Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_56

tripitaka_56

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:42

Description: tripitaka_56

Search

Read the Text Version

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 78 \"ไหเหลา คงเตม็ อยูอยา งนน้ั เอง ถอยคํา ท่ที า นกลาว คงเปน คําหลอกลวง เรารูทนั วา สรุ า นไ้ี มดแี นนอน\" ดงั นี้. บรรดาบทเหลา นัน้ บทวา ตเถว ความวา เวลาท่ีเราไปเหน็ ไหเหลาเปนอยา งใด แมในบดั นี้ ไหเหลาน้ีก็คงเต็มเปย มอยางนน้ั . บทวา อฺ าย วตฺตเต วตตฺ เต กถา ความวา ถอ ยคําสรรเสริญเหลาของพวกเจา เปนคําหลอกลวง คือเปน คาํ ไมจ ริงไดแ กเ หลวทัง้ เรื่อง เพราะถา สุรานี้ดีจริง ๆ พวกเจา ตอ งด่ืมกนัจะพึงเหลอื เพยี งคอ นไห แตพวกเจา ไมไ ดด ม่ื กนิ แมแตคนเดยี ว. บทวา อการเกน ชานามิ ความวา เพราะฉะนนั้ เราจึงรูดว ยเหตนุ .ี้ บทวา เนวาย ภททฺ กา สุรา ความวา สรุ านไี้ มด แี นนอนตอ งเปน สรุ าผสมยาพษิ . ทานเศรษฐี ขมขูพวกนักเลง คุกคามไมใหค นเหลานน้ัทําอยางน้ีอกี แลว ปลอ ยไป. กระทําบุญมีใหทานเปน ตน ตลอดชีวิต แลว กไ็ ปตามยถากรรม. พระศาสดาทรงนําพระธรรมเทศนานมี้ าแลว ตรัสประชมุชาดกวา พวกนกั เลงในคร้งั นน้ั ไดม าเปนพวกนกั เลงในครัง้ นี้สว นพาราณสเี ศรษฐี ไดม าเปน เราตถาคต ฉะนี้แล. จบ อรรถกถาปุณณปาตชิ าดกท่ี ๓

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 79 ๔. ผลชาดก วาดว ยการฉลาดดูผลไม [๕๔] ตน ไมนี้ขนึ้ ก็ไมยาก ทั้งอยูไมไกลบา น เราจงึ รูไดดวยเหตุนวี้ า ตนไมน ้ไี มใชต น ไมม ี ผลอรอ ย. จบ ผลชาดกที่ ๔ อรรถกถาผลชาดกที่ ๔ พระบรมศาสดา เมื่อประทบั อยู ณ พระเชตวนั มหา-วิหาร ทรงปรารภอบุ าสกผฉู ลาดดูผลไมคนหน่ึง ตรสั พระธรรม-เทศนาน้ี มคี ําเรมิ่ ตน วา นาย รกุ โฺ ข ทุรารุโห ดงั น.ี้ ไดย ินมาวา กุฎมพชี าวเมืองสาวตั ถีคนหน่ึง นมิ นตภิกษุสงฆ มีพระพทุ ธเจาเปนประมุข ใหนั่งในสวนของตนถวายขาวยาคู และของขบฉันแลว ส่งั คนเฝาสวนวา เจา จงเทย่ี วไปในสวนกับภิกษุทัง้ หลาย ถวายผลไมตา ง ๆ มีมะมว งเปน ตน แกพ ระคณุ เจา ทั้งหลายดวยเถิด. คนเฝา สวนรับคําแลวพาภิกษสุ งฆเทีย่ วไปในสวนดตู น ไม รูจ กั ผลไมดว ยความชํานาญวา ผลนั้นดิบ ผลนน้ั ยังไมส ุกดี ผลน้ันสุกดี เขาพดู อยา งใดกเ็ ปนอยา งนน้ั ทงั้ นั้น. ภกิ ษทุ ง้ั หลายไปกราบทูลแตพ ระตถาคต

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 80วา ขา แตพ ระองคผ ูเจรญิ . คนเฝาสวนผูน ีฉ้ ลาดดผู ลไม ถงึ ยืนอยทู แ่ี ผนดนิ มองดูผลไมแ ลว ก็รไู ดวา ผลนัน้ ดบิ ผลน้ันยังไมส ุกดี ผลน้ันสกุ ดี เขาพดู อยางใด ก็เปนอยางนน้ั ทั้งน้นั . พระศาสดาตรัสวา ภกิ ษุท้ังหลาย คนเฝา สวนน้ไี มใ ชเปนผูฉลาดดูผลไมเพยี งคนเดยี วเทานัน้ . ในครัง้ กอ นบณั ฑิตทงั้ หลาย ทฉี่ ลาดดูผลไม กไ็ ดเคยมีมาแลว ทรงนําเอาเรื่องอดตี มาสาธก ดังตอ ไปน้ี :- ในอดตี กาล ครัง้ พระเจาพรหมทตั เสวยราชสมบัตอิ ยูในกรงุ -พาราณสี พระโพธสิ ัตวบงั เกดิ ในสกลุ พอคาเกวยี น เจรญิ วยัแลวทําการคา ดว ยเกวียน ๕๐๐ เลม คราวหนง่ึ ไปถงึ ดงลึก จึงตงั้ พกั อยปู ากดง เรยี กคนทั้งหมดมาประชุม พลางกลา ววาในดงนขี้ ึ้นชื่อวา ตนไมท ่ีมพี ิษ ยอ มมอี ยู มีใบเปนพษิ กม็ ี มีดอกเปนพษิ ก็มี มีผลเปน พษิ กม็ ี มีรสหวานเปนพษิ กม็ ี มอี ยทู วั่ ไปพวกทานตอ งไมบ ริโภคกอ น ยังไมบ อก ใบ ผล ดอกอยางใดอยางหน่ึงกะเราแลวอยา ขบเคย้ี วเปนอนั ขาด. พวกนั้นรบั คาํ แลวพรอมกันยา งเขา สดู ง. กท็ ่ีปากดง มตี น กงิ ผลพฤกษอ ยูท ่ปี ระตบู า นแหง หน่งึ ลําตน ก่งิ ใบออน ดอกผลทุก ๆ อยา งของตน กิงผลพฤกษนัน้ เชน เดยี วกนั กบั มะมว งไมผ ดิ เลย ใชแตเ ทา น้ันกห็ าไม ผลดิบและผลสกุ ยงั เหมือนกบั มะมว ง ทง้ั สแี ละสณั ฐาน ท้ังกลีบ และรสกไ็ มแ ผกกันเลย แตข บเคี้ยวเขาแลว ก็ทําใหผูข บเคีย้ วถงึ สนิ้ชวี ิตทันทที ีเดียว เหมือนยาพษิ ชนิดท่ีรายแรงฉะนน้ั พวกท่ีลว งหนาไป บางหมูเ ปน คนโลเล สาํ คัญวา นต่ี นมะมวง ขบเคีย้ ว

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 81กนิ เขา ไป บางหมคู ิดวา ตองถามหวั หนาหมกู อ น ถงึ จกั กินกถ็ ือยืนรอ. พอหวั หนา หมูม าถึง ก็พากันถามวา นาย พวกขา พเจาจะกินผลมะมวงเหลา น้.ี พระโพธสิ ัตวรูวา น่ไี มใ ชต น มะมว งกห็ ามวา ตน ไมน ชี้ อื่ วา ตนกงิ ผลฤกษ ไมใชตน มะมว ง พวกทานอยา กนิ พวกทีก่ นิ เขาไปแลว กจ็ ดั การใหอาเจียนออกมา และใหด มื่ ของหวาน ๔ ชนดิ ทาํ ใหปราศจากโรคไปได. กใ็ นคร้ังกอ น พวกมนุษยพ ากันหยดุ พกั ทโ่ี คนตนไมน ้ี ขบเคีย้ วผลอันเปนพิษทั้งน้เี ขา ไป ดว ยสาํ คัญวา เปนผลมะมว ง พากนั ถงึ ความสิ้นชวี ติ . รงุ ข้ึน พวกชาวบา นก็พากันออกมา เหน็ คนตายกช็ ว ยฉุดเทา เอาไปท้ิงในทีร่ ก ๆ แลว กย็ ึดเอาเขา ของ ๆ พวกน้ันพรอ มท้งั เกวยี น ท้ังน้ัน พากันไป. ถึงแมใ นวนั นน้ั พอรงุ อรุณเทา นน้ั เอง พวกชาวบานเหลานนั้ ก็พูดกนั วา โคตอ งเปนของเราเกวียนตองเปนของเรา ภัณฑะตอ งเปน ของเรา พากันวิง่ ไปสูโคนตนไมนนั้ ครนั้ เห็นคนทง้ั หลายปลอดภยั ตางกถ็ ามวา พวกทา นรูไดอยางไรวา ตนไมน ้ีไมใ ชต น มะมวง ? คนเหลา นัน้กต็ อบวา พวกเราไมรดู อก หวั หนา หมูของเราทา นร.ู พวกมนษุ ยจ ึงถามพระโพธสิ ัตววา พอ บณั ฑิตทานทาํ อยางไร จึงรวู าตน ไมน ไ้ี มใชต นมะมว ง ? พระโพธสิ ตั วบ อกวา เรารดู ว ยเหตุ ๒ ประการ แลว กลา วคาถานี้ ความวา :- \" ตนไมน ้ี คนขน้ึ ไมย าก ทั้งไมไ กลจาก หมบู า น เปน ส่งิ บอกเหตใุ หเ รารวู า ตนไมน้ี

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 82 มิใชต นไมมีผลด\"ี ดงั น.ี้ บรรดาบทเหลานั้น บทวา นาย รุกโฺ ข ทุรารโุ ห ความวาพระโพธิสัตวกลา ววา ตน ไมม ีพิษน้ขี ึ้นไมย าก ใคร ๆ กอ็ าจข้นึ ไดง าย ๆ เหมอื นมคี นยกพะองขึน้ พาดไว. บทวา นป คามโต อารกา ความวา พระโพธสิ ัตวแ สดงวาท้งั ต้ังอยูไมห างไกลจากหมูบาน คอื ต้ังอยใู กลประตูบานทีเดยี ว. บทวา อาการเกน ชานามิ ความวา ดว ยเหตุ ๒ ประการน้ีเราจึงรูจกั ตนไมน .ี้ รูจ กั อยางไร ? รูจ ักวา ตน ไมน ม้ี ใิ ชต นไมม ผี ลดี อธิบายวา ถา ตนไมนี้มีผลอรอ ยเปน ตน มะมวงแลว ไซร ในเมื่อมันข้ึนไดงา ย แลวก็ตั้งอยูไมไ กลอยา งนี้ ผลของมันจะไมเหลอื เลยแมสกั ผลเดยี วตอ งถกู มนษุ ยท ่กี นิ ผลไม รุมกนั เก็บเสมอทีเดยี ว เรากําหนดดว ยความรขู องตนอยางน้ี จงึ รูไ ดถงึ ความทีต่ น ไมน้ีเปนตนไมมีพิษ. พระโพธิสตั วแสดงธรรมแกมหาชนแลว ก็ไปโดยสวสั ดี. แมพ ระบรมศาสดา ก็ตรสั วา ดกู อ นภิกษทุ ้ังหลาย แมใ นครง้ั กอ น บณั ฑติ ทง้ั หลาย ก็ไดเ คยเปน ผูฉลาดดูผลไมมาแลวอยา งน้ี ครนั้ ทรงนําพระธรรมเทศนานมี้ าแลว อยา งนี้ ทรงสืบอนสุ นธปิ ระชุมชาดกวา บริษทั ในครัง้ นนั้ ไดม าเปนพทุ ธบรษิ ัทสวนพอคา เกวียน ไดม าเปน เราตถาคต ฉะนแ้ี ล. จบ อรรถกถาผลชาดกท่ี ๔

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 83 ๕. ปญจาวุธชาดก วา ดว ยการบรรลธุ รรมอันเกษม [๕๕] นรชนใดมจี ิตไมทอ ถอย มใี จไมห ดหู เจริญกศุ ลธรรม เพอ่ื บรรลธุ รรม อันเปน แดน เกษมจากโยคะ นรชนนั้น พงึ บรรลุธรรมเปนที่ สิ้นสังโยชนทั้งปวงโดยลําดบั . จบ ปญ จาวุธชาดกท่ี ๕ อรรถกถาปญจาวุธชาดกที่ ๕ พระบรมศาสดา เมอื่ ประทบั อยู ณ พระเชตวันมหา-วหิ าร ทรงปรารภภกิ ษมุ คี วามเพียรยอหยอนรูปหนงึ่ ตรสัพระธรรมเทศนานี้ มีคาํ เรมิ่ ตน วา โย อลีเนน จติ เฺ ตน ดงั น้ี. พระบรมศาสดา ตรสั เรยี กภกิ ษุนัน้ มาแลว ตรัสถามวาดูกอ นภิกษุ จริงหรือทเ่ี ขาวา เธอเปนผมู ีความเพยี รยอหยอ นเมื่อเธอกราบทลู วา จริงพระเจา ขา จึงตรสั วา ดูกอ นภิกษุแมในกาลกอน บัณฑติ ทัง้ หลาย กระทําความเพยี รในท่ี ๆ ควรประกอบความเพยี ร ก็ไดบ รรลุถึงราชสมบตั ไิ ด แลว ทรงนําเอาเร่อื งในอดีตมาสาธก ดงั ตอ ไปน้ี.

พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 84 ในอดีตกาล คร้งั พระเจา พรหมทตั เสวยราชสมบตั ใิ นกรุงพาราณสี พระโพธิสตั วบ ังเกิดในคัพโภทรพระอคั รมเหสีของพระราชาพระองคนนั้ ในวนั ทีจ่ ะถวายพระนามพระโพธิสัตวราชตระกูลไดเ ล้ยี งพราหมณ ๑๐๘ ใหอ ่ิมหนาํ ดว ยของท่นี าปรารถนาทกุ ๆ ประการ แลวสอบถามลักษณะของพระกมุ ารพวกพราหมณผูฉลาดในการทาํ นายลกั ษณะ เห็นความสมบรู ณดว ยลกั ษณะแลว ก็พากนั ทํานายวา ขาแตมหาราชเจา พระ-กุมารสมบูรณด วยบุญญาธกิ าร เม่อื พระองคเ สด็จสวรรคตแลวจกั ตองไดค รองราชสมบัติ จักมีชื่อเสยี งปรากฏดว ยการใชอาวธุ ๕ ชนดิ เปน อรรคบุรษุ ในชมพูทวปี ทงั้ สนิ้ . เพราะเหตุไดฟงคาํ ทาํ นายของพราหมณทัง้ หลาย เมอื่ จะขนานพระนามก็เลยขนานใหว า \"ปญ จาวุธกมุ าร\". ครนั้ พระกมุ ารนัน้ ถงึ ความเปนผรู เู ดยี งสาแลว มีพระชนมไ ด ๑๖ พรรษา พระราชาตรัสเรียกมาแลว รับสัง่ วา ลกู รัก เจาจงเรียนศิลปศาสตรเถดิ . พระกุมารกราบทูลถามวา กระหมอ มฉันจะเรยี นในสํานักของใครเลาพระเจา ขา. พระราชารบั สัง่ วา ไปเถิดลูก จงไปเรยี นในสาํ นกัอาจารยท ิศาปาโมกข ณ ตกั กสิลานคร แควนคนั ธาระ และพงึ ใหท รพั ยน้ี เปน คา บูชาคณุ อาจารยแ กทานดวย แลว พระ-ราชทานทรัพยห นึ่งพันสงไปแลว . พระราชกมุ ารเสดจ็ ไปในสํานกั ทศิ าปาโมกขน้ัน ทรงศกึ ษาศิลปะ รบั อาวุธ ๕ ชนดิ ท่ีอาจารยใ ห กราบลาอาจารยอ อกจากนครตักกสลิ า เหนบ็ อาวุธ

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 85ทัง้ ๕ กับพระกาย เสดจ็ ดาํ เนนิ ไปทางเมืองพาราณส.ี พระองคเสดจ็ มาถึงดงตาํ บลหน่ึง เปนดงทส่ี เิ ลสโลมยกั ษสิงสถติ อยู.คร้นั น้ันพวกมนุษย เห็นพระกุมารทป่ี ากดง พากนั หามวาพอมาณพผเู จริญ ทา นอยา เขา ไปสูดงน้ี ในดงน้ันมยี ักษช อ่ืสเิ ลสโลมะสงิ อยู มันทาํ ใหค นทมี่ ันพบเห็นตายมามากแลว . พระโพธสิ ตั ว ระวงั พระองคไมค ร่ันครามเลย มุง เขาดงถา ยเดียว เหมอื นไกรสรราชสหี  ผูไ มครนั่ ครา มฉะน้นั . พอไปถึงกลางดง ยักษต นน้นั มันก็แปลงกาย สงู ชั่วลาํ ตาล ศีรษะเทาเรอื นยอด นัยนต าแตละขา งขนาดเทา ลอ เกวียน เข้ยี วทงั้ สองแตละขา ง ขนาดเทาหวั ปลตี มู หนา ขาว ทอ งดา ง มอื เทา เขียวแลว สําแดงตนใหพ ระโพธสิ ตั วเ หน็ รองวา เจา จะไปไหน ?หยดุ นะ เจา ตองเปนอาหารของเรา. ครง้ั นัน้ พระโพธสิ ตั ว ตวาดมันวา ไอยักษ เราเตรยี มตวั แลว จึงเขามาในดง เจา อยา เผลอตวัเขา มาใกลเ รา เพราะเราจะยิงเจาดวยลกู ศรอาบยาพิษ ใหลม ลงตรงน้ันแหละ แลว ใสล ูกศรอาบยาพิษอยางแรงยงิ ไป. ลูกศรไปติดอยูท่ขี นของยกั ษทง้ั หมด. พระโพธสิ ัตวป ลอยลกู ศรไปตดิ ๆกนั ลกู แลว ลูกเลา ทะยอยออกไปดวยอาการอยา งนี้ ส้ินลูกศรถึง ๕๐ ลกู ทกุ ๆ ลกู ไปตดิ อยทู ขี่ นของมนั เทานัน้ ยกั ษส ลัดลูกศรท้ังหมด ใหต กลงทีใ่ กล ๆ เทาของมนั นน่ั แหละ แลวร่ีเขาหาพระโพธสิ ัตว. พระโพธิสตั วกลบั ตวาดมันอกี แลวชักพระ-ขรรคอ อกฟน . พระขรรคยาว ๓๓ นิว้ ก็ติดขนมันอกี . ที่นั้นจึง

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 86แทงมันดว ยหอกซัด. แมห อกซัดกต็ ดิ อยูท่ขี นน่นั เอง. คร้ันพระ-โพธิสตั วท ราบอาการทมี่ นั มีขนเหนยี วแลว จึงตดี วยตระบองแมตระบองกไ็ ปติดท่ขี นของมันอีกนนั่ แหละ. พระโพธิสตั วท ราบอาการที่มนั มตี ัวเหนียวเปน ตัว ก็สาํ แดงสหี นาทอยา งไมครน่ั ครา มประกาศกอ งรองวา เฮย ไอยกั ษ เจา ไมเ คยไดย ินชือ่ เรา ผชู อื่ วาปญจาวธุ กุมารเลยหรอื ? เมื่อเราจะเขา ดงท่ีเจา สงิ อยู ก็เตรียมอาวุธมธี นเู ปน ตนเขา มา เราเตรียมพรอมเขา มาแลวทเี ดยี ววนั นี้เราจักตเี จา ใหแ หลกเปนจุณวจิ ณุ ไปเลย พลางโถมเขา ตอยดว ยมอื ขา งขวา มือขา งขวาก็ตดิ ขน ตอยดว ยมอื ซา ย มือซายก็ตดิ อกี เตะดวยเทา ขวา เทาขวากต็ ิด เตะดว ยเทาซา ย เทาซายกต็ ดิ คิดวา ตองกระแทกใหมันแหลกดว ยศีรษะ แลวกก็ ระแทกดวยศรี ษะ แมศ รี ษะกไ็ ปตดิ ทขี่ นของมนั เหมือนกัน. พระโพธสิ ตั วติดตรงึ แลวในท่ีทั้ง ๕ แมจะหอ ยโตงเตงอยู กไ็ มกลัว ไมส ะทก-สะทา นเลย. ยักษจ งึ คิดวา บรุ ุษนเ้ี ปน เอก เปน ดุจบุรษุ สหี ะ เปนบุรุษอาชาไนย ไมใชบ รุ ษุ ธรรมดา ถงึ จะถกู ยกั ษอ ยา งเราจบั ไว แมมาดวา ความสะดงุ กห็ ามไี ม ในทางน้เี ราฆาคนมามาก.ไมเคยเหน็ บุรุษอยา งนี้สกั คนหน่งึ เลย เพราะเหตุไรหนอ บุรุษนี้จึงไมกลวั ? ยกั ษไ มอาจจะกินพระโพธสิ ตั วได จึงถามวา ดกู อ นมาณพ เพราะเหตไุ รหนอทา นจึงไมกลัวตาย. พระโพธิสตั วต อบวา ยักษเ อย ทําไมเราจกั ตองกลัว เพราะในอตั ภาพหน่งึ ความ

พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 87ตายน้ันเปนของแนนอนทเี ดยี ว อีกประการหน่ึงในทอ งของเรามีวชริ าวุธ ถา เจากินเรา ก็จักไมส ามารถทาํ ใหอาวธุ นน้ั ยอยไดอาวธุ น้ัน จกั ตองบาดใสพ ุงของเจา ใหขาดเปน ช้นิ ๆ เล็กบางใหญบ าง ทําใหเจาถึงสน้ิ ชีวิตได ดวยเหตดุ งั กลาวมาน้ี เราก็ตองตายกันทั้งสองคน ดว ยเหตุนเ้ี ราจึงไมกลวั ตาย. นัยวา คําวาวชริ าวธุ นี้ พระโพธสิ ตั วตรัสหมายถงึ อาวธุ คอื ญาณ ในภายในของพระองค. ยักษฟ ง คํานัน้ แลวคิดวา มาณพน้ีคงพดู จรงิ ทงั้ นัน้ชนิ้ เนอื้ เเมข นาดเทา เมลด็ ถว่ั เขียว จากรา งกายของบุรษุ สีหะผูนี้ ถา เรากนิ เขาไปในทอ งแลว จักไมอ าจใหยอ ยได เราจกัปลอยเขาไป ดงั น้ีแลว เกดิ กลวั ตาย จึงปลอ ยพระโพธิสตั วกลาววา พอ มาณพ ทา นเปนบรุ ษุ สหี ะ. เราจักไมกินเนื้อของทานละ ทานพนจากเง้ือมมือของเรา เหมือนดวงจนั ทรพ น จากปากราหู เชญิ ทา นไปเถิด มวลญาติมิตรจะไดด ีใจ. ลาํ ดับนน้ัพระโพธิสตั วจึงตรัสกะยกั ษวา ดูกอนยักษ เราตอ งไปกอนสวนทาน ไดก ระทาํ อกุศลไวในครัง้ กอ นแลว จึงไดเ กดิ เปนผูรา ยกาจ มืออาบดวยเลอื ด มีเลอื ดเนื้อของคนอ่นื เปนภกั ษาแมถ า ทา นดาํ รงอยูในอัตภาพนี้ ยงั จักกระทาํ อกุศลกรรมอยอู กีกจ็ ักไปสูค วามมดื มน จากความมืดมน นับแตท า นพบเราแลวเราไมอ าจปลอยใหท านทาํ อกศุ ลกรรมอยไู ด แลว จงึ ตรสั โทษของทศุ ีลกรรมท้ัง ๕ โดยนยั มีอาทอิ ยางนีว้ า ขน้ึ ช่ือวากรรมคอื การยังสตั วม ชี วี ติ ใหต กลวงไป ยอมทาํ สตั วใหเกดิ ในนรก

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 88ในกาํ เนดิ ดิรจั ฉานในเปตวสิ ยั และในอสรุ กาย คร้ันมาเกิดในมนษุ ยเ ลา กท็ ําใหเ ปนคนมีอายุสนั้ แลวทรงแสดงอานิสงสของศีลทง้ั ๕ ขูยักษด ว ยเหตุตา ง ๆ ทรงแสดงธรรม ทรมานจนหมดพยศรา ย ชักจูงใหด ํารงอยูใ นศีล ๕ กระทํายกั ษน้ันใหเปนเทวดารบั พลกี รรมในดงน้ัน แลวตักเตอื นดวยอปั ปมาทธรรมออกจากดง บอกแกม นษุ ยท่ีปากดง สอดอาวุธทั้ง ๕ ประจาํพระองค เสด็จไปสกู รงุ พาราณสี เฝา พระราชบดิ า พระราช-มารดา ภายหลังไดค รองราชย ก็ทรงปกครองโดยธรรม ทรงบาํ เพ็ญบุญมที านเปน ตน เสดจ็ ไปตามยถากรรม. พระศาสดาทรงนําพระธรรมเทศนาน้มี าแลว คร้ันตรสั รูแลว จงึ ตรสั พระคาถานี้ ใจความวา :- \"นรชนผูใ ด มีจติ ไมท อ แท มใี จไมห ดหู บําเพ็ญกุศลธรรม เพ่ือบรรลุความเกษมจากโยคะ นรชนผูนัน้ พึงบรรลุความสน้ิ สังโยชนท ุกอยา ง โดยลาํ ดบั \" ดังน.ี้ ในพระคาถานั้น ประมวลความไดด งั น้ี :- บุรุษใดมีใจไมหดหู คอื ไมท อ แทร วนเร มใี จไมหดหโู ดยปกติ เปนผูมีอัธยาศยัแนว แนมั่นคง จาํ เริญเพ่ิมพูนธรรม ท่ีไดช ่อื วา กุศล ไดแ กโพธปิ ก ขิยธรรม ๓๗ ประการ เพราะเปน ธรรมทปี่ ราศจากโทษบาํ เพญ็ วปิ สสนาดว ยจติ อันกวา งขวาง เพอ่ื บรรลคุ วามเกษมจากโยคะทั้ง ๔ คือ พระนิพพาน บรุ ุษน้นั ยกข้ึนซึ่งไตรลักษณ

พระสุตตันตปฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 89คือ อนิจจงั ทกุ ขงั อนตั ตา ในสังขารท้งั มวลอยางนแ้ี ลว ยงัโพธปิ กขยิ ธรรมทีเ่ กดิ ขน้ึ จาํ เดิมแตวิปสสนายังออ นใหเ จรญิพึงบรรลพุ ระอรหตั ผลอันถงึ การน้ันวา ความสิน้ สงั โยชนท กุอยา ง เพราะบงั เกิดแลว ในท่สี ุดแหง มรรคทั้ง ๔ อนั เปน เหตุสนิ้ ไปแหงสังโยชนทั้งหมด มิไดเหลือเลยแมสักสงั โยชนเดยี วโดยลําดบั . พระบรมศาสดา ทรงถอื เอายอดพระธรรมเทศนา ดวยพระอรหัตผลดวยประการฉะนี้ ในท่ีสดุ ทรงประกาศ จตรุ ารยิ สัจ(อรยิ สัจ ๔) ในเวลาจบสจั ธรรม ภิกษุน้นั ไดบรรลุพระอรหตั ผลแมพระบรมศาสดา ก็ทรงสืบอนสุ นธปิ ระชมุ ชาดกวา ยกั ษใ นคร้งั น้ันไดมาเปน พระองคุลิมาร สวนปญจาวุธกมุ าร ไดม าเปนเราตถาคต ฉะนีแ้ ล. จบ อรรถกถาปญจาวธุ ชาดกที่ ๕

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 90 ๖. กญั จนขนั ธชาดก วาดวยการบรรลุ ธรรม อันเกษม [๕๖] \" นรชนใด มีจิตรา เรงิ มใี จเบกิ บาน เจรญิ กศุ ลธรรม เพ่ือบรรลธุ รรมอันเปนแดน เกษมจากโยคะ นรชนน้ัน พงึ บรรลุธรรมเปน ท่สี นิ้ สังโยชนทั้งปวงไดโ ดยลาํ ดับ\" จบ กญั จนขนั ธชาดกที่ ๖ อรรถกถากาญจนักขันธชาดกที่ ๖ พระบรมศาสดา เมอ่ื ประทับอยู ณ พระเชตวันมหา-วิหาร ทรงปรารภภกิ ษรุ ปู หนึง่ ตรสั พระธรรมเทศนานี้ มีคาํเริ่มตนวา โย ปหฏเน จิตเฺ ตน ดังน้ี. ไดย นิ วา กลุ บตุ รชาวเมอื งสาวตั ถผี หู น่ึง ฟงพระธรรม-เทศนาของพระคาถาแลว บวชถวายชีวิตในพระศาสนา คือพระรตั นตรยั . ครง้ั นั้นอาจารยแ ละอุปช ฌายข องเธอ กลา วสอนถงึ ศีลวา ผมู อี ายุ ทช่ี อ่ื วา ศีล อยา งเดียวกม็ ี สองอยางก็มี สามอยา งกม็ ี สีอ่ ยา งก็มี หา อยา งก็มี หกอยางก็มี เจด็ อยา งกม็ ีแปดอยางกม็ ี เกาอยางก็มี ทชี่ อ่ื วา ศีลมีมากอยาง นเ้ี รียกวาจุลศลี นีเ้ รยี กวา มชั ฌมิ ศีล นีเ้ รียกวา มหาศลี นีเ้ รียกวาปาฏิโมกขสงั วรศลี นเี้ รียกวา อนิ ทริยสงั วรศลี นเ้ี รียกวา

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 91อาชวี ปารสิ ทุ ธศิ ีล นี้เรียกวา ปจจยปฏเิ สวนศีล. ภกิ ษุนัน้ คดิ วาข้ึนช่ือวาศีลนมี้ มี ากยิง่ นกั เราไมอาจสมาทานประพฤติไดถ ึงเพยี งนี้ ก็บรรพชาของคนท่ไี มอ าจบําเพญ็ ศีลใหบรบิ ูรณได จะมีประโยชนอ ะไร. เราจักเปนคฤหสั ถทาํ บญุ มีใหทานเปนตน เลีย้ งลกู เมยี ครน้ั คดิ อยา งนีแ้ ลว ก็เรยี นอาจารยแ ละอปุ ชฌายว าขา แตท า นผูเ จริญ กระผมไมอ าจรักษาศีลได เม่ือไมอ าจรักษาศลี ได การบรรพชากจ็ ะมปี ระโยชนอ ะไร ? กระผมจะขอลาสกิ ขา โปรดรับบาตรและจวี รของทานไปเถิด. ลาํ ดบั นั้น อาจารยและอุปชฌาย จงึ บอกกะภิกษุนัน้ วา ผมู อี ายุ เมื่อเปนเชนน้ีเธอจงไปถวายบงั คมพระทศพล ดงั นี้แลว พาเธอไปยังธรรมสภาอันเปน ทปี่ ระทับของพระศาสดา. พระศาสดาทอดพระเนตรเห็นภกิ ษุนนั้ ตรสั วา ดกู อนภิกษทุ ั้งหลาย พวกเธอพาภิกษุผไู มปรารถนา (บรรพชาเพศ)มาหรอื ? ภิกษุเหลา นัน้ กราบทลู วา พระเจา ขา ภิกษนุ ี้บอกวาเธอไมอาจรักษาศีลได จงึ มอบบาตรและจวี รคนื เม่ือเปน เชนนั้นขา พระองคท้ังหลายจึงพาเธอมา. พระบรมศาสดาตรัสวา ดูกอ นภกิ ษทุ งั้ หลาย เหตไุ รพวกเธอจงึ ไดบอกศีลแกภกิ ษุนี้มากนักเลาภกิ ษุน้อี าจรักษาไดเ ทาใด ก็พึงรักษาเทาน้นั แหละ ตงั้ แตน้ไี ปพวกเธออยา ไดพ ูดอะไร ๆ กะภกิ ษุน้ีเลย ตถาคตเทานนั้ จกั รูถงึ การท่ีควรทํา แลวตรัสกะภิกษนุ ้นั วา มาเถิดภกิ ษุ เธอจะตองการศีลมาก ๆ ทําไมเลา เธอจักไมอาจเพ่ือจะรกั ษาศีล ๓

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 92ประเภทเทา นนั้ หรือ ? ภกิ ษุนัน้ กราบทลู วา ขาแตพ ระองคผูเจริญ ขา พระองคอ าจรักษาไดพ ระเจา ขา. มพี ระพทุ ธดาํ รัสวา ถาเชนน้นั ต้ังแตบ ัดนี้ เธอจงรกั ษาทวารทง้ั ๓ ไว คือกายทวารวจที วาร มโนทวาร อยา กระทาํ กรรมชว่ั ดว ยกาย อยา กระทํากรรมช่ัวดวยวาจา อยา กระทํากรรมช่ัวดวยใจ ไปเถดิ อยา สึกเลย จงรักษาศลี ๓ ขอ เหลาน้ีเทา นั้นเถดิ . ดวยพระพุทธดาํ รัสเพยี งเทาน้ี ภกิ ษนุ นั้ ก็มีใจยนิ ดี กราบทูลวา ดีละพระเจา ขาขา พระองคจักรักษาศลี ๓ เหลานไ้ี ว ดังนแ้ี ลวถวายบงั คมพระศาสดา ไดก ลบั ไปพรอ มกบั อาจารยและพระอุปชฌายท้ังหลาย. เม่ือเธอบําเพ็ญศลี ทั้ง ๓ เหลา น้ันอยนู ่นั แล จงึ ไดสาํ นึกวา ศลี ที่อาจารยแ ละอปุ ช ฌายบ อกแกเ รา กม็ ีเทา น้เี องแตทา นเหลา นน้ั ไมอาจใหเราเขาใจได เพราะทานไมใชพ ระ-พทุ ธเจา พระสัมมาสัมพทุ ธเจา ทรงจัดศลี ทง้ั หมดนี้ เขา ไวในทวาร ๓ เทา น้ัน ใหเรารบั เอาไวได เพราะพระองคเ ปนพระ-พุทธเจาทรงรดู ี (และ) เพราะพระองคเ ปนพระธรรมราชาชน้ั ยอด พระองคทรงเปน ที่พํานักของเราแท ๆ ดังนแ้ี ลว เจรญิวิปส สนา ดาํ รงอยูใ นพระอรหัตผล โดย ๒-๓ วนั เทาน้ัน. ภิกษุทง้ั หลายทราบความเปน ไปนนั้ แลว ประชุมกันในธรรมสภา ตา งน่ังสนทนาถึงพระพุทธคณุ วา ผูมอี ายทุ ั้งหลาย ไดย นิ วา ภกิ ษุนั้นกลา ววา ไมอ าจรกั ษาศีลทั้งหลายได กําลงั จะสกึ พระศาสดาทรงยน ยอศีลท้งั หมดโดยสว น ๓ ใหเธอรบั ไวได ใหบรรลุ

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 93พระอรหตั ผลได โอ ขึน้ ชอื่ วา พระพุทธเจาทัง้ หลาย เปน อจั ฉริย-มนษุ ย. พระศาสดาเสดจ็ มา ตรสั ถามวา ภิกษุท้งั หลายพวกเธอนง่ั ประชุมสนทนากนั ดว ยเรอ่ื งอะไร ? ครัน้ พวกภกิ ษกุ ราบทูลใหทรงทราบแลว ตรัสวา กก็ อ นภิกษทุ ้งั หลาย มิใชแ ตใ นบดั นี้เทา นนั้ ทีภ่ าระแมถ งึ จะหนกั ย่งิ เรากแ็ บงโดยสวนยอยใหแลวเปน ดจุ ของเบา ๆ แมในปางกอนบัณฑติ ทงั้ หลาย ไดแทง ทองใหญแมไมอาจจะยกข้ึนได กแ็ บง ออกเปนสวนยอย ๆ แลวยกไปไดดงั นแ้ี ลว ทรงนาํ เอาเรื่องในอดีตมาสาธก ดังตอไปนี้ :- ในอดตี กาล ครงั้ พระเจาพรหมทัตเสวยราชสมบตั ใิ นกรงุพาราณสี พระโพธสิ ัตวเสวยพระชาติเปนชาวนาอยใู นหมูบานตาํ บลหนงึ่ . วนั หนึง่ กาํ ลังไถทน่ี าอยูในเขตบา นรา งแหงหนงึ่ .แตค รง้ั กอ นในบา นหลังน้ัน เคยมเี ศรษฐีผสู มบรู ณด วยสมบตั ิผหู น่งึ ฝง แทง ทองใหญข นาดโคนขา ยาวประมาณ ๔ ศอกไวแลวก็ตายไป. ไถของพระโพธสิ ัตวไ ปเก่ียวเเทง ทองนนั้ แลวหยดุ อย.ู พระโพธสิ ัตวคิดวา คงจะเปนรากไม จึงคยุ ฝุน ดู เหน็แทง ทองนัน้ แลว ก็กลบไวดว ยฝนุ แลวไถตอไปทงั้ วนั ครัน้ดวงอาทติ ยอษั ฎงคแ ลว จึงเกบ็ สัมภาระ มแี อกและไถเปน ตนไว ณ ทสี่ มควรแหง หนง่ึ คดิ วาจกั แบกเอาแทง ทองไป ไมสามารถจะยกขึ้นได เมอ่ื ไมส ามารถจึงน่งั ลง แบงทองออกเปน ๔ สว นโดยคาดวา จกั เล้ียงปากทอ งเทา นี้ ฝงไวเทาน้ี ลงทนุ เทา นี้ทําบญุ ใหทานเปนตน เทาน้.ี พอแบงอยางนแี้ ลว แทง ทองน้ัน

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 94กไ็ ดเปนเหมือนของเบา ๆ. พระโพธิสัตวย กเอาแทงทองนัน้ ไปบา น แบง เปน ๔ สวน กระทําบญุ มใี หทานเปนตน แลว ก็ไปตามยถากรรม. พระผูม ีพระภาคเจา ทรงนําพระธรรมเทศนานี้มาดงั น้ีคร้ันไดตรสั รูแ ลว ตรสั พระคาถานี้วา :- นรชนผูใ ด มีจติ ราเรงิ แลว มใี จเบกิ บาน แลว บําเพญ็ ธรรมเปนกุศล เพือ่ บรรลคุ วามเกษม จากโยคะ นรชนนัน้ พงึ บรรลุความส้ินสังโยชน ทกุ อยางไดโ ดยลาํ ดับ. ดงั น้ี บรรดาบทเหลา น้ัน บทวา ปหฏเน ไดแ กปราศจากนิวรณ. บทวา ปหฏ มนโส ความวา เพราะเหตทุ มี่ ีจติ ปราศจากนวิ รณนัน่ แล จงึ ชื่อวา มีใจเบิกบานแลว เหมอื นทองคาํ คือเปน ผูมีจิตรงุ เรอื ง สวา งไสวแลว. พระบรมศาสดา ทรงยังเทศนาใหจบลงดว ยยอด คอืพระอรหตั ดวยประการดังนีแ้ ลว ทรงสืบอนสุ นธปิ ระชุมชาดกวา บุรษุ ผูไ ดแทงทองในคร้งั น้นั ไดมาเปนเราตถาคต ฉะนีแ้ ล. จบ อรรถกถากาญจนกั ขันธชาดกท่ี ๖

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 95 ๗. วานรินทชาดก ธรรมของผทู ่ีลว งพน ศตั รู [๕๗] \" ดูกอนพระยาวานร ผูใ ดมธี รรม ๔ ประการน้ี คือ สจั จะ ธรรมะ คือวิจารณปญ ญา ธิตคิ ือความเพียร จาคะ เหมอื นทา นผนู ั้นยอ ม ลว งพน ศตั รูได.\" จบ วานรนิ ทชาดกที่ ๗ อรรถกถาวานรนิ ทชาดกท่ี ๗ พระศาสดา เม่ือประทบั อยู ณ พระเชตวันมหาวิหารทรงปรารภความตะเกยี กตะกายขวนขวายเพอ่ื การฆา ของพระ-เทวทัต ตรสั พระธรรมเทศนาน้ี มีคําเริ่มตน วา ยสเฺ สเต จตโุ รธมฺมา ดงั น้ี ในสมัยนั้น พระศาสดาทรงสดบั ขา ววา พระเทวทตั กาํ ลงัตะเกียกตะกายเพือ่ ปลงพระชนม จึงตรัสวา ดกู อนภกิ ษุท้ังหลายมใิ ชแตใ นบัดนี้เทานนั้ ทพ่ี ระเทวทตั ตะเกยี กตะกายเพ่อื ฆา เราแมในกาลกอน ก็เคยตะเกียกตะกายแลว เหมอื นกัน แตไมอาจกระทาํ เหตุเพยี งความสะดงุ แกเ ราไดเลย แลว ทรงนาํ เอาเร่ืองในอดตี มาสาธก ดงั ตอไปนี้ :-

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 96 ในอดีตกาล ครง้ั พระเจาพรหมทตั เสวยราชสมบตั อิ ยใู นกรุง-พาราณสี พระโพธิสตั วเ สวยพระชาตเิ ปนกระบี่ ครนั้ เจริญวยัมรี า งกายเติบโตขนาดลูกมา สมบรู ณด ว ยเรยี่ วแรง เท่ียวไปตามแนวฝง นาํ้ ลําพงั ผเู ดยี ว. กก็ ลางแมนํา้ นัน้ มเี กาะแหง หน่งึอดุ มสมบูรณดว ยตนไมอ ันมผี ลนานาชนิด มมี ะมว งและขนุนเปนตน. พระโพธิสตั ว มีกาํ ลังดังชา งสาร สมบรู ณดวยเร่ยี วแรงโจนจากฝงแมน ํ้าขา งน้ีแลว ก็ไปพกั ทห่ี ินดาดแหงหน่งึ ซ่ึงมีอยูกลางลาํ นาํ้ ระหวา งฝง แหง เกาะ โจนจากแผนหินนนั้ แลว กข็ น้ึเกาะนนั้ ได ขบเค้ียวผลไมต า ง ๆ บนเกาะน้นั พอเวลาเย็นก็กระโดดกลบั มาดวยอบุ ายน้นั กลบั ท่อี ยูของตน ครน้ั วันรงุ ข้นึกก็ ระทําเชน นั้นอกี พํานักอยใู นสถานทน่ี ้ัน โดยนิยามน้ีแล. ก็ในครงั้ นนั้ มจี ระเขต วั หน่งึ พรอ มกบั เมียอาศยั อยใู นนานนํ้านั้น. เมยี ของมันเห็นพระโพธสิ ตั วโ ดดไปโดดมา เกดิแพท อ งตองการกนิ เนื้อหวั ใจของพระโพธิสตั ว จึงพดู กะจระเขผผู ัววา ทลู หัว ฉนั เกดิ แพทอ ง ตอ งการกินเน้อื หวั ใจของพานรนิ ทน.้ี จระเขผผู ัวกลา ววา ไดซ ี่ เธอจา เธอจะตอ งได. แลว พูดตอ ไปวา วนั น้พี ี่จะคอยจองจับ เมอ่ื มนั กลบั มาจากเกาะในเวลาเย็นแลวไปนอนคอยเหนอื แผน หนิ . พระโพธิสตั วเที่ยวไปทง้ั วนัคร้นั เวลาเย็น กห็ ยดุ ยืนอยทู ชี่ ายเกาะ มองดแู ผน หนิ แลวดาํ รวิ าบัดนี้ แผนหินนีส้ งู กวาเกา เปน เพราะเหตอุ ะไรหนอ ? ไดย นิ วาประมาณของนาํ้ และประมาณของแผนหนิ พระโพธิสตั วก ําหนด

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 97ไวเ ปน อยางดีทเี ดียว ดว ยเหตุนน้ั จึงมวี ติ กวา วันนี้ก็ไมลงและไมขนึ้ เลย กเ็ ม่อื เปนเชนน้ี หินน้ดี ใู หญโตข้นึ จระเขม นั นอนคอยจับเราอยูบนแผน หนิ น้ัน บา งกระมงั . พระโพธิสัตว คดิ วาเราจักทดสอบดูกอ น คงยืนอยูต รงนน้ั แหละ. ทาํ เปน พูดกะหินพลางกลาววา แผนหนิ ผเู จริญ ยงั ไมไดร บั คาํ ตอบ ก็กลา ววาหิน ๆ ถงึ ๓ คร้ัง หนิ จักใหค าํ ตอบไดอยางไร ? วานรคงพดูกะหนิ ซาํ้ อกี วา แผนหนิ ผเู จรญิ เปน อยา งไรเลา วนั น้จี ึงไมต อบรับขาพเจา . จระเขฟงแลว คดิ วา ในวันอ่ืน ๆ แผน หินนี้ คงใหคาํ ตอบแกพานรินทรแ ลวเปน แน บดั น้ีเราจะใหค ําตอบแกเขา พลางกลา ววา อะไรหรอื พานรนิ ทรผูเจริญ. พระโพธสิ ตั วถามวาเจา เปนใคร ? เราเปนจระเข. เจามานอนทน่ี ่ี เพ่ือตองการอะไร ? เพื่อตองการเน้อื หัวใจของทาน. พระโพธิสตั วด ํารวิ า เราไมมีทางไปทางอนื่ วันนีต้ องลวงจระเขตัวน้ี. ครั้นคดิ แลว จึงพดู กะมนั อยางนว้ี า จระเขส หายรกั เราจะตัดใจสละรา งกายใหทา น ทา นจงอา ปากคอยงบั เราในเวลาทเ่ี ราถึงตัวทาน. เพราะหลกั ธรรมดามอี ยูวา เมอ่ื จระเขอา ปาก นัยนต าท้ังสองขางก็จะหลบั . จระเขไ มท นั กําหนดเหตุ(อนั เปนหลักธรรมดา) น้นั กอ็ า ปากคอย ทนี ัน้ นยั นตาของมันก็ปด . มันจึงนอนอา ปากหลบั ตารอ. พระโพธสิ ัตวร สู ภาพเชน น้ัน

พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 98กเ็ ผน ไปจากเกาะ เหยียบหวั จระเข แลวโดดจากหวั จระเขไ ปยังฝงตรงขา ม เร็วเหมือนฟาแลบ. จระเขเ ห็นเหตอุ ศั จรรยนน้ัคดิ วา พานรินทรนีก้ ระทาํ การนาอัศจรรยยิง่ นัก พลางพูดวาพานรนิ ทรผ เู จรญิ ในโลกนี้บุคคลผปู ระกอบดว ยธรรม ๔ ประการยอ มครอบงาํ ศัตรูได ธรรมเหลา นัน้ ชะรอยจะมีภายในของทา นครบทุกอยาง แลวกลาวคาถาน้ี ใจความวา :- พานรินทร ธรรม ๔ ประการเหลานี้ สจั จะ ธรรม ธิติ และจาคะ มแี กบ คุ คลใด เหมอื นมีแกท าน บคุ คลนนั้ ยอ มพน ศัตรไู ปได ดังน.้ี บรรดาบทเหลา นน้ั บทวา ยสสฺ ไดแ ก บคุ คลใดบคุ คลหนงึ่ . บทวา เอเต ความวา ยอ มปรากฏโดยประจักษในธรรมทีเ่ ราจะกลาวในบัดน้.ี บทวา จตโุ ร ธมมฺ า ไดแกค ุณธรรม ๔ ประการ. บทวา สจจฺ  ไดแ ก วจีสัจ คอื ท่ีทา นบอกวา จักมาสูสํานักของขาพเจา ทา นกม็ ิไดก ระทาํ ใหเ ปน การกลาวเทจ็ มาจรงิ ๆทีเดยี ว ขอ นเ้ี ปน วจีสจั ของทาน. บทวา ธมฺโม ไดแ กวิจารณปญ ญา กลาวคือ ความรูจักพจิ ารณาวา เมอ่ื ทําอยางนี้แลว จักตองมผี ลเชน น้ี ขอ นีเ้ ปนวจิ ารณปญ ญาของทาน.

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 99 ความเพียรอนั ไมย อ หยอ นขาดตอนลง ทานเรียกวา ธติ ิแมคณุ ธรรมขอนี้ กม็ แี กทา น. บทวา จาโค ไดแก การสละตน คอื การทท่ี า นสละชีวิตมาถงึ สํานกั ของเรา แตเ ราไมอาจจับทา นได น้เี ปนโทษของเราฝา ยเดียว. บทวา ทิฏ  ไดแ กป จ จามิตร. บทวา โส อติวตตฺ ติ ความวา ธรรม ๔ อยา งเหลา นี้ดงั พรรณนามานมี้ แี กบุคคลใด เหมือนมีแกทาน บคุ คลผูน้นัยอ มกาวลว ง คอื ครอบงําเสียได ซ่ึงปจ จามิตรของตน เหมอื นดงั ทานลว งพนขาพเจาไปไดในวนั นี้ ฉะนั้น. จระเขสรรเสริญพระโพธิสตั วอยา งนีแ้ ลว ก็ไปที่อยูของตน. แมพ ระบรมศาสดาก็ตรัสวา ดูกอ นภกิ ษุท้งั หลาย เทวทัตมิใชเ พอื่ จะตะเกยี กตะกายจะฆาเรา ในบัดน้เี ทาน้ันกห็ ามไิ ดแมในกาลกอน ก็ตะเกียกตะกายเหมือนกนั ดังน้ีแลว ทรงนําพระธรรมเทศนานี้มา สืบอนสุ นธปิ ระชุมชาดกวา จระเข ในคร้งั นั้น ไดม าเปนพระเทวทตั ในครง้ั น้ี เมยี ของจระเข ไดมาเปน นางจิญจมาณวิกา สว นพานรินทรไดมาเปน เราตถาคตฉะนีแ้ ล. จบ อรรถกถาวานรินทชาดกท่ี ๗

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 100 ๘. ตโยธรรมชาดก วา ดว ยธรรมของผูลวงพนศตั รู [๕๘] \"ดูกอ นพระยาวานร ผใู ดมีธรรม ๓ ประการน้ี คือ ความขยนั ความแกลวกลา ปญ ญา เหมือนทาน ผนู น้ั ยอ มลว งพนศตั รูได\" จบ ตโยธรรมชาดกที่ ๘ อรรถกถาตโยธรรมชาดกที่ ๘ พระบรมศาสดา เม่ือประทบั อยู ณ พระเวฬวุ ันมหา-วิหาร ทรงปรารภการตะเกยี กตะกายจะฆา พระองคน ่ันแหละตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคาํ เร่ิมตน วา ยสฺเสเต จ ตโย ธมฺมาดังนี้. ในอดตี กาลคร้ังพระเจาพรหมทตั เสวยราชสมบตั ิอยูในกรุง-พาราณสี พระเทวทัตบังเกดิ ในกาํ เนิดวานร ควบคมุ ฝงู อยูในหมิ วนั ตประเทศ เม่ือลกู วานรท่อี าศยั ตนเตบิ โตแลว กข็ บพืชของลกู วานรเหลา น้ันเสียสน้ิ เพราะกลวั วา วานรเหลา น้จี ะแยงคุมฝูง. ในคร้ังน้นั พระโพธสิ ัตวก็อาศยั วานรนน้ั แหละ ถอื ปฏิสนธิในทอ งของนางวานรตัวหน่ึง. ครั้นนางวานรรูว าต้งั ครรภ เพ่อืจะถนอมครรภของตน กไ็ ดไปสเู ชงิ เขาตาํ บลอื่น พอทองแก


Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook