พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนา ท่ี 582 ๖. พรรณนาอปุ าลีเถราปทาน คํามีอาทิวา นคเร ห สวตยิ า ดังนี้ เปน อปทานของทานพระอุบาลเี ถระ. แมพ ระเถระนี้ ก็ไดกระทําบญุ ญาธกิ ารไวใ นพระพุทธเจาแตป างกอ นทั้งหลาย กอสรา งบุญทั้งหลายอนั เปนอปุ นิสยั แกววิ ฏั ฏะคอื พระ-นิพพานไวใ นภพนัน้ ๆ ในกาลแหง พระผูมพี ระภาคเจา พระนามวาปทุมตุ ตระ ไดบ งั เกดิ ในตระกูลพราหมณอันสมบูรณด วยทรพั ยส มบัติ ในนครหังสวด.ี วันหนงึ่ ฟง ธรรมอยูในสาํ นกั ของพระศาสดา ไดเหน็ พระศาสดาทรงตง้ั ภิกษุรปู หนงึ่ ไวในตําแหนง เปน เลศิ แหง พระวนิ ยั ธรท้งั หลาย จึงกระทาํ กรรม คอื การการทาํ อนั ยิ่งแดพ ระศาสดา แลวปรารถนาฐานันดรนั้น. เขาทํากศุ ลจนตลอดชวี ิต แลว ทอ งเทย่ี วไปในเทวดาและมนุษยท้ังหลาย ครนั้ ในพุทธปุ บาทกาลนี้ บงั เกดิ ในเรือนของชา งกัลบก ญาติทัง้ หลายตั้งชื่อเขาวา อบุ าลี. อบุ าลีน้ันเจรญิ วัยแลว ไดเ ปน สหายรักแหงกษัตริย ๖ พระองค มีเจาอนุรุทธะเปน ตน เม่อื พระตถาคตประทบั อยูในอนปุ ยอัมพวัน ไดออกบวชพรอ มกบั กษตั ริยท ง้ั ๖ องคผ ูเ สด็จออกทรงผนวช. วธิ ีการบรรพชาของพระอบุ าลนี ั้น มาในพระบาลที เี ดียว. พระอุบาลีนน้ั บรรพชาอปุ สมบทแลว เรียนพระกรรมฐานในสาํ นักของพระศาสดาแลว กราบทูลวา ขาแตพ ระองคผูเจรญิ . ขอพระ-องคจงทรงอนุญาตการอยูป า แกข า พระองค. พระศาสดาตรัสวา ดกู อ นภกิ ษุ เมือ่ อยูปา ธุระอยา งเดียวเทานนั้ จกั เจริญงอกงาม แตเ มอื่อยใู นสาํ นักของเรา วปิ ส สนาธุระและคนั ถธุระจกั บริบรู ณ.
พระสุตตันตปฎก ขุททกนิกาย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนาท่ี 583 พระอบุ าลนี นั้ รบั พระดาํ รสั ของพระศาสดาแลว กระทาํ วปิ สสนา-กรรมอยู ไมน านนักก็ไดบรรลพุ ระอรหตั . แมพ ระศาสดากท็ รงใหพระอบุ าลนี น้ั เรียนพระวนิ ยั ปฏกทัง้ สิน้ ดว ยพระองคเ อง กาลตอ มา ทา นไดวินิจฉยั เรอ่ื ง ๓ เร่ืองนี้ คอื เร่อื งภารกุ จั ฉะ เรอ่ื งอชั ชุกะ และเรอ่ื งกุมารกสั สปะ. พระศาสดาทรงประทานสาธุการ ในการวนิ ิจฉัยแตละเร่อื งทรงกระทาํ วินจิ ฉัยทั่ง ๓ ใหเ ปนอตั ถปุ ปต ติเหตุ จงึ ทรงตัง้ พระเถระไวในตําแหนง เลศิ แหงภกิ ษุทัง้ หลายผเู ปน วนิ ัยธร. พระเถระนน้ั ครน้ั ไดต ําแหนง เอตทคั คะอยา งนีแ้ ลว ระลึกถงึ บุพ-กรรมของตนขึ้นมากเ็ กิดความโสมนสั เมื่อจะประกาศอปทานแหงความประพฤตใิ นกาลกอ นนน้ั จึงกลาวคาํ มอี าทิวา นคเร ห สวตยิ า ดงั นี.้ บรรดาบทเหลา นนั้ บทวา ห สวติยา ความวา ร้ัว คือการลอมกําแพง โดยอาการอยางหงสว น มอี ยใู นนครใด นครนน้ั ชอ่ื วา หังสวด.ีอีกอยางหนง่ึ พวกหงสน ับไมถ ว นอยอู าศัยในบึงโบกขรณี สระ และเปอกตม เปน ตน บนิ แลนอยรู อบ ๆ ในนครนัน้ เพราะเหตุน้ัน นครน้นั จงึ ชือ่ วา หังสวด,ี ในนครหังสวดีนนั้ . บทวา สชุ าโต นาม พรฺ าหมฺ โณ ความวา ชอ่ื วาสชุ าต เพราะเกดิ ดี อธิบายวา เกิดมาเปนผูไ มถ กู ตเิ ตียนโดยคาํ วา ไมถกู ดถู ูก ไมถ กูตําหนิ. บทวา อสตี โิ กฏินจิ โย เชื่อมความวา พราหมณน ามวาสุชาตมกี องทรพั ย ๘๐ โกฏิ ชอื่ วา มที รัพยแ ละขาวเปลือกเพยี งพอ คือมีทรัพยและขาวเปลอื กนับไมถว น. เมอ่ื จะแสดงวา พราหมณส ุชาตนนั้ นนั่ แหละเปน คนใหญโ ตแมอ ีกจึงกลา วคาํ มอี าทิวา อชฺฌายโก ดังน.ี้ บรรดาบทเหลา นนั้ บทวา
พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนา ที่ 584อชฺฌายโก ความวา เปน ผูบอกไตรเพทเปน ตนแกคนเหลาอ่นื . บทวามนตฺ ธโร ความวา ปญ ญา ทานเรียกวา มนั ตา มีปญ ญารูก ารพยากรณอถรรพณเวทเปน ตน . บทวา ตณิ ณฺ เวทาน ปารคู ความวา ถึงที่สดุ(คือเรยี นจบ) ไตรเพทกลา วคอื อิรพุ เพท ยชพุ เพท และสามเพท.บทวา ลกขฺ เณ ไดแ ก คมั ภรี ทายลกั ษณะ. อธิบายวา ในคมั ภรี อนัประกาศลกั ษณะทปี่ รากฏอยใู นมือและเทา เปนตน ของบรุ ษุ ผจู ะเปนพระพุทธเจา พระปจ เจกพุทธเจา และพระเจา จกั รพรรดทิ ัง้ หลาย. บทวาอติ หิ าเส ความวา ในคัมภรี อันประกาศเรอื่ งราวครัง้ โบราณ วา เปนอยา งนี้ ๆ. บทวา สธมเฺ ม ความวา ผถู ึงบารมี คอื ถึง ไดแก บรรลุถึงปริโยสาน คอื ทส่ี ุดในธรรมของตน คือธรรมของพราหมณ. บทวา ปริพฺพาชก เชือ่ มความวา พวกสาวกของนิครนถทงั้ หมดนนั้ มที ิฏฐิตา ง ๆ กนั ในครง้ั นัน้ พากันเที่ยวไปบนแผนดนิ คอื บนพ้ืนปฐพ.ี อธิบายวา พระชินเจายงั ไมอุบัตขิ นึ้ ตราบใด คือตลอดกาลมีประมาณเทา ใด คาํ วา พทุ ฺโธ ยอ มไมมตี ราบน้นั คือตลอดกาลมปี ระมาณเทานั้น. บทวา อจฺจเยน อโหรตตฺ ความวา วันและคืน ช่อื วา อโหรตั ตะ,โดยปล วงไปมากมาย. คาํ ทเ่ี หลือเขาใจไดงายท้ังนัน้ . บทวา มนฺตานิปุตโฺ ต ความวา บตุ รของธดิ าชา งกลั บก ชื่อวามันตานี, ไดนามวา ปณุ ณะ เพราะครบเดอื น ครบวัน. เชอ่ื มความวาจกั ไดเ ปนสาวกของพระศาสดาพระองคน ้นั .
พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนา ท่ี 585 บทวา เอว กิตฺตยิ โส พทุ โฺ ธ ความวา พระผมู พี ระภาคเจาพระนามวาปทุมตุ ตระน้นั ทรงประกาศ คอื ไดท รงประทานการพยากรณอนันา ยินดดี วยดี คอื อนั ใหค วามโสมนัสดว ยอาการอันดี ดวยประการอยางน้ีคือดว ยประการน.ี้ เช่อื มความวา ยงั ชนทัง้ ปวง คือหมูชนทัง้ ส้ินใหย นิ ดีดว ยดี คอื กระทาํ ใหโ สมนสั เมื่อจะแสดงกําลงั ของตน คือเมือ่ จะทําใหปรากฏ. ลาํ ดบั ตอจากนัน้ เมือ่ จะแสดงอานภุ าพของตนโดยอางผอู น่ื จึงกลา วคาํ มอี าทิวา กตชฺ ลี ดังนี.้ เช่ือมความวา ในกาลน้ัน คือในกาลกอ นพระพทุ ธเจา เสด็จอบุ ตั ินนั้ ชนทัง้ ปวงกระทํากระพุมอัญชลี นมัสการสุนันทดาบสอย.ู บทวา พุทเฺ ธ การ กรติ ฺวาน ความวา สุนันทดาบสนนั้ แมเ ปน ผูอ ันชนท้ังปวงบูชาแลวอยางน้ี ก็ไมก ระทาํ การถือตัววาเปนผูท่เี ขาบูชา ไดก ระทํากิจอันยง่ิ ในพระพุทธศาสนา ทาํ คตคิ ือการเกดิ ของตนใหห มดจด คอื ไดก ระทาํ ใหบ ริสุทธิ์. บทวา สตุ ฺวาน มุนโิ น วจ ไดแ ก พระวาจาของพระสมั มาสัม-พุทธเจาพระองคน น้ั , เพื่อสะดวกในการผูกคาถา ทานกลา ววา วจ โดยรสั สะ อา อกั ษร. เชื่อมความวา เราไดมคี วามดาํ ริ คือไดมมี นสกิ ารดว ยเจตนาวา เพราะไดฟ ง พระดาํ รสั ของพระมนุ ีดงั นีว้ า ในอนาคตกาลอนัยาวนาน พระศาสดาพระนามวาโคดม โดยพระนาม จักเกดิ มีในโลกเราจักเห็นพระผูมีพระภาคเจาพระนามวาโคดม โดยประการใด จักกระทําสกั การะคือกิจอันยง่ิ ไดแ ก บุญสมภาร โดยประการน้ัน. บทวา เอวาห จนิ ตฺ ยิตฺวาน ไดแ ก คดิ อยางน้วี า เราจักทําสักการะ.บทวา กริ ยิ จินฺตยึ มม ความวา เราคดิ ถงึ การกระทาํ คอื กิจทจี่ ะพึง
พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนกิ าย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนา ท่ี 586ทาํ วา เราจะพึงทําบญุ เชนไรหนอ. บทวา กฺยาห กมฺห อาจรามิความวา เราจะประพฤติ คือบาํ เพญ็ บุญกรรมเชน ไร บทวา ปฺุ กฺ-เขตฺเต อนุตตฺ เร ความวา ในพระรัตนตรัยอนั เวน สิ่งทย่ี ิ่งกวา คือเปนภาชนะแหงบญุ ท้ังส้ิน. บทวา อยฺจ ปาโิ ก ภิกขฺ ุ ความวา ภกิ ษุน้ีเปน ภิกษุผไู ดนามวา ปาฐิกะ เพราะสวดพระบาลใี นคัมภีร คอื กลาวดวยอํานาจสรภญั ญะ.พระศาสดาทรงตัง้ ไวใ นตาํ แหนงเลิศ คือทรงตัง้ วา เปน ผูเลศิ ในระหวา งแหง ภกิ ษุผูชาํ นาญบาลี คอื ผสู วดและกลา วสอนทง้ั หมด และในพระวนิ ัยในพระศาสนา, เราปรารถนาฐานะนน้ั คอื ฐานันดรที่ภกิ ษุน้นั ไดรบั . เบื้องหนาแตน ้นั เมอ่ื จะแสดงอบุ ายในการทําบญุ ของตน จึงกลา วคาํ มีอาทวิ า อิท เม อมติ โภค ดงั น้.ี เช่อื มความในคาํ น้ันวา กองแหงโภคทรัพยข องขาพระองคนับไมได คือเวน จากการนับประมาณ อนัใคร ๆ ใหกระเพอ่ื มไมได คือไมอ าจใหก ระเพือ่ มได อปุ มาดังสาคร คอืเชน กับสาคร ขาพระองคใหส รางอารามแกพระพุทธเจา ดว ยโภคะนัน้คอื ดวยทรัพยเชนนั้น คาํ ทีเ่ หลือมเี นือ้ ความงา ยทัง้ นน้ั . เชอื่ มความวา พระสัมพุทธเจาประทับนงั่ ในหมูภิกษุ ทรงรับสังฆารามทีด่ าบสน้นั สรา ง คือใหท าํ ดีแลว ไดต รัสพระดาํ รัสนี้ อนั แสดงอานิสงสแหงอารามนัน้ . เพือ่ จะเฉลยคาํ ถามวา ไดต รัสอานิสงสไวอยางไร ? จงึ ตรัสวาโย โส ดงั น้ี อธิบายวา ดาบสใดผูถวายสงั ฆาราม มอบถวายสงั ฆารามทสี่ รางไวด แี ลว คอื ทจี่ ดั แจงไวเ รยี บรอยโดยนยั มกี ฎุ ี ท่ีเรน มณฑปปราสาท เรอื นโลน และกําแพงเปน ตน แกพระพุทธเจา คือไดถวาย
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนา ท่ี 587โดยประการ คอื โดยจิตอนั ประกอบดวยความโสมนสั . บทวา ตมหกิตตฺ ยิสฺสามิ ความวา เราจักกระทาํ ดาบสน้ันใหปรากฏ คือจักกระทาํ ใหแจง. บทวา สุณาถ มม ภาสโต ความวา ทานทง้ั หลายจงฟงคําของเรา อธิบายวา จงเง่ยี โสตลง คือจงมีจิตไมฟุงซาน กระทําไวใ นใจ. เมอ่ื จะทรงแสดงผลของอารามทดี่ าบสนน้ั ถวาย จึงตรัสคํามีอาทิวาหตฺถี อสสฺ า รถา ปตฺตี ดังนี้. คําน้ันเขา ใจไดง า ยท้งั นนั้ . บทวา สงฺฆารามสสฺ ิท ผล ความวา อฐิ ผลกลาวคอื สมบตั ทิ ี่จะพงึ เสวยตอ ไปนี้ เปนผลคอื เปนวบิ ากของการถวายสังฆาราม. บทวา ฉฬาสตี ิสหสฺสานิ ความวา เหลานารี คอื สตรแี ปดหมื่นหกพันนางตกแตงงดงาม คือประดบั ตกแตงสวยงาม มผี า และอาภรณอันวิจิตร อธบิ ายวา ประกอบดว ยผาและอาภรณทงั้ หลายอนั วจิ ติ ร คือมีรูปมิใชน อย. บทวา อามุตตฺ มณกิ ุณฑฺ ลา ไดแ ก หอยตางหแู กวมกุ ดาหารและแกวมณ.ี เมื่อจะแสดงถึงความประเสริฐ คือความงามแหงรูปรางของหญิงเหลา นัน้ จึงกลาวคาํ มีอาทิวา อาฬารปมหฺ า ดงั น้ี. ในคํานั้นมีวนิ ิจฉยั ดังตอไปนี้. นยั นตาทง้ั หลายของหญงิ เหลา ใด กวางคอื ใหญ เหมอื นลูกแกวมณกี ลม หญิงเหลานั้นชอื่ วา มตี ากลม อธบิ ายวา มดี วงตาใสเหมือนตาภมรท้ังหลาย. ผูมากดว ยความราเรงิ คือมคี วามรา เรงิ เปนปกติ อธบิ ายวาผูงดงามดวยการเย้อื งกราย. บทวา สุสฺา ไดแก ผูมอี วัยวะแหงรา งกายทีพ่ ึงสําคญั วางาม. บทวา ตนมุ ชฌฺ มิ า ไดแก ผูมสี ว นแหงทอ งเล็ก คาํ ทเ่ี หลืองายทง้ั นั้น. บทวา ตสฺส ธมฺเมสุ ทายาโท ไดแ ก เปนทายาทในธรรม
พระสตุ ตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนาที่ 588ทัง้ หลาย คอื เปน ผมู สี วนแหง โกฏฐาสในธรรมของพระผูมีพระภาคเจาพระนามวา โคตมะน้นั . บทวา โอรโส แปลวา เกดิ ในอก. อธิบายวาเปน บุตรเกดิ ในอก เพราะไดฟง ธรรมที่ทรงแสดงกระทบฐานท้ัง ๕ มี คอเพดาน และรมิ ฝป ากเปนตน อนั สมบูรณดวยความรใู นพยัญชนะ ๑๐อยาง มสี ิถิล และธนิตเปน ตน แลว ทํากิเลสท้ังปวงใหสิ้นไป โดยลาํ ดับมรรคมโี สดาปตติมรรคเปน ตน แลวดํารงอยใู นพระอรหัต. บทวา ธมมฺ นิมมฺ ิโต ความวา ทานจักเปนผถู กู เนรมิต คือจกั เปนผปู รากฏโดยธรรม คอื โดยสมํา่ เสมอ โดยไมมอี าชญา โดยไมม ศี สั ตรา.บทวา อปุ าลิ นาม นาเมน ความวา ผนู น้ั ช่ือวา มันตานบี ุตร ตามชอื่ของมารดา กจ็ ริง แตถึงอยางนน้ั จกั เปน สาวกของพระศาสดาโดยชื่อวาอุบาลี เพราะยึดติด คือประกอบ พร่ังพรอมดว ยกายและจิต ในทใ่ี กลกษตั รยิ ท งั้ หลาย เพราะออกไปบวชพรอ มกับเจาอนุรทุ ธะเปนตน. บทวา วินเย ปารมึ คโต ความวา บรรลุ คือถึงท่ีสดุ ไดแ กการจบในพระวนิ ัยปฎ ก. บทวา านาฏ าเน จ โกวโิ ท ความวา เปน ผูฉลาด คือเปนผเู ฉลยี วฉลาดในเหตุและมิใชเ หต.ุ บทวา ชินสาสนธาเรนฺโต ความวา ทรงอนสุ าสนีท่ีพระชินเจา ตรัสไว ไดแกพระไตร-ปฎ กของพระชนิ เจา โดยการสอน การฟง การคิด และการทรงจําเปนตน อธิบายวา กําหนดไวได. บทวา วิหริสฺสตนิ าสโว ความวาเปนผูไ มม ีกิเลส จกั นําอตั ภาพไปมิใหต กหลน คือจักยังอตั ภาพใหเ ปน ไปดวยอิรยิ าบถท้งั ๔. บทวา อปรเิ มยฺยปุ าทาย ไดแ ก กระทําแสนมใิ ชนอยใหเปน ตนไป. บทวา ปตเฺ ถมิ ตว สาสน ความวา เราปรารถนา คืออยากได
พระสตุ ตันตปฎ ก ขทุ ทกนกิ าย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนา ท่ี 589ศาสนาของพระองควา พึงเปน ผูเ ลศิ แหงภกิ ษุผูเปนวนิ ยั ธร ในศาสนาของพระผูมพี ระภาคเจา พระนามวา โคดม. บทวา โส เม อตโฺ ถ ความวา ประโยชนก ลาวคอื ตาํ แหนง เอตทคั คะนัน้ เราไดบรรลุแลว. บทวาสพฺพส โยชนกฺขโย เช่อื มความวา ความส้ินสงั โยชนท ง้ั ปวง เราไดบ รรลุแลว อธิบายวา บรรลพุ ระนิพพานแลว. เชอ่ื มความวา ผูชาย คอื บุรุษ ถูกคุกคาม คอื ถกู บบี คัน้ ดวยราช-อาญา ถกู เสยี บหลาว คอื ถูกรอยไวท ่ีหลาว ไมไดประสบ คือไมไ ดเสวยความยนิ ดี คือความสขุ อนั อรอยท่หี ลาว ยอมตอ งการพน คอื การหลดุ พนไป ฉันใด. เชอ่ื มความ (ในตอนตอมา) วา ขา แตพระมหาวรี ะ คือขา แตพระวรี ะผูสงู สดุ ในระหวางวีรชนทง้ั หลาย ขาพระองคถ ูกคุกคาม คือถูกบีบค้นั ดว ยอาญาคือภพ ไดแ กอาญาคือชาติ ถูกเสียบที่หลาวคอื กรรมไดแ กถ ูกเสยี บท่หี ลาว คอื กุศลกรรมและอกศุ ลกรรม ถกู เวทนาคอื ความระหาย ไดแกค วามกระสบั กระสาย เพราะความระหายเบยี ดเบียน คือครอบงาํ ทาํ ใหม ที ุกข ไมประสบ คือไมไ ดค วามยินดใี นภพ ไดแกค วามสุขอันอรอ ยในสงสาร. ขาพระองคถกู เผาดว ยไฟ ๓ กอง กลา วคือไฟคือราคะ ไฟคอื โทสะ และไฟคือโมหะ หรอื ไฟในนรก ไฟอันตงั้ ขนึ้ ในกัปและไฟคอื ทกุ ข จงึ หา คอื แสวงหาความหลุดพน คอื อุบายเครอ่ื งหลุดพนฉนั นั้น. เช่อื มความวา บุคคลผูถึง คอื ตองราชอาญา ยอมแสวงหาความหลุดพน ฉันใด ขา พระองคผ ูต องการอาญาคือภพ ยอมแสวงหาความหลดุ พน ฉันนน้ั .
พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนา ที่ 590 เม่อื จะแสดงความหลดุ พนจากสงสาร โดยอปุ มาอุปไมยอกี จึงกลา วคาํ มอี าทวิ า ยถา วสิ าโท ดังนี้. ในคาํ นั้นมีวนิ จิ ฉัยดงั ตอไปน้:ี -ท่ีชื่อวา วิสาทะ เพราะถกู พษิ คอื งพู ษิ กัด คือขบกดั เขา แลว อธบิ ายวาถกู งูกัด. อีกอยางหนง่ึ ชือ่ วา วิสาทะ เพราะกินคือกลืนกนิ พษิ คอื ยาพิษอยา งแรง อธบิ ายวา กินยาพษิ . เช่อื มความวา บุรุษใดถูกงพู ษิ กดั คือถูกงูพิษนั้น คือเชน นนั้ เบียดเบยี น พงึ หาคอื แสวงหายาคือโอสถอนั เปนอุบายเพอื่ ฆา พษิ คอื เพื่อขจดั พษิ ใหพ นิ าศ เมื่อแสวงหายานัน้ พึงพบคอื พงึ เห็นยา คอื โอสถสําหรับฆาพษิ คือสาํ หรบั ขจัดพษิ ใหพินาศ บรุ ษุนั้นดืม่ โอสถที่ตนพบเห็นแลว พึงเปน ผูมีความสุขสบายเพราะพน คอืเพราะเหตุท่ีพน จากพิษ ฉนั ใด. บทวา ตเถวาห ความวา นระนั้นถูกพิษเบยี ดเบียน คือถกู งูมพี ษิกัด หรอื ผกู นิ ยาพิษเขาไป ด่มื โอสถแลวพงึ มีความสขุ โดยประการใดเราถูกอวชิ ชาคือโมหะบีบคน้ั หนกั โดยประการนัน้ . บทวา สทฺธมมฺ า-คทเมสห ความวา เราหา คอื แสวงหาอยูซ ง่ึ โอสถ กลา วคือพระสัท-ธรรม. บทวา ธมมฺ าคท คเวสนโฺ ต ความวา แสวงหาโอสถ คือธรรมเพอื่ กาํ จัดพิษคือสังสารทกุ ขใ หพนิ าศ. บทวา อทฺทกขฺ ึ สกฺยสาสนความวา เราไดพบเหน็ ศาสนาของพระโคดม ผทู รงเกิดจากศากยตระกูลบทวา อคคฺ สพฺโพสธาน ต ความวา ในระหวา งบรรดาโอสถเหลา น้ันธมั โมสถ กลา วคอื คําสอนของพระศากยโคดมนน้ั เปน เลศิ คือเปน ช้นั สงูสุด. บทวา สพพฺ สลลฺ วิโนทน เชือ่ มความวา เราดื่มธรรมโอสถ ไดเเกโอสถคือธรรม อนั เปนเคร่ืองบรรเทา คือเปน เครอื่ งทาํ ความสงบลกู ศร
พระสุตตันตปฎก ขทุ ทกนิกาย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนา ท่ี 591ท้งั ปวง มีลกู ศรคอื ราคะเปนตน ไดถอนพิษท้ังปวง ไดแ กพ ษิ คือสงั สาร-ทกุ ขท ง้ั สน้ิ คือทําใหพินาศไป. บทวา อชรามร เชอื่ มความวา เราถอนพษิ คอื ทุกขนั้นแลว ไดถกู ตอง คือไดทําใหป ระจักษซ ่ึงพระนพิ พานอนั ไมแ ก คือเวน จากความแก อนั ไมต าย คือเวน จากความตาย เปนภาวะเย็น คอื เปน ของเย็น เพราะเวน จากความเรารอน เพราะราคะเปนตน. เม่อื จะแสดงการเปรียบเทียบความมืดคือกเิ ลสอกี จงึ กลา วคํามอี าทิวา ยถา ภตู ฏฏ ิโต ดงั น.้ี ในคํานัน้ มวี ินจิ ฉยั ดังตอไปนี้:- บุคคลคือบรุ ษุถกู ภตู ผีเบียดเบียน คอื ถูกภูตผีไดแกยกั ษเ บียดเบียนคือบีบค้นั ถงึ การบีบคน้ั คอื ถงึ ความทุกข เพราะภูตผีสิง คือเพราะยักษจับ พงึ แสวงหาหมอภตู ผี เพอ่ื จะพน คอื เพอ่ื ตองการจะพนจากภูตผี คอื จากยกั ษจับฉันใด คอื โดยประการใด. เช่อื มความในคาตอนน้ีวา ก็เม่ือแสวงหาหมอผนี ัน้ พงึ พบหมอผีผูฉลาดดี คอื ผเู ฉลียวฉลาดในวชิ าไลผ ี หมอผนี น้ั พึงกําจดั ภตู ผที ี่สงิ บรุ ษุผูทีถ่ ูกยกั ษจ บั นัน้ คอื พงึ ทําใหพนิ าศไป คอื พงึ กาํ จัดเสียพรอมท้งั มลู รากคอื พรอ มท้ังมลู เหตุ กระทําไมใ หส งิ อกี ตอไป. เชื่อมความในคาถานี้วา ขาแตพ ระมหาวีรเจาผเู ปนวีรบุรษุ สูงสุดขาพระองคถูกบบี คั้นเพราะความมืดจบั คอื เพราะความมดื คือกเิ ลสจับจึงแสวงหาแสงสวางคอื ญาณ ไดแ กแสงสวา งคอื ปญ ญาเพ่อื จะพน คอืเพ่ือตอ งการจะพน ไปจากความมืด ไดแกจ ากความมืดคือกิเลส ฉนั นั้นเหมอื นกัน คือโดยประการนั้นเหมอื นกัน.
พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนกิ าย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนา ท่ี 592 ในคาถานี้มีความวา ครงั้ น้ัน คอื ในลําดับน้นั เราไดเห็นพระ-ศากยมุนผี ทู รงทาํ ความมืดคือกเิ ลสใหห มดจด คอื ผูทรงทําความมืดคือกิเลสใหพินาศ. เช่อื มความวา พระศากยมุนีน้นั ไดทรงบรรเทา คือไดทรงทาํ ใหไกลซ่งึ ความมดื คอื ความอนั ธการ ไดแกค วามมืดคือกิเลสใหแกเรา เหมือนหมอภูตผขี ับไลภูตผี คือเหมือนหมอผบี รรเทาคนท่ถี กูยกั ษจับใหค ลายฉะนนั้ . ความในคาถามนีว้ า เราน้ันหลุดพนอยา งนีแ้ ลว ตดั ไดด วยดซี งึ่กระแสตัณหา คอื ความหลง่ั ไหลไปในสงสาร เราหา มกระแสตณั หา ไดแกโอฆะใหญค ือตณั หา คอื ไดกระทําใหห มดไป คอื ใหเ ปน ไปไมได. บทวาภว อคุ ฺฆาฏยึ สพพฺ ความวา เราถอนภพใหมท ัง้ หมดมกี ามภพเปน ตนคอื ทาํ ใหพินาศไป. เช่อื มความวา เราถอนไดทัง้ ราก เหมือนหมอผไี ลผ ีพรอ มท้งั มูลเหต.ุ แตน้ัน เม่ือจะแสดงการเปรียบเทยี บการแสวงหาพระนิพพาน จึงกลาวคํามอี าทวิ า ยถา ดังน.ี้ ในคําน้นั เชื่อมความวา ท่ชี ื่อวา ครุฑเพราะกลืนกินของหนกั คอื นาค. อีกอยางหนงึ่ ชอ่ื วา ครุฑ เพราะจับคอื ถอื เอาของหนักคือนาค, ไดแกพ ญาครุฑ. ครฑุ นั้นโผลง คอื โฉบลงเพ่ือตองการจับนาคอนั เปนภกั ษาของตน คอื เปนเหย่ือของตน ไดนามวาปน นคะ เพราะไมไปสูเงอ้ื มมือของผอู น่ื โดยปการะชนิดไร ทาํ สระใหญคอื มหาสมทุ รรอยโยชน คอื มปี ระมาณรอ ยโยชนโ ดยรอบ คอื รอบดานใหกระเพ่อื ม คือใหกระฉอกดว ยลมปกของตน ฉันใด. เชื่อมความในคาถาตอนนวี้ า ครุฑนนั้ บนิ ไปในเวหา คอื มปี กติบนิไปในเวหาส จับนาคไดแ ลว ทําใหห อยหัวลง ทําใหล ําบากอยู คอื
พระสุตตันตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนาท่ี 593เบยี ดเบยี นอยโู ดยการเบยี ดเบียนตา ง ๆ ในท่นี ้ัน ๆ จับเอาคอื จับอยา งม่นั คงแลว หลีกไป คือบนิ ไปตามท่ีตองการ คอื ในที่ทต่ี นตอ งการไป. ในตอนนี้ เชอื่ มความวา ขาแตพ ระมหาวีรเจา ผเู จรญิ ครุฑผมู พี ละกําลงั จบั นาค ไดแ ลวยอ มบนิ ไป ฉันใด ขา พระองค กฉ็ นั น้นั เหมอื นกันแสวงหาพระนพิ พานอนั เปน อสงั ขตะ คอื อันปจ จยั ท้งั หลายกระทําไมไดไดแ กแสวงหาโดยการยังขอปฏบิ ัติใหบ รบิ ูรณ คายโทษท้ังหลายไดแ กกเิ ลส ๑,๕๐๐ ทงั้ สนิ้ คือขา พระองคทาํ ใหหมดจดโดยวิเศษ ดว ยสมจุ เฉท-ปหาน. เช่ือมความในคาถาวา ครฑุ จับนาคกินอยู ฉนั ใด ขา พระองค ก็ฉันนน้ั เหน็ แลว คือเห็นอยูซึ่งธรรมอนั ประเสริฐ ไดแกธ รรมอันสูงสดุถอื เอาสันตบิ ท คือนิพพานบทอนั เอก ยอดเย่ียม คอื เวน ส่งิ ที่ยิ่งกวาดว ยมรรคและผลทัง้ หลาย ใชส อยอย.ู บดั น้ี เมอ่ื จะแสดงความที่พระนิพพานเปนของไดโดยาก จงึ กลาวคาํ มอี าทวิ า อาสาวตี นาม ลตา ดังนี้. ในคาํ นน้ั มีอธิบายวา เครอื เถาชอ่ื วา อาสาวดี เพราะเทวดาทงั้ ปวงมคี วามหวัง คอื ความอยากไดใ นเครอื เถาน้.ี เครือเถานน้ั เกิด คอื บงั เกดิ ขึน้ ในจิตรลดาวัน คือในวนะไดแกใ นอุทยานอนั เปนดงเครือเถาทีว่ จิ ิตรตระการตามิใชน อ ย. ตอพันปคือตอ ลวงไปพันป เครือเถานน้ั จงึ เกิดผลหน่งึ ผล คอื เผล็ดผล ๆ เดยี ว. บทวา ต เทวา เชื่อมความวา เครอื เถาอาสาวดีนนั้ มีผลนานถงึเพียงนนั้ เม่อื ลวงกาลนานเทา นนั้ จงึ เผล็ดผลคอื จงึ จะมีผล เหลา เทวดาคือเทวดาชั้นดาวดึงสยอมเขาไปนง่ั ใกลคือคบหา, เครือเถาชอ่ื วาอาสาวดีนน้ั
พระสุตตนั ตปฎก ขุททกนิกาย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนาที่ 594เปนเครือเถาช้ันสงู คือเปน เครือเถาชั้นสงู ในระหวางเครอื เถาท้งั หลาย ไดเปนทรี่ ักของเหลา เทวดาอยางนี้. บทวา สตสหสสฺ ปุ าทาย ความวา กระทาํ เวลาแสนปใหเ ปนตนไป. บทวา ตาห ปริจเร มุนิ ความวา ญาณเรียกวาโมนะ ขา แตพระมนุ ี คือพระผูม ีญาณ ไดแ กพ ระสพั พญั ผู เู จริญ ขา พระองคบ าํ เรอคอื เขา ไปน่ังใกลพระผมู ีพระภาคเจานัน้ . บทวา สาย ปาต นมสสฺ ามิความวา ขาพระองคน มสั การ คอื กระทาํ การนอบนอม ๒ คร้ัง คือเวลาเยน็ และเวลาเชา. เชื่อมความวา เหมือนเทวดาทง้ั หลาย คอื เหมือนเหลาเทวดาชัน้ ดาวดงึ ส เขาไปนงั่ ใกลเ ครอื เถาอาสาวดีทัง้ เยน็ และเชา . บทวา อวฌฺ า ปาริจรยิ า ความวา เพราะเหตทุ ่ไี ดเห็นพระ-พทุ ธเจา การบรรลุถึงพระนพิ พานจึงไดมี เพราะฉะน้ัน การบาํ เรอพระพทุ ธเจา คอื การกระทําวตั รปฏบิ ัตจิ งึ ไมเ ปนหมัน คอื ไมสูญเปลาและการนมัสการคอื กริ ยิ าประณาม จึงไมเ ปนโมฆะ คือไมส ญู เปลา. จริงอยา งน้ัน เรามาแตทไี่ กล คอื แมมาจากทไ่ี กล คอื จากทางไกลคอื สงสารมปี รากฏอยขู ณะนี้ คือขณะที่พระพทุ ธเจาเกดิ ขึน้ น้ไี มพ ลาดไป คือไมลวงเลยไป อธบิ ายวา ยังไมลว งเลยเราไป. เชือ่ มความวา เราบรรลุถงึ พระนิพพาน เหตุไดเ ห็นพระพุทธเจาจึงคน หา คือพิจารณาปฏิสนธิของเราในภพทีจ่ ะเกิดตอไปกไ็ มเ หน็ . เชือ่ มความวา เราไมม ีอุปธิ คอื เวนจากอุปธิคอื ขันธและอุปธคิ อื กเิ ลสทั้งหลายเปนผูหลดุ พน คอื เปน ผูเวนจากกิเลสทง้ั ปวง สงบ คอื มใี จสงบ เพราะไมม คี วามเรา รอ นเพราะกิเลส เท่ียวไปอย.ู เมอ่ื จะแสดงการเปรยี บเทยี บการเห็นพระพทุ ธเจา ของตนอกี จงึ
พระสุตตันตปฎ ก ขุททกนิกาย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนาที่ 595กลา วคํามอี าทวิ า ยถาป ปทมุ นาม ดังน.้ี ในคาํ น้ัน มอี ธบิ ายวาธรรมดาปทุมยอ มบาน คอื ยอมแยม บานเพราะแสงอาทติ ย คือเพราะสัมผสั แสงอาทิตย แมฉ ันใด ขาแตพระมหาวรี เจา คือขาแตพระผูส งู สดุกวา วรี ชน ขา พระองค กฉ็ นั นั้นเหมอื นกนั เปนผูบานแลว เพราะรศั มีของพระพุทธเจา คอื เพราะเกดิ รัศมี คอื พระธรรมอนั พระผมู ีพระภาคเจาทรงแสดงแลว. เมอ่ื จะแสดงการเหน็ พระนิพพาน เพราะการไดเห็นพระพทุ ธเจาอีกจงึ กลาวคํามอี าทิวา ยถา พลากา ดังนี.้ ในคํานนั้ มวี ินิจฉัยดังตอ ไปนี.้ในกาลทกุ เมอื่ คือในกาลทัง้ ปวง นกยางตัวผยู อ มไมม ีในกาํ เนิดนกยางคือในชาตนิ กยาง ฉันใด. หากจะมีคาํ ถามสอดเขา มาวา เมอื่ ไมมตี วั ผู พวกนกยางจะตงั้ ครรภไดอ ยา งไร ? ตอบวา เม่อื เมฆครางกระหม่ึ คอื ทําเสียง นางนกยางเหลา นน้ั ไดฟง เสียงเมฆรอ งยอมตั้งครรภใ นกาลทกุ เมอ่ื คือในกาลทั้งปวง อธิบายวายอมทรงฟองไขไ ว. เมฆยงั ไมครางกระห่ึม คอื เมฆยังไมท าํ เสยี งเพยี งใดคือตลอดกาลมีประมาณเทาใด นางนกยางท้ังหลายก็ทรงครรภค อื ฟองไขไวเปน เวลานาน คือโดยกาลนานเพียงนนั้ คอื ตลอดกาลมีประมาณเทา นั้น. เมื่อใดคอื กาลใด เมฆฝนตกลงมา คอื รอ งครางโดยปการะชนิดตาง ๆ แลวตกลงมา คือหล่งั สายฝนตกลงมา เมอื่ นน้ั คอื กาลนนั้ นาง-นกยางท้ังหลายยอ มพนจากภาระ คอื การทรงครรภ อธบิ ายวา ตกฟอง(ออกไข) . เบื้องหนาแตนนั้ เมือ่ จะแสดงขอความอปุ ไมยใหถึงพรอม จึง
พระสุตตันตปฎก ขุททกนกิ าย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนา ที่ 596กลา วคาํ มอี าทวิ า ปทมุ ตุ ฺตรพทุ ฺธสสฺ ดงั น้ี. ในคําน้นั เช่อื มความวา เมือ่พระพทุ ธเจาพระนามวา ปทมุ ุตตระ ทรงประกาศกกึ กอง คอื ทรงแสดงดวยเมฆ คอื พระธรรม คือดวยเมฆกลาวคือโวหารปรมตั ถเทศนา ในกาลนัน้ขา พระองค กฉ็ ันนนั้ ไดถ ือเอาครรภค ือพระธรรม ไดแ กค รรภคอืบุญสมภารมีทานและศีลเปนตน อันเปน อปุ นสิ ยั แกว วิ ฏั ฏะคอื พระนพิ พาน. เชอ่ื มความวา ขาพระองคอาศยั แสนกปั คอื ทาํ แสนกปั ใหเ ปนเบ้อื งตน ทําครรภค อื บญุ ไดแกทาํ บญุ สมภารมีทานและศลี เปนตน ใหทรงอยู คือใหเ ตม็ อย.ู ธรรมเมฆ คอื พระธรรมเทศนายังไมครางกระหึ่มคอื พระพทุ ธเจายังไมทรงแสดง เพียงใด ขา พระองคก็ยงั ไมพ น คือยังไมเปลือ้ ง ไดแ กยงั ไมเปน คนละแผนกจากภาระ คอื จากครรภภ าระ คือสงสาร เพยี งน้ัน. เชอื่ มความในคาถาน้วี า ขาแตพระศากยมุนี คือขาแตพระองคผสู มภพในศากยวงศผ ูเ จรญิ ในกาลใด พระองคท รงกระห่ึม คือทรงประกาศธรรมเมฆในนครกบลิ พัสดุ คือในนครอันมนี ามวากบิลพัสดุ อนันายินดี คอื นา ร่นื รมย แหงพระบดิ าของพระองคท รงพระนามวาสุทโธทนมหาราช ในกาลนน้ั ขาพระองคพน แลว คือไดพ น แลว จากภาระ คือจากคพั ภภาระคอื สงสาร. เบอ้ื งหนา แตน น้ั เม่อื จะแสดงมรรคผลท่ีตนไดบ รรลุ จึงกลา วคํามอี าทวิ า สฺุต ดงั น้ี. ในคํานน้ั เช่อื มความวา ขา พระองคบ รรลุคอื เจรญิ อรยิ มรรค ชื่อวา สุญญตวโิ มกข เพราะไมมคี วามยึดถือวาเปนตนและเปนของตน ชอ่ื วา อนมิ ิตตวิโมกข เพราะไมมีราคะ โทสะ โมหะและกิเลสท้ังปวง ชอ่ื วา อัปปณิหติ วิโมกข เพราะไมมปี ณธิ คิ ือตณั หา.
พระสตุ ตนั ตปฎก ขุททกนิกาย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนา ท่ี 597บทวา จตโุ ร จ ผเล สพฺเพ ความวา ไดท ําใหแ จงสามญั ผล ๔ ทัง้ หมด.บทวา ธมเฺ มว วิชฏยึ อห ความวา ขาพระองคส ะสาง คอื ขจัดชฏั คอืรกชัฏในธรรมท้ังปวง ดวยประการอยา งน้ี. จบพรรณนาทุติยภาณวาร เบือ้ งหนาแตน นั้ เม่อื จะแสดงเฉพาะคณุ วิเศษทตี่ นไดบ รรลุ จงึกลา วคาํ มีอาทิวา อปรเิ มยยฺ ปุ าทาย ดังนี้. ในคํานน้ั มีวินิจฉัยดงั ตอ ไปนี้ทีช่ อ่ื วา อปริเมยยะ เพราะประมาณไมได อธิบายวา ไมอ าจจะประมาณคือจะนบั โดยนบั เปนป. ขา พระองคอ าศยั คือกระทาํ กปั อนั หาประมาณมไิ ดน้ันใหเ ปนเบือ้ งตนมา ปรารถนาศาสนาของพระองคอยางน้วี า ขา -พระองคพ งึ เปน เลิศแหงพระวนิ ยั ธรทั้งหลาย ในศาสนาของพระผูมี-พระภาคเจา พระนามวา โคดมในอนาคต. คาํ วา ปตฺเถมิ เปน คําปจ จุบันใชใ นอรรถเปนอดตี . อธิบายวา ปตเฺ ถสึ ปรารถนาแลว . บทวา โส เมอตฺโถ ความวา ประโยชนค อื ปรารถนานัน้ เราไดบรรลุแลว คือทาํ ใหสําเรจ็ แลว . เชือ่ มความวา ขาพระองคไดถ ึง คอื ไดบรรลสุ ันตบิ ท คอืพระนิพพานอันยอดเยี่ยม. ขา พระองคนน้ั ถงึ ความยอดเยยี่ ม คอื ถึงทีส่ ุดในพระวินยั คือในพระวินยั ปฎก เพราะเปน ผบู รรลแุ ลว. บทวา ยถาป ปาิโก อสิ ิ ความวา ฤาษีคือภิกษผุ เู ปนเลิศแหงพระวนิ ยั ธรทัง้ หลาย ในศาสนาของพระผูมี-พระภาคเจา พระนามวาปทุมตุ ตระ ไดเปนผเู ชย่ี วชาญพระบาลี คือเปน ผู
พระสตุ ตนั ตปฎก ขทุ ทกนกิ าย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนาที่ 598ปรากฏแลว ฉนั ใด ขาพระองค ก็ฉนั น้นั เหมือนกัน. บทวา น เม สมสโมอตถฺ ิ ความวา เพราะความเปน ผมู ีปกตทิ รงพระวินัย คนอื่นซึง่ จะเปนผูเสมอเหมอื นขา พระองคจ งึ ไมม .ี อธบิ ายวา ขาพระองคย งั ศาสนาคอื คําสอนกลา วคอื โอวาทานุสาสนใี หดํารงอยู คือใหบ รบิ ูรณอยู. เมอ่ื จะแสดงความวิเศษของตนชาํ้ อกี จงึ กลาวคํามอี าทิวา วนิ เยขนธฺ เก จาป ดังน.้ี บรรดาบทเหลานน้ั บทวา วนิ เย ไดแก ในอภุ โต-วิภังค. บทวา ขนฺธเก ไดแ ก ในมหาวรรคและจฬู วรรค. บทวาตกิ จเฺ ฉเท ไดแก ในตกิ สังฆาทเิ สสและติกปาจติ ตียเปนตน . บทวาปฺจเม ไดแ ก ในบรวิ าร. ในวนิ ยั เปนตน น้ี คอื ในวินยั ปฎ กท้ังสน้ิ นี้ขา พระองคไมม ีความสงสัย คอื ไมม ีความลงั เลใจ. บทวา อกขฺ เร ไดแกในอักขระมี อ อักษรเปนตน อันนบั เน่ืองในพระวินยั ปฏก. บทวาพฺยฺชเน เช่อื มความวา หรือวาในพยญั ชนะมี ก อักษรเปนตน ขา -พระองคก ไ็ มม คี วามเคลือบแคลง คอื ความสงสัย. บทวา นิคฺคเห ปฏิกมเฺ ม จ ความวา เปนผูฉลาด คอื เปน ผูเฉลยี วฉลาด ในนิคคหะการลงโทษพวกภิกษุลามก ในการทําคนื อาบัติมีการใหป ริวาสเปนตน แกภ กิ ษุผูม ีอาบตั ติ ิดตัว ในฐานะและมิใชฐานะคอืในเหตแุ ละมใิ ชเ หต.ุ เชอื่ มความวา เปน ผฉู ลาดในโอสารณะ คอื ในการใหก ลับเขา หมู ไดแกใ นการใหเขา หมดู วยการระงบั กรรมมีตัชชนยี กรรมเปน ตน และในวฏุ ฐาปนะ คือในการใหออกจากอาบตั ิ ไดเ เกใ นการกระทําใหไมม ีอาบตั .ิ บทวา สพพฺ ตถฺ ปารมึ คโต ความวา ถึงท่สี ุดในวนิ ัย-กรรมทุกอยาง. อธิบายวา เปนผูส ามารถ เฉลยี วฉลาด.
พระสุตตนั ตปฎ ก ขทุ ทกนิกาย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนา ท่ี 599 บทวา วนิ เย ขนธฺ เก จาป ความวา วาง คอื ตงั้ บท ไดแ กสุตบทในวนิ ยั และขันธกะซึ่งมีประการดังกลา วแลว . บทวา อุภโต วินเิ ว-เตวฺ า ความวา ปฏบิ ตั ิ คอื ชําระสะสาง นํานยั มาจากทั้งสองอยาง คือจากวนิ ัยและจากขนั ธกะ. บทวา รสโต คอื โดยกิจ. พงึ เรียกเขาหมูอธิบายวา กระทาํ การเรียกใหเขา หมู. บทวา นิรตุ ตฺ ิยา จ กสุ โล ความวา เปนผูเ ฉลียวฉลาดในโวหารคือถอ ยคาํ มอี าทิวา รุกขะ ตนไม, ปฏะ แผน ผา , กุมภะ หมอ, มาลาดอกไม, จติ ตะ จติ . บทวา อตถฺ านตฺเถ จ โกวโิ ท ความวา เปน ผฉู ลาดคือเชย่ี วชาญในอตั ถะ คอื ความเจริญ และในอนัตถะ คือความเส่ือม.บทวา อนฺาต มยา นตฺถิ ความวา ส่ิงไร ๆ ทีข่ า พระองคไมรู คอืไมร ูแ จง ไมปรากฏชัดในวินยั ปฎกหรอื ในพระไตรปฎ กทัง้ สิ้น ยอ มไมม.ีบทวา เอกคฺโค สตถฺ ุ สาสเน ความวา ขาพระองคผ ูเ ดยี วเทานน้ั เปนผเู ลิศ คอื เปน ผูประเสรฐิ สูงสุดแหง พระวนิ ัยธรท้ังหลาย ในพระพุทธ-ศาสนา. บทวา รูปทกเฺ ข อห อชฺช เช่ือมความวา วันน้ี คือในกาลบัดน้ีขาพระองคบ รรเทา คอื ทําใหพนิ าศ ซึ่งความเคลือบแคลงทง้ั ปวง คือความสงสยั ทั้งส้ิน เพราะชาํ นาญในรปู คอื เพราะเห็นรปู ไดแ กก ารวินิจฉยั วินยั ในพระศาสนา คอื ปาพจน ของพระผูมพี ระภาคเจา ผเู ปนศากยบตุ ร. บทวา ฉินทฺ ามิ สพฺพส สย ความวา ขาพระองคต ัด คือสงบระงับไดแ กข จดั ใหหมดซ่ึงความสงสัยทั้งหมด ๑๖ ประการ อันเกิดขึ้นปรารภกาลทั้งสาม มอี าทวิ า ในอดตี เราไดมหี รือหนอ.
พระสุตตนั ตปฎ ก ขุททกนิกาย อปทาน เลม ๘ ภาค ๑ - หนาท่ี 600 บทวา ปท อนปุ ทจฺ าป ความวา ไดแ ก บท คอื บทหนา อนุบทคือบทปลาย. อกั ขระ คืออักขระตวั หนง่ึ ๆ และพยญั ชนะ คอื วิธขี องพยัญชนะ ๑๐ อยาง มสี ิถิล ธนิต เปน ตน. บทวา นิทาเน ไดแ ก ในนิทาน มีอาทวิ า เตน สมเยน ดงั น้ี. บทวา ปรโิ ยสาเน ไดแ ก ในบทสง ทา ย. บทวา สพพฺ ตฺถ โกวิโท ความวา เปน ผูฉลาดในฐานะทงั้ หมด ๖ ประการ. เบื้องหนา แตน ้ไี ป เมอ่ื จะประกาศพระคณุ ท้ังหลายเฉพาะของพระ-ผมู ีพระภาคเจา จึงกลาวคํามีอาทวิ า ยถาป ราชา พลวา ดังน้ี. ในคาํ นั้นมีอธิบายวา พระราชาผูม พี ระกาํ ลงั คือทรงสมบูรณด วยกาํ ลงั คือเรย่ี ว-แรง หรอื ทรงสมบรู ณดวยกาํ ลังเสนา ทรงขม เสนาของพระราชาอ่นื คือพระราชาฝายตรงขาม คือจับไดห มดหรือขับไลใ หห นีไปหมด แลวพงึ ทาํใหเ รา รอน คอื ใหเดือดรอน ใหล าํ บาก ฉนั ใด. บทวา วชิ ิตฺวาน สงคฺ ามความวา ทรงชนะวิเศษ คอื ทรงชนะโดยวิเศษซ่ึงสงคราม คือการถึงกนั เขา ไดแกการรบกับเสนาของพระราชาอน่ื คือทรงไดช ยั ชนะแลว .บทวา นคร ตตถฺ มาปเย ความวา จึงใหส รา ง คอื ใหกระทาํ นคร คอืสถานทอ่ี ยอู ันประดับดว ยปราสาทและเรือนโลน เปน ตนลงในที่น้นั คอื ในทีท่ ี่ทรงชนะนน้ั . บทวา ปาการ ปรขิ ฺจาป เชอ่ื มความวา ใหทํากําแพง คือกําแพงอิฐอนั ขาวดวยปนู ขาว ในนครท่สี รา งไวนั้น. และใหทาํ แมคู คือแมค ูเปอกตม คูนาํ้ คแู หง. บทวา เอสิก ทฺวารโกฏ ก ไดแ ก ใหทําเสาระเนยี ด ตัง้ ซุมใหญ และซุมประตู ๔ ช้นั เปน ตน เพอื่ ความงดงาม
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 647
- 648
- 649
- 650
- 651
- 652
- 653
- 654
- 655
- 656
- 657
- 658
- 659
- 660
- 661
- 662
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 650
- 651 - 662
Pages: