Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_56

tripitaka_56

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:42

Description: tripitaka_56

Search

Read the Text Version

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 401 แมเนรยกิ สตั วน ั้น เมอ่ื บาปของตนสิ้นแลว กไ็ ปตามยถากรรม. พระศาสดาทรงนําพระธรรมเทศนานี้มาแลว ทรงประชมุชาดกวา มติ ตวินทกะในครั้งนั้น ไดมาเปน ภิกษุผูวายาก สวนเทวบตุ รไดมาเปน เราตถาคต ฉะน้แี ล. จบ อรรถกถามติ ตวนิ ทชาดกที่ ๔

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 402 ๕. ทุพพลกัฏฐชาดก วา ดว ยชา งกลวั ไมแ หง [๑๐๕] \"ลมยอมพดั ไมแ หง ทท่ี ุรพลในปานี้ แม มีจาํ นวนมากมายใหหกั ลง แนะ ชา งตัวประเสริฐ ถา ทา นมวั กลัวตอไมแ หง นัน้ ทานจกั ซบู ผอม เปน แน\". จบ ทพุ พลกัฏฐชาดกท่ี ๕ อรรถกถาทพุ พลกัฏฐชาดกท่ี ๕ พระศาสดา เมอ่ื ประทับอยู ณ พระเชตวนั มหาวิหารทรงปรารภภกิ ษุขลาดรปู หนง่ึ ตรัสพระธรรมเทศนาน้ี มีคําเร่มิ ตน วา พหมุ เฺ ปต วเน กฏ  ดงั นี้. ไดย นิ วา ภกิ ษนุ ัน้ เปนกุลบุตรชาวพระนครสาวัตถผี หู น่งึฟงธรรมของพระศาสดาแลว บรรพชา ไดเ ปน ผกู ลัวตายยิง่ นักเธอไดย นิ เสยี งลมพดั เสียงไมแ หงตก หรอื เสียงนก เสยี งจตบุ ทกส็ ะดงุ กลวั จะตาย รอ งเสียงลน่ั วิง่ หนีไป เพราะดวยเหตเุ พียงความระลึกวา เราตอ งตาย ดงั น้ี กไ็ มมีแกเ ธอเสยี เลย ก็ถา เธอพอจะรูวา เราตอ งตายดังน้ี กจ็ ะไมกลวั ตาย แตเพราะเธอไมเ คยเจรญิ มรหณัสสตกิ ัมมัฏฐานเลย จึงกลัว ความกลวั ตายของเธอ

พระสุตตันตปฎก ขุททกนิกาย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 403แพรหลายไปในหมูภกิ ษุ ภายหลงั วนั หนง่ึ ภิกษทุ ้งั หลายยกเอาเรอ่ื งนี้ขึน้ พดู กนั ในธรรมสภาวา ทา นผูมีอายทุ ัง้ หลาย ภกิ ษโุ นนขลาดตอ ความตาย กลวั ตาย ธรรมดาภิกษคุ วรจะเจริญมรณัสสติ-กัมมฏั ฐานวา เราตอ งตายแนนอน ดังน.ี้ พระศาสดาเสด็จมาตรสั ถามวา ดกู อนภกิ ษทุ ง้ั หลาย บัดน้ีพวกเธอนัง่ ประชุมสนทนากนั ดว ยเร่อื งอะไรเลา ครั้นภิกษทุ ้งั หลาย กราบทลู ใหท รงทราบแลว มรี บั สง่ั ใหห าภิกษุนน้ั มาเฝา ตรัสถามวา จริงหรือ ทเ่ี ขาวาเธอเปนคนกลวั ตาย เมื่อภิกษนุ ้ันกราบทลู วา จริงพระเจาขาตรสั วา ดูกอนภิกษุทัง้ หลาย พวกเธออยาเสียใจตอภกิ ษุน้ีเลยมิใชแ ตใ นบัดนเ้ี ทา น้นั ท่ภี กิ ษุน้เี ปนผูกลวั ตาย แมในกาลกอนเธอกเ็ ปน ผกู ลวั ตายเหมอื นกัน แลวทรงนําเอาเรือ่ งในอดตี มาสาธกดงั ตอไปนี้ :- ในอดตี กาล คร้งั พระเจาพรหมทัตเสวยราชสมบัติอยูในพระนครพาราณสี พระโพธสิ ัตวเ สวยพระชาตเิ ปนรุกขเทวดาในปาหิมพานต ในครั้งนั้น พระเจาพาราณสีทรงมอบมงคลหัตถีของพระองคใ หแกพวกนายหัตถาจารย เพอื่ ใหฝก หัตถงึ เหตุแหงความไมพ ร่นั พรึง พวกนายหัตถาจารยจึงมดั ชา งนัน้ ที่เสา-ตะลงุ อยางกระดกุ กระดิกไมไ ด พวกมนุษยพ ากันถอื หอกซดัพากันเขา ลอ ม กระทําใหเกิดความพรัน่ พรงึ ชา งถูกเขาบังคับดงั นั้น ไมอาจอดกลั้นเวทนาความหว่นั ไหวได ทําลายเสาตะลงุเสยี ไลก วดมนุษยใ หห นไี ป แลวเขาปา หิมพานต พวกมนุษย

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 404ไมอาจจะจบั ชางน้นั ไดก็พากันกลับ ชา งนัน้ ไดเปน สัตวก ลัวตายเพราะเรือ่ งนน้ั ไดยนิ เสียงลมเปน ตน ก็ตวั สั่น กลวั ตาย ท้ิงงวงวง่ิ หนีไปโดยเรว็ เปน เหมือนเวลาทีถ่ ูกมัดติดเสาตะลงุ ถูกบงั คับไมใหพรัน่ พรึงฉะน้ัน ไมไดความสบายกาย หรอื ความสบายใจมีแตความหวั่นระแวงเทีย่ วไป รกุ ขเทวดาเห็นชา งน้ันแลว ยนืบนคาคบไม กลาวคาถานค้ี วามวา :- \" ลมยอ มพัดไมแหง ทท่ี ุรพลในปา น้ี แมมจี ํานวนมากมาย ใหหกั ลง แนะ ชา งตวั ประเสริฐ ถาทา นยงั กลวั ตอไมแ หงน้นั ทา นจัก ซูบผอมเปนแน\" ดังน้.ี ในคาถานน้ั ประมวลอรรถาธบิ ายไดด งั นี้ :- ลมตางดวยลมท่ีมาแตท ิศบรู พาเปนตน ยอ มระรานตน ไมท ที่ ุรพลใดเลาตนไมนนั้ มมี ากมายในปาน้ี คอื หาไดง าย มีอยใู นปา น้ัน ๆ ถาเจากลวั ลมนนั้ กจ็ าํ ตอ งกลวั อยูเปนนิจ จักตอ งถึงความสนิ้ เนื้อและเลอื ด เหตุนัน้ ตงั้ แตน ตี้ อไป อยากลวั เลย. เทวดาใหโ อวาทแกช างนนั้ ดวยประการฉะนี้ ตัง้ แตน ั้นมาแมช า งนน้ั ก็หายกลวั . พระศาสดาครั้นทรงนําพระธรรมเทศนานีม้ าแลว ทรงประกาศสจั ธรรม แลว ทรงประชุมชาดกนีว้ า ชา งในครัง้ น้นัไดม าเปนภิกษนุ ้ี สวนรุกขเทวดา ไดมาเปนเราตถาคต ฉะนี้แล. จบ อรรถกถาทพุ พลกัฏฐชาดกท่ี ๕

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 405 ๖. อทุ ญั จนีชาดก วาดวยหญงิ โฉด [๑๐๖] \"หญงิ โฉดผนู ําของไปดว ยหมอ นาํ้ เบียด- เบียนฉัน ผมู ีชีวิตอยอู ยางเปน สขุ จะขอนา้ํ มัน หรือเกลอื กด็ ว ยการกลา วคาํ ออนหวาน ฐาน ภรรยา\" จบ อทุ ญั จนชี าดกท่ี ๖ อรรถกถาอทุ ัญจนชี าดกที่ ๖ พระศาสดา เมือ่ ประทับอยู ณ พระเชตวนั มหาวหิ ารทรงปรารภการเลา โลมของถุลกมุ ารกิ า (หญิงสาวเจาเนื้อ) ตรสัพระธรรมเทศนาน้ี มีคาํ เรม่ิ ตน วา สขุ  วต ม ชวี นตฺ  ดังนี.้ เนอ้ื เรอ่ื งจกั แจม แจงในจูฬนารทกสั สปชาดก เตรสนบิ าตนน่ั แล ก็พระศาสดาตรสั ถามภกิ ษนุ ้นั วา ดกู อ นภิกษุ ไดยินวาเธอกระสนั จริงหรอื ? เมอ่ื ภิกษนุ ัน้ กราบทูลวา จริงพระเจาขาขาแตพระผูมพี ระภาคเจา, ตรัสถามตอไปวา จติ ของเธอปฏิพัทธใ นอะไรเลา ? เธอกราบทลู วา ในหญงิ สาวเจาเนื้อนางหนึ่ง พระเจาขา .ลําดับนัน้ พระบรมศาสดาจึงตรัสกะภกิ ษุนนั้ วา ดกู อ นภิกษุนางนี้ เคยทําความฉบิ หายใหเธอ แมในกาลกอนเธออาศัยนางนี่

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 406ถงึ ความเส่ือมจากศลี เทยี่ วซบเซาไป ตออาศยั บณั ฑติ จงึ ไดความสุข แลวทรงนําเอาเรอื่ งในอดีตมาสาธก ดงั ตอ ไปน้ี :- เม่ือเร่ืองในอดีต ต้ังแตคาํ วา ในอดีตกาล ครง้ั พระเจา -พรหมทตั เสวยราชสมบัตอิ ยูใน พระนครพาราณสี เปนตนกจ็ กั แจมแจง ในจูพนารทกัสสปชาดกเหมือนกนั กใ็ นครัง้ นน้ัพระโพธิสัตว ถือผลาผลมาในเวลาเยน็ เปดประตูบรรณศาลาเขาไป ไดพดู คํานี้กะดาบสนอยผบู ุตรวา พอเอย ในวนั อนื่ ๆเจา หักฟน ตกั นา้ํ ด่มื ไว กอ ไฟไว แตว ันนไี้ มทาํ แมสักอยา งเดยี วเหตุไรเลา เจา จึงมีหนาเศรา นัง่ ซบเซาอยู ดาบสนอย ตอบวาขา แตพ อ เมอื่ ทานพอไปหาผลาผล หญิงคนหนง่ึ มาเลาโลมกระผมชวนใหไปดวย แตกระผมผัดไววา ตอทานพออนญุ าตแลว จึงจกั ไป จงึ ยงั ไมไดไป กระผมใหนางนั่งรออยทู ีต่ รงโนนแลว กลบั มา คราวน้กี ระผมจกั ไปละครบั ทานพอ พระโพธิสตั วทราบวา เราไมอ าจเหน่ียวรงั้ เขาไวไ ด จงึ อนุญาต โดยสัง่ วาถา เชน น้นั จงไปเถดิ พอ แตเขาพาเจา ไปแลว เมื่อใด นางอยากกินปลา กินเนื้อ หรอื มีความตอ งการเนย เกลอื และขาวสารเปน ตน เมอื่ นน้ั นางจักเคี่ยวเขญ็ เจา วา จงไปหาส่งิ นี้ ๆ มาใหตอนน้ัน เจาจงนึกถงึ คณุ ของพอ แลวพึงหนีมาที่นี่เถิด. ดาบสไดไปถน่ิ มนุษยกบั นาง ครง้ั นนั้ นางก็ใหเขาตกอยูในอํานาจของตนตอ งการส่ิงใด ๆ กใ็ ชใ หไปหาสง่ิ นัน้ ๆ มา เชน สงั่ วา จงไปหาเนือ้ มา จงไปหาปลามา คราวนั้น เขากไ็ ดค ิดวา นางนเ่ี ค่ยี วเข็ญ

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 407ใหเ ราทําอยา งกับเปนทาสกรรมกรของตน แลว หนมี าสสู าํ นักของบิดา ไหวบิดาแลว ทัง้ ๆ ทย่ี นื อยูน่นั แหละ กลา วคาถานี้ความวา :- \"หญิงโฉดผูนําของไปดว ยหมอ นํา เบยี ด- เบยี นฉัน ผูมีชวี ติ อยอู ยางเปน สุข จะขอนาํ้ มัน หรอื เกลอื กด็ ว ยการกลา วคาํ ออนหวาน ฐาน ภรรยา\" ดงั น้ี. บรรดาบทเหลา น้นั บทวา สขุ  วต ม ชีวนฺต ความวาทานพอขอรับ หญิงน้ัน ทําผมผเู คยเปน อยสู บายในสํานักของทา นพอ ใหเ ดือดรอ น. บทวา ปจมานา ความวา ถูกมนั ทําใหเ ดือดรอ น บังคบัเคย่ี วเขญ็ ตอ งการจะกนิ สิง่ ใด ๆ กเ็ คยี่ วเข็ญเอาส่ิงน้นั . หญงิชือ่ วา อุทญั จนี เพราะนําไปดวยหมอ. บทวา อุทฺจนี น้ี เปน ช่ือของหญงิ ผูต กั ตวงน้ําจากตุม หรอื จากบอ กห็ ญงิ ประเภทอทุ ญั จนีน้นั ตองการสง่ิ ใด ๆ ก็จะใชใ หห าสิ่งน้นั ๆ มาใหจงได ดุจตักตวงเอานํ้าดว ยหมอ. บทวา โจรึ ชายปปฺ วาเทน ความวา หญงิ โฉดนางหนงึ่อา งตนเปน ภรรยา โอโ ลมกระผมดว ยคําอนั ออนหวาน พาไปในถ่นิ มนษุ ย มนั ตองการนํา้ มนั หรือเกลอื อยางหน่ึงอยา งใด จะเค่ยี วเข็ญขอสิ่งนั้น ๆ ทกุ อยาง ใหน าํ มาให เหมอื นเปน ทาสเปน กรรมกร เหตนุ ้ัน กระผมจึงบอกเลากลาวโทษของมนั ไว.

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 408 ครัง้ น้ันพระโพธิสัตวก ็ปลอบดาบสนอ ยนั้นวา ชา งมันเถิดพอ มาเถดิ เจาจงเจรญิ เมตตากรณุ าไวเถดิ แลว บอกพรหมวิหาร๔ ให บอกกสิณบริกรรมให ไมน านนกั ดาบสนอ ยนน้ั ก็ยังอภญิ ญาและสมาบตั ใิ หเ กิดได เจรญิ พรหมวหิ าร แลวไปบงั เกิดในพรหมโลก พรอ มดวยบิดา. พระศาสดาทรงนาํ พระธรรมเทศนาน้ีมาแลว ทรงประกาศสจั จะ ในเวลาจบสัจจะ ภกิ ษุน้ันดํารงในโสดาปตติผล ทรงประชมุชาดกวา ถลุ กุมารกิ าในครง้ั นน้ั ไดม าเปน ถุลกุมารกิ าในบัดนี้ ดาบสนอยไดม าเปนภกิ ษุผกู ระสนั สว นดาบสผูบิดา ไดเราเปนเราตถาคต ฉะน้แี ล. จบ อรรถกถาอุทญั จนีชาดกท่ี ๖

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 409 ๗. สาลติ ตกชาดก วา ดวยคนมศี ิลปะ [๑๐๗] ขึน้ ชอ่ื วา ศิลปะแมอ ยา งใดอยา งหนึง่ ยอมยังประโยชนใหสาํ เร็จโดยแท ขอเชญิ พระองคทรงทอดพระเนตรบรุ ษุ งอ ยไดบ า นสว ย ทง้ั ๔ ทศิ ก็เพราะการดดี มูลแพะ. จบ สาลิตตกชาดกที่ ๗ อรรถกถาสาลิตตกชาดกท่ี ๗ พระศาสดา เม่ือประทับอยู ณ พระเชตวนั มหาวหิ ารทรงปรารภภกิ ษผุ ฆู าหงสร ูปหน่งึ ตรัสพระธรรมเทศนาน้ี มีคาํ เร่มิ ตน วา สาธุ โข สิปปฺ ก นาม ดังน.ี้ ไดย ินวา ภกิ ษนุ นั้ เปนกุลบุตรชาวเมืองสาวตั ถผี ูหนึ่งถงึ ความสําเรจ็ ในสาลิตตกศลิ ป ทเ่ี รียกวา สาสิตตกศิลป ไดแ กศิลปะในการดีดกอ นกรวด วันหน่ึงเขาฟง ธรรมแลวบวชถวายชวี ติ ในพระศาสนา ไดอปุ สมบทแลว แตมไิ ดเ ปน ผมู ุงการศึกษามไิ ดเ ปนผยู ังการปฏบิ ตั ิใหส าํ เร็จ วนั หนึ่งเธอชวนภิกษุหนมุรูปหนึง่ ไปสูแมน ้าํ อจิรวดี อาบนํา้ แลว พักอยูท ฝี่ งแมน า้ํ คร้งั นั้นหงสขาว ๒ ตวั พากนั บินมาทางอากาศ เธอจงกลา วกะภกิ ษุหนุม

พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 410น้นั วา ผมจะเอากอนกรวดประหารหงสต ัวหลงั นีท้ ี่นัยนต า ใหตกลงมาแทบเทาของทา น อกี รปู หนง่ึ กลาววา ทา นจะทําใหม ันตกไดอ ยางไร ทา นไมอาจประหารมันไดด อก เธอกลาววา เรอ่ื งน้ันยกไวกอ นเถดิ เราจักประหารมนั ท่นี ัยนตาขางโนน ใหทะลถุ งึตาขา งน้ี ภกิ ษหุ นมุ จึงกลา วแยง วา คราวนี้ ทานพดู ไมจรงิ ละ !เธอบอกวา ถา อยางนัน้ คุณคอยดู แลว หยบิ เอากอ นกรวดคม ๆไดก อ นหนงึ่ คลงึ ดวยน้วิ ช้ี แลว ดีดไปขางหลังของหงสนั้น กอน-กรวดนั้น สงเสียงหง่ึ ๆ หงสคิดวา นาจะมอี นั ตราย เหลยี วกลับมาหมายจะฟง เสียง ภิกษนุ อกน้ี กถ็ ือกอนกรวดกอนหนง่ึ ไวในขณะนนั้ เมอ่ื มนั ยงั เหลยี วดูอยู ก็ดีดไปกระทบนยั นต าอีกขางหน่งึกอนกรวดเจาะทะลถุ งึ นยั นตาอีกขางหน่ึง หงสรองดังสน่นัตกลงมาท่ีใกลเทา ทันที พวกภิกษมุ าจากทนี่ ัน้ ๆ พากันติเตยี นกลา ววา คณุ ทําไมสมควรเลย แลวนาํ เธอไปสํานกั พระศาสดากราบทลู เรื่องน้ันวา ขาแตพระองคผ เู จริญ ภกิ ษุรูปนก้ี ระทํากรรมช่ือน้ี พระศาสดาทรงตําหนภิ กิ ษุนัน้ ตรัสวา ดกู อ นภกิ ษุทัง้ หลาย มใิ ชแตใ นบดั นเี้ ทานน้ั ทภ่ี กิ ษนุ ้ฉี ลาดในศลิ ปะน้ัน แมครง้ั กอนก็ไดเ ปนผูฉลาดแลว เหมอื นกัน แลว ทรงนาํ เอาเร่ืองในอดตี มาสาธก ดงั ตอ ไปน้ี :- ในอดตี กาล ครงั้ พระเจาพรหมทตั เสวยราชสมบัติอยูใ นพระนครพาราณสี พระโพธิสัตวเ สวยพระชาตเิ ปน อํามาตยข องพระองค ครั้งนัน้ ปโุ รหิตของพระราชาเปน คนปากกลาย่ิงนัก

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 411ชอบพดู มาก เมื่อต้ังตน พดู แลว คนอื่น ๆ จะไมม โี อกาสไดพ ดูเลยทีเดยี ว ฝายพระราชาก็ทรงพระดาํ ริวา เม่อื ไรเลา หนอ เราถึงจกั ไดใครชว ยสะกัดถอยคาํ ของเขาเสยี ได ต้ังแตน ั้นทาวเธอกท็ รงใครค รวญหาคนอยางนีส้ ักคนหนึ่ง ครัง้ น้นั ในเมอื งพาราณสีมีบุรษุ งอ ยคนหนงึ่ ถงึ ความสําเรจ็ ในศลิ ปะคอื การดดี กอ นกรวดพวกเด็กชาวบานยกเขาขึน้ สรู ถชว ยกันลากมาไวทตี่ น ไทรใหญสมบรู ณดวยคาคบตน หน่งึ ซ่งึ มีอยใู กลประตพู ระนครพาราณสีพากันหอ มลอม ใหเ งินมกี ากณึกเปน ตน รอ งบอกวา จงทํารปู ชา งจงทาํ รปู มา เขาก็ดีดกอนกรวด เสียงรูปตาง ๆ ท่ีใบไทรทั้งหลายในไทรทั้งมวลลว นเปนชอ งนอย ชอ งใหญไ ปทัง้ นัน้ ครงั้ น้ันพระเจาพาราณสี เสด็จพระดาํ เนินไปสูพ ระอทุ ยาน เสด็จถงึตรงนั้น พวกเดก็ ทั้งหมดพากันหนี เพราะกลัวจะถกู ขับไล บรุ ษุ งอ ยนอนอยูใ นท่นี ้นั เอง พระราชาเสดจ็ ถงึ โคนตน ไทร ประทบั นั่งในราชรถนั่นแล ทอดพระเนตรเหน็ เงาตา ง ๆ เพราะใบไมท งั้ หลายขาดเปนชอ ง กท็ รงจอ งดู ครั้นเหน็ ใบไมทัง้ ปวงปรโุ ปรงไปหมดกต็ รสั ถามวา ใบไมเหลานใี้ ครทําใหเปนอยางนี้ ? ราชบุรษุกราบทูลวา ขา แตส มมติเทพ บรุ ษุ เปลย้ี กระทําพระเจา ขาพระราชทรงพระดํารวิ า อาศยั คนผนู ้เี ราอาจสะกัดคําของพราหมณได จงึ มพี ระดํารัสถามวา พนาย เจางอ ยอยูไ หนละ ?ราชบุรุษเที่ยวคน กพ็ บเขานอนอยูท่โี คนไม ก็พากนั นําตวั มากราบทลู วา นี่พระเจาขา พระราชารบั สั่งใหเ ขาเฝา แลว ทรง

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 412ขบั บริษัทไปเสีย ตรสั ถามวา ในสํานักของเรามีพราหมณปากกลา อยูคนหน่งึ เจาจกั อาจทําใหเ ขาหมดเสยี งไดไหม ? บุรษุ งอยกราบทลู วา เมื่อไดข ้แี พะประมาณทะนานหน่ึง ขา พระองคก ็อาจจะกระทาํ ไดพ ระเจา ขา พระราชารบั สง่ั ใหราชบุรุษพาบุรษุ งอยเขาไปสูพระราชวัง ใหน ั่งอยูภ ายในมา นเจาะชอ งท่ีมาน รับสัง่ ใหจัดท่ีน่ังของพราหมณตรงชอง แลวใหวางขแี้ พะแหง ประมาณหนง่ึ ทะนานไวใ กล ๆ บุรุษงอย เวลาพราหมณมาเฝา รบั ส่ังใหนง่ั เหนืออาสนะนั้น พลางทรงตงั้ เรอ่ื งสนทนาข้ึน.พราหมณไ มย อมใหโอกาสแกคนอ่นื ๆ เริม่ กราบทูลแกพ ระราชาคร้งั นนั้ บุรษุ งอยกด็ ดี ขี้แพะไปทลี ะกอน ๆ ทางชองมา น กะใหต กลงท่ีพ้ืนเพดานปากของพราหมณน ั้นทุกที เหมอื นกบั โยนใสกระเชาฉะนนั้ พราหมณก ก็ ลนื ขีแ้ พะที่ดีดมาแลว ๆ เหมอื นกรอกน้าํ มันใสท ะนาน. ขแ้ี พะถงึ ความสน้ิ ไปหมดทง้ั ทะนาน ขแ้ี พะประมาณทะนานหน่งึ นน้ั เขา ทอ งของพราหมณไปไดป ระมาณกง่ึ อาฬหกะพระราชาทรงทราบความทข่ี ้แี พะหมดส้นิ แลว จึงตรสั วา ทาน-อาจารย ทานกลืนขแ้ี พะเขาไปตัง้ ทะนาน เพราะเปนคนปากมากทา นยังไมร อู ะไรเลย บดั นีท้ า นจักไมสามารถใหข ี้แพะมากกวา น้ียอยได ไปเถิด จงด่ืมนํา้ ประยงค ถา ยทิง้ ทําตนใหป ราศจากโรคเถดิ จาํ เดมิ แตน น้ั พราหมณ เหมือนมีปากถูกปด สนทิ แมใครจะพูดก็ไมคอยจะพูดดว ย พระราชาทรงพระดํารวิ า บรุ ุษนี้ทาํ ความสบายหใู หแ กเรา พระราชทานบาน ๔ หลงั ในทิศทง้ั ๔

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 413มีสวยขึน้ ประมาณแสนกษาปณ พระโพธิสตั วเขา เฝา พระราชากราบทลู วา ขา แตสมมติเทพ ธรรมดาศลิ ปะในโลก บัณฑติท้งั หลายพงึ เรยี น แมเ พยี งดีดกอ นกรวด กย็ งั ชว ยใหบ ุรษุ งอ ยไดส มบัตินี้ แลว กลา วคาถานี้ ความวา :- \"ขึ้นชอื่ วา ศลิ ปะ แมอ ยา งใดอยา งหนง่ึ ยอ มยังประโยชนใหสาํ เร็จโดยแท ขอเชญิ พระองคทรงทอดพระเนตรบรุ ุษงอย ไดบานสว ย ทั้ง ๔ ทศิ กด็ ว ยการดีดมูลแพะ\" ดังนี้. บรรดาบทเหลา น้ัน บทวา ปสฺส ขชฺ ปฺปหาเรน ความวาพระโพธิสัตว กลา วสรรเสริญคุณของศิลปะวา ขาแตมหาราชเจาขอเชิญทรงทอดพระเนตรเถิด บุรุษงอ ยผนู ี้ไดรบั พระราชทานบาน ๔ หลงั ใน ๔ ทศิ ก็ดวยการดดี ข้แี พะ อะไรเปนขอขดี คัน่อานสิ งสแ หงศลิ ปะอ่นื ๆ เลา ? พระศาสดาทรงนาํ พระธรรมเทศนาน้ีมา ตรสั ประชุมชาดกวา บรุ ษุ งอ ยในครง้ั น้ัน ไดม าเปน ภกิ ษุน้ี พระราชาไดมาเปนอานนท สวนอํามาตยผ ูเ ปนบณั ฑิตไดมาเปนเราตถาคตฉะน้ีแล. จบ อรรถกถาสาลติ ตชาดกท่ี ๗

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 414 ๘. พาหิยชาดก เปน คนควรศึกษาศลิ ปะ [๑๐๘] บคุ คลควรศึกษาศลิ ปะทงั้ หลาย ชน ทงั้ หลายที่พอใจในศลิ ปะนัน้ ก็มอี ยู แมแ ตห ญงิ ท่เี กดิ ในจังหวดั ช้ันนอก ก็ยงั ทําใหพ ระราชา ทรงโปรดปรานได ดว ยการกระมิดกระเม้ยี น ของเธอ. จบ พาหิยชาดกท่ี ๘ อรรถกถาพาหยิ ชาดกท่ี ๘ พระศาสดาเม่อื ทรงอาศัยพระนครเวสาลี ประทับอยู ณกูฏาคารศาลา ปามหาวนั ทรงปรารภเจา ลจิ ฉวอี งคหน่งึ ตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคาํ เร่มิ ตนวา สิกฺเขยยฺ สกิ ฺขติ พพฺ านิ ดงั นี.้ ไดย ินวา เจา ลจิ ฉวอี งคนน้ั ทรงมีศรทั ธาเล่ือมใส นิมนตพระภกิ ษุมีพระพทุ ธเจา เปน ประมขุ ทรงยังมหาทานใหเปน ไปในวังของพระองค แตเทวขี องพระองคม อี วยั วะทกุ สวนอวนพีดคู ลายนมิ ิตแหง ซากศพท่ีข้ึนพอง ไมส มบูรณด วยมารยาทพระศาสดาทรงทาํ อนโุ มทนาในเวลาเสรจ็ ภตั รกิจแลว เสดจ็ ไปพระวิหาร ประทานโอวาทแกภ กิ ษุทัง้ หลาย เสด็จเขาพระคันธกุฎี

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 415ภิกษุทั้งหลายพากันตง้ั เร่ืองสนทนากนั ในธรรมสภาวา ทานผูม ีอายทุ ง้ั หลาย เจา ลจิ ฉวีพระองคน น้ั มพี ระรูปงามปานนั้น มเี ทวีลกั ษณะตรงกันขาม มีอวยั วะนอยใหญอว นพี ไมมีกิริยามารยาททา วเธอจะทรงอภริ มยก ับเทวีไดอ ยางไรกนั นะ ? พระศาสดาเสดจ็ มาตรัสถามวา ดกู อนภกิ ษุท้งั หลาย บัดนพ้ี วกเธอนงั่ ประชมุสนทนากนั ดวยเรื่องอะไร เมือ่ ภกิ ษทุ งั้ หลายกราบทลู ใหท รงทราบแลว ตรสั วา กอนภกิ ษทุ ้ังหลาย เจา ลจิ ฉวอี งคนี้ มิใชแ ตในบัดน้เี ทาน้ัน แมในครัง้ กอน ก็ทรงอภิรมยก ับหญงิ ทมี่ ีรา งกายอว นเหมอื นกนั แลว ทรงนําเอาเรอ่ื งในอดตี มาสาธก ดังตอไปน้ี :- ในอดตี กาล คร้ังพระเจาพรหมทตั เสวยราชสมบัติอยูในพระนครพาราณสี พระโพธสิ ตั วเ สวยพระชาติเปนอํามาตยของพระองค คร้ังน้นั หญงิ ชนบทคนหนงึ่ มอี วยั วะอวนพี ไมมกี ิริยามารยาท ทาํ การรับจา ง เดินผานไปไมไ กลทอ งพระลานหลวงเกิดปวดอุจจาระ กเ็ อาผานงุ คลุมหัว นั่งถายอจุ จาระแลว รีบลุกขึน้ ขณะน้นั พระเจา พาราณสี ทอดพระเนตรทอ งพระลานหลวงทางชองพระแกล ทรงเห็นนางแลว ทรงดํารวิ า หญงิ ผนู ้ี ถา ยอจุ จาระไวทพ่ี ระลานอยางนี้ มไิ ดละหิริโอตตัปปะ เอาผา นงุนัน่ แหละปด ถา ยอุจจาระแลว ก็รีบลกุ ขน้ึ ชะรอยนางจกั เปน หญิงไมมโี รค วัตถุของนางจกั ตองบรสิ ทุ ธิ์ ลูกคนหนง่ึ ทไ่ี ดในวัตถุบรสิ ุทธิ์ จักเปนผบู ริสทุ ธิ์ มีบุญ เราควรต้ังนางไวเปน อัครมเหสีทา วเธอทรงทราบความท่ีนางยังไมม ีคคู รอง ก็ตรัสสั่งพระราชทาน






































































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook