พระอภิธรรมปฎก วิภังค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 551 อีกบุคคลหน่งึ กําหนดเอาวา \"ช่อื วา อตั ตานี้ ยอ มมคี วามสุขปราศจากความเรา รอนในภพอนั เปน สมบตั ิในกามาพจร หรอื บรรดารปู ภพและอรูปภพ ภพใดภพหนึง่ \" จงึ ทาํ กรรมอันเขา ถึงภพนัน้ ดว ยอัตตวาทุปาทานกรรมน้ันของบุคคลนั้น ช่ือวา กรรมภพ ขนั ธทง้ั หลายที่เกดิ ขน้ึ แตก รรมภพนัน้ ชอื่ วา อปุ ปต ตภิ พ สว นสัญญาภพเปนตน กร็ วมอยูใ นกรรมภพและและอุปปต ตภิ พน้นั นั่นแหละ อตั ตวาทปุ าทานเปน ปจจัยแกภพ ๓ พรอ มท้งัประเภท พรอ มท้งั ภพท่ผี นวกเขาดว ยกนั ดวยประการฉะน.ี้ อกี บุคคลหนง่ึ มคี วามเห็นวา \"ชือ่ วา ศลี และพรตนี้ ยอ มถึงความสุขอันบริบรู ณแกบ คุ คลผูบาํ เพญ็ ในภพอันเปนสมบัติของกามาพจร หรอื บรรดารปู ภพ หรอื อรปู ภพ ภพใดภพหน่ึง\" ดังนี้ จงึ ทํากรรมอนั เขา ถงึ ภพน้ันดวยอาํ นาจสลี ัพพตุปาทาน. กรรมน้ันของบคุ คลนนั้ ชอ่ื วา กรรมภพ ขนั ธทง้ั หลายท่เี กิดแตกรรมภพน้นั ชอื่ วา อปุ ปตตภิ พ สว นสญั ญาภพเปน ตนกร็ วมอยูภายในกรรมภพและอปุ ปตติภพนน้ั แหละ. สลี พั พตปุ าทาน ยอ มเปนปจ จยั แกภ พ ๓ พรอ มท้ังประเภท พรอมทง้ั ภพทผ่ี นวกเขาดว ยกนั ดงั นี้แล.พึงทราบวินจิ ฉยั แมโ ดยอุปาทานใด เปน ปจ จัยแกภ พใด ในนิเทศน้นี น้ัดว ยประการฉะน้.ี หากมีผูสงสัย ถามวา \"กใ็ นนเิ ทศนี้ อปุ าทานอะไร เปน ปจจัยอยางไรแกภ พไหน\" ดังนไ้ี ซร. ตอบวา ปญ หากรรมน้ัน พงึ ทราบวา อุปาทาน เปนอปุ นสิ สยปจจัยแกรปู ภพ และอรปู ภพ อุปาทานนน้ั เปน ปจจยั แกก ามภพ แมด วย ปจจยั มีสหชาตะเปน ตน.
พระอภิธรรมปฎ ก วภิ งั ค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 552 จรงิ อยู ก็อุปาทานทง้ั ๔ น้ี เปน ปจ จัยแกรูปภพ อรูปภพ และอุปปต ติภพท่ีเปน กศุ ลกรรมในกรรมภพอันนบั เนือ่ งดว ยกามภพ ดว ยอปุ นสิ สย-ปจจัยอยางเดยี ว. อปุ าทาน ๔ นนั้ เปน ปจ จยั แกอกุศลกรรมภพทีส่ มั ปยุตดวยตนในกามภพโดยสหชาตปจจัยเปน ตน คือ สหชาตปจ จยั อัญญมญั ญปจจัยนสิ สยปจจัย สัมปยตุ ตปจจัย อตั ถปิ จ จยั อวคิ ตปจจยั และเหตุปจจยั แตเปนปจจยั แกภ พทเี่ ปนวปิ ปยตุ กนั ดว ยอปุ นสิ สยปจ จัยเดยี วเทา นั้นแล. นเิ ทศแหงภพเกิดเพราะอปุ าทานเปนปจจัย จบ วา ดว ยนิเทศแหงชาติ (บาลีขอ ๒๒๖) พึงทราบวินิจฉัยปจ จยาการมีชาติเปนตน ในนเิ ทศแหงชาตเิ กดิ เพราะภพเปน ปจจยั เปนตน โดยนัยท่ีกลาวไวใ นสัจจวิภงั คน่นั แหละ. แตค าํ วา ภพในท่นี ้ี ทรงประสงคเอากรรมภพเทา น้ัน เพราะกรรมภพนนั้ เปน ปจจัยแกชาติอุปปตติภพหาเปน ปจ จยั แกช าติไม กแ็ ลกรรมภพน้นั เปนปจ จัย ๒ อยางเทา น้ัน ดว ยอํานาจกรรมปจจัย และอุปนิสสยปจ จยั . หากมี ผถู ามวา ขอน้ี จะพงึ รไู ดอ ยา งไรวา ภพเปน ปจจยั แกช าติ. ตอบวา รไู ด เพราะแสดงความตางกนั แหง ภาวะมคี วามเลวและประณีตเปนตน ในเหตุแมสักวาเปน ปจ จัยภายนอก. จรงิ อยู เม่อื ปจจัยภายนอกมีบดิ ามารดา นํา้ สุกกะ ประจาํ เดอื นและอาหารเปนตน ของสตั วผแู มฝาแฝดแมในอัตภาพทเ่ี หมอื นกนั มีอยู กย็ ังปรากฏตางกันดวยภาวะมคี วามเลวและประณีตเปนตน กค็ วามตางกนั โดยเปน
พระอภิธรรมปฎ ก วภิ งั ค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 553หนี ะและประณีต มิใชไมมเี หตุ เพราะสภาวะท้งั ปวงไมม อี ยูในกาลทั้งปวงแกพ วกสตั วท้ังหมด และทัง้ มิใชเหตุอันนอกจากกรรมภพ เพราะไมมีเหตอุ ่ืนในสนั ดานอันมใี นภายในของเหลา สัตวผเู กดิ แตก รรมภพนนั้ เพราะฉะน้ันสัตวนัน้ จึงมีกรรมภพเปนเหตุโดยแท แทจริง กรรมกเ็ ปนเหตทุ ่แี ปลกกนั ในความเลวและประณีตเปนตน ของสตั วท้ังหลาย ดว ยเหตุนั้น พระผมู ีพระภาคเจาจงึ ตรสั วา กมฺม สตเฺ ต วิภชติ ยททิ หนี ปณตี ตาย กรรมยอมจําแนกสตั วทัง้ หลาย ใหเลวและประณตี ดังนี้ เพราะฉะนั้น ขอ นี้พึงทราบไดวาภพเปนปจ จยั แกชาต.ิ อนึ่ง เมื่อชาตไิ มม ี ขึ้นช่อื วา ชรามรณะกห็ ามไี ม และธรรมมคี วามโศกเปนตนกห็ ามไี ม แตเ ม่อื ชาตมิ ี ชรามรณะและธรรมมีความโศกเปนตน อันเกย่ี วเนอ่ื งดวยชรามรณะ ของคนพาลผูถกู ทกุ ขธรรม คอื ชรามรณะถกู ตอ งแลวหรอื ไมเน่อื งดวยชรามรณะ. ของคนพาลผอู ันทุกขธรรมนั้น ๆ ถกู ตอ งแลวเพราะฉะนั้น บัณฑติ พึงทราบวา ชาตนิ ี้ เปนปจ จัยแกชรามรณะ และแกธรรมทคี่ วามโศกเปน ตน แล. กช็ าตินัน้ เปน ปจจัยอยา งเดียวเทา นน้ั โดยเง่ือนแหงอุปนสิ สยปจจัย ดงั นแ้ี ล. นิเทศแหง ชาตเิ กิดเพราะภพเปนปจจยั เปน ตน จบ อธิบายภวจักร ๑๒ (บาลีขอ ๒๗๓) พงึ ทราบอรรถแหง บทมอี าทวิ า เอวเมตสฺส (ความเกิดขึ้น. . .นี้ยอ มมดี ว ยประการฉะน้นี ้ัน) โดยนัยท่ีกลาวแลว ในอทุ เทสวาร. บทวา สงฺคติ(ความไปรว ม) เปนตน * เปน คําไวพจนข อง บทวา สมุทโย (ความเกิดข้นึ ) ท้งั หมด.* สงฺคติ สมาคโม สโมธาน ปาตภุ าโว แปลวา ความไปรวม ความมารว ม ความประชุมควานปรากฏ.
พระอภิธรรมปฎก วิภงั ค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 554 ก็เพราะในปจจยาการวภิ ังคน้ี กรรมมีโสกะเปน ตน ตรัสไวสุดทา ยฉะนั้น อวชิ ชาน้ันใด ทีต่ รสั ในเบอ้ื งตนแหง ภวจักรนี้ อยา งนีว้ า อวชิ ฺชาปจฺจยาส ขารา (สงั ขารทัง้ หลายเกดิ เพราะอวชิ ชาเปน ปจ จยั ) ดงั น้ี อวชิ ชานั้น สาํ เรจ็แลวแตธรรมมีโสกะเปนตน. ภวจักรนมี้ เี บอื้ งตน มิไดปรากฏ เวนจากผสู ราง และผเู สวยวา งเปลา จากความวางเปลา ๑๒ อยา ง บัณฑติ พึงทราบวา เปนไปรวมกันดงั นี.้ หากมผี ูสงสยั ถามวา กใ็ นภวจกั รนี้ อวิชชาสาํ เรจ็ แตธ รรมมโี สกะเปน ตน อยา งไร ? ภวจกั รหรอื เบือ้ งตน มไิ ดป รากฏอยางไร ? เวน จากผสู รา งและผูเสวยอยางไร ? วางเปลา จากความวา งเปลา ๑๒ อยาง อยา งไร ? กค็ าํ ตอบในท่นี ้ี คอื โสกะ ทุกขะ โทมนสั อุปายาสและปริเทวะเหลาไปจากอวิชชา และขน้ึ ชือ่ วา ปรเิ ทวะ (ความครํ่าครวญรําพัน) ยอมมแี กคนหลง เพราะฉะนนั้ เมอื่ โสกะ ทกุ ข โทมนสั อปุ ายาสและปริเทวะเหลานัน้ สาํ เร็จแลว อวชิ ชาก็เปน อันสาํ เร็จแลวโดยแท. อีกอยา งน้ี ก็คําทต่ี รสั ไววา\"เพราะอาสวะเกิด อวิชชาจงึ เกิด\" ดังน้ี และขอ วา ธรรมมีโสกะเปน ตนนี้ยอมมเี พราะอาสวะเกิด ขอ น้ีเปนอยา งไร ? คอื โสกะ ในเพราะขัดการพลดั พรากจากกาม ยอ มมีเพราะอาสวะเกิดเทา นน้ั เหมือนอยา งที่ตรสั ไวว า ตสฺส เจ กามยมานสฺส ฉนฺทชาตสฺส ชนฺตุโน เต กามา ปริหายนฺติ สลลุ วทิ ฺโธว รุปปฺ ติ
พระอภธิ รรมปฎ ก วภิ งั ค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 555 ถาเม่อื สัตวนั้นปรารถนาอยู เกดิ ความอยากไดแ ลว กามเหลานน้ั ยอ มเสอ่ื ม ไปไซร สตั วนั้น ยอมซบเซา เหมอื นถกู ศร แทง ฉะนั้น.๑ และเหมือนอยางที่ตรสั วา กามโต ชายติ โสโก (ความโศกยอมเกิดแตก าม) ก็ความโศกเปน ตน เหลานัน้ แมท้งั หมด ยอ มเกิดแตทฏิ ฐาสาวะเหมอื นอยา งทต่ี รสั วา เมื่อเขายดึ ถืออยูวา เราเปน รูป รปู เปน ของเราดังน้ี ยอมเกิดโสกะ ปรเิ ทวะ ทกุ ขะ โทมนสั อุปายาส เพราะความท่ีรูปนนั้ แปรเปล่ียนไป.๒ อน่งึ ธรรมมโี สกะเปนตนยอมเกดิ แมเพราะภวาสวะเกดิ เหมือนทิฏฐาสวะเกิด เหมือนอยางท่ตี รัสวา ดกู อ นภิกษุท้ังหลาย แมพวกเทวดาท่ีมอี ายุยืน มีวรรณะ มากดวยความสุข ดํารงอยกู าลนานในวิมานสงู แมเ ทวดาเหลานัน้ ไดสดบั พระธรรมเทศนาของตถาคตแลว โดยมากพากนั ถงึ ความกลัว ความสะดุง ความสลดใจ ดงั น๓ี้ เหมือนพวกเทวดาเปน บพุ นิมติ ๕ พากันสะดงุ เพราะกลัวแตค วามตาย ฉะนนั้ . อนง่ึ ธรรมมีโสกเปน ตน ยอมเกิดขน้ึ แมเพราะความเกดิ ข้นึ แหงอวชิ ชา เหมอื นภวาสวะเกิดข้ึนฉะน้ัน เหมอื นอยา งทีต่ รสั ไวว า ดกู อ นภิกษุทั้งหลาย คนพาลนั้นแล ยอมเสวยทกุ ขโ ทมนสั (เพราะคดิ ชวั่ พูดชว่ัทาํ ชวั่ ) ๓ อยา ง ในทฏิ ฐธรรมน๔้ี ดงั นี้ เพราะธรรม (มโี สกะเปนตน )เหลา นี้ ยอมมีเพราะอาสวะเกดิ ฉะนน้ั ธรรมเหลา นนั้ เมอ่ื สาํ เร็จจึงยงั อาสวะ๑. ขุ. สุตฺต. เลม ๒๕. ๔๐๘/๔๘๔ ๒. ส . ขนธฺ วาร. เลม ๑๗. ๔/๔๓. ส ขนฺธวาร. เลม ๑๗. ๑๕๖/๑๐๔ ๔. ม. อ.ุ เลม ๑๔. ๔๖๘/๓๑๑
พระอภิธรรมปฎ ก วภิ ังค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 556ท้งั หลายอนั เปนเหตุแหงอวชิ ชาใหส าํ เรจ็ และเมือ่ อาสวะท้งั หลายสําเรจ็ แลวแมอวิชชากเ็ ปน อนั สําเรจ็ ทีเดียว เพราะเมอ่ื มีปจ จยั จงึ มไี ดแ ล. ในท่นี ้ีพึงทราบวา อวชิ ชาสําเร็จแลวดวยธรรมมโี สกะเปนตนอยางนกี้ อ น. ก็เพราะเมื่ออวชิ ชาสําเร็จแลว เพราะเมื่อปจ จยั มีจงึ มอี ยางนี้ ความสืบตอ กันไปแหง เหตแุ ละผลอยางนี้วา \"สังขารทัง้ หลายเกดิ เพราะอวชิ ชาเปนปจ จยั วญิ ญาณเกดิ เพราะสังขารเปนปจ จัย เปนตน มไิ ดม สี ิ้นสุด ฉะนนั้ภวจักรมอี งค ๑๒ ท่ีเปนไป ดวยอํานาจความเกย่ี วเน่ืองกันแหง เหตแุ ละผลนัน้จึงสาํ เร็จวา มเี บื้องตนมิไดป รากฏ. หากมีผสู งสัยถามวา เมือ่ มเี บอื้ งตน มิไดปรากฏเชนน้ี การกลา วคาํ วาอวชิ ชาเปนธรรมขอตน วา \"เพราะอวิชชาเปน ปจจัยจงึ มีสงั ขารทั้งหลาย\"ดังนี้ กผ็ ิดไป มใิ ชหรือ ? ตอบวา ขอนี้ มใิ ชการกลา วอวิชชาเปนเพยี งธรรมเบ้ืองตน แตขอ น้ีเปนการกลาวธรรมทเี่ ปนประธาน. จรงิ อยู อวชิ ชาเปนประธานแหงวัฏฏะ ๓* เพราะวา ดวยการยึดถอือวิชชา กิเลสวฏั ฏะทเ่ี หลอื และกรรมวฏั ฏะเปน ตน ยอ มผกู พันคนพาลไวเหมอื นการจับศีรษะงู สรรี ะงทู เี่ หลือก็จะพันแขนอยู แตเม่อื ตัดอวชิ ชาขาดแลว ยอมหลุดพน จาววฏั ฏะเหลานนั้ เหมอื นบุคคลตัดศรี ษะงูแลว กจ็ ะพน จากการถกู พนั แขน ฉะนนั้ เหมอื นอยางท่ตี รสั วา \"เพราะสาํ รอกอวิชชา โดยไมเหลือ สังขารจึงดับ\" ดังนเ้ี ปนตน . เม่ือบุคคลยึดธรรมใด ความผกู พนั ยอ มมีและเม่อื ปลอ ยธรรมใด ความหลดุ พน ยอ มมี การกลา วนเ้ี ปนการกลา วธรรมทเี่ ปน* คอื กเิ ลสวฏั กรรมวัฏ และริปากวฏั
พระอภธิ รรมปฎ ก วิภงั ค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 557ประธาน (คอื อวิชชา) นั้น มิใชก ารกลาวธรรมสักวาเปนเบื้องตน พึงทราบภวจกั รนวี้ า \"มีเบื้องตนมไิ ดป รากฏ ดว ยประการฉะนี.้ ภวจกั รนี้น้ัน เพราะเหตทุ งั้ หลายมอี วชิ ชาเปนตนเปน ปจจัยแกธ รรมมสี งั ขารเปนตน ฉะนน้ั จงึ เวนจากผสู รา งสงั สารนอกจากอวิชชาเปน ตนนัน้เชน พรหมเปน ตน ทีเ่ ขาคาดคะเนเอาอยา งนี้วา \"พรหม มหาพรหมเปนผูประเสริฐสดุ เปน ผูจัดสรร ดังน้ี หรือวา เวนจากอัตตาผูเ สวยสุข และทุกข ทเ่ี ขาสมมติกันอยา งน้วี า \" ก็อตั ตาของเราน้แี ลเปน ผูกลาวเปน ผเู สวย\"บัณฑติ พงึ ทราบวา \"เวน จากผูสรา งและผูเ สวย\" ดวยประการฉะน.้ี อน่ึง เพราะในภวจกั รน้ี อวชิ ชาช่อื วา วา งจากความยั่งยนื เพราะเปน ธรรมเกิดขนึ้ และมีเสือ่ มไปเปน ธรรมดา ชอ่ื วา วางจากความงามเพราะเปน ธรรมเศรา หมองและเพราะประกอบดวยสังกิเลส ชอ่ื วา วางจากความสขุเพราะถกู ความเกดิ และความเสอื่ มบีบคน้ั ชือ่ วา วา งจากอตั ภาพผคู รองอํานาจเพราะมคี วามเปน ไปเนื่องดวยปจ จัย. องคทั้งหลายแมมีสังขารเปนตนก็เหมอื น-กัน. อีกหยั หน่ึง เพราะอวิชชา ไมใชอ ตั ตา ไมใชข องอัตตา ไมใชม ีในอตั ตา ไมใ ชมอี ัตตา องคท ้ังหลายแมมีสงั ขารเปน ตนกเ็ หมือนกนั ฉะนั้นพึงทราบวา ภวจักรนว้ี างเปลา โดยครามวา ง ๑๒ อยาง ดวยประการฉะนี้ กค็ ร้ันทราบอยางน้ีแลว พึงทราบอกี วา ภวจักรนน้ั มอี วิชชา และตณั หา เปนมลู มกี าล ๓ มอี ดีตกาลเปนตน ในกาล เหลา นั้น โดยสงั เขปไดอ งค ๒ (อวชิ ชาและ สงั ขาร) องค (มีวญิ ญาณเปน ตน) และ องค ๒ (ชาตแิ ละชรามรณะ) เทานนั้ .
พระอภธิ รรมปฎก วิภังค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 558 อธิบายวา ธรรม ๒ คอื อวิชชา และตณั หา พงึ ทราบวา เปน มลูแหง ภวจักรน้ีนน้ั แล. ภวจักรน้นี ั้นจึงมี ๒ อยาง คือ อวชิ ชาเปนมูลมีเวทนาเปน ทสี่ ดุ เพราะนาํ มาแตส วนเบอ้ื งตน ตัณหาเปน มูลมีชรามรณะเปน ทีส่ ุดเพราะสืบตอ ในสว นเบ้ืองปลาย บรรดาภวจกั รท้งั ๒ น้นั ภวจกั รแรก ตรัสดว ยอาํ นาจแหงบุคคลผูมีทฏิ ฐิจรติ ภวจกั รหลงั ตรสั ดวยอาํ นาจบคุ คลผมู ตี ณั หาจริต.เพราะวา บคุ คลท้ังหลายผูม ที ิฏฐจิ รติ อวิชชาเปนตัวนาํ ไปสสู ังสาร แตบุคคลผูมีตัณหาจริต ตณั หาเปน ตวั นําไปสสู งั สาร. อีกนยั หน่งึ ภวจักรแรกตรัสไวเพอ่ื ถอนอจุ เฉททฏิ ฐิ เพราะทรงประกาศการไมตดั ขาดแหงเหตุท้งั หลายของความเกดิ ข้นึ แหงผล ภวจกั รที่ ๒ ตรสั เพื่อถอนสสั สตทิฏฐิ เพราะทรงประกาศชรามรณะของพวกสัตวท ี่เกิดขนึ้ . อีกนยั หน่ึง ภวจักรแรกตรสั ดวยอํานาจแหง สตั วผูเกิดในครรภ เพราะทรงแสดงความเปน ไปโดยลาํ ดบั (อายตนะท่ีเกิด) ภวจักรหลงั ตรสั ดวยอาํ นาจแหงสตั วผ เู ปนโอปปาตกิ ะ เพราะทรงแสดงความเกดิ ข้นึ พรอ มกนั (แหงอายตนะ). อธิบายกาล ๓ อน่ึง กาลของภวจกั รนัน้ มี ๓ คืออดีต ปจจุบนั และอนาคตในกาลเหลา นน้ั วาดวยอํานาจกาลที่มาในพระบาลีโดยสรุป พงึ ทราบวา มอี งค๒ คอื อวิชชาและสังขาร เปน อดีตกาล. องค ๘ มีวิญญาณเปน ตน มภี พเปนทส่ี ดุ * เปนปจจุบนั กาล. และองค ๒ คือ ชาติ และชรามรณะ. เปนอนา-คตกาล และพึงทราบอกี วา* อรรถกถาวา ภวาสวานิ. แตฉ บบั ม. วา ภวาวสานานิ
พระอภิธรรมปฎ ก วิภงั ค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 559 อธิบายสนธิ ๓ กภ็ วจกั รนมี้ สี นธิ ๓ คือ เหตุผล- สนธิ ๑๑ ผลเหตุสนธิ ๑ เหตุ ๓ เหตปุ พุ พกผลสนธิ ๑ และมีสงั คหะ ๔ ประเภท คอื อาการ ๒๐ มีวฏั ฏะ ๓ ยอ มหมนุ ไปไมมกี าํ หนด ดงั นี้. บรรดาภวจักรเหลานัน้ ในระหวางสังขารท้งั หลายและปฏสิ นธิวิญญาณเปน สนธหิ น่งึ ช่อื วา เหตุผลสนธ.ิ ในระหวา งเวทนาและตณั หา เปนสนธหิ น่ึงช่ือวา ผลเหตสุ นธิ. ในระหวางภพและชาติ เปนสนธิหนึง่ ชื่อวา เหตปุ พุ พกผลสนธิ. เพราะฉะน้นั ภวจักรนี้ บณั ฑติ พงึ ทราบวา มสี นธิ ๓ คอื เหตุผลสนธิ ๑ ผลเหตุสนธิ ๑ และเหตุปพุ พกผลสนธิ ๑ ดังน้ี ดวยประการฉะน.้ี อธบิ ายสังคหะ ๔๒ อนึง่ ภวจักรนี้ มีสงั คหะ ๔ ซ่งึ กาํ หนดถอื เอาภวจักรต้งั แตเ บ้อื งตน(คอื อวชิ ชา) และทสี่ ดุ (คอื ชรามรณะ) แหงสนธิทัง้ หลาย. ขอนีเ้ ปน อยา งไร ?คือ อวชิ ชาและสังขาร เปน สังคหะที่ ๑ วญิ ญาณ นามรปู สฬายตนะ ผัสสะและเวทนา เปนสงั คหะที่ ๒ ตัณหา อุปาทาน และภพ เปนสงั คหะท่ี ๓ชาตชิ รามรณะ เปนสังคหะที่ ๔ พงึ ทราบวา ภวจักรนมี้ สี งั คหะ ๔ ประเภทดว ยประการฉะน.ี้๑ เหตผุ ลสนธอิ ันแรก ไดแ ก สงั ขารเปน เหตอุ ดีตตอ กับวิญญาณซ่ึงเปนผลในปจ จุบัน ผลเหตุสนธทิ ี่ ๒ ไดแก เวทนาซึ่งเปน ปจจบุ ันผลตอกับตณั หาในปจ จบุ ันเหตุ และเหตุผลสนธิสดุ ทายไดแ ก ภพเปน ปจ จุบนั เหตุตอ กับชาตอิ นั เปนอนาคตผล.๒ คาํ วา สงั คหะ ๔ ในอภธิ มั มตั ถสังคหะ ทา นเรียกวา สงั เขป ๔
พระอภธิ รรมปฎก วภิ ังค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 560 อธิบายอาการ ๒๐ อนง่ึ พึงทราบวา ภวจกั รมอี าการ ๒๐ ดว ยอาการ ๒๐ เหลาน้ัน คอื ในอดตี มเี หตุ ๕ ในปจจบุ นั มี ๕ ในปจ จบุ นั มีเหตุ ๕ ในอนาคตมีผล ๕. บรรดาภวจักรเหลานนั้ คาํ วา ในอดตี มเี หตุ ๕ ความวา องค ๒เหลานี้คอื อวิชชา และสังขาร ตรัสไวก อ นทเี ดยี ว แตเพราะบุคคลผูโ งเขลายอมสะดงุ บคุ คลผสู ะดงุ ยอมยดึ ม่นั ภพจงึ เกิดเพราะอปุ าทานเปนปจ จัยแกบุคคลนั้น ฉะนนั้ จงึ ทรงถือเอาแมต ณั หา อปุ าทาน และภพดวย เพราะเหตุนน้ั พระธรรมเสนาบดสี ารบี ุตรจงึ กลาววา โมหะคืออวิชชา กรรมที่ประกอบคอื สงั ขาร ความใครค ือตัณหา การเขาถงึ คืออปุ าทาน เจตนาคือภพ ธรรมท้ัง ๕ เหลาน้ใี นกรรมภพกอ น เปนปจจัยแกป ฏสิ นธิในภพน.้ี ในคําเหลาน้นัคําวา ในกรรมภพกอ น ไดแ ก กรรมภพทีเ่ กดิ กอ น คือ กรรมภพทีท่ าํไวใ นอดีตชาติ. คําวา โมหะคืออวิชชา อธิบายวา โมหะ (ความหลง)ในสัจจะมีทกุ ขเปน ตน ในกาลนนั้ อันใด สตั วน ้นั หลงแลวยอมทํากรรมดวยโมหะใด น้ันเปนอวชิ ชา. คาํ วา กรรมทป่ี ระกอบคือสงั ขาร ไดแ กเจตนาแรกของบคุ คลผทู ํากรรมน้ัน เหมอื นการยงั จติ ใหเกิดข้ึนดวยอนั คิควาเราจกั ถวายทาน แลว จัดแจงอยูซง่ึ อุปกรณแ หงการใหทานหนง่ึ เดอื นบา งหน่ึงปบ า ง ก็เจตนาของบุคคลทีย่ ังทกั ษิณาใหต ั้งขึน้ ในมอื ของปฏคิ าหกทง้ั หลายทานเรยี กวา ภพ. อีกอยา งหนึง่ เจตนาในชวนะ ๖ ซ่งึ มอี าวัชชนะเดยี วกันชือ่ วาอายหุ นสังขาร (กรรมที่ประกอบคอื สงั ขาร) เจตนาดวงที่ ๗ ชอ่ื วา ภพอน่งึ เจตนาอยา งใดอยางหน่ึง ชอื่ ภพ ธรรมท่ีสัมปยุตดว ยเจตนานั้น ชือ่ วา
พระอภิธรรมปฎก วภิ งั ค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 561อายหุ นสงั ขาร. คําวา ความใคร คือตัณหา ความวา ความใคร คอืความปรารถนาในอุปปตตภิ พซ่งึ เปนผลของบุคคลผูท าํ กรรมอยูน้นั ชื่อวาตัณหา. คําวา ความเขาถงึ คืออุปาทาน ความวา การเขา ถึง การยึดการถือ ทเ่ี ปน ไปโดยนัยมอี าทวิ า \"เราทํากรรมน้ใี หเ ปนปจ จัยแกภ พแลว จกัเสพกามในฐานะชือ่ โนน จักขาดสูญ\" ดงั นี้ อนั ใด นช้ี อื่ วา อุปาทาน.คําวา เจตนาคอื ภพ ไดแก เจตนาทีเ่ ปนไปในทสี่ ดุ แหงกรรมที่ประกอบชือ่ วา ภพ พึงทราบเน้อื ความน้ีดวยประการฉะน้ี. คําวา ในปจ จุบนั มีผล ๕ ไดแก ภวจักรมีวญิ ญาณเปนตนมีเวทนาเปนทีส่ ุดมาในพระบาลนี นั้ แหละ เหมือนอยา งที่พระธรรมเสนาบดสี ารีบตุ รกลา ววา ในอุปปต ติภพน้ี ปฏสิ นธคิ ือวิญญาณ ๑ ความกา วลงคือนามรปู ๑ประสาทคืออายตนะ ๑ ความถูกตองคือผัสสะ ๑ ความเสวยอารมณค ือเวทนา ๑ธรรมท้งั ๕ เหลา นี้ เปนปจจัยแกก รรมทีท่ าํ แลว กอ นในอปุ ปต ตภิ พน้ี ดวยประการฉะน.ี้ ในธรรม ๕ นน้ั คาํ วา ปฏสิ นธคิ ือวิญญาณ ทีท่ า นกลา ววาช่อื วา ปฏิสนธิ เพราะความเกดิ ขึน้ ดวยอาํ นาจความสืบตอ ในภพอื่น ดังนี้อนั ใด นนั้ ช่อื วา วิญญาณ. คําวา การกา วลงคอื นามรปู ความวา การหยั่งในครรภของรูปธรรมและอรปู ธรรมเปนเหมอื นมาแลวเขา ไป อันใดน้ีเรยี กวา นามรูป. คาํ วา ประสาทคืออายตนะ น้ี กลา วไวด ว ยอํานาจอายตนะ ๕ มีจักขวายตนะเปนตน. คําวา การถูกตองคือผัสสะ ไดแ กการถูกตอ งแลว หรอื กาํ ลงั ถกู ตอ งซง่ึ อารมณ อนั ใด นีเ้ รยี กวา ผัสสะ.คําวา ความเสวยอารมณ คือเวทนา ไดแ ก การเสวยวิบากซง่ึ เกดิ ข้ึนพรอมกบั ปฏิสนธวิ ญิ ญาณ หรือผสั สะทม่ี สี ฬายตนะเปน ปจจยั อันใด น้ันเรยี กวาเวทนา พึงทราบเนือ้ ความน้ี ดวยประการฉะน้ี.
พระอภิธรรมปฎ ก วภิ ังค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ท่ี 562 คําวา ในปจจบุ ันมีเหตุ ๕ ไดแ ก เหตทุ ้ังหลายมตี ณั หาเปน ตนมาแลวในพระบาลีน้ันแหละ คอื ตัณหา อุปาทาน และภพ ก็เมอ่ื ถอื เอาภพแลวก็เปน อนั ถอื สังขารอันเปน บพุ ภาคแหง ภพนัน้ หรอื ธรรมอันสมั ปยุตดวยภพนน้ัเหมอื นกัน และดว ยการถอื เอาตัณหาและอปุ าทาน กเ็ ปนอนั ถอื เอาอวชิ ชาอันสมั ปยุตดวยตัณหาและอปุ าทานนั้น หรือวาเปน เหตุใหค นผูห ลงทาํ กรรมน้นัเพราะฉะนัน้ องคแ หงภวจักรนั้น จงึ เปน ๕ ดว ยประการฉะน้ี ดวยเหตุน้ันพระธรรมเสนาบดสี ารีบตุ รจงึ กลาววา เพราะความทีอ่ ายตนะทงั้ หลายในโลกน้ีแกห งอ มแลว โมหะคืออวิชชา กรรมทีป่ ระกอบคอื สังขาร ความใครค อื ตณั หาการเขาถงึ คืออุปาทาน เจตนาคือภพ ธรรม ๕ ประการเหลาน้ี ดังกลาวนีใ้ หภพนีเ้ ปนปจ จยั แกปฏิสนธวิ ิญญาณในอนาคต ดงั น้.ี ในบรรดาคําเหลา นน้ั คาํ วาเพราะความท่อี ายตนะทัง้ หลายในโลกน้แี กห งอมแลว นัน้ แสดงบคุ คลผหู ลงใหลในเวลาทํากรรมของสตั วผูมอี ายตนะหงอมแลว. คาํ ทีเ่ หลือมีเนือ้ ความตน ทง้ั น้ัน. คําวา ในอนาคตมีผล ๕ ไดแก ผล ๕ มวี ญิ ญาณเปน ตน. ผล ๕มวี ญิ ญาณเปนตนนัน้ ขาพเจา กลาวไวดวยศพั ทวา ชาติ สว นชรามรณะก็เปน ชรา-มรณะของผล ๕ มีวิญญาณเปนตนเหลา นน้ั แหละ ดวยเหตนุ น้ั พระธรรมเสนาบดสี ารีบุตรจึงกลาววา ในอนาคต ปฏิสนธคิ ือวิญญาณ ความกาวลงคอืนามรูป ประสาทคืออายตะ การถูกตอ งคอื ผสั สะ การเสวยอารมณคอื เวทนาธรรมท้ัง ๕ เหลา นี้ ดงั กลา วนีใ้ นอปุ ปต ตภิ พในอนาคตเปน ปจจัยแกกรรมท่ที าํไวแลวในภพน้ี ดงั น้ี. ภวจกั รน้ีมีอาการ ๒๐ ดวยประการฉะนี.้
พระอภธิ รรมปฎก วิภงั ค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 563 บรรดาภวจกั รมีอาการ ๒๐ เหลานัน้ ในภพกอนมีองคประกอบ คอืกรรม (ท่เี ปน เหตุ) ๕ อยาง ในปจ จบุ ันมีธรรมท่ีเปนวิบาก ๕ อยาง ในปจ จบุ ันมอี งคป ระกอบคอื กรรม ๕ อยาง ในอนาคตมีธรรมทีเ่ ปนวบิ าก ๕ อยา งเพราะฉะน้ัน จงึ รวมเปน ธรรมทเ่ี ปนกรรม ๑๐ อยาง เปนวิบาก ๕ อยางดว ยอาการท่กี ลา ว กรรมในฐานะทั้งสองจงึ ช่อื วา กรรม วบิ ากในฐานะทง้ั สองชื่อวา วบิ าก ภวจักรแมท้ังหมดนเี้ ปนท้ังกรรมเปนท้งั วบิ ากของกรรม หมนุ ไปโดยปจ จยาการ ดว ยประการฉะน้.ี อนึง่ กรรมในฐานะทั้ง ๒ ช่อื วา กรรมสังเขป (ยอกรรม) วิบากในฐานะทั้ง ๒ น้ี ช่อื วา วปิ ากสงั เขป (ยอ วิบาก) เพราะฉะน้นั ภวจกั รท้ังหมดน้ี จึงเปน ทง้ั กรรมวฏั และวปิ ากวัฏ. อน่ึง กรรมในฐานะท้ัง ๒ชื่อวา กรรมภพ วบิ ากในฐานะทั้ง ๒ ชื่อวา วิปากภพ เพราะฉะน้ันภวจักรทั้งหมดน้ี จึงเปน ทง้ั กรรมภพ และวปิ ากภพ. กรรมในฐานะทงั้ ๒ชอ่ื วา กรรมปวัตตะ วิบากในฐานะทัง้ ๒ ชื่อวา วปิ ากปวัตตะ เพราะฉะน้นั ภวจักรท้ังหมดน้ี จึงเปน ทั้งกรรมสนั ตติและวิปากสนั ตติ อนึ่ง กรรมในฐานะทงั้ ๒ ช่อื วา กรรมสนั ตติ วิปากในฐานะทัง้ ๒ ช่อื วา วิปากสนั ตติเพราะฉะน้ัน ภวจักรทั้งหมดน้ี จึงเปน ทัง้ กรรมสนั ตติและวปิ ากสนั ตติ อน่ึงกรรมในฐานะท้งั ๒ ช่อื วา กิริยา วบิ ากในฐานะท้ัง ๒ ช่ือวา ผลของกิริยาเพระฉะนนั้ ภวจักรท้งั สิน้ น้ี จงึ เปน ทัง้ กิริยาและผลของกริ ิยา ดว ยประการฉะน้ี.
พระอภิธรรมปฎ ก วิภงั ค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาท่ี 564 ภวจักรน้เี กดิ ขึ้นพรอมแลวประกอบ ดว ยเหตุ เปน ทกุ ข ไมเ ทย่ี ง มคี วามหวน่ั ไหว เปลีย่ นแปลง ไมยง่ั ยนื ธรรมท้ังหลาย ยอ ม เกดิ แตธรรมทงั้ หลาย โดยความเปนเหตุ เพราะในธรรมเหลา น้ีหาตวั ตน และคนอืน่ มไิ ด. ธรรมและอธรรม ยอมยงั ธรรมและ อธรรม ใหเกดิ ข้นึ เอง เพราะปจ จยั คอื เหตุ เปน องคป ระกอบ กพ็ ระธรรมอันพระพุทธ- เจา ทรงแสดงไว เพอื่ ความดบั ซ่งึ เหตุ ทัง้ หลาย. เม่ือเหตุท้ังหลายดับแลว วฏั ฏะกข็ าด ไมห มุนเวยี น ผูประพฤติพรหมจรรยใน พระธรรมวินยั นี้ ยอ มมเี พ่ือทําซึ่งทีส่ ุดแทง ทุกข ดวยประการฉะน้ี อนึ่ง เม่ือคน หา ความเปนสัตวไมไ ด ความขาดสญู และความ ยงั่ ยนื ก็ยอ มไมมี. ก็ในคาํ วา วฏั ฏะ ๓ ยอมหมุนไปไมมกี าํ หนด นี้ อธบิ ายวาภวจักรนม้ี ีวฏั ฏะ ๓ ดว ยวัฏฏะ ๓ เหลาน้ัน คือ \"สงั ขารและภพ เปนกรรมวัฏอวิชชา ตณั หา อุปาทาน เปนกิเลสวัฏ วิญญาณ นามรปู สฬาตนะผัสสะ และเวทนา เปนวิปากวฏั \" พึงทราบวา ยอมหมุนไปโดยการหมนุ ไป
พระอภิธรรมปฎ ก วิภงั ค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 565รอบบอย ๆ ชอื่ วา ไมม ีกาํ หนดเพราะมีปจ จยั ไมข าดสายตลอดเวลาท่กี เิ ลสวฏัยังไมขาดทีเดียว. ภวจักรน้ี เมือ่ หมนุ อยางนี้ พึงทราบ โดยความเปน สัจจะ และ เปนแดนเกดิ แหงสจั จะ ๑ โดยกิจ ๑ โดยการ หา ม ๑ โดยการอุปมา โดยประเภทแหง ความ ลกึ ซึง้ ๑ โดยประเภทแหง นยั ๑ ตามควร. พงึ ทราบโดยความเปน สัจจะและเปน แดนเกดิ ในคาถานัน้ เพราะคาํ ทีต่ รัสไวใ นสจั จวิภงั คว า \" กุศลและอกุศลกรรมเปน สมทุ ยสัจจะ โดยไมแ ปลกกัน \" ดงั น้ี ฉะนน้ั คาํ วา อวชิ ฺชาปจจฺ ยาสงขฺ ารา ดังนี้ ไดแก สงั ขารทงั้ หลายเกดิ เพราะอวิชชา จดั เปน สัจจะที่ ๒ มีสัจจะท่ี ๒ เปนแดนเกดิ . วญิ ญาณเกิดแตสังขารท้ังหลาย จัดเปนสัจจะที่ ๑มีสัจจะ ๒ เปนแดนเกดิ . นามรปู เปนตนมวี ปิ ากเวทนาเปน ที่สดุ เกิดเพราะวญิ ญาณเปน ตน จดั เปนสัจจะที่ ๑ มีสัจจะท่ี ๑ เปน แดนเกดิ ตัณหาเกดิแตเ วทนา จดั เปนสจั จะท่ี ๒ มสี จั จะที่ ๑ เปน แดนเกดิ . อปุ าทานเกิดแตตณั หา จัดเปน สัจจะท่ี ๒ มสี ัจจะท่ี ๒ เปน แดนเกดิ . ภพเกดิ แตอุปาทานจดั เปน สัจจะท้งั ๒ คอื ท่ี ๑ และท่ี ๒ เกดิ แตสจั จะท่ี ๒ เปนแดนเกดิ . ชาตเิ กดิแตภ พ จดั เปน สจั จะท่ี ๑ เกิดแตสัจจะท่ี ๒. ชรามรณะเกิดแตชาติ จดั เปนสจั จะท่ี ๑ มีสจั จะที่ ๑ เปนแดนเกดิ . ภวจกั รน พงึ ทราบโดยเปนสัจจะและเปน แดนเกดิ ตามควร ดังพรรณนามาฉะน้ีกอ น.
พระอภิธรรมปฎก วภิ งั ค เลม ๒ ภาค ๑ - หนาที่ 566 พึงทราบภวจกั รโดยกิจ อน่งึ เพราะในภวจกั รนี้ อวิชชายอ มยงั เหลาสัตวใหห ลงใหลในวัตถุท้ังหลาย และยอมเปนปจจัย เพราะความปรากฏแหงสงั ขารทงั้ หลาย อน่ึงสงั ขารท้งั หลายยอ มปรุงแตงสังขตธรรม และยอ มเปนปจ จยั แกว ญิ ญาณ. แมวิญญาณก็ยอ มรูชัดซงึ่ วตั ถุ และยอมเปน ปจ จัยแกนามรปู . แมนามรูปก็อุปถัมภซง่ึ กนั และกนั และยอมเปน ปจ จัยแกส ฬายตนะ. แมส ฬายตนะกย็ อ มเปน ไปในวิสัยของตน และยอ มเปนปจ จัยแกผสั สะ. แมผ ัสสะกถ็ ูกตอ งซง่ึ อารมณ และยอ มเปนปจจัยแกเวทนา. แมเวทนากเ็ สวยซง่ึ รสอารมณ และยอมเปน ปจ จัยแกต ณั หา. แมต ณั หากก็ ําหนัดในธรรมอนั เปนที่ต้งั แหงความกําหนดั และยอมเปนปจ จยั แกอ ุปาทาน. แมอ ุปาทานกย็ ึดถือธรรมอนั เปน ท่ตี ้งั แหงความยดึ ถือ และยอ มเปน ปจจยั แกภพ. แมภ พก็สบั สนไปในคติตา ง ๆ และยอมเปนปจ จัยแกช าต.ิ แมช าตกิ ย็ งั ขันธทง้ั หลายใหเ กิด เพราะขันธเหลานัน้ เปน ไปดว ยภาวะคือความเกดิ โดยเฉพาะ และยอมเปนปจ จัยแกช รามรณะ. แมชรามรณะก็ต้ังอยูเ ฉพาะซึ่งความแกแ ละความแตกแหงขนั ธทั้งหลาย และยอมเปนปจจยั แกความปรากฏในภพอ่นื เพราะความทีข่ นั ธท้ังหลายเปนที่รองรบั ความโศกเปน ตนฉะน้ัน ภวจกั รนี้ บัณฑิตพงึ ทราบแมโ ดยกิจอนั เปนไป ๒ อยา ง ในบทท้ังปวงตามสมควร. พงึ ทราบภวจักรโดยการหาม อนงึ่ เพราะในภวจักรนี้ ค ววา \"สังขารท้ังหลายเกดิ เพราะอวิชชาเปน ปจจยั \" ดงั น้ี เปน การหา มความเหน็ วามผี ูส ราง. คําวา วญิ ญาณ
พระอภิธรรมปฎก วิภงั ค เลม ๒ ภาค ๑ - หนา ที่ 567เกดิ เพราะสงั ขารเปนปจ จัย นเ้ี ปน การหา มความเหน็ วาอัตตาเคล่ือนจากท่ี(หนึ่งไปทหี่ นึ่ง) ได. คําวา นามรูปเกิดเพราะวญิ ญาณเปน ปจ จัย นี้เปน การหามความสําคัญวา เปน กอย เพราะเหน็ การแตกไปแหงวัตถทุ กี่ าํ หนดกนั วา มีอัตตา. ในคําวา สฬายตนะเกิดเพราะนานรปู เปนปจ จัย ดังน้ีเปนตน เปนการหามความเหน็ มีอาทิอยา งนวี้ า อัตตายอมเหน็ ฯลฯ ยอ มรูยอมถูกตอ ง ยอ มเสวย ยอมยึด ยอ มถอื ม่นั ยอ มมี ยอมเกิด ยอ มแกยอ มตาย\" ดงั นี้ ฉะน้นั พงึ ทราบภวจักรแมน โ้ี ดยการหามความเหน็ ผดิตามควรเถิด. พงึ ทราบภวจกั รโดยการอปุ มา กเ็ พราะในภวจกั รนี้ อวิชชาเปรยี บเหมอื นคนบอด เพราะไมเ หน็ ธรรมทงั้ หลาย ดว ยสามารถแหงสภาวลักษณะและสามญั ลักษณะ. สังขารทัง้ หลายทีเ่ กิดเพราะอวชิ ชาเปน ปจ จยั เปรียบเหมือนการล่ืนถลาของของคนบอด. วญิ ญาณท่ีเกดิ เพราะสังขารเปนปจ จัย เปรยี บเหมอื นการลม ของคนบอดผลู น่ื ถลานามรูปท่เี กดิ เพราะวญิ ญาณเปนปจ จัย เปรยี บเหมือนความปรากฏแผลฝของคนบอดท่ลี มแลว . สฬายตนะท่เี กิดเพราะนามรปู เปนปจ จัย เปรยี บเหมือนตอ มทแี่ ตกของหวั ฝ. ผัสสะทเี่ กิดเพราะสฬายเปน ปจ จยั เปรียบเหมือนการกระทบกบั หวั ฝ . เวทนาทเ่ี กิดเพราะผัสสะเปนปจจัย เปรยี บเหมือนความไมส บาย (ทกุ ข) เพราะการกระทบ. ตัณหาทเ่ี กิดเพราะเวทนาเปนปจจัยเปรยี บเหมอื นผตู อ งการบําบดั ทกุ ข. อปุ าทานท่เี กิดเพราะตณั หาเปน ปจ จยัเปรยี บเหมอื นการถือเอาเภสชั ทเ่ี ปน อสัปปายะมาโดยปรารถนาจะบาํ บัดโรค.
Search
Read the Text Version
- 1
- 2
- 3
- 4
- 5
- 6
- 7
- 8
- 9
- 10
- 11
- 12
- 13
- 14
- 15
- 16
- 17
- 18
- 19
- 20
- 21
- 22
- 23
- 24
- 25
- 26
- 27
- 28
- 29
- 30
- 31
- 32
- 33
- 34
- 35
- 36
- 37
- 38
- 39
- 40
- 41
- 42
- 43
- 44
- 45
- 46
- 47
- 48
- 49
- 50
- 51
- 52
- 53
- 54
- 55
- 56
- 57
- 58
- 59
- 60
- 61
- 62
- 63
- 64
- 65
- 66
- 67
- 68
- 69
- 70
- 71
- 72
- 73
- 74
- 75
- 76
- 77
- 78
- 79
- 80
- 81
- 82
- 83
- 84
- 85
- 86
- 87
- 88
- 89
- 90
- 91
- 92
- 93
- 94
- 95
- 96
- 97
- 98
- 99
- 100
- 101
- 102
- 103
- 104
- 105
- 106
- 107
- 108
- 109
- 110
- 111
- 112
- 113
- 114
- 115
- 116
- 117
- 118
- 119
- 120
- 121
- 122
- 123
- 124
- 125
- 126
- 127
- 128
- 129
- 130
- 131
- 132
- 133
- 134
- 135
- 136
- 137
- 138
- 139
- 140
- 141
- 142
- 143
- 144
- 145
- 146
- 147
- 148
- 149
- 150
- 151
- 152
- 153
- 154
- 155
- 156
- 157
- 158
- 159
- 160
- 161
- 162
- 163
- 164
- 165
- 166
- 167
- 168
- 169
- 170
- 171
- 172
- 173
- 174
- 175
- 176
- 177
- 178
- 179
- 180
- 181
- 182
- 183
- 184
- 185
- 186
- 187
- 188
- 189
- 190
- 191
- 192
- 193
- 194
- 195
- 196
- 197
- 198
- 199
- 200
- 201
- 202
- 203
- 204
- 205
- 206
- 207
- 208
- 209
- 210
- 211
- 212
- 213
- 214
- 215
- 216
- 217
- 218
- 219
- 220
- 221
- 222
- 223
- 224
- 225
- 226
- 227
- 228
- 229
- 230
- 231
- 232
- 233
- 234
- 235
- 236
- 237
- 238
- 239
- 240
- 241
- 242
- 243
- 244
- 245
- 246
- 247
- 248
- 249
- 250
- 251
- 252
- 253
- 254
- 255
- 256
- 257
- 258
- 259
- 260
- 261
- 262
- 263
- 264
- 265
- 266
- 267
- 268
- 269
- 270
- 271
- 272
- 273
- 274
- 275
- 276
- 277
- 278
- 279
- 280
- 281
- 282
- 283
- 284
- 285
- 286
- 287
- 288
- 289
- 290
- 291
- 292
- 293
- 294
- 295
- 296
- 297
- 298
- 299
- 300
- 301
- 302
- 303
- 304
- 305
- 306
- 307
- 308
- 309
- 310
- 311
- 312
- 313
- 314
- 315
- 316
- 317
- 318
- 319
- 320
- 321
- 322
- 323
- 324
- 325
- 326
- 327
- 328
- 329
- 330
- 331
- 332
- 333
- 334
- 335
- 336
- 337
- 338
- 339
- 340
- 341
- 342
- 343
- 344
- 345
- 346
- 347
- 348
- 349
- 350
- 351
- 352
- 353
- 354
- 355
- 356
- 357
- 358
- 359
- 360
- 361
- 362
- 363
- 364
- 365
- 366
- 367
- 368
- 369
- 370
- 371
- 372
- 373
- 374
- 375
- 376
- 377
- 378
- 379
- 380
- 381
- 382
- 383
- 384
- 385
- 386
- 387
- 388
- 389
- 390
- 391
- 392
- 393
- 394
- 395
- 396
- 397
- 398
- 399
- 400
- 401
- 402
- 403
- 404
- 405
- 406
- 407
- 408
- 409
- 410
- 411
- 412
- 413
- 414
- 415
- 416
- 417
- 418
- 419
- 420
- 421
- 422
- 423
- 424
- 425
- 426
- 427
- 428
- 429
- 430
- 431
- 432
- 433
- 434
- 435
- 436
- 437
- 438
- 439
- 440
- 441
- 442
- 443
- 444
- 445
- 446
- 447
- 448
- 449
- 450
- 451
- 452
- 453
- 454
- 455
- 456
- 457
- 458
- 459
- 460
- 461
- 462
- 463
- 464
- 465
- 466
- 467
- 468
- 469
- 470
- 471
- 472
- 473
- 474
- 475
- 476
- 477
- 478
- 479
- 480
- 481
- 482
- 483
- 484
- 485
- 486
- 487
- 488
- 489
- 490
- 491
- 492
- 493
- 494
- 495
- 496
- 497
- 498
- 499
- 500
- 501
- 502
- 503
- 504
- 505
- 506
- 507
- 508
- 509
- 510
- 511
- 512
- 513
- 514
- 515
- 516
- 517
- 518
- 519
- 520
- 521
- 522
- 523
- 524
- 525
- 526
- 527
- 528
- 529
- 530
- 531
- 532
- 533
- 534
- 535
- 536
- 537
- 538
- 539
- 540
- 541
- 542
- 543
- 544
- 545
- 546
- 547
- 548
- 549
- 550
- 551
- 552
- 553
- 554
- 555
- 556
- 557
- 558
- 559
- 560
- 561
- 562
- 563
- 564
- 565
- 566
- 567
- 568
- 569
- 570
- 571
- 572
- 573
- 574
- 575
- 576
- 577
- 578
- 579
- 580
- 581
- 582
- 583
- 584
- 585
- 586
- 587
- 588
- 589
- 590
- 591
- 592
- 593
- 594
- 595
- 596
- 597
- 598
- 599
- 600
- 601
- 602
- 603
- 604
- 605
- 606
- 607
- 608
- 609
- 610
- 611
- 612
- 613
- 614
- 615
- 616
- 617
- 618
- 619
- 620
- 621
- 622
- 623
- 624
- 625
- 626
- 627
- 628
- 629
- 630
- 631
- 632
- 633
- 634
- 635
- 636
- 637
- 638
- 639
- 640
- 641
- 642
- 643
- 644
- 645
- 646
- 647
- 648
- 649
- 650
- 651
- 652
- 653
- 654
- 655
- 656
- 657
- 658
- 659
- 660
- 661
- 662
- 663
- 664
- 665
- 666
- 667
- 668
- 669
- 670
- 671
- 672
- 673
- 674
- 675
- 676
- 677
- 678
- 679
- 680
- 681
- 682
- 683
- 684
- 685
- 686
- 687
- 688
- 689
- 690
- 691
- 692
- 693
- 694
- 695
- 696
- 697
- 698
- 699
- 700
- 701
- 702
- 703
- 704
- 705
- 1 - 50
- 51 - 100
- 101 - 150
- 151 - 200
- 201 - 250
- 251 - 300
- 301 - 350
- 351 - 400
- 401 - 450
- 451 - 500
- 501 - 550
- 551 - 600
- 601 - 650
- 651 - 700
- 701 - 705
Pages: