Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_56

tripitaka_56

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:42

Description: tripitaka_56

Search

Read the Text Version

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 1 พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย ชาดก เลมท่ี ๓ ภาคท่ี ๒ขอนอบนอ มแดพระผมู พี ระภาคอรหนั ตสมั มาสมั พุทธเจา พระองคน น้ั เอกนบิ าตชาดก ๕. อตั ถกามวรรค ๑. โลสกชาดก วาดวยคนทต่ี องเศรา โศก [๔๑] \" ผใู ดบคุ คลกลา วสอนอยู ไมท ําตามคํา สอนของผูป รารถนาประโยชน ผูอนุเคราะหดว ย ประโยชนเกอ้ื กูล ผูน ้นั ยอมเศรา โศก เหมอื น มิตตพินทกุ ะจบั เทา แพะเศรา โศกอยฉู ะนน้ั .\"

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 2 อรรถกถาอัตถกามวรรคท่ี ๕ อรรถกถาโลสกชาดกท่ี ๑ พระศาสดา เมอ่ื ประทบั อยูใ นพระเชตวนั มหาวิหารทรงปรารภ พระโลสกตสิ สเถระ ตรัสพระธรรมเทศนานี้มคี าํ เรม่ิ ตน วา \" โย อตฺถกามสฺส\" ดังน้ี. กพ็ ระเถระผูมีชื่อวา โลสกะ นี้ คือใคร (มปี ระวัติเปนมาอยางไร) ? ทานเปน บุตรของชาวประมงคนหนง่ึ ในแควนโกศล เปนผทู ําลายตระกูลวงศของตน ไมม ลี าภ มาบวชในหมภู กิ ษ.ุ ไดยนิ มาวา ทานจตุ จิ ากทีท่ ี่ทานเกิดแลว ถอื ปฏิสนธิในทองของหญิงชาวประมงนางหนง่ึ ณ หมูบ า นชาวประมงตําบลหน่ึง ซ่ึงอยรู ว มกนั ถึงพันครอบครวั ในแควนโกศล. ในวนั ที่ทานถอื ปฏิสนธิ ชาวประมงทัง้ พนั ครอบครวั นน้ั พากนั ถอื ขายเทยี่ วหาปลา ในลํานํา้ และบอ บงึ ไมไ ดแมแตป ลาตัวเลก็ ๆ สกัตัวหนงึ่ . และนับแตวนั นั้นมา พวกชาวประมงเหลานัน้ กพ็ ากนัเสอื่ มโทรมทเี ดียว. เม่ืออยใู นทอ งมารดาน้นั เลา บา นชาวประมงเหลานั้น กถ็ กู ไฟไหมถึง ๗ ครง้ั ถูกพระราชาปรบั สินไหมเจด็คร้ัง. โดยนยั น้ี ชาวประมงเหลาน้ัน จึงถงึ ความลาํ บากโดยลําดบั .พวกเขาคดิ กนั วา เมื่อกอนเรอ่ื งทาํ นองนไ้ี มเคยมีแกพ วกเราเลย

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 3แตบดั นีพ้ วกเราพากนั ยํ่าแย ในระหวา งพวกเราตองมตี ัวกาลกรรณีคนหนึ่ง พวกเราจงแบงเปนสองพวกเถดิ . ดังนี้แลว แยกกันอยูฝา ยละ ๕๐๐ ครอบครวั . แตน้นั มารดาบิดาของเขาอยูกลุมใดกลุมนนั้ กแ็ ย กลุมนอกน้เี จรญิ พวกทีแ่ ยน ัน้ กแ็ ยกกลมุ กันอีกโดยแยกกนั ออกเปน ๒ กลุมอีก แยกกนั ไปโดยทํานองนี้ กระท่งัตระกูล (ของเขา) น่ันแหละ เหลอื โดดเดี่ยว (เพยี งตระกลู เดยี ว)เขาท้งั หลายจึงรวู า คนเหลาน้นั เปนกาลกรรณี ก็รุมกันโบยตไี ลออกไป. ครงั้ น้ันมารดาบิดาของเขา เล้ยี งชีพมาโดยแรน แคนพอทองแกก็คลอด ณ ท่แี หงหนง่ึ . ธรรมดาทา นผูเปนสตั ว เกดิ มาในภพสดุ ทาย ใครไมอาจทาํ ลายได เพราะมอี ปุ นสิ ัยแหงอรหัตผลรุงเรืองอยูในหทยั ของทาน เหมอื นดวงประทปี ภายในหมอฉะนัน้ .มารดาเลีย้ งเขามา จนถึงในเวลาท่เี ขาวง่ิ เท่ียวไปมาได ก็เอากะโลดนิ เผาใบหนง่ึ ใสม อื ใหพลางเสือกไสดวยคาํ วา ลกู เอย เจา จงไปสูเรอื นหลงั น้ันเถดิ ดงั นแี้ ลวหลบหนไี ป. จําเดิมแตน ั้นมา เขากอ็ ยูอยางเดยี วดาย เทีย่ วหากินไปตามประสา หลบั นอน ณ ทแ่ี หง หนึง่ไมไ ดอาบนํา้ ไมไ ดป รนนิบัติรา งกาย ดูเหมอื นปศาจคลุกฝนุเลย้ี งชีวิตมาไดโ ดยลาํ เค็ญ. เขามีอายคุ รบ ๗ ขวบ โดยลาํ ดับเลอื กเมด็ ขา วกนิ ทีละเม็ด เหมือนกา ในทีส่ าํ หรบั เทนาํ้ ลา งหมอใกลป ระตูเรือนแหงหนึ่ง. คร้ังนน้ั พระธรรมเสนาบดี เท่ยี วบิณฑบาตอยูในเมืองสาวัตถี เห็นแลวราํ พึงวา เดก็ คนน้ีนา สงสารนัก เปนชาวบาน

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 4ไหนหนอ แผเมตตาจติ ไปในเขาเพ่มิ ย่งิ ขึ้น จงึ เรียกวา มานเี่ ถิดเดก็ นอย. เขามาไหวพ ระเถระแลวยืนอยู ลําดบั น้นั พระเถระถามเขาวา เจา เปนชาวบา นไหน พอ แมของเจาอยูท ่ีไหน ? เขาตอบวา ทา นขอรับ กระผมไรท ี่พง่ึ พอแมของกระผมพูดวา เพราะกระผมทําใหทานตองลําบาก จึงทงิ้ กระผมหนไี ป. พระเถระถามวา เออก็เจาจกั บวชไหมละ ? เขาตอบวา ทา นขอรับ กระผมอยากบวชนัก แตคนกาํ พราอยางกระผมใครจักบวชให. พระเถระกลาววา เราจกั บวชให. เขากลาววา สาธุ ทา นขอรับ โปรดอนุเคราะหใ หก ระผมบวชเถดิ . พระเถระจึงใหของเคีย้ ว ของบรโิ ภคแกเขาแลว พาไปวหิ าร อาบนา้ํ ใหเอง ใหบ รรพชา จนอายคุ รบจึงใหอุปสมบท ในตอนแกทานมชี อ่ื วา \"โลสกตสิ สเถระ\" เปนพระไมม ีบญุ มีลาภนอ ย. เลากันวา แมใ นคราวอสทิสทาน ทา นก็ไมเ คยไดฉนัเต็มทอง ไดข บฉนั เพียงพอจะสบื ตอ ชวี ิตไปไดเทา น้นั เพราะเมอื่ใครใสบ าตรทานเพยี งขา วตมกระบวยเดยี ว บาตรกป็ รากฏเหมือนเต็มเสมอขอบแลว เมื่อเปน เชน นัน้ คนทงั้ หลายก็สาํ คัญวา บาตรของภิกษรุ ูปน้เี ตม็ แลว เลยถวายองคหลัง ๆ. บางอาจารยกลา ววา ในเวลาถวายยาคูในบาตรของทาน ขา วยาคูในภาชนะของคนทัง้ หลาย กห็ ายไป ดังน้กี ม็ .ี แมในปจจยั อ่ืนมีของควรเคยี้ วเปน ตน ก็มีนยั นเ้ี หมือนกนั . โดยสมัยตอมาทา นเจรญิ วิปสสนา

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 5แมจ ะดํารงในพระอรหตั อนั เปน ผลชนั้ ยอด กย็ งั คงมีลาภนอย.ครน้ั เมอื่ อายุสังขารของทา นลว งโรยทรดุ โทรมลงโดยลาํ ดับ ก็ถงึ วันเปน ทป่ี รนิ พิ พาน. ทานพระธรรมเสนาบดี คาํ นงึ อยู กร็ ถู งึ การปรินพิ พานของทาน จงึ ดาํ ริวา วนั น้ีพระโลสกติสสเถระ นจี้ ักปรินพิ พานในวันน้ี เราควรใหอ าหารแกเธอจนพอ ดังนี้แลว พาทา นเขา ไปเมอื งสาวัตถี เพอ่ื บิณฑบาต เพราะพาทา นไปดว ย พระเถระเลยไมไ ดแมเ พียงการยกมอื ไหว ในเมอื งสาวัตถีอันมีคนมากมาย.พระเถระจงึ กลาววา อาวโุ ส เธอจงไปนงั่ คอยอยูท่โี รงฉนั เถิดดังน้ีแลวสงทานกลบั . พอพระเถระมาจากทีน่ ัน้ เทา นั้น พวกมนษุ ยกพ็ ูดกนั วา พระผูเปน เจา มาแลว นิมนตใ หนง่ั เหนอื อาสนะ ใหฉนั ภัตตาหาร. พระเถระก็สง อาหารทีไ่ ดแลว น้นั ไป โดยกลาวกับคนเหลา น้ันวา พวกเธอจงใหภัตรน้แี กพ ระโลสกตสิ สเถระ คนที่รับภัตรนั้นไป กล็ ืมพระโลสกตสิ สเถระ พากนั กินเสียเรยี บ. จนเวลาท่ีพระเถระเดนิ ไปถึงวหิ าร พระโลสกตสิ สเถระ ก็ไปนมัสการพระเถระ พระเถระหนั กลบั มายืนถามวา อาวโุ ส คุณไดอ าหารแลว หรอื ? ทา นตอบวา ไมไดดอกครบั . พระเถระถงึ ความสลดใจดเู วลา กาลยงั ไมล ว งเลย. พระเถระจึงกลา ววา ชา งเถิดผมู ีอายุ คุณจงนัง่ อยทู เี่ ดิมนั่นแหละ คร้ันใหพ ระโลสกติสสเถระน่ังรอในโรงฉันแลว ก็ไปสพู ระราชวงั ของพระเจา โกศล พระ-ราชารับสัง่ ใหร ับบาตรของพระเถระ ทรงกาํ หนดวา มิใชกาล

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 6แหง ภตั ร จงึ รับสัง่ ใหถวายของหวาน ๔ อยาง จนเต็มบาตร.พระเถระรับบาตรกลับไปถึง จงึ เรียกพระโลสกตสิ สเถระวามาเถิด ผมู อี ายุ ติสสะ ฉันของหวาน ๔ อยางนี้เถิด แลว ถือบาตรยืนอย.ู ทานพระโลสกติสสเถระยาํ เกรงพระเถระจะไมฉ ัน. ลาํ ดบันนั้ พระเถระกลาวกะทานวา มาเถดิ นา ทานผมู อี ายุติสสะ ผมจะยนื ถือบาตรไว คณุ จงน่งั ฉัน ถา ผมปลอยบาตรจากมือ บาตรตอ งไมม อี ะไร. ลาํ ดบั น้ัน ทา นพระโลสกติสสเถระ เมอ่ื พระธรรม-เสนาบดีผเู ปน อรรคสาวกยนื ถอื บาตรไวใ ห จึงน่งั ฉนั ของหวาน๔ อยา ง. ของหวาน ๔ อยา งน้นั ไมถ ึงความหมดสนิ้ ดวยกาํ ลังแหงฤทธ์ิของพระเถระ พระโลสกติสสเถระ ฉนั จนเตม็ ความตอ งการ ในเวลานน้ั ในวันนั้นเอง ทา นก็ปรนิ พิ พานดว ยอนปุ า-ทิเสสนิพพานธาต.ุ พระสมั มาสมั พุทธเจาประทับในสํานักของทา น ทรงรับสัง่ ใหกระทาํ การปลงสรีระ เกบ็ เอาธาตทุ ัง้ หลายกอพระเจดยี  บรรจุไว. ในเวลานน้ั ภิกษทุ งั้ หลาย ประชมุ กนั ในธรรมสภา นัง่สนทนากนั วา ผูมอี ายทุ งั้ หลาย นาอัศจรรยจรงิ ทา นพระโลสก-ติสสเถระ มบี ญุ นอ ย มีลาภนอย อนั ผูม ีบญุ นอ ย มีลาภนอ ยเห็นปานดงั นี้ บรรลอุ รยิ ธรรมไดอ ยา งไร. พระบรมศาสดาเสดจ็ไปธรรมสภา มพี ระดํารสั ถามวา ภกิ ษุทั้งหลาย เมือ่ กพ้ี วกเธอประชุมกนั ดว ยเร่อื งอะไรเลา ? เม่ือภกิ ษเุ หลา น้นั กราบทลู ใหทรงทราบแลว จึงตรัสวา ภกิ ษุทงั้ หลาย โลสกติสสะผนู ี้ ได

พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 7ประกอบกรรม คอื ความเปนผูมีลาภนอย ละความเปนผูไดอ รยิ -ธรรมของตน ดว ยตนเอง เน่ืองดว ยครั้งกอนเธอกระทาํ อันตรายลาภของของผูอ่ืน จงึ เปน ผูมีลาภนอย เปน ผูบรรลุอริยธรรมไดดว ยผลทบ่ี าํ เพ็ญวปิ ส สนา คือ อนิจจัง ทกุ ขงั อนตั ตา ดงั นี้แลวทรงนาํ เอาเรื่องในอดตี มาสาธก ดงั ตอ ไปน้ี :- ในอดีตกาล คร้ังพระสมั มาสมั พทุ ธเจาทรงพระนามวากสั สปะ. ภกิ ษุรูปหนง่ึ อาศัยกุฎม พีผูหน่งึ อยใู นอาวาสประจําหมบู า น เปน ผูเรยี บรอ ย มีศลี หมัน่ บาํ เพญ็ วิปส สนา. คร้ังนนั้มีพระขีณาสพองคหนึ่งอยใู นปาหมิ พานต ไดม าถึงบานทอ่ี ยขู องกุฎมพีผอู ปุ ฏฐากภิกษุน้ันโดยลาํ ดับ. กุฎม พเี ลอ่ื มใสในอริ ิยาบถของพระเถระ จึงรบั บาตร นิมนตเ ขาสเู รอื น ใหฉ ันภัตตาหารโดยเคารพ สดบั พระธรรมกถาเล็กนอย แลวไหวพ ระเถระ กลา ววา ขาแตพระคุณเจา ผูเ จรญิ นมิ นตพ ระคุณเจา ไปสูวิหารใกลบานของกระผมกอ นเถดิ ตอ เวลาเยน็ พวกกระผมจึงจะไปเยยี่ มพระเถระจึงไปสวู ิหาร นมสั การพระเถระเจา อาวาส ทักถามกนั แลว นง่ั ณ ทีส่ มควร. ทานเจา อาวาสก็ทาํ ปฏสิ ันถารกับทา นแลวถามวา มีอายุ คณุ ไดร บั ภัตตาหารแลวหรอื ? ทานตอบวา ไดแลวครบั . คณุ ไดท่ีไหนเลา ? ไดทเ่ี รือนกุฎม พใี กล ๆ วหิ ารน้แี หละ. ครั้นบอกอยางนี้แลว ก็ถามถึงเสนาสนะของตน จัดแจงปด กวาด เก็บบาตรจีวรไว

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 8เรียบรอย พลางกน็ ่ังระงับยบั ย้งั อยดู วยความสขุ ในฌาน ดว ยความสขุ ในผลสมาบตั ิ. พอเวลาเย็น กุฎมพกี ใ็ หค นถอื เอาพวงดอกไม และนํา้ มนั เตมิ ประทีปไปวหิ าร นมัสการพระเถระเจาอาวาส แลวถามวา พระคุณเจาผูเ จริญ มพี ระเถระอาคนั ตกุ ะมาพักรูปหนง่ึ มิใชห รอื ? ทานตอบวา จะ มมี าพัก. คฤหบดีถามวา เดย๋ี วนีท้ านพักอยทู ่ีไหนขอรับ ? ตอบวา ทเี่ สนาสนะโนน .กฎุ ม พไี ปสูสาํ นกั ของทาน นั่ง ณ ท่ีสมควร ฟงธรรมกถาจนถึงคํา่ จึงบชู าพระเจดยี  และตนโพธ์ิ จุดประทปี สวา งไสว แลวนิมนตภ กิ ษุท้งั สองใหร ับบาตรในวนั รุงขึ้น แลว กลับไป. ฝายพระเถระผเู ปน เจา อาวาส คดิ วา กุฎม พีนี้ ถูกพระอาคนั ตกุ ะ ยุใหแตกกบั เราเสยี แลว ถาเธอจักอยใู นวหิ ารนี้ไซร ที่ไหนกุฎมพีจะนบั ถอื เรา เกดิ ความไมพอใจในพระเถระ คดิ วา เราควรแสดงอาการ ไมใหเ ธอยใู นวิหารน้ี ดงั นแ้ี ลว ในเวลาท่ีทา นมาปรนนบิ ัติกไ็ มพ ดู ดว ย. พระเถระขีณาสพ ทราบอัธยาศยั ของภกิ ษุผูเปนเจาอาวาสแลวคาํ นงึ วา พระเถระนีไ้ มไดทราบถงึ การที่เรา ไมม ีความหว งใยในตระกลู ในลาภ หรอื ในหมู แลวกลับไปท่ีอยูของตน ยบั ยัง้ อยดู ว ยความสขุ ในฌาน และความสขุ ในผลสมาบัต.ิถงึ วนั รงุ ขึ้น ทานเจา อาวาสกต็ ีระฆังดว ยหลังเลบ็ เคาะประตูดวยเลบ็ แลว ไปสเู รือนของกฎุ มพี. กุฎม พรี บั บาตร นมิ นตใหน่ังเหนอื อาสนะที่ปลู าดไว แลวถามวา ขาแตทานผเู จรญิ พระ-อาคนั ตุกะเถระไปไหนเสยี เลา ? ทา นเจาอาวาสตอบวา ขาพเจา

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 9ไมทราบความประพฤตขิ องพระผูใ กลชิดสนทิ สนมของคุณ ฉนัตรี ะฆัง เคาะประตู กไ็ มอ าจปลกุ ใหต่นื ได เมื่อวานฉันโภชนะอันประณีตในเรือนของคณุ แลว คงอ่มิ อยูจ นวนั น้ี บดั นก้ี ย็ งั นอนหลบั อยนู ่นั เอง เมอื่ ทา นจะเลื่อมใส กเ็ ลื่อมใสในภิกษผุ ูมสี ภาพเห็นปานนที้ ีเดยี ว. ฝายพระเถระผขู ณี าสพ กาํ หนดเวลาภิกษาจารของตนแลว กช็ าํ ระสรรี ะของตนแลว ทรงบาตรจวี ร เหาะไปในอากาศ (แต) ไดไ ปเสียในที่อืน่ . กุฎม พีนิมนตพระเถระเจา อาวาส ฉันขา วปายาสท่ปี รงุดว ยเนยใส นา้ํ ผึง้ นาํ้ ตาลกรวดแลว รมบาตรดว ยของหอม ใสขา วปายาสจนเตม็ แลว กลาววา ขา แตท า นผูเ จรญิ พระเถระนั้นเห็นจะเหน็ดเหนอื่ ยเมอื่ ยลา พระคุณเจาจงนําขา วปายาสนไี้ ปใหทานดว ยเถดิ . แลวถวายบาตรไป. พระเถระเจา อาวาสไมหามเสียทันที คงรบั บาตรมา เดนิ ไปคิดไป ถาภกิ ษุนั้นไดขาวปายาสนไี้ ซร ถงึ เราจะจับคอฉุดใหไ ป กจ็ ักไมไ ป กถ็ า เราจกั ใหข าวปายาสนแี้ กม นษุ ย กรรมของเราก็จกั ปรากฏ หากเททิ้งลงในนํ้าเลา เนยใสก็จักปรากฏเหนอื น้ําได ถาทิง้ บนแผน ดิน ฝูงกาจกั รุมกนั กนิ กรรมของเรากจ็ กั ปรากฏ ควรท้ิงขาวปายาสน้ีทีไ่ หนดีหนอ เหน็ นากําลังไหมอ ยแู หงหนึ่ง กค็ ุย ถานข้นึ เทขาวปายาสลงไป กลบดวยกอนถา น แลว จงึ ไปวหิ าร ครนั้ ไมเ หน็ภิกษุรูปนน้ั จึงคิดไดว า ชะรอยภกิ ษนุ ้ันจักเปนพระขีณาสพ รูอธั ยาศยั ของเราแลว จักไปเสยี ท่อี ่นื เปนแน โอ เพราะทองเปน

พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 10เหตุเราทาํ กรรมไมสมควรเลย. ทันใดนน้ั เองความเสียใจอยางใหญหลวงก็เกิดข้ึนแกภิกษนุ ัน้ . จาํ เดิมแตว ันน้ันไปทีเดยี ว ทา นก็กลายเปน มนษุ ยเปรต อยูม าไมน าน ก็ตายไปเกิดในนรก. ภกิ ษนุ ั้นหมกไหมอ ยใู นนรกหลายแสนป เศษของผลกรรมยังนาํ ใหไปเกิดเปน ยกั ษถงึ ๕๐๐ ชาติ ไมเคยไดกินอาหารเต็มทอ งสกั วันเดยี ว. (จนถงึ วนั จะตายจงึ ไดก นิ อม่ิ ) คือไดกนิ รกคนเต็มทอ งอยูวนั หนงึ่ . (ถัดจากเกิดเปนยกั ษ) กไ็ ปเกิดเปนหมา๕๐๐ ชาติ แมใ นกาลทเ่ี ปนหมานั้น กไ็ ดกนิ รากเต็มทองวนั เดียวเทา นน้ั . สว นในกาลท่เี หลอื ไมเ คยไดก นิ เตม็ ทองเลย ตลอดเวลาทีเ่ ปนหมา ๕๐๐ ชาติ จตุ ิจากเกดิ เปน หมา ก็มาเกดิ ในตระกูลคนเขญ็ ใจตระกลู หน่งึ ในแควน กาส.ี ตงั้ แตว นั ท่ีเขาเกดิ ตระกลูนน้ั กย็ งิ่ ยากจนหนกั ลงไปทีเดยี ว. แมแ ตนาํ้ และปลายขาวครงึ่ ทองกไ็ มเคยได. เขาไดมนี ามวา มติ ตพินทุกะ. พอ แมของเขาไมสามารถจะทนทกุ ขอ นั เกดิ แตค วามอดอยากได กพ็ ูดวา ไปเถิดอายลูกกาลกรรณี ไลตเี ขาใหออกไป. มติ ตพินทกุ ะไมม ที ่ีพาํ นักทองเทยี่ วไปจนถงึ เมืองพาราณสี. ครัง้ นน้ั พระโพธิสัตวเสวยพระชาติเปน อาจารยทิศาปาโมกข บอกศิลปะแกม าณพ ๕๐๐.ในเวลานั้น ชาวเมอื งพาราณสีใหท ุนแกคนเข็ญใจ ใหศกึ ษาศิลปะแมเ ด็กมติ ตพินทกุ ะน้ี กไ็ ดศกึ ษาศลิ ปะในสาํ นักของพระโพธสิ ตั ว.มิตตพินทุกะเปนเดก็ หยาบคาย ไมเชือ่ ฟงโอวาท เท่ยี วชกตอยเกะกะไป แมพ ระโพธสิ ตั วจะส่งั สอนก็ไมเ ชือ่ ฟงโอวาท. อาศัย

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 11เหตนุ ้นั ความเจรญิ เตบิ โตของเขาจึงเปน ความโงเ ขลา. ครั้งนนั้เขาเกดิ ทะเลาะกับพวกเด็ก ๆ ทงั้ ไมเชอื่ ฟง คาํ สอน เลยหนีเทย่ี วไปถึงบา นชายแดนตําบลหน่ึง รับจา งเขาเลีย้ งชีวติ . เขาไดเสยีกับหญงิ เขญ็ ใจคนหนง่ึ ในหมบู า นนั้น. นางเกดิ บตุ รกับเขา ๒ คน.พวกชาวบา นไดมอบงานสง ขา วใหท ําวา เจาพึงบอกขาวดี ขาวรายแกพ วกเรา ใหคาจา งและปลูกกระทอ มใหอ ยทู ปี่ ระตบู า น.กเ็ พราะอาศยั มิตตพินทุกะน้ันเปน ตนเหตใุ หพ วกชาวบานชายแดนน้ัน ถูกราชทณั ฑเจด็ ครั้ง ไฟไหมบา นเจ็ดครงั้ . บอ นา้ํ พังเจ็ดคร้ัง.พวกเขาจึงปรกึ ษากนั วา แตก อนเมอื่ มิตตพนิ ทุกะผนู ้ยี งั ไมม าพวกเราไมเ คยมีเรือ่ งอยางนี้เลย บดั นีน้ ับแตม ติ ตพินทุกะมาอยูแลว พวกเราแยลงไปตาม ๆ กัน จึงชวยกันรมุ ตี ขบั เขาออกไป.เขากพ็ าลกู ๒ คน (และเมยี ) ไปทีอ่ ่ืน ผา นเขา ไปสดู งท่ีอมนษุ ยยึดครองแหงหน่งึ พวกอมนษุ ยร ุมกนั จบั ลูกและเมียของเขาฆากินเนอื้ เสียในดงน้นั เอง. ตัวเขาเองหนรี อดไปได ทอ งเทีย่ วไปเรื่อย ๆ ลถุ ึงทาเรือแหง หนงึ่ ชือ่ คมั ภรี ะ ประจวบเปนวันท่ีเขาจะปลอยเรือทีเดยี วก็สมคั รเปน กรรมกรลงเรือไป เรือแลนไปในสมทุ รได ๗ วนัถึงวนั ท่ี ๗ หยุดอยกู ลางทะเล เหมอื นใครมาฉุดดงึ ไว. ชาวเรือเหลานน้ั ก็จบั สลากกาลกรรณกี ัน สลากกาลกรรณีตกถึงมติ ต-พินทกุ ะคนเดียวถึงเจด็ ครั้ง. พวกชาวเรอื จึงโยนลูกบวบไมไผ

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 12ใหเขาแพหนึ่ง แลวชวยกันจบั มือมิตตพินทุกะโยนลงทะเลเสยีพอโยนมติ ตพินทุกะลงทะเลแลว เรอื ก็แลน ตอ ไปได. มิตตพินทุกะนอนเหนือแพไมไผลอยไปในทะเล ดวยผลท่ีไดร ักษาศลี ไวในศาสนาของพระกัสสปะสมั มาสมั พทุ ธเจา จึงไดพบเทพธดิ า ๔ นาง อันอยูในวิมานแกวผลกึ หลงั หนงึ่ ในทะเลเสวยสขุ สําราญอยูในสํานักเทพธิดาเหลานน้ั ตลอด ๗ วนั . กน็ างเหลานั้นเปน เปรตมีวิมานอยู เสวยสุขได ๗ วัน เสวยทกุ ข ๗ วนัหมนุ เวียนไป เม่ือนางจะไปเสวยทกุ ข ๗ วนั ก็สง่ั มิตตพนิ ทุกะไวว า ทา นจงอยทู ี่นีอ้ ยา ไปไหน จนกวาพวกฉนั จะมา แลวก็พากนั ไป คร้นั นางพากันไปแลว มติ ตพินทุกะ กล็ งนอนในแพไมไผลอยตอไปขา งหนา ไดเ ทพธิดา ๘ นางในวิมานเงิน เทพธดิ าเหลา นั้น ก็เปน เปรตมีวมิ านเชนเดียวกัน มิตตพนิ ทุกะลอยตอไปไดเทพธดิ า ๑๖ นางในวิมานแกวมณี แลวก็ลอยตอไป ไดเทพธิดา ๓๒ นางในวมิ านทอง เขามไิ ดฟ งคาํ ของเทพธิดาเชนเดยี วกันจงึ ลอยตอไปขา งหนา ก็ไดพ บเมืองยกั ษเมอื งหนึง่ อยใู นระหวา งเกาะ ในเมืองนน้ั มยี กั ษินตี นหน่ึง แปลงกายเปนแมแ พะเท่ียวอยูมติ ตพนิ ทุกะไมท ราบวา แมแ พะเปน ยักษนิ ี คดิ แตวา เราจกั กินเน้อื แพะ โดดจบั มันท่เี ทา นางยักษก ย็ กมิตตพนิ ทกุ ะขึ้นสลัดไปดว ยอานภุ าพของยักษ มติ ตพนิ ทุกะถกู นางยักษส ลัดขา มทะเลไป ตกทพี่ ุมไมห นามพุม หน่งึ ขา งคเู มอื งพาราณสี แลว ก็กลิง้ ตกลงไปทีแ่ ผนดนิ กใ็ นคร้งั น้นั แมแพะของพระราชาหลายตัว

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 13เที่ยวหากนิ อยเู หนอื คันคนู ัน้ ถูกพวกโจรลกั ไป พวกคนเลย้ี งคดิกันวา พวกเราตองจับโจรใหไ ด พากันซมุ อยู ณ ที่แหง หน่งึมติ ตพินทกุ ะกลง้ิ ตกลงมายืนอยูทพี่ ้นื ดินไดแลว เหน็ แมแ พะเหลา นน้ั กค็ ิดวา เราจับแมแ พะตัวหน่ึงในเกาะแหงหน่งึ กลางทะเลถกู มันดดี กระเดน็ มาตกทีน่ ีค้ ราวน้ี ถา เราจบั แมแ พะตวั หนงึ่ ทีเ่ ทามันคงดดี เรากระเด็นกลบั ไปถงึ สาํ นกั เทพธิดาผูมีวมิ านอยใู นทะเลดงั กอ น เขาเขาใจเอาเองอยางนี้ โดยไมไ ตรต รองใหแยบคายดังนีแ้ ลว กโ็ ดดจบั แมแพะตัวหนึง่ ทีเ่ ทา พอมันถูกเขาจับเทาเทานน้ั ก็รองเอ็ดองึ พวกคนเลีย้ งแพะกพ็ ากนั กรเู ขามาโดยรอบตา งรองวา คอยมานานแลว ไอขโมยกินแมแ พะในราชสกุลน้ีไอนเ่ี อง ดงั น้แี ลวรุมซอม แลวจบั มัดพาไปสูพระราชวงั . ในขณะนนั้ พระโพธสิ ตั ว แวดลอมไปดวยมาณพ ๕๐๐ ออกจากเมอื งไปอาบนํา้ เห็นมติ ตพนิ ทกุ ะกจ็ ําได จงึ พดู กะคนเหลาน้ันวาพอ คณุ ทัง้ หลาย คนผูน ้เี ปน ลกู ศิษยของเรา พวกทา นจับเขาเพราะเหตไุ ร ? คนเหลานัน้ ตอบวา พระคณุ ทา นขอรับ เขาเปน คนรายขโมยแมแ พะของหลวง จบั แมแ พะตวั หนึ่งทเ่ี ทา เหตุน้ัน พวกผมจงึ จับเขา พระโพธสิ ตั วข อรอ งวา ถา เชน นัน้ จงใหเ ขาเปนทาสของพวกเราเถดิ เขาจกั ไดอ าศยั พวกเราเลย้ี งชีวิตไป. คนเหลานัน้รบั คําวา ดีแลวขอรบั พระคณุ ทาน พลางปลอยเขา แลว ก็พากันไป. ลําดับนัน้ พระโพธสิ ตั ว จึงไตถามมิตตพินทกุ ะวา ตลอดเวลาท่หี ายหนาไปนนั้ เจาไปอยูที่ไหนเลา ? มติ ตพินทกุ ะก็เลา

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 14เรื่องทีต่ นกระทาํ ทง้ั หมดใหฟ ง พระโพธสิ ัตวจงึ กลาววา คนท่ไี มกระท าตามถอ ยคําของผูที่หวังดี ยอ มไดท ุกขอยา งน้ี แลวกลา วคาถาน้ี ความวา \" บุคคลผูใด เมื่อทา นผหู วงั ดี เอน็ ดจู ะ เกอื้ กลู สัง่ สอน มไิ ดก ระทําตามทที่ านสอน บคุ คลนนั้ ยอมเศรา โศก เหมอื นมติ ตพินทุกะ จบั ขาแพะแลวเศรา โศกอยฉู ะนน้ั \" ดงั น้.ี บรรดาบทเหลานนั้ บทวา อตฺถกามสฺส ความวา ผูปรารถนาอยซู งึ่ ความเจริญ. บทวา หติ านกุ มปฺ โ น ความวา ผอู นุเคราะหดว ยประโยชนเกื้อกูล. บทวา โอวชชฺ มาโน ความวา ตักเตือนสง่ั สอนอยู ดว ยจิตอนั ออ นโยน. บทวา น กโรติ สาสน ความวา ไมกระทําตามคาํ สงั่ สอนคือเปน คนวา ยาก วากลาวไมไ ด. บทวา มติ ตฺ โก วยิ โสจติ ความวา ผูน นั้ ยอ มเศราโศกตลอดกาลเปน นติ ย เหมือนมติ ตพนิ ทุกะผูน้ี จบั ขาแพะแลว ยอมเศรา โศก คือลาํ บากอยูฉะน้นั . พระโพธสิ ัตวแ สดงธรรมดวยคาถานี้ ซึง่ มอี รรถาธบิ ายดงั พรรณนามานี.้ พระเถระนน้ั เคยไดอาหารเต็มทองในอัตภาพทง้ั ๓ อยา งนี้ คอื ครง้ั เปน ยักษไดก นิ รกอ่ิมวนั หนึง่ คร้ังเปน หมาไดกนิ

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 15อาเจียนอ่ิมวันหนึ่ง ครั้งสดุ ทา ยในวันปรนิ พิ พาน ไดฉันของหวาน๔ อยา งอ่มิ ดวยอานภุ าพของพระธรรมเสนาบดี ขนึ้ ชอ่ื วา การกระทาํ อันตรายแกล าภของผอู น่ื พึงทราบวา มีโทษใหญห ลวงอยา งนี้. กพ็ ระโพธสิ ัตวผ ูเปนอาจารย และมิตตพินทกุ ะในครัง้ นั้นกไ็ ปตามกรรม. พระบรมศาสดา ตรสั วา ดกู อนภิกษทุ ั้งหลาย พระโลสก-ตสิ สเถระนน้ั ไดก ระทาํ ความเปนคนมลี าภนอ ย และความเปนผไู ดอ ริยธรรมใหแกต นดวยตนเอง อยา งนแ้ี ล ครัน้ ทรงนาํ พระ-ธรรมเทศนานมี้ าแลว จึงทรงสบื อนสุ นธิประชมุ ชาดกวา มิตต-พนิ ทกุ ะในกาลน้นั ไดมาเปน พระโลสกติสสเถระในกาลน้ี อาจารยทศิ าปาโมกขใ นกาลนั้น คือเราตถาคตฉะนแี้ ล. จบ อรรถกถาโลสกชาดกที่ ๑

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 16 ๒. กโปตกชาดก วาดวยคนทต่ี อ งฉิบหาย [๔๒] \" ผูใดบุคคลกลาวสอนอยู ไมทาํ ตามคาํ สอนของผปู รารถนาประโยชน ผูอ นุเคราะหดว ย ประโยชนเ กอื้ กูล ผูน้ันยอ มถึงความฉิบหาย เศรา โศกอยเู หมอื นกาไมเช่อื ฟง คาํ ของนกพิราบ ตกอยูในเงอื้ มมอื ของขา ศกึ ฉะนัน้ .\" จบ กโปตกชาดกท่ี ๒ อรรถกถากโปตกชาดกที่ ๒ พระศาสดา เมอื่ ประทับอยู ณ พระเชตวนั มหาวิหารปรารภภิกษุผูมนี สิ ยั โลเลรูปหนง่ึ ตรสั พระธรรมเทศนานี้ มคี ําเริม่ ตน โย อตฺถกามสฺส ดงั น.้ี เรอื่ งความโลเลของภกิ ษุน้นั จกั แสดงอยา งพิสดารในกากชาดก นวกนิบาต. ก็ในกาลน้นั ภกิ ษทุ ้งั หลาย นําภิกษุน้ันมากราบทลู พระศาสดาวา พระเจาขา ภกิ ษนุ ้ี มีนสิ ยั โลเล. ลําดบันนั้ พระบรมศาสดาตรัสถามภิกษุนนั้ วา จริงหรือภกิ ษุ ท่ีเขาวาเธอมนี ิสยั โลเล. ภกิ ษุนน้ั กราบทูลวา จรงิ พระเจาขา. พระศาสดาจึงตรสั วา ดูกอนภกิ ษแุ มในครัง้ กอน เธอกเ็ ปนคนโลเล สิน้ ชวี ิต

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 17เพราะความโลเลของตน แมบณั ฑิตผอู าศยั เธอ ก็ตองพลัดพรากจากทอี่ ยูไปดว ย แลวทรงนําเอาเรือ่ งในอดตี มาสาธก ดงั ตอไปนี้ :- ในอดีตกาลครั้งพระเจา พรหมทตั เสวยราชสมบัติอยใู นกรงุ พาราณสี พระโพธิสตั วเสวยพระชาติเปน นกพริ าบ. ในครง้ั นนั้ ชาวเมืองพาราณสี พากนั แขวนกระเชา หญา ไวใ นท่ีนั้น ๆ เพ่ือใหฝงู นกอาศยั อยอู ยางสบาย เพราะความเปนผใู ครบญุใครก ศุ ล. ในครัง้ นนั้ แมพ อ ครัวของทา นเศรษฐีกรุงพาราณสีกแ็ ขวนกระเชา หญาไวภายในโรงครัวกระเชาหนึง่ เหมอื นกัน.นกพริ าบผูโพธิสัตว ไดเ ขาอยใู นกระเชาน้ัน. รุง เชากบ็ ินออกเทีย่ วหากนิ ตอ เยน็ จึงบินกลับมาหลับนอนในโรงครัวนน้ั เปนดังน้ีตลอดกาล. อยูม าวันหนง่ึ กาตวั หนึง่ บินขา มโรงครัวไป สูดกลิน่ตลบอบอวนของรสเปร้ยี ว รสเดมิ และปลาเนอื้ ก็เกิดความโลภขนึ้คิดวา จักอาศัยใครหนอ จงึ จกั ไดป ลาและเนื้อน้ี คดิ แลว กจ็ ับอยูณ ท่ไี มไกล คอยสอดสา ยหาลูท าง พอเยน็ ก็เหน็ นกพระโพธิสตั วบินมา แลวเขาไปสโู รงครัว กเ็ ลยไดคดิ วา ตอ งอาศยั นกพิราบน้ีถึงจกั ไดกนิ เนอ้ื คร้นั รุงขึน้ ก็บินมาแตเ ชา ในเวลาทพ่ี ระโพธสิ ตั วบินออกไปหากิน ก็บนิ ตามไปขางหลัง ๆ. ลําดบั นัน้ พระโพธิสัตวจงึ กลาวกะกาวา สหาย เหตุไรทา นจึงเท่ียวบินตามเรา. กาตอบวา นาย ขาพเจาชอบใจกริ ยิ าของทา น ตงั้ แตบัดน้ีไป ขา พเจาขอปรนนบิ ตั ทิ าน. พระโพธิสัตวกลาววา พวกทานมีอาหารอยา งหนง่ึ พวกเรามอี าหารอยา งหนึ่ง ไมเหมอื นกัน การปรนนบิ ตั ิ

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 18ของพวกทาน ทา นกระทําไดยาก กาตอบวา \" นาย เวลาทานบินไปหากิน ขาพเจากบ็ ินไปหากนิ บนิ ไปกับทา น \" พระโพธสิ ตั วกลาว ดีแลว ขอทานพงึ เปน ผูไ มประมาทอยา งเดียว. พระโพธสิ ตั วกลา วสอนกาอยางนี้แลว กเ็ ทยี่ วแสวงหาอาหาร กนิ อาหารมีพชืพรรณติณชาติ เปน ตน ก็ในเวลาทีพ่ ระโพธสิ ตั วก าํ ลงั หากนิ กากบ็ ินไปพบกองขี้วัวจึงคุย แลว จกิ กินตัวหนอน พอเต็มกระเพาะกม็ าสสู าํ นกั พระโพธสิ ัตว พลางกลา ววา \"นาย ทา นเท่ยี วเกินเวลา การทําตนใหไ ดน ามวา เปน ผูตะกละตะกลามหาควรไม\"ดังน้แี ลว เขา ไปสูโรงครวั พรอ มกบั พระโพธสิ ตั ว ผูหาอาหารกินแลว กบ็ ินมาในเวลาเย็น. พอ ครวั กลา ววา นกพริ าบของเราพาตวั อน่ื มา ดงั น้ีแลว กแ็ ขวนกระเชาใหกาบา ง ต้งั แตนัน้ ก็อยูดว ยกนั เปนสองตวั . อยูมาวนั หน่ึง คนทง้ั หลายนําปลาและเนื้อ มาใหท านเศรษฐีเปน จาํ นวนมาก. พอ ครัวก็รับมาแขวนไวใ นโรงครวักาเห็นแลว ก็เกิดความโลภ คดิ ในใจวา พรงุ น้ีเราไมหากินละจะกินปลาและเนือ้ นแี้ หละ แลวก็นอนแซวอยตู ลอดทงั้ คืน. รุงเชาพระโพธิสัตวจ ะไปหากิน ก็เรยี กวา มาเถดิ กาผเู ปน สหาย. กาตอบวา \"นาย ทานไปเถิด ขาพเจากําลังปวดทอ ง\" พระโพธสิ ตั วกลา ววา สหายเอย ธรรมดาโรคปวดทอ งไมเคยเปนแกพวกกาเลย แตไหนแตไ รมา ในยามท้งั ๓ ตลอดราตรี กายอ มหิวทกุ ๆยาม ถงึ จะกลืนกินไสประทีปเขาไป กาก็จะอิ่มอยชู ัว่ ครหู นึ่ง

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 19ชะรอยทานจกั อยากกนิ ปลาและเนอ้ื นี้ มาเถดิ ขน้ึ ชื่อวา ของกินของมนษุ ยเปนของทพี่ วกทานไมค วรกิน อยา ทาํ เชน นี้เลย ไปหากนิ ดว ยกนั กบั เราเถดิ . กาตอบวา นาย ขา พเจาไมสามารถจะไปได. พระโพธสิ ัตวจงึ เตอื นวา ถาเชน น้ัน ทา นจกั ตอ งรับสนองกรรมของตน ทา นอยา ลอุ ํานาจความโลภ จงเปน ผูไ มประมาทเถดิ ดังนแี้ ลวกบ็ นิ ไปหากิน. พอครัวกป็ รงุ อาหารตาง ๆ ชนิดดว ยปลาและเนอ้ื มีประการตา ง ๆ เสร็จแลวกเ็ ปดภาชนะไวหนอยหนึง่ เพ่อื ใหไ อระเหยไปใหหมด วางกระชอนไวบนภาชนะอกี ทีหนง่ึ แลวก็ออกไปขา งนอก ยนื เชด็ เหง่อื อยู. ขณะนั้นกาก็โผลศ ีรษะขน้ึ มาจากกระเชา มองดโู รงครัวท่วั ไป รูวา พอครัวออกไปขางนอก จงึ คิดวา บัดนีค้ วามปรารถนาของเรา สมประสงคแลว เราอยากจะกนิ เนือ้ จะกนิ เน้ือชน้ิ ใหญ หรอื เนอื้ชิน้ เล็กดีหนอ. ครั้นแลวกเ็ ลง็ เหน็ วา ธรรมดาเนื้อชิ้นเล็ก ๆ เราไมอาจกนิ ใหเ ต็มกระเพาะไดร วดเร็ว เราจะตอ งควากอ นใหญ ๆมาทงิ้ ไวในกระเชา นอนขยอกจงึ จะดี. แลว ก็โผออกจากกระเชาลงไปแอบอยูใ กลกระชอน. เสยี งกระชอนดงั กริ๊ก ๆ. พอครัวฟงเสยี งน้นั แลว นกึ วา น่ันเสยี งอะไรหนอ ? กลับเขา ไปดู เห็นกาแลวก็ดําริวา การะยําตวั นี้มงุ จะกนิ เนอ้ื ทอดของมหาเศรษฐี ก็ตัวเราตอ งอาศัยทานเศรษฐเี ลี้ยงชวี ิต มใิ ชอาศัยกาพาลตัวนี้ จะเอามันไวใย ? แลวปดประตู ตอนจบั กาได ถอนขนเสยี หมดตัวเอาขิงสดโขลกเคลา กับเกลอื ปน คลุกกับเนยเปรย้ี วทาจนทวั่ ตวั

พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 20กานน้ั แลว เหว่ยี งลงไปในกระเชา ของมนั . กาเจ็บแสบแสนสาหัสนอนหายใจแขมวอยู. คร้นั เวลาเย็นพระโพธิสัตวบ ินกลับมา เห็นกาประสบความฉบิ หาย จึงพูดวา ดูกอ นเจา กาโลเล เจาไมเ ช่ือฟงคาํ ของเรา อาศยั ความโลภของเจาเปน เหตุ จงึ ตองประสบทกุ ขอยางใหญหลวง ดงั น้.ี แลว กลา วคาถาน้ี ความวา :- บุคคลใด เม่ือทา นผหู วังดีมคี วามเอน็ ดู จะเกือ้ กูล กลาวสอนอยู มิไดก ระทาํ ตามคาํ สอน บคุ คลนั้นจะตองนอนระทมเหมือนกาไมก ระทํา ตามถอยคาํ ของนกพิราบ ตกไปในเงอ้ื มมือของ อมิตร นอนหายใจระทวยอยู ฉะนัน้ . ดังน.้ี บรรดาบทเหลา น้ัน บทวา กโปตกสฺส วจน อกตฺวา ความวา ไมเช่ือฟงคาํ สอนท่ีมุง ประโยชนของนกพริ าบ. บทวา อมติ ตฺ หตถฺ ตถคโตว เสติ ความวา บคุ คลนั้นจงึ ถงึความวอดวายใหญห ลวง นอนระทมอยู เหมือนกาตวั นี้ตกไปสูเงอ้ื มมือของอมติ ร คือบคุ คลผจู ะกระทําความฉิบหายให และกอใหเกดิ ทกุ ข. พระโพธสิ ัตวกลา วคาถานี้แลว คิดวา บดั นเ้ี รากไ็ มอ าจอยใู นทีน่ ไ้ี ด จงึ บินไปอยทู อี่ น่ื แมก ากส็ ิน้ ชีวติ อยูใ นกระเชานน้ั เอง พอครวั จึงเอามนั ไปทง้ั กระเชา ทิ้งเสยี ทก่ี องขยะ. แมพระบรมศาสดา ก็ตรสั ย้ําวา ดูกอ นภิกษุ มใิ ชแตในบัดนีเ้ ทานน้ั ทเ่ี ธอเปนคนโลเล แมในปางกอนก็เปน ผูโ ลเลเหมอื น

พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 21กนั กแ็ ละถึงแมบ ณั ฑิตทั้งหลาย อาศัยความโลเลของเธอน้นั ก็ตอ งพลอยออกจากทีอ่ ยขู องตนไปดว ย ครัน้ ทรงนําพระธรรม-เทศนานมี้ าแลว จึงทรงประกาศอริยสัจ. ในเวลาจบการประกาศอรยิ สจั ภกิ ษนุ ัน้ บรรลุอนาคามผิ ล. พระบรมศาสดา ทรงสบือนุสนธิ ประชุมชาดกวา กาในครั้งนัน้ เปนภกิ ษุผูโ ลเลในคร้งั นี้นกพิราบในครงั้ นัน้ คือเราตถาคต ฉะนแ้ี ล. จบ อรรถกถากโปตกชาดกท่ี ๒

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาท่ี 22 ๓. เวฬุชาดก วา ดวยคนทน่ี อนตาย [๔๓] ผูใ ด บคุ คลกลาวสอนอยู ไมทําตามคํา สอนของผปู รารถนาประโยชน ผอู นเุ คราะหดว ย ประโยชนเ กือ้ กลู ผูนัน้ ยอมนอนตายอยู เหมอื น ดาบสผูเปน บิดาของลกู งู ชื่อวา \"เวฬุก\" ฉะน้นั . จบ เวฬุกชาดกที่ ๓ อรรถกถาเวฬชุ าดกที่ ๓ พระศาสดา เมอ่ื ประทบั อยู ณ พระเชตวนั มหาวหิ ารทรงปรารภภกิ ษุผวู า ยากรูปหนงึ่ ตรสั พระธรรมเทศนาน้ี มีคาํ วา โย อตฺถกามสฺส เปนตน . มีเร่อื งยอ ๆ วา พระผมู พี ระภาคเจาตรสั ถามภกิ ษนุ ้นั วาดูกอ นภิกษจุ รงิ หรือ ท่วี าเธอเปนผวู า ยาก เมอ่ื ภกิ ษุน้นั กราบทลูวา จรงิ พระเจาขา ก็ตรสั วา ดูกอ นภกิ ษมุ ิใชแ ตในบดั น้เี ทานัน้ทเี่ ธอเปนคนวายาก แมใ นกาลกอน เธอก็เปนคนวายากเหมือนกันเพราะความท่ีเปนคนวา ยากนนั่ แหละ จงึ ไมก ระทําตามถอ ยคําของบัณฑิตท้งั หลาย แลว ถกู งูกดั ตาย ดังนีแ้ ลว ทรงนําเอาเรอ่ื งในอดตี มาสาธก ดงั ตอไปนี้ :-

พระสุตตันตปฎก ขุททกนิกาย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 23 ในอดตี กาลครั้งพระเจา พรหมทตั เสวยราชสมบัติ ณ กรุงพาราณสี พระโพธิสตั วเกิดในตระกลู ที่มีสมบัติมาก ในแควน กาสีครน้ั ถึงความเปนผูร เู ดยี งสาแลว ก็เล็งเหน็ โทษในกามคุณ และอานสิ งสในการออกบวช จงึ ละกามทัง้ หลายแลวเขาปา หมิ พานต บวชเปน ฤาษีบาํ เพญ็ กสิณบริกรรม ทําอภิญญา ๕ และสมาบตั ิ ๘ ใหเ กดิ แลวยับยั้งอยูดว ยความสขุ อนั เกดิ แตฌาน ในกาลตอมา มบี ริวารมากมดี าบส ๕๐๐ แวดลอ ม เปน ศาสดาของหมูอยูแ ลว . ครงั้ น้นั มีลูกอสรพิษตวั หนง่ึ เทยี่ วเลอ้ื ยไปตามธรรมดาของตน จนถึงอาศรมบทของดาบสรปู หนงึ่ . ดาบสเหน็ แลวเกดิ ความรักมันเหมือนบุตรจึงจบั มนั เลี้ยงไว ใหนอนในกระบอกไมไ ผปลองหนงึ่ . เพราะเหตทุ ม่ี นั นอนในกระบอกไมไ ผ ดาบสท้ังหลายจึงใหชือ่ มนั วา\"เวฬุกะ\" . และเพราะเหตทุ ีด่ าบสนน้ั เล้ยี งดูมนั ดวยความรกัเหมอื นมนั เปนบตุ ร ดาบสทง้ั หลายจงึ ใหช ื่อวา \"เวฬกุ บดิ า\".ครัง้ นั้นพระโพธิสัตวไ ดยินขาววา ดาบสคนหนงึ่ เลย้ี งอสรพษิจงึ เรยี กมาถามวา ขา ววา คุณเลี้ยงอสรพิษจริงหรอื ? เมื่อดาบสนนั้ ตอบวา \"จรงิ \" ก็กลา วเตอื นวา ข้นึ ชือ่ วา อสรพษิ วางใจไมไดเลย คุณอยา เลยี้ งมนั นะ. ดาบสตอบวา ขา แตอาจารย มันเหมือนลกู ของผม ผมไมอ าจพรากมนั ได. พระโพธิสตั วเ ตือนซาํ้ วา ถาเชนนั้น ทานจักตองถงึ ตาย เพราะใกลชิดมนั แนน อน. ดาบสนั้นไมเชอื่ ถือถอ ยคําของพระโพธสิ ัตว และไมอ าจปลอ ยอสรพษิ ตอจากนน้ั

พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 24ลว งมา ๒-๓ วันเทา นัน้ ดาบสท้ังหมดพากนั ไปหาผลาผล ครนั้ ถึงท่ีแลวกเ็ หน็ วา ผลาผลหาไดง า ย เลยพักอยใู นทน่ี น้ั เอง ๒-๓ วัน.แมดาบสเวฬกุ บดิ า เมอ่ื ไปกบั หมดู าบสนน้ั กใ็ หอ สรพษิ นอนในปลอ งไม ปดไวแลว จึงไป ลวงไป ๒-๓ วัน จงึ กลบั มาพรอมกับหมดู าบส คิดวา เราจะใหอ าหารแกเ วฬกุ ะ เปดกระบอกไมไผแลว พดู วา มาเถิดลกู เจา หวิ ละซี พลางสอดมอื เขาไป. อสรพิษโกรธ เพราะอดอาหารมาต้งั ๒-๓ วนั จึงฉกมือทส่ี อดเขา ไปทาํ ใหด าบสถงึ ส้นิ ชวี ติ อยูตรงนั้นเอง แลวกเ็ ลื้อยเขาปาไป. ดาบสทงั้ หลายเหน็ ดงั นนั้ ก็บอกแกพ ระโพธสิ ัตว. พระโพธิสัตวส ัง่ ใหทาํ สรีรกิจของดาบสผูเสียชีวิต แลวน่งั ทา มกลางหมฤู าษี กลาวคาถาน้ีสอนหมฤู าษี ความวา :- \" บุคคลใดเมอื่ ทา นผูห วงั ดี มีความเอน็ ดู จะเกือ้ กูลกลาวสอนอยู มไิ ดกระทาํ ตามทีส่ ่งั สอน บุคคลผูน นั้ ยอ มถกู พบิ ตั ิกําจัดเสยี นอนอยู เหมือนบิดาของงเู วฬกุ ะ นอนตายอยู ฉะนนั้ \" ดังน.้ี บรรดาบทเหลานัน้ บทวา เอว โส นิหโต เสติ ความวาก็บุคคลใดไมเชอ่ื คาํ สอนของฤาษีทั้งหลาย บุคคลนั้นยอมถึงความพินาศใหญหลวง ถกู พิบตั ิกาํ จดั นอนตาย เหมอื นดาบสผนู ี้ ถูกกําจดั ใหถ ึงความเปอ ยเนา นอนตายคาปากอสรพิษ ฉะนัน้ .

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 25 พระโพธสิ ัตวก ลา วสอนหมฤู าษีอยางน้ีแลว อบรมพรหม-วิหาร ๔ ใหเ จรญิ แลว เม่ือส้ินอายุ ก็ไปอบุ ตั ใิ นพรหมโลก. แมพระบรมศาสดากต็ รสั วา ดูกอ นภกิ ษุ มิใชแ ตใ นบัดน้ีเทานัน้ ทเี่ ธอเปนผูว า ยาก แมใ นกาลกอนเธอก็เปน ผูว า ยากเหมอื นกัน และเพราะความเปนผวู า ยาก จึงตองถึงความเนา เปอย เพราะปากอสรพษิ เปนเหตุ ครน้ั ทรงนําพระธรรมเทศนาน้ีมาแลว ทรงสืบอนุสนธปิ ระชมุ ชาดกวา ดาบสเวฬุกบดิ าในกาลนนั้ เปน ภิกษุวายากในบดั น้ี บริษัททเี่ หลอื คือพุทธบริษทั ศาสดาของคณะฤาษี คือเราตถาคต ฉะนแี้ ล. จบ อรรถกถาเวฬกุ ชาดกท่ี ๓

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ท่ี 26 ๔ มกสชาดก [๔๔] \" มศี ัตรูผูป ระกอบดว ยปญ ญา ยังดีกวา มติ รผไู มมปี ญญา จะดอี ะไรเหมือนบุตรของ ชา งไมผูโงเ ขลา คดิ วาจะตียุง ไดตีศรี ษะของ บิดาแตกสองเสยี่ ง ฉะนัน้ \" จบ มกสชาดกท่ี ๔ อรรถกถามกสชาดกที่ ๔ พระบรมศาสดา เม่ือเสด็จจาริกไปในหมชู นชาวมคธทรงปรารภพวกมนุษยช าวบานท่เี ปน พาล ในหมูบานแหงหน่ึงจึงตรัสพระธรรมเทศนานี้ มีคําเร่มิ ตน วา \" เสยฺโย อมิตฺโต \" ไดย ินมาวา ในสมยั หนึง่ พระตถาคตเจา เสด็จจากพระนครสาวัตถี ไปสแู ควน มคธ ขณะกาํ ลงั เสด็จจาริกไปในแควนมคธน้ัน ทรงบรรลุถงึ บานตาํ บลหนึง่ . แมบา นหมูน น้ั กห็ นาแนนไปดวยพวกมนษุ ยอันธพาลโดยมาก. ครั้นอยมู าวันหนง่ึ พวกมนษุ ยอันธพาล ประชมุ ปรกึ ษากนั วา ทา นทงั้ หลาย พวกยุงมนั รมุ กัดเรา ขณะทีไ่ ปท าการงานในปา เพราะเหตนุ ้ัน การงานของเรา

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย เอกนบิ าตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 27ทง้ั หลายจึงขาดไป พวกเราจักถือธนูแลอาวุธ ครบมือทีเดียว พากนั ไปรบกบั ฝูงยงุ ฆามันเสีย แทงมันเสยี ใหต ายใหหมด ดังนี้แลวพากันไป ตางก็หมายม่ันวา เราจักแทงฝูงยงุ กลบั ไปท่มิ แทงประหารกันเอง ตา งคนตางก็เจ็บปวยกลับมา นอนอยภู ายในบานกม็ ี ทีก่ ลางบา นกม็ ี ที่ประตูบานก็ม.ี พระบรมศาสดา แวดลอ มดว ยพระภกิ ษุสงฆ เสด็จเขา ไปสูบา นนัน้ เพื่อบิณฑบาต. หมูคนท่ีเปน บัณฑิตท่เี หลอื เหน็ พระผมู ีพระภาคเจา จึงสรา งมณฑปท่ีประตบู าน ถวายมหาทานแกพ ระสงฆ มพี ระพุทธเจาเปนประมขุถวายบังคมพระศาสดา นงั่ อยูแลว. ครงั้ น้นั พระศาสดา ทอดพระเนตรเหน็ คนทง้ั หลาย ลมนอนเจบ็ ในทนี่ ั้น ๆ ก็ตรัสถามอุบาสกเหลานั้นวา คนเหลา นไ้ี ปทาํ อะไรกนั มา จึงไดเจ็บปวยกนั มากมาย ? อบุ าสกเหลา นั้นกก็ ราบทลู วา ขาแตพ ระองคผ เู จริญคนเหลาน้คี บคดิ กนั วา พวกเราจกั ทาํ การรบกับฝงู ยุง แลว พากนั ยกไป กลบั ไปรบกนั เอง เลยเจ็บปว ยไปตาม ๆ กัน. พระ-ศาสดาตรสั วา มใิ ชในบดั นเ้ี ทาน้ัน ท่พี วกมนษุ ยอ ันธพาลคบคดิกันวา เราจกั ประหารฝูงยุง กลับประหารตนเอง แมในคร้งั กอ นก็เคยเปนพวกมนุษยท่ีคดิ วา จักประหารยงุ แตกลบั ประหารผูอื่นมาแลวเหมอื นกัน แลวทรงดษุ ณี ตอ เมอ่ื พวกมนุษยเ หลานั้นทูลอาราธนา แลวทรงนาํ เอาเรือ่ งในอดีตมาสาธก ดังตอไปนี้ :- ในอดตี กาลครง้ั พระเจาพรหมทตั เสวยราชสมบัติอยูในกรุงพาราณสี พระโพธิสตั วเ ล้ยี งชีวติ ดวยการคา . คร้ังนนั้ ทบี่ า น

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนาที่ 28ชายแดนแหงหนึง่ ในแควน กาสี มีพวกชา งไมอาศัยอยมู ากดวยกัน. ชางไมห วั ลานคนหน่งึ ในหมชู า งไมเหลา น้ัน กําลงัตากไม ขณะนัน้ มยี ุงตวั หนง่ึ บินมาจับท่ศี ีรษะ ซึง่ คลายกบักระโหลกทองแดงควํา่ แลวกัดศีรษะดวยจะงอยปาก เหมือนกับประหารดว ยหอก. ชา งไมจงึ บอกลกู ของตน ผนู งั่ อยูใ กล ๆ วาไอห นู ยงุ มันกดั ศรี ษะพอ เจบ็ เหมอื นถูกแทงดวยหอก จงฆามันเสยี . ลกู พดู วา พอจงอยูนิ่ง ๆ ฉนั จะฆามนั ดว ยการตบครัง้เดยี วเทานน้ั . แมใ นเวลานัน้ พระโพธสิ ัตว กก็ าํ ลงั เท่ียวแสวงหาสินคาของตนอยู ลุถงึ บา นน้นั นั่งพกั อยใู นโรงของชางไมน ัน้ .เปน เวลาเดียวกนั กบั ท่ีชา งไมน ั้น บอกลูกวา ไอหนู ไลยงุ นีท้ ี.ลูกขานรับวา จะพอ ฉนั จะไลมัน พูดพลางกเ็ งอ้ื ขวานเลมใหญคมกริบ ยนื อยขู างหลังพอ ฟน ลงมาเตม็ ที่ ดวยคดิ วาจกั ประหารยุง เลยผา สมองของบิดาเสยี สองซีก. ชางไมถงึ ความตายในทีน่ น้ัเอง. พระโพธิสตั วเ หน็ การการทําของลกู ชางไมแ ลว ไดค ิดวาถึงปจจามิตรเปน บัณฑิตก็ยังดกี วา เพราะเขายังเกรงอาญาแผน ดนิ ไมถึงกับฆามนุษยไ ด แลว กลา วคาถาน้ี ความวา \" ศัตรูผูมีความรู ประเสรฐิ กวา มิตรผู ปราศจากความรู ไมป ระเสริฐเลย เพราะลูกชาย ผโู งเขลา คดิ วาจักฆายงุ กลบั ผา หัวของพอ เสยี \" ดงั นี้.

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย เอกนิบาตชาดก เลม ๓ ภาค ๒ - หนา ที่ 29 บรรดาบทเหลา น้ัน บทวา เสยฺโย ความวา ประเสรฐิ คอืสูงสุด. บทวา มติยา อเุ ปโต ความวา ประกอบดว ยปญญา. บทวา เอลมูโค แปลวา เซอ เซอะ คอื โงเขลา. บทวา ปตุ ฺโต ปตุ อพภฺ ทิ า อุตตฺ มงฺค ความวา เพราะความทตี่ นเปน คนโงเขลา แมเ ปน บุตร คดิ วา เราจักฆายุง กย็ ังผาหวั สมองของพอเสียแลงเปน ๒ ซกี เพราะเหตุน้นั บัณฑิตถงึ จะเปนศัตรู ก็ยังดีกวา มิตรทีโ่ ง ๆ. พระโพธสิ ตั ว คร้ันกลาวคาถานีแ้ ลว กล็ ุกขนึ้ ไปทาํ งานตามหนา ที.่ แมพ วกทเี่ ปนญาติกไ็ ดจ ดั การทาํ สรีรกิจของชา งไม. พระบรมศาสดาตรัสวา อบุ าสกท้งั หลาย แมในครั้งกอนก็ไดเ คยมีมนษุ ยท ่ีไดค ดิ วา เราจักประหารยุง แตกลับประหารคนอื่นมาแลวเหมือนกนั ครนั้ ทรงนาํ พระธรรมเทศนานม้ี าแลวทรงสบื อนสุ นธิประชุมชาดกวา ก็พอ คา บัณฑิตที่กลา วคาถาแลวหลีกไป ไดมาเปนเราตถาคตน้ีแล. จบ อรรถกถามกสชาดกท่ี ๔










































Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook