Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_06

tripitaka_06

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:31

Description: tripitaka_06

Search

Read the Text Version

พระวินยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 351 วิธีการใหน สิ ัย [๑๓๖] ก็โดยสมัยนัน้ แล พระฉัพพคั คยี ใ หนสิ ัยแกภกิ ษพุ วกอลชั ชีภกิ ษุท้ังหลายจึงกราบทูลเรื่องน้นั แดพระผูมีพระภาคเจา พระผูมพี ระภาคเจาตรสั หา มภิกษทุ ้ังหลายวา ดูกอ นภกิ ษุทั้งหลาย ภิกษไุ มพ ึงใหนสิ ัยแกภกิ ษพุ วกอลชั ชี รูปใดให ตองอาบตั ิทุกกฏ. วิธีการถอื นิสัย สมัยตอมา ภกิ ษุทั้งหลายอยอู าศัยภิกษพุ วกอลัชชี ไมชาไมนานเทา ไรนัก แมหงวกเธอกก็ ลายเปนพวกอลชั ชี เปน ภิกษเุ ลวทราม ภิกษทุ ้งั หลายจึงกราบทูลเรอื่ งนนั้ แดพระผมู ีพระภาคเจา. พระผูม พี ระภาคเจาตรสั หามภิกษุทงั้ หลายวา ดูกอนภกิ ษุท้งั หลายภิกษไุ มพ งึ อยอู าศยั ภกิ ษพุ วกอลชั ชี รูปใดอยู ตองอาบตั ทิ ุกกฏ. พระพุทธานญุ าตใหสบื สวนกอนถือนิสัย ครัง้ น้ัน ภกิ ษุทง้ั หลายไดมีความดาํ รวิ า พระผมู ีพระภาคเจา ทรงบญั ญัตไิ ววาไมพ ึงใหนิสยั แกภ กิ ษพุ วกอลัชชี และไมพ งึ อยอู าศยั ภกิ ษพุ วกอลชั ชีทาํ อยางไรหนอพวกเราจึงจะรวู า เปน ภิกษุลชั ชี หรอื อลชั ชี แลวกราบทูลเรอื่ งนั้น แดพระผูมพี ระภาคเจา พระผูมีพระภาคเจา ตรสั อนุญาตแกภ กิ ษทุ ั้งหลายวา ดูกอ นภิกษุทง้ั หลายเราอนญุ าตใหรอ ๔ - ๕ วัน พอจะสบื สวนรูวาภกิ ษผุ ูใหนิสัยเปนสภาคกนั .

พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 352 ภิกษเุ ดนิ ทางไกลไมต อ งถือนิสัย [๑๓๗] กโ็ ดยสมยั น้นั แล ภกิ ษรุ ปู หนง่ึ เดินทางไกลไปโกศลชนบทคราวนน้ั เธอไดมีความดํารวิ า พระผมู ีพระภาคเจาทรงบัญญตั ไิ วว า ภิกษุจะไมถือนสิ ยั อยไู มได ดังนี้ กเ็ รามีหนา ที่ตอ งถือนิสัยแตจาํ ตอ งเดินทางไกล จะพงึ ปฏบิ ัติอยางไรหนอแล ภิกษทุ ัง้ หลายจงึ กราบทูลเร่ืองนัน้ แดพ ระผูม พี ระ-ภาคเจา พระผมู ีพระภาคเจา ตรสั อนญุ าตแกภกิ ษทุ ้ังหลายวา ดกู อ นภกิ ษุท้ังหลาย เราอนุญาตใหภ ิกษผุ ูเดนิ ทางไกลเม่ือไมไดผใู หนสิ ยั ไมตองถอื นิสยั อย.ู ภกิ ษุอาพาธไมตองถือนิสยั [๑๓๘] กโ็ ดยสมัยน้นั แล ภิกษุ ๒ รปู เดนิ ทางไกลไปโกศลชนบทเธอทัง้ ๒ พกั อยู ณ อาวาสแหง หน่ึง ในภกิ ษุ ๒ รปู น้นั รูป ๑ อาพาธ จึงรปู ทีอ่ าพาธนัน้ ไดมีความดําริวา พระผูมพี ระภาคเจา ทรงบญั ญัตไิ ววา ภกิ ษุจะไมถือนิสยั อยไู มได กเ็ รามหี นา ที่ตอ งถอื นสิ ัย แตกาํ ลงั อาพาธ จะพงึ ปฏบิ ัติอยางไรหนอแล ภกิ ษุทัง้ หลายจงึ กราบทลู เรอื่ งนัน้ แดพระผูมพี ระภาคเจา พระผูมีพระภาคเจาตรสั อนญุ าตแกภ กิ ษุทงั้ หลายวา ดกู อนภกิ ษุทงั้ หลาย เราอนญุ าตใหภ กิ ษอุ าพาธ เมอ่ื ไมไ ดผ ูใหนิสัย ไมต อ งถอื นิสยั อยู. ภกิ ษุพยาบาลไมต อ งถือนสิ ัย ครง้ั น้นั ภิกษุผูพ ยาบาลไขน นั้ ไดมีความดาํ รวิ า พระผมู พี ระภาคเจาทรงบัญญตั ิไววา ภกิ ษจุ ะไมถ อื นสิ ยั อยูไมได กเ็ รามีหนาทต่ี องถือนสิ ัย แตภิกษรุ ูปน้ียังอาพาธเราจะพึงปฏบิ ัติอยา งไรหนอแล ภิกษุทัง้ หลายจึงกราบทลูเร่ืองนน้ั แดพ ระผมู พี ระภาคเจา พระผมู ีพระภาคเจาตรัสอนญุ าตแกภ ิกษุทัง้ หลายวา ดกู อนภกิ ษุทั้งหลายเราอนญุ าตใหภ กิ ษผุ ูพยาบาลไข เม่ือไมไ ดผใู หน ิสัยถกู ภกิ ษุอาพาธขอรอ ง ไมตอ งถือนิสัยอย.ู

พระวนิ ัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 353 ภิกษอุ ยูว ัดปา ไมตองถือนิสัย ก็โดยสมัยนนั้ แล ภกิ ษุรปู ๑ อยูวัดปา และเธอกม็ คี วามผาสกุ ในเสนาสนะน้นั คราวนั้นเธอไดม คี วามดาํ รวิ า พระผูมพี ระภาคเจา ทรงบัญญตั ิไววา ภิกษุจะไมถ ือนสิ ัยอยไู มไ ด กเ็ รามีหนา ท่ีตอ งถือนสิ ยั แตย ังอยวู ดั ปา และเรากม็ ีความผาสกุ ในเสนาสนะน้ี จะพึงปฏบิ ัติอยางไรหนอแล ภิกษทุ ้ังหลายจงึ กราบทลู เรอ่ื งน้นั แดพระผมู พี ระภาคเจา พระผูม ีพระภาคเจา ตรสั อนุญาตแกภกิ ษทุ ั้งหลายวา ดูกอ นภิกษุทง้ั หลายเราอนุญาตใหภิกษุผูถืออยูปา เปนวัตรกาํ หนดการอยูเปนผาสุก เมอ่ื ไมไดผ ูใหน ิสัย ไมตองถอื นิสัย ดวยผกู ใจวาเมือ่ ใดมภี กิ ษุผูใ หน ิสัยทีส่ มควรมาอยู จักอาศัยภกิ ษนุ ั้นอย.ู อุปสมบทกรรม สวดอปุ สมั ปทาเปกขะระบโุ คตร [๑๓๙] กโ็ ดยสมยั นัน้ แล ทา นพระมหากสั สปมีอปุ สัมปทาเปกขะ และทา นสงทูตไปในสาํ นักทานพระอานนทวา ทา นอานนทจงมาสวดอุปสมั ปทา-เปกขะนี้ ทานพระอานนทตอบไปอยา งนวี้ า เกลา กระผมไมสามารถจะระบุนามของพระเถระได เพราะพระเถระเปน ทเี่ คารพของเกลากระผม ภิกษทุ งั้ หลายจงึ กราบทูลเร่ืองนั้นแดพ ระผูม พี ระภาคเจา พระผมู ีพระภาคเจา ตรัสอนุญาตแกภิกษุทง้ั หลายวา ดกู อนภิกษทุ ั้งหลายเราอนุญาตใหส วดระบโุ คตรได. อุปสมบทคู [๑๔๐] กโ็ ดยสมยั นั้นแล ทานพระมหากัสสปมีอุปสมั ปทาเปกขะอยู๒ คน เธอทัง้ สองแกง แยง กันวา เราจกั อปุ สมบทกอ น เราจักอปุ สมบทกอน

พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 354ภกิ ษทุ ั้งหลายจงึ กราบทูลเรอ่ื งนั้นแดพระผูมพี ระภาคเจา พระผมู ีพระภาคเจาตรสั อนญุ าตแกภกิ ษุทงั้ หลายวา ดกู อ นภกิ ษทุ ้งั หลายเราอนุญาตใหทําอปุ สมั ปทา-เปกขะ ๒ รูป ในอนสุ าวนาเดยี วกัน. อปุ สมบทคราวละ ๓ คน สมัยตอ มา พระเถระหลายรูปตางมีอุปสมั ปทาเปกขะหลายคนดวยกันพวกเธอตางแกงแยงกันวา เราจักอุปสมบทกอ น เราจักอุปสมบทกอ น พระ-เถระทงั้ หลายจงึ ตัดสนิ วา เอาเถอะ พวกเราจะทาํ อปุ สัมปทาเปกขะทกุ คนในอนุสาวนาเดียวกนั ภิกษทุ ง้ั หลายจึงกราบทูลเร่อื งนั้นแดพ ระผูมีพระภาคเจาพระผู พระภาคเจา ตรัสอนญุ าตแกภ ิกษุทั้งหลายวา ดกู อนภิกษุทงั้ หลาย เราอนุญาตใหท าํ อปุ สัมปทาเปกขะ ในอนสุ าวนาเดียวกันคราวละ ๒ รูป ๓ รปูแตก ารสวดน้นั แล ตอ งอุปชฌายร ปู เดียวกัน จะมีอุปชฌายต า งกนั ไมไ ดเปนอันขาด. นบั อายุ ๒๐ ปท ัง้ อยใู นครรภ พระกมุ ารกัสสปะเปน ตวั อยา ง [๑๔๑] ก็โดยสมยั นนั้ แล ทานพระกมุ ารกสั สปมีอายุครบ ๒๐ ปท ้งัอยูในครรภ จงึ ไดอุปสมบท ตอ มาทานไดม คี วามดาํ ริวา พระผมู พี ระภาคเจาทรงบญั ญตั ไิ ววา บุคคลมอี ายหุ ยอ น ๒๐ ป ภกิ ษุไมพึงอุปสมบทให ก็เรามีอายคุ รบ ๒๐ ทั้งอยูใ นครรภ จึงไดอ ุปสมบทจะเปน อนั อปุ สมบทหรือไมหนอภกิ ษทุ ั้งหลายจงึ กราบทลู เรอื่ งน้ันแดพระผมู ีพระภาคเจา พระผูมีพระภาคเจาตรสั อนญุ าตแกภ กิ ษทุ ้ังหลายวา ดกู อนภิกษุท้งั หลาย จิตดวงแรกเกิดขึ้นแลว

พระวนิ ยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 355ในครรภของมารดา คอื วญิ ญาณดวงแรกปรากฏแลว ช่อื วา ความเกดิ ของสตั วมเี พราะอาศยั จติ น้ัน. ดูกอนภกิ ษุทั้งหลาย เราอนุญาตใหอ ุปสมบทกลุ บุตรมีอายคุ รบ ๒๐ ป ทั้งอยใู นครรภ. สวดถามอนั ตรายิกธรรม ๑๓ ขอ [๑๔๒] กโ็ ดยสมัยน้ันแล พวกกุลบุตรทอี่ ุปสมบทแลว ปรากฏเปนโรคเรือ้ นก็มี เปนผีกม็ ี เปน โรคกลากก็มี เปนโรคมองครอ กม็ ี เปน โรคลมบาหมกู ม็ ี ภิกษุทงั้ หลายจึงกราบทูลเร่อื งนน้ั แดพระผมู พี ระภาคเจา พระผมู ีพระภาคเจา รบั ส่ังกะภกิ ษุทัง้ หลายวา ดูกอ นภิกษุทัง้ หลายเราอนุญาตใหภกิ ษุผใู หอปุ สมบท ถามอนั ตรายยกิ ธรรม ๑๓ ขอ. ดกู อ นภกิ ษทุ ัง้ หลาย กแ็ ล พึงถามอุปสัมปทาเปกขะอยางนี:้ - อนั ตรายกิ ธรรม อาพาธเหน็ ปานนีข้ องเจา มหี รอื คือ โรคเรื้อน ฝ โรคกลาก โรคมองครอ ลมบาหมู เจา เปนมนษุ ยห รอื เปนชายหรือ เปนไทหรือ ไมม ีหนส้ี ินหรือ มใิ ชร าชภัฏหรือ มารดาบดิ าอนญุ าตแลวหรือ มีปค รบ ๒๐ แลวหรือ บาตรจีวรของเจามีครบแลวหรอื เจาชื่ออะไร อปุ ชฌายของเจา ชือ่อะไร. สอนซอ มกอนถามอันตรายกิ ธรรม ก็โดยสมัยนนั้ แล ภิกษทุ ัง้ หลายถามอันตรายิกธรรมกะพวกอุปสัมปทาเปกขะ ที่ยังมิไดสอนซอ ม พวกอุปสมั ปทาเปกขะยอมสะทกสะทา น เกอเขินไมอาจจะตอบได ภิกษทุ ้งั หลายจงึ กราบทูลเร่อื งนน้ั แดพ ระผูม ีพระภาคเจา

พระวนิ ัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 356พระผมู พี ระภาคเจา ตรสั อนุญาตแกภ กิ ษทุ ั้งหลายวา ดกู อนภกิ ษุทั้งหลาย เราอนญุ าตใหสอนซอมกอ น แลว จงึ ถามอันตรายกิ ธรรมทีหลัง. ภกิ ษุทงั้ หลายสอนซอมในทา นกลางสงฆนน้ั น่นั แหละ พวกอุปสัมปทา-เปกขะยอ มสะทกสะทาน เกอเขนิ ไมอ าจตอบไดเ หมือนอยางเดมิ ภกิ ษุทง้ัหลายจงึ กราบทลู เรอื่ งน้ันแดพระผมู พี ระภาคเจา พระผูมพี ระภาคเจาตรัสอนุญาตแกภิกษุท้ังหลายวา ดูกอ นภิกษทุ ้งั หลาย เราอนญุ าตใหสอนซอม ณท่ีควรสว นขางหนงึ่ แลว จงึ ถามอันตรายิกธรรมในทา มกลางสงฆ. ดกู อนภกิ ษุทั้งหลาย ก็แลพึงสอนซอมอปุ สัมปทาเปกขะอยา งนี:้ - คาํ บอกบาตรจีวร พงึ ใหอปุ สมั ปทาเปกขะถอื อุปช ฌายก อ น คร้นั แลว พึงบอกบาตรจีวรวาน้ีบาตรของเจา น้ผี า ทาบของเจา น้ผี า หมของเจา นี้ผา นุงของเจา เจาจงไปยนืณ โอกาสโนน. ภิกษทุ ั้งหลายท่เี ขลาไมฉลาดยอมสอนซอม เหลา อุปสัมปทาเปกขะที่ถูกสอนซอมไมด ียอมสะทกสะทา น เกอ เขนิ ไมอ าจตอบได ภิกษทุ งั้ หลายจงึ กราบทูลเรื่องนั้นแดพระผมู พี ระภาคเจา พระผมู พี ระภาคเจา ตรสั หามภกิ ษุทัง้ หลายวา ดกู อนภิกษทุ ั้งหลาย ภกิ ษุผเู ขลา ไมฉลาด ไมพ ึงสอนซอมรูปใดสอนซอมตองอาบตั ิทกุ กฏ. ดกู อ นภิกษทุ ัง้ หลาย เราอนุญาตใหภกิ ษุผูฉลาด ผสู ามารถสอนซอม. บรรดาภกิ ษุผทู ีย่ ังไมไดร ับสมมติ ยอ มสอนซอม ภกิ ษทุ ง้ั หลายจึงกราบทูลเรอ่ื งนั้นแดพ ระผมู ีพระภาคเจา ๆ ตรัสหามภกิ ษุทงั้ หลายวา ดกู อนภิกษุทัง้ หลาย ภิกษทุ ยี่ ังไมไดร บั สมมติ ไมพึงสอนซอม รปู ใดสอนซอมตองอาบตั ิทุกกฏ.

พระวินยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 357 ดูกอนภิกษทุ ้ังหลาย เราอนุญาตใหภกิ ษทุ ไ่ี ดร บั สมมติแลวสอนซอ ม. ดูกอ นภิกษทุ ัง้ หลาย ก็แลพึงสมมติ ดังตอไปน้:ี - วิธีสมมติภกิ ษุเปน ผสู อนซอ ม ตนเองพงึ สมมติตนกไ็ ด หรือภกิ ษุรูปอ่นื พึงสมมตภิ ิกษอุ ื่นกไ็ ด. อยางไรเลา ตนเองพึงสมมติตนเอง คอื ภิกษผุ ูฉ ลาด ผสู ามารถพงึ ประกาศใหสงฆท ราบดว ยญตั ตกิ รรมวาจา วา ดงั นี:้ - ทา นเจา ขา ขอสงฆจงพึงขาพเจา ผมู ีชอ่ื น้ีเปนอุปสมั ปทาเปกขะของทานผูม ีชื่อน้ี ถา ความพรอมพรง่ั ของสงฆถ งึ ทแ่ี ลว ขาพเจาพึงสอนซอ มผมู ีชอื่ นี้. อยา งน้ี ชอ่ื วา ตนเองสมมติตนเอง. อยา งไรเลา ภกิ ษุรปู อนื่ พึงสมมตภิ กิ ษรุ ูปอน่ื คือ ภิกษผุ ฉู ลาดผูสามารถ พึงประกาศใหส งฆทราบดว ยญตั ติกรรมวาจา วาดงั น้:ี - ทานเจาขา ขอสงฆจงพงึ ขาพเจา ผมู ีช่อื นี้เปน อุปสัมปทาเปกขะของทานผูมชี อื่ น้ี ถาความพรอ มพร่ังของสงฆถงึ ทแ่ี ลว ทา นผมู ชี ่อื น้พี ึงสอนซอมผมู ีชื่อนี.้ อยางน้ี ชื่อวา ภกิ ษุรปู อน่ื สมมตภิ กิ ษรุ ูปอ่ืน. ภกิ ษผุ ูใดรับสมมตแิ ลว น้นั พงึ เขา ไปหาอุปสมั ปทาเปกขะ แลวกลาวอยางนี้ วาดังน:้ี - คําซอมอนั ตรายกิ ธรรม แนะ ผมู ชี ่ือน้ี เจา ฟง นะ นี้เปนกาลสัตย กาลจรงิ ของเจา เมอ่ื ทา นถามในทามกลางสงฆ ถงึ สิง่ อนั เกิดแลว มอี ยู พงึ บอกวามี ไมมี พึงบอกวาไมมี

พระวนิ ัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 358เจา อยา สะทกสะทา นแลวแล เจาอยาไดเ ปน ผเู กอ แลว แล ภกิ ษุท้งั หลายจกั ถามเจาอยางน้ี อาพาธเห็นปานนี้ของเจา มหี รอื คือ โรคเรอ้ื น ผี โรคกลาก โรคมองครอ ลมบา หมู เจา เปนมนษุ ยห รอื เปนชายหรือ เปน ไทหรือ ไมมีหนสี้ ินหรือ มิใชร าชภฏั หรอื มารดาบดิ าอนุญาตแลว หรอื มปี ครบ ๒๐ แลวหรือ บาตรจวี รของเจา มีครบแลวหรอื เจา ช่ืออะไร อปุ ช ฌายข องเจาชอื่ อะไร. ภิกษุผสู อนซอมกับอปุ สัมปทาเปกขะเดนิ มาดวยกนั แตท ั้งสองไมพงึเดนิ มาพรอมกัน คือ ภิกษผุ สู อนซอมตอ งมากอน แลวประกาศใหสงฆท ราบดว ยญตั ติกรรมมาจา วา ดังนี:้ - คําเรียกอปุ สมปทาเปกขะเขา มา ทานเจาขา ขอสงฆจงพึงขาพเจา ผูม ชี อ่ื นเี้ ปนอปุ สมั ปทาเปกขะของทา นผมู ีชื่อนี้ ขาพเจา สอนซอ มเขาแลว ถาความพรอ มพร่งั ของสงฆถงึ ที่แลวขอผูมีช่ือนพี้ ึงมา. พงึ เรียกอุปสมั ปทาเปกขะวา เจา จงมา. พึงใหอปุ สัมปทาเปกขะน้นั หมผา เฉวยี งบา ใหกราบเทา ภิกษุทงั้ หลายใหน ัง่ กระโหยง ใหประคองอญั ชลแี ลว พงึ ใหข ออุปสมบทดงั น้:ี - คําขออุปสมบท ขา พเจา ขออปุ สมบทตอ สงฆ เจา ขา ขอสงฆโปรดยกขา พเจา ขนึ้ เถดิเจาขา . ขา พเจาขออุปสมบทตอสงฆ เปน คร้ังท่ี ๒ เจา ขา ขอสงฆโ ปรดยกขา พเจา ข้นึ เถดิ เจา ขา .

พระวนิ ัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 359 ขา พเจาขออุปสมบทตอ สงฆ เปน คร้งั ที่ ๓ เจา ขา ขอสงฆโ ปรดยกขาพเจาขนึ้ เถดิ เจา ขา . ค าสมมติตนเพื่อถามอันตรายิกธรรม ภิกษุผูฉ ลาด ผสู ามารถ พึงประกาศใหสงฆท ราบดว ยญัตตกิ รรมวาจาวาดงั น:้ี - ทา นเจาขา ขอสงฆจงพงึ ขาพเจา ผูมีชื่อนผี้ นู ้ีเปนอุปสัมปทาเปกขะของทานผมู ชี ือ่ นี้ ถา ความพรง่ั พรอมของสงฆถ ึงที่แลว ขาพเจาจะพึงถามอัน-ตรายิกธรรมตอผูมชี อ่ื นี้ ดังน:้ี - ค าถามอันตรยธิ รรม แนะ ผูมชี ่อื นี้ เจาฟง นะ น้ีเปนกาลสตั ยกาลจริงของเจา เราจะถามส่งิ ท่เี กิดแลว มีอยู พงึ บอกวามี ไมมี พึงบอกวาไมมี อาพาธเห็นปานน้ีของเจา มหี รือ คือ โรคเร้อื น ฝ โรคกลาก โรคมองครอ ลมบา หมู เจาเปนมนุษยห รือ เปน ชายหรอื เปนไทหรือ ไมมีหนสี้ นิ หรือ มใิ ชร าชภัฏหรอืมารดาบดิ าอนญุ าตแลว หรอื มีปค รบ ๒๐ แลวหรือ บาตรจีวรของเจามีครบแลว หรอื เจา ช่อื อะไร อปุ ช ฌายของเจา ชื่ออะไร. กรรมวาจาอุปสมบท ภิกษุผฉู ลาด ผูสามารถ พึงประกาศใหส งฆท ราบดว ยญตั ตจิ ตุตถกรรมวาจา วาดงั นี:้ - ทา นเจา ขา ขอสงฆจ งฟง ขา พเจา ผมู ชี อ่ื นี้ผนู ี้ เปนอุปสัมป-ทาเปกขะของทา นผมู ชี อื่ นี้ บรสิ ทุ ธแ์ิ ลว จากอันตรายกิ ธรรมทง้ั หลาย

พระวนิ ยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 360บาตรจีวรของเขาครบแลว ผมู ชี อื่ นีข้ ออุปสมบทตอ สงฆ มที านผมู ีชอ่ื น้ีเปน อุปช ฌายะ ถา ความพรอมพร่ังของสงฆถงึ ทแี่ ลว สงฆพ ึงอปุ สมบทผูมชี ื่อน้ี มที านผูม ีชือ่ นีเ้ ปนอปุ ช ฌายะ นเี้ ปน ญตั ติ. ทา นเจาขา ขอสงฆจงฟง ขาพเจา ผูม ีชื่อนี้ผนู ้ี เปนอปุ สัม-ปทาเปกขะของทา นผมู ชี ่อื น้ี บรสิ ุทธ์ิแลวจากอันตรายิกธรรมทง้ัหลายบาตรจวี รของเขาครบแลว ผูมชี อ่ื น้ี ขออุปสมบทตอ สงฆ มีทา นผูมีช่ือน้เี ปนอุปช ฌายะ สงฆอ ปุ สมบทผมู ีชอ่ื นี้ มที านผมู ีชือ่ นี้เปนอุปชฌายะ การอปุ สมบทผูม ีชอื่ น้ี มที า นผูม ชี ื่อน้เี ปนอปุ ช ฌายะชอบแกท านผใู ด ทา นผูน้ันพึงเปนผูน ิ่ง ไมช อบแกท า นผใู ด ทานผนู นั้ พึงพดู . ขา พเจากลาวความนเ้ี ปน คร้ังท่ี ๒ ทานเจา ขา ขอสงฆจงฟง ขา พเจา ผูมชี ื่อนี้ผนู ี้ เปน อปุ สมั ปทาเปกขะของทา นผมู ชี อื่ นี้ บร-ิสทุ ธิแ์ ลวจากอันตรายิกธรรมท้ังหลาย บาตรจีวรของเขาครบแลว ผูมีช่อื นี้ขออุปสมบทตอ สงฆ มีทา นผมู ีชือ่ นีเ้ ปน อุปชฌายะ สงฆอุป-สมบทผูมชี ่ือนี้ มที านผมู ชี ่ือน้เี ปน อปุ ชฌายะ ถามอุปสมบทผมู ชี ่อื นี้มที า นผูม ชี ื่อนเี้ ปน อุปช ฌายะ ชอบแกท า นผใู ด ทา นผูน ัน้ พงึ เปน ผูนง่ิ ไมช อบแกทานผูใด ทา นผนู ้ันพึงพูด. ขา พเจากลา วความน้ีเปน ครัง้ ท่ี ๓ ทา นเจา ขา ขอสงฆจ งฟงขาพเจา ผูมชี ่ือน้ผี นู ี้ เปน อุปสมั ปทาเปกขะของทา นผมู ีช่อื นบี้ ริ-สทุ ธ์แิ ลว จากอันตรายิกธรรมทงั้ หลาย บาตรจวี รของเขาครบแลวผูมีชื่อนข้ี ออปุ สมบทตอ สงฆ มที า นผมู ีชอ่ื นีเ้ ปนอุปชฌายะ สงฆอ ปุ -สมบทผมู ชี อ่ื นี้ มีทา นผูม ชี ่ือน้ีเปน อุปชฌายะ การอุปสมบทผมู ชี ่ือน้ี

พระวนิ ยั ปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 361มที า นผมู ีชอ่ื นี้เปน อุปชฌายะ ชอบแกท านผใู ด ทานผูน ้ันพึงเปน ผูน่งิ ไมชอบแกท า นผูใ ด ทา นผูนนั้ พึงพูด. ผูม ีชอ่ื นสี้ งฆอุปสมบทแลว มที านผูมีชอื่ นเ้ี ปน อปุ ชฌายะชอบแกส งฆ เหตุน้ันจึงนง่ิ ขา พเจา ทรงความนีไ้ วด วยอยา งน้ี. อปุ สมบทกรรม จบ พระพุทธานุญาตนสิ สยั ๔ [๑๔๓] ทนั ใดนน้ั แหละ พงึ วดั เงา พึงบอกประมาณแหงฤดู พึงบอกสว นแหง วนั พงึ บอกสงั คีติ พึงบอกนสิ สัย ๔ วา ดงั น:้ี - ๑. บรรพชาอาศยั โภชนะ คอื คาํ ขาวอันหาไดด ว ยกําลงั ปลแี ขง เธอพงึ ทาํ อตุ สาหะในขอนนั้ จนตลอดชวี ิต อติเรกลาภ คอื ภตั ถวายสงฆ ภัตเฉพาะสงฆ การนิมนต ภตั ถวายตามสลาก ภตั ถวายในปก ษ ภตั ถวายในวันอุโบสถภัตถวายในวันปาฏิบท. ๒. บรรพชาอาศัยบังสุกลุ จีวร เธอพงึ ทาํ อุตสาหะในขอนน้ั จนตลอดชีวติ อดเิ รกลาภ คอื ผาเปลอื กไม ผา ฝา ย ผา ไหม ผา ขนสัตว ผา ปา น ผา แกมกัน. ๓. บรรพชาอาศยั โคนตนไมเปน เสนาสนะ เธอพงึ อุตสาหะในขอ น้ันจนตลอดชีวิต อดิเรกลาภ คือวหิ าร เรอื นมุงแถบเดียว เรือนช้นั เรอื นโลน ถาํ้ . ๔. บรรพชาอาศัยมตู รเนาเปนยา เธอพงึ ทาํ อุตสาหะในขอน้ัน จนตลอดชวี ิต อดเิ รกลาภ คือเนยใส เนยขน นํา้ มนั นา ผึ้ง น้าํ ออย. นสิ สยั ๔ จบ

พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 362 อกรณยี กิจ ๔ [๑๔๔] กโ็ ดยสมัยนัน้ แล ภกิ ษุท้งั หลายอุปสมบทภกิ ษุรูป ๑ แลวทงิ้ ไวแ ตล าํ พงั แลว หลีกไป เธอเดนิ มาทหี ลังแตร ปู เดียว ไดพบภรรยาเกา เขา ณระหวา งทาง นางไดถามวา เวลานี้ทา นบวชแลว หรอื ? ภิกษนุ ้ันตอบวา จะ ฉันบวชแลว. นางจงึ พูดชวนวา เมถุนธรรมพวกบรรพชิตหาไดยาก นมิ นตทานมาเสพเมถนุ ธรรม. ภกิ ษุน้นั ไดเ สพเมถุนธรรมในนางแลว ไดไ ปถงึ ทีหลังชา ไป ภกิ ษุทง้ั หลายถามวา อาวุโส ทานมวั ทําอะไรชกั ชาเชนน้ี เธอไดแ จงเรือ่ งนัน้ แกภกิ ษุทั้งหลาย ภิกษทุ ้งั หลายจึงกราบทลู เรื่องนนั้ แดพ ระผมู พี ระภาคเจา . พระพทุ ธานุญาตใหบอกอกรณยี กจิ ลาํ ดับน้ัน พระผูมพี ระภาคเจา ทรงทาํ ธรรมีกถา ในเพราะเหตเุ ปนเคา มลู นน้ั ในเพราะเหตแุ รกเกดิ นัน้ แลวรับสงั่ กะภิกษุท้งั หลายวา ดกู อ นภิกษุทัง้ หลาย เราอนญุ าตใหภิกษุผใู หอ ุปสมบทแลว ใหภ ิกษุอยเู ปน เพื่อน และใหบอกอกรณียกิจ ๔ ดังตอไปน:ี้ - ๑. อันภิกษุผูอุปสมบทแลว ไมพ ึงเสพเมถนุ ธรรม โดยท่สี ุดแมใ นสัตวดิรัจฉานตวั เมยี ภกิ ษุใดเสพเมถุนธรรม ไมเ ปนสมณะ ไมเ ปนเช้ือสายศากยบตุ ร เปรยี บเหมือนบุรษุ ถกู ตดั ศีรษะแลว ไมอ าจจะมสี รรี ะคมุ กนันัน้ เปน อยู ภิกษกุ ็เหมอื นกัน เสพเมถุนธรรมแลว ไมเปนสมณะ ไมเ ปนเช้ือสายศากยบตุ ร การนนั้ เธอไมพงึ ทาํ ตลอดชีวติ . ๒. อันภิกษผุ อู ุปสมบทแลว ไมพ งึ ถอื เอาของอันเขาไมไ ดใ ห เปนสวนขโมย โดยทส่ี ดุ หมายเอาถงึ เสน หญา ภิกษุใดถือเอาของอันเขาไมไ ดให

พระวนิ ัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 363เปนสวนขโมย ไดร าคาบาท ๑ ก็ดี ควรแกราคาบาท ๑ กด็ ี เกนิ บาท ๑กด็ ี ไมเปน สมณะ ไมเปน เชื้อสายศากยบตุ ร เปรยี บเหมอื นใบไมเ หลืองหลน จากขว้ั แลว ไมอาจจะเปน ของเขียวสด ภิกษุกเ็ หมนื กนั ถือเอาของอันเขาไมไดให เปนสว นขโมย ไดร าคาบาท ๑ ก็ดี ควรแกร าคาบาท ๑ กด็ ีเกนิ บาท ๑ กด็ ี ไมเ ปน สมณะ ไมเปน เชื้อสายศากยบตุ ร การนนั้ เธอไมพึงทาํ ตลอดชีวิต. ๓. อันภิกษผุ อู ุปสมบทแลว ไมพงึ แกลง พรากสตั วจ ากชวี ติ โดยท่ีสุดหมายเอาถงึ มดดํามดแดง ภกิ ษใุ ดแกลงพรากกายมนุษยจากชีวิต โดยทีส่ ุดหมายเอาถึงยงั ครรภใ หตก ไมเปน สมณะ ไมเปนเชอื้ สายศากยบตุ รเปรียบเหมือนศิลาหนาแตก ๒ เสีย่ งแลว เปนของกลบั ตอกันไมไ ด ภกิ ษกุ ็เหมอื นกนั แกลา งพรากกายมนษุ ยจ ากชวี ติ แลว ไมเปน สมณะ ไมเ ปน เชือ้สายศากยบตุ ร การน้นั เธอไมพ งึ ทําตลอดชวี ติ . ๔. อนั ภิกษผุ ูอุปสมบทแลว ไมพงึ พูดอวดอตุ ตริมนุสสธรรม โดยที่สดุวา เรายนิ ดี ยิง่ ในเรือนวา งเปลา ภกิ ษใุ ดมคี วามปรารถนาลามก อนั ความปรารถนาลามกครอบงาํ แลว พูดอวดอุตตริมนสุ สธรรม อันไมม อี ยู อนั ไมจริง คือฌานกด็ วี โิ มกขกด็ ี สมาธิกด็ ี สมาบตั ิก็ดี มรรคก็ดี ผลกด็ ี ไมเ ปนสมณะ ไมเ ปนเชื้อสาย พระศากยบตุ ร เปรยี บเหมอื นตนตาลมียอดดวนแลวไมอาจจะงอกอกี ภกิ ษกุ ็เหมือนกัน มคี วามปรารถนาลามก อันความปรารถนาลามกครอบงําแลว พูดอวดอุตตรมิ นุสสธรรม อนั ไมมอี ยู อนั ไมเ ปนจริงไมเปนสมณะ ไมเปน เชอ้ื สายศากยบตุ ร การน้นั เธอไมพงึ ทาํ ตลอดชีวิต. อกรณียกิจ ๔ จบ

พระวนิ ัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 364 เรอื่ งภกิ ษุผสู งฆย กเสียเปนตน [๑๔๕] ก็โดยสมัยนั้นแล ภิกษรุ ูป ๑ ถูกสงฆย กเสยี ฐานไมเหน็อาบัติ ไดสกึ แลว เขากลบั มาขออปุ สมบทตอ ภกิ ษทุ ้ังหลายอีก ภกิ ษทุ ้ังหลายกราบทูลเรอ่ื งนนั้ แดพระผูมีพระภาคเจา พระผมู ีพระภาคเจา ทรงแสดงวิธีปฏิบัติ ดังน:้ี - วิธีปฏบิ ัตใิ นภกิ ษผุ ยู กเสยี ดกู อ นภกิ ษทุ ั้งหลายกภ็ กิ ษใุ นธรรมวนิ ัยนี้ ถกู สงฆย กเสียฐานไมเ หน็อาบตั ิ สกึ ไป เธอกลับมาขออปุ สมบทตอภิกษุท้ังหลายอีก พงึ สอบถามเขาเชนนี้วาเจา จักเห็นอาบตั นิ น้ั หรือ ถา เขาตอบวา กระผมจักเหน็ ขอรับ พงึ ใหบรรพชา.ถา เขาตอบวา กระผมจกั ไมเหน็ ขอรบั ไมพงึ ใหบรรพชา. ครั้นใหบ รรพชาแลวพึงถามวา เจาจักเห็นอาบตั นิ ้ันหรอื ถา เขาตอบวา กระผมจักเห็นขอรบัพงึ ใหอ ปุ สมบท. ถาเขาตอบวา กระผมจกั ไมเ ห็นขอรบั ไมพ ึงใหอุปสนบท.คร้นั ใหอ ปุ สมบทแลว พึงถามวา ทานจักเหน็ อาบัติน้ันหรือ ถา เธอตอบวากระผมจักเห็น ขอรบั พึงเรยี กเขาหม.ู ถาเธอตอบวา กระผมจกั ไมเ หน็ ขอรบั ไมพ ึงเรยี กเขา หมู. ครั้นเรียกเขา หมแู ลว พึงถามวา ทา นเห็นอาบตั ินน้ัหรือ ถา เห็นการเหน็ ไดอ ยา งนั้น นน่ั เปน การดี. หากไมเห็น เมอ่ื ไดสามคั คีพึงยกเสียอีก เมือ่ ไมไ ดสามคั คี ไมเปนอาบัตใิ นพระสมโภคและอยูรว มกัน. ดกู อ นภกิ ษุทัง้ หลาย อน่งึ ภิกษใุ นพระธรรมวินยั นี้ ถูกสงฆยกเสียฐานไมยอมทําคนื อาบัติ สกึ ไป เธอกลับมาขออปุ สมบทตอ ภิกษทุ ้ังหลายอกีพึงสอบถามเขาเชนนี้วา เจา จกั ทําคืนอาบัตนิ ้ันหรอื ถา เขาตอบวา กระผมจักทาํ คืนขอรับ พึงใหบ รรพชา. ถาเขาตอบวา กระผมจกั ไมทาํ คืน ไมพ งึ ใหบรรพชา. ครนั้ ใหบรรพชาแลว พึงถามวา เจาจกั ทาํ คืนอาบัตนิ ัน้ หรือ ถา

พระวินยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 365เขาตอบจกั ทําคนื ขอรบั พงึ ใหอุปสมบท. ถา เขาตอบวา กระผมจักไมทาํ คอื เธอรับ ไมพ ึงใหอปุ สมบท. ครนั้ ใหอุปสมบทแลว พึงถามวา ทานทําคืนอาบัตนิ ้ันหรอื ถาเธอตอบวา กระผมจักทาํ คืนขอรับ พงึ เรยี กเขา หม.ู ถา เธอตอบวากระผมจกั ไมท าํ คนื ขอรับ ไมพ งึ เรียกเขา หมู. ครั้นเรยี กเขา หมแู ลว พงึ กลา ววาจงยอมทําคืนอาบตั นิ นั้ เสยี ถา เธอยอมทําคนื การทาํ คืนไดอยา งน้ี นั่นเปน การดี. หากไมยอมทําคืน เม่ือไดสามัคคี พึงยกเสยี อกี เมือ่ ไมไ ดสามคั คี ไมเปนอาบตั ิในเพราะสมโภคและอยูรว มกัน. ดกู อ นภิกษุทง้ั หลาย อนึ่ง กภ็ ิกษใุ นธรรมวนิ ัยนี้ ถกู สงฆยกเสียฐานไมยอมสละทฏิ ฐบิ าป สกึ ไป เธอกลับมาขออปุ สมบทตอ ภิกษุท้งั หลายอีก พึงสอบถามเขาเชนน้ีวา เจาจักยอมสละคืนทฏิ ฐิบาปน้นั หรือ ถา เขาตอบวา กระผมจกั ยอมสละคืนขอรับ พงึ ใหบ รรพชา. ถา เขาตอบวา กระผมจกั ไมย อมสละคนื ขอรับ ไมพึงใหบรรพชา. ครน้ั ใหบ รรพชาแลว พึงถามวา เจา จกั ยอมสละคืนทิฏฐบิ าปนน้ั หรือ ถาเขาตอบวา กระผมจกั ยอมสละคนื ขอรบั พงึ ใหอุปสมบท. ถา เขาตอบวา กระผมจักไมยอมสละคืนขอรบั ไมพ งึ ใหอ ุปสมบท.ครนั้ ใหอ ุปสมบทแลว จงึ ถามวาทา นยอมสละคืนทิฏฐิบาปนั้น หรอื ถา เธอตอบวา กระผมจกั ยอมสละคืนขอรับพงึ เรยี กเขา หม.ู ถาเธอตอบวา กระผมจักไมยอมสละคืนขอรบั ไมพงึ เรยี กเขา หม.ู คร้ันเรยี กเขา หมูแ ลว พึงกลาววา จงยอมสละคนื ทิฏฐบิ าปนัน้ ถาเธอยอมสละคนื การยอมสละคนื ไดอ ยา งนี้ นน่ั เปนการด.ี ถาไมยอมสละคืน เมื่อไดสามัคคี พึงยกเสียอกี เม่ือไมไ ดสามคั คี ไมเปน อาบัตใิ นเพราะสมโภคและอยูรว มกัน. วธิ ปี ฏิบตั ิในภกิ ษุผถู ูกสงฆย กเสีย จบ มหาขนั ธกะที่ ๑ จบ

พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 366 อุททานคาถา๑ [๑๔๖] พระวนิ ยั มีประโยชนมาก คือ นํามาซ่งึ ความสขุ แกพ วกภิกษุ ผมู ศี ีลเปนที่ รัก ขม พวกทม่ี คี วามปรารถนาลามก ยกยอ ง พวกทม่ี ีความละอายและทรงไวซง่ึ พระ ศาสนา เปน อารมณข องพระสพั พัญชู นิ เจา ไมเปน วสิ ยั ของพวกอืน่ เปน แดนเกษม อัน พระผูม ีพระภาคเจา ทรงบญั ญัตไิ วดีแลว ไมม ี ขอทีน่ า สงสัย ภิกษุผูฉ ลาดในขันธกะ วินยั บรวิ าร และมาตกิ า ปฏิบตั ดิ ว ยปญ ญาอนั หลัก แหลม ชื่อวาผูทาํ ประโยชนอนั ควร ชนใดไม รูจักโค ชนน้ันยอ มรกั ษาฝูงโคไมไ ดฉนั ใด ภกิ ษุก็ฉันนัน้ เมื่อไมรูจ กั ศลี ไฉนเธอจะพงึ รักษาสงั วรไวได เมือ่ พระสตุ ตันตะ และพระ อภิธรรมเลอะเลอื นไปกอนแตพระวินัยยังไม เสือ่ มสญู พระศาสนาชอ่ื วา ยงั ตง้ั อยูตอไป เพราะเหตแุ หงการสงั คายนานนั้ ขาพเจาจกั ประมวลกลา วโดยลําดบั ตามความรู ขอทา น ทงั้ หลายงฟง ขาพเจากลา ว เพ่ือจะมิใหขอ ที่ ทําไดย าก คือวตั ถุ นทิ าน อาบตั ิ นยั และ เปยยาลเหลอื ลง ขอทา นทงั้ หลาย จงทราบ๑. นาจะเปนอทุ านคาถา.

พระวินยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ที่ 367ขอนั้นโดยนยั เถดิ เรอ่ื งประทับอยู ณ ควงไมโพธ์ิ เรอ่ื งประทบั อยู ณ ควงไมอชปาลน-ิโครธ เร่ืองประทบั อยู ณ ควงไมราชายตน-พฤกษ เรอื่ งทาวสหัมบดีพรหม เร่อื งฤาษี-อาฬาระ เรอ่ื งฤาษีอุททกะ เรื่องอุปกาชีวกเรือ่ งภกิ ษปุ ญจวดั คยี  คอื โกณฑญั ญะ วัปปะภทั ทิยะ มหานามะ อัสสชิ เรื่องยสกุลบตุ รเรือ่ งสทาย ๔ คน เรอื่ งสหาย ๕๐ คน เร่ืองสง พระอรหนั ตท ้งั หมดไปในทิศตาง ๆ เรื่องมาร ๒ เร่ือง เรอ่ื งภทั ทวคั คยี กมุ าร ๓๐ เรอ่ื งชฏลิ ๓ พนี่ อง มีอุรเุ วลกสั สปเปนตน เรอื่ งโรงบูชาไฟ เรือ่ งทาวมหาราช เรอ่ื งทา ว-สกั กะ เรอ่ื งทา วมหาพรหม เรื่องประชาชนชาวองั คะมคธะทั้งหมด เรื่องทรงชักผาบงั -สกลุ เรือ่ งสระโบกขรณี เรอ่ื งศิลา เรอ่ื งตน กุม เร่อื งผึ่งผาบังสกุ ุลท่ีแผนศลิ า เร่อื งไมหวา เรอ่ื งไมม ะมว ง เรอ่ื งไมม ะขามปอมเรอ่ื งทรงเก็บดอกไมป ารฉิ ัตตกะ เรอ่ื งชฎลิพวกอรุ เุ วลกัสสปผา ฟน เรอื่ งติดไฟ เร่ืองดับไฟ เรื่องดาํ นาํ้ เรอื่ งกองไฟ เร่ืองฝนตกเร่ืองแมน้ําคยา เร่อื งสวนตาลหนมุ เรื่องพระเจา แผนดินมคธ เรื่องอุปตสิ สะและ

พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 368โกลติ ะ เร่ืองกลุ บตุ รทมี่ ชี ่อื เสียงบวช เรอื่ งภกิ ษนุ ุง หมไมเรียบรอย เรื่องประณาม เรื่องพราหมณซูบผอมหมน หมอง เรอื่ งประ-พฤติอนาจาร เรื่องบวชเห็นแกทอ ง เร่อื งมาณพ เรือ่ งใหอ ปุ สมบทดวยคณะ เรื่องอุปชาฌายะมีพรรษาเดียวใหกลุ บตุ รบวช เรือ่ งอปุ ช ฌายะเขลา เรื่องอุปช ฌายะหลกี ไป เร่อื งถอื นิสสัยกะอาจารยม ีพรรษา ๑๐ เรือ่ งอนั เตวาสิกไมป ระพฤติชอบ เรอื่ งทรงอนุญาตใหประณาม เรอื่ งอาจารยใหน ิสสัยเขลา เร่อื งนิสสยั ระงบั เร่อื งภิกษปุ ระกอบดว ยองค ๕เรื่องภิกษุประกอบดว ยองค ๖ เรื่องภกิ ษเุ คยเปน อญั ญเดียรถีย เร่อื งชีเปลอื ย เรือ่ งไมโกนผม เร่ืองชฎิลบูชาไฟ เรือ่ งอญั ญเดยี รถียทีเ่ ปนศากยบวช เรอ่ื งอาพาธ ๕ อยางในมคธรฐั เรอื่ งราชภัฏบวช เร่ืององคุลมิ าลโจรเร่ืองพระเจา แผน ดินมคธมีพระบรมราชา-นญุ าตไว เรอ่ื งหา มบวชนักโทษหนเี รอื นจําหา มบวชนักโทษทอี่ อกหมายส่ังจับ เร่อื งหา มบวชคนถกู เฆย่ี นมรี อยหวายติดตัว เรือ่ งหา มบวชคนถกู อาญาสักหมายโทษ เรือ่ งหามบวชคนมีหนี้สนิ เร่ืองหามบวชทาส เรื่อง

พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 369บุตรชายชางทอง เร่อื งเด็กชายอบุ าลี เรื่องอหวิ าตกโรค เร่ืองตระกูลมศี รัทธา เร่อื งสามเณรกัณฏกะ เรื่องทศิ คับแคบ เร่อื งถือนิสสยั เรอื่ งเด็กบรรพชา เรื่องสกิ ขาบทของสามเณร เร่ืองสามเณรไมเ คารพภิกษุเร่ืองคาํ นึงวาจะลงทณั ฑกรรมอยา งไรหนอเรอื่ งลงทัณฑกรรม คอื หามสังฆารามทุกแหงเร่ืองหามปาก เรอื งไมบอกพระอุปชฌายะเร่อื งเกลี้ยกลอมสามเณรไวใ ช เรื่องสามเณรกณั ฏกะ เรอ่ื งหา มอุปสมบทบัณเฑาะกค นลกั เพศ เร่ืองหามอปุ สมบทคนเขา รตี เดียรถยี เรอ่ื งหามอปุ สมบทนาค คนฆา มารดา คนฆาบดิ า คนฆาพระอรหนั ต คนทํารายภกิ ษณุ ีภกิ ษุผูทาํ สังฆเภท คนทํารา ยพระพทุ ธเจาจนถึงหอพระโลหิต อุภโตพยัญชนก เร่ืองหา มอปุ สมบทคนไมม อี ุปชฌายะ คนมสี งฆเปน อปุ ชฌายะ คนมคี ณะเปนอปุ ช ฌายะคนมบี ณั เฑาะกเปนอุปชฌายะ เรอ่ื งหา มคนไมม บี าตรคนไมมีจีวร คนไมมบี าตรและจีวรทั้ง ๒ อยา ง เรอื่ งหา มอปุ สมบทคนยมืบาตรยืมจีวร ยมื ทง้ั บาตรและจีวรรวม ๓ เรอ่ื งหา มบรรพชาคนมอื ดว น หามบรรพชาคนเทา

พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาท่ี 370ดว น หา มบรรพชาคนมือเทา ดว น หา มบรรพชาคนหขู าด หา มบรรพชาคนจมกู ขาดหามบรรพชาคนทัง้ หแู ละจมูกขาด หามบรรพชาคนน้ิวมอื นวิ้ เทาขาด หามบรรพชาคนงามมอื งา มเทา ขาด หา มบรรพชาคนเอ็นขาด หามบรรพชาคนมอื เปน แผน หามบรรพชาคนคอ ม หามบรรพชาคนเต้ยี หามบรรพชาคนคอพอก หามบรรพชาคนถกูลงอาญาสักหมายโทษ หามบรรพชาคนถูกเฆยี่ นมรี อยหวายตดิ ตัว หา มบรรพชาคนมีหมายประกาศจบั หา มบรรพชาคนเทาปกุหามบรรพชาคนมโี รคเรื้อรงั หา มบรรพชาคนมีรปู รา งไมสมประกอบ หา มบรรพชาคนตาบอดขางเคียว หา มบรรพชาคนงอ ย หา มบรรพชาคนกระจอก หา มบรรพชาคนเปนโรคอมั พาต หา มบรรพชาคนมีอิริยาบถขาดหา มบรรพชาคนแก หา มบรรพชาคนตาบอด๒ ขาง หามบรรพชาคนใบ หามบรรพชาคนหูหนวก หา มบรรพชาคนทัง้ บอดและใบหามบรรพชาคนท้งั บอดและหนวก หา มบรรพชาคนทัง้ ใบแ ละหนวก หา มบรรพชา

พระวินัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 371คนทง้ั บอดใบและหนวก เรื่องใหนสิ สยั แกอลชั ชี เรอื่ งถอื นสิ สยั ตออลชั ชี เรอื่ งเดนิ ทางไกล เรื่องขอรอง เร่อื งพิจารณา เร่อื งจงมาสวด เร่อื งแยงกันอปุ สมบทกอน เรอ่ื งอุปสมบทมีอปุ ชฌายะองคเ ดียว เร่ืองพระ-กมุ ารกสั สป เร่อื งอปุ สมั บันปรากฏถกู โรคเบียดเบียน เรอื่ งอปุ สัมปทาเปกขะยงั มีไดสอนซอมสะทกสะทาน เร่ืองสอนซอมในทา มกลางสงฆนั้นแหละ เร่อื งหามภิกษุเขลาสอนซอม หา มภกิ ษุยังไมไ ดรบั สมมติสอนซอม เรือ่ งผูส อนซอมกบั อุปสัมปทาเปกขะมาพรอ มกัน เรื่องขอจงยกขนึ้ เรื่องญัตตจิ ตตุ ถกรรมอุปสัมปทา เร่ืองบอกนิสสยั เร่อื งละอปุ สมั บนั ไวแ ตลําพงั เร่อื งภิกษถุ กู สงฆย กเสยี ๓ เรือ่ ง รวมเร่ืองในขันธกะน้ี ๑๗๒ เรอ่ื ง หวั ขอ เรือ่ งในมหาขันธกะ จบ

พระวนิ ัยปฎก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 372 อรรถกานสิ สยคหณกถา ในคาํ วา อลชฺชีน นสิ ฺสาย วสนตฺ ิ นี้:- บทวา อลชฺชนี  เปนฉฏั ฐวี ภิ ตั ติ ใชใ นอรรถแหง ทตุ ยิ าวภิ ตั ติ. ความวา ภิกษทุ ัง้ หลายพ่ึงบคุ คลผอู ลชั ชีท้งั หลายอยู. คาํ วา ยาว ภิกฺขูสภาคต ชานามิ มีความวา เราจะทราบความท่ีภกิ ษุผูใหน สิ ัยเปนผูถูกสวนกบั ท้ังหลาย คอื ความเปนผมู ลี ะอายเพยี งไร.เพราะเหตนุ ้นั ภกิ ษุผถู ึงฐานะใหม แมอนั ภิกษุไร ๆ กลาววา ภกิ ษุ เธอจงมาถอื นสิ ยั ดังนี้ พงึ พจิ ารณาขอ ทีภ่ กิ ษผุ ใู หน ิสยั เปนผมู ีความละอาย ๔ - ๕ วนัแลว จึงคอยถอื นสิ ยั ถา ไดฟง ในสํานักแหงภิกษทุ งั้ หลายวา พระเถระเปนลชั ชี เปนผูปรารถนาจะถอื ในวนั ท่ีตนมาทเี ดยี ว ฝา ยพระเถระกลาวา คุณจงรอกอ น คุณอยูจักรู ดังน้ี แลว ตรวจดอู าจาระเสยี ๒ - ๓ วนั แลว จึงใหน ิสยัการทาํ อยา งน้ี ยอมควร. โดยปกติ ภกิ ษผุ ไู ปสสู ถานเปน ที่ถอื นสิ ยั ตอ งถือนสิ ัยในวนั นน้ั ทเี ดียวแมวันเดยี ว ก็คมุ ไมได. ถา ในปฐมยาม อาจารยไมมีโอกาส เมอื่ ไมไ ดโ อกาสจะนอนดวยผูกใจไววา เราจกั ถือในเวลาใกลรงุ ถงึ อรณุ ข้นึ แลวไมรู ไมเ ปนอาบัติ แตถ า ไมทาํ ความผกู ใจวา เราจักถือ แลว นอน เปนทกุ กฏในเวลาอรุณข้นึ . ภกิ ษุไปสสู ถานท่ีไมเคยไป ปรารถนาจะคาง ๒ - ๓ วันแลวไปไมตอ งถอื นิสยั อยูก็ได. แตเ มอื่ ทําอาลัยวา เราจกั คา ง ๗ วนั ตองถือนิสยั . ถาพระเถระพูดวา จะมีประโยชนอ ะไรดว ยนสิ ัยสําหรบั ผคู า ง ๗ วนั . เธอเปน อนั ไดบ ริหารจาํ เดมิ แตก าลท่ีพระเถระหามไป.๑. วนิ ย. มหาวคคฺ . ทุติย. ๒๖๔

พระวนิ ัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 373 บทวา นสิ สฺ ยกรณโี ย มคี วามวา เราเปนผูมีการถือนิสยั เปน กจิ ควรทาํ อธิบายวา นสิ ัยอันเราพึงทาํ คือ พงึ ถือ. สองบทวา นสิ ฺสย อลกมาเนน มคี วามวา เมอื่ ไมม ีภิกษผุ ใู หนิสัยซ่งึ เดินทางไปกบั คน เธอชอ่ื วายอ มไมไดนิสัย อนั ภกิ ษุผไู มไดอ ยางนน้ั ไมตองถือนสิ ยั ไปไดส ้นิ วนั แมมาก ถาเขา ไปสูอาวาสบางตาํ บลซ่ึงตนเคยถอื นสิ ยั อยูแ มในกาลกอน แมจะคา งคนื เดียว ก็ตอ งถอื นสิ ัย. พกั อยูในระหวา งทางหรือหาพวกอยู ๒ - ๓ วัน ไมเ ปน อาบตั ิ. แตภายในพรรษาตอ งอยปู ระจําท่ี และตอ งถือนิสัย. แตไ มเ ปนอาบัตแิ กภิกษุผไู ปในเรือ แตไมไ ดน ิสยั ในเม่อื ฤาดฝู นแมมาแลว . บทวา ยาจิยมาเนน มีความวา ผูอนั ภกิ ษุไขน น้ั ออกปากขอ ถาภิกษไุ ขแ มเธอบอกวา ทา นจงออกปากขอกะเรา ดังนี้ แตไ มย อมออกปากขอเพราะมานะ เธอพึงไป. สองบทวา ผาสุ โหติ มคี วามวา ความสําราญ มดี วยอาํ นาจแหงการไดเฉพาะซึง่ สมถะและวิปส สนา. อนั ท่ีจรงิ พระโสดาบัน ยอ มไมไ ดเลยซึ่งบริหารนี้ พระสกทาคามพี ระอนาคามแี ละพระอรหนั ต กไ็ มไ ด บคุ คลผูมีปกตไิ ดส มาธหิ รือวปิ สสนาอนั แกก ลา แลว ยอมไมไ ดบรหิ ารนี.้ อนั คําที่จะพง้ึกลา วยอ มไมม ีในพาลปถุ ชุ น ผูละเลยกมั มัฏฐานเสียแท. แตวาสมถะกด็ ี วิปส สนากด็ ี ของภิกษใุ ดแล ยงั เปน คณุ ชาตอิ อน ภกิ ษนุ ย้ี อมไดบ ริหารนี.้ แมป วารณาสงเคราะห๑ พระผูม ีพระภาคเจาไดท รงอนญุ าตแกภกิ ษผุ ูม ีสมถะและวปิ ส สนายังออ นนเี้ ทานน้ั . เพราะเหตุนัน้ บคุ คลนี้ แมเ ม่ืออาจารยป วารณาแลวไปแลวดวยลวง ๓ เตอื น จะทาํ ความผกู ใจวา เมื่อใค ภกิ ษผุ ใู หนสิ ัยซ่ึงสมควรจักมาเม่อื นั น เราจกั อาศัยภกิ ษนุ นั้ อยู แลว ไมถือนิสัยอยูจนถงึ วันอาสาฬหปณุ ณมี๑. คอื ทรงอนญุ าตใหเลือ่ นปวารณาไปทําในวนั เพ็ญเตือนกัตตกิ าหลงั .

พระวนิ ัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 374ดิถีเพญ็ เตอื น ๘ อีกกค็ วร. แตถา ในอาสาฬหมาส อาจารยไ มมา ควรไปในท่ีซึ่งตนจะไดนสิ ัย. อรรถกถาเอกานสุ สาวนากถา สองบทวา โคตฺเตนป อนุสฺสาเวตุ มีความวา เราอนุญาตใหภิกษุระบุโคตรสวดประกาศอยา งน้วี า ผูมชี ่ืออยา งน้เี พงอปุ สมบทแกพระมหากสั สปะ. สองบทวา เทฺว เอกานุสฺสาวเน มีความวา เราอนุญาตใหภ กิ ษุทําการสวดประกาศอุปสมั ปทาเปกขะ ๒ คนรวมกันได. อธบิ ายวา เราอนุณาตใหอ าจารย ๒ รูปอยา งน้ี ถอื อาจารยร ปู ๑ สาํ หรับอุปสัมปทาเปกขะคน ๑อาจารยอื่นสาํ หรบั อปุ สมั ปทาเปกขะอกี คน ๑ หรอื อาจารยรูปเดยี วสวดกรรมวาจาประกาศใหอุปสมบทในขณะเดียวกันได. คําวา เทวฺ เทวฺ ตโย เอกานุสสฺ าวเน กาตุ ตฺจ โข เอเกนอปุ ชฌฺ าเยน มคี วามวา เราอนญุ าตใหภ กิ ษุทาํ การสวดประกาศชน ๒ คนหรือ ๓ คนรวมกัน โดยนัยกอนน่ันแล. และเราอนุญาตอนุสสาวนกิรยิ าน้นั แลดวยอปุ ชฌายร ปู เดยี ว. เพราะเหตนุ น้ั อุปสัมปทาเปกขะ ๒ คน หรือ ๓ คนอนั อาจารยรูปเดยี ว พึงสวดประกาศ กรรมวาจา ๒ หรอื ๓ อนั อาจารย ๒ รปูหรอื ๓ รูป พึงสวดดวยลงมือพรอ มกันทีเดียวอยางนี้ คือ อาจารยรปู ๑ พึงสวดแกอุปสมั ปทาเปกขะรปู ๑. แยก ๆ กนั ไป. แตถาอาจารยก ็ตางรปูอปุ ช ฌายตางรูปกนั คอื พระติสสเถระสวดประกาศสัทธวิ ิหารกิ ของพระสมุ น-เถระ พระสุมนเถระสวดประกาศสัทธิวิหาริกของพระติสสเถระ และตา งเปนคณปูรกะของกันและกัน อยางนี้ควร. และถา อุปชฌายตางรปู กัน อาจารยรปูเดียว อยางชอ่ื วาไมค วร เพราะพระผมู พี ระภาคเจาทรงหา มไววา แตเ ราไมอนญุ าตดวยอุปชฌายตา งรูปกนั เลย ดังน้ี จริงอยูก ารหา มน้ีหมายเอาคาํ บาลนี .ี้

พระวินัยปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนา ท่ี 375 อรรถกถาอุปสัมปทายัตตวธิ ี พงึ ทราบวินิจฉยั ในคาํ วา ปม อปุ ชฌฺ  คาทาเปตพฺโพ นีต้ อไปภกิ ษใุ ดยอ มสอดสอ งโทษและมิใชโทษ เหตนุ ้ัน ภกิ ษนุ ั้นชอื่ อปุ ชฌาย.อุปสมั ปทาเปกขะน้ัน อันภิกษพุ ึงใหวาถอื อุปชฌายน ้นั อยา งนี้วา ขอทานเปนอปุ ชฌายของขาพเจาเถดิ เจาขา . บทวา วติ ถฺ ายนฺติ มีความวา อปุ สัมปทาเปกขะท้งั หลาย ยอ มเปนผมู ีตวั แขง็ ท่ือ. สองบทวา อุลลฺ มุ ปฺ ตุ ม มคี วามวา ขอสงฆยกขา พเจาขึน้ เถดิ . ศัพท ตาวเทว มคี วามวา ในเวลาตดิ ตอ กับเวลาที่อปุ สัมปทาเปกขะอุปสมบทแลว ทเี ดยี ว. ขอ วา ฉายา เมตพฺพา มีความวา พึงวดั เงาวา ชัว่ บุรุษ ๑ หรอื วา๒ ชวั่ บรุ ุษ. ขอ วา อตุ ปุ ฺปมาณ อาจกิ ขฺ ิตพพฺ  มีความวา พึงบอกประมาณฤดูอยา งนีว้ า ฤดูฝน ฤดูหนาว ฤดูรอ น และฤดนู ่นั เอง ชอ่ื ประมาณแหง ฤดใู นคาํ น้ี ถาฤดทู ั้งหลายมฤี ดฝู นเปน ตน ยิ่งไมเ ตม็ ฤดใู ดของอปุ สัมบนั ใด ยังไมเ ตม็ดวยวนั มีประมาณเทาใด, พงึ กําหนดวันเหลานน้ั แหงฤดนู น้ั แลว บอกสว นแหง วนั แกอุปสมั บนั น้ัน. อกี ประการหนงึ่ พงึ บอกประมาณฤดูอยา งนี้วาฤดูช่ือนท้ี ้งั ฤดนู น้ั แลเตม็ หรือยังไมเตม็ พงึ บอกสว นแหง วันอยางน้ีวา เชาหรือเย็น. บทวา สงฺคีติ เปน ตน มคี วามวา พึงประมาณการบอกท้ังหมดมีบอกกําหนดเงาเปนตนน้แี ลเขาดวยกันบอกอยางนีว้ า เธออันใคร ๆ ถามวาทานไดฤ ดูอะไร ? เงาของทา นเทาไร ? ประมาณฤดูของทานอยา งไร สวน

พระวนิ ยั ปฎ ก มหาวรรค เลม ๔ ภาค ๑ - หนาที่ 376แหงวนั ของทา นเทา ไร ? ดงั น้ี พึงกลา ววา ขาพเจาไดฤดูช่ือนี้ คือ ฤดูฝนก็ตามฤดหู นาวก็ตาม ฤดรู อนก็ตาม เงาของขา พเจาเทานี้ ประมาณฤดูเทาน้ี สว นแหงวันเทาน้.ี บทวา โอหาย ไดแก ท้ิง. สองบทวา ทุติย ทาตุ มคี วามวา เราอนญุ าตใหภกิ ษุใหเ ปนเพื่อนแกภิกษผุ ูอ ุปสมบทใหม ซง่ึ จะไปสบู ริเวณจากโรงทอี่ ปุ สมบทและใหบ อก-อกรณียกิจ ๔ . บทวา ปฌฑฺ ุปลาโส ไดแก ใบไมมสี เี หลือง. สองบทวา พนธฺ นา ปมุตฺโต ไดแก หลนแลวจากขวั้ . สองบทวา อภพโฺ พ หรติ ตตฺ าย มีความวา ไมอ าจเปน ของเขยี วสดอีก. สองบทวา ปถุ ุสลิ า ไดแก ศิลาใหญ. ขอ วา อลพฺภมานาย สามคคฺ ิยา อนาปตตฺ ิ สมฺโภเค ส วาเสมคี วามวา ความพรอ มเพรียงเพื่อประโยชนแ กการทําอกุ เขปนียกรรมแกภ ิกษุนนั้อันภกิ ษุยงั ไมไ ดเพียงใด ไมเปน อาบตั ใิ นเพราะกินรวม๑ และอยรู วมตางโดยทําอโุ บสถ และปวารณาเปน ตนกับภิกษนุ ้ัน เพยี งน้นั . คําทเ่ี หลือทกุ แหง นบั วาปรากฏแลวแท เพราะเปน คําทีจ่ ะพึงทราบไดงาย โดยทํานองท่กี ลา วไวแลวในมหาวภิ งั ค ดว ยประการฉะน.ี้ คาํ อธิบายความแหง มหาขันธกะ อันประดบั ดว ย ๑๗๒ เร่อื งในอรรถกถาแหงพระวนิ ยั ชอื่ สมันตปาสาทกิ า จบ๑. สมฺโภเคติ ธมฺมสมโฺ ภเค อามิสสมโฺ ภเิ ค จาติ สารตฺถทีปนี.
















































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook