พระอภิธรรมปฎก วภิ งั ค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 535 ก็บรรดาเวทนา ๘๙ ประเภทเหลาน้ี ตรัสเวทนาท่ีประกอบดวยวบิ ากจิต ๓๒ ดวง เทา น้นั วาทรงประสงคเ อาในขอวา ผสสฺ - ปจจฺ ยา เวทนา นี.้ ผสั สะเปน ปจจัย ๘ อยา งแกเวทนา ๕ ในปญ จทวารนั้น เปน ปจ จยั อยา งเดยี วแก เวทนาทีเ่ หลือ แมใ นมโนทวาร ผัสสะนน้ั ก็ เปนปจจัยเหมือนอยางนน้ั . จริงอยู ในปญจทวารนั้น ผสั สะเกิดแตจักขุสัมผสั เปน ตน เปน ปจ จยั๘ อยาง แกเวทนา ๕ ท่มี ีจกั ขปุ ระสาทเปน ตนเปนวตั ถทุ เ่ี กดิ ดว ยอาํ นาจสหชาตปจจัย อญั ญมัญญปจ จัย นสิ สยปจ จัย วปิ ากปจจัย อาหารปจ จัยสมั ปยุตตปจ จัย อัตถปิ จจยั และอวิคตปจจยั กผ็ สั สะมจี กั ขสุ มั ผสั เปนตนเปนปจ จัยอยางเดยี วเทานน้ั ดว ยอํานาจอุปนิสสยปจจัย แกก ามาวจรวบิ ากเวทนาท่ีเหลือ ซงึ่ เปนไปดว ยอาํ นาจสัมปฏิจฉันนะ สนั ตีรณะ และตทารัมมณะในทวารแตละทวาร. ขอวา แมในมโนทวาร ผัสสะน้นั ก็เปนปจจยั เหมอื นอยางนน้ัความวา ผสั สะนนั้ คือสหชาตมโนสัมผัส เปน ปจ จยั ๘ อยา ง เหมือนกนั นน่ัแหละ แกกามาวจรวบิ ากเวทนาทีเ่ ปนไปดวยอาํ นาจแหง ตทารมณแมในมโน-ทวาร และเปน ปจ จัย แมแกว บิ ากเวทนาในภมู ิ ๓ ท่เี ปน ไปดว ยอํานาจปฏิสนธิภวงั คแ ละจตุ ิ. อนงึ่ มโนสมั ผสั ท่สี ัมปยตุ ดว ยอาวชั ชนะ เปน ปจจยั อยางเดยี ว
พระอภธิ รรมปฎ ก วิภงั ค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 536ดว ยอํานาจอปุ นิสสยปจจยั ในมโนทวาร แกก ามาวจรเวทนาซึ่งเปน ไปดว ยอํานาจตทารมั มณะในมโนทวารนั้น ฉะนี้แล. นิเทศเวทนาเกิดเพราะผัสสะเปนปจจยั จบ วาดวยนเิ ทศตัณหา (บาลีขอ ๒๖๓) พึงทราบวนิ ิจฉัยนิเทศตัณหาเกิดเพราะเวทนาเปน ปจจัย ตอ ไป ตนั หา ๖ อยา ง พระองคทรงแสดง ไวใ นนิเทศนี้ โดยความตา งแหงรูปตณั หา เปนตน ในตณั หา ๖ เหลา นั้น แตละตัณหา ตรสั ไว ๓ อยาง โดยอาการที่เปน ไป. ก็ในนเิ ทศตัณหาเกิดเพราะเวทนาเปน ปจ จัยนี้ มอี ธบิ ายวา ตณั หา ๖อยา งเหลา น้นั พระองคท รงแสดงแลว คือ ประกาศแลว ตรัสแลว ดวยอาํ นาจแหงชือ่ โดยอารมณวา รูปตณั หา สทั ทตัณหา คันธตณั หา รสตัณหา โผฏฐัพพ-ตัณหา ธรรมตณั หา ดงั น้ี เหมอื นบุตรท่เี ขาประกาศช่อื ตามบิดาวา เสฏ-ิปตุ ฺโต ( บตุ รเศรษฐ)ี พฺราหมฺ ณปุตฺโต (บุตรพราหมณ) ฉะน้นั . บรรดาตัณหา ๖ เหลานั้น พงึ ทราบอรรถแหงคาํ โดยนยั นี้วา รเู ป ตณฺหา รปู ต-ณหฺ า ตัณหาในรปู ชอื่ วา รูปตณั หา ดังน้.ี วา ดว ยตัณหา ๑๘ อยา ง กแ็ ล บรรดาตณั หาเหลา นัน้ ตณั หาแตละอยาง ตรัสไว ๓ อยา งน้ีคอื กามตณั หา ภวตัณหา วิภวตัณหา ตามอาการทเ่ี ปนไป จรงิ อยู
พระอภธิ รรมปฎก วิภังค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 537ในกาลใดรูปตณั หาแหละยนิ ดรี ปู ารมณท่ีมาสคู ลองจกั ษดุ วยอาํ นาจความยินดีในกามเปน ไป ในกาลนนั้ ช่อื วา กามตัณหา ในกาลใดรปู ตณั หาเปนไปพรอ มกับทฏิ ฐิทีเ่ ปน ไปวา รูปารมณน ้นั น่ันแหละเท่ยี ง ย่ังยนื ดังนี้ ในกาลน้ันช่อื วาภวตณั หาเพราะราคะเกิดรว มกับสัสสตทิฏฐิ ตรสั เรยี กวา ภวตัณหา แตใ นกาลใด รปู ตัณหาน้ันเปน พรอ มกับอจุ เฉททฏิ ฐิที่เปนไปวา รูปารมณนน้ั นน่ั แหละขาดสญู ยอ มพนิ าศ ดังน้ี ในกาลนัน้ ชื่อวา วิภวตณั หา เพราะราคะเกิดรวมกับอจุ เฉททิฏฐิ ตรัสเรยี กวา วิภวตัณหา. แมใ นสทั ทตณั หาเปนตน ก็นยั น้ีเหมอื นกัน เพราะฉะนน้ั ตณั หาเหลานี้ จึงรวมเปน ๑๘. ตณั หาเหลา นัน้ ในรปู ภายในเปน ตนมี ๑๘ อยา ง ในภายนอกมี ๑๘อยา ง เพราะฉะนั้น จงึ เปน ตัณหา ๓๖ อยาง ตัณหาเหลานัน้ เปนอดตี ๓๖อนาคต ๓๖ เปนปจจบุ ัน ๓๖ รวม ตณั หา ๑๐๘ ดว ยประการฉะน้ี. ก็ตัณหา ๑๐๘ เหลา นน้ั เม่ือยอ ลง พงึ ทราบวา เปน ตัณหา ๖ ดวยสามารถแหง อารมณม รี ปู เปนตน หรอื เปนตณั หา ๓ เทาน้นั ดวยอํานาจกามตณั หาเปน ตน . กเ็ พราะสัตวเหลานี้ ยนิ ดเี วทนาอันเกดิ ขึ้นดวยอาํ นาจอารมณม รี ปูเปนตน จงึ ทําสกั การะใหญแ กจติ รกร (ชางเขียน) คนธรรพ (นกั ดนตรี)ผปู รุงแตง ดว ยของหอม พอครัว ชางทอ และแพทยผ ูทําวิธตี า ง ๆ ใหเ กดิความยนิ ดเี ปนตน อันใหซ ึ่งอารมณม รี ปู เปนตน ดว ยยึดเวทนาวาเปนของเราเหมอื นบคุ คลผรู ักใครบุตรดวยความยึดถือบุตรเปนของเรา กระทําสักการะใหญแกนางนม ฉะนนั้ ตณั หาเหลา น้นั แมท ้ังหมด พงึ ทราบวา เกดิ เพราะเวทนาเปน ปจ จยั แล.
พระอภธิ รรมปฎก วภิ ังค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 538 วาดวยสขุ เวทนาทเ่ี ปนวิบากเปนปจ จัย แตเพราะในนเิ ทศวา เวทนาปจจฺ ยา ตณฺหา ทรงประสงคเอาสุขเวทนาที่เปน วิบากอยา งเดยี วเทาน้ัน ฉะนั้น เวทนาน้ีจึง เปนปจ จยั ตา งเดยี วเทา นั้นแกตณั หา.คําวา เปนปจ จัยอยา งเดียว คือเปนปจ จัยดว ยอปุ นิสสยปจ จัย. วาดวยเวทนา ๓ เปน ปจจัยอกี อยา งหนึ่ง เพราะวา คนมที ุกข ยอมปรารถนาสุข คนมี สุข กย็ อ มปรารถนาสขุ แมย ิ่งขึน้ ไป สวน อุเบกขาตรสั วา สุขนัน่ แหละ เพราะเปน ธรรมสงบ. ฉะนนั้ เวทนาแมทัง้ ๓ จงึ เปนปจจัย แกต ณั หา พระมหาฤาษี จึงตรสั วา ตณั หา เกิดเพราะเวทนาเปน ปจจัย. อน่งึ เพราะเวน อนสุ ยั เสีย แลว ตณั หายอมไมเ กิด เพราะเวทนาเปนปจ จัย ฉะน้ัน ตณั หานนั้ จงึ ไมม ีแกพ ราหมณผ จู บ พรหมจรรยแล. นเิ ทศตณั หาเกดิ เพราะเวทนาเปน ปจ จัย จบ
พระอภิธรรมปฎก วิภงั ค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 539 วาดว ยนิเทศอุปาทาน (บาลีขอ ๒๖๔) พึงทราบวนิ ิจฉัยนเิ ทศอปุ าทานเกิดเพราะตณั หาเปน ปจจัยตอไป. บณั ฑิตพึงช้แี จงอปุ าทาน ๔ เหลา นั้น โดยการจําแนกโดยอรรถ โดยยอและพสิ ดาร แหง ธรรม และโดยลาํ ดับ. จรงิ อยู ในพระบาลี ทรงยกอุปาทาน ๔ เหลานนั้ ขนึ้ ดว ยพระดํารัสท่ตี รัสวา คําวา อปุ าทาน ไดแ ก กามปุ าทาน ทฏิ ุปาทาน สีลัพพตุปาทานอัตตวาทุปาทาน. วา ดว ยการจาํ แนกโดยอรรถ การจาํ แนกโดยอรรถแหง อุปาทาน ๔ เหลาน้ัน ดังน้ี ธรรมที่ชื่อวา กามปุ ทาน เพราะอรรถวา ยึดม่ันกามกลาวคือวตั ถกุ าม. อนง่ึ กามนน้ั ดว ย เปนอปุ าทานดว ย เพราะฉะนัน้ จึงชื่อวากามุปาทาน. คําวา อปุ าทาน ไดแกก ารยดึ ม่นั เพราะอปุ ศพั ทในคําวา อุปาทานนี้ มีอรรถวา มั่น เหมอื นในศพั ทมีคาํ วา อปุ ายาส (ความดบั แคน ใจ)อปุ กัฏฐะ (เวลาใกลเ ขามาแลว ) เปนตน. อนึ่ง ทิฏฐนิ นั้ ดว ยเปน อุปาทานดว ย จึงชอ่ื วา ทิฏุปาทาน อีกอยางหนงึ่ ท่ีชอ่ื วา ทิฏุปาทาน เพราะอรรถวา ยึดม่นั ทฏิ ฐิ เพราะทฏิ ฐหิ ลังยอ มยดึ ม่นั ทิฏฐแิ รก เหมือนในประโยคมอี าทวิ า \"อตั ตาและโลกเทย่ี ง\" เปน ตน. อน่ึง ทชี่ ือ่ วา สลี พั พตปุ าทานเพราะอรรถวา ยึดม่นั ศีลและพรต. ศีลและพรตนน้ั ดวย เปนอุปาทานดว ยดงั นก้ี ช็ ื่อวา สีลพั พตุปาทาน เพราะโคศีล (ปรกตขิ องโค) โควัตร
พระอภธิ รรมปฎก วภิ ังค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 540(การปฏิบัติของโค) เปน ตน เปนตวั อปุ าทานเองทเี ดียว เพราะยดึ ม่ันวา\"ความบรสิ ทุ ธ์มิ ีดว ยอาการอยางน\"้ี ดงั นี้. อน่ึง ทช่ี ่ือวา วาทะ เพราะเปนเหตุกลา วของคนท้ังหลาย ที่ชื่อวา อุปาทาน เพราะเหตุยืดมน่ั ของคนทัง้ หลายถามวา ยอมกลา วอะไร หรือยึดม่ันอะไร ? ตอบวา กลาวอตั ตา ยดึ มน่ั อตั ตาคอื การยึดมัน่ วาทะของตน ช่อื วา อัตตวาทปุ าทาน. อีกอยา งหน่ึง อัตตากเ็ ปนเพียงกลาวถงึ คนเทานัน้ เพราะฉะนนั้ จึงชอื่ วา อัตตวาทุปาทาน เพราะอรรถวา เปนเหตยุ ดึ มน่ั ของคนทง้ั หลาย นเี้ ปน การจาํ แนกโดยอรรถแหง อปุ า-ทาน ๔ เหลา นัน้ กอ น. วาดว ยความยอและพสิ ดารแหง ธรรม ก็พงึ ทราบวนิ ิจฉัยในความยอ และพิสดารแหงธรรม ตอไป กามปุ าทานกอน วา โดยยอ ตรัสวา ความยึดมั่นดวยตัณหา เพราะบาลีมาแลววา บรรดาอปุ าทาน ๔ น้ัน กามปุ าทานเปน ไฉน ความพอใจคือความใคร ความกาํ หนดั คอื ความใคร ความเพลดิ เพลินคือความใคร ตัณหาคือความใคร สเิ นหาคือความใคร ความเรา รอ นคือความใคร ความสยบคือความใคร ความหมกมุนคอื ความใคร ในกามทัง้ หลาย อนั ใด น้ีเรยี กวา กามปุ าทาน* ดังน้ี ตณั หาหลังเกดิ ขน้ึมัน่ คงดวยอปุ นสิ สยปจ จยั เพราะตณั หาแรกนน่ั เอง ชือ่ วา ความยดึ มนั่ ดว ยตณั หา. มติ ขิ องอาจารยบางพวก แตอ าจารยบ างพวกกลา ววา \"ความปรารถนาอารมณทีย่ ังไมม าถงึชื่อวา ตณั หา เหมอื นโจรเหยียดมอื ไปเพอื่ ขโมยของในทีม่ ืด การรับอารมณ*อภ.ิ ส . เลม ๓๔. ๗๘๑/๓๐๖
พระอภิธรรมปฎก วิภังค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 541ทมี่ าถึงแลว ช่อื วา อุปาทาน เหมอื นโจรนั้นแหละจบั ภัณฑะไว กธ็ รรม (คอืตัณหาอปุ าทาน) เหลานั้น เปน ปฏิปกษตอความมกั นอยและความสนั โดษ อน่งึธรรมเหลาน้ี ยงั เปนมูลเหตแุ หง ทกุ ขเพราะตอ งแสวงหา และรกั ษา\" ดงั นี้ ก็อปุ า-ทาน ๓ ท่เี หลือโดยยอกเ็ ปน เพยี งทฏิ ฐเิ ทา น้ัน. แตเ มือ่ วาโดยพิสดาร ความยดื ม่ันดวยตัณหาทง้ั ๑๐๘ ประเภทตามท่ีกลาวไวในอารมณมีรปู เปน ตน ในกอน ชือ่ วา กามปุ าทาน. มจิ ฉาทฏิ ฐมิ วี ตั ถุ ๑๐ ชอ่ื วา ทฏิ ปฺ าทาน เหมือนอยา งทต่ี รัสไวว าบรรดาอปุ าทาน ๔ เหลา นี้ ทฏิ ุปาทานเปนไฉน ? ความเหน็ วาทานท่ใี หแ ลว ไมมผี ล การบชู าไมมผี ล ฯลฯ สมณพราหมณทีท่ าํใหแ จง ซ่ึงโลกน้แี ละโลกอ่นื ดว ยปญญาอนั ยิ่งเองแลว ประกาศใหคนอนื่ รไู ด ไมม ใี นโลก ดังนี้ ทิฏฐิ ฯลฯ การถอื โดยวปิ ลาส เห็นปานนอี้ ันใด นเี้ รียกวา ทฏิ ปุ าทาน* ดังน้ี. อนึง่ การยึดมั่นวาความบรสิ ุทธิ์มดี วยศีลและพร ช่ือวา สีลัพพตุ-ปาทาน เหมือนอยา งท่ตี รัสไววา บรรดาอปุ าทาน ๔ เหลานัน้ สีลพั พต-ุปาทาน เปนไฉน ? ความเหน็ ผิด ฯลฯ การถือโดยวปิ ลาส โดยลักษณะนว้ี า ความบริสทุ ธย์ิ อมมดี ว ยศีล ดวยพรต ดว ยศลี และดว ยพรตเหน็ ปานนี้ อันใด น้เี รียกวา สีลพั พตปุ าทาน ดังนี้. สักกายทฏิ ฐิมวี ัตถุ ๒๐ ชอ่ื วา อัตตวาทุปาทาน เหมือนอยา งที่ตรสั วา บรรดาอปุ าทาน ๔ เหลา น้นั อตั ตวาทปุ าทาน เปนไฉน ?ปุถุชนในโลกนผี้ ไู รก ารศกึ ษา ไมไ ดเห็นสัตบรุ ุษทง้ั หลาย ไมฉลาด* อภิ. ส . เลม ๓๔. ๗๘๒/๓๐๖
พระอภธิ รรมปฎ ก วิภังค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 542ในธรรมของสัตบุรุษ ไมไ ดฝก ในธรรมของสัตบุรุษ ยอมเห็นรูปโดยความเปน อัตตา ฯลฯ การถอื โดยวิปลาส นี้เรียกวา อัตตวาทปุ าทาน ดังน้ี. น้ีเปนความยอ และความพิสดารแหง ธรรมในอธกิ ารนี้. วา โดยลาํ ดบั ก็ในขอวา โดยลําดับ น้ี ลาํ ดบั มี ๓ อยาง คือ อปุ ฺปตฺติกกฺ โม ลาํ ดับแหงการเกิด ปหานกฺกโม ลําดบั แหงการละ และ เทสนากกฺ โม ลาํ ดับแหง เทศนา. บรรดาลําดบั ทัง้ ๓ น้ัน ลําดับแหงการเกดิ ข้นึ ของกิเลสท้ังหลายไมตรัสไวโดยนิปปรยิ าย (โดยตรง) เพราะไมม คี ําวา อปุ าทานน้ีเกิดขนึ้ กอ นในสังสารมีเบอ้ื งตนและท่ีสดุ อันบุคคลรูไมไ ดแลว แตก ต็ รสั ไวโดยปริยาย (โดยออ ม) วา เปน ความยดึ มน่ั ในสสั สตะและอจุ เฉทะซ่ึงมคี วามยึดถอื อตั ตาเปน ใหญในภพหน่ึงโดยมาก ตอจากนนั้ เมอ่ื ยดึ ถอื วา \"อัตตาน้ีเทยี่ ง\" ดังน้ี จึงเกิดสีลพั พตปุ าทาน เพื่อความปฏิบัติอันบรสิ ุทธแิ์ หงอัตตา เมอ่ื ยึดถือวา \"อตั ตายอมขาดสญู \" ดังนี้ กจ็ ะเกดิ กามปุ าทานแกบคุ คลผูไ มม คี วามอาลัยในโลกอ่นืเพราะฉะนนั้ อัตตาทุปาทานจงึ เกิดขึน้ กอน ตอจากนนั้ กเ็ กดิ ทิฏปุ าทานสีลัพพตปุ าทานและกามุปาทาน ดงั น้ี เปนลําดบั แหงความเกดิ ข้ึนของอปุ าทานเหลา นน้ั ในภพหนงึ่ ดว ยประการฉะน.ี้ กใ็ นขอวา ลาํ ดบั แหงการละน้ี ทฏิ ุปาทานเปนตน อนั บคุ คลยอ มละกอ น เพราะเปนกเิ ลสอนั โสดาปตตมิ รรคพงึ ประหาณ ภายหลังจงึ ละกาม-ุ
พระอภธิ รรมปฎ ก วภิ งั ค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 543ปาทาน เพือ่ เปนกเิ ลสอันอรหตั มรรคพึงประหาณ นล้ี ําดบั การละอปุ าทานเหลานั้น ดว ยประการฉะนี้. ก็บรรดาอปุ าทาน ๔ เหลานี้ ทรงแสดงกามปุ าทานกอ น เพราะเปนกิเลสมอี ารมณม าก และเพราะกิเลสปรากฏแลว จรงิ อยู กามปุ าทานนั้น ชอ่ื วามอี ารมณมาก เพราะประกอบดว ย (โลภมลู ) จิต ๘ ดวง อปุ าทานนอกจากน้ีมีอารมณน อย เพราะประกอบดวย (โลภมลู ทีส่ ัมปยุตดว ยทฏิ ฐ)ิ จติ ๔ ดวง.อน่งึ กามปุ าทานปรากฏแกหมสู ัตว เพราะความอาลัยและยนิ ดีโดยมาก อปุ าทานนอกนไี้ มเ ปน เชนนนั้ อกี อยา งหนึ่ง กามปุ าทานเปนของมีมากแกบ ุคคลผถู ือมงคลตืน่ ขาวเปน ตน เพอ่ื บรรลวุ ตั ถุกามทง้ั หลาย สสั สตทิฏฐิหาเปนเชนน้นั ไมเพราะฉะนนั้ จึงทรงแสดงทฏิ ุปาทานในลาํ ดบั ตอ จากกามปุ าทานนนั้ ทฏิ -ุปาทานน้ัน เม่อื จาํ แนกก็เปน ๒ อยาง ดว ยสามารถแหงสีลพั พตุปาทาน และอัตตวาทุปาทาน. ในอุปาทาน ๒ น้นั ทรงแสดงสีลพั พตปุ าทานมอี ารมณอนั หยาบกอ น เพราะบุคคลแมเ ห็นกริ ิยาของโค หรอื กิริยาของสนุ ัขแลว กร็ ไู ด แลวทรงแสดงอตั ตวาทปุ าทานในที่สดุ เพราะเปนธรรมมอี ารมณละเอียด. น้ลี ําดับแหง เทศนาของอุปาทานทั้งหลาย ดวยประการฉะน.้ี ตณั หาเปน ปจ จัยแกอุปาทาน ก็บรรดาอุปาทานเหลานี้ ตัณหาเปน ปจ จยั อยางเดียวแกอปุ าทานแรก ตัณหาแม- นน้ั เปนปจ จยั ๗ อยางบาง ๘ อยางบาง แก อปุ าทาน ๓ ทเี่ หลอื .
พระอภิธรรมปฎ ก วภิ ังค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 544 ก็ในอุปาทาน ๔ ทท่ี รงแสดงไวในนเิ ทศนี้ ดวยอาการอยางน้ี กาม-ตณั หายอ มเปนปจจยั อยางเดียว ดว ยอํานาจอปุ นิสสยปจจยั แกก ามุปาทานแรกเพราะเกดิ ในอารมณทงั้ หลายที่พอใจดวยตณั หา แตต ัณหานนั้ ยอ มเปน ปจจยั๗ อยา ง ดว ยอาํ นาจสหชาตปจ จัย อัญญมัญญปจ จยั นิสสยปจ จัย สัมปยตุ ต-ปจจยั อัตถิปจ จัย อวคิ ตปจจัย และเหตปุ จจยั หรือเปน ปจ จยั ๘ อยา ง พรอมดว ยอปุ นสิ สยปจ จยั แกอุปาทาน ๓ ทเี่ หลือ อนึ่ง เม่อื ใดตณั หานั้นเปนปจจัยดว ยอํานาจอุปนิสสยปจจยั เมอื่ น้ันตัณหานั้น ยอ มเกิดพรอ มกันทเี ดียว. นเิ ทศอปุ าทานเกิดเพราะตณั หาเปนปจจยั จบ วาดวยนิเทศแหงภพ (บาลขี อ ๒๖๕) ในนเิ ทศแหง ภพเกิดเพราะอุปาทานเปน ปจ จยั พึงทราบวินิจฉยั โดยอรรถโดยธรรม โดยทบทวนบทที่มปี ระโยชน โดยการแยก ภพและรวมภพ และโดยอปุ าทานใดเปน ปจจัยแกภ พใด. ในพระบาลนี ้นั พึงทราบวนิ จิ ฉยั วา ทช่ี ือ่ วา ภพ เพราะอรรถวาม.ีบทวา ทวุ เิ ธน (ภพ ๒) มีอธบิ ายวา กําหนดโดยอาการ ๒ อยา ง อีกอยา งหนง่ึบทวา ทุวเิ ธน เปนตตยิ าวภิ ตั ติ ใชใ นปฐมาวิภัตติ อธบิ ายวา เทา กับ ทวุ โิ ธแปลวา ๒ อยา ง. บทวา อตถฺ ิ แปลวา มอี ยูพรอม. ภพคอื กรรม ชอื่ วา กรรมภพ. ภพคอื ความเกิดข้ึน ชอ่ื วาอุปปต ติภพ. ในกรรมภพและอปุ ปตตภิ พน้ี ความเกิดข้นึ ชอ่ื วา ภพเพราะอรรถวา ยอ มมี สว นกรรม พงึ ทราบวา ชื่อวา ภพ โดยโวหารวา
พระอภิธรรมปฎก วิภงั ค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 545เปน ผล เพราะกรรมเปนเหตุของภพ เหมือนอยางทีต่ รสั ไวว า สโุ ข พทุ ธฺ านอปุ ฺปาโท ความบังเกดิ ข้นึ แหงพระพุทธเจาทั้งหลายเปน สุข เพราะเปนเหตุนาํ มาซง่ึ ความสุข. คาํ วา ตตฺถ กตโม กมฺมภโว (ในภพ ๒ นัน้ กรรมภพเปนไฉน)ความวา บรรดาภพท้งั ๒ น้นั กามภพที่ตรสั แลว นั้นเปนไฉน. ปญุ ญาภสิ ังขารเปน ตน มีเน้ือความตามทีก่ ลาวแลว นัน่ แหละ บทวา สพฺพ (ทงั้ ปวง) ไดแก ไมม ีสวนเหลือ. กรรมทชี่ ่อื วา ภวคามี เพราะอรรถวา ยอมไป คอื ยอ มใหสัตวถงึ ภพ ดว ยบทวา กรรมเปนเหตุใหถ งึ ภพน้ี ทานปฏิเสธโลกตุ ระ เพราะกถาน้ีเปนวฏั ฏกถา (กถาที่แสดงถงึ วฏั ฏะ) ก็โลกุตระน้นั ทานกลาววา เปน ธรรมอาศัยววิ ัฏฏะ. ทช่ี อ่ื วา กรรม เพราะอรรถวา เปนสง่ิ ทีเ่ ขาทาํ . บรรดากามเทพเปน ตน ภพกลา วคือกาม ชอ่ื วา กามภพ. ในรปู ภพและอรูปภพก็นัยน้ี. ที่ช่อื วา สัญญาภพ เพราะอรรถวา เปนภพของเหลาสัตวผ มู สี ญั ญา หรือสญั ญามีอยใู นภพน้.ี ทชี่ ื่อวา อสญั ญาภพ โดยปริยายท่ีตางกนั . ที่ช่อื วาเนวสญั ญานาสญั ญาภพ ดว ยอรรถวา มีสัญญาก็ไมใ ชไมม ีกไ็ มใ ช เพราะไมม สี ัญญาหยาบ และเพราะมสี ัญญาละเอียดในภพนี้. ภพทเี่ กล่อื นกลน ดว ยรูปขันธอ ยา งเดียว ชือ่ วา เอกโวหารภพ. อีกอยา งหนึ่ง ช่อื วา โวการภพเพราะอรรถวา ภพนม้ี ีขนั ธเดยี ว. ในจโุ วการภพและปญจโวการภพกน็ ยั น้ี. บทวา อย วุจจฺ ติ อุปฺปตตฺ ภิ โว (นี้เรียกวา อปุ ปต ติภพ) ไดแ กภพน้ที ัง้ ๙ อยาง ตรสั เรียกช่ือวา อุปปตตภิ พแล. พงึ ทรามวนิ ิจฉยั โดยอรรถในอธกิ ารนอี้ ยางนกี้ อน.
พระอภิธรรมปฎก วภิ งั ค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 546 สว นขอ วนิ ิจฉยั โดยธรรม กใ็ นนิเทศน้ี วาโดยธรรม ปญุ ญาภิสังขารไดแ ก เจตนา ๓ ดวง อปุญญาภิสังขาร ไดแ ก เจตนา ๑๒ ดวงอาเนญชาภสิ งั ขาร ไดแ ก เจตนา ดวง. ดว ยบทวา สพฺพมปฺ ภวคามกิ มมฺ (กรรมทเี่ ปนเหตุใหไ ปสูภ พทั้งหมด) นี้ ทรงสงเคราะหธ รรมเหลานี้ แมทั้งหมดท่สี มั ปยุตดว ยเจตนา หรือธรรมที่เปนอาจยคามี กลาวคือกรรมเขาดว ย อธบิ ายวา ทรงสงเคราะหอปุ าทนิ นขนั ธ ๕ ทีเ่ ปน กามภพ รปู ภพก็เหมอื นกนั ขนั ธ ๔ ทเ่ี ปนอรปู ภพขนั ธ ๔ และ ๕ ท่เี ปนสญั ญาภพ อุปาทินนขันธหน่งึ ทเ่ี ปน อสัญญาภพ ขนั ธ ๔ท่ีเปนเนวสญั ญานาสัญญาภพ ขนั ธ ๑ ขนั ธ ๔ ขันธ ๕ ท่ีเปนเอกโวการภพเปน ตน ดวยอปุ าทินนขนั ธท้ังหลายแล. พงึ ทราบวนิ ิจฉยั แมโดยธรรมในนเิ ทศนี้ดว ยประการฉะน้ี. ขอ วา โดยทบทวนบทที่มปี ระโยชน น้ี ความวา ปุญญาภสิ งั ขารเปน ตนนนั่ เองตรสั ไวในนเิ ทศแหง สังขาร คือ กรรมเหมือนในนิเทศแหงภพน่ันแหละ แมเมอื่ เปนเชนนน้ั ปุญญาภิสงั ขารเปนตน ซึง่ เกิดกอ นตรัสไวเพราะความเปน ปจจยั แกปฏสิ นธใิ นอธกิ ารน้ี ดว ยอดีตกรรม ปญุ ญาภสิ งั ขารเปน ตน เหลานี้ ตรสั ไวเพราะความเปน ปจ จยั แกปฏสิ นธติ อ ไป ดวยอํานาจกรรมในปจจุบนั เพราะฉะนนั้ การตรสั ยา้ํ จึงชอื่ วา มีประโยชนท เี ดยี ว. อีกอยา งหนึ่ง ในเบื้องตน ตรัสเจตนาเทานั้นวา เปนสงั ขาร โดยมีอาทอิ ยางนวี้ า ในอภิสังขารเหลานน้ั ปญุ ญาภิสังขาร เปนไฉน ?กศุ ลเจตนา กามาวจร ดงั นี้ แตในนิเทศแหงภพเกิดเพราะอปุ าทานเปนปจ จยั น้ี ธรรมแมส มั ปยตุ ดว ยเจตนา ก็ตรัสวา สงั ขาร เพราะพระบาลีวา
พระอภิธรรมปฎก วภิ ังค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 547สพพฺ มปฺ ภวคามกิ มฺม (กรรมทเ่ี ปน เหตใุ หไ ปสูภ พท้ังหมด) ดงั นี้ อนง่ึในตอนตน ตรสั วา กรรมเฉพาะทมี่ ีวญิ ญาณเปนปจ จยั เทานั้นวาเปนสงั ขารในบดั น้ี แมกรรมที่มีวิญญาณเปน ปจ จัย อันใหเ กดิ ข้นึ ในอสญั ญาภพ กต็ รสั วาสงั ขาร กก็ ารพดู มากจะมปี ระโยชนอะไร เพราะกรรมทเี่ ปนกุศลและอกุศลคือ ปญุ ญาภิสังขารเปน ตนนนั่ เอง ตรัสไว ในขอวา อวชฺชาปจจฺ ยา ส ขาราน้ี อนึ่ง ตรัสธรรมท้ังหลายที่เปน กศุ ล อกศุ ล อพั ยากฤต เพราความทแี่ มอุปปตติภพกท็ รงสงเคราะหในบทวา อุปาทานปจจฺ ยา ภโว (ภพเกิดเพราะอุปาทานเปน ปจจัย) น้ี ฉะน้นั การตรสั ซา้ํ น้ี จึงชื่อวา มปี ระโยชนโดยประการท้งั ปวงแล. พึงทราบวนิ จิ ฉัยแมโดยทบทวนบททีม่ ปี ระโยชนใ นอธกิ ารนี้ ดวยประการฉะนี้. ขอ วา โดยการแยกออกและรวมกนั ไว คอื โดยการแยกและการรวมแหงภพเพราะอุปาทานเปน ปจ จยั . จรงิ อยู กรรมที่สตั วก ระทําใหเ กดิขน้ึ ในกามภพเพราะกามปุ าทานเปนปจ จัยนั้น ชอ่ื วา กรรมภพ. ขันธทงั้ หลายที่เกิดขน้ึ แตก รรมนนั้ ชอื่ วา อปุ ปต ตภิ พ. ในรปู และอรูปภพกน็ ัยนี้เหมือนกัน. ดว ยประการฉะน้ี กามภพมีอปุ าทานเปนปจจัยจงึ มี ๒ อยาง สัญญาภพและปญ จโวการภพรวมอยภู ายในกามภพนัน้ แหละ รปู ภพมกี ามปุ าทานเปนปจจยั ก็มี ๒ อยา ง สัญญาภพ อสญั ญาภพ เอกโวการภพ ปญ จโวการภพรวมอยภู ายในรปู ภพนั้นแหละ อรูปภพมีกามปุ าทานก็มี ๒ อยา ง สัญญาภพเนวสญั ญานาสญั ญาภพ จตุโวการภพรวมอยภู ายในอรูปภพเหมือนกัน เพราะฉะน้ัน ภพทีม่ ีกามปุ าทานเปน ถงึ ปจจัยจึงมี ๖ ภพ พรอมกับภพทั้งหายทีผ่ นวกเขา ดวยกนั . กภ็ พ ๖ ทม่ี ีกามุปาทานเปนปจจยั พรอ มท้ังภพท้งั หลายที่ผนวกเขา
พระอภธิ รรมปฎ ก วิภังค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 548ดวยกนั ฉันใด แมภ พทง้ั หลายที่มีอุปาทาน (๓) ท่เี หลือเปน ปจจยั ก็ฉันน้ันภพท้งั หลายจงึ เปน ๒๔ พรอ มกับภพท่ีผนวกเขาดว ยกนั โดยการแยกออกเพราะอปุ าทาน (๔) เปนปจ จัยอยา งน้ี ดวยประการฉะน้ี. สวนโดยการรวมกนั มีอธิบายวา รวมกรรมภพและอปุ ปต ตภิ พพรอ มกับภพทผ่ี นวกเขาดวยกันเกดิ เพราะกามปุ าทานเปน ปจจัยเปน กามภพหนึง่รูปภพและอรปู ภพก็เหน็ เหมือนกัน เพราะฉะนัน้ จึงเปน ๓ ภพ แมภ พทม่ี ีอปุ าทาน ๓ทเี่ หลือก็เหมอื นกนั จงึ เปน ๑๒ พรอ มกบั ภพทผี่ นวกเขา ดวยกนั โดยสงเคราะห(คอื รวมกัน ) เพราะอปุ าทาน (๔) เปน ปจ จยั อยา งนี้ ดว ยประการฉะน้ี. อกี นัยหน่ึง วาโดยไมตางกัน กรรมท่ใี หส ตั วเ ขา ถึงกามภพเพราะอปุ าทานเปน ปจ จยั ช่ือวา กรรมภพ ขนั ธท ัง้ หลายที่เกดิ ขึน้ ในกามภพนัน้ชื่อวา อุปปต ติภพ. ในรปู ภพและอรปู ภพกเ็ หมอื นกนั ดว ยประการฉะน้ีจึงเปน ๖ ภพ โดยการสงเคราะห (การรวมกนั ) อกี ปริยายหนึง่ คือกามภพ ๒รปู ภพ ๒ อรูปภพ ๒ พรอ มกับภพทผ่ี นวกเขา ดวยกนั มี เพราะอุปาทานเปนปจจยั . อกี อยางหน่งึ จดั เปน ๓ ภพ ดวยอาํ นาจกามภพเปน ตน พรอมกบั ภพที่ผนวกเขาดวยกันโดยไมแยกกรรมภพและอุปปต ติภพออกจากกนั และจดั เปน ๒ภพ ดวยอํานาจกรรมภพและอุปปตติภพ โดยไมแยกกามภพเปน ตน และจัดเปน ภพ ๑ ดวยอํานาจแหงภพวา ภพทเี่ กิดเพราะอุปาทานเปนปจ จัย โดยไมอาศยั แยกกรรมและอุปปตติ. พงึ ทราบวินิจฉัยในอธิการนี้ แมโ ดยการแยกและรวมกนั แหง ภพมีอุปาทานเปนปจ จัย ดว ยประการฉะน.้ี ขอวา โดยอปุ าทานใดเปน ปจจัยแกภ พใด อธบิ ายวา กใ็ นนเิ ทศนี้พงึ ทราบวนิ จิ ฉัยแมโดยอปุ าทานใดเปนปจ จยั แกภ พใดนัน้ กใ็ นนเิ ทศน้ี อุปาทาน
พระอภธิ รรมปฎ ก วิภังค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 549เปนปจ จัยแกภ พใด อยา งไร ? คืออปุ าทานอยางใดอยา งหนงึ่ ยอมเปนปจจยัแกภพใดภพหนึง่ ไดท้งั น้ัน เพราะปุถุชนเปรียบเหมือนคนบา ปุถุชนนัน้ มิไดพิจารณาวา \"สิง่ นค้ี วร สงิ่ นไี้ มค วร\" ดงั น้ี ปรารถนาภพอยา งใดอยางหน่งึดว ยอํานาจอปุ าทานอยา งใดอยา งหนึ่ง ยอมทาํ กรรมอยา งใดอยางหนง่ึ เพราะฉะน้นั คาํ ท่ีอาจารยบ างพวกกลา ววา \"รูปภพและอรปู ภพยอมไมมีเพราะสีลัพพตปุ าทาน\" นนั้ บัณฑติ ไมควรถอื เอา แตคําวา \" ภพท้ังหมดยอ มเกิดเพราะอปุ าทานทง้ั หมด ดงั นี้ ควรถือเอา. อยางไร ? คือคนบางคนในโลกนี้คดิ วา ข้นึ ช่ือวากามเหลา นีเ้ ปนของสําเรจ็ แลว ในตระกูลกษตั ริยมหาศาลเปนตนในมนุษยโลก และในเทวโลกกามาพจร ๖ ช้นั \" ดังนี้ ดว ยสามารถทไ่ี ดฟ งมาหรือโดยทาํ นองท่เี หน็ มา ถกู ลวงโดยใหเ สพอสัทธรรมเปน ตน เพอื่ บรรลกุ ามเหลานนั้ จงึ สําคญั อยูวา \"กามทงั้ หลายยอมสาํ เรจ็ ดวยกรรมนี้\" ดังน้ี จงึกระทาํ แมก ายทุจรติ เปนตน ดวยอาํ นาจแหงอปุ าทานคอื กาม บุคคลน้นั จงึ เกดิขน้ึ ในอบุ ายเพราะบริบรู ณด ว ยทุจริต. ก็ เม่อื ปรารถนากามท้งั หลายทคี่ นเหน็แลว หรอื เม่ือจะรักษากามทไี่ ดมาแลว ยอ มทํากายทจุ รติ เปนตน ดว ยอาํ นาจกามปุ าทาน บคุ คลนนั้ ยอมเกิดในอบายเพราะความสมบูรณด ว ยทุจรติ กรรมทีเ่ ปน เหตุใหบุคคลนั้นเกิดในอบายน้นั ชือ่ วา กรรมภพ ขันธท ่ีเกิดข้นึ แตกรรมนน้ั ช่ือวา อุปปต ติภพ สว นสัญญาภพและปญ จโวการภพก็รวมเขา ในกรรมภพและอุปปต ติภพนนั้ น่ันแหละ. สว นอกี คนหนงึ่ มคี วามรอู ันการฟง พระสทั ธรรมเปน ตน พอกพนู แลวสาํ คัญอยวู า \"กามทง้ั หลายยอ มสําเรจ็ ดวยกรรมนี\"้ ดงั นี้ จงึ ทํากายสจุ รติเปน ตน ดวยอํานาจกามปุ าทาน บคุ คลนนั้ ยอมเกิดขึน้ ในสวรรคทงั้ หลาย
พระอภิธรรมปฎก วิภังค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 550หรอื ในมนษุ ยทง้ั หลาย เพราะความบริบูรณด วยสุจรติ . กรรมทเ่ี ปนเหตใุ หเ ขาเกดิ ในสุคตมิ ีเทวดาเปนตนนน้ั ชอ่ื วา กรรมภพ ขนั ธทง้ั หลายทีเ่ กดิ แตกรรมชอื่ วา อปุ ปต ตภิ พ กส็ ญั ญาภพและปญ จโวการภพกร็ วมอยูใ นกรรมภพและอุปปตตภิ พน้นั เหมือนกนั กามุปาทานเปน ปจ จยั แกก ามภพพรอมทง้ั ประเภทพรอ มทั้งผนวกเขา ดว ยกัน ดว ยประการฉะนี้. อกี คนหนง่ึ ฟงมาหรอื คิดเอาเองวา ในรูปภพและอรปู ภพ กามท้ังหลายสาํ เรจ็ ดกี วากามภพน้ัน จงึ ยงั รูปและอรปู สมาบตั ิใหเกดิ ขนึ้ ดว ยอํานาจกามุปาทานแลวบงั เกิดข้ึนในโลกแหง รปู พรรณหรอื อรูปพรหมดวยกาํ ลังแหงสมาบตั ิ. ในการเกดิ ข้ึนในรปู พรหมหรอื อรปู พรหมนน้ั กรรมท่เี ปน เหตใุ หบุคคลน้นั เกดิ ช่อื วา กรรมภพ ขนั ธท้งั หลายทีเ่ กดิ แตกรรม ชือ่ วา อุปปตตภิ พสว นสญั ญาภพ อสัญญาภพ เนวสัญญานาสญั ญาภพ เอกโวการภพ จตุโวการภพและปญ จโวการภพก็รวมอยภู ายในรปู ภพหรอื อรปู ภพนัน้ . กามปุ าทาน เปนปจจยั แมแ กร ูปภพและอรูปภพ พรอ มทั้งประเภท พรอ มท้งั ภพที่ผนวกเขาดว ยกม็ ี ดวยประการฉะนี้. อีกบุคคลหนึ่ง อาศัยอุจเฉททฏิ ฐวิ า \"ที่ชอื่ วา อตั ตานี้ ขาดสญู แลวในภพอนั เปน สมบัตขิ องกามาพจร หรือวาบรรดารูปภพหรืออรูปภพ ภพใดภพหน่งึ ยอมขาดสูญโดยแท\" ดงั นี้ จึงทาํ กรรมอนั เขาถึงภพน้ัน. กรรมน้ันของบคุ คลน้นั ชอ่ื วา กรรมภพ ขันธท้งั หลายอันเกดิ แตกรรม ชอ่ื วาอุปปตตภิ พ สว นภพมีสญั ญาภพเปนตนกร็ วมอยูภายในกรรมภพและอุปปต ติภพนน้ั น่นั แหละ ทิฏปุ าทานเปน ปจ จยั แกกามภพ รปู ภพ และอรูปภพท้งั ๓พรอ มท้ังประเภท พรอ มท้งั ภพท่ีผนวกเขา ดว ยกนั ดว ยประการฉะน้ี.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 647
- 648
- 649
- 650
- 651
- 652
- 653
- 654
- 655
- 656
- 657
- 658
- 659
- 660
- 661
- 662
- 663
- 664
- 665
- 666
- 667
- 668
- 669
- 670
- 671
- 672
- 673
- 674
- 675
- 676
- 677
- 678
- 679
- 680
- 681
- 682
- 683
- 684
- 685
- 686
- 687
- 688
- 689
- 690
- 691
- 692
- 693
- 694
- 695
- 696
- 697
- 698
- 699
- 700
- 701
- 702
- 703
- 704
- 705
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 650
- 651 - 700
- 701 - 705
Pages: