Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_56

tripitaka_56

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:42

Description: tripitaka_56

Search

Read the Text Version

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 551 ๙. อภุ โตภตั ถชาดก วาดว ยผเู สยี หายทัง้ ทางนาํ้ ทางบก [๑๓๕] \" ตาของเจาก็แตก ผาของเจา กห็ าย ภรรยา ของเจา ก็ทะเลาะกับหญิงเพอ่ื นบา น การงาน ทั้งหลายเสียหายทั้งสองดา น ทง้ั ในนา้ํ ทงั้ บนบก\" จบอภุ โตภัตถชาดกท่ี ๘ อรรถกถาอุภโตภตั ถชาดกที่ ๙ พระศาสดาเมอื่ ประทับอยู ณ พระวหิ ารเวฬุวันทรงปรารภพระเทวทัต ตรสั พระธรรมเทศนาน้ี มคี ําเร่มิ ตนวาอกขฺ ี ภนิ นฺ า ปโฏ นฏโ ดงั น้ี. ไดย ินวา ในครง้ั นนั้ ภกิ ษุท้ังหลาย พากนั ยกเรอื่ งขนึ้สนทนากันในธรรมสภาวา ผมู อี ายทุ ัง้ หลาย ขอนไมไหมไ ฟท้งั สองขา ง ทา มกลางเปอ นคูถ ไมอ ํานวยประโยชนส มเปนไมในปา ไมอ าํ นวยประโยชนส มเปน ไมใ นบา น แมฉันใดเลา พระ-เทวทตั กฉ็ นั น้ันเหมือนกนั บวชแลวในพระศาสนา อนั ประกอบดว ยธรรมเครื่องนําสตั วอ อกจากทกุ ข เห็นปานน้ี ยงั พลาดเสื่อมถอยจากประโยชนท้ังสองดานเสียได คอื เสอ่ื มถอยจากโภคะแหงคฤหสั ถ ทัง้ ไมส ามารถทําประโยชนแ หงความเปน

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 552สมณะใหบริบูรณได พระศาสดาเสด็จมาตรสั ถามวา ดกู อนภกิ ษุท้ังหลาย บดั น้ี พวกเธอนั่งประชุมสนทนากันดว ยเรื่องอะไร ? เมอื่ ภิกษุท้งั หลายกราบทูลใหท รงทราบแลว ตรัสวาดูกอนภกิ ษุทงั้ หลาย มใิ ชแตบัดนีเ้ ทา น้นั ทเ่ี ทวทตั พลาดจากประโยชนท้ังสองดาน แมในอดตี ก็ไดเคยพลาดจากประโยชนทัง้ สองดานมาแลวเหมอื นกัน แลว ทรงนาํ เอาเรอื่ งใหอ ดีตมาสาธกดงั ตอ ไปน้ี :- ในอดตี กาล ครง้ั พระเจาพรหมทตั เสวยราชสมบตั อิ ยูในพระนครพาราณสี พระโพธสิ ตั วเสวยพระชาตเิ ปนรุกขเทวดาในคร้งั นั้น พวกพรานเบ็ด อยกู ันเปน ชุมนมุ ณ หมบู า นตําบลหน่ึงครง้ั น้ันพรานเบด็ คนหนึ่ง ถือเบ็ดไปกับลกู ชายรุนหนมุ ไปทบี่ ึงซง่ึ พวกพรานเบ็ดพากันจับปลาโดยปกติอยู แลวลงเบด็ เบด็ ตดิทีต่ อ ๆ หน่งึ ใตน ้าํ พรานเบ็ดไมสามารถจะดึงขนึ้ มาได ก็คิดวาเบด็ คงติดปลาตวั ใหญ เราตอ งสงลกู ชายไปหาแม ใหก อ การทะเลาะกบั พวกคนใกลเคยี ง เมื่อเปนเชนนี้ ใคร ๆ กจ็ ะไมค อยจอ งจะเอาสวนแบง จากปลาตัวนี้ แลว บอกลกู ชายวา ไปเถิดลูก เจาจงไปบอกแม ถึงเรือ่ งทีเ่ ราไดป ลาตวั ใหญ ใหแมเ ขากอการทะเลาะวิวาทกบั คนใกลเ คยี งเสยี คร้ันเขาสง ลูกไปแลว เมอ่ื ไมอาจจะดึงเบด็ มาได เกรงสายเบ็ดจะขาด จงึ แกผาวางไวบ นบกโดดลงน้ํา เพราะอยากไดปลา หาไดพ จิ ารณาวา จะเปนปลาหรอื ไม จึงกระทบเขากบั ตอ นัยนตาแตกทั้งสองขาง ผา นงุ ที่วางไว

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 553บนบกเลา ขโมยกล็ ักไปเสยี เขาเจ็บปวดเอามอื กุมนยั นตาทั้งสองขางไว ขนึ้ จากน้าํ ซมซานหาผา นงุ ฝายวา ภรรยาของเขาคดิ วา เราจักกอการทะเลาะ ทาํ ใหใ คร ๆ ไมจ องขอสวนแบงดังน้ีแลว เอาใบตาลประดับหขู า งหนงึ่ เทานนั้ ตาขา งหนงึ่ กม็ อมเสียอุม ลูกหมาใสส ะเอว เดนิ ไปน่ังหวั บา นทา ยบาน ครง้ั นั้นหญงิเพื่อนกนั คนหนึง่ คะนองอยางนว้ี า เจา เอาใบตาลมาประดบัท่ีหขู า งเดยี วเทา นนั้ ตาขางหนง่ึ ก็มอมเสยี อุมลกู หมาใสสะเอวปานประหนง่ึ วาเปน ลกู รัก เดินไปหวั บา นทา ยบา น เจาเปนบาไปแลวหรอื ? นางกลา ววา ไมไดเ ปนบา ก็เจามาคําวา เราโดยหาเหตุมิได บัดนเ้ี ราจักพาเจาไปหานายอําเภอ ใหป รบั เจา เสยีแปดกษาปณ ครน้ั ทะเลาะกนั อยา งนแี้ ลว คนทง้ั สองกพ็ ากันไปยังทว่ี า การอําเภอ เม่อื นายอําเภอชาํ ระขอพิพาทของหญิงทงั้ สองนั้น กป็ รบั หญิงผูเปนภรรยาของพรานเบด็ ซ้ําเขาอีก คนทงั้ หลายกม็ ัดนาง เรงรดั วา จงใหคา ปรบั แลวเรม่ิ เฆีย่ น รกุ ขเทวดาเหน็ พฤติกรรมนข้ี องนางในบาน และความฉบิ หายของผัวนน้ัในปา ก็ยนื ทีค่ า คบไม กลาววา ดกู อนเจาคนถอย การงานของเจาเสือ่ มเสียหมดแลว ทั้งในน้าํ ทัง้ บนบก เจาพลาดเสียแลวจากประโยชนท ง้ั สองสถาน แลวกลาวคาถานี้ ความวา :- \"ตาของเจากแ็ ตก ผาของเจาก็หาย ภรรยาของเจาก็ทะเลาะกบั หญิงเพื่อนบา น การ

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 554 งานท้งั หลายเสยี หายทั้งสองดาน ท้งั ในน้ํา ทัง้ บนบก\" ดังน.้ี บรรดาบทเหลา น้นั บทวา สขีเคเห จ ภณฺฑน ความวาหญิงผูเปน สหายช่ือวา เพอื่ น ขยายความวา เมียของเจา ทาํ ความราวฉาน ในเรอื นของหญงิ ผเู ปนสหายนั้น ถกู จบั มดั เฆี่ยนลงทณั ฑ. บทวา อุภโต ปทุฏ า ความวา การงานในฐานะทงั้ สองของเจา เสียหาย ยอยยับ อยา งนท้ี เี ดยี ว. ถามวา ในฐานะทัง้ สองอยางไหนบาง ? ตอบวา ทัง้ ทางนํ้า และทงั้ ทางบก ไดแกการงานในนํ้าเสียหายเพราะนัยนต าแตก และผานุงถูกขโมยลกั การงานบนบกเสยี หาย เพราะเมียทาํ ความรา วฉานกับเพ่อื นบา น ถกู จบัมดั เฆี่ยนลงทัณฑ. พระศาสดาทรงนาํ พระธรรมเทศนานมี้ าแลว ทรงประชมุชาดกวา พรานเบ็ดในครั้งนนั้ ไดม าเปนเทวทตั สวนรุกขเทวดาไดมาเปนเราตถาคต ฉะนแ้ี ล. จบ อรรถกถาอุภโตภัตถชาดกที่ ๙

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 555 ๑๐. กากชาดก วาดว ยกาไมม มี ันเหลว [๑๔๐] \" ฝงู กามใี จหวาดสะดุงเปน นิตย ชอบ เบยี ดเบยี นชาวโลกทง้ั มวล เหตุน้ัน มนั เหลว ของฝงู กาผเู ปนญาติ ของขา พเจา เหลา นนั้ จงึ ไมมี\" จบกากชาดกที่ ๑๐ อรรถกถากากชาดกที่ ๑๐ พระศาสดาเม่อื ประทับอยู ณ พระเชตวนั มหาวหิ ารทรงปรารภการประพฤติประโยชนแกพ ระประยรู ญาติ ตรสั พระ-ธรรมเทศนาน้ี มีคาํ เริ่มตน วา นจิ ฺจ อุพพฺ ิคคฺ หทยา ดังน้.ี เร่ืองในปจ จบุ ัน จักมปี รากฏในภัททสาลชาดก ทวาทสนิบาต. ในอดตี กาล ครั้งพระเจาพรหมทตั เสวยราชสมบตั อิ ยูในพระนครพาราณสี พระโพธิสตั วบงั เกิดในกําเนิดกา อยมู าวันหน่ึง ปุโรหติ ของพระราชา อาบนํา้ ในแมน ํา้ นอกพระนครปะแปง แตง กาย ประดบั ดอกไม นุงผา สมศักด์ศิ รี กาํ ลังเดนิเขาพระนคร ที่ยอดเสาคา ยใกลป ระตพู ระนคร กาสองตวั กาํ ลัง

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 556จบั อยู ในสองตวั น้ัน กาตัวหนึง่ พูดกับอกี ตวั หนง่ึ วา สหาย เราจักข้ีรดหวั พราหมณน ้ี อีกตวั หนง่ึ คานวา เจา อยา นกึ สนกุ อยา งน้นัเลย พราหมณนเ้ี ปนคนใหญค นโต ข้นึ ชอ่ื วาการกอเวรกบัอสิ สรชน ละก็รา ยนัก เพราะแกโกรธขึน้ มาแลวพึงทํากาแมทง้ั หมดใหฉ ิบหายได กาตัวน้นั พดู วา เราไมอาจยบั ยั้งเปลี่ยนใจไดเ สยี แลว อีกตัวหน่ึงกลา ววา ถาอยา งนน้ั เจาจกั ไดรดู อกแลวบินหนไี ป กาตัวหนึง่ เวลาพราหมณล อดสวนลา งแหง เสาคายกท็ ําเปนยอ ตัวลงขีร้ ดหวั พราหมณนนั้ พราหมณโ กรธ ผูกเวรในฝูงกา. ครง้ั นนั้ หญิงทาสรี ับจาซอ มขาวคนหนึง่ เอาขา วเปลอื กผึ่งแดดไวท ่ปี ระตูเรือน นงั่ คอยเฝาอยูน่ันแล หลบั ไป แพะขนยาวตัวหนึ่งรวู าหญิงน้นั ประมาท มากนิ ขา วเปลอื กเสยี นางต่ืนขึ้นเห็นมันกไ็ ลไ ป แพะแอบมากินขาวเปลอื กในเวลาที่นางหลบัอยา งนนั้ นน่ั เหละ สอง-สามครัง้ แมนางกไ็ ลมันไป ทัง้ สามครั้งแลว คดิ วา เม่ือมันกนิ บอ ยคร้ัง จักกินขา วเปลือกไปตงั้ คร่ึงจาํ นวนเราตอ งเขา เนอ้ื ไปมากมาย คราวนี้ตอ งทาํ ไมใหมันมาไดอ ีกนางจงึ ถอื ไดนงั่ ทําเปนหลับ เมอ่ื แพะเขา มากินขาวเปลอื ก ก็ลกุขน้ึ ขวางแพะดว ยไต ขนแพะก็ติดไฟ เมอ่ื รางกายถูกไฟไหมมนั คดิ จักใหไฟดบั จงึ วง่ิ ไปโดยเรว็ เอาตัวสที ่กี ระทอ มหญาแหงหน่งึ ใกลโ รงชาง กระทอมนั้นกล็ ุกโพลงไป เปลวไฟที่เกิดจากกระทอ มนั้น ลามไปติดโรงชาง เมอ่ื โรงชา งไหม หลงั ชาง

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 557ก็พลอยไหมไ ปดว ย ชา งจาํ นวนมาก ตางมีตวั เปนแผลไปตาม ๆ กนัพวกหมอไมสามารถจะรกั ษาใหห ายได พากันกราบทลู พระราชาพระราชาจึงตรัสกบั ปุโรหิตวา ทา นอาจารย หมอชา งหมดฝม อื ท่ีจะรักษาฝงู ชา ง ทา นพอจะรจู ักยาอะไร ๆ บางหรอื ?ปโุ รหติ กราบทลู วา ขาพระองคกราบเกลา ฯ อยูพระเจาขารับส่งั ถามวา ไดอะไรถึงจะควร ? กราบทูลวา ขาแตม หาราชเจาตอ งไดนา้ํ มนั กาพระเจาขา รับส่งั วา ถาเชน นัน้ พวกทา นจงส่งัใหคนฆา มา เอานํ้ามันมาเถดิ จาํ เดมิ แตน้ัน คนทั้งหลายกพ็ ากันฆา กา ไมไ ดน ้ํามนั กท็ ้ิงสุมไวเปนกอง ๆ ในทนี่ ัน้ ๆ ภัยอยางใหญหลวงเกิดแกฝ ูงกาแลว. ครั้งน้นั พระโพธิสตั ว มีฝูงกาแปดหม่ืนเปน บรวิ าร อาศัยอยูในปาชา ใหญ มีกาตัวหนง่ึ มาบอกแกพ ระโพธิสัตว ถึงภยัทเ่ี กดิ แกฝ ูงกา พระโพธิสัตวด าํ รวิ า ยกเวนเราเสยี แลว ผอู น่ืท่ีจะสามารถบาํ บัดภัยท่กี าํ ลงั เกดิ ข้ึนแกห มญู าตขิ องเราไดไ มมีเลย เราตองบําบดั ภัยน้นั แลว ราํ ลกึ ถึงบารมี ๑๐ ประการกระทาํ เมตตาบารมีใหเปนเบือ้ งหนา บนิ รวดเดยี วเทานนั้ เขา ไปในชองพระแกลใหญท ี่เปด ไว เขาไปซุกอยภู ายใตพระราชอาสนครง้ั นั้น อํามาตยผหู น่งึ ทาํ ทาจะจับพระโพธิสตั ว พระราชาตรัสหา มวา มันเขามาหาที่พ่ึง อยาจับมนั เลย พระมหาสัตวพักหนอ ยหนงึ่ แลวรําลึกถงึ พระบารมี ออกจากใตอาสนะ กราบทูลพระราชาวา ขา แตพระมหาราชเจา ธรรมดาพระราชา ตอ งไม

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนิกาย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 558ลอุ ํานาจอคติ มฉี ันทาคตเิ ปนตน จงึ จะชอบ กรรมใด ๆ ท่ีจะตอ งกระทํา กรรมนัน้ ๆ ตอ งพิจารณาใหถีถ่ วนแลว กระทํา จงึจะชอบ อนึ่ง กรรมใดที่จะกระทาํ ตองไดผ ล กรรมน้นั เทา นนั้จงึ จะควรกระทํา นอกนไ้ี มควรการทํา ก็ถา พระราชาท้งั หลายมาทรงกระทํากรรมท่ที าํ ไปไมสาํ เรจ็ ผลเลยอยูไ ซร มหาภัยมีมรณภยั เปนทีส่ ดุ ยอ มบงั เกิดแกม หาชน ปุโรหติ ตกอยูในอํานาจของการจองเวร ไดกราบทลู เท็จ ขึน้ ชื่อวา มนั เหลวของฝงู กาไมมีเลย พระราชาทรงสดบั คาํ นน้ั แลว มีพระทัยเลือ่ มใสใหพระโพธสิ ตั วเ กาะบนตง่ั อันแพรวพราวดว ยทองคํา ใหค นทาชว งปกดวยนํา้ มันท่ีหุงแลว ไดแสนครงั้ ใหบ รโิ ภคอาหารท่ีสะอาดสมควรเปนพระกระยาหาร ใหด ื่มน้ํา พอพระมหาสัตวสบายหายความเหน็ดเหนือ่ ยแลว จงึ ไดตรสั คาํ น้วี า พอ บัณฑติ เธอกลาววา ขนึ้ ชอ่ื วามนั เหลวของฝงู กา ไมมี ดว ยเหตุไรเลา มนั เหลวของฝงู กาจึงไมมี พระโพธิสตั วเมอื่ จะกราบทลู ชี้แจงวา ดวยเหตนุ ี้ ๆพระเจา ขา กระทําพระราชวังทัง้ สน้ิ ใหเปน เสยี งเดยี วกนั แสดงธรรม กลาวคาถานี้ ความวา :- \"ฝูงกามีใจหวาดสะดุงเปนนิตย ชอบ เบยี ดเบยี นชาวโลกทง้ั มวล เหตนุ ั้น มันเหลว ของฝูงกาผเู ปน ญาติของขาพระองคเ หลานัน้ จึงไมม \"ี ดงั นี.้

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 559 ในคาถาน้นั มีความสังเขปดังน้ี :- ขา แตมหาราชเจาธรรมดาฝูงกามีใจสะดุง คือคอยแตห วาดกลัวอยูเปนนจิ ทีเดยี ว. บทวา สพพฺ โลกวเิ หสกา ความวา กาทง้ั หลายชอบเทย่ี วเบยี ดเบยี น ขมเหง มนษุ ยทีเ่ ปน ใหญมีกษตั ริยเปน ตนบา งหญงิ ชายท่ัวไปบาง เดก็ ชายเด็กหญิงเปน ตนบาง เหตนุ ัน้ คือดวยเหตสุ องประการนี้ ข้ึนชอ่ื วา มันเหลวของฝูงกาผูเปนญาติของขาพระองคเ หลานนั้ จงึ ไมม ี แมใ นอดตี กไ็ มเคยมี แมในอนาคต กจ็ กั ไมม .ี พระโพธสิ ตั ว เปด เผยเหตนุ ด้ี วยประการฉะนี้ แลว ทูลเตือนพระราชาวา ขา แตมหาราชเจา ธรรมดาพระราชามิไดทรงพจิ ารณาใครค รวญแลว ไมพ ึงปฏบิ ตั พิ ระราชกจิ พระราชาทรงพอพระทัย บชู าพระโพธิสตั วดว ยราชสมบัติ พระโพธิสัตวถวายราชสมบตั ิคนื แดพ ระราชาดังเดิม ใหพ ระราชาดํารงอยูในเบญจศีล ทลู ขอพระราชทานอภยั แกส ตั วท ้งั ปวง พระราชาทรงสดบั ธรรมเทศนาแลว โปรดพระราชทานอภัยแกสรรพสตั วทรงตงั้ นพิ ัทธทาน (ทานท่ใี หประจาํ ) แกฝ งู กา ใหห งุ ขา วประมาณวันละหนึง่ ถัง คลุกดวยของท่ีมีรสเลศิ ตาง ๆ พระราชทานแกก าทุก ๆ วัน สว นพระมหาสตั ว ไดรับพระราชทานพระ-กระยาหารทีเดยี ว.

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 560 พระศาสดาทรงนําพระธรรมเทศนานมี้ าแลว ทรงประชมุชาดกวา พระเจาพาราณสใี นคร้งั นัน้ ไดมาเปน อานนท สว นพระยากา ไดมาเปน เราตถาคต ฉะนี้แล. จบ อรรถกถากากชาดกที่ ๑๐ รวมชาดกทีม่ ีในวรรคน้ี คอื ๑. อสัมปทานชาดก ๒. ปญ จภีรุกชาดก ๓. ฆตาสนชาดก๔. ฌาณโสธนชาดก ๕. จนั ทาภชาดก ๖. สวุ ัณณหงั สชาดก๗. พัพพชุ าดก ๘. โคธชาดก ๙. อภุ โตภัตถชาดก ๑๐. กากชาดก จบ อสมั ปทานวรรคที่ ๑๔

พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 561 ๑๕. กกัณฏกวรรค ๑. โคธชาดก คบคนช่วั ไมม ีความสุข [๑๔๑] \"ผูค บคนช่ัว ยอมไมไ ดความสุข โดย สว นเดียว เขายอมทาํ ตนใหถึงความพนิ าศ เหมอื นอยา งตระกลู เห้ีย พาตนและหมคู ณะถึง ความวอดวาย เพราะก้งิ กา ฉะนนั้ \" จบ โคธชาดกที่ ๑ อรรถกถากกณั ฏกวรรคท่ี ๑๕ อรรถกถาโคธชาดกที่ ๑ พระศาสดาเม่อื ประทบั อยู ณ พระวิหารเวฬวุ ันทรงปรารภภกิ ษุคบหาฝา ยผดิ รูปหน่ึง ตรสั พระธรรมเทศนานี้มีคําเร่มิ ตน วา น ปาปชนส เสวี ดงั น้ี. เรอื่ งปจจุบัน กเ็ ชน เดยี วกบั เร่อื งท่กี ลาวแลว ใน มหฬิ ามขุ ๑-ชาดก นนั้ แล. ในอดตี กาล คร้ังพระเจาพรหมทัตเสวยราชสมบตั อิ ยใู นพระนครพาราณสี พระโพธิสัตวถ ือปฏสิ นธิในกาํ เนิดเห้ีย ครนั้๑. ขุ. ชา ๒๗/๒๖.

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 562เติบใหญแ ลว มเี ห้ียหลายรอ ยเปนบริวาร พํานกั อยใู นโพรงใหญใกลฝ ง แมน ้ํา บุตรของพระโพธสิ ัตวน ้ัน ชื่อวาโคธปลลิกะ ทาํความสนทิ สนมเปน เพ่ือนเกลอกันกบั กิ้งกา (ปอมขาง) ตัวหนึ่งเยาหยอกกนั กับมนั ขนึ้ ทบั มนั ไวด วยคิดวา เราจกั กอดกิง้ กาฝงู เห้ยี พากันบอกความสนิทสนม ระหวางโคธปลลกิ ะกับกิ้งกาน้ัน ใหพ ญาเหย้ี ทราบ พญาเหยี้ จงึ เรียกบุตรมาหา กลา ววาลูกเอย เจาทําความสนิทสนมกันในท่ไี มบงั ควรเลย ธรรมดากิง้ กาทัง้ หลาย มีกาํ เนิดตํ่า ไมค วรทําความสนทิ สนมกบั มนั ถาเจาขนื ทําความสนทิ สนมกบั มนั สกุลเห้ยี แมท ้งั หมด จักตองพินาศเพราะอาศัยมนั แนนอน ตอแตนี้ไปเจาอยาไดท ําความสนิทสนมกับมนั เลย โคธปล ลิกะ ก็คงยังทาํ อยูเ ชน น้ัน แมถึงพระโพธิสตั วจ ะพดู อยูบอย ๆ ก็ไมส ามารถจะหามความสนิทสนมระหวางเขากับมนั ได จงึ ดาํ รวิ า อาศัยกงิ้ กาตัวหนึง่ ภยั ตอ งบงั เกิดแกพ วกเราเปนแน ควรจัดเตรยี มทางหนไี ว ในเมื่อภัยนนั้บงั เกดิ แลวใหทาํ ปลองลมไวข า งหนึง่ ฝา ยบตุ รของพญาเหยี้ นัน้กม็ รี างกายใหญโ ตขึน้ โดยลําดบั สวนกงิ้ กา คงตัวเทาเดมิโคธปลลิกะ คิดวา จกั สวมกอดกง้ิ กา (เวลาใด) กโ็ ถมทับอยเู ร่อื ย ๆ(เวลานั้น) เวลาที่โคธปล ลิกะโถมทบั ก้งิ กา เปน เหมอื นเวลาท่ีถกู ยอดเขาทบั ฉะนน้ั เมื่อกงิ้ กาไดรับความลาํ บาก จงึ คดิ วาถา เหีย้ ตัวนี้ กอดเราอยางนี้สกั สอง-สามวนั ตดิ ตอกัน เราเปนตายแน เราจักรว มมือกับพรานคนหนึ่ง ลางตระกลู เหี้ยน้ีเสีย

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 563ใหจงได. ครนั้ วนั หนงึ่ ในฤดูแลง เมอ่ื ฝนตกแลว ฝงู แมลงเมา พากนับนิ ออกจากจอมปลวก ฝูงเห้ยี พากันออกจากทีน่ ั้น ๆ กนิ ฝงูแมลงเมา พรานเหี้ยผูหนึ่งถอื จอบไปปากบั ฝงู หมา เพอ่ื ขุดโพรงเหีย้ กงิ้ กาเห็นเขาแลว คดิ วา วนั นี้ความหวงั ของเราสําเรจ็แน ดงั นีแ้ ลว เขา ไปหาเขา. หมอบอยใู นทีไ่ มห า ง ถามวา ทา นผูเจรญิ ทา นเท่ียวไปในปาทําไม ? พรานตอบวา เท่ยี วหาฝงู เหีย้ กง้ิ กา กลาววา ฉันรจู กั ที่อาศยั ของเหยี้ หลายรอยตัวทา นจงหาไฟและฟางมาเถิด แลวนําเขาไปทีน่ ้ัน ช้แี จงวา ทา นจงใสไ ฟตรงนี้แลวจดุ ไฟ ทําใหเ ปน ควนั วางหมาลอมไว ตนเองออกไปคอยตีฝงู เหีย้ ใหตาย แลว เอากองไว คร้ันบอกอยา งน้ีแลวก็คดิ วา วนั นี้เปนไดเหน็ หลงั ศัตรูละ แลวนอนผงกหัวอยู ณ ที่แหง หนงึ่ แมน ายพรานก็จดั การสมุ ไฟฟาง ควนั เขาไปในโพรงฝูงเหยี้ พากันสาํ ลกั ควัน ถูกมรณภยั คกุ คาม ตา งรีบออกพากันหนีรนราน พรานกจ็ องตีตัวทอ่ี อกมา ๆ ใหตาย ทีร่ อดพนมอื พรานไปไดก ็ถูกฝงู หมากดั ความพนิ าศอยา งใหญห ลวงเกดิ แกฝ งู เหย้ีพระโพธสิ ตั วรวู า เพราะอาศัยก้ิงกา ภัยจงึ บงั เกิดข้ึน ตัวนแ้ี ลวกลาววา ข้นึ ช่ือวาการคลุกคลกี บั คนชว่ั ไมพ ึงกระทํา ข้ึนช่ือวาประโยชนยอ มไมม เี พราะอาศัยคนชัว่ ดว ยอํานาจของกง้ิ กาชว่ัตวั เดยี ว ความพนิ าศจึงเกิดแกฝ งู เห้ีย มปี ระมาณเทาน้ี เม่อื จะหนีไปทางชองลม กลาวคาถานค้ี วามวา :-

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 564 \" ผูคบคนชวั่ ยอ มไมไ ดความสขุ โดย สว นเดียว เขายอ มทําตนใหถ ึงความพินาศ เหมือนอยางตระกลู เห้ยี ใหตนถงึ ความวอดวาย เพราะกิง้ กา ฉะน้นั \" ดังนี.้ ในคาถาน้ัน มีความสังเขปดงั น้ี บุคคลผสู รอ งเสพกบัคนช่วั ยอ มไมบรรลุ คอื ไมประสบ ไมไ ดร ับความสุขทยี่ ง่ั ยืนคือความสขุ ท่ีชื่อวา สุขชัว่ นิรนั ดร เหมอื นอยา งอะไร ? เหมือนตระกลู เห้ยี ไมไดค วามสุข เพราะก้งิ กาฉันใด คนทส่ี รองเสพกบั คนชัว่ ยอ มไมไ ดค วามสขุ ฉนั น้ัน มแี ตจะพาตนใหถ งึ ความวอดวายกับคนช่วั ยอ มพาตนและคนอื่น ๆ ท่ีอยกู ับตน ใหถ งึ ความพินาศไปถา ยเดียวเทา นัน้ แตใ นพระบาลีทา นเขียนไววา \"กลึปาเปยยฺ \" พึงพาตนใหถึงความวอดวาย พยัญชนะ (คอื ขอ ความ)อยางนนั้ ไมมใี นอรรถกถา ทง้ั เนอ้ื ความของพยัญชนะน้นั ก็ไมถูกตอง เหตุน้นั พงึ ถือเอาคาํ ตามทีก่ ลาวแลว นัน่ แหละ. พระศาสดาทรงนําพระธรรมเทศนานมี้ าแลว ทรงประชมุชาดกวา กง้ิ กาในครง้ั นั้น ไดม าเปน เทวทัต บุตรพระโพธิสัตวชอื่ โคธปล ลกิ ะผูไมเชื่อโอวาท ไดม าเปน ภิกษุผูคบหาฝา ยผิดสว นพญาเหีย้ ไดม าเปนเราตถาคต ฉะนีแ้ ล. จบ อรรถกถาโคธชาดกที่ ๑

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 565 ๒. สิคาลชาดก วาดว ยแสรง ทําเปนตาย [๑๔๒] \" เหตทุ ีท่ านทาํ เปน เหมือนคนตายน้ี รูไ ด ยากอยู เพราะเราคาบปลายไมพลองฉุดไป ไม- พลองก็ยังไมห ลดุ จากมือของทาน\" จบ สคิ าลชาดกท่ี ๒ อรรถกาถสิคาลชาดกที่ ๒ พระศาสดาเม่อื ประทับอยู ณ พระวหิ ารชอ่ื วา เวฬุวนัทรงปรารภความตะเกยี กตะกายเพือ่ จะปลงพระชนมพ ระองคเ องของพระเทวทตั ตรัสพระธรรมเทศนาน้ี มีคําเริม่ ตน วา เอต หิเต ทุราชาน ดงั นี.้ ความยอวา พระศาสดาทรงสดับถอยคาํ ของภกิ ษุทงั้ หลายในธรรมสภา แลวตรัสวา ดกู อนภิกษุทัง้ หลายมิใชแ ตใ นบัดน้ีเทา น้ัน ทีเ่ ทวทตั ตะเกียกตะกายเพ่ือจะฆาเรา แมในคร้ังกอนก็เคยตะเกียกตะกายมาแลว เหมอื นกนั แตไมอาจจะฆาเราไดแตตนเอง ตอ งลาํ บากโดยถา ยเดียวเทานน้ั แลวทรงนาํ เอาเร่ืองในอดีตมาสาธก ดังตอ ไปน้ี :-

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 566 ในอดีตกาล ครั้งพระเจาพรหมทัตเสวยราชสมบตั ิอยใู นพระนครพาราณสี พระโพธิสตั วบังเกิดในกําเนดิ หมาจิ้งจอกไดเปน พญาสงิ คาล แวดลอมดวยหมาจ้ิงจอกอยใู นปา ชา โดยสมัยนั้น พระนครพาราณสี มีมหรสพ ฝงู คนพากนั ดื่มสรุ าโดยมากไดยินวา มหรสพน้ัน ก็คือมหรสพที่จัดขึ้นเพื่อการดืม่ สุราน่ันเองครง้ั นน้ั พวกนักเลงสรุ า จํานวนมากชวนกันหาสุราและเนอ้ื มาเปนอนั มาก แลวประดบั ตกแตง รา งกาย พากนั ขับรอ ง แลวด่ืมสรุ าไปพลาง กินเนื้อแกลมไปพลาง พอส้นิ ยามแรก ชิ้นเนอ้ื ของพวกนน้ั ก็หมด แตสรุ ายังเหลือมากทีเดยี ว ครง้ั น้นั นักเลงสรุ าคนหน่ึงกลา ววา สง ช้ินเนื้อใหช ้นิ หนง่ึ เถิด เม่ือไดร บั คําตอบวาเนื้อหมดแลว ก็พูดวา เมอื่ ขา ยังอยูต องไมม ีคาํ วา เนอ้ื หมด แลวกลา วตอไปวา ขา จักฆา หมาจ้ิงจอกทม่ี ากนิ เนอื้ คนตายในปาชาผดี ิบ เอาเนอ้ื มนั มา ควา ไมพ ลองออกจากพระนครทางชอ งระบายนาํ้ ไปสปู าชา นอนหงายถอื พลองทาํ เปนคนตาย ขณะนนั้พระโพธสิ ัตว แวดลอมไปดว ยสนุ ัขจงิ้ จอกไปในทนี่ ้ัน เหน็ เขาแลวแมจ ะรวู า นี่ไมใชคนตาย คิดวาตอ งใครค รวญดูใหละเอียดละออจงึ ไปยืนใตลมของเขา สดู กลน่ิ ตัว ก็ทราบความทเี่ ขายงั ไมตายโดยแนนอนทเี ดยี ว คิดวา ตอ งใหเ ขาไดอาย แลวจึงจะปลอยเขาไปจงึ เดินไปคาบทีป่ ลายพลองฉุดมา นักเลงไมย อมปลอ ยพลอง แมจะไมม องดูพญาจิง้ จอกผูเขา มาใกล ก็คงยดึ พลองน้ันไวแนนขึ้นพระโพธิสตั วถอยกลบั ไปแลว กลาววา ดกู อนทานผเู จรญิ ถา ทาน




































































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook