Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_56

tripitaka_56

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:42

Description: tripitaka_56

Search

Read the Text Version

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 386พวกภิกษปุ ระชมุ กนั ในธรรมสภา ตั้งขอ สนทนากนั วา ผูมีอายุทง้ั หลาย พระเถระทีม่ ีนามวา สวี ลี มีบุญมาก มีความปรารถนาอันตั้งไวแ ลว เปนสตั วอบุ ัติในภพสดุ ทา ย เห็นปานน้ี ตอ งอยูใ นโลกโลหกมุ ภถี ึง ๗ ป แลวยังตอ งถึงความหลงครรภ ๗ วนั นา สงสารพระมารดาตองทรงเสวยทกุ ขอยางใหญหลวง ทานไดก ระทํากรรมอะไรไวหนอแล พระศาสดาเสด็จไป ณ ธรรมสภานน้ัตรัสถามวา ดูกอนภกิ ษทุ ั้งหลาย พวกเธอนงั่ สนทนากันดว ยเรื่องอะไรในบัดนี้ เมื่อพวกภิกษุกราบทูลใหท รงทราบแลวตรสั วา ดูกอนภิกษุทงั้ หลาย การอยูในโลหกุมภถี ึง ๗ ป และการถงึ ความหลงครรภอ ีก ๗ วนั ของสีวลผี มู ีบญุ มาก มกี รรมทตี่ นทําไวเ ปนมูลทเี ดยี ว ความทุกขใ นอันบรหิ ารครรภดว ยการอุมทองไวถ ึง ๗ ป และทกุ ขเ พราะหลงครรภถ งึ ๗ วนั แมข องพระนางสุปปวาสานน้ั เลา กม็ ีกรรมท่ตี นกระทาํ ไวเปน มลู เหมือนกนัอนั ภิกษุท้ังหลายกราบทูลอาราธนา แลวทรงนาํ เอาเร่อื งในอดีตมาสาธก ดังตอ ไปนี้ :- ในอดีตกาล คร้ังพระเจา พรหมทัตเสวยราชสมบตั อิ ยูในกรงุ พาราณสี พระโพธิสัตวทรงถือปฏิสนธิในพระอุทรแหงพระมเหสีของพระเจาพรหมทตั พระองคนนั้ ทรงเจรญิ วัยแลวทรงศกึ ษาสรรพศิลปวทิ ยา ณ เมืองตกั กสิลา คร้ันพระชนกเสดจ็ ทวิ งคต กท็ รงครองราชสมบัตโิ ดยธรรม สมยั น้ันพระเจา-โกศล ทรงกรฑี าพลเปน กองทัพใหญ เสด็จมายดึ พระนคร-

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 387พาราณสไี ด สาํ เร็จโทษพระราชาเสียแลว กระทําอคั รมเหสีของพระราชานนั้ แหละใหเ ปน อัครมเหสขี องพระองค ฝา ยพระโอรสของพระเจาพาราณสี เวลาท่พี ระราชบิดาเสด็จสวรรคต เสดจ็ หนไี ปทางชอ งระบายน้าํ ทรงรวบรวมกําลังไดยกมาสูพระนครพาราณสี ประทบั พักแรมในทีไ่ มไ กล ทรงสงหนงั สือไปถึงพระราชานั้นวา จงมอบราชสมบตั ิคนื หรอื มฉิ ะนัน้จงรบกัน พระราชาน้ันทรงตอบหนังสือไปวา เราจะทาํ การยทุ ธฝา ยพระราชมารดาของพระราชกมุ าร ทรงสดับสาสนนัน้ แลวลอบสงหนังสือไปวา ไมต องทาํ การรบดอก จงลอมพระนคร-พาราณสี ตัดการไปมาของพระนครเสียใหเ ด็ดขาดสัก ๗ วนัแตน ั้นก็ยึดพระนครซง่ึ ผคู นลําบากแลวดว ยการส้ินฟน น้ํา และภตั ต โดยไมต องรบเลย พระราชกุมารฟง ขา วของพระมารดาแลว ก็ลอ มพระนครไว ตดั การไปมาเด็ดขาดตลอด ๗ วนั ชาวเมืองไปมาไมไ ด กต็ ดั เอาเศยี รของพระราชานนั้ ไปถวายพระกุมารในวนั ที่ ๗ พระราชกุมารก็เสด็จเขา พระนครครองราชสมบัติเมอื่ ส้ินพระชนมายุ กเ็ สด็จไปตามยถากรรม. ในกาลบดั นี้ พระสีวลนี นั้ ตอ งอยูใ นโลหกุมภีตลอด ๗ ปถงึ ความเปน ผูหลงครรภ ๗ วนั ดว ยกระแสกรรมทลี่ อมพระนครตดั การไปมาเสยี เดด็ ขาดถงึ ๗ วัน แลว ยืดเอา ก็แตวา ทานไดใหม หาทาน กระทาํ ความปรารถนาไวแ ทบพระบาท แหงพระ-ปทมุ ุตตรพุทธเจา วา ขา พเจา พึงเปน ผูเ ลศิ กวาบุคคลผูม ลี าภ

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 388ทงั้ หลาย และในครง้ั พระวิปสสีพุทธเจา รว มกบั ชาวเมอื งถวายเนยแข็ง มีมลู คาราคาหนึ่งพัน แลว ไดก ระทําความปรารถนาไว ดวยอานุภาพแหงทานนั้น จึงไดเปนผูเ ลศิ กวาผูมลี าภท้งั หลายสวนพระนางสุปปวาสาเลา เพราะสงขาวไปวา จงลอมพระนครยึดเอาเถิดพอ จงึ ตอ งทรงบรหิ ารครรภอุมพระอทุ รตลอด ๗ ปแลว ยงั ตอ งเกิดครรภหลงอีกถึง ๗ วัน ดงั นีแ้ ล. พระศาสดาทรงนาํ เอาเรอ่ื งในอดตี นี้มาสาธกแลว ตรสั พระคาถานี้ เปน อภิสมั -พทุ ธคาถา ความวา :- \" สง่ิ ทไี่ มน าชื่นชม ขม ผปู ระมาทไว ดว ยทที า อนั นา ชน่ื ชม สงทไ่ี มน า รัก ขม ผู ประมาทไว ดวยทีทาอนั นารกั ทกุ ขข มผูประมาท ไวด วยทีทาของความสุข\" ดงั นี้. บรรดาบทเหลา น้นั บทวา อสาต สาตรูเปน ความวาส่งิ ทไ่ี มนา ชื่นชม คอื ไมมรี สหวานเลย ยอ มขม ผูประมาทดว ยทที า เหมอื นมีรสอรอย. บทวา ปมตตฺ มติวตฺตติ มีอธบิ ายวา สงิ่ ทงั้ ๓ อยางนี้คอืสิ่งทไี่ มนาชน่ื ชม ส่ิงทีไ่ มนา รกั และ ทกุ ข ยอ มขม คอื ครอบงําบุคคลผปู ระมาทแลว ดวยสามารถแหง การอยปู ราศจากสติดวยอาการมที ที า อันนาช่ืนชมเปนตนน้ี เร่ืองน้พี ึงทราบวา ขอ ที่มารดาและบุตรเหลาน้นั ถูกส่ิงทไี่ มน าชนื่ ชม กลา วคือ การบริหารครรภ และการอยูในครรภเ ปนตน น้ี ครอบงําแลว ดวยการ

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 389เปรยี บใหเ หน็ การปด ลอมพระนครไวใ นครง้ั กอนเปนตน อนั ใดก็ดี ขอ ทบ่ี ดั นอ้ี บุ าสกิ านน้ั ยอมใหส่งิ ที่ไมนา ช่ืนชม ไมนารกัเปนทกุ ขเ ห็นปานน้ี ครอบงาํ ซา้ํ อีกถึง ๗ คร้ัง ดวยรูปเทียมอันชวนใหเ ขาใจผิดวา นาช่นื ชม กลาวคือบตุ ร อนั เปนท่ีตัง้ แหงความรักเปนตน จึงกราบทลู อยางน้นั อนั ใดกด็ ีพระผมู ีพระภาคเจาทรงหมายเอาสิ่งนัน้ ๆ ทั้งหมด ตรสั แลว. พระศาสดาทรงนําพระธรรมเทศนานมี้ าแลว ทรงประชุมชาดกวา ราชกมุ ารผูลอ มพระนคร แลว สบื ราชสมบตั ใิ นครงั้ น้นัไดม าเปน สีวลีในคร้งั น้ี พระมารดาไดมาเปน พระนางสุปปวาสาสวนพระเจาพาราณสผี เู ปนพระราชบิดา ไดม าเปนเราตถาคตฉะนแี้ ล. จบ อสาตรปู ชาดกที่ ๑๐ รวมชาดกทม่ี ใี นวรรคน้ี คอื ๑. ลิตตชาดก ๒. มหาสารชาดก ๓. วิสสาสโภชนาชาดก๔. โลมหงั สชาดก ๕. มหาสุทัสสนชาดก ๖. เตลปต ตชาดก๗. นามสิทธิชาดก ๘. กูฏวาณิชชาดก ๙. ปโรสทสั สนชาดก ๑๐. อสาตรปู ชาดก จบ ลิตตวรรคท่ี ๑๐ จบ มชั ฌมิ ปณณาสก

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 390 ๑๑. ปโรสตวรรค ๑. ปโรสตชาดก คนมีปญญาคนเดยี วกวาคนโงเขลาต้งั รอย [ ๑๐๑ ] คนโงเ ขลามาประชมุ กนั แมต้งั รอยคน ขน้ึ ไป พวกเขาไมม ีปญญา พึงเพง ดอู ยูตั้งรอ ยป ผูใดรแู จงเน้ือความแหงภาษิต ผนู ัน้ เปนบุรุษมี ปญญา คนเดียวเทา นน้ั ประเสริฐกวา . จบ ปโรสตชาดกที่ ๑ อรรถกถาปโรสตวรรคที่ ๑๑ อรรถกถาปโรสตชาดกท่ี ๑ ชาดกเรือ่ งน้ี มคี าถา ความวา :- \"คนโงเขลามาประชุมกัน แมต้ังรอยคน ข้นึ ไป พวกเขาไมมปี ญญา พึงเพง ดูอยูต ง้ั รอ ยป ผใู ดรแู จง เน้อื ความแหงภาษิต ผูน้นั เปน บุรุษมี ปญ ญา คนเดยี วเทานัน้ ประเสรฐิ กวา\" ดังนี้. เหมือนกันกับปโรสหสั สชาดก โดยเน้ือเร่อื ง โดยไวยากรณและโดยประชุมชาดก แตใ นชาดกน้ี มีแปลกเพียงบท ฌาเยยฺยุ

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 391บทเดยี วเทา นั้น. คาถานนั้ มอี รรถาธิบายวา คนเหลานนั้ ไมม ีปญญา พึงเพง พงึ ดู พงึ ใครครวญแมตลอดรอยป แมว าจะดูอยูอยางน้ี กย็ อมไมเห็นเหตหุ รอื ผล เหตุนั้น ผใู ดรูเนื้อความแหงคาํ ท่เี รากลาวไวได ผูนั้นคนเดียวเทา นน้ั มีปญ ญา ประเสรฐิ กวาฉะนแี้ ล. จบ อรรถกถาปโรสตชาดกท่ี ๑

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 392 ๒. ปณณิกชาดก วา ดว ยทพ่ี ึ่งท่ีโทษ [๑๐๒] \"ยามเม่ือฉันมที ุกข ผูใดเลา เปน ท่พี ่ึง ทานผูน ั้นคือบดิ าของฉนั กําลงั ประทุษรา ยฉนั ในปา ฉันจะรอ งหาใครในกลางปา ทา นผูจะชวย ไดก ลบั ทํากรรมอันสาหสั เสียเอง\" จบ ปณณิกชากดกที่ ๒ อรรถกถาปณณกิ ชาดกที่ ๒ พระศาสดา เมอ่ื ประทบั อยู ณ พระเชตวันมหาวหิ ารทรงปรารภอบุ าสกพอ คา ผกั ผูหนึง่ ตรสั พระธรรมเทศนานี้ มีคําเร่มิ ตน วา โย ทกุ ฺขผฏุ ฐ าย ภเวยฺย ตาณ ดงั นี้. ไดย นิ วา อุบาสกชาวเมอื งสาวตั ถนี ั้น ขายผกั ตาง ๆ มีฝก ขา วเปน ตน และผกั ผลมนี าํ้ เตา และผกั เปนตน เลยี้ งชีวิตเขามีธิดาคนหนง่ึ รปู รา งงดงาม แจม ใส สมบูรณดว ยมารยาทและความประพฤติ ประกอบดว ยหริ โิ อตตัปปะ เสียอยางเดยี วที่ชอบหวั เราะหนา ร่ืนอยูเสมอ เมอ่ื สกุลท่คี คู วรพากันมาสขู อนางเขาคดิ วา การสูขอรายน้กี ําลังดําเนินไป สวนลกู สาวเราคนน้ีหัวเราะหนา รื่นอยเู ปน ประจํา กเ็ มื่อนางกุมารียังไมม ีสมบัติ

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 393ลกู ผหู ญิง ไปสตู ระกลู ผัว ยอมเปน ที่ครหาถงึ มารดาบิดาไดเราตอ งทดลองลกู เราดูวา มีกุมาริกาธรรมหรือยงั ไมมี วนั หน่ึงเขาใหธ ดิ าถือกระเชา ไปปา เพ่ือเกบ็ ผักในปา แลวทําเปนถูกกิเลสรัดรึงดว ยมุงจะทดลอง พลางกลาวถอ ยคําเลาโลม แลวจบัมือนางไว พอนางถกู จับมอื เทา น้นั กร็ อ งไหค รํ่าครวญกลา ววาพอจาเรื่องนีไ้ มม คี วรเลย เปน เชน กบั ความปรากฏขึน้ แหง ไฟจากนา้ํ พออยา ทาํ อยา งนเี้ ลย เขากลาววา ลกู รกั พอ จบั มือเจาเพอื่ จะลองดู จงบอกพอ ซลิ ูกวา เดีย๋ วนี้เจามกี ุมาริกาธรรมแลวนางตอบวา มีจะ พอ เพราะฉันไมเ คยมองผชู ายคนไหน ดวยคดิอยากจะไดเลย เขาปลอบธดิ าแลว ทาํ การมงคล สง ตวั ไปสูตระกูลผวั คิดวา เราจกั ถวายบงั คมพระศาสดา ถอื ของหอมและดอกไมเ ปน ตน ไปพระเชตวนั มหาวิหาร ถวายบังคมพระ-ศาสดา บชู าแลว น่งั ณ สว นขางหนึง่ เม่ือมีพระพทุ ธดํารสั วานานอยูน ะท่ที า นมา จงึ กราบทูลเร่อื งนัน้ แดพ ระผูม พี ระภาคเจาพระศาสดาตรสั วา อบุ าสก กุมารกิ าถงึ พรอ มดว ยมารยาทและศีลมานานแลว เทยี ว อนงึ่ ทานมใิ ชเพ่ิงจะทดลองนางอยางนีใ้ นบดั น้ีเทา นั้น แมใ นครั้งกอนกเ็ คยทดลองมาแลวเหมอื นกัน เขากราบทูลอาราธนา ทรงนําเอาเร่อื งในอดตี มาสาธก ดงั ตอไปนี้ :- ในอดีตกาล ครงั้ พระเจาพรหมทัตเสวยราชสมบัตอิ ยูในพระนครพาราณสี พระโพธสิ ตั วเ สวยพระชาติเปน รกุ ขเทวดาในปา เร่อื งราวมวี า ครงั้ นนั้ ในพระนครพาราณสี มีพอ คา

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 394ผักคนหน่งึ ดงั นต้ี อ นไี้ ป เชนเดียวกันกบั เร่อื งปจจบุ ันนั่นแหละ ผิดกนั แตต อนท่ีนางพอถูกเขาจับมือ เพอื่ ลองใจ กร็ ่าํ ไหก ลา วคาถาน้ีวา \"ยามเมอื่ ฉันมที ุกข ทานผใู ดเลาเปนทพ่ี ่ึง ทา นผนู ้ันคอื บิดาของฉนั กาํ ลงั ประทษุ รา ยฉัน ในปา ฉนั จะรํ่ารองหาใครในกลางปา ทา นผจู ะ ชว ยไดกลับทํากรรมอันสาหสั เสียเอง\" ดงั น้.ี บรรดาบทเหลานน้ั บทวา. โย ทกุ ขฺ ผฏุ  าย ภเวยยฺ ตาณความวา ในยามเมือ่ ทุกขทางกาย ทุกขท างใจมาพองพาน ทา นผใู ดพงึ เปน ผูตานทาน คอื เปน ทีพ่ าํ นัก. บทวา โส เม ปต า ทพุ ฺภิ วเน กโรติ ความวา ทา นผูนน้ัคอื บิดาของฉนั คอยชวยปอ งกนั ตา นทุกขให กาํ ลงั กระทาํ กรรมอันตดั เย่ือใยไมตรี อันนาบัดสเี ชนนใ้ี นปา น้ีเสยี เอง คือกําลังคดิเพื่อจะกระทาํ การลว งเกินธดิ าทีต่ นใหกําเนิดเกดิ มา. ดวยบทวา กสสฺ กนฺทามิ น้ี นางแสดงความวา ฉันจะรอ งไหห าใคร คือใครจกั มาเปนท่พี งึ่ ใหฉ ัน. บทวา โย ตายิตา โส สหสา กโรติ ความวา ทา นผูใ ดเลาท่ีจะปกปองคุมครองฉัน ควรจะเปน ทพ่ี ่ึงพํานกั ได ทานผูน น้ั คือบิดาคนเดียว กําลงั การทาํ กรรมอันนาบัดสี. คร้ังนน้ั ผูเ ปนบดิ า จึงปลอบนาง แลวถามวา แมค ุณ เจารักษาตนไดแ ลวหรอื ? นางตอบวา จะพอ ฉนั รักษาตนเองได

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 395เขากพ็ านางมาเรือน ประดบั ตกแตง ทาํ การมงคลแลวสงไปสูสกลุ ผัว. พระศาสดาทรงนาํ พระธรรมเทศนานีม้ าแลว ทรงประกาศสัจจะ เวลาจบสัจจะ อบุ าสกดาํ รงอยใู นโสดาปตตผิ ลแลว ทรงประชุมชาดกวา บิดาในครง้ั น้นั ไดม าเปน บิดาในครงั้ น้ี ธิดาก็คงมาเปนธดิ า สวนรุกขเทวดาผูเห็นเหตกุ ารณน น้ั โดยประจกั ษไดม าเปน เราตถาคต ฉะน้ีแล. จบ อรรถกถาปณ ณิกชาดกท่ี ๒

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 396 ๓. เวริชาดก การอยูร ว มกับบุคคลทเ่ี ปน ไพรี [๑๐๓] \"ไพรีอาศยั อยใู นทใ่ี ด บณั ฑติ ไมค วรอยู ในทนี่ ้นั บุคคลอยใู นพวกไพรี คนื หนง่ึ หรอื สองคนื ยอ มอยูเ ปน ทุกข\" ดังนี้. จบ เวรชิ าดกที่ ๓ อรรถกกถาเวรชิ าดกที่ ๓ พระศาสดา เมือ่ ประทบั อยู ณ พระเชตวนั มหาวหิ ารทรงปรารภ ทา นอนาถบณิ ฑิกเศรษฐี ตรัสพระธรรมเทศนานี้มีคําเริม่ ตนวา ยตถฺ เวรี นวิ ีสติ ดังน.้ี ไดยินวาทานอนาถบณิ ฑกิ เศรษฐี ไปสูหมบู านสว ยแลวกาํ ลังเดนิ มา พบพวกโจรในระหวางทาง คิดวา ไมค วรพกั แรมในระหวางทาง ตอ งไปใหถงึ พระนครสาวตั ถีทเี ดียว แลว ขบัฝงู โคมาถงึ พระนครสาวัตถีโดยรวดเรว็ รงุ ขน้ึ ไปสูพระวิหารกราบทลู เร่ืองนั้นแดพ ระศาสดา พระศาสดาตรัสวา ดูกอ นคฤหบดี แมใ นปางกอน บณั ฑติ พบโจรในระหวา งทาง ไมค างแรมในระหวางทาง ไปจนถงึ ที่อยูของตนทีเดียว ทานอนาถบณิ ฑิกะกราบทลู อาราธนา ทรงนําเอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดงั ตอ ไปน้ี :-

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 397 ในอดีตกาล ครงั้ พระเจาพรหมทัตเสวยราชสมบตั ิอยใู นพระนครพาราณสี พระโพธสิ ตั วเ สวยพระชาตเิ ปน เศรษฐี มีสมบัติมาก ไปสูทีร่ บั เชิญในหมบู า น เพื่อการบรโิ ภค เมือ่ เดินทางกลับ พบพวกโจรในระหวางทาง ไมห ยุดในระหวา งทางเลยรบี ขบั โคทั้งหลาย มาสเู รอื นของตนทีเดียว บรโิ ภคอาหารดวยรสอนั เลิศ นั่งเหนือทีน่ อนอันมรี าคามาก ดําริวา เราพนจากเงอื้ มมอื โจร มาสูเรือนตนอนั เปนท่ปี ลอดภัย แลว กลา วคาถาน้ีดว ยสามารถแหง อุทานวา :- \" ไพรีอาศยั อยใู นทใ่ี ด บัณฑติ ไมพ งึ อยู ในทีน่ น้ั บุคคลอยใู นพวกไพรี คนื หนง่ึ หรอื สองคนื ยอ มอยเู ปนทกุ ข\" ดังน้.ี บรรดาบทเหลานน้ั บทวา เวรี ไดแ กบ ุคคลผเู พียบพรอ มดว ยเจตนาคดิ กอเวร. บทวา นิวสี ติ แปลวา ยอ มพํานกั อยู บทวา น วเส ตตฺถ ปณฑฺ ิโต ความวา บุคคลผูเปนไพรีน้ันพํานัก คอื อาศัยอยูในท่ีใด บณั ฑิตคือทา นผูป ระกอบดวยคณุ เครือ่ งความเปน บณั ฑติ ไมค วรอยูใ นท่นี ้นั . เพราะเหตไุ ร ? เพราะบคุ คลอยใู นกลมุ ไพรี คนื หนงึ่ หรอื สองคืน ยอมอยูเปนทุกข ขยายความวา บคุ คลเมื่ออยูใ นกลุม ของไพรี แมวันเดียวสองวนั กช็ ่ือวาอยูเปน ทุกขท้ังนั้น.

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 398 พระโพธสิ ัตว เปลง อุทานดว ยประการฉะน้ี กระทาํ บญุมใี หท านเปนตน แลว ไปตามยถากรรม. พระศาสดาทรงนําพระธรรมเทศนาน้มี าแลว ทรงประชุมชาดกวา ในครั้งน้ัน เราตถาคตแล ไดเปนเศรษฐีเมืองพาราณสีฉะนีแ้ ล. จบ อรรถกถาเวรชิ าดกที่ ๓

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 399 ๔. มติ ตวินทชาดก โทษของผูลอุ าํ นาจความปรารถนา [๑๐๔] \"ผทู มี่ คี วามปราถนาเกนิ สว น มอี ยู ๔ กต็ องการ ๘ มี ๘ ก็ตองการ ๑๖ มี ๑๖ ก็ตองการ ๓๒ บัดน้ีมาไดรับกงจักรกรด กรจกั รกรดพดั อยูเ หนอื ศรี ษะ ของคนผูล อุ าํ นาจความปราถนา\" จบ มิตตวนิ ทชาดกที่ ๔ อรรถกถามติ ตวนิ ทชาดกที่ ๔ พระศาสดา เมอ่ื ประทบั อยู ณ พระเชตวนั มหาวิหารทรงปรารภภิกษผุ วู า ยากรูปหนงึ่ ตรสั พระธรรมเทศนานี้ มีคําเรมิ่ ตน วา จพุพภฺ ิ อฏ ชฺฌคมา ดงั น้ี. เรื่องราวพงึ ใหพ สิ ดารตามนัยท่ีกลา วแลว ในมิตตวนิ ทชาดกในหนหลัง สว นชาดกนี้ เปน เรือ่ งราวท่เี กดิ ในกาลแหง พระพทุ ธเจาทรงพระนามวา กสั สปะ กใ็ นกาลคร้ังนัน้ เนรยกิ สัตวต นหน่ึงทลู จักรกรดไวไ หมอยูในนรก ถามพระโพธิสัตวว า ทานเจาขาขาพเจาไดก ระทาํ บาปกรรมอะไรไวเ ลา หนอ ? พระโพธสิ ัตวกลาววา เจา ไดกระทาํ บาปกรรมนี้ ๆ แลว กลาวคาถา ความวา :-

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 400 \" ผูทีม่ คี วามปรารถนาเกินสวน มอี ยู ๔ ก็ตองการ ๘ มี ๘ กต็ อ งการ ๑๖ มี ๑๖ ก็ตอ งการ ๓๒ บดั น้ีมาไดร บั กงจักรกรด กรงจักกรดพัด อยเู หนอื ศีรษะ ของคนผลู ุอาํ นาจความปรารถนา ดังนี้. บรรดาบทเหลานั้น บทวา จตุพภฺ ิ อฏ ชฌฺ คมา ความวาเจา ไดเวมานิกเปรต ๔ นางในระหวา งสมุทร ยงั ไมพ อใจดวยนางเหลา น้ัน จงึ เดินมงุ ตอไปขา งหนา ดว ยปรารถนาเกินสวนไดค รอบครองนางทัง้ ๘ อีก แมในบทท้งั สองทเี่ หลอื ก็มนี ัยน้ีเหมือนกัน. บทวา อตรฺ ิจฺฉ จกกฺ มาสโท ความวา เจาไมพอใจดว ยลาภของตนอยางนี้ ยังปรารถนาเกนิ สว น คอื ตองการตอ ไปไมรูหยดุ มงุ ลาภขางหนา ตอไป คราวน้จี ึงมาโดนจกั รกรด คือถึงจักรกรดนี้ เจาน้นั อันความปรารถนากาํ จดั เสียแลว คอื ถูกตณั หาความทะยานอยาก กําจดั คือเขาไปตัดรอนเสยี แลว จักรกรดจึงพดั ผนั บนหัวเจา ในจกั รทั้งสอง คอื จักรหินเละจักรเหลก็พระโพธิสตั วเหน็ จกั รเหลก็ คมปานมีดโกน พดั ผันอยูบ นหวั ของเขาดว ยสามารถแหง การพดั หมุนเวยี นตอ เน่อื งกนั ไป จงึ กลาวอยางนี้. ก็และคร้ันกลา วอยางนแี้ ลว ก็กลับไปสูเทวโลกของตน.


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook