Important Announcement
PubHTML5 Scheduled Server Maintenance on (GMT) Sunday, June 26th, 2:00 am - 8:00 am.
PubHTML5 site will be inoperative during the times indicated!

Home Explore tripitaka_70

tripitaka_70

Published by sadudees, 2017-01-10 01:15:44

Description: tripitaka_70

Search

Read the Text Version

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนา ท่ี 251 อาชญา ๓ คอื อาชญาทางกาย อาชญาทางวาจา อาชญาทางใจ.กายทุจริต ๓ ชื่อวา อาชญาทางกาย, วจีทจุ ริต ๔ ชอื่ วา อาชญาทางวาจา, มโนทุจริต ๓ ชือ่ วา อาชญาทางใจ. วาง คือตั้งลง ยกลง ยก-ลงพรอ ม วางไว คอื ระงบั อาชญา ๓ อยา งน้นั ในภตู คอื สตั วท ้ังปวง คือท้งั ส้ิน ไดแก ไมถ อื เอาอาชญา เพือ่ จะเบยี ดเบียน เพราะเหตนุ ้ัน จงึช่ือวา วางอาชญาในสัตวท ัง้ ปวง. บทวา อวิเหย อฺตรมฺป เตสความวา ไมเบยี ดเบยี นสตั วแ มต วั หนง่ึ ๆ ดว ยฝา มือ หรอื กอ นดิน ทอ น-ไม ศสั ตรา ข่อื คา หรอื เชือก ไมเ บียดเบยี นสัตวแ มท กุ ชนดิ ดวยฝา มือหรือกอ นดิน ทอ นไม ศาสตรา ชอื่ คา หรือเชอื ก คอื ไมเบียดเบยี นสัตวเหลา นั้นแมตวั ใดตวั หนงึ่ . ศัพทว า น ในคําวา น ปุตตฺ มจิ เฺ ฉยยฺ กโุ ต สหาย เปนศพั ทปฏเิ สธ. บทวา ปตุ ตฺ  ความวา บุตร ๔ ประเภท คือ บตุ รที่เกิดในตน ๑บุตรท่ีเกิดในภริยา ๑ บตุ รท่เี ขาให ๑ บุตรคืออนั เตวาสิก ๑. บทวา สหาย ความวา การมา การไป การยืน การนงั่ การรอ งเรยี ก การเจรจา การสนทนากับผใู ด เปนความผาสุก ผูนัน้ ทา นเรียกวา สหาย. บทวา น ปตุ ตฺ มจิ ฺเฉยฺย กุโต สหาย ความวา ไมอยากได คอืไมยนิ ดี ไมปรารถนา ไมท ะเยอทะยาน ไมร าํ พันถงึ แมแตบตุ ร จะอยากไดยนิ ดี ปรารถนา ทะเยอทะยาน ราํ พนั ถึงมิตร เพือ่ นเห็น เพ่อื น-คบ หรือสหาย มาแตไ หน เพราะเหตุนนั้ ชอ่ื วา ไมอ ยากไดแมแ ตบ ตุ รจะอยากไดส หายมาแตไ หน.

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนาท่ี 252 บทวา เอโก จเร ขคฺควสิ าณกปฺโป ความวา พระปจเจกพุทธ-เจาน้ัน ชอื่ วา ผูเดียว เพราะการบรรพชา. ชอื่ วา ผเู ดียว เพราะอรรถวา ไมมเี พ่ือน. ชอื่ วา ผูเ ดยี ว เพราะอรรถวา ละตณั หา. ชือ่ วา ผเู ดียว เพราะปราศจากราคะแนนอน. ชื่อวา ผเู ดยี ว เพราะปราศจากโทสะแนนอน. ช่อื วา ผูเ ดยี ว เพราะปราศจากโมหะแนน อน. ชื่อวา ผูเดยี ว เพราะหมดกเิ ลสแนนอน. ชื่อวา ผูเดียว เพราะดําเนินสทู างเปนทด่ี าํ เนินไปผเู ดียว. ชือ่ วา ผเู ดียว เพราะตรัสรพู รอ มเฉพาะพระปจ เจกสัมโพธิญาณอนั ยอดเยี่ยมผูเดยี ว. พระปจเจกสัมพทุ ธเจา นั้น ชอ่ื วา ผูเ ดยี ว เพราะการบรรพชาอยางไร ? คือพระปจเจกสัมพทุ ธเจานน้ั ตัดปลิโพธกงั วลในการครองเรือนเสยี ทงั้ หมด ตดั ปลิโพธกงั วลในลูกเมีย ตดั ปลโิ พธกงั วลในญาติมติ รอํามาตย และการสัง่ สม ปลงผมและหนวด นงุ ผา กาสายะ ออกจากเรอื นบวชไมมีเรือน เขาถึงความไมม กี ังวล ผูเ ดียวเทา นัน้ เท่ียวไป คอือยู เปนอยู เปน ไป คมุ ครอง ไป ใหไป เพราะเหตนุ ้ัน พระปจเจก- พระปจ เจกสมั พทุ ธเจาน้นั ช่ือวาผเู ดยี ว เพราะอรรถวา ไมมเี พอ่ื นอยา งไร ? คือทา นเปนผบู วชอยา งนั้นอยูผเู ดียว เสพอาศยั เสนาสนะอนัสงดั อันเปนอรัญ ปา และไหลเขา ไมม ีเสียงอึกทึก ปราศจากลมอนัเกิดจากชน อยูโดดเด่ยี วไกลจากพวกมนุษย สมควรแกก ารหลีกเรน

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนา ที่ 253ทานยืนคนเดียว เดนิ คนเดียว นงั่ คนเดียว นอนคนเดยี ว ผเู ดยี วเขาไปบิณฑบาตยังบาน ผูเดียวกลบั มา ผูเดยี วนัง่ ในทล่ี บั ผูเดยี วเดนิ จงกรมผเู ดียวเทย่ี วไป คืออยู เปน อยู เปน ไป คมุ ครอง ไป ใหเปนไป ทา นช่อื วาผูเดียว เพราะอรรถวา ไมม ีเพ่ือน อยางนดี้ ว ยประการฉะน้ี. พระปจเจกสมั พุทธเจานน้ั ช่อื วาผเู ดยี ว เพราะอรรถวา ละตัณหาเปนอยางไร ? คือทานผูเดยี ว ไมม ีเพ่อื น ไมป ระมาท มคี วามเพยี รเครอ่ื งเผากิเลสใหเ รา รอ น มีใจสงบอยู เริ่มตง้ั มหาปธานความเพียรใหญ กาํ จัดมารพรอมทง้ั เสนามารแลว ละบรรเทา ทําใหพ นิ าศไป ทาํ ใหถ ึงการไมเกดิ อีกตอ ไป ซ่ึงตณั หาอนั มขี า ย คอื ตัณหาอันฟงุ ไปในอารมณต าง ๆ. บรุ ษุ ผูมีตณั หาเปนเพอ่ื น ทอ งเท่ยี วไปตลอดกาลยาวนาน ยอ มไมลว งพนสงั สารซ่ึงมคี วามเปนอยางนี้ และมีความเปน โดยประการอ่ืน. ภกิ ษุรูโทษขอน้ี เปนผปู ราศจากตัณหา ไมย ึดมน่ั มีสติ พึงเวนโดยสนิ้ เชงิ ซ่ึงตณั หาอนั เปนแดนเกิดแหง ทุกขแล. พระปจเจกสมั พทุ ธเจา น้ัน ช่อื วา ผเู ดียว เพราะอรรถวา ละตัณหา ดวยประการอยา งน้ี. พระปจ เจกสัมพุทธเจา นั้น ช่ือวาผูเ ดียว เพราะปราศจากราคะโดย สวนเดยี ว เปน อยางไร ? คือพระปจ เจกสมั พุทธเจา นน้ั ชอ่ื วาปราศจากราคะโดยสว นเดียวเพราะละราคะได เพราะเหตนุ นั้ จึงชื่อวา ผเู ดียว. ชอ่ื วา ผปู ราศจากโทสะโดยสวนเดยี ว เพราะละโทสะได เพราะเหตนุ ้ัน จึงชื่อวา ผเู ดียว.

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนาที่ 254ชอื่ วา ผปู ราศจากโมหะโดยสว นเดียว เพราะละโมหะได เพราะเหตุนั้นจงึ ช่ือวาผเู ดยี ว. ชอื่ วาผไู มม ีกิเลสโดยสวนเดียว เพราะละกเิ ลสทั้งหลายได เพราะเหตุน้ัน จงึ ช่อื วา ผเู ดียว. พระปจ เจกสมั พทุ ธเจานั้น ช่ือวาผเู ดียว เพราะปราศจากราคะโดยสวนเดียว ดวยประการอยางน้ี. พระปจเจกสมั พทุ ธเจา น้นั ช่อื วาผูเดยี ว เพราะดําเนินสทู างเปนทีไ่ ปสําหรับคนผเู ดยี ว เปน อยางไร ? สตปิ ฏ ฐาน ๔ สมั มปั ปธาน ๔ อทิ ธิบาท ๔ อนิ ทรีย ๕ พละ ๕โพชฌงค ๗ อรยิ มรรคมอี งค ๘ ทา นเรยี กวา เอกายนมรรค ทางเปนที่ไปสาํ หรับคนผูเดยี ว. พระผูมีพระภาคเจา ผทู รงเห็นความสิ้นชาตแิ ละทสี่ ดุ แหง ชาติ ทรงอนเุ คราะหด วยประโยชนเ กอ้ื กูล ทรงรชู ัดทางเปน ทไ่ี ปสาํ หรับคนผเู ดยี ว ในกาลกอนชนทง้ั หลายขา มโอฆะไป แลวดว ยทางนี้ ในอนาคตจกั ขา มดว ยทางน้ี และปจจบุ ันนี้ ก็กาํ ลังขามโอฆะดว ยทางน.ี้ พระปจเจกสัมพทุ ธเจา นนั้ ชอื่ วา ผูเดียว เพราะดําเนนิ สูทางเปนท่ีไปสาํ หรบั คนผเู ดียว ดว ยประการอยา งน.ี้ พระปจ เจกสมั พุทธเจา นั้น ชื่อวาผูเ ดียว เพราะตรัสรูพรอมเฉพาะพระปจ เจกสัมโพธิญาณอันยอดเย่ียมผูเ ดยี ว เปนอยา งไร ? ญาณในมรรค ๔ เรียกวา โพธ.ิ ปญ ญา ปญ ญินทรีย ปญญาพละธัมมวิจยสมั โพชฌงค วมิ งั สา วิปส สนา สมั มาทิฏฐิ. พระปจเจกสมั พทุ ธ-เจา น้ัน ตรสั รดู ว ยปจ เจกโพธญิ าณนั้นวา สงั ขารทง้ั ปวงไมเทียง ตรัสรู

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนาท่ี 255วา สังขารท้ังปวงเปนทกุ ข ตรสั รวู า ธรรมทัง้ ปวงเปนอนตั ตา. ตรัสรูวา สังขารทั้งหลายมเี พราะอวชิ ชาเปนปจ จยั ตรสั รวู า วิญญาณมเี พราะสังขารเปน ปจ จัย ตรสั รวู า นามรูปมเี พราะวญิ ญาณเปน ปจ จัย ตรัสรูวาสฬายตนะมเี พราะนามรปู เปนปจจัย ตรัสรูวา ผัสสะมเี พราะสฬายตนะเปน ปจ จยั ตรัสรูวา เวทนามเี พราะผัสสะเปน ปจ จยั ตรสั รูวา ตณั หามีเพราะเวทนาเปนปจจยั ตรสั รวู า อุปาทานมีเพราะตณั หาเปนปจจัยตรสั รวู า ภพมเี พราะอปุ าทานเปนปจจัย ตรัสรูวา ชาติมีเพราะภพเปนปจจยั ตรสั รูวา ชรามรณะมเี พราะชาติเปนปจ จัย. ตรสั รวู า สงั ขารดบั เพราะอวชิ ชาดบั ตรัสรูวา วญิ ญาณดบัเพราะสงั ขารดบั ฯลฯ ตรัสรวู า ชาติดบั เพราะภพดบั ตรัสรูว าชรามรณะดับ เพราะชาติดบั . ตรสั รวู า น้ที กุ ข ตรัสรูวา น้ีทกุ ขสมุทยัตรัสรวู า นีท้ กุ ขนิโรธ ตรัสรวู า นี้ทุกขนิโรธคามนิ ปี ฏปิ ทา. ตรัสรวู าเหลา นี้อาสวะ ตรสั รวู า นอี้ าสวสมุทยั ฯลฯ ตรสั รูว า นปี้ ฏปิ ทา.ตรสั รวู า ธรรมเหลา น้คี วรกําหนดรู ตรสั รูว า ธรรมเหลานี้ควรละตรสั รูวา ธรรมเหลาน้คี วรทาํ ใหแจง ตรสั รูว า ธรรมเหลานี้ควรเจรญิตรสั รูการเกดิ การดับไป ความเพลดิ เพลนิ โทษ และการสลดั ออกแหงผสั สายตนะ ๖ ตรัสรูการเกิด ฯลฯ การสลัดออกแหงอุปาทานขนั ธ ๕ตรสั รูการเกดิ การดบั ไป ความเพลิดเพลนิ โทษ และการสลัดออกแหงมหาภูตรูป ๔ ตรสั รวู า สิ่งใดส่ิงหน่ึงมีความเกดิ ข้นึ เปน ธรรมดา ส่ิงนั้นทั้งมวลมคี วามดับไปเปนธรรมดา. อีกอยางหน่ึง ตรัสรู ตรัสรตู าม ตรัสรูเฉพาะ ตรสั รพู รอม บรรลุถกู ตอ ง กระทาํ ใหแจง ซ่ึงส่งิ ท่ีควรรู ควรรูตาม ควรรเู ฉพาะ ควรรู

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนาที่ 256พรอ ม ควรบรรลุ ควรถกู ตอ ง ควรทาํ ใหแจงทงั้ หมดนั้น ดวยปจ เจก-โพธญิ าณน้นั พระปจ เจกสัมพทุ ธเจา น้ัน ช่ือวา ผูเ ดียว เพราะตรสั รูพรอ มเฉพาะซง่ึ พระปจเจกสัมโพธิญาณอันยอดเย่ยี มผูเดียว อยา งนี้ดวยประการฉะนี้. บทวา จเร ความวา จรยิ า ๘ คอื อริ ยิ าบถจรยิ า ๑ อายตน-จริยา ๑ สตจิ รยิ า ๑ สมาธิจรยิ า ๑ ญาณจรยิ า ๑ มรรคจรยิ า ๑ ปตติ-จริยา ๑ และโลกตั ถจรยิ า ๑. จริยาในอิรยิ าบถทั้ง ๔ ชอ่ื วา อริ ิยาปถจรยิ า. จรยิ าในอายตนะภายใน ๖ และภายนอก ๖ ชื่อวา อายตนจริยา. จรยิ าในสติปฏ ฐานทงั้ ๔ ชื่อวา สติจรยิ า. จรยิ าในฌาน ๔ ช่ือวา สมาธจิ รยิ า. จรยิ าในอรยิ สจั ๔ ช่ือวา ญาณจรยิ า. จริยาในอริยมรรค ๔ ช่ือวา มรรคจริยา. จรยิ าในสามญั ญผล ๔ ชอื่ วา ปต ตจิ ริยา. จริยาในพระตถาคตอรหันตสัมมาสมั พทุ ธเจา ในพระปจ เจกสัม-พทุ ธเจาบางสว น ในพระสาวกทง้ั หลายบางสว น ช่ือวา โลกตั ถอรยิ า. อิรยิ าบถจรยิ ายอ มมแี กผเู พียบพรอ มดว ยปณิธิการดํารงตน, อาตน-จริยายอ มมแี กผ ูคมุ ครองทวารในอินทรียทง้ั หลาย สตจิ รยิ ายอมมีแกผปู กติอยูดวยความไมป ระมาท. สมาธิจริยายอ มมแี กผูประกอบเนอื ง ๆ ในอธจิ ติ ,ญาณจรยิ ายอ มมีแกผ ูสมบูรณด ว ยพุทธิปญญา, มรรคจริยายอมมีแกผูป ฏิบัติโดยชอบ, ปตติจรยิ ายอมมีแกผูบ รรลุผล และโลกตั ถจรยิ ายอ มมแี ก

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนาที่ 257พระตถาคตอรหนั ตสมั มาสัมพทุ ธเจา แกพ ระปจเจกสัมพทุ ธเจา บางสว นแกพระสาวกทง้ั หลายบางสวน นีจ้ รยิ า ๘ ประการ. จริยา ๘ อกี อยางหน่งึ ทา นเมอ่ื นอ มใจเชื่อยอ มประพฤติดว ยศรัทธา, เมื่อประคองอยูยอ มประพฤตดิ วยความเพียร. เมอ่ื เขา ไปต้ังม่ันยอ มประพฤตดิ ว ยสติ. เมื่อกระทาํ ความไมฟุงซา นยอมประพฤตดิ ว ยสมาธิ,เมอ่ื รูชัดยอมประพฤติไปดวยปญ ญา. เม่อื รแู จงยอ มประพฤตดิ ว ยวญิ ญาณ-จรยิ า, ยอ มประพฤตดิ ว ยอายตนจริยา เพราะมนสิการวา กศุ ลธรรมทั้งหลายยอมมาถึงแกผ ปู ฏิบตั ิอยา งน้ี ยอ มประพฤติดวยวิเสสจริยา เพราะมนสิการวา ผูปฏิบัติอยางนยี้ อมบรรลุคุณวิเศษ. นี้จริยา ๘ ประการ. จรยิ า ๘ อีกอยางหน่ึง จรยิ าในทัสสนะ สาํ หรับสมั มาทิฏฐิ จรยิ าในการยกจติ สาํ หรบั สมั มาสังกปั ปะ จริยาในการกาํ หนด สําหรบั สัมมา-วาจา จริยาในความหมั่น สาํ หรบั สัมมากัมมันตะ จริยาในความบริสทุ ธ์ิสําหรับสัมมาอาชีวะ จรยิ าในการประคองไว สาํ หรับสมั มากมั มนั ตะ จรยิ าในการปรากฏ สาํ หรับสัมมาสติ และจริยาในความไมฟงุ ซาน สําหรับสมั มาสมาธิ นีจ้ ริยา ๘ ประการ. บทวา ขคคฺ วิสาณกปโฺ ป ความวา ธรรมดาแรด มนี อเดียวเทานน้ัไมมีนอทส่ี อง ฉนั ใด พระปจ เจกสมั พุทธเจานนั้ กฉ็ ันน้นั เหมือนกนัเหมอื นกับนอแรดน้นั เชน เดยี วกับนอแรดน้นั มสี วนเปรยี บดว ยนอแรดน้นั , ของเค็มจดั เรียกวาเหมอื นเกลือ ของขมจัด เ รยี กวาเหมือนของขมของหวานจัด เรยี กวาเหมือนนาํ้ หวาน ของรอนจัด เรียกวาเหมอื นไฟของเยน็ จัด เรยี กวา เหมอื นหมิ ะ ลํานํา้ ใหญ เรยี กวา เหมือนทะเล พระ-สาวกผบู รรลุมหาอภิญญาพละ เรยี กวา เหมอื นพระศาสดา ฉันใด พระ-

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนา ที่ 258ปจเจกสมั พทุ ธเจา น้ัน ก็ฉนั นน้ั เหมอื นกนั ทา นเหมือนนอแรด เชนกบันอแรด มีสวนเปรียบดว ยนอแรด ผูเ ดียว ไมมีเพ่ือน หลดุ พน กเิ ลสเครือ่ งผูกพนั เท่ยี วไป คอื อยู เปน อยู เปนไปอยู คมุ ครองอยู ไปอยูใหไ ปอยใู นโลกโดยชอบ เพราะเหตุนนั้ จงึ ชื่อวา ผเู ดยี วเทีย่ วไปเหมือนนอแรด ดว ยเหตุน้ัน พระปจเจกสัมพทุ ธเจา ท้งั หลาย จงึ กลาววา บคุ คลวางอาชญาในปวงสัตว ไมเบยี ดเบียนสัตวเหลานั้น แมตัวหนึ่ง ไมป รารถนาบตุ ร จะปรารถนาสหายแตท ี่ไหน พึงเปนผูเดยี วเที่ยวไปเหมอื นนอแรดฉะนน้ั . ความเสนหายอ มมแี กบุคคลผเู กดิ ความเกย่ี วของ ทุกขท ี่ อาศัยความเสนหานม้ี มี ากมาย. บคุ คลเล็งเหน็ โทษอนั เกดิ จาก ความเสนห า พึงเปนผเู ดยี วเท่ียวไปเหมือนนอแรดฉะนน้ั . ผูชว ยอนเุ คราะหมติ รสหาย มีจติ พวั พันอยู ยอ มทาํ ประโยชนใหเส่ือมไป บคุ คลมองเหน็ ภัยในความสนทิ สนมน้ี พึงเปนผเู ดียวเทยี่ วไปเหมือนนอแรดฉะน้ัน. ความอาลยั ในบตุ รและภรรยา เปรียบเหมอื นไมไ ผใหญ เกี่ยวเกาะกนั อยู บคุ คลไมขอ งอยูในบตุ รและภรรยาเหมือน หนอ ไมไผ พึงเปนผเู ดียวเทยี่ วไปเหมือนนอแรดฉะนน้ั . วิญูชนหวังความเสรี พึงเปนผูเดยี วเท่ยี วไปเหมอื น นอแรดดงั เน้อื ในปา ไมถ กู ผกู ยอ มเทย่ี วไปหาเหยอื่ ไดต าม ความปรารถนาฉะน้นั . ในทามกลางสหาย ยอมจะตองมกี ารปรึกษาหารอื กนั

พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนา ที่ 259บคุ คลเล็งเหน็ ความเสรี อันไมเ พงเลง็ ไปในการอยู การยืนการเดิน และการเท่ียวไป พงึ เปนผเู ดยี วเท่ียวไปเหมือนนอแรดฉะนน้ั . การเลนในทา มกลางสหายเปนความยินดี และความรักในบุตรภรรยาเปน เร่ืองกวา งใหญไ พศาล บุคคลเกลยี ดความพลัดพรากจากสงิ่ อันเปน ที่รัก พึงเปนผเู ดียวเทยี่ วไปเหมอื นนอแรดฉะนัน้ . พึงแผเ มตตาไปท้งั ๔ ทิศ และไมโ กรธเคือง ยนิ ดดี ว ยปจ จยั ตามมตี ามได อดทนตอ อนั ตรายทั้งหลาย ไมห วาดเสียวพึงเปนผเู ดียวเที่ยวไปเหมอื นนอแรดฉะนน้ั . แมบรรพชติ บางพวก และพวกคฤหสั ถทค่ี รองเรอื นก็สงเคราะหไ ดยาก พงึ เปนผูขวนขวายนอยในบตุ รของคนอน่ืพงึ เปนผูเดียวเท่ียวไปเหมอื นนอแรดฉะนั้น. บคุ คลปลงเครอื่ งหมายของคฤหสั ถเสยี เปน ผูกลาหาญตัดเครอื่ งหมายของคฤหสั ถ เหมอื นตน ทองหลางขาดใบ พงึเปน ผเู ดยี วเทย่ี วไปเหมอื นนอแรดฉะน้ัน. ถาบุคคลไดสหายผูมีปญ ญาเครื่องรกั ษาตน พงึ เที่ยวไปกบั สหายผเู ปน นักปราชญมปี กติอยยู งั ประโยชนใหสําเร็จ พึงครอบงาํ อันตรายทัง้ มวล พึงดใี จ มสี ติ เทย่ี วไปกบั สหายน้ัน. ถา ไมไ ดสหายผูม ีปญญาเครือ่ งรักษาตน ผเู ปนนักปราชญมปี กติอยูยังประโยชนใ หส ําเร็จไวเ ท่ยี วไปดวยกัน พงึ เปน ผูเดียวเทีย่ วไป เหมือนพระราชาทรงละแวนแควนที่พระองคชนะแลว และเหมอื นชางช่ือมาตังคะในปา ฉะนน้ั .

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนา ท่ี 260 อันท่ีแท พวกเราสรรเสริญสหายสมบตั ิ พงึ คบหาสหายผปู ระเสรฐิ กวาหรอื ผเู สมอกัน บคุ คลไมไดสหายเหลาน้ี พงึคบหากรรมอนั ไมม โี ทษ พงึ เปน ผเู ดียวเท่ยี วไปเหมอื นนอแรดฉะน้นั . บคุ คลเห็นกาํ ไลมอื ทองคําอนั สุกปลง่ั อันชางทองทําสําเรจ็อยา งดี กระทบกนั อยูท ่ีแขนทัง้ สอง พึงเปน ผเู ดียวเทยี่ วไปเหมือนนอแรดฉะนั้น. การกลาวดว ยวาจา หรือการติดของของเรา จะพึงมีกับเพื่อนอยา งนี้ บคุ คลเลง็ เห็นภยั นี้ ตอ ไปภายหนา พึงเปนผเู ดยี วเทยี่ วไปเหมอื นนอแรดฉะนน้ั . ก็กามทัง้ หลายงดงาม หวานอรอ ย เปนทรี่ นื่ รมยใจยอมยาํ่ ยจี ติ ใจดว ยรปู แปลก ๆ บคุ คลเห็นโทษในกามคณุทงั้ หลาย พงึ เปน ผเู ดยี วเที่ยวไปเหมอื นนอแรดฉะน้ัน. ความจญั ไร หัวฝ อันตราย โรค บาดแผล และภยั น้ีจะพงึ มแี กเรา บคุ คลเหน็ ภัยน้ใี นกามคณุ ทั้งหลาย พึงเทยี่ วไปผูเดียวเหมอื นนอแรดฉะนั้น. พงึ ครอบงําอนั ตรายนี้ทงั้ หมด คอื ความหนาว ความรอนความหวิ ความกระหาย ลม แดด เหลือบ ยุง และสตั วเลือ้ ยคลาน พึงเปนผเู ดียวเท่ยี วไปเหมอื นนอแรดฉะน้นั . บคุ คลพงึ เปน ผเู ดียวเทยี่ วไปเชน กบั นอแรด หรือเหมือนชางเกดิ รา งกายใหญโต มสี ดี งั ดอกปทุม ละโขลงอยูในปาตามชอบใจฉะน้ัน. ทา นใครค รวญคําของพระปจเจกพุทธเจา นามวาอาทิจจพันธุ

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนาที่ 261วา ขอท่ีบุคคลผยู ินดีการคลกุ คลีดวยหมู จะพงึ บรรลวุ ิมุตติอนัเกดิ ขึน้ ในสมยั นั้น มิใชฐ านะท่ีจะมีได พงึ เปน ผเู ดยี วเที่ยวไปเหมือนนอแรดฉะน้นั . เราเปน ไปลว งขา ศกึ คอื ทิฏฐิ ถงึ ความแนนอน มมี รรคอันไดแลว มญี าณเกิดขน้ึ แลว ไมมีคนอืน่ แนะนาํ พงึ เปนผูเดยี วเทีย่ วไปเหมือนนอแรดฉะน้ัน. บุคคลไมม คี วามโลภ ไมโกง ไมกระหาย ไมล บหลูคณุ ทา น มีโมหะดจุ นํ้าฝาดอันกําจดั แลว ไมมกี เิ ลสเปนท่มี านอน ครอบงาํ โลกทั้งปวง พึงเปน ผูเ ดียวเทย่ี วไปเหมือนนอแรดฉะนั้น. บุคคลพงึ เวน สหายผลู ามก ผมู กั ช้ีแตความพินาศ ตั้งมนั่อยใู นฐานะลุม ๆ ดอน ๆ ไมซอ งเสพผขู วนขวาย ผูประมาทดวยตนเอง พึงเปนผูเดียวเทีย่ วไปเหมือนนอแรดฉะนน้ั . พงึ คบมิตรผเู ปน พหสู ูต ทรงธรรม มคี ุณยง่ิ มีปฏภิ าณรูท ว่ั ถงึ ประโยชนท้งั หลาย บรรเทาความสงสยั ได พงึ เปนผูเดยี วเทยี่ วไปเหมอื นนอแรดฉะน้นั . บคุ คลไมพ อใจการเลน ความยินดี และกามสุขในโลกไมอาลยั คลายความยินดจี ากฐานะท่ตี กแตง มีปกตกิ ลาวแตคําสตั ย พงึ เปน ผเู ดียวเทย่ี วไปเหมือนนอแรดฉะนนั้ . บคุ คลละบตุ ร ภรรยา บดิ า มารดา ทรัพย ขาวเปลือกพวกพอ ง และกามทั้งหลายตามสวน พงึ เปน ผเู ดยี วเที่ยวไปเหมือนนอแรดฉะน้นั .

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนา ที่ 262 นีเ้ ปน กิเลสเครอ่ื งของ ในกิเลสเครอ่ื งขอ งนี้ มีความสขุนดิ หนอย มคี วามยินดนี อย มที กุ ขมากยิ่ง ผูมคี วามคดิ รูวาเครอ่ื งขอ งนเี้ ปน ดจุ ขอ พงึ เปนผูเ ดียวเทีย่ วไปเหมือนนอแรดฉะน้ัน. บคุ คลพงึ ทําลายสังโยชนทัง้ หลาย เหมือนปลาทาํ ลายขา ยไมหวนกลับมาอกี เหมือนไฟไมห วนกลบั มายังที่ที่ไหมแลวพึงเปนผูเดยี วเทย่ี วไปเหมือนนอแรดฉะนัน้ . พึงทอดจกั ษุลง ไมค ะนองเทา คุมครองอินทรยี  รกั ษามนัส อันราคะไมร ่วั รด อันไฟกเิ ลสไมเผาลน พึงเปนผูเดยี วเท่ียวไปเหมอื นนอแรดฉะนั้น. พึงละเคร่ืองหมายคฤหสั ถ เหมือนตน ทองกวาวมีใบขาดแลว นุงหมผา กาสายะออกบวชแลว พึงเปนผเู ดียวเที่ยวไปเหมือนนอแรดฉะนนั้ ไมพงึ ทําความกาํ หนดั ในรส ไมโ ลเล ไมต อ งเล้ยี งผอู ื่นเทยี่ วบณิ ฑบาตตามลําดับตรอก มีจติ ไมของเกยี่ วในสกุลพึงเปน ผูเดียวเท่ียวไปเหมอื นนอแรดฉะนน่ั . พึงละนิวรณเ ครื่องกัน้ จิต ๕ ประการ บรรเทาอปุ กเิ ลสเสยีทั้งหมด ไมอ าศัยตณั หาและทิฏฐิ ตดั โทษอันเกดิ แตส ิเนหาไดแลว พงึ เปนผเู ดียวเที่ยวไปเหมอื นนอแรดฉะน้ัน. กระทําสขุ ทกุ ข โสมนัส และโทมนสั ในกอ นไวเบอื้ งหลงั ไดอ เุ บกขาและสมถะอนั บริสุทธิ์ พึงเปน ผเู ดยี วเทีย่ วไปเหมอื นนอแรดฉะน้นั .

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนาที่ 263 พึงปรารภความเพยี รเพอื่ บรรลปุ ระโยชนอ ยางย่งิ มจี ติ ไมหดหู ไมป ระพฤติเกียจครา น มีความบากบ่นั มั่น ประกอบดว ยเร่ยี วแรงและกาํ ลงั พึงเปนผูเดียวเที่ยวไปเหมือนนอแรดฉะนั้น. ไมล ะการหลกี เรนและฌาน มีปกติประพฤติธรรมสมควรแกธ รรมเปน นิตย พจิ ารณาเห็นโทษในภพท้งั หลาย พงึ เปนผูเ ดยี วเท่ยี วไปเหมอื นนอแรดฉะนน้ั . พึงปรารถนาความสน้ิ ตณั หา ไมประมาท ไมเปนคนบานาํ้ ลาย มกี ารสดบั มีสติ มธี รรมอนั พิจารณาแลว เปน ผเู ท่ียงมีปธานความเพียร พึงเปน ผเู ดียวเทย่ี วไปเหมือนนอแรดฉะน้ัน. ไมพ ึงสะดุงในเพราะเสียง ดจุ สีหะ มขี อ งอยู เหมอื นลมไมต ดิ ตาขาย ไมต ิดอยู เหมือนปทมุ ไมติดนํา้ พึงเปนผูเ ดยี วเท่ยี วไปเหมือนนอแรดฉะนัน้ . พึงเสพเสนาสนะอันสงดั เหมอื นสีหะผูเปน ราชาของพวกเนอ้ื มีเข้ยี วเปนกาํ ลงั ประพฤตขิ มขี่ครอบงาํ เนื้อทั้งหลายฉะนัน้ พึงเปน ผเู ดยี วเท่ยี วไปเหมอื นนอแรดฉะน้นั . พึงเจริญเมตตาวมิ ุตติ กรณุ าวมิ ุตติ มุทิตาวมิ ตุ ิ และอุเบกขาวิมุตตทิ ุกเวลา ไมพ โิ รธสตั วโลกท้งั มวล พงึ เปนผูเดยี วเทย่ี วไปเหมือนนอแรดฉะนน้ั . พึงละราคะ โทสะ และโมหะ ทาํ ลายสังโยชนทั้งหลายไมสะดงุ ในเวลาสิน้ ชีวติ พงึ เปนผูเดียวเทยี่ วไปเหมอื นนอแรดฉะนน้ั .

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนาท่ี 264 ชนทั้งหลายมปี ระโยชนเปนเหตุ จงึ คบหาสมาคมกนั บุคคลผไู มมีเหตุ จะมาเปน มิตรกันในทุกวันนหี้ าไดย าก พวก มนษุ ยผ ไู มสะอาดมักเห็นแกประโยชนตน พงึ เปน ผูเ ดยี ว เทีย่ วไปเหมือนนอแรดฉะน้นั . คําวา สพเฺ พสุ ภเู ตสุ ในคาถาน้นั คือพระสูตรวา ดว ยขคั ค-วสิ าณปจ เจกสัมพทุ ธาปทาน. พระสตู รนนั้ มเี หตเุ กดิ ข้ึนอยางไร ? พระสตู รทงั้ ปวง มเี หตูเกดิ ขนึ้ ๔ อยาง คือเกดิ โดยอธั ยาศยัของตนเอง ๑ เกดิ โดยอธั ยาศยั ของผูอ่ืน เกิดโดยเกดิ เรอ่ื งขึ้น ๑และเกดิ โดยอาํ นาจการถาม ๑ ในเหตุเกิด ๔ อยางนน้ั ขัคควสิ าณสตู รเกดิ ขึ้นดว ยอํานาจการถามโดยไมพเิ ศษ. แตเ มือ่ วา โดยพเิ ศษ เพราะเหตทุ ่ีคาถาบางคาถาในสตู รน้ีพระปจเจกสัมพุทธเจา องคน น้ั ๆ ถกู เขาถามจงึ กลา วไว บางคาถาไมถ ูกถาม แตเมือ่ จะเปลงเฉพาะอทุ านอันเหมาะสมแกน ัยแหงมรรคทค่ี นบรรลุจึงไดกลา วไว เพราะฉะนั้น บางคาถาจึงเกดิ ขึ้นดวยอํานาจการถาม บางคาถาเกิดข้นึ ดวยอัธยาศยั ของตน. ในเหตุเกิด ๔ อยางน้ัน เหตเุ กดิ ดว ยอํานาจการถามโดยไมพ เิ ศษน้นี นั้ พงึ ทราบอยางนจี้ าํ เดมิ แตตน ไป. สมยั หนงึ่ พระผูมพี ระภาคเจาประทบั อยใู นนครสาวตั ถี ครง้ั นน้ัทานพระอานนท อยใู นทล่ี ับเรนอยู เกดิ ความปริวติ กแหงใจขึ้นอยางน้วี าความปรารถนาและอภนิ หี ารของพระพุทธเจาท้ังหลายยอมปรากฏ ของพระสาวกท้ังหลายก็ปรากฏเหมือนอยางนั้น แตของพระปจ เจกสมั พทุ ธเจาทง้ั หลายยงั ไมป รากฏ ถากระไรเราพงึ เขาไปเฝาพระผูม พี ระภาคเจา แลว

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนา ที่ 265ทูลถาม. ทา นพระอานนทน้นั จึงออกจากทเี่ รน ทูลถามถงึ เร่อื งราวน้ันโดยลําดบั . ลําดับน้นั พระผูม ีพระภาคเจา จึงไดต รสั ปุพพโยคาวจรสตู รแกทา นพระอานนทน ั้นวา ดกู อ นอานนท อานิสงส ๕ ประการเหลา น้ี คือยอ มทาํ ผหู ยง่ั ลงในความเพียรอันมีในกอน ใหพ ลันบรรลุพระอรหตั - ผลในปจจบุ ัน ๑ ถายังไมใ หบรรลพุ ระอรหตั ผลในปจจบุ นั เมอ่ื เปนเชนนน้ั ยอ มใหบรรลพุ ระอรหตั ผลในเวลาจะตาย ๑ ถา ไมเปน อยา งนน้ั จะเปน เทวบตุ รบรรลพุ ระอรหัตผล ๑ ถา ไมอ ยางนัน้ จะเปน ขิปปาภญิ ญาตรสั รไู ดเร็ว ในเมือ่ อยู ตอพระพักตรพ ระพทุ ธเจา ทง้ั หลาย ๑ ถาไมเปน อยางนั้น จะ เปนพระปจเจกสมั พุทธเจา ในกาลสุดทา ยภายหลัง ๑ครั้นตรสั อยา งน้แี ลว จึงตรัสตอ ไปอกี วา ดกู อนอานนท ธรรมดาวาพระปจเจกสัมพุทธเจา ท้ังหลาย เปน ผูสมบรู ณดว ย อภินีหาร หย่ังลงในความเพยี รอันมีในกอ น เพราะฉะนัน้ ความปรารถนาและอภินหิ ารของพระปจ เจก- สัมพทุ ธเจา และสาวกของพระพทุ ธเจา ทั้งมวล จงึ จาํ ปรารถนา. ทา นพระอานนทกราบทูลวา ขา แตพระองคผเู จรญิ ความปรารถนาของพระพทุ ธเจาท้ังหลาย ยอมเปนไปนานเพียงไร. พระผมู ีพระภาคเจาตรสั วา ดกู อนอานนท ความปรารถนาของพระพุทธเจาท้ังหลาย โดยกําหนดอยางตํ่า ยอ มเปน ไป ๔ อสงไขยแสนกปั โดยกาํ หนดอยา งกลาง ยอมเปน ไป ๘ อสงไขยแสนกปั โดยกาํ หนดอยางสงู ยอ มเปนไป ๑๖ อสงไขยแสนกปั .

พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนาท่ี 266 ก็ความแตกตา งกนั เหลา น้ี พึงทราบโดยอาํ นาจแหง พระพทุ ธเจาผเู ปน ปญ ญาธิกะย่ิงดว ยปญญา สัทธาธกิ ะยิ่งดว ยศรัทธา และวริ ิยาธิกะยง่ิ ดวยความเพยี ร. จริงอยู พระพุทธเจาผเู ปนปญ ญาธิกะ มีศรัทธาออน มปี ญ ญากลาแขง็ . พระพุทธเจาผูเปนสทั ธาธิกะ มีปญญาปานกลาง มศี รัทธากลาแขง็ . พระพุทธเจาผูเปน วิริยาธกิ ะ มศี รัทธาและปญ ญาออน มีความเพยี รกลาแขง็ . ก็ฐานะนที้ ีว่ า ยงั ไมถึง ๔ อสงไขยแสนกปั เมอื่ ใหท านทุกวัน ๆ เชนการใหท านของพระเวสสันดร และการสัง่ สมบารมีธรรมมีศีลเปน ตนอนัสมควรแกทานนน้ั กจ็ ะเปนพระพทุ ธเจา ในระหวา งได ดงั นี้ ยอ มจะมีไมได. ถามวา เพราะเหตุไร ? ตอบวา เพราะญาณยงั ไมต้งั ทอ งยังไมถึงความไพบลู ย ยงั ไมถงึ ความแกก ลา . ฐานะน้ที ี่วา ขา วกลาท่จี ะเผลด็ ผลตอเมื่อลว งไป ๓ เดือน ๔เดือน และ ๕ เดือน ยังไมถ งึ เวลานั้น ๆจะอยากไดก็ดี จะเอาน้ํารดก็ดี สกั รอยคร้งั พันครั้งทุกวัน ๆ จกั ใหเผลด็ผลโดยปก ษห น่ึงหรือเดอื นหน่งึ ในระหวาง ดงั นี้ ยอ มไมม ี. ถามวา เพราะเหตไุ ร ? ตอบวา เพราะขาวกลา ยงั ไมท อ ง ยงั ไมถ ึงความไพบูลย ยังไมแก ดงั นช้ี ่ือฉนั ใด ฐานะน้ีวา ยงั ไมถงึ ๔ อสงไขยแสนกปั จักไดเปน พระพทุ ธเจาดงั นี้ ยอมไมม ี ฉนั นน้ั เหมอื นกนั . เพราะฉะนัน้ พงึกระทาํ การบําเพ็ญบารมีตลอดกาลตามทก่ี ลา วไวแลว นน่ั แหละ เพอ่ื ตองการใหญ าณแกก ลา.

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนาที่ 267 อนงึ่ ผปู รารถนาความเปนพระพทุ ธเจาโดยกาลแมมีประมาณเทานี้ก็จาํ ตองปรารถนาสมบัติ ๘ ประการในการกระทาํ อภนิ ีหาร. จริงอยู อภินีหารน้ียอ มสาํ เรจ็ เพราะประชมุ ธรรม ๘ ประการไวไ ด คือความเปนมนุษย ๑ ความถงึ พรอ มดวยเพศชาย ๑ เหตุ ๑ การไดพบพระศาสดา ๑ การบรรพชา ๑ ความถงึ พรอมดว ย คุณ ๑ การกระทาํ อนั ย่งิ ๑ ความเปน ผูม ฉี นั ทะ ๑. คาํ วา อภินีหาร นี้ เปน ชื่อของความปรารถนาเดิมเริ่มแรก. ในธรรม ๘ ประการน้ัน การเกดิ เปนมนษุ ย ชอ่ื วาความเปน มนษุ ย.จริงอยู เวนจากกําเนิดมนุษย ความปรารถนายอมไมส ําเร็จแกผ ูด ํารงอยูในกําเนิดทเี่ หลือ แมแ ตก ําเนดิ เทวดา อันผดู ํารงอยใู นกําเนิดอ่นื นน้ัเม่ือปรารถนาความเปนพระพุทธเจา ตอ งกระทาํ บญุ กรรมมีทานเปนตนแลว ปรารถนาเฉพาะความเปน มนษุ ย (ใหไดก อน) ครัน้ ดาํ รงอยใู นความเปนมนษุ ยแ ลวจงึ คอยกระทําความปรารถนา (ความเปน พระพทุ ธเจา ).เม่อื กระทําอยางน้ีแหละ ความปรารถนาจงึ จะสําเร็จ. ความเปน บุรษุ ชื่อวาความถึงพรอมดวยเพศ. จรงิ อยู มาตุคามกะเทย และคนสองเพศ แมจ ะดํารงอยูในกาํ เนดิ มนษุ ย กป็ รารถนาไมสําเร็จ. อนั ผดู ํารงอยใู นเพศมาตุคามเปนตน น้นั เม่ือปรารถนาความเปนพระพทุ ธเจา พึงกระทาํ บญุ กรรมมที านเปนตน แลวจึงปรารถนาเฉพาะความเปน บุรษุ ครน้ั ไดด าํ รงอยใู นความเปน บุรษุ แลว จึงพงึ ปรารถนาความเปน พระพทุ ธเจา ก็เมือ่ เปนอยา งนี้ ความปรารถนายอ มสาํ เรจ็ . ความถงึ พรอมดว ยอุปนิสัยแหงพระอรหตั ชอ่ื วา เหต.ุ กบ็ คุ คลใดเพียรพยายามอยู. ในอัตภาพนัน้ สามารถบรรลุพระอรหตั ความปรารถนา

พระสตุ ตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนา ที่ 268ของบุคคลนัน้ ยอ มสําเร็จ ความปรารถนาของบุคคลนอกนย้ี อ มไมส ําเรจ็เหมอื นดงั สเุ มธบัณฑติ . จรงิ อยู ทา นสเุ มธบัณฑติ นน้ั ไดพ บพระทีปงกร-พทุ ธเจา ในท่พี รอ มพระพักตรแ ลวจงึ การทาํ ความปรารถนา. ความเปน ผไู มม เี หยาเรอื น ชื่อวา การบรรพชา. ก็ความเปน ผูไมมีเหยา เรอื นนน้ั ยอมควรในพระศาสนา หรอื ในนกิ ายของดาบสและปรพิ าชกผเู ปนกรรมวาทีและกริ ยิ วาที เหมอื นดังทานสเุ มธบัณฑติ . จริงอยูทา นสเุ มธบณั ฑติ นนั้ เปนดาบส นามวาสเุ มธ ไดก ระทาํ ความปรารถนาแลว. การไดเฉพาะคณุ มีฌานเปนตน ช่ือวาความถงึ พรอมดว ยคุณ.จรงิ อยู แตเ ม่อื บวชแลวกเ็ ฉพาะสมบรู ณดว ยคณุ เทานนั้ ความปรารถนาจึงจะสําเร็จ ยอ มไมส ําเร็จแกบ คุ คลนอกน้ี เหมอื นดังสุเมธบัณฑติ .จริงอยู ทา นสเุ มธบณั ฑิตนั้นเปนผูมีอภิญญา ๕ และเปน ผูไดสมาบัติ ๘ไดป รารถนาแลว . การกระทาํ อนั ย่ิง อธบิ ายวา การบริจาคชอื่ วา อธกิ าร. จรงิ อยูเมอ่ื บคุ คลบริจาคชวี ติ เปน ตน แลว ปรารถนานน้ั แหละ ความปรารถนายอ มสําเรจ็ ไมสําเรจ็ แกบ คุ คลนอกนี้ เหมือนดงั ทานสเุ มธบณั ฑิต. จรงิ อยู ทานสเุ มธบณั ฑติ น้ันกระทาํ การบริจาคตน แลว ตง้ั ความปรารถนาไวอยางนี้วา พระพุทธเจาพรอ มกบั ศษิ ยท ้งั หลายจงเหยยี บเราไป อยา ทรงเหยียบเปอ กตมเลย ขอนจี้ ักเปน ไปเพอื่ ประโยชนเก้อื กูล แกเ รา ดงั นี้.แลวจงึ ไดป รารถนา.

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนา ท่ี 269 ความเปนผใู ครเ พื่อจะทํา ชอื่ วา ความเปนผมู ฉี ันทะ. ความเปนผมู ฉี ันทะที่จะทาํ น้ัน ยอ มมีกาํ ลังแกผูใด ความปรารถนายอมสําเรจ็ แกผูน้นั . อธิบายวา ก็ความเปน ผูม ีฉนั ทะทจี่ ะทาํ น้ัน ถาใคร ๆ มากลา ววาใครอยูใ นนรก ๔ อสงไขยแสนกัป แลวปรารถนาความเปนพระพุทธเจาดงั น้ี ผใู ดไดฟงดงั นั้นอาจกลา ววา เรา ดงั น้ี พงึ ทราบวา มกี ําลงั แกผ ูนัน้ .อนง่ึ ถา ใคร ๆ มากลา ววา ใครเหยียบจกั รวาลท้ังส้นิ อนั เต็มดวยถานเพลิงปราศจากเปลว ยอมปรารถนาความเปน พระพทุ ธเจาได ใครเหยียบจกั รวาลท้งั สิน้ อนั เกลอื่ นกลาดดว ยหอกและหลาวพนไปได ยอ มปรารถนาความเปน พระพุทธเจา ได ใครขา มจักรวาลทัง้ ส้นิ อันมนี ้าํ เตม็เปยมไปได ยอ มปรารถนาความเปน พระพทุ ธเจา ได ใครเดนิ ยาํ่ จกั รวาลทงั้ สิ้นที่ปกคลมุ ดว ยกอไผไ มม ชี องวางพนไปได ยอ มปรารถนาความเปนพระพุทธเจา ไดดังนี้ ผูใ ดไดฟ งดังนั้นอาจสามารถพดู วา เรา ดงั นี้ พงึ ทราบวาผูน ั้นมีความเปนผูมฉี นั ทะที่จะทํามีกําลัง. กส็ เุ มธบัณฑติ ประกอบดว ยฉันทะคอื ความเปนผูใครทจ่ี ะทําเห็นปานดงั กลา วมา จงึ ปรารถนาแลว . กพ็ ระโพธสิ ตั วผูม อี ภนิ ีหารอนั สาํ เร็จแลว อยา งน้ี ยอ มไมเขาถงึอภพั พฐานะ คือฐานะอันไมควร ๑๘ ประการเหลา นี.้ อธบิ ายวา จาํ เดมิ แตส าํ เรจ็ อภินหี ารแลว พระโพธิสัตวน น้ั ไมเ ปนคนบอดไมเ ปนคนหนวกมาแตกาํ เนิด ๑ ไมเปนคนบา ๑ ไมเ ปนคนใบ๑ .ไมเ ปน งอยเปล้ีย ไมเ กิดข้ึนในหมคู นมิลักขะ คือคนปาเถื่อน ๑ ไมเ กดิในทอ งนางทาสี ๑ ไมเปนนิยตมิจฉาทฏิ ฐิคือคนมมี จิ ฉาทฏิ ฐอิ ันดิ่ง ๑ ทา นจะไมกลบั เพศ ๑ ไมทาํ อนนั ตรยิ กรรมหา ๑ ไมเ ปน คนมโี รคเรอ้ื น ๑ในกาํ เนดิ ดริ ัจฉานจะไมม ีรา งกายเลก็ กวานกกระจาบ จะไมใหญโ ตกวา

พระสุตตนั ตปฎก ขทุ ทกนิกาย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนาท่ี 270ชาง ๑ จะไมเกิดขน้ึ ในขปุ ปปาสกิ เปรตและนิชฌามตัณหิกเปรต ๑ จะไมเกิดขนึ้ ในพวกกาลกญั ชกิ าสูร ๑ ไมเกดิ ในอเวจีนรก ๑ ไมเ กดิ ในโลกันตนรก ๑ อนึ่ง จะไมเ ปน มาร ๑ ในช้ันกามาวจรท้ังหลาย ในช้นั รูปาวจรทั้งหลาย จะไมเ กิดในอสัญญีภพ ๑ ไมเกิดในช้ันสุทธาวาส ๑ไมเกิดในอรปู ภพ ไมก า วล้ําไปยังจกั รวาลอื่น ๑. พระโพธสิ ตั วเ ปน ผูประกอบดวยพทุ ธภูมิ ๔ เหลา น้ี คือ อุสสาหะความอตุ สาหะ ๑ อุมมัคคะ ปญ ญา ๑ อวัตถานะ ความต้งั ใจมน่ั ๑หิตจรยิ า การประพฤติประโยชนเกือ้ กลู ๑ ในพทุ ธภมู ิ ๔ ประการนั้นพงึ ทราบวา ความเพียร เรยี กวาอสุ สาหะ ปญ ญา เรียกวาอุมมัคคะ อธิษฐานความตงั้ มน่ั เรียกวา อวตั ถานะ การประพฤติประ- โยชนเกอื้ กลู ที่เรียกวา หติ จริยา เรียกวา เมตตาภาวนา. อน่ึง อัชฌาสยั ๖ ประการนี้ใด คอื อชั ฌาสัยในเนกขัมมะ ๑อัชฌาสัยในปวิเวก ๑ อชั ฌาสัยในอโลภะ ๑ อัชฌาสยั ในอโทสะ ๑อัชฌาสัยในอโมหะ ๑ และอชั ฌาสยั ในนสิ สรณะ การสลัดออกจากภพ ๑ยอมเปน ไปเพ่อื บม พระโพธญิ าณ. และเพราะประกอบดว ยอัชฌาสัยเหลาใด ทานจึงเรยี กพระโพธิสตั วท ง้ั หลายวา ผมู เี นกขัมมะเปน อัธยาศยัเหน็ โทษในกามท้ังหลาย, วา ผูม ปี วิเวกเปน อธั ยาศัย เหน็ โทษในการคลุกคล,ี วาผูมีอโลภะเปน อธั ยาศยั เห็นโทษในความโลภ, วา ผูมอี โทสะเปน อธั ยาศยั เหน็ โทษในโทสะ, วาผมู อี โมหะเปน อัธยาศัย เหน็ โทษในโมหะ, วา ผูมกี ารสลดั ออกจากภพเปนอธั ยาศยั เหน็ โทษในภพทง้ั ปวง.

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนา ที่ 271พระโพธสิ ัตวผสู าํ เรจ็ อภนิ หิ าร ยอ มเปน ผูประกอบดวยอัธยาศยั เหลา น้ันดวย. ถามวา ก็ความปรารถนาของพระปจเจกสัมพุทธเจา ยอมเปน ไปนานเพียงไร ? ตอบวา ความปรารถนาของพระปจเจกสัมพทุ ธเจาทงั้ หลายยอ มเปน ไป ๒ อสงไขยแสนกปั ไมอ าจตํา่ กวาน้นั พึงทราบเหตใุ นความปรารถนานัน้ โดยนัยดังกลาวไวใ นเบือ้ งตน นัน่ แหละ กว็ าโดยกาลแมมีประมาณเทาน้ี ผปู รารถนาความเปนพระปจเจกพุทธเจา กจ็ ําตอ งปรารถนาสมบัติ ๕ ประการกระทําอภินีหาร. จริงอยู พระปจ เจกสัมพุทธ-เจา เหลา นน้ั มเี หตแุ หงอภนิ ิหารเหลา นี้ คือความเปน มนษุ ย ๑ ความ ถึงพรอ มดว ยเพศชาย ๑ การไดเ หน็ ทานผปู ราศจากอาสวะ ๑ การกระทําอนั ยิ่งใหญ ๑ ความเปนผูมีฉนั ทะ ๑ บรรดาบทเหลานน้ั บทวา การไดเ ห็นทานผูปราศจากอาสวะไดแ ก การไดเห็นพระพทุ ธเจา พระปจเจกสมั พทุ ธเจา และพระสาวกของพระพทุ ธเจา ทา นใดทานหนง่ึ . คําที่เหลอื มีนัยดงั กลาวแลว แล. เม่ือเปน เชน นั้น ขอถามวา ความปรารถนาของพระสาวกทงั้ หลายเปนไปตลอดกาลมีประมาณเทา ไร ? ตอบวา ความปรารถนาของพระอคั รสาวกเปน ไป ๑ อสงไขยแสนกัป ของพระอสีติมหาสาวกเปน ไปแสนกัปเทาน้นั . ความปรารถนาของพระพทุ ธบิดา พระพุทธมารดา พระพทุ ธอุปฏ ฐาก และพระ-พุทธบุตร ก็แสนกัปเหมือนกนั เพราะเหตนุ น้ั จงึ ไมอาจตาํ่ กวา น้ันเหตุในความปรารถนาน้นั มนี ัยดงั กลาวแลว เหมือนกนั .

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนา ที่ 272 แตพ ระสาวกเหลา น้ี ทกุ องคมอี ภนิ หิ ารเฉพาะสองขอ เทานน้ั คอือธิการ การกระทําอนั ย่ิง และ ฉนั ทตา ความเปน ผูมีฉนั ทะทีจ่ ะทาํ . พระพุทธเจา ท้ังหลาย บาํ เพ็ญบารมที งั้ หลายตลอดกาลซงึ่ มีประเภทตามทก่ี ลาวแลว ดวยความปรารถนาน้ี และดว ยอภนิ ิหารน้ี อยา งน้ีแลว เมือ่ จะเกิดขน้ึ ในโลก ยอมเกิดขึน้ ในสกุลกษตั ริยหรอื สกลุพราหมณ. พระปจ เจกพุทธเจาทง้ั หลาย ยอมเกดิ ข้นึ ในสกลุ กษตั ริย สกุลพราหมณหรือสกลุ คหบดี สกลุ ใดสกลุ หน่ึง. สวนพระอคั รสาวกยอ มเกดิ ขึ้นเฉพาะ ในสกุลกษตั ริย และ สกุลพราหมณ เหมือนอยางพระพุทธเจา . พระพุทธเจาทุกพระองคไ มเ กดิ ขึ้นในสังวัฏฏกปั คือกปั เสือ่ ม ยอมเกิดข้นึ ในวิวฏั ฏกปั คือกปั เจรญิ . พระปจเจกพุทธเจา ทง้ั หลายกเ็ หมือนกัน. อน่งึ พระปจ เจกพุทธเจาท้ังหลาย ไมเ กิดขึ้นในกาลทพ่ี ระพทุ ธเจาทั้งหลายบังเกิดขน้ึ . พระพุทธเจาทงั้ หลายตรสั รูดวยพระองคเอง และยังใหผอู ืน่ รูไดด ว ย. พระปจ เจกพุทธเจาทัง้ หลายตรัสรเู ฉพาะตนเอง แตไมยังใหผอู ืน่ รู. พระปจเจกพุทธเจา ยอมแทงตลอดอรรถรสเทานนั้ ไมแทงตลอดธรรมรส. เพราะพระปจเจกพทุ ธเจาเหลา น้นั ไมอาจยกโลกุตรธรรมขน้ึ สูบญั ญตั แิ ลวแสดง. พระปจ เจกพุทธเจา เหลา นั้น มีการตรัสรูธ รรมเหมอื นคนใบเห็นความฝน และเหมือนพรานปา ลิม้ รสกับขาวในเมืองฉะนั้น. ทานบรรลปุ ระเภทแหง ความแตกฉานในอทิ ธฤิ ทธแ์ิ ละสมาบตั ิท้งั ปวง เปนผตู าํ่ กวา พระพุทธเจา สงู กวา พระสาวก โดยคุณวิเศษ.ใหคนอนื่ บวชไมได แตใ หศกึ ษาอภสิ มาจารกิ วตั รได กระทาํ อโุ บสถดวย

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนา ท่ี 273อเุ ทศนีว้ า พึงทาํ การขัดเกลาจติ ไมพงึ ถึงอวสานคอื จบ หรือกระทาํอโุ บสถโดยเพยี งกลา ววา วันนเี้ ปนวันอุโบสถ และเมอื่ จะทําอุโบสถยอมประชุมกันทาํ ทีร่ ัตนมาฬกะโรงแกว ณ ควงตนไมส วรรค บนภเู ขาคันธมาทนแล. พระผูม พี ระภาคเจาตรสั บอกความปรารถนา และอภินิหารอนับรบิ ูรณดว ยอาการท้ังปวงของพระปจ เจกพทุ ธเจา ทั้งหลาย แกทานพระ-อานนท ดว ยประการอยางนแี้ ลว บัดน้ี เพือ่ จะตรัสบอกพระปจเจก-พุทธเจา นั้น ๆ ผูเปนไปพรอมดวยความปรารถนาน้ี และดว ยอภนิ หี ารนี้จึงไดต รัสขัคคสิ าณสตู รนี้ โดยนัยมีอาทวิ า วางอาชญาในสัตวท ั้งปวงดงั น้ี น้เี ปน เหตุเกดิ แหง ขัคควิสาณสตู รดวยอํานาจการถาม โดยไมพ เิ ศษกอน. บัดนี้ จะไดก ลา วการเกิดขึ้นแหง ขัคควิสาณสตู ร โดยพเิ ศษ. ในขอ น้นั พงึ ทราบการเกิดขน้ึ แหง คาถานี้อยางนี้กอน :- ไดยนิ วา พระปจเจกพทุ ธเจาองคน้ี หยั่งลงสูภ มู ิปจเจกโพธิสตั วบําเพญ็ บารมอี ยสู องอสงไขยแสนกปั บวชในศาสนาของพระผูม ีพระภาค-เจากสั สปะ เปนผถู อื การอยูปาเปนวตั ร บาํ เพ็ญคตปจจาคตวัตรใหบรบิ ูรณ ไดกระทําสมณธรรมแลว . เขาวา ขึ้นชื่อวาผไู มบ ําเพ็ญวตั รใหบริบูรณอ ยา งนแี้ ลวบรรลพุ ระปจเจกโพธิญาณ ยอ มไมม .ี ก็วัตรอะไรที่ชอื่ วา คตปจจาคตวัตร. อธบิ ายวา การนําไปและนาํ กลับมา. เราทง้ั หลายจกั กลาวโดยประการทวี่ ตั รจะแจม แจง. ภิกษบุ างรปู ในพระศาสนานีน้ ําไปแตไ มนํากลบั มา บางรปู นํากลบัมา แตไ มน ําไป บางรปู ท้งั ไมน ําไป ไมน าํ กลับมา บางรปู ทัง้ นําไปและ

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนาที่ 274นํากลับมา. บรรดาภิกษุเหลานน้ั ภกิ ษุใดลกุ ข้ึนแตเ ชา มดื กระทาํ วัตรท่ีลานพระเจดีย และลานโพธิ์ รดนํ้าทีต่ น โพธ์ิ ทาํ หมอ น้าํ ด่มื ใหเ ตม็ แลวตงั้ ไวในโรงน้ําด่ืม กระทําอาจรยิ วตั รและอุปชฌายวัตร สมาทานขันธก-วตั ร ๘๒ และมหาวัตร ๑๔ ประพฤติอย.ู ภกิ ษุนน้ั กระทําบรกิ รรมรา งกายแลว เขาสเู สนาสนะ ยับยงั้ อยูใ นที่นั่งอนั สงัดจนถึงเวลาภกิ ขาจารรเู วลาแลว นงุ สบง ผกู รดั ประคด หม จวี รเฉวยี งบา เอาสงั ฆาฏพิ าดไหลคลอ งบาตรท่ีบา ใสใ จถึงกรรมฐาน เดนิ ไปลานพระเจดีย ไหวพ ระเจดียและตนโพธ์ิ แลวหมจีวรในทใี่ กลบ า น แลวถือบาตรเขา บา นไปบิณฑบาตก็ภิกษุผเู ขาไปแลวอยา งนี้ เปน ผูมีลาภ มีบญุ อนั พวกอุบาสกอุบาสิกาสกั การะเคารพ กลับมาทีต่ ระกลู ของอุปฏ ฐากหรือโรงเปน ทกี่ ลบั ถูกพวกอุบาสกและอุบาสกิ าถามปญ หาน้นั ๆ อยู ยอมละท้งิ มนสกิ ารนัน้ แลว ออกไป เพราะตอบปญ หาของอุบาสกอุบาสกิ าเหลานั้น และเพราะความฟุง ซานอนั เกดิ จากการแสดงธรรม แมมายังวหิ าร ถกู พวกภกิ ษุถามปญหา กจ็ ะตอ งตอบปญ หา กลาวธรรมะ และถึงการขวนขวายน้นั ๆ จะชกั ชาอยูกับภิกษเุ หลา นั้นดว ยประการอยา งนี้ ตลอดทั้งเวลาหลงั ภัต ท้งั ปฐมยามและมัชฌิมยาม ถกู ความชวั่ หยาบทางกายครอบงาํ แมในตอนปจฉิมยามก็จะนอนเสีย, ไมใสใจถึงกรรมฐาน. ภกิ ษนุ ีเ้ รยี กวา นําไป แตไ มน าํกลับมา. สวนภกิ ษใุ ดเปนผมู คี วามปว ยไขมากมาย ฉันภัตตาหารแลว ในเวลาใกลร ุง ก็ยังยอ ยไมเรยี บรอ ย ในเวลาเชา มดื ไมอาจลุกขึน้ กระทําวตั รตามท่ีกลา วได หรือไมอ าจมนสกิ ารกรรมฐานได โดยท่แี ท ตอ งการยาคูของเคย้ี ว เภสัชหรือภัต พอไดเวลาเทา นั้น ก็ถือบาตรและจวี รเขา บา น

พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนา ท่ี 275ไดย าคขู องเค้ยี ว เภสัชหรอื ภตั ในบา นน้ันแลว นาํ บาตรออกมา ทําภตั กิจใหเ สรจ็ แลว น่งั บนอาสนะท่เี ขาปูลาดไว กระทาํ ไวในใจซ่งึ พระกรรมฐานจะบรรลคุ ณุ วเิ ศษหรือไมกต็ าม กลบั มายังวิหารแลวอยูดวยมนสิการนั้นนน่ัแหละ ภิกษนุ ้ีเรยี กวา นาํ กลับมาแตไ มไดน าํ ไป. จรงิ อยู ภิกษุทง้ั หลายผูเชน น้ี ดืม่ ยาคแู ลวเจรญิ วิปส สนา บรรลุพระอรหตั ในพระพทุ ธศาสนาลว งพนคลองแหง การนับ. ในโรงฉนั ในบา นนนั้ ๆ ในเกาะสงิ หล อาสนะที่ภกิ ษุทงั้ หลายน่งั ดม่ื ขา วยาคูแลว ไมบรรลพุ ระอรหัต ยอมไมม ี. สวนภกิ ษใุ ด เปนผมู ักอยูดวยความประมาท ทอดธุระ ทําลายวัตรทง้ั ปวงเสยี มจี ติ ถูกผกู ดว ยเครื่องผูกดุจตะปูตรึงใจ ๕ อยางอยู ไมหมั่นประกอบมนสกิ ารกรรมฐาน เขา ไปบิณฑบาตยังบา น ก็เนิ่นชา ดวยการกลา วกบั พวกคฤหัสถ เปน คนเปลา ๆ ออกมา ภิกษนุ เี้ รยี กวา ไมนาํไปทง้ั ไมนํากลับมา. สวนภิกษใุ ดลุกขน้ึ แตเ ชา มดื ทําวตั รทกุ อยางใหครบบรบิ ูรณโ ดยนยั อันมใี นกอ นนน่ั แหละ ขดั สมาธิ มนสิการถงึ กรรมฐานจนถงึ เวลาภิกขาจาร. ธรรมดากรรมฐานมี ๒ อยาง คอื สัพพตั ถกรรมฐาน คือกรรมฐานทีใ่ ชท ่ัวทุกที่ และปารหิ ารยิ กรรมฐาน กรรมฐานทจี่ ะตอ งบรหิ าร. ในกรรมฐาน ๒ อยางนน้ั เมตตา และมรณานุสสติ ชอื่ วาสัพพัตถกรรมฐาน เพราะกรรมฐานดังกลาวนัน้ จําตองการ จําตอ งปรารถนาในทีท่ ุกแหง เพราะเหตุนนั้ จึงเรยี กวา สพั พตั ถกกรรมฐาน.ธรรมดาเมตตาจาํ ปรารถนาในทที่ ัง้ ปวงมีอาวาสเปนตน. จรงิ อยู ภิกษผุ ูม ีปกตอิ ยูด ว ยเมตตาในอาวาสท้ังหลาย ยอ มเปน ทรี่ ักเปน ที่ชอบใจของเพื่อนสพรหมจารีทงั้ หลาย ดว ยเหตุนนั้ ยอ มอยูเปน ผาสุก ไมก ระทบกระท่ัง

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนกิ าย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนา ท่ี 276กัน. ภกิ ษผุ มู ปี กตอิ ยดู ว ยเมตตาในเทวดาทัง้ หลาย จะเปนผอู นั เหลาเทวดารักษาคมุ ครองอยูเปนสุข. ภกิ ษุผมู ีปกติอยดู ว ยเมตตาในพระราชาและมหาอาํ มาตยของพระราชาเปนตน จะเปนผอู นั พระราชาและมหาอํามาตยเหลานนั้ รกั ใครห วงแหนอยูเปน สขุ . ภิกษผุ ูม ีปกตอิ ยดู ว ยเมตตาในคามและนคิ มเปนตน จะเปนผูอันคนทงั้ หลายในทเี่ ท่ยี วภกิ ขาจารเปนตนในท่ีทุกแหง สกั การะ เคารพ ยอ มอยูเปน สขุ . ภิกษุละความชอบใจในชีวติเสยี ดว ยการเจรญิ มรณานสุ สติ ยอมเปน ผไู มประมาทอย.ู สว นกรรมฐานทีจ่ ะตอ งบริหารทุกเมอื่ อันพระโยคีเรียนเอาแลวตามสมควรแกจริตน้นั เปนกรรมฐานอยางใดอยา งหน่งึ ในบรรดาอสภุ ๑๐กสณิ ๑๐ และอนสุ สติ ๑๐ หรอื เปน เฉพาะจตุธาตุววัตถานการกาํ หนดธาตุ ๔ เทานั้น กรรมฐานนัน้ เรียกวา ปาริหารยิ กรรมฐาน เพราะจาํ ตองบริหาร จําตองรกั ษา และจําตอ งเจริญอยูท กุ เมอื่ ปาริหาริยกรรมฐานน้ันนั่นแล เรยี กวา มูลกรรมฐานก็ได. อนั กุลบตุ รผูใ ครป ระโยชนบวชในพระศาสนาอยูรวมกัน ๑๐ ปบ า ง ๒๐ ปบาง ๓๐ ปบา ง ๔๐ ปบ าง๕๐ ปบ าง ๑๐๐ ปบา ง กระทาํ กติกวตั รอยูว า อาวโุ สทั้งหลาย ทา นทงั้ หลายมิไดบ วชเพราะเปนหนี้ ไมไ ดบ วชเพราะมีภยั ไมไ ดบวชเพราะจะทําการเลย้ี งชีพ แตป ระสงคจะพนจากทุกข จึงไดบวชในพระศาสนาน้ีเพราะฉะน้นั กิเลสท่ีเกดิ ในตอนเดิน ทา นทั้งหลายจงขมเสียเฉพาะในตอนเดิน กเิ ลสทเ่ี กิดในตอนยืน จงขมเสยี เฉพาะในตอนยืน กเิ ลสที่เกดิในตอนนง่ั จงขมเสยี ในตอนนงั่ กเิ ลสทเ่ี กดิ ในตอนนอน จงขมเสียเฉพาะในตอนนอน.

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนา ท่ี 277 กลุ บตุ รเหลานนั้ ครัน้ กระทาํ กติกวตั รอยางนแี้ ลว เมอ่ื จะไปภกิ ขาจารในระหวา งทางกึง่ อุสภะ หนึ่งอสุ ภะ กึ่งคาวุต และหนึง่ คาวุต มีหนิ อยู ก็กระทาํ ไวในใจถึงกรรมฐานดวยสญั ญานั้นเดินไปอย.ู ถา ในตอนเดนิ ไปกิเลสเกิดขึ้นแกผูใด ผนู น้ั ยอ มขมกิเลสนนั้ เสยี ในตอนเดินนั่นแหละเมือ่ ไมอาจอยา งน้ันจึงยืนอยู เม่ือเปน เชน นั้น แมท านผมู าขางหลงั ของผูน้นั ก็จะตองหยดุ ยืนอย.ู ผนู ั้นจะโจททวงตนขน้ึ วา ภกิ ษนุ ี้ยอ มรูค วามดาํ รทิ ่เี กิดขึ้นแลว แกท า น ขอ นีไ้ มส มควรแกทาน ดงั น้ีแลว เจริญวปิ สสนายอ มกาวลงสูอรยิ ภมู ิในตอนยนื นั้นนน่ั เอง เมื่อไมอาจอยา งนน้ั จึงนั่งอยูนยั นัน้ เหมือนกันวา เมอ่ื เปนเชนน้ัน แมท า นผมู าขางหลงั ของผูนน้ั กจ็ ะตอ งนงั่ ดงั น.้ี เม่ือไมอาจกา วลงสอู รยิ ภมู ิ ก็ขมกเิ ลสน้ันแลว ใสใ จถึงกรรม-ฐานเทานัน้ เดินไป (ถา ) มจี ติ เคลือ่ นจากกรรมฐานอยา ยกเทา ไป ถา จะยกเทาไป ตอ งกลบั มายนื ณ ที่เดิมใหได. เหมอื นพระมหาผุสสเทวเถระผูอยูใ นอาลินทกะ. ไดย นิ วา พระเถระนัน้ บําเพ็ญคตปจ จาคตวตั รเทานนั้ อยูถงึ ๑๙ ปฝา ยคนทง้ั หลาย ไถนา หวา นขาว นวดขาว และทาํ การงานอยูในระหวา งทาง เห็นพระเถระเดินไปอยา งนัน้ จึงเจรจากันวา พระเถระเดินกลับมาบอย ๆ ทานหลงทางหรือวา ลมื อะไร. พระเถระไมส นใจขอ นัน้ มจี ิตประกอบดวยกรรมฐานอยา งเดยี ว การทําสมณธรรมอยู ภายใน ๒๐ ปก ็ไดบ รรลพุ ระอรหตั . ในวันทีพ่ ระเถระนัน้ บรรลพุ ระอรหัตน่ันแล เทวดาผูสงิ อยูทายทจ่ี งกรม ไดยืนเอานว้ิ ทัง้ หลายทําแสงสวางใหโพลงขนึ้ ทา วมหาราชทั้ง ๔ ทา วสกั กะจอมเทพ และทาวสหัมบดีพรหมตางมายงั ท่ีบํารุง และพระมหาติสสเถระผอู ยูในปา ไดเ ห็นแสงสวางน้นั ในวันที่

พระสตุ ตันตปฎก ขุททกนิกาย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนา ท่ี 278สองจึงถามทานวา ในตอนกลางคืน ไดม ีแสงสวางในสํานกั ของทา นผมู ีอายุ แสงสวา งนนั้ คือแสงอะไร ? พระเถระเมอื่ จะทําความสับสนคอืพรางเร่อื ง จึงกลา วคาํ มีอาทิอยางนี้วา ธรรมดาแสงสวา ง เปน แสงของประทปี กม็ ี เปน แสงของแกว มณีก็มี ทานถูกแคนไควา พระคณุ เจาปกปด หรอื จึงรับวาครบั แลวจึงไดบอก. และเหมอื นพระมหานาคเถระผอู ยูในกาฬวลิ ลมิ ณั ฑปะ. ไดย นิ วาพระเถระแมน้นั เมอ่ื จะบําเพ็ญคตปจจาคตวตั ร จึงคดิ วา เบ้อื งตน เราจักบชู าพระมหาปธานความเพียรใหญของพระผูมพี ระภาคเจา กอน แลวจึงอธิษฐานการยืนและการจงกรมเทานน้ั ถงึ ๗ ป ไดบําเพ็ญคตปจจาคต-วัตรอีก ๑๖ ปจ งึ บรรลพุ ระอรหตั . พระเถระมจี ิตประกอบตามกรรมฐานอยอู ยางนที้ ีเดยี ว จึงยกเทาไป เมอ่ื มีจิตพรากจากกรรมฐาน ยกเทา จะหวนกลบั มา ทานไปจนใกลบา นแลว ยนื อยูในสถานท่อี ันนา สงสัยวา จะเปนแมโคหรือบรรพชติ หนอ จึงหมสงั ฆาฏถิ ือบาตรไปถึงประตูบาน แลวเอาน้ําจากคนโทนํา้ ทหี่ นีบรักแรมาอม แลว จึงเขา บา นดว ยคดิ วา ความสบั สนแหงกรรมฐานของเราอยาไดม ี แมดวยเหตสุ ักวา การกลา วกะพวกคนผเู ขาไปหาเพ่ือถวายภกิ ษาหรือเพื่อจะไหววา จงมอี ายุยนื เถดิ . ก็ถา พวกเขาถามทา นถงึ วันวา ทา นผเู จริญ วันน้ี ๗ คา่ํ หรือ ๘ คํ่า ทา นจะกลนื นา้ํ แลวจึงบอก ถาผูถามถงึ วันไมม ี ในเวลาออกไป ทานจะบวนทงั้ ทปี่ ระตูบานแลวจึงไป. และเหมือนภกิ ษุ ๕๐ รปู จําพรรษาอยูในกลมั พตติ ถวหิ าร ในเกาะสิงหล. ไดยนิ วา ในวนั อุโบสถใกลเ ขาพรรษา ภกิ ษุเหลาน้นั ไดกระทํากตกิ วัตรกันวา เราทงั้ หลายยงั ไมบ รรลพุ ระอรหัต จักไมพ ูดกะกนั

พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนกิ าย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนาที่ 279และกัน. และเมอื่ จะเขาบา นเพ่อื บณิ ฑบาต อมนํา้ ทีป่ ระตูบา นแลวจงึ เขาไป. เม่อื เขาถามถึงวัน กก็ ลืนนํา้ แลว จึงบอก เม่อื ไมม ผี ูถาม ก็บวนที่ประตูบา นแลว กลบั มายังวิหาร. คนทั้งหลายในทีน่ ้นั เห็นท่ที ีบ่ ว นนา้ํ ก็รไู ดวา วนั น้ี มารปู เดยี ว วันน้ีมาสองรูป. และพากันคดิ อยา งนว้ี า ภิกษุเหลานน้ั ไมพดู กบั พวกเราหรือวา ไมพ ดู แมกะกนั และกนั . ถา ไมพดู แมก ะกันและกัน จกั เกดิ วิวาทกนั แนแ ท เอาเถอะ พวกเราจกั ใหภ ิกษเุ หลานน้ัขอโทษกะกันและกนั . คนทั้งปวงไดพากนั ไปยังวิหาร. เม่ือภกิ ษุ ๕๐ รปูในวิหารน้นั เขาพรรษาแลว จงึ ไมไดเห็นภิกษุ ๒ รปู ในทเี่ ดียวกัน. ลําดบันน้ั บรรดาคนเหลานน้ั บรุ ษุ ผมู ีดวงตากลา วอยา งนว้ี า ทานผูเ จริญทงั้ หลาย โอกาสของตนผูทาํ การทะเลาะกัน ยอมไมเ ปน เชน นี้ ลานพระเจดยี  ลานโพธ์ิ เกลี้ยงเกลา ไมกวาดก็เก็บไวเ รยี บรอ ย นา้ํ ดมื่ นาใชก็ต้งั ไวด ี แตน้ันคนเหลานัน้ จงึ พากนั กลบั . ภกิ ษแุ มเหลานัน้ เจริญวิปส สนาภายในพรรษาเทา นั้น ไดบ รรลพุ ระอรหัต ในวนั มหาปวารณา จงึปวารณาเปนวสิ ุทธิปวารณา. ภิกษมุ ีจติ ประกอบดว ยกรรมฐานเทา นนั้ เหมอื นพระมหานาคเถระผอู ยูในกาฬวัลลิมัณฑปะ และเหมือนภกิ ษุผจู าํ พรรษาอยใู นกลมั พตติ ถ-วหิ าร ดวยประการอยางนี้ ยา งเทาไปใกลบ านจงึ อมนาํ้ กําหนดถนนในถนนใดไมม ีคนกอ การทะเลาะมนี กั เลงสรุ าเปนตน หรือชา งดมุ า ดุเปนตน จงึ ดําเนนิ ไปตามถนนนัน้ . และเมือ่ เทยี่ วบณิ ฑบาตไปในถนนน้ันก็รีบรอนไปโดยรวดเร็ว. ช่ือวาธดุ งคข องภิกษผุ ถู อื เท่ียวบิณฑบาตโดยรวดเรว็ เปน วตั รยอ มไมมี. อนึง่ ไปถึงภมู ภิ าคอันไมส มํา่ เสมอ กเ็ ปนผูนิ่งเดินไป เหมอื นเกวียนเตม็ นาํ้ และเขาไปตามลําดบั บา น เพ่อื ท่จี ะ

พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนา ท่ี 280กาํ หนดผใู ครจะใหหรอื ไมใ ห จงึ รอเวลาอันเหมาะสมแกก จิ นน้ั รับภิกษาไดแลว นั่งอยใู นโอกาสอันสมควร เมอ่ื มนสกิ ารกรรมฐาน จึงเขา ไปยังความสําคัญวาปฏกิ ลู ในอาหาร พิจารณาโดยเปรียบดวยน้าํ มนั หยอดเพลาทายาแผล และเน้อื ของบตุ ร บริโภคอาหารอันประกอบดว ยองค ๘ วามิใชเพื่อเลน มิใชเพอ่ื มัวเมา ฯลฯ และบรโิ ภคแลว ทาํ กจิ ดว ยน้าํ บรรเทาความลําบากเพราะภัตครหู นึง่ แลว กระทาํ ไวใ นใจถงึ กรรมฐาน ตลอดกาลภายหลงั ภตั ตลอดยามแรกและยามสดุ ทา ย เหมือนกาลกอนภัต. ภิกษุนเ้ี รียกวา นาํ ไปและนํากลับมาดว ย. การนําไปและนาํ กลับมานี้ดว ยประการอยางนี้ เรยี กวาคตปจ จาคตวตั ร. ภิกษผุ บู ําเพญ็ วัตรนอ้ี ยู ถา เปน ผถู งึ พรอ มดว ยอปุ นสิ ัย ยอ มบรรลุพระอรหัตในปฐมวัยทีเดียว ถาไมบรรลใุ นปฐมวยั ก็จะบรรลใุ นมัชฌิมวยัถา ไมบ รรลุในมัชฌิมวัย กจ็ ะบรรลใุ นเวลาใกลจะตาย ถาไมบ รรลุในเวลาใกลจะตาย ก็จะเปน เทวบุตรแลว บรรลุ ถา เปนเทวบตุ รไมบ รรลุ ก็จะไดเปนพระปจเจกสัมพทุ ธเจา ปรนิ ิพพาน. ถาไมไ ดเ ปน พระปจเจกสมั -พุทธเจา ปรนิ พิ พาน ก็จะไดเ ปนผูต รสั รไู ดเ ร็วพลนั ในความเปนผพู รอมหนาตอ พระพทุ ธเจา ทงั้ หลาย เหมอื นพระพาหยิ เถระ หรือจะเปนผูม ปี ญ ญามากเหมอื นพระสารบี ุตรเถระ. พระปจ เจกโพธิสัตวน้ี บวชในศาสนาของพระผมู ีพระภาคเจากสั สปเปนผูถืออยปู าเปน วตั ร บําเพญ็ คตปจ จาคตวัตรน้อี ยสู องหม่ืนป กระทาํกาละแลว บังเกดิ ขน้ึ ในกามาวจรเทวโลก. จตุ ิจากนั้นแลว ไดถือปฏิสนธิในพระครรภข องพระอัครมเหสีของพระเจาพาราณสี. สตรีท้งั หลายผูฉลาดยอมรกู ารต้งั ครรภไดในวันนั้นเอง. กพ็ ระอคั รมเหสนี ้นั เปนสตรคี นหนึ่ง

พระสตุ ตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนาที่ 281บรรดาสตรีเหลา นน้ั เพราะฉะนนั้ พระอคั รมเหสีแมนี้ก็กราบทูลการตงั้ครรภน้ันแดพระราชา. ขอ ทีเ่ มือ่ สตั วผ มู บี ุญเกิดขนึ้ ในครรภ มาตุคามยอมไดการบริหารครรภนน้ั เปน ของธรรมดา. เพราฉะน้นั พระราชาจึงไดป ระทานการบริหารครรภแ กพ ระอคั รมเหสีนัน้ . จําเดมิ แตน นั้พระนางไมไดก ลนื กนิ อะไร ๆ ทร่ี อนจัด เย็นจดั เปรย้ี วจัด เค็มจัด เผ็ดจัด และขมจัด. เพราะเมอ่ื มารดากลนื กนิ ของท่ีรอนจัด สตั วท เ่ี กิดในครรภยอ มเปนเหมอื นอยใู นโลหกมุ ภี เมื่อกลนื กินของเยน็ จดั ยอมเปนเหมือนอยใู นโลกันตนรก เมื่อบรโิ ภคของเปร้ยี วจัด เคม็ จดั เผด็ จัด ขมจัด อวัยวะของทารกยอ มมีเวทนากลา เหมือนถกู ผาดวยมีดแลว ราดดวยของเปรีย้ วเปน ตน. ผบู รหิ ารครรภท ้งั หลายยอมหามพระนางจากการเดินมาก ยนื มาก นงั่ มาก และนอนมาก ดว ยหวงั ใจวา ทารกทีอ่ ยใู นครรภอยาไดมีความลาํ บากเพราะการเคล่ือนไหว. พระนางไดก ารเดนิ เปน ตนบนภาคพืน้ ท่ลี าดดวยเครอื่ งอนั นุม โดยพอประมาณ ยอมไดเ สวยขา วนํ้าท่ีเปนสัปปายะ อรอ ย สมบรู ณด วยสีและกลนิ่ เปนตน ผูบ รหิ ารครรภกําหนดใหพ ระนางเดิน ใหป ระทับน่ังและใหออกไป. พระนางอันเขาบรหิ ารอยอู ยา งนี้ ในเวลาพระครรภแ ก เสด็จเขาเรอื นประสตู ิ ในเวลาใกลรุง ประสตู ิพระโอรสผูเชนกับกอนมโนศิลาที่เคลา ดวยน้ํามนั ทีห่ งุ แลว ประกอบดว ยธญั ญลักษณะ และบญุ ลักษณะ.ในวันที่ ๕ จากวนั นั้น พระญาติท้งั หลายจึงแสดงพระโอรสน้ัน ผตู กแตงประดบั ประดาแลว แดพ ระราชา. พระราชาทรงดีพระทัย ใหบาํ รุงดวยแมนม ๖๖ นาง. พระราชโอรสนน้ั เจรญิ ดวยสมบัติท้งั ปวง ไมนานนักกท็ รงบรรลคุ วามเปนผูร เู ดยี งสา. พระราชาทรงอภเิ ษกพระโอรสนั้นผมู ี

พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนา ที่ 282พระชนม ๑๖ พรรษาดว ยราชสมบัติ และใหบาํ รุงบําเรอดว ยนางฟอนตาง ๆ พระราชโอรสผูอภเิ ษกแลว ทรงพระนามวาพระเจาพรหมทตัโดยพระนาม ครองราชสมบัตใิ นสองหมื่นนครในสกลชมพูทวีป. ไดยินวาในชมพทู วปี เม่อื กอน ไดมนี ครอยแู ปดหม่ืนสพี่ ันนคร นครเหลานน้ัเสื่อมไปเหลืออยูห กหมื่นนคร แตนนั้ เส่ือมไปเหลอื อยูส่หี มนื่ นคร กใ็ นเวลาเส่ือมหมดมีเหลอื อยสู องหม่นื นคร. กพ็ ระเจา พรหมทัตน้อี บุ ัตขิ ้นึ ในเวลาเสื่อมหมด เพราะเหตุนั้น พระเจา พรหมทตั จึงไดม สี องหมนื่ นครมีปราสาทสองหมื่นองค มีพลชา งสองหมื่นเชอื ก มีพลมาสองหมื่นตวัมีพลรถสองหม่ืนคัน มพี ลเดินเทาสองหมืน่ คน มสี ตรสี องหมน่ื นาง คือนางในและหญิงฟอ น มอี ํามาตยส องหมนื่ คน. พระเจาพรหมทตั นัน้ ทรงครองมหาราชสมบัตอิ ยนู ั่นแล ทรงการทาํ กสิณบริกรรม ทรงทําอภญิ ญา ๕ และสมาบัติ ๘ ใหบ ังเกดิ แลวกเ็ พราะเหตุวาพระราชาผอู ภเิ ษกแลว ตองประทับนั่งในศาลเปน ประจําฉะนน้ั วันหน่ึงเวลาเชา ตรู เสวยพระกระยาหารเขาแลว ประทับน่งั ในทว่ี ินจิ ฉยั . พวกคนไดก ระทาํ เสยี งดงั ล่นั เอ็ดองึ ในท่ีน้ัน. พระองคทรงดาํ ริวา เสยี งนเ้ี ปน อปุ กเิ ลสแหงสมาบัติ จึงเสด็จข้นึ สพู น้ื ปราสาทประทับนัง่ ดว ยหวังวาจะเขาสมาบัติ กไ็ มอ าจเขา ได สมาบตั ิเสื่อมไปเพราะความสบั สนในตอนเปน พระราชา. ลาํ ดับนั้น จงึ ทรงดาํ รวิ า ราชสมบตั ปิ ระเสรฐิหรอื สมณธรรมประเสริฐ. แตนั้น ทรงทราบวา ความสขุ ในราชสมบัตินิดหนอย มีโทษมาก แตค วามสขุ ในสมณธรรมไพบูลย มอี านสิ งสมิใชนอ ย และบรุ ุษช้นั สูงเสพแลว จึงทรงสงั่ อาํ มาตยคนหน่ึงวา เธอจงปกครองราชสมบตั นิ โ้ี ดยธรรมโดยสมํา่ เสมอ อยา ครอบครองโดยไมเ ปน

พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนกิ าย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนา ท่ี 283ธรรม ดังนแี้ ลว ทรงมอบสมบตั ิท้งั ปวงใหแ กอ ํามาตยนนั้ แลว เสด็จขึ้นปราสาท ทรงยับยั้งอยดู ว ยสุขในสมาบัติ ใคร ๆ จะเขา ไปเฝาไมไ ด ยกเวนแตผ ูจ ะถวายนํ้าสรงพระพักตรและไมช าํ ระฟน กบั คนผจู ะนําพระกระ-ยาหารไปถวายเปน ตน . ลําดับน้ัน เมื่อเวลาลวงไปประมาณก่งึ เดอื น พระมเหสีตรัสถามวาพระราชาไมป รากฏในทไ่ี หนๆ ในการเสดจ็ ไปอุทาน การทอดพระเนตรกําลังพล และการฟอ นเปน ตน พระราชาเสด็จไปไหน. อํามาตยท ั้งหลายจึงกราบทลู เนือ้ ความนนั้ แดพระมเหสี. พระนางทรงใหสง ขาวแกอ ํามาตย(ผรู บั มอบราชสมบัติ) วา เมอ่ื ทา นรับมอบราชสมบัติ แมเ รากเ็ ปนอันทานรับมอบดว ย ทานจงมาสาํ เร็จการอยูรว มกับเรา. อํามาตยน ้นั ปด ห.ูทง้ั สองขางเสยี แลวหา มวา คาํ นี้ไมน าฟง. พระนางจึงใหสงขา วไปอกี๒-๓ ครั้ง ใหคุกคามเขาผูไ มป รารถนาวา ถาทา นไมท ํา เราจะปลดทานแมจากตําแหนง จะใหปลงแมช ีวิตทา น. อํามาตยนัน้ กลัวคิดวา ธรรมดามาตุคามเปนผตู ดั สนิ ใจไดเดด็ เด่ียว บางคร้ังจะใหกระทาํ แมอยา งทต่ี รัสนัน้ .วนั หนึง่ ไปที่ลับสาํ เร็จการอยรู วมกนั บนพระท่ีสิรไิ สยากบั พระนาง. พระ-นางเปน หญิงมีบญุ มีสมั ผัสสบาย อาํ มาตยน ั้นกําหนัดแลวดวยความกําหนดัในสมั ผัสของพระนาง ทงั้ ระแวงทง้ั สงสยั นน่ั แหละก็ไดไ ปในท่นี ้นั เนอื ง ๆตอ มาหมดความระแวงสงสัย เริ่มเขา ไปโดยลําดับดุจเจาของเรือนของตน. ลาํ ดบั นนั้ คนของพระราชาไดกราบทลู เรื่องราวน้นั แกพระราชา.พระราชาไมท รงเชอ่ื . จึงพากันกราบทูลแมค รง้ั ท่ีสอง แมค รั้งทีส่ าม.ลําดับน้นั พระราชาทรงแอบไป ไดทรงเหน็ ดวยพระองคเ อง จงึ รบั สั่งใหประชุมอาํ มาตยท ั้งหมดแลวแจง ใหทราบ. อาํ มาตยเ หลา นั้นกราบทลู วา

พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนา ที่ 284อาํ มาตยผ นู ้ีผดิ ตอ พระราชา ควรตดั มอื ควรตดั เทา ดังนีแ้ ลว ช้ีกรรมกรณการลงโทษทางกายท้งั หมดจนกระทง่ั ถึงการเสียบหลาว. พระราชาตรสั วาในการฆา การจองจาํ และการทบุ ตีผนู ้ี การเบยี ดเบยี นกจ็ ะพึงเกดิ ขึ้นแกเรา ในการปลงชวี ติ ปาณาตบิ าตกจ็ ะพึงเกดิ ในการรบิ ทรัพย อทินนา-ทานกจ็ ะพึงเกดิ ข้นึ ไมควรทํากรรมเห็นปานน้ี พวกทานจงขบั ไลอ ํามาตยผูน ี้ออกไปเสยี จากอาณาจักรของเรา. อํามาตยท ง้ั หลายไดกระทําเขาใหเ ปนคนไมม ีเขตแดน. เขาจงึ พาเอาทรพั ยและบุตรของตนที่พอจะนําเอาไปไดไปยังเขตแดงของพระราชาอน่ื . พระราชาในเขตแดนน้นั ไดท รงทราบเขาจึงตรสั ถามวา ทานมาทาํ ไม ? อํามาตยนั้นจงึ กราบทลู วา ขา แตสมมตเิ ทพ ขาพระองคป รารถนาจะคอยรบั ใชพระองค. พระราชานน้ั จงึรับเอาไว. พอลว งไป ๒-๓ วนั อํามาตยไ ดความคนุ เคยแลวไดกราบทูลคาํ นกี้ ะพระราชานน้ั วา ขาแตมหาราชเจา ขาพระองคเ ห็นนาํ้ ผง้ึ ไมมีตวั ออน คนผจู ะเคี้ยวกินนา้ํ ผ้งึ นน้ั กไ็ มม.ี พระราชาทรงดํารวิ า อะไรนี่คนทจ่ี ะประสงคจะเยย จงึ จะกลาว จงึ ไมท รงเช่ือฟง. อาํ มาตยนนั้ ไดช อ งจึงไดกราบทลู พรรณนาใหดยี ่งิ ขน้ึ ไปอีก พระราชาตรสั ถามวา นี่อะไร ?อํามาตยน ้นั กราบทลู วา ขาแตส มมตเิ ทพ ราชสมบตั ใิ นเมืองพาราณสีพระเจา ขา. พระราชาตรสั วา ทานประสงคจะนําเราไปฆา ใหตายหรือ.อาํ มาตยน นั้ กราบทลู วา ขาแตส มมติเทพ พระองคอยา ไดตรสั อยางนัน้ถาพระองคไ มทรงเชอื่ ขอพระองคจงสง คนไป. พระราชาจึงทรงสง คนทง้ั หลายไป คนเหลา น้นั ไปถึงแลว จงึ ขุดซมุ ประตูแลวโผลขน้ึ ในตาํ หนักทบี่ รรทมของพระราชา.

พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนาท่ี 285 พระราชาทรงเหน็ แลว ตรสั ถามวา พวกทา นพากนั มาเพอื่ อะไร ?คนเหลา น้นั กราบทูลวา พวกขาพระองคเ ปนโจร พระเจา ขา พระราชาไดใหทรพั ยแกค นเหลา น้นั แลว ตรัสสอนวา พวกทา นอยา ไดกระทําอยางน้ีอกี แลวปลอ ยตัวไป คนเหลาน้ันจึงมากราบทลู ใหพ ระราชาน้นั ทรงทราบ.พระราชานนั้ ทรงทดลองอยา งน้ันแหละครง้ั ท่ีสองอีก ทรงทราบวา พระ-ราชาทรงมศี ีล จงึ คมุ กองทพั มีองค ๔ เชา ประชดิ นครหนึ่งในระหวา งแดน แลว ใหส ง ขาวแกอ ํามาตยในนครน้ันวา ทานจะใหน ครแกเราหรอื วาจะรบ. อํามาตยนัน้ จึงใหคนกราบทลู เนอ้ื ความน้ันแกพระเจา พรหมทตั วาขอพระองคผ ูสมมติเทพจงสัง่ มาวา จะรบหรือจะใหนคร. พระราชาทรงสงขาวไปวา ไมจ าํ ตอ งรบ ทานจงใหนครแลว จงมาในนครพาราณสีน.้ีอาํ มาตยน ั้นไดกระทาํ ตามรบั ส่ังอยา งน้ัน ฝา ยพระราชาทเ่ี ปน ขา ศกึ ยดึ นครน้ันไดแลว ทรงสง ทูตท้งั หลายไปแมในนครทเี่ หลอื เหมือนอยา งนัน้ แหละอาํ มาตยแ มเหลานน้ั ก็กราบทูลแกพระเจา พรหมทตั อยางนั้นเหมอื นกัน อันพระเจาพรหมทตั นัน้ ตรสั วา ไมจ าํ ตองรบ พงึ มา ณ ทนี่ ี่ จึงพากนั มายังเมอื งพาราณสี. ลําดับนั้น อํามาตยท ัง้ หลายจงึ กราบทลู พระเจาพรหมทตั วา ขาแตมหาราชเจา พวกขา พระองคจ กั รบกับพระราชานัน้ . พระราชาทรงหามวาปาณาตบิ าตจกั มแี กเรา. อํามาตยท ง้ั หลายกราบทลู วา ขาแตม หาราชเจาพวกขา พระองคจ กั จบั เปน พระราชาน้นั แลว นาํ มาในท่นี ี้ทเี ดยี ว ทําใหพระราชาทรงยนิ ยอมดว ยอุบายตา ง ๆ แลวกราบทลู วา ขาแตมหาราชขอพระองคจงเสด็จมา ดังนี้แลว เริม่ จะไป พระราชาตรัสวา ถาทา นทง้ั หลายจะไมก ระทาํ สตั วใหต าย ดว ยการประหารและปลน เราก็จะไป. อาํ มาตย

พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนาที่ 286ทง้ั หลายกราบทลู วา ขาแตสมมติเทพ พวกขา พระองคจะไมท าํ พวกขาพระองคจ ะแสดงภัยแลวใหห นไี ป ดงั นี้แลว จึงคมุ จตุรงคินีเสนา ใสดวงประทปี ในหมอแลวไปในตอนกลางคนื . วันนน้ั พระราชาทเ่ี ปนขา ศึกยึดนครในทใ่ี กลเ มอื งพาราณสไี ดแ ลว ทรงดําริวา บัดนีจ้ ะมีอะไรจึงใหปลดเครื่องผูกสอดในตอนกลางคนื เปน ผูประมาท จงึ กาวลงสคู วามหลบั พรอ มกับหมพู ล. ลําดบั นนั้ อํามาตยท ัง้ หลายไดพ าพระเจาพรหมทัตไปถงึ คา ยของพระราชาผูเปน ขาศึก จึงใหน ําดวงประทปี ออกจากหมอ ทุกหมอ ทาํ ใหโชตชิ วงเปนอนั เดียวกนั แลว กระทาํ การโหร อง อํามาตยของพระราชาที่เปนขา ศกึ เห็นหมพู ลมากมายก็กลวั จงึ เขา ไปเฝาพระราชาของตนแลวไดกลาวเสียงดังล่ันวา ขอพระองคจ งลกุ ขนึ้ เคย้ี วกนิ นาํ้ ผงึ้ ท่ไี มมีตวั ออ นเถิด.แมคร้ังทสี่ อง แมค ร้งั ทส่ี าม กไ็ ดกระทาํ เหมือนอยา งน้นั . พระราชาผูเปนขาศึกทรงตื่นข้ึนเพราะเสยี งน้นั ถงึ ความกลัวหวาดสะดุง. เสยี งโหร องต้งั รอยลน่ั ไปแลว. พระราชาน้นั ทรงดําริวา เราเชอื่ คําของคนอนื่ จึงตกไปอยูใ นเงอื้ มมอื ของศัตรู ทรงบนถึงเรอื่ งนนั้ ๆ ไปตลอดทงั้ คนื ในวันรุงขึน้ ทรงดํารวิ า พระราชาทรงตั้งอยูในธรรม คงไมท ําการขดั ขวางเราจะไปใหพระองคอ ดโทษ จงึ เขา ไปเฝา พระราชา คกุ เขา ลงแลว กราบทูลวา ขา แตม หาราชเจา ขอพระองคจงอดโทษผิดของหมอ มฉนั . พระ-ราชาทรงโอวาทพระราชาท่ีเปน ขา ศกึ นนั้ ตรัสวา จงลุกข้นึ เถิด หมอมฉันอดโทษแกพระองค. พระราชาขาศึกน้ัน เมอ่ื พระราชาสักวา ตรัสอยา งน้ันเทา นั้น กไ็ ดถึงความโลงพระทยั อยางย่งิ ไดราชสมบัตใิ นชนบท

พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนาท่ี 287ใกลเคียงพระเจา พาราณสนี ่ันเอง พระราชาทง้ั สองนัน้ ไดเปน พระสหายกันและกนั . ลาํ ดบั นน้ั พระเจา พรหมทตั ทอดพระเนตรเสนาทงั้ สองฝายร่นื เริงบนั เทิงยืนรวมกันได จงึ ทรงดาํ ริวา เพราะเราผเู ดยี วเทา น้ันตามรกั ษาจิตหยาดโลหติ สกั เทาแมลงวนั ตวั เลก็ ๆ ด่มื ได จงึ ไมเ กิดขึ้นในหมูมหาชนนี้โอ สาธุ โอ ดีแลว ! สตั วทงั้ หลายทงั้ ปวงจงมคี วามสขุ อยาไดมีเวรกันอยา เบียดเบยี นกนั แลว ทรงทําเมตตาฌานใหเ กิดขึ้น ทรงทําเมตตาฌานน้ันนั่นแหละใหเปนบาท พิจารณาสังขารทง้ั หลาย กระทาํ ใหแ จงปจเจก-โพธญิ าณ บรรลุความเปน พระสยัมภูแลว . อํามาตยทัง้ หลายหมอบกราบลงแลว กราบทลู พระเจา พรหมทตั ผูมคี วามสขุ ดว ยสขุ ในมรรคและผล ผูประทบั น่งั อยูบนคอชา งวา ขา แตมหาราชเจา การทจี่ ะเสดจ็ ไป พงึ ทาํสกั การะแกหมูพ ลผชู นะ พงึ ใหเสบียงคือภตั แกหมูพลผแู พ. พระเจาพรหมทัตน้ันตรัสวา น่แี นะพนา เราไมไดเ ปนพระราชา เราชอื่ วาพระปจ เจกสัมพุทธเจา . อํามาตยท งั้ หลายกราบทูลวา พระองคผปู ระเสรฐิตรัสอะไร พระปจเจกสัมพุทธเจาทงั้ หลาย ยอ มไมเปน ผเู ชนน.ี้ พระ-ราชาตรัสวา พนายท้ังหลาย พระปจ เจกสมั พทุ ธเจาทั้งหลายเปนเชน ไร.อํามาตยท ้งั หลายกราบทูลวา ธรรมดาพระปจเจกสมั พุทธเจา เปน ผูม ีผมและหนวดยาวสองนิ้ว ประกอบดว ยบริขาร ๘. พระราชาจึงเอาพระหตั ถขวาลูบพระเศียร. ทนั ใดนั้นเพศคฤหัสถอ นั ตรธานหายไป เพศบรรพชิตปรากฏขึ้น. พระองคมีพระเกสาและพระมัสสุประมาณสองน้วิ ประกอบดว ยบริขาร ๘ เปน เชน กับพระเถระมีพรรษาหนง่ึ รอ ย. พระราชาทรงเขาจตุตถฌานเหาะจากคอชางข้นึ สูเ วหาส ประทับน่ังบนดอกปทมุ . อํามาตย


























Like this book? You can publish your book online for free in a few minutes!
Create your own flipbook