. สองบทวา อฺตโรป อฺติตถฺ ิยปุพฺโพ ไดแ กป รพิ าชก ชอื่ปสุระ. ไดย ินวา เขาคิดวา จกั ขโมยธรรม จึงบวชในสาํ นกั พระอทุ ายีเถระผูอนั ทานวากลา วอยโู ดยชอบธรรม ไดย กวาทะของทา น. ภกิ ษผุ ูฉลาดในคําวา อนุชานามิ ภิกขฺ เว พยฺ ตเฺ ตน ภิกฺขนุ าเปน ตน มลี ักษณะดงั กลา วแลว ในอรรถกถาแหง ภกิ ขุโนวาทกสกิ ขาบทในหนหลงั น้นั แล.๑ สว นภกิ ษุผูสามารถทาํ กิจเปนตน วา พยาบาลอันเตวาสกิ หรอืสทั ธวิ ิหารกิ ซ่ึงอาพาธ พระผูมีพระภาคเจาทรงประสงคว า ผูสามารถ ในท่นี ี.้จรงิ อยู พระผมู ีพระภาคเจา ไดตรัส แมคาํ น้ีไววา ดูกอ นอบุ าลี ภกิ ษผุ ูประกอบดวยองค ๕ ควรใหก ุลบุตรอปุ สมบท ควรใหนิสยั ควรใหส ามเณรอุปฏ ฐากดว ยองค ๕ เหลา ไหน ? เหลา นค้ี อื เปน ผสู ามารถพยาบาลเอง หรือใหผ ูอ่นื๑. สมนฺต. ทตุ ยิ . ๓๕๐

























































พระวินยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 244 เรอื่ งราชภฏั บวช [๑๐๒] กโ็ ดยสมัยนนั้ แล เมืองปลายเขตแดงของพระเจาพิมพสิ ารจอมเสนามาคธราชเกดิ จลาจล คร้งั นน้ั ทาวเธอจึงมพี ระบรมราชโองการสั่งพวกมหาอาํ มาตยผูเปน แมท พั นายกองวา ดกู อ นพนาย ทานทงั้ หลายจงไปปรับปรงุ เมอื งปลายเขตแดงใหเรยี บรอ ย พวกมหาอํามาตยผเู ปนแมท ัพนายกองกราบทลู รบั สนองพระบรมราชโองการพระเจาพิมพิสารจอมเสนามาคธราชวาขอเดชะ พระพทุ ธเจา ขา ครัง้ นนั้ เหลา ทหารบรรดาท่มี ชี อื่ เสียงไดมคี วามปริวิตกวา พวกเราพอใจในการรบ พากันไปทําบาปกรรม และประสพกรรมมิใชบุญมาก ดวยวิธอี ยา งไรหนอ พวกเราพึงงดเวนจากบาปกรรม แลทําแตความดี ดงั นี้ และไดมีความปรวิ ติ กตอ ไปวา พระสมณะเชอ้ื สายพระศากยบุตรเหลานีแ้ ล เปนผพู ระพฤติธรรม ประพฤตสิ งบ ประพฤตใิ นพรหมจรรยกลา วคําสตั ย มีศีล มกี ัลยาณธรรมถาแลพวกเราจะพึงบวชในสํานกั พระสมณะเชอื้ สายพระศากยบุตร ดว ยวธิ อี ยางนพี้ วกเราก็จะพงึ เวน จากบาปกรรม และทาํแตค วามดี ดังนี้ จึงพากนั เขา ไปหาภิกษุทง้ั หลายแลว ขอบรรพชา ภิกษทุ ัง้ หลายใหพ วกเขาบรรพชาอปุ สมบทแลว . พวกjหาอาํ มาตยผ ูเปน แมทพั นายกองถามพวกราชภัฏวา แนะพนายทหารผูมีช่ือน้ี และมชี อื่ นี้ หายไปไหน. พวกราชภัฏเรยี นวา นาย ทหารผมู ีช่อื นแี้ ละมชี ่ือน้ี บวชในสาํ นกัภิกษแุ ลว ขอรับนาย. พวกมหาอาํ มาตยผ เู ปนแมท พั นายกอง จึงเพงโทษ ตเิ ตยี น โพนทะนาวา ไฉนเหลาพระสมณะเช้ือสายพระศากยบตุ รจึงไดใ หราชภัฏบวชเลา แลวกราบบังคมทลู ความเรอ่ื งนนั้ แดพ ระเจา พิมพสิ ารจอมเสนามาคธราช.

พระวินยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 245 จงึ ทาวเธอไดตรัสถามมหาอํามาตยผ ูพิพากษาวา ดกู อ นพนาย ภกิ ษุรปู ใด ใหร าชภัฏบวช ภิกษรุ ปู น้ัน จะตองโทษสถานไร. คณะมหาอาํ มาตยผ ูพิพากษากราบทลู วา ขอเดชะ พระบารมปี กเกลาปกกระหมอ ม พระอปุ ชฌายะตอ งถูกตดั ศีรษะ พระอนสุ าวนาจารยตอ งถกู ดึงล้ินออกมา พระคณะปรู กะตองถูกหักซโี่ ครงแถบทนง่ึ พระพทุ ธเจา ขา. จึงทาวเธอเขาเฝาพระผูมพี ระภาคเจา ครั้นถึงแลว จึงถวายบังคมพระผ-ูมพี ระภาคเจา แลว ประทบั นง่ั ณ ที่ควรสว นขา งหน่ึง แลวไดกราบทูลขอประทานพรตอ พระผูม พี ระภาคเจาวา มีอยู พระพุทธเจา ขา พระเจาแผน ดนิ ทงั้ หลายท่ไี มม ีศรัทธาไมท รงเลื่อมใสจะพึงเบยี ดเบียนภิกษทุ ั้งหลาย แมด วยกรณีเพยี งเลก็ นอย หมอมฉันขอประทานพระวโรกาส พระพุทธเจาขา ขอพระผเู ปน เจาท้งั หลายไมพ ึงใหร าชภฏั บวช ลาํ ดับน้ัน พระผมู ีพระภาคเจา ทรงชแี้ จงใหพ ระเจา พิมพิสารจอมเสนามาคธราชทรงเห็นแจง ทรงสมาทาน ทรงอาจหาญ ทรงราเริงดวยธรรมกี ถา ครัน้ ทา วเธออนั พระผมู พี ระภาคเจา ทรงช้แี จง ใหทรงเหน็แจง ทรงสมาทาน ทรงอาจหาญ ทรงรา เรงิ ดว ยธรรมกี ถาแลว เสดจ็ ลกุ จากพระทีน่ ง่ั ถวายบังคมพระผูมีพระภาคเจา ทรงทําประทกั ษณิ แลวเสด็จกลบั . ทรงหามบวชราชภัฏ ลาํ ดับนั้น พระผูมพี ระภาคเจาทรงทาํ ธรรมกี ถาในเพราะเหตเุ ปน เคามลู นั้น ในเพราะเหตุแรกเกิดนน้ั แลว รบั ส่ังกะภกิ ษุท้ังหลายวา ดกู อ นภกิ ษุทัง้ หลาย ราชภฏั ภิกษไุ มพ งึ ใหบ วช รปู ใดใหบ วช ตองอาบตั ทิ กุ กฏ.

พระวนิ ยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 246 อรรถกถาราชภัฏวตั ถุ พึงทราบวนิ ิจฉัยในเร่อื งราชภฏั ตออไป:- สองบทวา ปจจฺ นตฺ  ยจุ จฺ ินเถ มคี วามวา ทานท้ังหลายจงยงั ปจ จันตชนบทใหเจริญ มคี าํ อธิบายวา ทา นทงั้ หลายจงขบั ไลพวกโจรเสยี แลว จดั แจงบานท่ีพน โจรภยั แลว ใหร าบคาบ จัดการรักษาโดยกวดขนั ใหก ารกสกิ รรมเปนตนเปนไป. ฝายพระราชาเพราะพระองคเ ปน พระโสดาบนั จึงไมท รงบงั คบั วาจงฆา จงประหารพวกโจร. พวกอาํ มาตยซงึ่ เปนหมอกฎหมาย คดิ วา ในบรรพชา อปุ ชฌายเ ปนใหญ รองไปอาจารย รองลงไปคณะ จึงพากนั กราบทูลคําทัง้ ปวงมอี าทิ วา ขอเดชะ พึงใหต ดั ศีรษะอปุ ช ฌายเ สีย ดว ยตดิ เหน็ วาน้ีมาในขอ วินิจฉยั แหงกฎหมาย. ในขอวา น ภิกขฺ เว ราชภโฏ ปพพฺ าเชตพฺโพ น้ี มวี นิ จิ ฉัยวาจะเปน อํามาตย หรือมหาอํามาตย หรือเสวกหรอื ผูไ ดฐ านันดรเล็กนอ ย หรอืผไู มไดก็ตามที บุคคลผผู หู นึง่ ซง่ึ ไดร ับเลีย้ งดวยอาหารหรือเบ้ยี เล้ยี งของพระราชา ถึงความนบั วา ราชภฏั ท้ังหมด ราชภฏั นน้ั ไมค วรใหบ วช. ฝา ยบุตรท่ีนองชายและหลานชายเปนตน ของราชภัฏนัน้ ไมไ ดร บั อาหาหรอื เบีย้เลย้ี งจากพระราชา จะใหชนเหลาน้ันบวช ควรอยู. ฝายผใู ดถวายโภคะประจําหรอื เงินเดอื นเบยี้ หวดั รายป ซึง่ ตนไดร ับพระราชทาน คนื แดพ ระ-ราชา หรือใหบ ตุ รและพ่ีนองชายรับตําแหนงนั้นแทน แลวทลู ลาพระราชาวาบัดนี้ ขา พเจาไมใชผ ูไดร บั เล้ียงของเทวะแลว. หรือวา อาหารและเบ้ยี เล้ยี ง ซงึ่ ผูใดไดร ับเพราะเหตุแหงราชการใด. ราชการนั้นเปน กจิ อนั ตนทาํ เสรจ็ แลว หรอืผใู ดเปน ผูไดบ รมราชานญุ าตวา เจาจงบวช จะใหบุคคลแมนนั้ บวช ควรอยู. อรรถกถาราชภฏั วตั ถุ จบ

พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 247 หามบวช โจรทีข่ น้ึ ชือ่ โดง ดงั [๑๐๓] กโ็ ดยสมัยนน้ั แล โจรองคลุ มิ าลบวชในสํานกั ภกิ ษุ ชาวบานเหน็ แลว พากันหวาดเสียวบาง ตกใจบาง หนีไปบาง ไปโดยทางอน่ื บา ง เมนิหนาไปทางอืน่ บาง ปด ประตูเสยี บาง ประชาชนจึงเพงโทษ ตเิ ตยี น โพน-ทะนาวา ไฉนพระสมณะเช้ือสายพระศากยบุตร จงึ ใหโ จรที่ขน้ึ ชอื่ โคง ดงั บวชเลา ภกิ ษุท้งั หลายไดยนิ พวกนั้น เพงโทษ ติเตียน โพนทะนาอยู จงึ กราบทูลเรือ่ งน้ันแดพ ระผูมีพระภาคเจา. พระผมู พี ระภาคเจา รบั สัง่ กะภิกษุทง้ั หลายวา ดูกอ นภิกษทุ ั้งหลาย โจรที่ข้นึ ช่ือโคง ดัง ภิกษุไมพงึ ใหบ วช รูปใดไหบ วช ตอ งอาบัติทกุ กฏ. อภยวู รภาณวาร หา มบวชโจรหนเี รือนจาํ [๑๐๔] กโ็ ดยสมัยนั้นแล พระเจา พมิ พิสารจอมเสนามาคธราช ไดทรงมพี ระบรมราชานุญาตไววา กุลบตุ รเหลาใดบวชในสํานักพระสมณะเชื้อสายพระศากยบตุ ร กุลบตุ รเหลานัน้ ใคร ๆ จะทาํ อะไรไมไ ด เพราะธรรมอันพระผูมพี ระภาคเจา ตรัสไวด ีแลว จงประพฤติพรหมจรรยเ พอ่ื ทาํ ท่สี ุดทุกขโดยชอบเถิด. สมยั ตอมา บุรุษคนหนึ่งทําโจรกรรมแลว ถูกเจา หนา ที่จองจําไวใ นเรอื นจําเขาหนีเรอื นจาํ หลบไปบวชในสาํ นักภกิ ษุ คนทั้งหลายเหน็ แลวกลา วอยางนว้ี า ภิกษรุ ปู น้ีคอื โจรหนีเรอื นจําคนนน้ั ถา กระไร พวกเราจงจบั มนั .

พระวินยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 248 คนบางคนพดู ทดั ทานอยา งนี้วา ทานทง้ั หลายอยาไดพูดเชน น้ี เพราะพระเจาพมิ พสิ ารจอมเสนามาคธราช ไดมีพระบรมราชานุญาตไวว า กลุ บุตรเหลาใดบวชในสาํ นกั พระสมณะเชื้อสายพระศากยบตุ ร กุลบตุ รเหลา นั้น ใคร ๆจะทาํ อะไรไมไ ด เพราะธรรมอันพระผูม พี ระภาคเจา ตรสั ไวด ีแลว จงประพฤติพรหมจรรย เพอื่ ทาํ ทสี่ ดุ ทุกขโดยชอบเถิด. ประชาชนจึงเพงโทษ ตเิ ตียน โพนทะนาวา พระสมณะเชื้อสายพระ-ศากยบุตรเหลาน้ี มิใชผ หู ลบหลีกภัย ใคร ๆ จะทาํ อะไรไมได แตไ ฉนจงึ ใหโจรผูห นีเรอื นจาํ บวชเลา ภิกษทุ ั้งหลายกราบทลู เรื่องนนั้ แดพ ระผมู ีพุระภาคเจา . พระผูมพี ระภาคเจารับสงั่ กะภกิ ษทุ ้งั หลายวา ดกู อนภกิ ษทุ ้งั หลาย โจรผหู นีเรือนจํา ภิกษไุ มพ ึงใหบวช รปู ใดใหบ วช ตอ งอาบัตทิ กุ กฎ. หามบวชโจรผถู กู ออกหมายส่ังจบั [๑๐๕] กโ็ ดยสมยั น้นั แล บุรษุ คนหนง่ึ ทําโจรกรรม แลวหนีไปบวชในสาํ นกั ภิกษุ และบรุ ษุ น้นั ถกู เจา หนาท่อี อกหมายประกาศไวท วั่ ราชอาณาจักรวา พบในที่ใด พงึ ฆา เสียในทีน่ น้ั คนท้ังหลายเห็นแลว กลาวอยางนีว้ าภิกษุรูปนี้ คือโจรผถู กู ออกหมายจับคนน้นั ถากระไร พวกเราจงฆา มนั เสีย. คนบางพวกพดู ทัดทานอยา งนี้วา ทานทัง้ หลายอยาไดพดู เชนนี้ เพราะพระเจาพิมพิสารจอมเสนามาคธราชไดมีพระบรมราชานุญาตไวว า กลุ บตุ รเหลาใด บวชในสาํ นกั พระสมณะเชอื้ สายพระศากยบตุ ร กลุ บตุ รเหลาน้นั ใคร ๆจะทําอะไรไมไ ด เพราะธรรมอนั พระผูมพี ระภาคเจาตรัสไวดีแลว จงประพฤติพรหมจรรย เพ่ือทําทีส่ ุดทุกขโดยชอบเถิด. ประชาชนจงึ เพงโทษ ติเตียน โพนทะนาวา พระสมณะเชอื้ สายพระศากยบุตรเหลา น้ัน มิใชผ ูห ลบหลกี ภยั ใคร ๆ จะทาํ อะไรไมได แตไ ฉนจึงให

พระวนิ ัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 249โจรผูถกู ออกหมายสั่งจับบวชเลา ภกิ ษทุ ้งั หลายจึงกราบทูลเร่ืองน้ันแดพระผูมีพระภาคเจา . พระผมู ีพระภาคเจารับสง่ั กะภิกษทุ ั้งหลายวา ดูกอนภกิ ษุทั้งหลาย โจรผูถูกออกหมายส่งั จบั ภกิ ษุไมพงึ ใหบวช รูปใดใหบ วช ตอ งอาบัติทกุ กฏ. หา มบวชบุรุษผถู กู เฆีย่ นดวยหวาย [๑๐๖] ก็โดยสมัยนั้นแล บรุ ษุ คนหน่งึ ถกู ลงอาญาเฆี่ยนดวยหวายบวชในสํานักภกิ ษุ ประชาชนจงึ เพงโทษ ตเิ ตยี น โพนทะนาวา ไฉนพระสมณะเชือ้ สายพระศากยบุตร จงึ ใหบุรุษผูถกู ลงอาญาเฆย่ี นดวยหวายบวชเลาภิกษุทง้ั หลายกราบทูลเรอ่ื งน้นั แดพ ระผูมีพระภาคเจา. พระผมู ีพระภาคเจา รับส่ังกะภิกษทุ ง้ั หลายวา ดูกอนภกิ ษุท้ังหลาย บุรุษผูถูกลงอาญาเฆ่ยี นดวยหวาย ภกิ ษไุ มพ งึ ใหบ วช รูปใดใหบ วช ตอ งอาบัตทิ กุ กฏ. หา มบวชบรุ ษุ ผถู ูกสกั หมายโทษ [๑๐๗] กโ็ ดยสมยั นัน้ แลบุรษุ คนหนึง่ ถกู ลงอาญาสักหมายโทษ บวชในสํานกั ภกิ ษุ ประชาชนจึงเพง โทษ ตเิ ตียน โพนทะนาวา ไฉนพระสมณะเชื้อสายพระศากยบตุ ร จึงใหบ รุ ษุ ผถู กู ลงอาญาสักหมายโทษบวชเลา ภิกษุทั้งหลายกราบทูลเรื่องนัน้ แดพระผูมีพระภาคเจา. พระผมู พี ระภาคเจารับส่ังกะภิกษทุ ัง้ หลายวา ดูกอ นภกิ ษุทัง้ หลาย บุรุษผถู กู ลงอาญาสกั หมายโทษ ภกิ ษไุ มพ ึงใหบวช รปู ใดใหบ วช ตอ งอาบัติทุกกฏ.

พระวินัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 250 อรรถกถาโจรวัตถุ พงึ ทราบวนิ จิ ฉยั ในเร่อื งโจรท้ังหลาย:- สองบทวา มนุสสฺ า ปสฺสิตวฺ า มคี วามวา พระองคุลิมาลนนั้ อนัชนเหลาใดเคยเหน็ ในเวลาที่ทา นเปน คฤหสั ถ และชนเหลา ใดไดฟงตอชนเหลาอ่นื วา ภกิ ษุน้ี คอื องคลุ ิมาลน้ัน ชนเหลา นน้ั ไหเหน็ แลว ยอมตกใจบาง ยอ มหวาดหวั่นบา ง ยอ มปดประตบู าง. แตท า นยอ มไดภ กิ ษาในเรือนของเหลา ชนท่ไี มรจู กั . บทวา น ภิกขฺ เว มีความวา พระผูมพี ระภาคเจา พระองคเ องเปนเจาของแหงธรรม เพราะฉะนน้ั เมอื่ จะทรงบัญญตั ิสกิ ขาบทแกภ ิกษุทงั้ หลายเพ่ือตอ งการมใิ หก ระทาํ ตอไป จงึ ตรสั อยา งนนั้ . วนิ ิจฉัยในคาํ น้นั วา โจรชอ่ืวาธชพันธะ เพราะอรรถวิเคราะหว า ดจุ ผูกธงเท่ียวไป. มคี ําอธบิ ายวา เปนคนโดง ดงั ในโลก เหมอื นมูลเทพ๑ เปน ตน. เพราะเหตุน้ันผใู ดเท่ียวทาํ การฆาชาวบานก็ดี รบกวนคนเดินทางกด็ .ี ทาํ กรรมมตี ดั ทต่ี อ เปน ตน ในเมอื งก็ดี อนง่ึผใู ดอันชนทง้ั หลายรูจกั กันแซว า คนชื่อโนน ทํากรรมนี้ ๆ ผนู ั้นไมค วรใหบวช. สว นผูใดเปน ราชบุตร ปรารถนาจะเปน พระราชากระทํากรรมมีฆา ชาวบา นเปน ตน . ผนู น้ั ควรใหบวช. เพราะวา เมอื่ ราชบตุ รน้นั ผนวชแลว พระราชาท้งั หลายยอมพอพระหฤทยั แตถ าไมทรงพอพระหฤทยั ไมควรใหบวช. โจร๑. ในพระบาลวี ินัยเปน ธชพทฺโธ. สวนคาํ วา มลู เทวาทโย โยชนาแกอรรถวา อาทภิ ูเทวาทโย.ธชพทฺโธ หมายความไปในทางมีชือ่ เสยี งโดง ดังทางเสีย อางวา เหมอื นมลู เทพเปน ตน คําวามลูเทโว ทางสนั สกฤต เปน พระนามของทาวกงั สะ กษตั รยิ ท รราชแหง แควนมถุรา ทรงฆาทารกเสียมากมายกายกอง เพราะโหรทํานายวา พระองคจะถกู ลูกชายของหญงิ นางหน่งึ ปลงพระชนม ดวยความรา ยกาจนเี้ อง ประชาชนพลเมืองจงึ เห็นวาทาวเธอเปน อสรู เปนยักษ เปน มาร มลู เทโวจมาเปน ตวั อยางในคาํ วา มลู เทวาทโยนห้ี รืออยางไร ?


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook