พระอภิธรรมปฎ ก วภิ ังค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 201 ธรรมชาติที่แข็ง ธรรมชาติกระดาง ความแขง็ ภาวะทีแ่ ขง เปนภายนอก เปนอนปุ าทินนรปู ขา งนอก ไดแ ก เหลก็ โลหะ ดีบกุ ขาว ดบี กุ ดาํเงิน แกว มกุ ดา แกวมณี แกวไพฑรู ย สงั ข ศลิ า แกวประพาฬ เงนิ ตราทอง แกวมณแี ดง แกวมณีลาย หญา ทอนไม กรวด กระเบื้อง แผนดินแผนหิน ภูเขา หรอื ธรรมชาตทิ แ่ี ขง็ ธรรมชาติทก่ี ระดา ง ความแข็งภาวะทีแ่ ขง เปนภายนอก เปน อนปุ าทินนรปู ขา งนอก แมอ ื่นใดมอี ยู น้ีเรยี กวา ปฐวธี าตภุ ายนอก. ปฐวีธาตุภายใน ปฐวธี าตุภายนอก ประมวลทัง้ ๒ อยางน้ันเขาเปนหมวดเดียวกัน นเ้ี รยี กวา ปฐวีธาต.ุ [๑๑๖] อาโปธาตุ เปน ไฉน. อาโปธาตุมี ๒ อยา ง คอื อาโปธาตภุ ายใน อาโปธาตุภายนอก. ในอาโปธาตุ ๒ อยางน้ัน อาโปธาตภุ ายใน เปนไฉน ? ความเอิบอาบ ธรรมชาติทเี่ อบิ อาบ ความเหนยี ว ธรรมชาติที่เหนยี วธรรมชาตทิ ีเ่ กาะกมุ รูป เปนภายใน เฉพาะตน เปนอปุ าทนิ นรูป ขา งในไดแ ก ดี เสลด หนอง เลือด เหง่ือ มนั ขน น้ําตา เปลวมนั นาํ ลายนํ้ามูก ไขขอ มตู ร หรอื ความเอิบอาบ ธรรมชาติทเี่ อบิ อาบ ความเหนียวธรรมชาตทิ ่ีเหนยี ว ธรรมชาติทเี่ กาะกมุ รูป เปน ภายใน เฉพาะตน เปน อปุ า-ทินนรูปขา งใน แมอ ืน่ ใดมีอยู นี้เรยี กวา อาโปธาตภุ ายใน. อาโปธาตภุ ายนอก เปนไฉน ? ความเอิบอาบ ธรรมชาตทิ ี่เอิบอาบ ความเหนียว ธรรมชาติท่ีเหนียวธรรมชาตทิ ีเ่ กาะในรูป เปน ภายนอก เปน อนุปาทนิ นรูปขางนอก ไดแ ก รส
พระอภธิ รรมปฎ ก วิภงั ค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 202รากไม ลําตน รสเปลือกไม รสใบไม รสดอกไม รสผลไม นมสด นมสมเนยใส เนยขน นา มัน นา้ํ ผึ้ง นํา้ ออย นํา้ ที่อยบู นพน้ื ดิน หรอื น้ําทอี่ ยใู นอากาศหรอื ความเอิบอาบ ธรรมชาติทีเ่ อบิ อาบ ควานเหนียว ธรรมชาตทิ ี่เหนียว ธรรมชาตทิ ีเ่ กาะกุมรูป เปน ภายนอก เปน อนปุ าทนิ นรูปขา งนอกแมอ ่นื ใดมีอยู นี้เรียกวา อาโปธาตภุ ายนอก. อาโปธาตภุ ายใน อาโปธาตุภายนอก ประมวลทัง้ ๒ อยา งน้ัน เขาเปนหมวดเดยี วกัน นี้เรียกวา อาโปธาต.ุ [๑๑๗] เตโชธาตุ เปน ไฉน ? เตโชธาตุ มี ๒ อยาง คอื เตโชธาตุภายใน เตโชธาตภุ ายนอก. ในเตโชธาตุ ๒ อยางน้นั เตโชธาตุ เปนไฉน ? ความรอ น ธรรมชาติที่รอ น ความอนุ ธรรมชาติทอี่ ุน ความอบอนุธรรมชาตทิ อี่ บอนุ เปน ภายในเฉพาะตน เปนอุปาทนิ นรูปขางใน ไดแกเตโชธาตุทีท่ ําใหรางกายอบอนุ เตโชธาตทุ ีท่ ําใหรา งกายทรดุ โทรม เตโชธาตุท่ีทําใหร า งกายเรารอ น เตโชธาตทุ ่ที ําใหของกนิ ของดื่มของเคยี้ วของลิม้ ถึงความยอยไปดว ยดี หรอื ความรอน ธรรมชาติทร่ี อ น ความอนุ ธรรมชาติทอี่ นุ ความอนุ ธรรมชาตทิ ่อี บอุน เปน ภายในเฉพาะตน เปนอุปาทนิ นรูปขางใน แมอ ื่นใดมอี ยู เรยี กวา เตโชธาตภุ ายใน. เตโชธาตุภายนอก เปน ไฉน ? ความรอ น ธรรมชาติท่ีรอ น ความอนุ ธรรมชาติท่อี นุ ความอบอุนธรรมชาติ ท่ีอบอุน เปน ภายนอก เปนอปุ าทนิ นรูปขา งนอก ไดแก ไฟฟนไฟสะเกด็ ไม ไฟหญา ไฟมลู โค ไฟแกลบ ไฟหยากเยอ่ื ไฟอสนีบาต ความรอ นแหงไฟ ความรอนแหงดวงอาทิตย ความรอ นแหงกองฟน ความรอ น
พระอภธิ รรมปฎก วภิ ังค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 203แหงกองหญา ความรอนแหงกองขาวเปลอื ก ความรอนแหง กองขี้เถา หรือความรอนธรรมชาตทิ ่ีรอ น ความอุน ธรรมชาติทอ่ี ุน ความอบอนุ ธรรมชาติทอ่ี บอุน เปนภายนอก เปนอนุปาทนิ นรูปขางนอก แมอ ื่นใดมอี ยู นีเ้ รยี กวาเตโชธาตภุ ายนอก. เตโชธาตุภายใน เตโชธาตภุ ายนอก ประมวลท้ัง ๒ อยางนัน้ เขาเปน หมวดเดยี วกนั น้ีเรียกวา เตโชธาตุ. [๑๑๘] วาโยธาตุ เปนไฉน ? วาโยธาตุมี ๒ อยางคอื วาโยธาตุภายใน วาโยธาตภุ ายนอก. ในวาโยธาตุ ๒ อยา งน้นั วาโยธาตุภายใน เปนไฉน. ความพัดไปมา ธรรมชาตทิ ี่พัดไปมา ความเครง ตึงแหงรปู เปน ภายในเฉพะตน เปนอุปาทนิ นรปู ขา งใน ไดแก ลมพัดขึน้ เบือ้ งบน ลมพดั ลงเบ้ืองตาํ่ลมในทอง ลมในไส ลมพดั ไปตามตัว ลมศัสตรา ลมมีดโกน ลมเพกิ หวั ใจลมหายใจเขา ลมหายใจออก หรอื ความพัดไปมา ธรรมชาติทพ่ี ัดไปมาความเครง ตึงแหงรปู เปนภายใน เฉพาะตน เปนอปุ าทนิ นรูปขางใน แมอ ืน่ใดมีอยูนี้เรียกวา วาโยธาตุภายใน. วาโยธาตุภายนอก เปน ไฉน ? ความพดั ไปมา ธรรมชาตทิ ี่พดั ไปมา ความเครง ตงึ แหง รปู เปนภายนอก เปน อนุปาทินนรปู ขางนอก ไดแ ก ลมตะวนั ออก ลมตะวันตกลมเหนอื ลมใต ลมมีฝุนละออง ลมไมมีฝุนละออง ลมหนาว ลมรอ นลมออน ลมแรง ลมดาํ ลมบน ลมกระพือปก ลมครุธ ลมใบตาล ลมใบพดั หรอื ความพัดไปมา ธรรมชาตทิ ่ีพัดไปมา ความเครงตึงแหง รปูเปน ภายนอก เปนอปุ าทนิ นรูปขางนอก แมอนื่ ใดมอี ยู นเ้ี รยี กวา วาโยธาตุภายนอก.
พระอภธิ รรมปฎ ก วิภงั ค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 204 วาโยธาตุภายใน วาโยธาตุภายนอก ประมวลทัง้ ๒ อยา งน้ัน เขาเปนหมวดเดยี วกนั น้เี รยี กวา วาโยธาต.ุ [๑๑๙] อากาสธาตุ เปนไฉน ? อากาศธาตุมี ๒ อยาง คือ อากาสธาตุภายใน อากาสธาตภุ ายนอก. ในอากาสธาตุ ๒ อยางนัน้ อากาสธาตุภายใน เปนไฉน ? อากาศ ธรรมชาตอิ นั นบั วาอากาศ ความวา งเปลา ธรรมชาติอนั นับวาความวา งเปลา ชอ งวาง ธรรมชาตอิ ันนบั วา ชอ งวา ง ทีอ่ นั เนอ้ื และเลอื ดไมถกู ตองเบาภายใน เฉพาะตน เปน อปุ าทินนรปู ขา งใน ไดแก ชอ งหู ชองจมูก ชองปาก ชอ งสําหรบั กลนื ของกนิ ของดื่มของเคยี้ วของลิ้ม ชอ งที่พักอยูแหง ของกนิ ของดื่มของเคีย้ วของลม้ิ และชอ งสําหรบั ชองกินของด่ืมของเคยี้ วของลมิ้ ไหลออกเบอื้ งตาํ่ หรอื อากาศ ธรรมชาติอันนบั วาอากาศ ความวา งเปลา ธรรมชาติอนั นับวา ความวา งเปลา ชอ งวา ง ธรรมชาตอิ ันนบั วา ชอ งวาง ท่ีอันเนื้อและเลือดไมถกู ตอง เปน ภายในเฉพาะตน เปนอุปาทนิ กรูปขางใน แมอ ืน่ ใดมอี ยู น้เี รยี กวา อากาสธาตุภายใน. อากาสธาตภุ ายนอก เปน ไฉน ? อากาศ ธรรมชาติอนั นับวา อากาศ ความวา งเปลา ธรรมชาติอนันับวาความวา งเปลา ชองวา ง ธรรมชาติอันนบั วา ชอ งวาง ทอ่ี ันมหาภตู รูป ๔ไมถ กู ตอง เปนภายนอก เปนอนปุ าทินนรปู ขา งนอก ณ เรียกวา อากาสธาตุภายนอก. อากาสธาตภุ ายใน อากาสธาตุภายนอก ประมวลท้งั ๒ อยางนั้น เขาเปนหมวดเดยี วกนั นเ้ี รียกวา อากาสธาตุ.
พระอภิธรรมปฎ ก วิภังค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 205 [๑๒๐] วญิ ญาณธาตุ เปนไฉน ? จักขุวญิ ญาณธาตุ โสตวิญญาณธาตุ ฆานวญิ ญาณธาตุ ชิวหาวิญญาณ-ธาตุ กายวญิ ญาณธาตุ มโนวญิ ญาณธาตุ นีเ้ รียกวา วญิ ญาณธาต.ุ สภาวธรรมเหลา นี้เรยี กวา ธาตุ ๖. ธาตุ ๖ นยั ที่ ๒ [๑๒๑] ธาตุ ๖ อกี นยั หนึ่ง คือ ๑. สุขธาตุ ๒. ทกุ ขธาตุ ๓. โสมนัสสธาตุ ๔. โทมนสั สธาตุ ๕. อุเปกขาธาตุ ๖. อวิชชาธาตุ. ในธาตุ ๖ นัน้ สขุ ธาตุ เปนไฉน ? ความสบายกาย ความสุขกาย ความเสวยอารมณทีส่ บายเปน สขุ เกิดแตกายสัมผสั กริ ยิ าเสวยอารมณท ีส่ บายเปนสุขเกดิ แตกายสมั ผสั นี้เรยี กวาสุขธาต.ุ ทุกขธาตุ เปน ไฉน ? ความไมส บายกาย ความทุกขกาย ความเสวยอารมณท่ีไมส บายเปนทุกขเกิดแตก ายสัมผัส กริ ยิ าเสวยอารมณท ่ไี มสบายเปนทกุ ขเกิดแตก ายสมั ผัสนี้เรียกวา ทกุ ขธาตุ.
พระอภธิ รรมปฎ ก วิภังค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 206 โสมนสั สธาตุ เปน ไฉน ? ความสบายใจ ความสุขใจ ความเสวยอารมณท สี่ บายเปน สุขอนั เกิดแตเ จโตสัมผสั กริ ยิ าเสวยอารมณท สี่ บายเปนสุขเกดิ แตเ จโตสัมผัส น้เี รยี กวาโสมนัสสธาตุ. โทมนัสสชาตุ เปน ไฉน ? ความไมส บายใจ ความทกุ ขใ จ ความเสวยอารมณท ไี่ มสบายเปน ทุกขเกดิ แตเจโตสมั ผัส กริ ยิ าเสวยอารมณท ่ีไมส บายเปน ทุกขเ กดิ แตเ จโตสมั ผสั น้ีเรียกวา โทมนสั สธาต.ุ อุเปกขาธาตุ เปนไฉน ? ความสบายใจกไ็ มใ ช ความไมสบายใจก็ใมใช ความเสวยอารมณไมทุกขไมส ุขเกดิ แตเจโตสมั ผัส กริ ิยาเสวยอารมณไมทุกขไ มส ุขเกิดแตเ จโตสัมผสันเี้ รียกวา อุเปกขาธาต.ุ อวิชชาธาตุ เปน ไฉน ? ความไมร ู ความไมเ หน็ ฯลฯ* ลม่ิ คอื อวิชชา อกศุ ลมลู คือโมหะนี้เรยี กวา อวชิ ชาธาต.ุ สภาวธรรมเหลา น้ีเรยี กวา ธาตุ ๖. ธาตุ ๖ นยั ที่ ๓ [๑๒๒] ธาตุ ๖ อกี นยั หน่งึ คือ ๑. กามธาตุ ๒. พยาปาทธาตุ* ความท่ี ฯลฯ พึงดูในธรรมสงั คณีปกรณ ขอ(๓๐๐).
พระอภธิ รรมปฎ ก วภิ งั ค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 207 ๓. วิหงิ สาธาตุ ๔. เนกขัมมธาตุ ๕. อัพยาปาทธาตุ ๖. อวหิ งิ สาขาธาต.ุ ในธาตุ ๖ นั้น กามธาตุ เปน ไฉน ? ความตรึก ความตรึกอยา งแรง ความดําริ อันประกอบดวยกามความทีจ่ ิตแนบอยใู นอารมณ ความทีจ่ ติ แนบสนทิ อยใู นอารมณ ความยกจติขน้ึ สูอารมณ มิจฉาสังกัปปะ นี้เรียกวา กามธาตุ ช้ันตํา่ มอี วจี ินรกเปน ที่สุดชน้ั สูงมเี ทพชัน้ ปรนิมมติ วสวตั ตเี ปน ทสี่ ดุ ขนั ธ ธาตุ อายตนะ รปู เวทนาสัญญา สังขาร วญิ ญาณ ทท่ี อ งเทยี่ วอยูในระหวางน้ี นบั เน่ืองอยูในระหวางน้ีน้ีเรียกวา กามธาต.ุ พยาปาทธาตุ เปนไฉน ? ความตรึก ความตรึกอยา งแรง อนั ประกอบดวยพยาบาท ฯลฯมจิ ฉาสงั กัปปะ นี้เรียกวา พยาปาทธาตุ อกี นยั หนงึ่ ความทจ่ี ติ อาฆาต ในอาฆาฏวตั ถุ ๑๐ ความอาฆาตมีกาํ ลงั ความกระทบ ความแคน ความโกรธความกําเรบิ ความกาํ เริบหนกั ความคิดประทษุ รา ย ความคิดประทุษรายยิ่งความคิดประทษุ รา ยหนัก ความทจ่ี ิตพยาบาท ความมีใจประทษุ รายย่ิง ความโกรธ กิริยาทโ่ี กรธ สภาพทโ่ี กรธ ความคิดประทุษรา ย กริ ยิ าท่คี ิดประทุษรายสภาพท่ีคดิ ประทษุ รา ย ความพยาบาท กริ ยิ าที่พยาบาท สภาพท่ีพยาบาทความพโิ รธ ความแคน ความดุรา ย อาการทพ่ี ูดไมย้งั ความที่จติ ไมแ ชมช่นืนเ้ี รียกวา พยาปาทธาตุ.
พระอภิธรรมปฎก วิภงั ค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 208 วิหิงสาธาตุ เปน ไฉน ? ความตรึก ความตรกึ อยา งแรง อนั ประกอบดว ยวหิ ิงสา ฯลฯมจิ ฉาสงั กปั ปะ น้เี รยี กวา วหิ งิ สาธาตุ บคุ คลบางคนในโลกน้ี ยอมเบียดเบยี นสัตวท้งั หลายดวยวตั ถุอยา งใดอยา งหน่ึง คือ ฝา มือ กอ นดิน ทอ นไม ศัสตราหรอื เชอื ก ความขม เหง ความขมเหงอยา งแรง ความเบียดเบยี น ความเบยี ดเบียนอยา งแรง ความขง้ึ เคียด ความเคยี ดแคน ความเขาไปเบียดเบียนผูอนื่ เหน็ ปานน้ี นเ้ี รียกวา วิหงิ สาธาต.ุ เนกขมั มธาตุ เปนไฉน ? ความตรกึ ความตรกึ อยางแรง อนั ประกอบดว ยเนกขัมมะ ฯลฯสมั มาสงั กัปปะ น้เี รียกวา เนกขัมมธาตุ กศุ ลธรรมแมทัง้ หมด ก็เรยี กวาเนกขัมมธาตุ. อัพยาปาทธาตุ เปนไฉน ? ความตรกึ ความตรึกอยางแรง อันประกอบดวยความไมพยาบาท ฯลฯสัมมาสงั กปั ปะ นเี้ รยี กวา อัพยาปาทธาตุ ความมไี มตรี กริ ยิ าทม่ี ีไมตรีสภาพทมี่ ไี มตรี ในสัตวท งั้ หลาย เมตตาเจโตวิมตุ ติ นเ้ี รยี กวา อัพยาปาทธาตุ. อวหิ งิ สาธาตุ เปน ไฉน ? ความตรึก ความตรกึ อยางแรง อันประกอบดวยอวิหิงสา ความดาํ ริความทจ่ี ติ แนบอยูในอารมณ ความที่จติ แนบสนทิ อยูในอารมณ ความยกจติ ขึ้นสอู ารมณ สมั มาสงั กัปปะ น้ีเรยี กวา อวหิ งิ สาธาตุ ความกรณุ า กิรยิ าทีก่ รุณาภาพทกี่ รณุ า ในสตั วท งั้ หลาย กรุณาเจโตวิมุตติ นีเ้ รยี กวา อวหิ งิ สาธาตุ. สภาวธรรมเหลานน้ั กเ็ รียกวา ธาตุ ๖.
พระอภิธรรมปฎ ก วิภงั ค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 209 [๑๒๓] ฉักกะ หมวดแหงธาตุ ๖ ทัง้ ๓ นัยน้ี ประมวลเขาเปนหมวดเดยี วกัน เปนธาตุ ๑๘ ดวยประการฉะน้ีแล. สุตตนั ตภาชนีย จบ ธาตุวภิ งั คนิเทศ วรรณนาสตุ ตันตภาชนีย บดั น้ี พระผมู พี ระภาคเจา เม่อื จะทรงยอ ธาตทุ ้ังหมดไวด วยธาตหุ มวด-ละ ๖ แสดงสุตตันตภาชนยี ดว ยหมวดธาตุ ๖ รวม ๓ หมวด ในธาตุวิภังคซึง่ เปน ลําดับตอจากอายตนวิภงั คน ้นั จงึ ตรัส คํามอี าทิวา ฉ ธาตโุ ย(ธาตุ ๖) ดังนี.้ บรรดาบทเหลานัน้ บทวา ฉ (๖) เปน คาํ กําหนดจาํ นวน. บทวา ธาตุโย เปนคาํ แสดงธรรมท่ีทรงกําหนดไว. พงึ ทราบวนิ ิจฉัยในบททงั้ หลายมีคาํ วา ปถวีธาตุ เปนตน ตอไป. ชื่อวา อรรถวา ธาตุ มีความหมายวา เปนสภาวะ ชอ่ื วา อรรถวาสภาวะ มคี วามหมายวาเปนของสูญ ชื่อวา อรรถวาเปนของสูญ มีความหมายวา มิใชสตั ว เพราะฉะน้นั โดยอรรถที่อธบิ ายมานี้ ธาตุ คอืปถวี (ดนิ ) นนั้ แหละ ชื่อวา ปถวธี าตุ (ธาตดุ ิน) ดวยอรรถวา มสี ภาพสญู และไมใ ชส ัตว แมธ าตุมอี าโปธาตุเปน ตน ก็นัยนเ้ี หมือนกัน. บณั ฑติ ทราบบทสมาสในคําวา ปฐวีธาตุ เหลาน้ี อยางนแี้ ลว พึงทราบอรรถ (ความหมาย)ตอไป.
พระอภธิ รรมปฎ ก วภิ งั ค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 210 คาํ วา ปถวีธาตุ ( ธาตดุ นิ ) ไดแก ธาตตุ ั้งมั่น. คาํ วา อาโปธาตุ (ธาตนุ ้าํ ) ไดแ ก ธาตุเกาะกมุ . คาํ วา เตโชธาตุ (ธาตไุ ฟ) ไดแก ธาตุแผดเผา. คําวา วาโยธาตุ (ธาตุลม) ไดแก ธาตุเคล่อื นไหว. คําวา อากาสธาตุ (ธาตุคอื ชอ งวาง) ไดแ ก ธาตุท่สี มั ผัสไมไ ด. คาํ วา วิ ฺญาณธาตุ (ธาตุคอื วญิ ญาณ) ไดแก ธาตรุ แู จง. นิเทศปฐวีธาตุ บทวา ปถวธี าตทุ วฺ ย (ปฐวีธาตุ ๒ อยา ง) ไดแก ปฐวธี าตุน้มี ี๒ อยา ง อธิบายวา ชือ่ วา ปฐวีธาตนุ ี้มิไดมีอยางเดียวเทา นั้น แตม ี ๒ อยา งโดยแยกเปนปฐวธี าตภุ ายใน และปฐวีธาตภุ ายนอก ดวยเหตนุ ้ันแหละ พระ-ผูม พี ระภาคเจาจึงตรสั วา อตฺถิ อชฺฌตตฺ ิกา อตฺถิ พาหิรา (ปฐวธี าตุ-ภายในมีอยู ปฐวธี าตุภายนอกมีอยู). บรรดาคําเหลา นน้ั คําวา อชฺณตตฺ ิกา (ภายใน) ไดแ กท่นี บั เนอื่ งในสันดานของสตั ว คือ ทีอ่ ยภู ายในซ่งึ เกดิ ในตน. คําวา พาหิรา (ภายนอก)ไดแก ทนี่ ับเนอ่ื งในสนั ดาน (การสืบตอ ) ของสงั ขาร คือ ทีไ่ มเ กีย่ วดว ยอินทรีย. คําวา อชฺฌตตฺ ปจฺจตตฺ (เปน ภายในเฉพาะตน) นีแ้ มท ง้ั ๒ ก็เปน ช่ือของธาตทุ อ่ี ยูภายในซงึ่ เกิดในตนนน้ั เอง. บดั นี้ เพอื่ จะทรงแสดงปฐวธี าตนุ น้ั โดยอาการ (ลกั ษณะ) แหงภาวะ-ของตนจงึ ตรสั คําวา กกขฺ ฬ (แข็ง) เปนตน. บรรดาคาํ เหลานั้น คําวากกขฺ ฬ (แข็ง) ไดแ ก ธรรมชาติทีแ่ ขง็ . คําวา ขริคต (กระดาง) ไดแ ก
พระอภธิ รรมปฎก วิภังค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 211ธรรมชาตทิ ีห่ ยาบ. คําวา กกฺขฬตติ (ความแข็ง) ไดแก ภาวะทีแ่ ขง็ .คําวา กกขฺ ฬภาโว (ภาวะท่ีแขง็ ) ไดแก สภาวะที่แข็ง. คาํ วา อชฺฌตฺต อปุ าทนิ นฺ (อุปาทินนรปู ที่เปนภายใน) ไดแ กอุปาทนิ นรปู กลา วคือ รูปภายในเกิดในตน รปู ท่ีต้งั อยูใ นสรรี ะ ชอื่ วาอุปาทนิ นะ จรงิ อยู รูปทต่ี ้ังอยใู นสรรี ะจะมีกรรมเปน สมฏุ ฐานกต็ าม หรอื ไมม ีกรรมเปน สมฏุ ฐานกต็ าม ทรงหมายเอารูปทตี่ งั้ อยใู นสรีระอันเปนอปุ าทินนะบาง เปนอนุปาทินนะบางนนั้ . แตเพอ่ื ทรงแสดงวา รปู ทต่ี ง้ั อยใู นสรีระเหลานั้นแมท งั้ หมด เปนอุปาทนิ นรูป ดว ยอํานาจแหง รปู ทม่ี ีใจครองซ่งึ ถูกตัณหาและทิฏฐิยึดถือไวแลวนนั่ แหละ จึงตรสั คําวา อชฌฺ ตตฺ อปุ าทนิ นฺ เปน ตน. นิเทศปฐวีธาตภุ ายใน บัดนี้ พระผมู พี ระภาคเจาทรงประสงคจ ะแสดงปฐวีธาตนุ ้ันนั่นแหละดว ยสามารถแหงวตั ถุ จึงตรสั คําวา เสยยฺ ถีท เกสา โลมา ดงั นเ้ี ปนตน . ในพระบาลีน้นั คําวา เสยฺยถีท เปน นบิ าต. คําวา เสยฺยถีทนน้ั มีอธบิ ายวา ปฐวีธาตุทีเ่ ปน ภายในเปนไฉน ? หรือวารูปที่อยูภายในเปนของเฉพาะตน ช่อื วา เปนธรรมชาติแข็งน้นั เปน ไฉน ? คําวา เกสา โลมา เปน ตน เปนคําแสดงประเภทแหง ปฐวธี าตทุ ี่เปนภายในนนั้ ดว ยอาํ นาจทเี่ ปนวัตถุ มคี ําอธิบายไวอ ยา งน้ีวา ช่ือวา เกสา(ผมทง้ั หลาย) อยภู ายในเปนอปุ าทินนรปู เปน ของตั้งอยูในสรรี ะ มีความแข็งเปนลักษณะ เปนโกฏฐาส (สวน) หนง่ึ โดยเฉพาะในสรรี ะนี้. ช่อื วา โลมา(ขนทัง้ หลาย) ฯลฯ ช่อื วา กรสี ะ (อาหารเกา). มัตถลุงคัง (มันสมอง)
พระอภธิ รรมปฎก วิภังค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 212แมม ไิ ดตรัสไวในธาตวุ ภิ งั คน้ี แตทานกย็ กข้ึนสูบาลีในปฏสิ มั ภิทามรรค ชอื่ วามตั ถลงุ คงั ทนี่ ํามาแลว เปนของภายใน เปนอุปาทนิ นรูป ตั้งอยูใ นสรรี ะมคี วามแข็งเปนลักษณะ เปน โกฏฐาสหนง่ึ โดยเฉพาะในสรรี ะน.้ี แมใ นนํา้ ดีเปนตนในนเิ ทศแหง อาโปธาตุเปน ตนขา งหนา กม็ นี ัยน้ีเหมอื นกนั . ถามวา ดวยคําวา เสยยฺ ถีท เกสา เปน ตนน้ี ทรงแสดงอะไร. ตอบวา มนสกิ ารธาตุ. ถามวา ก็กุลบตุ รผูป รารถนาจะทาํ กรรมในมนสิการธาตนุ ้ีแลว เรมิ่วปิ ส สนาเพ่อื บรรลุพระอรหัตอันเปนประโยชนส ูงสุด จะพึงทําอยางไร. ตอบวา พงึ ชาํ ระปารสิ ุทธิศีล ๔ ใหบ รสิ ุทธ์.ิ เพราะวา การเจรญิกรรมฐานยอ มสําเรจ็ แกบคุ คลผมู ศี ลี วิธที ําการชาํ ระจตุปารสิ ทุ ธิศีลนนั้ พึงทราบโดยนัยทก่ี ลาวไวใ นวสิ ทุ ธิมรรคน่นั แหละ. ก็กุลบุตรผมู ศี ีลบริสุทธ์ติ ั้งอยูในศลี แลวพึงตัดปลิโพธ (ความกังวลใจ) เบอื้ งตน ๑๐ อยาง วิธีการตดัปลิโพ ๑๐ อยา งแมเหลานน้ั ก็พงึ ทราบโดยนยั ทกี่ ลาวไวใ นวสิ ทุ ธิมรรคน้ันแหละ อันกุลบตุ รผูตัดปลโิ พธแลวพงึ เรียนเอากรรมฐานมนสิการธาตุ แมอาจารยผ ใู หอันเตวาสิกเรยี นกรรมฐานมนสกิ ารธาตุ กพ็ ึงบอกอุคคหโกศล ๗๑อยา ง และมนสิการโกศล๒ ๑๐ อยา ง แมอ นั เตวาสกิ ก็ควรทําการสาธยายในสํานกั แหงอาจารยใ หม ากแลว ทํากรรมฐานใหค ลอ งแคลว หมดความยุงยาก.ขอ นสี้ มดงั คําที่ทานกลา วไวในอรรถกถาวา ภิกษุผูแ รกเร่มิ กรรมฐานเปนผูใครเพอ่ื จะพนจากชราและมรณะพงึ ปรารถนาอคุ คหโกศลโดยอาการ ๗ อยา ง พึงปรารถนามนสิการโกศลโดยอาการ ๑๐ อยาง.๑. ผูฉลาดในการเรยี น ๗ อยาง.๒. ผฉู ลาดในการมนสิการ ๑๐ อยาง.
พระอภธิ รรมปฎก วภิ งั ค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 213 วาดว ยอคุ คหโกศล ๗ อยา ง บรรดาอคุ คหโกศล และมนสิการโกศลเหลา นัน้ กุลบตุ รพึงปรารถนาอุคคหโกศลในกรรมฐานมนสิการธาตเุ หลานน้ั คอื โดยวาจา ๑ โดยใจ ๑ โดยสี ๑ โดยสณั ฐาน ๑ โดยทิศ ๑ โดยโอกาส ๑ โดยปริเฉท ๑ วา ดวยมนสิการโกศลมี ๑๐ อยาง กลุ บุตรพงึ ปรารถนามนสกิ ารโกศลโดยอาการ ๑๐ อยางเหลา น้ี คอื โดยลาํ ดับ ๑ โดยไมเ ร็วเกินไป ๑ โดยไมชา เกินไป ๑ โดยหามความฟงุ ซาน ๑ โดยกาวลว งบญั ญัติ ๑ โดยละลําดบั ๑ โดยลกั ษณะ ๑ โดยสูตรทง้ั ๓.** อธิจติ ตสตู ร สิตภิ าวสูตร โพชฌงคโกสลั ลสตร.
พระอภิธรรมปฎ ก วภิ งั ค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 214 โกศลแมทัง้ ๒ จักแจมแจงในสตปิ ฏ ฐานวิภังคข างหนา. กก็ ลุ บตุ รผมู กี รรมฐานอนั เรยี นเอาอยา งนี้ พงึ เวน เสนาสนะท่ีเปน โทษ๑๘ แหง ความทกี่ ลา วไวในวสิ ุทธมิ รรค อยใู นเสนาสนะประกอบดวยองค ๕แมคนเองกป็ ระกอบดว ยองคแหงภกิ ษผุ ปู ระกอบความเพยี ร ๕* กลับจากบิณฑบาตในเวลาภายหลงั ภตั แลว เขาไปสทู ี่โอกาสอนั สงดั มนสิการกรรมฐานก็กลุ บตุ รนั้นเมือ่ มนสิการพงึ มนสกิ ารโกฏฐาส แคละอยางในบรรดาโกฏฐาสท้งั หลายมีผมเปน ตน ดวยสามารถแหง สี สณั ฐาน ทิศ โอกาส และปริจเฉท ในกาลเปนทีส่ ุด พงึ ใหมนสกิ ารเปน ไปอยา งน้ี. วาดวยวธิ มี นสิการเกสา (ผมท้งั หลาย) ธรรมดา เกสา คอื ผมทั้งหลายเหลา นน้ั เกิดในหนังหุมกะโหลกศีรษะในผมทั้งหลายเหลานั้น. พระโยคพี งึ มนสกิ ารวา บรรดาหญา แฝกหอมท้ังหลายซง่ึ เกิดบนจอมปลวก จอมปลวกยอมไมร วู า หญา แฝกหอมทง้ั หลายเกิดในเรา แมห ญา แฝกหอมเลาก็ไมรูว า พวกเราเกิดบนจอมปลวก ดงั นี้ฉนั ใด หนังหุมกะโหลกศรี ษะกฉ็ นั นน้ั เหมือนกนั ยอ มไมร วู า ผมท้งั หลายเกิดในเรา แมผ มทงั้ หลายเลาก็ไมร วู า พวกเราเกดิ ในหนงั หมุ กะโหลกศีรษะ ดังนี้ ธรรมเหลา น้ัน เวนจากความคิดและพิจารณาซง่ึ กนั และกันเพราะฉะนัน้ ขึน้ ชือ่ วาผมทัง้ หลายท่ีเปนโกฏฐาส (สวน) หน่ึงโดยเฉพาะในสรรี ะนี้ ไมมเี จตนา เปนอพั ยากตะ เปนสองสญู ไมใชสตั ว เปน ธรรมชาติแข็ง ชื่อวา ปฐวีธาตุ ดังน้ี.* ในท่นี ีท้ ี่ทานไมไ ดบ อกไว ผแู ปลไดน ํามาจากหมวดธรรมในพระไตรปฏกกลาววามี ๕ เหมือนกนัคือ ๑. มีศรทั ธา ๒. มโี รคนอยเปนผูอดทน ๓. เปน ผูไมโ ออ วด ไมมมี ายา ๕ มคี วามเพียรไมท อ ถอย ๕ มปี ญญา มคี วามสามารถเหน็ ความเกิดดับ.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 647
- 648
- 649
- 650
- 651
- 652
- 653
- 654
- 655
- 656
- 657
- 658
- 659
- 660
- 661
- 662
- 663
- 664
- 665
- 666
- 667
- 668
- 669
- 670
- 671
- 672
- 673
- 674
- 675
- 676
- 677
- 678
- 679
- 680
- 681
- 682
- 683
- 684
- 685
- 686
- 687
- 688
- 689
- 690
- 691
- 692
- 693
- 694
- 695
- 696
- 697
- 698
- 699
- 700
- 701
- 702
- 703
- 704
- 705
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 650
- 651 - 700
- 701 - 705
Pages: